7 เมมเบอร์ ก็อตเซเว่น “GOT7” เตรียมซ้อมวันละ 12 ชั่วโมง ก่อนมาไทย

Alternative Textaccount_circle

มีความคนไทยสูงมาก สำหรับหนุ่มๆ “ก็อตเซเว่น” (GOT7) #GOT7 ทั้ง 7 คนคือ เจบี (JAY B), มาร์ค (MARK), แจ็คสัน (JACKSON), จินยอง (JINYOUNG), ยองแจ (YOUNGJAE), แบมแบม (BAMBAM) และ ยูคยอม (YUGYEOM) ที่เพิ่งสร้างสถิติบัตร “2025 ก็อตเซเว่น คอนเสิร์ต <เนสต์เฟส> อิน แบงคอก” (2025 GOT7 CONCERT in BANGKOK) #GOT7_NESTFESTinBKK คอนเสิร์ตสเกลสเตเดียมสุดยิ่งใหญ่ ณ ราชมังคลากีฬาสถาน SOLD OUT ภายในวันแรกที่เปิดขายทั้ง 2 รอบแสดง!! จนทำให้ต้องปิดการขายทุกช่องทางก่อนกำหนดเวลาเดิมที่วางไว้ นี่แหละสถิติสุดจึ้งไม่เกินคาดของพวกเขาและพลังดันหลังซัพพอร์ตเต็มที่ของเหล่าไอก็อตเซเว่น (IGOT7 ชื่อแฟนคลับของวง GOT7 หรือที่นิยมเรียกกันว่าอากาเซ่) ล่าสุด 7 เมมเบอร์รวมตัววิดีโอคอลอุ่นเครื่องกันแล้ว!!!!!!!

เจบี : ทุกคนมารวมตัวกันแล้วใช่ไหม

ยูคยอม : โอ๊ะ อะไรอะ? กำลังฟังเพลงอยู่ในห้องพัก จู่ๆ ก็ได้วิดีโอคอลกับพี่ๆ และอากาเซ่เหรอ

แบมแบม : เฮ่! เมมเบอร์ทุกคน เนี่ยผมวิ่งมารับโทรศัพท์เลยนะ นี่แหละคือ… ความรักใช่ไหม

เจบี : แต่ว่านะ เดี๋ยวมาลองดูกันเถอะว่า ถึงเราจะซ้อมกันวันละ 12 ชั่วโมง ความรักนี้จะยังไม่เปลี่ยนไปใช่หรือเปล่า

แจ็คสัน : เอาจริงๆ แล้ว บนเวทีครั้งนี้ ใครจะร้องไห้คนแรก ผมเดาว่า… น่าจะร้องไห้ด้วยกันหมดทั้ง 7 คนหรือเปล่าครับ

ยองแจ : ไม่ใช่ผมแน่นอน ในเวทีครั้งนี้ไม่ใช่น้ำตา แต่จะทำให้เต็มไปด้วยความสุขเลย!

จินยอง : ว่าแต่ เรื่องนั้นพูดถึงได้หรือเปล่านะ อ๋อ ไม่ได้เหรอ อ๋อ โอเค ห้ามสปอยล์นะครับ

มาร์ค : แค่ประมาณนี้ก็พอแล้วรึเปล่า อย่าพลาดนะครับ พวกเราทั้ง 7 คนกลับมารวมตัวกันแล้ว

มาแค่วิดีโอคอลยังบันเทิงขนาดนี้! แล้ววันแสดงทั้ง 2 รอบคือศุกร์ที่ 2 และเสาร์ที่ 3 พฤษภาคม 2568 จะขนาดไหน? *** ใครที่จองบัตร “2025 ก็อตเซเว่น คอนเสิร์ต <เนสต์เฟส> อิน แบงคอก” (2025 GOT7 CONCERT in BANGKOK) ไม่ทัน… ยังพอมีโอกาส!! กับการเปิดจำหน่ายบัตร #GOT7_NESTFESTinBKK ทั้ง 2 รอบแสดง เพิ่มเติมจำนวนประมาณ 800 ใบ (รอบละประมาณ 400 ใบ) ซึ่งที่มาของบัตรดังกล่าวนั้นบางส่วนถูกยกเลิกจากระบบโดยสมัครใจ เนื่องจากมีการซื้อ–ขายที่ไม่เป็นไปตามเงื่อนไขผ่านแพลตฟอร์มและบุคคลภายนอกที่ไม่ได้รับอนุญาต บางส่วนเป็นบัตรที่มีชื่อซ้ำ 2 ใบขึ้นไปในรอบวันแสดงเดียวกัน ซึ่งผู้ซื้อแจ้งความประสงค์และยินยอมคืนบัตรเพื่อขอรับเงินคืน รวมถึงบัตรโซน S2E / S2G / N2F / N2H ซึ่งได้คืนกลับเข้าระบบเนื่องจากมีการปรับตำแหน่งอุปกรณ์ด้านงานโปรดักชั่น โดยทางผู้จัดงาน โฟร์ วัน วัน เอ็นเตอร์เทนเม้นท์ (Four One One Entertainment หรือ 411ent) จะนำบัตรทุกกรณีข้างต้นกลับมาเปิดจำหน่ายให้แก่ผู้ที่ยังจองบัตรไม่สำเร็จในการเปิดขายก่อนหน้านี้และต้องการเข้าชมด้วยตนเองจริงๆ ในวันเสาร์ที่ 26 เมษายน 2568 นี้ เวลา 13:00 น. (เริ่มรับคิวเวลา 12:00 น.) ผ่านช่องทางเดียวเท่านั้นคือระบบออนไลน์ของ “ไทยทิคเก็ตเมเจอร์” https://www.thaiticketmajor.com/concert/2025-got7-concert-nestfest-in-bangkok.html *** ติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ทางออฟฟิเชียลโซเชียลมีเดียของผู้จัดงาน @411ent ทุกแพลตฟอร์ม

“โป๊ป-ธนวรรธน์ วรรธนะภูติ"

“โป๊ป-ธนวรรธน์ วรรธนะภูติ” กับปรัชญาชีวิต สวนกระแสโลกโซเชียล

Alternative Textaccount_circle
“โป๊ป-ธนวรรธน์ วรรธนะภูติ"
“โป๊ป-ธนวรรธน์ วรรธนะภูติ"

2 ปีที่พักงาน “โป๊ป-ธนวรรธน์ วรรธนะภูติ” เล่าถึง เป้าหมายแต่ละวันว่า “อยู่กับปัจจุบัน” คำง่ายๆไม่กี่ค่าที่กลายเป็นปรัชญาการใช้ชีวิตของเขา ซึ่งอาจสวนทางกับโลกปัจจุบันที่ทุกอย่างต้องมุ่งสู่อนาคต งานในวงการบันเทิงแข่งขันกันสูง โป๊ปคือหนึ่งใน นักแสดงไม่กี่คนที่ไม่มีช่องยูทูบ ไม่จัดแฟนมีต ออกอีเวนต์ น้อยมาก ไม่ซีเรียสที่จะต้องมีผลงานละครต่อเนื่องเพื่อให้ชื่อ ติดอยู่ในทวิตเตอร์ จะสรุปว่าเขาแทบไม่สนใจชื่อเสียงก็ไม่ผิดซึ่งนั่นเป็นผลจากการฝึกใช้ชีวิตอยู่กับคําว่า “วินาทีนี้ตอนนี้” ซึ่งเขาพอใจแล้ว

ช่วงที่พักงานทําอะไรบ้างคะ

“ยุ่งกับการสร้างสถานปฏิบัติธรรมให้แม่ (คุณแม่ปราณี วรรธนะภูติ) ชื่อว่า เรือนธรรม สร้างบนเนื้อที่ขนาด 2 ไร่แถวลาดกระบัง ใช้เงินตัวเองทั้งหมด คอนเซ็ปต์ ที่นี่เรียบง่าย ประหยัด ไม่เน้นความสวยงามหรูหรา แต่สงบร่มเย็น ผมไม่ยุ่งเรื่อง การออกแบบเลย แต่ยุ่งเรื่องการจัดสวน หาต้นไม้มาตกแต่งเท่านั้น

“สําหรับกิจกรรมต่าง ๆ ในสถานปฏิบัติธรรมก็ปล่อยให้แม่ดูแลจัดการทั้งหมด ที่นี่จะมีห้องพักพร้อมอาหาร มีครูมาสอนธรรมะ ใครสนใจสามารถมาปฏิบัติธรรม 5-7 วันได้ โดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่าย ที่ผ่านมาผมก็มาพักที่นี่บ้างเหมือนกัน นานสุด คือ 10 วัน แต่ไม่ได้เข้าคอร์สนะ มาพักเพื่อดูใจตัวเอง…สงบดี

“ส่วนชีวิตนอกเหนือจากนี้ไม่ต่างจากปีก่อนหน้า คืออยู่บ้านเป็นหลัก ออกกําลังกาย ตีกอล์ฟบ้าง และดูแลธุรกิจอาหารเสริม SANO สําหรับงานละคร ตอนนี้มีติดต่อเข้ามาแล้วครับ เป็นแนวรักโรแมนติก วิทยาศาสตร์ ก็ต้องรอดูว่า จะเปิดกองประมาณช่วงไหน ถ้าหากไม่ติดอะไร ประมาณกลางปีหน้าแฟน ๆ น่าจะ ได้ชมผลงานกัน”

“โป๊ป-ธนวรรธน์ วรรธนะภูติ"

ตอนอายุ 38 โป๊ปเคยบอกว่า “ไม่มีงานก็ไม่เป็นไร ดีเสียอีกที่ชีวิต ว่าง” 4 ปีผ่านไปยังคิดเหมือนเดิมไหม

“เหมือนเดิมเลย ยังไม่เปลี่ยน ผมคิดว่าอะไรจะเป็นก็เป็นไป เราอยู่ได้ทั้งใน สถานการณ์ที่สมหวังและไม่สมหวัง โดยไม่ได้คาดหวังอะไรด้วย เพราะธรรมชาติ ชีวิตคนเราเดินหน้าสู่ความเสื่อมอยู่แล้ว แน่นอนว่าช่วงที่ว่าง ๆ ความรู้สึกเบื่อก็มีนะ มีหมดทุกอารมณ์นั่นแหละ แต่เป็นเพียงความคิดที่จะผ่านไป อยู่ที่ว่าเราจะทันมัน หรือเปล่า ถ้าเบื่อแล้วยังไง จะทิ้งอารมณ์เบื่อไปทําอย่างอื่นหรือจะอยู่กับมันต่อ ก็เท่านั้นเลย ผมฝึกคิดอย่างนี้

“อย่างธุรกิจที่ผ่านมาก็ยังทําไปได้เรื่อย ๆ ขายดีบ้าง ไม่ดีบ้าง ถ้าวันหนึ่ง ขายไม่ได้ก็คิดว่าจะเลิกทํา เช่นเดียวกับงานละคร ถ้ามีละครดีๆ ติดต่อมาก็เล่น แต่ ถ้าไม่มีบทบาทที่สนใจ อยู่เฉย ๆ ก็สบายใจดี คิดว่าชีวิตที่ผ่านมาก็ทํามาดีมากแล้ว ถ้าใช้เงินเป็น เก็บออมให้ดี รู้จักประหยัดตามที่มี ก็อยู่ได้จนแก่ตาย เพราะฉะนั้น จึงไม่อยากมี ไม่อยากเป็นอะไรมากกว่าที่เคยเป็นมา

แปลว่าวางแผนการเงินมาดี

“ใช่ครับ แพลนมานานแล้ว น่าจะตั้งแต่จําความได้เลยนะ คือผมใช้เงิน เท่าที่ตัวเองมีมาตั้งแต่เด็ก ซึ่งแปลกมาก เพราะแม่ก็ไม่เคยสอน แค่รู้สึกกลัวที่จะ ใช้เงินในอนาคต สมมติมีเงิน 5 แสน ก็จะซื้อรถไม่เกิน 5 แสน ไม่ว่ามันจะสวย วิเศษแค่ไหนก็ไม่เอาเลย มีเท่าไรก็ใช้เท่านั้น

“แต่ถ้าผมมีเงิน 100 บาท รถราคา 10 บาท ก็ซื้อเลยนะ โดยไม่เคย แยกงบชัดเจนว่าฉันต้องเก็บเงินก้อนนี้เพื่อซื้อรถคันนี้ ผมเป็นประเภทถ้าถึงเวลานั้น มีเงินพอ แล้วเตะตากับของชิ้นนี้ พิจารณาแล้วว่าซื้อแล้วไม่เดือดร้อน ไม่ผิด ศีลธรรม ชีวิตหนึ่งได้ใช้มัน ได้ขับมัน ก็ซื้อเลย โดยมีข้อแม้ว่าจะไม่ยอมผ่อนเพื่อ เป็นหนี้ นิสัยผมเป็นอย่างนี้มาตั้งแต่เด็ก และติดตัวจนกระทั่งมาเป็นนักแสดง แม้ จะมีเงินมากกว่าแต่ก่อน ผมก็ใช้เงินนั้นดูแลตัวเอง ครอบครัว และช่วยเหลือคนอื่น โดยไม่เคยใช้เกินจากที่ตัวเองมี”

“โป๊ป-ธนวรรธน์ วรรธนะภูติ"

รถหรูที่เห็นในไอจีก็ซื้อด้วยเงินสด?

“ซื้อเงินสดทุกอย่าง ซึ่งบัตรเครดิตก็มีนะ แต่มีแค่ใบเดียว ธนาคารก็ พยายามให้ผมสมัครบัตรพรีเมียมต่าง ๆ แต่ไม่เคยทํา ผมจะใช้บัตรตอนที่ไม่พก เงินสดเท่านั้น และจะรูดเท่าที่จ่ายไหว ส่วนมากรูดหลักพันหลักหมื่นแค่นั้น ใช้เงิน แบบรู้ตัว”

เคยทุกข์อยากได้อะไรแต่เงินไม่พอไหมคะ

“ก็มีนะ แต่พยายามลืม ๆ มันไป (หัวเราะ) คือสุดท้ายความคิดเป็นสิ่ง ไม่แน่นอน บางทีไม่กี่ชั่วโมงก่อนอยากซื้อของชิ้นนี้ แต่พอไปตีกอล์ฟ ความคิดที่ อยากได้หายไปละ พอรู้เท่าทันความอยาก จึงเริ่มเฉย ๆ กับทุกสิ่ง แต่ก็อย่างที่ เล่าไป ถ้ามีเงินพอก็ซื้อตรงนั้นเลย”

“สุดท้ายผมคิดว่าความอยากของคนจะไปจบที่คําว่าพอ อย่างผมพอเพราะฝึกใช้เงินมาตั้งแต่เด็กเมื่อมองย้อนกลับไปจะเห็นว่าที่ไม่ลําบากก็เพราะใช้ชีวิตถูกมาตลอด ไม่ได้ประหยัดดีเด่นกว่าใครหรอกนะ แต่แค่รู้ว่ามีเงินเท่าไรก็ใช้ เท่าที่มี เมื่อก่อนก็อยู่บ้านหลังเก่า ๆ กับแม่มาตั้งแต่เล็กจนโต กระทั่งมีชื่อเสียง สร้างบ้านหลังใหม่ ก็ไม่ได้ซื้อในราคาหลายสิบล้านเพียงเพราะเป็นดาราและต้อง มีบ้านราคาเท่านั้นเท่านี้ ทุกวันนี้ที่สบายใจและใช้ชีวิตโดยไม่ต้องการทําอะไรมากมายก็เพราะสะสมมาพอแล้ว”

“ผมรู้จักคนรอบตัวที่เป็นทุกข์เพราะมีหนี้สิน หรือบางคนมุ่งทํางานหาเงินจน หาความสุขไม่ได้ บางคนเขาทุกข์ใจมาปรึกษาบ้าง เราก็เข้าใจว่าเหตุเกิดจากอะไร ทําไมเขาต้องทุกข์กับชีวิตที่ต้องต่อสู้หนักหนาขนาดนั้น ทุกอย่างเกิดจากความ อยากได้อยากมีเหมือนคนอื่น ยิ่งทุกวันนี้โซเชียลกระตุ้นความอยากของคน ทั้งที่ บางสิ่งที่ปรากฏในนั้นเป็นภาพลวงตา เราไม่รู้หรอกว่าอะไรจริงหรือไม่จริง ถ้าไม่มีสติ หยุดความคิดไม่ได้ จะกลายเป็นปัญหา ไม่สามารถก้าวข้ามหาความสงบได้”

ถ้ารู้จักพอ อาจไม่ต้องทํางานหนัก

“ถูกต้อง ไม่ใช่ว่าผมมีเงินแล้วพูดได้นะ แต่มันคือเรื่องจริง ถ้าใช้เท่าที่มี ไม่สร้างหนี้ ก็มีเงินเหลือใช้ ไม่ต้องอยากมีมากไปกว่าที่มีอยู่ อยู่ของเราแบบนี้ ก็พอใจแล้ว และพยายามไม่เปรียบเทียบตัวเองกับคนอื่น เพราะมันจะไม่มีที่สิ้นสุด ซึ่งก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจะเปรียบเทียบไปเพื่ออะไร”

