เยี่ยมชม 5 ห้องสำคัญ ‘Louis Vuitton Savoir Revêr’ ความประณีตแห่งงานศิลป์

Alternative Textaccount_circle

Louis Vuitton Savoir Revêr คือ งานที่พูดถึงเรื่องราวผลงานสร้างสรรค์ของหลุยส์ วิตตองที่เป็น มากกว่ามุมมองด้านแฟชั่น นั่นคืองานศิลป์ที่บ่งบอกถึงความประณีตพิถีพิถัน ที่เป็นเสมือน DNA ของหลุยส์ วิตตองซึ่งอยู่คู่เมซงมาหลายร้อยปี

หลุยส์ วิตตองให้ความสำคัญกับ Savoir Faire หรือ Know-how งานนี้จึงใช้ชื่อ Savoir Revêr ซึ่งมีความหมายว่า Crafting Dream หรือการสร้างสรรค์ความฝันให้เป็นไปได้อย่างไม่มีวันสิ้นสุด ซึ่งสะท้อนจิตวิญญาณของหลุยส์ วิตตองในเรื่องงานฝีมืออันประณีต พร้อมทั้งนวัตกรรมที่ปรับเปลี่ยนไปตามยุคสมัย ความร่วมมือกับศิลปินนักออกแบบในหลายๆด้าน รวมทั้งการให้ความสำคัญกับการออกแบบชิ้นงานที่มีเอกลักษณ์เฉพาะ (Personalization)

จากจุดเริ่มต้นในการคิดค้นหีบเดินทาง ที่เป็นเสมือนไอคอนบ่งบอก DNA สำคัญของหลุยส์ วิตตองมาจนถึงทุกวันนี้ เราจะพบกับเรื่องราวของงานดีไซน์อันร่วมสมัยที่ควบคู่ไปกับเบื้องหลังอันเป็นมรดกตกทอดของแบรนด์ ซึ่งในงาน Savoir Revêr จะพาคุณเดินทางสู่โลกของหลุยส์ วิตตอง ที่รวบรวมอยู่ภายในห้องต่างๆทั้ง 5 ธีม

หลุยส์ วิตตองเปิดต้อนรับแขกคนสำคัญด้วย Flower Monogram Motif ขนาดใหญ่ ที่สร้างสรรค์ด้วยหมุดทองเหลืองที่ใช้ในการทำหีบเดินทางหลายร้อยอันมาผูกและเรียงร้อยห้อยบนเส้นเอ็น ส่วนพื้นหลังคือลวดลาย Malletage หรือลายตารางที่บุด้านในของฝาปิดหีบเดินทาง  อีกด้านหนึ่งจัดทำขึ้นเป็นห้องพิเศษกับประสบการณ์ VR ซึ่งจะพาคุณไปยังจุดหมายแรกคือ Asnières บ้านหลังเก่าแก่ของครอบครัวหลุยส์ วิตตองที่อบอวลไปด้วยความทรงจำและประวัติศาสตร์อันยาวนาน ประกอบกับงานสถาปัตยกรรมอาร์ตนูโวอันทรงคุณค่า โดยนำเทคโนโลยี VR มาผสมผสานเล่าเรื่องราวโดยมีวิเวียน มาสคอตของหลุยส์ วิตตอง พาเยี่ยมชม

เมื่อออกจากห้อง VR จะถึงส่วนสำคัญของงาน ทางเข้าด้านหน้าตกแต่งด้วย Quetzal ผลงาน Objets Nomades โดย Atelier Oï ที่ได้แรงบันดาลใจมาจากนกสีสันสวยงามของทวีปอเมริกาใต้ ถ่ายทอดสู่ดีไซน์ของโมบายตกแต่งผนังอันอ่อนช้อย จนดูราวกับปีกของนกที่กำลังโบยบิน

