ดูดวงรายวัน ประจำวันอังคารที่ 18 กรกฎาคม 2560

ดูดวงรายวัน ประจำวันอังคารที่ 18 กรกฎาคม 2560 เช็คทุกวัน ทันทุกดวงกับ แพรว ดอทคอม

ผู้ที่เกิดวันอาทิตย์

การงาน :  ก็ยังสืบต่อจากเมื่อวาน วันนี้ยิ่งร้อนรุ่ม อึดอัดทั้งบรรยากาศภายในองค์กร เจ้านาย และเพื่อนร่วมงาน เบื่องานจนอยากลาออกวันละร้อยรอบ ใจเย็นๆ ค่อยๆ คิดพิจารณาไตร่ตรองให้ดี

การเงิน :  ร้อนเงิน เป็นหนี้ เพราะรายจ่ายเยอะ

ความรัก : วันนี้หนักแน่น ฟังหูไว้หู ใครมาบอกอะไรไม่ต้องเชื่อหมดก็ได้ ให้เกียรติคนของเราก่อน คนโสด จะได้รู้ว่า เขาไม่ได้คุยกับเราคนเดียว

สุขภาพ : ระวังอารมณ์โกรธ พยาบาท อาฆาต จะทำให้เสียจริตและสุขภาพจิต

 

ผู้ที่เกิดวันจันทร์

การงาน :  ความเก่งและความเฉลียวฉลาดของท่าน จะทำให้มองคนอื่นในแง่ร้าย มีอคติ ไม่ชอบให้ใครขัดใจหรือต่อต้าน หากเปิดใจรับฟังความคิดเห็นของคนอื่น และลดความเชื่อมั่นในตัวเองลง จะทำให้ท่านเป็นที่รักของคนอื่นอีกเยอะเลย

การเงิน :  หมดกับการลงทุน ให้เงินทำงาน

ความรัก : วันนี้ชีวิตคู่อาจอยู่ในกรอบประเพณีมาก จนทำให้ไม่กล้าแสดงอารมณ์หรือสื่อสารความรู้สึกต่อกัน เลยทำให้อยู่กันแบบเพื่อน คนโสด ยังก้ำกึ่งอยู่ระหว่างโสดกับมีแฟน

สุขภาพ : มีหลากหลายโรครุมเร้าค่ะ ทั้งไมเกรน โรคผิวหนัง ปวดตามข้อและกระดูก

 

ผู้ที่เกิดวันอังคาร

การงาน  : เก็บตัวง่วนกับการศึกษา ทดลองด้านวิชาการ ศิลปะ และวิชาชีพต่างๆ  จนถึงขั้นสุดคือ สละและละวางความต้องการทางโลก อาจออกบวชหรือเบาหน่อยก็ปฎิบัติธรรม

การเงิน :  มีรายได้แน่นอนและมั่นคงจากการทำงาน

ความรัก : วันนี้ชีวิตคู่ค่อนข้างมีกฎเกณฑ์เงื่อนไขมากมาย ต้องอยู่ในสายตาของผู้ใหญ่เยอะมากๆ คนโสด หากมีชาวต่างชาติเข้ามาในที่ทำงานพยายามสบตากับเขานะคะ ความรักอาจเกิดขึ้นได้

สุขภาพ : วันนี้อะไรก็ขวางหูขวางตาไปหมด ระวังจะมีผลต่อระบบหมุนเวียนในเลือด

 

ผู้ที่เกิดวันพุธ

การงาน  :  วันนี้ต่อมความทะเยอทะยานขึ้นสูง ทำงานเพื่อความร่ำรวยอย่างเดียว จนกลายเป็นว่าแม้จะประสบความสำเร็จ แต่กลับขาดความรักความอบอุ่นจากบุคคลรอบข้าง

การเงิน   :  เงินๆๆๆ อย่างเดียวค่ะวันนี้

ความรัก : ฉันขอทำมาหากินก่อนนะ เรื่องอื่นไว้ค่อยคุยกันทีหลัง ท่านเป็นอย่างนี้เลยค่ะวันนี้ คนโสด มีเงินแล้วค่อยมาพูดกัน

สุขภาพ : ระวังทานเยอะ แต่ไม่มีประโยชน์ จึงอาจเป็นโรคขาดสารอาหาร หรือโรคอ้วนได้

 

ผู้ที่เกิดวันพฤหัสบดี

การงาน : งานที่ต้องใช้สติปัญญา ความรู้ ความสามารถเฉพาะตัวและความเชี่ยวชาญสูง ท่านจะทำได้ดี

การเงิน : มีโชคลาภอย่างต่อเนื่อง

ความรัก : วันนี้ยังอยู่ในโหมดความสำเร็จของงาน มากกว่าความรักนะคะ คู่ควรยอมรับและสนับสนุนในความคิดและการตัดสินใจของท่าน คนโสด มาแบบสายเปย์มากกว่าให้ความรักความอบอุ่น ชอบไหม

สุขภาพ :  หักโหมงานหนักจนไม่ดูแลตัวเอง ทำให้สุขภาพย่ำแย่ ออฟฟิศซินโดรมถามหา

 

ผู้ที่เกิดวันศุกร์

การงาน  : ยังต้องใช้กลยุทธ์ในการเดินเกมอยู่ ขอให้เชื่อเซ้นส์ตัวเอง เพราะวันนี้ท่านมีสิ่งศักดิ์สิทธิ์คุ้มครองให้รอดพ้นจากสิ่งไม่ดีต่างๆ

การเงิน :  ได้เงินมาง่ายจึงใช้ง่าย เก็บออมไว้บ้าง

ความรัก : วันนี้อารมณ์สุนทรีและรสนิยมดีจนน่าแปลกใจ จนกลายเป็นหึงหวงแฟน แสดงความเป็นเจ้าของมากมาย คนโสด รักใครก็อย่าทุ่มให้เขาหมด สุดท้ายแล้วคนที่เจ็บคือเรา

สุขภาพ  :  สอดคล้องกับหน้าที่การงาน ทานอาหารไม่ตรงเวลา ดื่มสุรา จะนำพาโรคอื่นมาได้

 

ผู้ที่เกิดวันเสาร์

การงาน : ท่านต้องริเริ่ม หรือได้รับคำสั่งให้ไปบุกเบิกงานใหม่ในระยะเวลาอันใกล้นี้ แล้วก็มีโอกาสประสบความสำเร็จจากผลงานที่เกิดจากความคิดสร้างสรรค์ด้วย

การเงิน : ชื่อเสียงมาพร้อมเงิน

ความรัก :  วันนี้ต่างคนต่างทำงาน อยู่ในโลกของตัวเอง มีความคิดเป็นของตัวเอง ควรพูดคุยแลกเปลี่ยนทัศนคติกันหน่อยนะ คนโสด เจ็บมาเยอะจนไม่กล้าเปิดใจให้ใครแล้ว

สุขภาพ :  โหมงานหนักจนไม่มีเวลาพักผ่อน ทานอาหารไม่ตรงเวลาทำให้เกิดโรคกระเพาะ

วัตสัน

สุดยอด! 7 เคล็ดลับเมคอัพสายเกาที่ไม่ลับ แค่สาวๆ ไม่เคยรู้ จากเหล่าบิวตี้ครีเอเตอร์สาวสวย

Alternative Textaccount_circle
วัตสัน
วัตสัน

อัพเดตเทรนด์ความสวยความงามรัวๆ ล่าสุดวัตสัน ประเทศไทย ได้เปิดตัวคอนเซ็ปต์โซนใหม่ภายในร้าน กับโซน Get it K-BEAUTY ขนขบวนเครื่องสำอางคุณภาพที่ผลิตจากประเทศเกาหลีใต้นับร้อยรายการมาเขย่าหัวใจนักช็อปชาวไทยโดยเฉพาะ

ซึ่งภายในงานนี้มีเหล่าบิวตี้ครีเอเตอร์สาวไทย อาทิ Vvalentine / Sononui / Florence Room / Kirarista / Icepadie / Froydz / Yuriukuri มาร่วมแชร์ประสบการณ์ความงามในแบบฉบับเกาหลีกันอย่างไม่มีกั๊ก พร้อมทั้งยังได้นักแสดงและนายแบบหนุ่มสุดหล่อที่คร่ำหวอดอยู่ในวงการแฟชั่นเกาหลี ปรากฏผลงานโชว์บนรันเวย์ที่เกาหลีมาแล้วอย่างมากมาย ไอซ์ซึ – ณัฐรัตน์ นพรัตยาภรณ์ มาร่วมพูดคุยถึงเคล็ดลับความงามของสาวเกาหลีที่เจ้าตัวได้สัมผัสประสบการณ์มาอย่างใกล้ชิด

และนี่คือบทสรุปของ 7 เคล็ดลับน่าทึ่ง ที่เหล่าบิวตี้ครีเอเตอร์การันตีแล้วว่าจะช่วยสาวๆ แปลงโฉมตัวเองให้สวยตะลึงแบบเกาหลีได้อย่างแน่นอน!

  1. นวดทำความสะอาดผิวอย่างล้ำลึกก่อนแต่งหน้า

ปกติเรามักนึกถึงการทำความสะอาดผิวหลังจากโปะเครื่องสำอางมาทั้งวัน แต่เคล็ดลับของช่างแต่งหน้าชาวเกาหลีกลับให้ความสำคัญกับการทำความสะอาดผิวอย่างล้ำลึกก่อนการแต่งหน้าด้วย แถมยังเพิ่มขั้นตอนการนวดผิวเพื่อความสะอาดล้ำลึกไปพร้อมกัน เพราะช่างแต่งหน้าชาวเกาหลีต่างรู้ดีว่าการกดเครื่องสำอางลงไปบนผิวที่ไม่สะอาด อาจก่อให้เกิดการอุดตันของสิ่งสกปรก เป็นที่มาของสิว นอกจากนี้การนวดหน้ายังเป็นการเพิ่มการไหลเวียนของเลือด ทำให้ผิวเปล่งปลั่งดูมีสุขภาพดีอีกด้วย

  1. มาสก์ได้มาสก์ดี มาสก์ทุกวี่ทุกวัน

เคล็ดลับของดาราสาวเกาหลีหลายคนเลือกบำรุงผิวอย่างเข้มข้นด้วยการใช้มาสก์ แต่ไม่ใช่ 2 – 3 ครั้งต่อสัปดาห์ พวกเธอมาสก์ผิวทุกวัน! ย้ำว่าทุกวัน! เป็นอีกเคล็ดลับที่ไม่ธรรมดาเลยทีเดียว นอกจากจะได้บำรุงผิวแบบเข้มข้นสะใจแล้ว ยังถือเป็นการผ่อนคลายอารมณ์ตึงเครียดได้เป็นอย่างดีอีกด้วย แบบนี้เรียกว่าดีต่อผิวและดีต่อใจไปพร้อมกันเลยทีเดียว

  1. งานผิวฉ่ำวาวต้องมา

ปกติสาวเกาหลีมักจะแต่งหน้าให้ดูฉ่ำวาว เพราะนอกจากจะทำให้ผิวดูสุขภาพดีแล้ว ยังทำให้ผิวคงความชุ่มชื่นท่ามกลางอากาศหนาวและแห้ง แต่สำหรับเมืองไทยที่อากาศร้อน สาวๆ ต้องเลือกเครื่องสำอางที่แต่งออกมาแล้วดูไม่ฉ่ำวาวเกินไป เช่น คุชชั่นหรือรองพื้นเนื้อแมตต์ ที่คำนวณแล้วว่าเมื่อเผชิญกับสภาพอากาศสุดโหดของบ้านเรา ผิวจะฉ่ำวาวขึ้นเองโดยอัตโนมัติ บางคนอาจเลือกใช้ไฮไลท์แบบฝุ่นเป็นตัวช่วยเรื่องความฉ่ำวาว ก็เป็นไอเดียที่เก๋ไก๋ไม่น้อยเลยทีเดียว

  1. ผิวหน้าสว่างอีกนิด

สาวเกาหลีต่างชอบแต่งหน้าให้สว่างกว่าสีผิวจริงเล็กน้อย เพื่อให้ใบหน้าดูโดดเด่น (ขอย้ำตรงนี้ว่าเล็กน้อยเท่านั้น) มีเคล็ดลับง่ายๆ คือ ให้เลือกรองพื้นที่สีสว่างกว่าผิวจริง จับคู่กับแป้งที่สีใกล้เคียงกับผิว เพราะสีของแป้งจะช่วยทำให้สีของรองพื้นไม่สว่างกว่าผิวจนเกินไป

  1. แสงเงาต้องมี

การแต่งหน้าสไตล์เกาหลีเป็นการแต่งแบบน้อยแต่มาก หลายคนอาจงงตรงนี้ อธิบายแบบง่ายๆ ก็คือ ใช้ความละเอียดสูง แต่มองดูแล้วเป็นธรรมชาติ โดยให้ความสำคัญกับการสร้างมิติให้ใบหน้า เช่น การอำพรางรูปหน้าด้วยการเฉดดิ้งรอบกรอบหน้าและไล้ดั้ง การไฮไลท์จุดสำคัญที่ต้องการให้ดูโดดเด่น ไม่ว่าจะเป็นโหนกแก้ม สันจมูก ปลายคาง และหน้าผาก

  1. คิ้วต้องสั้นตรง

มีคนเคยบอกว่าคิ้วคือมงกุฏของใบหน้า และมงกุฏของสาวเกาหลีก็ช่างเรียบง่าย เพราะพวกเธอนิยมเขียนคิ้วค่อนข้างสั้นและตรง ไม่โก่งดั่งคันศรตามที่สาวไทยเคยนิยม คิ้วสั้นและตรงแบบนี้นี่แหละคือจุดสำคัญที่ทำให้ใบหน้าดูเด็กลง เติมดีกรีความอ่อนเยาว์แบบสาวแรกรุ่นให้พุ่งทะยาน

  1. จะถูก จะแพง ต้อง (อม) แดงไว้ก่อน

สาวๆ เกาหลีมักอำพรางผิวที่เหนื่อยล้าให้ดูสดชื่นด้วยการปัดแก้มและทาปากด้วยเฉดสีที่อมแดง ปากและแก้มสีอมแดงนี่แหละที่ทำให้ผิวหน้าดูมีสุขภาพดี การเลือกเครื่องสำอางครั้งต่อไป นอกจากจะเลือกเฉดสีที่เข้ากับตัวเองแล้ว ลองหาเฉดสีที่อมแดงติดมือมาสร้างลุคเป็นสาวสุขภาพดีแบบเกาหลีๆ ก็คงจะดูสดใสไม่น้อยเลยทีเดียว

ทั้งหมดนี้คือบทสรุปความงามในแบบฉบับสาวเกาหลีที่สาวไทยสามารถนำไปปรับใช้เพื่อเสริมสร้างความมั่นใจ มีความสุขและสนุกไปกับการดูแลตัวเอง และหากสาวๆ กำลังมองหาผลิตภัณฑ์ความงามที่บินตรงจากเกาหลี ก็อย่าลืมแวะไปช็อปที่โซน Get it K-BEAUTY จุดหมายใหม่ของความงามในแบบฉบับเกาหลี ที่พร้อมทำให้ตื่นตาไปกับนวัตกรรมที่พร้อมมาร่วมดูแลผิวพรรณและแต่งแต้มสีสันให้สะดุดตาได้ที่ร้านวัตสันทุกสาขานะจ๊ะ XOXO

แมทช์ชุดกับสถานที่…ใส่แบบนี้ไปงานแต่งกี่งานไม่มีพลาด

account_circle

สาวๆ หลายคนมักเกิดอาการหนักใจเวลาได้การ์ดเชิญไป งานแต่ง งาน คิดแล้วคิดอีกว่าจะใส่ชุดแบบไหนดี  จะเลือกเดรสสั้น เดรสยาว ผ้าลูกไม้ หรือชุดราตรีสุดหรู ชุดแบบไหนที่ใส่แล้วจะเข้ากับสถานที่ไม่เว่อร์เกินไปและไม่หลุดธีม เอาเป็นว่าดูสถานที่จัดงานให้ดี แล้วตามเราไปเลือกชุดกันค่ะ
4-51. โรงแรม 4-5 ดาว

ถ้าสถานที่จัดงานเป็นโรงแรมสุดหรูระดับ 4-5 ดาว ขอแนะนำให้เลือกชุดราตรีหรือเดรสยาวแบบเริดๆ ไปเลยค่ะ เพราะนอกจากจะเข้ากับสถานที่อันเว่อร์วังแล้ว คุณก็จะดูสวยโดดเด่น โดยเฉพาะถ้าแขกคนอื่นแต่งเต็มมาด้วยแล้ว คุณจะได้ไม่ดรอปเป็นจุดบอดของงานนะ

32. โรงแรม 3 ดาวลงไป

ถ้างานแต่งจัดในโรงแรมระดับ 3 ดาวหรือน้อยกว่านั้น ชุดที่คุณจะเลือกก็อาจจะลดความยาวและความอลังการลงมานิดนึง อาจจะเป็นเดรสสั้นเข้ารูป หรือกระโปรงสั้นฟู่ๆ แต่ไม่ต้องบานมาก จะสายเดียว เกาะอก หรือเกาะไหล่ก็จัดไปค่ะ เพราะยังไงก็ยังดูสวยและไม่โอเว่อร์เกินหน้าเกินตาสถานที่

