อะแมนดา ไซเฟร็ด

5 ผลงานสุดจึ้งของ อะแมนดา ไซเฟร็ด นักแสดงมากฝีมือ

Alternative Textaccount_circle
อะแมนดา ไซเฟร็ด
อะแมนดา ไซเฟร็ด

และนี่คือ 5 บทบาทที่ยอดเยี่ยมที่สุดในชีวิาต ของ อะแมนดา ไซเฟร็ด (Amanda Seyfried) นักแสดงสาวมากฝีมือก่อนถ่ายทอดบทบาทที่เจ็บที่สุด! ในผลงานกระฉ่อนโลก “Seven Veils ล้วงลับเวทีลวง”

Mean Girls (2004)

อะแมนดา ไซเฟร็ด

ผลงานแจ้งเกิดของอะแมนดา ในบท “คาเรน สมิธ” สาวสุดน่ารักแต่ไม่ค่อยทันคน ลูกสมุนหนึ่งในแก๊ง “พลาสติก” แก๊งสาวสวยสุดแสบ ที่ฮอตที่สุดในโรงเรียน การแสดงของเธอทำให้ตัวละคร “คาเรน” กลายเป็นที่จดจำด้วยความไร้เดียงสาและกลายเป็นไอคอนนิคที่ถูกนำมาพูดถึงบ่อยๆ Mean Girls เป็นภาพยนตร์วัยรุ่น คอมเมดี้ พูดถึงชีวิตวัยรุ่นและการรับมือกับความท้าทายในโรงเรียนที่เต็มไปด้วยการกลั่นแกล้งและการแย่งชิงอำนาจในหมู่สาวๆ

Mama Mia (2008)

ภาพยนตร์มิวสิคัลที่เล่าเรื่องราวความรักและครอบครัว ผ่านบทเพลงสุดฮิตของวงดนตรีระดับตำนานอย่าง “ABBA” ในภาพยนตร์เรื่องนี้ อะแมนดา รับบทเป็น “โซฟี” สาวน้อยที่กำลังจะเข้าพิธีวิวาห์แต่เธอมีภารกิจตามหาคุณพ่อตัวจริงเพื่อที่จะมาส่งเธอเข้าประตูวิวาห์ เธอจึงส่งจดหมายถึงชายสามคนที่เป็นรักครั้งเก่าของแม่และมีแนวโน้มว่าจะเป็นพ่อของเธอ ภาพยนตร์เรื่องนี้อบอวลด้วยความรักและความเข้าใจรวมกับการแสดงของ อะแมนดา ที่เต็มไปด้วยความสดใสและเสียงร้องสุดไพเราะถือเป็นอีกหนึ่งผลงานที่เธอได้โชว์เสน่ห์และความสามารถของออกมาได้แบบไม่มีกั๊ก

Chloe (2010)

อะแมนดา ไซเฟร็ด

ครั้งแรกกับการพลิกบทบาทของ อะแมนดา เพื่อรับบทเป็น “โคลอี้” สาวสวยที่ยอมใช้ร่างกายตัวเองเพื่อให้ได้ครอบครองในทุกสิ่งที่ต้องการ แม้ภายนอกเธอจะดูเป็นเด็กสาวไร้เดียงสา น่าทะนุถนอม แต่ความจริงแล้ว เธอฉลาดเป็นกรด ทั้งยังรู้วิธีที่จะทำให้ผู้คนหลงอยู่ภายใต้ภวังค์ของเธอจนโงหัวไม่ขึ้น “Chloe โคลอี้ เธอซ่อนร้าย” เล่าเรื่องราวของ “แคทธาลีน” (จูลี่แอนน์ มัวร์) สาวเก่ง ที่เริ่มไม่ไว้ใจสามีเธอจึงจ้าง “โคลอี้ เอสคอร์ท” (อะแมนดา ไซเฟร็ด) สาวสวยมายั่วยวนเพื่อทดสอบสามีของเธอ แต่การมาของ “โคลอี้” ได้ทำให้ “แคทธาลีน” หลงเข้าสู่ความเร่าร้อนและ ตัณหา ที่พาเธอเขาสู่การปั่นหัวและเสน่ห์อันร้ายกาจเกินห้ามใจ ด้วยการแสดงของ อะแมนดา ทำให้ “โคลอี้” กลายเป็นตัวละครที่มีความลึกลับและดึงดูดสายตา เธอเล่นบทนี้ได้อย่างมีเสน่ห์และท้าทายสุดๆ

Mank (2020)

ผลงานการแสดงที่ส่งให้ อะแมนดา ได้มีชื่อเข้าชิงรางวัลออสการ์ โดยภาพยนตร์เรื่องนี้เล่าเรื่องราวชีวประวัติของนักเขียนบทคนสำคัญของฮอลลีวูด ในยุคทองช่วงทศวรรษที่1930 “เฮอร์แมน เจ แมงคีวิกซ์ หรือ “แมงค์” นักเขียนบท ติดเหล้าฝีปากกล้าในช่วงที่เขาต้องเร่งเขียนบท “Citizen Kane” ให้เสร็จ ภาพยนตร์เรื่องนี้ อะแมนด้า รับบทเป็น “แมเรียน เดวีส์” คอรัสสาวที่กลายมาเป็นนางเอกแถวหน้า ด้วยการผลักดันของ “วิลเลียม แรนดอล์ฟ เฮิร์สต์” (ชาร์ลส์ แดนซ์) ซึ่งเป็นชู้รักของเธอ แต่กระนั้นเธอก็พยายามพิสูจน์ความสามารถและพร้อมสู้เพื่อจุดยืนของตนเองในโลกที่เต็มไปด้วยการบงการจุ้นจ้านของเหล่าชายหนุ่ม และ การเมืองในวงการบันเทิง

Seven Veils (2025)

Seven Veils ภาพยนตร์ที่ได้รับแรงบันดาลใจจากบทละครโอเปร่ากระฉ่อนวงการอย่าง ‘Salome’ ภายใต้การเขียนบทและกำกับของ “อะตอม อีโกยัน” ผู้กำกับที่ช่ำชองการขุดคุ้ยตัวตน และสำรวจจิตใจของมนุษย์ผ่านการเล่าเรื่องสุดซับซ้อน เมื่อ ฌานีน (อะแมนดา) ผู้กำกับละครเวทีที่ได้รับมอบหมายให้นำโอเปร่าเรื่อง “Salome” ของอดีตอาจารย์และคนรักของเธอกลับมาจัดแสดงอีกครั้ง แต่เมื่อเธอกลับเข้าสู่วงการละครเวที บาดแผลในอดีตก็เริ่มตามหลอกหลอน ยิ่งถลำลึกในการสร้างสรรค์โอเปร่าเรื่องนี้มากเท่าไหร่ เธอก็ยิ่งต้องเผชิญหน้ากับความเจ็บปวดที่คุกคามชีวิตจนไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป ภาพยนตร์เรื่องนี้ยังเป็นการกลับมาร่วมงานกันอีกครั้งของ “อะตอม อีโกยัน” และ “อะแมนดา ไซเฟร็ด” ในรอบ 15 ปี โดย อีโกยันได้กล่าวว่า ตลอดการเขียนบทภาพยนตร์เรื่องนี้เขามี อะแมนดา อยู่ในใจมาตลอด

ควีนเลติเซีย

พาวเวอร์สูทแบบราชวงศ์! ควีนเลติเซีย กับสไตล์ที่สะกดทุกสายตา

account_circle
ควีนเลติเซีย
ควีนเลติเซีย

สมเด็จพระราชินีเลติเซีย หรือ ควีนเลติเซีย แห่งสเปน สะกดทุกสายตาด้วยลุคพาวเวอร์สูทที่มีกลิ่นอายของเสื้อผ้าบุรุษ ในงานวันโรคหายาก (World Rare Disease Day) ซึ่งจัดขึ้นที่กรุงมาดริดเมื่อวันอังคารที่ผ่านมา

(Photo by Carlos Alvarez/Getty Images)

สำหรับงานนี้ พระองค์เลือกสวมสูทลายทาง (Pinstripe) ที่มีรายละเอียดแบบแมสคิวลีน โดยตัวกางเกงเป็นทรงขากว้าง ตัดเย็บจากผ้าสีเข้มที่มีลายเส้นสีขาวบาง ๆ ขณะที่เสื้อเบลเซอร์กระดุมสองแถวเข้าชุดกัน มีดีเทลกระเป๋าซ้อนกันและปกเสื้อทรงคมชัด

เสริมความเท่ด้วยเสื้อเชิ้ตสีขาวและเนกไทสีดำที่ผูกเป็นปมอย่างเนี้ยบ ทำให้ลุคนี้โดดเด่นด้วยการผสมผสานระหว่างสไตล์แมสคิวลีนและพาวเวอร์สูทอย่างลงตัว

(Photo by Carlos Alvarez/Getty Images)

ในส่วนของเครื่องประดับ ควีนเลติเซียเลือกสวมต่างหูสตั๊ดเรียบง่าย ไม่แย่งซีนจากชุดหลัก ส่วนเมกอัพก็เสริมความคมเข้มด้วยคิ้วที่ดูโดดเด่น อายแชโดว์สโมกกี้อาย และลิปกลอสที่เพิ่มความเงางามให้กับลุค ขณะที่ทรงผมปล่อยลอนอ่อน ๆ เพิ่มเสน่ห์ให้กับลุคโดยรวม

นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ควีนเลติเซียหยิบพาวเวอร์สูทมาปรับลุคให้มีมิติใหม่ ๆ ก่อนหน้านี้พระองค์เคยสวมสูทสามชิ้นจาก Mango ในการเข้าร่วมประชุมของมูลนิธิ FAD Youth Foundation (องค์กรต่อต้านการใช้ยาเสพติด) ซึ่งเป็นชุดเดียวกับที่เคยใส่เมื่อเดือนพฤศจิกายน 2024

(Photo By Jose Oliva/Europa Press via Getty Images)

นอกจากนี้ ควีนเลติเซียยังเคยเลือกสูทสั่งตัดจากแบรนด์สัญชาติสเปน Bleis Madrid ในโทนสีเบอร์กันดี เพื่อร่วมเฉลิมฉลองครบรอบ 50 ปี โรงพยาบาลแห่งชาติเพื่อผู้ป่วยอัมพาต เมื่อวันที่ 12 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา

ในโลกของราชวงศ์ ‘พาวเวอร์สูท’ กลายเป็นแฟชั่นไอเท็มที่ได้รับความนิยมอย่างแพร่หลาย ต้องขอบคุณเจ้าหญิงไดอานา ผู้บุกเบิกสไตล์ร่วมสมัยให้กับราชวงศ์อังกฤษ ซึ่งยังคงเป็นแรงบันดาลใจให้กับสมาชิกราชวงศ์ยุคใหม่ เช่น เจ้าหญิงเคท มิดเดิลตัน และควีนเลติเซีย ที่ต่างนำเสนอสไตล์พาวเวอร์สูทในแบบฉบับของตนเอง ไม่ว่าจะเป็นดีเทลแบบเสื้อผ้าบุรุษหรือการเพิ่มลูกเล่นที่เป็นเอกลักษณ์


