แชร์เทคนิครักษาเสื้อผ้าโทนดำไม่ให้ซีดจาง โดย “หนุ่ม – อภิวัฒน์” กูรูแฟชั่นแถวหน้าของไทย

แฟชั่นของผู้ชายส่วนใหญ่ก็มีอยู่ไม่กี่สี อย่างขาว ดำ เทา แต่สีที่ฮิตที่สุดสำหรับหนุ่มๆ ก็คงเป็นสีดำ เพราะใส่ง่าย เรียบๆ สามารถแมตช์กับอะไรก็ได้ แต่ปัญหาของเสื้อผ้าสีดำก็คือเมื่อเราใช้ไปนานๆ สีจะซีดมาก จากดำก็กลายเป็นขาวได้เลย เห็นละเพลียทุกที วันนี้เราเลยมีเทคนิคดีๆ มาแชร์ต่อกัน จริงๆ ไม่จำเป็นว่าต้องเป็นเสื้อผ้าผู้ชาย เพราะผู้หญิงเองก็มีเสื้อผ้าโทนดำอยู่ไม่น้อยเหมือนกัน

ดังนั้นคนที่จะมาแชร์เทคนิคดีๆ แบบนี้ก็ต้องเป็นกูรูด้านแฟชั่นแถวหน้าของเมืองไทยอย่าง หนุ่ม – อภิวัฒน์ ยศประพันธ์ ที่เข้ามาร่วมแคมเปญ Central Men With Style กับห้างเซ็นทรัล ชวนหนุ่มๆ มาอัพเดตลุคให้หล่อ เท่ มีสไตล์ พร้อมแชร์เทคนิคการรักษาเสื้อผ้าเครื่องแต่งกายโทนสีดำประเภทต่างๆ ไม่ให้ซีดจืดจางมาฝากกัน จะมีเทคนิคอะไรบ้างนั้น ตามมาเลย

 

เสื้อยืด

1

เสื้อยืด TAKEO KIKUCHI ราคา 2,800 บาท

1

เสื้อยืด TAKEO KIKUCHI ราคา 2,000 บาท

1

เสื้อยืด Giordano ราคา 490 บาท

เสื้อยืดถือเป็นเครื่องแต่งกายเบสิกที่หนุ่มหลายคนมีติดตู้เสื้อผ้า เพราะสวมใส่สบาย เข้าได้กับการแต่งกายหลากหลายสไตล์ โดยเสื้อยืดสีดำไม่ควรตากในที่แดดแรง เพราะจะทำให้สีดำซีดเร็วขึ้น แต่การซักทำความสะอาดเสื้อยืดที่ผิดวิธีจะทำให้เสื้อตัวโปรดของหนุ่มๆ ยืดย้วยตามชื่อเลยทีเดียว ฉะนั้นการซักเสื้อยืดจึงไม่ควรขยี้หรือบิดแรงๆ แต่ควรบีบเพื่อให้น้ำไหลออกจากเสื้อ ที่สำคัญไม่ควรตากเสื้อยืดด้วยไม้แขวนเสื้อ เพราะจะทำให้เกิดรอยไม้แขวนเสื้อที่บริเวณหัวไหล่ โดยให้พาดระนาบไปกับราวตากผ้าแทน

 

เสื้อเชิ้ต

1

เสื้อเชิ้ต Brooks Brothers ราคา 4,200 บาท

1

 

เสื้อเชิ้ต ALUMNUS ราคา 1,790 บาท

1

เสื้อเชิ้ต DeFry 01 ราคา 1,590 บาท

อีกหนึ่งไอเท็มที่ช่วยเติมสไตล์ให้หนุ่มๆ ดูเนี้ยบขึ้นคือ เสื้อเชิ้ต โดยการดูแลรักษาเสื้อเชิ้ตสีดำนั้น ควรซักแยกกับผ้าสีอื่นๆ เพื่อป้องกันสีตกและไม่ให้เส้นใยจากผ้าสีอื่นมาติดกับเสื้อสีดำ นอกจากนี้ควรตากในที่ร่มลมโกรกและติดกระดุมเสื้อเม็ดบนเพื่อป้องกันเสื้อด้านบริเวณปกย่นหรือแบออก ส่วนการรีดเสื้อเชิ้ตนั้น ควรรีดจากด้านในโดยใช้ผ้ารองที่เตารีดเพื่อไม่ให้ความร้อนสัมผัสกับเสื้อโดยตรง ป้องกันการขึ้นเงา

 

สูทและเบลเซอร์

1

เบลเซอร์ G2000 ราคา 5,990 บาท

1

สูท Banana Republic ราคา 14,590 บาท

1

แจ็กเก็ต KAMIMURA ราคา 4,280 บาท

ในวันที่ไม่ได้ทำกิจกรรมหนักหรือไปเผชิญสิ่งสกปรก สูทและเบลเซอร์ตัวเก่งของคุณก็ไม่จำเป็นต้องซักแห้งทุกครั้งหลังใช้งานเสมอไป แค่ใส่ไม้แขวนเสื้อที่มีรองบ่าแล้วตากในที่ลมโกรก โดยกลับเสื้อด้านในออกเพื่อให้ระบายความชื้นที่เกาะติดอยู่ด้านในตัวเสื้อ และอย่าลืม! ก่อนที่จะใส่ทุกครั้งควรรีดด้วยเครื่องรีดไอน้ำ เพื่อลบรอยยับที่เกิดบนสูทหรือเบลเซอร์

 

เสื้อไหมพรม

 

เสื้อไหมพรม Banana Republic ราคา 2,990 บาท

1

เสื้อไหมพรม KAMIMURA ราคา 3,380 บาท

1

เสื้อไหมพรม G2000 ราคา 2,290 บาท

นานๆ ทีจะได้หยิบเสื้อไหมพรมออกมาใส่สักที ดังนั้นการเก็บรักษาเสื้อไหมพรมจึงต้องพิถีพิถันกันหน่อย โดยก่อนจะเก็บเข้าตู้ หนุ่มๆ ควรผึ่งเสื้อไหมพรมให้แห้งสนิทก่อน แนะนำให้เก็บด้วยการใส่ในถุงซิปล็อกและไล่อากาศออกให้ดี เพราะสามารถช่วยป้องกันเสื้อไหมพรมเป็นรูได้ นอกจากนี้เสื้อไหมพรมสีดำควรจะแยกเก็บจากเสื้อผ้าสีอื่น เพราะสีของเสื้อไหมพรมสีดำจะไปเลอะเสื้อผ้าสีขาว ซึ่งเกิดจากความชื้นในอากาศทำให้ผ้าเกิดการดูดสีกัน

 

กางเกง

กางเกงชิโน Banana Republic ราคา 2,990 บาท

1

กางเกงสแล็ก Banana Republic ราคา 5,990 บาท

1

กางเกงยีนส์ TAKEO KIKUCHI ราคา 5,500 บาท

1

กางเกง Giordano ราคา 990 บาท

กางเกงสีดำทุกประเภท ไม่ว่าจะเป็นกางเกงยีนส์ กางเกงสแล็ก หรือกางเกงชิโน การซักและตากต้องกลับด้านในออกมา และอย่าลืมติดตะขอและกระดุมให้เรียบร้อย เพื่อให้กางเกงตัวเก่งของคุณเป็นทรง ไร้รอยย่น ที่สำคัญห้ามบิดกางเกงโดยเด็ดขาด เพราะจะทำให้เส้นใยผ้าของกางเกงเสียทรง แต่ให้สะบัดและตากในบริเวณที่ลมโกรกแทน

 

รองเท้า

รองเท้า Andrew Brown ราคา 13,695 บาท

1

รองเท้า Clarks ราคา 5,400 บาท

1

รองเท้า Hush Puppies ราคา 4,950 บาท

1

รองเท้า TAKEO KIKUCHI ราคา 4,300 บาท

แถมท้ายด้วยรองเท้าที่ใส่มาทั้งวัน สิ่งที่ต้องระวังคงหนีไม่พ้นเรื่องกลิ่นและความอับชื้น ดังนั้นหลังจากสวมใส่เสร็จแล้ว หนุ่มๆ ควรนำรองเท้าไปวางในที่ลมโกรกสักพักแล้วจึงนำเก็บเข้ากล่อง เพื่อระบายความชื้นด้านใน หากเป็นรองเท้าหนังก็ควรใส่ที่ดันทรงไว้ในรองเท้าทุกครั้ง ที่สำคัญ! ไม่ควรนำถุงเท้าใส่ไว้ในรองเท้าเพื่อไว้ใส่ในวันรุ่งขึ้น เพราะจะทำให้เกิดกลิ่นเหม็นจนหลายคนอาจจะต้องร้องยี้…นอกจากนี้ในวันหยุดควรนำรองเท้าหนังออกมาไว้นอกกล่องหรือในที่ที่มีอากาศถ่ายเทสะดวก เพื่อยืดอายุการใช้งานของรองเท้าให้นานขึ้น


 

ใครไม่อยากพลาดที่จะเพิ่มเติมไอเท็มเครื่องแต่งกายใหม่ๆ ให้ไม่ตกเทรนด์ ก็สามารถมาในงาน Central Men With Style ในคอนเซ็ปต์ Men In Black ระหว่างวันที่ 21 ก.ย. – 10 ต.ค. 60 ณ แผนกบุรุษ ห้างเซ็นทรัลทุกสาขา พร้อมมอบส่วนลดสูงสุด 30% เมื่อซื้อสินค้าปกติ นอกจากนี้ยังจัดบริการพิเศษสำหรับลูกค้าที่ช็อปครบตามเงื่อนไข ด้วยบริการถ่ายภาพเสมือนสตูดิโอแฟชั่นและเสิร์ฟกาแฟรสเลิศพร้อมมินิแบล็กเบอร์เกอร์ ให้หนุ่มๆ ได้เผยสไตล์ความเป็นตัวเองได้อย่างเต็มที่

 

ความสำเร็จไร้ขีดจำกัด คุยนอกสนามกับหญิงเก่งรอบด้าน กวาดสถิติไตรกีฬานับไม่ถ้วน

เข้าสู่โลกการทำงานมาเป็นเวลา 7 ปี หลังสำเร็จการศึกษาจากรั้วมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ปัจจุบันชีวิตของสาวเก่งวัย 26 ปี “ญี่ปุ่น-ปภาวี อัศวดากร” ไม่ได้มีเพียงเส้นทางการพัฒนาธุรกิจและการลงทุนตามแบบอาชีพของเธอเท่านั้น แต่เส้นทางที่เธอเลือกเพิ่มให้วิ่งตีคู่ไปข้างหน้าด้วยกัน ก็คือเส้นทางสายกีฬาที่ผู้หญิงตัวเล็กๆ ต้อง “ว่าย-ปั่น-วิ่ง” 3 อย่างในการแข่งขันเดียวตามฉบับนักไตรกีฬา

เพราะสุขภาพที่ดีต้องควบคู่ไปกับการใช้ชีวิต เมื่อถึงจุดที่ทำงานแล้วพบว่าสุขภาพเริ่มเดินถอยหลัง อ่อนเพลียง่ายก็เป็นสัญญาณที่ทำให้สาวร่างเล็กชื่อน่ารัก “ญี่ปุ่น-ปภาวี อัศวดากร” ลุกขึ้นมาจัดแจงวางแผนให้กับชีวิตตัวเอง ซึ่งเส้นทางสายกีฬาอย่าง “ไตรกีฬา” ที่เธอเลือกมานั้นก็มาจากจุดเริ่มต้นเล็กๆ ถูกปลูกฝังมาจากครอบครัว ความชอบและกิจกรรมที่ทำมาตั้งแต่สมัยเรียน จนปัจจุบันสิ่งเหล่านี้ได้ทำให้เธอกลายเป็นนักไตรกีฬาที่ประสบความสำเร็จจากการแข่งขันตามรายการต่างๆ รวมถึงคว้าถ้วยรางวัลมาครองได้สำเร็จ

กว่าชีวิตที่ลงมือทำหลายด้านจะสำเร็จแบบนี้คงไม่ได้มีเพียงเรื่องถ้วยรางวัลที่น่าสนใจเท่านั้น แต่วิธีการจัดการ วางแผนชีวิต ไลฟ์สไตล์ส่วนตัว รวมถึงประสบการณ์ระหว่างทางที่คุณญี่ปุ่นพบนั้นก็ล้วนเป็นเรื่องน่าสนใจ และนำมาปรับใช้ให้เข้ากับชีวิตยุคใหม่ได้ไม่น้อย วันนี้เราจึงจะพาไปนั่งคุยกับเธอภายใต้บรรยากาศสบายๆ ที่ร้าน The Hen and The Egg ย่านหลังสวน

เริ่มต้นมาเป็นนักกีฬา แข่งไตรกีฬาได้อย่างไร เพราะคุณญี่ปุ่นก็มีงานประจำที่ต้องรับผิดชอบด้วย

ญี่ปุ่น: ตอนญี่ปุ่นจบปริญญาตรีที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ใหม่ๆ ก็เริ่มทำงานเลย ตอนนั้นยุ่งมาก เราไม่ค่อยได้มีเวลาออกกำลังกายเท่าไหร่ จริงๆ ก็เสียดายนะแต่เราก็ทุ่มเทกับงานมากเพราะเป็นงานแรก เสร็จแล้วพอทำงานไป 3 ปี เราอยากได้ Work-Life Balance ที่ดีขึ้น เพราะเรารู้สึกว่าพอเราไม่ได้ออกกำลังกาย สุขภาพเริ่มแย่คือน้ำหนักอาจจะขึ้น รู้สึกว่าเหนื่อย เพลียง่าย ขึ้นบันไดก็เหนื่อย เราก็เลยกลับมาเริ่มดูแลตัวเอง

พอดีโชคดีที่ตัวเองมีพื้นฐานด้านกีฬาอยู่แล้วตั้งแต่เด็กๆ ตั้งแต่สมัยเรียนมัธยมที่ Shrewsbury International School ก็เป็นนักกีฬาอยู่ 6 ทีม เราเลยกลับมาเล่นกีฬาได้ง่ายขึ้น พอเราเปลี่ยนงาน แล้วงานนี้มันมี Work-Life Balance ที่ดีขึ้น คือเลิกงาน 6 โมง 6 โมงครึ่งอย่างนี้ค่ะ ก็เลยหันไปออกกำลังกาย เพื่อนๆ ก็ชวนมาขี่จักรยาน ตอนนั้นก็ไปปั่นจักรยานทั้งที่เขาใหญ่ ที่ Sky Lane ที่ตอนนั้นสนามเขียวเปิดแล้วรอบสนามบินสุวรรณภูมิ แล้วก็เริ่มปั่นจักรยานมาปีนึง ก็มีเพื่อนๆ อีกแก๊งหนึ่งเล่นไตรกีฬา เขาก็ชวนเรามาเล่นไตรกีฬาไหม สนุกดีนะ ว่าย ปั่น วิ่ง เราก็มีพื้นฐานทั้ง 3 กีฬาอยู่แล้วก็โชคดี ก็เลยเริ่มกลับมาซ้อมกับกลุ่มนี้ชื่อว่า กลุ่ม Ironguides มีคนไทย 30 คนเล่นไตรกีฬาหมด หลายเลเวลเลยนะทั้ง Beginner Intermediate advanced ก็มาซ้อมด้วยกัน ตอนนี้ก็กลับมาซ้อมได้ 3 ปีแล้วค่ะ แล้วก็เริ่มแข่งมาเรื่อยๆ

เหตุผลที่เล่นต่อเนื่องมาหลายปี

ญี่ปุ่น: เหตุผลที่เล่นต่อเนื่องเนี่ย ส่วนหนึ่งเพราะมีเพื่อนเล่นแล้วมันสนุก แต่ละคนก็ช่วยกระตุ้นกันและกัน เป็นกำลังใจให้กันและกันในการซ้อม ผนวกกับการมีโค้ชส่ง Training Plan มาให้เรา คอยดูว่าแผนไหนเหมาะกับเรา มันก็ทำให้เราเร็วขึ้น เหนื่อยน้อยลงในเวลาเท่าเดิม มันก็ทำให้เรามีกำลังใจจากเพื่อน กำลังใจจากโค้ชที่ดี ตารางซ้อมที่ดี ทำให้เราแข็งแรงขึ้น น้ำหนักลด แล้วก็ทำเวลาเร็วขึ้นได้ ตอนแข่งครั้งแรกไม่ได้ถ้วยนะ ได้อันดับแย่ๆ เลย (หัวเราะ) พอเราซ้อมได้ประมาณ 2 เดือน เริ่มไปแข่งแมทช์แรกได้ที่ 2 ก็ฮึย! กำลังใจมา ดีใจมากเลยคือซ้อมมา 2 เดือน แล้วก็ได้ถ้วยด้วย ก็เลยฝึกฝนเรื่อยๆ มา ตอนแรกก็ซ้อม 6 วันต่อสัปดาห์ก่อน จนถึงตอนนี้ก็ซ้อม 7 วันต่อสัปดาห์ คือซ้อมทุกวันเลย “จริงๆ ได้ถ้วยมาก็เหมือนเป็นโบนัสอ่ะเนอะ แต่ที่แน่ๆ เราได้เพื่อน เราได้สุขภาพที่ดีขึ้น จึงเล่นได้มาต่อเนื่อง”

เล่นกีฬามาตั้งแต่เด็กแบบนี้ เพราะสไตล์ครอบครัวเล่นกีฬาด้วยหรือเปล่า

ญี่ปุ่น: อ้า เป็นคำถามที่ดีเพราะว่าบางคนเนี่ย ครอบครัวไม่เล่นกีฬาเลย แต่ว่าญี่ปุ่นอาจจะโชคดีเพราะว่าคุณพ่อเคยเป็นนักแบดฯมาก่อน ตั้งแต่เด็กๆ คุณพ่อก็สอนแบดมินตันเราตั้งแต่ 5-6 ขวบ เขาก็สอนให้เราจับไม้ ตีๆ ดู เราก็พลาดบ้าง อะไรบ้างแต่เขาก็สอนเราจนเรามีพื้นฐาน คือสอนหลายๆ อย่างนะ เพราะคุณพ่อคุณแม่ไม่แน่ใจว่าลูกจะชอบอะไร จะชอบเหมือนเขาไหม หรือจะชอบแบบอื่น เขาก็ให้เรียนตั้งแต่ดนตรี กีฬา ศิลปะ เรื่องศิลปะเราก็ชอบ แต่ว่าดนตรีเนี่ย เราไม่ค่อยชอบ (หัวเราะ) พ่อแม่ก็เริ่มรู้ละว่าลูกเนี่ยน่าจะมาทางสายกีฬา เขาก็เลยให้เราไปเรียนว่ายน้ำ เล่นบาส เล่นแบด เรียนเทนนิสอะไรอย่างนี้ค่ะ แล้วเราก็มาชอบแนวแบดมินตัน ว่ายน้ำ ก็เลยเล่นตั้งแต่เด็กจนโตเลย แล้วก็เล่นกับน้องชาย คุณพ่อก็มีพื้นฐานกีฬาอยู่บ้าง ก็เลยทำให้เรารู้สึกชอบกีฬาไปด้วย แล้วก็มีพื้นฐานที่ดีจากการที่เขาปลูกฝังให้เราเรียนคลาสกีฬาต่างๆ ตั้งแต่เด็ก