สโมสร3. สโมสร หรือ หอประชุม

สถานที่อย่างสโมสร หรือ หอประชุมต่างๆ ความหรูหราคงไม่เท่ากับโรงแรมแน่นอนค่ะ เพราะฉะนั้นถ้าคุณไม่อยากตกเป็นเป้าสายตา คนมองมาแล้วหาว่าแต่งเว่อร์เกินไป  แนะนำให้เลือกชุดที่ใส่แล้วรู้สึกสบายอย่างเช่น เดรสสั้นน่ารักๆ ไม่ต้องหรูหราฟู่ฟ่ามากมายก็ได้

garden4.  สวน หรือ เอ๊าต์ดอร์

งานแต่งงานที่จัดในสวนหรือจัดแบบเอ๊าต์ดอร์เนี่ย สวนใหญ่แล้วบรรยากาศก็จะชิลล์ๆ ค่ะ แต่นอกจากจะชิลล์แล้ว สิ่งที่สำคัญคือ มันจะมีทั้งลม ทั้งแดด โชคร้ายหน่อยก็อาจจะเจอฝนโปรย เพราะฉะนั้นชุดสำหรับงานแต่งประเภทนี้แนะนำให้เลือกชุดที่ผ้าพริ้วไหว เบาสบาย อาจเป็นผ้าลูกไม้ลายฉลุแอบเซ็กซี่นิดๆ แต่ต้องระวังไม่ให้ดูโป๊เปลือยจนเกินไปนักนะคะ

restaurant5. ร้านอาหาร

งานแต่งที่จัดในร้านอาหารเนี่ย หาชุดใส่ง้ายง่ายนะคะ ไม่ต้องวิ่งเช่าชุดหรูหราให้วุ่นวาย เพราะส่วนใหญ่แล้วเจ้าภาพก็มักจะเชิญแต่คนที่สนิทสนมกันจริงๆ บรรยากาศงานก็เป็นกันเองไม่ต้องมีพิธีรีตองอะไรมากมาย แต่ที่บอกว่าเลือกชุดง่ายก็ไม่ใช่เสื้อยืดกางเกงขาสั้นนะจ๊ะ (อันนี้ก็ชิลล์เกินไป) แนะนำให้เลือกเป็นเดรสสั้นน่ารักๆ  หรือใครที่เพิ่งเลิกงานแล้วรีบบึ่งไปงานแต่งทันที ชุดทำงานของคุณก็ยังสามารถผ่านเข้าประตูได้อยู่นะ แต่ถ้ามีสูทสวมทับนิดนึงก็จะดูดีทีเดียว

จากที่แนะนำมาทั้งหมด 5 สถานที่ 5 สไตล์การแต่งตัวด้านบนเนี่ย สิ่งสำคัญที่สุดก็คือ “ธีมงานแต่ง” ที่บ่าวสาวเขาตั้งขึ้นมาค่ะ ไม่ใช่เห็นว่างานจัดในโรงแรม 5 ดาว แล้วจะทะเล่อทะล่าลากชุดราตรียาวเฟื้อยเข้างานนะคะ ดูธีมงานด้วย! เพราะถ้าเกิดบ่าวสาวเขาเลือกธีมงานแบบแว้นบอยสก๊อยเกิร์ลขึ้นมาเนี่ย คิดดูเอาละกันว่าชุดราตรียาวของคุณมันจะเด่นขนาดไหน เพราะฉะนั้นอย่าลืม ดูธีมงานด้วย!!!

ที่นี่มีคำตอบ! ทำไมพระเอกวิก 3 “มาริโอ้ เมาเร่อ” ถึงข้ามค่ายไปออกทีวีช่อง ONE?

หลังจากช่อง 3 ประกาศขอความร่วมมือให้ดารารับงานผ่านต้นสังกัด ไม่ไปดิวงานเอง ทำให้หลายคนจับตามองท่าทีของเหล่านักแสดง ซึ่งแฟนๆและต้นสังกัดคงโล่งใจไปเปราะหนึ่ง เมื่อเหล่าซุป’ตาร์แม่เหล็กออกมายันหนักแน่นว่าไม่คิดโบยบินไปไหน แต่ก็ไม่ทั้งหมด

โดยเมื่อไม่นานมานี้มีข่าวลือสนั่นวงการว่า “มาริโอ้ เมาเร่อ” อาจเป็นพระเอกช่อง 3 คนแรกที่จะโบกมือลา เมื่ออยู่ๆ “มาริโอ้” โผล่ไปร่วมรายการเกมโชว์ “Lip Sync Battle Thailand” ของช่องวัน แถมในช่วงเดียวกันยังมีการเมาท์ว่าสัญญากับช่องสามพระรามสี่กำลังจะสิ้นสุดลงในเร็วๆนี้

มาริโอ้ เมาเร่อ

จากข่าวที่ออกมาล่าสุด “มาริโอ้ เมาเร่อ” ได้โอกาสชี้แจงถึงเรื่องนี้ในงาน “Game of Thrones Season 7” ซึ่งจัดขึ้น ณ โรงภาพยนตร์สยามภาวลัย ชั้น 6 สยามพารากอน ซึ่งพระเอกหนุ่มได้เผยว่าได้ต่อสัญญากับต้นสังกัดเรียบร้อยแล้วเป็นเวลา 5 ปี และที่ไปออกรายการข้ามวิกเป็นเพราะงานหนัง แต่บังเอิญไทม์มิ่งผิดพลาด คนเลยงงว่าอยู่ๆไปออกรายการช่องอื่นทำไม

“ไม่ได้หมดสัญญาครับ เพราะเพิ่งต่อไปเอง ต่อไปประมาณ 5 ปี ผมสังกัดช่อง 3 อยู่แล้ว ไม่ได้มีปัญหาอะไร อีกอย่างผู้จัดการ ‘โอ้’ ได้มีการไปคุยกับผู้ใหญ่เรียบร้อย มันไม่ใช่การสื่อสารที่ผิดพลาดหรอกครับ มันอาจจะเป็นช่วงเวลาที่ผิดพลาดที่ไปออกทีวีต่างช่อง จริงๆแล้ววางแผนเป็นการโปรโมตหนังที่เล่นกับ ‘ใหม่ – ดาวิกา โฮร์เน่’ แต่ต้องเลื่อนออกไปเพราะมันไม่ทัน แต่รายการต้องออกมาตามช่วงเวลาที่เขาต้องปล่อย จริงๆรายการเป็นรูปแบบที่ไปที่อื่นก็ไปออกได้ แต่พอเวลามันผิด คนเลยสงสัยว่าไม่ได้มีอะไร ทำไมอยู่ดีๆถึงไปออกมากกว่า”

 

“มาริโอ้” ไปออกรายการเกมโชว์ “Lip Sync Battle Thailand” ของช่องวัน ร่วมกับ “ใหม่ – ดาวิกา โฮร์เน่”
ศรราม เทพพิทักษ์

เกิดเป็นมนุษย์ต้องรู้จักคำว่า “กตัญญูกตเวที” คำสอนของ “ป๋าเดียร์” ที่ “ศรราม” จำขึ้นใจ

Alternative Textaccount_circle
ศรราม เทพพิทักษ์
ศรราม เทพพิทักษ์

วันนี้ (17 ก.ค.60) พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าโสมสวลี พระวรราชาทินัดดามาตุ ประทานดอกไม้จันทน์พระราชทานเพลิงศพ นักแสดงและผู้กำกับมากฝีมือ “เดียร์-ชุมพร เทพพิทักษ์​”ศาลาบำเพ็ญกุศล วัดสระเกศราชวรมหาวิหาร

“ป๋าเดียร์-ชุมพร เทพพิทักษ์”

โดยหม่อมเจ้าชาตรีเฉลิม ยุคล เสด็จพร้อมด้วย “หม่อมกมลา ยุคล ณ อยุธยา” , คุณหญิงแมงมุม ม.ร.ว. ศรีคำรุ้ง ยุคล “ และ “นายพลดอลล่าร์ พล.ต.พัชร รัตตกุล” มาร่วมพิธีพระราชทานเพลิงศพนักแสดงอาวุโส“เดียร์-ชุมพร เทพพิทักษ์”​ วัย78ปี

“หนุ่ม ศรราม” กล่าวไว้อาลัย

ซึ่งก่อนถึงเวลาพระราชทานเพลิงศพ“เดียร์-ชุมพร”พระเอก“หนุ่ม – ศรราม”ในฐานะลูกชายได้กล่าวไว้อาลัยถึงคุณพ่อผู้เป็นที่รักโดยกล่าวว่า

“สวัสดีแขกผู้มีเกียรติทุกท่าน ตลอดทั้งงานได้ยินชื่อ นายคมสัน ตลอด ทุกคนคงคุ้นชินกับชื่อ เดียร์, ป๋าเดียร์ ซึ่งชื่อ คมสัน บอกความเป็นคุณพ่อได้เป็นอย่างดี เพราะมีหน้าตาคมสัน รูปหล่อ รูปร่างสูงใหญ่ เป็นเด็กหนุ่มจากปักใต้ คุณพ่อเข้าวงการอายุ 25 ปี ชื่อจริงของป๋า อาจจะไม่ค่อยได้มีใครได้ยิน ด้านนิสัยส่วนตัวของป๋า เป็นคนสุภาพ ขี้เล่น มีเสน่ห์ต่อผู้คนที่อยู่รอบข้าง มีน้ำใจ ต่อคนที่ด้อยกว่า และมีพรสวรรค์ในการทำงาน ป๋าอาจจะไม่ได้ร่ำเรียนมาโดยตรง เกี่ยวกับอาชีพที่ประกอบอยู่ แต่เรียนรู้แบบครูพักลักจำ ค่อยๆ เก็บเกี่ยวความรู้ต่างๆ สิ่งที่ป๋ามักจะสอนอยู่เสมอคือ เรื่อง “ความกตัญญูกตเวที” ทั้งบุตรและธิดา ในเรื่องการสำนึกพระคุณต่อผู้มีพระคุณ มนุษย์ต้องรู้จักคำนี้ และเป็นสิ่งที่ลูกหลานทุกคนจดจำ และนำมาใช้ในการดำเนินชีวิต ผมขอยกตัวอย่างแค่เรื่องนี้เพียงเรื่องเดียว ก็คงพอแล้ว ตลอด ระยะเวลาในการสวดพระอภิธรรมผมในฐานะลูก และตัวแทนครอบครัว ขอกราบขอบพระคุณ แขกผู้มีเกียรติทุกๆ ท่านที่เสียสละเวลามา มากราบเคารพศพป๋า และขออโหสิกรรม ผมกราบขอบคุณแขกผู้มีเกียรติ และผู้มีพระคุณทุกๆ ท่าน ผมกราบขอบพระคุณด้วยความเคารพ”

สำหรับบรรยากาศงานเป็นไปด้วยความโศกเศร้า ของครอบครัว ญาติ และเพื่อนสนิท ทั้งในคนวงการบันเทิงและนอกวงการบันเทิงจำนวนมากเดินทางมาร่วมแสดงความอาลัยเป็นครั้งสุดท้าย อาทิ “นิโคล เทริโอ”พร้อมลูกชาย “ทิกเกอร์ อชิร” , “นัท มีเรีย”, “จิ๊บ-วสุ แสงสิงแก้ว”, “เก๋-ชลลดา เมฆราตรี”, “ต้อย-เศรษฐา ศิระฉายา” , “อีฟ-พุทธธิดา ศิระฉายา”, “สุเชาว์ พงศ์วิไล”, “น้อย โพธิ์งาม” , “เทพ โพธิ์งาม”, “แหม่ม – คัทลียา แมคอินทอช”, “ตั๊ก-มยุรา เศวตศิลา”, “เต๋า-สมชาย เข็มกลัด”,  “ตุ๊ก-เดือนเต็ม สาลิตุล” , “มอส-ปฏิภาณ ปฐวีกานต์” , “อ๋อม-อรรคพันธ์ นะมาตร์” และ “ชมพู ฟรุตตี้ -สุทธิพงษ์ วัฒนจัง” ฯลฯ

“หนุ่ม ศรราม” อำลาคุณพ่อ

ศรราม เทพพิทักษ์

น้ำหอม

เทคนิคฉีดน้ำหอมเพิ่มเสน่ห์ให้ติดทนนานง่ายนิดเดียว พร้อมแนะ 9 น้ำหอมแบรนด์ดัง กลิ่นละมุนชวนหลงรัก

Alternative Textaccount_circle
น้ำหอม
น้ำหอม

สำหรับสาวๆ คงจะหงุดหงิดใจน่าดูเวลาฉีดน้ำหอมแล้วอยู่แป๊บเดียวกลิ่นก็จางหาย แต่เพราะผู้หญิงบีซี่ๆ ธุรกิจรัดตัวอย่างเราต้องไปนู่นไปนี่ พบเจอผู้คนทั้งวัน ไหนจะดินเนอร์กับคนรู้ใจ หรือปาร์ตี้ตอนเย็นต่อกับเพื่อนฝูง การที่กลิ่นจางเร็วเกินไปคงไม่ดีแน่ เพราะยังไงซะ น้ำหอม ก็ถือเป็นไอเท็มสร้างบุคลิกภาพและความมั่นใจให้แก่หญิงสาวมากโข

ดังนั้น แพรวดอทคอม จึงมีเคล็ดลับฉีดน้ำหอมติดทนยาวนานมากระซิบบอกสาวๆ ซึ่งเวลาที่เหมาะฉีดน้ำหอมควรเป็นหลังอาบน้ำเสร็จใหม่ๆ เพราะผิวหนังจะมีความชื้น ทำให้ดูดซึมได้ดีกว่า โดยควรฉีดตามจุดชีพจรต่างๆ บนร่างกาย เช่น ข้อมือ ข้อพับแขน ข้อพับขา หรือซอกคอ เพราะความอุ่นจากการหมุนเวียนของเลือดใต้ผิวหนังจะช่วยดูดซับความหอมไว้ ทำให้กลิ่นหอมฟุ้งกระจาย หรือถ้าสาวๆ ต้องการให้กลิ่นฟุ้ง ไม่ฉุน ควรฉีดในอากาศเหนือลำตัวประมาณข้อศอกหนึ่ง แล้วเดินผ่านละอองน้ำหอม จะช่วยให้กลิ่นหอมธรรมชาติ ไม่ฉุนมาก และติดทนนานอีกด้วยค่า

พร้อมกันนี้ แพรวดอทคอม มีน้ำหอมออกใหม่มาแนะนำสาวๆ ให้ลังเลใจว่าจะซื้อชิ้นไหนดีถึง 9 แบรนด์ดัง 9 กลิ่นต่างสไตล์ ใครชอบชิ้นไหน อย่าลืมไปสอยนะคะ เริดจริงๆ

 

VASILISA MY WAY
(40 มิลลิลิตร / 2,000 บาท)

กลิ่นหอมตัวแทนแห่งความสดชื่น สดใส เปล่งประกายจากภายในด้วยกลิ่นหอมหวานจากมวลดอกไม้ ที่แต่งเติมความสดใสด้วยกลิ่นหวานอมเปรี้ยวของผลไม้นานาชนิด อาทิ อะเซโรลา, ราสป์เบอร์รี่ และลูกพีช กลิ่นหอมที่เต็มไปด้วยเสน่ห์จนยากจะละสายตาได้


GIORGIO ARMANI Sky di Gioia 
(50 มิลลิลิตร / 3,300 บาท และ 100 มิลลิลิตร / 4,200 บาท)

กลิ่นนี้ให้น้ำหอมเป็นดั่งโลกแสนสุขของผู้หญิงอย่างเป็นธรรมชาติ กุหลาบเซนติโฟเลียอันแสนสดชื่นดุจหยาดน้ำค้าง เป็นกลิ่นกลาง และสัมผัสแรกของน้ำหอมนี้จากการจับคู่ลิ้นจี่สดฉ่ำกับลูกแพร์เขียว รวมพลังความหอมออกมาเป็นหนึ่งเดียวกันดุจดังลำแสงแห่งตะวัน ให้ความหรูหราอันละเมียดละไมแก่หญิงสาว


PHILOSOPHY Amazing Grace Spray Fragrance
(60 มิลลิลิตร / 1,890 บาท)

สร้างเสน่ห์แห่งกลิ่นหอมสดชื่น มีชีวิตชีวาของเกรปฟรุต ตัดกับกลิ่นหอมอ่อนๆ ละมุน คลาสสิก เป็นธรรมชาติจากหมู่มวลพรรณไม้ ทั้งดอกฟรีเซีย ดอกกุหลาบ ดอกรัก และดอกมะลิ ผสานความสดใสในแบบซีตรัสและความอบอุ่นจากมัสก์ได้อย่างลงตัว สะท้อนภาพความอ่อนหวานของหญิงสาวได้อย่างชัดเจน


GUERLAIN Mon Guerlain
(30 มิลลิลิตร / 3,000 บาท และ 50 มิลลิลิตร / 4,500 บาท)

