พระเอกจีน

รวม 5 สุดยอดผลงานมาสเตอร์พีช ของ พระเอกจีน ติงอวี่ซี

Alternative Textaccount_circle
พระเอกจีน
พระเอกจีน

เรียกว่าเป็นอีกหนึ่งนักแสดงระดับเอลิสต์จากแดนมังกรที่กุมหัวใจแฟนๆ ทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติมาตลอด เพราะด้วยฝีมือการแสดงระดับเทพ ไม่ว่าจะเล่นซีรีส์เรื่องไหนๆ ก็จะได้รับกระแสตอบรับอย่างล้นหลาม อย่าง “ติงอวี่ซี” ซึ่งเขาได้พิสูจน์ความสามารถผ่านการแสดงหลายบทบาทสุดท้าทายในหลายๆ เรื่อง ไม่ว่าจะเป็นซีรีส์แนวโรแมนติก , พีเรียด หรือดราม่า บทไหนๆ เขาก็สามารถทำให้ผู้ชมอินและชื่นชอบได้เสมอ โดยผลงานล่าสุดก็ได้สร้างปรากฏการณ์เหมียวครองเมือง กับซีรีส์เรื่อง ตำนานแมวขาวแห่งศาลต้าหลี่ (White Cat Legend) ในบทบาทน้องแมวสุดคิ้วท์ที่มาร่วมไขคดีปริศนา อีกทั้งซีรีส์ยังมาแรงเป็นอันดับ 1 บน iQIYI (อ้ายฉีอี้) อีกด้วย นี่ถือเป็นอีกหนึ่งการแสดงที่ไม่ควรพลาดด้วยประการทั้งปวง งานนี้จึงขอรวมสุดยอดผลงาน ซีรีส์สุดฮิตของพระเอกสุดฮ็อต เชื่อว่าถ้าแฟนๆ ได้ตามเก็บดูครบซีรีส์ของเขาแล้ว จะต้องโดนตกและรักเขาเพิ่มขึ้นอย่างแน่นอน

ตำนานแมวขาวแห่งศาลต้าหลี่ (White Cat Legend)

เรื่องย่อ : บอกเล่าเรื่องราวการสืบคดีสุดปริศนาในเมืองเสินตู นำทีมโดย หลี่ปิ่ง (รับบทโดย ติงอวี่ซี) ผู้ที่ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นเซ่าชิงแห่งศาลต้าหลี่ในการสืบหาความจริงกับเรื่องราวสุดน่าพิศวง ร่วมกับผองเพื่อนสุดซี้อย่าง เฉินชื่อ (รับบทโดย โจวฉี) , หวังชี (รับบทโดย เฟิงม่าน) , อาหลี่ปาปา (รับบทโดย หวาเอ่อร์) , ชุยเป้ย (รับบทโดย ติงเจียเหวิน) และซุนเป่า (รับบทโดย จางอี้ชง) โดยพวกเขาได้ร่วมกันไขคดีที่เกิดขึ้น ยืนหยัดในความยุติธรรม และทำให้เมืองเสินตูน่าอยู่ขึ้นกว่าเดิม

นำแสดงโดย : ติงอวี่ซี , โจวฉี , เฟิงม่าน , หวาเอ่อร์ , ติงเจียเหวิน และจางอี้ชง

เจ็ดชาติภพ หนึ่งปรารถนา (Love you seven times)

เรื่องย่อ : บอกเล่าเรื่องราวของเทพธิดาแห่งหอเยว่เหล่า เสียงอวิ๋น (รับบทโดย หยางเชาเยว่) และชูคง (รับบทโดย ติงอวี่ซี) เทพบริวารของท่านเทพแห่งดาวเหม่ารื่อที่เข้าใจผิดกัน โดยเสียงอวิ๋น ที่เดิมทีเป็นเพียงก้อนเมฆน้อยๆ ที่ถูกผู้เฒ่าจันทราเสกให้กลายเป็นเทพและรับใช้อยู่ที่หอของผู้เฒ่าจันทรา ได้พบกับ ชูคง เทพบริวารของท่านเทพแห่งดาวเหม่ารื่อที่เข้าไปยังหอเยว่เหล่าโดยบังเอิญ จึงถูกเข้าใจผิดว่าเป็นคนชั่ว แล้วยังบังเอิญทำพัดของเสียงอวิ๋นพัง ทั้งสองจึงเกิดการทะเลาะกันจนทำให้ด้ายแดงพันยุ่งเหยิง และทำให้คู่บุพเพบนโลกมนุษย์เกิดความวุ่นวาย องค์เง็กเซียนฮ่องเต้จึงมีรับสั่งลงโทษให้ทั้งสองลงไปเกิดยังโลกมนุษย์ โดยมีวาสนารักกันเจ็ดชาติภพ เรื่องราวอลวนสุดชุลมุนจึงบังเกิดขึ้น

นำแสดงโดย : ติงอวี่ซี และ หยางเชาเยว่

พระเอกจีน ติงอวี่ซี

เพลงรักใต้แสงจันทร์ (Moonlight)

เรื่องย่อ : บอกเล่าเรื่องราวของ ชูหลี่ (รับบทโดย อวี๋ชูซิน) สาวน้อยที่มีความมุ่งมั่นในการเป็นบรรณาธิการ เธอได้เข้าทำงานที่สำนักพิมพ์หยวนเยว่ สำนักพิมพ์ชื่อดังระดับประเทศที่เธอใฝ่ฝัน แต่แล้วเธอได้รับโจทย์สุดท้าทายในการไปทำให้ โจ้วชวน (รับบทโดย ติงอวี่ซี) นักเขียนไฟแรงยอมรับข้อตกลงของสำนักพิมพ์ อีกทั้งต้องทำให้ผลงานชื่อดังของเขาตีพิมพ์กับสำนักพิมพ์นี้ให้ได้ เรื่องราววุ่นๆ จึงได้เกิดขึ้น  

นำแสดงโดย : อวี๋ชูซิน และ ติงอวี่ซี

ความลับแห่งอนาคต (Future Secrets)

เรื่องย่อ : บอกเล่าเรื่องราวของ อวิ๋นเสี่ยวชี (รับบทโดย หลี่อิ๋งอิ๋ง) นักเรียนออกแบบแฟชั่นที่เธอโดนกล่าวหาว่าลอกงานออกแบบ ความเข้าใจผิดนี้ทำให้ชีวิตของเธอเจอแต่ปัญหาต่างๆ มากมาย จนครั้งหนึ่งเธอเคยคิดที่จะฆ่าตัวตาย แต่ทว่าเธอได้รับยาปริศนาที่สามารถแก้ไขอดีตได้ เธอจึงย้อนเวลาและแก้ไขสิ่งต่างๆ ให้ชีวิตของเธอกลับมาดีเหมือนเดิม

นำแสดงโดย : หลี่อิ๋งอิ๋ง และ ติงอวี่ซี

เจาะ 6 คอสตูม ‘ลออจันทร์’ นางเอกเวียงภูคำในแฟชั่นชาวปารีเซียง

Alternative Textaccount_circle

เพลินตาในความเรียบง่าย เจาะคอสตูม ‘ลออจันทร์‘ นางเอกแห่งเวียงภูคำที่มาในแฟชั่นกลิ่นอายสาวปารีเซียง

เริ่มต้นขึ้นแล้วกับซีรีส์ละคร ‘ดวงใจเทวพรหม’ โปรเจ็กต์ใหญ่ต่อจาก ‘สุภาพบุรุษจุฑาเทพ’ ที่ในอดีตครองใจแฟนละครไว้มากมาย ซึ่งในเรื่องแรกเปิดประเดิมด้วยพระเอกหนุ่มสุดฮ็อตอย่าง ‘กลัฟ คณาวุฒิ’ ที่นำแสดงคู่กับนางเอก ‘จีน่า ญีนา’ ในเรื่อง ‘ลออจันทร์’ นอกจากตอนนี้เนื้อเรื่องจะเข้มข้นชวนให้ติดตามแล้ว คอสตูมที่ปรากฏอยู่ในละครก็น่าสนใจไม่น้อย ถึงแม้จะอลังการน้อยกว่ายุคพ่อและแม่ แต่ก็แฝงเสน่ห์ที่ถ่ายทอดช่วงปี 2534 ไว้ได้ชัดเจน

อย่างที่ทราบกันดี แม้ ‘ลออจันทร์’ จะเป็นคนจากเวียงภูคำ เธอก็ได้ไปร่ำเรียนไกลถึงประเทศฝรั่งเศส จึงไม่แปลกที่คอนตูมของเธอจะแฝงกลิ่นอายสไตล์ปารีเซียงไว้ในทุกลุค แต่ทั้งหมดก็ยังปนไปด้วยความวินเทจตามยุคสมัยของละคร

โดยสไตล์การแต่งตัวของชาวปารีเซียงมักเลือกหยิบเสื้อผ้าที่มีโทนสีเบสิค ไม่ฉูดฉาดมาสวมใส่ เหมือนกับที่ละออจันทร์ใส่ ส่วนใหญ่แล้วทักเป็นสีเบจ ขาว ดำ เทา และยีนส์ ซึ่งแต่ละชิ้นจะเน้นที่คัตติ้งให้ได้สไตล์แสนเรียบหรู

นอกจากนี้หากต้องการเพิ่มความโดดเด่นให้กับลุคมากขึ้น ไอเท็มชิ้นเล็กชิ้นน้อยก็เป็นส่วนสำคัญไม่ว่าจะเป็นผ้าพันคอ หรือโบไทด์ ซึ่งส่วนใหญ่ลออจันทร์จะเลือกสีที่สะดุดตาตัดกับลุคเป็นพิเศษ และการเพิ่มผ้าพันคอแบบนี้ก็ถือเป็นสไตล์การแต่งตัวที่สาวปารีเซียงชอบใช้เช่นกัน


Glenfiddich “THE WHERE NEXT CLUB” กลับมาอย่างยิ่งใหญ่

account_circle

เกลนฟิดิค (Glenfiddich) แบรนด์ซิงเกิลมอลต์ ภายใต้บริษัทเครื่องดื่มแอลกอฮอล์พรีเมี่ยม การันตีคุณภาพด้วย
รางวัลมากมายอย่าง William Grant & Sons จำกัด กลับมาพร้อมกับแคมเปญ “THE WHERE NEXT CLUB” ปีที่สี่ใน
ประเทศไทย โดยแคมเปญนี้เกิดขึ้นด้วยจุดประสงค์ที่จะนำพาผู้คนที่มาพร้อมเรื่องราวที่น่าสนใจมาร่วมแชร์ประสบการณ์
และ Quality ของตนเองเพื่อส่งต่อแรงบันดาลใจให้แก่กันและกัน นำพากันไปสู่ NEXT ใหม่ๆที่ไม่สิ้นสุด

สำหรับการค้นหา “Single Best Quality” นั้น Glenfiddich “The Where Next Club” ได้เฟ้นหาเหล่า Maverick หรือ
กลุ่มคนที่มีแนวคิดริเริ่มสร้างสรรค์สิ่งใหม่ ๆ จากสิ่งที่อยู่ภายในของตนเอง กลั่นกรองออกมาเป็นผลลัพธ์ของความตั้งใจ
ความเป็นตัวเอง ความสนใจ การมองเห็นคุณค่าของสิ่งรอบตัวและอื่น ๆ อีกมากมาย โดยในปีนี้ทางคลับได้นำพาเหล่า
Maverick ของประเทศไทยถึง 3 ท่าน ที่เคยร่วมกันค้นหาและแชร์ประสบการณ์ในปีที่ผ่านมากลับมา ได้แก่ คุณบุริ
นทร์ บุญวิสุทธิ์, คุณวินชนะ พฤกษานานนท์ และคุณชัชวาล จันทโชติบุตร มาบอกเล่า “The Progressive
Next” ที่แต่ละคนได้ก้าวผ่านมาอยู่ในอีกขั้นของความสำเร็จในชีวิต พร้อมกับคอนเซ็ปต์ ‘Collaborate to innovate
our NEXT’ โดยมีแนวความคิดที่ว่าในบางครั้งการสร้าง NEXT อันต่อไป สามารถเกิดขึ้นได้จากการที่เราได้มีการแลก
เปลี่ยนร่วมแชร์สิ่งที่เราคิดว่าเป็น “Single Best Quality” ของตนเอง และผสมผสานเข้ากับความเป็นไปได้จากความคิด
สร้างสรรค์ที่ร่วมกันก่อให้เกิด ‘Socialsphere Showcase’ หรือพื้นที่จำลอง Speakeasy Bar บนเกาะในบรรยากาศที่ให้
ความเป็นส่วนตัว ตัดขาดจากความวุ่นวาย สร้างบทสนาทนาที่จะสร้างแรงบันดาลใจแห้แก่กันและกันควบคู่ไปกับเครื่อง
ดื่มที่เหนือระดับในการรังสรรค์ NEXT ต่อไป

‘Socialsphere Showcase’ พื้นที่แลกเปลี่ยนแรงบันดาลใจภายใต้ความสงบและเป็นส่วนตัวอย่างเหนือระดับ