โชคดีแบบมีสไตล์ CASETiFY และ RAVIPA ผนึกพลังบวก ออกคอลเล็คชั่น Positivity In Your Hand

โชคดีแบบมีสไตล์ CASETiFY และ RAVIPA ผนึกพลังบวก ออกคอลเล็คชั่น Positivity In Your Hand

Alternative Textaccount_circle
โชคดีแบบมีสไตล์ CASETiFY และ RAVIPA ผนึกพลังบวก ออกคอลเล็คชั่น Positivity In Your Hand
โชคดีแบบมีสไตล์ CASETiFY และ RAVIPA ผนึกพลังบวก ออกคอลเล็คชั่น Positivity In Your Hand

เอาใจคนรุ่นใหม่สายมู! ครั้งแรกที่ CASETiFY แบรนด์ไลฟ์สไตล์ระดับโลก ร่วมกับแบรนด์จิวเวลรี่ระดับพรีเมี่ยมของไทย “RAVIPA” แบรนด์เครื่องประดับสุดหรูที่สร้างชื่อเสียงจากการผสมผสานสัญลักษณ์มงคลและความเชื่อเข้ากับการออกแบบอย่างร่วมสมัย เปิดตัวคอลเล็คชันพิเศษ “Positivity In Your Hand” ผสมผสานระหว่างเทคโนโลยีกับศิลปะแห่งเครื่องประดับ ผ่านดีไซน์ที่เปี่ยมไปด้วยพลังบวกและความหมายอันลึกซึ้ง

ซึ่ง RAVIPA มีเอกลักษณ์ในการออกแบบที่เรียบหรู สง่างาม และสามารถสวมใส่ได้ในทุกโอกาส ผลงานของ RAVIPA ได้รับแรงบันดาลใจจากวัฒนธรรม ความเชื่อ และความศรัทธา ถ่ายทอดผ่านเครื่องประดับที่เป็นมากกว่าความสวยงาม โดยเครื่องประดับแต่ละชิ้นของ RAVIPA ไม่ได้เป็นเพียงเครื่องประดับ แต่เป็นเครื่องรางนำโชคที่ช่วยเสริมสร้างความมั่นใจและเป็นกำลังใจให้กับผู้สวมใส่ ด้วยความเชื่อที่ว่าเครื่องประดับสามารถเป็นสื่อกลางในการส่งต่อพลังบวกและความโชคดี

คอลเล็คชั่น RAVIPA x CASETiFY นี้ ประกอบด้วยเคสโทรศัพท์และอุปกรณ์เสริมทางเทคโนโลยีที่ผสานงานฝีมืออันประณีตของ RAVIPA เข้ากับสัญลักษณ์แห่งโชคลาภอันทรงพลัง เครื่องประดับแต่ละชิ้นในคอลเลกชั่นบอกเล่าเรื่องราวที่ได้รับแรงบันดาลใจจากสัญลักษณ์แห่งโชคลาภ โดยแต่ละดีไซน์จะประดับด้วยจี้พิเศษ (charm) ที่รังสรรค์จากคอลเลกชั่นเครื่องประดับของ RAVIPA ภายใต้ 4 คอนเซปต์ ได้แก่ ความรัก (LOVE) ความโชคดี (LUCK) ความสำเร็จ (SUCCESS) และ ความเจริญรุ่งเรือง (PROSPERITY) นอกจากนี้ ยังมีการนำดีไซน์สร้อยข้อมือไนลอน (nylon bracelet) อันเป็นเอกลักษณ์ของ RAVIPA มาผสมผสานเป็นลวดลายอันงดงามอย่างลงตัว

ไฮไลท์ของคอลเล็คชั่นนี้คือ 2-Way Phone Charm ชาร์มคล้องมือถือ 2 สไตล์ ที่เป็นได้ทั้งสายคล้องโทรศัพท์มือถือ และสามารถถอดออกเพื่อใส่เป็นสร้อยข้อมือเสริมลุคได้อีกด้วย ตัวสายดีไซน์การถักทอ (nylon bracelet) อันเป็นเอกลักษณ์ของ RAVIPA และประดับด้วยอัญมณีแท้และสัญลักษณ์ที่มีความหมาย สามารถพกพาพลังบวกและความเป็นสิริมงคลไปได้ทุกที่

RAVIPA x CASETiFY ครอบคลุมอุปกรณ์หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นเคสสำหรับ iPhone, Samsung, เคสหูฟัง AirPods, ที่ใส่บัตรมีขาตั้ง (Snappy Cardholder Stand) และกิมมิกสุดน่ารักอย่าง Sticker Pack หลากสีสันเพิ่มพลังบวก ในราคาเริ่มต้น 1,399 บาท และเมื่อซื้อเคสโทรศัพท์จากคอลเลคชั่น RAVIPA x CASETiFY รับทันที! วอลเปเปอร์ดีไซน์พิเศษจาก RAVIPA x CASETiFY เริ่มวางจำหน่ายตั้งแต่วันที่ 6 มีนาคม 2568 บนเว็บไซต์ casetify.com/co-lab รวมถึงแอปพลิเคชัน CASETiFY Co-Lab (ดาวน์โหลดได้แล้ววันนี้ที่ App Store) และที่ CASETiFY STUDiO ทุกสาขา


AMSEL Biohealth Center ศูนย์สุขภาพองค์รวมแห่งใหม่ในไทย ชู ‘ชีวการแพทย์’

AMSEL Biohealth Center ศูนย์สุขภาพองค์รวมแห่งใหม่ในไทย ชู ‘ชีวการแพทย์’

Alternative Textaccount_circle
AMSEL Biohealth Center ศูนย์สุขภาพองค์รวมแห่งใหม่ในไทย ชู ‘ชีวการแพทย์’
AMSEL Biohealth Center ศูนย์สุขภาพองค์รวมแห่งใหม่ในไทย ชู ‘ชีวการแพทย์’

AMSEL Biohealth Center (แอมเซล ไอโอเฮลท์ เซ็นเตอร์) ศูนย์สุขภาพแบบองค์รวมแห่งใหม่มในไทย เปิดตัวอย่างเป็นทางการ เผยการดูแลสุขภาพแนวใหม่ ‘ชีวการแพทย์’ (Biological Medicine) ที่ผสมผสานการบำบัดรักษาอันทันสมัยเข้ากับวิธีการแบบองค์รวม เพื่อพลิกฟื้นสุขภาพและชีวิตชนิด 1080 องศาบนความร่วมมือครั้งสำคัญกับ ดร. โทมัส ราว (Dr. Thomas Rau) ผู้บุกเบิกด้านชีวการแพทย์ระดับโลก จาก BioMed Center Sonnenberg ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ สู่การยกระดับวงการสุขภาพไทยให้ก้าวไปอีกขั้น

การดูแลสุขภาพแนวใหม่ ‘ชีวการแพทย์’ (Biological Medicine)

“ปัจจุบันเทรนด์การดูแลสุขภาพแบบองค์รวมกำลังเป็นที่สนใจในระดับโลก ผู้คนต่างมองหาแนวทางการดูแลสุขภาพเชิงรุก การเยียวยาเฉพาะบุคคล และเน้นการป้องกันก่อนโรคจะเกิดขึ้น สะท้อนให้เห็นถึงความสนใจในการดูแลสุขภาพแบบองค์รวมที่มุ่งเน้นการแก้ไขปัญหาที่ต้นเหตุ ในขณะที่ตัวเลขทางเศรษฐกิจด้านสุขภาพทั่วโลกเติบโตเร็วเกือบสองเท่า ซึ่งนับเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ของผู้บริโภคที่ให้ความสำคัญกับสุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดี (health & wellness) โดยตลาดโลกสำหรับการแพทย์ทางเลือกและการแพทย์แบบผสมผสานคาดว่าจะสูงถึง 210.81 พันล้านดอลลาร์ ภายในปี 2026 ด้วยเหตุปัจจัยเหล่านี้ เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของตลาดสุขภาพ และพฤติกรรมของคนยุคใหม่อย่างแท้จริง โดยได้นำเอาศาสตร์ Biological Medicine หรือ “ชีวการแพทย์” การแพทย์เพื่อแก้ไขต้นตอของปัญหาเฉพาะบุคคล เข้ามาผสมผสานกับเทคโนโลยีการบำบัดรักษาอันทันสมัยเข้าและแนวทางการรักษาแบบองค์รวม เพื่อสุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดี ภายใต้คอนเซ็ปต์ ‘พลิกฟื้นชีวิตชนิด 1080 องศา’ ซึ่งหมายถึงการเปลี่ยนแปลงอย่างสมบูรณ์แบบ ครอบคลุมทุกมิติของสุขภาพที่ดี ทั้งทางร่างกาย (360 องศา) จิตใจ (360 องศา) และจิตวิญญาณ (360 องศา)” -คุณวศิน ดลรึเดช ผู้ร่วมก่อตั้ง AMSEL Biohealth Center


เปิดตัวนวัตกรรมงานผิวตัวใหม่จากอิตาลี hydrobooster จาก Aesthetics by Menarini Thailand

account_circle

ต้องยอมรับว่าเทรนด์ ‘งานผิว’ กำลังเป็นที่นิยมอย่างมาก ในปีนี้ Aesthetics by Menarini Thailand ภายใต้บริษัท เอ.เมนารินี (ประเทศไทย) จำกัด ได้จัดงาน “Grand Launch hydrobooster: Redefining Skin Hydration & Skin Quality” เพื่อเปิดตัวนวัตกรรมงานผิวตัวใหม่จากอิตาลีอย่าง hydrobooster เพื่อเป็นอีกหนึ่งตัวเลือกของคนที่ต้องการดูแลผิว เสริมโครงสร้างของผิวให้แข็งแรง ปรับปรุงคุณภาพผิว เพื่อผลลัพธ์ที่ดีในระยะยาว โดยมี Menarini Faculty ทั้งในไทยและต่างประเทศ มาร่วมบรรยายเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ ร่วมด้วย เต – ตะวัน วิหครัตน์ และ นิว – ฐิติภูมิ เตชะอภัยคุณ มาร่วมพูดคุยถึงเคล็ดลับการดูแลผิวของตัวเองพร้อมด้วยบุคลากรทางการแพทย์และเหล่าอินฟลูเอ็นเซอร์มาร่วมงานเปิดตัวครั้งยิ่งใหญ่นี้กันอย่างคับคั่ง ณ โรงแรม Four Seasons Hotel Bangkok at Chao Phraya River

ในยุคที่เน้นความสวยอย่างเป็นธรรมชาติ hydrobooster ถือเป็นนวัตกรรมที่โดดเด่นด้วยส่วนผสมหลักอย่าง Hyaluronic Acid (HA) โมเลกุลใหญ่ และ Glycerol (กลีเซอรอล) ที่จะช่วยเติมเต็มความชุ่มชื้น ทำให้ผิวสุขภาพดี กระจ่างใส ยืดหยุ่น แลดูเฟิร์ม ผิวดูเด็กลง นอกจากนี้ Glycerol ยังช่วยเพิ่มความสามารถในการกักเก็บและรักษาน้ำในผิว ทำให้ผิวนุ่มขึ้นและลดการสูญเสียน้ำ ช่วยเสริมสร้างเกราะป้องกันผิวให้ผิวแข็งแรง ให้ทุกคนได้เผยความงามในแบบฉบับของตัวเอง

