อาหารสเปน

เชฟอัลแบร์โต้ อิซาร์ด ยกระดับ อาหารสเปน ต้นตำรับโมเดิร์นลักชูรี่

Alternative Textaccount_circle
อาหารสเปน
อาหารสเปน

D’Tapas by El Tapeo เป็นร้านอาหารสเปน Casual Fine Dining แห่งใหม่ล่าสุดใจกลางกรุงเทพมหานคร  พร้อมเสิร์ฟรสชาติอาหารแบบต้นตำรับแท้ เต็มเปี่ยมด้วยเอกลักษณ์ ผสมผสานความคลาสสิกของอาหารสเปนดั้งเดิมและการสร้างสรรค์เมนู  ร่วมสมัยได้อย่างลงตัว โดยฝีมือเชฟชาวสเปนชื่อดัง “เชฟอัลแบร์โต้ อิซาร์ด” ซึ่งถือว่าเป็นร้านอาหารเปิดใหม่อีกหนึ่งร้าน ในเครือ El Tapeo Group ซึ่งตั้งอยู่ใน 953 คอมมูนิตี้มอลล์สุดชิคใน ซอยทองหล่อ 9

อาหารสเปน

ด้วยประสบการณ์กว่า 35 ปี ในร้านอาหารระดับมิชลินสตาร์ เชฟอัลเบอร์โตได้จัดงานเลี้ยงดินเนอร์สุดพิเศษ Exclusive Media Dinner คัดสรรเมนูอย่างพิถีพิถันโดยนำเสนอปรัชญาการทำอาหารของเชฟอัลเบอร์โต ที่ผสมผสานกันอย่างลงตัวของประเพณีเมดิเตอร์เรเนียนและอิทธิพลระดับโลก ถูกจับคู่กับไวน์ “Cepa 21” สุดพิเศษจากภูมิภาค Ribera del Duero อันเป็นสัญลักษณ์ของสเปน ซึ่งนำเข้าโดย Winetopia BKK เพื่อเติมเต็มมื้ออาหารชั้นเลิศ สปาร์กลิงและน้ำดื่มระดับพรีเมี่ยมจากแบรนด์ EIRA ของนอร์เวย์ได้เพิ่มความประณีตให้กับประสบการณ์นี้ด้วย

อาหารสเปน

ตำนานแห่งรสชาติอันล้ำเลิศด้านการทำอาหาร                                                

เชฟอัลแบร์โต้ อิซาร์ด เชฟและเจ้าของร้านอาหาร D’Tapas by El Tapeo ผู้มากด้วยประสบการณ์ การทำงานในร้านอาหารระดับมิชลินสตาร์มายาวนานมากกว่า 35 ปี เรียกได้ว่าเป็นผู้คร่ำหวอด ในวงการอาหาร สู่การรังสรรค์มื้ออาหารที่เปี่ยมด้วยคุณภาพ ตลอดเส้นทางอาชีพ เชฟอัลแบร์โต  ได้สั่งสมประสบการณ์ในร้านอาหารที่มีชื่อเสียงระดับโลกในสเปนอย่าง  El Cenador de Salvador (มิชลินหนึ่งดาว), Coque (มิชลินหนึ่งดาว), Sant Celoni (มิชลินสองดาว) และได้ร่วมงานกับ Pastelerías Mallorca บริษัทจัดเลี้ยงอันโด่งดังที่ให้บริการในสนามกีฬาของสโมสรฟุตบอลเรอัลมาดริดและแอตเลติโกมาดริด เขาได้รังสรรค์อาหารสำหรับแขก VIPs เป็นเวลาถึงสิบปี รวมทั้งเคยได้ทำงานกับโรงแรม Melia Madrid Princesa   หนึ่งในโรงแรมชั้นนำและเครือยักษ์ใหญ่ของกรุงแมดริด เชฟอัลแบร์โต้ มีสไตล์การปรุงอาหารที่โดดเด่น บวกกับประสบการณ์และเทคนิคที่แสนละเมียดละไม นอกจากอาหารสเปนแบบต้นตำรับที่เขารักเป็นชีวิตจิตใจ รวมถึงอาหารแนวเมดิเตอร์เรเนียน ด้วยสไตล์การทำอาหารที่เน้นความสดใหม่ของวัตถุดิบตามฤดูกาล เชฟอัลแบร์โต สร้างสรรค์เมนูที่สะท้อนเอกลักษณ์ของอาหารเมดิเตอร์เรเนียนแบบดั้งเดิม ผสมผสานกับแรงบันดาลใจจากการเดินทางและวัฒนธรรมอันหลากหลาย

D’Tapas by El Tapeo ถือเป็นการต่อยอดความสำเร็จจากร้าน El Tapeo บนสุขุมวิท 61 และ Paella House & Wine Bar by El Tapeo บนสุขุมวิท 26 ซึ่งขึ้นชื่อเรื่องทาปาสต้นตำรับและบรรยากาศที่มีชีวิตชีวา สร้างนิยามใหม่ของการลิ้มรสอาหารสเปนในแบบที่คุณไม่เคยสัมผัสมาก่อน เปิดประสบการณ์สุดพิเศษ ด้วยมื้ออาหารสเปนในสไตล์ Casual Fine Dining โมเดิร์นลักชูรี่ D’Tapas by El Tapeo ที่อยากให้มาลิ้มลอง ภายใต้ El Tapeo Group.

สัมผัสบรรยากาศอันหรูหราล้ำสมัย

ทันทีที่คุณย่างกรายก้าวเข้าสู่ D’Tapas by El Tapeo คุณจะดื่มด่ำกับบรรยากาศแห่งการต้อนรับอันอบอุ่นที่สะท้อนผ่านผนัง  สีขาวละมุนกับการตกแต่งด้วยไม้ในโทนอบอุ่น ผสมผสานการตกแต่งแบบโมเดิร์นเข้ากับกลิ่นอายความหรูหราในแบบสเปน   ในร้านมีการตกแต่งอย่างประณีตด้วยการออกแบบฝาผนังที่งดงาม ประดับประดาด้วยของตกแต่งสีเงินแวววาวนำเข้า จากสเปน รวมทั้งห้องเก็บไวน์ส่วนตัวที่มีไวน์ที่มีชื่อเสียงในแคว้นต่างๆจากสเปนให้เลือกมากกว่า 100 ชนิด กับบรรยากาศหรูหรา ในขณะเดียวกันก็แฝงไปด้วยความรู้สึกผ่อนคลาย เหมาะสำหรับการเพลิดเพลินกับอาหารสเปนที่เยี่ยมที่สุด ในบรรยากาศอันปลอดโปร่งที่มีกลิ่นอายของความหรูหรา ผนวกกับการออกแบบสมัยใหม่และความงดงามแบบสเปนได้อย่างลงตัว

เกี่ยวกับ D’ Concept
D’ Concept: หมายถึงแหล่งความสมบูรณ์แบบ ที่ D’Tapas ตัวอักษร “D” สะท้อนถึงคุณภาพและความมุ่งมั่นในความเป็นเลิศ

  • D’ for Superb: การันตีมาตรฐานสูงสุดทั้งด้านรสชาติและการบริการ
  • D’ for Quality: ด้วยวัตถุดิบชั้นเลิศนำเข้าจากประเทศสเปน เต็มเปี่ยมด้วยคุณภาพอันยอดเยี่ยม ถือเป็นหัวใจหลักของอาหารทุกจาน
  • D’ for Authentic Spanish Cuisine: นำเสนอรสชาติต้นตำรับแบบดั้งเดิมด้วยเทคนิคสมัยใหม่
  • D’ for Vibes: สัมผัสประสบการณ์ Casual Fine Dining ในบรรยากาศสุดชิคทันสมัย ขณะเดียวกันก็ให้ความรู้สึกอบอุ่นและผ่อนคลาย
ป้าเจี๊ยบ

ป้าเจี๊ยบ เผยเคล็ดลับเลี้ยงลูกให้มีความมั่นใจ สไตล์แม่ชม  

Alternative Textaccount_circle
ป้าเจี๊ยบ
ป้าเจี๊ยบ

ป้าเจี๊ยบ เผยวิธีดูแล น้องแอบิเกล สไตล์แม่ชม  เคล็ดลับเลี้ยงลูกให้มีความกล้าแสดงออกและเข้าสังคมได้อย่างมั่นใจ

ชมพู่-อารยา ไม่เพียงเป็นซูเปอร์สตาร์ของวงการบันเทิงไทยเท่านั้น  แต่เธอยังเป็นคุณแม่ลูกสามสุดสตรอง แม้ว่าการเลี้ยงลูก 3 คน สายฟ้า-พายุ-แอบิเกล จะไม่ใช่เรื่องง่าย แต่ชมพู่สามารถดูแลลูกๆ พร้อมกับทำงานที่เธอรักไปพร้อมได้ดี ทั้งยังเคยแบ่งปันเคล็ดลับการเลี้ยงลูกให้กับคุณแม่มือใหม่

เคล็ดลับเลี้ยงลูกเช่นการสร้างบรรยากาศอบอุ่นในครอบครัว ด้วยการใช้เวลาอยู่กับลูกๆ อย่างใกล้ชิด ทำกิจกรรมร่วมกัน และสร้างความทรงจำดีๆ ร่วมกัน, การให้ความสำคัญกับการศึกษา  ด้วยการเปิดโอกาสให้พวกเขาได้เรียนรู้สิ่งใหม่ๆ ตลอดเวลา ไม่ว่าจะเป็นการอ่านหนังสือ เล่นเกม หรือทำกิจกรรมต่างๆ ที่ส่งเสริมพัฒนาการ ,การปลูกฝังคุณธรรม สอนลูกๆ ให้ รู้จักแบ่งปัน เห็นอกเห็นใจผู้อื่น และมีน้ำใจ,การให้ความอิสระ ในการตัดสินใจและทำกิจกรรมที่ตนเองชอบ

ทั้งนี้ในงาน “COWAY Celebrate ที่สุดของแบรนด์ Subscription”  ที่จัดขึ้น ณ ชั้น 1 แฟชั่นฮอลล์ สยามพารากอน ป้าเจี๊ยบยังได้เผยอีกหนึ่งเคล็บลับการเลี้ยงลูกที่ดีของชมพู่

ขณะที่น้องแอบบิเกลกำลังแจกขนมให้กับพี่ๆ นักข่าว หลายคนไม่กล้าที่จะรับ แต่ ป้าเจี๊ยบ-อรพิน บอกว่า “ถ้าเด็กให้ของต้องรับนะ เพราะถ้าไม่รับเด็กจะหมดความมั่นใจไม่กล้าหยิบยื่นแบ่งปันให้กับคนอื่นๆ อีก”

อย่างไรก็ตาม ความมั่นใจในตัวเอง เป็นเหมือนเกราะป้องกันที่แข็งแกร่งของเด็กได้เผชิญหน้ากับความท้าทาย กล้าแสดงออกและเข้าสังคมได้อย่างมั่นใจ ซึ่งเป็นรากฐานที่สำคัญในอนาคตของเด็กๆ

@_copico1

ซิงเกิ้ลใหม่ “เจ๊เกล” จับปูดำ ไวรัลแน่ๆ วันนี้พี่เกลมาแบ่งขนมค่าาาาา #น้องเกล #แอบิเกล #ชมพู่อารยา #น้องแอบิเกล #เจ๊เกล #คอปเตอร์ไง

♬ children Have fun with Friends on the Beach – steven chau
COWAY Celebrate

สำหรับงาน “COWAY Celebrate ที่สุดของแบรนด์ Subscription” เป็นการเปิดตัวผลิตภัณฑ์รุ่นใหม่ COWAY  DAZZIE เครื่องกรองน้ำไซซ์เล็ก สเปกครบ มอบความเรียบง่าย ผสานการใช้งานที่เต็มประสิทธิภาพกับดีไซน์แบบประหยัดพื้นที่ สามารถวางในบ้านทุกสไตล์ได้อย่างลงตัว มีให้เลือก 4 สีสวยโดนใจทั้ง Peach Pink, Ciel Blue, Pebble Gray และ Porcelain White มาพร้อมฟังก์ชันอัจฉริยะที่ตอบโจทย์ชีวิตสมัยใหม่ ทั้งการควบคุมอุณหภูมิและปริมาณน้ำ 4 ระดับ ด้วยเทคโนโลยี Coway NanotrapTM และยกระดับความสะอาดด้วยระบบการฆ่าเชื้อแสง UV ช่วยกำจัดแบคทีเรียได้ถึง 99.9% รวมถึงโหมดพักเครื่อง (Sleep mode) เพื่อลดการใช้พลังงาน และระบบล็อกเพื่อความปลอดภัยของเด็ก (Child Safety Lock) ช่วยป้องกันเด็กเล็กจากการโดนน้ำร้อนลวก และฟังก์ชันอื่น ๆ อีกมากมาย

“Siam Center X JAY B The 2nd Exhibition in Bangkok: RE LOAD” นิทรรศการแห่งความคิดถึงและความทรงจำระหว่าง JAY B และอากาเซ่

account_circle

สยามเซ็นเตอร์ เมืองแห่งไอเดียที่ล้ำเทรนด์ ศูนย์กลางแห่งจินตนาการและงานสร้างสรรค์ไร้ขีดจำกัด ของ ศิลปะ แฟชั่น เทคโนโลยี และไลฟ์สไตล์ สร้างปรากฏการณ์แห่งปี ร่วมกับ “JAY B” (เจบี) ศิลปินเคป็อบชื่อดังจากวง GOT7 ศิลปินมากความสามารถที่มีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วโลก จัดนิทรรศการ “Siam Center X JAY B The 2nd Exhibition in Bangkok: RE LOAD” เพื่อส่งต่อความคิดถึงจาก JAY B สู่แฟนคลับผ่านภาพและเสียงที่เต็มไปด้วยความทรงจำ พร้อมเปิดพื้นที่ให้แฟนๆ ได้แชร์ช่วงเวลาพิเศษร่วมกัน และส่งความคิดถึงกลับไปถึงศิลปิน  ระหว่างวันที่ 13 มกราคม ถึง 3 กุมภาพันธ์ 2568 ณ เอเทรี่ยม1 ชั้น G สยามเซ็นเตอร์

นิทรรศการนี้เติมเต็มความอบอุ่นให้เหล่าแฟนคลับและอากาเซ่หัวใจฟู ในคอนเซ็ปท์ RE LOAD ที่สื่อถึงการหวนกลับคืนสู่สิ่งที่รักของศิลปินหนุ่มมากความสามารถอย่าง “JAY B” (เจบี) หลังจากห่างหายไปช่วงหนึ่ง นิทรรศการครั้งนี้จึงเป็นทั้งการตอบแทนแฟนๆ ที่เฝ้ารอการกลับมาของเขา และเป็นการเปิดพื้นที่แห่งความทรงจำและความคิดถึงระหว่างเขาและแฟนๆ