จากการร่วมมือกันของ 3 Maverick จากไทย สู่ชิ้นงานสุดพิเศษ ‘Socialsphere Showcase’ ที่จำลอง Speakeasy Bar
บนเกาะ ให้ความเป็นส่วนตัว บรรยากาศเงียบสงบ ไร้ซึ่งความวุ่นวาย รายล้อมไปด้วยผู้คนที่มีความคิดสร้างสรรค์ และ
เป็นตัวของตัวเอง ซึ่งพร้อมที่จะร่วมสร้างสิ่งใหม่ ๆ ในขณะที่ดื่มด่ำช่วงเวลาที่มีคุณค่าไปด้วยกัน ทั้งนี้ ความร่วมมือกัน
จาก Maverick 3 ท่านจาก 3 วงการที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง แต่กลับร่วมกันรังสรรค์ชิ้นงานที่ลงตัวด้วยการนำเอา
“Single Best Quality” ของแต่ละคนมาผนึกรวมกัน

ดีไซน์แรงบันดาลใจผ่านเสียงเพลง

เริ่มการเดินทางด้วย บุรินทร์ บุญวิสุทธิ์ ผู้คร่ำวอดในวงการดนตรีและแวดวงธุรกิจมาอย่างยาวนาน คุณบุรินทร์มีหลาก
หลายบทบาทในชีวิตไม่ว่าจะเป็นนักร้อง และนักดนตรีในวงกรู๊ฟไรเดอร์ส อีกทั้งยังเป็นผู้บริหารบริษัท เมโทรฮอนด้าออ
โตโมบิล จำกัด, บริษัท เมโทร ออโต้เฮาส์ จำกัด และ บริษัท มิตซูเมโทร จำกัด แต่ยังมีอีกหนึ่งสิ่งที่น่าสนใจนั่นคือ
ความสนใจในด้านดนตรีแจ๊สที่นำมาสู่การทำเพลงสุดพิเศษถึง 3 บทเพลงพร้อมดีไซน์คลื่นเสียงที่มาแปลงเป็นภาพและ
ลวดลายประกอบเข้ากับตัว ‘Socialsphere Showcase’ ได้อย่างลงตัว คุณบุรินทร์กล่าวเสริมว่า “ผมเชื่อในเรื่องของ
คลื่นเสียง มันไม่ใช่แค่เรื่องของเพลง แต่มันเป็นเรื่องของการดีไซน์ความรู้สึก ผลงานชิ้นนี้จะช่วยให้เรามองเห็นความ
รู้สึกที่ซ่อนอยู่ภายในได้มากขึ้น”

ผสานธรรมชาติเข้ากับชีวิต

เดินทางต่อกับ วินชนะ พฤกษานานนท์ ทายาทรุ่นที่ 2 ของเกาะมันนอกรีสอร์ทและ Co-founder ของ Sunne
Voyage ธุรกิจล่องเรือที่เกิดจากการเห็นคุณค่าของช่างต่อเรือไทย และแนวคิดที่จะต่อยอดส่งเสริมชุมชนโดยรอบให้
เติบโตไปพร้อมกันด้วยการทำธุรกิจแบบใช้หัวใจ ด้วยการอยู่ใกล้ชิดกับธรรมชาติ รวมถึงการคลุกคลีกับชุมชนใกล้เคียง
คุณวินชนะ กล่าวว่า “แนวทางธรรมชาติจุดประกายคอนเซ็ปต์ของงานส่วนนี้ของผม บางครั้งการออกไปใช้ชีวิตเพื่อ
ทำให้เราได้ไปพบเจอกับแรงบันดาลใจใหม่ ๆ ก็เป็นสิ่งสำคัญที่หลายคนอาจมองข้ามไป” ทั้งนี้ คุณวินชนะจึงได้ร่วม
ออกแบบเครื่องเรือนที่ได้รับแรงบันดาลใจจากการนำเอาวัสดุจากเกาะมาสร้างความเป็นส่วนตัว สำหรับวงสนทนาใน
Speakeasy Bar บนเกาะไปด้วยกัน

โลกใบใหม่ผ่านภาพถ่าย

ท้ายแต่ไม่ท้ายสุด กับม่านภาพถ่ายจาก ชัชวาล จันทโชติบุตร ที่มากความสามารถในหลายแขนงไม่ว่าจะเป็นในฐานะ
Leica Thailand Ambassador เจ้าของคาเฟ่ The Tangerine ภูเก็ต และ The Place เขาหลัก อีกทั้งยังเป็นผู้สร้างคอม
มูนิตี้ผู้ที่หลงไหลในท้องทะเลและการเซิร์ฟที่เขาหลักให้แข็งแรงมากยิ่งขึ้น ด้วยความหลงไหลในการถ่ายภาพคุณชัช
ชวาลได้ร่วมสร้าง ‘Socialsphere Showcase’ ในการสร้างความเป็นส่วนตัว แบ่งพื้นที่วงสนาทนาด้วยม่านภาพถ่ายที่จะ
พาเราหลีกหนีความวุ่นวาย คุณชัชวาลเล่าให้ฟังถึงแรงบันดาลใจของผลงานชิ้นนี้ว่า “มันอาจจะไม่ใช่แค่ภาพ แต่มันจะ
เป็นพื้นที่ที่ทำให้พวกคุณได้มี Quality Conversation ร่วมกัน ผ่านเรื่องราวและความรู้สึกต่าง ๆ ที่ถ่ายทอดออกมาใน
โมเมนต์ของภาพ”

ยิ่งไปกว่านั้น ในค่ำคืนที่แสนพิเศษนี้ถือเป็นโอกาสดีที่ Glenfiddich จะมีอีกหนึ่งผู้เชี่ยวชาญอย่างคุณ Jyri Pylkkanen
มาร่วมเล่าเรื่องราวความเป็นมาของแบรนด์ รวมถึงเรื่องราวการเดินทางของตัวเขาเองในฐานะ Regional Single Malts
Ambassador ประจำภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ คุณ Jyri กล่าวว่า “ผมรู้สึกดีใจและตื่นเต้นเป็นอย่างมากที่ได้มา
แบ่งปันเรื่องราวของ Glenfiddich ในฐานะแบรนด์แอมบาสซาเดอร์ เพื่อถ่ายทอดเรื่องราวดี ๆ และแรงบันดาลใจในการ
ใช้ชีวิตเพื่อสร้างสรรค์สิ่งใหม่ ๆ ร่วมกับ Maverick ทั้ง 3 ท่านของเราจากประเทศไทย และผมเชื่อว่าการมี Glenfiddich
เป็นเพื่อนร่วมทางไปกับการค้นหา NEXT ใหม่ ๆ จะเป็นการเริ่มต้นที่ดีของทุกคน”

นอกจาก ‘Socialsphere Showcase’ แล้ว Maverick ทั้ง 3 ท่านยังร่วมกันกับทาง Glenfiddich และ Lloyd’s Club
รังสรรค์ค็อกเทลสูตรพิเศษในค่ำคืนนี้อีกเช่นกัน โดยคุณวินชนะร่วมกันสร้าง “The Deconstruction”ที่มีส่วนประกอบ
เป็น Glenfiddich 12 ปี, ใบชาเขียว, ดอกดาวเรือง, น้ำเกลือ, น้ำเลม่อน และโซดาให้ความสดชื่นตามแบบฉบับเครื่อง
ดื่มริมหาด ต่อด้วยเครื่องดื่มจากคุณชัชวาลภายใต้ชื่อ “The Vision” ที่จะเป็นเครื่องดื่มรสขมอมหวานจากส่วนผสม
ของ Glenfiddich 15 ปี, เหล้าสมุนไพรจากอิตาลี, เหล้าหวานรสเชอร์รี่, เหล้ายาผสมเครื่องเทศและน้ำเลม่อน ปิดท้าย
ด้วยแก้วสุดท้ายจากคุณบุรินทร์ “The Vibration” ที่ร่วมรังสรรค์ด้วย Glenfiddich 18 ปี, ไวน์เชอร์รี่, กุหลาบ, เฟอร์
เน็ต และหญ้าฝรั่นให้รสชาตินุ่มลึกตามแบบฉบับ Glenfiddich

กลิ่นอายความเป็นส่วนตัวแต่ยังเปิดรับสิ่งใหม่ของงานในครั้งนี้ถูกรังสรรค์ขึ้นภายใน Party Clubhouse สไตล์ Old
Money อย่าง Lloyd’s Club ที่ตั้งอยู่ในโรงแรม The Metropole Bangkok Sukhumvit 55 โดย Lloyd’s Club ถือเป็น
Clubhouse แบบ semi-membership ที่เปิดให้คนนอกเข้าใช้บริการรวมถึงมีบริเวณที่จำกัดสำหรับสมาชิกเท่านั้นเพื่อ
เพิ่มความเป็นส่วนตัว สำหรับผู้ที่ต้องการสัมผัสบรรยากาศใหม่ ๆ พร้อมความสนุกตามแบบฉบับ Llyod’s Club ที่จะมี
ครบทุกอารมณ์ สลับสับเปลี่ยนไปในแต่ละคืน Glenfiddich ขอเชิญชวนทุกท่านเข้ามาเยี่ยมชม ‘Socialsphere
Showcase’ พร้อมดื่มด่ำค็อกเทลสูตรพิเศษจาก Glenfiddich เพื่อเติมเต็มและค้นหา Next ที่ไม่รู้จบของคุณ ที่ Lloyd’s
Club ได้ตั้งแต่วันนี้ – 31 พฤษภาคม 2567

บัตรเครดิตวันสยามกสิกรไทย

ใช้จ่ายคุ้มค่าสุด! บัตรเครดิตวันสยามกสิกรไทย ยกระดับสู่ “อีกขั้นของชีวิตที่ไม่ธรรมดา”

account_circle
บัตรเครดิตวันสยามกสิกรไทย
บัตรเครดิตวันสยามกสิกรไทย

ธนาคารกสิกรไทย ร่วมมือกับสยามพิวรรธน์ ตอกย้ำอภิสิทธิ์สูงสุดในการใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตวันสยามกสิกรไทย (OneSiam KBank Credit Card) ด้วยคอนเซปต์ใหม่ “อีกขั้นของชีวิตไม่ธรรมดา” (Evolved Extraordinary You) ชูจุดแข็งเป็นบัตรเดียวที่ให้เอกสิทธิ์ใช้จ่ายที่คุ้มค่ามากที่สุดกับ 6 ศูน์การค้าที่เป็นจุดหมายการช้อปปิ้งทั้งในประเทศและระดับโลก ได้แก่ สยามพารากอน สยามเซ็นเตอร์ สยามดิสคัฟเวอรี่ ไอคอนสยาม ไอซีเอส และสยามพรีเมี่ยมเอาท์เล็ต พร้อมขยายสิทธิพิเศษการใช้บริการห้องพักรับรองภายในศูนย์การค้าที่เป็นจุดแลนมาร์คช้อปปิ้งชื่อดังในต่างประเทศ

คุณสรัลธร อัศเวศน์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานบริหารธุรกิจ

คุณสรัลธร อัศเวศน์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานบริหารธุรกิจ คุณณัฐพล ลือพร้อมชัย รองกรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย เปิดเผยว่า ปัจจุบันฐานผู้ใช้บัตรเครดิตวันสยามกสิกรไทยถือเป็นกลุ่มผู้ถือบัตรเครดิตที่มีศักยภาพในการใช้จ่ายสูง โดยเฉพาะหมวดสินค้าลักซ์ชัวรี ความร่วมมือกับสยามพิวรรธน์อย่างต่อเนื่องในการพัฒนาบัตรเครดิตวันสยามกสิกรไทยกับ      คอนเซปต์ใหม่ “อีกขั้นของชีวิตไม่ธรรมดา” (Evolved Extraordinary You) เพื่อให้เป็นบัตรเครดิตที่ทำให้ลูกค้าได้สัมผัสทุกประสบการณ์ไลฟ์สไตล์ช้อปปิ้งระดับโลก ได้รับความคุ้มค่าจากการใช้จ่ายทุกๆ วัน และทำให้ลูกค้าได้รับความสะดวกสบาย โดยมีการวิเคราะห์ความชอบและไลฟ์สไตล์การใช้จ่ายของลูกค้าเพื่อออกแบบโปรโมชันและสิทธิพิเศษ ก้าวสู่อีกขั้นของการสัมผัสประสบการณ์การจับจ่ายที่มีคุณค่า สุดกว่า  ทุกที่และทุกวันอย่างต่อเนื่อง

คุณณัฐพล ลือพร้อมชัย รองกรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย

บัตรเครดิตวันสยามกสิกรไทย เป็นบัตรเครดิตที่ครองใจนักช้อป Luxury Fashion ที่แท้จริง ด้วยสิทธิประโยชน์ที่มอบให้อย่างเต็มที่ และวิสัยทัศน์ในการนำเสนอประสบการณ์ที่เหนือความคาดหมาย ไม่ธรรมดา มีข้อเสนอให้ลูกค้าที่ดีที่สุดในตลาดอย่างต่อเนื่อง สะท้อนด้วยกระแสตอบรับด้านการจับจ่ายดังเห็นได้จากอัตรารีเดมชั่นของลูกค้าผู้ใช้บัตรที่มาใช้สิทธิในรายการส่งเสริมการตลาดที่จัด และเป็นบัตรที่ลูกค้าเลือกใช้เป็นอันดับต้นๆ

