เจาะแนวคิดความสำเร็จ ‘อั๊พ – ศวิษฐ์ อุทัยเฉลิม’ นักธุรกิจผู้ใช้ความตั้งใจนำทาง

account_circle

Exclusive Talk ครั้งนี้ แพรว ขอพาไปทำความรู้จักกับ ‘คุณอั๊พ – ศวิษฐ์ อุทัยเฉลิม’ นักธุรกิจไฟแรงที่ตั้งเป้าหมายชัดตั้งแต่วันที่ออกสตาร์ทบนเส้นทางนี้ จากประสบการณ์กว่า 15 ปี กับหลากหลายธุรกิจ เรียกว่าเขาผ่านร้อนผ่านหนาว ล้มลุกคลุกคลานมาไม่น้อย โดยใช้ ‘ความตั้งใจ’ เป็นบันไดและกุญแจไขความสำเร็จ

แรงบันดาลใจสู่เส้นทางนักธุรกิจ

“แม้คนในครอบครัวของผมจะทำงานด้านสาธารณสุขคุณพ่อเป็นหมอ คุณแม่เป็นนักสังคมสงเคราะห์ พี่สาวเป็นเภสัชกร แต่ผมมีความคิดตั้งแต่เด็กๆ แล้วว่าอยากเรียนด้านธุรกิจ ซึ่งตอนนั้นยังไม่รู้ว่าตัวเองชอบอะไร คิดแค่ว่าอยากมีเงินเยอะๆ ส่วนอีกมุมหนึ่งคือไม่อยากเป็นหมอแบบคุณพ่อ เพราะรู้สึกว่าเป็นอาชีพที่ต้องเสียสละชีวิตส่วนตัวและต้องมีความรับผิดชอบสูงมาก สุดท้ายจึงตัดสินใจเรียน Engineering Management ซึ่งเป็นกึ่งวิศวะบวกกับการจัดการ ทำให้ผมได้ทักษะด้านการจัดการมาจากตรงนั้น

“ความรู้สึกอยากเป็นนักธุรกิจมาพีคที่สุดตอนไปฝึกงานกับบริษัท Johnson&Johnson ซึ่งผมได้ฝึกงานในไลน์โปรดักต์ผ้าอนามัย ทำให้ฉุกคิดว่าทำไมสินค้าอย่างผ้าอนามัยที่เป็นของใช้จำเป็น มีฟังก์ชั่นการใช้งานชัดเจนถึงมีราคาค่อนข้างถูก หรือหากเกิดอะไรขึ้นในไลน์การผลิตแล้วสินค้าเสียหายเพียงนิดเดียว เขาก็ทิ้งยกล็อตเลย ซึ่งเมื่อเปรียบเทียบกับสินค้าแบรนด์เนมถือว่าต่างกันมาก ยกตัวอย่างกระเป๋าแบรนด์เนมที่จะมีเรื่องคุณค่าของแบรนด์ดิ้งเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย ทำให้ผมเกิดความสนใจเรื่องการเพิ่มมูลค่าให้กับสินค้าและบริการ จึงเลือกเรียนต่อปริญญาโทที่อิตาลีในด้าน Luxury Brand Management เพื่อศึกษาเกี่ยวกับการเพิ่มมูลค่าสินค้าซึ่งถือเป็นประสบการณ์ที่เปิดโลกมากๆเพราะการเรียนการสอนที่นั่นทำให้ได้เข้าไปเห็นของจริง ได้สัมผัสการทำงานจริงตอนนั้นที่ปรึกษาเป็นซีอีโอเก่าของ Prada แล้วก็ได้ไปฝึกงานและทำโปรเจ็กต์ให้กับประธานของ Ferragamo นอกจากนี้พอการเรียนการสอนเน้นไปที่ Luxury Brand Management จึงครอบคลุมถึงหลายๆ เรื่อง ไม่ว่าจะเป็นโรงแรมเรือยอร์ช นาฬิกา หรือน้ำหอม ซึ่งสามารถนำความรู้ไปประยุกต์ใช้ได้กับทุกอย่าง

“หลังจากเรียนจบกลับมาเมืองไทยก่อนจะลุยทำธุรกิจของตัวเอง ผมเริ่มต้นจากการเป็นอาจารย์พิเศษสอนเกี่ยวกับเรื่องแบรนด์ดิ้ง การเพิ่มมูลค่าสินค้า อีกทั้งยังเคยเป็นที่ปรึกษาให้กับกรมส่งเสริมการส่งออกทโครงการพัฒนาผู้ประกอบการไทย เน้นไปที่การให้ความรู้เรื่องแบรนด์ดิ้งในธุรกิจแฟชั่น ซึ่งผมรู้สึกภูมิใจมากๆ ที่ได้ใช้ความรู้ความสามารถให้เกิดประโยชน์ต่อวงการธุรกิจบ้านเรา”