ภายในงานยังได้รับเกียรติจาก นายแพทย์วรพจน์ ศิรามังคลานนท์ The Master of Faculty, Menarini APAC & RELIFE Global Faculty และ ดร.โรนัลด์ สเตฟาน ออนซียง Menarini Faculty, Malaysia มาถ่ายทอดความรู้และประสบการณ์ในการรังสรรค์ความงาม ทั้งยังร่วมพูดคุยถึงเทรนด์ความงามที่เปลี่ยนแปลงไปในยุคปัจจุบัน

ทางด้าน เต – ตะวัน ที่มาร่วมอัพเดตเทรนด์การดูแลผิว กล่าวว่า อย่างที่คุณหมอแนะนำเลยครับว่าทุกคนอยากมีใบหน้าที่ดูอ่อนวัยเป็นธรรมชาติ แต่ด้วยปัจจัยต่างๆ ที่ส่งผลต่อผิวของเรา อย่างเตที่ต้องแต่งหน้าไปทำงานทุกวันแบบนี้ ทำให้ต้องดูแลผิวด้วยวิธีการต่างๆ ที่นอกจากจะดื่มน้ำเยอะๆ รับประทานอาหารที่มีประโยชน์  ออกกำลังกาย และพักผ่อนให้เพียงพอแล้ว ยังต้องเลือกใช้สกินแคร์ ทากันแดดเป็นประจำ หรือทำทรีทเม้นต์บ้าง เพราะผิวที่สุขภาพดีและชุ่มชื้น จะช่วยชะลอความแห้งกร้าน รวมไปถึงริ้วรอยก่อนวัย การมีผิวหน้าที่ดี ก็จะเอื้อกับการทำงาน ช่างแต่งหน้าก็ทำงานง่าย เพิ่มความมั่นใจให้ตัวเอง และส่วนตัวยังอาศัยตัวช่วยฟื้นบำรุงที่มีประสิทธิภาพ เพื่อให้เราเป็นตัวเองในเวอร์ชั่นที่ดีขึ้นตามที่คุณหมอแนะนำครับ

ปิดท้ายด้วย นิว – ฐิติภูมิ กล่าวเสริมว่า ด้วยอาชีพนักแสดง แม้ว่าจะมีตารางงานที่แน่น แต่เรื่องการดูแลผิวต้องทำไม่ขาดครับ เพราะเมื่อก่อนตัวผมเองไม่ค่อยสนใจเรื่องดูแลตัวเองเท่าไร แต่ด้วยสภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนไป อายุที่เพิ่มขึ้นก็ต้องยิ่งดูแลเพื่อช่วยชะลอวัย และต้องมีตัวช่วยในการดูแลตัวเอง  ปัจจุบันมีนวัตกรรมที่ทันสมัย มีตัวเลือกมากมาย สามารถปรึกษากับแพทย์ก่อนรับบริการจากคลินิกความงามต่างๆ ได้ เพราะถ้าผิวแข็งแรง  ก็จะเสริมให้เราดูดีและมั่นใจมากขึ้นครับ


ซัมเมอร์สุดฮอต ไม่มีสิ้นสุด! Endless Summer Beach Club ปลุกสีสันป่าตอง เปลี่ยนทุกโมเมนต์ให้เป็นซัมเมอร์สุดปัง

account_circle

รีแลกซ์กาย สบายใจ พร้อมจิบเครื่องดื่มทรอปิคอล! ดื่มด่ำไปกับจังหวะสุดมันส์ของหาดป่าตองที่ Endless Summer Beach Club จุดหมายใหม่สุดฮิตสำหรับคอค็อกเทล อาหาร และไลฟ์สไตล์ยามค่ำคืน ณ Courtyard by Marriott Phuket, Patong Beach Resort

โอบล้อมด้วยหาดทรายสีทองและทะเลปลายหาดป่าตอง Endless Summer ผสานเสน่ห์ของบีชคลับสุดชิลเข้ากับจังหวะไนท์ไลฟ์ที่มีชีวิตชีวา ดื่มด่ำไปกับเสียงเพลงสดจากดีเจ สัมผัสเสน่ห์ของอีเวนต์สุดเอ็กซ์คลูซีฟยามพระอาทิตย์ตก ก่อนปิดท้ายค่ำคืนด้วยค็อกเทลและเมนูอาหารที่รังสรรค์อย่างพิถีพิถัน ไม่ว่าคุณจะมองหามุมพักผ่อนริมทะเล หรือค่ำคืนที่เต็มไปด้วยสีสันและพลังแห่งความสนุก ที่นี่คือจุดหมายปลายทางที่ยกระดับทุกโมเมนต์ให้พิเศษกว่าที่เคย

ไม่ว่าจะทอดกายบนเดย์เบดนุ่มสบาย อาบแดดรับลมทะเลบนเลานจ์แชร์ หรือแหวกว่ายอย่างสดชื่นในอินฟินิตี้พูล ทุกโมเมนต์เต็มไปด้วยเสน่ห์และความเพลิดเพลินสำหรับครอบครัว คู่รัก และกลุ่มเพื่อน เติมเต็มช่วงเวลาแห่งความสุขด้วยเครื่องดื่มสุดสดชื่น ท่ามกลางวิวพาโนรามาของอ่าวป่าตองรูปจันทร์เสี้ยวที่โอบล้อมด้วยเส้นขอบฟ้าของทะเลอันดามันที่ทอดยาวอย่างไร้ที่สิ้นสุด

เมื่อพระอาทิตย์ลับขอบฟ้า Endless Summer ปลดปล่อยพลังแห่งราตรี แปรเปลี่ยนเป็นแหล่งแฮงเอาต์ชีวิตชีวาสำหรับมื้อค่ำริมชายหาด ค็อกเทลยามเย็น และปาร์ตี้สุดมันส์ สนุกไปกับเสียงดนตรีสดจากดีเจไทยและนานาชาติ ตั้งแต่บีชเฮาส์จังหวะชิลล์ไปจนถึงบีตสุดเร้าใจสไตล์ไนต์คลับ นอกจากนี้ ยังมีอีเวนต์สุดพิเศษที่อัปเดตตลอดทั้งปี ไม่ว่าจะเป็นบรั้นช์วันหยุดสุดสัปดาห์ หรือปาร์ตี้เอ็กซ์คลูซีฟ ที่พร้อมเติมสีสันให้ทั้งชาวภูเก็ตและนักท่องเที่ยวได้เพลิดเพลินอย่างเต็มอิ่ม

Endless Summer ชวนคุณสัมผัสเสน่ห์แห่งชีวิตริมทะเล ที่ทุกช่วงเวลารู้สึกเหมือนวันพักผ่อนไม่มีสิ้นสุด!

เมนูออลเดย์ไดนิ่งที่นี่เต็มไปด้วยสีสันและความอร่อยแบบจัดเต็ม! ทุกจานรังสรรค์ขึ้นอย่างพิถีพิถัน ผสมผสานรสชาติระดับนานาชาติเข้ากับเมนูแชร์ริ่งสุดพิเศษที่เหมาะสำหรับการแบ่งปันช่วงเวลาดีๆ ด้วยวัตถุดิบพรีเมียมจากแหล่งท้องถิ่น สดใหม่ เต็มรสชาติในทุกคำ ไม่ว่าจะเป็นอาหารทะเลสด ๆ ย่างไฟจนหอมกรุ่น หรือเสิร์ฟแบบดิบอย่างเรียบหรู พร้อมหอยนางรมฝรั่งเศสเกรดพรีเมียม หรือซิกเนเจอร์ซีฟู้ดบัคเก็ต ที่ให้ฟินกันแบบจุใจ ถ้าอยากได้อะไรเบา ๆ ต้องลองสลัดเพื่อสุขภาพ หรือ แซนด์วิชสูตรพิเศษ นอกจากนี้ยังมีเมนูมาเอาใจสายเนื้อ เช่น ปลากะพงอันดามันย่าง และริบอายสเต็กออสเตรเลียที่ย่างมาอย่างสมบูรณ์แบบจากไลฟ์กริลล์ ปิดท้ายมื้อด้วย สลัดสับปะรดและมิ้นต์สุดเฟรช แพนเค้กกล้วยภูเก็ตเนื้อนุ่มละมุน หรือเจลาโต้และซอร์เบต์กว่า 10 รสชาติ ที่พร้อมให้ฟินกันตลอดวัน

Endless Summer ไม่ได้เป็นแค่บีชคลับสุดชิค แต่ยังเป็นสวรรค์ของมิกโซโลจิสต์ที่พร้อมเสิร์ฟค็อกเทลคราฟต์ ซึ่งทุกแก้วผ่านการรังสรรค์อย่างพิถีพิถัน ไม่ว่าจะเป็น Velvet Sunset ที่ผสมผสานวิสกี้ เวอร์มุธเชอร์รี่ ลิเคียวร์ เกรปฟรุต และมะนาว หรือ Endless Summer Margarita ที่เติมความสดชื่นด้วยเตกีลา อากาเวสับปะรดโฮมเมด และน้ำมะนาว นอกจากนี้ ยังมีเครื่องดื่มแชร์ริ่งให้เลือกสนุก ทั้งโถค็อกเทล บักเก็ตเบียร์ และคราฟต์เบียร์สด จาก Full Moon Brewworks แบรนด์ดังแห่งภูเก็ต นอกจากนี้ยังมีไวน์ชั้นดีแบบแก้วหรือขวด รวมถึง เหล้าพรีเมียม พร้อมมิกเซอร์ น้ำผลไม้ทรอปิคอล และซอฟต์ดริ้งค์หลากหลายให้จิบเพลินตลอดวัน

Endless Summer Beach Club เปิดให้บริการทุกวันตั้งแต่ 11:00 น. ถึงเที่ยงคืน ไม่ว่าคุณจะเป็นครอบครัวที่มองหาสถานที่สบาย ๆ สำหรับมื้ออาหารกับเด็ก ๆ คู่รักที่อยากดื่มด่ำบรรยากาศพระอาทิตย์ตกสุดโรแมนติก หรือแก๊งเพื่อนที่อยากเพิ่มสีสันให้กับค่ำคืน Endless Summer พร้อมเนรมิตทุกโมเมนต์ให้เป็นความทรงจำสุดพิเศษในบรรยากาศสุดคึกคัก ณ แลนด์มาร์กใหม่ที่กำลังเปลี่ยนโฉมไลฟ์สไตล์แห่งป่าตอง

อยากรู้ว่า Endless Summer Beach Club มีอะไรรอคุณอยู่? คลิกที่นี่เพื่อชมวิดีโอและสัมผัสบรรยากาศด้วยตัวเอง!