จากเล่นไตรกีฬาตามปกติ แล้วเข้ามาอยู่ในกรุ๊ป Exclusive Triathlon by CIMB Preferred ที่เขาส่งไปแข่งขันในรายการต่างๆ ได้อย่างไร

ญี่ปุ่น: เริ่มจากเล่นไตรกีฬากับกลุ่ม Ironguides มาก่อนประมาณ 2 ปีกว่า แล้วพี่อู๋เป็นคนชวนเข้ามากลุ่ม CIMB Preferred มีพี่อู๋กับพี่รุจที่เขาอยู่ CIMB ทั้งคู่ ก็ชวนร่วมลงทุนด้วยและได้เข้าร่วม Training Camp ไตรกีฬาเราก็สนใจในด้านของการลงทุนอยู่แล้วเพราะว่าเราจบด้านการเงิน คณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชีที่ธรรมศาสตร์ รวมถึงเรื่องของการรู้จักคนใหม่ๆ ที่อยู่ในวงการของด้านไตรกีฬาที่เขาก็สนใจด้านการลงทุน มันก็รู้สึกว่านี่เป็นการผสมผสานกันที่ดีเนอะ ทั้งได้เพื่อนใหม่และก็ได้คุยกันเรื่องลงทุน แล้วก็มาเล่นไตรกีฬากับคนใหม่ๆ มีทั้งคนที่ไม่เคยเล่นไตรกีฬามาก่อนเลย เพิ่งมาเล่นครั้งแรกก็เลยลองเข้าร่วมโปรแกรมนี้ดู ก็มีประมาณ 2-3 เดือน สนุกดี ได้เพื่อนใหม่ด้วย ได้เล่นกีฬาด้วย

แบ่งเวลาออกกำลังกายอย่างไร เพราะออก 7 วันต่อสัปดาห์เลย

ญี่ปุ่น: ดูเป็นคนบ้าพลังเลย (หัวเราะ) ก็ออกก่อนทำงานแล้วก็หลังเลิกงาน ทำอย่างนี้ประมาณ 5 วันต่อสัปดาห์ คือตอนเย็นทุกวันแน่นอน แต่ว่าอาจจะวันอังคารถึงวันศุกร์ที่ซ้อม 2 มื้อก็คือ ทั้งก่อนเข้างานและหลังเลิกงานด้วย ทีนี้ซ้อมทุกวัน การซ้อมต่างกันหรือเปล่าก็ไม่เชิง เพราะโค้ชเราเขาจะมีแพลนทุกเดือน ทุกๆ อาทิตย์ไม่เหมือนกัน แต่อย่างน้อยเราต้องว่ายน้ำ 2 วัน ปั่นจักรยาน 2 วัน วิ่ง 2 วัน แล้วก็อาจจะมีปั่นเสร็จแล้วลงมาวิ่ง เพื่อเวลาเราแข่งไตรกีฬา เราจะได้คุ้นเคยกับการทำ 3 อย่างต่อเนื่องกันเลย คือว่ายแล้วมาปั่น แล้วมาวิ่ง ถ้าเราซ้อมแยกกัน เราอาจจะไม่คุ้นเคยกับการเปลี่ยนแปลง เนื่องจากปั่นไปวิ่ง มันใช้กล้ามเนื้อคนละส่วน เราจะทำยังไงให้ปั่นเสร็จแล้ว แล้วลงมาวิ่งได้อย่างต่อเนื่อง

ช่วงซ้อมหรือแข่งขัน เคยเจอสภาวะร่างกายไม่พร้อมไหม มีวิธีจัดการปัญหาตรงนั้นให้ผ่านไปได้อย่างไร

ญี่ปุ่น: มี ตอนแรกเราไม่มั่นใจเลย คือเราขาดซ้อมเพราะงานยุ่งจริงๆ แล้วก็ขาดซ้อมตามตารางไปเยอะแบบโอ้โห 3 วันบ้าง  5 วันบ้าง หรือหลายๆ ครั้งเราซ้อมได้ไม่ครบตามที่โค้ชบอกอย่างนี้ค่ะ บางทีไปทำงานที่สิงคโปร์แล้วก็กลับมาด่วน แล้ววันรุ่งขึ้นต้องแข่งเลยอย่างนี้ เราก็พยายามทำให้ดีที่สุดเท่าที่ร่างกายเราไหวในวันนั้นๆ เราก็ควรจะดีใจนะที่ว่าวันนี้เราทำเต็มที่ เราแข่งเต็มที่ ไม่ว่าผลจะออกมายังไง เราทำเต็มที่แล้ว ในกรณีถ้าวันนั้นเรานอนไม่พอจริงๆ เพราะว่างานเข้าแล้วก็ซ้อมไม่ทันทั้งอาทิตย์นั้นเลย หรือญี่ปุ่นเคยไม่สบาย เป็นไซนัสอักเสบ คุณหมอเขาห้ามว่ายน้ำ แล้วเป็นหวัด ไม่สบายด้วย เขาก็ห้าม หยุดไปเลย 2 อาทิตย์กว่า ฟิตเนสมันก็จะตกไป ก็แบบว่าฮึ่ย! ตอนนั้นทำยังไงดี แล้วต้องแข่งแล้ว ใกล้เวลาแข่งแล้ว รายการแข่งใหญ่ด้วย โค้ชเขาก็ให้กำลังใจแหละว่า มันทำอะไรไม่ได้แล้ว (หัวเราะ) ก็สู้เต็มที่ในสิ่งที่เราทำไหว สุดท้ายก็ใช้ได้ คือผลไม่ได้ออกมาดีเท่าที่โค้ชหรือเราคาดหวังไว้ แต่ว่าเราภูมิใจที่เราทำได้ดีที่สุดในสถานการณ์นั้นๆ แล้วอย่างนี้ค่ะ

ได้ไปแข่งทั้งในและนอกประเทศ เรื่องคน บรรยากาศแตกต่างกันมากไหม

ญี่ปุ่น: เออๆ ตอนแรกก็แข่งในประเทศก่อนเนอะ จนเพื่อนก็ชวนไปเวียดนาม ชวนไปอินโดนีเซีย ชวนไปฟิลิปปินส์ บรรยากาศแตกต่างกันมาก คือยิ่งสนามต่างประเทศเราก็ไปกันกลุ่มใหญ่ขึ้น เพื่อนเราก็เช่ารถบัสไปที่สนามแข่ง แล้วก็อยู่โรงแรมเดียวกัน เหมือนไปเที่ยวและไปแข่งในทริปเดียวกัน มันก็สนุกไปอีกแบบ แล้วก็ได้เห็นคอร์สที่เราไม่เคยเห็นมาก่อน ทั้งทะเล คอร์สปั่น ทางวิ่งที่ไม่เคยเห็น อากาศที่เราไม่เคยเจอ อาจจะร้อนมาก ชื้นมาก มันก็เหมือนเป็นอุปสรรคใหม่ๆ แล้วก็เป็นความท้าทายใหม่ๆ ที่เราจะไปเจอ ทั้งเพื่อนใหม่ด้วย ทั้งผู้จัดงาน ออแกไนเซอร์แต่ละคน เขาก็จัดไม่เหมือนกัน คนละแนว ทั้งของที่ระลึก สินค้าที่ขายในงานเอ็กซ์โปรก็ต่างกัน มันก็สนุกดี

คือถ้าแข่งในเมืองไทย ก็แน่นอนคนไทยเยอะ มีตั้งแต่ 2-3 ร้อยจนไปถึงพันคน แล้วก็อยู่ในบ้านเรา เราก็คุ้นเคยกับสถานที่และอากาศอยู่แล้ว เราก็จะมั่นใจมากขึ้นแล้วการเดินทางเราก็ง่ายมากขึ้น แต่ปีๆ หนึ่งเราอาจจะไปแข่งเมืองนอกสักประมาณครั้ง 2 ครั้งเพื่อเปลี่ยนบรรยากาศ มันก็เป็นการบาลานซ์ทั้งแข่งในเมืองไทยและแข่งในเมืองนอกอ่ะเนอะเพราะเมืองนอกก็ค่าใช้จ่ายสูง

แข่งมาหลายรายการ มีครั้งไหนที่ประทับใจเป็นพิเศษไหม

ญี่ปุ่น: ประทับใจเหรอ อาจจะเป็นงานแข่ง 70.3 คือเป็นพาร์ท Ironman ครั้งแรก เป็นระยะไกลที่สุดเท่าที่ญี่ปุ่นเคยแข่งมา ว่ายน้ำ 1,900 เมตร ปั่นจักรยาน 90 กิโลเมตร ตามด้วยวิ่งมาราธอน 21 กิโลเมตร เป็นครั้งแรกแล้วเราทำได้เวลาค่อนข้างดีคือ 5 ชั่วโมงครึ่ง เราก็เลยรู้สึกว่าเป็นประสบการณ์ที่ดี เพิ่มความมั่นใจว่าเราสามารถไประยะไกลขึ้นได้แล้ว เป็นความท้าทายขึ้นอีกระดับหนึ่ง เรารู้สึกว่าเราพัฒนาและก็ได้ท้าทายตัวเองว่า พัฒนาได้ขนาดนี้แล้ว ทำได้ขนาดนี้แล้วก็ดีใจค่ะ

แข่งแต่ละครั้ง มีความคาดหวังไหมว่าเราจะต้องได้รางวัลนี้ๆ

ญี่ปุ่น: ก็จริงๆ คาดหวังไหม เราอาจจะมีเป็นเป้าหมายมากกว่า ถ้าเราอยากได้โพรเดี่ยม เราต้องซ้อมหนักขนาดนี้ เราถึงจะมีลุ้นโพรเดี่ยมได้ แต่ว่า ณ วันแข่งจริงๆ แล้ว เราไม่ได้คิดถึงโพรเดี่ยมเลย เราไม่ได้คิดถึงเงินรางวัล เราไม่ได้คิดถึงว่าเราจะต้องได้ที่ 1 คือเราลืมไปแล้วว่าโกวล์เราเป็นยังไง แต่เรารู้ว่าเราซ้อมมาเต็มที่ แล้วเราจะทำให้ดีที่สุดในวันนี้ ไม่ว่าผลจะเป็นยังไง ถ้าเราทำเต็มที่แล้วเราก็จะภูมิใจกับมัน จริงๆ มันมีหลายปัจจัยนะ ที่มันจะมากำกับเราในวันนั้นอย่างเช่นว่า เรื่องอากาศ ยางแตก ยางแบน มีคนอื่นเขาแข็งแรงมากกว่า เขาซ้อมหนักกว่าเราอย่างนี้ มันก็เป็นปัจจัยที่เราควบคุมไม่ได้ แต่ว่าที่ทำได้แน่ๆ คือเราทำให้ดีที่สุด แล้วเราก็บอกตัวเองว่าอย่าหยุด คือวิ่งไม่ว่าจะเหนื่อยแค่ไหน อูย..ไม่ไหวแล้ว อากาศร้อน ถึงแม้ว่าเราจะรู้ว่ามีคนรุ่นอายุเดียวกับเราอยู่ข้างหน้าเรา แซงเราไปหมดแล้ว แต่เราก็ต้องพยายามให้ถึงที่สุด แล้วเราก็อย่าหยุด เพราะอะไรก็เกิดขึ้นได้ ถ้าเราทำเต็มที่แล้ว ผลไม่ว่าจะเป็นยังไง เราก็จะแฮ้ปปี้กับมัน

ถามถึงงานประจำปัจจุบันกันบ้าง

ญี่ปุ่น: ญี่ปุ่นทำตำแหน่งผู้จัดการส่วนฝ่ายพัฒนาธุรกิจและการลงทุนที่สยามพิวรรธน์ค่ะ ทำมา 3 ปีครึ่ง สยามพิวรรธน์ก็เป็นเจ้าของสยามพารากอน สยามดิสคัฟเวอรี่ สยามเซ็นเตอร์เนอะ เราก็ทำหน้าที่ในส่วนของนำธุรกิจใหม่ๆ เข้ามาในเมืองไทย อย่างเช่น ปีหน้าโครงการใหม่ของเรา ไอคอนสยามจะเปิด เราก็หาผู้เช่ารายใหญ่อย่างเช่น ห้างทาคาชิมาย่า (Takashimaya) จะมาเปิดสาขาแรกในเมืองไทย เอามาจากสิงคโปร์ เราก็จะคุยกับทาคาชิมาย่าที่สิงคโปร์ เจรจาเรื่องสัญญาต่างๆ ทำเรื่องไฟแนนเชียลโมเดลว่า ธุรกิจนี้ทำไปรอดไหม ต้องมีการลงทุนเท่าไหร่ จะทำรายได้เป็นอย่างไรบ้าง ก็ช่วยๆ ดู ทำตั้งแต่เจรจาสัญญาจนเปิดธุรกิจร่วมกัน ก็เดี๋ยวปีหน้าก็จะเปิดแล้วก็เหมือนจะประสานงานให้ทุกอย่างเป็นไปด้วยดีค่ะ

เดินทางบ่อยแบบนี้ ปกติเป็นคนไลฟ์สไตล์ชอบใช้เงิน จัดการเรื่องเงินอย่างไร

ญี่ปุ่น: จริงๆ ญี่ปุ่นอยากจะบอกว่าไม่รู้คนอื่นเป็นยังไง ปกติเขามีกฎอะไรนะ ให้เก็บ 30%  อย่างน้อยเป็นเงินเก็บใช่ไหม แต่ญี่ปุ่นกลับกัน 70% จะเป็นเงินเก็บ (หัวเราะ) คือญี่ปุ่นจบไฟแนนซ์มา ญี่ปุ่นชอบในเรื่องของตัวเลข แล้วก็เรื่องวางแผนทางการเงินมาก ประมาณว่าชอบลงทุน แต่ว่าเป็นคนที่ไม่ได้เสี่ยงเยอะ เคยลงหุ้นแต่ว่าอาจจะขาดทุนมาบ้าง แต่พอเราผ่านจุดนั้นมาเราจะระวังในการลงทุนมากขึ้น เรารู้สึกว่าเรายังอายุน้อย กล้าได้ กล้าเสี่ยงอยู่ก็ลงทุนหุ้นเยอะ แต่ว่าตอนนี้หันมาเป็นกองทุนหุ้นแล้ว แล้วก็ฝากประจำส่วนตัว ฝากออมทรัพย์ส่วนนึง

อย่างลงทุนกับ CIMB Preferred เขาก็ช่วยดูแลให้เรา คือเราลงทุน 3 ล้านบาท เขาก็ช่วยดูแลพอร์ทลงทุนให้เรา ตั้งแต่เราลิสต์โปรไฟล์เป็นยังไง เรารับความเสี่ยงได้มากขนาดไหน ถ้าเรารับความเสี่ยงได้ไม่มาก เขาก็จะแนะนำในส่วนฝากประจำ 6 เดือน ไปจนถึงกองทุนตราสารหนี้ หุ้นกู้อะไรอย่างนี้ค่ะ จะมีความเสี่ยงต่ำหน่อย แต่ว่าได้ผลตอบแทนมากกว่าออมทรัพย์ทั่วไป คือตอนนี้ออมทรัพย์ได้ดอกเบี้ยน้อยมาก แค่ 0.5 เปอร์เซ็น เราก็เลยหันมาลงทุนตรงนี้ เพราะเราก็มีเวลาน้อยเนอะ ทำงานประจำด้วย เราไม่ได้มีเวลาทุกวันที่จะมาตามตลาดว่า ตลาดเป็นยังไง หุ้นเป็นยังไง หรือว่าช่วงนี้คนลงทุนในตราสารหนี้หรือหุ้นมากขนาดไหน ควรลงในไทยหรือในจีน หรือในยุโรป ต่างประเทศ ก็ต้องอาศัย CIMB Preferred หรือผู้จัดการกองทุนมาแนะนำการลงทุนกับเรา

คือเราจบการเงินมา ก็ไม่ได้แปลว่าจะรู้เรื่องของการลงทุน ณ เวลานั้นๆ เพราะเราต้องคอยตามตลาด ตามข่าวอย่างนี้ค่ะ เราก็เลยเลือก CIMB Preferred มาเป็นผู้ช่วยดูแลพอร์ทให้กับเรา และยิ่ง CIMB Preferred มีกิจกรรมเรื่องของไตรกีฬา มีกิจกรรมเรื่องของไตรกีฬา มันก็เหมือนกับว่า แจ็คพอตเลย ตรงกับสิ่งที่เรารักทั้งสองอย่างเลยคือ เรื่องของการลงทุน และเรื่องของการเล่นกีฬาไปพร้อมๆ กัน แล้วก็ได้เพื่อนที่อยู่ในกลุ่ม CIMB Preferred เขามีความสนใจด้านการลงทุนเหมือนกัน เราก็เลยคุยกับเขาได้ทั้งสองเรื่องเลย สมมติว่าเขาลงทุนเก่งกว่าเรา เราก็อยากได้คำแนะนำจากเขาเนอะ ในทางกลับกัน ถ้าเขาต้องการความช่วยเหลือในด้านการกีฬา เราก็ให้คำแนะนำได้ มันก็เหมือนกับว่าเป็นทั้งการแชร์และการแลกเปลี่ยนความรู้ ประสบการณ์ ก็สนุกดี

ตอนนี้อายุ 26 ปี คิดว่าตัวเองประสบความสำเร็จหรือยังกับสิ่งที่เป็นและมีอยู่ หรืออยากพัฒนาตัวเองตรงไหนอีกไหม

ญี่ปุ่น: จริงๆ ญี่ปุ่นอยากพัฒนาต่อเนื่องเนอะ แล้วญี่ปุ่นมีความรู้สึกว่าเราอาจจะสำเร็จในระดับหนึ่ง แต่ว่ามันไม่เชิงว่าเราสำเร็จแล้ว เราเป็นที่ 1 แล้ว แล้วเราหยุดอย่างนี้ เรามีไอดอล ซึ่งไอดอลของเราก็อาจจะรวมถึง CEO ของบริษัท ก็คือคุณชฎาทิพ จูตระกูลค่ะ เป็นผู้หญิงที่มีวิสัยทัศน์ แล้วก็มีความมุ่งมั่นพัฒนาทั้งธุรกิจและองค์กรไปอย่างต่อเนื่อง เราก็มีเขาเป็นไอดอล แล้วก็เจ้านายโดยตรงของเราในแผนก เราก็มองเขาเป็นไอดอล เราก็พยายามพัฒนาตัวเองไปอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้เราไม่หยุดนิ่ง จะได้ก้าวหน้าในการงาน แล้วก็พัฒนาสกิลของเราไปในทุกวันด้วย

ถ้าคนภายนอกมองเข้ามาก็จะเห็นมุมคุณญี่ปุ่นเป็นนักกีฬา สาวทำงาน มีมุมหวานๆ สไตล์ผู้หญิงอย่างชอบช้อปปิ้ง ทำอาหารบ้างไหม