พุ่งชนเป้าหมายด้วยหลากหลายธุรกิจ

“ด้วยความที่ผมเคยมีความคิดว่าอยากเกษียณตอนอายุ 40 จึงคิดต่อว่าแล้วต้องทำอย่างไร สำหรับผมคำตอบคือต้องมีธุรกิจหลายอย่างในมือ และที่สำคัญคือธุรกิจเหล่านั้นต้องแข็งแรงพอที่จะสามารถรันไปได้ดี โดยที่เราวางมือได้อย่างวางใจ ดังนั้นหลักการในการทำธุรกิจของผมคือจะพยายามสร้างระบบที่แข็งแรง ต้องไม่เซ็นเตอร์ทุกอย่างที่ตัวเราเพียงคนเดียวแต่ด้วยระบบที่ดีเราจะสามารถมอนิเตอร์การทำงานได้ โดยที่ไม่จำเป็นต้องอยู่หน้างาน เพราะผมตั้งใจเอาไว้ตั้งแต่ต้นแล้วว่าอยากทำหลากหลายธุรกิจ เพื่อให้มีรายได้หลายๆ ทาง

“ธุรกิจหนึ่งที่ผมได้ร่วมริเริ่มคือการต่อยอดสายงานของคุณพ่อ ซึ่งท่านเป็นแพทย์ด้านโรคหัวใจ ย้อนไปเมื่อ 10 กว่าปีที่แล้ว จากที่ได้เห็นการทำงานของคุณพ่อมาตั้งแต่เด็กๆ ที่ต้องทำงานหนัก เพราะโรคหัวใจเป็นโรคที่คนไข้ไม่สามารถรอได้รวมถึงอยากสานต่อความคิดของคุณพ่อที่อยากยกระดับศูนย์รักษาโรคหัวใจของเมืองไทยให้เหมือนต่างประเทศ หลักการคือรวบรวมทีมแพทย์ด้านโรคหัวใจและหลอดเลือดขึ้นมาเป็นกลุ่ม เพื่อทำ Group Practice บริหารศูนย์รักษาโรคหัวใจของโรงพยาบาลต่างๆ ให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น โดยแทนที่แพทย์แต่ละท่านจะต้องประจำอยู่แค่โรงพยาบาลเดียวก็สามารถดูแลค้นไข้ได้จากหลากหลายโรงพยาบาล ซึ่งข้อดีคือทำให้แต่ละโรงพยาบาลจะมีแพทย์ประจำเวรหลายท่าน ที่สำคัญคือการทำงานแบบ Group Practice ทำให้เกิดการแลกเปลี่ยนความรู้และพัฒนาองค์ความรู้ร่วมกัน ซึ่งนำไปสู่การทำงานที่มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น และร่วมลงทุนกับศูนย์หัวใจ และโรงพยาบาลต่างๆ เพื่อสร้างสถาณประกอบการที่ไม่เน้นการแสวงหาผลกำไรสูงสุด แต่เน้นการรักษาผลประโยชน์ของคนไข้เป็นที่สุด ตามเจตนารมย์ของคุณพ่อครับ

“ส่วนอีกธุรกิจหลักๆ ที่ทำอยู่ในตอนนี้คือธุรกิจเกี่ยวกับบันเทิง ซึ่งเริ่มต้นเมื่อประมาณ 6 ปีที่แล้ว เริ่มจากการเป็นนายทุนให้กับภาพยนตร์ และทีวีซีรีย์ต่างๆ จากนั้นได้เป็น Executive Producer ให้กับภาพยนตร์ และทีวีซีรีย์ สุดท้ายจึงตัดสินใจจัดตั้งบริษัทขึ้นมาเพื่อผลิตซีรีส์ฉายใน LINE TV ส่วนตอนนี้มีการแตกไลน์ธุรกิจกว้างขึ้น คือมีนักแสดงในสังกัด และมีการส่งเสริมนักแสดงไทยไปเซ็นสัญญากับแบรนด์ชั้นนำที่ต่างประเทศโดยเฉพาะอย่างยิ่งคือสิงคโปร์ ซึ่งมีเฮดควอเตอร์ภูมิภาคของแบรนด์ต่างๆ อยู่เยอะ โดยจะมีทั้งการเซ็นสัญญาเป็นแบรนด์แอมบาสเดอร์ และการไปร่วมอีเว้นต์