ยิ่งได้กลิ่นยิ่งหลงรัก กลิ่นวานิลลาแสดงถึงความอ่อนโยนของหญิงสาว ผสมผสานความสดชื่น บริสุทธิ์ และความเรียบง่ายด้วยส่วนผสมของ Sambac Jasmine, Album Sandalwood, Carla Lavender และ Vanilla Tahitensis


NARCISO RODRIGUEZ For Her Fleur Musc Eau de Parfum
(50 มิลลิลิตร / 3,900 บาท)

น้ำหอมจาก NARCISO RODRIGUEZ ที่มาในโทนสีชมพูสดใส ในแพ็คเกจมินิมัลตามแบบฉบับ แต่เพิ่มเติมด้วยกลิ่นกุหลาบและไม้หอมนานาพรรณ ผสมผสานกันให้มีความตราตรึงเป็นหนึ่งเดียวกับผิวกาย สาวๆ จึงไม่ควรพลาดด้วยประการทั้งปวง


BERDOUES Somei Yoshino Cologne Grand Cru
(100 มิลลิลิตร / 3,200 บาท) 

น้ำหอมกลิ่นอายละเอียดอ่อนในคอลเล็คชั่น Grands Crus แหล่งกำเนิดของกลิ่นนี้มาจากต้นไม้โยชิโนะและดอกซากุระจากญี่ปุ่น สร้างความหวานโรแมนติกด้วยกลิ่นหอมของส่วนผสมจากดอกมะลิที่เพิ่มความหอมหวาน และพืชพรรณธรรมชาติอื่นๆ เช่น น้ำมันหอมระเหยแพตชูลีที่ผสมผสานกับเกสรดอกไม้ สร้างความสดชื่นตลอดวัน


ISSEY MIYAKE L’Eau d’Issey Pure Eau de Toilette
(50 มิลลิลิตร / 3,400)

เติมความเย้ายวนชวนหลงใหล ทำให้รู้สึกได้ถึงกลิ่นของสายน้ำบนผิวของหญิงสาว ด้วยกลิ่นโน้ตของสายน้ำ ดอกส้ม ดอกกุหลาบดามัสก์ ดอกมะลิ และดอกลิลี่ กลิ่นฐานนั้นจบลงด้วยส่วนประกอบอย่างแอมเบอร์ มัสก์ และไม้แคชเมียร์ ปราศจากกลิ่นของซิตรัส


MIU MIU L’Eau Bleue 
(50 มิลลิลิตร / 3,100 บาท และ 100 มิลลิลิตร / 4,900 บาท)

เปิดวาร์ปพลังความหอมละมุนด้วยการหยิบส่วนผสมอันหอมเป็นเอกลักษณ์ของดอกลิลี่ออฟเดอะวัลเลย์ กลิ่นพริกไทยไม้ และดอกฮันนี่ซัคเคิล บรรจุลงในขวดสีฟ้าเทอร์คอยส์จากลายหนัง Le Matelassé ของกระเป๋า Miu Miu แถมยังมีลูกเล่นบนฝาขวดที่เป็นแผ่นกลมสีเหลืองตัดกับตัวขวด ช่วยเพิ่มเสน่ห์น่าค้นหา น่าจับจอง


DOLCE & GABBANA Light Blue Eau Intense EDP
(100 มิลลิลิตร / 4,700)

เพิ่มเสน่หารัญจวนใจด้วยกลิ่นหอมบทใหม่ท่ามกลางท้องทะเลสีน้ำเงินสดแห่งเมดิเตอร์เรเนียน กลิ่นเปิดตัวด้วยบุคลิกคู่ขนานแห่งความขัดแย้ง ทั้งคมชัด ทั้งชวนให้ลุ่มหลงด้วยความสดใสดุจประกายแสงของกลิ่นเปรี้ยวสดชื่นจากมะนาว และไออุ่นกรุ่นรสหวานของแอ๊ปเปิ้ลแกรนนี่สมิธ ความลงตัวของกลิ่นหวานฉ่ำของผลไม้กับความหอมสดชื่นรื่นรมย์ใจของดอกไม้ เสมือนได้นอนรับแสงแดดอ่อนๆ ในยามเช้า

เรื่อง : PP_แพรวดอทคอม
ภาพ : ลิขสิทธิ์แบรนด์

แต่งงานแล้วก็ยังรัก! 5 ศิลปินชาย ขวัญใจสาว แม้มีศรีภรรยาตัวจริง แต่แฟนคลับยังรักแน่น

ถึงแต่งงานแล้วก็ยังรัก แม้ใจจะแอบเจ็บจี๊ดๆ เหมือนมดกัดนิดเดียวก็ตาม (เพลงญาญ่าญิ๋งก็มา!) วันนี้ แพรวดอทคอม ได้พา 5 ศิลปินชาย ขวัญใจสาวๆ มาตอกย้ำความทรงจำกันเสียหน่อย เพราะเชื่อว่าศิลปินบางคนมีแฟนๆ รักและติดตามมาตั้งแต่ศิลปินยังโสด เปิดตัวคนรัก จนถึงลั่นระฆังวิวาห์ มีเจ้าตัวน้อยมาเติมเต็มให้ชีวิตคู่สมบูรณ์กันเลย

พักหลังมานี้เราได้เห็นกระแสนักร้องไทยกลับมาบูม และได้รับการสนับสนุนผลงานเพลงจากแฟนเพลงชาวไทยกันมากขึ้นอีกครั้ง นับว่าเป็นสัญญาณที่ดีมากๆ ด้วยพื้นที่บนสื่อหรือรายการดังที่ได้เปิดให้ศิลปินได้มาปล่อยของ เผยให้เห็นตัวตนที่มีดีหลายมุม ไม่ว่าจะสามารถร้องเพลงได้หลากแนว เต้นได้สุดเหวี่ยง ความครีเอทีฟสูง รวมถึงมุมมองการใช้ชีวิต ทัศนคติ ความคิดต่างๆ ก็ได้เห็นมากขึ้นนอกจากมุมร้องเพลง เล่นดนตรีที่อยู่แค่บนเวที ซึ่งหนึ่งในเรื่องที่แฟนๆ ให้ความสนใจไม่แพ้แนวดนตรีเลยก็คือ มุมหวานๆ ของศิลปินที่รักอยู่กับศรีภรรยานั่นเอง เรียกว่าศิลปินรักใคร แฟนคลับก็รักด้วย อีกทั้งแต่ละคนมีความศิลปินอยู่ในสายเลือดแบบนี้ ความโรแมนติกคงไม่ต้องบรรยายกันมาก

ตู่ – ภพธร สุนทรญาณกิจ

นักร้องหนุ่มขวัญใจสาวๆ ที่มีเพลงฮิตอย่าง คิดอะไร, โปรดอย่ามาสงสาร ได้สร้างปรากฏการณ์ “ยินดีด้วยนะคะ แต่ร้องไห้หนักมาก” ให้แก่แฟนคลับสาวๆ กันมากทีเดียว เมื่อหนุ่มตู่ประกาศลั่นระฆังวิวาห์สละโสดกับนุช – นุชนันท์ แฟนสาวนอกวงการที่ทำงานเป็นนักประชาสัมพันธ์ของแกรมมี่ หลังจากทั้งคู่บ่มเพาะความรักมา 4 ปีกว่า ซึ่งแม้ทั้งคู่จะแต่งงานแล้ว แต่ก็มีแฟนๆ แอบเจ็บจี๊ดแนวขำๆ เมื่อมักได้เห็นโมเมนต์หวานๆ ของทั้งคู่ยามอยู่ด้วยกันหรือไปเที่ยวที่ต่างๆ อยู่เป็นประจำ โดยเฉพาะแคปชั่นหวานในวันสำคัญของทั้งคู่ แต่อย่างไรก็ตามแฟนคลับก็ยังให้การสนับสนุนเพียบ รวมถึงเผื่อแผ่ความรักไปให้สาวนุช ศรีภรรยาคนสวยด้วย รวมถึงรอคอยว่าเมื่อไหร่จะได้เห็นเจ้าตัวน้อยของทั้งคู่เร็วๆ

แสตมป์ – อภิวัชร์ เอื้อถาวรสุข

มีความสามารถด้านการแต่งเพลงและร้องเพลงจนมีเพลงดังมากมาย สำหรับแสตมป์ – อภิวัชร์ ที่มีเพลงฮิตอย่าง ความคิด, มันคงเป็นความรัก, โอมจงเงย ฯลฯ และเป็นศิลปินขวัญใจทั้งสาวๆ และหนุ่มๆ โดยแสตมป์ได้ลั่นระฆังวิวาห์ตามหนุ่มตู่ไปติดๆ ภายในปี 2558 เหมือนกัน กับแฟนสาวนอกวงการ นิว – จีริสุดา หลังจากคบหากันมานานถึง 8 ปี ซึ่งช่วงที่แฟนๆ ได้เห็นภาพพรีเวดดิ้งแนวสตรีทที่ทั้งคู่ควงกันไปถ่ายที่ญี่ปุ่น ก็ได้สร้างอาการตาร้อนผ่าวให้สาวๆ กันมากทีเดียว และถึงแม้ศิลปินที่รักจะแต่งงาน แต่เสียงส่วนใหญ่ก็ต่างยินดีกับความรักและโมเมนต์น่ารักของทั้งคู่ เพราะแสตมป์นั้นค่อนข้างเป็นผู้ชายโลกส่วนตัวสูง แต่สาวนิวก็สามารถทะลุกำแพงหัวใจด้วยความรักและความเข้าใจของแสตมป์ไปได้ ซึ่งหนุ่มแสตมป์ไม่ค่อยโพสต์ภาพคู่กับศรีภรรยาสักเท่าไหร่ แต่เมื่อโพสต์ขึ้นมาก็นำภาพคู่สมัยเรียนมหาวิทยาลัยมาลง เรียกว่านานๆ โชว์หวาน แต่ระดับความหวานชนะเลิศ!

ทอม – อิศรา กิจนิตย์ชีว์ (ทอม ROOM39)

นาทีนี้คงไม่มีใครไม่รู้จักทอม – อิศรา หรือทอม ROOM39 ที่ได้มาสร้างปรากฏการณ์คนรักหน้ากากทุเรียน โด่งดังไปทั่วไทยและต่างประเทศ ก่อนหน้านี้หลายคนคงได้รู้จักความสามารถของวง ROOM39 ที่มีสมาชิกอีก 2 คน คือ มน – ชุติมน และแว่นใหญ่ – โอฬาร ในด้านการร้องเพลง ร้องคัฟเวอร์ และแต่งเพลงมาระดับหนึ่ง ซึ่งตอนนี้ความสามารถของวงนี้ยังขยายกว้างไปช่วยโปรดิวซ์เพลงให้เจ้านาย ลูกชายเจ – เจตรินด้วย และกระแสของหน้ากากทุเรียนก็ช่วยเปิดให้แฟนๆ หลากวัยได้เข้ามาทำความรู้จักกับวงนี้มากขึ้น รวมถึงชีวิตส่วนตัวของทอมที่ได้แต่งงานมีศรีภรรยาตัวจริง ฟิล์ม – วณิชยา ที่ได้เปลี่ยนจากแฟนคลับมาเป็นแฟนครับ จนทำให้ทั้งคู่ได้เริ่มสานความสัมพันธ์กันหลังจากเจอกันที่ร้านอาหาร ซึ่งสาวฟิล์มคอยอยู่เคียงบ่าเคียงไหล่เวลาหนุ่มทอมไปเล่นคอนเสิร์ตตามที่ต่างๆ ตลอด ถึงแม้กระแสทอมจะแรง ดึงดูดแฟนคลับสาวๆ ให้มารักเพียบ และได้รู้ว่าหนุ่มทอมไม่โสดแล้ว แต่ก็ไม่ได้เป็นอุปสรรค เพราะแฟนๆ เขารักทั้งหมดของทอมจริงๆ รวมถึงศรีภรรยาตัวจริงด้วย

โจ๊ก – กรภพ จันทร์เจริญ (โจ๊ก So Cool, บร๊ะเจ้าโจ๊ก)

เป็นตำนานวงดนตรีที่อยู่คู่คนไทยมานานหลายปี และเป็นไอดอลให้เด็กๆ ที่เริ่มหัดเล่นดนตรี สำหรับวงโซคูล ซึ่งมีโจ๊ก – กรภพเป็นนักร้องนำ ก่อนที่จะประกาศลาออกจากวงเมื่อปลายปี 2558 เพื่อต้องการมาใช้ชีวิตอยู่กับครอบครัวมากขึ้น โดยโจ๊กได้แต่งงานกับแฟนสาวนอกวงการสไตล์หมวยน่ารัก ฝน – กัญญ์พชิรา และมีลูกสาวร่วมกัน 2 คน คือ น้องยี่หวา และน้องยูจิน ความรักของโจ๊กระหว่างแฟนสาวหลังจากแต่งงานนั้น หนุ่มโจ๊กได้ออกมาเผยผ่านรายการ Club Friday ว่ามีปัญหามากเช่นกัน ซึ่งสาเหตุส่วนหนึ่งเกิดจากเขาที่ปล่อยให้ภรรยาเลี้ยงลูกฝ่ายเดียว เพราะตนนั้นมัวแต่ไปทำงาน แต่เพราะความรักของภรรยาก็ทำให้หนุ่มโจ๊กกลับใจ หันมาทำหน้าที่สามีและพ่อที่ดีของลูกมากขึ้น ซึ่งก่อนหน้านี้หนุ่มโจ๊กได้มาสวมหน้ากากกะเพรา ร้องเพลงในรายการ The Mask Singer หน้ากากนักร้อง เรียกความคิดถึงจากแฟนๆ สาวกบร๊ะเจ้าโจ๊กไปมากทีเดียว

โอม – ปัณฑพล ประสารราชกิจ (โอม Cocktail) 

เพิ่งขยายฐานแฟนคลับพิชิตใจสาวๆ เพิ่มขึ้น หลังจากโดนกระชากหน้ากากหอยนางรมในรายการ The Mask Singer สำหรับโอม – ปัณฑพล นักร้องนำวง Cocktail ที่เรื่องราวและมุมต่างๆ ในชีวิตของเขาได้เริ่มแผ่สู่สายตาแฟนๆ กันมากขึ้น ไม่ว่าจะเรื่องทัศนคติ ความคิด การศึกษา และเรื่องความรักที่ก่อนหน้านี้คนอาจให้ความสนใจน้อยหรือไม่เคยรู้มาก่อน ซึ่งแตกต่างจากภาพลักษณ์ศิลปินที่ต้องร้อง เล่นดนตรีสดอยู่บนเวทีในมุมเท่ๆ ร็อคๆ ที่มีเพลงฮิตอย่าง คุกเข่า, เธอ, คู่ชีวิต ฯลฯ ซึ่งแต่ละเพลงก็ล้วนมาจากความคิด ความครีเอทีฟของหนุ่มโอมและวง สำหรับเรื่องราวความรักกับศรีภรรยานอกวงการ เพ็ญ – นันท์นภัส จนทั้งคู่มีเจ้าตัวน้อยชื่อว่า น้องเวฬา ก็น่ารักมากๆ เพราะเรื่องราวเกิดจากแฟนสาวไปฟังคอนเสิร์ตหนุ่มโอมและขอถ่ายรูปคู่ ซึ่งหนุ่มโอมเกิดปิ๊ง จึงค้นหาเฟซบุ๊กสาวจูนจนเจอ พร้อมกับบอกสาวจูนไปตรงๆ เลยว่าตนชอบ เรียกว่าตรงไปตรงมา ไม่อ้อมค้อม ก็เป็นความโรแมนติกฉบับหนุ่มโอมเขาเลยละ

 


เรื่อง: Gingyawee_แพรวดอทคอม
ภาพ: IG @film_1718 @tom_reckless @nuchmoho @stampapiwat #newstampwedding
@penhar @ohmhar @brajaojoke

วันเกิดปีนี้ขอให้ลูกแข็งแรง เนย – โชติกา ควงแขนสามี ไฮโซอาร์ม ระดมทุนช่วยคนไร้ที่พึ่ง

วันเกิดปีนี้ในฐานะว่าที่คุณแม่ นักแสดงสาว เนย -โชติกา ไม่ขออธิษฐานอะไรมาก นอกจากขอให้ลูกในครรภ์ของเธอเป็นเด็กแข็งแรงและเป็นเด็กดี เท่านี้ก็เป็นของขวัญสุดพิเศษในชีวิตของสาวเนยแล้ว