ญี่ปุ่น: อ๋อ ก็ชอบนะ (หัวเราะ) จริงๆ ผู้หญิงทุกคนก็ชอบช้อปปิ้ง รักสวยรักงาม ดูเครื่องสำอาง น้ำหอมอย่างนี้ใช่ม๊า แต่ก็แบบมีเวลาน้อยลง เราก็จัดเวลาได้ แต่ว่าจันทร์ถึงศุกร์อาจจะยุ่งกับงานนิดนึง ก็จะใช้เวลาเสาร์-อาทิตย์ ทำผม ทำเล็บ ทำสปา นวดอย่างนี้ จริงๆ ทำอาหารเป็น แต่ว่าไม่ค่อยมีเวลา (หัวเราะ) หวานๆ ไหม อาจจะเป็นแนวนักกีฬา แนวผาดโผนหน่อย (หัวเราะ) เป็นคนชอบผจญภัย ชอบเที่ยว แล้วก็ติดดิน เป็นคนไม่ค่อยยึดติดกับวัตถุเท่าไหร่ แล้วก็สบายๆ  ชิลๆ เวลาเสาร์-อาทิตย์เราก็พักผ่อนอยู่กับครอบครัว อาจจะเป็นแนวไม่ได้ว่าแต่งตัวมาก ชอบเล่นกีฬา ชอบไปเที่ยวทั้งในประเทศและนอกประเทศมากกว่า ไปผจญภัยเจออะไรใหม่ๆ

การที่เราใช้ชีวิตแบบนี้เป็นประจำ เคยมีคนรอบข้างที่อยากจะลุกขึ้นมาออกกำลังกายแบบเราไหม

ญี่ปุ่น: เออๆ จริงๆ ญี่ปุ่นอยากจะจุดประกายให้คนมาออกกำลังกายมากขึ้นเหมือนกัน ไม่ว่าจะทางตรงหรือทางอ้อม ทางอ้อมนี่หมายถึงว่าบางทีคนไม่ชอบให้ชวนทางตรง จะรู้สึกมันสื่อตรงเกินไป อยู่ดีๆ ก็ไปชวนเขาออกกำลังกาย เขาก็จะมีความรู้สึกต่อต้าน ฮึ่ย ไม่เอาอ่ะ ทำไมฉันจะต้องไปออกด้วยอย่างนี้ แต่ถ้าทางอ้อมเราก็อาจจะโพสต์ทางโซเชียลมีเดียว่า การออกกำลังกายมีประโยชน์อย่างนี้นะ จริงๆ คนที่เขาตามเราเรื่อยๆ เขาเห็นเราว่าน้ำหนักเราลดไปประมาณ 3-4 โล แล้วเราดูเฟรชมากขึ้น มีพลังมากขึ้น ดูมีชีวิตชีวาอย่างนี้ค่ะ เขาจะถามว่า เราไปทำอะไรมา เราออกกำลังกายยังไง เราก็บอกไปทางอ้อมว่าเราซ้อมอย่างนี้ เรารู้สึกมีสุขภาพดีขึ้นอย่างไรบ้าง เขาก็เลยรู้สึกว่า เออก็ดีเนอะ เขาก็เหมือนกับว่าอยากจะออกกำลังกายมากขึ้น กระตุ้นให้ตัวเองออกกำลังกาย สมัครยิม เข้าฟิตเนสดีๆ อะไรอย่างนี้ค่ะ

แล้วแต่ละคนเนี่ยมีเป้าหมายไม่เหมือนกัน บางคนออกกำลังกายเพื่อสุขภาพ บางคนอยากได้เพื่อน บางคนเพื่อเข้าสังคม บางคนเพื่อ performance คือว่าอยากจะได้โพเดี่ยม อยากจะได้เวลาดีที่สุดอย่างนี้ ไม่ว่าคุณจะเล่นกีฬาอะไร เป้าหมายอะไร คุณก็สามารถเล่นกีฬาได้เพื่อสุขภาพที่ดีขึ้น เพราะสุดท้ายแล้ว สุขภาพไม่ได้เป็นอะไรที่เงินซื้อได้ คือไม่ว่าจะรวยขนาดไหน พันล้าน ร้อยล้าน แต่สุดท้ายแล้วถ้าเราสุขภาพไม่ดี เราจะกลายเป็นว่าเราต้องมาดูแลสุขภาพ ต้องเข้าโรงพยาบาลหรือว่าไปเที่ยว ทำกิจกรรมที่ตัวเองชอบไม่ได้ มันก็จะไม่มีความสุขเต็มที่อย่างนี้ค่ะ

เป้าหมายในปัจจุบัน และอนาคตต่อจากนี้มีการมองหรือวางแผนชีวิตอย่างไรบ้างคะ

ญี่ปุ่น: ก็จริงๆ กีฬาเนี่ย มันมีหลายเลเวลเนอะว่า เราจะไประยะสั้น หรือจะไประยะยาวเลย ซึ่งระยะยาวยิ่งยาว เราก็ต้องยิ่งซ้อมเยอะ ทีนี้มันก็ต้องดูก่อนว่าเรามีเวลาขนาดไหน ปีหน้าญี่ปุ่นได้เข้าเรียนสถาบันบัณฑิตบริหารธุรกิจ ศศินทร์ Executive MBA Programme แล้วอะค่ะ ก็จะเรียน 2 ปี Executive Programe แปลว่าทำงาน full time เหมือนเดิมที่สยามพิวรรธน์ แล้วก็วันศุกร์เย็นกับวันเสาร์ทั้งวันก็ไปเรียนโทที่ศศินทร์ จุฬาฯ ค่ะ ก็หวังว่าจะมีเวลาซ้อมบ้าง แต่ก็คิดว่าต้องลดลงมา อาจจะไปแข่งเมืองนอกค่อนข้างลำบาก เพราะว่าเราเรียนทั้งศุกร์และเสาร์ด้วย แต่อย่างน้อยเราก็อาจจะแข่งที่เมืองไทย ซึ่งมันแข่งทุกวันอาทิตย์ได้ อาจจะเดือนละครั้งหรือว่าเดือนละสองครั้ง ด้วยความโชคดีที่เราชินกับตารางซ้อมแล้ว อาจจะปรับให้ชั่วโมงซ้อมน้อยลง แต่ว่ายังซ้อมที่ความหนักเท่าเดิมอยู่ ที่พอได้ แต่ว่าทุกอย่างยึดปริญญาโทกับงานเป็นหลักก่อน แล้วเราค่อยดูอีกทีว่าตารางเวลาเราจะเป็นยังไง แล้วเราสามารถปรับให้มีการซ้อม 3-4 วันต่ออาทิตย์ ยังพอได้ไหมอย่างนี้ค่ะ

แต่ว่าอยากจะบอกด้วยว่า ทุกอย่างควรจะอยู่ในความพอดี คือออกกำลังกายเยอะไปก็ไม่ใช่ว่าจะมีข้อดี อย่างเช่นว่าบางคนอาจจะเริ่มข้อเท้าพลิก หรือเข่ามีปัญหาได้ บางคนอาจจะไปแข่งทุก 2 อาทิตย์ครั้ง หรือไปทุกเดือน หรือไประยะ Ironman แล้วกลับมาแข่ง Trail หรือแข่งต่อๆ ติดๆ กัน มันก็ทำให้ร่างกายเราโทรม กลายเป็นว่าทำให้เราท้อ แล้วบางคนเลิกเล่นไปเลยนะ จริงๆ แล้วมันไม่ใช่ความผิดโค้ช เพราะว่าโค้ชห้ามแล้วไม่ให้คุณแข่งติด แต่ว่าด้วยความที่งานแข่งมันเยอะ แล้วเขาอยากที่จะสนุก แต่จริงๆ เขาต้องรู้ด้วยว่าร่างกายเราได้ถึงไหน แล้วก็ต้องรู้ความพอดีว่าน้อยไปก็ไม่ดี มากไปก็ไม่ดี เช่นเดียวกับงาน คือญี่ปุ่นเล่นกีฬาแล้ว ญี่ปุ่นพยายามเอามาปรับกับงาน กับหลายๆ อย่างด้วยว่าทุกอย่างมันต้องมีความพอดี ทุกอย่างมีจังหวะของมัน จังหวะชีวิตของมัน แล้วก็ต้องจัดตารางให้ดี ไม่ว่าจะเรื่องงาน เรื่องครอบครัว เรื่องตัวเอง แล้วก็เรื่องกีฬาเนี่ย ทุกอย่างมันเป็นเรื่องของการจัดการทั้งนั้นเลย

 

เรื่อง: กัญญาวีร์ วิมลรัตน์
ภาพ: Wara Suttiwan
สถานที่: ร้าน The Hen and The Egg ย่านหลังสวน

กรุงเทพฯ

กรุงเทพฯ ยังครองแชมป์เมืองจุดหมายปลายทางที่สุดในโลกติดต่อกันเป็นปีที่ 2

Alternative Textaccount_circle
กรุงเทพฯ
กรุงเทพฯ
กรุงเทพมหานคร ยังคงครองอันดับหนึ่งเมืองจุดหมายปลายทางที่นักท่องเที่ยวทั่วโลกเดินทางมาเยือนมากที่สุด ติดต่อกันเป็นปีที่สอง ตามมาด้วยกรุงลอนดอน จากการสำรวจสุดยอดจุดหมายปลายทางโลกของมาสเตอร์การ์ด ประจำปี 2560 (Mastercard Global Destinations Cities Index –GDCI 2017) ซึ่งทำการสำรวจติดต่อกันเป็นปีที่ 7

กรุงเทพฯ ได้ต้อนรับนักท่องเที่ยวที่มีการค้างคืนมากถึง 19.41 ล้านคนในปี 2559 และคาดว่าจำนวนนักท่องเที่ยวกลุ่มดังกล่าวจะเติบโตขึ้น 4  เปอร์เซ็นต์ คิดเป็น 20.2 ล้านคนในปี 2560 นี้ และจากการสำรวจสุดยอดจุดหมายปลายทางโลกของมาสเตอร์การ์ด ประจำปี 2560 นี้ กรุงเทพฯ ยังติด 1 ใน 5 ของเมืองที่นักท่องเที่ยวพักค้างคืนมีการจับจ่ายใช้สอยมากที่สุดถึง 14.08 พันล้านเหรียญสหรัฐ

การสำรวจดังกล่าวไม่เพียงจัดอันดับ 132 เมืองทั่วโลกที่มีผู้มาเยือนมากที่สุด และมีการใช้จ่ายมากที่สุดเท่านั้น แต่ยังวิเคราะห์จำนวนนักท่องเที่ยวและการใช้จ่ายในปีปฏิทิน 2559 เพื่อใช้คาดการณ์การเติบโตในปีถัดไป พร้อมกับนำเสนอข้อมูลที่ทำให้เข้าใจถึงการเติบโตอย่างรวดเร็วของเมืองจุดหมายปลายทาง รวมถึงรูปแบบการเดินทางและการจับจ่ายใช้สอยของนักท่องเที่ยวทั่วโลกในเชิงลึกอีกด้วย

จากผลการสำรวจฯ นักเดินทางที่มาเยือนกรุงเทพฯ (88.6%) เป็นการเดินทางเพื่อท่องเที่ยวพักผ่อนเป็นจุดประสงค์หลัก ซึ่งมีมากกว่าการเดินทางมาเพื่อจุดประสงค์ทางธุรกิจอย่างเห็นได้ชัด (11.4%) และมี 3 สิ่งที่นักท่องเที่ยวใช้จ่ายมากที่สุดในกรุงเทพฯ ได้แก่ ช้อปปิ้ง (22.9%) ที่พัก (22.6%) และการบริการต่างๆ ในกรุงเทพฯ (21.5%) และจากผลการสำรวจสุดยอดจุดหมายปลายทางโลกของมาสเตอร์การ์ดล่าสุด ยังนำเสนอข้อมูลใหม่เกี่ยวกับประเทศต้นทาง 5 อันดับแรกที่นักท่องเที่ยวนิยมเดินทางไปยังเมืองจุดหมายปลายทาง โดย 5 ประเทศต้นทางที่มีนักท่องเที่ยวเดินทางมาท่องเที่ยวยังกรุงเทพฯ มากที่สุดได้แก่ ประเทศจีน (34.3%) ญี่ปุ่น (7.1%) เกาหลีใต้ (4.3%) อินเดีย (4.1%) และ สหราชอาณาจักร (3.8%) ตามลำดับ

ผลสำรวจยังชี้ให้เห็นว่า เอเชียแปซิฟิกมีเมืองที่เป็นจุดหมายปลายทางสุดยอดของโลกติด 10 อันดับแรกมากที่สุด และยังมีการใช้จ่ายมากกว่าเมืองจุดหมายปลายทางในภูมิภาคอื่น นักท่องเที่ยวที่เดินทางมาเยือนเมืองต่างๆ ที่ติด 10 อันดับในอาเซียน มีการใช้จ่ายรวมในปี 2559 อยู่ที่ 91.16 พันล้านเหรียญสหรัฐ มากกว่าที่นักท่องเที่ยวใช้จ่ายในยุโรปซึ่งอยู่ที่ 74.74 พันล้านเหรียญสหรัฐ และในอเมริกาเหนือที่ 55.02 พันล้านเหรียญสหรัฐ

ในโอกาสนี้ อีริค ชไนเดอร์ รองประธานอาวุโส เอเชียแปซิฟิก ที่ปรึกษามาสเตอร์การ์ด กล่าวว่า “จากการที่เอเชียแปซิฟิกเป็นภูมิภาคที่มีการเติบโตด้านการเดินทางท่องเที่ยวระหว่างประเทศมากที่สุด ธุรกิจท่องเที่ยวจะยังคงเป็นภาคธุรกิจที่มีบทบาทสำคัญต่อการพัฒนาและการเติบโตทางเศรษฐกิจในภูมิภาคนี้ การที่มีจำนวนนักเดินทาง ทั้งเพื่อการท่องเที่ยวพักผ่อนและเพื่อจุดประสงค์ทางธุรกิจเดินทางไปยังเมืองต่างๆ ทั่วทั้งภูมิภาค ชี้ให้เห็นถึงถึงความจำเป็นที่ทั้งภาครัฐและภาคเอกชนในประเทศควรหันมาลงทุนในเครือข่ายอัจฉริยะและสาธารณูปโภค ที่จะมอบประสบการณ์การเดินทางท่องเที่ยวที่ราบรื่นให้กับทั้งประชาชนที่อยู่อาศัยในเมือง นักท่องเที่ยวที่เดินทางมาเพื่อพักผ่อน และนักธุรกิจ และเมืองที่ลงทุนในเครือข่ายและสาธารณูปโภคดังกล่าว จะสามารถพัฒนาศักยภาพของการเป็นเมืองจุดหมายปลายทางโลกอย่างแท้จริง และได้รับประโยชน์มหาศาลทางเศรษฐกิจจากจำนวนนักท่องเที่ยวที่มากขึ้นและอัตราการจับจ่ายใช้สอยของนักท่องเที่ยวที่เพิ่มขึ้นอีกด้วย”

ทั้งนี้ จากผลสำรวจฯ นี้ ระบุว่า ลอนดอน ซึ่งอยู่ในอันดับสองรองจากกรุงเทพฯ มีจำนวนนักท่องเที่ยวอยู่ที่ 19.06 ล้านคน ในขณะที่สิงคโปร์มีนักท่องเที่ยวจำนวน 13.11 ล้านคน แซงนิวยอร์กที่ 12.7 ล้านคน ขึ้นมาอยู่อันดับที่ 5 เป็นครั้งแรกในรอบสามปีที่ ในขณะที่โซล กระโดดขึ้นมาถึงสามอันดับจนมาอยู่ที่อันดับ 7 ที่ 12.39 ล้านคน ผลสำรวจเมืองสุดยอดจุดหมายปลายทางโลกของมาสเตอร์การดยังคาดการณ์การเติบโตอย่างต่อเนื่องในปี 2560 ยกเว้นนิวยอร์ก ขณะที่โตเกียวคาดว่าจะมีการเติบโตมากที่สุด 12.2 เปอร์เซนต์

เมืองจุดหมายปลายทาง 10 อันดับแรกที่ต้อนรับนักท่องเที่ยวที่มีการค้างคืนมากที่สุดในปี 2559 พร้อมคาดการณ์การเติบโตในปี 2560 ได้แก่
   

เมือง

 

จำนวนนักท่องเที่ยวที่มีการค้างคืน ในปี 2559

คาดการณ์

จำนวนนักท่องเที่ยวที่มีการค้างคืน ในปี 2560

1 กรุงเทพมหานคร 19.41 ล้านคน เพิ่มขึ้น 4%
2 ลอนดอน 19.06 ล้านคน เพิ่มขึ้น 5%
3 ปารีส 15.45 ล้านคน เพิ่มขึ้น 4.4%
4 ดูไบ 14.87 ล้านคน เพิ่มขึ้น 7.7%
5 สิงคโปร 13.11 ล้านคน เพิ่มขึ้น 2.6%
6 นิวยอร์ก 12.70 ล้านคน ลดลง -2.4%
7 โซล 12.39 ล้านคน เพิ่มขึ้น 0.4%
8 กัวลาลัมเปอร์ 11.28 ล้านคน เพิ่มขึ้น 7.2%
9 โตเกียว 11.15 ล้านคน เพิ่มขึ้น 12.2%
10 อิสตันบูล 9.16 ล้านคน เพิ่มขึ้น 0.9%

 

ข้อมูลเกี่ยวกับรูปแบบการเดินทาง และการจับจ่ายใช้สอยของนักท่องเที่ยวทั่วโลก

จากเมืองที่เป็นสุดยอดจุดหมายปลายทางของโลกจำนวน 20 เมือง การเดินทางเพื่อท่องเที่ยวพักผ่อนเป็นจุดประสงค์หลักที่นักเดินทางมาเยือนมากที่สุด นำโดย กัวลาลัมเปอร์ (92.2%) ซึ่งแตกต่างจากเซี่ยงไฮ้ ซึ่งเกือบครึ่งหนึ่งของนักเดินทางมาเพื่อจุดประสงค์ทางธุรกิจ (48.4%)

เมื่อพิจารณาตัวเลขในรายละเอียดของเมือง 10 สุดยอดจุดหมายปลายทางโลกในส่วนของค่าใช้จ่าย จะทำให้เราเข้าใจรูปแบบการใช้จ่ายของนักท่องเที่ยวในขณะที่เดินทางไปยังเมืองต่างๆได้ดีขึ้น เช่น

  • อิสตันบูล –เป็นเพียงเมืองเดียวที่มีจำนวนนักท่องเที่ยวใช้จ่ายเงินไปกับการดินเนอร์มากที่สุด (33.6%)
  • นักท่องเที่ยวใช้จ่ายเงินไปกับการช็อปปิ้งในกรุงโซลมากที่สุด (5%) ตามด้วย ลอนดอน (46.7%) โตเกียว (43.1%) กัวลาลัมเปอร์ (31.3%) และดูไบ (31%)
  • สัดส่วนค่าใช้จ่ายส่วนใหญ่ของนักท่องเที่ยวถูกใช้เป็นค่าที่พักและโรงแรมมากที่สุดเมื่อเดินทางไป ปารีส (8%) และ นิวยอร์ก (31.8%)
  • ด้วยระบบขนส่งมวลชนที่ดีเยี่ยม นักท่องเที่ยวพบว่า สามารถประหยัดค่าใช้จ่ายในการเดินทางในลอนดอน (3%) สิงคโปร์ (4.6%) และโตเกียว (6.9%)