ศูนย์การค้า กล่าวว่า สยามพิวรรธน์เป็นช้อปปิ้งเดสติเนชันระดับโลก ความร่วมมือกับธนาคารกสิกรไทยสำหรับบัตรเครดิต      วันสยามกสิกรไทย เป็นการตอกย้ำความเป็นผู้นำในตลาดลักซ์ชัวรี รีเทล (Luxury Retail) ที่ตอบโจทย์กลุ่มลูกค้าที่มีกำลังซื้อสูง ด้วยการมอบประสบการณ์ในแบบเอ็กซ์ทรอดิแนรี (Extraordinary Shopping) โดยสยามพิวรรธน์มีแผนเปิดร้านลักซ์ชัวรีแบรนด์ใหม่เพิ่มเติมถึง 20 ร้านค้าในไตรมาส 4 ซึ่งหลายแบรนด์เป็นสาขาแรกในประเทศไทย อีกทั้งวางแผนร่วมกับแบรนด์ต่างๆ มากกว่า 40 แบรนด์เปิดป็อปอัพสโตร์    (Pop-up store) และงานอีเวนต์ระดับโลก รวมทั้งลักซ์ชัวรีแบรนด์ทุกค่ายเตรียมขยายพื้นที่กว่าเท่าตัวให้เป็นไอคอนนิค สโตร์ (Iconic Store) ที่ใหญ่ที่สุดในสยามพารากอนและไอคอนสยาม

นอกจาก สยามพารากอน สยามเซ็นเตอร์ สยามดิสคัฟเวอรี่ ไอคอนสยาม แล้ว สิทธิประโยชน์ต่างๆ ยังขยายไปถึง ไอซีเอส และ สยาม พรีเมี่ยม เอาท์เล็ต กรุงเทพ อีกด้วย

บัตรเครดิตวันสยามกสิกรไทย มีรูปแบบบัตร 3 ประเภท ได้แก่ บัตรอินฟินิท (Infinite) บัตรซิกเนเจอร์ (Signature) และบัตรแพลทินัม (Platinum) ซึ่งมอบอภิสิทธิ์สูงสุดใน 6 ด้าน ได้แก่

  1. รับสิทธิ์แบ่งจ่าย 0% นาน 4 เดือนกับสินค้าแบรนด์ดังที่ร่วมรายการ (เมื่อลูกค้าชำระเต็มจำนวนภายในวันครบกำหนดชำระ)
  2. รับคะแนนสะสม K Point สูงสุด 3 เท่าจากการใช้จ่าย
  3. รับเครดิตเงินคืนสูงสุด 30% เมื่อแลกใช้คะแนนสะสม K Point ตามเงื่อนไขที่กำหนด
  4. รับเมนูอาหารและขนมจากร้านดังมากมายที่ร่วมรายการวันฟรีทุกสัปดาห์
  5. ที่จอดรถสำรองพิเศษและสิทธิ์จอดรถฟรี สูงสุด 8 ชั่วโมง โดยไม่ต้องมียอดซื้อ
  6. สิทธิพิเศษในการใช้บริการห้องพักรับรองภายในศูนย์การค้าที่เป็นแลนด์มาร์กช้อปปิ้งชั้นนำในต่างประเทศ อาทิ Hong Kong Times Square, PARCO, Taipei 101 พร้อมรับ Welcome Gift หรือสิทธิพิเศษส่วนลดการช้อปปิ้ง

เพื่อฉลองการเปิดตัวคอนเซปต์ใหม่ของบัตรเครดิตวันสยามกสิกรไทย สยามพิวรรธน์ได้ร่วมกับบัตรเครดิตวันสยามกสิกรไทย จัด 2 แคมเปญใหญ่ให้ลูกค้าได้สัมผัสประสบการณ์แห่งเอกสิทธิ์ในการใช้จ่ายที่คุ้มค่ามากที่สุด ได้แก่

  • 19 มีนาคม 2567 – 31 พฤษภาคม 2567 ใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตวันสยามกสิกรไทยกับสินค้าแบรนด์ดังที่ร่วมรายการ รับสิทธิ์แบ่งจ่าย 0% นาน 4 เดือน (เมื่อลูกค้าชำระเต็มจำนวนภายในวันครบกำหนดชำระ)
  • 22 มีนาคม 2567 – 28 เมษายน 2567 แคมเปญช้อปมาราธอนสุดสัปดาห์ ช้อปพันคืนพัน หมื่นคืนหมื่น
  • รับ K Point รวมสูงสุด 42,000 คะแนน เมื่อช้อปทุกศุกร์ เสาร์ อาทิตย์
  • รับเพิ่ม บัตรจอดรถฟรีตลอดปี เมื่อช้อปครบ 4 หมวดที่ร่วมรายการ และมียอดช้อปสะสมตลอดโครงการขั้นต่ำ 350,000 บาท

บีดีเอ็มเอส เวลเนส คลินิก สร้างความตระหนักให้กับคนไทยเนื่องในวันอ้วนโลก

account_circle

จากข้อมูลของกรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข ประเทศไทย รายงานจำนวนผู้ใหญ่ที่มีปัญหาน้ำหนักเกินหรืออ้วนใน พ.ศ. 2566 อยู่ที่ 48.35% จาก พ.ศ. 2565 จะอยู่ที่ 47.8% นอกจากนี้ รายงานของสำนักโภชนาการ พ.ศ. 2563 พบว่า อัตราโรคอ้วนมีเพิ่มขึ้นทั้งชายและหญิง โดยความชุกของภาวะอ้วนส่วนใหญ่อยู่ในกรุงเทพมหานคร ทำให้คนกลุ่มนี้ต้องเผชิญกับวิกฤตด้านสุขภาพที่รุนแรงมากขึ้น เนื่องในวันที่ 4 มีนาคมของทุกปี เป็นวันอ้วนโลก (World Obesity Day) บีดีเอ็มเอส เวลเนส คลินิก กรุงเทพฯ จึงได้สร้างความตระหนักเพื่อรับมือกับปัญหาโรคอ้วนที่เพิ่มมากขึ้นของประเทศไทย เนื่องจากโรคอ้วนเริ่มแพร่หลายมากขึ้น ทำให้ความเสี่ยงต่อสุขภาพของคนไทยก็มีเพิ่มมากขึ้นด้วย บีดีเอ็มเอส เวลเนส คลินิกต้องการให้ความรู้แก่ผู้คนเกี่ยวกับปัญหาและนำเสนอวิธีการในการจัดการกับน้ำหนักอย่างมีประสิทธิภาพ

“โรคอ้วนเป็นปัญหาร้ายแรงต่อคนไทย โรคนี้เป็นภาวะสุขภาพที่ซับซ้อนซึ่งนำไปสู่โรคไม่ติดต่อ (NCDs) อื่นๆ เช่น ความดันโลหิตสูง นอนไม่หลับ โรคกระดูกและข้อ อ่อนเพลียเรื้อรัง มะเร็ง และอื่นๆ อีกมากมาย ซึ่งโรคเหล่านี้กำลังมีเพิ่มมากขึ้นในประชากรไทย” แพทย์หญิงจิรา ถาวรประดิษฐ์ ผู้อำนวยการคลินิกรอยัลไลฟ์ เวลเนส กรุงเทพ กล่าว “การทำความเข้าใจถึงสาเหตุที่แท้จริงของโรคอ้วนและผลกระทบต่อประชากรไทยจึงมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการพัฒนากลยุทธ์การป้องกันและการจัดการที่มีประสิทธิภาพ” แพทย์หญิงจิรา กล่าวเสริม

บีดีเอ็มเอส เวลเนส คลินิก มุ่งเน้นการดูแลน้ำหนักแบบองค์รวม มากกว่า การควบคุมอาหาร และการออกกำลังกายแบบเดิมๆที่มักจะไม่ประสบผลสำเร็จในการสร้างผลลัพธ์ที่ยั่งยืน ส่งผลให้เกิด “โยโย่เอฟเฟ็กต์” ที่น่าหงุดหงิดจากการลดและเพิ่มน้ำหนัก อย่างไรก็ตาม โปรแกรมของคลินิกได้รับการออกแบบมาเพื่อทำลายวงจรนี้โดยมุ่งเน้นไปที่ตัวบุคคลแบบโดยรวม

“แนวทางของเราจะมีความครอบคลุม ผสมผสานตั้งแต่การวิจัยทางพันธุกรรม การวิเคราะห์ไมโครไบโอมในลำไส้ และการตรวจสุขภาพจิต เพื่อวางแผนควบคุมน้ำหนักแบบส่วนบุคคล โดยเราจะพิจารณาจากความอยากอาหารและอัตราการเผาผลาญของแต่ละบุคคล” แพทย์หญิงพิชชาพร ธนาพงศธร ผู้ช่วยผู้อำนวยการ บีดีเอ็มเอส เวลเนส คลีนิค และผู้อำนวยการฝ่ายพัฒนาธุรกิจ อธิบาย “เมื่อพิจารณาถึงองค์ประกอบทางพันธุกรรมและไลฟ์สไตล์ที่เป็นเอกลักษณ์ของผู้รับบริการแต่ละราย เราจึงสามารถสร้างกลยุทธ์การจัดการน้ำหนักส่วนบุคคลที่มีประสิทธิภาพสูงและเป็นส่วนตัวได้”

“นอกจากนี้ สุขภาพจิตถือเป็นองค์ประกอบที่เราควรให้ความสำคัญ ในยามที่เราต้องการที่จะควบคุมน้ำหนักให้มีประสิทธิภาพ แต่หลายคนอาจจะมองข้ามสิ่งเหล่านี้ไป ทั้งนี้ การมีสุขภาพจิตที่ดีถือเป็นรากฐานในการเปลี่ยนแปลงวิถีชีวิตที่ยั่งยืนและมีคุณภาพ และการทำความเข้าใจเกี่ยวกับจิตวิทยาเบื้องหลังพฤติกรรมการกินและการออกกำลังกาย ถือเป็นกุญแจสำคัญในการปลดล็อกเส้นทางการจัดการน้ำหนักที่ประสบความสำเร็จ” แพทย์หญิงพิชชาพร กล่าวเสริม

อีกหนึ่งกลยุทธ์สำคัญของคลินิกควบคุมน้ำหนักที่บีดีเอ็มเอส เวลเนส คลินิก คือ การทำงานร่วมกันระหว่างทีมทางการแพทย์ผู้เชี่ยวชาญและทีมเทรนเนอร์ส่วนบุคคล โดยจะใช้ผลการตรวจเลือด ความอยากอาหาร และอัตราการเผาผลาญที่แตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล  พร้อมด้วยการทำ DEXA Scan ที่เป็นมาตรฐานและมีความแม่นยำสูงในการวัดองค์ประกอบของร่างกายรวมทั้งระดับไขมัน  การใช้วิธีการที่ครอบคลุมนี้มีจุดมุ่งหมายเพื่อช่วยสร้างแผนการออกกำลังกายส่วนบุคคลที่ตอบสนองทั้งความต้องการของร่างกายและเป้าหมายของผู้รับบริการ ไม่ว่าผู้รับบริการต้องการสร้างกล้ามเนื้อเพื่อให้ได้สัดส่วนที่ดีขึ้นหรือต้องการลดน้ำหนักแบบยั่งยืน ทางคลินิกสามารถปรับแต่งแผนการออกกำลังกายให้ตรงตามความต้องการส่วนบุคคลได้

“เป้าหมายสูงสุดของเราคือการมอบความรู้และแนะนำเครื่องมือที่จำเป็นให้กับผู้รับบริการแต่ละบุคคล เพื่อใช้เป็นแนวทางรักษาน้ำหนักตัวให้แข็งแรงอย่างยั่งยืนและมีคุณภาพชีวิตที่ดี” ดร. ปีเตอร์ ปทุมมารนันทน์ ผู้อำนวยการคลินิกสร้างเสริมและฟื้นฟูระบบกล้ามเนื้อและกระดูก กล่าว

เพื่อสร้างความตระหนักเกี่ยวกับวันอ้วนโลกและปัญหาที่กำลังเติบโตในประเทศไทย ผู้เชี่ยวชาญด้านเวชศาสตร์ป้องกันที่ บีดีเอ็มเอส เวลเนส คลินิก จึงได้แนะนำแนวทางการจัดการน้ำหนักที่รวบรวมองค์ประกอบหลัก 4 ประการเข้าด้วยกัน เพื่อให้มั่นใจว่าการจัดการน้ำหนักจะมีประสิทธิภาพ