แล้วเคยเปรียบเทียบไหมคะ

“เคยนะ แต่ไม่ถึงขั้นว่าต้องพยายามเพื่อจะเป็นเหมือนเขาหรือไปไกลกว่าเขา ตั้งแต่ทํางานใหม่ ๆ จนถึงวันนี้ ความรู้สึกของการเปรียบเทียบก็ยังมีอยู่ เช่น คนนี้ ทํางานไปไกลกว่าเราแล้วนะ อย่างนั้นอย่างนี้ ผมรู้สึกนะ แต่ก็หยุดตรงนั้น และ พอหยุดได้ ความคิดจึงไม่เคยเลยเถิดถึงขั้นว่าต้องพยายามเพื่อจะเป็นเหมือนใคร เพราะฉะนั้นถ้ามีสติรู้ มีศีลกํากับ ความคิดและอารมณ์จะทําอะไรเราไม่ได้เลย ถึงทุกวันนี้ผมจะยังมีความอิจฉา อยากมี อยากเป็น แต่ไม่เคยเผลอดิ้นรนเพื่อ ให้มีเทียบเท่าใครหรือมากกว่าใคร เขาจะไปไกลกว่าก็เรื่องของเขา คนละชีวิตกัน”

“เมื่ออารมณ์ผุดขึ้นมาต้องตัดทิ้งเลย อยู่กับปัจจุบัน ถ้าอยู่กับสิ่งตรงหน้าได้จะไม่มีการเปรียบเทียบ ทํางานให้ดี ให้เต็มที่ ผลจะดีกว่าหรือแย่กว่าไม่เกี่ยวแล้ว เพราะมันเป็นผลลัพธ์ ขึ้นอยู่กับว่าคุณมีความสุขกับสิ่งที่ทําไหม”

ใช้วิธีไหนดึงสติมาอยู่กับปัจจุบันคะ

“กลับมาอยู่กับลมหายใจเข้า – ออก ถ้าเห็นอะไรแล้วรู้สึกชอบก็รู้แค่ว่าชอบ ถ้าชอบมากจนรู้สึกบีบคั้น อยากได้นั่น อยากได้นี่ ดูแล้วเป็นทุกข์ก็อย่าดูแค่นั้นเอง ทําไปทีละขั้น”

“เช่น ถ้าดูโซเชียลแล้วเพลินก็ให้รู้ว่าเพลิน แต่ถ้าเพลินมาก ใจเริ่มไป ก็จะไปต่อเรื่อย ๆ ไม่จบ ก็แค่ปิดมือถือซะ หรือถ้าวันไหนเจอเรื่องแย่มากๆ ก็กลับมา อยู่กับลมหายใจ โกรธก็ให้รู้ว่าโกรธ ดูว่าโกรธอยู่นานไหม บางครั้งผมโกรธอยู่ เพื่อนทักมาว่า ‘ไปกินข้าวกัน” ความโกรธหายไป ความดีใจแทนที่เพราะเพื่อน”

ชวนไปกินข้าว นี่คือการดูตามความเป็นจริง เป็นวิธีที่ฝึกอยู่เสมอ

“ตั้งแต่ศึกษาธรรมะมา การอยู่กับปัจจุบันคือคําสอนที่ดีที่สุด พระพุทธเจ้า สอนหลายเรื่อง แต่หลักการใหญ่คือการอยู่กับช่วงเวลาตรงหน้า พระพุทธเจ้าตรัส ว่าลมหายใจเป็นสิ่งที่เลิศที่สุด มันมีอยู่ในร่างกายตลอดจนเราตาย ถ้าเราอยู่ใน ทางสายกลาง ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น ไม่เบี่ยงไปซ้ายหรือขวา แค่รับรู้อารมณ์ก็ถือว่า เก่งมาก หรือบางทีถ้าอยู่กับลมหายใจไม่ทัน อยู่กับจิตก็ได้ แต่ผมเข้าใจนะ สิ่งเหล่านี้ทํายาก ต้องอาศัยการปฏิบัติอย่างต่อเนื่อง เพราะตัวเองยังหลุดเลย บางที ก็ยังอยากที่จะสนุกสนาน ยังมีความอยาก เพลินกับการกิน การดู สัมผัส แค่ ไม่ออกไปนอกศีลธรรม”

เรื่องไหนที่ห้ามใจไม่ไหว

“ทุกอย่างเลยนะ ยังชอบกินอาหารอร่อย ชอบรถ ชอบมองผู้หญิงสวย ยังอยากอยู่กับเพื่อน เพลินกับการหัวเราะ เพลินกับการสัมผัส ชอบเล่นกีฬา เรื่อง เหล่านี้ไม่ใช่สิ่งที่แย่ แต่ถ้าเรามีสติรู้ตัวว่ากําลังทําอะไรอยู่ หลงกับมันมากไปไหม ใช้เวลาอยู่ตรงนี้นานเท่าไร อย่างบางทีนั่งดูหนังเพลินมาก ๆ เผลอนั่งยิ้มคนเดียว คือเพลินไปละ เราอาจจะไม่มีสติรู้ว่ากําลังทําอะไร จนบางทีก็คิดเพ้อฝันไปว่าฉัน อยากจะเป็นอย่างนั้นอย่างนี้”

“แต่ชีวิตนี้ก็ยังห่วงอีกเยอะ ยังห่วงที่บ้าน มีอีกหลายอย่างที่ปล่อยไม่ได้ แต่ ไม่ได้มากถึงขนาดว่าถ้าขาดไปตายแน่ ผมไม่เป็นอย่างนั้นแล้ว เราสามารถปล่อยวาง จากหลาย ๆ เรื่องได้”

บางคนอาจคิดว่าการปล่อยวางอาจหมายถึงการไม่กล้าเผชิญหน้ากับเรื่องที่ทุกข์ใจหรือผลักความรับผิดชอบ

“แล้วแต่ว่าใครจะมองมุมไหน คือถ้าจะมองอย่างนั้นก็ได้ ไม่ผิด แต่คนที่ ปล่อยวางได้ เขาก็จะคิดว่าการวางได้คือการชนะใจตัวเอง ไม่ไปสนใจ ไม่ทะเลาะ หรือต่อความยาวกับสิ่งที่เกิดขึ้น แต่ทั้งนี้ก็แล้วแต่สถานการณ์และความเหมาะสม “เช่น A กับ B จะบวช A อาจบวชโดยไม่สนใจพ่อแม่ เขาตั้งเป้าเดียว ในชีวิตคือทําเพื่อความสูงสุดของจิต ขณะที่ B ออกบวชเหมือนกัน แต่ยังกลับมา ดูแลที่บ้าน เพราะยังเป็นห่วง ผมคิดว่าสองคนนี้ไม่มีถูกหรือผิด ขึ้นอยู่กับ ความคิดและเหตุปัจจัยของแต่ละคน”

“สําหรับผม หากถามว่าการปล่อยวางคือการทิ้งภาระหรือเปล่า ผมคิดว่า สุดท้ายมันจะกลายเป็นความคิดซ้อน คือมีความคิดนี้เข้ามาซ้อนกับอีกความคิด เช่น ฉันอยากวางเรื่องนี้ลงแล้ว แต่ก็คิดว่าถ้าตัวเองปล่อยจะดูละเลยไหมนะ เพราะฉะนั้นถ้าเอาแต่คิดวนเวียนอย่างนี้ สุดท้ายแล้วจะปล่อยอะไรไม่ได้เลย”

เคยฝึกไปถึงขั้นมรณานุสติไหมคะ

“ทําบ้างนาน ๆ ครั้ง เป็นการใช้ความคิดนั่นแหละ ให้พิจารณาว่าเราต้องตาย แล้วนะ นึกถึงภายในร่างกายที่เป็นกระดูก เอ็น น้ําหนอง เป็นความเน่าเปื่อย ถ้าใครทําได้ก็ถือว่าดี

“ผมคิดว่าความตายน่ากลัวที่สุดแล้ว ทุกวันนี้แค่เจ็บข้อเท้ายังอยากจะหาย ไวๆ เลย รู้ตัวว่าเวลาป่วยหนักใจเรากลัวแค่ไหน เขาจึงให้เจริญสติเพื่อรอคอยการตาย เพราะสุดท้ายก่อนตายมนุษย์ก็ใช้แค่นี้แหละ ให้มีสติทุกลมหายใจจนถึงจิตสุดท้าย ซึ่งเราก็ไม่มีทางรู้หรอกว่าตายแล้วจะไปที่ไหน ทั้งที่เราอาจจะวนเวียนเกิดมากี่ภพกี่ชาติแล้วก็ไม่รู้”

“ถ้าให้นึกภาพ ผมกลัวการตายของตัวเองมากกว่าคนรอบข้าง ถ้าคนที่เรารักตายเป็นทุกข์อยู่แล้ว แต่ยังไม่เท่าที่ตัวเองตาย ยังเป็นเรื่องที่กลัวที่สุดอยู่ดี ยังมีความรู้สึก เสียดายร่างกายนี้ เสียดายตัวตนของฉัน เคยเหมือนกันนะที่จินตนาการถึงความตาย ของตัวเอง แต่ก็พยายามไม่ใส่ใจกับมันมาก เพราะเป็นแค่ภาพความคิด เราไม่รู้หรอก ว่าวันข้างหน้าจะเป็นยังไง จะตายอายุเท่าไร สร้างเหตุในปัจจุบันให้ดีที่สุดดีกว่า”

ตั้งเป้าหมายชีวิตยังไงบ้างคะ

“อยู่กับปัจจุบันให้มากที่สุด คือเมื่อก่อนผมเคยมีเป้าหมายนะ เช่น อยากทํา เรื่องนี้มาก แต่ผ่านมา 5 ปีก็ยังไม่ได้ทําสักที ก็ตัดทิ้ง เพราะไม่มีประโยชน์ที่จะทํา แล้ว มันเป็นแค่ความคิด ถ้าถามว่าเสียใจไหม ไม่นะ เพราะตัดทิ้งไปหมดแล้ว “เพราะฉะนั้นเป้าหมายทุกวันนี้มีแค่อยู่กับวินาทีนี้ ตอนนี้ เพราะทําให้ย้อนถึง อดีตและอนาคตน้อยลง อยู่กับกิจกรรมที่อยู่ตรงหน้า อยู่กับลมหายใจ แล้วชีวิต จะไม่เป็นทุกข์ เราเป็นทุกข์เพราะจินตนาการ ซึ่งไม่มีประโยชน์ สุดท้ายสิ่งที่ผ่านมา ก็ผ่านไป ส่วนสิ่งที่จะเกิดขึ้นก็ยังไม่เกิดเพราะยังมาไม่ถึง การกลับมาอยู่กับลมหายใจ ตรงหน้าคือเลิศที่สุดแล้ว”

“อย่างเวลาตีกอล์ฟก็ตีกอล์ฟ พออยู่กับมันก็จะรู้ว่าชีวิตไม่แน่นอนนะ วันนี้ ที่ดีมาก อีกวันกลับแย่มาก ส่วนเวลาอยู่กับเพื่อนก็คืออยู่กับเพื่อน ผมจะหยิบ มือถือขึ้นมาเล่นน้อยมาก แม้เพื่อน ๆ จะหยิบมือถือขึ้นมาเล่นก็ตามเถอะ (หัวเราะ) เพื่อนจะเล่นก็เล่น เราก็ชวนเขาคุยไป คนสมัยนี้ติดโทรศัพท์กันเยอะ ก็ไม่ผิดหรอก เป็นเรื่องของเขา”

การที่ตั้งใจใช้ชีวิตกับเหตุการณ์ตรงหน้า เป็นเพราะกลัวว่าชีวิตไม่มีอะไรแน่นอน ไม่รู้ว่านี่จะเป็นครั้งสุดท้ายหรือเปล่าคะ

“ไม่เคยคิดในมุมนั้น แค่รู้สึกว่าไม่รู้จะเล่นมือถือไปทําไม เพราะเราก็อยู่กับ เพื่อน ๆ แล้ว แต่ถ้าถามว่าเล่นโทรศัพท์ไหม ก็เล่นนะ แต่เล่นไม่นาน พยายามไม่หลง ไปกับมัน ผมจะหยิบโทรศัพท์เวลารถติด เช่น เล่นเกมสร้างเมืองฆ่าเวลาบ้าง ตอบไลน์หรือเปิดยูทูบฟังธรรมะบ้าง ชอบเพราะรู้สึกให้แก่นสารมากกว่าฟังข่าวคนฆ่ากัน หรือ บางครั้งก็นั่งเฉย ๆ อยู่กับตัวเองนี่แหละ ดูข้างในกายและใจเราว่ารู้สึกอะไรก็แค่นั้น”

จะมีโปรเจ็กต์ก่อการดี ทําบุญร่วมกับแฟนๆอีกไหมคะ

“มีคนถามเยอะ แต่ตอนนี้ยังไม่มีโอกาสครับ ซึ่งใจก็ยังนึกถึงแฟนคลับ ตลอดนะ เขาดีกับเรา รักเราเหนียวแน่น มีแต่ความหวังดีให้กัน ก็อยากให้เขามี ความสุข ซึ่งการที่ไม่ได้จัดกิจกรรมไม่ได้แปลว่าไม่คิดถึงนะ เป็นเรื่องของอนาคต ว่าจะจัดอีกเมื่อไหร่”

“ที่จริงโปรเจ็กต์ ก่อการดีก็คล้ายกับแฟนมีตย่อม ๆ ผมจัดกิจกรรมนี้ตั้งแต่มี แฟนคลับยุคที่ยังไม่มีใครรู้จักผม เราไปทําบุญที่ต่างจังหวัดกันประมาณ 50 คน ไปกัน ทุกปี จนกระทั่งมาเล่น บุพเพสันนิวาสมีแฟนคลับเพิ่มขึ้น ไปทําบุญกันกว่า 6,000 คน ซึ่งผมจัดกิจกรรมนี้ขึ้นมาเพื่อขอบคุณแฟน ๆ ที่ได้ทําบุญร่วมกัน นั่นคือเจตนาของผม “สําหรับผม “การให้” เป็นสิ่งที่ประเสริฐที่สุด และธรรมะเป็นสิ่งที่เลิศที่สุด การทําทานเป็นพื้นฐานที่ดีที่ทําให้ผมมีสติมาถึงทุกวันนี้ ช่วยขจัดความเห็นแก่ตัวและขยะในใจ ผมฝึกการให้มาตั้งแต่ยังหวังผล อยากรวย อยากจะมี อยากจะเป็นจนกระทั่งทุกวันนี้ไม่ขอพรอะไรอีกแล้ว ไม่อยากมี ไม่อยากเป็น และผมอยากให้ ความรู้สึกนี้เกิดขึ้นกับแฟน ๆ บ้าง”

ต้องฝึกนานไหมกว่าจะให้โดยไม่หวังผล

“ฝึกมาเรื่อย ๆ สมัยเด็กเวลาทําบุญผมจะอธิษฐานตลอด แต่ช่วงหลังฝึกให้ โดยไม่หวังว่าจะได้อะไร รู้สึกว่ามันเป็นประโยชน์มากกว่า เพราะเจตนาการให้เป็นสิ่ง สําคัญ คุณทําได้ไหม ให้โดยไม่ป่าวประกาศออกไป ให้โดยไม่ต้องออกหน้า สละ ออกไปโดยไม่หวังอะไรเลยแม้แต่คําอธิษฐาน แต่ให้ด้วยประโยชน์ ให้เพื่อแผ่นดิน เพื่อธรรมชาติ ซึ่งเป็นการให้ที่อานิสงส์สูงสุด ขณะเดียวกันการให้ก็ไม่เกี่ยวกับ จํานวนเงินว่ากี่บาท บางคนมี 10 บาท บางคนมีล้าน ก็เป็นเรื่องของเขาที่จะสะดวก ให้เท่าไร เป็นเรื่องที่เทียบกันไม่ได้”

ตอนนี้อยากช่วยเหลือด้านไหนคะ

“อยากช่วยทุกอย่างเลยนะ ทั้งศาสนา การศึกษา โรงพยาบาล อยากทํา ทั้งหมด และที่ผ่านมาตลอด 20 ปีก็ช่วยมาเยอะ ทั้งเลี้ยงดูเด็กยากไร้ น้ําท่วม ไฟไหม้ เราให้หมด เพียงแต่ไม่ได้บอกใคร ที่เล่าเรื่องนี้เพราะว่าจะได้เป็นตัวอย่าง ให้คนที่ได้รู้รู้จักสละให้เท่านั้น ถ้าได้ทําก็จะดีกับตัวเอง”

“มุมมองด้านการให้เปลี่ยนไปแล้ว แล้วมุมมองความรักเปลี่ยนไหม “เหมือนเดิม ไม่ได้คาดหวังอะไร สมมติว่าเจอคนหนึ่งที่ชอบมาก แต่เขา ไม่ชอบเรา ก็ทิ้งได้ ไม่โหยหา ไม่อกหัก ซึ่งการอยู่กับความจริงตรงหน้าสอน ให้เราทิ้งได้หมด และความรักในที่นี้เป็นสิ่งเดียวกัน ไม่ว่าจะเป็นเพื่อน ครอบครัว หมา แมว ญาติ บ้าน รถ ถ้าทิ้งไม่เป็น หากวันหนึ่งสูญเสียไปก็จะเป็นทุกข์”

สมมติว่าวันหนึ่งรถที่โป๊ปรักมากเป็นอะไรไป จะเสียใจมากไหม

“เสียใจ โกรธ แต่ก็รับรู้ว่าทุกอย่างต้องเสีย ต้องพัง ถ้าใครทําก็แค่ชดใช้ ค่าเสียหายเท่านั้นเอง แต่จะไม่ทําอะไรที่ขาดสติ เพราะเมื่อโกรธได้ก็หายได้ เรา ต้องปล่อยวางรถคันนี้ให้ได้ ซึ่งพอฝึกจิตมาจะปล่อยได้เอง