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมหรือสำรองที่นั่ง โทร: +66 (0) 76 349 888 อีเมล: [email protected] หรือเยี่ยมชมเว็บไซต์: endlesssummerbeachclub.com

ค้นพบทุกประสบการณ์ด้านอาหารและไลฟ์สไตล์ที่ Courtyard by Marriott Phuket, Patong Beach Resort คลิกที่นี่ เพื่อดูรายละเอียดเพิ่มเติม!


Lola Young

Lola Young ศิลปินรุ่นใหม่ชาวอังกฤษที่น่าจับตามอง 2025

Alternative Textaccount_circle
Lola Young
Lola Young

Lola Young กับเวทีที่สุดแสนจะ “Messy” โดนใจวัยรุ่น ในงาน BRIT Awards 2025 ตอกย้ำตำแหน่งศิลปินรุ่นใหม่ที่น่าจับตามองในปีนี้

โลล่า ยัง นักร้อง-นักแต่งเพลงสาวชาวอังกฤษ วัย 24 ปี ยังคงมาแรงและเป็นกระแสในโลกออนไลน์ไม่หยุด นอกจากเธอจะเดินสายขึ้นแสดงเพลงไวรัลสุดฮิตดีกรีอันดับ 1 Official UK Chart อย่าง “Messy” ในรายการต่างๆ มากมายแล้ว ล่าสุดเธอยังมาพร้อมเพอร์ฟอร์มานซ์สุดสร้างสรรค์ที่สุดแสนจะ Messy สมชื่อเพลง ด้วยการนอนอยู่บนกองเสื้อผ้าและข้าวของเครื่องใช้ส่วนตัวต่างๆ ที่ถมรวมกันเป็นภูเขา ก่อนจะลุกขึ้นเดินรอบเวที กลับมาไถเครื่องดูดฝุ่นบนพื้นไปหนึ่งกรุบ แล้วปิดจ๊อบด้วยการเทผงซักฟอกลงบนพื้น เพื่อตอกย้ำเนื้อเพลงที่ร้องว่า “’Cause I’m too messy and then I’m too god damn clean” ได้เป็นอย่างดี เรียกเสียงปรบมือจากผู้ชมในงานได้ยาวนาน สมกับเป็นผู้เข้าชิงรางวัล Best Pop Act ของ BRIT Awards 2025 ในปีนี้จริงๆ

Lola Young

โลล่า ยัง พูดถึงเหตุผลที่ทำให้เพลง “Messy” ของเธอโดนใจแฟนเพลงเข้าอย่างจัง และประสบความสำเร็จอย่างสูงในช่วงเวลาที่ผ่านมากับนิตยสาร NME ว่า “ฉันคิดว่ามันเป็นเพลงที่สะท้อนถึงความคิดที่ว่า คุณไม่จำเป็นต้องเหมือนผู้หญิงคนอื่นตามแบบค่านิยมที่คนทั่วไปเข้าใจกัน และไม่ใช่แค่นั้น เพราะเราทุกคนมักเคยรู้สึกว่าเราไม่ดีพอสำหรับใครสักคนอยู่ตลอดเวลา ‘ฉันแค่อยากเป็นตัวของฉันเอง มันทำไม่ได้เหรอ?’ ท่อนนี้เป็นท่อนที่ดีมากนะ ฉันภูมิใจกับเพลงนี้มาก และคิดว่าเพลงนี้ได้ส่งต่อความรู้สึกนี้ไปถึงคนในวงกว้างได้มากกว่าที่ฉันคิดไว้เสียอีก ฉันโอบรับความสำเร็จนี้เอาไว้ และภูมิใจกับเพลงนี้มากๆ ค่ะ”

“Messy” ยังคงครองใจวัยรุ่นไทยและทั่วโลกอยู่ในขณะนี้ นอกจากจะคว้าอันดับ 1 ชาร์ต Viral 50 ของ Spotify ไทย และครองอันดับ 1 บนชาร์ตเพลงของ UK ได้สำเร็จ ส่งผลให้อัลบั้ม This Wasn’t Meant for You Anyway เป็นที่สนใจจากแฟนๆ และนักวิจารณ์เพลงมากมายแล้ว ล่าสุดยังไต่อันดับชาร์ตเพลงในคลื่นวิทยุบ้านเราอย่างรวดเร็วจนติด Top 5 ทั้งใน MET 107 และ Eazy FM 102.5 เป็นที่เรียบร้อย นาทีนี้ใครๆ ก็หลงรักเพลงความหมายโดนใจ น้ำเสียงต่ำแหบเสน่ห์อันเป็นเอกลักษณ์ และลุคคูลๆ ของเธอเข้าอย่างจัง นอกจากทัวร์คอนเสิร์ตที่บัตรขายหมดเกลี้ยง รวมถึงการขึ้นแสดงในเทศกาลดนตรี Coachella ในเดือนเมษายนนี้แล้ว คอยติดตามผลงานในอนาคตของเธอกันให้ดี Lola Young ยังมีอะไรมาเซอร์ไพรส์แฟนๆ กันได้เรื่อยๆ รอซัพพอร์ตผู้หญิงคนนี้ที่กำลังจะได้เป็นซูเปอร์สตาร์คนใหม่จากเกาะอังกฤษในปี 2025 กันได้เลย

ชมการแสดงสดโลล่า ยัง – Messy (Live from The BRIT Awards 2025) ที่นี่

วันสตรีสากล

ย้อนรอยประวัติศาสตร์ วันสตรีสากล สู่พลังแห่งความเท่าเทียม

Alternative Textaccount_circle
วันสตรีสากล
วันสตรีสากล

วันสตรีสากล หรือ International Women’s Day นอกจากจะเป็นวันเฉลิมฉลองความสำเร็จของผู้หญิงในหลากหลายแง่มุมแล้ว โดยวันนี้ยังเป็นวันรำลึกถึงการต่อสู้เพื่อความเท่าเทียมของผู้หญิง แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นในการยุติการเลือกปฏิบัติและความรุนแรง

วันสตรีสากล

ประวัติศาสตร์วันสตรีสากล

ในอดีตวัฒนธรรมทั่วโลกมักกำหนดบทบาทของผู้หญิงให้เป็นผู้ดูแลบ้านและครอบครัว ดังนั้นบทบาท “ช้างเท้าหลัง” จึงถูกมองว่าเป็นหน้าที่หลักของผู้หญิงขณะเดียวกันยังมีความเชื่อและค่านิยมที่มองว่า การที่ผู้หญิงทำงานนอกบ้านคือการละเลยหน้าที่ รวมถึงยังถูกมองว่าเป็นการแย่งงานของผู้ชายด้วยแต่เมื่อสงครามเริ่มก่อตัวไปทั่วโลก จนเกิดการขาดแคลนแรงงานชาย  ทำให้ผู้หญิงเริ่มมีโอกาสแสดงความสามารถและศักยภาพที่เป็นประโยชน์ แม้ว่าผู้หญิงจะมีบทบาทในตลาดแรงงานมากขึ้น แต่ก็ยังคงเผชิญกับปัญหาการถูกกดขี่และการเลือกปฏิบัติในรูปแบบต่างๆ

เหตุการณ์ที่นำไปสู่การเปลี่ยนแปลง

ย้อนกลับไปเมื่อปี ค.ศ.1908 ณ เมืองชิคาโก สหรัฐอเมริกา กลุ่มกรรมกรสตรีในโรงงานทอผ้าจำนวน 15,000 คน ได้นัดกันหยุดงานและลุกขึ้นเดินขบวนประท้วง จากการถูกเอาเปรียบ กดขี่ ขูดรีด ทารุณ จากนายจ้างที่เห็นผลผลิตสำคัญกว่าชีวิตคน โดยที่ผ่านมาพวกเธอต้องทำงานวันละ 12-15 ชั่วโมง แต่ได้รับค่าแรงานเพียงเล็กน้อย ส่วนสตรีตั้งครรภ์มักถูกไล่ออก

แม้เหตุการณ์นี้จะทำให้มีแรงงานหญิงหลายร้อยคนถูกจับกุม แต่ก็ได้รับการสนับสนุนจากสตรีทั้งโลก ส่งผลให้การผลิตแบบทุนนิยมเริ่มสั่นคลอน สามปีต่อมาในวันที่ 8 มีนาคม ค.ศ.1910 ข้อเรียกร้องของเหล่าบรรดากรรมกรสตรีก็ประสบความสำเร็จ เมื่อมีการรับรองข้อเรียกร้อง ผลจากการเปลี่ยนแปลงนำไปสู่การที่แรงงานหญิงได้ลดเวลาทำงานให้เหลือเพียงวันละ 8 ชั่วโมง และพวกเธอยังได้ค่าแรงเท่าเทียมกับผู้ชาย อีกทั้งยังมีการคุ้มครองสวัสดิการสตรีและแรงงานเด็ก

วันสตรีสากลในประเทศต่างๆ

สาธารณรัฐประชาชนจีน ผู้หญิงจะได้รับสิทธิ์หยุดงานครึ่งวันตามกฎหมาย นอกจากนี้สถานที่ท่องเที่ยวหลายแห่งยังให้สตรีและเด็กเข้าชมฟรี ประเทศอิตาลี เพื่อแสดงความรักและความเคารพ ผู้ชายมักมอบดอกมิโมซ่าสีเหลืองเป็นสัญลักษณ์ของวันสตรีสากลให้กับผู้หญิง ไม่ว่าจะเป็น ครอบครัว เพื่อนฝูง หรือเพื่อนร่วมงาน ขณะที่ในสหรัฐอเมริกา ในช่วงเดือนมีนาคมถือเป็นเดือนแห่งประวัติศาสตร์ โดยในแต่ละปีประธานาธิบดีจะออกมายกย่องความสำเร็จของสตรีอเมริกัน และประเทศไทยถือเป็นอีกหนึ่งประเทศ ที่ให้ความสำคัญกับการส่งเสริมความเท่าเทียมทางเพศและคุ้มครองสิทธิของผู้หญิง ในทุกปีกระทรวงแรงงาน จึงได้มอบรางวัลสตรีดีเด่น เนื่องในวันสตรีสากล 

เก็บตกบิวตี้ลุคของหนุ่มหน้าเข้ม 'โอมาร์ อพอลโล (Omar Apollo)' ในงานออสการ์ครั้งที่ 97

เก็บตกบิวตี้ลุคหนุ่มหน้าเข้ม ‘โอมาร์ อพอลโล (Omar Apollo)’ ในงานออสการ์ครั้งที่ 97

Alternative Textaccount_circle
เก็บตกบิวตี้ลุคของหนุ่มหน้าเข้ม 'โอมาร์ อพอลโล (Omar Apollo)' ในงานออสการ์ครั้งที่ 97
เก็บตกบิวตี้ลุคของหนุ่มหน้าเข้ม 'โอมาร์ อพอลโล (Omar Apollo)' ในงานออสการ์ครั้งที่ 97