เปิดหมดเปลือก ดีเจนุ้ย – ธนวัฒน์ มีบ้าน 40 ล้านได้ เพราะถือพรหมจรรย์

ดีเจนุ้ย – ธนวัฒน์เล่าชีวิตจากนักข่าวตัวเล็กๆ จนทุกวันนี้มีบ้านหลังใหญ่ราคา 40 ล้าน เจ้าตัวเผยมีความเชื่อ เพราะถือพรหมจรรย์ทำให้ชีวิตเจริญ

ดีเจนุ้ย – ธนวัฒน์

เปิดใจพิธีกร ดีเจชื่อดัง นุ้ย – ธนวัฒน์ ประสิทธิสมพร จากอดีตนักข่าวบันเทิงที่สามารถปั้นตัวเองมาสู่จุดสูงสุดของชีวิต ขยันวิ่งรอกทำงานหนัก ใน 1 เดือนหยุดงานแค่ 1 – 2 วัน อีกทั้งยังเชื่อว่าเพราะถือพรหมจรรย์ เลยทำให้ชีวิตเจริญ ล่าสุดได้มานั่งเปิดใจในรายการคุยเช้า Show ที่มีธัญญ่า – ธัญญาเรศ และเอมมี่ – อมลวรรณ เป็นพิธีกร

ใน 365 วัน ทำงานกี่วัน?
“ก็มีหยุดบ้าง แต่ในเดือนหนึ่งจะหยุดสักวันสองวัน อย่างเดือนนี้หยุด 1 วัน เราจะมีรายการประจำ 6 – 7 รายการ ด้วยความที่มีหลายรายการ คิวมันก็จะลงไปถึงสิ้นปี นอกจากนั้นก็จะมีงานอีเว้นต์ต่างๆ”

ได้ยินมาว่าเราขี้งกมาก ในการรับงานแต่ละงานก็จะมีการคำนวณแล้วว่าจะได้กี่บาท หรือจะออกจากบ้านในแต่ละวันก็จะคำนวณว่าได้เท่านี้ถึงจะออก?
“ครับ คือเรามีความรู้สึกว่าถ้าเราจะออกไปสักหนึ่งวัน เราจะมีจุดมุ่งหมายให้ตัวเองว่าใน 1 เดือนเราจะมีรายรับเท่าไหร่ เพราะฉะนั้นวิธีการของนุ้ย ถ้าสมมุติว่ามีรายการทีวีติดต่อมา รายการทีวีจะมีรายรับประมาณหนึ่ง เพราะฉะนั้นมันจะไม่พอที่เราตั้งไว้ต่อวัน เราก็จะขอคิวเขาทั้งปี แล้วก็จะเอาไปแมตช์กับรายการอื่นเอา เช่น เช้าไปรายการเขา บ่ายมาอีเว้นต์ แต่ถ้าจะให้เทไปรายการเขาเดี่ยวๆ เลยก็จะไม่เอา เพราะถือว่าออกไปแล้วมันจะไม่คุ้มค่า คือเราจะมีการคำนวณให้ตัวเองว่าจุดมุ่งหมายมันเป็นยังไง แล้วทำให้ได้ตามเป้า”

เคยคิดไหมว่าวันหนึ่งเราจะมาได้ถึงจุดๆนี้ เพราะเราเริ่มจากการเป็นนักข่าวบันเทิง?
“เริ่มจากทำนักข่าวมาตั้งแต่แรกๆ เลย ตอนแรกไม่ได้คิดว่าจะมาอยู่เบื้องหน้าเลยด้วยซ้ำ แต่ว่าจังหวะมันโอเคแล้วจังหวะมันได้ พี่มดดำเป็นคนให้นุ้ยลองมาจัดรายการดู หลังจากนั้นชีวิตเลยค่อยๆ เปลี่ยน ก่อนหน้านั้นอยากเข้าวงการ แต่หน้าเราไม่ได้ เลยทำเบื้องหลังแทนละกัน แล้วเราเรียนวิทยุโทรทัศน์ด้วย เลยได้มาทำงานนี้ จนมาวันหนึ่งเหมือนชีวิตมันพลิก แล้วพี่มดดำเข้าไปคุยกับนาย ให้ลองจัดดู เขาก็ลงมาบอกเราให้จัดตอนนั้นเลย หลังจากนั้นก็ยาวเลย”

เปิดใจในรายการคุยเช้า Show

เรื่องที่ถือพรหมจรรย์ จริงไหม?
“อันนี้จริง”

แล้วที่บอกว่าไปดูหมอมา แล้วหมอบอกให้ถือพรหมจรรย์แล้วงานจะรุ่งแบบไม่มีหยุด จริงไหม?
“คือมีหมอดูดูจริง คือดวงเราเวลาจะเช็กว่าหมอคนไหนแม่นไม่แม่นเราจะเช็กจากเรื่องความรัก ถ้าบอกว่าช่วงนี้ความรักดีมาก ก็จะบอกให้เขาเก็บไพ่เลย แล้วกลับไป เพราะชีวิตเราไม่เคยมีความรัก เราเป็นคนขี้เบื่อ ถ้ามาถามว่าอยู่ไหน ทำอะไร เราจะโกรธมาก ไม่เคยคบใครและไม่เคยแตะเนื้อต้องตัวใคร ไม่เคยชอบใครเลย เพราะเป็นคนที่มีพื้นที่ส่วนตัวสูงมาก ไม่ค่อยให้ใครเข้ามาในอาณาเขตของเรา ปิดกั้นมาก และไม่มีปมด้วย แค่ขี้รำคาญเฉยๆ”

เราคิดว่าที่เรารวยเพราะเราถือพรหมจรรย์?
“มันก็เป็นไปได้นะ เพราะหลังๆ เราก็ไม่ได้รู้สึกอยากมีคู่ หมอดูทักไว้ว่าถ้ามีแฟนมันจะดร็อปลง”

รถปอร์เช่ที่ซื้อ เราซื้อเงินสดด้วย?
“ที่บ้าทำงานทุกวันนี้เพราะเป็นคนซื้อของแล้วซื้อเงินสด ไม่ชอบผ่อนของ อยากได้ของชิ้นนี้ก็จะต้องสด ก็เลยบ้าทำงานมาก เพื่อจะเก็บเงินเอามาซื้อของ”

ซื้อบ้าน 40 ล้านด้วยเงินสด?
“นุ้ยอยู่วงการมาสิบปีนะพี่ แล้วนุ้ยวิ่งทำงานขนาดนี้”

ดีเจอารมณ์ดี

เคยคิดท้อจนอยากออกจากวงการ?
“ก็เคยมีความคิดวูบหนึ่ง วงการนี้เป็นวงการที่นุ้ยรัก มันจะมีความคิดแค่ชั่ววูบหนึ่ง แต่ความคิดหลักๆ ที่เกิดในช่วงเวลาหนึ่งมากกว่า เราอาจจะรู้สึกว่าพื้นที่ตรงนั้นไม่ใช่พื้นที่ที่เรารู้สึกดี เพื่อนร่วมงานไม่มีปัญหานะ บางครั้งมันเป็นแค่ชั่ววูบของอารมณ์ เราแค่อยากจะเปลี่ยนพื้นที่เฉยๆ ไม่ใช่อยากออกจากวงการไปเลย”

เรามองอนาคตในวงการบันเทิงยังไง?
“ทำอะไรเราต้องทำได้หลายๆ อย่าง คือนุ้ยไม่ได้วางจุดของตัวเองไว้ว่าเราจะเป็นพิธีกรหรือเล่นละคร เราต้องทำได้หลายอย่าง อยากอยู่ยาวๆ”

‘ขัดใจ มีแต่คนไม่โสดมาชอบ’ เช็คเลย ดวงวันที่ 28 กันยายน 2560

ดูดวงรายวัน ประจำวันพฤหัสที่ 28 กันยายน 2560 เช็คทุกวัน ทันทุกดวงกับ แพรว ดอทคอม

ผู้ที่เกิดวันอาทิตย์

การงาน : ดึงประสบการณ์มาใช้ให้เป็นประโยชน์ แม้ใครไม่เห็นผลงาน ก็ถือว่าได้มีโอกาสที่ได้ทำงานที่รัก หากผู้ใหญ่แนะนำช่องทางก็ฉกฉวยไว้ ไม่แน่ท่านอาจได้ใช้ประโยชน์ในภายภาคหน้า

การเงิน : หากวางโครงการอะไรไว้ให้รีบทำ เพราะอาจติดขัดเรื่องเงิน

ความรัก : วันนี้จับมือหันหน้ามาปรึกษากัน เพื่อวางรากฐานให้กับครอบครัว สามัคคีกันแล้วก็จะเห็นช่องทางเองละ คนโสด  มีเสน่ห์กับทั้งเพศตรงข้ามและเพศเดียวกัน เปิดใจรับไว้ก็ไม่เสียหลาย จะได้มีคนมาช่วยกันคิดช่วยกันทำ

สุขภาพ : ปวดตา จ้องทั้งจอเล็กและจอใหญ่ พักสายตาบ้าง

 

ผู้ที่เกิดวันจันทร์

การงาน : ขยัน ไฟแรง มีวิสัยทัศน์กว้างไกล ทำให้ท่านบุกเบิกงานใหม่ หรือต่อยอดทางธุรกิจได้ หากท่านสุขุมรอบคอบไว้ก็จะดี

การเงิน : ลงทุนอะไรไว้ก็ค่อยๆ เก็บเกี่ยวผลกำไร

ความรัก : หมดเวลาที่จะมานั่งเถียงกัน เอาชนะกันแล้ว เพราะเศรษฐกิจแบบนี้ต้องจับมือกัน ไม่งั้นลำบากแน่ คนโสด ยังไม่มีเวลาว่าง เพราะติดงานชุลมุนไปหมด ปล่อยเรื่องความรักไปก่อน

สุขภาพ : ระบบลำไส้ไม่ค่อยดี ทานอาหารอะไรก็ต้องระวัง

 

ผู้ที่เกิดวันอังคาร

การงาน  :  สำหรับคนค้าขาย เศรษฐกิจอย่างนี้คงต้องทำใจ เอาแน่เอานอนไม่ได้ ไหนฝนจะตก พายุเข้า ของขายไม่ได้ พยายามประคับประคองให้ผ่านไปให้ได้

การเงิน :  ใช้จ่ายเยอะ หมดไปกับการทำบุญ

ความรัก :  วันนี้ความรักความสัมพันธ์ในครอบครัวยังดีกันอยู่ จะมีก็แต่เรื่องสุขภาพของคนในครอบครัว ก็ดูแลกันไป คนโสด ยังไม่ชัดเจน อย่าใจร้อน เอาแต่ใจตัวเอง เขาอาจเห็นนิสัยเราทำให้เลิกราได้

สุขภาพ :  รับประทานเยอะ จนรู้สึกอืด แน่นท้อง

 

ผู้ที่เกิดวันพุธ

การงาน  :  ไม่เหนื่อยมาก ในหนึ่งอาทิตย์ขอให้มีสักวันที่งานราบรื่นก็ยังดี เพราะท่านเตรียมงานมาดี

การเงิน   : มีรายจ่ายจร เช่น ซ่อมรถกระทันหัน

ความรัก : วันนี้ในครอบครัวจะมีการเลี้ยงฉลอง มีความเป็นไปได้ว่า คู่ท่านอาจได้เลื่อนขั้นเลื่อนตำแหน่ง คนโสด จิตใจดีงาม มีข่าวดีในเร็ววัน

สุขภาพ : ระวังพักผ่อนน้อย อาจใจสั่น เป็นลมได้

 

ผู้ที่เกิดวันพฤหัสบดี

การงาน : ยังกังวลคิดมาก เป็นห่วงโปรเจ๊คท์ที่เริ่มต้นใหม่กำลังลุ้นว่าจะไปได้หรือเปล่า ป้าว่าเมื่อตั้งสติได้ คิดว่ารอบคอบพอแล้ว ก็น่าจะต่อยอดไปได้

การเงิน :  ใช้ลงทุนไปก่อน เก็บเกี่ยวทีหลัง

ความรัก : หันมาดูแลกันบ้าง อย่ามัวห่วงแต่งานเกินไป คนโสด ไม่ไหวแล้ว มีแต่คนไม่โสดเข้ามา อาจเป็นเพราะดวงเป็นที่สอง พยายามหลีกเลี่ยง

สุขภาพ :  อาจมีเรื่องของบ้านหมุน น้ำในหูไม่เท่ากัน

 

ผู้ที่เกิดวันศุกร์

การงาน  :  คิดว่าจะไปได้ดี แต่พอท่านทำงานผิดแล้วกระทบกันเป็นลูกโซ่เลย หากผิดพลาดบ่อยๆ จะถูกตำหนิได้

การเงิน : อย่าหวังผลของการลงทุนมาก จะหมุนไม่ทัน

ความรัก : วันนี้ลูกหลานหรือญาติพี่น้องของอีกฝ่ายเข้ามาวุ่นวายในครอบครัว ท่านต้องวางตัวเป็นกลาง เพราะอย่างไรเขาก็คือคนในครอบครัว คนโสด อาจมีปัญหาเรื่องเพศตรงข้าม นำชื่อเสียงท่านไปหากิน

สุขภาพ  : ระวังเรื่องปวดฟัน เหงือกเป็นหนอง  

 

ผู้ที่เกิดวันเสาร์

การงาน : งานมาเรื่อยๆ ท่านปฎิเสธคนไม่ค่อยเป็นด้วย ทำให้เพิ่มขยายขอบเขตมากขึ้น แต่ก็ควบคุมได้ เพราะงานเป็นระบบเข้าที่อยู่แล้ว คงไม่เหนื่อยมากเกินไป

การเงิน : ไม่ดีเลย เงินทองร่อยหรอลงทุกวัน กำลังคิดจะหารายได้เสริม

ความรัก : วันนี้ญาติพี่น้องในครอบครัวเจ็บป่วย ท่านอาจต้องเดินทางไปให้กำลังใจบ้าง  คนโสด คนที่เข้ามาต้องปรับตัวเข้าหากันหน่อย เพราะเขาอาจไม่มีภาวะผู้นำ แต่ก็ปรับสอนกันได้

สุขภาพ : เรื่องความดัน เบาหวาน กำเริบ

เจ้าสาวไม่กลัวฝน กับ 12 โมเม้นดีๆ เมื่อฝนตกในวันแต่งงาน

account_circle

12 โมเม้นดีๆ เมื่อ ฝนตกในวันแต่งงาน ต่อไปนี้ เกิดขึ้นกับเจ้าสาวตัวจริง 12 นาง ที่งานแต่งงานของเธออยู่ในช่วงฝนพรำ แต่นั่นไม่ได้ทำให้เธอหวั่น แถมยังได้ภาพสวยๆ เก็บไว้เป็นอีกหนึ่งความทรงจำดีๆ ในวันสำคัญของชีวิตอีกด้วย ซึ่งแพรว wedding ว่าสวยดีและมีคุณค่า ซึ่งเราอยากให้บ่าวสาวชาวไทยอย่าได้แคร์หรือนอยด์ไป หากงานแต่งในฝันของคุณจะมีสายฝนมาเป็นแขกที่ไม่ได้รับเชิญ

เมื่อฝนตกโดยไม่ทันตั้งตัว แต่เรามีเพื่อนเจ้าบ่าวนี่นา ถ้างั้นก็ช่วยกางร่มในช่วงกล่าวคำสาบานหน่อยแล้วกัน โมเม้นน่ารักแบบนี้ได้เก็บภาพดีๆ ที่เปี่ยมไปด้วยมิตรภาพด้วยนะคะ

นอกจากเสียงคลื่นซัดฝั่งแล้ว เม็ดฝนที่โปรยปรายยังทำให้ได้ไอเดียถ่ายภาพสุดแสนโรแมนติกแบบนี้ด้วยนะคะ

ภาพวันแต่งงานไม่ต้องมีแค่หน้าบ่าวสาวก็ได้ ถ้าวันนั้นเกิดฝนตกแล้วคุณคว้ารองเท้าบูทมาใส่ทัน ก็อย่าลืมเก็บภาพไว้อวดลูกหลาน ไม่แน่นะคะว่าปีหน้าเทรนด์รองเท้าเจ้าสาวสไตล์รองเท้าบูทอาจมาแรงก็ได้

ถึงหน้าตาจะแอบเหวอ แต่เจ้าบ่าวคนนี้ก็ปลื้มปริ่มที่แก๊งเพื่อนเจ้าสาวไม่แคร์ฝน แต่ยังคงยินดีกับช่วงเวลาแห่งความสุขของเพื่อนรัก

เพราะเมื่อแต่งงานไปแล้วคุณทั้งคู่คือคนๆ เดียวกัน แล้วจะแปลกตรงไหน ถ้าจะเกินไปพร้อมกันด้วยร่มคันเดียวกันแบบนี้

ไหนๆ ก็รู้อยู่แล้วว่าฝนจะตก แล้วทำไมไม่จัดร่มแบบเดียวกันไว้เป็นพร้อมที่มีประโยชน์ใช้งานได้แบบคู่นี้ละค่ะ                              

แน่นอนว่าการเข้างานพร้อมกันของครอบครัวคือสิ่งที่เจ้าสาวทั้งหลายฝันถึง แต่ถ้าในวันนั้นฝนพรำละก็ อย่าได้คิดว่ามันจะเละเทะ เพราะไม่ว่าจะยังไงก็ตามพ่อแม่ของคุณยังคงยินดีกับช่วงเวลาแห่งความสุขของคุณเสมอ

หลังจากจัดพื้นที่หลบฝนเรียบร้อยแล้ว  บ่าวสาวจะไม่จัดภาพสวยๆ ที่มีสายฝนเป็นองค์ประกอบสักหน่อยคงดูกระไรอยู่นะคะ

อีกโมเม้นซึ้งมากที่ทำเอากำร่มแน่นคือ โมเม้นจุมพิตใต้ร่มกลางสายฝนแบบนี้ไงคะ

ผู้ชายคนนี้ไม่เพียงแค่กล่าวคำสาบานจะดูแลเธอคนนี้ตลอดไปหลังจากนี้ แต่ในวันงานชายคนนี้ก็ได้เริ่มทำหน้าที่นั้นเรียบร้อยแล้ว

แม้จะไม่มองกล้องแต่การช่วยกันประคองกายหลบฝนหลังฝนเทแบบนี้ ทำให้เกิดเป็นภาพดีๆ ที่ไม่ได้เจอได้กันทุกคนนะคะ

ปิดท้ายความน่ารักของโมเม้นฝนพรำวันแต่งงานการอาการชุลมุนวุ่นวายวิ่งหนีหลบฝนกันของบ่าวสาวคู่นี้ ที่แม้ฝนจะแรงแค่ไหน แต่ดูสิคะ เขาทั้งคู่ไม่คิดจะปล่อยมือกันสักนิด 🙂