“ขอยกตัวอย่างเหตุการณ์หนึ่ง ผมสร้างบ้านใหม่ ตอนนั้นช่างทําได้ไม่ดี แล้วจู่ ๆ ก็หนีหายไป ไม่รับผิดชอบ ผมตัดปัญหาด้วยการหาช่างทีมใหม่มาแก้ไข ต้องเสียเงินเพิ่มอีก 5 แสน ถ้าเป็นคนอื่นเขาอาจจะไม่ยอม อย่างน้อยคงต้อง คุยกับผู้รับเหมาว่าช่วยออกเงินคนละครึ่งได้ไหม แต่ผมไม่ทํา เพราะรู้สึกว่าเขา หายไปไหนก็ไม่รู้ และไม่มีประโยชน์ที่จะไปทะเลาะหรือฟ้องร้องกัน คือจะทะเลาะ ก็ได้ แต่เลือกที่จะไม่ทํา คิดเสียว่าบริจาคเขาไปก็แล้วกัน แค่นั้นเลย”

“ถามว่าเราโกรธซ่างไหม โกรธสิ ต้องเสียเงินอีก 5 แสน แต่ก็ปล่อยไปและ เดินหน้าต่อ คิดเสียว่านี่คือสิ่งที่เราต้องเสีย แต่ไม่ใช่ว่าเรามีเงินก็จ่าย 5 แสนได้สิ ไม่ใช่อย่างนั้นนะ มันเป็นแค่สภาวะที่เราฝึกจิตมาให้ปล่อยทุกอย่างไปได้ “เพราะฉะนั้นผมไม่รู้หรอกว่าถ้าวันหนึ่งมีใครมาทํารถผมพังจะเป็นยังไง ในอนาคตอาจจะโกรธมาก ๆ ก็ได้ ใครจะรู้ เพราะสุดท้ายอนาคตก็ยังเป็นคําว่า ถ้า” ซึ่งยังไม่เกิดขึ้นจริง ผมอาจจะทําใจได้อย่างเรื่องบ้านก็ได้ หรือรถอาจจะไม่เป็น อะไรเลย อยู่ในสภาพเนี้ยบมาก ขนาดที่ผมตายไปแล้วก็ยังอยู่อีกนานก็ได้” (ยิ้ม)

ทําไมให้อภัยง่ายจัง

“เพราะสิ่งสูงสุดในชีวิตคือการมีความสุขไม่ใช่หรือ ถ้าเราเสียเวลาไปเอาเรื่องเขา ฉันไม่ยอม ก็กลายเป็นการอาฆาต ซึ่งมีแต่จะเป็นทุกข์ ในเมื่อทุกอย่างสูญเสียไปแล้ว ก็ต้องทําใจ อย่างที่บอกว่าโกรธได้ แต่ไม่ดําเนินไปจนถึงการทะเลาะ แค่ไปหาช่างใหม่ มาซ่อมสิ จบสุดท้ายความทุกข์ก็จบได้ที่ใจเรา”

สะพายก่อนใคร! แอบิเกลกับกระเป๋า Rally Movement ไซส์มินิ

Alternative Textaccount_circle

ตามรอยคุณแม่เป๊ะๆ! เมื่อ น้องเกล หรือแอบิเกล สวมบทบาทแฟชั่นนิสต้าตัวจิ๋ว นำเสนอกระเป๋า Rally Movement ไซส์มินิ

เวลานี้คงไม่มีเน็ตไอดอลรุ่นจิ๋วคนไหน โดดเด่นไปกว่า น้องเกล หรือแอบิเกล ลูกสาวของ ชมพู่ อารยา และน็อต วิศรุต อีกแล้ว เพราะความน่ารักที่แสนเป็นธรรมชาติของเจ้าหนูคงทำให้ใครหลายคนหลงรักไปตามกัน เห็นได้จากพี่ๆ ที่ตามไปซัพพอร์ตเมื่อน้องเกลออกงาน หรือกระแสบนโลกโซเชียลสำหรับคอนเทนต์แอบิเกล

ล่าสุดน้องเกลก็ได้เป็นอินฟลูเอนเซอร์เต็มรูปแบบ เมื่อแฟชั่นแบรนด์ฝีมือคนไทยชื่อดังอย่าง Rally Movement ส่งกระเป๋าไปให้เจ้าหนูได้สะพายก่อนเป็นคนแรกๆ ซึ่ง Rally The Bag Whisper ถือเป็นรุ่นฮิตที่สาวกนักช้อปออนไลน์ต้องรู้จัก และมีติดตู้ โดยครั้งนี้แบรนด์ได้ปรับขนาดให้เล็กกว่าเดิม จึงมาในไซส์มินิที่แม้แต่น้องเกลก็สะพายได้

นอกจากนี้ Rally The Bag Whisper ยังมาพร้อมสาย Strap ที่สามารถถอดเปลี่ยนได้ 2 สาย สายสั้นสำหรับถือคล้องแขน หรือสะพายไหล่ และ สายยาวสำหรับ Crossbody สามารถปรับความยาวได้ตามต้องการ อีกทั้งมีด้วย Hook ดีไซน์พิเศษที่ออกแบบมาให้เปลี่ยนสายได้ตามต้องการและยังใช้ห้อย Key chain ได้อีกด้วย มีทั้งหมด 3 เฉดสี I Do (สีขาวครีม) เหมือนที่น้องเกลสะพาย, Silver Lining (สีเงิน) และสุดท้าย Just Brown (สีน้ำตาล) วางจำหน่าย วันที่ 28 เม.ย.นี้

แฟชั่นนิสต้าตัวจิ๋วถือแล้ว แล้วเราจะไม่มีได้ยังไง แต่จะซื้อทันหรือไม่ ต้องเฝ้าหน้าจอไว้ดีๆ ค่ะ เพราะของเขาหมดเร็วจริง!


องค์กรลับ SHADOW FORCE

เจาะความน่าสนใจ องค์กรลับ SHADOW FORCE

Alternative Textaccount_circle
องค์กรลับ SHADOW FORCE
องค์กรลับ SHADOW FORCE

ถือเป็นภาพยนตร์แอ็กชันสุดเดือดแห่งปีสำหรับ “Shadow Force ดับเบิลจารชน โคตรคนไร้เงา” ที่เล่าเรื่องราวของ “ไอแซก” และ “ไคราห์” สองสุดยอดสายลับที่ต้องการใช้ชีวิตเป็นอิสระจากหน่วยรบพิเศษ “ชาโดว์ฟอร์ซ” ที่มีกฎเหล็ก “เข้าแล้วห้ามออก” จากนักฆ่าจึงกลายเป็นเหยื่อผู้ถูกล่าของคนทั้งองค์กร ทั้งคู่จึงต้องแท็กทีมสู้ยิบตาเพื่อปกป้องครอบครัวและโค่นองค์กรนรกนี้ให้สิ้นซาก

โดยก่อนที่จะไปชมภาพยนตร์แบบเต็มๆ แพรวอยากพาทุกคนไปเจาะลึกเกี่ยวกับ องค์กรลับ SHADOW FORCE เพื่อเพิ่มอรรถรสให้ตื่นเต้นมากยิ่งขึ้น

หน่วยปฎิบัติการพิเศษ Shadow Force

“ลุล่วงภารกิจโดยไม่สนดีชั่ว เราคือเงามืดที่จัดการงานสกปรกแทนรัฐ” Shadow Force คือองค์กรเงาถูกจัดตั้งขึ้นอย่างลับ ๆ โดยรัฐบาล มันคือหน่วยที่รวมตัวนักฆ่าฝีมือฉกาจที่ไม่เคยล้มเหลวภารกิจ พวกเขาไร้ตัวตน ไร้ชื่อในระบบ ไม่มีบันทึกใด ๆ ว่าองค์กรนี้มีอยู่จริงเป้าหมายเดียวขององค์กรคือปฏิบัติภารกิจลับที่ไม่สามารถเปิดเผยต่อสาธารณะชนได้ มีความสามารถและเชี่ยวชาญด้านภารกิจการลอบสังหาร ไปจนถึงการจัดการเป้าหมายระดับสูง ที่อาจเป็นภัยต่อระเบียบโลกในมุมมองของผู้ว่าจ้างโดยไม่สนวิธีการ แค่ภารกิจลุล่วงเท่านั้นพอ

กฎเหล็กของ Shadow Force

องค์กรลับ SHADOW FORCE
  1. ห้ามละเมิด ห้ามสงสัย ห้ามฝ่าฝืนคำสั่งโดยเด็ดขาด
  2. ห้ามเปิดเผยตัวตนต่อคนนอก แม้แต่ครอบครัวก็ไม่อาจยกเว้น
  3. ภารกิจเหนืออื่นใด จงจำไว้เสมอ ว่าภารกิจสำคัญกว่าชีวิต
  4. ห้ามมีความสัมพันธ์ใด ๆ ระหว่างกันโดยเด็ดขาด
  5. เข้ามาแล้วห้ามถอนตัว (ยกเว้นเจ้าหน้าที่จะอยู่ในสถานะ KIA)
  6. ใครก็ตามที่ละเมิดกฎ จะกลายเป็น “เป้าหมาย” และถูกกำจัดทิ้งไม่ว่าจะอยู่ที่ไหน Shadow Force จะตามจนเจอ

คลังแสง

Shadow Force ไม่ใช่หน่วยลับทั่ว ๆ ไป และมีคลังแสงและยานพาหนะส่วนตัวที่ไม่สามารถหาได้ทั่วไปในท้องตลาด เช่น “โดรนล่องหน” สำหรับภารกิจสอดแนมและระเบิดศัตรู,“ปืนเก็บเสียงดัดแปลงพิเศษ” ที่มาพร้อมกระสุนเจาะเกราะ,“Ghost Rover” รถ SUV หุ้มเกราะพร้อมเรดาร์ตรวจจับการเคลื่อนไหวของศัตรู หลังคาติดตั้งด้วยปืนกลหนัก ใช้สำหรับต่อกรกับพาหนะเป้าหมาย,“มอเตอร์ไซค์เคลื่อนที่เร็ว” สำหรับปฎิบัติการแทรกซึมสอดแนม หรือใช้สำหรับภารกิจที่ต้องใช้ความคล่องตัวสูง และ “black owl” เฮลิคอปเตอร์ที่ถูกพัฒนาและปรับแต่งมาเป็นพิเศษ ออกแบบมาให้ใช้งานได้ในทุกภูมิประเทศ ใช้ในการลำเลียงหน่วยยุทธวิธีเข้าสู่พื้นที่เป้าหมาย / ใช้ในการถอนกำลังหรือหลบหนีหลังจบภารกิจ

เป้าหมายล่าสุด

ISSAC SARR และ KYRAH OWENSอดีตเจ้าหน้าที่ระดับสูงของของหน่วย Shadow Force ทั้งสองถูกวางตัวให้เป็นคู่หูร่วมรบในภารกิจอันตรายหลายต่อหลายภารกิจ มีความสามารถและเชี่ยวชาญในทักษะด้านอาวุธและการต่อสู้แบบ CQC เรียกได้ว่าฝีมือของทั้งสองติดอันดีบต้น ๆ ของหน่วย

องค์กรเริ่มจับได้ถึงความสัมพันธ์ลับ ๆ ของทั้งสอง ซึ่งขัดต่อกฎข้อ 4 และดูเหมือนว่าทั้งสองจะรู้กฎข้อนี้เป็นอย่างดี ทำให้พวกเขาตัดสินใจหนีและหันหลังจากองค์กร ซึ่งขัดต่อกฎข้อ 5 ทำให้เราไม่มีทางเลือก นอกจากบังคับใช้กฎข้อบังคับที่ 6 ทั้งสองจะต้องถูก Shadow Force ทั้งหน่วย ตามล่าและกำจัดทิ้ง ถึงแม้จะเป็นมือดีของหน่วยก็ไม่มีข้อยกเว้นเด็ดขาด

คอหนังแอ็กชันไม่ควรพลาด “Shadow Force ดับเบิลจารชน โคตรคนไร้เงา” 8 พฤษภาคมนี้ ในโรงภาพยนตร์

ปู-ไปรยา ลุนด์เบิร์ก

ปู-ไปรยา ลุนด์เบิร์ก กับบทบาทใหม่ นางฟ้าเพื่อสัตว์ทั้งหลาย

Alternative Textaccount_circle
ปู-ไปรยา ลุนด์เบิร์ก
ปู-ไปรยา ลุนด์เบิร์ก

นางเอกโกอินเตอร์ ปู-ไปรยา ลุนด์เบิร์ก กับบทบาทใหม่ Be An Angie For Animals นางฟ้าเพื่อสัตว์ทั้งหลาย ณรงค์แคมเปญ “รับเลี้ยงดีกว่า อย่าซื้อเลยนะ”

ยกนิ้วให้เลย! เป็นนางเอกสาวไทยหัวใจอินเตอร์ที่อุทิศตนเป็นกระบอกเสียงเพื่อชาวโลกโดยแท้ทรู “ปู ไปรยา ลุนด์เบิร์ก” ล่าสุดบินกลับยานแม่ ประเทศไทยเป็นตัวแทน PETA (พีต้า) องค์กรไม่แสวงผลกำไรที่มีจุดประสงค์เพื่อพิทักษ์สิทธิของสัตว์ เปิดตัวภาพถ่ายรณรงค์แคมเปญ “รับเลี้ยงดีกว่า อย่าซื้อเลยนะ” แปลงโฉมเป็นนางฟ้า “Be An Angie For Animals นางฟ้าเพื่อสัตว์ทั้งหลาย” ถ่ายภาพคู่กับสุนัขตาบอดรับเลี้ยง “ไพเรท อาเธอร์” ที่ช่วยเหลือมาจากมูลนิธิสัตว์ที่แอลเอ ก่อนที่จะถูกฉีดยาฆ่าตาย งานนี้ “ปู” ฟาดแรงจุกอกที่เห็นธุรกิจเพาะเลี้ยงสัตว์ทำให้เกิดปัญหาต่างๆมากมาย

“จริงๆ ปูอกแตกตายมากเลยกับเรื่องนี้ ที่คนเพาะเลี้ยงสัตว์ขายสัตว์ ก็คิดมานานว่าจะออกมาพูดเรื่องนี้ดีมั้ย แต่ก็คิดว่าถึงเวลาแล้ว เราพร้อมด้วยวุฒิภาวะ อายุ อยู่ในช่วงวัยที่พูดได้เล้ว ก็เลยอยากรณรงค์เรื่องนี้ ย้อนไปปูเห็นข่าวตอนที่ไฟไหม้จตุจักร สัตว์เหล่านี้ต้องตายอยู่ในกรง เพราะการเพาะการค้า ปูใจสลาย ไม่อยากให้มีแบบนี้ด้วยซ้ำ วันนี้ที่ออกมาพูดก็เตรียมใจว่าจะต้องเจอกับอะไรบ้าง แต่ก็คิดว่าเราทำในสิ่งที่เราทำได้เป็นกระบอกเสียงตรงนี้ รับเลี้ยงดีกว่า อย่าซื้อมาเลี้ยงเลยนะ การค้าสัตว์มันต้องหมดไป”

ปู-ไปรยา ลุนด์เบิร์ก

วันนี้ถ่ายแบบรณรงค์คู่กับลูกรัก “ไพเรท อาเธอร์” ด้วยเล่าที่มาที่ไปกับสัตว์เลี้ยงตัวนี้หน่อย?

“ปูรับมาเลี้ยงเยอะมากที่บ้านที่แอลเอ รับมาจ้างมูลนิธิต่างๆ อย่างที่อเมริกาตัวไหนที่ป่วย มีค่ารักษาเยอะแต่ละตัวก็คือต้องรอการฉีดยาเพื่อฆ่าให้ตายในทุกๆวัน เป็นอะไรที่สะเทือนใจและน่าสงสารมาก อย่างไพเรทลูกตาเค้าเสียข้างนึง ต้องผ่าตัดค่าใช้จ่ายเยอะมาก ถ้าไม่รับมาเค้าก็จะถูกฉีดยาฆ่าให้ตาย ตัวอื่นๆที่บ้านก็มีหูไม่ดี กระเพาะลำไส้ไม่ปกติ ทุกตัวเราก็รับมาเลี้ยงต่อ ซึ่งมูลนิธิในไทยก็ดี The Voice ของพี่เก๋ ชลดา หรือมูลนิธิต่างๆที่ช่วยเหลือสัตว์ ปูก็พร้อมช่วยเหลือเต็มที่ ก็มีการพูดคุยกับพี่เก๋ และ พี่อั้มพัชราภาตลอด เรื่องการดูแลน้องๆรับมาเลี้ยง”

ผู้หญิงคนเดียวก็เที่ยวได้! แชร์ทริค Solo Trip แบบมั่นใจและปลอดภัย

account_circle

ในยุคที่เทรนด์ Solo Travel กำลังมาแรง โดยเฉพาะในกลุ่มผู้หญิง หลายคนเริ่มออกเดินทางคนเดียวเพื่อค้นหาความสุขในแบบของตัวเอง การเดินทางคนเดียวไม่ใช่เรื่องน่ากลัวอย่างที่เคยคิด แต่กลับเป็นโอกาสที่ดีในการทำความรู้จักกับตัวเองให้ลึกซึ้งขึ้นมากกว่าเดิม การได้หลุดออกจากสิ่งเดิม ๆ แล้วใช้เวลาคุณภาพกับตัวเองเพียงลำพังนั้นสามารถเติมเต็มความฝันที่เคยวาดไว้ในใจ

Gother เป็นแพลตฟอร์มที่ออกแบบมาเพื่อตอบโจทย์ผู้หญิงที่อยากเที่ยวแบบปลอดภัย สะดวก และมั่นใจ ไม่ว่าคุณจะมีจุดหมายปลายทางเป็นทะเล ภูเขา หรือเมืองน่ารัก ๆ Gother พร้อมช่วยให้คุณจัดการทุกขั้นตอนของการเดินทางได้ในที่เดียว

วางแผนล่วงหน้า = ความมั่นใจในการเดินทาง

การวางแผนล่วงหน้าเป็นกุญแจสำคัญที่ทำให้ Solo Trip เป็นประสบการณ์ที่น่าประทับใจ เริ่มต้นจากการศึกษาข้อมูลจุดหมายปลายทาง ตรวจสอบสภาพอากาศ ระบบขนส่งสาธารณะ และพื้นที่ใกล้เคียงเพื่อความสะดวกในการเดินทาง นอกจากนี้ควรเลือกที่พักที่อยู่ในทำเลปลอดภัย ใกล้สถานีรถไฟ หรือแหล่งสาธารณะต่าง ๆ เพื่อความสบายใจในยามค่ำคืน ที่สำคัญการจองตั๋วเครื่องบินกับ Gother และวางแผนการเดินทางได้อย่างง่ายดายภายในไม่กี่คลิก ไม่ต้องสลับหลายแอปให้วุ่นวาย

เลือกจุดหมายที่เหมาะกับ Solo Traveler มือใหม่

หากนี่คือการเดินทางคนเดียวครั้งแรกของคุณ การเลือกจุดหมายปลายทางที่เหมาะสมเป็นสิ่งสำคัญ ควรเลือกเมืองหรือประเทศที่มีโครงสร้างพื้นฐานดี ปลอดภัย และมีผู้คนเป็นมิตร เช่น ญี่ปุ่น ไต้หวัน เชียงใหม่ หรือเวียดนามตอนเหนือ ล้วนเป็นสถานที่ที่เหมาะกับนักเดินทางหญิงมือใหม่ เพราะมีทั้งระบบขนส่งสะดวก ผู้คนช่วยเหลือดี และมีกิจกรรมให้เลือกหลากหลาย ที่สำคัญ Gother ยังมีแพ็กเกจและกิจกรรมให้เลือกจองได้ล่วงหน้า ทำให้คุณมั่นใจได้ว่าจะไม่พลาดประสบการณ์สนุก ๆ ระหว่างทริป

เคล็ดลับด้านความปลอดภัย (Safety First!)