เก็บตกลุคของศิลปินหนุ่มหน้าเข้ม ‘โอมาร์ อพอลโล (Omar Apollo)’ ที่สร้างบิวตี้ลุคน่าดึงดูดชวนสะกดสายตาบนพรมแดงงานประกาศรางวัลออสการ์ครั้งที่ 97 ด้วยการสวมผ้าคลุมหน้าตาข่ายสีดำ พร้อมเมคอัพสีโทนหวานบลัชออนสีชมพูระเรื่อและอายไลเนอร์สีดำ ดูเป็นการรวมเอาองค์ประกอบที่คาดไม่ถึงสำหรับลุคบนพรมแดงของผู้ชายคมเข้มที่น่าทึ่ง

ในส่วนของการดูแลผม แอนนา เบอร์นาเบ ผู้เชี่ยวชาญด้านผมและการแต่งหน้า ต้องการผสมผสาน “องค์ประกอบของความเป็นชายและความเป็นหญิง” เข้าด้วยกัน สำหรับทรงผมลุคนี้ ผู้เชี่ยวชาญด้านผมและการแต่งหน้าได้ใช้เจลแต่งผมเนื้อแน่นและสเปรย์ฉีดผมที่เข้มข้นเพื่อสร้างเส้นสายที่คมชัดภายในผมของโอมาร์ สำหรับการแต่งหน้า เธอใช้บลัชออนหลายเฉดสีเพื่อให้ได้สีกุหลาบ จากนั้นเพิ่มมิติให้โหนกแก้มของเขาและกรีดอายไลเนอร์สีดำ เพื่อให้ได้เอฟเฟกต์ที่ดูเป็นธรรมชาติ

HOLLYWOOD, CALIFORNIA – MARCH 02: Omar Apollo attends the 97th Annual Oscars at Dolby Theatre on March 02, 2025 in Hollywood, California. (Photo by Monica Schipper/Getty Images)

Photo: Getty Image


BULOVA

BULOVA สร้างปรากฏการณ์ใหม่ในไทย เปิดตัว Super Seville Precisionist ครั้งแรก

account_circle
BULOVA
BULOVA

BULOVA (บูโลว่า) แบรนด์นาฬิกาสัญชาติอเมริกาที่มีประวัติยาวนานกว่า 150 ปี กลับมาสร้างกระแสอีกครั้งในประเทศไทย ภายใต้การนำเข้าและจัดจำหน่ายโดย บริษัท แอลดีไอ เอ็นเตอร์ไพรส์ (ไทยแลนด์) จำกัด แต่เพียงผู้เดียว พร้อมเปิดตัวนาฬิการุ่น Super Seville Precisionist อย่างเป็นทางการ ราคาเริ่มต้นที่ 27,500 บาท

Super Seville Precisionist เสน่ห์แห่งดีไซน์ย้อนยุค ผสานเทคโนโลยีล้ำสมัย ซึ่งได้แรงบันดาลใจจาก Super Seville Day-Date รุ่นไอคอนิกของแบรนด์จากยุค 1970 รุ่นใหม่นี้โดดเด่นด้วย ตัวเรือน 38 มม. ทรงทีวีเรโทร พร้อมสายสเตนเลสสตีลคุณภาพสูง มาพร้อมกลไกควอตซ์ Precisionist เทคโนโลยีเฉพาะของ บูโลว่า ที่มีความแม่นยำสูง คลาดเคลื่อนเพียง 10 วินาทีต่อปี กระจกแซพไฟร์คริสตัล พร้อมเลนส์นูนช่วยขยายช่องแสดงวันที่ หน้าปัด 3 สี: เขียวและฟ้าจับคู่กับสายสีเงิน ส่วนหน้าปัดสีขาวจับคู่กับสายสีทอง และกันน้ำระดับ Life Waterproof และทนต่ออุณหภูมิเปลี่ยนแปลง

นอกจากนี้ยังมีรุ่นที่น่าสนใจ อย่าง Frank Sinatra Collection อุทิศให้ตำนานนักร้องระดับโลก “แฟรงก์ ซินาตรา” ที่เคยสวมใส่ บูโลว่า เป็นประจำ โดดเด่นด้วยลายเซ็นและสัญลักษณ์หมวกเฟโดรา, Classic Surveyor Diamond นาฬิกาสตรีสุดหรู หน้าปัดประดับเพชร 11 เม็ด เลือกได้ระหว่างสีมุกเหลือบรุ้งหรือสีเทอร์ควอยซ์ และ Lady Sutton ตัวเรือนทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้า หน้าปัดมุกเหลือบรุ้ง ประดับเพชรหรือตัวเลขโรมัน

บูโลว่า คือ ตำนานแห่งนวัตกรรมกว่า 150 ปี ก่อตั้งโดย โจเซฟ บูโลว่า ในปี 1875 บูโลว่า เป็นผู้บุกเบิกนวัตกรรมด้านนาฬิกามากมาย เช่น Tuning Fork Watch นาฬิกาอิเล็กทรอนิกส์รุ่นแรกของโลก, โฆษณานาฬิกาผ่านวิทยุและโทรทัศน์เป็นเจ้าแรก, Phototimer เครื่องจับเวลาการแข่งขันกีฬาตัวแรกของโลก และการร่วมภารกิจอวกาศ NASA ถึง 46 ครั้ง รวมถึง Apollo 11 และ Apollo 15

หลังจากถูกเข้าซื้อกิจการโดย CITIZEN Watch Co. ในปี 2008 บูโลว่า ยังคงมุ่งมั่นพัฒนานวัตกรรมไม่หยุดยั้ง อาทิ Precisionist ในปี 2010 และ Curv ในปี 2016 ที่เป็นนาฬิกากลไกโครโนกราฟแบบโค้งรุ่นแรกของโลก

บูโลว่า ยังคงเดินหน้าสร้างสรรค์นวัตกรรมเพื่อส่งมอบนาฬิกาคุณภาพสูงที่ผสานเทคโนโลยีและดีไซน์เหนือระดับให้กับผู้สวมใส่ทั่วโลก


ริมฝีปากสวยละมุนตุ่นๆ สไตล์สายเกาแบบ ‘MINNIE (G)I-DLE’

ริมฝีปากสวยละมุนตุ่นๆ สไตล์สายเกาแบบ ‘MINNIE (G)I-DLE’

Alternative Textaccount_circle
ริมฝีปากสวยละมุนตุ่นๆ สไตล์สายเกาแบบ ‘MINNIE (G)I-DLE’
ริมฝีปากสวยละมุนตุ่นๆ สไตล์สายเกาแบบ ‘MINNIE (G)I-DLE’

#PraewCelebLook ริมฝีปากสวยละมุนตุ่นๆ สไตล์สายเกาง่ายๆ ตามน้องมินนี่ ‘MINNIE (G)I-DLE’ 3CE Asia Ambassador ที่มาป้ายยาลิปลูกรักแท่งล่าสุด 3CE Cashmere Hug Lipstick เพราะเป็นไอเท็มที่มีความนุ่มทาแล้วสบายปาก ซึ่งสีที่สาวมินนี่ใช้ประจำคือสามเฉดสีนี้ สี 09 TAUPE BEIGE สี 08 HUSH RED และ สี 05 COZY WHISPER ที่ชอบมากเป็นพิเศษ แต่สีอื่นๆ ก็สวยไม่แพ้กัน

Cashmere Hug Lipstick #ลิปแมทนุ๊มนุ่มดุจแคชเมียร์ ใหม่ล่าสุด จาก 3CE สัมผัสความนุ๊มนุ่มฟินิชแบบซอฟต์เบลอกับ 10 เฉดสีที่น่าหลงใหล เหมาะสำหรับทุกโทนผิว ทุกโอกาส จำหน่ายผ่านช่องทาง 3CE Official Stores – EVEANDBOY, Shopee, Lazada และ Beautrium


Sephora เปิดบ้านเสิร์ฟ 2 เทรนด์มาแรง ‘Colour on Colour’ และ ‘Better Skin Fast’

Sephora เปิดบ้านเสิร์ฟ 2 เทรนด์มาแรง ‘Colour on Colour’ และ ‘Better Skin Fast’

Alternative Textaccount_circle
Sephora เปิดบ้านเสิร์ฟ 2 เทรนด์มาแรง ‘Colour on Colour’ และ ‘Better Skin Fast’
Sephora เปิดบ้านเสิร์ฟ 2 เทรนด์มาแรง ‘Colour on Colour’ และ ‘Better Skin Fast’

Sephora เสิร์ฟเทรนด์ความงามล่าสุดในงาน House of Sephora Spring 2025 กับ 2 เทรนด์มาแรงที่ทุกคนต้องลองอย่าง ‘Colour on Colour’ และ ‘Better Skin Fast’ ด้วยธีม High School สุดชิค พร้อมชวนหนุ่มๆ T-Pop สุดฮอตวง PERSES มาสำรวจบิวตี้ไอเท็มใหม่ จากแบรนด์ดังที่หาซื้อไม่ได้จากที่ไหนมาก่อน! #OnlyAtSephora เท่านั้น

เทรนด์ที่ 1: Colour on Colour การแต่งหน้าโทนเดียว (Monochromatic Makeup) กลับมาครองโลกความงามอีกครั้ง! ด้วยเทรนด์ “Colour on Colour” แต่งหน้าในโทนเดียวตั้งแต่ หัวจรดเท้า ไม่ว่าจะเป็นโทนชมพูหวานๆ สีพีชสดใส ไปจนถึงสีน้ำตาลเข้มและสีเบอร์รี่จัดจ้าน โดย Sephora ได้คัดสรรผลิตภัณฑ์ใหม่ที่ช่วยสร้างลุคที่โดดเด่นและดูดีง่ายๆ ตั้งแต่แก้มไปจนถึงสีสันบนริมฝีปาก:

  • ANASTASIA BEVERLY HILLS – Impeccable Blurring Second Skin Matte Foundation (฿2,000) และ Impeccable 24HR Blurring Matte Setting Spray (฿1,400)
  • FENTY BEAUTY – Gloss Bomb Stix Shimmer (฿1,150) และ Fenty Cheeks Suede Powder Blush (฿1,240)
  • MAKEUP BY MARIO – Super Shine™ Lip Gloss (฿1,250) (เร็ว ๆ นี้)
  • RARE BEAUTY – Soft Pinch Liquid Contour (฿1,250)
  • TARTE – Ceaseless Setting Powder (฿1,300) และ Life lock Hydrating Setting Spray (฿1,300)
  • SEPHORA COLLECTION – Pump Up The Colour Mascara (฿680) (เร็ว ๆ นี้) และ Pump Up The Colour Eye Liner (฿620) (เร็ว ๆ นี้) และยังมีผลิตภัณฑ์อื่น ๆ อีกมากมาย!