ก้าวเข้ามาในพื้นที่ของเจบี พบกับไฮไลท์เรื่องราวสตอรี่บอร์ดจากมิวสิกวิดีโอเพลงใหม่ล่าสุดของเขา ทั้งพรอพจากใน MV ภาพมุมต่างๆใน MV รวมไปถึงสิ่งของเครื่องใช้ส่วนตัวที่ชวนให้แฟนๆ นึกถึงตัวตนของเจบี ศิลปินหนุ่มผู้รักการถ่ายรูป และเสียงเพลง ไม่ว่าจะเป็น หูฟัง กล้องฟิล์ม หรือเครื่องเล่นเทป            

เข้าสู่โซนแรก Familiar place พื้นที่ที่บ่งบอกถึงความเป็นเจบีที่แฟนตัวจริงต้องคุ้นเคยอย่างแน่นอน ไม่ว่าจะเป็น Film camera lover corner ภาพถ่ายศิลปินหลากหลายสไตล์ ทั้งภาพฟิล์ม ภาพขาวดำ และ พร้อมฟินไปกับ Cat room corner ที่เต็มไปด้วยรูปถ่ายของน้องโนรา, น้องเค้ก และน้องเบลลึ แมวของศิลปินหนุ่มในอริยาบทน่ารักน่าชัง มุม Recording studio corner ที่ชวนอากาเซ่มาสัมผัสบรรยากาศการทำเพลงแบบคนเบื้องหลัง และมุม Vinyl corner แผ่นไวนิลที่ได้แรงบันดาลใจจากชื่อเพลงในอัลบั้มล่าสุดของ JAY B

ต่อด้วยโซน Memories & Melodies มุม Sound about และ Phone Booth ที่ JAY B ตั้งใจเตรียมไว้เพื่อสื่อสารกับแฟนๆ ด้วยตนเองผ่านข้อความเสียงสุด Exclusive ที่ตั้งใจบันทึกมาเพื่อถ่ายทอดความรู้สึกของเขาถึงแฟนๆ

โซน Hide n Seek เปิดประตูตู้ล็อกเกอร์เพื่อค้นพบตัวตนอีกมุมนึงของ JAY B ทั้งสิ่งของและ ภาพถ่ายที่ตั้งใจเตรียมมาเพื่อแฟนๆ โดยเฉพาะ และ จุดเช็คอินแสดงตัวในฐานะ “เพื่อนรัก” ที่คิดถึงเจบีไม่แพ้ใครที่ Thermal photobooth กิมมิกสุดเก๋ที่เปิดโอกาสให้แฟนๆ ได้มาบันทึกความทรงจำ และเขียนความรู้สึกฝากไว้ถึงนักร้องหนุ่มในดวงใจ

โซน Dark Room ดื่มด่ำกับบรรยากาศห้องล้างฟิล์ม ความอนาล็อกที่ JAY B หลงใหลพร้อมด้วยมุม Film slide ภาพฉายสุด chic and cool ตามสไตล์ของหนุ่มเจบีในอิริยาบทต่างๆ ที่เชิญชวนให้แฟนๆ ได้มาถ่ายภาพคู่เป็นที่ระลึก นอกจากนี้ยังมี Interactive massage wall พื้นที่สำหรับแฟนๆ ที่ให้มาฝากข้อความถึง JAY B กันได้อย่างเต็มที่ ปิดท้ายด้วยการรับชมคลิปสัมภาษณ์สุดพิเศษของเจบีเกี่ยวกับนิทรรศการนี้ และเบื้องหลังที่ไม่เคยเปิดเผยที่ไหนมาก่อน

นอกจากนี้ยังมี POP-UP STORE พบกับสินค้าสุดพิเศษมากมาย อาทิ เสื้อ, MagSafe, ผ้าเช็ดหน้า, แผ่นน้ำหอม, พวงกุญแจ, Card holder, post card ระหว่างวันที่ 13 มกราคม – 16 กุมภาพันธ์ 2568 ณ IDEA AVENUE ชั้น G สยามเซ็นเตอร์ โดยรายได้ส่วนหนึ่งหลังหักค่าใช้จ่ายจากการจำหน่ายสินค้าใน POP-UP STORE นี้ จะร่วมสมทบทุนเพื่อการกุศลให้แก่ มูลนิธิโรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้าในพระราชูปถัมภ์ฯ และมูลนิธิสงเคราะห์เด็กอ่อนพิการทางสมองและปัญญา ซึ่งเป็นกิจกรรมที่เปิดโอกาสให้เหล่าอากาเซ่มีส่วนร่วมสร้างสรรค์สิ่งดีๆ กับ JAY B อย่างที่ศิลปินตั้งใจไว้ เหมือนที่ผ่านมา

ทั้งหมดนี้เป็นการร่วมมือกันระหว่างสยามเซ็นเตอร์ และ JAY B ที่อยากมอบความพิเศษให้กับแฟนคลับและอากาเซ่ เพื่อเป็นของขวัญชิ้นพิเศษในการกลับมาครั้งนี้ สามารถร่วมสัมผัสนิทรรศการได้ตั้งแต่วันที่ 13 มกราคม ถึง 3 กุมภาพันธ์ 2568 ณ เอเทรี่ยม 1 ชั้น G สยามเซ็นเตอร์ สามารถติดตามรายละเอียดได้ที่ Facebook / X / Instagram : Siam Center

มารับความพิเศษไปกับเพื่อนสนิทของคุณ ในงาน Siam Center X JAY B The 2nd Exhibition in Bangkok: RE LOAD”  ได้ที่ สยามเซ็นเตอร์ เมืองแห่งไอเดียที่ล้ำเทรนด์


ชุดแต่งงาน

สวยดุจเจ้าหญิง หมิง ชาลิสา ภายใต้ ชุดแต่งงาน สไตล์เวสเทิร์น

Alternative Textaccount_circle
ชุดแต่งงาน
ชุดแต่งงาน

ชุดเจ้าสาว เป็นมากกว่าแค่เสื้อผ้าที่สวมใส่ในวันสำคัญที่สุดในชีวิต มันคือตัวแทนของความฝัน ความโรแมนติก และความเป็นเอกลักษณ์ของเจ้าสาวแต่ละคน การเลือกชุดเจ้าสาวจึงเป็นเรื่องที่ต้องใช้เวลาและความใส่ใจเป็นพิเศษ เช่นเดียวกับเจ้าสาวคนล่าสุด หมิง จิรกิติยา หรือ หมิง ชาลิสา บุญครองทรัพย์ นางสาวไทย ปี 2546 เธอได้เข้าพิธีสมรสกับแฟนหนุ่มนักธุรกิจที่มีอายุมากกว่า 5 ปี อรรถ-วิสุทธิ์ รังษิณาภรณ์ เมื่อวันที่ 16 มกราคม 2568 และได้เลือกชุดในวันสำคัญอย่างพิถีพิถัน

สำหรับชุดนี้รังสรรค์ขึ้นใหม่โดยความร่วมมือระหว่าง ดร.สรรค์ สุดเกตุ และ (ว่าที่ ดร.) ณภัทร์ นิยมแย้ม ดีไซเนอร์มากฝีมือแห่งวนัชกูตูร์ โดยมีการออกแบบให้สะท้อนความหรูหราร่วมสมัยด้วย สไตล์เวสเทิร์น ด้านบนเป็นเสื้อแขนยาวโปร่งที่ตัดเย็บจาก ลูกไม้ฝรั่งเศสนำเข้า โชว์ความงามแบบอ่อนหวานและนุ่มนวล ช่วงลำตัวออกแบบเป็นลักษณะของ คอร์เซ็ต ที่ช่วยเน้นทรวดทรงและความสง่างามของว่าที่เจ้าสาวอย่างสมบูรณ์แบบ

ความพิเศษของกระโปรงทรงเอแบบเรียบหรู ตัดเย็บจาก ผ้าไหมคุณภาพสูง ที่ออกแบบมาอย่างประณีต สร้างความสง่างามและคลาสสิกให้กับผู้สวมใส่ พร้อมเสริมลุคให้เหมือนเจ้าหญิงในเทพนิยาย สมฐานะอดีตนางสาวไทยที่เต็มไปด้วยเสน่ห์และความสง่างาม

ทั้งนี้มีการเปิดเผยว่า มูลค่าชุดเจ้าสาวในงานแถลงข่าวนี้มากถึง 500,000 บาท โดยดีไซน์เนอร์เผยว่า ผลงานที่แสดงถึงความทุ่มเทและความสามารถในการออกแบบของทีมงานวนัชกูตูร์ และยังสะท้อนถึงความละเอียดอ่อนในทุกกระบวนการสร้างสรรคค์

อย่างไรก็ตามเจ้าสาวชุดนี้ไม่เพียงสะท้อนความงดงามของตัวเจ้าสาว แต่ยังเป็นตัวแทนของความสง่างามและความพิถีพิถันของแบรนด์ “วนัชกูตูร์รู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้มีส่วนร่วมในทุกช่วงเวลาสำคัญของคุณหมิง ชาลิสา และเชื่อว่าความงดงามของทั้งสามชุดนี้จะถูกกล่าวขานในวงการแฟชั่นตลอดปี 2568”

ภาพจาก Cofeoto Official

เปิดบ้านสุดหรู! สะท้อนไลฟ์สไตล์ของ “คุณช้อนทอง – ดร.ธรรมรัตน์ ธุระทอง”

Alternative Textaccount_circle

บ้านหลังใหม่ย่านกรุงเทพกรีฑาตัดใหม่ของ “คุณช้อนทอง – ดร.ธรรมรัตน์ ธุระทอง” นักธุรกิจระดับพันล้านในวัย 35 ปี กับ 20 ธุรกิจหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นประธานกรรมการบริหาร บริษัทเอ็มเอส เมดิคอล กรุ๊ป จำกัด เจ้าของคลินิกความงาม Mersi Clinic 20 แห่งทั่วประเทศ นอกจากนี้ยังมีบริษัทเครื่องมือแพทย์สำหรับคลินิกความงาม ธุรกิจเครื่องบินเจ็ตเช่าเหมาลำ จนถึงเจ้าของโรงงานผลิตปุ๋ยออร์แกนิก และล่าสุดกำลังจะเป็นเจ้าของปั๊มน้ำมันบางจาก ตรงข้ามพิพิธภัณฑ์ไดโนเสาร์ จังหวัดอุดรธานี ด้วยทุกช่วงเวลาของชีวิตคือการทำงาน ทำให้คุณช้อนทองตัดสินใจซื้อบ้านหลังนี้เพื่อใช้รับรองแขกและต้อนรับเพื่อนฝูงคนสนิท

ดร.ธรรมรัตน์ ธุระทอง

เปิดบ้านสุดหรู! สะท้อนไลฟ์สไตล์ของ “คุณช้อนทอง – ดร.ธรรมรัตน์ ธุระทอง”

พื้นที่ส่วนตัว

“ความจริงผมมีบ้านอยู่ในชอยสุขุมวิท 39 ถือเป็นบ้านหลังแรก เนื้อที่ประมาณ 4 ไร่ แต่ดีไซน์ไม่ทันสมัยละ เพราะอยู่มาเป็นสิบปี ส่วนหลังนี้ถือเป็นบ้านตากอากาศแล้วกัน (หัวเราะ) ด้วยพื้นที่ 1 ไร่ ถือว่าใหญ่สุดในโครงการ และเป็นหลังเดียวที่มีสระว่ายน้ำ ซึ่งโครงการนี้สามารถทะลุถนนใหญ่ได้สองเส้นทางคือถนนกรุงเทพกรีฑาตัดใหม่กับถนนร่มเกล้า ถือเป็นโลเคชั่นที่ดีที่สุดในย่านนี้ แถมยังใกล้กับสนามบินสุวรรณภูมิด้วย เวลาหุ้นส่วนธุรกิจหรือลูกค้าเดินทางมา ผมจะเปิดบ้านหลังนี้ต้อนรับ ประกอบกับผมอยากช่วยอุดหนุนธุรกิจของเพื่อนซึ่งเป็นเจ้าของโครงการด้วย (ยิ้ม)

ดร.ธรรมรัตน์ ธุระทอง

“เดิมบ้านหลังนี้มี 5 ห้องนอน 6 ห้องน้ำ ไม่รวมห้องแม่บ้าน 2 ห้อง ผมต้องการให้พื้นที่แต่ละห้องใหญ่ขึ้น จึงปรับให้เหลือ 3 ห้องนอน ห้องนอนหลักของผมเน้นโหนสีครีมกับสีทอง เพราะชื่อช้อนทอง สังเกตว่าทุกอย่างในบ้านจะแซมด้วยสีทองแมตต์ เน้นความเป็น Timeless ผมให้โจทย์อินทีเรียร์ว่าอยากได้ห้องนอนที่เหมือนอยู่ในนิยาย ผนังตรงหัวเตียงทำเป็นเหมือนกรอบหนังสือ

ดร.ธรรมรัตน์ ธุระทอง

“ห้องน้ำทุกห้องมีอ่างอาบน้ำ สำหรับห้องผมเลือกอ่างจากุซซี่ไซส์ใหญ่ เพราะการได้นอนแช่น้ำเหมือนเป็นการผ่อนคลายร่างกาย ถัดมาเป็นวอล์กอินคลอเสต สารภาพว่าตอนนี้บ้านสุขุมวิทที่เก็บเสื้อผ้าไม่พอ จนต้องขยายด้วยการรื้อห้องนอนหนึ่งห้อง แล้วยังล้นมาที่บ้านนี้ด้วย ยอมรับว่าเป็นมนุษย์ที่ชอบช้อบปิ้งเสื้อผ้ามาก

“ถัดมาเป็นห้องนอนเล็กสำหรับเพื่อนสนิทที่มาปาร์ตี้ ห้องหนึ่งทำสีชมพูสำหรับผู้หญิง อีกห้องตกแต่งโทนสีเข้มสำหรับเพื่อนผู้ชาย

ดร.ธรรมรัตน์ ธุระทอง

“นอกจากนี้ยังปรับพื้นที่ที่เดิมทำเป็นห้องสปา แต่เนื่องจากผมบ้างาน แทบจะไม่มีเวลาได้ใช้ จึงเปลี่ยนเป็นห้องพระสำหรับนั่งสมาธิ วันหนึ่งประมาณ 10-15 นาที ก็ยังดี เพื่อต้องการฝึกจิตให้นิ่ง ช้อนเป็นชาวพุทธที่ทำบุญมาตั้งแต่เด็ก เพราะเชื่อว่าความสามารถ 70 เปอร์เซ็นต์ กุศลหนุนนำอีก 30 เปอร์เซ็นต์ เพื่อให้ชีวิตได้พบเจอสิ่งดีๆ พระประธานในห้องนี้ผมประมูลมาจากงานการกุศล ราคากว่าสองล้านบาท ทำจากบรอนซ์ ปั้นตามแบบพระพุทธรูปองค์แรกของโลก”