120 ชุดกับ 4 สไตล์ชุดคุณแม่บ่าวสาวสุดเลิศเฉิดฉายในงานแต่ง

account_circle

เมื่อคุณลูกในฐานะบ่าวสาวจัดเต็มกันไปแล้ว คุณแม่บ่าวสาว อย่าได้น้อยหน้า ส่องกระจกเช็คสไตล์ตัวเองแล้วตามไปดูแบบชุดคุณแม่ที่เรารวบรวมมาให้ จะสวยเลิศขนาดไหน เลือกเสร็จเข้าร้านให้ช่างตัดเสื้อคู่ใจจัดการให้เลยจ้า

Untitled-2
ชุดคุณแม่มาดนักธุรกิจ สำหรับคุณแม่ working womenหรือคุณแม่นักธุรกิจ บอกเลยว่าชุดที่ใส่นั้นเนียบตั้งแต่หัวจรดปลายเท้าเลยทีเดียว อาจจะเป็นชุดราตรียาวลากพื้นหรูหราหรือกางเกงที่ออกแบบมาให้ดูทะมัดทะแมงและและเก๋ไก๋ในชุดเดียว พร้อมกับประดับประดาด้วยเพชรพลอย แน่นอนคุณแม่ในลุคทำงานแบบนี้ก็ต้องแต่งตัวให้ดูมั่นใจและน่าเชื่อถือกันหน่อย

Untitled-1
ชุดคุณแม่เปรี้ยวแซ่บสุดจี๊ด คุณแม่ที่ชอบแต่งตัวเปรี้ยวปรี๊ด เซ็กซี่ละก็ เชื่อว่าชุดที่คุณแม่นำมาใส่นั้นจะต้องไม่ธรรมดาแน่นอน ไม่ว่าจะเป็นชุดราตรียาวแต่โชว์เนินอก เว้าหลัง ไม่ก็ผ่าข้างแซ่บๆ คุณแม่บางคนที่ชอบลูกไม้ซีทรู แบบนี้ก็ยิ่งเซ็กซี่เข้าไปใหญ่เลยค่ะ แต่ก็ไม่ใช้โชว์ทั้งท่อนบนท่อนล่างละค่ะ เลือกจุดที่จะโชว์หน่อยจะได้ไม่ดูโป๊เกินไป รับรองแซ่บไม่น้อนหน้าเจ้าสาวแน่นอน

Untitled-1ชุดคุณแม่สายแฟชั่น เวอร์วังอลังการ แค่ชื่อก็รู้แล้วนะค่ะว่าชุดของคุณแม่สไตล์นี้จะอลังการขนาดไหน ในลุคนี้จะต้องตามกระแสแฟชั่นสุดๆ ไม่ว่ายาวหรือสั้นสีสันละลานตามากแค่ไหน คุณแม่ก็จะจับมามิกซ์แอนด์แมทช์ให้เข้ากันได้หมด ต้องบอกเลยว่าถ้าคุณแม่ใส่ชุดเหล่านี้เข้างานเจ้าสาวต้องชิดซ้ายไปเลยทีเดียว

Untitled-1ชุดคุณแม่สงบเสงี่ยมเรียบร้อย ลำดับสุดท้ายซอฟท์ๆ หน่อยกับคุณแม่ที่ค่อนข้างเรียบร้อย หรือแม่บ้านปกติทั่วไปนี่แหละค่ะ ชุดของคุณแม่เลยต้องสะท้อนบุคลิกที่เรียบร้อย สุภาพ ค่อนข้างทางการ ไม่โชว์แขน โชว์ขา ให้ดูโป๊จนเกินไป แต่ต้องเป็นกระโปรงเท่านั้นอาจจะตกแต่งด้วย ดอกไม้ ลูกไม้หรือโบว์เล็กๆ เพื่อความน่ารักสดใสตามสไตล์คุณแม่ที่ไม่ชอบอะไรเวอร์วัง

เป็นอย่างไรบ้างค่ะ คุณแม่ทั้งหลายสไตล์ที่เตรียมมาให้วันนี้ถูกใจกันบ้างรึป่าว ว่าแล้วก็รีบไปหาช่างตัดเสื้อผีมือดี เตรียมไว้รอท่าเลย จะได้สวยเลิศไม่แพ้เจ้าสาว

เรื่อง : พิชญาภาเพลิน

ส่องสไตล์สุดชิค “ไคอา เกอร์เบอร์” นางแบบวัยทีน ลูกสาวซูเปอร์โมเดล “ซินดี้ ครอว์ฟอร์ด”

ก่อนจะพูดถึงลูกสาวคนสวย ก็ขอแวะมาเมาท์มอยถึงคุณแม่อย่าง ซินดี้ ครอว์ฟอร์ด กันหน่อย เพราะเธอเป็นซูเปอร์โมเดลระดับโลกที่ไม่มีใครไม่รู้จักจริงๆ ไฝเจ้าเสน่ห์ของเธอเป็นเอกลักษณ์ที่เห็นแล้วก็จำได้ทันที ซึ่งเมื่อก่อนซินดี้เป็นนางแบบที่มีค่าตัวสูงมาก ในการเดินแบบแต่ละครั้งก็กวาดเรียบทุกเวที ไม่ว่าจะแบรนด์ไหนๆ ก็ต้องการให้เธอไปเดินแบบในโชว์ของตัวเอง

ซินดี้ ครอว์ฟอร์ด

ถึงตอนนี้ซินดี้ก็ยังคงคร่ำหวอดอยู่ในวงการ เป็นไอคอนของเหล่ารุ่นน้องนางแบบหลายคน และล่าสุดทางแบรนด์ Versace ได้เชิญโมเดลตัวแม่ร่วมเดินแบบคอลเล็คชั่นใหม่ในมิลานแฟชั่นวีค 2017 ที่อิตาลี ถือเป็นการทวงบัลลังก์เจ้าแม่รันเวย์กันเลยทีเดียว เพราะมากันแบบครบแก๊ง และเป็นบิ๊กเซอร์ไพร้ส์ที่ Versace ได้รับคำชมหลั่งไหลเข้ามาแบบไม่มีขาดสายเลยทีเดียว

For Gianni ❤️

A post shared by Cindy Crawford (@cindycrawford) on


พูดถึงแม่กันแล้ว ต่อไปก็ถึงคิวของลูกสาวคนสวยอย่าง ไคอา เกอร์เบอร์ ที่เราจะพาทุกคนมารู้จักกันแบบจัดเต็ม สาวน้อยไคอา อายุ 16 ปี เมื่อวันที่ 3 กันยายน ที่ผ่านมา แต่ดูเหมือนรูปร่างของเธอก็สูงโปร่งเป็นสาวเต็มตัวซะแล้ว ส่วนสูง 175 เซนติเมตร ซึ่งในวัยนี้คงไม่หยุดโตง่ายๆ แน่ เพราะกำลังอยู่ในช่วงที่ร่างกายกำลังเปลี่ยนแปลงเลยละ

เด็กสาววัย 16 ปี กับน้องหมา การแต่งตัวเป็นสไตล์ชิลๆ แต่โชว์รูปร่างนางแบบได้ดีเลย

 

เสื้อเกาะอกและกางเกงยีนส์ขาสั้นทำให้โลกสดใสไปเลย

1

ไคอาไม่ใช่ลูกคนเดียวของนางแบบตัวแม่นะจ๊ะ แต่เธอยังมีพี่ชายชื่อเพรสลีย์ วอล์คเกอร์ เกอร์เบอร์ ซึ่งเดินตามรอยแม่เป็นนายแบบไปอีกคน ส่วนคุณพ่อ แรนดี้ เกอร์เบอร์ ก็เป็นนักธุรกิจ และเมื่อไม่นานมานี้ไคอาก็ได้ตกลงเซ็นสัญญากับค่าย IMG New York เข้ามาทำงานเป็นนางแบบเต็มตัว แต่ความปังยังไม่หยุดแค่นั้น เพราะเมื่ออาทิตย์ก่อน เธอได้เดินแบบให้แบรนด์ดังบนรันเวย์มิลานแฟชั่นวีค รันเวย์เดียวกับคุณแม่ของเธอด้วย

แรนดี้ เกอร์เบอร์ และซินดี้ ครอว์ฟอร์ด

1

ไคอา เกอร์เบอร์ กับเพรสลีย์ วอล์คเกอร์ เกอร์เบอร์ พี่ชาย

1

แม่และลูกสาวหลังเวที ไคอา เกอร์เบอร์ (ซ้าย) ซินดี้ ครอว์ฟอร์ด (ขวา)

1

ไคอาเดินแบบให้แบรนด์ Anthony Vaccarello

1

ไคอาเดินแบบให้แบรนด์ Versace

1

ไคอาเดินแบบให้แบรนด์ Versace (ซ้าย) และ Moschino (ขวา)

1

ไคอาเดินแบบให้แบรนด์ Fendi (ซ้าย) และ Burberry (ขวา)

1

ไคอาเคยให้สัมภาษณ์ว่า ความฝันของเธอก็คือการเป็นนางแบบ เธออยากจะทำงานกับคนเจ๋งๆ ไปเรื่อยๆ เพื่อหาประสบการณ์ สร้างมิตรสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน และเมื่อถูกถามถึงนางแบบรุ่นพี่ เคนดัลล์ เจนเนอร์ ไกอาก็บอกว่า “เราเคยได้ร่วมงานกัน เคนดัลล์ขอให้ฉันเป็นแบบให้งานถ่ายภาพของเธอ และส่วนตัวฉันนับถือเธอมาก”

ไคอาเคยร่วมแคมเปญกับแบรนด์ Miu Miu แต่ไม่ใช่แค่ถ่ายภาพนิ่งลงแอดโฆษณาเท่านั้น เพราะเธอยังได้ถ่ายหนังสั้นให้แบรนด์ด้วย นอกจากนี้เธอยังเล่นหนังอินดี้เรื่อง Sister Cities ร่วมกับ Stana Katic และ Troian Bellisario อีกด้วย

ไคอามาในชุดลายสกอตโชว์เซ็กซี่ ใส่แว่นชิคๆ ท้าแดด

1

แค่สายเดี่ยวสีดำก็กินขาดแล้ว สวยมากกก

11

สาวน้อยกับเซิร์ฟบอร์ด ลุคนี้พร้อมลุยกับกีฬาทางน้ำแล้ว

1

ออกงานหน้าผมก็สวยเว่อร์ เกาะอกเซ็กซี่เล็กๆ บวกกับแจ็กเก็ตหนังและกระโปรงหนังก็ยิ่งทำให้เท่ไปอีก

1

ถึงจะดูโตและทำงานแล้ว แต่ไลฟ์สไตล์ของไคอาก็เหมือนกับเด็กวัยรุ่นคนอื่นๆ ที่ยังคงเที่ยวเล่นกับเพื่อนและครอบครัว ส่วนตัวไคอาชอบไปทริปล่องทะเลสาบ อย่างวันหยุดเธอจะไม่มีแพลนอะไรในหัว ชอบนอนไปเรื่อยๆ ไม่มีการตั้งนาฬิกาปลุก เป็นวันที่ไม่ต้องคิดอะไร เป็นวันที่ Let it go อย่างแท้จริง และการทำอะไรชิลๆ แบบนี้แหละ เธอชอบมันที่สุดแล้ว

 

โพสนี้สวยธรรมชาติมาก ไม่รู้จะบรรยายยังไงแล้วววว

1

สไตล์สาวชิคไม่เคยธรรมดาอยู่แล้ว งานทองแปะหน้าก็ต้องมา

1

โย่ว วอทซัพเกิร์ล จากเซ็กซี่ก็เท่ได้นะจ๊ะ

1

ส่วนเคล็ดลับหุ่นสวยของเธอก็มาจากการเต้น ต่อยมวย เดิน และเข้ายิมทุกวัน แต่เห็นหุ่นนางแบบขนาดนี้ ไคอาชอบกินคาร์โบไฮเดรตมากนะ เธอบอกว่าขาดมันไม่ได้จริงๆ

สุดท้ายเรื่องสไตล์ในการฟังเพลง เธอจะชอบฟังเพลงของแร็พเปอร์ผิวสีฝีมือดีอย่าง A$AP Rocky, Kendrick Lamar และ Kanye West

รูปนี้ถ่ายในช่วงที่ไคอายังอายุ 15 ปี แต่หุ่นคือชนะเลิศไปเลย

1

หุ่นเพรียวๆ กับขายาวๆ มันช่างน่าอิจฉาเหลือเกิน

 

เป็นสาวที่สวยเก่งตั้งแต่เด็กจริงๆ มีคาแร็คเตอร์ชัดเจนไม่ซ้ำทางใคร แถมยังตามรอยคุณแม่มาแบบเป๊ะๆ เห็นทีตำแหน่งโมเดลตัวท็อปของวงการคงไม่หนีไปไหน เพราะสื่อนอกจับตาดูกันเยอะมาก เคยถึงขั้นเทียบกับเคนดัลล์ เจนเนอร์ มาแล้ว บอกเลยว่าไม่ธรรมดาจริงๆ ผลงานที่ผ่านมาก็มีแต่รันเวย์ของแบรนด์ดังๆ ทั้งนั้น ถือเป็นสาวน้อยวัย 16 ปีที่ต้องจับตามองให้ดีเลยละ


 

เรื่อง : Hana_แพรวดอทคอม (ฮานะ)

ภาพ : IG@cindycrawford, @kaiagerber

 

“มาลี น้ำผลไม้ 100%” โฉมใหม่ ให้คุณได้คุณค่าจากใจ 100% พร้อมนวัตกรรมบรรจุภัณฑ์ เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม

มาลีกรุ๊ป เปิดตัวผลิตภัณฑ์ “มาลี น้ำผลไม้ 100%” โฉมใหม่ จับมือเวิลด์คลาส ดีไซเนอร์ ออกแบบบรรจุภัณฑ์ UHT ดีไซน์ใหม่ ให้โดดเด่นดูดีมีสไตล์โดนใจ ด้วยภาพถ่ายจากผลไม้จริงที่มีสีสันสดใส น่ารับประทาน ภายใต้แนวคิด ‘Grown With Love’ ที่สะท้อนความมุ่งมั่นของมาลีในการผลิตน้ำผลไม้ ตั้งแต่การรอเวลาที่เหมาะสม การเก็บอย่างพิถีพิถัน และการดูแลด้วยใจ ซึ่งให้ผู้บริโภคทุกคนได้รับคุณค่ามากกว่าน้ำผลไม้ 100% นอกจากนี้ ยังแนะนำนวัตกรรมบรรจุภัณฑ์กล่องยูเอชที ขนาด 200 มล. แถบดีไซน์รูปทรง “ใบไม้” ที่ช่วยให้จับถนัดมือมากขึ้นและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมด้วย เพราะกล่องเครื่องดื่มรุ่นใหม่ทุกกล่องของมาลีนั้นได้รับการรับรองจากองค์การจัดการด้านป่าไม้ระดับสากล ซึ่งช่วยสร้างความมั่นใจให้ผู้บริโภคได้ว่ากระดาษที่ใช้ทำกล่องนั้นมาจากป่าปลูกเชิงพาณิชย์ ที่ผ่านการจัดการอย่างมีความรับผิดชอบ หลังจากดื่มหมดแล้วยังสามารถนำกล่องไปรีไซเคิลได้อย่างครบวงจร เป็นการช่วยลดปริมาณขยะและลดภาวะโลกร้อน

นอกจากนั้นยังสามารถเลือกซื้อผลิตภัณฑ์ “มาลี น้ำผลไม้ 100% โฉมใหม่” ให้ตรงตามความต้องการได้มากขึ้นด้วยการดูแถบสีที่แบ่งตามโอกาสในการดื่มของทั้ง 4 กลุ่มผลิตภัณฑ์ ได้แก่ กลุ่มส้มวิตามินซีสูง – Orange Crave (แถบสีส้ม)  กลุ่มผลไม้หาทานได้ทุกวัน – Everyday Classic (แถบสีเขียวเข้ม) กลุ่มผลไม้รสชาติที่คัดสรรมาเป็นพิเศษ – Indulgence (แถบสีม่วง) และกลุ่มผักผสมผลไม้เพื่อสุขภาพ – Vegetable (แถบสีเขียวอ่อน) หาซื้อ “มาลี น้ำผลไม้ 100% โฉมใหม่” ได้แล้วที่ร้านสะดวกซื้อ ซูเปอร์มาร์เก็ตและร้านค้าชั้นนำทั่วประเทศ ในขนาด 1,000 และ 200 มล. ในราคา 69 และ18 บาท

วางแผน ทางการเงิน เพื่อความอุ่นใจ ของครอบครัว

เพราะความแน่นอนคือความไม่แน่นอน บางครั้งเรื่องไม่คาดฝันอาจเกิดขึ้นกับคุณได้ทุกเมื่อ ถ้าหากคุณยังลังเลหรือไม่แน่ใจว่าจะจัดการความเสี่ยงในชีวิตอย่างไรลองดูจากประสบการณ์ของ คุณบ๊อบณัฐธีร์ โกศลพิศิษฐ์ ที่มาแชร์เรื่องการวางแผนชีวิตเพื่อลดความเสี่ยงให้กับครอบครัวในอนาคต

Q: ตอนนี้มีหน้าที่รับผิดชอบงานด้านไหนบ้าง

A: “ตอนนี้ผมมีหน้าที่รับผิดชอบงานอยู่ 3 ส่วนครับ ส่วนแรกเป็นการอ่านข่าว ส่วนที่สองเป็นผู้ผลิตรายการโทรทัศน์ของน้องณัชชา และส่วนสุดท้ายคือ ด้านการศึกษาที่ทำมานานกว่า 15 ปีแล้ว มีทั้งสถาบันกวดวิชาออนไลน์ชื่อ “Click For Clever” และคอนเทนต์ด้านการศึกษา รวมถึงเป็นที่ปรึกษาด้านการศึกษา นอกจากนี้ยังมีงานพิธีกร งานวิทยากรในการด้านการศึกษาและการพัฒนาชีวิตด้วยครับ”

Q: มีวิธีแบ่งเวลาการทำงานและครอบครัวอย่างไรให้ชีวิตลงตัวที่สุด

A: “ผมอาจจะโชคดีตรงที่งานของผมส่วนใหญ่เป็นการทำงานร่วมกับสมาชิกในครอบครัว เช่น ธุรกิจการศึกษาก็เป็นธุรกิจของที่บ้านที่ทำร่วมกับภรรยา ส่วนลูกๆ เราก็มีรายการ “ณัชชาแอนด์เดอะแก๊ง” โดยมีน้องณัชชาและน้องชายอีก 3 คน พุฒ พร้อม และเภา เป็นตัวแสดงหลักในรายการ ซึ่งเป็นรายการเกี่ยวกับครอบครัวที่จะพาพวกเขาไปทำกิจกรรมต่างๆ ผ่านการวางแผนว่าควรเลือกทำกิจกรรมแบบใด วิธีการสอนลูก และวิธีการจัดการกับปัญหาที่เกิดขึ้นในสถานการณ์ต่างๆ ก็เลยถือว่าเป็นเวลาของครอบครัว บวกกับเวลาทำงานไปในตัวครับ”