ปีนี้ย่างก้าวสู่วัย 33 ปีเรียบร้อย สำหรับเนย – โชติกา ที่เรียกว่าเป็นคุณแม่สาววัย 30 กะรัตแต่ยังแจ๋ว โดยวันเกิดปีนี้สาวเนยขอควงแขนสามี ไฮโซอาร์ม – จันทร์สิริ มณีฉาย พร้อมทั้งแท็คทีมแก๊งเพื่อนและแฟนคลับมาร่วมกันทำความดี โดยได้ช่วยกันระดมทุนไปช่วยเหลือผู้ยากไร้หรือคนไร้ที่พึ่งที่สถานคุ้มครองคนไร้ที่พึ่งหญิงธัญบุรี จังหวัดปทุมธานี โดยได้ร่วมกันระดมทุนทรัพย์รวมกันเป็นจำนวนเงิน 204,580 บาท ซึ่งสาวเนยได้ออกเงินส่วนตัวเพิ่มเข้าไป 100,000 บาท และทำเสื้อมอบให้แก่คนชรา คุณตา คุณยาย ภายในสถานที่คุ้มครองคนไร้ที่พึ่งหญิงธัญบุรีทั้งหมด 500 ตัว โดยทุนนี้สาวเนยพร้อมกับแก๊งเพื่อนและแฟนๆ ยังได้แบ่งเงินเพื่อนำมาทำอาหารเลี้ยงอาหารกลางวันให้แก่ผู้ยากไร้ด้วย ซึ่งหลังจากรับประทานกันเรียบร้อย ก็ยังได้ร่วมทำกิจกรรมร่วมกันกับเหล่าผู้ยากไร้ ไม่ว่าจะเป็นตา ยาย ป้า น้า อา ที่ทั้งร้องและเต้นกันอย่างสนุกสนาน ที่สำคัญยังได้ร่วมส่งคำอวยพรพร้อมกับความสุขกลับมายังสาวเนยและทุกๆ คนอีกด้วย เรียกว่าความสุขทางใจประเมินค่าไม่ได้เลย

“ขอบคุณทุกคนที่ร่วมกันแบ่งปันซื้อเสื้อ #ความสุขคือการแบ่งปัน เนยทำเสื้อทั้งหมด 500 ตัว โอนไม่หักค่าใช้จ่ายใดๆ มียอดโอนทั้งหมด 87,079 และมียอดเพิ่มเติมวันงานอีก 17,501 รวมยอด 104,580 ค่ะ และเนยบริจาคเงินส่วนตัวเพิ่มอีก 100,000 รวมทั้งหมดเป็น 204,580 ค่ะ ส่วนหนึ่งใช้เป็นค่าเลี้ยงอาหารวันงานและที่เหลือบริจาคทั้งหมดค่ะ ขอบคุณทุกๆ คนที่ร่วมบริจาค และที่มาช่วยกันสร้างความสุขให้กับพี่ๆ นะคะ มีความสุขสุดๆไปเลย  #ที่สถานคุ้มครองคนไร้ที่พึ่ง ธัญญะคลอง 6 มีผู้ยากไร้ ประมาน 550 คน เป็นคนชราที่ไม่สามารถเข้ามาร่วมกิจกรรมได้ ประมาณ 300 คนค่ะ ยอดเงินที่ทุกคนร่วมกันทำบุญกับเนยในครั้งนี้ทั่วถึงคุณตาคุณยายพี่ป้าน้าอา ทุกคนที่อยู่ที่นี่ ทุกคนมีความสุขมาก อวยพรกลับมาให้เราเยอะแยะมากมาย เนยขอให้ทุกคนมีความสุขกับการร่วมแบ่งปันในครั้งนี้นะคะ #ChoYourHappiness #ความสุขคือการแบ่งบัน #noeychotikabd2017” (IG @noeychotika)

สำหรับวันเกิดปีนี้นับว่าแตกต่างจากปีก่อนๆ เพราะสาวเนยไม่อยากแฮ้งเอ๊าต์ข้างนอก แต่ขอทำบุญช่วยเหลือผู้อื่นแทน เพราะคิดว่าความสุขคือการแบ่งปัน รวมถึงยังได้มาจัดปาร์ตี้เล็กๆ พร้อมหน้าเพื่อนสนิทและสามีภายในบ้านด้วย ซึ่งก็มีผู้จัดการส่วนตัวมือทอง เอ – ศุภชัย ที่เพิ่งเดินทางกลับจากจังหวัดนครศรีธรรมราช มาร่วมอวยพร ซึ่งเอ – ศุภชัยถือว่าเป็นบุคคลสำคัญที่อยู่กับสาวเนยตั้งแต่เข้าวงการมาแรกๆ จนกระทั่งแต่งงานและกำลังมีลูกน้อยเลยละ

ถือเป็นปีแห่งการเติบโตอีกขั้น ถ้าเจ้าตัวน้อยของสาวเนยลืมตาดูโลกเมื่อไหร่ แพรวดอทคอม จะมาอัพเดตให้ฟังอีกทีนะจ๊ะ ตอนนี้ก็ขอให้สาวเนยและลูกน้อยแข็งแรงมากๆ ละกันนะจ๊า

เติมหวานทุกวัน
สาวเนยกับเอ – ศุภชัย อยู่ด้วยกันแทบทุกช่วงเวลาสำคัญ
หนูขอลูบเนยน้อยหน่อยนะค้า
สาวเนยกับสาวเบนซ์ – ปุณยาพร

ไฮโซอาร์มขอลองซ้อมเป็นคุณพ่อ

 


เรื่อง: Gingyawee_แพรวดอทคอม
ภาพ: IG @noeychotika

เอม - สรรเพชญ์

หล่องานดี มีความคิด ใช้ชีวิตสมถะ เอม – สรรเพชญ์ คุณากร เผยคำสอน “พ่อดู๋” ต้องรับผิดชอบตัวเอง เลิกให้เงินใช้นานแล้ว

เอม - สรรเพชญ์
เอม - สรรเพชญ์

เอม – สรรเพชญ์ เผย “พ่อดู๋” เน้นสอนด้วยการกระทำ ชัดเจนกว่าคำพูด 

เอม – สรรเพชญ์ ลูกชายสุดหล่อของพิธีกรชื่อดัง ดู๋ – สัญญา คุณากร กำลังเป็นที่พูดถึงในโลกโซเชียลสุดๆ เมื่อพ่อดู๋โพสต์รูปลูกชายตอนกำลังฝึกงานลงในอินสตาแกรม หลายคนเข้าไปชื่นชมในแนวคิดและวิธีการเลี้ยงลูกของบ้านนี้ ลองไปฟังด้านน้องเอมเล่าถึงเรื่องนี้กันบ้างดีกว่า

เอม - สรรเพชญ์

จริงๆ ผมเริ่มทำงานพิเศษตั้งแต่ปีที่แล้ว ช่วงซัมเมอร์ในคอร์สภาษาอังกฤษ โดยรับหน้าที่เป็นผู้ช่วยครู ทุกวันก็จะปั่นจักรยานไปโรงเรียน เพราะอยู่ใกล้บ้าน ใช้ชีวิตง่ายๆ ครับ พอมาตอนนี้เพิ่งจบ ม.5 ปิดซัมเมอร์อยู่ 2 เดือน อยากหางานพิเศษทำ เลยมาทำที่โรงแรมเรเนซองส์ ผมอยากได้ประสบการณ์การทำงาน อยากฝึกงานธรรมดาครับ เข้างาน 9 โมงเช้า เลิก 5 โมงเย็น เดินทางไปไหนมาไหนเอง แล้วพอดีคุณพ่อรู้จักกับเจ้าของโรงแรม เลยได้มีโอกาสเข้ามาฝึกงานที่นี่ ซึ่งผมก็ทำทุกอย่างเหมือนพนักงานทั่วๆ ไป ไม่ได้มีสิทธิพิเศษอะไร เวลามาฝึกงานบางทีคุณพ่อก็มาส่ง หรือไม่ก็นั่งแท็กซี่จากบ้านมาลงที่สถานีหมอชิต แล้วก็นั่งรถไฟฟ้าไปลงสถานีชิดลม เรียกว่าใช้ชีวิตค่อนข้างติดดิน โทรศัพท์มือถือก็ไม่ได้ใช้นะครับ ไม่ใช่ว่าคุณพ่อกับคุณแม่ไม่ให้ แต่ผมไม่ใช้เอง เพราะไม่รู้จะใช้ทำอะไร เพื่อนก็เจอที่โรงเรียนอยู่แล้ว บ้านก็อยู่ใกล้ๆ กัน

เอม - สรรเพชญ์

ส่วนการทำงานพิเศษที่โรงแรมทำให้ผมได้ลองหลายบทบาทมากๆ ตั้งแต่คอยแนะนำสถานที่เที่ยวให้แขกที่มาพัก ช่วยถือกระเป๋าสัมภาระไปไว้ที่ห้องพักแขก บางทีก็ทำหน้าที่เปิดประตูโรงแรม เสิร์ฟน้ำ ฯลฯ 2 อาทิตย์ที่ผ่านมาทำเกือบทุกแผนกของล็อบบี้ เริ่มเคยชินแล้วครับ

รู้จัก “Hermès kelly” กระเป๋าใบหรูที่ “แหวนแหวน” ถูกฉกในมิลาน

จากกรณีเซเลบริตี้สาว แหวนแหวน – ปวริศา เพ็ญชาติ ถูกมือดีจิ๊กกระเป๋าแบรนด์เนมสุดหรูอย่าง Hermès Kelly ในร้านอาหารที่มิลาน ซึ่งมูลค่าของที่อยู่ในกระเป๋าเกือบล้านบาท เพราะในกระเป๋าที่มีเงินสดจำนวน 60,000 บาท แว่นตา กระเป๋าเครื่องสำอาง Prada และขนตาปลอม แถมยังเอาบัตรเครดิตไปรูดซื้อสินค้าอีก 400,000 บาท ถือเป็นการเสียทรัพย์ครั้งใหญ่ จนสาวแหวนแหวนออกมาโพสต์ว่าตัวเองกลายเป็นคุณหนูตกอับไปซะแล้ว

ถึง Milan ก็ได้มาเที่ยวสถานีตำรวจเรยคร้าา..!!! @morchang เพิ่งเตือนว่าราหูจะถีบแรงมั่กๆช่วงนี้ แต่ก็ไม่คิดว่าจะล่อไปเกือบล้าน!! ก่อนมาอิตาลีเพิ่งโดนขโมยมือถือ มาต่างประเทศคิดว่าพ้นเงาราหูถีบแล้ว แต่ก็หาไม่..นั่งทานอาหารอยู่ในร้านแล้วเอาสายกระเป๋า Hermes Kelly สีครีมพาดกับเก้าอี้ไว้แล้วเอาหลังนั่งพิงทับสายอีกที นั่งทานกับเพืือนๆอีก 4 คน พอจะคิดเงิน หันมาอีกทีกระเป๋าหายไปแล้วทั้งใบคร้า!! ช๊อครับประทานไปเรย! ทั้งน้องแอร์ เงินสดอีก 60,000 กระเป๋าสตางค์ กระเป๋าแต่งหน้า Prada แว่นตา Victoria Beckham ยัน eyeliner และ ขนตาปลอม!!😥😓 และที่เปรี้ยวสุดคือออ!! ภายใน 1 ชม ที่ขโมยไป(และยังไม่รู้ตัว) อีคุณโจรเอาบัตรเครดิตดิฉันไปรูดอีกเกือบ 400,000 บาท!!! ลมแทบจับ😵😵😵😰😰😰พอรู้ตัวก็รีบพุ่งไปแจ้งความที่สถานีตำรวจ แจ้งสถานฑูต แจ้งbank รวบรวมหลักฐานเขียนลงบันทึกส่งตำรวจยาวเป็นหางว่าว เพื่อรีบส่งหลักฐานบันทึกแจ้งความของทางตำรวจอิตาลีให้ทาง Bank ดำเนินการอย่างด่วนที่สุด! ส่วนเรื่องตามกระเป๋าคืนคงลำบากนิดนุง เพราะมีพี่น้องชาวเอเชียอีกประมาณ 60 คนต่อแถวรอแจ้งความคดีเดียวกันอยู่ในสถานีจนทะลักออกไปหน้าถนน ไม่นับอีก 100 กว่าคนช่วงเช้า..คาดว่าคงต้องทำใจเพราะพี่ตำรวจคงวิ่งไล่ตามให้หมดไม่ทัน..😑😓 ยังไงต้องขอกราบขอบพระคุณทาง citibank #citibankthailand #citibankultima มากๆๆๆอีกครั้งนะคะ ที่รับเรื่องและช่วยจัดการดูแลในส่วนที่อีโจรเปรตอเวจีผีนรกรูดไป🙏🙏🙏จะระมัดระวังไม่ให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้อีกค่ะ…ฝากถึงพี่ๆน้องๆชาวไทยทุกคนที่ไปเที่ยวเมืองใหญ่ๆในอิตาลีด้วย อย่าลืมระมัดระวัง ดูแลตัวเองดีๆ เวลาเข้าร้านอาหารวางกระเป๋าไว้บนตักและพันไว้กับแขนหลายๆทบตลอดเวลา (ขนาดวางไว้อยู่ในสายตาแต่ตอนก้มหน้าทานภายในเสี้ยววินาทียังคว้าไปได้) คอยสังเกตคนรอบๆตัว อย่ามัวแต่เดินถ่ายรูป เดินเซลฟี่ แบ่งเงินสดอย่าเก็บรวมกัน บัตรเครดิตตั้งวงเงินจำกัดไว้ เพราะที่อิตาลีไม่ค่อยตรวจ ID เวลารูดบัตรเหมือนที่อเมริกา…มีคนเตือนมาหลายรอบแต่เพิ่งโดนกับตัวเองครั้งแรกอย่างหนักเลยรู้ซึ้ง…หวังว่าเรื่องราวของแหวนจะเป็นอุธาหรณ์เตือนใจให้ทุกคนระวังกันมากยิ่งขึ้นนะคะ…#ราหูถีบเสียทรัพย์เกือบล้าน #หลอนไปเลยพักใหญ่ #ถีบสะใจรึยังเค๊อะ @morchang #กลับเมืองไทยพาเข้าวัดด่วน

โพสต์ที่แชร์โดย whanpavarisa (@whanpavarisa) เมื่อ

 

กระเป๋า Hermès Kelly ใบที่ถูกขโมยไป เราคงไม่ได้เห็นกันแล้ว แต่สาวแหวนแหวนก็ไม่ได้มี Hermès Kelly ใบเดียวนะ เรามาส่อง Kelly ใบอื่นๆ ของเซเลบสาวกัน

วันนี้แพรวดอทคอมไม่ได้จะมาเล่าเรื่องเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นหรอก แต่จะพามารู้จักกับเจ้ากระเป๋า Hermès รุ่น Kelly ที่สาวแหวนแหวนถูกฉกไป เพราะราคาของกระเป๋าแบรนด์นี้ไม่ใช่ถูกๆ ขนาดมือสองยังแสนอัพเลยจ้า แต่ทำไม Hermès ถึงยังครองใจแฟชั่นนิสต้าได้อย่างยาวนานล่ะ นางมีดีอะไร ต้องตามมาดู

 

เริ่มด้วยประวัติของ Hermès กันก่อนเลย

เทียร์รี่ แอร์เมส เจ้าของตำนานกระเป๋า 

Hermès ถือกำเนิดขึ้นครั้งแรกในปี 1837 โดยเทียร์รี่ แอร์เมส ชาวฝรั่งเศส ด้วยการเป็นผู้ผลิตอานม้าและเครื่องใช้สำหรับการขี่ม้า ซึ่งผลิตภัณฑ์ทุกชิ้นผ่านกรรมวิธีการผลิตอย่างพิถีพิถัน รวมถึงวัสดุชั้นดี กระเป๋าหนังทุกใบของ Hermès ได้รับการตัดเย็บด้วยมือ โดยหนังที่ใช้ต้องเป็นเกรดเอเท่านั้น ทั้งหนังวัว หนังนกกระจอกเทศ หนังตะกวด และหนังจระเข้ โดยจระเข้จะถูกเลี้ยงในบ่อหินอ่อน เพื่อให้ได้ผิวหนังเรียบร้อย ไม่ให้มีรอยขีดข่วนแม้แต่น้อย นอกจากนั้นยังถูกแยกเลี้ยงบ่อละตัว เพื่อป้องกันไม่ให้จระเข้กัดกันด้วย

ช่างตัดเย็บทุกคนต้องผ่านการฝึกฝนจนชำนาญในโรงงานที่ฝรั่งเศสเป็นเวลานาน 3 ปี ก่อนที่จะได้รับอนุญาตให้ผลิตกระเป๋า ซึ่งแต่ละใบใช้เวลาราว 16 – 20 ชั่วโมง และจะต้องรับผิดชอบซ่อมแซมกระเป๋าตลอดอายุการใช้งาน ด้วยคุณภาพของหนังที่คัดเลือกมาอย่างดีที่สุด รวมไปถึงกรรมวิธีการเย็บหนังด้วยฝีเข็มคู่อันเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว แอร์เมสเลยได้รับความนิยมอย่างแพร่หลายในหมู่ราชวงศ์และชนชั้นสูงของฝรั่งเศส