ดร.ธรรมรัตน์ ธุระทอง

Must-Have Items

“สถาปนิกที่ออกแบบบ้านเป็นทีมเดียวกันกับที่ออกแบบพื้นที่ธุรกิจของผม เขาจึงรู้ใจว่าผมชอบหรือไม่ชอบอะไร เวลาผมไปเที่ยวต่างประเทศก็จะคอยดูรายละเอียดที่ชอบแล้วนำมาตกแต่งเพิ่ม อย่างบ้านหลังนี้อยากให้มีบันไดวน แชนเดอเลียร์ และเปียโน ซึ่งแชนเดอเลียร์ขนาดใหญ่นี้ผมสั่งนำเข้ามาจากฝรั่งเศส ส่วนบันไดวนบ้านส่วนใหญ่ทำจากอัลลอยด์ แต่ผมไม่ชอบ เพราะไม่เข้ากับบ้านสไตล์โมเดิร์น จึงเปลี่ยนให้เป็นกระจกดัดโค้ง ทำให้ดูโล่ง โปร่ง แล้วมีความ Timeless ยิ่งขึ้น

ดร.ธรรมรัตน์ ธุระทอง

“สำหรับห้องรับประทานอาหารผมเลือกใช้เซตช้อนส้อมและจานชามแบรนด์ Hermes เพราะส่วนตัวชอบจานโมเสกแล้วมีสีทองแทรกอยู่ ส่วนแก้วน้ำ แจกันเป็นของแบรนด์ Baccarat เครื่องแก้วเจียระไนชั้นสูงของฝรั่งเศสที่มีอายุยาวนานกว่า 250 ปี ราคาจึงสูงมาก อย่างแก้วน้ำหนึ่งใบราคาประมาณ 2 หมื่นบาท แต่ก็สวยงามเข้ากันได้ดีกับเครื่องถ้วยชามของ Hermes

ดร.ธรรมรัตน์ ธุระทอง

“ถัดไปเป็นห้องครัว ตั้งใจใช้โทนสีเข้มกว่าทุกห้องเพื่อง่ายต่อการดูแลรักษา และเฟอร์นิเจอร์ทั้งหมดสั่งทำบิลท์อินเป็นพิเศษ แต่สุดท้ายเวลาจะทานข้าวผมนั่งในห้องครัวนี้มากกว่า” (หัวเราะ)

ดร.ธรรมรัตน์ ธุระทอง

Double Living Room

“ห้องรับแขกเรียกได้ว่าเป็น Double Living Room ส่วนแรกเป็นห้องรับแขกเดิมที่เฟอร์นิแจอร์ทั้งหมดเป็นของ MINOTTI ส่วนหมอนอิงใช้ของแบรนด์ Cartier ทั้งหมด ตั้งใจให้อิงกับลูกรักพันธุ์ปอมเมอเรเนียนชื่อว่าคาร์เทียร์กับโชพาร์ด

ดร.ธรรมรัตน์ ธุระทอง

“ห้องด้านหลังของห้องรับแขกหลัก เดิมตั้งใจให้เป็นห้องทำงาน แต่ความที่มีเพื่อนเยอะ ชอบสังสรรค์ จึงปรับเป็นอีกห้องรับแขกสำหรับจัดปาร์ตี้ แล้วจัดห้องทำงานไว้ที่ชั้น 2 แทน เวลาเพื่อนหรือลูกค้ามารับประทานอาหารแล้วสามารถเดินมานั่งสังสรรค์กันต่อที่ห้องรับแขก ซึ่งผมทุบกำแพงเพื่อให้ชื่อมต่อไปยังห้องปาร์ตี้ แล้วยังสามารถเปิดกว้างไปยังพื้นที่ด้านนอกที่เป็นสระว่ายน้ำแบบน้ำล้น จุดนี้ผมสร้างเป็นพาวิลเลียนแบบกลาสเฮ้าส์สำหรับนั่งชิลรับลมด้วย ตั้งแต่สร้างเสร็จเคยใช้สระว่ายน้ำแค่ครั้งเดียว แล้วไม่ใช่ผมด้วยนะ เพื่อนใช้” (หัวเราะ)

ดร.ธรรมรัตน์ ธุระทอง

เติมสีสันให้บ้าน

“จะเห็นว่ามีดอกไม้ ต้นไม้ประดับอยู่ทุกมุมของบ้าน เพราะผมชอบปลูกต้นไม้ บ้านที่อุดรธานีทำสวนมะนาวกับมะละกอแบบออร์แกนิก ซึ่งถ้าคิดเรื่องค่าปุย ค่าคนดูแล ซื้อกินน่าจะดีกว่า แต่ถือเป็นความสุขที่ได้เห็นผลผลิต เวลามีคนมาที่บ้านก็จะแบ่งให้ ถ้ามีเยอะๆ ก็นำไปถวายวัด ให้แม่ครัวที่วัดทำภัตตาหารถวายพระและเณร

“ส่วนดอกไม้ที่ผมชอบมากคือกล้วยไม้ ซึ่งสามารถอยู่ในร่มโดยไม่โรยเกือบสองสัปดาห์ ถ้าเป็นดอกไม้สดอื่นๆ ต้องเปลี่ยนทุกสัปดาห์ และถ้าใครมาบ้านแล้วถ่ายภาพไป เขาจะรู้เลยว่าที่นี่คือเมืองไทย เพราะเป็นดอกไม้ประจำชาติเรา

ดร.ธรรมรัตน์ ธุระทอง

“บนโต๊ะอาหารผมชอบจัดแจกันด้วยดอกไฮเดรนเยียสีฟ้า เพราะชอบในสีสันและรูปทรง วันก่อนได้ฟังอาจารย์คฑา ชินบัญชร บอกทางทีวีว่าสีของดอกไม้นี้ถ้าจัดวางบนโต๊ะกินข้าวแล้วจะมีทรัพย์มั่งคั่งร่ำรวย ซึ่งผมจัดอย่างนี้นานแล้ว ถือว่าเป็นเรื่องบังเอิญ (ยิ้ม)

“หลายคนเห็นการใช้ชีวิตของผมแล้วดูเต็มที่ในทุกอย่าง เพระความคิดของผมคือคนเราอาจมีชีวิตถึงประมาณ 60 ปี หลังจากนั้นคือกำไร จึงควรใช้ให้เต็มที่ ผมมีความสุขกับการซื้อเสื้อผ้า เครื่องเพชร แบบใช้จริง ไม่ใช่ให้ตู้เซฟใช้ อย่าไปคิดว่าจะเก็บไว้ให้ลูกหลาน ชีวิตใครชีวิตคนนั้น เกิดมาคนเดียว ไปก็คนเดียว ผมจึงตั้งใจใช้ชีวิตให้มีความสุข…Enjoy Life ครับ”


"ซงฮเยคโย" ขึ้นแท่น Guerlain Brand Ambassador เอเชียแปซิฟิก

“ซงฮเยคโย” ขึ้นแท่น Guerlain Brand Ambassador เอเชียแปซิฟิก

Alternative Textaccount_circle
"ซงฮเยคโย" ขึ้นแท่น Guerlain Brand Ambassador เอเชียแปซิฟิก
"ซงฮเยคโย" ขึ้นแท่น Guerlain Brand Ambassador เอเชียแปซิฟิก

จึ้งรับต้นปีไม่หยุด Maison Guerlain แต่งตั้ง “ซงฮเยคโย“ (Song Hye-Kyo) ขึ้นแท่น Guerlain Brand Ambassador เอเชียแปซิฟิกอย่างเป็นทางการ เป็นตัวแทนแห่งความงามเหนือกาลเวลาในด้านสกินแคร์และเมคอัพ พร้อมสะท้อนเอกลักษณ์และความสง่างามแบบปารีเซียง

“ฉันยินดีอย่างยิ่งที่จะได้ทำหน้าที่เป็นแบรนด์แอมบาสเดอร์คนใหม่ของ Maison Guerlain บ้านแห่งนี้ คือ สัญลักษณ์ของความสง่างามที่ไม่เสื่อมคลาย โดยผสมผสานนวัตกรรมและธรรมเนียมตามแบบฉบับปารีเซียง ฉันตื่นเต้นที่จะเริ่มต้นการเดินทางนี้ร่วมกับ Guerlain” – Song Hye-Kyo

*(เอเชีย แปซิฟิก คือ คำจำกัดความทางการตลาดอันครอบคลุมเฉพาะประเทศ: เกาหลีใต้, ญี่ปุ่น, ไต้หวัน, ฮ่องกง, มาเก๊า, สิงคโปร์, มาเลเซีย, ไทย, เวียตนาม, อินโดนีเซีย, ฟิลิปปินส์, ออสเตรเลีย และ นิวซีแลนด์)


“หมอขนม – ดร.พญ.ภัทรชนน อัศววรฤทธิ์” RWC Clinic ขึ้นแท่นพิกัดทำสวยระดับ The Icon Legend

account_circle

ด้วยกระแสความนิยมของนวัตกรรมความงามที่มีให้เลือกสรรหลากหลาย Exclusive Talk ครั้งนี้ แพรว จึงไม่พลาดที่จะคว้าตัว “คุณหมอขนม – ดร.พญ.ภัทรชนน อัศววรฤทธิ์” (ว.48223) แห่ง RWC Clinic เจ้าของรางวัลสุดปังอย่าง The Icon Legend จากเวทีความงามแห่งปี Praew Iconic Beauty 2024 มาอัปเดตเทรนด์ความงามพร้อมแชร์ความรู้ดีๆ ให้กับคนรักสวยกันค่ะ

ความพิเศษของรางวัล The Icon Legend จาก Praew Iconic Beauty 2024 คือนับเป็นปีแรกที่มีการมอบรางวัลนี้สำหรับคลินิกความงามระดับตำนานที่ครองแชมป์ 5 ปีขึ้นไป ซึ่ง RWC Clinic ติดโผท็อปลิสต์ดังกล่าวด้วยการคว้ารางวัลสำคัญ 2 สาขา ต่อเนื่อง 5 ปีซ้อน ขึ้นแท่นระดับ Grand Honor ได้แก่ Premium Filler Center และ Facial Shape Transformation Specialist อีกทั้งยังได้รับรางวัล First Class In Service Clinic ติดต่อกัน 3 ปี ก้าวสู่ระดับ The Best เรียกว่ายืนหนึ่งยาวนานสมดีกรี

เดินหน้าพัฒนาไม่หยุดยั้ง

“RWC Clinic มุ่งมอบสิ่งที่ดีและสิ่งใหม่ๆ ให้กับผู้รับบริการตลอดระยะเวลา 7 ปี สำหรับปีที่ผ่านมาเราได้พัฒนาตัวเอง 3 ด้านหลักๆ หนึ่งคือการคัดสรรผลิตภัณฑ์ให้กับผู้รับบริการได้มีตัวเลือกที่หลากหลายมากขึ้น โดยเรามีการศึกษาเพื่อค้นหาผลิตภัณฑ์ที่เห็นผลลัพธ์ดียิ่งขึ้น ช่วยลดผลข้างเคียงระหว่างทำหัตถการ และใช้เวลาพักฟื้นหลังทำหัตถการน้อยลง ด้านที่สองคือการปรับปรุงและพัฒนาการให้บริการ โดยมีการสำรวจและสอบถามความคิดเห็นของผู้รับบริการ พร้อมนำมาพัฒนา ปรังปรุง และหาแนวทางใหม่ๆ เพื่อทำให้ผู้รับบริการเกิดความพึงพอใจและรู้สึกผ่อนคลาย เพราะสำหรับบางคนการทำหัตถการอาจทำให้รู้สึกกังวลใจ ดังนั้นเราจึงมีบริการที่พร้อมให้คำแนะนำต่างๆ เพื่อสร้างความผ่อนคลายให้กับเขา สุดท้ายด้านที่สามคือการพัฒนาทักษะและศักยภาพของแพทย์ผู้ให้บริการ โดยเราทำอย่างสม่ำเสมอ เพื่อนำความรู้ความสามารถมาใช้ในการสร้างสรรค์ผลลัพธ์ที่ดี นอกจากนี้ RWC Clinic ยังมีการพัฒนาและปรับปรุงในส่วนอื่นๆ อยู่เสมอด้วยค่ะ”

บทบาทคุณหมออินฟลูเอนเซอร์

“นอกจากการดูแลความงามภาคสนามที่ RWC Clinic แล้ว ปัจจุบันหมอยังช่วยดูแลความงามให้กับทุกคนผ่านโซเชียลมีเดียด้วยค่ะ โดยเนื้อหาหลักๆ คือการแชร์ความรู้ด้านความงาม นำเสนอผ่านคอนเท้นต์รูปแบบต่างๆ แพลตฟอร์มหลักคือยูทูป ชื่อช่อง หมอขนม Health Trends และเฟซบุ๊กใช้ชื่อเพจว่า หมอขนม Health Trends เหมือนกัน ซึ่งแรงบันดาลในการแชร์ความรู้ผ่านช่องทางออนไลน์ คืออยากเป็นอีกหนึ่งกระบอกเสียงในการแบ่งปันความรู้ด้านความงาม อยากให้ผู้รับบริการได้รับความรู้ด้านความงามที่ถูกต้อง เพื่อเป็นข้อมูลที่ช่วยในการตัดสินใจก่อนเลือกทำหัตถการใดๆ เพราะปัจจุบันมีทางเลือกที่หลากหลายในการดูแลความงาม ทั้งผลิตภัณฑ์และเครื่องมือ หมอจึงอยากให้คอนเท้นต์ที่สื่อสารออกไปเกิดประโยชน์กับผู้รับบริการมากที่สุดค่ะ”

วางแผนตอบโจทย์เทรนด์ความงาม

“เทรนด์ความงามปีนี้ หัตถการที่ช่วยเรื่องการปรับสภาพผิวค่อนข้างมาแรง ซึ่งหมอมองว่าจะได้รับความนิยมต่อเนื่องไปถึงปี 2025 รวมถึงคาดว่าจะมีการพัฒนาผลิตภัณฑ์ในส่วนนี้มากขึ้น อย่างล่าสุดทางบริษัท Allergan Aesthetics หนึ่งในผู้นำด้านเวชศาสตร์ความงามจากสหรัฐอเมริกา ก็จะเปิดตัวสารเติมเต็มกลุ่มกระตุ้นคุณภาพผิวในประเทศไทยช่วงต้นปีหน้า ซึ่งแน่นอนว่าสามารถติดตามได้ที่ RWC Clinic เพราะเราวางแผนที่จะตอบโจทย์เทรนด์ความงามอย่างเต็มที่ค่ะ