องค์ประกอบหลักสี่ประการในการควบคุมน้ำหนัก

  1. การเลือกรับประทานอาหาร ไม่ใช่แค่การทานน้อยลงแต่ทานให้ถูกต้องด้วย นักโภชนาการที่คลินิกได้ทำงานอย่างใกล้ชิดกับผู้รับบริการเพื่อพัฒนาแผนการรับประทานอาหารที่มีคุณค่าทางโภชนาการ น่าพึงพอใจ และปรับให้เหมาะกับความต้องการและความชอบด้านอาหารของแต่ละบุคคล วิธีการเฉพาะบุคคลนี้จะช่วยให้เราแน่ใจว่า ผู้รับบริการจะทานอาหารที่ดีต่อสุขภาพและมีความสุขในการทาน แทนที่จะเป็นข้อจำกัด
  2. การควบคุมความอยากอาหาร จะส่งผลต่อการบริโภคและการเลือกรับประทานอาหาร ทั้งนี้ การประเมินที่ครอบคลุมของทางคลินิกจะช่วยทำให้เราเข้าใจถึงปัจจัยการกระตุ้นและรูปแบบความอยากอาหารของผู้รับบริการแต่ละรายได้ โดยการประเมินจะเป็นการพูดคุยถึงความอยากอาหารในด้านจิตวิทยาและสรีรวิทยา โปรแกรมนี้จะช่วยให้ผู้รับบริการสามารถพัฒนานิสัยการกินที่ดีต่อสุขภาพ ซึ่งจะช่วยไปให้ถึงเป้าหมายในการควบคุมน้ำหนักได้ด้วย
  3. การเผาผลาญ เป็นกระบวนการของการเปลี่ยนพลังงานในร่างกาย สามารถเกิดขึ้นได้จากหลายปัจจัยที่เกี่ยวข้องกับการควบคุมน้ำหนัก ไม่ว่าจะเป็นความแตกต่างทางพันธุกรรมที่นำไปสู่ความแตกต่างในประสิทธิภาพการเผาผลาญของแต่ละบุคคล ฮอร์โมน เช่น ฮอร์โมนไทรอยด์ เทสโทสเตอโรน และอะดิโพเนคติน  ก็มีผลกับระบบเผาผลาญเช่นกัน รวมถึงสารพิษที่ปนเบื้อนในอาหาร หรือจากสิ่งแวดล้อมก็สามารถส่งผลกระทบต่อระบบการเผาผลาญของร่างกายได้ด้วย ดังนี้ เราจึงต้องให้ความสำคัญต่อดัชนีมวลกล้ามเนื้อ เนื่องจากเนื้อเยื่อของกล้ามเนื้อจะช่วยเผาผลาญแคลอรี่ได้มากกว่าเนื้อเยื่อไขมัน การทำความเข้าใจเกี่ยวกับอัตราการเผาผลาญขั้นพื้นฐานของผู้รับบริการจึงเป็นอีกปัจจัยที่สำคัญในการจัดการน้ำหนัก
  4. การออกกำลังกายที่ได้รับการออกแบบให้เหมาะสมกับสภาพร่างกายและวัตถุประสงค์ในการจัดการน้ำหนักเฉพาะของผู้รับบริการ ไม่ว่าเป้าหมายคือการสร้างกล้ามเนื้อหรือลดไขมัน แผนการออกกำลังกายส่วนบุคคลจะได้รับการออกแบบมาให้มีความสนุกสนาน ยั่งยืน และมีประสิทธิภาพ เพื่อให้มั่นใจว่าผู้รับบริการจะมีแรงบันดาลใจและมีส่วนร่วมตลอดระยะเวลาการควบคุมน้ำหนัก

ทั้งนี้ บีดีเอ็มเอส เวลเนส คลินิก ได้รวมองค์ประกอบทั้งสี่นี้ไว้ในโปรแกรมการจัดการน้ำหนักแบบองค์รวมและมีประสิทธิภาพ โดยการเลือกใช้วิธีการนี้ ไม่เพียงแต่สามารถกำหนดเป้าหมายของการลดน้ำหนักได้ แต่ยังช่วยให้ผู้รับบริการมีความรู้และอุปนิสัยที่จำเป็นต่อสุขภาพและความสมบูรณ์แข็งแรงในระยะยาวได้

กระเป๋า Rumple

ส่องดีเทล กระเป๋า Rumple ที่ถักทอด้วยเทคนิคการสาน Intreccio

account_circle
กระเป๋า Rumple
กระเป๋า Rumple

กลับมาอีกครั้งในซีซั่นนี้กับ Praew Survey พาไปส่องดีเทล กระเป๋า Rumple ในคอลเล็คชั่น Summer 24 จาก Bottega Veneta ยังคงโดดเด่นด้วยเทคนิคการสานแบบ Intreccio ซึ่งเป็นเอกลักษณ์ของแบรนด์

กระเป๋า Rumple ได้ถูกพัฒนามาเป็นกระเป๋าสะพายข้างสไตล์แมสเซนเจอร์แบบใหม่ มาพร้อมช่องซิปหนังด้านหลังกระเป๋าและตัวปิดทรงสี่เหลี่ยมแบบไดนามิก จึงทำให้กระเป๋ารุ่นนี้มีความคล่องตัวสูง เหมาะสำหรับการใช้ในชีวิตประจำวัน

กระเป๋าถูกรังสรรค์ขึ้นจากหนังลูกวัว Fettuce ชิ้นเดียวที่ถูกถักทอด้วยเทคนิคการสานอย่าง Intreccio โดยช่างฝีมือผู้เชี่ยวชาญบนแม่พิมพ์ไม้ ผลลัพธ์ที่ได้คือกระเป๋าที่ไร้ตะเข็บ ไร้ซับใน เผยให้เห็นถึงงานฝีมืออันประณีต มีให้เลือก 2 ขนาด อย่าง Small ที่มาในสีเทา (Light Graphite) สีเหลืองอ่อน (Straw) และสีดำ อีกทั้งยังมีขนาด Medium ที่มาในสีดำ


The Macallan ร่วมงานกับ Stella และ Mary McCartney เปิดตัว The Harmony Collection รุ่นใหม่ล่าสุด

account_circle

The Macallan (เดอะ แมคคัลแลน) แบรนด์ผู้ผลิตซิงเกิ้ลมอลต์สก๊อตซ์วิสกี้ระดับโลกเปิดตัว “The Macallan Harmony Collection Amber Meadow” ที่รังสรรค์ร่วมกับสองพี่น้องแม็คคาร์ทนีย์ Stella (สเตลล่า) และ Mary McCartney (แมรี่ แม็คคาร์ทนีย์) โดยได้รับแรงบันดาลใจจากความหลงใหล และความชื่นชอบที่มีต่อธรรมชาติ โดยถือเป็นการรวมตัวกันของ 2 อัตลักษณ์ที่ส่งเสริมกันและกันในการเฉลิมฉลองความทรงจำอันล้ำค่าของพวกเขาในประเทศสก็อตแลนด์ดินแดนที่เชื่อมโยงผู้คนเข้ากับประวัติศาสตร์ที่ยาวนานจากรุ่นสู่รุ่น

Stella และ Mary McCartney ได้เข้ามาร่วมงานกับ The Macallan ในการรังสรรค์ The Harmony Collection รุ่นที่ 3 ซึ่งเป็นซีรีส์ที่ผลิตขึ้นเพียงปีละหนึ่งครั้ง และวางจำหน่ายในจำนวนจำกัด สะท้อนให้เห็นถึงความคิดสร้างสรรค์ นวัตกรรมและความสำคัญของธรรมชาติที่มีต่อ The Macallan ผ่านการผสมผสานการใช้ไม้โอ๊คเชอรี่ที่เก่าแก่และถังบ่มเบอร์เบินซึ่งเป็นเทคนิคเฉพาะอันเป็นเอกลักษณ์ของแบรนด์

เพื่อสื่อถึงความเชื่อมโยงที่หยั่งรากลึกต่อสก็อตแลนด์ กล่องบรรจุภัณฑ์และฉลากของขวดวิสกี้ถูกผลิตโดยหญ้าจากทุ่งหญ้าที่แห้งแล้วเพื่อโอบรับการนำวัสดุธรรมชาติมาใช้ใหม่ เพื่อสร้างความงดงามจากทรัพยากรอันล้ำค่าของธรรมชาติที่ยังให้ประโยชน์ต่อมนุษย์แม้ในช่วงบั้นปลายของชีวิต นอกจากนี้กล่องบรรจุภัณฑ์ของคอลเลกชันนี้จะมีภาพถ่ายของ The Macallan Estate ที่ถ่ายโดย Mary McCartney อีกด้วย

Steven Bremner (สตีเวน เบรมเนอร์) ผู้เชี่ยวชาญในการผลิตวิสกี้ กล่าวว่า “ยังมีอีกมากมายที่รอให้คุณค้นพบจาก The Macallan Harmony Collection Amber Meadow ซึ่งเป็นวิสกี้ซิงเกิลมอลต์ที่มีกลิ่นหอมของทุ่งหญ้าอันอบอุ่น และทุ่งข้าวบาร์เลย์ และยังมีกลิ่นหอมสดชื่นของผลไม้อีกด้วย รวมไปถึงสีอำพันราวกับยามเย็นของฤดูร้อนนั้นเป็นสีที่มาจากกระบวนการทางธรรมชาติ 100% โดยการเลือกเฟ้นถังไม้โอ๊คที่ผ่านการบ่มเชอร์รี่ไวน์อันเป็นเอกลักษณ์และถังไม้โอ๊คเบอร์เบิ้น ที่สะท้อนถึงเอกลักษณ์ของรสชาติที่รอให้คุณลิ้มลอง และยังมีกลิ่นสดชื่นจากผลไม้รสเปรี้ยวและดอกสายน้ำผึ้งที่โดดเด่นด้วยกลิ่นหอมหวานของวานิลลา มะพร้าว และทุ่งข้าวบาร์เลย์ที่สุกงอม เมื่อได้ลิ้มรสจะสัมผัสได้ถึงกลิ่นของโอ๊ค เลมอน และเมลอนที่โดดเด่น เสริมด้วยกลิ่นสุดคลาสสิคจากขนมสโคน อัลมอนด์ และชาเขียว เป็นการปิดท้ายรสที่กลมกล่อมและหอมหวานของวิสกี้สุดพิเศษขวดนี้”

The Macallan Harmony Amber Meadow จะเริ่มวางจำหน่ายตั้งแต่วันที่ 19 มีนาคม 2024 ในราคา 12,900 บาท

ภูมิ-ชวัลวัฒน์ ทองอยู่

หนุ่มหล่อเท่แบบคูล ๆ มีสไตล์เป็นของตัวเอง ภูมิ-ชวัลวัฒน์ ทองอยู่

Alternative Textaccount_circle
ภูมิ-ชวัลวัฒน์ ทองอยู่
ภูมิ-ชวัลวัฒน์ ทองอยู่

เรียกว่าทยอยแจ้งเกิดแบบยกแผงสำหรับนักแสดงจากละคร “เว้าวอนรัก” เพราะความสามารถที่ครบเครื่องมาพร้อมคาแรคเตอร์แสบซนโดนใจ จนแฟนละครยังเอ่ยปากชมสนั่นโซเชียล อย่าง “ภูมิ ชวัลวัฒน์ ทองอยู่” ที่ชิมลางการแสดงครั้งแรกกับบท แดนสรวง สายซัพฯ พระเอก “เด่นคุณ งามเนตร” งานนี้ไม่พลาดพาไปเปิดวาร์ป “ภูมิ” มาดูว่าตัวตนจริง ๆ ของทั้งคู่จะทำให้ตกหลุมรักและเอ็นดูได้มากแค่ไหน?

ภูมิ-ชวัลวัฒน์ ทองอยู่

“ภูมิ-ชวัลวัฒน์ ทองอยู่” เกิดวันที่ 14 ตุลาคม 2544 อายุ 23 ปี ส่วนสูง 183 ซม. เป็นคนจังหวัดนนทบุรี จบการศึกษาระดับชั้นมัธยมที่โรงเรียนเทพศิรินทร์ และกำลังศึกษาอยู่ที่คณะวิศวกรรมศาสตร์ ภาควิชาวิศวกรรมการบินและอวกาศ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์

ภูมิ-ชวัลวัฒน์ ทองอยู่

“ภูมิ” ได้เล่าถึงนิสัยของตัวเองว่า “นิสัยผมก็จะเป็นคนกวน ๆ หน่อย คุยเล่นได้หมด แต่บางสถานการณ์ผมก็จริงจังนะครับ จริง ๆ ถ้าเห็นผมเดินอยู่ข้างนอกทักได้นะ ผมจะติดเล่นติดตลกหน่อยครับ (หัวเราะ)” มาที่ความชอบและงานอดิเรก ถ้าหากเปิดอินสตาแกรมของหนุ่มคนนี้ที่ใช้ชื่อว่า phoomchawonwat จะรู้ทันทีว่าเขารักในการแต่งตัวมาก “ภูมิ” ได้เปิดเผยว่า “เมื่อก่อนผมเป็นเด็กผมมีน้ำหนัก 70 เลยครับ และตอนเด็กยังไม่สูงเลยดูอ้วน แถมยังแต่งตัวเชย ๆ ด้วย แต่พอเราอยู่มัธยมปลายเริ่มสูงขึ้นผอมลง ก็ทำให้มีความคิดอยากเปลี่ยนแปลงตัวเอง ซึ่งเราก็ดูการแต่งตัวจากศิลปินเกาหลีบ้าง ฝรั่งบ้าง ดูอะไรที่แมทช์กับเรา ก็กลายเป็นคนที่ชอบแต่งตัวไปเลย ซึ่งไม่จำกัดสไตล์ด้วย แต่งได้หมดแค่ดูว่าแบบไหนที่มันเข้ากับเราครับ”