เทรนด์ที่ 2: Better Skin Fast การดูแลผิวให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีในเวลาอันรวดเร็วไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไปด้วย “Better Skin Fast” ที่ Sephora ได้นำเสนอบริการ Skincredible ที่ใช้เทคโนโลยีการวิเคราะห์ผิวระดับแพทย์ผิวหนัง ซึ่งจะช่วยสแกนผิวของคุณอย่างละเอียด พร้อมแสดงผลข้อมูลเกี่ยวกับความชุ่มชื้น รูขุมขน ริ้วรอย และความมันจากผิวของคุณ พร้อมทั้งแนะนำผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสมกับความต้องการเพื่อผิวของคุณโดยเฉพาะ

นอกจากนี้ Sephora ยังได้คัดสรรเซรั่มและครีมบำรุงผิว ที่ช่วยปรับสภาพผิวและให้ผลลัพธ์ได้รวดเร็วขึ้น เช่น ความกระจ่างใส, ความชุ่มชื้น และ ช่วยกระชับรูขุมขน:

  • ALLIES OF SKIN – Retinal 0.1% & Peptides Advanced Repair Night Cream (฿5,460)
  • BIOSSANCE – Squalane + Firm & Lift Dual Serum (฿2,980)
  • TATCHA – Brightening Serum (฿4,580) และ Brightening Eye Cream (฿3,180)

รวมทั้งผลิตภัณฑ์ใหม่สำหรับดูแลเส้นผมและผิวกาย เช่น OUAI Detox Shampoo และ SALT & STONE Saffron & Cedar Body Lotion เพื่อผิวสวย เงางาม และผิวนุ่มละมุน น่าสัมผัสกว่าที่เคย

เอาล่ะ…อัพเดทเทรนด์ความงามต้อนรับฤดูกาลใบไม้ผลิกับแพรวกันเรียบร้อยแล้ว ก็อย่าลืมพุ่งตัวไปตามเก็บไอเท็มที่แนะนำได้ที่ Sephora ทุกสาขาทั่วประเทศและออนไลน์


หรูหรากลางกรุงปารีส 5 เซเลบริตี้ในงาน Le Grand Diner du Louvre

Alternative Textaccount_circle

ถือเป็นงานใหญ่อีกงานที่ผู้คนยกให้เทียบเท่า Met Gala นั่นคือ Le Grand Diner du Louvre ณ ปารีส ซึ่งปีนี้จัดขึ้นในวันที่ 4 มีนาคม แน่นอนว่างานใหญ่ขนาดนี้ต้องมีคนดังมาร่วมงานมากมาย หนึ่งในนั้น คิมจีซู ที่เธอมีโอกาสได้ไปเยือนงานดินเนอร์สุดหรูหรานี้ครั้งแรก ด้วยตารางงานที่ประจวบเหมาะกับช่วงเวลาที่เดินทางไปดูแฟชั่นโชว์ Spring/Summer 2025 จาก Dior พอดี กระซิบเบาๆ ว่าเธอเป็นศิลปิน K-POP คนแรกที่ได้รับเชิญอีกด้วยนะคะ

สำหรับงานนี้จีซูในเดรสยาวเกาะอก กระโปรงทรงหางปลาสีดำ ให้ความรู้สึกหรูหราคลาสสิก ยิ่งรวมกับสร้อยคอ เครื่องประดับชั้นสูงจาก Cartier แล้ว ลุคนี้ยิ่งดูเลอค่ามากขึ้นค่ะ

Kim Jisoo

นอกจากนี้ยังมีคนดังอีกหลายคนมารวมงานไม่ว่าจะเป็น Gigi Hadid ที่มาในลุค Moschino กับเดรสปาดไหล่หนึ่งข้างสีเหลือง – เงินเมทัลลิค หรือจะเป็น Anna Sawai เจ้าของรางวัล Lead Actress in a Drama Series จากเวที Emmy ครั้งที่ 76 เธอปรากฏตัวในเดรสผ้าฉลุ ดีไซน์โรแมนติกจาก Dior นอกจากนี้ยังมี Barbara Palvin ในเดรสซีทรูสุดเซ็กซี่ และ Naomi Campbell ในเดรสสีดำ พร้อมเสื้อคลุมสี Hot Pink ชวนสะดุดตา


ภาพ: Getty Images

‘With Love, Meghan’ รายการของ เมแกน มาร์เคิล ที่เผชิญเสียงวิจารณ์

account_circle

เมแกน มาร์เคิล กลับมาสู่หน้าจออีกครั้งกับรายการไลฟ์สไตล์ของเธอ “With Love, Meghan” ที่เปิดตัวบน Netflix เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา รายการนี้เป็นโปรเจกต์ล่าสุดของเธอและเจ้าชายแฮร์รี่ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของข้อตกลงมูลค่ากว่า 100 ล้านดอลลาร์กับ แพลตฟอร์มสตรีมมิ่งชื่อดัง

ในรายการนี้ เมแกนจะเชิญเพื่อนคนดังมาร่วมพูดคุยในบ้านของเธอ พร้อมแบ่งปันเคล็ดลับเกี่ยวกับการดูแลบ้านและการทำอาหาร ซึ่งทำให้หลายคนเปรียบเทียบเธอกับกูรูด้านไลฟ์สไตล์อย่าง มาร์ธา สจ๊วต แขกรับเชิญของเธอ ได้แก่ มินดี้ คาลิง, อาบิเกล สเปนเซอร์ อดีตนักแสดงร่วมจากซีรีส์ “Suits”, เดลฟินา บลาคิเยร์ นักกีฬาและอินฟลูเอนเซอร์ชาวอาร์เจนตินา รวมถึงเชฟชื่อดังอย่าง รอย ชอย และ อลิซ วอเทอร์ส

เสียงวิจารณ์จากนักวิจารณ์

Photo : Netflix

รายการนี้ได้รับเสียงตอบรับที่แตกต่างกัน โดยเฉพาะจากสื่ออังกฤษ The Independent ให้คะแนนเพียง 1 ดาวจาก 5 พร้อมวิจารณ์ว่า “ชวนให้รู้สึกอึดอัดและน่าเบื่อ” ขณะที่ The Guardian ระบุว่ารายการนี้เป็น “เนื้อหาที่ไม่มีสาระ” และเป็น “ความล้มเหลวครั้งที่สาม” ของเมแกนและแฮร์รี่ที่ผลิตให้กับ Netflix ต่อจาก “Heart of Invictus” และ “Polo”

Photo : Netflix

The Times ให้คะแนน 2 ดาว โดยกล่าวว่าแม้เมแกนจะมีพรสวรรค์ด้านการนำเสนอ แต่รายการนี้เต็มไปด้วย “ความสดใสที่พยายามเกินไป” และยังชี้ว่าการนำเสนอไลฟ์สไตล์หรูหราของเธออาจทำให้ผู้ชมรู้สึกห่างไกลจากความเป็นจริง ด้าน The Telegraph ให้คะแนน 2 ดาวเช่นกัน โดยมองว่ารายการนี้เป็น “การแสดงออกถึงความหลงตัวเอง” และวิจารณ์ว่า “เมแกนเชิญแขกมาที่บ้าน (ที่อาจจะไม่ได้เป็นของเธอจริง ๆ) และพวกเขาก็พูดชมเธออยู่ตลอดทั้ง 8 ตอน”

กระแสตอบรับที่เป็นบวก

Photo : Netflix

อย่างไรก็ตาม บางสื่อมองว่ารายการนี้มีจุดที่น่าสนใจ Vogue ระบุว่าการนำเสนอเรื่องการจัดดอกไม้และการทำอาหารของเมแกนเป็น “สิ่งที่น่าสนใจและเข้าถึงได้” ขณะที่ Harper’s Bazaar มองว่ารายการนี้สะท้อนให้เห็นเมแกน “กลับคืนสู่รากเหง้าของตัวเอง” ผ่านแนวทางที่คล้ายคลึงกับบล็อกไลฟ์สไตล์ The Tig ที่เธอเคยทำในช่วงปี 2014-2017

โปรเจกต์อื่น ๆ ของแฮร์รี่และเมแกนบน Netflix

Photo : Netflix

ก่อนหน้านี้ ทั้งสองเคยผลิตสารคดี “Harry & Meghan” ซึ่งเปิดตัวในปี 2022 และกลายเป็นสารคดีที่มียอดรับชมสูงสุดของ Netflix ในช่วงเปิดตัว 4 วันแรก แม้จะได้รับเสียงตอบรับที่หลากหลายก็ตาม นอกจากนี้ ทั้งคู่ยังมีโปรเจกต์อื่น ๆ เช่น “Live to Lead” ที่เกี่ยวกับผู้นำระดับโลก, “Heart of Invictus” เกี่ยวกับการแข่งขันกีฬา Invictus Games และ “Polo” ที่นำเสนอเรื่องราวเกี่ยวกับกีฬาขี่ม้าโปโล

‘With Love, Meghan’ พูดถึงราชวงศ์อังกฤษหรือไม่?

Photo : Netflix

ในรายการนี้ เมแกนไม่ได้กล่าวถึงราชวงศ์อังกฤษโดยตรง แต่มีบางช่วงที่สื่อมองว่าอาจเป็นการพาดพิงถึงชีวิตของเธอก่อนออกจากราชวงศ์ เช่น การกล่าวถึง “การเริ่มต้นบทใหม่” และการพูดถึงช่างแต่งหน้าคู่ใจของเธอว่า “อยู่กับฉันทั้งก่อน ระหว่าง และหลังช่วงเวลานั้น” อีกทั้งยังมีฉากที่เธอแก้ไขคำเรียกจาก “Meghan Markle” เป็น “Sussex” ซึ่งเธอบอกว่ารู้สึกมีความหมายมากที่ได้ใช้ชื่อนี้ร่วมกับสามีและลูก ๆ ของเธอ

Photo : Netflix

นอกจากนี้ เมแกน ยังได้ให้สัมภาษณ์พิเศษกับ People โดยตอนหนึ่งในบทสัมภาษณ์นี้ เมแกนได้กล่าวถึง Sussex (ซัสเซกซ์) บรรดาศักดิ์ ซึ่งครั้งหนึ่ง สมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานให้กับ เจ้าชายแฮร์รี่ และตัวเธอ หลังพิธีเสกสมรส เมื่อวันที่ 19 พฤษภาคม 2018 ว่า มีความสำคัญลึกซึ้งกว่าที่เธอจินตนาการได้ก่อนที่จะเป็นแม่

“นามสกุลของเราเป็นชื่อเดียวกันในครอบครัว และฉันคงไม่รู้ว่านามสกุลนั้นมีความหมายกับฉันมากเพียงใด จนกระทั่งเรามีลูกด้วยกัน” เธอกล่าว “ฉันรักนามสกุลนี้ที่อาร์ชี ลิลี่ เอช และฉันต่างก็มีร่วมกัน มันมีความหมายกับฉันมาก” โดยเธอยังกล่าวเสริมด้วยว่าชื่อซัสเซกซ์ “เป็นส่วนหนึ่งของเรื่องราวความรักของเรา”

แม้ว่า “With Love, Meghan” จะเปิดตัวท่ามกลางเสียงวิจารณ์ที่หนักหน่วง แต่ก็ยังมีผู้ชมบางกลุ่มที่มองเห็นคุณค่าในคอนเทนต์ไลฟ์สไตล์ของเธอ ซึ่งต้องติดตามกันต่อไปว่ารายการนี้จะสามารถสร้างกระแสต่อเนื่องได้หรือไม่