“สำหรับผลิตภัณฑ์ต่างๆ ที่ RWC Clinic คัดสรรมาให้กับผู้รับบริการ เราจะมีการศึกษาอย่างละเอียดและทดลองใช้จริงก่อนเสมอ แม้จะมีงานวิจัยรองรับจากต่างประเทศ แต่เราจะคำนึงถึงสภาพผิวของคนเอเชียเป็นหลัก เพราะสภาพผิวของคนยุโรปกับคนเอเชียมีความแตกต่างกัน ดังนั้นเราจึงต้องมีการทดสอบด้วยตัวเอง เพื่อให้มั่นใจว่าผลิตภัณฑ์นั้นๆ เหมาะสมกับสภาพผิวของคนไทยจริงๆ

“ที่สำคัญอีกอย่างคือด้านการให้บริการ ซึ่งเราเตรียมความพร้อมในการรองรับผู้รับบริการอย่างดีที่สุด ไม่ว่าจะเป็นห้องทำทรีตเม้นต์ที่มีหลายห้อง หรือห้องพักรับรองเเบบไพรเวท นอกจากนี้เรายังมีการทำแบบสำรวจความพึงพอใจของผู้รับบริการทุกครั้ง ทั้งจากการให้บริการของแพทย์และพนักงาน เพื่อนำฟีดแบ็กคำติชมและคำแนะนำต่างๆ มาพัฒนาปรับปรุงบริการให้ดีขึ้น รวมถึงเพื่อเป็นแรงบันดาลใจในการมอบผลลัพธ์และประสบการณ์ที่ดีที่สุดให้กับผู้รับบริการต่อไป”

ความสำเร็จ 5 ปีซ้อน! บนเวที Praew Iconic Beauty

“ไม่ว่าจะเป็นการได้รับรางวัลใดๆ ก็ตาม ทุกรางวัลล้วนเป็นความภาคภูมิใจ เพราะตลอดระยะเวลา 7 ปี เรามุ่งมั่นในการรักษามาตรฐานคุณภาพให้ดี ทั้งพัฒนาและปรับปรุงอย่างสม่ำเสมอ เพื่อตอบโจทย์ความต้องการที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลาตามยุคสมัย แต่ที่ภูมิใจเป็นพิเศษคือปีนี้ Praew Iconic Beauty 2024 ได้มอบรางวัล The Icon Legend ให้กับ RWC Clinic ด้วย ถือเป็นรางวัลอันทรงเกียรติที่มอบเป็นปีแรกสำหรับคลินิกความงามที่คว้ารางวัลต่อเนื่อง 5 ปี ซึ่งสะท้อนถึงความทุ่มเทของเรา ทั้งด้านการใช้สารเติมเต็มและการปรับรูปหน้า เราจึงรู้สึกขอบคุณทุกความไว้วางใจและดีใจมากๆ ค่ะ

“เคล็ดลับความสำเร็จนั้นง่ายมาก แค่เราตั้งเป้าหมายด้วยการนึกถึงผู้รับบริการเป็นหัวใจสำคัญเสมอ ซึ่งทำให้เราต้องขยันศึกษาค้นคว้าเพื่ออัปเดตความรู้ใหม่ๆ พร้อมพัฒนาและปรับปรุงการให้บริการ รวมถึงการคิดแทนผู้รับบริการเสมอว่าเขาน่าจะต้องการอะไร อยากได้รับการบริการแบบไหน ถ้าเราเริ่มต้นทุกอย่างด้วยการยึดความต้องการของผู้รับบริการเป็นที่ตั้ง สุดท้ายเราก็จะเจอแนวทางที่นำไปสู่การพัฒนาตัวเองในทุกๆ ด้าน โดยเราสัญญาว่าจะมุ่งมั่นพัฒนาและยกระดับมาตรฐานการให้บริการต่อไป เพื่อมอบประสบการณ์ที่ดีและทำให้ผู้รับบริการรู้สึกคุ้มค่าที่ตัดสินใจเลือก RWC Clinic”

ติดต่อ RWC Clinic

Facebook : https://www.facebook.com/Drkanomaesthetic

Website : https://doctorpatchanon.com/

Youtube : https://www.youtube.com/@drkanom


แฟชั่นสนามฟุตบอล! เปิดดีเทลรองเท้า Louis Vuitton ของ ลิซ่า ลลิษา

Alternative Textaccount_circle

มีวงการไหนอีกบ้างที่ ‘ลิซ่า ลลิษา‘ ยังไม่ไปเยือน เมื่อวงการเพลง ภาพยนตร์ และวาไรตี้กลายเป็นเรื่องเบสิกไปแล้ว เพราะช่วงเวลาที่ผ่านมาเธอได้มีโอกาสไปร่วมงานมากมาย ไม่ว่าขะเป็นการร่วมคิดสูตรน้ำกับแบรนด์ยอดฮิตอย่าง Erewhon ที่มีชื่อว่า ‘Thai Up the World’ และเมื่อกลางปีที่แล้ว ลิซ่า ยังเคยได้รับเกียรติทำหน้าที่โบกธงตาหมากรุก ในศึกรถสูตรหนึ่งชิงแชมป์โลก หรือ เอฟวัน รายการ ไมอามี่ ที่สนาม ไมอามี อินเตอร์เนชันแนล ออโตโดรม เมืองไมอามี ฟลอริดา ประเทศสหรัฐอเมริกา อีกด้วย

จนมาถึงอีเวนต์ล่าสุดที่  ‘ลิซ่า ลลิษา’ ได้รับให้ทำหน้าที่โยนเหรียญเสี่ยงทายเปิดเกมการแข่งขันพรีเมียร์ลีกระหว่าง ‘อาร์เซนอล’ และ ‘ท็อตแนม ฮอตสเปอร์’ ที่ Emirates Stadium ลอนดอน ประเทศอังกฤษ เรียกว่ารันทุกวงการจริงๆ

โดยลิซ่าปรากฏตัวในเสื้อลายทางสีเหลือง – น้ำเงิน และกระโปรงสั้น พร้อมรองเท้าผ้าใบ LV Footprint Soccer สีขาว ที่ได้แรงบันดาลใจมาจากกีฬาฟุตบอลและเปิดตัวครั้งแรกในแฟชั่นโชว์คอลเล็คชั่น Spring-Summer 2025 มาในดีไซน์เพรียวกระชับโดดเด่นด้านข้าง ตกแต่งอักษรย่อ LV มีชีวิตชีวา เสริมลิ้นรองเท้าประดับสัญลักษณ์ Lvers United ที่ได้แรงบันดาลใจจากทีมฟุตบอล อีกทั้งพื้นรองเท้ายางด้านนอกยังตกแต่งสัญลักษณ์เมซงหลายรูปแบบอีกด้วยค่ะ ราคาอยู่ที่ 43,400 บาท เห็นแรงบันดาลใจของรองเท้าคู่นี้แล้วต้องยอมรับจริงๆ ว่าเซนส์ด้านแฟชั่นของลิซ่านั้นไม่ธรรมดา เพราะสามารถเลือกแฟชั่นไอเท็มมาใช้ได้ถูกต้องตามสถานการณ์


ภาพ: Getty Image และ Louis Vuitton

ไขความลับ ‘กุหลาบสีน้ำเงิน’ ในวันเกิดทุกปีของเจนนี่ BLACKPINK

Alternative Textaccount_circle

รู้หรือไม่? ใครเป็นเจ้าของ ‘กุหลาบสีน้ำเงิน’ ในวันเกิดทุกปีของ เจนนี่ BLACKPINK พร้อมเปิดความหมายดอกไม้ช่อนี้

มาตามนัดทุกปี ‘ดอกกุหลาบสีน้ำเงิน’ ที่ส่งถึงหน้าประตูบ้าน เจนนี่ BLACKPINK ในทุกวันเกิด (18 มกราคม โดยปีนี้เจนนี่อายุ 29 ปี) เจ้าของดอกไม้ช่อนี้ไม่ใช่ใครที่ไหนแต่เป็น ‘คุณแม่ของเจนนี่’ นั่นเอง โดยในปีนี้เจนนี่ก็ได้แชร์รูปดอกไม้ลงบนโซเชียลเช่นเคยพร้อมแคปชั่น ‘You know what this means’

โดย ‘ดอกกุหลาบสีน้ำเงิน’ เป็นสีที่แปลกตา และหายาก (ไม่ได้เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ แต่ต้องใช้เทคนิคพิเศษเพื่อเปลี่ยนสีดอกกุหลาบ) ซึ่งมาพร้อมความหมายที่สื่อถึง “ความรักอันยั่งยืน ล้ำค่า และเพราะกระบวนการที่พิถีพิถันกว่าจะได้ดอกไม้สีนี้มายังทำให้สื่อถึงความตั้งใจในการมอบให้กับผู้รับ และในบางประเทศยังหมายถึงความรักที่ไม่มีใครเทียบได้อีกด้วย ” เพราะเป็นสิ่งที่มอบให้กับลูกสาวสุดที่รักทั้งที ดอกไม้ช่อนี้จึงเป็นของขวัญแทนใจของผู้เป็นแม่ได้เป็นอย่างดี

อีกหนึ่งความพิเศษสำหรับปีนี้ เจนนี่ได้โพสต์รูปภาพในห้องอัดเสียงบนอินสตาแกรมส่วนพร้อมทั้งข้อความ ‘COMMING SOON FOR YOU ALL’ หรือที่แปลว่า เร็วๆ นี้สำหรับทุกคน เซอร์ไพรส์ครั้งนี้ของเธอจะเป็นอะไรต้องมารอติดตามกันค่ะ

สุดท้าย แพรวขออวยพรวันเกิดให้เจนนี่ของเราได้ใช้ชีวิตอย่างมีความสุขในทุกๆ วันนะคะ


ข้อมูล: flowerlabstudio

ภาพ: Instagram @jennierubyjane

อิมเซรยอง

อิมเซรยอง นักธุรกิจกลุ่มแชโบล หวานใจตัวจริง 456 จาก Squid Game

Alternative Textaccount_circle
อิมเซรยอง
อิมเซรยอง

ทำความรู้จัก อิมเซรยอง (Lim Se Ryung) นักธุรกิจหญิงคนเก่ง รองประธานบริหารของกลุ่ม Daesung ธุรกิจใหญ่ในเกาหลีใต้ ดีกรีหวานใจตัวจริงของ อีจองแจ (Lee Jung Jae) หรือ หมายเลข 456 จาก Squid Game

Squid Game ถือเป็นผลงานมาสเตอร์พีชที่สร้างชื่อเสียงให้กับ อีจองแจ (Lee Jung Jae) นักแสดงชายมากฝีมือของเกาหลีใต้ ด้วยฝีมือการแสดงของเขาที่โดดเด่น สามารถถ่ายทอดบทบาทได้อย่างน่าประทับใจ ทำให้ผู้ชมเชื่อในตัวละครที่เขาแสดง บวกกับความนิยมที่ไม่เคยตกยุค ทำให้เขากลายเป็นนักแสดงที่หลายคนต้องการตัวมากที่สุด

และปัจจุบันเขาความนิยมของอีจองแจพุ่งขึ้นถึงขีดสุด จนกลายเป็นนักแสดงชายที่ค่าตัวแพงที่สุดในเกาหลีใต้ โดยสื่อท้องถิ่นได้รายงานว่า รายได้จากการแสดงของเขาสูงถึง  1 พันล้านวอนต่อตอน หรือ ประมาณ  20-30 ล้านบาท

ไม่เพียงความนิยมในบ้านเกิดเกาหลีใต้หรือในเอเชียเท่านั้น  เพราะตอนนี้สื่อฝั่งอเมริกาก็ดูจะให้ความสนใจกับนักแสดงวัย 52 ปี คนนี้ไม่น้อย เนื่องจากล่าสุดปาปารัสซี่ต่างชาติได้ซุ่มถ่ายภาพเขาที่ Saint-Barthélemy  เกาะยอดฮิตในทะเลแคริบเบียน ของประเทศฝรั่งเศส โดยสาวสวยที่อยู่กับเขาคือ นักธุรกิจหญิงวัย 47 ปี อิมเซรยอง (Lim Se Ryung) แฟนสาวที่คบหาดูใจกันมายาวนานถึง 10 ปี

Lim Se Ryung คือใคร?

ชื่อของ Lim Se Ryung ไม่ได้เป็นที่รู้จักในฐานะแฟนของนักแสดงชื่อดังเท่านั้น แต่เธอคือทายาทนักธุรกิจ “กลุ่มแชโบล”(ตระกูลธุรกิจที่เป็นเสาหลักของประเทศเกาหลีใต้) โดยเธอเป็นลูกสาวคนโตของ  แดซัง กรุ๊ป (Daesang Group) หนึ่งในบริษัทชั้นนำด้านอาหารของเกาหลีใต้ที่มีบทบาทสำคัญในอุตสาหกรรมอาหารทั่วโลก ผลิตสินค้าหลากหลายประเภท เช่น เครื่องปรุงรส ซอสปรุงรส อาหารหมักดอง และผลิตภัณฑ์อาหารแปรรูปอื่นๆ ปัจจุบันเป็นบริษัทข้ามชาติที่มีสาขาในกว่า 25 ประเทศทั่วโลก

Lim Se Ryung จบการศึกษา สาขาบริหารธุรกิจ มหาวิทยาลัยยอนเซ 1 ใน 3 ของมหาวิทยาลัยชั้นนำในเกาหลีใต้ ก่อนจะเดินเดินทางไปเรียนต่อที่ New York University สหรัฐอเมริกา ทั้งนี้ตั้งแต่เดือนมีนาคม 2021 Lim Se Ryung ได้เข้าดำรงตำแหน่งรองประธานของ Daesang Group

อดีตสะใภ้ Samsung

ชีวิตของ Lim Se Ryung เคยผ่านทั้งเรื่องดีเรื่องร้ายมาหนักหนาพอสมควร แต่ประเด็นที่ถูกพูดถึงมากที่สุดคงหนีไม่พ้นการเป็น อดีตสะใภ้ Samsung ย้อนกลับไปในอดีต อิมเซรยองได้แต่งงานกับอีแจยอง ประธานซัมซุงอิเล็กทรอนิกส์ เมื่อปี 1998 โดยทั้งคู่ใช้ชีวิตในต่างประเทศ และมีลูกด้วยกัน 2 คน เป็นชายหนึ่งคนชื่อ  อีจีโฮ หญิงหนึ่งคนชื่อ  อีวอนจู แต่ต่อมาในปี 2009 สื่อท้องถิ่นก็ได้รายงานข่าวการฟ้องหย่า โดย Lim Se Ryung เรียกร้องค่าเลี้ยงดูเป็นจำนวนเงิน 70 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือ ประมาณ 2,418 บาท