นอกจากนี้ยังมีความสามารถอีกเพียบทั้งวาดรูป ร้อง เต้น เล่นเครื่องดนตรี เรียกว่ามีครบ “ตอนแรกผมไม่ได้ชอบอะไรพวกนี้ แต่พอเราได้ลองทำก็รู้สึกชอบขึ้นมา ซึ่งผมชอบเต้นแนวฮิปฮอป เคยลองร้องแรปมาบ้าง แต่ตอนนี้ชอบร้องเพลงแนวป๊อปแล้วครับ ด้านวาดรูปก็ไม่ได้เรียนแต่เป็นพรสวรรค์ ต้องให้คนอื่นพูดนะ แต่พูดเองเลยละกัน (หัวเราะ) จริง ๆ ผมทำเพจในไอจีเล่น ๆ ชื่อว่า pheemotion ลองเข้าไปดูกันนะครับ ส่วนด้านดนตรีตอนนี้เล่นกีต้าร์ได้ แต่ตั้งเป้าไว้ว่าอยากเล่นให้เป็นหลาย ๆ อย่าง เพราะว่ามันสามารถแต่งเพลงได้” หากเป็นวันว่าง ๆ ชิล ๆ หนุ่ม “ภูมิ” ก็ต้องคอยอัปสกิลความรู้ด้านวิศวกรรมฝึกทำโปรแกรม Computational Fluid Dynamics หรือ CFD ซึ่งใครเรียนสายนี้น่าจะรู้จักกันดี  หรือเข้าฟิตเนส ไม่ก็หาดูภาพยนตร์แนวแฟนตาซีที่ชื่นชอบอีกด้วย สำหรับเป้าหมายสูงสุดในวงการบันเทิงว่า “ผมอยากมีคอนเสิร์ตของตัวเองนี่คือเป้าหมายสูงสุดจริง ๆ ผมมีไอดอลเป็นศิลปินเกาหลีที่เขาเล่นหนัง เล่นละคร และยังเป็นบอยแบนด์ได้ด้วย ซึ่งผมอยากเป็นแบบนั้นเลยครับ และตอนนี้ผมก็พยายามฝึกฝนอยู่ตลอด ถ้าว่างก็จะเรียนเต้นฮิปฮอป ส่วนร้องเพลงก็หาคอร์สลงเรียนบ้าง หรือฝึกฝนเองที่บ้าน และก็มีปรึกษาครูอุ้ยครับ”

ปิดท้ายหนุ่ม “ภูมิ” ก็ขออ้อนแฟน ๆ สักหน่อยว่า “ภูมิก็ขอฝากเนื้อฝากตัวกับแฟน ๆ ด้วยนะครับ ผมรวมไปถึงทีมงานทุกคนต่างตั้งใจกับละครเรื่องนี้มาก ๆ เพื่อสร้างความสุขให้ทุกคนครับ”

ภาพจาก wooooyd

เคล็ดลับการดูแลผิวของ 'คิมจีวอน'

Less Is More เคล็ดลับดูแลผิวโกล์วสวย แลดูสุขภาพดีของ ‘คิมจีวอน’

Alternative Textaccount_circle
เคล็ดลับการดูแลผิวของ 'คิมจีวอน'
เคล็ดลับการดูแลผิวของ 'คิมจีวอน'

ด้วยความสวยบวกเสน่ห์และทักษะฝีมือการแสดงของนักแสดงมากความสามารถอย่าง คิมจีวอน (Kim Ji Won) ที่รับบทบาทจากนักเรียนมัธยมปลายหน้าสวยในซีรี่ส์ฮ็อตอย่าง The Heirs ไปจนถึงบทบาทแพทย์หญิงแสนดุในซีรีส์ฮิตอย่าง Descendants of the Sun นั้น เธอได้ขโมยหัวใจของผู้ชมไปด้วยทักษะการแสดงของเธอไม่น้อย

ทำให้เธอมีเสน่ห์น่าดึงดูด ล่าสุดเธอรับบทเป็น ฮงแฮอิน ลูกสาวทายาทมหาเศรษฐีสุดเริ่ดและเชิ่ดจากซีรีส์ Queen of Tears (2024) ที่นอกจากหลายคนจะอินไปกับบทบาทของเธอแล้ว เชื่อว่าด้วยความสวย และผิวพรรณดีของเธอ คงทำให้ใครหลายคนอยากรู้เคล็ดลับการดูแลผิวสวยสุขภาพดีของเธออยู่แน่นอน

ไม่เพียงแต่มุ่งเน้นไปที่รูปลักษณ์ภายนอกเท่านั้น แต่เธอยังดูแลตัวเองและความเป็นอยู่ที่ดีอีกด้วย การเป็นคนดังไม่ใช่เรื่องง่าย จำเป็นต้องแต่งหน้ามากมาย การนอนไม่หลับ และกิจกรรมอื่นๆ ที่ทำให้พลังงานหมดไป เธอต้องแน่ใจว่าตัวเองกินอาหารที่สมดุล เพื่อเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกัน ซึ่งเป็นข้อกังวลหลักของเธอ

เธอยังชอบที่จะดูแลผิวให้สะอาด และชุ่มชื้นเสมอ และมักไม่ชอบให้บำรุงผิวด้วยสกินแคร์หลายอย่างมากเกินไป เพราะบางครั้งรูขุมขนอาจเกิดการอุดตันและนำไปสู่ปัญหาผิวได้ แต่เลือกเธอใช้วิธึดูแลผิวแบบ “น้อยแต่มาก” แทน โดยทำให้ทุกอย่างเรียบง่ายที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ นั่นคือเซรั่ม และตามด้วยครีมบำรุงที่เหมาะกับสภาพผิวตัวเอง แน่นอนว่าหากเป็นตอนกลางวันใครๆ ก็ทากันแดด แต่เธอเพิ่มครีมกันแดดเข้าไปในลิสต์สำหรับทาตอนเช้าและก่อนนอนด้วย

และเธอมักจะใช้โทนเนอร์ที่ปลอดภัย ไม่มีสารอันตรายต่อผิว มาเช็ดทำความสะอาดผิวหน้าหลังลบเครื่องสำอางออก เพื่อชจัดสิ่งสกปรกที่อาจตกค้างได้อีกครั้ง พร้อมทั้งยังจิบน้ำระหว่างวันเพื่อรักษาให้ผิวชุ่มชื้นตลอด

Photo: geewonii


กินเบเกอรี่อย่างไร ไม่เสียสุขภาพ

สายหวาน สายคาเฟ่ ‘กินเบเกอรี่อย่างไร’ ให้มีความสุข ไม่เสียสุขภาพ

Alternative Textaccount_circle
กินเบเกอรี่อย่างไร ไม่เสียสุขภาพ
กินเบเกอรี่อย่างไร ไม่เสียสุขภาพ

ขนมหวานต่างๆ โดยเฉพาะเบเกอรี่ เป็นอาหารหวานของโปรดของใครหลายคน โดยเฉพาะสุภาพสตรีในยุคปัจจุบัน รวมทั้งสุภาพบุรุษด้วย เปรียบเสมือนยาชโลมจิตใจเป็นวิธีการผ่อนคลายอารมณ์ ลดความเครียด มีความสุขได้ง่าย ใช้ต้นทุนทางเวลาต่ำ เพราะสามารถกินได้โดยทั่วไป เห็นแบบนี้มีทริกินเบเกอรี่อย่างไร ไม่เสียสุขภาพ ซึ่งจะเป็นการดี ถ้าจะมีความสุขจากการกินเบเกอรี่ โดยที่ไม่ส่งผลต่อการเกิดโรคในอนาคต เช่น โรคเบาหวาน โรคอ้วน โรคหัวใจ เป็นต้น

เลือกกิน เบเกอรี่อย่างไร ให้อย่างเหมาะสมเพื่อสุขภาพที่ดี มีดังนี้

1. กินอาหารอย่างสมดุล ให้ได้พลังงานหรือแคลอรีเพียงพอกับอายุและสภาวะของร่างกายขณะนั้น

  • สารอาหารประเภทโปรตีน 10-15 เปอร์เซ็นต์ของพลังงานที่ได้รับทั้งหมด
  • สารอาหารประเภทไขมัน 20-25 เปอร์เซ็นต์ของพลังงานที่ได้รับทั้งหมด
  • สารอาหารประเภทคาร์โบไฮเดรต 60-70 เปอร์เซ็นต์ของพลังงานที่ได้รับทั้งหมด
  • วิตามินต่างๆ และแร่ธาตุต่าง ๆ เพียงพอ
  • กากอาหารเพียงพอเพื่อช่วยในการขับถ่าย

2. กินอาหารในช่วงเวลาที่ร่างกายได้เผาผลาญ ใช้พลังงานในระหว่างวัน หลีกเลี่ยงการกินอาหารในช่วงเวลาพลบค่ำหรือก่อนนอน

3. ถ้ารักที่จะกินเบเกอรี่ ควรเลือกเบเกอรี่ที่ผลิตจากวัตถุดิบที่ดีต่อสุขภาพ เช่น

  • ใช้แป้งจากข้าวไรซ์เบอรี่ ซึ่งเป็นแป้งกลูเตนฟรี ทดแทนแป้งสาลี
  • ใช้แป้งมะพร้าว ซึ่งให้พลังงานต่ำ
  • ใช้แป้งบัควีท (Buckwheat) ให้โปรตีนสูง
  • สารให้ความหวาน อาจทดแทนด้วยหญ้าหวานหรือการใช้น้ำตาล ไม่ขัดสี
  • ผลิตภัณฑ์ไขมันเลือกใช้เนยแท้ ซึ่งเป็นไขมันจากสัตว์ หลีกเลี่ยงการใช้เนยเทียม (มาร์การีน) เนยขาว (ช็อตเทนนิ่ง) ที่มีไขมันทรานส์สูงซึ่งเป็นกรดไขมันที่ส่งผลเสียต่อสุขภาพ โดยจะไปเพิ่มไขมันไม่ดีในเลือด(LDL) และลดไขมันที่ดีในเลือด (HDL) เพิ่มความเสี่ยงของโรคหัวใจและหลอดเลือด

นอกจากนี้ในปัจจุบันเป็นยุคที่กระแสด้านสุขภาพมาแรง การใช้แป้งต้านทานการย่อยหรือแป้งทนย่อย (Resistant Starch) มาเป็นวัตถุดิบช่วยให้ผู้บริโภค ไม่ต้องเปลี่ยนวิถีของการกินมากนัก เพราะเป็นแป้งที่สามารถต้านทานการถูกย่อยด้วยเอนไซม์ในระบบทางเดินอาหารตอนต้น ซึ่งจะไม่ถูกดูดซึมที่ลำไส้เล็ก เมื่อไม่ถูกดูดซึม จึงทำให้การควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดของผู้ป่วยเบาหวานและผู้มีปัญหาด้านสุขภาพได้ดีขึ้น

และเมื่อแป้งทนย่อยเดินทางไปถึงลำไส้ใหญ่ ยังเป็นแหล่งอาหารสำหรับจุลินทรีย์กลุ่มที่ดีต่อสุขภาพของคนเราได้อีกด้วย ต่อมาเมื่อถูกย่อยโดยจุลินทรีย์กลุ่มที่มีประโยชน์กับร่างกายในลำไส้ ใหญ่ ก็ยังให้ผลผลิตออกมาเป็นกรดไขมันสายสั้น เช่น อะซิเตต (C2) โพรพิโอเนต (C3) และบิวไทเรต (C4) ซึ่งดีต่อสุขภาพ สรุปแล้วแป้งทนย่อยด้วยเอนไซม์นั้นถือเป็นแป้งสตาร์ชที่ให้พลังงานต่ำ จึงมีคุณสมบัติเทียบได้กับกากใยอาหาร (Food Fiber)

4. ออกกำลังกายสม่ำเสมอ ครั้งละอย่างน้อย 30 นาที สัปดาห์ละ 3-5 ครั้ง

5. ดื่มน้ำอย่างน้อย วันละ 1.5-2 ลิตร หลีกเลี่ยงเครื่องดื่มที่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์, คาเฟอีน และพักผ่อนให้เพียงพอ 6-8 ชั่วโมง

6. รู้จักร่างกายตนเอง เนื่องจากแต่ละบุคคล มีรหัสพันธุกรรมที่แตกต่างกัน แต่ละคนสามารถย่อยอาหาร บางชนิดได้ดีต่างกัน มีระดับการเผาผลาญแคลอรี่ที่แตกต่างกัน มีแนวโน้มการเป็นโรคต่างกัน การสังเกตตนเองหรือดูประวัติสุขภาพของคนในครอบครัวใช้เป็นแนวทางการดูแลสุขภาพตนเองร่วมด้วย

7. การปรับทัศนคติในการกินเบเกอรี่ หรืออาหารต่างๆ ให้ได้รับปริมาณแคลอรี่ที่เหมาะสมและมีคุณภาพ เนื่องจากบุคคลในวัยทำงานปัจจุบัน มักให้รางวัลตนเองจากสิ่งดีๆ ที่เกิดขึ้นในชีวิตด้วยการกินอาหาร เช่น ขนมหวาน เบเกอรี่ ตามแฟชั่นที่นิยมกัน ลองหันมาเปลี่ยนการให้รางวัลตนเองเป็นอย่างอื่นบ้าง เช่น หนังสือดีๆ สักหนึ่งเล่ม เสื้อผ้าชุดใหม่สวยๆ สักหนึ่งชุด ทดแทนการที่จะไปกินบุฟเฟต์ หรือขนมหวานปริมาณมาก

8. มีวินัยในการใช้ชีวิต ในเรื่องการกินอาหาร การออกกำลังกาย และการดูแลสุขภาพ

อย่างไรก็ตาม ผลลัพธ์จากการใช้ชีวิตในรูปแบบต่างๆ ในแต่ละบุคคลย่อมแตกต่างกัน จึงควรหมั่นตรวจสุขภาพเป็นระยะ เพื่อประเมินสถานะทางสุขภาพ เช่น ดัชนีมวลกาย (BMI) ให้อยู่ในช่วงที่เหมาะสม