ที่มา : forbes.com, people.com

Vanity Fair Oscar Party 2025

Vanity Fair Oscar Party 2025 ใครเกิด ใครปัง รวมลุคคนดังจาก After Party แห่งปี

account_circle
Vanity Fair Oscar Party 2025
Vanity Fair Oscar Party 2025

พรมแดงออสการ์อาจปิดฉากไปแล้ว แต่ความสนุกเพิ่งเริ่มต้นที่ Vanity Fair Oscar Party 2025 งานที่รวมเหล่าตัวพ่อ-ตัวแม่แห่งวงการฮอลลีวู้ดมาในลุคสุดปังที่ต้องร้องว้าว

ปีนี้ไม่มีใครมาเล่น ๆ ตั้งแต่เดรสสุดอลังที่ฟาดทุกแฟลช ไปจนถึงลุคเท่สุดเฉียบที่ทำให้หัวใจสั่นไหว เหล่าคนดังจัดเต็มแบบไม่มีคำว่าธรรมดา ทั้งงานกูตูร์หรูหรา หรือแฟชั่นสุดคูลแบบโมเดิร์นชิค

Vanity Fair Oscar Party 2025 ใครเกิด ใครปัง รวมลุคคนดังจาก After Party แห่งปี

(Photo by Neilson Barnard/Getty Images for Vanity Fair)

เริ่มกันที่ Bianca Balti  (บิอังกา บัลติ) สวมเดรสผ้าเจอร์เจ็ตต์และซาตินสีขาว Ivory จากคอลเล็คชั่น FENDI Couture Spring Summer 2023

(Photo by Dia Dipasupil/FilmMagic)

Joseph Quinn (โจเซฟ ควินน์) ลุคคัสตอมจากคอลเล็คชั่น FENDI Men’s Fall Winter 2025 ที่เพิ่งเปิดตัวล่าสุดในโชว์ Co-Ed ที่ผ่านมา

(Photo by Amy Sussman/Getty Images)

Kathryn Hahn (แคธริน ฮาห์น) เดรสทรงคอลัมน์สีเงิน จากคอลเล็คชั่น FENDI Couture Spring Summer 2024

(Photo by Neilson Barnard/Getty Images for Vanity Fair)

Leslie Bibb (เลสลี่ บิบบ์)  เดรสคัสตอมแขนยาว เปิดหลัง ตกแต่งด้วยตาข่ายคริสตัลสีทองจาก FENDI

(Photo by Amy Sussman/Getty Images)

Henry Golding (เฮนรี่ โกลดิ้ง) ในลุคจาก Burberry สวมสูทประดับกระดุมสองแถว เสื้อเชิ้ตสีขาว โบว์ไทค์ผ้าไหมสีดำ และรองเท้าหนังเดอร์บี้รุ่น Carlyle

(Photo by Dia Dipasupil/FilmMagic)

Keke Palmer (เคค พาล์มเมอร์) สวมชุดจากคอลเล็คชั่น Atelier Versace ฤดูใบไม้ผลิ – ฤดูร้อน 2004 ซึ่งประกอบไปด้วยเสื้อ Crystalized mesh  ที่สวมทับบราท็อป จับคู่กับกระโปรงที่เผยดีไซน์ผ่าขาสูงสุดเย้ายวน  

(Photo by Amy Sussman/Getty Images)

Victoria Monet (วิคตอเรีย มอแน) สวมชุดเดรสผ้าไหมคาดี้จากคอลเล็คชั่น Versace Pre-Fall 2025 โดดเด่นด้วยงานเดรปซิกเนเจอร์ที่ตกแต่งด้วยดีเทลหัวเข็มขัดด้านข้าง พร้อมดีไซน์ผ่าขาสูงสุดเย้ายวน  

(Photo by Neilson Barnard/Getty Images for Vanity Fair)

Donatella Versace (ดอนนาเทลลา เวอร์ซาเช่) สวมเดรส Atelier Versace re-edition จาก คอลเล็คชั่น Fall-Winter 2025 โดดเด่นด้วยฐานผ้า Fil coupe ลายทอง และงานปักแพตช์เวิร์กบนผ้าทูลล์ด้วยคริสตัล ลูกปัดแก้ว Metal baguette และเลื่อมเมทัลลิกสุดประณีต  

(Photo by Neilson Barnard/Getty Images for Vanity Fair)

Bowen Yang (โบเวน หยาง) สวมเบลเซอร์ผ้าวูลสีน้ำเงินแบบกระดุมแถวเดียวพร้อมปกเสื้อแบบ Notch จับคู่กับเสื้อเชิ้ตสีขาวและกางเกงผ้าวูลเข้าชุดจากคอลเล็กชั่น Men’s Resort 2024 พร้อมคอมพลีทลุคด้วยรองเท้าบู้ทรุ่น Versace Luciano

Oprah Winfrey (โอปราห์ วินฟรีย์) สวมลุคสุดพิเศษที่ออกแบบมาโดยเฉพาะจากแบรนด์ Dolce&Gabbana ประกอบด้วยเสื้อเชิ้ตทักซิโด้ กระโปรงยาวปักลายทั้งตัว และแจ็กเก็ตปกแหลม พร้อมเติมเต็มลุคด้วยเนกไทประดับคริสตัล

Monica Barbaro (โมนิกา บาร์บาโร) สวมชุดเดรสเกาะอกสุดหรู ปักประดับคริสตัล Swarovski ด้วยงานฝีมืออย่างประณีตทั่วทั้งชุดจาก Dolce&Gabbana

(Photo by Dia Dipasupil/FilmMagic)

Jessica Alba (เจสสิกา อัลบา) สวมชุดเดรสเกาะอกลูกไม้สีดำสั่งตัดพิเศษ ออกแบบด้วยการจับเดรปอย่างประณีต และเพิ่มความโดดเด่นด้วยดีเทลผ่าขาสูงจากแบรนด์ Dolce&Gabbana

Madison Beer (เมดิสัน เบียร์) สวมชุดเดรสคอลัมน์สั่งตัดพิเศษจาก Dolce&Gabbana ผลิตจากผ้าเคดี้ พร้อมบราในตัว ทำจากผ้าไหมซาตินสีดำ ตกแต่งด้วยสายรัดประดับลูกปัดอย่างประณีต


(Photo by Christopher Polk/Variety via Getty Images)

Serena Williams (เซเรนา วิลเลียมส์) สวมชุดเดรสลูกไม้เกาะอกสั่งตัดพิเศษ ตกแต่งด้วยงานปักสุดประณีต ดีไซน์คอรูปหัวใจ และกระโปรงชีฟองพลิ้วไหว เธอเสริมลุคให้สมบูรณ์แบบด้วยรองเท้าแตะหนังแก้วสุดหรู

(Photo by Amy Sussman/Getty Images)

Zoe Saldaña (โซเอ ซัลดัญญา) สวมบอดี้สูทแขนยาวผ้าไหมเจอร์ซีย์ จับคู่กับเข็มขัดหนังเรียบ กระโปรงผ้าไหมดีไซน์ชายระบายยาว และรองเท้าสลิงแบ็กผ้าซาตินเครปสุดหรูจาก  Saint Laurent

(Photo by Daniele Venturelli/Getty Images)

Zoë Kravitz (โซอี้ คราวิทซ์) สวมเดรสเปิดหลังผ้าไหมประดับคริสตัล ตกแต่งด้วยโบว์สุดหรู จับคู่กับรองเท้าสลิงแบ็ก Vendome ทำจากหนังเคลือบเงาจาก  Saint Laurent

(Photo by Amy Sussman/Getty Images)

Hailey Bieber (เฮลีย์ บีเบอร์) สวมชุดเดรสเกาะอกผ้าไหมตกแต่งโบว์จาก Saint Laurent ร่วมงาน Vanity Fair Oscar Party พร้อมเสริมลุคด้วยรองเท้าแตะ Babylone ทำจากหนังเรียบสุดหรู


Health Matters (EP.2) I มนุษย์ออฟฟิศ VS จอมปวด

Health Matters (EP.2) I มนุษย์ออฟฟิศ VS จอมปวด

Alternative Textaccount_circle
Health Matters (EP.2) I มนุษย์ออฟฟิศ VS จอมปวด
Health Matters (EP.2) I มนุษย์ออฟฟิศ VS จอมปวด

‘ออฟฟิศซินโดรม’ คืออะไร? อย่าปล่อยให้ความเคยชิน ส่งผลกระทบต่อชีวิตในอนาคต! ‘นนท์ อินทนนท์’ ชวน ‘หมอเปียง – อาจารย์นายแพทย์กันตพงศ์ ทองรงค์’ คุยถึงวิธีรับมือกับโรคฮิตของวัยทำงาน อาการปวดตามร่างกาย เพื่อปรับพฤติกรรมก่อนสายเกินแก้

📍 Health Matters รายการทอล์คเรื่องสุขภาพ ตั้งแต่เรื่องเล็กในชีวิตประจำวัน ไปจนถึงเรื่องเชิงลึก ที่จะทำให้ทุกเรื่องสุขภาพเป็นเรื่องเข้าใจง่าย ทุกวันพุธที่ 2 และ 4 ของเดือน เวลา 19:00 น.

Health Matters (EP.2) I มนุษย์ออฟฟิศ VS จอมปวด


'โรคอ้วน' วิกฤตเงียบที่ถูกมองข้าม แนะปรับพฤติกรรม และเฝ้าระวัง 'ภาวะก่อนอ้วน'

‘โรคอ้วน’ วิกฤตเงียบที่ถูกมองข้าม แนะปรับพฤติกรรม+เฝ้าระวัง ‘ภาวะก่อนอ้วน’

Alternative Textaccount_circle
'โรคอ้วน' วิกฤตเงียบที่ถูกมองข้าม แนะปรับพฤติกรรม และเฝ้าระวัง 'ภาวะก่อนอ้วน'
'โรคอ้วน' วิกฤตเงียบที่ถูกมองข้าม แนะปรับพฤติกรรม และเฝ้าระวัง 'ภาวะก่อนอ้วน'

วันที่ 4 มีนาคม ของทุกปี ตรงกับ “วันโรคอ้วนโลก” (World Obesity Day) แพทย์จึงชวนตระหนักถึงปัญหาโรคอ้วน หนึ่งในวิกฤตสุขภาพในยุคปัจจุบันแต่ถูกมองข้าม ข้อมูลสมาพันธ์โรคอ้วนโลกเผยประชากรผู้ใหญ่ทั่วโลกกว่า 988 ล้านคน เผชิญปัญหา โรคอ้วน ชี้ไม่ใช่แค่ปัญหาสุขภาพส่วนบุคคล แต่ส่งผลกระทบต่อระบบสุขภาพและเศรษฐกิจของประเทศ นำไปการใช้งบประมาณสาธารณสุขรักษาโรคที่เกี่ยวข้องอย่างโรคเบาหวาน โรคหัวใจ และมะเร็งมีมูลค่ามหาศาล แนะปรับมุมคิด “เฝ้าระวัง ภาวะก่อนอ้วน” เปิด 5 พฤติกรรมก่อโรค คนที่ติดหน้าจออุปกรณ์มือถือตลอดเวลา ไม่ออกกำลังกาย กินอาหารไม่ดี พักผ่อนไม่เพียงพอ หรือนอนไม่หลับ มีความเครียด  ย้ำอย่าดูเฉพาะค่า BMI เพียงอย่างเดียว แต่ควรประเมิน Body Fat หรือวัดอัตราส่วนของร่างกายร่วมด้วย 