แม้จะผ่านไปเป็นร้อยปีแล้ว แต่ตอนนี้แบรนด์ Hermès ก็ยังเป็นที่ต้องการของเหล่าคนมีเงิน และต่อให้จะมีเงินมหาศาลแค่ไหน ก็ไม่ได้ง่ายที่จะสามารถซื้อกระเป๋าหนังแบรนด์หรูมาครอบครองในทันที เพราะเนื่องจากมีเงื่อนไขว่าต้องเป็นลูกค้าประจำ หรือไม่ก็ดูว่ามีบุคลิกเหมาะสมกับกระเป๋าหรือไม่ แต่ถึงเงื่อนไขจะเยอะ แลดูจุกจิกหน่อยๆ แต่แฟชั่นนิสต้าก็จองกระเป๋าแบรนด์หรูนี้กันข้ามปีเลยทีเดียว

ทำไม Hermès ตั้งราคาสูงแล้วขายได้ ตั้งแต่ตอนแรกมีการกำหนดกลุ่มเป้าหมายไว้ที่ระดับ A+ ทั้งหมด บวกกับกลยุทธ์ Waiting List จึงยิ่งทำให้กลายเป็นที่ต้องการมากขึ้น และแม้ Hermès จะผลิตกระเป๋าออกมาหลายรุ่น แต่รุ่นที่ติดอันดับยอดนิยมตลอดกาลมีอยู่ 2 รุ่น คือ Kelly กับ Birkin

วันนี้เราจะมาเจาะกระเป๋าหนังรุ่น Kelly กัน สำหรับกระเป๋ารุ่นนี้ ดังเป็นพลุแตกขึ้นมาได้เพราะในปี 1956 เกรซ เคลลี่ หรือเจ้าหญิงเกรซแห่งโมนาโกได้ใช้กระเป๋า Hermès รุ่น Sac à dépêches ซึ่งเป็นชื่อเดิม ปิดพระครรภ์ของพระองค์เอาไว้ เมื่อภาพดังกล่าวถูกตีพิมพ์ออกไป ก็กลายเป็นกระแสฮือฮา ทำให้ได้รับความนิยมในหมู่แฟชั่นนิสต้า และไม่นานกระเป๋ารุ่นนี้ก็ถูกเปลี่ยนเป็นชื่อรุ่น Kelly ตามพระนามของเจ้าหญิงเกรซ เอาจริงๆ เป็นชื่อที่เรียกง่ายขึ้นเยอะเลย แถมยังจำได้ง่ายกว่าชื่อเก่าด้วย

 

ได้เวลาดูตัวกระเป๋าแล้ว แพรวดอทคอมขอเลือกหนังและขนาดยอดฮิตมาให้ดูละกัน เพราะถ้าจะขนมาทุกแบบ วันนี้คงไม่หมดแน่ๆ

Hermès Dark Brown Box Calf Vintage Kelly Sellier 28 cm with Gold Hardware $7,995 หรือราคาประมาณ 271,063 บาท 

 


 

Hermès Etoupe Togo Leather Kelly 35 cm Bag with Palladium Hardware $16,500 หรือราคาประมาณ 559,417 บาท นี่คือราคา ON SALE แล้วนะ

 


 

Hermès Toffee Epsom Sellier Kelly 28 cm Gold Hardware $21,125 หรือราคาประมาณ 716,223 บาท 

 


 

Hermès 35 cm Blue Jean Ostrich (หนังนกกระจอกเทศ) Kelly Bag $26,000 หรือราคาประมาณ 881,505 บาท 

 


 

Hermès Black Shiny Niloticus Crocodile Sellier Kelly 20 cm Gold Hardware $38,875 หรือราคาประมาณ 1,318,020 บาท 

 


 

ใบสุดท้าย Hermès Kelly หนัง Himalayan ราคาเกือบ 4 ล้านบาท ใบนี้เป็นหนังที่หายากและเป็นที่ต้องการสุดๆ

 


 

เป็นไงล่ะ กระเป๋าที่สาวแหวนแหวนถูกขโมยไปนี่ไม่ธรรมดาเลย ทั้งขั้นตอนการทำและราคาแรงๆ ส่วนใครที่เป็นสาวก Hermès มีรุ่นไหนที่ชอบกันบ้าง มาแชร์ได้นะ

 

 

 

ภาพ : www.portero.com, madisonavenuecouture.com, www.portero.com

ข้อมูล : issue247.com

 

คอนนิจิวะ !! เอาใจ เจแปนเลิฟเวอร์ เชิญเที่ยวเทศกาล “TOYOTSU JAPAN FESTIVAL” งานนี้ชม ช็อป ชิลล์ เพียบ

โตโยต้า ทูโช (ไทยแลนด์) จัด TOYOTSU JAPAN FESTIVAL” (โตโยสึ เจแปน เฟสติวัล) เทศกาลรวบรวมสินค้าไลฟ์สไตล์จากประเทศญี่ปุ่น เพื่อเจแปนเลิฟเวอร์โดยเฉพาะ พบกับสินค้าคุณภาพในราคาเทียบเท่าและส่งตรงจากญี่ปุ่น อาทิ แฟชั่น, ไลฟ์สไตล์, เมนูอาหารญี่ปุ่นแสนอร่อยสุดหลากหลาย พร้อมกิจกรรมและศิลปินดาราที่พร้อมใจมาร่วมชม ช็อป ชิลล์ภายในงานเพียบ!

พบกับศิลปินดาราคับคั่ง ณเดชน์ คูกิมิยะ, กาละแมร์ – พัชรศรี เบญจมาศ, กุ๊บกิ๊บ – เป่าเปา พร้อมโชว์สุดพิเศษ อาทิ โปเกม่อนโชว์, Cosplay Show และกิจกรรมมากมายตลอดทั้งวัน ในวันเสาร์ที่ 29 ก.ค. 2560 และวันอาทิตย์ที่ 30 ก.ค. 2560 ร่วมดื่มด่ำกับกิจกรรมเวิร์คช็อปการชงชา พบกับศิลปินดารา อาทิ  โอปอล์ – ปาณิสรา อารยะสกุล, จูน – กษมา ศิลาชัย พร้อมลูกๆ ออก้า – ออกัส – ออกู๊ด ชมมินิคอนเสิร์ตจาก เป๊ก – ผลิตโชค อายนบุตร และ BNK48 วงนักร้องสาวจากประเทศญี่ปุ่น พร้อมโชว์สุดพิเศษ โปเกม่อนโชว์, Cosplay Show และกิจกรรมมากมายตลอดทั้งวัน

ห้ามพลาด! เทศกาล “TOYOTSU JAPAN FESTIVAL” (โตโยสึ เจแปน เฟสติวัล) เพียง         2 วันเท่านั้น ในวันเสาร์ที่ 29 และวันอาทิตย์ที่ 30 กรกฏาคม 2560 ณ รอยัล พารากอน ฮอลล์ ศูนย์การค้าสยามพารากอน

มะเร็งปากมดลูก

รียา วาลา นางแบบสาวเซอร์ กับคำสารภาพ มะเร็งปากมดลูกเปลี่ยนฉันเป็นคนใหม่

มะเร็งปากมดลูก
มะเร็งปากมดลูก

นับจากวันที่ “รียา วาลา” นางแบบสาวสุดเซอร์ตรวจพบว่าตัวเองเป็น “มะเร็งปากมดลูก ระยะที่ 3” ชีวิตเธอก็ไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป

“รียาเริ่มอาชีพนางแบบพร้อมกับสมัครเรียนที่มหาวิทยาลัยรามคำแหง ยอมรับว่าที่ผ่านมาใช้ชีวิตแบบไม่สนใจตัวเองนัก กระทั่งปี 2556 รู้สึกถึงอาการผิดปกติหลายอย่าง เช่น ปวดท้องน้อยมากขึ้น สังเกตว่าท้องเริ่มบวม สวนทางกับรูปร่างที่ผอมลงๆ กินอะไรก็อาเจียนออกมาหมด อีกอย่างคือรู้สึกปวดหลังมาก

รียา วาลา

“ตอนแรกคิดว่าเป็นเพราะใส่ส้นสูงทำงาน แต่พอไม่ใส่ก็ยังปวดอยู่ กระทั่งวันหนึ่งมีเลือดออกจากช่องคลอดทั้งที่ไม่มีประจำเดือน จากที่ละเลยมาเรื่อยๆ ก็คิดว่าคงไม่ปกติแล้ว เข้าไปเสิร์ชในกูเกิ้ล โดยเขียนอาการที่เกิดขึ้นทั้งหมดลงไป ผลออกมาว่ารียามีอาการคล้ายโรคมะเร็งปากมดลูก จึงตัดสินใจไปตรวจที่โรงพยาบาล 5 แห่ง ทั้งโรงพยาบาลรัฐและเอกชน ที่ไปตรวจหลายแห่งเพราะยังมีความหวังว่าบางโรงพยาบาลอาจจะบอกว่าเราไม่ได้เป็นมะเร็ง และจะได้ช่วยเพิ่มความมั่นใจด้วย

“แต่ผลตรวจออกมาตรงกันหมดว่ารียาเป็น มะเร็งปากมดลูก ไม่ใช่แค่ระยะเริ่มต้น แต่เป็นระยะที่ 3

“ความรู้สึกตอนนั้นช็อกมากค่ะ เหมือนคนบ้าเลย  เพราะที่ผ่านมาทั้งมองข้ามอาการเตือนทั้งหลาย บอกตัวเองมาตลอดว่าฉันไม่เป็นอะไร สามวันแรกที่รู้ผลจมปลักอยู่กับความเศร้า ร้องไห้คนเดียว ตัดสินใจไม่บอกใครเลยแม้กระทั่งคุณพ่อคุณแม่ พี่สาว เพราะอยากผ่านเรื่องร้ายไปได้ด้วยตัวเองก่อน ไม่อยากให้ครอบครัวพลอยกังวล

รียา วาลา

“คุณพ่อคุณแม่รียาอยู่ยะลา ส่วนพี่สาวแยกไปพักคนละแห่ง รียาอยู่หอพักคนเดียว มองแง่ดีก็คือเหมือนเรามีเวลาฟื้นฟูความรู้สึก เริ่มทำใจว่าเมื่อมะเร็งขอมาอยู่กับเรา เราก็ต้องอยู่กับมัน แค่คิดให้ออกว่าจะอยู่อย่างไร ถ้าเราเครียด คนที่ได้รับผลกระทบก็คือตัวเราเอง แม้จะไม่รู้สาเหตุแน่ชัดว่าทำไมเป็นโรคนี้ทั้งที่อายุยังน้อย คุณหมอให้กำลังใจว่ามะเร็งปากมดลูกสามารถรักษาให้หายขาดได้ แม้จะเป็นมะเร็งที่ฆ่าผู้หญิงเป็นอันดับ 2 เนื่องจากไม่ค่อยแสดงอาการให้เห็นชัดเจนว่าผิดปกติ กว่าหลายคนจะรู้ตัว มะเร็งก็ลุกลามไปแล้ว ซึ่งรียาโชคดีมากที่มะเร็งไม่ได้ลุกลามไปที่อื่น

“รียาเลือกรับการรักษาที่โรงพยาบาลรัฐแห่งหนึ่ง เริ่มแรกคุณหมอให้ปรับเรื่องอาหารก่อน เพราะเชื่อว่าชีวิตประจำวันอาจเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้เป็นมะเร็ง ยอมรับว่ารียากินอาหารน่ากลัวจริงๆ คือกินส้มตำปูปลาร้าทุกวัน วันไหนไม่กินจะรู้สึกขาดๆ ของดองก็ชอบมาก เช่น สะตอดอง เนื้อย่างก็ชอบ แล้วยังนอนดึก ประมาณตีหนึ่งตีสอง นานๆ จะออกกำลังกายสักครั้ง จึงหันมาปรับวิธีการกินใหม่ทั้งหมด งดเนื้อสัตว์เลย เพราะโปรตีนเป็นแหล่งอาหารของมะเร็ง ยกเว้นปลา แม้จะเป็นโปรตีน แต่มีประโยชน์มากกว่า ไม่กินผงชูรส และทุกมื้อต้องมีผัก จนบางครั้งก็เหลือแต่ผักอย่างเดียว โดยพยายามเลือกผักปลอดสารพิษ

รียา วาลา

“ที่รียาปรับอีกอย่างคือการเข้านอนแต่หัวค่ำ ประมาณ 3 ทุ่ม ตื่น 7 โมงเช้า กับฝึกหายใจใหม่ เพราะทราบมาว่าการหายใจเข้าลึกๆ และหายใจออกยาวๆ จะช่วยขับของเสียออกจากทางร่างกายได้ นอกจากนี้ถ้าไม่ได้ทำงานจะไม่แต่งหน้าเลย ไม่ได้ทากระทั่งครีมบำรุงผิว ครีมกันแดด หรือแป้ง ใช้แค่น้ำเปล่าล้างหน้าเท่านั้น พยายามทำชีวิตประจำวันให้อยู่ในระเบียบทุกอย่าง ไม่มีคำว่า ‘นิดเดียว’ ให้ตัวเองเลย เวลาเดินผ่านร้านส้มตำก็ต้องท่องไว้ว่าอดทนๆ กินนิดเดียวก็ไม่ได้

“ในส่วนของการรักษา ขั้นแรกคือคุณหมอให้ฉายแสงติดกัน 7 วันรวด จากนั้นค่อยทำคีโม ซึ่งตอนที่ทำคีโมบอกเลยว่าพังหมดทั้งร่างกายและจิตใจ รียาต้องดร็อปเรียน 1 ปีเพื่อรับการรักษาโดยเฉพาะ ผลจากการทำคีโมก็คือเห็นภาพหลอนตลอด เบลอถึงขั้นคิดว่าสับมีดลงบนโต๊ะ ทั้งที่จริงแล้วมีดวางอยู่บนโต๊ะเฉยๆ กินอะไรเข้าไปก็อาเจียนออกมาหมด แม้กระทั่งยา ช่วงนั้นรียายังไม่บอกที่บ้านว่าไม่สบาย วันไหนไม่ไหวจริงๆ จึงโทร.ขอให้พี่สาวมาดูแล โดยบอกพี่แค่ว่าไม่สบาย ไม่ได้บอกว่าเป็นอะไร พี่สาวไม่ใช่คนถามเซ้าซี้อยู่แล้ว จึงไม่สงสัย

รียา วาลา

“ผ่านไป 6 – 7 เดือน อาการดีขึ้นเรื่อยๆ จึงตัดสินใจกลับบ้านยะลาเพื่อบอกความจริงกับแม่ พอแม่รู้ก็น้ำตาปริ่มๆ จะไหล เห็นอย่างนั้นรีบบอกแม่ว่าห้ามร้อง เพราะหนูสู้แล้ว แม่ต้องสู้ด้วยนะ แม่จึงไม่กล้าร้องให้เห็น ที่รียาไม่อยากเห็นแม่ร้องไห้เพราะไม่อยากให้แม่ทุกข์ พอแม่รู้ก็ช่วยต้มยาสมุนไพรให้ดื่ม เพราะยายเคยเป็นหมอสมุนไพรเก่า แม่จึงมีความรู้อยู่บ้าง อีกอย่างท่านเป็นครูสอนทำอาหารด้วย เรื่องอาหารการกิน ทั้งผัก ทั้งปลา แม่จึงช่วยดูแลให้หมด

“ตอนที่ไม่สบาย รียาก็ยังทำงานเดินแบบถ่ายแบบอย่างน้อยอาทิตย์ละครั้ง โดยเลือกงานที่ไม่ออกนอกสถานที่หรือต้องออกแรงมากนัก โชคดีว่าไม่เคยไปป่วยกลางกองถึงขั้นเป็นลมหรืออาเจียน  ถ้าวันไหนไม่ไหวจะโทร.ไปบอกพี่ทีมงานล่วงหน้า ที่รียายังทำงานเพราะคิดว่าเราแค่ป่วย ไม่ได้พิการ ความจริงถ้าไม่ทำงาน แม่คงหาเงินมารักษาได้ แต่รียาคิดว่าถ้าหาเงินมารักษาตัวเองไม่ได้ ต่อไปจะดูแลชีวิตในวันข้างหน้าได้อย่างไร  รียาหมดเงินกับการรักษาไปประมาณ 5 – 6 แสนบาท ซึ่งเงินทั้งหมดนั้นมาจากน้ำพักน้ำแรงของตัวเอง

รียา วาลา

“ทุกวันนี้รียาตั้งใจทำงานมากขึ้น เพื่อที่จะเก็บสตางค์ไว้ เพราะไม่ทราบว่าอนาคตข้างหน้าจะเป็นอย่างไร พ่อเคยสอนว่า คนเราเกิดมาต้องใช้ชีวิต รียาคิดว่านี่คือการใช้ชีวิตอย่างหนึ่ง ป่วยก็หาเงินรักษา ในเมื่อมันคือส่วนหนึ่งของชีวิตเราแล้ว พอไปตรวจร่างกายที่โรงพยาบาล คุณหมอก็พูดดีมาก บอกว่าตรวจแทบไม่พบค่าของมะเร็งแล้วนะ แต่ยังไงซะเชื้อของมะเร็งอาจยังเหลืออยู่บ้าง จึงต้องไปตรวจเช็กอยู่เรื่อยๆ โดยควบคุมตัวเองเหมือนเดิมทุกอย่าง ทั้งเรื่องอาหาร การนอน การใช้ชีวิต เพราะเชื่อว่าถ้ามะเร็งกลับมาอีกครั้ง การรักษาจะยากกว่าเดิม ป้องกันไว้ก่อนดีกว่า