ความรักเบ่งบานอีกครั้ง

อย่างไรก็ตามเธอได้รับโอกาส ความรักของเธอเบ่งบานขึ้นอีกครั้งในปี 2015 กับ อีจองแจ โดยทั้งคู่ได้เปิดตัวกันอย่างเป็นทางการในปี 2010 แม้ว่าทั้งคู่จะมีความแตกต่างกันในหลายๆ ด้าน แต่ความรักของพวกเขาก็มั่นคงและยาวนาน และถึงจะถูกจับตามองจากสาธารณชนอย่างใกล้ชิดแต่ทั้งสองก็สบายใจที่จะเปิดเผยความสัมพันธ์ของพวกเขาอย่างเป็นทางการ เราจึงมักเห็นภาพของทั้งคู่ร่วมงานอีเว้นต์  หรือไปเที่ยวพักผ่อนด้วยกันอยู่บ่อยๆ  เติมความหวานสม่ำเสมอแบบนี้ไม่แปลกใจเลยที่ความรักยืนยาว

อิมเซรยอง

สามารถติดตามอ่านบทความอื่นๆ เพิ่มเติมได้ที่นี่

ทายาทมหาเศรษฐีเกาหลีใต้ อีวอนจู เจ้าหญิงน้อยแห่งตระกูล Samsung

ทำตามฝัน แฮมยอนจี ทายาทแชโบล เศรษฐีเกาหลีใต้ สู่การเป็นนักแสดงมิวสิคเคิล

เรื่องจริงไม่จ้อจี้! อีอีคยอง ลูกชายแท้ๆ ประธาน LG Innotek แห่งเกาหลีใต้

พัคจีฮยอน กำลังได้รับความสนใจว่ามีความคล้ายคลึง ทายาทแชโบล

สังคมเกาหลีตั้งคำถาม ไฮโซสาว ฮวางฮานา เล่นไอจีได้แม้ขณะถูกจับ

จบชีวิตลูกคุณหนู ฮวางฮานา หมดสภาพไฮโซเกาหลี ถูกจับข้อหาเสพและค้ายา

ซีรีส์เกาหลี

10 ซีรีส์เกาหลี น่าจับตามอง 2025 การกลับมาของพระเอก-นางเอก A-List

Alternative Textaccount_circle
ซีรีส์เกาหลี
ซีรีส์เกาหลี

ปี 2025 เป็นอีกปีที่แฟน ซีรีส์เกาหลี ต้องเตรียมตัวให้พร้อม เพราะมีซีรีส์เรื่องใหม่ ๆ ที่น่าสนใจมากมายรอให้ได้ติดตาม ทั้งแนวโรแมนติก ดราม่า แอ็คชั่น และแฟนตาซี แถมปีนี้ยังเป็นการกลับมาของเหล่า พระเอกเกาหลี นางเอกเกาหลี ระดับเอลิสต์ ที่โดดเด่น และน่าดึงดูด รวมถึงมีผลงานที่ประสบความสำเร็จอย่างต่อเนื่อง ทำให้พวกเขากลายเป็นขวัญใจของผู้ชมทั้งในและต่างประเทศ เช่นนั้นเรามาลองส่องดูกันว่ามีซีรีส์เรื่องไหนน่าสนใจบ้าง

1.When the Stars Gossip

เรียกว่าเป็นการโคจรมาเจอกันได้อย่างเซอร์ไพร้ส์จริงๆ สำหรับ ดาวระยิบกระซิบรัก (When the Stars Gossip) ผลงานล่าสุดของ กงฮโยจิน ยอดหญิงรอมคอม และ  อีมินโฮ  พระเอกคอมเมดี้ โดยดาวระยิบกระซิบรัก (When the Stars Gossip) เป็นซีรีส์เกาหลีแนวโรแมนติกคอมเมดี้ที่จะผลักดันขีดจำกัดของเรื่องราวรักโรแมนติกอย่างแท้จริง เพราะตัวละครจะต้องออกไปสู่อวกาศเบื้องบน โดยเล่าถึงความสัมพันธ์ระหว่างนักบินอวกาศหญิงผู้ไม่ชอบความผิดพลาด (รับบทโดยกงฮโยจิน) กับสูตินรีแพทย์หนุ่มที่ออกมาท่องเที่ยวนอกโลก (รับบทโดย อีมินโฮ) ซีรีส์เรื่องนี้จะพาผู้ชมไปสัมผัสประสบการณ์ความรักที่เกิดขึ้นในสถานที่ที่ไม่คาดคิดที่สุด นั่นก็คือ สถานีอวกาศในวงโคจรต่ำของโลก (Low Earth Orbit) รับชมตอนใหม่ได้ทุกวันเสาร์และวันอาทิตย์ที่ Netflix

ซีรีส์เกาหลี

2.My Youth

หลังจากผลงาน Reborn Rich ซงจุงกิ ก็ยังไม่มีซีรีส์ให้แฟนคลับได้ติดตามเลย แต่ในปีนี้เขาจะกลับมาพร้อมกับผลงานใหม่ My Youth (ชื่ออย่างไม่เป็นทางการ) ประกบคู่กับนางเอก ชอนอูฮี สำหรับเรื่องนี้เป็นซีรีส์โรแมนติกที่ให้ ข้อคิดเกี่ยวกับชีวิต ความรัก และการเติบโต ซีรีส์สอนให้เราเรียนรู้ที่จะให้อภัย และให้โอกาสตัวเองได้เริ่มต้นใหม่ เล่าถึงเรื่องราวของสองคนที่เคยมีความผูกพันกันในวัยเด็ก รักแรกหวานชื่น แต่ต้องพลัดพรากจากกัน และได้กลับมาพบกันอีกครั้งในวัยผู้ใหญ่ ซึ่งซีรีส์จะพาเราไปสัมผัสกับความรัก ความผูกพัน และการเติบโตของตัวละครทั้งสองพร้อมสร้างช่วงเวลาที่สวยงามอีกครั้ง

My Youth

3.Slowly and Intensely

“Slowly and Intensely  เป็นซีรีส์โปรเจกต์ยักษที่ทุ่มทุนสร้างกว่า 1,600 ล้านบาท นำแสดงโดย 2 นักแสดงระดับแม่เหล็กของวงการ  “กงยู” และ “ซงฮเยคโย” ซุปตาร์ระดับแนวหน้าของเกาหลีใต้ ซีรีส์เล่าถึงชีวิตของเหล่าคนดังบนเวทีและชีวิตของผู้คนเบื้องหลังความสำเร็จของพวกเขาในยุคทองของวงการบันเทิงเกาหลีใต้ โดยกงยูและซงฮเยคโย จะมาสวมบทบาทเป็นนักแสดงในยุคนั้น ซึ่งทั้งคู่ต้องเผชิญหน้ากับทั้งความรัก ความเจ็บปวด และความกดดันในวงการบันเทิงที่เต็มไปด้วยการแข่งขัน

Slowly and Intensely

4.Knock-Off

อีกหนึ่งซีรีส์เกาหลีสุดปังที่คุณต้องจับตามอง! Knock-Off ซีรีส์ดราม่าของพระเอกหนุ่มสุดฮ็อตขวัญใจสาวๆ คิมซูฮยอน และนักแสดงหญิงมากความสามารถ โจโบอา โดยเล่าถึงด้านมืดของสินค้าลอกเลียนแบบ Knock-Off เล่าเรื่องราวของ Sungjun ชายผู้ชีวิตพังทลายหลังวิกฤตการณ์ทางการเงินในเอเชีย ในปี 2540 เขาพยายามสร้างชีวิตใหม่ด้วยการไต่เต้าขึ้นสู่วงการสินค้าลอกเลียนแบบ เพื่อเริ่มต้นชีวิตใหม่ในโลกที่เต็มไปด้วยความเสี่ยงและการหลอกลวง ออกอากาศทาง Disney+ Hotstar

Knock-Off

5.Unmasked

อีกหนึ่งเรื่องที่ออกอากาศให้แฟนๆได้ชมกันแล้ว แถมได้รับกระแสดจากแฟนๆ Unmasked นำแสดงโดยขวัญใจมหาชน คิมฮเยซู ร่วมด้วย จองซองอิล และ จูจงฮยอก Unmasked เป็นเรื่องราวของทีมผู้สื่อข่าวเชิงสืบสวนที่กำลังเผชิญกับอนาคตที่ไม่แน่นอนของรายการพวกเขา หลังการออกอากาศข่าวที่ได้สร้างความขัดแย้งอย่างรุนแรง เมื่อเวลาของพวกเขาในอาชีพนี้เหลือน้อยลงทุกที และหากต้องการรักษางานของตัวเองเอาไว้ ทีมงานนี้จะต้องเอาชนะอุปสรรคและความท้าทายด้วยโอกาสที่แทบจะเป็นไปไม่ได้ นั่นคือการไขคดีปริศนาที่ถูกปิดตายมานานถึงยี่สิบปี ซึ่งเกี่ยวข้องกับนักแสดงชื่อดังที่หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย ออกอากาศทาง Disney+ Hotstar

Unmasked

6.The Trauma Code: ชั่วโมงโกงความตาย (The Trauma Code: Heroes on Call)

และซีรีส์ที่กำลังจ่อคิวออกอากาศ The Trauma Code: ชั่วโมงโกงความตาย (The Trauma Code: Heroes on Call)  ซีรีส์เกาหลีแนวการแพทย์ ที่เข้มข้นทั้งแอคชั่น ดราม่า และความฮา  นำแสดงโดย จูจีฮุน รับบทเป็น แพคคังฮยอก ศัลยแพทย์อัจฉริยะที่มีประสบการณ์ในสมรภูมิยาวนาน หลังจากทำงานกับหน่วยทหารรับจ้าง Black Wings แพคคังฮยอกถูกเชิญมาเป็นอาจารย์แพทย์ด้านศัลยศาสตร์อุบัติเหตุในโรงพยาบาลชั้นนำของเกาหลี แพคคังฮยอกยึดมั่นในหลักการช่วยชีวิตผู้ป่วยเป็นอันดับแรก มิใช่เพื่อเงินหรือเกียรติยศใดๆ แต่เขาต้องเผชิญกับปัญหาเมื่อศูนย์อุบัติเหตุฉุกเฉินของเขาเผชิญกับการตัดงบประมาณเพราะใช้เงินมากเกินไป มาร่วมลุ้นระทึกไปกับเส้นทางการสร้างศูนย์อุบัติเหตุฉุกเฉินในประเทศเกาหลี ซึ่งยังไม่มีศัลยศาสตร์อุบัติเหตุอย่างเป็นทางการ ออกอากาศวันที่ 24 มกราคม 2025  รับชมได้ทาง Netflix

The Trauma Code

7.KARMA

KARMA ซีรีส์เกาหลีแนวแฟนตาซี-โรแมนติกที่กำลังมาแรงและได้รับความสนใจอย่างมากจากแฟนซีรีส์เกาหลี โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับการกลับมาของนางเอกสาวสวย ชินมินอา ที่กลับมาพร้อมกับบทบาทที่ท้าทายและแตกต่างจากผลงานก่อนหน้านี้ โดย KARMA เป็นซีรีส์แฟนตาซีและโรแมนติก ที่มีความน่าติดตามตลอดทั้งเรื่อง เล่าเรื่องราวเกี่ยวกับกลุ่มคนที่ชีวิตผูกพันกันด้วยโชคชะตาอันเลวร้าย โดยแต่ละคนต่างมีปมในใจและความลับที่ซ่อนอยู่ เมื่อเหตุการณ์ไม่คาดคิดเกิดขึ้น ทำให้พวกเขาต้องเผชิญหน้ากับอดีตที่ตามหลอกหลอน และค้นหาความจริงที่ซ่อนอยู่เบื้องหลัง

KARMA

8.All the Love You Wish For

นับเป็นการกลับมาพบกันในรอบ 8 ปี หลังจากร่วมงานกันในซีรีส์ Uncontrollably Fond สำหรับคู่พระนางที่แฟนๆ รอคอยมากที่สุด คิมอูบิน และ ซูจี ซึ่งการรวมตัวของทั้งคู่ครั้งนี้ ทำให้แฟนๆ ต่างตั้งตารอที่จะได้เห็นเคมีที่น่าสนใจระหว่างซูจีในบทบาทหญิงสาวผู้ไร้อารมณ์ และคิมอูบินในบทบาทจินนี่สุดป่วน “All The Love You Wish For” เป็นซีรีส์รอมคอม โรแมนติก แฟนตาซี เรื่องราวเกี่ยวกับจินนี่ผู้มีอารมณ์อ่อนไหวที่ติดอยู่ในตะเกียงเป็นเวลาพันปี และผู้หญิงที่ช่วยให้เขาพ้นจากการถูกลงทัณฑ์ ซึ่งจะนำไปสู่เรื่องราวความรักที่แสนโรแมนติกและความฮาปนประหลาดใจ

9.Can This Love Be Translated

หลังจากประสบความสำเร็จกับบทบาทในซีรีส์ Hometown Cha-Cha-Cha คิมซอนโฮ ที่จะกลับมาสร้างความประทับใจให้กับแฟนๆ อีกครั้งในบทบาทล่ามหนุ่มสุดอัจฉริยะที่สามารถพูดได้หลายภาษา กับเรื่อง Can This Love Be Translated ซีรีส์โรแมนติกคอมเมดี้ เล่าเรื่องราวของ จูโฮจิน (คิมซอนโฮ) ล่ามหนุ่มอัจฉริยะที่สามารถพูดได้หลายภาษา เขาได้มาเป็นล่ามส่วนตัวให้กับ ชามูฮี (โกยุนจอง) นักแสดงสาวชื่อดัง ทั้งคู่ต้องเผชิญหน้ากับอุปสรรคและความเข้าใจผิดมากมาย เนื่องจากความแตกต่างทางภาษาและไลฟ์สไตล์ รับชมได้ทาง Netflix

Can This Love Be Translated

10.Mercy For None

Mercy For None ซีรีส์เกาหลี แนวอาชญากรรม ดราม่า ที่แฟนๆ ต่างรอคอย นำแสดงโดยนักแสดงมากฝีมือ โซจีซบ ที่จะกลับมาสู่บทบาทอันตรายอีกครั้งในฐานะอดีตนักเลงที่ต้องการแก้แค้น เล่าถึงเรื่องราวของ นัมกีจุน (โซจีซบ) อดีตนักเลงผู้แข็งแกร่งที่เคยผ่านการต่อสู้มาอย่างโชกเลือดโชกเนื้อ เมื่อน้องชายของเขาที่เข้าร่วมแก๊งคู่แข่งเสียชีวิตอย่างปริศนา กีจุนจึงตัดสินใจกลับเข้าสู่วงการอันตรายอีกครั้ง เพื่อตามหาความจริงและแก้แค้นให้กับน้องชาย รับชมได้ทาง Netflix