  • ห้องแสดงหีบเดินทาง และ Objets Nomades

ห้องแรก พาคุณเดินทางไปค้นพบเรื่องราวบ้านของครอบครัวหลุยส์ วิตตองที่ Asnières นอกกรุงปารีส และอาเตลิเยร์ที่รังสรรค์งานฝีมือด้วยทักษะชั้นสูงของช่างที่สืบทอดส่งต่อกันมาจนถึงทุกวันนี้ หีบเดินทางรูปแบบต่างๆที่เราเห็นในปัจจุบันดีไซน์ผ่านการตีความหลากหลายรูปแบบจากความต้องการ หรือ ’ความฝัน’ ที่หลุยส์ วิตตอง จะสร้างสรรค์ให้เป็นจริงได้ ตั้งแต่หีบขนาดเล็กเพื่อใส่นาฬิกา เครื่องประดับ แชมเปญ ดอกไม้ ต้นบอนไซ ไปจนถึงหีบเดินทางขนาดใหญ่ที่ออกแบบสำหรับเป็นโต๊ะทำงาน โต๊ะเครื่องแป้งแต่งตัว อุปกรณ์สำหรับทำเครื่องดื่มค็อกเทลในงานปาร์ตี้ เซ็ตน้ำชาไฮที รวมไปถึงผลงานล่าสุด Cabinet of Curiosities โดย Marc Newson นักออกแบบชื่อดังร่วมสมัย

ความเป็นผู้บุกเบิก และความเข้าใจศิลปะในการใช้ชีวิต นำมาสู่ชิ้นงานออกแบบคอลเลคชั่นตกแต่งบ้าน Objets Nomades ที่ได้เชื้อเชิญเหล่าดีไซเนอร์ที่มีชื่อเสียงจากทั่วโลก อาทิ Campana Brothers, Atelier Oï, Marcel Wanders ฯลฯ มาร่วมจินตนาการรังสรรค์เฟอร์นิเจอร์เปี่ยมไปด้วยฟังก์ชั่นการใช้งานเพื่อตอบโจทย์ในการเคลื่อนย้าย ตั้งแต่แปลญวนจากหนังอันหรูหรา เก้าอี้สตูลแบบพับได้ เก้าอี้อาร์มแชร์ ฉากกั้นห้องที่งดงามตระการตา เก้าอี้เลาจน์เอาท์ดอร์ ซึ่งนับเป็นการก้าวข้ามขอบเขตของผลิตภัณฑ์เครื่องหนัง โดยสะท้อนถึงความใส่ใจในรายละเอียดของงานฝีมืออันซับซ้อนและนวัตกรรมความคิดสร้างสรรค์ของเมซง

  • มุมพิเศษของ Vivienne

มาสคอตวิเวียน เปิดตัวครั้งแรกในเดือนตุลาคม ปี ค.ศ.2017 ด้วยคาแร็คเตอร์ที่น่ารัก สนุกสนาน เป็นชิ้นงานฝีมือทำจากไม้และหนัง ผสมผสานกับวัสดุแตกต่างกันไป เอกลักษณ์ของวิเวียน คือมีส่วนหัวเป็นกลีบดอกไม้ ตาข้างหนึ่งเป็น Monogram Flower ชื่อของวิเวียนมาจาก VVN Leather  หรือหนังที่ใช้ในการผลิตกระเป๋าของหลุยส์ วิตตอง โดยปัจจุบัน วิเวียนเป็นเสมือนตุ๊กตาของนักสะสม ที่มีดีไซน์เปลี่ยนไปตามซีซั่น พร้อมทั้งเพิ่มเติมสมาชิกใหม่ได้แก่ Gaston และ Petula นอกจากนี้หลุยส์ วิตตองยังได้รังสรรค์หีบเดินทางพิเศษสำหรับเป็นบ้านของวิเวียนด้วย

  •  เครื่องหนัง Exotic

ห้องที่จัดแสดงเพื่อบ่งบอกถึงความเชี่ยวชาญของหลุยส์ วิตตองในการคัดเลือกหนังที่หายาก พร้อมทั้งขั้นตอนวิธีการผลิตก่อนจะนำมารังสรรค์ผ่านรูปทรงกระเป๋ารุ่นไอคอนิค อาทิ Capucines, Petite Malle และ City Steamer เป็นต้น โดยเป็นครั้งแรกที่มีการเปิดตัวการใช้เทคนิคบนหนังแบบ Brush Rosa เพื่อให้ได้สีสันพิเศษบนหนัง โดยช่างฝีมือจะต้องเพนท์สีด้วยพู่กันจากสีชมพู สีเหลืองเข้ม และขาว โดยลงน้ำหนักเพียงบางเบา ให้เป็นลวดลายแพทเทิร์น พร้อมทั้งลงสีเงินที่เพิ่มประกายกลิตเตอร์ เพื่อให้ได้กระเป๋าที่มีเอกลักษณ์เพียงใบเดียวเฉพาะตัว