ความปลอดภัยเป็นเรื่องสำคัญที่สุดในการเดินทางคนเดียว แนะนำให้คุณแชร์โลเคชันแบบเรียลไทม์ให้กับครอบครัวหรือเพื่อนสนิท และหลีกเลี่ยงการเดินทางกลับที่พักดึกโดยลำพัง นอกจากนี้ควรหลีกเลี่ยงการบอกผู้อื่นว่าเดินทางคนเดียวโดยไม่จำเป็น เตรียมของจำเป็นอย่าง Power bank, SIM อินเทอร์เน็ต, แผนที่ offline และอย่าลืมใช้แพลตฟอร์มที่เชื่อถือได้ เช่น Gother ในการจองที่พักหรือทริปต่าง ๆ เพื่อให้มั่นใจว่าได้บริการที่ปลอดภัยและตรวจสอบได้

ไปคนเดียว ไม่เหงาแน่นอน

หลายคนอาจกังวลว่า Solo Trip จะเหงาเกินไป แต่ความจริงแล้วคุณสามารถพบเพื่อนใหม่และประสบการณ์ดี ๆ ได้เสมอ ลองเลือกกิจกรรมแบบ join group เช่น คลาสทำอาหาร ไต่เขา ดำน้ำ หรือกิจกรรมท้องถิ่นอื่น ๆ ที่เปิดโอกาสให้คุณได้พบผู้คนใหม่ ๆ การเข้าพักที่ hostel ที่มีพื้นที่ส่วนกลางก็ช่วยให้ได้พูดคุยแลกเปลี่ยนประสบการณ์กับนักเดินทางคนอื่น ๆ ได้ง่ายขึ้นอีกด้วย แพลตฟอร์ม Gother ยังมีตัวเลือกกิจกรรม local experience ที่น่าสนใจมากมาย ให้คุณจองได้ง่าย ๆ ล่วงหน้า

แพ็กกระเป๋าเบา ๆ แต่มั่นใจ

การจัดกระเป๋าอย่างมีระบบเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ช่วยให้ทริปของคุณราบรื่น ควรเลือกเสื้อผ้าและรองเท้าที่ใส่สบาย เดินง่าย และดูดีเวลาอยู่หน้ากล้อง แนะนำให้จัดกระเป๋าเป็นช่อง ๆ เพื่อความเป็นระเบียบ และหยิบใช้ง่าย พกของจำเป็นที่ช่วยเพิ่มความมั่นใจ เช่น spray กันตัว, มีดพับเล็ก ๆ, และ whistle เพื่อใช้ในยามฉุกเฉิน ทั้งนี้ควรคำนึงถึงน้ำหนักกระเป๋าเป็นหลัก เพราะคุณจะต้องดูแลตัวเองและสัมภาระเพียงลำพัง

ใช้เทคโนโลยีช่วยให้อุ่นใจมากขึ้น

อย่าลืมพึ่งพาเทคโนโลยีเพื่อเพิ่มความมั่นใจตลอดทริป โหลดแอปที่มีประโยชน์ติดเครื่องไว้เสมอ เช่น แอปแปลภาษา แผนที่ offline และแอปเช็กสถานะเที่ยวบิน ทั้งนี้ Gother ก็มีระบบจองที่พักและตั๋วเครื่องบินครบจบในที่เดียว ช่วยให้คุณไม่พลาดทุกความเคลื่อนไหวของแผนการเดินทาง และยังสามารถเข้าถึงข้อมูลต่าง ๆ ได้ตลอดเวลาที่ต้องการ

ลองใช้เวลาอยู่กับตัวเองแบบไม่รู้สึกผิด

การเดินทางคนเดียวคือโอกาสทองในการใช้เวลาคุณภาพกับตัวเอง ลองเดินเล่นช้า ๆ ตามถนนสายเล็ก ๆ ถ่ายรูปวิวหรือร้านกาแฟน่ารัก ๆ และนั่งทานข้าวคนเดียวแบบไม่ต้องรีบ คุณอาจใช้เวลาเขียนบันทึกทริป อ่านหนังสือเล่มโปรด หรือแค่ปล่อยใจให้คิดเรื่องต่าง ๆ อย่างอิสระ Solo Trip คือช่วงเวลาที่คุณจะได้อยู่กับตัวเองในแบบที่ไม่ต้องกังวลเรื่องคนอื่น เป็นการรีเซตหัวใจและชีวิตให้กลับมาสดใสอีกครั้ง

ข้อดีของ Solo Trip สำหรับผู้หญิง

  • การเดินทางคนเดียวช่วยเสริมสร้างความมั่นใจ กล้าคิด กล้าตัดสินใจ และรับมือกับสถานการณ์ต่าง ๆ ด้วยตัวเอง
  • คุณจะได้พบเจอประสบการณ์ใหม่ ๆ ผู้คนที่หลากหลาย และอาจได้มิตรภาพที่ไม่คาดคิดในระหว่างทาง

และแน่นอนว่า Gother เป็นเพื่อนคู่ใจที่ช่วยให้การ Solo Trip ของคุณง่ายขึ้นมาก เพียงคลิกเดียวก็สามารถจองตั๋วเครื่องบินและที่พักแบบปลอดภัยและสะดวกสบายได้ทันที

ผู้หญิงทุกคนสามารถเดินทางคนเดียวได้อย่างมั่นใจ หากมีการวางแผนที่ดีและเลือกใช้เครื่องมือที่เหมาะสม Solo Trip ไม่ได้เป็นเพียงการเดินทางทางกาย แต่ยังเป็นการเดินทางของหัวใจ เพื่อค้นหาตัวตนและความสุขในแบบของคุณเอง อย่ารอช้า หากคุณฝันอยากเดินทางคนเดียวสักครั้ง ลองเริ่มต้นทริปนั้นกับ Gother แพลตฟอร์มที่เข้าใจและดูแลคุณทุกก้าวของการเดินทาง

พร้อมออกเดินทางไปกับ Gother หรือยัง? เริ่มจองทริปแรกของคุณได้ที่ www.gother.com


ร่วมเฉลิมพระเกียรติ เนื่องในโอกาสวันคล้ายวันพระราชสมภพ สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงเจริญพระชนมายุ 70 พรรษา จัดงาน “รอยยิ้มแห่งสยาม : น้อมสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ”

account_circle

กลุ่มบริษัทสยามพิวรรธน์ ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์และธุรกิจค้าปลีกชั้นนำ เจ้าของและผู้บริหาร สยามพารากอน สยามเซ็นเตอร์ สยามดิสคัฟเวอรี่ หนึ่งในพันธมิตรเจ้าของไอคอนสยาม และสยามพรีเมี่ยม เอาท์เล็ต กรุงเทพฯ น้อมสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณที่สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารีทรงมีต่อพสกนิกรชาวไทย และตระหนักถึงความสำคัญของสถาบันพระมหากษัตริย์ที่มีต่อประเทศชาติและปวงชนชาวไทย  ในโอกาสวันคล้ายวันพระราชสมภพทรงเจริญพระชนมายุครบ 70 พรรษา จึงร่วมกับ 7 มูลนิธิ ได้แก่ มูลนิธิแม่ฟ้าหลวง ในพระบรมราชูปถัมภ์ สภากาชาดไทย ร้านภูฟ้า ในกองทุนพัฒนาเด็กและเยาวชนในถิ่นทุรกันดาร มูลนิธิสายใจไทยในพระบรมราชูปถัมภ์ มูลนิธิสมเด็จพระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า ร้านภัทรพัฒน์ มูลนิธิชัยพัฒนา และมูลนิธิมหาจักรีสิรินธรเพื่อคณะอักษรศาสตร์ ร่วมด้วยสมาคมถ่ายภาพแห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมภ์ และกลุ่มช่างภาพสห+ภาพ จัดงาน “รอยยิ้มแห่งสยาม : น้อมสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ” ระหว่างวันที่ 23-27 เมษายน 2568 ณ Living Hall ชั้น 3 สยามพารากอน

สำหรับงาน “รอยยิ้มแห่งสยาม : น้อมสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ” จะได้พบกับผลิตภัณฑ์และของที่ระลึกต่างๆ จาก มูลนิธิแม่ฟ้าหลวง ในพระบรมราชูปถัมภ์ สภากาชาดไทย ร้านภูฟ้า ในกองทุนพัฒนาเด็กและเยาวชนในถิ่นทุรกันดาร มูลนิธิสายใจไทยพระบรมราชูปถัมภ์ มูลนิธิสมเด็จพระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า ร้านภัทรพัฒน์ มูลนิธิชัยพัฒนา และมูลนิธิมหาจักรีสิรินธรเพื่อคณะอักษรศาสตร์ อาทิ เสื้อและสินค้าลายภาพฝีพระหัตถ์, งานฝีมือหัตถกรรม, เครื่องแก้ว, ผลิตภัณฑ์ผ้า, งานช่างไม้ และอาหาร ฯลฯ มาให้ร่วมชมและช้อปฯ มากมาย

นอกจากนั้นสมาคมถ่ายภาพแห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมภ์ และกลุ่มช่างภาพสห+ภาพ ยังร่วมจัดแสดงนิทรรศการ “รอยยิ้มแห่งสยาม : น้อมสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ” เชิญภาพพระฉายาลักษณ์สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี มาจัดแสดง พร้อมด้วยภาพรอยยิ้มของพสกนิกรไทยโดยช่างภาพอาชีพชั้นนำ ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงความปลาบปลื้มใจในพระมหากรุณาธิคุณที่ทรงมีต่อปวงชนชาวไทยเสมอมามาร่วมแสดงกว่า 200 ภาพ ทั้งนี้ผู้เข้าชมงานสามารถร่วมถ่ายภาพ “รอยยิ้ม” กับ Canon เพื่อเป็นของที่ระลึกได้อีกด้วย

ภายในงานยังมีการแสดงศิลปวัฒนธรรมไทยจากเวิร์คพอยท์ เอ็นเตอร์เทนเมนท์ ร่วมด้วยสมาคมนักเรียนเก่าต่างประเทศ (ประเทศไทย) โรงเรียนสยามสยามไตร และโรงเรียนสอนดี (ประชารัฐอนุสรณ์) อาทิ การแสดงบรรเลงดนตรีไทย รำไทย โขน ฯลฯ เพื่อสะท้อนถึงพระอัจฉริยภาพด้านดนตรีไทย อันเป็นมรดกทางวัฒนธรรมไทยที่สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารีทรงให้ความสำคัญ และทรงสนับสนุนการเก็บรักษาและอนุรักษ์เครื่องดนตรีไทยเสมอมา

กลุ่มบริษัทสยามพิวรรธน์ ยังได้จัดกิจกรรมเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารีเพื่อแสดงความจงรักภักดีอย่างสมพระเกียรติและยิ่งใหญ่ อาทิ กิจกรรมจิตอาสา สยามพิวรรธน์ Blood Hero ภารกิจแห่งการให้ที่ยิ่งใหญ่ ตลอดปี 2568 ภายใต้โครงการ “70 พรรษา 70 ล้านซีซี เฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี” ขอเชิญชวนประชาชนผู้สนใจร่วมบริจาคโลหิตได้ในวันที่ 26 มิถุนายน, 25 กันยายน และ 24 ธันวาคม ณ Activity Room 1 ชั้น 4 อาคารจอดรถสยาม สำหรับผู้บริจาคโลหิต 2 ครั้ง ภายในปี 2568 จะได้รับพระผงหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต อีกด้วย

กลุ่มบริษัทสยามพิวรรธน์ขอเชิญร่วมกิจกรรมเฉลิมพระเกียรติเนื่องในโอกาสวันคล้าย วันพระราชสมภพสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงเจริญพระชนมายุ 70 พรรษา ในงาน “รอยยิ้มแห่งสยาม : น้อมสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ” ได้ระหว่างวันที่ 23-27 เมษายน 2568 ณ Living Hall ชั้น 3 สยามพารากอน


Health Matter EP.3 I กินผิดปกติ หรือคิดไปเอง? รู้ทันสัญญาณ Eating Disorder

Health Matters EP.3 I กินผิดปกติ หรือคิดไปเอง? รู้ทันสัญญาณ Eating Disorder

Alternative Textaccount_circle
Health Matter EP.3 I กินผิดปกติ หรือคิดไปเอง? รู้ทันสัญญาณ Eating Disorder
Health Matter EP.3 I กินผิดปกติ หรือคิดไปเอง? รู้ทันสัญญาณ Eating Disorder

มาทำความเข้าใจกับสิ่งที่อาจเกิดขึ้นใกล้ตัวกว่าที่คิด อย่าง Eating Disorder หรือความผิดปกติด้านการกิน เพราะบางครั้ง มันไม่ใช่แค่เรื่อง “กินมากไป” หรือ “กินน้อยเกินไป” แต่มันคือเสียงจาก “ใจ” ที่กำลังต้องการความช่วยเหลือ ครั้งนี้แพรวเลยชวนคุณหมอเปรม – นพ. อภิชาญ แดงรุ่งโรจน์ จิตแพทย์โรงพยาบาลสมิติเวช ศรีนครินทร์ มาช่วยเปิดมุมมองใหม่ๆ และแชร์วิธีสังเกต รวมถึงแนวทางดูแลอย่างเข้าใจ

“ถ้าคุณเคยรู้สึกผิดเวลาที่กิน หรือรู้สึกว่าร่างกายตัวเองไม่ดีพอ นี่คือบทสนทนาที่คุณต้องฟัง”

Health Matters รายการทอล์คเรื่องสุขภาพ ตั้งแต่เรื่องเล็กในชีวิตประจำวัน ไปจนถึงเรื่องเชิงลึก ที่จะทำให้ทุกเรื่องสุขภาพเป็นเรื่องเข้าใจง่าย ทุกวันพุธที่ 2 และ 4 ของเดือน เวลา 19:00 น. I ทาง YouTube: Praew Magazine และ FB: นิตยสารแพรว


อ่อนเพลียบ่อยต้องระวัง! 'ฮอร์โมนเพศชาย' อาจพร่องไม่รู้ตัว และเสี่ยงถึงชีวิต

อ่อนเพลียบ่อยต้องระวัง! ‘ฮอร์โมนเพศชาย’ อาจพร่องไม่รู้ตัว เสี่ยงถึงชีวิต

Alternative Textaccount_circle
อ่อนเพลียบ่อยต้องระวัง! 'ฮอร์โมนเพศชาย' อาจพร่องไม่รู้ตัว และเสี่ยงถึงชีวิต
อ่อนเพลียบ่อยต้องระวัง! 'ฮอร์โมนเพศชาย' อาจพร่องไม่รู้ตัว และเสี่ยงถึงชีวิต

ใครจะคิดว่า “ฮอร์โมน” ที่เรามักนึกถึงในผู้หญิง จริงๆ แล้วก็สำคัญกับผู้ชายไม่แพ้กัน! ในโอกาส วันฮอร์โมนโลก 24 เมษายน 2568 ที่จัดขึ้นโดย มูลนิธิฮอร์โมนและการเผาผลาญแห่งยุโรป (ESE Foundation) และ สมาคมต่อมไร้ท่อแห่งยุโรป (The European Society of Endocrinology) มีเป้าหมายเพื่อให้ทุกคนหันมาใส่ใจสุขภาพฮอร์โมนของตัวเอง ภายใต้แนวคิดที่ตรงใจสุดๆ ว่า “สุขภาพดี เริ่มที่ใส่ใจฮอร์โมน” โดยเฉพาะผู้ชายอายุ 45 ปีขึ้นไป ต้องไม่มองข้าม! เพราะข้อมูลจาก Besins Healthcare ชี้ว่าผู้ชายในวัยนี้กว่า 40-60% กำลังเผชิญปัญหา ฮอร์โมนเพศชาย ลดลง โดยไม่รู้ตัวเลยด้วยซ้ำ

เช็กสัญญาณอันตราย ฮอร์โมนต่ำใช่ไหม?
หลายคนอาจรู้สึกว่า “ก็แค่เหนื่อย” หรือ “แค่นอนไม่พอ” แต่ลองดูสิว่า… คุณมีอาการเหล่านี้หรือเปล่า?