สิ่งสำคัญควรตรวจวัดระดับน้ำตาลในเลือด (Fasting Blood Sugar) ระดับไขมันในเลือด คอเลสเตอรอล (Cholesterol) ไขมันชนิดไม่ดี (LDL) ไขมันชนิดดี (HDL) ไตรกลีเซอไรด์ (Triglyceride) เป็นต้น เพื่อนำข้อมูลที่ได้ไปปรับใช้ในการปฏิบัติตัวให้มีสุขภาพที่ดีต่อไป

ข้อมูล: พญ.พัชรี สุธีปกรณ์ชัย แพทย์ตรวจสุขภาพ ประจำศูนย์ตรวจสุขภาพ โรงพยาบาลนวเวช
ภาพ: Pexels


ลออจันทร์

รู้จักตัวจริง ลออจันทร์ แห่ง ดวงใจเทวพรหม ลูกสาวโค้ชมวยระดับโลก

Alternative Textaccount_circle
ลออจันทร์
ลออจันทร์

ทำความรู้จักตัวจริง ลออจันทร์ แห่ง ดวงใจเทวพรหม หรือ จีน่า ซาลาส ลูกสาวคนสวย อิสมาเอล ซาลาส โค้ชมวยระดับโลก

ลออจันทร์

เรียกว่าเป็นหนึ่งสาวสวยที่คนวงการกีฬากพลังจับตามองเลย สำหรับนักแสดงสาว สังกัดช่อง 3  “ญีนา ซาลาส” โดยล่าสุดมีการเปิดเผยว่า เธอคือลูกสาวของ อิสมาเอล ซาลาส เทรนเนอร์หลักผู้อยู่เบื้องหลังการคว้าชัยชนะของ “ยอร์เดนิส อูกาส” แชมป์คนล่าสุดของการแข่งขัน ซูเปอร์ เวิลด์ แชมเปี้ยน ที่คว่ำนักมวยซูเปอร์สตาร์ฟิลิปปินส์ “แมนนี่ ปาเกียว”

ลออจันทร์ 01

“ญีนา ซาลาส” เกิดเมื่อวันที่  5 มกราคม พ.ศ. 2543 เธอเป็นลูกสาวคนที่ 3 ของโค้ชมวยระดับโลกอิสมาเอล ซาลาส กับหญิงชาวไทย ไก่-ธนมน  ปัจจุบันเธอกำลังศึกษาอยู่ที่คณะนิเทศศาสตร์ สาขาวิชาการเขียนบทและการกำกับภาพยนตร์และโทรทัศน์ มหาวิทยาลัยรังสิต และยังมีผลงานแสดงออกอากาศทางโทรทัศน์หลายเรื่องอาทิ รัตนาวดี,ดวงใจในไฟหนาว,Teeใครทีมันส์,บาปอยุติธรรม และผลงานที่กำลังถ่ายอยู่ก็คือ พิศวาสฆาตเกมส์ ประกบคู่กับ เจมส์-จิรายุ ตั้งศรีสุข และล่าสุดผลงานซีรีส์ภาคต่อ ลออจันทร์ จาก ดวงใจเทวพรหม

สำหรับด้านประวัติครอบครัวเรียกว่าไม่ธรรมดาเลย คุณพ่อของเธอคือ “อิสมาเอล ซาลาส” เทรนเนอร์ฝึกมวยให้กับแชมป์โลกอย่าง “ยอร์เดนิส อูกาส” นอกจากนี้ยังเคยเทรนให้กับนักมวยไทยจนประสบความสำเร็จสร้างชื่อเสียงระดับโลก อาทิ แสน ส.เพลินจิต, หยกไทย, พิชิต ศิษย์บางพระจันทร์, มนัส บุญจำนงค์, สมจิตร จงจอหอ แล้วจากนั้นเขาก็ไปเทรนให้อิโอกะที่ประเทศญี่ปุ่น โดยปัจจุบันได้เปิดค่ายมวยของตัวเองชื่อว่า “ซาลาส บ็อกซิ่ง อะแคเดมี” ที่ ลาสเวกัส สหรัฐอเมริกา

จีน่าเคยให้สัมภาษณ์ พูดถึงคุณพ่อของเธอว่า “ตั้งแต่เกิดมาจีน่าเห็นคุณพ่อเหนื่อยมาตลอด พ่อมีความเป็นนักสู้มาตลอดตั้งแต่จำความได้ ไปค่ายมวยกับพ่อ ไปซ้อมมวยกับพ่อ ทุกอย่างที่เขาทำที่เขาตั้งใจ พอถึงวันที่สำเร็จเราก็ยินดีกับเขา ดีใจค่ะ เพราะตอนนี้คุณพ่อก็ 64 แล้ว ก็อายุเยอะแล้ว แต่ก็ยังแบบว่ายังเทรนได้เก่งมากๆ”

เมื่อถามถึงที่ผ่านมาได้มีโอกาสให้กำลังใจคุณพ่อบ้างหรือเปล่า นักแสดงสาวก็เปิดเผยว่า”ที่ผ่านมาก็ส่งกำลังใจให้ตลอดค่ะ ผ่านทางวิดีโอคอลบ้าง แช็ตบ้าง จริงๆ เขาก็จะกลับมาเจอครอบครัว ทั้งพี่สาว พี่ชาย และคุณแม่จีน่าด้วย แต่คือช่วงนี้มันติดโควิด พวกเราก็คิดถึงคุณพ่อกันมากๆ ค่ะ”

สำหรับใครอยากติดตามความเคลื่อนไหวของนักแสดงสาวลูกครึ่งไทยคิว-บาคนนี้สามารถไปให้กำลังใจเธอได้ผ่านทางอินสตราแกรม @yeenasalas

กานต์-ชนนิกานต์ 01

จากมิสไทยแลนด์นางงามแห่งสยาม สู่นางร้ายได้ใจ กานต์-ชนนิกานต์

Alternative Textaccount_circle
กานต์-ชนนิกานต์ 01
กานต์-ชนนิกานต์ 01

เคยชินแต่กับภาพลักษณ์หวานๆ พอเปลี่ยนลุคทำเอาหลายคนจำไม่ได้เลยสำหรับ กานต์-ชนนิกานต์ สุพิทยาพร  เจ้าของตำแหน่ง นางสาวไทย ประจำปี 2566 ที่ล่าสุดฉีกลุคมาเป็นสาวเปรี้ยวสวมบทร้ายๆ ในละครเรื่อง ลออจันทร์ ดวงใจเทวพรหม ของช่อง 3 ซึ่งเธอรับบทเป็น วรนุช ลูกสาวของ หม่อมหลวงศินีนุช รับบทโดย ดาว-พิมพ์ทอง วชิราคม แม้ว่าบทบาที่แสดงจะขัดกับภาพลักษร์ที่มีมาก่อน แต่เธอก็ทำผลงานได้เป็นอย่างดีแม้จะเป็นผลงานแสดงชิ้นแรกในชีวิต สมเป็นนักแสดงดาวรุ่งที่หลายคนจับตามอง

กานต์-ชนนิกานต์

ทำความรู้จัก กานต์-ชนนิกานต์ สุพิทยาพร  จากมิสไทยแลนด์นางงามแห่งสยาม สู่นางร้ายได้ใจ

1.สาวงามผู้เคยถูกบูลลี่ว่า “หน้ามะม่วง”

ตอนเด็กๆ กานต์โดนล้อว่า “หน้ามะม่วง” เพราะหน้าผากเหม่งมาก คางยาวมากเหมือนมะม่วง หน้าตาไม่ใช่แบบพิมพ์นิยม เราเลยไม่ค่อยมั่นใจในหน้าตา หันไปเป็นเด็กกิจกรรมเพื่อให้เราเก่งขึ้นมากกว่า “เพราะกานต์มีความคิด อยากจะเก่งมากกว่าสวย กานต์มีเป้าหมายในชีวิตตั้งแต่เด็กว่า อยากให้ครอบครัวมีความสุขและภาคภูมิใจในตัวเรามากๆ” เพราะฉะนั้นเรื่องการประกวดนางงามเลยไม่ได้อยู่ในหัวเลย มีแค่ว่าต้องเก่งเลยต้องดูแลครอบครัวให้ได้

2.คนหน้าหวาน(แต่)ชนนิกานต์ แสนซน!

กานต์เป็นคนชอบทำกิจกรรมมาก ชอบปีนป่าย ขึ้นหนักร้านอาสาติดไวนิล เพราะเราทำกิจกรรมเบื้องหลังมาก่อน เราต้องทำให้สมาชิกหรือน้องๆ เห็นถึงจะทำตามได้ ค่อนข้างบู๊เลย แต่ความเรียบร้อยในที่นี้ อาจจะเห็นตอนที่พูด เพราะไม่พูดคำหยาบจริงๆ

กานต์-ชนนิกานต์

3.แรงบันดาลใจในการทำกิจกรรม เพราะเป็น “ลูกสาวคนเดียว”

กานต์เป็นคนชอบทำกิจกรรมมาก ตั้งแต่เด็กจะร่วมงานแสดงของโรงเรียน เป็นหัวหน้าห้อง พอช่วงมัธยมปลายจะเข้าสู่การแข่งขันระดับจังหวัดไปจนถึงระดับภาค และกิจกรรมของนักเรียนด้านต่างๆ อาทิ โต้วาที, พูดฉับพลัน , A-Math กีฬาทางบอร์ดเกม

ช่วงเข้ามหาวิทยาลัยก็ได้เป็นประธานรุ่นของคณะเภสัชศาสตร์ เป็นหรีดของคณะ และหรีดของมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ จนมีโอกาสได้ลงสมัครเลือกตั้งนายกสโมสรนักศึกษา และได้รับเลือกด้วย อีกทั้งทำงานนอกมหาวิทยาลัยในหน้าที่ยุวชนประชาธิปไตยของทางรัฐสภา แข่งขันเกี่ยวกับ Start Up นวัตกรรมทางวิชาชีพ และทางการตลาดของเภสัชกรด้วย พื้นฐานทั้งหมดเริ่มมาจากการทำจิตอาสา ที่ทำให้เราใช้โอกาสที่มีต่อยอดโอกาสที่ได้ มีแรงบันดาลใจในการพัฒนาตัวเองรอบด้าน เพื่อให้เราดูแลครอบครัวได้ เพราะเราคือลูกสาวคนเดียว

กานต์เป็นสโมสรเยาวชนจังหวัดเชียงใหม่ กิจกรรมที่กานต์เลือกทำในปีของตัวเองคือ “เดิน-วิ่ง การกุศล” เพื่อให้คนเชียงใหม่มีสุขภาพที่ดี โดยงานนั้นก็สามารถร่วมบริจาคของเพื่อนำไปต่อยอดในโครงการถัดไป ในปีนั้นก็คือนำไปบริจาคบนดอย ทาสีห้องสมุด ทาสีถนน เพราะบนดอยถนนใช้งานลำบาก ให้น้องๆ เข้าถึงสื่อการเรียนการสอนบนดอยค่ะ

กานต์-ชนนิกานต์

4.เข้าสู่วงการนางงาม

เริ่มมีคนมาเห็นแววช่วงปลายปี 2561 ก่อนกานต์จะได้เป็นนายกสโมสรนักศึกษา แต่มาได้ตำแหน่งจริงๆ ช่วงปี 2562 ด้วยการทำกิจกรรมและทักษะการพูดของเราทำให้ได้มงกุฎตั้งแต่เวทีแรก

กานต์ไม่เคยคาดคิดว่าจะมาเป็นนางงาม เพราะเป็นคนทำกิจกรรมอยู่เบื้องหลัง โทรมมาก อดนอนเป็นหมีแพนด้า แต่พี่เลี้ยงคนแรกเห็นบางอย่างที่มากกว่าหน้าตาและบุคลิก ในตอนที่เจอกันที่งานประกวดแอมบาสเดอร์ของธนาคารหนึ่ง ตอนนั้นกานต์โชว์ความสามารถพิเศษคือ หรีด การพูด ภาษามือ และรำ เค้ามาทักว่าสนใจไปประกวดนางงามมั้ย คุยกันแล้วคลิกเลยนัดเจอคุณแม่ แต่สิ่งที่ทำให้ตัดสินใจลองจริง ๆ คือ เป้าหมายที่ “อยากจะพัฒนาตัวเองรอบด้าน” เลยไม่อยากทิ้งโอกาสแม้จะไม่เคยเกิดขึ้นหรือไม่เคยทำมาก่อน ก็เลยลองทำดู

การประกวดนางงามมันดีมาก เพราะเราถ่ายทอดทุกสิ่งที่เป็นตัวของเราเอง ไปให้คนอื่นเห็น มันต่อยอดการเป็นเด็กกิจกรรมของตัวเองได้กว้างมากเลยอินกับการเป็นนางงาม ที่สำคัญมันสร้างรายได้ให้กับเรา เพราะเราเดินสายประกวดกับพี่เลี้ยง แล้วเอาเงินที่ได้รางวัลมาจ่ายค่าเทอม มาดูแลครอบครัว ทำให้เราได้พัฒนาตัวเองไปพร้อมๆ กับการได้เงินเลี้ยงดูตัวเอง ดูแลครอบครัว และเรียนไปพร้อมกัน