Mercy For None

สามารถติดตามอ่านบทความอื่นๆ เพิ่มเติมได้ที่นี่

กงฮโยจิน ยอดหญิงรอมคอม และ อีมินโฮ พระเอกคอมเมดี้

ย้อนดูฉาก Kiss Scene ในตำนานของ อีมินโฮ พระเอกจูบสมจริง

เปิดเครื่องบินเจ็ท “นิตา อัมบานี” พร้อมห้องนอนสุดอลังฯ 2,300 ล้านบาท!

account_circle

เมื่อพูดถึงความหรูหราระดับมหาเศรษฐี หนึ่งในคนที่เราจะนึกถึงทันทีคือ นิตา อัมบานี ภรรยาของมูเกช อัมบานี เจ้าของตำแหน่งมหาเศรษฐีที่รวยที่สุดในเอเชีย แน่นอนว่าทุกอย่างที่เกี่ยวกับเธอนั้นต้องไม่ธรรมดา โดยเฉพาะของขวัญวันเกิดชิ้นใหญ่จากสามีสุดที่รักอย่าง เครื่องบินเจ็ทส่วนตัว Airbus 319 ที่เรียกได้ว่าทำให้การเดินทางกลายเป็น “โรงแรมห้าดาวติดปีก” ไปเลยทีเดียว

ของขวัญวันเกิดที่ทำให้ทุกคนต้องตะลึง

(Photo by JoanValls/Urbanandsport /NurPhoto via Getty Images)

ในปี 2007 มูเกชจัดเต็มความเซอร์ไพรส์ด้วยเจ็ตลำนี้ มูลค่ากว่า 2,300 ล้านบาท! ภายในถูกออกแบบมาเพื่อความสะดวกสบายขั้นสุด มีที่นั่งรองรับ 10-12 คน พร้อมห้องนอนหลักสุดหรูที่มาพร้อมห้องน้ำส่วนตัว ครบจบในที่เดียว เหมาะสำหรับการเดินทางไกลที่ต้องการความสบายแบบจัดเต็ม

เจ็ตลำนี้ไม่ได้มีไว้โชว์!

นอกจากใช้เดินทางไปทำงานหรือท่องเที่ยว เจ็ตลำนี้ยังถูกใช้งานจริงจังในโอกาสพิเศษ เช่น งานแต่งของลูกชายคนเล็ก อนันต์ อัมบานี ซึ่งกลายเป็นไฮไลต์หนึ่งในงานเมื่ออนันต์ถึงกับส่งเครื่องบินไปรับ ธีเรนทรา ศาสตรี นักเทศน์ชื่อดังที่เขาเคารพ แม้ว่าศาสตรีจะลังเลเพราะงานแน่นมาก แต่เมื่อเจอการดูแลระดับ VIP ที่อบอุ่นขนาดนี้ ก็ต้องยอมใจและมาร่วมงานจนได้

หรูหราเกินใคร!

(Photo by Prodip Guha/Getty Images)

นอกจากเครื่องบินแล้ว เธอยังเป็นที่รู้จักในฐานะสาวสายแฟชั่นและนักสะสมอัญมณีตัวแม่ที่มักจะอวดโฉมด้วยเครื่องเพชรระดับตำนาน เช่น มรดกจากยุคโมกุล ซึ่งทุกครั้งที่เธอปรากฏตัว ก็จะกลายเป็นที่จับตามองทั้งวงการ

จะว่าไปแล้ว ของขวัญจาก มูเกช อัมบานีคนนี้ไม่ธรรมดาจริง ๆ เพราะเขาไม่ได้ซื้อแค่เป็นของขวัญ แต่ยังคิดถึงความสะดวกสบายของภรรยาในทุกๆ รายละเอียด นี่สิ! ความรักที่หรูหราแบบฉบับคนรวยตัวจริง


CHUANG Asia Season 2

เปิดตัว 5 เมนเทอร์สุดปัง! CHUANG Asia Season 2

Alternative Textaccount_circle
CHUANG Asia Season 2
CHUANG Asia Season 2

แบมแบม – ญาญ่า – เจฟ-สวีหมิงฮ่าว-เทีย เรย์ เปิดตัว 5 เมนเทอร์สุดปัง! CHUANG Asia Season 2 พร้อมรับชมทั่วโลก 2 ก.พ.

เซอร์ไพร์สแรงๆเปิดตัวอย่างเป็นทางการ รายการรายการเซอร์ไวเวอร์ดังระดับโลก “CHUANG ASIA Season 2” เรียกเสียงฮือฮาทั้งโลกออนไลน์ ปล่อยหมัดเด็ดภาพโปรโมตอย่างเป็นทางการรายการ

เปิดตัว 5 เมนเทอร์ระดับแนวหน้าที่จะมาร่วมสร้างสีสันและดึงศักยภาพของเด็กฝึกให้เฉิดฉายบนเวทีระดับโลก ซึ่งประกอบไปด้วยศิลปินและผู้เชี่ยวชาญจากหลากหลายวงการ ได้แก่ “THE 8 (Xu Minghao) “สวีหมิงฮ่าว” ไอดอล K-POP เชื้อสายจีนจากวง SEVENTEEN และ ซุปเปอร์สตาร์ชาวไทยสุดฮอตอย่าง “แบมแบม – กันต์พิมุกต์” รวมไปถึงการกลับมาเป็นเมนเทอร์อีกครั้ง ของศิลปินหนุ่มหล่อเสน่ห์แรง อย่าง “เจฟ ซาเตอร์” , ดีว่าสาวเสียงดี สายทรงพลังจากประเทศจีน “TIA RAY” (เทีย เรย์)

และปิดท้ายด้วยเซอร์ไพรส์จากขวัญใจของคนไทย “ญาญ่า – อุรัสยา” นางเอกสาวคนเก่ง ที่ได้พลิกบทบาทครั้งสำคัญมานั่งแท่นเป็นเมนเทอร์ในรายการนี้เป็นครั้งแรก พร้อมร่วมสร้างแรงบันดาลใจให้ผู้เข้าแข่งขันด้วยความสง่างามและพรสวรรค์ที่เต็มเปี่ยม ที่ไม่เพียงแค่เป็นตัวแทนของความเป็นไทยในเวทีระดับเอเชีย แต่ยังเป็นต้นแบบของความพยายามและความอ่อนโยนที่พร้อมส่งต่อแรงบันดาลใจให้กับเด็กฝึก 

CHUANG Asia Season 2

เรียกได้ว่าโปรดิวเซอร์และเมนเทอร์ซีซั่นนี้สร้างความฮอตในโลกออนไลน์อย่างมาก เต็มไปด้วยข้อความคอมเมนต์ในทันทีที่รายชื่อเมนเทอร์ถูกเผยแพร่ ได้รับกระแสตอบรับจากแฟนๆ ในโซเชียลมีเดียทั่วเอเชียก็ร้อนแรงเกินคาด รวมไปถึงแฮชแท็กที่เกี่ยวกับรายการติดเทรนด์อันดับ 1 ในหลายประเทศภายในไม่กี่ชั่วโมง แสดงถึงความคาดหวังและความตื่นเต้นของผู้ชมที่รอชมความเข้มข้นของซีซั่นใหม่นี้

รายการเซอร์ไวเวอร์ดัง “CHUANG Asia Season 2” พร้อมปักหมุดพบกันทุกเย็นวันอาทิตย์ เวลา 16.50 น. จะเริ่มออกอากาศในวันที่ 2 กุมภาพันธ์ ทางช่อง 33 HD และรับชมแบบเต็มอิ่มเต็มอารมณ์ Full Version ทาง WeTV

อิทธิพลของศิลปิน K-POP! 7 ไอเท็มคนดังปลุกกระแสแฟชั่นแบรนด์

Alternative Textaccount_circle

ไม่สามารถปฏิเสธได้ว่า ปัจจุบันศิลปิน K-POP มีอิทธิพลต่อสังคมมากขนาดไหน สังเกตได้จากกลุ่มแฟนคลับทั่วโลกที่ขยายเพิ่มขึ้นทุกวัน รวมถึงเทรนด์ต่างๆ ก็ยึดโยงอยู่กับเหล่าคนดังเหล่านี้อยู่ไม่น้อย ตั้งแต่แฟชั่น Y2K ที่ได้สาวๆ NewJeans มาถ่ายทอดลุแห่งอดีตให้กลับมาเป็นกระแสอีกครั้ง ไปจนถึงดีเทลโบสุดคิวต์ที่เจนนี่ BLACKPINK คลั่งไคล้ จนทำให้ใครต่อใครพากันฮิตประดับโบตามไปช่วงหนึ่ง

นอกจากนี้ยังมีไอเท็มชิ้นเล็กชิ้นน้อยที่ศิลปินหยิบมาสวมใส่ก็มักกลายเป็นกระแสอยู่บ่อยๆ จนทำให้แบรนด์ขายดีถึงขั้นเกลี้ยงสต็อคกันเลยทีเดียว! บทความนี้ แพรวจึงรวมแฟชั่นไอเท็มชิ้นดังกล่าวที่สร้างปรากฏการณ์ที่ว่านี้มาให้ทุกคนได้ชมกันค่ะ

ชานเรือนนาข่า

คนแรกยังไงก็ต้องเป็น ‘ลิซ่า ลลิษา’ ศิลปินที่ทรงอิทธิพลในทุกแวดวง เพราะไม่ว่าจะขยับตัวทำอะไรก็เป็นกระแสไปเสียหมด ไม่ต่างกับครั้งที่เธอกลับมาเยี่ยมบ้านที่ประเทศไทย พร้อมไปทำบุญกับแก๊งเพื่อนและครอบครัวที่จังหวัดอยุธยา ซึ่งลิซ่าได้สวมใส่ชุดผ้าไทยจากร้านของคุณแม่เพื่อนสนิทอย่าง ‘เดียร์น่า ฟลีโป’ หลังจากนั้นก็เป็นไปตามคาด ไอเท็มดังกล่าวขายดีเทน้ำท่า จนต้องเปิดรอบพรีออเดอร์เลยทีเดียว!

CASIO

แม้เป็นแบรนด์ที่หลายคนรู้จักอย่างดี แต่เมื่อไม่นานมานี้ก็กลายเป็นที่ฮือฮาในหมู่ NCTzen อีกครั้ง เมื่อ ‘โดยอง’ หนึ่งในสมาชิก NCT ใส่นาฬิกา Casio รุ่น AQ-230 A ในรายการวาไรตี้ ทันทีที่แฟนคลับสังเกตเห็นและนำมาโพสต์ลงบนโลกโซเชียลว่านี่เป็นไอเท็มราคาดีที่เราสามารถซื้อตามได้ อีกทั้งยังมีดีไซน์สุดคลาสสิก ใส่ได้ทั้งผู้หญิงและผู้ชาย ไม่นานหลังจากนั้นนาฬิการุ่นดังกล่าวก็ถูกจับจองโดยเหล่าเส้นทันที

BLUE ELEPHANT

ไอเท็มต่อไปเป็นแว่นตารุ่น Andy จาก BLUE ELEPHANT โดยศิลปินของเราก็ไม่ใช่ใครที่ไหนแต่เป็น แฮชาน NCT และ โชซึงยอน ที่ทั้งคู่ได้สวมแว่นตาดีไซน์กรอบใสอันนี้ในชีวิตประจำวันจนกลายเป็นไวรัล และทำให้แบรนด์กลายเป็นที่รู้จักมากขึ้นไปโดยปริยาย แน่นอนว่าราคาอยู่ในเรทที่รับได้เช่นกัน

SCULPTOR

แฟชั่นแบรนด์เกาหลีที่ตอนนี้มาเปิด Pop-Up Store ในประเทศไทยเรียบร้อย นั่นเพราะกระแสจากศิลปิน K-POP ที่หยิบเสื้อผ้าแบรนด์นี้มาสวมใส่อยู่บ่อยๆ แต่คนแรกที่ทำให้แบรนด์เป็นกระแสคือ เจนนี่ BLACKPINK กับกางเกงขายาวที่มีกิมมิกเก๋ๆ โชว์ดีเทลเหมือนมีกางเกงชั้นในสกรีนชื่อแบรนด์โผล่มา หลังจากนั้นก็ยังมีศิลปินอีกหลายคนที่ใส่เสื้อยืด, สายเดี่ยว, ปาดไหล่ จากแบรนด์นี้เช่นค่ะ

MARITHE

ยังคงอยู่กับแบรนด์จากประเทศเกาหลีกับ MARITHE ที่ได้ยินชื่อแล้ว ไอเท็มแรกที่ลอยมาคงเป็นเสื้อยืดสกรีนโลโก้แบรนด์ที่เป็นไวรัลในโซเชียลเพราะ เจนนี่ BLACKPINK สวมใส่เช่นเคย และปัจจัยอีกหนึ่งอย่างที่ทำให้แบรนด์แมสได้ขนาดนี้ก็ยังคงเป็นราคาที่อยู่เพียงหลักพันเท่านั้น

RONRON

สมกับตำแหน่งแฟชั่นนิสต้าที่หลายคนยอมรับจริงๆ เพราะคร็อปท็อปตัวต่อมาก็ยังเป็นกระแสจากเจนนี่ BLACKPINK อีกเช่นเคยที่สวมใส่เสื้อยืดตัวจิ๋วสกรีนลายโบสุดคิวต์จนทำให้แฟนคลับต้องพรีออเดอร์ตามกันถล่มทลาย

LORES

สุดท้ายกับศิลปินสุดฮ็อตอย่าง ‘มาร์ค ต้วน’ ที่ได้สวมสเวตเตอร์จากแบรนด์ LORES ด้วยดีไซน์สตรีทเข้าถึงง่าย เหมาะกับทุกเพศและช่วงอายุ ทำให้เสื้อตัวดังกล่าวขายดีไปโดยปริยาย


ทริครับมือปัญหา 'ผิวแห้ง' ขาดความชุ่มชื้น ที่มาพร้อมกับอากาศหนาวเย็น

ทริครับมือปัญหา ‘ผิวแห้ง’ ขาดความชุ่มชื้น ที่มาพร้อมกับอากาศหนาวเย็น

Alternative Textaccount_circle
ทริครับมือปัญหา 'ผิวแห้ง' ขาดความชุ่มชื้น ที่มาพร้อมกับอากาศหนาวเย็น
ทริครับมือปัญหา 'ผิวแห้ง' ขาดความชุ่มชื้น ที่มาพร้อมกับอากาศหนาวเย็น