  • อ่อนเพลีย เหนื่อยง่าย
  • หงุดหงิดง่าย นอนไม่หลับ
  • สมรรถภาพทางเพศลดลง
  • กล้ามเนื้อลด ไขมันเพิ่ม
  • ขาดแรงบันดาลใจในการใช้ชีวิต

ถ้ามีหลายข้อต้องระวัง อาจเป็นสัญญาณของ ภาวะพร่องฮอร์โมนเพศชาย (Testosterone Deficiency Syndrome – TDS) ซึ่งไม่ได้ส่งผลแค่เรื่องเพศเท่านั้นนะ แต่ยังเสี่ยงต่อโรคเรื้อรังหลายอย่าง ทั้งเบาหวาน ความดัน ไขมันสูง และโรคอ้วนลงพุงด้วย

เช็กง่ายๆ ด้วย “ADAM Check”
เบื้องต้นสามารถประเมินความเสี่ยงได้ด้วย แบบประเมิน ADAM Check (ถามตอบไม่กี่ข้อ) ถ้าผลออกมาน่าสงสัย แนะนำให้รีบไปตรวจระดับฮอร์โมนกับแพทย์เฉพาะทางทันที เพื่อจะได้วางแผนดูแลร่างกายให้กลับมาแข็งแรงเหมือนเดิม

ถ้าตรวจแล้วเจอว่าฮอร์โมนพร่อง… รักษาอย่างไร?
ไม่ต้องตกใจ การฟื้นฟูฮอร์โมนในปัจจุบันทำได้หลายวิธี แถมปลอดภัยกว่าที่คิด ตัวอย่างการรักษา อาทิ

  • แบบกิน – สะดวก แต่ระยะยาวอาจกระทบตับ และดูดซึมได้ไม่เต็มที่
  • แบบฉีด – เห็นผลเร็ว แต่ฮอร์โมนอาจแกว่ง
  • แบบทา (เจล) – ได้รับความนิยมมากขึ้น ปลอดภัย ไม่เจ็บ ใช้เองที่บ้านได้ (ทาบริเวณไหล่ ต้นแขน หรือหน้าท้อง ในเวลาเดียวกันทุกวัน เพื่อให้ฮอร์โมนคงที่)

ฟื้นร่าง ฟื้นใจ ด้วยการเปลี่ยนไลฟ์สไตล์ อย่าพึ่งพาแต่ยา ถ้าจะให้ผลดีระยะยาว ต้องเปลี่ยนพฤติกรรมควบคู่ไปด้วย เช่น ออกกำลังกายสม่ำเสมอ, นอนให้พอ, เลี่ยงบุหรี่และแอลกอฮอล์, ลดความเครียดด้วยกิจกรรมที่ชอบ

การดูแลฮอร์โมน คือการดูแลคุณภาพชีวิต เพราะเมื่อร่างกายและใจอยู่ในสมดุล ผู้ชายก็สามารถกลับมาใช้ชีวิตได้อย่างเต็มพลังอีกครั้ง จำไว้! อย่าคิดว่า “ฮอร์โมน” เป็นเรื่องไกลตัว

Photo: Pexels


สง่างามสไตล์วิกตอเรียน มงกุฎ Miss World Thailand 2025 “โอปอล สุชาตา”

Alternative Textaccount_circle

เผยดีเทลมงกุฎสไตล์วิกตอเรียน “The Dream Princess’s Crown” ของ โอปอล สุชาตา Miss World Thailand 2025

กลายเป็นกระแสในวงการนางงามอีกครั้ง เมื่อ “มร.ไบรอัน แอล มาร์การ์” กรรมการผู้จัดการ บริษัท เทโร เอ็นเทอร์เทนเม้นท์ฯ และ “ปุ้ย-ปิยาภรณ์ แสนโกศิก” ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ทีพีเอ็น โกลบอล จำกัด ได้มอบมงกุฎและสายสะพายให้ “โอปอล-สุชาตา ช่วงศรี” เพื่อยืนยันความเป็นตัวแทนของประเทศไทยในการเข้าร่วมประกวด Miss World 2025 ครั้งที่ 72 อย่างเป็นทางการ โดยหนึ่งสิ่งที่ได้รับการพูดถึงไม่น้อยคือ มงกุฎอัญมณีสีฟ้า ที่ผู้คนเอ่ยชมเป็นเสียงเดียวกันว่า เป็นมงกุฎที่สง่างามมาก และเหมาะสมกับโอปอลมากๆ

โดยมงกุฎดังกล่าวได้ดีไซเนอร์อย่าง คุณชวลิต ชมเมือง มาเป็นผู้ออกแบบ และผ่านการรังสรรค์จาก God diamonds กลายเป็นมงกุฎที่มีชื่อว่า “The Dream Princess’s Crown” ซึ่งแบรนด์ได้เผยว่า “มงกุฎแห่งโลกจินตนาการและความฝัน ถ่ายทอดความปรารถนาอันบริสุทธิ์ของหญิงสาวผู้ใฝ่ฝันจะเป็นเจ้าหญิงที่งดงาม เปี่ยมเสน่ห์ ฉลาดหลักแหลม อ่อนโยนแต่แฝงไว้ด้วยพลังภายในที่แข็งแกร่ง มีเมตตาและหัวใจเพื่อส่วนรวม คุณลักษณะทุกอย่างประสานกลมเกลียวดุจเถาวัลย์ที่เลื้อยพันอย่างอ่อนช้อยบนเรือนมงกุฎ สะท้อนความงามทั้งจากภายนอกและภายใน

โดยตัวเรือนออกแบบในสไตล์วิกตอเรียนของราชวงศ์ชั้นสูง ประดับพลอยสีฟ้าราวกับสะท้อนสีของโลกที่เปล่งประกายอยู่กลางห้วงอวกาศ ความฝันที่เคยอยู่แสนไกล บัดนี้เป็นจริงในชั่วข้ามคืน เมื่อสาวน้อยผู้มีหัวใจเจิดจรัสได้สวมบทบาทเจ้าหญิงยามรุ่งอรุณ และอีกหนึ่งความฝันอันใกล้นี้ เธอจะก้าวสู่บทบาทราชินีอย่างสง่างาม ดุจดาวฤกษ์ที่กำลังเฉิดฉายบนฟากฟ้า”

สำหรับกำหนดการ โอปอลจะออกเดินทางสู่เมืองไฮเดอราบัด รัฐเตลังคานา ประเทศอินเดีย ระหว่างวันที่ 7-31 พฤษภาคม และรอบตัดสินจะจัดขึ้นในคืนวันเสาร์ที่ 31 พฤษภาคม ซึ่งในระหว่างเก็บตัวจะมีการเก็บคะแนนในรอบต่างๆ หรือ FAST TRACK อย่างการนำเสนอโครงการด้านการกุศล Beauty With A Purpose รวมไปถึงความสามารถด้านการพูดในที่สาธารณะ Head to Head Challenge ความสามารถด้านกีฬา (Top Fitness & Sport) ยังมีทักษะการเดินแบบ (Top Model) ความสามารถพิเศษ (Top-Talent ) และการใช้สื่อยอดเยี่ยม (Miss World-Multimedia Award) รวมไปถึงการแสดงศิลปะการเต้น (Miss World Dance Of The World) มาร่วมส่งกำลังใจให้เส้นทางนี้ของโอปอลไปด้วยกัน


ข้อมูล: Instagram @goddiamonds

รูปภาพ: Instagram @goddiamonds และ @tpn.global

แจ็คสัน หวัง

แจ็คสัน หวัง (Jackson Wang) กับเบื้องหลังจากทำงานที่หลายคนไม่รู้

Alternative Textaccount_circle
แจ็คสัน หวัง
แจ็คสัน หวัง

แฟนคลับทั่วโลกสิ้นสุดการรอคอย! แจ็คสัน หวัง ไอคอนระดับโลกคัมแบคในรอบ 2 ปี กับผลงานอัลบั้มใหม่  “MAGIC MAN 2” สำหรับอัลบั้มนี้ถือได้ว่าเป็นการบอกเล่าตัวตนของศิลปินหนุ่ม ซึ่งเบื้องหลังนั้นมีความจริงที่มืดมนแฝงอยู่ การใช้โลกแห่งภาพลวงตานี้เป็นอุปมาเพื่อสื่อถึงข้อเท็จจริงที่สำคัญเกี่ยวกับวงการและความจริงของมนุษย์ โดยมุมมองของ MAGIC MAN คือ “ความแตกต่างระหว่างสิ่งที่การแสดงหมายถึงสำหรับสาธารณะ และสิ่งที่การแสดงหมายถึงสำหรับการจัดการ”

ก่อนอื่นอยากให้ทักทายแฟนๆ ชาวไทย ที่รอการกลับมาของ “แจ็คสัน หวัง”?

“สวัสดีแฟนๆ ชาวไทยนะครับ (ยกมือไหว้) พี่แจ็คนะครับ ผมแจ็คสัน หวัง ครับ”

ล่าสุดเพิ่งปล่อยอัลบั้ม “Magic Man 2” อยากให้เล่าถึงการทำงานในอัลบั้มนี้ให้ฟังหน่อย?

“ก่อนอื่นเลย หลายคนอาจจะไม่รู้ว่า Magic Man คืออะไร ทุกคนไม่เข้าใจว่าเมคอัพใน Magic Man คือยังไง ถ้าต้องใช้ 2 ประโยคในการอธิบาย Magic Man คือความเป็นภายในของ ‘แจ็คสัน หวัง’ เป็นคาแรกเตอร์ที่จะพรีเซนต์ความเป็นภายในของแจ็คสัน หวัง ออกมา และทำไมเมคอัพดูดำๆ ผมเดบิวต์ตั้งแต่อายุยังน้อยแล้วก็ได้ผ่านประสบการณ์มามากมายเป็นเวลากว่า 10 ปี และผมอยู่ในจุดที่ดำดิ่งที่สุดของชีวิต ช่วงเวลา 3-4 ปี ผมรู้สึกว่าไม่เห็นอะไรเลยนอกจากความดำมืด และด้วยความที่ผมเป็นนักดนตรี เป็นคนทำเพลง ผมเลยอยากให้เพลงเล่าเรื่องราวเล่านี้ให้คนได้รับรู้”

แจ็คสัน หวัง

อะไรเป็นแรงบันดาลใจที่ทำให้อยากจะถ่ายทอดความเป็นมนุษย์ผ่านเพลง?

“จริงๆ ไม่ได้มีแรงบันดาลใจอะไรเป็นพิเศษ ผมหยุดทำงานไปเลย 1 ปี เพื่อพักผ่อนแล้วก็ใช้สิ่งเหล่านี้มาเล่าเรื่องราว ประสบการณ์ช่วงเวลา 10 ปี ในการเป็นไอดอล ทำงานแบบวันชนวันมาโดยตลอด ทำให้ผมไม่มีเวลาที่จะมานั่งคิดเลยว่าจะมีอะไรเป็นแรงบันดาลใจในการทำอัลบั้มต่างๆ พอในช่วงเวลาว่าง 1 ปี ผมได้มานั่งคิดว่ายังไม่เคยทำเพลงเพื่อตัวเองเลยก็เลยใช้ช่วงนี้ในการมาเล่าเรื่องราวผ่านเพลงของตัวเอง ผมเลยใช้ช่วงเวลาเหล่านั้นมานั่งเขียนไดอารี่ พูดถึงความจริงและเรื่องราวต่างๆ ที่เจอและเอาไดอารี่เล่านี้มาเรียบเรียงผ่านบทเพลง ซึ่งมันไม่ใช่แรงบันดาลใจ แต่มันเป็นเรื่องที่ผมได้เจอนำมาร้อยเรียงเป็นเพลง”

เพลง GBAD ได้กระแสตอบรับที่ดีจากแฟนๆ ทั่วโลก รวมไปถึงมีเหล่าศิลปิน, อินฟูลฯ และแฟนเพลง ได้ทำชาเลนจ์เพลง GBAD ลงโซเชียลด้วย รู้สึกอย่างไรบ้าง?

“ผมอยากขอบคุณทุกคนที่สนับสนุนผลงานของผม และก็ยังได้ใช้แพลตฟอร์มของตัวเองเป็นตัวช่วยในการสนับสนุนผลงานของผมและอยากให้ทุกคนได้รับรู้เรื่องราวของผมผ่านข้อความที่ผมสื่อผ่านเพลง”

ถ้าจะใช้ประโยคจาก GBAD มาเขียนบนเสื้อยืด คุณจะเลือกประโยคไหน? ทำไมถึงเลือกคำนั้น?

“ด้านหน้าเขียนว่า “Life is great.” ส่วนด้านหลังก็เป็นคำว่า “Just gotta be a dick sometimes.” เพราะว่าจริงๆ แล้วชีวิตมันดีนะ โลกนี้มันสวยงาม โลกนี้มันช่างมหัศจรรย์ แต่ว่าในบางครั้งพอเราดีเกินไปก็ทำให้หลายๆ คนรู้สึกอยากจะล้ำเส้นเรามากเกินไป ก็ฉะนั้นบางครั้งเราก็ต้องเป็นปีศาจร้ายบ้าง เพื่อที่จะปกป้องตัวเราเองจากโลกใบนี้”

แจ็คสัน หวัง

คุณประสบความสำเร็จในทำงานหลากหลายด้าน อะไรคือแรงขับเคลื่อนในการทำงานของคุณ?

“สำหรับตัวผมแล้วมันไม่จำเป็นที่จะรู้สึกว่าจะต้องลุกมาทำงานในแต่ละวันเลย เพราะการทำงานในแต่ละวันเป็นสิ่งที่ผมรักอยู่แล้ว ฉะนั้นการทำงานในสิ่งที่ผมรักไม่ได้ทำให้ผมรู้สึกว่าเป็นมิชชั่นอะไรที่ต้องทำในแต่ละวัน แต่มันเป็นการความสนุกในสิ่งที่ทำมากกว่า”

รีวิว“แจ็คสัน หวัง” ในวัย 31 ปี ให้ฟังหน่อย?

“OMG! แจ็คสัน ในวัย 31 เป็นแจ็คสันที่รู้สึกว่ามีความมั่นใจว่าอะไรคือสิ่งที่ใช่ในชีวิต รู้สึกว่าต้องเดินไปทางไหนมากกว่า เพราะว่าแจ็คสันในวัยที่อายุ 20 กว่าๆ เป็นแจ็คสันที่พร้อมจะพุ่งชนกับทุกอย่าง ทำทุกสิ่งทุกอย่างไปเรื่อยๆ ทำแบบไม่มีที่สิ้นสุด แต่ไม่มีจุดมุ่งหมายที่ชัดเจนว่าควรจะไปทางไหนหรือควรทำอะไรดี แต่พอในวัยที่ 30 ขึ้นมาแล้ว ผมเริ่มรู้สึกว่าอะไรคือสิ่งที่ควรจะตัดทิ้ง อะไรคือสิ่งที่ควรไปต่อ อะไรคือสิ่งที่ควรจะเดินไป แล้วอีกสิ่งหนึ่งที่รู้สึกได้หลังจากอายุ 30 ก็คือรู้สึกว่าการฟื้นฟูของตัวเองมันน้อยลง ปกติผมจะสามารถร้องเพลงและเต้นได้อย่างไม่เหนื่อย แต่พออายุเกิน 30 แล้ว เต้น ร้องเพลงนิดหน่อยก็จะรู้สึกเหนื่อย ทำให้แตกต่างจากตอนที่เป็นหนุ่มๆ”

แต่ก็ยังหล่อเหมือนเดิม?

“นั่นเป็นเพราะผมทำทรีตเมนต์ ยกกระชับหน้าด้วย ผมทำมาเยอะ ไม่ง่ายนะ (หัวเราะ) จริงๆ (พูดภาษาไทย) แต่มันก็แตกต่างจากตอนอายุ 20 นะ เมื่อก่อนผมสามารถที่จะดื่ม แล้วนอน 2 ชั่วโมงก็ลุกขึ้นไปทำงานได้เลย แต่ตอนนี้ไม่ได้ครับ”

คุณได้ฉายาว่าเป็น “เขยไทย” รู้ความหมายของคำนี้ใช่ไหม?

“ใช่ครับ ผมได้ยินคำนี้มาจากรายการโหนกระแส แต่ผมว่ามันไม่จริง มันเป็นมุข (หัวเราะ) ผมเข้าใจความหมาย แต่ผมอยากรู้ใครเป็นคนคิดมุขนี้ (ยิ้ม)”

มาเมืองไทยครั้งนี้ได้เรียนภาษาไทยเพิ่มไหม?

“ผมไปเรียนภาษาไทยมา แต่เป็นคำที่ไม่สามารถพูดหน้ากล้องได้ เพราะเป็นคำที่เอาไว้ใช้พูดในเวลาที่รู้สึกโกรธ เลยพูดตอนนี้ไม่ได้”

วันนี้สื่อมวลชนมีคำภาษาไทยมาให้ “แจ็คสัน” ได้ลองฝึกพูดด้วย?

“ทำเป็นเล่นนะครับ” และ “คิ้วส่งหน้า หน้าส่งชุด ชุดส่งคน คนส่งยิ้ม”

ฝากผลงานกับแฟนๆ ชาวไทยหน่อย?