“นอกจากนี้ยังมีอีกหลายธุรกิจที่เป็นการร่วมลงทุน เช่น ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์โรงเรียนสอนภาษาเกาหลี และธุรกิจด้านไอทีที่ร่วมลงทุนกับผู้เชี่ยวชาญอย่าง GWS CLOUD ซึ่งเป็นบริษัทผู้นำบริการคลาวด์ชื่อดังจากไต้หวันครับ”

ชี้เป้าความสำเร็จ

“แนวคิดในการเลือกทำธุรกิจจริงๆ แล้วผมเป็นคนบ้าพลังคืออยากทำทุกอย่าง แต่จากประสบการณ์จริงคือเราทำทุกอย่างไม่ได้ดังนั้นผมจึงเลือกจากสองเหตุผล คือความเป็นไปได้และความชอบครับ

“ธุรกิจที่มีความเป็นไปได้และไปได้ดีในยุคนี้ ผมขอยกให้กับธุรกิจด้านสุขภาพ ไม่ว่าจะเป็นเฮลท์แคร์หรือเวลเนสเพราะผู้คนหันมาสนใจเรื่องสุขภาพกันมากขึ้น ไม่ใช่แค่ในมุมของการรักษาโรคแต่เป็นในมุมของการมีชีวิตที่ดี มีอายุยืนยาวมีความสุข รวมถึงศาสตร์การชะลอวัยต่างๆ ซึ่งสอดคล้องกับไลฟ์สไตล์ของผู้คนในปัจจุบันที่ให้ความสำคัญกับการออกกำลังกายและอาหารการกิน นอกจากนี้คือธุรกิจเกี่ยวกับไอที เทคโนโลยีต่างๆ ที่แน่นอนว่าไม่เคยหยุดพัฒนาและก้าวไปข้างหน้าอยู่ตลอดเวลา ซึ่งส่วนตัวแล้วผมไม่ได้มีความรู้ด้านนี้มากนัก จึงใช้วิธีร่วมลงทุนกับผู้เชี่ยวชาญ

“ส่วนธุรกิจที่เกิดจากความชอบ สำหรับผมคือธุรกิจด้านบันเทิงและธุรกิจโรงเรียนสอนภาษาเกาหลี ซึ่งความชอบได้นำไปสู่การต่อยอดและการพัฒนาให้ดีขึ้นเรื่อยๆ เพื่อทำให้ธุรกิจที่ชอบกลายเป็นธุรกิจที่ประสบความสำเร็จในเวลาเดียวกัน”

‘ความตั้งใจ’ คือกุญแจสำคัญ

“หัวใจสำคัญของการทำธุรกิจให้ประสบความสำเร็จ ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจอะไรก็ตาม สำหรับผมคือต้องมีความตั้งใจ เริ่มจากตั้งใจทำให้สำเร็จ มองหาโอกาสและความเป็นไปได้หากเจออุปสรรคก็ต้องตั้งใจที่จะหาทางออกแล้วก้าวข้ามผ่านไปให้ได้ เพราะการแก้ปัญหาถือเป็นอีกหนึ่งสิ่งสำคัญของการทำธุรกิจ ซึ่งแน่นอนว่าเราต้องเจอปัญหาไม่มากก็น้อยบางครั้งปัญหาอาจเต็มไปด้วยปมแก้ยาก หลักการของผมคือค่อยๆ แก้ปมที่แก้ได้ไปทีละปม โดยมองภาพให้ออกว่าสุดท้ายเป้าหมายของเราคืออะไร แล้วตั้งใจทำทุกอย่างให้ดีที่สุด เพื่อก้าวไปให้ถึงเป้าหมายนั้น อย่าหมดใจง่ายๆ เพราะการหมดใจเท่ากับการยอมแพ้ และขณะเดียวกันก็ต้องตั้งใจศึกษาในสิ่งที่ทำ ไม่ว่าจะเป็นตลาด คู่แข่ง หรือสถานการณ์

“นอกจากความตั้งใจแล้ว ในการทำธุรกิจเรายังต้องมีความพร้อม คือต้องเตรียมใจให้พร้อมเผชิญกับทุกอุปสรรคที่อาจจะเข้ามา ไม่ว่าจะเป็นความยากลำบาก ความเหน็ดเหนื่อย ความขัดสนทั้งเงินทุนและเวลา ที่สำคัญคือต้องพร้อมสู้ ไม่ยอมแพ้ง่ายๆ ครับ”