5.จุดเริ่มต้นศึกษาก่อน “ภาษามือ” จะเป็นไวรัล

เริ่มศึกษาภาษามือตอนเรียนมหาวิทยาลัยปีสอง ตอนนั้นไปเป็นวิทยากรให้น้องๆ ผู้บกพร่องหลายๆ ด้าน ทั้งทางสายตา ร่างกาย และการได้ยิน การรู้สึกว่ามันยังไม่สุด มันเหมือนการทำกิจกรรมแบบ One Way Communication เลยอยากเข้าใจเค้าว่า อยากได้ในสิ่งที่เราทำให้หรือเปล่า เลยเป็นแรงบันดาลใจให้เรียนภาษามือและอักษรเบรลล์ ซึ่งเป็นวิชาที่สามารถเรียนได้ฟรีที่มหาวิทยาลัยเชียงใหม่

ยากมากค่ะ โดยเฉพาะอักษรเบรลล์ เพราะต้องมีอุปกรณ์แล้วก็ต้องกลับด้านตัวอักษร พลิกด้านให้อีกฝั่งมันนูนขึ้น ส่วนภาษามือยากตรงจำคำศัพท์เพราะค่อนข้างเยอะ กานต์ทำอักษรเบรลล์ได้ค่ะ ช่วงที่เรียนอักษรเบรลล์ ก็ทำเป็นหนังสือนิทานไปมอบให้น้องๆ เป็นสื่อการเรียนการสอน แต่จะให้ทำตอนนี้บอกเลยว่ายากอยู่เพราะไม่ได้ใช้บ่อย ซึ่งตอนนั้นต้องสอบเหมือนกัน คล้ายกับที่เราเรียนภาษาอื่นๆ ซึ่งถ้าเราใช้บ่อยๆ จะทำให้เราคล่องมากขึ้น

ย้อนกลับไปวินาทีที่กานต์ได้รับตำแหน่งและสื่อสารด้วยภาษามือ เพราะกานต์อยากให้น้องๆ ผู้พิการทางการได้ยินรู้ว่า “กานต์ทำสำเร็จแล้ว พี่ทำได้แล้วนะ น้องๆ ก็ต้องทำได้เหมือนกัน เราจะพัฒนาในมุมของตัวเองไปด้วยกัน” เพราะกานต์จะบอกน้องๆ เสมอว่า การประกวดครั้งนี้ ถ้าไม่มีน้องๆ กานต์คงไม่ประสบความสำเร็จ หลังจากกานต์มองไปหาคุณแม่จากบนเวที กานต์ก็มองหากล้องเพื่อนที่จะสื่อสารไปหาน้องๆ และคุณครู โรงเรียนโสตศึกษาอนุสารสุนทร จังหวัดเชียงใหม่ทันที เพราะรู้ว่าน้องๆ ไม่สามารถมาเชียร์เราได้ กานต์คลุกคลีกับน้องๆ มาตลอด ถ้าตามหลักคือน้องๆ สอนภาษามือให้กานต์ แต่กานต์จะคอยทำกิจกรรมกับน้องๆ เพ้นท์กระโปรง เพ้นท์เสื้อ เพื่อนำไปประมูลมาเป็นทุนการศึกษาให้น้องๆ

6.หัวใจของ Miss Global Organization

หัวใจของเวทีนี้ Miss Global ตั้งไว้สามข้อด้วยกัน คือ EMPOWERING WOMAN เป็นแรงบันดาลใจให้คนอื่นได้ จากเรื่องราวของเราเอง, EMBRASING CULTURE เป็นคนที่ต้องน้อมรับวัฒนธรรมของแต่ละประเทศที่เข้าประกวด ซึ่งปีนี้มีทั้งหมด 80 ประเทศ, EMBEDDING BEAUTY WITH IN สวยจากภายใน เพราะความสวยภายนอกมันหลากหลายอยู่แล้ว เวทีนี้เลยต้องพิสูจน์ตัวตนและความสวยที่มาจากภายในอย่างแท้จริง ปีนี้ครบรอบ 10 ปี เลยจัดให้ใหญ่ขึ้นด้วยการมี Host หรือประเทศเจ้าภาพสองประเทศด้วยกันคือ เวียดนาม และ กัมพูชา บริบทเวทีนี้ต่างกับนางสาวไทยมาก กานต์ต้อง Represent Thailand ในแบบใหม่ที่โมเดิร์นขึ้น เพราะเรามีคอนเซ็ปท์ From Local to Global เวทีนี้ต้องเปลี่ยนลุคไปเยอะเลย แต่ยังเป็นตัวนะคะแค่ติดเครื่องมือให้พร้อมรบมากขึ้น อย่างเช่นลุคที่ไม่ได้ดูสวยหวานอย่างที่ผ่านมา อย่างที่สองคือการเดินที่ต้องมี power มากกว่าเดิม ตอนแรกที่ต้องมาประกวด Miss Global 2023 คือตกใจมาก เพราะต้องยอมรับว่าไม่รู้จักเวทีนี้มาก่อน เลยบอก “แม่ปุ้ย ปิยาภรณ์” ว่าขอไปศึกษาก่อนได้ไหม จนเราอินกับเวทีนี้ เพราะอยากเป็นคนแรกที่ทำให้คนไทยรู้จักเวทีนี้มากขึ้นด้วยตัวเราเองกานต์ นำ Soft Power ครบทั้ง 5 ด้านมานำเสนอในการประกวดครั้งนี้ด้วย ทั้ง Food , Film, Fashion, Fighting และ Festival ค่ะ

เกมแห่งชนชั้น! 'Pyramid Game' สะท้อนเรื่องราวการบูลลี่รุนแรงในโรงเรียนหญิงล้วน

เกมแห่งชนชั้น! ‘Pyramid Game’ สะท้อนเรื่องราวการบูลลี่รุนแรงในโรงเรียนหญิงล้วน

Alternative Textaccount_circle
เกมแห่งชนชั้น! 'Pyramid Game' สะท้อนเรื่องราวการบูลลี่รุนแรงในโรงเรียนหญิงล้วน
เกมแห่งชนชั้น! 'Pyramid Game' สะท้อนเรื่องราวการบูลลี่รุนแรงในโรงเรียนหญิงล้วน

เรียกได้ว่าซีรีส์เกาหลีกับเรื่องราวการบูลลี่ในโรงเรียนนั้นมักจะมีให้เห็นอยู่เสมอ แต่สำหรับ Pyramid Game (เกมพีระมิด) นับเป็นซีรีส์ที่มีฉากการกลั่นแกล้งบูลลี่อย่างรุนแรงตั้งแต่เปิดเรื่อง สะท้อนด้านมืดและความอิจฉาริษยาในจิตใจของผู้หญิงที่อยากจะเอาชนะและเหยียบย่ำคนที่ไม่ชอบให้จมดิน โดย เกมพีระมิด เป็นซีรีส์ที่ดัดแปลงมาจากเว็บตูนยอดนิยมในชื่อเดียวกัน ผลงานการกำกับของ “พัคโซยอน” และเขียนบทโดย “ชเวซูอี” นำแสดงโดย “โบนา” (คิมจียอน) ที่เคยโด่งดังเป็นอย่างมากในซีรีส์เรื่อง Twenty-Five, Twenty-One รวมถึง “จางดาอา” พี่สาวของจางวอนยอง IVE กับผลงานการแสดงเรื่องแรกที่เล่นบทร้ายได้อย่างถึงใจ

เป็นเรื่องราวที่เกิดขึ้นในโรงเรียนมัธยมปลายหญิงล้วนแบคยอนที่มีนักเรียนชั้น ม. 5 ห้อง 5 ตั้งระบบแบ่งแยกชนชั้นเป็นขั้นพรีะมิด จากการเล่นเกมโหวตกันเองภายในห้องแบบไม่ออกนาม โดยในทุกๆ เดือน จะมีการโหวตจัดอันดับความนิยม หนึ่งคนโหวตให้เพื่อนได้ 5 คน และลำดับชนชั้นจะถูกกำหนดตามผลโหวต แบ่งแยกเป็น A, B, C, D และ F คนที่อยู่เกรด A จะได้ปกครองและออกคำสั่งคนที่อยู่เกรดต่ำกว่า ส่วนคนที่อยู่เกรด F จะถูกปฏิบัติเหมือนเป็นพวกนอกคอกหรือหมาหัวเน่า และยังต้องตกเป็นเหยื่อของความรุนแรงในแบบที่ไม่มีใครช่วยได้ และทุกๆ เดือน “แบคฮาริน” (รับบทโดย จางดาอา) ลูกสาวเจ้าของโรงเรียนที่ถูกอวยยศให้เป็นเจ้าหญิงของห้องจะถูกโหวตให้ได้เกรด A เสมอ และเธอยังเป็นผู้อยู่เบื้องหลังเกมพีระมิดนี้อีกด้วย ในขณะที่ “ซองซูจี” (รับบทโดย โบนา) นักเรียนใหม่ที่ย้ายเข้ามาและต้องตกเป็นเป้าของเกมพีระมิด เมื่อเธอได้รับผลโหวตเป็นศูนย์และกลายเป็นเหยื่อของความรุนแรงที่ถูกบูลลี่และกลั่นแกล้งอย่างหนักจึงทำให้เธอหาวิธีที่จะปกป้องตัวเองจากสถานการณ์เลวร้ายนี้ และด้วยความที่เป็นคนฉลาด หัวไว มีไหวพริบ เธอจึงเริ่มแผนการที่จะปีนขึ้นไปอยู่บนยอดพีระมิดให้ได้ ซูจีจะทลายพีระมิดแห่งชนชั้นได้หรือไม่ ใครจะเป็นผู้ชนะของเกมนี้ ติดตามได้ทาง Viu (วิว) ทุกวันพฤหัสบดี เวลา 10.15 น. 


ย้อนรอยความเก่งกาจ ‘Dries Van Noten’ บนถนนสายแฟชั่นกว่า 4 ทศวรรษ

Alternative Textaccount_circle

ช็อควงการอีกครั้ง! เมื่อ ‘Dries Van Noten‘ ดีไซเนอร์ชื่อดังชาวเบลเยียมขวัญใจคนรักแฟชั่น เตรียมโชว์คอลเล็คชั่นสุดท้ายเดือนมิถุนายน

หลังจากทุ่มเทแรงใจในการทำงานออกแบบมากว่า 4 ทศวรรษ Dries Van Noten ดีไซเนอร์สัญชาติเบลเยียมที่สืบต่ออาชีพจากครอบครัวได้ประกาศกับเว็บไซต์ WWD อย่างเป็นทางการว่า ‘เขาจะโชว์ผลงานสุดท้ายในเดือนมิถุนายนนี้ที่ Paris Men’s Fashion Week คอลเล็คชั่น Spring/Summer 2025’ ทั้งนี้จึงทำให้คอแฟชั่นเริ่มกังวลว่าแบรนด์ของเขาจะดำเนินต่อไปอย่างไร แต่เขาก็ยืนยันว่า ‘อีกไม่นานคงได้ประกาศรายชื่อดีไซเนอร์รุ่นต่อไปที่มารับช่วงต่อ’ ตอนนี้เราคงต้องรอติดตามว่าก้าวต่อไปของแบรนด์จะเป็นยังไง

จากที่เกริ่นไปตอนต้นว่า Dried Van Noten เป็นที่รักของคนในวงการ นั่นไม่ใช่เพราะเหตุผลอื่นใดแต่เป็นความสามารถของเขาล้วนๆ ที่พามาถึงจุดนี้ ตั้งแต่รับช่วงต่อจากอาชีพช่างตัดเสื้อของครอบครัว สู่การเข้าเรียนมหาวิทยาลัยสาขาแฟชั่นดีไซน์ที่ Royal Acedemy of Fine Arts หลังจากเรียนจบเขาประกอบอาชีพดีไซเนอร์อิสระอยู่พักใหญ่ ก่อนตัดสินใจเปิดร้านเป็นของตัวเองในปี 1986 จนในปี 1992 เขามีแฟชั่นโชว์คอลเล็คชั่น Menswear เป็นของตัวเอง และหลังจากนั้น Dried Van Noten ก็สามารถขยับขยายและมีบูติกกว่า 400 แห่งทั่วโลก

อีกหนึ่งความสามารถที่น่าทึ่ง และแตกต่างจากดีไซเนอร์คนอื่นๆ คือ Dried Van Noten ไม่ได้สเก็ตลงบนกระดาษและใช้สีระบายภาพเหมือนที่เราคุ้นเคย แต่เขาใช้วัสดุแต่ละชิ้นวางลงบนหุ่น และเริ่มประกอบขึ้นมาใหม่ จนกลายเป็นผลงานที่สมบูรณ์แบบ