“ผมไม่ได้อยากที่จะโปรโมตอัลบั้มใหม่ตอนนี้ แต่ผมมีข้อความที่อยากจะฝากถึงแฟนๆ ว่า จริงๆ แล้วโลกใบนี้มันโกลาหลวุ่นวายมาก ชีวิตเราก็ต้องผ่านเรื่องราวต่างๆ มากมาย แต่บางครั้งมันอาจจะทำให้เราลืมไปว่าเราต้องรักตัวเองด้วย ฉะนั้นบางครั้งที่เรายอมเป็นคนไม่ดีหรือเห็นแก่ตัวบ้าง มันไม่ใช่เรื่องที่ผิดอะไร เพราะผมอยากให้ทุกคนรักตัวเองมากขึ้น ผมในฐานะที่เป็นคนมอบความสุขให้กับทุกๆ คน ผมก็อยากทำหน้าที่ตรงนี้ ทำหน้าที่มอบความสุขและรอยยิ้มให้กับทุกคน เวลาที่ทุกคนทำหน้าที่ของตัวเองเสร็จกลับมาแล้วมองมาที่ผม จะได้รู้สึกมีความสุขมากยิ่งขึ้น และทุกคนอย่าลืมที่จะรักตัวเองมากๆ ด้วยนะครับ”

สินนท์ ว่องกุศลกิจ… ผู้นำทัพเจนใหม่กับภารกิจสุดท้าทาย ของ บริษัท บ้านปู จำกัด (มหาชน)

Alternative Textaccount_circle

ในวัย 35  ปี คุณสินนท์ ว่องกุศลกิจ รับตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บ้านปู จำกัด (มหาชน) หน้าที่นี้พ่วงด้วยความกดดันมหาศาลเมื่อต้องกุมบังเหียนธุรกิจพลังงานแสนล้าน โดยเฉพาะในยุคที่โลกเปลี่ยนแปลงเร็ว การแข่งขันดุเดือด การจะผ่านไปให้ได้อย่างโดดเด่น มั่นคงคือภารกิจที่ท้าทายยิ่ง

เส้นทางก่อนรับตำแหน่งซีอีโอ เป็นอย่างไรคะ

“ผมทำงานที่บ้านปูมาโดยตลอด ช่วงแรกๆ อยู่ทีม Corporate Finance เรื่องการหาเงินทุน โปรเจ็คต์ใหญ่ จึงมีโอกาสสร้างผลงานให้ตัวเอง อย่าง การนำ “บ้านปู เพาเวอร์” เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ซึ่งทำเกี่ยวกับการผลิตและจำหน่ายไฟฟ้าที่ยั่งยืน ทั้งจากพลังงานความร้อนและพลังงานหมุนเวียน ก่อนจะย้ายไปดูเรื่องการเปลี่ยนผ่านบริษัทไปสู่พลังงานสะอาด ต้องเล่าว่า ในยุคเริ่มแรก บ้านปูสร้างตัวจากพลังงานดั้งเดิม เช่น ถ่านหิน เหมือง แต่ขณะนี้ เราหันมาจับพลังงานสะอาดที่ตอบโจทย์โลกอนาคตและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมากขึ้น ผมจึงร่วมปรับโครงสร้างธุรกิจในกลุ่มบ้านปูจนเกิด’บ้านปู เน็กซ์’ ที่เน้นการลงทุนพลังงานสะอาด ทำ อยู่ 4 ปี ก็ได้รับโอกาสให้ขึ้นเป็น ซีอีโอของ ‘บ้านปู เน็กซ์’ ก่อนจะได้รับเลือกจากคณะกรรมการ ให้ขึ้นเป็นซีอีโอบ้านปู จำกัด (มหาชน) เมื่อเมษายนปีที่แล้วครับ”

ถ้าให้รีวิวชีวิตซีอีโอ ตลอดหนึ่งปีที่ผ่านมาเป็นยังไงคะ

“ต้องบอกว่า น่าตื่นเต้น (ยิ้ม) ผมเห็นการเปลี่ยนแปลงของบ้านปูมาตลอด จึงรู้สึกตื่นเต้นที่เราจะเปลี่ยนบริษัทไปอีกขั้น วางแผนใหม่ๆ ให้บ้านปูเติบโต ซึ่งผมมองว่า ดีเอ็นเอของเรา คือการเป็นผู้บุกเบิก

“ย้อนกลับไปสมัยเด็ก ผมเห็นคุณพ่อ (คุณชนินท์ ว่องกุศลกิจ) ไปบุกเบิกเปิดธุรกิจทำเหมืองที่อินโดนีเซีย ซึ่งเป็นเหมือนดีเอ็นเอที่ส่งต่อมาถึงผมด้วย ตอนนี้จึงเป็นช่วงเวลาสำคัญ ที่บ้านปูต้องบุกเบิกสิ่งใหม่ๆ อีกครั้ง แผนทุกอย่างที่วางไว้ เป็นแบบระยะยาวและมองไปข้างหน้า เราเปลี่ยนผ่านตัวเองไปจับพลังงานสะอาดมากขึ้น แต่ในขณะเดียวกันก็ต้องบาลานซ์พลังงานดั้งเดิมที่เป็นพื้นฐานธุรกิจของเราไว้ด้วยเช่นกัน

“ทุกวันนี้โลกเปลี่ยนไปเร็วมาก ก็เป็นความท้าทายว่าจะทำยังไงให้เรามีความรู้ให้มาก ให้กว้างที่สุดเท่าที่จะทำได้ ซึ่งการเป็นซีอีโอไม่ต้องรู้ลึกเท่ากับทีม แต่ต้องรู้ให้กว้างเพื่อที่จะตัดสินใจได้ถูกต้อง เพราะทุกอย่างเริ่มต้นจากซีอีโอ”

การที่ไม่ต้องรู้ลึก แต่รู้ให้กว้าง ทำอย่างไรคะ

“สำหรับผม คือต้องอ่านและฟังให้เยอะจากผู้เชี่ยวชาญในด้านนั้นครับ ยิ่งยุคนี้มีเทคโนโลยีพลังงานใหม่ๆ ออกมามาก เช่น พลังงานไฮโดรเจน พลังงานนิวเคลียร์ และเทคโนโลยีเอไอ ก็ต้องดูว่าสิ่งเหล่านี้จะช่วยธุรกิจบ้านปูได้อย่างไร การออกไปคุยกับคนที่ถนัดในสายงานนั้นจริงๆ จะทำให้รู้ว่า เมื่อไรพลังงานเหล่านี้จะกลายเป็นโปรดักส์ที่ขายได้

“ต่อมา ต้องมีที่ปรึกษาที่ดี ผมมีประมาณ 2-3 ท่าน ได้แก่คุณพ่อ คุณสมฤดี ชัยมงคล อดีตซีอีโอบ้านปู รวมถึงพี่ๆ และโค้ชจากข้างนอก ผมคิดว่าเวลาจะปรึกษาใคร ต้องดูว่าแต่ละคนถนัดเรื่องไหน รวมถึงต้องคุยกับซีอีโอที่อายุเท่ากันด้วย ซึ่งทำให้ได้ไอเดียดีๆ มาหลายครั้ง

“อย่างคุณพ่อ ท่านบอกเสมอว่า อย่าทำอะไรยาก เพราะบริษัทเราทำหลายอย่าง ซึ่งล้วนต้องดูแลโฟกัส เวลาคุณพ่อให้คำปรึกษา ท่านจะไม่พูดเยอะ แต่จะฟังและให้คอมเมนต์กลับไปคิดต่อ ไม่เคยมีคำตอบตายตัว เพราะท่านสอนมาตลอดว่า ให้คิดและตัดสินใจด้วยตัวเอง

“สาม ต้องมีทีมที่เชี่ยวชาญ เราสร้าง Intelligence team อยู่ภายใต้ทีมกลยุทธ์ ทำหน้าที่หาธุรกิจใหม่ๆ และดูว่าแนวโน้มธุรกิจในอนาคต ทั้งธุรกิจพลังงานดั้งเดิมและธุรกิจใหม่  และอีกทีมที่สำคัญคือ PMO (Project Management Office)ที่มองภาพรวมของธุรกิจทั้งหมด ในฐานะซีอีโอ ผมต้องรู้เรื่องที่เกิดขึ้นในบริษัททุกเรื่องเพื่อให้ตัดสินใจได้ถูกต้อง ก็ต้องอาศัยพูดคุยกับหัวหน้าทีม

“ยิ่งตอนนี้บ้านปูมีฐานธุรกิจอยู่ใน 9 ประเทศ ได้แก่ ไทย อินโดนีเซีย จีน ออสเตรเลีย ลาว มองโกเลีย ญี่ปุ่น สหรัฐอเมริกา และเวียดนาม ก็ต้องรู้ทุกเรื่องของแต่ละประเทศ หัวหน้าทีมจึงสำคัญมาก เขาต้องเก่งและรอบรู้มากพอจึงจะดำเนินธุรกิจได้”

การดูแลบริษัทลูกในต่างประเทศ มีความยากอย่างไรคะ

“เราต้องรู้ก่อนว่า แต่ละประเทศเด่นในพลังงานอะไร แล้วค่อยหาซีอีโอที่เชี่ยวชาญในด้านนั้น อย่างอเมริกา เด่นด้านก๊าซธรรมชาติ และกักเก็บคาร์บอนซึ่งกำลังเป็นเทรนด์ในอนาคต ก็ต้องหาคนที่เก่งและมีประสบการณ์ในเรื่องเหล่านี้ ยิ่งอเมริกาอยู่ไกลจากบ้านเรามาก ยิ่งต้องเน้นว่าคนที่จะมาทำหน้าที่รันธุรกิจต้องเก่งสุดๆ และต้องเข้ากับทีมได้ดีด้วย

“ผมพูดเสมอว่า วัฒนธรรมองค์กรสำคัญกว่าคน คือต่อให้คนนั้นเก่งมาก แต่ถ้าถนัดทำงานคนเดียว ไม่สามารถเชื่อมทีม หรือไม่สามารถทำให้ลูกน้องในทีมมีศักยภาพที่เก่งขึ้นได้ ความเก่งก็ไม่มีประโยชน์                  “โดยเรามีมายด์เซ็ต 3 ข้อ ที่หล่อหลอมทีมเสมอมา ตั้งแต่ยุคคุณชนินท์คือ  หนึ่ง Innovation ต้องพัฒนาสิ่งใหม่อยู่เสมอ สอง Commitment มุ่งสู่ความสำเร็จ และสามคือ Passion ในการทำงาน

“ทุกปีเราจะมีนัดพบกันทุกเดือนตุลาคม เพื่อให้ทุกทีมจากทุกประเทศได้รู้จักกัน เพราะการอยู่เป็นครอบครัว คือหัวใจของบ้านปู”

ในยุคที่มีพลังงานใหม่ๆ เกิดขึ้นมากมาย พลังงานประเภทใดที่ทำให้รู้สึกว้าว

“ผมคิดว่าพลังงานว้าวด้วยตัวเอง ยิ่งขณะนี้ที่กำลังโตแบบก้าวกระโดด ทั้งพลังงานดั้งเดิมและพลังงานใหม่ เราจึงมีแผนงานที่ชื่อว่า Energy Symphonics  เน้นการเปลี่ยนผ่านไปสู่พลังงานที่ยั่งยืน โดยเราตั้งเป้า Net Zero ภายในปี 2050 และตั้งเป้าว่าลดการปล่อยคาร์บอนไม่น้อยกว่า 20 เปอร์เซ็นต์ ในปี 2030

“สอง เรามองว่า ธุรกิจก๊าซธรรมชาติคืออนาคตของบ้านปูและโลก เพราะก๊าซเป็นพลังงานดั้งเดิมที่มีความเสถียร มีปริมาณเพียงพอทั่วโลก อยู่ในราคาที่ดี เมื่อเทียบกับพลังงานชนิดอื่น ก๊าซค่อนข้างเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม สาม พลังงานสะอาดคือสิ่งสำคัญ ถ้าไม่มี โลกก็ไม่สามารถลดคาร์บอนฯ แต่ประเด็นของพลังงานสะอาดคือความไม่เสถียร เช่น โซลาร์เซลล์สามารถใช้ได้เพียง 4-5 ชั่วโมงต่อวันเท่านั้น ก็ต้องคิดหาวิธีว่าจะทำอย่างไรให้ใช้ได้ 24 ชั่วโมง เราจึงมุ่งไปที่ธุรกิจแบตเตอรี่ ตอนนี้บ้านปูจึงมีฟาร์มแบตเตอรี่ขนาดใหญ่  ซึ่งเป็นพลังงานที่สามารถชาร์จไฟต่อจากโซลาร์เซลล์ได้ เราก็จะได้พลังงานสะอาดมากขึ้น และราคาก็สามารถเข้าถึงได้ไม่แพ้ก๊าซและถ่านหิน 

“ต่อมาคือ เหมือง ซึ่งเป็นเรื่องที่เราเชี่ยวชาญที่สุดและสร้างกำไรให้บริษัทมานาน ทุกวันนี้เราพยายามปรับปรุงธุรกิจไปสู่เหมืองแร่ยุคใหม่ ด้วยการใช้ AI เข้ามาช่วยเพิ่มประสิทธิภาพและลดต้นทุน เอไอก็เป็นเรื่องที่เราให้ความสำคัญ ทุกวันนี้เรามีทีมที่เชี่ยวชาญด้านเอไอประมาณ 20 คน เพราะถ้าไม่มีเอไอ เราจะไม่มีทางสู้กับบริษัทอื่นได้เลย อย่างผมก็คุยกับ Chat GPT ทุกวันเลย ให้ช่วยวิเคราะห์แนวโน้มธุรกิจ ซึ่งก็เสนอไอเดียใหม่ๆ ได้ดีนะ แต่แน่นอนว่า ไม่รู้ข้อมูลเสถียรขนาดไหน เราต้องมีที่ปรึกษาเก่งๆ เสริมเป็นหลักด้วย

“สุดท้ายทุกสิ่งที่ทำนำไปสู่ Decarbonization หรือ ลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ซึ่งเป็นเป้าหมายหลักของเรา ใครที่ไม่อยู่ในสายธุรกิจนี้ อาจไม่รู้ว่าพลังงานสำคัญขนาดไหน ความจริง มันอยู่รอบตัวเราตั้งแต่ตื่นนอนจนหลับและไม่สามารถขาดมันได้ ขณะที่การลดคาร์บอนก็เป็นวาระใหญ่ของโลก เราจะบาลานซ์ความเขียวและความต้องการอย่างไร นั่นคือโจทย์ที่ท้าทายบ้านปู”

ถ้าอย่างนั้น บ้านปูมีวิธีจัดการพลังงานดั้งเดิม เช่น เหมืองถ่านหินอย่างไรคะ

“เราใส่ใจประเด็นนี้มาก ที่จริงธุรกิจขุดถ่านหินสำคัญนะ แม้คนจะมองว่าไม่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม แต่ต้องยอมรับอย่างหนึ่งว่า ธุรกิจสายนี้ช่วยให้แต่ละประเทศใช้ไฟฟ้าได้ในราคาถูก แน่นอนว่าคาร์บอนคือสิ่งที่เกิดขึ้นตามมา ซึ่งเป็นสิ่งที่เราต้องแก้ว่า จะจัดเก็บคาร์บอนได้อย่างไร อย่างปีที่แล้วบ้านปูได้ปรับเปลี่ยนวิธีการทำงานหลายอย่าง เช่น ใช้รถอีวีสำหรับขนส่งถ่านหินเพื่อช่วยลดคาร์บอนและค่าใช้จ่าย รวมถึงติดโซลาร์เซลล์ในฟาร์มเพื่อลดการใช้น้ำมันดีเซล เป็นแผนที่เราจะทำที่เหมืองในอินโดนีเซียและออสเตรเลียด้วย นอกจากนี้เราจะลงทุนเรื่องการปลูกป่า อย่างเหมืองที่อินโดฯ หลังจากขุดและกลบดินเสร็จแล้ว พอทิ้งช่วงไปสักพัก ดินจะกลับมาเป็นสภาพเดิม เราจะใช้พื้นที่ตรงนั้นปลูกป่าและได้คาร์บอนเครดิตกลับคืนมา”

ในวัย 35  ปี คุณสินนท์ ว่องกุศลกิจ รับตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บ้านปู จำกัด (มหาชน) หน้าที่นี้พ่วงด้วยความกดดันมหาศาลเมื่อต้องกุมบังเหียนธุรกิจพลังงานแสนล้าน โดยเฉพาะในยุคที่โลกเปลี่ยนแปลงเร็ว การแข่งขันดุเดือด

มีประสบการณ์สนุกๆ ในฐานะซีอีโอมั้ยคะ

“ผมคิดว่าการไปทำงานที่อินโดนีเซียสนุกที่สุด เพราะเหมืองที่นั่นใหญ่สุดลูกหูลูกตา ยังจำความรู้สึกที่ไปครั้งแรกได้ไม่ลืม ตอนนั้นเรียนอยู่ปีสอง ผมมีโอกาสมาฝึกงานที่บ้านปูในฝั่ง Corporate Finance จึงได้ไปเหมืองที่อินโดนีเซียด้วย นั่นคือวันที่เปิดโลก เพราะไม่เคยรู้ว่าครอบครัวเราทำธุรกิจสเกลใหญ่ขนาดนี้

“กระทั่งครั้งล่าสุดที่ผมไปอินโดฯ ก็สนุก พวกเรานอนในบ้านที่แยกเป็นหลังๆ ในป่า ผมตื่นกลางดึกเพราะได้ยินเสียงก๊อกๆ แก๊กๆ ปรากฏว่าเจอลิง 3-4 ตัว นั่งกินกล้วยอยู่ในบ้าน ตกใจมากเพราะลิงเปิดประตูเข้ามาเองได้ แถมยังอึใส่เต็มบ้าน ก็ตื่นเต้นดีครับ เปิดประสบการณ์ซีอีโอโดนลิงบุก (หัวเราะ)