“มองย้อนกลับไป ที่รียาผ่านเหตุการณ์ทั้งหมดได้ ไม่ใช่กำลังใจจากใครที่ไหน ไม่ได้รอรับจากคนอื่น แต่เป็นกำลังใจจากตัวเอง เพราะคิดว่าสิ่งนี้เกิดขึ้นในตัวเรา เราก็ต้องดูแลและให้กำลังใจตัวเอง พยายามไม่เครียด มองโลกในแง่ดี แต่ก็มองทุกอย่างด้วยความจริง ไม่โกหก รียาเคยได้ยินว่ามะเร็งชอบอยู่กับคนอ่อนแอ เพราะฉะนั้นเราต้องเข้มแข็งและสู้กับมันต่อไป

รียา วาลา

“ขอบคุณครอบครัวที่ช่วยดูแลรียาตลอดมา แล้วก็ต้องขอบคุณแมวสองตัวที่เป็นกำลังใจให้ แค่มีแมวอยู่ใกล้ๆ ไม่ต้องกอดหรือปลอบอะไรก็ทำให้เรารู้สึกดีได้ มะเร็งสอนให้รียาแข็งแกร่ง ยังรู้สึกขอบคุณที่ตัวเองเป็นมะเร็ง

“เพราะถ้าไม่เป็น อาจจะละเลยตัวเองมากกว่านี้ก็ได้”

ที่มาเรื่อง : คอลัมน์ “ครั้งหนึ่ง” นิตยสารแพรว ฉบับที่ 848

ขอบคุณภาพ : IG @riiyar_riiyar

หม่อมเจ้าการวิก

ใต้ร่มฉัตร เปิดเรื่องราวชีวประวัติ หม่อมเจ้าการวิก…เสรีไทยสายอังกฤษ (ตอนที่ 16)

หม่อมเจ้าการวิก
หม่อมเจ้าการวิก

หม่อมเจ้าการวิก กับการเป็นเสรีไทยสายอังกฤษ

หม่อมเจ้าการวิก กับเรื่องราวที่เข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ หลังจากที่ประเทศไทยประกาศเข้าร่วมกับฝ่ายญี่ปุ่นในสงครามโลกครั้งที่ แล้ว บรรดานักเรียนไทยและคนไทยในอังกฤษได้รวมตัวกันเป็นคณะเสรีไทย และหม่อมเจ้าการวิกก็เป็นหนึ่งในจำนวนนั้น

เมื่อคุณเสนาะ นิลกำแหง ไปติดต่อขอเชิญพระมนูเวทย์วิมลนาทให้เป็นหัวหน้าคณะ ปรากฏว่าต้องพบกับความผิดหวัง ท่านบอกว่าไม่เห็นด้วยกับความคิดของกลุ่มนักเรียนไทย การประกาศตนว่าไม่เห็นด้วยกับการกระทำของรัฐบาล และการที่จะต่อต้านญี่ปุ่นจะทำให้มีความผิดตามกฎหมายลักษณะอาญามาตรา 104 ฐานเป็นกบฏนอกประเทศ มีความผิดร้ายแรงถึงขั้นประหารชีวิต

พระมนูเวทย์วิมลนาท

ทีแรกทางกลุ่มนักเรียนไทยดำริที่จะเปลี่ยนมาเข้ากราบบังคมทูลเชิญสมเด็จพระนางเจ้ารำไพพรรณีฯ เพราะทรงเป็นที่รู้จักดีในวงราชการและพระราชวงศ์อังกฤษ แต่ก็เห็นว่าพระองค์ท่านทรงอยู่ในพระฐานะที่สูง และทรงเป็นสตรีเพศ ไม่สมควรที่จะมาเกี่ยวข้องกับทางการทหาร ส่วนหม่อมเจ้าศุภสวัสดิ์ฯ ซึ่งทรงจบการศึกษาทางทหารจากวูลวิช (Woolwich) ในหน่วย Royal Horse Artillery แห่งอังกฤษ ก็ติดตรงที่ว่าท่านทรงเป็นเจ้า ซึ่งมี “กลิ่น” ไม่ค่อยดีในวงการเมืองไทย ซึ่งหมายถึงว่าเมื่อวันที่มีการเปลี่ยนแปลงการปกครอง 24 มิถุนายน 2475 ทรงเป็นผู้บัญชาการกองทหารรักษาพระองค์ที่พระราชวังไกลกังวล ได้ทรงต่อต้านกับฝ่ายปฏิวัติที่จะมาจับพระเจ้าอยู่หัว โดยการยึดสะพาน ทางรถไฟต่างๆ แถวเพชรบุรีและวางระเบิดไว้ จึงไม่เป็นที่ชอบใจของเหล่าผู้ก่อการฯ ซึ่งท่านก็ได้ทรงอาสาปฏิบัติงานอันเป็นประโยชน์ต่ออังกฤษตั้งแต่ตอนที่สงครามเริ่มเกิดขึ้นใหม่ๆ และรัฐบาลอังกฤษได้รับท่านเป็นทหารในกองทัพบกของอังกฤษด้วย

ที่นี้ยังเหลือผู้ใหญ่อีกท่านหนึ่งที่เห็นว่าสมควรจะเชิญมาเป็นหัวหน้าได้ คือ พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าจุลจักรพงษ์ เพราะทรงเป็นที่รู้จักกันดีในสังคมของอังกฤษ โดยที่ทรงมีชายาเป็นชาวอังกฤษ และเป็นผู้ที่จัดการแข่งรถยนต์สร้างชื่อเสียงให้พระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าพีรพงศ์ภาณุเดช พระเชษฐาองค์หนึ่งในพระองค์เจ้าจิรศักดิ์ฯ จนดังในระดับโลก อีกทั้งทรงมีความสัมพันธ์อันดีกับจอมพลแปลก พิบูลสงคราม นายกรัฐมนตรีไทยในขณะนั้น คุณสว่าง สามโกเศศ จึงเป็นตัวแทนเข้าเฝ้าฯเพื่อทูลเชิญ แต่พระองค์ท่านทรงตอบปฏิเสธว่า ทรงเป็นเจ้า มาเล่นการเมืองไม่ได้ และทรงปฏิบัติราชการในกองรักษาดินแดน (Home Guard) ของอังกฤษอยู่แล้ว

ทางคุณสว่างและคุณเทพ เสมถิติ จึงส่งหนังสือถึงกระทรวงการต่างประเทศอังกฤษ ขออาสาทำการใดๆ เพื่อต่อต้านญี่ปุ่น ได้รับคำตอบขอบคุณและคำบอกกล่าวว่า เมื่อทางการมีช่องทางที่จะใช้คนไทยก็จะแจ้งให้ทราบ แต่เรื่องก็เงียบหายไป ที่ประชุมจึงเห็นว่าหากจะติดต่อกับทางการอังกฤษเองคงไม่เป็นผล ควรจะติดต่อหม่อมราชวงศ์เสนีย์ ปราโมช เล่าเรื่องราวในอังกฤษให้ท่านทราบและขอให้ท่านช่วย โดยคุณเสนาะ นิลกำแหง รับเป็นผู้ติดต่อ เพราะเป็นคนเดียวที่รู้จักสนิทสนมกับท่านดี ด้วยเคยสอบกฎหมายเป็นเนติบัณฑิตได้ในปีเดียวกัน และเคยเล่นเทนนิส เล่นล้างอัดรูปด้วยกันบ่อยๆ

จอมพล ป. พิบูลสงคราม
หม่อมราชวงส์เสนีย์ ปราโมช
คุณมณี สาณะเสน กับภรรยา

หม่อมราชวงศ์เสนีย์ได้ส่งโทรเลขตอบมาว่ายินดีช่วยเหลือ และจะส่งคุณมณี สาณะเสน มาอังกฤษเพื่อเจรจากับรัฐบาลอังกฤษ เพราะรู้จักคุ้นเคยกับข้าราชการชั้นสูงของอังกฤษหลายคน คุณมณีเคยเรียนหนังสือในอังกฤษตั้งแต่อายุยังน้อย ในขณะที่บิดา (พระยาวิสูตรโกษา – ฟัก สาณะเสน) เป็นทูตไทยประจำลอนดอน จบวิชากฎหมายในอังกฤษ แล้วเข้ามาทำงานในองค์การสันนิบาตชาติที่เจนีวา สวิตเซอร์แลนด์ ตลอดมา จนเกิดสงครามโลกครั้งที่ 2 จึงเตรียมเดินทางกลับเมืองไทย แต่ก็ไปตกค้างอยู่ในอเมริกา กระทรวงการต่างประเทศจึงสั่งให้อยู่ช่วยราชการที่สถานทูตไทยในวอชิงตันก่อน

เมื่อคุณมณีเดินทางมาถึงอังกฤษแล้ว ได้ดำเนินการเจรจากับรัฐบาลอังกฤษยืดเยื้ออยู่ราวๆ 2 เดือน เพราะมีข้อขัดข้องต่างๆ นานา (โดยหม่อมเจ้าศุภสวัสดิ์ฯทรงมีส่วนร่วมในการเจรจามาตั้งแต่ก่อนเหตุการณ์ญี่ปุ่นบุกขึ้นแผ่นดินไทย) กว่าที่ทางรัฐบาลอังกฤษจะยินยอมตอบรับคณะเสรีไทย โดยผู้ที่สมัครเป็นเสรีไทยไม่ผูกมัดว่าต้องเป็นทหาร เพียงแต่ต้องทำการอันเป็นประโยชน์ในการสงครามตามที่รัฐบาลอังกฤษเห็นสมควร

ต่อมาในเดือนกรกฎาคม พ.ศ. 2485 รัฐบาลไทยได้ส่งหนังสือยื่นคำขาดเรียกตัวคนไทย นักเรียนไทยกลับประเทศโดยเรือแลกเปลี่ยนเชลย ผู้ที่ไม่กลับจะถูกตัดทุนการศึกษา ค่าใช้จ่าย ถอนสัญชาติไทย และถูกตัดสิทธิที่จะกลับเข้าประเทศตลอดไป ซึ่งก็มีผู้เดินทางกลับส่วนหนึ่ง (รวมทั้งท่านทูตไทย) ด้วยเหตุผลส่วนตัว คือ เป็นห่วงครอบครัว และเห็นว่าควรจะกลับไปใช้วิชาความรู้ที่ได้เรียนมาทำงานให้เป็นประโยชน์ต่อชาติ ภายหลังบางคนได้ร่วมขบวนการต่อต้านญี่ปุ่นในประเทศด้วย

ทางคณะเสรีไทยได้รับหนังสือเวียนให้ประชุมกันในวันที่ 7 สิงหาคม พ.ศ. 2485 เป็นครั้งแรก โดยผู้ชายได้สมัครเป็นทหาร เพื่อช่วยราชการในกองทัพบกของอังกฤษตามข้อตกลง และถูกส่งไปยังศูนย์ฝึกอบรมพิเศษ (Special Training Center) ที่ตำบลบิงเลย์ (Bingley) ในนอร์ธแฮมป์ตัน (Northampton) คนไทยที่สมัครเป็นทหารมี 38 คน แต่กองทัพรับไว้ 34 คน รวมทั้งผม อีก 4 คนไม่ผ่านการตรวจร่างกาย คือ คุณเสนาะ ตันบุญยืน หลวงจำนงดิฐการ คุณยิ้ม พึ่งพระคุณ (น้องชายหลวงอดุลเดชจรัส – รองนายกรัฐมนตรีไทยในขณะนั้น) และคุณสมบูรณ์ ปาลเสถียร (3 คนหลังนี้เป็นข้าราชการในสถานทูตไทย) แล้วในเย็นวันเดียวกันนี้ สมเด็จพระบรมราชินีโปรดเกล้าฯพระราชทานเลี้ยงส่งแก่ทุกคนที่มาเป็นทหารด้วย ณ ภัตตาคารอาหารจีนชื่อเลออน (LEON) ในกรุงลอนดอน และคณะเสรีไทยสายอังกฤษก็ได้ถือเอาวันนี้เป็นวันที่ระลึกในการสำคัญนี้เสมอมา

ก่อนที่จะเล่าถึงชีวิตการเป็นทหารของคณะเสรีไทย ผมขอบันทึกรายพระนามและรายชื่อของคนไทยในอังกฤษที่เข้ามาร่วมในการนี้ทั้งหมดอีกครั้งหนึ่ง คือ พวกที่สมัครเป็นทหารมี 34 คน ได้แก่ 1. หลวงอาจพิศาลกิจ (อาจ พิศาลบุตร) 2. หลวงภัทรวาที (ศุภวาร วารศิริ) 3. นายกลิ่น เทพหัสดิน ณ อยุธยา 4. นายประเสริฐ ปทุมมานนท์ 5. หม่อมเจ้ากอกษัตริย์ สวัสดิวัตน์ 6. หม่อมเจ้าภีศเดช รัชนี 7. หม่อมราชวงศ์กิตินัดดา กิติยากร 8. หม่อมหลวงจิรายุ นพวงศ์ 9. นายสวัสดิ์ ศรีสุข 10. นายจุ๊นเคง (พัฒพงศ์) รินทกุล 11. นายประทาน เปรมกมล 12. นายป๋วย อึ๊งภากรณ์ 13. นายเปรม บุรี 14. นายรจิต บุรี 15. นายสำราญ วรรณพฤกษ์ 16. นายธนา โปษยานนท์ 17. นายกฤษณ์ โตษยานนท์ 18. นายเสนาะ นิลกำแหง 19. นายประโพธ เปาโรหิตย์ 20. นายเทพ เสมถิติ 21. นายกำแหง พลางกูร 22. นายอรุณ สรเทศน์ 23. นายยิ้มยล แต้สุจิ 24. นายบุญพบ ภมรสิงห์ 25. นายบุญเลิศ เกษมสุวรรณ 26. นายโต บุนนาค 27. นายปัทม์ ปัทมสถาน 28. นายบุญส่ง พึ่งสุนทร 29. นายวัฒนา ชิตวารี 30. นายประพฤทธิ์ ณ นคร 31. นายประจิตร กังศานนท์ (ยศสุนทร) 32. นายวิวรรธน์ ณ ป้อมเพชร์ 33. นายสว่าง สามโกเศศ และ 34. ผม ต่อมามีเพิ่มอีก 2 คน คือ นายทศ พันธุมเสน และหม่อมเจ้าจีริดนัย กิติยากร ส่วนหม่อมเจ้าศุภสวัสดิ์ฯได้ทรงเป็นนายร้อยเอกในกองทัพบกอังกฤษก่อนหน้าที่ทุกคนจะสมัครเป็นพลทหาร

ป๋วย อึ๊งภากรณ์

ส่วนผู้ที่มิได้เป็นทหารมี 2 พระองค์ และ 16 คน คือ 1. สมเด็จพระนางเจ้ารำไพพรรณีฯ 2. หม่อมเจ้าหญิงผ่องผัสมณี สวัสดิวัตน์ 3. นายมณี สาณะเสน 4. หม่อมเสมอ สวัสดิวัตน์ 5. หลวงจำนงดิฐการ 6. นายยิ้ม พึ่งพระคุณ 7. นายสมบูรณ์ ปาลเสถียร 8. นายพร้อม วัชรคุปต์ 9. นายเกษม ผลาชีวะ 10. นายเต๊กลิ้ม คุณวิศาล 11. นายจำนง สุ่มสวัสดิ์ 12. นายสมาน มันตราภรณ์ 13. นายเกษม ล่ำซำ 14. นายวรี วีรางกูร 15. นางสาวสุภาพ รักตประจิตร (กังศานนท์) 16. นายเสนาะ ตันบุญยืน 17. นางสาวบุปผา แต้สุจิ 18. นางสาวอนงค์ แต้สุจิ ซึ่งสมเด็จพระบรมราชินีนั้น ทรงช่วยงานกาชาดสากล ส่วนมากเป็นงานห่อของส่งให้แนวหน้าร่วมกับสุภาพสตรีอาสาสมัคร ณ ตึกดอร์มีเฮ้าส์ (Dormy House) ของสำนักงานใหญ่ของศูนย์เซนต์จอห์นอัมบูแลนซ์ (St. John’s Ambulance Brigade) ซึ่งเลดี้เอ็ดวีนา เมาน์แบทเทน ภริยาของลอร์ดหลุยส์ เมาน์แบทเทน ผู้บัญชาการสูงสุดของสัมพันธมิตรประจำเอเชียอาคเนย์เป็นประธาน โดยเสด็จฯมากรุงลอนดอนสัปดาห์ละครั้งสองครั้ง แต่ไม่ได้ประทับในลอนดอนตลอดเวลาเพราะสถานการณ์น่ากลัว

นักเรียนไทยที่สมัครเป็นทหารเสรีไทย ถ่ายที่อังกฤษ
นักเรียนไทยที่สมัครเป็นทหารเสรีไทย ถ่ายที่โรงเรียนนอร์ธ วาลส์