ช่วงนี้อากาศหนาวมากกว่าปกติ นอกจากจะทำให้รู้สึกเย็นสบายแล้ว ยังส่งผลให้เกิดอาการ ผิวแห้ง แสบ คันและลอก เนื่องจากความชื้นสัมพัพธ์ในอากาศลดลง ทำให้ผิวหนังสูญเสียความชุ่มชื้นได้ง่าย ปกติร่างกายของคนเราจะมีการคายความชุ่มชื้นเพื่อหล่อเลี้ยงผิวหนังอยู่ตลอดเวลา ซึ่งกระบวนการนี้เรียกว่า Transepidermal Water Loss (TEWL) โดยจะเกิดมากหรือน้อยขึ้นอยู่กับความชื้นในอากาศ และสภาพผิวของแต่ละบุคคล หากผิวมีโครงสร้างผิวสมบูรณ์แข็งแรง อัตราการเกิดกระบวนการ TEWL ก็จะน้อยกว่าผิวที่อ่อนแอ ผิวก็จะดูเรียบเนียน เต่งตึง มีสุขภาพดี

โดยสามารถเพิ่มระดับความชุ่มชื้นและป้องกันการสูญเสียน้ำของผิวได้ด้วยการเลือกใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวที่มีส่วนผสมของมอยส์เจอไรเซอร์ (Moisturizer) โดยสามารถแบ่งออกเป็น 3 ชนิด ได้แก่

  • ชนิดปิดกั้นไม่ให้น้ำซึมผ่าน (Occlusives) ทำหน้าที่เหมือนฟิล์มเคลือบผิวหนัง ป้องกันไม่ให้ความชื้นที่ผิวหนังระเหยไป มีประสิทธิภาพในการรักษาความชื้นที่ผิวหนังได้ถึง 98% แต่เมื่อโดนน้ำก็จะละลายหรือหลุดออกง่าย ต้องทาซ้ำอยู่บ่อยๆ จนอาจทำให้รู้สึกเหนอะหนะและสร้างความรำคาญได้ ตัวอย่างเช่น ปิโตรเลียมเจลลี, น้ำมันแร่ (Mineral oil), พาราฟิน (Paraffin) เป็นต้น
  • ชนิดเคลือบผิวหนัง (Emollients) ลักษณะใกล้เคียงกับชนิดปิดกั้นไม่ให้น้ำซึมผ่าน แต่ต่างกันที่สามารถซึมลงสู่ชั้นผิวหนังได้ ทำหน้าที่ควบคุมระดับความชื้นของผิวให้กลับมาสู่สภาวะปกติ โดยจะเติมร่องผิวชั้นนอกช่วยให้ผิวเรียบเนียนนุ่มตัวอย่างเช่น น้ำมันรำข้าว, โกโก้บัตเตอร์, เซราไมด์ เป็นต้น
  • ชนิดดูดซับน้ำจากอากาศ (Humectants) ทำหน้าที่เพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิวหนังชั้นนอกด้วยการดักจับน้ำหรือความชื้นในอากาศหรือดึงน้ำจากผิวชั้นใน โดยมักจะใช้ร่วมกับส่วนผสมอื่น เพื่อเสริมประสิทธิภาพในการกักเก็บความชุ่มชื้น ตัวอย่างเช่น สารสกัดจากพืชทะเลทราย (Myrothamnus), ว่านหางจระเข้ เป็นต้น

การเลือกใช้มอยส์เจอไรเซอร์ที่เหมาะสมกับผิวแต่ละประเภทจึงเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ช่วยส่งเสริมให้ผิวมีสุขภาพดี ควรเป็นผลิตภัณฑ์ที่ปราศจากน้ำหอม สารที่อาจก่อให้เกิดการแพ้หรือระคายเคือง และไม่ก่อให้เกิดสิว 

สำหรับทริคดูแลผิวหน้าป้องกันการขาดความชุ่มชื้นที่อยากแนะนำเพิ่มเติม

  1. ล้างหน้าด้วยน้ำที่อุณหภูมิปกติ เพราะน้ำที่อุณหภูมิสูงเกินไปจะทำให้ผิวแห้งและลอกมากยิ่งขึ้น
  2. ทาครีมบำรุงผิวหลังอาบน้ำภายใน 3-5 นาที ขณะที่ผิวยังหมาด เพื่อช่วยกักเก็บความชุ่มชื้น
  3. ฟื้นบำรุงผิวหน้าให้กระจ่างใสด้วยการมาส์กหน้าประเภทบำรุง อย่างน้อยสัปดาห์ละ 1-2 ครั้ง
  4. อย่าลืมครีมกันเเดดเป็นประจำ เพราะช่วงฤดูหนาวที่อากาศแห้งผิวจะสูญเสียความชุ่มชื้นได้ง่ายกว่าปกติ หากปล่อยไว้โดยไม่ได้รับการดูแลจะนำไปสู่ปัญหาริ้วรอย และความหมองคล้ำ
  5. กินอาหารที่มีประโยชน์และจิบน้ำตลอดวันให้เพียงพอ เพื่อทำให้ผิวไม่แห้ง ดูเต่งตึง และอิ่มน้ำ
  6. นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ เพื่อให้ร่างกายได้ซ่อมแซมและฟื้นฟูส่วนที่สึกหรอได้ดี

Photo: Pexels


The Wireless House One Bangkok

เปิดวาร์ป The Wireless House One Bangkok ประตูสู่ประวัติศาสตร์ของถนนวิทยุ

Alternative Textaccount_circle
The Wireless House One Bangkok
The Wireless House One Bangkok

แพรวพาเปิดวาร์ปอีกหนึ่งพิกัดดีต่อใจจาก วัน แบงค็อก แลนด์มาร์คระดับโลกใจกลางกรุงเทพฯ ซึ่งเปิดตัว เดอะ ไวร์เลส เฮาส์ วัน แบงค็อก (The Wireless House One Bangkok) โครงการอนุรักษ์อาคารสถานีวิทยุโทรเลขศาลาแดง พร้อมจัดแสดงนิทรรศการถาวรบอกเล่าเรื่องราวความเป็นมาของพื้นที่ตั้งโครงการอันเป็นที่มาของชื่อ “ถนนวิทยุ”

The Wireless House One Bangkok

โดยนำเสนอประวัติศาสตร์ของสถานีวิทยุโทรเลขแห่งแรกของประเทศไทย ซึ่งถือเป็นสัญลักษณ์แห่งความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีการสื่อสารให้ผู้มาเยือน วัน แบงค็อก ได้ร่วมสัมผัสประสบการณ์และเรียนรู้รากเหง้าอันทรงคุณค่า (Sense of Rootedness) ของพื้นที่ พร้อมเรื่องราวการเปลี่ยนแปลงจากทุ่งนาในอดีตสู่ย่านธุรกิจสำคัญของกรุงเทพฯในปัจจุบันโดย วัน แบงค็อก และนำมาเป็นแรงบันดาลใจในการสร้างสรรค์เมืองที่เป็นต้นแบบแห่งอนาคต

The Wireless House One Bangkok

จรินทร์ทิพย์ ชูหมื่นไวย ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายกลยุทธ์การสร้างแบรนด์ และผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายศิลปะและวัฒนธรรม โครงการ วัน แบงค็อก กล่าวว่า “วัน แบงค็อก ให้ความสำคัญและวางแนวทางในการผสานองค์ประกอบทางศิลปะและวัฒนธรรมในพื้นที่ต่างๆ ตั้งแต่เมื่อเริ่มต้นโครงการ และตั้งใจรักษาคุณค่าทางประวัติศาสตร์ของพื้นที่ พร้อมนำมาสืบสานต่อยอดเพื่อเป็นประโยชน์ต่ออนาคต เราจึงได้รังสรรค์ ‘เดอะ ไวร์เลส เฮาส์ วัน แบงค็อก’ ขึ้น เพื่อเป็นสัญลักษณ์แห่งประวัติศาสตร์และรากเหง้าของพื้นที่แห่งนี้

“โดยเราได้ทำงานร่วมกับกรมศิลปากร ผู้เชี่ยวชาญด้านการอนุรักษ์สถาปัตยกรรมและนักโบราณคดี เพื่อให้ที่นี่เป็น ‘หมุดหมายแรก’ ที่จะต้อนรับทุกคนเข้าสู่ วัน แบงค็อก ให้ได้สัมผัสกับมิติทางประวัติศาตร์และศิลปวัฒนธรรมผ่านนิทรรศการถาวรที่บอกเล่าถึงเรื่องราวของวิทยุโทรเลข ซึ่งเป็นการสื่อสารไร้สายในยุคเริ่มต้นของไทยตั้งแต่ปี พ.ศ. 2456

พร้อมทั้งจัดแสดงโบราณวัตถุต่างๆ ที่ขุดค้นพบในบริเวณพื้นที่ โดยสิ่งเหล่านี้สะท้อนวิถีชีวิตของผู้คนในอดีตรวมถึงประวัติความเป็นมา คุณค่า และความสำคัญของพื้นที่ตั้งแต่ครั้งอดีตจนถึงปัจจุบัน และเชื่อมโยงไปสู่ศักยภาพและโอกาสของพื้นที่ในอนาคต นำเสนอเรื่องราวผ่านเทคนิคที่ทันสมัย สร้างความน่าสนใจให้กับผู้เข้าชมทุกเพศทุกวัย อีกทั้งยังเป็นแหล่งข้อมูลสำคัญสำหรับผู้ที่สนใจศึกษาประวัติศาสตร์และสถาปัตยกรรม”

ไฮไลต์สำคัญของนิทรรศการถาวรที่จัดแสดงในเดอะ ไวร์เลส เฮาส์ วัน แบงค็อก แบ่งออกเป็น 4 โซนหลักๆ เพื่อนำเสนอเรื่องราวความเป็นมาของย่านวิทยุ-พระราม 4 และอาคารสถานีวิทยุโทรเลขศาลาแดง ซึ่งเป็นหมุดหมายสำคัญของความทันสมัยในอดีต

  • โซน 1: ยุควิทยุโทรเลข นำเสนอความสำคัญของสถานีวิทยุโทรเลขศาลาแดงในฐานะที่เป็นจุดเริ่มต้นของการสื่อสารไร้สายของประเทศและนำพาความทันสมัยมาสู่ย่านแห่งนี้ โดยมีข้อมูลเกี่ยวกับสถาปัตยกรรมของอาคารสถานีฯ เทคโนโลยีวิทยุโทรเลข และการเชื่อมต่อกับยุโรปโดยตรงเป็นครั้งแรก รวมถึงความแตกต่างระหว่างโทรเลขและวิทยุโทรเลข
  • โซน 2: ยุควิทยุกระจายเสียง บอกเล่าเรื่องราวของสถานีวิทยุโทรเลขศาลาแดงในฐานะหนึ่งในพื้นที่ทดลองการกระจายเสียงยุคแรกๆ ของประเทศไทย แสดงพัฒนาการของการกระจายเสียง บรรยากาศและอุปกรณ์ที่เกี่ยวกับการกระจายเสียงในยุคนั้น ซึ่งผู้ชมนิทรรศการจะได้ลองฟังเสียงประเภทต่างๆ ที่ออกอากาศในสมัยนั้น รวมถึงได้เรียนรู้เกี่ยวกับความแตกต่างระหว่างวิทยุแร่และวิทยุหลอด  
  • โซน 3: การขุดค้น อนุรักษ์ และปฏิสังขรณ์ เน้นย้ำถึงความสำคัญของการอนุรักษ์อาคารโบราณสถานและโบราณวัตถุที่ขุดค้นพบในพื้นที่ก่อสร้างซึ่งมีคุณค่าในการสะท้อนวิถีชีวิตของผู้คนในอดีตในช่วงเวลานั้น การสร้างอาคารที่สูญหายไปแล้วกลับขึ้นมาใหม่โดยอาศัยหลักฐานข้อมูลและองค์ความรู้ทั้งหมดเท่าที่มีมาบูรณาการร่วมกัน เช่น ผังอาคารที่ได้จากหอจดหมายเหตุแห่งชาติ เอกสารสำรวจขึ้นทะเบียนของกรมศิลปากร ภาพถ่ายเก่า ฯลฯ โดยนำเสนอข้อมูลเชิงโบราณคดีเมือง (Urban Archaeology) ขั้นตอนการขุดค้นและอนุรักษ์อาคารสถานีฯ พร้อมโมเดลอาคารเดอะ ไวร์เลส เฮาส์ วัน แบงค็อก ที่แสดงให้เห็นถึงขั้นตอนการปฏิสังขรณ์อาคารสถานีวิทยุโทรเลข ตั้งแต่การฝังกลบฐานอาคารเดิมเพื่อรักษาสภาพ การสร้างชั้นใต้ถุนสำหรับจัดเก็บโบราณวัตถุ และการใช้โครงสร้างสมัยใหม่ในการสร้างอาคารกลับคืนมาตามรูปแบบทางสถาปัตยกรรมเดิม เป็นต้น
  • โซน 4: ย่านวิทยุ – พระราม 4 อดีต – ปัจจุบัน – อนาคต แสดงเรื่องราวพัฒนาการของย่านตั้งแต่ยุคทุ่งศาลาแดง ความเป็นสมัยใหม่ในแง่มุมต่าง ๆ ตั้งแต่ นวัตกรรม สถาปัตยกรรม วิธีคิดและวิถีชีวิตของผู้คน ไปจนถึงศักยภาพในอนาคตของย่านที่จะยังคงความทันสมัยควบคู่ไปกับการเป็นเมืองที่น่าอยู่ โดยนำเสนอข้อมูลเกี่ยวกับแนวคิดการพัฒนาเมือง สถานที่น่าสนใจในย่าน และความทรงจำของผู้คนที่มีต่อย่านนี้ อีกทั้งยังมีการจัดแสดงผลงานศิลปะ PintONE จาก วศินบุรี สุพานิชวรภาชน์ เจ้าของรางวัลศิลปาธร สาขาการออกแบบ ที่ได้รับแรงบันดาลใจจากสิ่งที่ขุดเจอในพื้นที่ เช่น ไหน้ำปลาและเศษกระเบื้องต่างๆ และผลงาน Greeting of Times จาก นักรบ มูลมานัส ที่นำภาพผู้คน สิ่งของ สถาปัตยกรรม และกิจกรรมที่สะท้อนความเป็นสมัยใหม่ต่างๆ ที่เคยเกิดขึ้นในย่านวิทยุ-พระราม 4 มาเรียบเรียงขึ้นใหม่ด้วยเทคนิคการตัดแปะหรือคอลลาจลงบนแม่พิมพ์ทองแดงโลหะที่เป็นองค์ประกอบสำคัญในการสื่อสารด้วยวิทยุโทรเลข