“แถมยังได้อารมณ์แอดเวนเจอร์ เพราะการเดินทางเข้าเหมืองใช้เวลายาวนานมาก ถ้านั่งรถใช้เวลาราว 10 ชั่วโมง ส่วนถ้านั่งเครื่องบินก็ต้องบินหลายต่อ และต้องนั่งเฮลิคอปเตอร์ด้วย ซึ่งผู้บริหารระดับสูงนั่งเครื่องเดียวกันไม่ได้ ต้องแยกกันหลายเครื่องเพื่อกระจายความเสี่ยง (ยิ้ม) เรื่องราวเหล่านี้สะท้อนให้เห็นการฝ่าฟันของบ้านปู ผมนับถือพี่ๆ ยุคบุกเบิกมาก สมัยนั้นไม่มีอะไรเลยต้องนั่งรถแทรคเตอร์เข้าไปและทำทุกอย่างขึ้นมาเอง ซึ่งใช้เวลานานมากกว่าจะขุดเจอเหมืองสักแห่ง สำหรับผมนักขุดเหมืองเป็นอาชีพที่สุดยอดมาก ผมเคารพพี่ๆ เหล่านี้เพราะเขาทำให้เรามาถึงจุดนี้ได้”

คุณสินนท์เป็นซีอีโอตั้งแต่อายุน้อย กดดันไหมคะ

“ซีอีโอทุกคนต้องเจอความกดดัน ยิ่งในโลกที่มีการเปลี่ยนแปลงรวดเร็วขนาดนี้ ย่อมกังวลว่าจะทรานส์ฟอร์มธุรกิจสำเร็จไหม แต่ทุกอย่างเกิดจากความต้องการของตัวผมเอง ครอบครัวไม่เคยกดดันให้มารับตำแหน่งนี้ ผมมีแผนที่วางไว้ตั้งแต่ปีที่แล้ว

“เส้นทางของผมจึงชัด พร้อมลุย (ยิ้ม)”

ติดตามอ่านบทสัมภาษณ์ฉบับเต็มได้ในคอลัมน์ Biz guy นิตยสารแพรว ฉบับเดือนเมษายน 2568


เรื่อง: Fai

ภาพ: วรสันต์

เปิดพิกัด GUMP’S Cross คอมมูนิตี้สเปซแห่งใหม่ย่านเจริญนคร

account_circle

แพรว พาเปิดพิกัด GUMP’S Cross คอมมูนิตี้สเปซแห่งใหม่ที่ขยับความสำเร็จจาก GUMP’S Ari  สู่โลเคชั่นฝั่งเจริญนคร ซึ่งเปิดตัวแล้วในงาน “COME aCROSS” ที่ไม่ได้สร้างความตื่นตาตื่นใจด้วยความอลังการ แต่ด้วยความชัดเจนในตัวตนและวิธีการใช้พื้นที่ร่วมกันของผู้คน ภายใต้แนวคิด Crossing Lifestyle Space GUMP’S Cross ถูกออกแบบมาเพื่อเป็น “พื้นที่กลาง” ที่เปิดโอกาสให้ผู้คนข้ามมาเชื่อมต่อกันอย่างเป็นธรรมชาติ ไม่ว่าจะมาใช้ชีวิต ทำงาน เดินเล่น หรือปล่อยใจว่างเปล่าก็เกิดขึ้นได้โดยไม่มีกรอบจำกัด เพราะพื้นที่นี้ไม่ได้ถูกออกแบบมาให้เป็นจุดเช็กอินเท่านั้น แต่เป็นจุดหมายสำหรับคนที่มองหาการใช้ชีวิตที่ไม่ต้องซ้ำแบบใคร

GUMP’S Cross เกิดขึ้นจากความร่วมมือระหว่าง Gump’s Group โดย คุณธิวาภรณ์ พัฒนะรวีโรจน์ (คุณเอ๋) ผู้ก่อตั้ง GUMP’S กับ บริษัท นวชีวิน จำกัด ซึ่งมีบทบาทสำคัญในการพัฒนาและขยายโครงการมายังฝั่งเจริญนคร ภายใต้การขับเคลื่อนของ คุณสรวงสุรีย์ ฉายาวรกุล (คุณเล็ก) ที่มีบทบาทร่วมในการร่วมก่อตั้งโครงการ และคัดเลือกพันธมิตรทางธุรกิจที่มีวิธีคิดสอดคล้องกับทิศทางของพื้นที่

สำหรับกิจกรรมไฮไลต์ในงาน COME aCROSS ได้แก่

1. Give Me Museums | Pop-Up Decoration

การปรากฏตัวของ Give Me Museums ในรูปแบบป็อปอัพอินสตอลเลชัน ที่พาเราเข้าไปอยู่ในโลกของ “น้องดื้อ” ตัวละครเอกของแบรนด์ ที่เต็มไปด้วยความละเอียดอ่อน ซื่อตรง และน่ารักแบบไม่ประดิษฐ์ พื้นที่นี้กลายเป็นเหมือนการได้เดินผ่านมุมมองของใครบางคน และเห็นความเป็นไปได้เล็กๆ ระหว่างทาง

2. Visual Light Expression | Showcase

อินสตอลเลชันแสงแบบ Projection Mapping ที่ฉายภาพลงบนพื้นที่จริงของ GUMP’S Cross สร้างประสบการณ์การมองเห็นที่เปลี่ยนแปลงตามจังหวะเวลา ภาพเคลื่อนไหว ไล่โทน และองค์ประกอบของแสงกลายเป็นภาษาภาพ ที่บอกเล่าตัวตนของพื้นที่หลังพระอาทิตย์ตกดิน

3. Fellow Fellow | Live Session

เซสชันดนตรีสดที่เรียบง่าย แต่เต็มไปด้วยอารมณ์ วง Fellow Fellow จะพาคุณเดินทางไปกับเสียงเพลงท่ามกลางบรรยากาศเปิดโล่งของคอร์ทยาร์ดใน GUMP’S Cross

4. Canvas & Co. | Pop-Up Gallery ชั้น 3

นิทรรศการขนาดย่อมจาก 3 กลุ่มศิลปินและนักสร้างสรรค์รุ่นใหม่ ที่จะมาเนรมิตชั้น 3 จัดแสดงในรูปแบบเรียบง่าย ไม่จัดฉาก ไม่ตีกรอบ เปิดพื้นที่ให้ผู้ชมได้ใช้เวลากับงานศิลปะอย่างเป็นธรรมชาติ

5. COME aCROSS | Mini Market

ร้านค้าท้องถิ่น ดีไซน์น่าสนใจ และมีบุคลิกเฉพาะตัว ไม่เน้นจำนวน แต่เน้นความเข้ากันของผู้คนและแบรนด์ในพื้นที่เดียวกัน

6. Exclusive Workshop

กิจกรรมเวิร์กช็อปที่ออกแบบมาเพื่อให้แต่ละคนได้ใช้เวลาร่วมกับสิ่งที่สนใจ ผ่านการจับมือระหว่างแบรนด์ในโครงการและพันธมิตรที่มีวิธีคิดชัดเจน (เวิร์กช็อปทั้งหมดเปิดให้ลงทะเบียนล่วงหน้า และจัดในช่วงเวลาจำกัด)

7. ANALOG SKYFLOW

ดื่มด่ำบรรยากาศบนดาดฟ้าที่จะมีดีเจมาร่วมสร้างความเพลิดเพลิน พร้อมวิวสุดชิลให้ค่ำคืนนี้ที่เจริญนครพิเศษกว่าใคร

และพบกับร้านค้าชั้นนำที่เปิดให้บริการแล้ว อาทิ PACAMARA, KARUN, BUBB, VIOLA FLOWERS, CHUBBY BOY, JIAN CHA, FATBRO BAR, RAINFOREST CAFÉ, CONE CAFÉ, CALM SPA และ ANALOG SKYFLOW ซึ่งทุกแบรนด์ล้วนเล็งเห็นถึงคุณค่าของ “พื้นที่ที่มีตัวตน”


Aqua+ Series Skin Boosting Advanced Cream บำรุงลึกให้ผิวเฟียส เฉิดฉายทุกลุค

account_circle

เพราะผิวที่ดี ไม่ใช่แค่ดูดีในวันนี้ แต่ต้องแข็งแรงและเปล่งประกายจากภายในอย่างยาวนาน Aqua+ Series Skin Boosting Advanced Cream ครีมบำรุงผิวสูตรเข้มข้น ที่ออกแบบมาเพื่อตอบโจทย์ทุกความต้องการของผิว เติมเต็มความชุ่มชื้น ฟื้นฟูผิวที่อ่อนล้า เผยผิวแลดูกระจ่างใส พร้อมชะลอสัญญาณแห่งวัย ให้ผิวกลับมาสมดุล สดใส

สัมผัสเนื้อครีมเข้มข้นที่ซึมลึกแต่บางเบา ช่วยโอบอุ้มความชุ่มชื้นไว้ในผิวอย่างยาวนาน พร้อมฟื้นคืนเกราะป้องกันผิว (Skin Barrier) ให้กลับมาแข็งแรงอย่างสมบูรณ์แบบ ด้วยพลังของ Encapsulate Retinol และสารบำรุงระดับพรีเมียมที่คัดสรรมาเพื่อผิวโดยเฉพาะ

ไม่เพียงช่วยปลอบประโลม ลดการระคายเคืองและอักเสบ แต่ยังมอบผิวเนียนละเอียด แลดูกระจ่างใส คืนความชุ่มชื้นให้ผิวอิ่มฟู เสริมสร้างคอลลาเจนเพื่อผิวที่แน่นกระชับ เรียบเนียน ดูสุขภาพดีเหมือนผิวได้พักผ่อนเต็มอิ่มทุกคืน ทั้งยังอ่อนโยน ปราศจากแอลกอฮอล์และพาราเบน เหมาะสำหรับทุกสภาพผิว แม้ผิวแพ้ง่าย

BEAUTY TIP:
ปิดท้ายค่ำคืนด้วยครีมตัวนี้ เป็นขั้นตอนสุดท้ายของการบำรุงก่อนเข้านอน แล้วปล่อยให้ผิวทำหน้าที่บำรุงตัวเองอย่างเต็มที่ ตื่นเช้ามาพร้อมผิวอิ่มฟู เปล่งปลั่ง พร้อมรับวันใหม่อย่างมั่นใจ


(Guns N' Roses) #GNR

สะท้อนความคิด! ผ่านพลังคำพูด 3 สมาชิก (Guns N’ Roses) #GNR

Alternative Textaccount_circle
(Guns N' Roses) #GNR
(Guns N' Roses) #GNR

นอกจากจะเป็นร็อกสตาร์ตัวพ่อที่เล่นสดได้มันและเร้าใจสุดๆ ตลอดทั้งโชว์แล้ว 3 สมาชิกวง “กันส์ แอนด์ โรสเซส” (Guns N’ Roses) #GNR อย่าง สแลช (Slash) มือกีตาร์, แอ็กเซิล โรส (Axl Rose) นักร้องนำ และ ดัฟฟ์ แมคเคแกน (Duff McKagan) มือเบส ซึ่งกำลังจะกลับมาแสดงคอนเสิร์ตที่ประเทศไทยอีกครั้งใน Guns N’ Roses 2025 World Tour – Bangkok #GNRBKK2025 จัดโดย เอเอ็มเอ มีเดีย (AMA Media) ร่วมกับ โฟร์ วัน วัน เอ็นเตอร์เทนเม้นท์ (Four One One Entertainment หรือ 411ent) ของ กึ้ง-เฉลิมชัย มหากิจศิริ วันอังคารที่ 13 พฤษภาคม 2568 นี้ เวลา 20:00 น. ณ ธันเดอร์โดม สเตเดียม ยังเคยฝากคำพูดที่ทำให้แฟนๆ ได้สัมผัสกับตัวตนที่แท้จริงของเมมเบอร์แต่ละคนเป็นอย่างดี…ไม่แพ้ฝีมือดนตรีที่โชว์ให้ชาวร็อกได้ประจักษ์ตลอดมาอีกด้วย

“การเป็นร็อกสตาร์ก็คือการยืนอยู่บนทางแยกที่เป็นจุดตัดระหว่างสิ่งที่คุณเป็นอยู่และคนที่คุณฝันใฝ่อยากจะเป็น” โควตนี้ สแลช มือกีตาร์แห่งวง Guns N’ Roses กล่าวไว้ ซึ่งนิยามความเป็นร็อกสตาร์ได้ดีมากๆ และการเป็นสมาชิกวง Guns N’ Roses ก็ทำให้เขาต้องทุ่มเวลาแบบหมดหน้าตักไปกับการเล่นดนตรีและทัวร์คอนเสิร์ต “สิ่งที่แย่ที่สุดในการอยู่วงดนตรีวงนี้ก็คือ ผมไม่มีเวลาว่างไปทำอะไรเลย รวมถึงเวลาในการใช้เงินที่หามาได้ด้วย” ด้วยความทุ่มเทขนาดนี้นี่เองที่ทำให้ Guns N’ Roses ได้รับการยกย่องว่าเป็นวงร็อกที่แสดงสดได้ดีที่สุดอันดับต้นๆ ของโลกมาอย่างยาวนาน

“November Rain เป็นเพลงที่เกี่ยวกับความไม่ต้องการจะเป็นผู้ไม่สมหวังในรัก” นี่คือคำพูดของ แอ็กเซิล โรส นักร้องนำ Guns N’ Roses ผู้จรดปากกาเขียนสุดยอดเพลงพาวเวอร์บัลลาดตลอดกาลเพลงนี้ “พวกเราทุกคนอยากให้ผู้คนตระหนักว่า เราได้เล่นในสิ่งที่เราอยากจะเล่นจริงๆ ไม่ใช่การเล่นดนตรีเพื่อเอาอกเอาใจผู้อื่นที่ไม่ได้เป็นตัวของเราเลย นั่นแหละสิ่งที่พวกเราทำมาโดยตลอด” นี่แสดงให้เห็นว่า Guns N’ Roses ชัดเจนในการเป็นตัวของตัวเองมาตั้งแต่เริ่มต้นจริงๆ โดยพื้นที่ซึ่งแฟนเพลงจะสัมผัสได้ถึงตัวตนที่แท้จริงของวงได้มากที่สุดก็คงจะเป็นที่ไหนไปไม่ได้ นอกจากบนเวทีคอนเสิร์ตเท่านั้น

“ผมรู้มาตลอดว่าดนตรีเป็นสิ่งที่ผมรักที่สุด ถ้าจะถามว่าผมหาเลี้ยงชีพได้ด้วยการเล่นดนตรีหรือเปล่า? สำหรับผมมันเป็นคำถามที่ค่อนข้างตลกนะ เพราะดนตรีเป็นความหลงใหลของผม และถ้าผมจะยากจนเพราะการเล่นดนตรีแล้วล่ะก็ ก็ปล่อยให้ผมจนเถอะ” โควตนี้กล่าวโดย ดัฟฟ์ แมคเคแกน มือเบสแห่งวง Guns N’ Roses ที่สื่อได้ดีว่าเขารักดนตรีมากเพียงใด ดังนั้นจึงไม่แปลกเลยที่เราจะได้เห็นผู้ชายคนนี้เล่นเบสอย่างเต็มที่ทุกครั้ง ตลอดทั้งโชว์จริงๆ และการที่เขาบอกว่า “สแลชคือสุดยอดมือกีตาร์ที่หาผู้มีฝีมือมาทัดเทียมไม่ได้ของแท้ การได้ดูเขาเล่นกีตาร์ให้ดูแบบสดๆ เป็นช่วงเวลาที่เหลือเชื่อเสมอ” ยิ่งตอกย้ำให้เห็นอย่างเป็นรูปธรรมว่าฝีมือการเล่นกีตาร์ของ สแลช นั้นไร้เทียมทานแค่ไหน เพราะถ้าขนาดเพื่อนร่วมวงที่เล่นดนตรีด้วยกันมานานหลายสิบปียังชื่นชมและการันตีขนาดนี้ เราท่านคงต้องตามไปดูให้เห็นกับตาสักครั้งแล้ว

อีกโควตปิดท้ายที่อาจไม่หวือหวา “ผมไม่คิดว่าจะมีอะไรที่ดีไปกว่าการได้ดูวงโปรดของคุณแสดงคอนเสิร์ตแบบสดๆ อีกแล้วล่ะ” แต่ถ้ามันออกมาจากปากสุดยอดมือกีตาร์อันดับต้นๆ ของโลกอย่าง สแลช แล้ว นั่นย่อมแสดงให้เห็นว่าเขาเองก็เป็นนักดูคอนเสิร์ตตัวยงและการได้ดูศิลปินวงโปรดเล่นสดย่อมมีอิทธิพลต่อการเล่นดนตรีของเขาด้วย คำพูดซึ่งสะท้อนได้ดีถึงพลังของคอนเสิร์ตที่อาจเปลี่ยนชีวิตคุณไปตลอดกาลเลยก็ได้!! หากศิลปินคนโปรดของคุณคือสุดยอดฝีมือดนตรี แถมยังมีจิตวิญญาณแห่งร็อกแอนด์โรลเต็มเปี่ยมเช่นนี้ จงพาตัวเองไปอยู่ร่วมในโมเมนต์สำคัญระดับครั้งหนึ่งในชีวิตกับพวกเขา Guns N’ Roses ในคอนเสิร์ต Guns N’ Roses 2025 World Tour – Bangkok จองบัตรได้แล้ววันนี้ทาง ThaiTicketMajor ทุกสาขา หรือระบบออนไลน์ https://www.thaiticketmajor.com/concert/guns-n-roses-2025.html ติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://amamusic.sg/gnr2025 และทางออฟฟิเชียลโซเชียลมีเดียของผู้จัดงาน @411ent