Q: การดูแลตัวเอง สไตล์คุณบ๊อบเป็นอย่างไร

A: “นอกจากจะแบ่งเวลาให้ครอบครัวและการทำงานแล้ว ก็ควรแบ่งเวลาในการดูแลตัวเองด้วย ผมจะนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ รับประทานอาหารในปริมาณที่เหมาะสมกับความต้องการของร่างกาย และต้องออกกำลังกายเป็นประจำ 2 – 3 วันต่อสัปดาห์ โดยเน้นเป็นการวิ่งเพื่อสุขภาพโดยไม่หักโหมเกินไป เพราะอาจจะไม่เป็นผลดีกับร่างกายได้บางวันผมก็จะไปตีเทนนิส ส่วนลูกไปเรียนเทนนิส เราก็ไปตีอยู่คอร์ทข้างๆ พอลูกเรียนเสร็จก็มาตีด้วยกัน ก็ถือว่าเป็นช่วงเวลาที่เราได้ใช้ร่วมกับพวกเขาครับ 

Q: คุณบ๊อบมีการวางแผนครอบครัวในอนาคตอย่างไรบ้าง

A: “หลายคนอาจจะคิดว่าการวางแผนครอบครัวคือ การวางแผนว่าลูกต้องเรียนอะไร เรียนที่ไหน ทำอาชีพอะไร หรือการเตรียมกิจการไว้ให้ลูกหลาน แต่ผมกลับคิดว่าแค่นั้นยังไม่พอครับ เพราะมีอีกเรื่องหนึ่งที่น่าเป็นห่วงไม่แพ้กันคือ “การเจ็บป่วย” เพราะเราไม่สามารถรู้ได้เลยว่าโรคภัยไข้เจ็บจะมาเมื่อไร แม้ในคนที่แข็งแรงหรือออกกำลังกายสม่ำเสมออยู่ๆ ก็เจ็บป่วยเข้าโรงพยาบาลได้เช่นกันหรือบางคนเข้าออกโรงพยาบาลบ่อยกว่าคนที่ไม่ออกกำลังกายเลยซะอีก แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าไม่ออกกำลังกายแล้วจะไม่เป็นอะไรนะครับ เพราะวันหนึ่งข้างหน้าคุณอาจจะเจ็บป่วยขึ้นมาได้เช่นกัน” 

“ในฐานะเสาหลักของครอบครัวผมจึงวางแผนการทำทั้งประกันชีวิต ประกันสุขภาพ และประกันโรคร้ายแรงเพื่อช่วยให้เราอุ่นใจว่าครอบครัวไม่ต้องมาแบกรับค่าใช้จ่ายในการรักษาโรคแทนเรา ซึ่งหลังจากผมลองศึกษาการทำประกันต่างๆ แล้ว ผมจึงเลือกทำ AIA CI SuperCare Prestige เพราะให้ความคุ้มครองทั้งชีวิตและโรคร้ายแรงได้นานตลอดชีวิต ครอบคลุมโรคร้ายแรงได้มากมาย เวลาเจ็บป่วยก็มีเงินสำรองค่ารักษาพยาบาลให้อุ่นใจว่าครอบครัวจะไม่ต้องมาแบกรับค่าใช้จ่ายส่วนนี้ในยามที่ผมเจ็บป่วยหรือไม่อยู่แล้วก็ตาม มาเปลี่ยนความไม่แน่นอนของชีวิตให้กลายเป็นความแน่นอนกันดีกว่านะครับ”

การวางแผนการส่งต่อมรดกให้ครอบครัวอุ่นใจ

เพราะเหตุการณ์ไม่คาดฝันสามารถเกิดขึ้นได้ทุกเมื่อ ดังนั้นการวางแผนสินทรัพย์ของคุณล่วงหน้าจึงเป็นตัวช่วยในการจัดสรรมรดกแก่ครอบครัวได้อย่างเหมาะสม ซึ่งคนส่วนใหญ่มักจะคิดเพียงการทำพินัยกรรม แต่ต้องผ่านกระบวนการทางศาลค่อนข้างยุ่งยาก

คนรุ่นใหม่จึงหันมาบริหารสินทรัพย์และวางแผนส่งต่อมรดกกับผลิตภัณฑ์ในกลุ่ม AIA Prestige ที่มีทั้งหมด 4 แบบประกันได้แก่ AIA Legacy Prestige, AIA Life Issara Prestige, AIA Smart Wealth Prestige และ AIA CI SuperCare Prestige โดยทุกประกันชีวิตในกลุ่ม AIA Prestige สามารถให้ความคุ้มครองคนข้างหลังในวันที่คุณไม่อยู่ ด้วยจำนวนเงินเอาประกันที่แน่นอน ซึ่งต่างจากการลงทุนในรูปแบบอื่น ที่สำคัญยังสามารถรับเงินเอาประกันได้อย่างรวดเร็ว โดยไม่ต้องผ่านกระบวนการทางศาล

และสำหรับคุณบ๊อบแนะนำเป็นแบบประกัน AIA CI SuperCare Prestige ที่มอบความคุ้มครองทั้งชีวิต และโรคร้ายแรงนานตลอดชีพ ครอบคลุมโรคร้ายแรงระดับต้นถึงระดับปานกลาง 18 โรค / การรักษา และโรคร้ายแรงระดับรุนแรงอีก 44 โรค  / การรักษาพร้อมอุ่นใจกับเงินสำรองค่ารักษาพยาบาลโรคร้ายแรงที่สูงด้วยจำนวนเงินเอาประกันภัย ตั้งแต่ 5 – 15 ล้านบาท และเบี้ยประกันคงที่ตลอดสัญญา

วางแผนส่งต่อมรดกของคุณได้แล้ววันนี้ผ่านตัวแทนเอไอเอทั่วประเทศ หรือศึกษาเพิ่มเติมได้ที่ aia.co.th/prestige เพื่อให้คุณมั่นใจว่าหากวันใดที่คุณเป็นโรคร้าย ค่ารักษาพยาบาลจะไม่กระทบมรดกที่คุณเตรียมไว้ให้กับคนที่คุณรัก

ตรงประเด็นจนกลัวเลย! แอนดริว ฝากถึงมนุษย์กล้อง ชนิดหน้าสั่นทั้งกองถ่าย

หล่อเหมือนเดิม เพิ่มเติมคือความโหด! แอนดริว เกร้กสัน ฝากถึงมนุษย์กล้อง อย่าถ่ายรูปในเวลาส่วนตัว ส่วนในเวลางานก็เช่นกัน หวั่นเสียสมาธิ

แอนดริว เกร้กสัน

ได้ฤกษ์เปิดกล้องกันไปเป็นที่เรียบร้อยแล้วสำหรับละครเรื่อง ปมรักสลับหัวใจ ที่นำแสดงโดยแม่หมี เชียร์ – ฑิฆัมพร ฤทธิ์ธาอภินันท์ และพระเอกมากฝีมือ แอนดริว เกร้กสัน ซึ่งโดดมาร่วมงานกับช่อง 8 เป็นครั้งแรก ซึ่งเจ้าตัวได้เปิดเผยว่าทางสถานีจีบมานานเป็นเวลากว่า 10 ปีแล้ว แต่เพราะหลายๆอย่างยังไม่ลงตัวในตอนนั้นจึงไม่มีโอกาส โดยในเรื่องนี้พระเอกหนุ่มจะรับบทเป็นฝาแฝด ส่วนความคาดหวังที่ว่าจะเป็นฮีโร่มาฉุดเรตติ้งช่องนั้น เจ้าตัวบอกว่าไม่เกี่ยว ทุกๆฝ่ายต้องช่วยกันมากกว่า

“เริ่มจากบท ในฐานะนักแสดงเราว่าน่าสนใจ ก็เลยอยาก จริงๆคุยกับพี่กุ้ง (บุณฑณิก บูลย์สิน) ตั้งแต่ยังไม่มีทีวีดิจิทัล สิบกว่าปีแล้ว ก็ได้มีการติดต่อกันอยู่เรื่อยๆ แต่ ณ เวลานั้นก็ไม่ลงตัว เลยยังไม่ได้ร่วมงานกัน แต่ ณ วันนี้ทุกอย่างมันลงตัว ก็เลยได้มีโอกาสร่วมงานกัน กับในเรื่องนี้เล่นเป็นพี่น้องฝาแฝดที่เหมือนกันมาก มีความแตกต่างกันเล็กๆน้อยๆ จริงๆเขาก็ยังไม่ได้เปิดเผยอะไรมาก แค่ให้รู้ว่าเราเล่นเป็นฝาแฝด สำหรับความหวังนั้น ถ้าเป็นอย่างนั้นก็ดีครับ ผมก็ดีใจ แต่ส่วนตัวผมคิดว่าไม่เกี่ยวกับคนใดคนหนึ่ง มันต้องทุกฝ่ายต้องช่วยๆกัน ส่วนผมก็พยายามในบทของผมให้เต็มที่”

ละครเรื่องปมรักสลับหัวใจ

ถึงเป็นดารา แต่ดูเหมือนว่าแอนดริวจะไม่ชอบกล้องสักเท่าไหร่ โดยล่าสุดเจ้าตัวได้พูดถึงเรื่องนี้อย่างจริงจังผ่านอินสตาแกรมส่วนตัวถึงสมัยนี้ว่ามองไปทางไหนก็เจอแต่มนุษย์กล้อง ซึ่งเจ้าตัวบอกตรงๆว่ารู้สึกไม่เป็นส่วนตัว และไม่อยากให้แฟนคลับคนไหนทำแบบนั้น

“ผมเชื่อว่าทุกคนเหมือนกันหมด เพียงแต่ว่าเราบอกให้เป็นทางการไว้ จะได้รู้จัก แต่จริงๆบางคนเขาก็รู้อยู่แล้ว เขาก็เคารพความเป็นส่วนตัว แต่บางคนด้วยความรักและหวังดี อยากทำหลายๆอย่างให้ แต่บางทีมันอาจจะเลยไปนิดๆหน่อยๆ ก็เลยบอกกล่าวอย่างเป็นทางการพร้อมกันซะเลยทีเดียวแค่นั้นเอง จริงๆไม่ใช่กรณีผมแค่คนเดียว จริงๆผมก็เห็นในไอจีและเฟซบุ๊กมันเลยเถิดเกินไป ก็ต้องคุยอย่างเป็นทางการ เป็นกฎหมาย จริงๆเราไม่ได้อยากให้เกิดขึ้น เลยออกมาบอกพร้อมๆกันทีเดียว คนเขาก็เข้าใจ

“ผมว่าทุกวันนี้เวลาที่จะนำภาพใครไปลงอินเทอร์เน็ต มันไม่ต้องเป็นนักแสดงหรือคนมีชื่อเสียงหรอก คนทั่วไปก็มี พอเจ้าตัวเขามารู้ก็มีปัญหานะ บ้านเราคนถ่ายรูปไม่เหมือนต่างประเทศ บ้านเราสนุกกับตรงนี้มาก เราก็เลยขอบอกขอบเขตประมาณหนึ่งไว้” แอนดริวกล่าว

พระเอกช่อง 3 โดดมาร่วมงานกับช่อง 8

อย่างไรก็ตาม เมื่อถามถึงกระแสข่าวพระเอกเรื่องเยอะจนนางเอกปฏิเสธ ไม่ขอร่วมงานด้วย ซึ่งหลายคนเพ่งเล็งมาที่แอนดริวกับนางเอก แมท – ภีรนีย์ คงไทย ซึ่งเกี่ยวกับเรื่องนี้แอนดริวเผยว่า กับแมทไม่ได้มีอะไร น้องดูแลตนทุกอย่างเป็นอย่างดี

“ดี! ก็ไม่มีอะไรครับ ตัวน้องแมทเขาดูแลผมตลอดการทำงาน เขาเหมือนเป็นพยาบาลที่คอยดูแลผมทุกอย่าง เวลาผมเป็นอะไรเขาก็จะมาคอยดู ตัวคุณแม่น้องเองก็คอยดูแลตลอดเวลา จริงๆเคารพและสนิทกันด้วย เลยไม่ได้กังวลใจอะไร  เป็นเรื่องปกติ เหมือนที่เขาบอกว่ามีเรื่องของการถ่ายรูประหว่างทำงาน ซึ่งสมัยก่อนมันไม่มีเรื่องนี้ แต่ทุกวันนี้พอทำงานเราต้องการรวมความคิดกับบทตรงหน้า และพออะไรที่เป็นอุปสรรคในการทำงานเราก็จะขอ ซึ่งก็ขอกันอยู่ตลอดเป็นเรื่องปกติ จริงๆก็ดี จะได้เข้าใจการทำงานว่ามันควรจะเป็นแบบนี้ สมัยก่อนไม่มีนะที่ระหว่างทำงานจะถ่ายรูปกัน แต่ทุกวันนี้มันมีเยอะ เราก็ต้องคอยมาบอกมาขอกัน บางคนก็เข้าใจ บางคนก็ไม่เข้าใจ แต่มันก็ไม่ใช่ปัญหาอะไร งานผมมันไม่ได้ง่ายสำหรับผมนะครับ บางครั้งดูเหมือนง่าย แต่มันยาก และมันก็เครียดด้วย”

พระเอก นางเอก ละครเหมือน…คนละฟากฟ้า

เมื่อถูกถามว่าปกติมีข้อแม้ในการทำงานอย่างไรบ้าง พระเอกดังยอมรับว่าเยอะเป็น 100 ข้อ “มีเยอะเป็นร้อย คงบอกไม่ได้ จริงๆมันเป็นเรื่องปกติในการทำงานที่เป็นมารยาทสากลทั่วไป จริงๆมันคงเป็นเรื่องๆไปมากกว่า ก็นึกไม่ออกเหมือนกันว่าจะบอกอะไร”

ทั้งนี้แอนดริวกล่าวทิ้งท้ายไว้ด้วย โดยกล่าวว่า “จริงๆทำงานในกองถ่ายมันก็จะมีมารยาทที่ทุกคนเขาเคารพหน้าที่ซึ่งกันและกันระหว่างนักแสดงกันเอง หรือว่านักแสดงกับทีมงาน ทุกคนเขาก็มีขอบเขตตรงนี้อยู่แล้วประมาณหนึ่ง ผมเองก็ต้องใช้ความพยายามเยอะ และก็เห็นเหมือนกับทีมงานทุกคน อะไรที่เป็นอุปสรรคในการทำงาน เราก็เอาอุปสรรคนี้ออกไป เพื่อที่เราจะทำงานแบบไม่กังวลอะไรเป็นเรื่องปกติ ทุกอย่างมันคือเพื่องาน ถ้ามันเป็นแบบผมไม่ชอบใคร อันนั้นมันอีกเรื่องหนึ่ง แต่เรื่องนี้มันคือเรื่องงาน พยายามจะทำให้ดีที่สุด ไม่อย่างนั้นมันจะเป็นการทรยศอาชีพตัวเอง”

98 Wireless

รู้จักคอนโด 98 Wireless ดีที่สุดของไทยและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ พิกัดใจกลางถนนวิทยุ

98 Wireless
98 Wireless

ใจกลางย่านธุรกิจบนพื้นที่ทำเลทอง ถนนวิทยุ ติดกับสถานทูตสหรัฐอเมริกา มีคอนโดระดับลักชัวรี่เกรด A++ นามว่า 98 Wireless ตั้งสูงตระหง่าน ด้วยดีไซน์การตกแต่งที่ได้ดีไซเนอร์ชั้นนำส่งตรงจากนิวยอร์กมาดูแล อุปกรณ์ตกแต่งระดับเวิร์ลคลาสจากแบรนด์ดังทั่วทุกมุมโลก พร้อมทั้งตั้งอยู่ใกล้สถานีรถไฟฟ้าเพลินจิตและแหล่งช็อปปิ้งไฮเอนด์ชั้นนำของเมืองไทย ก็ทำให้คอนโดแห่งนี้น่าสนใจ น่าเข้าไปทำความรู้จักว่าที่นี่มีอะไรบ้าง

98 Wireless

สำหรับคอนโดแห่งนี้มีดีไซน์ที่เป็นเอกลักษณ์โดดเด่น ไม่ว่าจะด้านสถาปัตยกรรมภายนอกหรือภายใน ซึ่งได้ Anne Carson อินทีเรียร์ดีไซเนอร์ชั้นนำจากนิวยอร์กมาออกแบบ โดยผลงานที่ผ่านมาของเธอ เช่น การตกแต่งและออกแบบให้ร้าน Ralph Lauren สำหรับคอนโด 98 Wireless เป็นแหล่งรวมอุปกรณ์ตกแต่ง World-Class Materials แบรนด์ดังจากทั่วทุกมุมโลก ซึ่งการดีไซน์แต่ละจุดก็มีความพิถีพิถันในการสร้างอย่างมาก คอนโดแห่งนี้ก็เป็นหนึ่งในคอนโดโครงการที่ดีที่สุดของไทยและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เลยก็ว่าได้

98 Wireless

เจาะลึกในส่วนของดีไซน์ ใช้เทคโนโลยีก่อสร้างด้วยระบบพรีคาสต์ (Precast Concrete) หรือคอนกรีตสำเร็จรูปที่มีลวดลายบัวแบบ Baroque Style ในตัวแผ่น พร้อมทำสีลายหินที่คิดค้นมาเพื่อโครงการนี้แห่งเดียวเท่านั้น ซึ่งข้อดีของระบบพรีคาสต์นี้ จะทำให้ได้การก่อสร้างที่มีคุณภาพสม่ำเสมอมาตรฐานเดียวกัน อีกทั้งยังคงทนแข็งแรง ไม่แตกร้าว และนอกจากนี้ก็ยังมีการใช้ผนังเบาที่มาพร้อมกับระบบป้องกันเสียงมาตรฐาน STP 60 ในการก่อสร้าง เรียกได้ว่ากันเสียงรบกวนได้เป็นอย่างดี เพื่อรักษาความเป็นส่วนตัว ผู้อาศัยจะได้หลีกหนีจากความวุ่นวายภายนอกและพักผ่อนอย่างเต็มที่ โครงการนี้ยังมีความพิเศษที่ประตูไม้ Mahogany Crotch ที่เป็นวัตถุดิบหายากและมีลักษณะโดดเด่นเฉพาะ โดยติดตั้งพร้อมวงกบเมื่อผนังเสร็จเรียบร้อยแล้ว ทำให้คุณภาพของงานสมบูรณ์