จุดประสงค์ของการมาเป็นทหารนี้ก็เพื่อรับการฝึกอบรม ก่อนจะถูกส่งไปยังประเทศอินเดีย แล้วหาทางเข้ามาปฏิบัติภารกิจต่อต้านผู้รุกรานในเมืองไทยต่อไป สถานที่ที่เหล่าทหารเสรีไทยถูกส่งมาฝึกอบรมพิเศษ (คอมมานโด) เป็นแห่งแรกคือ บร็อกฮอลล์ (Brockhall) ซึ่งเป็นศูนย์ฝึกพิเศษของทหารบก สำหรับทดสอบและประเมินความสามารถของทหารที่ถูกคัดเลือกไปรับการอบรมว่ามีกำลังกาย กำลังใจ และไหวพริบสำหรับปฏิบัติหน้าที่พิเศษได้หรือไม่ หน้าที่เหล่านั้น ได้แก่ การปฏิบัติการแบบจู่โจมเล็ดลอดเข้าไปยึดจุดยุทธศาสตร์ ก่อวินาศกรรมทำลายเส้นทางคมนาคมและคลังอาวุธยุทโธปกรณ์ของข้าศึก ฯลฯ และการฝึกที่สำคัญอีกอย่างหนึ่ง คือ การซ้อมรบที่ให้ทุกคนทำหน้าที่เป็นผู้บังคับบัญชา เพื่อที่จะทดสอบความสามารถในการเป็นผู้นำ

การมาฝึกที่นี่ พวกเราทุกคนอยู่ในฐานะทหารลอยที่ยังไม่มีสังกัด ขึ้นอยู่กับหน่วยกลาง และเขาให้พักในตึกชั้นล่าง คล้ายกับปราสาทหลังเล็กๆ และเจ้าของตึกก็เป็นผู้บังคับบัญชา ชื่อพันโทธอร์นตัน (Thornton)

วันแรกที่เป็นทหาร สิ่งที่ผมได้พบคือ กระแสของความรังเกียจเดียดฉันท์ อันเนื่องมาจากเหตุการณ์การเปลี่ยนแปลงการปกครองที่มีการแบ่งพรรคแบ่งพวก ไม่รู้ว่าใครเป็นพวกใคร หวาดระแวงคนไทยด้วยกันเอง ผมได้ยินบางคนเขาคุยกันว่ามีเจ้ามา 3 – 4 คน หากมาทำเหยาะๆแหยะๆเหยียบขี้ไก่ไม่ฝ่อ จะทำให้พวกเขาเสียหาย ถูกตำหนิ ผมได้ยินแล้วเสียใจและผิดหวังมาก ไม่คิดว่าในยามยากอย่างนี้ยังจะมีคนไม่อยากนับเจ้าเป็นคนไทยด้วยกัน

บังเอิญในบ่ายวันรุ่งขึ้นมีนายสิบจมูกบี้ หูตูบ และเป็นดอกกะหล่ำ เขาเหมือนนักมวย ตัวล่ำบึ้ก กล้ามแขนนี้หุบไม่เข้า เดินถือนวมมาหลายคู่ เขาสั่งให้ตีวงรอบแล้วมองหน้า ทุกคนต่างหน้าซีดไปตามๆ กัน เพราะพวกนี้ส่วนใหญ่เป็นหนอนหนังสือทั้งนั้น ผมนึกถึงคำปรามาสที่ได้ยินแล้วก็คิดในใจว่าขอให้นายสิบคนนี้จ้องเรียกผมทีเถอะ แล้วเขาก็จ้องมาจริงๆ บอกให้ผมเอานวมไปสวมแล้วมาชก และสั่งว่าให้ซัดเต็มที่เลย แรงเท่าไหร่ยิ่งดี ถ้าเผื่อเหยาะแหยะ เขาจะซัดผมจริงๆด้วย

ผมลองต่อยกับเขาตามวิธีที่เคยฝึกมาแต่ครั้งยังเด็ก คือ แรงไปเท่าที่เขาแรงมา พอครบยกเขาเข้ามากอดคอด้วยความพอใจมาก บอกว่าดีมาก อย่างนี้ชอบ เสร็จแล้วเขาหันไปมองคนอื่นที่ยืนหน้าซีด และพูดว่า

“นี่นะ อั๊วเลือกคนนี้เพราะตัวมันเตี้ยและอ้วน แล้วหัวมันเหมือนพรมที่มีดินเยอะๆ และอายุก็ค่อนข้างจะมาก สำหรับพวกลื้อ เรียกว่าถ้าคนนี้ได้เท่านี้ คนอื่นก็ไม่ต้องทดลอง” ซึ่งผมก็หวังในใจว่าทุกคนคงจะพอใจบ้างที่ผมยอมเป็นตัวที่ไปรับบาปแทน จะได้ไม่ต้องหน้าเละไปตามๆ กัน

จากนั้นครูฝึกก็พาไปทดสอบการวิ่งวิบากบนขอนไม้และห้อยโหนไต่เชือก ซึ่งผมและ “เจ้า” อีก 2 องค์ก็ทำเวลาได้ดีทีเดียว ทำให้ตั้งแต่นั้นมาเจ้าองค์อื่นและผมก็เป็นคนไทยเต็มอัตรา ไม่มีใครรังเกียจอีกแล้ว และรักกันเรื่อยมา ทำให้นึกถึงตอนที่ไปชกมวยกับเด็กเกเรกลางถนนในฝรั่งเศส พอไปโรงเรียนแล้วมีเด็กๆ มาขอจับมือด้วย

นอกจากการฝึกวิบากที่ทรหดแล้ว อีกอย่างหนึ่งที่ผมได้ยินมาก่อนหน้าคือ ต้องหัดเป็นคนที่มีจิตใจดุดันด้วย โดยทุกเช้าต้องไปมุดแหวกโครงกระดูกวัวที่เขาเฉือนเนื้อไปขายหมดแล้ว เหลือแต่เลือดที่ติดกระดูก เวลาที่มุดเข้าไปแหวกต้องร้องจ๊ากให้ครูฝึกได้เห็นและได้ยิน เขาจะได้เห็นเป็นคนดุคนป่าขึ้นมาบ้าง แต่เมื่อมุดเข้าไปจริงๆ แล้ว ผมว่าไม่ต้องทำเสียงร้องหรอก มันจะร้องออกมาได้เอง (เพราะความเหม็น) โชคดีตอนที่รุ่นผมเข้ามาฝึกหลักสูตรนี้ได้ยกเลิกไปพอดี

พวกเราเหล่าทหารเสรีไทยเรียนจบหลักสูตรของที่นี่ในเวลาเพียง 3 สัปดาห์ ซึ่งถือว่าเร็วเป็นพิเศษ คณะครูฝึกพอใจมาก และได้แจ้งไปยังค่ายทหารเด็นบี้ (Denbigh) ในทางตอนเหนือของเขตเวลส์ ให้เตรียมรับพวกเราเข้าไปฝึกต่อเป็นเวลา 2 เดือน โดยก่อนที่จะเดินทางนั้น ได้รับอนุญาตให้หยุดพักผ่อนได้ 4 วัน

เมื่อครบกำหนด ทุกคนจึงเดินทางกลับมาสมทบกันอีกครั้ง ณ ค่ายทหารเมืองเด็นบี้ เพื่อรับการฝึกในขั้นต่อไป

 

The Maestro Barista Challenge 2017 เฟ้นหาบาริสต้าชั้นแนวหน้าสุดยิ่งใหญ่แห่งปี ชิงถ้วยประทานพระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าพัชรกิติยาภา

แถลงข่าวกันไปหมาดๆ แบบสุดปัง!!  “The Maestro Barista Challenge 2017 ปูเสื่อรอหาบาริสต้ามาร่วมประกวดใน 2 เวลาการแข่งขันกับเวทีแรกหาบาริสต้าหน้าใหม่ หัวใจอินดี้เวที Thailand Indy Barista Championship TIBC9 ชิงถ้วยประทานพระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าพัชรกิติยาภา และเวทีที่ 2 เฟ้นหาบาริสต้าหน้าเก่าเก๋าประสบการณ์เวที Espresso Italiano Champion 2017 Thailandเพื่อเป็นตัวแทนประเทศไทยไปแข่งขันต่อที่ การแข่งขัน Espresso Italiano Champion 2017 ณ งาน Host Milano เมืองมิลาน ประเทศอิตาลี ในเดือนตุลาคม 2560 นี้

บรรยากาศภายในงานระหว่างที่พูดคุยบนเวทีอยู่นั้น ดันเกิดศึกเพื่อนรักหักเหลี่ยมโหดกันเบาๆ เมื่อเพื่อนซี้ดีเจ ต้นหอม-ศกุลตรา เทียนไพโรจน์ หยอดคำถาม “แมนๆ อย่างเคนเนี่ย ดื่มกาแฟอะไร ที่ไหน ดื่มกับใครถึงจะถูกปากถูกใจล่ะจ๊ะ” ทำเอาหนุ่มกล้ามโต เคน ภูภูมิ ‘อึ้ง’ไปสักพัก ก่อนหลุดปากตอบออกมาว่า  “ผมชอบดื่มอเมริกาโน่ครับ เพราะผมจะได้กลิ่นหอมและรสชาติของกาแฟเต็ม ๆ และถ้าเลือกได้ผมอยากจะ ไปนั่งดื่มในป่าที่มีต้นไม้เขียวๆ มีน้ำตกเย็นๆ จะช่วยเรียกความเฟรชได้เป็นสองเท่าเลยครับ ส่วนจะต้องดื่มกับใคร(ทำท่าคิด) เอิ่ม…ก็ดื่มได้กับทุกคนแหละครับ(หัวเราะ) ใครก็ได้ที่อยากมานั่งดื่มด้วยกัน”

แหม…ทำเอาคนในงานตกใจนึกว่าจะชอบดื่มกับเอสเธอร์…เอ้ย!!!! ดื่มเอสเปรสโซ่ ซะอีก ก็แหมจะดื่มกับใคร หนุ่มเคนขอละไว้ในฐานที่เข้าใจก็แล้วกันจ้า ติด #ได้หมดถ้าสดชื่น แทบไม่ทัน สุดท้ายหนุ่มเคน ฝากชวนเชิญผู้ที่สนในร่วมประกวดบาริสต้าทั้ง 2 เวที หากสนใจสามารถเข้าดูรายละเอียดที่ เว็บไซต์ www.aromathailand.com หรือติดต่อสอบถามได้ที่ email : [email protected]

 

ขัวศิลปะ ชวนชมนิทรรศการ “In Her Eyes” เล่าเรื่องศิลปะจากสายตาแม่ญิงเจียงฮาย

ขัวศิลปะ เชียงราย ภูมิใจเสนอนิทรรศการ“ In Her Eyes” จากสายตาของพวกเธอ การรวมตัวกันของศิลปินหญิง สมาชิกของสมาคมขัวศิลปะเชียงรายครั้งแรก ในนามกลุ่มศิลปินแม่ญิงเจียงฮาย ทั้ง 24 คน จะร่วมถ่ายทอดมุมมอง ความคิด ทัศนคติ การมองโลกผ่านการสร้างสรรค์งานศิลปะในรูปแบบต่างๆ  เพื่อที่จะแสดงถึงพลัง ความสามารถ เผยแพร่ศิลปินหญิงให้เป็นที่รู้จักมากขึ้น

เปิดนิทรรศการ วันเสาร์ที่ 22 กรกฏาคม 2560 เวลา 18.00 น.ณ ขัวศิลปะ เชียงราย นิทรรศการจะจัดแสดงงานระหว่างวันที่ 22 กรกฏาคม -20 สิงหาคม 2560 ณ ห้องแสดงงานชั้น 1 ขัวศิลปะ เชียงราย เปิดให้เข้าชมทุกวัน เวลา 10.00-19.00 น. ไม่มีค่าเข้าชม ข้อมูลเพิ่มเติม 088-418-5431, 053-166-623 [email protected] ,www.facebook.com/artbridgechiangrai

ฉลองครบ “70 ปี ห้างเซ็นทรัล” เปิดประสบการณ์ช้อปปิ้งสุดเอ็กคลูซีฟ

ฉลอง  “70 ปี ห้างเซ็นทรัล”ตอบแทนลูกค้าทั้งชาวไทยและนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เข้ามาเที่ยวเมืองไทย ตลอด 7 เดือนเต็ม ชวนสัมผัสประสบการณ์อบอุ่นดุจครอบครัว และไลฟ์สไตล์สุดเอ็กคลูซีฟแบบฉบับเฉพาะตัว

ยุวดี จิราธิวัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ กลุ่มธุรกิจห้างสรรพสินค้า บริษัท กลุ่มเซ็นทรัล จำกัด กล่าวว่า

“ห้างเซ็นทรัล” ถือเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวคนไทยที่มีความผูกพันกันมาตลอด โดยมีการมอบบริการที่ครอบคลุมทุกไลฟ์สไตล์ทั้งคนไทยและต่างชาติ ตลอดจนการขยายกิจการ เพื่อให้เข้าถึงทุกความต้องการของลูกค้า ทั้งในกรุงเทพฯ ต่างจังหวัด ตลอดจนห้างสรรพสินค้าในต่างประเทศ ทั้งอาเซียนและยุโรป เพื่อก้าวสู่การเป็นผู้นำธุรกิจห้างสรรพสินค้าหรูระดับโลก โดยเน้นเรื่องคุณภาพจนได้รับรางวัลการันตีมากมายจากห้างสรรพสินค้าที่เข้าไปซื้อกิจการ อาทิ ห้าง ลา รินาเซนเต้ (La Rinascente) สาขามิลาน ได้รับเลือกให้เป็น ห้างสรรพสินค้าดีที่สุดในโลกประจำปี 2016 จาก IGDS (Intercontinental Group of Department Stores), ห้างสรรพสินค้าอิลลุม (ILLUM) ในเมืองโคเปนเฮเก้น ประเทศเดนมาร์ก ได้รับพระราชทาน รางวัล “Purveyor to Her Majesty” (เพอวียอร์ ทู เฮอ มาเจสตี้) จากสมเด็จพระราชินีนาถมาร์เกรเธอที่ 2  ซึ่งเป็นเครื่องหมาย และสัญลักษณ์ยืนยันถึงมาตรฐานคุณภาพของห้างที่ดีเยี่ยม ทั้งด้านสินค้าและการบริการที่เป็นเลิศ เสมือนตราพระครุฑพ่าห์ของประเทศไทย  นอกจากนี้ยังมี ห้างคาเดเว (KaDeWe) แลนด์มาร์กของกรุงเบอร์ลิน, ห้างอัลสแตร์เฮ้าส์ (Alsterhaus) เมืองฮัมบูรก์ และ ห้างโอเบอร์โพลลิงเกอร์ (Oberpollinger) กลางนครมิวนิก  เป็นต้น

ด้าน นิตย์สินี จิราธิวัฒน์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ร่วม บริษัท สรรพสินค้าเซ็นทรัล จำกัด  กล่าวถึงความพิเศษในโอกาส ครบ 70 ปี ห้างเซ็นทรัลว่า จะมีการเปลี่ยนแปลงภาพลักษณ์ใหม่ในหลายๆ มิติ เพื่อให้เข้ากับไลฟ์สไตล์ของโลกยุคปัจจุบัน ตั้งแต่เปลี่ยนโลโก้ ที่สื่อถึงความหนักแน่น ตั้งใจ และมุ่งมั่นของห้างเซ็นทรัลในการบริการลูกค้า อีกทั้งยังสอดรับกับทิศทางความเป็นห้างสรรพสินค้าระดับโลก ตอกย้ำวิสัยทัศน์ “A second home that transcends generations.” (อะ เซคเคิน โฮม แดท แทรนสเซนด์ เจเนอเรชั่น) ให้ห้างเซ็นทรัล เป็นดั่งบ้านหลังที่สองของคนทุกกลุ่ม ทุกเพศ ทุกวัย  มอบประสบการณ์ให้ลูกค้าใน แบบ “Everyone” of a kind (เอรี่วัน ออฟ อะ คายด์) คือดูแลลูกค้าทุกคนเสมือนคนพิเศษด้วยสินค้าและบริการที่ดีที่สุด ดั่งเพื่อนผู้รู้ใจ รวมถึงกิจกรรมการตลาดที่น่าตื่นตาตลอดทั้งปี ซึ่งล้วนแต่ตอบโจทย์ความต้องการและสร้างความพึงพอใจสูงสุดแก่ลูกค้า

พร้อมกันนี้ยังได้เปิดตัว แอปพลิเคชั่น Central โฉมใหม่ ที่จะทำให้การช้อปปิ้งทั้งออนไลน์และออฟไลน์เป็นเรื่องที่ง่ายยิ่งขึ้น เข้าถึงความต้องการเฉพาะบุคคลมากขึ้น เพียงคอนเน็กไปที่ Central.co.th ภายในแอปฯ และยังสามารถดาวน์โหลด E-coupon (อี – คูปอง) คูปองอิเล็คทรอนิกส์ เพื่อรับสิทธิพิเศษในห้างได้ด้วย