ปลดล็อกยกด้อม! 2-3 พ.ค.นี้ ราชมังฯ จะมี ก็อตเซเว่น “GOT7” แล้ว

Alternative Textaccount_circle

จะมีสักกี่คน? ที่ฝันไกล แล้วไปถึง! เอาเป็นว่าตรงนี้มีแน่ๆ แล้ว 7 คน ผู้พิชิตเป้าหมายพิสูจน์รักทรหดที่พวกเขา “ก็อตเซเว่น” (GOT7) #GOT7 ทำสำเร็จแล้วในการชุบชีวิตคอนเสิร์ตสเกลสเตเดียมสุดยิ่งใหญ่ โดยมีผู้จัดไทยอย่าง โฟร์ วัน วัน เอ็นเตอร์เทนเม้นท์ (Four One  One Entertainment หรือ 411ent) ของ กึ้ง-เฉลิมชัย มหากิจศิริ ทุ่มทุนสร้างครั้งประวัติศาสตร์จัดคอนเสิร์ต “2025 ก็อตเซเว่น คอนเสิร์ต <เนสต์เฟส> อิน แบงคอก” (2025 GOT7 CONCERT <NESTFEST> in BANGKOK) #GOT7_NESTFESTinBKK ผนึกกำลัง วันเดอร์ (WONDER) ประเทศเกาหลีใต้ นำพาหนุ่มๆ GOT7 กลับคืนสู่อ้อมอกของเหล่าไอก็อตเซเว่นชาวไทย (IGOT7 ชื่อแฟนคลับของวง GOT7 หรือที่นิยมเรียกกันว่าอากาเซ่) ซึ่งล่าสุดลงหลักปักวันแสดงเรียบร้อยแล้ว 2 รอบด้วยกันคือ วันศุกร์ที่ 2 และวันเสาร์ที่ 3 พฤษภาคม 2568 นี้ เวลา 19:00 น. ณ ราชมังคลากีฬาสถาน

เรียกว่าปลดล็อกยกด้อมทันที เพราะคอนเสิร์ต #GOT7_NESTFESTinBKK ครั้งนี้ทำเอาเหล่านกเซ่ชาวไทยแตกตื่นและตื้นตันใจกันทั้งประเทศกับข่าวดีที่รอคอยมายาวนานกว่า 5 ปี กำลังจะเป็นจริงแล้ว!! ซึ่งไม่เพียงแค่แฟนคลับที่ตื่นเต้นกับวาระแห่งชาตินี้ บรรดาสมาชิกGOT7 ทั้งลีดเดอร์ เจบี (JAY B), มาร์ค (MARK), แจ็คสัน (JACKSON), จินยอง (JINYOUNG), ยองแจ (YOUNGJAE), แบมแบม (BAMBAM) และ ยูคยอม (YUGYEOM) ก็ตื่นเต้นจนเก็บทรงไม่อยู่พอกัน ก่อนหน้านี้เมมเบอร์ชาวไทยอย่าง แบมแบม-กันต์พิมุกต์ ภูวกุล เคยให้สัมภาษณ์อยู่เสมอว่า สมาชิก GOT7 ทุกคนรับรู้ว่าแฟนคลับไทยรอคอยคอนเสิร์ตครั้งนี้ที่ยังเป็นปมในใจของทุกๆ คน ด้าน 7 หนุ่มเองก็พยายามเต็มที่เพื่อปลดล็อกสิ่งนี้ให้เกิดขึ้นได้จริงไม่ว่าจะยากลำบากแค่ไหน ซึ่งเป็นที่รู้กันดีว่า GOT7 ตอนนี้ 7 คน ทำงาน 7 ค่าย แถมสมาชิกบางส่วนยังอยู่กันคนละประเทศ กว่าจะเคลียร์คิวที่แน่นเอี๊ยดมารวมตัวกันได้ลงตัว

ความพิเศษของคอนเสิร์ตครั้งนี้นอกจากจะเป็นการทำให้คอนเสิร์ตสเกลสเตเดียมของ GOT7 ที่เคยเกือบจะเกิดขึ้นเมื่อ 5 ปีก่อนกลายเป็นจริงแล้ว ยังเป็นโอกาสฉลองครบรอบ 11 ปีของวง GOT7 อีกด้วย และเป็นคอนเสิร์ตที่จะได้ฟังเพลงจากอัลบั้มใหม่ล่าสุด “WINTER HEPTAGON” ที่หนุ่มๆ คัมแบ็กวงในรอบเกือบ 3 ปี โดยเฉพาะเพลงไตเติลอย่าง ‘PYTHON’ ที่แต่งโดยเมมเบอร์ชาวไทยคนเก่งอย่าง แบมแบม-กันต์พิมุกต์ ภูวกุล ก็กลายเป็นไวรัลมีไอดอลทั้งเกาหลีและไทยเต้นชาเลนจ์กันสุดคึกคัก เตรียมรอชมสเตจนี้ของทั้ง 7 หนุ่มด้วยตาเนื้อกันได้เลยว่าจะเครซี่ขนาดไหน ที่สำคัญวันจัดคอนเสิร์ตรอบแรก (2 พ.ค.) ยังตรงกับวันคล้ายวันเกิดของแบมแบมพอดีเป๊ะ แถมพฤษภาคมยังเป็นเดือนเกิดของด้อมด้วยอีกหนึ่งวาระ (วันครบรอบของอากาเซ่ 9 พ.ค.)

แม้คำว่า “อากาเซ่” ในภาษาเกาหลี จะแปลว่า นกน้อย แต่รู้เลยงานนี้ “นกไทยจะไม่ยอมนก” เป็นแน่!!!!!!! หนุ่มๆ GOT7 ทั้ง 7 เดินทางคว้าฝันไป booking รอล่วงหน้าที่สนามราชมังฯ กันแล้ว แฟนคลับคนไหนจะได้ตามไปสมหวังถึงฝั่งฝันบ้าง? *** รอกดบัตรวัดชะตากัน วันเสาร์ที่ 5 เมษายน 2568 นี้ ผู้จัด โฟร์วันวันฯ จะเปิดจำหน่ายบัตรทาง ไทยทิคเก็ตเมเจอร์ บัตรราคา 2,900 / 3,900 / 4,900 / 5,900 / 6,900 (นั่งและยืน) / 7,900 / 8,900 / 9,900 บาท *** ติดตามรายละเอียด #GOT7_NESTFESTinBKK เพิ่มเติมได้ทางออฟฟิเชียลโซเชียลมีเดียของผู้จัดงาน @411ent ทุกแพลตฟอร์ม

จากละครสู่ภาพยนตร์ เปิด 3 คาแร็คเตอร์ “นุ่น วรนุช – ก้อย อรัชพร – แก๊ป ธนเวทย์” ใน สุสานคนเป็น

Alternative Textaccount_circle

แพรว เสิร์ฟความร้อนแรง กับปก Digital Cover “น่น วรนุช , ก้อย อรัชพร และ แก๊ป ธนเวทย์” นักแสดงนำจากภาพยนตร์ สุสานคนเป็น

หากใครเป็นแฟนละครสยองขวัญ คงจำ “สุสานคนเป็น” ได้เป็นอย่างดี ซึ่งใน 2025 นี้ เรื่องราวความแค้นของคุณนายลั่นทมจะได้รับการเล่าใหม่ในรูปแบบภาพยนตร์ ผ่านฝีมือผู้กำกับ “วทัญญู อิงควิวัฒน์” ที่ได้ 3 นักแสดงมากความสามารถอย่าง นุ่น – วรนุช ภิรมย์ภักดี, ก้อย – อรัชพร โภคินภากร และแก๊ป – ธนเวทย์ สิริวัฒน์ธนกุล มารับบทนำ ก่อนไปสัมผัสความน่ากลัวในโรงภาพยนตร์ แพรวขอพาทุกคนมารู้จักกับทั้ง 3 ตัวละครไปด้วยกัน

“ลั่นทม” รับบทโดย นุ่น – วรนุช ภิรมย์ภักดี

นับเป็น 18 ปีเต็มที่ “นุ่น วรนุช” ได้กลับมาแสดงภาพยนตร์ และยังเป็นบทบาทที่นุ่นเอ่ยปากเองว่า “ผีในเรื่องนี้ ไม่เหมือนกับที่เคยแสดงมา” ซึ่งเธอได้รับบทเป็น คุณนาย “ลั่นทม” หญิงสาวที่เพียบพร้อมไปด้วยหน้าตา และฐานะ อีกทั้งยังบูชาความรักเหนือสิ่งอื่นใด แต่เธอกลับต้องเจอกับจุดจบที่กลายเป็นความแค้นในชีวิตหลังความตาย

“รสสุคนธ์” รับบทโดย ก้อย – อรัชพร โภคินภากร

เรียกว่าเป็นอีกบทบาทของ “ก้อย อรัชพร” ที่มาถ่ายทอดตัวละคร “รสสุคนธ์” พนักงานบัญชี ผู้ตามหาความสมบูรณ์แบบในชีวิต รวมถึงเรื่องความรัก เธอจึงปรารถนาที่จะได้แต่งงานกับผู้ชายฐานะดีเพื่อชีวิตสุขสบาย โดยไม่สนใจว่า ตัวเองอยู่ในฐานะมือที่สามก็ตาม ทั้งนี้ก้อยได้เผยความรู้สึกว่า “บทบาทรสสุคนธ์ค่อนข้างท้าทาย เพราะเป็นครั้งแรกที่มีโอกาสแสดงเป็นตัวละครที่มีด้านมืดซ่อนอยู่มากขนาดนี้”

“ชีพ” รับบทโดย “แก๊ป – ธนเวทย์ สิริวัฒน์ธนกุล”      

สำหรับ “แก๊ป – ธนเวทย์” รับบทบาทเป็น “ชีพ” สถาปนิกฐานะยากจนที่มีความทะเยอทะยาน ยอมทำทุกทางให้ชีวิตดีขึ้น แม้กระทั่งแต่งงานกับคนที่ไม่ได้รักเพื่อเลื่อนสถานะทางสังคม เขาเผยว่า “ภาพยนตร์เรื่อง สุสานคนเป็น ไม่ได้นำเสนอเพียงความน่ากลัว แต่ยังสะท้อนเรื่องราวของความสัมพันธ์”

ความแค้นของ “สุสานคนเป็น” ในรูปแบบภาพยนตร์ จะหลอน สั่นประสาท และครบรสแค่ไหน รอติดตามชมได้ในวันที่ 24 เมษายนนี้ ณ โรงภาพยนตร์ทั่วประเทศ


ช่างภาพ : ภาดร ขจรฤทธิ์
Digital Editor : Minim
สไตลิสต์ : Voc Hunarak
เรื่อง : Mild Wipada
เสื้อผ้า : Paul Smith (แก๊ป ธนเวทย์) Exhibit (นุ่น วรนุช)

GOOD BOY

GOOD BOY  ซีรีส์ที่สะท้อนชีวิตอดีตนักกีฬาเจ้าของเหรียญรางวัล

Alternative Textaccount_circle
GOOD BOY
GOOD BOY

เปิดตัวซีรีส์เกาหลี GOOD BOY ซึ่งนำแสดงโดย พัคโบกอม, คิมโซฮยอน, อีซังอี, ฮอซองแท, แทวอนซอก ซีรีส์ที่ผสมผสานเรื่องราวหลากแนวครบรส ทั้งคอเมดี้ แอ็กชั่น สืบสวนอาชญากรรม และความรัก บอกเล่าเรื่องราวของเหล่าอดีตนักกีฬาเจ้าของเหรียญรางวัลซึ่งผันตัวมาเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ และต่อสู้ในโลกที่เต็มไปด้วยอาชญากร เกิดเป็นการรวมตัวเพื่อจัดตั้งทีมเฉพาะกิจซึ่งประกอบด้วย ยุนดงจู (พัคโบกอม), จีฮันนา (คิมโซฮยอน), คิมจงฮยอน (อีซังอี), โกมันซิก (ฮอซองแท) และ ชินแจฮง (แทวอนซอก) โดยมีเป้าหมายเพื่อโค่นล้มอำนาจที่อยู่เบื้องหลังองค์กรอาชญากรรมขนาดใหญ่ ทั้งนี้ กู๊ดบอย เตรียมเสิร์ฟเสียงหัวเราะและแอ็กชั่นสุดมันส์ให้ผู้ชมทั่วโลกบน Prime Video ในมากกว่า 240 ประเทศและเขตแดนทั่วโลก ตั้งแต่วันที่ 31 พฤษภาคม 2568

หลังความสำเร็จที่เพิ่งจบไปสดๆ ร้อนๆ ในซีรีส์ When Life Gives You Tangerines พัคโบกอม จะกลับมาอีกครั้งในบทบาทใหม่ที่แตกต่าง แต่ชวนให้หลงรักเช่นเคย ในบท “ยุนดงจู” ชื่อของเขาถูกตั้งตามกวีผู้สูงส่ง แต่ดงจูกลับใช้ชีวิตตรงข้ามกับชื่อด้วยการมีเรื่องชกต่อยที่โรงเรียนเป็นประจำ ประสบการณ์จากการต่อสู้ทำให้ดงจูได้เรียนรู้การต่อยมวยอย่างจริงจัง ก่อนจะประสบความสำเร็จในฐานะนักมวยอาชีพและคว้าเหรียญทองมาได้ในท้ายที่สุด โชคไม่ดีที่ช่วงเวลาอันรุ่งโรจน์ของเขาต้องพังทลายลงเมื่อเขาถูกไล่ออกจากทีมอย่างไม่เป็นธรรม ดงจูเริ่มต้นชีวิตใหม่อีกครั้งเมื่อได้รับโอกาสให้เข้าทำงานเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจผ่านการคัดเลือกแบบพิเศษ เส้นทางการเป็นตำรวจของเขาไม่ได้ราบรื่นเหมือนสมัยเป็นนักมวยอาชีพ แต่ถึงอย่างนั้น การทำงานก็ทำให้ดงจูก็ได้พบกับจีฮันนาและตกหลุมรักเธอเข้าอย่างจัง

GOOD BOY

นักแสดงสาวขวัญใจผู้ชมคิมโซฮยอน รับบท “จีฮันนา” อดีตนักกีฬายิงปืนซึ่งผันตัวมาเป็นตำรวจ เธอเป็นอัจฉริยะนักแม่นปืนมาตั้งแต่สมัยมัธยมต้น ครองตำแหน่งแชมป์โลกด้วยทักษะอันแม่นยำและได้รับการยกย่องจากแฟนจำนวนมาก แต่ยิ่งมีฐานแฟนคลับมากขึ้น ก็ยิ่งมีกลุ่มคนที่ไม่ประสงค์ดีกับเธอมากขึ้นด้วยเช่นกัน เมื่อคำวิจารณ์หลั่งไหลเข้ามาและความเข้าใจผิดสะสมขึ้นเรื่อยๆ ฮันนาจึงค่อยๆ ปิดตัวเองจากโลกภายนอก อุปสรรคที่เจอทำให้เธอไม่สามารถจดจ่อในช่วงเวลาที่สำคัญที่สุดในอาชีพได้ สภาวะที่เกิดจากความเครียดทำให้เธอจำเป็นต้องเกษียณตัวเองจากอาชีพนักกีฬายิงปืนที่เคยรุ่งโรจน์ เธอสมัครเข้าโครงการคัดเลือกเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจด้วยความฝันที่อยากจะเป็นตำรวจตามรอยพ่อ ฮันนาดีใจที่ผ่านการคัดเลือกเข้าทีมเฉพาะกิจ แม้ว่าจะต้องทำงานกับเพื่อนร่วมทีมอย่างดงจู ซึ่งคลั่งไคล้เธออย่างมาก และจงฮยอน แฟนเก่าของเธอ

อีซังอี นักแสดงนำจากซีรีส์ Spice Up Our Love และ No Gain No Love รับบท “คิมจงฮยอน” อดีตนักกีฬาฟันดาบเจ้าของเหรียญเงิน เขาทุ่มเทฝึกฝนอย่างหนักเพื่อจะรีบเรียนให้จบจากโรงเรียนนายร้อยตำรวจ ด้วยความตั้งใจว่าจะได้กลับมาเจอกับฮันนา แฟนเก่าของเขาอีกครั้ง ขณะที่ ฮอซองแท ซึ่งเป็นที่รู้จักจากบทบาทในซีรีส์ Squid Game และ Decoy จะสวมบทเป็นหัวหน้าทีม “โกมันซิก” ซึ่งนำทักษะล้ำค่าจากการฝึกซ้อมสมัยเป็นนักกีฬามวยปล้ำเหรียญทองแดงมาใช้ประโยชน์ในฐานะเจ้าหน้าที่ตำรวจ และ แทวอนซอก รับบทเป็น “ชินแจฮง” อดีตนักกีฬาขว้างจักรร่างใหญ่ใจดี เขาลังเลที่จะเข้าร่วมทีมเฉพาะกิจในตอนแรก แต่ปรากฏว่าความสามารถพิเศษของเขากลับกลายมาเป็นจุดแข็งที่มีค่าอย่างยิ่งของทีม

สำหรับซีรีส์GOOD BOY กำกับโดย ชิมนายอน ซึ่งเป็นที่รู้จักจากซีรีส์ยอดนิยมอย่าง Beyond Evil และ The Good Bad Mother เขียนบทโดย อีแดอิล ผู้สร้างสรรค์บทของ Life on Mars และ Bring It On, Ghost

keyboard_arrow_up