98 Wireless 98 Wireless

สำหรับวัสดุและอุปกรณ์อื่นๆ ที่นำเข้ามาใช้ในโครงการก็ยังมีการคัดสรรมาเป็นพิเศษ เช่น มีการนำเข้าหินอ่อนสตาทูริโอจากประเทศอิตาลี และหินไลม์สโตนจากประเทศโปรตุเกสมาใช้ในโครงการ ซึ่งนับเป็นอีกหนึ่งไฮไลท์ของโครงการเลยทีเดียว นอกจากนี้ยังมีการประดับผนังกับเพดานด้วยงานหล่อปูนและผลิตภัณฑ์แฮนด์เมดจาก Hyde Park Mouldings แบรนด์ดังจากสหรัฐอเมริกา และนำเข้าเฟอร์นิเจอร์ในพื้นที่ส่วนกลางและห้องตัวอย่างมาจาก Ralph Lauren Home ลูกบิดประตูและกลอน Baldwin ทองเหลือง 100 เปอร์เซ็นต์ พื้นไม้โอ๊กสีขาว ตู้แช่ไวน์ SubZero เครื่องครัว Gaggenau ตู้เก็บของ SieMatic สุขภัณฑ์ Lefroy Brooks และ Kallista ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าในห้องหนึ่งนั้นจะมีมูลค่ามหาศาลแค่ไหน

98 Wireless

โครงการ 98 Wireless นี้ยังถือเป็นอีกหนึ่งปรากฏการณ์สำคัญครั้งแรกของประเทศไทยที่ได้พันธมิตรชั้นนำอย่าง Quintessentially Lifestyle (ควินเทสเซนเทียลลี่ ไลฟ์สไตล์) บริษัทที่มีชื่อเสียงระดับโลกที่จัดงานสำคัญให้ราชวงศ์อังกฤษมาประจำที่โครงการ เพื่อคอยอำนวยความสะดวกให้แก่ผู้พักอาศัย เช่น จองโต๊ะอาหาร จองตั๋วละครเวที จัดตารางท่องเที่ยว

98 Wireless 98 Wireless

นอกจากนี้ภายในโครงการยังมีที่จอดรถรองรับได้มากถึง 2.4 เท่าของจำนวนห้องชุดในโครงการ พร้อมทั้งแท่นชาร์จรถไฟฟ้าบริเวณลานจอดรถที่พร้อมให้บริการผู้พักอาศัยตลอด 24 ชั่วโมง หรือถ้าจะเรียกใช้รถรับ – ส่ง ทางโครงการก็มีรถลิมูซีนประจำโครงการ ซึ่งเป็นรถยนต์ Bentley รุ่น Flying Spur ไว้คอยอำนวยความสะดวกให้แก่ลูกบ้านโดยเฉพาะ รวมถึงยังร่วมมือกับพันธมิตรชั้นนำต่างๆ โดยคัดเลือกบริษัทก่อสร้างระดับแนวหน้าอย่างสี่พระยาก่อสร้างและบริษัทในเครือสี่พระยา กรุ๊ป ผู้มีความชำนาญในการก่อสร้างระดับไฮเอนด์ ที่ได้รับรางวัลการันตีคุณภาพ IFAWPCA GOLD MEDAL For Building Construction และมีนวัตกรรมของบริษัทออกมาอย่างต่อเนื่อง อีกทั้งยังเป็นผู้ร่วมสรรค์สร้างโครงการต่างๆ มากมายให้แสนสิริ จนได้รับรางวัลบริษัทผู้รับเหมาก่อสร้างดีเด่นมาครอง

โครงการ 98 Wireless มีมูลค่าล่าสุดอยู่ที่ 725,000 บาทต่อตารางเมตร ในขณะที่ราคาเริ่มต้นเมื่อ 5 – 6 ปีที่แล้วอยู่ที่ 350,000 บาท*เท่านั้น นับว่ามีมูลค่าสูงขึ้น เหมาะกับผู้มีไลฟ์สไตล์ชอบความหรูและสบายเหมือนกันนะ

 

*โดยนับราคาจากวันที่บริษัทได้นำโปรเจ็คท์นี้ไปยื่นเสนอต่อบอร์ดธนาคารเพื่อขอสินเชื่อก่อสร้างโครงการ

 


เรียบเรียงโดย: บะหมี่กุ๊งกิ๊ง_แพรวดอทคอม
ข้อมูลและภาพ: 98 Wireless

เกลียดจนอยากล้วงมือเข้าไปตบ 4 ดาวร้ายป้ายแดงปี 2017

น่าหมั่นไส้เหลือเกิน! เปิดโผ 4 นางร้ายหน้าใหม่ปี 2017 มาแรงในยุคนี้จริงๆคุณผู้ชม

คนร้ายๆใครๆก็ไม่ชอบ แต่ถ้าละครขาดตัวร้ายก็คงขาดอรรถรสในการชมไปเช่นกัน สำหรับในปี 2017 ที่ผ่านมา ตัวอิจฉา นางร้ายหลายคนได้แจ้งเกิดและโลดแล่นในวงการบันเทิงมากมายทั้งหน้าเก่าและหน้าใหม่ วันนี้แพรวดอทคอมเลยขอพูดถึงดาวร้ายป้ายแดงปี 2017 แม้จะเป็นมือใหม่แต่ฝีมือไม่ธรรมดา ส่วนจะมีใครบ้างนั้น ไปติดตามชมกันเลย

เจ้านางละอองคำ => เจ้าละอองคัน

เริ่มต้นที่คนแรกที่ไม่พูดถึงไม่ได้เลย สำหรับดาวร้ายตาใส พลอย – ภัทรากร ตั้งศุภกุล รับบท เจ้านางละอองคำ จากเรื่องรากนครา ที่ปรากฏตัวบนหน้าจอทีไร แฟนละครเกรี้ยวกราดอยากจะเขวี้ยงรีโมตใส่ เพราะทนไม่ได้กับพฤติกรรมแอ๊บแบ๊ว ข้างนอกใสแต่ข้างในร้ายลึก และยิ่งท่าทางเรียบร้อยแต่เล่นหูเล่นตาให้เจ้าน้อยศุขวงศ์ว่าแย่แล้ว เจอช็อตเด็ด EP 6 ขอร่วมใช้สามีกับเจ้าแม้นเมือง งานนี้ทำทีมเมียหลวงอารมณ์เดือดปุดๆ พร้อมยกฉายาเจ้าละอองคันแถมไปด้วย

ประโยคขอสามีกับเจ้าแม้นเมืองของเจ้านางละอองคำ
หอมไหมเจ้าปี้
เจ้านางละอองคำ
รับบทโดยพลอย – ภัทรากร ตั้งศุภกุล

เจ้ามิ่งหล้า => นางร้ายสายมโน

อีกหนึ่งสาวที่แจ้งเกิดกับเส้นทางนางร้ายก็คือ นางเอกสายหวาน มิว – นิษฐา จิรยั่งยืน ที่โดดมารับบทเจ้ามิ่งหล้า เจ้าหญิงจากเชียงเงินผู้เอาแต่ใจ รักแรงเกลียดแรง ซึ่งถือเป็นการพลิกคาแร็คเตอร์ครั้งยิ่งใหญ่ของเธอ สิ่งที่คนดูอย่างเราๆรู้สึกลำไยเจ้ามิ่งหล้ามากที่สุดก็คือ ความมโนขั้นสุดว่าพระเอกรัก และนอกจากจะพยายามหลอกตัวเองแล้ว ก็ยังหลอกพี่สาว เจ้าแม้นเมือง จนเข้าใจผิดและกลายเป็นโศกนาฏกรรมความรัก

งานนี้แฟนละครบางส่วนบอกเป็นเสียงเดียวกันว่า อยากจะไสเสลี่ยงไปเก็บเจ้ามิ่งหล้าตั้งแต่แรกซะจริงๆ

เจ้ามิ่งหล้า

มายด์ => คารามายด์

อีกหนึ่งดาวร้ายที่ดึงดูดเปลือกทุเรียนมากที่สุดก็คือ ใบเฟิร์น – อัญชสา มงคลสมัย รับบท มายด์ ในซีรี่ส์เสน่หาไดอารี่ ตอน กับดักเสน่หา ที่ชาวโซเชียลพร้อมใจมอบฉายาคารามายด์ จากความมานะอุตสาหะในการพยายามแย่งสามีคนอื่น ซึ่งแม้จะเป็นนักแสดงน้องใหม่ แต่ใบเฟิร์นก็ตีบทแตกกระจุย แม้ฉากที่ต้องปะทะกับรุ่นใหญ่ อ้อม – พิยดา ที่รับบท ลิตา เธอก็สามารถใช้คำพูด น้ำเสียง ท่าทางยียวน จนแฟนละครอยากจะทะลุจอไปช่วยนางเอก

กับดักเสน่หา
มายด์ใสๆ
มายด์ รับบทโดยใบเฟิร์น – อัญชสา

พิณ => สตรอว์เบอร์รี่ตัวแม่
สุดท้ายถ้าไม่พูดถึงเธอคงไม่ได้ สำหรับนางร้ายหน้าใสแต่ฝีมือเด่น นารา เทพนุภา ดาวร้ายที่แจ้งเกิดจากบท พิณ ในซีรี่ส์ Club Friday To Be Continued ตอน รักลองใจ

สกิลความร้ายพลิกลิ้นรัวๆของพิณสวนทางกับภาพลักษณ์สดใสเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม แม้นางเอกและเพื่อนนางเอกรวมถึงคนดูจะรู้ดี แต่ตัวละครอื่นๆกลับไม่ตะขิดตะขวงใจ หลายๆตอนเข้าคนดูอย่างเราอกแทบระเบิดทุกครั้งกับรอยยิ้มใสๆแต่มีอะไรซ่อนในแววตาของพิณ ทำเอาชาวเน็ตให้ฉายาว่าสตรอว์เบอร์รี่ตัวแม่กันเลยทีเดียว

รอยยิ้มใสๆแต่มีอะไรซ่อนในแววตา
ความเกรี้ยวกราดของชาวเน็ตระหว่างชมออนไลน์
ท่าอวดแหวนในตำนาน
รังสีความร้ายทะลุจอ

สำหรับการแสดงบทนางร้ายนั้น ถ้าเล่นแล้วคนไม่ด่าก็ถือว่าไม่ประสบความสำเร็จ! แม้ 4 สาวจะทำให้หลายคนชังน้ำหน้า แต่ปฏิเสธไม่ได้ว่าจากผลงานเหล่านั้นทำให้พวกเธอมีคนติดตามเพิ่มขึ้นด้วย

ชีวิตเรียบง่าย เดินสายธรรมะ “เข็ม – รุจิรา” หน้าเหวี่ยงตบสนั่นจอแค่ในละครเท่านั้น

คนเราอย่าตัดสินกันที่ภายนอก อันนี้จริงที่สุด เห็นในละครเล่นแต่เป็นตัวร้าย แต่เชื่อไหมว่าสาวสวยหุ่นนางแบบอย่าง เข็ม – รุจิรา ช่วยเกื้อ (ลภัสรดา ช่วยเกื้อ) ตัวจริงเธอสมถะมาก แถมยังชอบเดินสายไปทำบุญสุดๆ

ผิดกับลุคที่เห็นในละครไปเลย สำหรับสาวเข็ม – รุจิรา ช่วยเกื้อ (ลภัสรดา ช่วยเกื้อ) อดีตนางเอกปั้นของอาจิ๋ม – มยุรฉัตร ที่ตอนนี้ผันมาทำหน้าที่พิธีกรและรับบทร้ายในละครเต็มตัว แต่ละเรื่องเชือดเฉือนตบกันสนั่นจอทุกครั้ง

สมัยเป็นนางเอกในละครเรื่องสามหนุ่มเนื้อทอง ผลงานเรื่องแรกของสาวเข็ม

ล่าสุดแม้ว่าจะมาเป็นนักแสดงรับเชิญไม่กี่ตอนในเรื่องเพลิงบุญ ในบท จิล ภรรยาของสุรทิน สามีจอมเจ้าชู้ที่ไปมีความสัมพันธ์กับใจเริง เรื่องนี้แม้ว่าจะร้ายจะเหวี่ยงเต็มสูบอีกตามเคย แต่คนดูกลับสะใจมากกว่าเกลียด เพราะเหมือนเป็นการสั่งสอนให้ใจเริงได้เจอกับของจริงที่ไม่ยอมให้ใครหน้าไหนมาแย่งสามีของตัวเองไปได้

เห็นบทบาทการแสดงของสาวเข็มในเรื่องนี้ เรียกว่าใส่เต็ม อินกับบทบาทมาก ดุเดือดจนใจเริงต้องยอมถอย แต่นั่นมันแค่ในละครนะ ที่เห็นสาวเข็มเธอร้ายแบบนี้ ถึงหน้าจะดูเหวี่ยง แต่ตัวจริงชีสมถะมาก ชอบเข้าวัดทำบุญอยู่ตลอด แถมไลฟ์สไตล์ของสาวเข็มก็เรียบง่ายมาก ไม่ใช่แค่ทำกับข้าวหรือทำงานบ้านอย่างเดียวนะ ขนาดงานซ่อมนั่นนี่เจ้าตัวก็ทำเอง เก่งไม่แพ้ผู้ชายเลย

ภาพ : IG@khemkhemkhemkhem

“ยูบิลลี่ ไดมอนด์” จัดทำเข็มกลัดรำลึกถึงพ่อ “ภูมิพลังแห่งนวธารา” ผลิตจำนวนจำกัด

ยูบิลลี่ ไดมอนด์ (JUBILEE DIAMOND) ร่วมน้อมรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณในพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร ที่ทรงให้ความสำคัญกับการบริหารจัดการน้ำมาโดยตลอด โดยเฉพาะเรื่องการพัฒนาและปรับปรุงคุณภาพแหล่งน้ำ ภายใต้โครงการกังหันน้ำชัยพัฒนา จึงจัดทำชุดเข็มกลัด “ภูมิพลังแห่งนวธารา” รูปทรงกังหันประดับเพชร พร้อมตราสัญลักษณ์เลขเก้าไทย (๙) ที่เป็นเอกลักษณ์และทรงคุณค่า ดีไซน์หนึ่งเดียวในโลก เพื่อนำรายได้ส่วนหนึ่งมอบสมทบมูลนิธิชัยพัฒนา

คุณวิโรจน์ พรประกฤต ประธานคณะกรรมการบริหาร บริษัทยูบิลลี่ เอ็นเตอร์ไพร์ส จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “เพื่อน้อมรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร ที่ทรงใส่พระทัยเรื่องทรัพยากรน้ำมาโดยตลอด พร้อมสานต่อพระราชปณิธานของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 เกี่ยวกับทรัพยากรน้ำ ยูบิลลี่ ไดมอนด์ ได้จัดทำชุดเข็มกลัดคอลเล็คชั่นพิเศษ ภูมิพลังแห่งนวธารา เป็นรูปกังหันประดับเพชร พร้อมสัญลักษณ์เลขเก้าไทย (๙) เปรียบเสมือนพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 ทรงเป็นกังหันแห่งชีวิตที่เติมพลังให้คนไทยทุกคนก้าวไปข้างหน้า

เข็มกลัดเพชรคอลเล็คชั่นภูมิพลังแห่งนวธารา ได้รับการออกแบบให้เข็มกลัดมี 2 ชั้น สามารถถอดแยกชิ้นในส่วนของเลขเก้าไทย (๙) และหมุนได้ 360 องศา โดยมีให้เลือก 3 แบบ (Limited Edition) ได้แก่

นวพัชร พลังแห่งเพชรทั้งเก้า เข็มกลัดดีไซน์พิเศษ ซึ่งได้รับแรงบันดาลใจในการออกแบบมาจากความพลิ้วไหวของสายน้ำที่สื่อถึงการเคลื่อนไหวอันเป็นนิรันดร์ โดยได้เรียงร้อยตราสัญลักษณ์เลขเก้าไทย (๙) ทั้ง 9 ดวงลงบนเข็มกลัดทั้งสองชั้น โดยชั้นแรกเป็นตราเลขเก้าไทย (๙) ประดับเพชรโดยรอบ พร้อมเรือนทองฉลุลายอ่อนช้อย เปรียบดังพลังของสายน้ำที่หล่อเลี้ยงชาวไทย ส่วนชั้นที่สองได้รับแรงบันดาลใจจากกังหันน้ำชัยพัฒนา ที่เมื่อกังหันหมุนไปก็เปรียบเหมือนบารมีของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 ที่แผ่ไพศาลให้ปวงชนชาวไทยร่มเย็นเป็นสุข ประดับด้วยสัญลักษณ์เลขเก้าไทย (๙) ที่มีลักษณะคล้ายช้าง 9 เชือก ซึ่งถือเป็นช้างมงคลคู่พระบารมีของพระมหากษัตริย์ไทย และมีจำนวนจำกัดเพียง 19 ชิ้น ในราคาชิ้นละ 259,000 บาท

1

นวพรรณ สื่อถึงความประณีตงดงามแห่งเลขเก้า ด้วยการเคลื่อนไหวของสายน้ำที่เปรียบดั่งพระราชหฤทัยที่อ่อนโยนและอบอุ่นที่ทรงมีต่อพสกนิกรชาวไทย โดยเข็มกลัดชั้นแรกเป็นตราสัญลักษณ์เลขเก้าไทย (๙) ที่ประดับเพชรโดยรอบ พร้อมเรือนทองลายฉลุรูปใบโพธิ์ สะท้อนถึงพระมหากรุณาธิคุณดุจร่มโพธิ์ร่มไทรของพสกนิกรชาวไทยให้ได้อยู่เย็นเป็นสุข ส่วนชั้นที่สองได้รับแรงบันดาลใจจากการเคลื่อนไหวของสายน้ำที่โอบล้อมแผ่นดินไทยให้อุดมสมบูรณ์และผาสุก ผลิตจำนวน 59 ชิ้น ในราคาชิ้นละ 199,000 บาท

1

นวพร พรแห่งรัชกาลที่ 9 อีกหนึ่งแรงบันดาลใจจากการเคลื่อนตัวของกังหันอันมั่นคงและทรงพลัง เปรียบเสมือนพรแห่งพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 ที่พระราชทานแด่ปวงชนชาวไทย โดยเข็มกลัดชั้นแรกเป็นตราเลขเก้าไทย (๙) ประดับด้วยเพชรตราสัญลักษณ์รูปดวงประทีป พร้อมเรือนทองฉลุลวดลายอ่อนช้อยสวยงาม สื่อถึงพลังแห่งสายน้ำที่ส่งต่อให้กังหันได้ขับเคลื่อนไปอย่างมั่นคง ส่วนชั้นที่สองเป็นดีไซน์รูปกังหันแปดแฉก สื่อถึงการเคลื่อนไปข้างหน้าด้วยความมั่นคง แข็งแรง และเป็นนิรันดร์ โดยผลิตทั้งหมดจำนวน 199 ชิ้น ในราคาชิ้นละ 59,900 บาท


1

ร่วมน้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณอันยิ่งใหญ่ของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร ด้วยการเป็นเจ้าของชุดเข็มกลัดเพชรภูมิพลังแห่งนวธารา ซึ่งจะเปิดรับจองตั้งแต่วันนี้ – 30 กันยายน 2560 ที่เคาน์เตอร์ยูบิลลี่ ไดมอนด์ (JUBILEE DIAMOND) ในห้างสรรพสินค้าโซนพลาซ่าทั่วประเทศ และพร้อมจำหน่ายในวันที่ 1 ตุลาคม 2560 เป็นต้นไป โดยรายได้ส่วนหนึ่งมอบสมทบมูลนิธิชัยพัฒนา