ร่วมฉลองความผูกพันที่มีให้กันมายาวนานครบ “70 ปี ห้างเซ็นทรัล” กับแคมเปญพิเศษ “ว้าว!” ตลอด 7 เดือนเต็ม ที่จะออกมาให้นักช้อปสาวกห้างเซ็นทรัลเซอร์ไพรส์ทุกวันที่ 17 เริ่มต้นตั้งแต่วันที่ 17 กรกฏาคมนี้ ด้วยโปรโมชั่นว้าว! อาทิ ซื้อสินค้าครบทุก 2,000 บาท จะได้รับคูปองเงินสด 700 บาท WOW Collection (ว้าว คอลเลคชั่น) สินค้าสุดพิเศษ,   WOW Activity (ว้าว แอคทีวิตี้) กิจกรรมสุดเริ่ดมอบเป็นของขวัญให้มากมาย

 

“Mulberry” สร้างเอกลักษณ์ใหม่ผ่านกระเป๋ารุ่น “Amberley” โดยไม่ทิ้งความคลาสสิกตามแบบฉบับเดิม

กระเป๋าแบรนด์ Mulberry ดีไซน์สุดคลาสสิก ออกคอลเล็คชั่นใหม่เอาใจสาวๆ ผู้รักกระเป๋ากันอีกแล้ว สำหรับรุ่นแอมเบอร์ลีย์ ซึ่งถือเป็นครอบครัวแอมเบอร์ลีย์ มรดกแห่งอนาคต จอห์นนี่ โคคา ผู้อำนวยการฝ่ายสร้างสรรค์ของมัลเบอร์รี่ แนะนำกระเป๋ารุ่นแอมเบอร์ลีย์ออกมาเป็นครั้งแรกในแฟชั่นโชว์คอลเล็คชั่นฤดูใบไม้ร่วง/ฤดูหนาว ปี 2017 ที่ลอนดอนแฟชั่นวีค โดยกระเป๋ารุ่นนี้ถือกำเนิดขึ้นจากการสำรวจประวัติศาสตร์ของมัลเบอร์รี่ และสไตล์สุดคลาสสิกแบบอังกฤษผ่านมุมมองแบบโมเดิร์นของยุคปัจจุบัน ผลลัพธ์ที่ได้จึงเป็นเรื่องของการรังสรรค์สิ่งใหม่ขึ้นจากเอกลักษณ์ความคลาสสิกที่มีมาแต่เดิม

ชื่อ “แอมเบอร์ลีย์” นั้นมาจากปราสาทแอมเบอร์ลีย์ (Amberley Castle) ซึ่งตั้งอยู่ในเวสต์ซัสเซ็กซ์ ประเทศอังกฤษ ย้อนกลับไปไกลถึงคริสต์ศตวรรษที่ 12 รูปทรงของกระเป๋ารุ่นแอมเบอร์ลีย์ได้แรงบันดาลใจมาจาก

เครื่องหนังที่ชาวอังกฤษนิยมใช้กันในชนบท รวมถึงเอกลักษณ์ของกระเป๋ามัลเบอร์รี่รุ่น Trout และ Poacher ที่ผลิตออกมาในคริสต์ทศวรรษ 1970 ทั้งหมดนำมาใช้เป็นไอเดียในการสร้างสรรค์กระเป๋าถือรุ่นใหม่ที่นำเสนอเอกลักษณ์ในแบบของชาวอังกฤษแท้ๆ รุ่นนี้

 

กระเป๋ารุ่นแอมเบอร์ลีย์มีรายละเอียดของการเดินตะเข็บและการบุนวมที่มาพร้อมกลิ่นอายของสไตล์แบบนักขี่ม้า พร้อมการประกอบโครงสร้างให้ส่วนของขอบกระเป๋ามีความดิบ โดยใช้หนังสไตล์เดียวกับหนังสำหรับทำอานม้าคุณภาพดีเป็นวัตถุดิบในการผลิต พร้อมเติมด้วยเอกลักษณ์เด่นชิ้นใหม่ นั่นคือ ที่ล็อกโลหะ Rider’s Lock ที่ชวนให้นึกถึงบังเหียนและรูปทรงของเหล็กที่เกี่ยวปากม้าไว้สำหรับดึงบังเหียนเข้าไป กระเป๋ารุ่นแอมเบอร์ลีย์นอกจากจะออกแบบมาอย่างสวยงาม ยังมากด้วยประโยชน์ใช้สอย ถือเป็นกระเป๋าสไตล์อังกฤษอย่างแท้จริง

 

การใช้งานที่ง่ายและสะดวกกับรูปลักษณ์ที่ก้าวล้ำนำเทรนด์แฟชั่น คือสิ่งที่ต้องมีควบคู่กัน นี่จึงเป็นเหตุผลที่กระเป๋ารุ่น แอมเบอร์ลีย์มีให้เลือกทั้งหมด 3 รูปทรง ได้แก่ รุ่น Amberley, รุ่น Small Amberley Satchel และรุ่น Mini Amberley Satchel

ส่วนสีสันของกระเป๋ารุ่นแอมเบอร์ลีย์ในฤดูกาลนี้เน้นไปที่สีที่สะท้อนถึงเอกลักษณ์ของฤดูใบไม้ร่วงและฤดูหนาว อาทิ สีสนิม สีน้ำเงินคาสเซิล และสีม่วงแอเมทิสต์เข้ม รวมไปถึงสีหลักอย่างสีน้ำตาลไม้โอ๊ก แดงออกซ์บลัด เทา และดำ โดยนอกเหนือจากการใช้หนังสีธรรมชาติในการตัดเย็บแล้ว มัลเบอร์รี่ยังนำเสนอรุ่นหนังพิมพ์ลายหนังจระเข้และหนังพิมพ์ลายหนังงูกราฟิก ที่ช่วยทำให้คอลเล็คชั่นกระเป๋ารุ่นแอมเบอร์ลีย์ดูมีรายละเอียดที่น่าสนใจยิ่งขึ้น

 

 

กระเป๋ารุ่นแอมเบอร์ลีย์ถือว่าช่วยตอกย้ำปรัชญาของมัลเบอร์รี่ในการสร้างสรรค์ผลงานที่นอกจากจะสวยงามแล้ว ยังสามารถใช้งานได้นานที่สุด เป็นกระเป๋าทรงคลาสสิกที่สามารถใช้และส่งต่อจากรุ่นสู่รุ่นได้ จนอาจกล่าวได้ว่ากระเป๋ารุ่นแอมเบอร์ลีย์เป็นมรดกชิ้นสำคัญแห่งอนาคต เหมือนที่แอ๊กเซสซอรี่จากมัลเบอร์รี่ทุกชิ้นเป็นมาโดยตลอด

 

จาก Postman’s Lock สู่ Rider’s Lock เอกลักษณ์ใหม่ของมัลเบอร์รี่

ความทันสมัยย่อมมีรากหรือที่มาที่ไปจากในอดีต Rider’s Lock” หรือที่ล็อกโลหะแบบใหม่บนกระเป๋าถือของมัลเบอร์รี่ก็เช่นกัน ที่สานต่อประวัติศาสตร์ชิ้นสำคัญของมัลเบอร์รี่อย่างที่ล็อกแบบกระเป๋าบุรุษไปรษณีย์หรือ Postman’s Lock ที่มีมาก่อนได้อย่างกลมกลืน

Rider’s Lock ปรากฏโฉมให้เห็นเป็นครั้งแรกบนกระเป๋ารุ่น แอมเบอร์ลีย์” ซึ่งเปิดตัวออกมาครั้งแรกในแฟชั่นโชว์คอลเล็คชั่นฤดูใบไม้ร่วง/ฤดูหนาว ปี 2017 ที่ลอนดอนแฟชั่นวีค ชื่อ “Rider’s Lock” นั้นตั้งขึ้นตามเอกลักษณ์ของเครื่องแต่งกาย ตลอดจนทัศนคติของชาวอังกฤษในชนบทที่ชื่นชอบการขี่ม้าเป็นชีวิตจิตใจ อันนำมาซึ่งแรงบันดาลใจอันยิ่งใหญ่ให้แก่ โรเจอร์ ซอล ผู้ก่อตั้งแบรนด์มัลเบอร์รี่ ในการนำเสนอเอกลักษณ์ของ สไตล์แบบอังกฤษ” นี้ ที่แบรนด์มัลเบอร์รี่ได้ริเริ่มขึ้นตั้งแต่คริสต์ทศวรรษ 1970 ซึ่งสำหรับ Rider’s Lock ถือว่าเป็นการหยิบเอกลักษณ์ตามแบบแผนที่เคยมีมาใส่ทวิสต์จนเกิดเป็นเอกลักษณ์ใหม่ที่ก้าวล้ำไปอีกขั้น

จอห์นนี่ โคคา ผู้อำนวยการฝ่ายสร้างสรรค์ของมัลเบอร์รี่ เลือกสำรวจเอกลักษณ์ทางประวัติศาสตร์ซึ่งสืบทอดกันมาด้วยมุมมองใหม่ๆ โดยการหยิบเอาเส้นโค้งของ Postman’s Lock หรือที่ล็อกโลหะแบบกระเป๋าบุรุษไปรษณีย์ชิ้นดั้งเดิมมาสลับสับเปลี่ยนรูปทรง จนเกิดเป็น Rider’s Lock ที่ล็อกแบบใหม่ที่บางกว่าเดิม ดูคลีนขึ้นและใช้ง่ายขึ้น ภายใต้รูปทรงที่ชวนให้นึกถึงบังเหียนและรูปทรงของเหล็กที่เกี่ยวปากม้าไว้สำหรับดึงบังเหียน ที่ล็อกแบบใหม่นี้ถือว่าเป็นสัญลักษณ์ของพัฒนาการทางประวัติศาสตร์ของมัลเบอร์รี่ เป็นมุมมองที่สดใหม่ขึ้นของความคลาสสิกในแบบฉบับของมัลเบอร์รี่ที่ต้องการสร้างสิ่งใหม่ ทว่าก็ไม่ลืมที่จะแสดงความเคารพต่อเอกลักษณ์ที่มีมาในอดีต


 

 

 

 

ภาพ : www.mulberry.com, www.spottedfashion.com

 

 

ดูดวงรายวัน ประจำวันจันทร์ที่ 17 กรกฎาคม 2560

ดูดวงรายวัน ประจำวันจันทร์ที่ 17 กรกฎาคม 2560 เช็คทุกวัน ทันทุกดวงกับ แพรว ดอทคอม

ผู้ที่เกิดวันอาทิตย์

การงาน :  วันนี้ขอกากบาทรับวันจันทร์นิดนะคะ ท่านหลงอยู่ในทิฐิและความเชื่อมั่นที่สูงมากจนไม่ได้คิดถึงจิตใจของผู้ร่วมงาน จึงทำให้เกิดความแค้น หากล้มหรือพลาดเมื่อไหร่จะถูกรุมกระหน่ำซ้ำเติมทันที ทางที่ดีควรเอาใจเขามาใส่ใจเรา ผูกมิตรไว้เยอะๆ

การเงิน : ชักหน้าไม่ถึงหลัง จนท่านอาจเข้าไปเกี่ยวข้องกับเงินที่ผิดกฎหมาย

ความรัก : วันนี้ดวงความรักคาดเดาได้ยาก ท่านอาจพบว่า คู่มีวาระซ่อนเร้น มีรักซ้อน คนโสด หนักแน่นค่ะ หากเกิดอะไรขึ้นขอให้รักตัวเองมากๆ

สุขภาพ : ระวังโรคประจำตัวของทั้งผู้หญิงและผู้ชาย

 

ผู้ที่เกิดวันจันทร์

การงาน :  ท่านมีความเชื่อมั่นที่จะเดินไปสู่เป้าหมายและเส้นชัยที่วางไว้ จนไม่เหมาะกับงานประจำ เหมาะกับการทำธุรกิจส่วนตัว หรืองานที่เกี่ยวข้องกับอสังหาริมทรัพย์ ที่ดิน บ้านจัดสรร และการเกษตร

การเงิน :  ทำงานเก่ง ขยัน อาจได้มรดก

ความรัก : วันนี้ท่านจะสร้างเนื้อสร้างตัวร่วมกันกับคู่ อาจมีโครงการซื้อบ้าน หรือที่ดินด้วยกัน คนโสด ประเภทไก่กาถอยไป ท่านรักจริงถึงขั้นแต่งงานเลย

สุขภาพ : ระวังโรคที่เกี่ยวกับต่อมน้ำเหลืองต่างๆ

 

ผู้ที่เกิดวันอังคาร

การงาน  :  ท่านมองคนในแง่ร้าย เพราะมีความเชื่อมั่นในตนเองสูงเกินไป จนไม่สนใจความรู้สึกนึกคิดของบุคคลอื่น วันนี้ควรรู้จักรับฟังความคิดเห็นของผู้อื่น และรู้จักการให้อภัยนะคะ ท่านจะยิ่งเป็นที่รักและมีคนนับถือมากขึ้น

การเงิน :  รู้จักการบริหารเงินเป็นอย่างดี ไม่จนค่ะ

ความรัก : วันนี้ท่านรู้สึกเหมือนถูกอยู่ในกฎระเบียบ จนไม่กล้าแสดงอารมณ์เรื่องรักๆ ใคร่ๆ  เพราะกลัวถูกมองว่าไม่เหมาะสม คนโสด ขอประโยคคมๆ นิดค่ะ หากมีคู่แล้วไม่ดีพอท่านก็พร้อมที่จะอยู่คนเดียว

สุขภาพ : วันนี้จะเจอแต่เรื่องเครียดๆ จนทำให้เกิดอาการปวดศีรษะต่อเนื่อง

 

ผู้ที่เกิดวันพุธ

การงาน  :  วันนี้จะโดดเด่นในงานที่ต้องใช้ความสามารถเฉพาะตัว ใช้ความคิดสร้างสรรค์ และเป็นผู้นำค่อนข้างสูง

การเงิน   :  มีเงินไม่ชอบสะสม ชอบลงทุน และมีโชคเสียด้วย

ความรัก : ยังคงมีปัญหา เพราะทั้งคู่มีทิฐิมานะ เพราะมีความคิดแบบเด็กๆ คาดหวังกับคู่สูง คนโสด คบกันย้าวยาวค่ะ

สุขภาพ : ระวังการเดินทางไปในสถานที่ที่ไม่คุ้นเคย จะติดเชื้อจากผู้อื่นมาได้

 

ผู้ที่เกิดวันพฤหัสบดี

การงาน : ท่านเป็นนักบุกเบิกและแก้ไขปัญหาที่ดี หากผ่านไปได้ จะได้รับการยอมรับนับถือจากบริวาร เพื่อนร่วมงาน และบุคคลใกล้ชิด

การเงิน : ดีมาก เพราะกล้าเสี่ยง และได้ผลตอบแทนที่สูงเสียด้วย

ความรัก : วันนี้คู่จะช่วยส่งเสริมหน้าที่การงาน และท่านจะได้รับการยอมรับจากคนรอบข้างอย่างมาก คนโสด มีโอกาสมีแฟนเด็กโลกสวยนะคะ

สุขภาพ :  ไม่ค่อยเป็นอะไรหนักหนา แต่วันนี้จะพลาดท่าให้กับไวรัสสายพันธุ์ต่างๆ

 

ผู้ที่เกิดวันศุกร์

การงาน  : วันนี้มีเกณฑ์เข้าไปแข่งขัน หรือประมูลงานอย่างดุเด็ดเผ็ดร้อน ทำให้เกิดความวิตกกังวลสูง ขอให้ใช้สติ และกล้าหาญก็จะสามารถผ่านพ้นอุปสรรคต่างๆ ไปได้ด้วยดี

การเงิน :  ไม่มีโชคลาภ แต่ท่านทำงานเก่งจึงมีเงินใช้ไม่ขาดมือ

ความรัก : วันนี้คู่กับท่านเปรียบเหมือนคู่รักคู่แค้น จะทะเลาะกันแค่ไหนก็ตัดกันไม่ตาย ขายไม่ขาด คนโสด ท่านมีคู่แข่งหัวใจที่น่ากลัวแล้วล่ะ ท่านยอมทำทุกอย่าง เพื่อให้ได้มาโดยไม่สนใจว่าจะถูกหรือผิด

สุขภาพ  :  ทางกายไม่มีอะไรน่าห่วง แต่ทางใจท่านคิดมาก เก็บเรื่องไร้สาระมาคิด ทำให้เครียด

 

ผู้ที่เกิดวันเสาร์

การงาน : ท่านไปติดต่องานกับใครก็จะพบคนที่มีจิตใจดี สามารถคบเป็นมิตรในระยะยาวได้ จัดได้ว่าชีวิตราบรื่นและมีความสุข มีการจัดงานเลี้ยงเพื่อฉลองความสำเร็จ

การเงิน : ใช้จ่ายฟุ่มเฟือย ซื้อข้าวของสวยงามหรือความสุขส่วนตัวมากไปนิด

ความรัก :  วันนี้เลิกงานกลับบ้านมาทานข้าวด้วยกัน หรือมีกิจกรรมภายในครอบครัว คนโสด รักง่ายหน่ายเร็ว

สุขภาพ :  ระวังโรคที่เรื้อรังมานานจะกำเริบ

 

keyboard_arrow_up