โดยพิธีเปิด เดอะ ไวร์เลส เฮาส์ วัน แบงค็อก อย่างเป็นทางการครั้งนี้ ยังมีการเสวนาในหัวข้อ “111th Anniversary of the Saladaeng Radiotelegraph Station: Preserving the Past, Inspiring the Future” โดยผู้ร่วมเสวนาประกอบด้วย จรินทร์ทิพย์ ชูหมื่นไวย ในฐานะผู้แทนโครงการ วัน แบงค็อก มนัชญา วาจก์วิศุทธิ์ สถาปนิกชำนาญการพิเศษ สำนักสถาปัตยกรรม กรมศิลปากร วทัญญู เทพหัตถี สถาปนิกอนุรักษ์  กษมา เกาไศยานนท์ นักโบราณคดี และนันทกานต์ ทองวานิช ภัณฑารักษ์ ฝ่ายศิลปะและวัฒนธรรม โครงการ วัน แบงค็อก มาร่วมแบ่งปันเรื่องราวและกระบวนการต่างๆ เกี่ยวกับการนำสถานีวิทยุโทรเลขศาลาแดงกลับมาสร้างใหม่เป็น เดอะ ไวร์เลส เฮาส์ วัน แบงค็อก

ตั้งแต่การทำงานวันแรก บทเรียนต่างๆ ที่ได้รับจากการขุดค้น ตลอดจนการวางแนวทางการอนุรักษ์ และสานต่อประวัติศาสตร์สู่อนาคตผ่านนิทรรศการในรูปแบบร่วมสมัย ซึ่งในปี พ.ศ. 2559 ที่ วัน แบงค็อก เริ่มดำเนินการพัฒนาโครงการ ทีมงานได้ค้นพบฐานรากของอาคารสถานีวิทยุโทรเลขและเสาวิทยุ จึงได้ร่วมมือกับกรมศิลปากรในการขุดค้นทางโบราณคดี และอนุรักษ์โครงสร้างฐานรากและเสาส่งสัญญาณวิทยุ รวมถึงโบราณวัตถุกว่า 1,500 ชิ้นที่ขุดค้นพบในบริเวณนี้ ซึ่งสะท้อนวิถีชีวิตของผู้คนในอดีตและการเปลี่ยนแปลงของพื้นที่ ตั้งแต่ยุคที่ดินผืนนี้ยังเป็นทุ่งนา จนกลายเป็นพื้นที่ของทหารเรือและต่อมาเป็นโรงเรียนเตรียมทหารและสนามมวยเวทีลุมพินี ก่อนจะพัฒนามาเป็นโครงการ วัน แบงค็อก ในปัจจุบัน

วัน แบงค็อก ได้ทุ่มเทความพยายามในการจำลองอาคารสถานีวิทยุโทรเลขขึ้นใหม่อย่างครบครัน โดยอ้างอิงจากภาพถ่ายและแบบพิมพ์เขียวเดิม เพื่อให้ เดอะ ไวร์เลส เฮาส์ วัน แบงค็อก เป็นเสมือนอนุสรณ์สถานแห่งประวัติศาสตร์การสื่อสารไร้สายของประเทศไทย และเปิดโอกาสให้ผู้มาเยือน วัน แบงค็อกได้สัมผัสการชุบชีวิตประวัติศาสตร์อันทรงคุณค่าของพื้นที่ ที่ผ่านการขุดค้น รักษา จัดเรียงข้อมูลในหลากหลายมิติ พร้อมนำเสนอด้วยมุมมองที่ร่วมสมัย เดอะ ไวร์เลส เฮาส์ วัน แบงค็อก เข้าชมฟรี! เปิดให้บริการทุกวัน ตั้งแต่เวลา 10.00 น. – 20.00 น.

หลิวซือซือ (Liu Shi Shi)

รวมสุดยอดผลงานขึ้นหิ้ง ของนางเอกเอลิสต์ หลิวซือซือ (Liu Shi Shi)

Alternative Textaccount_circle
หลิวซือซือ (Liu Shi Shi)
หลิวซือซือ (Liu Shi Shi)

นาทีนี้คงไม่มีใครปังและฝีมือการแสดงโดดเด่น จนขึ้นแท่นนางเอกระดับเอลิสต์ ขวัญใจแฟนๆชาวไทยและต่างประเทศ อย่าง หลิวซือซือ (Liu Shi Shi) นางเอกสาวเจ้าบทบาทจากแดนมังกรอย่างแน่นอน วันนี้ ขอมัดรวมซีรีส์สุดปังขึ้นหิ้งของเธอบนแอป iQIYI (อ้ายฉีอี้) จะมีเรื่องไหนบ้างนั้นตามอ้ายไปดูกันเลย

ข้ามภูผาหาญท้าลิขิตรัก (A Journey to Love)

เริ่มด้วยซีรีส์จีนขวัญใจแฟนๆ ทั่วโลก ข้ามภูผาหาญท้าลิขิตรัก (A Journey to Love) ที่บอกเล่าเรื่องราวของ เหรินหรูอี้ (รับบทโดย หลิวซือซือ) จอมยุทธหญิง และ หนิงหย่วนโจว (รับบทโดย หลิวอวี่หนิง) องครักษ์วังหลวง ที่ทั้งสองได้มาพบเจอกันเพื่อผลประโยชน์บางอย่าง แต่ทว่าการพบกันในครั้งนี้กลับทำให้ความสัมพันธ์ของพวกเขาแปรเปลี่ยนไปจนก่อเกิดกลายเป็นความรักในที่สุด เรื่องราวจะเป็นอย่างไรต้องติดตาม นำแสดงโดย หลิวอวี่หนิง และ หลิวซือซือ ร่วมท่องยุทธภพไปกับเหรินหรูอี้และหนิงหย่วนโจวได้ในออริจัลซีรีส์จีนพีเรียดสุดยิ่งใหญ่ส่งท้ายปีใน ข้ามภูผาหาญท้าลิขิตรัก (A Journey to Love)

ข้ามภูผาหาญท้าลิขิตรัก

มิตรภาพอันงดงาม (My Best Friend’s Story)

ต่อด้วยซีรีส์ที่จะได้เห็นมิติการแสดงของหลิวซือซือในมุมที่ไม่เคยเห็นมาก่อนใน มิตรภาพอันงดงาม (My Best Friend’s Story) ที่บอกเล่าเกี่ยวกับในเมืองเซี่ยงไฮ้ยุค 90 จูสั่วสั่ว (รับบทโดย หนีนี) และเจี่ยงหนานซุน (รับบทโดย หลิวซือซือ) เพื่อนสนิทที่มีครอบครัวและนิสัยที่แตกต่างกัน ในวัยเด็กเกิดเหตุบางอย่างจึงทำให้ครอบครัวของหนานซุนได้ช่วยจูสั่วสั่วเอาไว้ จึงทำให้พวกเธอทั้งสองมีมิตรภาพที่ดีต่อกัน เมื่อเข้าสู่วัยทำงาน จูสั่วสั่วเจอกับความไม่แน่นอนในที่ทำงาน และเจี่ยงหนานซุนเลือกที่จะเรียนต่อและเริ่มมีความรัก พวกเธอทั้งคู่ผ่านเรื่องราวต่างๆ นานาในชีวิต และยังคงคอยให้กำลังใจซึ่งกันและกัน จนเกิดเป็นมิตรภาพอันงดงาม นำแสดงโดย หนีนี และ หลิวซือซือ

My Best Friend's Story

เจาะมิติพิชิตบัลลังก์ (Scarlet Heart)

จะเป็นอย่างไรเมื่อคุณถูกดูดไปในอดีต? อ้ายชวนดูซีรีส์จีนสุดฮิต เจาะมิติพิชิตบัลลังก์ (Scarlet Heart) กับเรื่องราวของจางเสี่ยว (รับบทโดย หลิวซือซือ) หญิงสาวที่ได้ย้อนเวลากลับไปในรัชสมัยคังซี ฮ่องเต้แห่งราชวงศ์ชิง เธอฟื้นขึ้นมาในร่างของ หม่าเอ่อไท่รั่วซี ธิดาคนรองของแม่ทัพตระกูลหม่าเอ่อไท่ เธอพยายามหาที่จะกลับไปในโลกปัจจุบัน แต่ไม่ว่าจะทำอย่างไรก็ไม่สามารถกลับไปได้ แต่ทว่าทุกการกระทำของเธอสามารถส่งผลต่อการเปลี่ยนแปลงอนาคตของเธอ นำแสดงโดย หลิวซือซือ , อู๋ฉีหลง , เจิ้งเจียอิง และหลินเกิงซิน ร่วมเดินทางไปกับเธอได้ใน เจาะมิติพิชิตบัลลังก์ (Scarlet Heart)

Scarlet Heart

นอกจากนี้ แฟนๆ เตรียมรับชมซีรีส์ที่แฟนๆ ทั่วโลกต่างรอรับชมของหลิวซือซือได้ใน Fox Spirit Matchmaker 2 ที่ได้มาประคบคู่กับ จางหยุนหลง พระเอกหนุ่มที่ได้ฝากผลงานอย่างเรื่อง ยอดนักสืบแห่งยุคสาธารณรัฐจีน (My Roommate is a Detective) โดยซีรีส์เรื่องนี้ถ่ายทอดเรื่องราวของความสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์และปีศาจ โดยเกี่ยวพันกับ 2 ตระกูลใหญ่อย่างตระกูลของตงฟางหวายจู่และตระกูลของหวังฉวนหงเย่ ห้ามพลาดด้วยประการทั้งปวง!

Fox Spirit Matchmaker 2
กงฮโยจิน

กงฮโยจิน ยอดหญิงรอมคอม และ อีมินโฮ พระเอกคอมเมดี้

Alternative Textaccount_circle
กงฮโยจิน
กงฮโยจิน

เรียกว่าเป็นการโคจรมาเจอกันได้อย่างเซอร์ไพร้ส์จริงๆ สำหรับ ดาวระยิบกระซิบรัก (When the Stars Gossip) ผลงานล่าสุดของ กงฮโยจิน ยอดหญิงรอมคอม และ  อีมินโฮ  พระเอกคอมเมดี้ ซึ่งทั้งคู่ได้มาร่วมงานกันเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เข้าวงการ

อยากให้ช่วยแนะนำตัวละคร และเหตุผลที่ตัดสินใจรับบทในซีรีส์เรื่อง ดาวระยิบกระซิบรัก (When the Stars Gossip

กงฮโยจิน: สวัสดีค่ะ ฉันรับบทเป็น “ผู้บัญชาการ” ชื่อว่า “อีฟ คิม” ค่ะ อีฟเป็นผู้เชี่ยวชาญเกี่ยวกับหนูทดลองค่ะ และเธอผ่านเรื่องราวอะไรมาเยอะมากๆ กว่าจะได้เป็นนักบินอวกาศ ส่วนตัวฉันเองมีความสนใจเรื่องเกี่ยวกับจักรวาลและอวกาศอยู่แล้ว การรับบทเป็นนักบินอวกาศหรือเป็นผู้บัญชาการ (Commander) จึงฟังดูน่าสนุกมากๆ ฉันจึงตัดสินใจรับบทในซีรีส์เรื่องนี้ค่ะ

กงฮโยจิน

อีมินโฮ: สวัสดีครับ ผมอีมินโฮ รับบทเป็น “กงรยง” ครับ ก่อนอื่นเลยการที่ผมตัดสินใจรับเล่นซีรีส์เรื่องนี้เพราะผมรู้สึกว่าเป็นซีรีส์ที่มีโทนเรื่องอบอุ่นมากๆ ครับ นอกจากนั้นก็มีมุมมองที่แปลกใหม่และเนื้อเรื่องก็น่าสนใจด้วย ผมมองว่าเป็นเรื่องที่น่าจะท้าทายสำหรับตัวผมเองเช่นกัน เลยตัดสินใจรับบทในซีรีส์เรื่องนี้ครับ 

กงฮโยจิน

คุณอีมินโฮรู้สึกอย่างไรบ้างที่ได้มาร่วมงานกับรุ่นพี่อย่างคุณกงฮโยจิน เธอได้มอบคำแนะนำอะไรให้กับคุณบ้าง

อีมินโฮ: ก่อนอื่นสิ่งที่ดีที่สุดของรุ่นพี่กงฮโยจินคือ เขาทำให้คนรอบตัวรู้สึกสบายใจ เวลาที่อยู่ใกล้เขาครับ บทของตัวละครกงรยงจะเป็นคนที่ค่อนข้างซุ่มซ่าม ไม่ค่อยรู้ความนัก แต่เพราะได้มีโอกาสแสดงร่วมกันกับรุ่นพี่ ผมเลยได้ลองถ่ายทอดความเป็นตัวละครนี้ออกมาได้อย่างสร้างสรรค์และเป็นอิสระมากๆ ในระหว่างการถ่ายทำ รุ่นพี่จะคอยบอกว่าแสดงแบบนี้ดีแล้ว หรือถ้าเป็นในฉากที่สำคัญมากๆ เขาก็จะแนะนำว่าจังหวะไหนควรเล่นอย่างไร หรือว่าจะทำให้เคมีระหว่างพวกเราสองคนดูดีขึ้นอีกได้อย่างไรครับ

สำหรับ ดาวระยิบกระซิบรัก (When the Stars Gossip) เป็นซีรีส์เกาหลีแนวโรแมนติกคอมเมดี้ที่จะผลักดันขีดจำกัดของเรื่องราวรักโรแมนติกอย่างแท้จริง เพราะตัวละครจะต้องออกไปสู่อวกาศเบื้องบน โดยเล่าถึงความสัมพันธ์ระหว่างนักบินอวกาศหญิงผู้ไม่ชอบความผิดพลาด (รับบทโดยกงฮโยจิน) กับสูตินรีแพทย์หนุ่มที่ออกมาท่องเที่ยวนอกโลก (รับบทโดย อีมินโฮ) ซีรีส์เรื่องนี้จะพาผู้ชมไปสัมผัสประสบการณ์ความรักที่เกิดขึ้นในสถานที่ที่ไม่คาดคิดที่สุด นั่นก็คือ สถานีอวกาศในวงโคจรต่ำของโลก (Low Earth Orbit) 

โดยซีรีส์ ดาวระยิบกระซิบรัก (When the Stars Gossip) ได้รับความสนใจอย่างกว้างขวาง ด้วยการผสมผสานอารมณ์ขันที่แปลกใหม่และการสื่อสารทางอารมณ์ที่จริงใจ เข้าถึงผู้ชม อีกทั้งเป็นที่จับตามองด้วยทัพนักแสดงมากความสามารถที่มาถ่ายทอดเรื่องราวสุดล้ำและโรแมนติกไปพร้อมกัน โดยสามารถรับชมได้แล้ววันนี้ และติดตามรับชมตอนใหม่ได้ทุกวันเสาร์และวันอาทิตย์ที่ Netflix

keyboard_arrow_up