 

 

รู้ไว้จะดีงาม!! สารพัดยาทำน้องชายอ่อนแรงไม่รู้ตัว

account_circle

มาดามเคยคุยไปบ้างแล้วเรื่องปัญหา เจ้าหนู ไม่แข็งตัวหรือบางคนแข็งได้ไม่นานก็คอพับคออ่อนว่าเกิดได้เพราะสาเหตุมากมาย หนึ่งในนั้นคือการทานยาที่บางคนคิดว่าเป็นยาดีแต่แท้จริงแล้วแอบมีผลลบแฝงอยู่ด้วย ครั้งนี้มาดามก็เลยต้องขอขยายความกันสักหน่อย เพื่อความกระจ่างแจ้งว่ายาที่ว่าดีบางทีก็….นะ

ครั้งนี้จึงได้เชิญคุณเภสัชกรแบ้งค์-ณัฐวุฒิ รักแคว้น (เจ้าของหนังสือ เคล็ดเครื่องสำอาง อาวุธลับผิวสวย, ยาสามัญประจำบ้าน และ Make up No Make up แต่งก็สวยไม่แต่งก็ใส) มาแถลงการณ์ให้ความรู้กันในวันนี้ว่ายาตัวไหนควรเลี่ยง ยาตัวไหนควรระวัง เพื่อเซ็กส์สู่สวรรค์จะได้ไม่พังคาเตียง….เชิญคุณเภสัชกรแบ้งค์เลยค่ะ

เราเรียกภาวะที่น้องจ้อนไม่แข็งตัวหรือแข็งตัวได้ไม่นานว่า Erectile Dysfunction หรือย่อว่า ED (การออกเสียงให้ถูกต้อง โปรดปรึกษา มาดามมด!! หรือ พี่ลูกกอล์ฟ นะคะ) โดยปกติแล้วเราจะพบภาวะนี้ในผู้ที่มีอายุ 40-70 ปี โดยพบได้เกือบ 38% เลยทีเดียว แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่า จะไม่พบในหนุ่มๆ ที่อายุน้อยกว่านี้นะคะ ไปดูกันดีกว่าค่ะว่าใครบ้างที่เสี่ยงต่อภาวะนี้

  1. ผู้ที่เริ่มอายุมาก (ไม่ได้ว่าใครนะ นิ้วมันพิมพ์ไปเอง) ก็เสี่ยงมาก ผู้ชายอายุมากกว่า 40 ปี พบร้อยละ 20.4 และอายุเกิน 60 ปีขึ้นไป พบร้อยละ 70 สาเหตุหลักมาจากการลดลงของฮอร์โมนเทสทอสเทอโรน (ฮอร์โมนเพศชาย) ซึ่งเป็นฮอร์โมนแห่งความกำหนัดกลัดมัน
  2. ผู้ที่มีโรคประจำตัวเรื้อรัง แต่ที่พบบ่อยคือคนที่เป็นโรคเบาหวาน โรคไต โรคพิษสุราเรื้อรัง โรคหัวใจ โรคความดันโลหิตสูง โรคต่อมลูกหมากโต เป็นต้น
  3. ผู้ที่สูบบุหรี่เป็นประจำ ฉะนั้นใครมีแฟนเป็นสิงห์อมควันก็เตรียมตัวเตรียมใจเจอเซ็กส์ห่วยเพราะน้องชายเพลียง่ายได้เลย
  4. ผู้ที่มีความเครียดหรือผู้ที่เคยถูกตำหนิจากคู่ครองขณะมีเซ็กส์ ไม่ว่าจะเป็นลีลาไม่โดนใจเค้าเลยอ่ะตะเองงง…หรือทำไมตัวหลั่งไวจัง….หรือทำไมหมดอารมณ์กลางทางเนี่ย  เป็นต้น แล้วพอมา ฟีเจอริ่ง กันใหม่ก็ไม่มีความมั่นใจอีก ทีนี้จ้อนน้อยก็เลยอ่อนย้วย
  5. ผู้ที่เบื่อหน้าแฟน เพราะเห็นกันจนเบื่อ คบมานานมาก หรือมีสรีระไม่น่าอภิรมย์เท่าเมื่อก่อน แต่ต้องจำใจทำตามหน้าที่ (ข้อนี้ไม่ได้ตั้งใจแทงใจดำใครนะคะ)
  6. ผู้ที่ใช้ยาบางประเภทที่มีผลข้างเคียงทำให้น้องจ้อนแข็งตัวได้ไม่นาน

ว่าแต่ยาอะไรบ้างใช่ไหมที่มีผลทำให้น้องจ้อนไม่ขันแข็งจนคุณแฟนมีอาการจิตหงุดหงิด งั้นมาดูเฉลยกัน

  1. ยาที่ออกฤทธิ์ต่อระบบประสาทในสมอง  มักเป็นยาที่ใช้ในการรักษาผู้ที่มีปัญหาทางจิต ยากล่อมประสาท ยาคลายเครียด ยานอนหลับ การใช้ไปนานๆ อาจมีผลทำให้อารมณ์ทางเพศลดลง โดยยาจะทำให้การตอบสนองต่อสิ่งแวดล้อม และสิ่งเร้าอารมณ์ลดลง พอแฟนสะกิดให้ทำการบ้าน ส่วนมากคุณผู้ชายจะไม่ค่อยมีอารมณ์
  2. ยารักษาความดันโลหิตสูง ยาที่มีผลข้างเคียงดังกล่าวได้แก่ Propranolol, Atenolol, Metoprolol ,Prazosin  , Hydralazine, Enalapril, Hydrochlorothiazide, Spironolactone
  3. ยาบรรเทาอาการปวดและอักเสบ  ยาที่ใช้บรรเทาปวดและอักเสบในคนที่เป็นโรคข้อและกล้ามเนื้อ มีรายงานว่าทำให้เกิดการหลั่งผิดปกติในเพศชาย เช่น   Ibuprofen, Naproxen, Indomethacin
  4. ยาลดน้ำมูกและยาแก้คัดจมูก (บางตัว) ในตัวยาอาจส่งผลได้ในบางคน เช่น Pseudoephredine, Phenylephrine, Diphenhydramine, Hydroxyzine
  5. ยาลดไขมันในเลือดกลุ่ม Statin เนื่องจากยากลุ่มนี้ลดการสร้างคอเลสเทอรอลโดยรวมในร่างกายของผู้ที่มีระดับไขมันในเลือดสูง แต่คอเลสเทอรอลเป็นสารตั้งต้นในการผลิตฮอร์โมนเพศ ดังนั้นอาจเกิดผลข้างเคียงแต่พบว่าเป็นเพียงส่วนน้อย

นอกจากนี้ยังมียาที่ยับยั้งหรือรบกวนฮอร์โมนเพศชายโดยตรง  เช่นยาลดการหลั่งกรด (Cimetidine ,Ranitidine) ยาฆ่าเชื้อรา (Ketoconazole, Metronidazole) ยาเคมีบำบัดบางตัว  (Flutamide, Bicalutamide) ยารักษาพากินสัน (Bromocriptine, Trihexyphenidyl, Levodopa) ยาเหล่านี้ สามารถต้านฤทธิ์กับฮอร์โมนเพศชายที่ชื่อ เทสทอสเทอโรน ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญในการเกิดอารมณ์ทางเพศในผู้ชายและผู้หญิง  (แต่ผู้หญิงยังต้องการฮอร์โมนเพศหญิงมาช่วยกระตุ้นด้วย) เมื่อฮอร์โมนเพศชายลดลง ความต้องการทางเพศจะลดลงด้วย แต่เมื่อหยุดรับประทานยาไปสักระยะหนึ่งแล้วอาการต่างๆ ก็จะกลับเป็นปกติเหมือนเดิม

ปัญหาต่อมาที่สงสัยกันบ่อยมากคือ ต้องทำอย่างไรถ้ายาที่ทานเป็นสาเหตุให้น้องจ้อนอ่อนปวกเปียก ในฐานะเภสัชกรขอแนะนำว่า อย่าเพิ่งหยุดยาเอง เพราะยานั้นอาจเป็นยาที่จำเป็นต่อการรักษาโรคของคุณ หากหยุดยาอาจทำให้มีอันตรายถึงชีวิตได้ในบางโรค แต่ก็ควรรีบบึ่งไปพบแพทย์เพื่อรับคำปรึกษาทันที พร้อมนำยาที่ทานติดไปด้วย หากเป็นการเข้าใจผิด แพทย์จะได้ช่วยค้นหาปัจจัยอื่นๆ กันต่อไป

ขอขอบคุณเภสัชกรแบ้งค์ สำหรับเรื่องราวดีๆ ที่มาแบ่งปันและขยายความเข้าใจให้แฟน Bedtime Story ได้กระจ่างนะคะ ต่อไปนี้สาวไหนเจอหนุ่มที่เจอปัญหานี้ อย่าผลีผลามเบื่อนะคะ ช่วยเขาหาต้นเหตุแห่งทุกข์ แล้วช่วยกันดับซะ ชีวิตรักจะได้สุขีแบบ All Day All Night ค่ะ

เรื่อง : Madam Hong Hern และ เภสัชกรแบ้งค์

ข้อมูลอ้างอิง : www.diseasesandconditions.net, www.anabolicmen.com, patient.info

ภาพ : http://maxpixel.freegreatpicture.com/

TOKYO MILK CHEESE FACTORY บินลัดฟ้า เสิร์ฟความอร่อยเอาใจเหล่าชีสเลิฟเวอร์ด้วยรสชาติต้นตำรับจากตัวจริงเรื่องนมและชีส

ข่าวดีสำหรับชีสเลิฟเวอร์ เมื่อแบรนด์ของฝากอันดับหนึ่งจากประเทศญี่ปุ่นอย่าง ‘โตเกียว มิลค์ ชีส แฟค  ตอรี่’ (TOKYO MILK CHEESE FACTORY) ที่เหล่านักเดินทางคุ้นตากันดีกับร้านขนมของฝากยอดนิยมในสนามบินฮาเนดะ, สนามบินนาริตะ และร้านในเมืองโตเกียว ได้บินตรงมาเสิร์ฟความอร่อยให้คนไทยได้ลิ้มลองรสชาตินมและชีสคุณภาพเยี่ยมที่ถูกรังสรรค์ขึ้นเป็นเบเกอรี่  หลากหลายเมนูเป็นที่เรียบร้อย

โดยสินค้ายอดนิยมของทางแบรนด์ อาทิ คุกกี้สอดไส้ชีส (Salt & Camembert Cookie) คุกกี้กรอบหวานมันลงตัว ที่ทำมาจากนมวัวฮอกไกโด ผสมกับเกลือเกร็องด์ (Guérande) จากประเทศฝรั่งเศส และชีสกาม็องแบร์ (Camembert cheese), มิลค์ ชีสเค้ก (Milk Cheesecake) ที่ผสมผสานระหว่างครีมชีสจากฝรั่งเศสและนมฮอกโกโดที่ได้รับการคัดสรรมาเป็นอย่างดีเพื่อมอบรสชาตินุ่มละมุมลิ้น พร้อมเพิ่มรสสัมผัสของการทานชีสเค้กด้วยเนื้อเครปที่ถูกผสมลงไปในชีสเค้กได้อย่างลงตัว, มิลค์ โรลเค้ก (Milk Roll cake) แป้งโรลรสสตรอว์เบอร์รี่เนื้อหนานุ่มสอดไส้ครีมสดจากนมฮอกไกโดที่มีเฉพาะตามฤดูกาล

และอีกหนึ่งเมนูใหม่ของ ‘โตเกียว มิลค์ ชีส แฟคตอรี่’ (Tokyo milk cheese factory) ที่ถูกคิดค้นขึ้นเพื่อเอาใจสาวกคนรักชีสโดยเฉพาะก็คือไอศครีมซอฟท์เสิร์ฟ คาว คาว ไอซ์ (Cow Cow Ice) กับครั้งแรกที่ชีสจะมาในรูปแบบของไอศกรีมซอฟท์เสิร์ฟ พร้อมชีสซี่โคน (Cheesy cone) ช่วยเพิ่มรสชาติความกลมกล่อมให้อร่อยลงตัวเหมือนรับประทานที่ชินจูกุ รวมถึงไอศกรีมซอฟท์เสิร์ฟรสนมที่คัดเฉพาะจากฮอกโกโด และรสชาติผสมระหว่างนมกับชีส

พบกับ ‘โตเกียว มิลค์ ชีส แฟคตอรี่’ (TOKYO MILK CHEESE FACTORY) ได้แล้ววันที่ศูนย์การค้าสยามพารากอน          ชั้น G กับการนำเข้าทุกเมนูเบเกอรี่รวมถึงไอศกรีมซอฟท์เสิร์ฟที่ส่งตรงจากโตเกียว มาให้แฟนๆ ชาวไทยได้ลิ้มลองถึงความอร่อย พร้อมการีนตีรสชาติว่าเหมือนได้ทานที่ญี่ปุ่นแท้ๆ จากแบรนด์ตัวจริงด้านนมและชีส

22 ปี เก๋ – บุญพิทักษ์ รู้จักใจเริง แห่งเพลิงบุญเวอร์ชั่นออริจินอล

นักแสดงในความทรงจำ เก๋ – บุญพิทักษ์ จิตต์กระจ่าง อดีตนักแสดงสาวผู้ล่วงลับซึ่งรับบท ใจเริง เวอร์ชั่นออริจินอล ปี 2539

เก๋ – บุญพิทักษ์ จิตต์กระจ่าง ใจเริง เวอร์ชั่นแรก
ใจเริง 2017 เจนี่ เทียนโพธิ์สุวรรณ

กำลังเป็นหัวข้อที่มีคนพูดถึงอย่างมากเลยทีเดียวสำหรับการเปลี่ยนตอนจบของละครดัง เพลิงบุญ เพราะเมื่อเร็วๆนี้ผู้จัดสาวคนเก่ง จ๋า – ยศสินี ณ นคร ได้เผยว่าเธอได้ตัดสินใจรื้อตอนสุดท้ายของละครเรื่องนี้ขึ้นมาทำใหม่ เพราะความรู้สึกที่มีกับนักแสดงผู้ล่วงรับ เก๋ – บุญพิทักษ์ จิตต์กระจ่าง ซึ่งรับบท ใจเริงเวอร์ชั่นแรก ที่เสียชีวิตไปเมื่อ 22 ปีที่แล้ว จากอุบัติเหตุรถชน ทั้งๆที่เพิ่งเริ่มถ่ายละครเรื่องไปได้แค่ 2 ตอนเท่านั้น

นักแสดงสาวผู้ล่วงลับ

ดูเหมือนว่าไม่ว่าเพลิงบุญเวอร์ชั่นไหน ปฏิเสธไม่ได้ว่าผู้ที่มารับบทใจเริงปังทุกคนจริงๆ โดยเฉพาะเวอร์ชั่นล่าสุดที่สวมบทบาทโดยเจนี่ เทียนโพธิ์สุวรรณ ตกเป็นประเด็นร้อนระอุไปทั่วโลกออนไลน์ตั้งแต่ยังไม่ทันเปิดกล้อง จนถึงโค้งสุดท้าย

แฟนคลับยุค 4.0 บางส่วนคงรู้จักกับ เจนี่ ไปแล้ว วันนี้ แพรวดอทคอม จะพาไปรู้จักกับสายจี๊ดรุ่นแรกเก๋ – บุญพิทักษ์ จิตต์กระจ่าง อดีตนักแสดงสาวผู้ล่วงลับซึ่งรับบท ใจเริง เวอร์ชั่นออริจินอล ปี 2539

เพลิงบุญ 2539 นก ฉัตรชัย รับบท ฤกษ์

เก๋ – บุญพิทักษ์ จิตต์กระจ่าง เป็นนักแสดงหญิงอนาคตไกลที่ได้รับการถ่ายทอดวิชามาจาก อาจิ๋ม -มยุรฉัตร เหมือนประสิทธิเวช ผู้จัดละครฝีมือดี มีผลงานละคร 7 เรื่องได้แก่ สี่แยกนี้อายุน้อย คู่กับ ศรราม เทพพิทักษ์,ทางโค้ง (2535) คู่กับ สายฟ้า เศรษฐบุตร , หมอเมืองเถื่อน (2536) คู่กับ จักรกฤษณ์ อำมะรัตน์ , แม่พลอยหุง (2536 – 2537) คู่กับ นพพล โกมารชุน ,ขอให้รักเรานั้นนิรันดร (2537) คู่กับ พงษ์พัฒน์ วชิระบรรจง ,ตุ๊กตามนุษย์ (2537) คู่กับจักรกฤษณ์ อำมะรัตน์ และ ครึ่งของหัวใจ (2538) คู่กับ จักรกฤษณ์ อำมะรัตน์ ก่อนเสียชีวิตในเรื่องที่ 8 คือละครเพลิงบุญ ที่เธอพลิกคาแรคเตอร์มารับบทร้ายเป็นครั้งแรก

แอน ทองประสม รับบท พมาลา และ เก๋ – บุญพิทักษ์ รับบท ใจเริง

แม้หลายคนอาจจะกังวลเพราะติดภาพในความหวานของเธอ แต่เมื่อถึงวันเปิดกล้องเธอสวมวิญาณสาวแซ่บจี๊ดแบบไม่เหลือภาพลักษณ์ใสๆเมื่อครั้งวันวาน ซึ่งทำให้หลายๆคนไม่สามารถปฏิเสธได้เลยว่าเธอไม่เหมาะกับบทนี้ ทว่าน่าเสียดายที่ยังไม่ทันถ่ายแล้วเสร็จ นักแสดงสาวเสียชีวิตอย่างกระทันหัน ขณะเดินทางกลับบ้านที่จังหวัดชลบุรี

เก๋ และ ต้น -จักรกฤษณ์ อำมะรัตน์ รับบท เทิดพันธุ์

จากเหตุการณ์นี้ทำให้ต้องมีการแคสนักแสดงที่มารับบทใจเริงใหม่ ซึ่งผู้ที่มารับบทคือ หน่อย – บุษกร ซึ่งเธอได้ตั้งปณิธานว่าจะทำเต็มกำลังเพื่อเติมเต็มในส่วนของนักแสดงสาวผู้ล่วงลับด้วย และจากความทุ่มเทอย่างสุดตัวในครั้งนี้ส่งผลให้เธอได้รับรางวัลดาราสนับสนุนหญิงดีเด่น จากเวที โทรทัศน์ทองคำ สร้างชื่อเสียงให้กับเธอเป็นอย่างมาก ขณะหลายๆคนก็รู้สึกเสียใจแทน เก๋ – บุญพิทักษ์ หากชีวิตยังดำเนินต่อไปเชื่อว่าเธอคงเป็นอีกหนึ่งนักแสดงดาวค้างฟ้าของวงการบันเทิงเมืองไทยอย่างแน่นอน

หน่อย – บุษกร รับบท ใจเริง แ ทน เก๋ – บุญพิทักษ์

เรื่อง : SnowBlack

ภาพ : thaidrama.net,เพจละครไทยในความทรงจำ

keyboard_arrow_up