The Maestro Barista Challenge 2017 เฟ้นหาบาริสต้าชั้นแนวหน้าสุดยิ่งใหญ่แห่งปี ชิงถ้วยประทานพระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าพัชรกิติยาภา

แถลงข่าวกันไปหมาดๆ แบบสุดปัง!!  “The Maestro Barista Challenge 2017 ปูเสื่อรอหาบาริสต้ามาร่วมประกวดใน 2 เวลาการแข่งขันกับเวทีแรกหาบาริสต้าหน้าใหม่ หัวใจอินดี้เวที Thailand Indy Barista Championship TIBC9 ชิงถ้วยประทานพระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าพัชรกิติยาภา และเวทีที่ 2 เฟ้นหาบาริสต้าหน้าเก่าเก๋าประสบการณ์เวที Espresso Italiano Champion 2017 Thailandเพื่อเป็นตัวแทนประเทศไทยไปแข่งขันต่อที่ การแข่งขัน Espresso Italiano Champion 2017 ณ งาน Host Milano เมืองมิลาน ประเทศอิตาลี ในเดือนตุลาคม 2560 นี้

บรรยากาศภายในงานระหว่างที่พูดคุยบนเวทีอยู่นั้น ดันเกิดศึกเพื่อนรักหักเหลี่ยมโหดกันเบาๆ เมื่อเพื่อนซี้ดีเจ ต้นหอม-ศกุลตรา เทียนไพโรจน์ หยอดคำถาม “แมนๆ อย่างเคนเนี่ย ดื่มกาแฟอะไร ที่ไหน ดื่มกับใครถึงจะถูกปากถูกใจล่ะจ๊ะ” ทำเอาหนุ่มกล้ามโต เคน ภูภูมิ ‘อึ้ง’ไปสักพัก ก่อนหลุดปากตอบออกมาว่า  “ผมชอบดื่มอเมริกาโน่ครับ เพราะผมจะได้กลิ่นหอมและรสชาติของกาแฟเต็ม ๆ และถ้าเลือกได้ผมอยากจะ ไปนั่งดื่มในป่าที่มีต้นไม้เขียวๆ มีน้ำตกเย็นๆ จะช่วยเรียกความเฟรชได้เป็นสองเท่าเลยครับ ส่วนจะต้องดื่มกับใคร(ทำท่าคิด) เอิ่ม…ก็ดื่มได้กับทุกคนแหละครับ(หัวเราะ) ใครก็ได้ที่อยากมานั่งดื่มด้วยกัน”

แหม…ทำเอาคนในงานตกใจนึกว่าจะชอบดื่มกับเอสเธอร์…เอ้ย!!!! ดื่มเอสเปรสโซ่ ซะอีก ก็แหมจะดื่มกับใคร หนุ่มเคนขอละไว้ในฐานที่เข้าใจก็แล้วกันจ้า ติด #ได้หมดถ้าสดชื่น แทบไม่ทัน สุดท้ายหนุ่มเคน ฝากชวนเชิญผู้ที่สนในร่วมประกวดบาริสต้าทั้ง 2 เวที หากสนใจสามารถเข้าดูรายละเอียดที่ เว็บไซต์ www.aromathailand.com หรือติดต่อสอบถามได้ที่ email : [email protected]

 

ขัวศิลปะ ชวนชมนิทรรศการ “In Her Eyes” เล่าเรื่องศิลปะจากสายตาแม่ญิงเจียงฮาย

ขัวศิลปะ เชียงราย ภูมิใจเสนอนิทรรศการ“ In Her Eyes” จากสายตาของพวกเธอ การรวมตัวกันของศิลปินหญิง สมาชิกของสมาคมขัวศิลปะเชียงรายครั้งแรก ในนามกลุ่มศิลปินแม่ญิงเจียงฮาย ทั้ง 24 คน จะร่วมถ่ายทอดมุมมอง ความคิด ทัศนคติ การมองโลกผ่านการสร้างสรรค์งานศิลปะในรูปแบบต่างๆ  เพื่อที่จะแสดงถึงพลัง ความสามารถ เผยแพร่ศิลปินหญิงให้เป็นที่รู้จักมากขึ้น

เปิดนิทรรศการ วันเสาร์ที่ 22 กรกฏาคม 2560 เวลา 18.00 น.ณ ขัวศิลปะ เชียงราย นิทรรศการจะจัดแสดงงานระหว่างวันที่ 22 กรกฏาคม -20 สิงหาคม 2560 ณ ห้องแสดงงานชั้น 1 ขัวศิลปะ เชียงราย เปิดให้เข้าชมทุกวัน เวลา 10.00-19.00 น. ไม่มีค่าเข้าชม ข้อมูลเพิ่มเติม 088-418-5431, 053-166-623 [email protected] ,www.facebook.com/artbridgechiangrai

ฉลองครบ “70 ปี ห้างเซ็นทรัล” เปิดประสบการณ์ช้อปปิ้งสุดเอ็กคลูซีฟ

ฉลอง  “70 ปี ห้างเซ็นทรัล”ตอบแทนลูกค้าทั้งชาวไทยและนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เข้ามาเที่ยวเมืองไทย ตลอด 7 เดือนเต็ม ชวนสัมผัสประสบการณ์อบอุ่นดุจครอบครัว และไลฟ์สไตล์สุดเอ็กคลูซีฟแบบฉบับเฉพาะตัว