  • นาฬิกาและเครื่องประดับชั้นสูง

เครื่องประดับชั้นสูงเป็นอีกหนึ่งงานศิลป์ที่หลุยส์ วิตตองนำมาจัดรวมภายในงาน ภาพของจตุรัส Place Vendome แหล่งร่วมอาเตลิเยร์เครื่องประดับในกรุงปารีส ตอกย้ำการให้ความสำคัญของเมซงที่มีสถานที่ผลิตชิ้นจิวเวลรี่ด้วยทักษะขั้นสูง โดยการออกแบบของ Francesca Amfitheatrof ผู้อำนวยการฝ่ายศิลป์ หลุยส์ วิตตองพิถีพิถันตั้งแต่ขั้นตอนการเลือกอัญมณี เพชรซึ่งมีคุณสมบัติไร้ที่ติ พร้อมรูปแบบการเจียรนัยแบบพิเศษ Star Cut และ Flower Cut ที่เป็นเอกลักษณ์ของเมซง รวมไปถึงการคัดอัญมณีสี เช่น มรกต แซฟไฟร์ และทับทิม ลงในคอลเล็คชั่นต่างๆ อาทิ Bravery, Rider of the Knights, และ Conquette ล้วนแล้วแต่ใส่ใจรายละเอียดอันเป็นไอคอนของเมซง

ส่วนนาฬิกาชั้นสูง หลุยส์ วิตตองรังสรรค์ภายใต้เวิร์คชอปของเมซงเองทั้งหมดเพียงแห่งเดียวที่ La Fabrique Du Temps ในเจนีวา พร้อมทั้งพัฒนารูปแบบตัวเรือนและกลไก อาทิ Escale  Spin Time ที่เป็นกลไลเอกลักษณ์ของหลุยส์ วิตตองที่ได้แรงบันดาลใจมาจากตารางบอกเวลาเดินทางในสนามบินที่เปลี่ยนช่อง หรือ Tambour Moon Mysterious Flying Tourbillon ที่ซ่อนกลไลไว้ราวกับลอยอยู่บนหน้าปัด พร้อมทั้งการรับรองโดย Geneva Seal นอกจากนี้ยังมีนาฬิกาที่เป็นเครื่องประดับ อย่าง Vivienne Secret Watch ที่ตกแต่งอัญมณีพร้อมทั้งซ่อนหน้าปัดไว้ด้านในสำหรับสุภาพสตรี

  • ห้องไลฟ์สไตล์ และเกมกีฬา

ต่อเนื่องมาจากผลงานดีไซน์ในห้องแรกของหีบเดินทาง และ คอลเล็คชั่น Objets Nomades ห้องสุดท้ายคือการตอบโจทย์สำหรับกลุ่มคนที่มีไลฟ์สไตล์ในแบบต่างๆ  ตั้งแต่หีบเดินทางที่เป็นอุปกรณ์สำหรับพัทท์กอล์ฟ หีบเดินทางสำหรับปาร์ตี้ซึ่งบรรจุแชมเปญพร้อมแก้วประเภทต่างๆ สเก็ตบอร์ดตกแต่งลวดลายอันทันสมัย หีบเดินทางสำหรับเก็บรองเท้าสนีคเกอร์ ไปจนถึงโต๊ะปิงปอง โต๊ะบิลเลียต จักรยาน ฯลฯ ทั้งหมดล้วนใส่ในรายละเอียดในงานดีไซน์ที่ผสานงานฝีมืออันประณีตที่เป็นหัวใจสำคัญของหลุยส์ วิตตอง

Praew Recommend

keyboard_arrow_up