ภาพ: Getty

“FUNDAO” เปิดแฟชั่นโชว์ ครั้งแรก ณ PARIS FASHION WEEK

account_circle

นับเป็นอีกหนึ่งก้าวใหม่ที่สร้างปรากฎการณ์สำคัญให้ดีไซน์เนอร์ไทยอีกครั้ง ของ “FUNDAO” แบรนด์แฟชั่นเครื่องหนังสัญชาติไทย ด้วยการถ่ายทอดดีเอ็นเอความไทม์เลสที่เป็นเอกลักษณ์อัน ไร้ขีดจำกัดของ
แบรนด์ โดย คุณหยิน ฝันดาว แบ้สกุล ครั้งนี้กับโมเมนต์การบุกทะยานเปิดตัวแฟชั่นโชว์คอลเลกชั่นใหม่
อย่างเฉิดฉายเป็นครั้งแรก ณ Paris Fashion Week 2024 โดยโชว์สุดพิเศษนี้ถูกจัดขึ้น ณ La Galerie Bourbon เมือง Paris ประเทศฝรั่งเศส มีเหล่าคนดังเข้าร่วมชมโชว์ อาทิ พราว อรณิชา และ บลู นาโรส

คุณหยิน ฝันดาว แบ้สกุล
พราว อรณิชา
บลู นาโรส

ซึ่งโชว์ในครั้งนี้ถูกถ่ายทอดออกมาอย่างประณีต และ คงอัตลักษณ์ของแบรนด์ ที่โดดเด่นในด้านความเรียบหรู และก่อเกิดความโดดเด่นสง่างาม เพียงนำขึ้นมาหยิบจับแมทช์บนตัวนางแบบ สื่อให้เห็นถึงลุคต่างๆ ตั้งแต่ Everyday Look ไปจนถึง Summer Look หรือ Elegant Look ซึ่งทุกลุคถูกเติมเต็มอย่างคอมพลีทด้วยกระเป๋า fundao ในแต่ละรุ่น ตั้งแต่ IT bag ของแบรนด์อย่าง Ava Mini และแม้แต่ Ava Micro ที่สะกดตาด้วยความมิลเลเนียมที่มีความวิบวับของเนื้อวัสดุ รวมไปถึงคอนเซปท์ของโชว์ที่เผยความไทม์เลสอย่างมีมิติในสไตล์ Urban  เข้าถึงได้ทุกเจนเดอร์

นอกจากนี้ยังมีคนดังที่มาร่วมชมโชว์อย่าง บลู นาโรส Tiktoker สายลักชูวรี่ ชื่อดังที่มาในลุคแคชชวลสไตล์หนุ่มปาริเซียง พร้อมไอเทมกระเป๋า Ava Mini Vintage ที่มิกซ์แอนด์แมชทั้งสีและ มู้ดแอนด์โทนได้ลงตัว และยังได้มีการเผยโฉมกระเป๋าคอลเลกชันใหม่ “Darrel” ที่ได้แฟชั่นนิสต้าแห่งวงการอย่าง พราว อรณิชา มาร่วมถ่ายทอดคอลเลกชั่น ใหม่นี้ โดยมีบรรยากาศที่สวยงามของเมืองปารีสเป็นฉากหลัง

“D‏ARREL” ได้รับแรงบันดาลใจผสมเสน่ห์อันแข็งแกร่งของธรรมชาติและความประณีตทางสถาปัตยกรรมอย่างหอไอเฟล ผสานเข้าด้วยกันอย่างน่าหลงใหล กระเป๋าแต่ละใบในคอลเลกชันนี้ได้รับอิทธิพลจากรูปทรงอันงดงามของภูเขาและภาพเงาของหอไอเฟล สะท้อนผ่านฐานที่กว้างและดีไซน์ด้านบนที่แคบของกระเป๋า ที่เข้ากันอย่างลงตัวกับส่วนโค้งอันงดงามของหอไอเฟลที่อยู่ด้านล่าง เป็นตัวอย่างที่ชัดเจนของการผสมผสานที่สมบูรณ์แบบระหว่างความงามตามธรรมชาติและความซับซ้อนทางสถาปัตยกรรม  นอกจากนี้หอไอเฟลเองยังเป็นสถาปัตยกรรมอันเป็นที่รักของคนทั้งโลก จึงเป็นที่มาของคำว่า “DARREL” ผู้เป็นที่รัก ที่ตั้งใจจะส่งผ่านความประณีตของการดีไซน์และการผลิต ไม่เพียงแต่เป็นเครื่องประดับเท่านั้น แต่ยังเป็นสัญลักษณ์ของความรักและความคิดสร้างสรรค์อีกด้วย

พบกับ FUNDAO คอลเลกชันใหม่ “DARREL” ได้ที่ ชั้น 3 เซ็นทรัล เอ็มบาสซี และ ชั้น 1 เซ็นทรัล เวิลด์ (Pop-up Store) หรือ http://www.fundaoera.com/ และ Instagram และ Facebook “FUNDAOERA” 

“77 มิสแกรนด์” ร่วมขบวนพาเหรด ซิตี้ ออฟ ไลท์ : เมจิก คาร์นิวัล แอท คาร์นิวัล เมจิก

account_circle

ภูเก็ต เมืองแห่งสีสัน สวรรค์แดนใต้ กิจกรรมที่เจ้าภาพเก็บตัว มิสแกรนด์ ไทยแลนด์ 2024เตรียมไว้เลยไม่ซ้ำ ธรรมดาไม่ได้แม้แต่วันเดียว ค่ำคืนที่ผ่านมาก็เช่นกัน 2 พ่องานใหญ่ คุณคิม ธีระศักดิ์ ผลงาม และ คุณกบ ธนพัฒน์  นวลสกุล Provincial Director มิสแกรนด์ภูเก็ต จัด  City Of Lights : Magic Carnival At Carnival Magic (ซิตี้ ออฟ ไลท์ : เมจิก คาร์นิวัล แอท คาร์นิวัล เมจิก) ณ คาร์นิวัล เมจิก ธีมปาร์ควัฒนธรรมรื่นเริง บนพื้นที่กว่า 100 ไร่ ถือเป็นสุดยอดอัครสถานความบันเทิงยามราตรีของเกาะภูเก็ต ที่ประดับประดาไปด้วยแสงไฟหลากสีสัน และสถาปัตยกรรมไทยประยุกต์งดงาม พร้อมการแสดงขบวนพาเหรด สุดอลังการ รวมถึงโรงละคร ริเวอร์พาเลส ขบวนฟันแฟร์ และไม่พลาดการชมอาณาจักรเมืองไฟ คิงดอม ออฟ สไตล์ ที่ใครมาภูเก็ตแล้วไม่ได้เข้าชม ถือว่าพลาด

งานนี้ บอสณวัฒน์ อิสรไกรศีล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท มิสแกรนด์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) เดินทางมาให้กำลังใจผู้เข้าประกวดที่ จ.ภูเก็ต เป็นที่เรียบร้อย รวมถึง บิวตี้ วรัญชนา ระดมเล็ก รองผู้จัดการกองประกวด มิสแกรนด์ ไทยแลนด์ 2024 คุมเข้มทุกนาที อยู่กับแกรนด์ต้องเป๊ะและปัง ฟากผู้เข้าประกวดทุกคนพร้อมสุด เตรียมเครื่องแต่งกายในธีม เมจิก คาร์นิวัล มาแบบจัดเต็ม เนรมิตความอลังการ ทั้งเครื่องหัว เครื่องตัว เครื่องปีก  แสงสีวิบวับ เรียกยอดไลท์ในช่องทาง YouTube Chanel : Grand TV แบบถล่มทลาย โดยขบวนพาเหรดนี้มี 5 สาว มิสแกรนด์ ผู้ชนะผลโหวต ได้แก่ มิสแกรนด์ภูเก็ต /มิสแกรนด์ กรุงเทพฯ /มิสแกรนด์มุกดาหาร /มิสแกรนด์ชัยนาท และ มิสแกรนด์สระบุรี ขึ้นรถแห่นำขบวนเข้าสู่งาน ตามด้วยผู้เข้าประกวดทั้งหมด ผสานการแสดงแสงสีเสียง  ความสวย สดใส ของเหล่าผู้เข้าประกวด สะดุดสะดุดใจแฟนนางงามที่ตามเชียร์ รวมถึงนักท่องเที่ยวรุมถ่ายภาพกันฉ่ำทีเดียว 

พาชมภาพแคมเปญใหม่ล่าสุดจากแบรนด์ ปาล์ม แองเจิลส์ (Palm Angels)

account_circle

พาชมภาพแคมเปญใหม่ล่าสุดจากแบรนด์ ปาล์ม แองเจิลส์ (Palm Angels) แบรนด์สตรีทสัญชาติ อิตาลี กลิ่นอายอเมริกา ที่พาเหล่าเซเลบสายแฟชั่นอย่าง 3 หนุ่ม โอบ-โอบนิธิ วิวรรธนวรางค์ @oabnithi, ไอซ์-พาริส อินทรโกมาลย์สุต @icepariss และ แจ๊คกี้- จักริน กังวานเกียรติชัย @j.jackr มาโชว์ลุคต้อนรับซัมเมอร์ในคอลเลกชั่น ฤดูร้อน / ฤดูใบไม้ผลิ ประจำปี 2024 นี้ เผยภาพลักษณ์เอาใจสายสตรีทด้วยไอเทมหลากหลายแบบจากแบรนด์ไม่ว่าจะเป็นลายปริ้นท์หลักอย่าง The Palm ที่นำเสนอลายกราฟิกต้นปาล์มอันเป็นไอคอนนิคประจำแบรนด์ พร้อมกับมาในพาเลทโทนสีสันสดใส และ อีกหนึ่งลุคที่เพิ่มกิมมิคให้ซัมเมอร์นี้ ด้วยอีกหนึ่งคีย์โลโก้อย่าง Seasonal logo ที่เผยความสนุกสานด้วยฟ้อนท์ตัวเขียนในแบบฉบับ ปาล์ม แองเจิลส์ ที่มาครีเอทลุคสุดคูลไม่ซ้ำใครให้แฟน ๆ สายสตรีทไปตามจับจองกันได้แล้ว ณ ร้านปาล์ม แองเจิลส์ แฟลกชิปสโตร์ เซ็นทรัล เอ็มบาสซี LV.1

ไอเท็มกู้ผิวเป็นสิว Mahonia Clear Skin Booster จาก Neal’s Yard Remedies

account_circle

ช่วงนี้สาวๆ หลายคนมาบ่นกันหนาหูว่าโดนปัญหา “สิว” เล่นงานอีกแล้ว เพราะต้องเจอทั้งสภาพอากาศที่ไม่เป็นใจและฝุ่นควันรุมเร้าจนผิวบอบช้ำ Praew Survey รอบนี้ แพรว จึงขอนำตัวช่วยดีๆ มาบอกต่อแบบเน้นๆ กับ Mahonia Clear Skin Booster ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ใหม่ล่าสุดจาก Neal’s Yard Remedies แบรนด์สกินแคร์ออร์แกนิกสุดฮ็อตจากประเทศอังกฤษ ที่จะมาช่วยกอบกู้ผิวให้คนที่มีปัญหาสิวโดยเฉพาะ

สำหรับ Mahonia Clear Skin Booster ถือเป็นไอเท็มใหม่ล่าสุด ซึ่งคิดค้นสูตรอย่างเชี่ยวชาญจากโรงงานที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมของ Neal’s Yard Remedies ในเมืองดอร์เซต ประเทศอังกฤษ ไฮไลท์ของผลิตภัณฑ์คือการใช้ส่วนผสมออร์แกนิกที่ผ่านการรับรองและใช้กรรมวิธีการเพาะปลูกอย่างยั่งยืน ซึ่งถือเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว โดยส่วนผสมออร์แกนิกต่างๆ ของผลิตภัณฑ์นี้ ประกอบด้วย

  • Mahonia ช่วยลดการอักเสบของผิว รวมถึงรอยดำ รอยแดง ที่เกิดจากการเป็นสิว
  • Centella Asiatica คือสารต้านอนุมูลอิสระ ที่ช่วยลดและขจัดสิ่งอุดตันในรูขุมขน
  • Calendula ช่วยลดการระคายเคืองผิว พร้อมช่วยฟื้นฟูผิวให้แข็งแรง
  • Thyme ช่วยลดและปรับสมดุลความมันส่วนเกิน ขจัดเชื้อแบคทีเรีย และยับยั้งต้นตอของการเกิดสิว

ด้วยส่วนผสมจัดเต็มที่ช่วยดูแลผิวให้มีสุขภาพดีและจัดการปัญหาสิวไปพร้อมๆ กัน ทำให้ Mahonia Clear Skin Booster จาก Neal’s Yard Remedies เป็นไอเท็มที่เหมาะสำหรับคนที่มีผิวเป็นสิวง่าย โดยสามารถใช้ทาทั่วใบหน้าเป็นสกินแคร์รูทีนก็ได้ หรือใช้แต้มเฉพาะจุดที่เกิดปัญหา เช่น รอยแดง รอยดำจากการเกิดสิว ก็จะช่วยให้ร่องรอยต่างๆ แลดูจางลง ดังนั้นใครที่กำลังสู้กับปัญหาสิวอยู่ แพรว ขอแนะนำเลยค่ะ

คนรักผิวที่สนใจ สามารถตามไปหาซื้อ Mahonia Clear Skin Booster จาก Neal’s Yard Remedies กันได้เลยที่เคาเตอร์ Beauty Hall, Paragon & The Mall Lifestore Ngamwongwan และ Beauty Zone, Central Chidlom หรือช้อปออนไลน์ง่ายๆ ได้ที่ www.nealsyardremedies.co.th รวมถึงสามารถติดตามอัปเดตกันได้ที่ FB : Neal’s Yard Remedies Thailand และ IG : nealsyardremedies_th

keyboard_arrow_up