CEO Mindset

“ถ้าพูดถึงสไตล์การบริหาร โดยปกติแล้วผมเป็นคนใจดี แต่ขณะเดียวกันก็เป็นคนที่ค่อนข้างเนี้ยบและเก็บรายละเอียด ดังนั้นหากมีข้อผิดพลาดเกิดขึ้นก็ต้องว่ากันตามเหตุผล ซึ่งวิถีผู้นำในแบบของผม คือจะให้เกียรติทุกคน ไม่ว่าเขาจะทำงานในตำแหน่งไหน หรือมีหน้าที่อะไรก็ตาม รวมถึงจะให้เครดิต ให้คุณค่ากับความพยายามของทุกคนเสมอครับ”

บาลานซ์ชีวิตด้วยการรักตัวเอง

“ก่อนหน้านี้ผมเป็นคนที่ค่อนข้างเครียดกับงาน คิดเรื่องงานตลอด แต่ก็จะมีช่วงที่ต้องผ่อนคลายตัวเองถ้าช่วงไหนเครียดมากๆ ก็จะใช้เวลาอยู่คนเดียว หรือหากิจกรรมทำ เช่น ดูหนัง ดูซีรีส์สังสรรค์พบปะเพื่อน ซึ่งจริงๆ แล้วผมเป็นคนที่ผ่อนคลายได้ไม่ยาก แต่เวลาเครียดก็จะเครียดค่อนข้างมาก อีกทั้งยังแบ่งเวลาได้ไม่ค่อยดี บาลานซ์ชีวิตไม่ค่อยได้ ตอนนี้จึงปรับมายด์เซ็ตตัวเองใหม่ให้กลับมารักตัวเองมากขึ้น

“ด้วยความที่ผมเป็นคนสุดทุกทาง ทั้งเรื่องธุรกิจและชีวิตส่วนตัว จึงรู้สึกว่าเรามุ่งมั่นกับเป้าหมายมากเกินไปจนไม่ได้เอ็นจอยกับระยะทาง และลืมไปว่าเราควรจะมีความสุขกับทุกๆ วันของชีวิต ผมถามตัวเองว่าการที่เรามุ่งสู่เป้าหมายเพียงอย่างเดียว โดยที่ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่จะถึง พอวันหนึ่งที่เราถึงเป้าหมายแล้ว เมื่อหันกลับมามองเรื่องราวระหว่างทาง เราจะเสียดายช่วงเวลาเหล่านั้นไหม ไม่ว่าจะเป็นการใช้เวลากับครอบครัวไม่มากพอ ความสัมพันธ์กับเพื่อนที่ห่างเหิน หรือการละเลยสุขภาพร่างกายปล่อยให้ตัวเองโทรม ซึ่งพอลองคิดทบทวนดูแล้ว ทำให้ผมค้นพบคำตอบว่าก่อนที่เราจะไปถึงเป้าหมาย คุณภาพชีวิตของเรา ทั้งสุขภาพร่างกายและจิตใจต้องดีก่อน พูดง่ายๆ คือเราต้องรักตัวเองให้มากๆ

“ผมจึงอยากฝากถึงทุกคนบางทีเราอาจจะต้องใช้เวลาทั้งชีวิตเพื่อไปถึงจุดหมาย ดังนั้นการใช้ชีวิตในทุกๆ วันของเราก็ต้องมีความสุขด้วย อาจเริ่มจากการมองหาว่าเรามีความสุขกับอะไร หรือเราต้องการอะไรเพราะถ้าเรามีความสุขกับชีวิต เราก็จะไม่รู้สึกเหนื่อยกับการเดินทางไปสู่เป้าหมายเลยครับ”

ก้าวสู่เป้าหมาย

“เป้าหมายสูงสุดของชีวิตคืออยากสร้างวัดครับ (ยิ้ม) ส่วนในมุมธุรกิจผมตั้งเป้าหมายย่อยๆ ให้กับธุรกิจแต่ละตัวไปทีละขั้น ซึ่งจะนำไปสู่เป้าหมายหลักคือการวางมือแล้วคอยมองดูอยู่ห่างๆ อย่างที่บอกเอาไว้ว่าอยากเกษียณเร็วๆแต่ไม่ได้หมายถึงอยู่บ้านเฉยๆ นะครับ ยกตัวอย่างธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ที่ผมอยากขยายไปทั่วๆ พอเกษียณก็อยากเดินทางท่องเที่ยวแล้วได้แวะไปดูธุรกิจในฐานะบอร์ด หรือที่ปรึกษาเพราะผมไม่อยากทำงานจนร่างกายไม่ไหว อยากมีความสุขไปกับการทำงาน และอยากมีสุขภาพที่ดี เพื่อใช้ชีวิตอย่างยั่งยืนครับ”


Praew Recommend

keyboard_arrow_up