นายแพทย์ชเนษฎ์ ศรีสุโข เผยว่า “ข้อมูลจากสมาพันธ์โรคอ้วนโลกระบุว่า มีประชากรผู้ใหญ่ทั่วโลกกว่า 988 ล้านคนกำลังมีปัญหาโรคอ้วน ส่วนในประเทศไทย ข้อมูลผลสำรวจสุขภาพคนไทยโดยการตรวจร่างกายล่าสุด (ปี 2562-2563) โดยสถาบันวิจัยระบบสาธารณสุขพบว่า ผู้หญิงไทยร้อยละ 46.4 และผู้ชายไทยร้อยละ 37.8 มีภาวะอ้วนหรือมีค่า BMI ตั้งแต่ 25 ขึ้นไป ในขณะที่ผู้ชายไทยร้อยละ 27.7 และร้อยละ 50.4 ในหญิงไทยมีภาวะอ้วนลงพุง หรือมีรอบเอวตั้งแต่ 32 นิ้ว (80 เซนติเมตร) ขึ้นไปสำหรับผู้หญิง และตั้งแต่ 36 นิ้ว (90 เซนติเมตร) ขึ้นไปสำหรับผู้ชาย นอกจากนี้ ยังพบว่า ผู้หญิงในกรุงเทพมหานครมีความชุกภาวะอ้วนลงพุงสูงสุด

โรคอ้วนไม่เพียงแต่เป็นปัญหาสุขภาพส่วนบุคคล แต่ยังเป็นปัญหาที่ส่งผลกระทบต่อระบบสุขภาพและเศรษฐกิจของประเทศต่างๆ อย่างมาก นำมาซึ่งค่าใช้จ่ายในระบบสาธารณสุข ในการรักษาโรคที่เกี่ยวข้องอย่างโรคเบาหวาน โรคหัวใจ และมะเร็งมีมูลค่ามหาศาล

โรคอ้วนเป็นโรคเรื้อรังที่ต้องการการรักษาเช่นเดียวกับโรคเรื้อรังอื่นๆ แต่สิ่งที่น่ากังวลคือ คนที่เป็นโรคอ้วนยังถูกวินิจฉัยและได้รับการรักษาไม่เพียงพอ เพราะจากสถิติจากวิจัยในสหรัฐฯ พบว่า จากจำนวนคนที่เผชิญกับโรคอ้วนทั้งหมดนั้น มีประมาณร้อยละ 40 ที่ได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นโรคอ้วน และมีไม่ถึงร้อยละ 20 ที่ได้รับการรักษาโรคอ้วนด้วยวิธีที่มีข้อมูลศึกษาชัดเจน และมีเพียงร้อยละ 1.3 เท่านั้นที่ได้รับยาที่มีข้อบ่งใช้ในการรักษาโรคอ้วน”

แนวทางแก้ปัญหาโรคอ้วนในระยะยาวนั้น ควรปรับเปลี่ยนทัศนคติเกี่ยวกับโรคนี้ เนื่องจากล่าสุดมีการกำหนดนิยามโรคอ้วน และประเภทของโรคอ้วนทางการแพทย์ใหม่ โดยเน้นความสำคัญของ ‘Preclinical Obesity’ หรือภาวะก่อนเป็นโรคอ้วน ซึ่งควรได้รับการรักษา เช่น คนที่มีภาวะเนื้อเยื่อไขมันมากเกินไป (Excess Adiposity) แต่อวัยวะต่าง ๆ ยังทำงานได้ปกติ

แม้ค่า BMI จะอยู่ในเกณฑ์ปกติ แต่อาจเริ่มมีการเปลี่ยนแปลงของร่างกายในทางไม่ดี และอาจมีอาการของโรคแทรกซ้อน เช่น ไขมันในเลือดสูง ความดันโลหิตสูง และเบาหวาน เป็นต้น แนวโน้มการรักษาโรคอ้วนควรเริ่มตั้งแต่ระยะแรก แม้ค่า BMI ยังไม่เกินมาตรฐาน ซึ่งค่าที่เหมาะสมสำหรับผู้หญิงไทยเฉลี่ยคือ 24.4 และชาวไทยคือ 23.1

การวินิจฉัยภาวะอ้วนรายบุคคลควรใช้เครื่องมือที่วัดสัดส่วนของไขมันในร่างกายเทียบกับน้ำหนักตัว (Body Fat) ที่ช่วยให้รู้รายละเอียดของมวลกล้ามเนื้อหรือมวลไขมันในร่างกายได้ดียิ่งขึ้น หรือหากไม่สามารถวัด Body Fat ได้ ก็อาจเลือกใช้วิธีวัดสัดส่วนของร่างกาย เช่น การวัดเส้นรอบเอว สำหรับผู้ชายถ้ามากกว่า 36 นิ้ว ถือว่าอ้วนลงพุง ส่วนผู้หญิงมากกว่า 32 นิ้ว นอกจากนี้ สามารถใช้การวัดเส้นรอบเอว (เมตร) หารด้วยเส้นรอบสะโพกที่ยาวที่สุด โดยผู้ชายถ้าเกิน 1.0 และผู้หญิงถ้าเกิน 0.8 ถือว่า อ้วนลงพุง

นอกจากกังวลเรื่องรูปลักษณ์ภายนอกที่เกิดจากภาวะอ้วนแล้ว คนเราควรต้องตระหนักถึงโรคอื่นๆ ที่พ่วงมากับความอ้วนด้วย เพราะส่งผลเสียต่อสุขภาพอย่างมาก เพิ่มความเสี่ยงต่อการเสียชีวิตก่อนวัยอันควร และมีค่าใช้จ่ายในการรักษาอีกมหาศาลสำหรับโรคเรื้อรัง

กลุ่มคนที่มีแนวโน้มเป็นโรคอ้วนเพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด จะมีพฤติกรรม 1.ไม่ออกกำลังกาย 2.กินอาหารไม่ดี เช่น มีน้ำตาลสูงเกินไป และกินผัก ผลไม้ที่มีไฟเนอร์น้อยเกินไป 3.พักผ่อนไม่เพียงพอ หรือนอนไม่หลับ 4.คนที่ติดหน้าจออุปกรณ์มือถือตลอดเวลา 5.มีความเครียดและมีปัญหาโรคทางจิตใจ 6.กลุ่มคนที่ได้รับยาบางประเภท เช่น ยาสเตียรอยด์, ยาคุมประเภทฮอร์โมนเดียวแบบโปรเจสเตอโรน, ยากันชัก, ยาเบาหวานและความดันบางชนิด และคนที่มียีนโรคอ้วน

หากใครรู้ว่าตัวเองอยู่ในกลุ่มเสี่ยงดังกล่าว ควรปรับเปลี่ยนพฤติกรรมเพื่อลดความเสี่ยง แต่หากเป็นปัจจัยทางพันธุกรรม หรือภาวะเจ็บป่วยอื่นๆ ก็จำเป็นต้องปรึกษาแพทย์เพื่อรับการวินิจฉัยและรักษาอย่างถูกวิธี

Photo: Pexels


คิม คาร์เดเชียน

Cinderella Moment ของ คิม คาร์เดเชียน ที่ Vanity Fair Oscar Party 

account_circle
คิม คาร์เดเชียน
คิม คาร์เดเชียน

พรมแดงยังไม่จบถ้ายังไม่ถึง Vanity Fair Oscar Party 2025! และปีนี้ คิม คาร์เดเชียน ก็มาพร้อมกับลุคที่เรียกเสียงฮือฮาในเดรสสีขาวสุดหรูจาก Balenciaga ที่ทำให้แฟน ๆ ต้องร้อง เดจาวู! เพราะมันชวนให้นึกถึงชุดแต่งงานในปี 2011 ของเธอ กับอดีตสามี Kris Humphries

(Photo by Axelle/Bauer-Griffin/FilmMagic)

เซเลบริตี้สาววัย 44 ปี และเจ้าของแบรนด์ SKIMS มาในลุคสุดหรูที่ให้ความรู้สึกเหมือนเจ้าหญิง ด้วยเดรสสีขาวเกาะอกที่เงางามและดีไซน์แบบบอลกาวน์ ส่วนเมคอัพนั้นเรียบง่าย เน้นโทนนู้ดและการแต่งตาแบบนุ่มนวล พร้อมเกล้ามวยผมให้ดูเรียบหรูอย่างลงตัว

สิ่งที่ทำให้ลุคนี้น่าสนใจยิ่งขึ้นคือความคล้ายคลึงกับชุดแต่งงานในตำนานของเธอในปี 2011 ซึ่งเธอเลือกสวม Vera Wang โดยชุดเจ้าสาวนั้นมีการดีไซน์กระโปรงฟูฟ่องและคอเสื้อทรงหัวใจ ดูสง่างามราวกับเจ้าหญิง

 Photo : E!

ย้อนกลับไปในปี 2011 คิมได้ให้สัมภาษณ์ว่าเธอรู้สึกเหมือน “เจ้าหญิง” ในวันวิวาห์กับ Kris Humphries อดีตสามีคนที่สอง ซึ่งพิธีวิวาห์ครั้งนั้นถือเป็นงานใหญ่ที่ใช้เงินไปถึง 6 ล้านดอลลาร์ โดยมีการถ่ายทอดสดผ่านรายการพิเศษจากทางทีวี แต่ความรักของทั้งคู่กลับสิ้นสุดลงภายใน 72 วัน หลังการแต่งงาน

(Photo by Kevin Winter/NBCUniversal/Getty Images)

หลังจากนั้นในปี 2019 Humphries ได้เขียนถึงความสัมพันธ์ของเขากับ คิม ว่า “มันเป็นความสัมพันธ์ที่จริงใจ 100%” และถึงแม้จะไม่สามารถประคับประคองได้จนจบ เขาก็ยอมรับว่า “มันเป็นเรื่องที่แย่มากเมื่อความรักต้องจบลงแบบนั้น โดยเฉพาะเมื่อมันเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นต่อหน้าคนทั้งโลก”

สำหรับ คิม คาร์เดเชียน เธอเคยพูดในรายการ Keeping Up with the Kardashians ว่าเธอรู้สึกเสียใจกับการที่ความรักของเธอกับ Humphries จบลงแบบนี้

ไม่ว่าจะผ่านไปนานแค่ไหน ความทรงจำในชุดเจ้าสาวและเรื่องราวในอดีตยังคงถูกพูดถึงในงานปาร์ตี้สุดพิเศษของ Vanity Fair ในปี 2025 นี้


ที่มา : people.com

keyboard_arrow_up