ยุวดี จิราธิวัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ กลุ่มธุรกิจห้างสรรพสินค้า บริษัท กลุ่มเซ็นทรัล จำกัด กล่าวว่า

“ห้างเซ็นทรัล” ถือเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวคนไทยที่มีความผูกพันกันมาตลอด โดยมีการมอบบริการที่ครอบคลุมทุกไลฟ์สไตล์ทั้งคนไทยและต่างชาติ ตลอดจนการขยายกิจการ เพื่อให้เข้าถึงทุกความต้องการของลูกค้า ทั้งในกรุงเทพฯ ต่างจังหวัด ตลอดจนห้างสรรพสินค้าในต่างประเทศ ทั้งอาเซียนและยุโรป เพื่อก้าวสู่การเป็นผู้นำธุรกิจห้างสรรพสินค้าหรูระดับโลก โดยเน้นเรื่องคุณภาพจนได้รับรางวัลการันตีมากมายจากห้างสรรพสินค้าที่เข้าไปซื้อกิจการ อาทิ ห้าง ลา รินาเซนเต้ (La Rinascente) สาขามิลาน ได้รับเลือกให้เป็น ห้างสรรพสินค้าดีที่สุดในโลกประจำปี 2016 จาก IGDS (Intercontinental Group of Department Stores), ห้างสรรพสินค้าอิลลุม (ILLUM) ในเมืองโคเปนเฮเก้น ประเทศเดนมาร์ก ได้รับพระราชทาน รางวัล “Purveyor to Her Majesty” (เพอวียอร์ ทู เฮอ มาเจสตี้) จากสมเด็จพระราชินีนาถมาร์เกรเธอที่ 2  ซึ่งเป็นเครื่องหมาย และสัญลักษณ์ยืนยันถึงมาตรฐานคุณภาพของห้างที่ดีเยี่ยม ทั้งด้านสินค้าและการบริการที่เป็นเลิศ เสมือนตราพระครุฑพ่าห์ของประเทศไทย  นอกจากนี้ยังมี ห้างคาเดเว (KaDeWe) แลนด์มาร์กของกรุงเบอร์ลิน, ห้างอัลสแตร์เฮ้าส์ (Alsterhaus) เมืองฮัมบูรก์ และ ห้างโอเบอร์โพลลิงเกอร์ (Oberpollinger) กลางนครมิวนิก  เป็นต้น

ด้าน นิตย์สินี จิราธิวัฒน์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ร่วม บริษัท สรรพสินค้าเซ็นทรัล จำกัด  กล่าวถึงความพิเศษในโอกาส ครบ 70 ปี ห้างเซ็นทรัลว่า จะมีการเปลี่ยนแปลงภาพลักษณ์ใหม่ในหลายๆ มิติ เพื่อให้เข้ากับไลฟ์สไตล์ของโลกยุคปัจจุบัน ตั้งแต่เปลี่ยนโลโก้ ที่สื่อถึงความหนักแน่น ตั้งใจ และมุ่งมั่นของห้างเซ็นทรัลในการบริการลูกค้า อีกทั้งยังสอดรับกับทิศทางความเป็นห้างสรรพสินค้าระดับโลก ตอกย้ำวิสัยทัศน์ “A second home that transcends generations.” (อะ เซคเคิน โฮม แดท แทรนสเซนด์ เจเนอเรชั่น) ให้ห้างเซ็นทรัล เป็นดั่งบ้านหลังที่สองของคนทุกกลุ่ม ทุกเพศ ทุกวัย  มอบประสบการณ์ให้ลูกค้าใน แบบ “Everyone” of a kind (เอรี่วัน ออฟ อะ คายด์) คือดูแลลูกค้าทุกคนเสมือนคนพิเศษด้วยสินค้าและบริการที่ดีที่สุด ดั่งเพื่อนผู้รู้ใจ รวมถึงกิจกรรมการตลาดที่น่าตื่นตาตลอดทั้งปี ซึ่งล้วนแต่ตอบโจทย์ความต้องการและสร้างความพึงพอใจสูงสุดแก่ลูกค้า

พร้อมกันนี้ยังได้เปิดตัว แอปพลิเคชั่น Central โฉมใหม่ ที่จะทำให้การช้อปปิ้งทั้งออนไลน์และออฟไลน์เป็นเรื่องที่ง่ายยิ่งขึ้น เข้าถึงความต้องการเฉพาะบุคคลมากขึ้น เพียงคอนเน็กไปที่ Central.co.th ภายในแอปฯ และยังสามารถดาวน์โหลด E-coupon (อี – คูปอง) คูปองอิเล็คทรอนิกส์ เพื่อรับสิทธิพิเศษในห้างได้ด้วย

ร่วมฉลองความผูกพันที่มีให้กันมายาวนานครบ “70 ปี ห้างเซ็นทรัล” กับแคมเปญพิเศษ “ว้าว!” ตลอด 7 เดือนเต็ม ที่จะออกมาให้นักช้อปสาวกห้างเซ็นทรัลเซอร์ไพรส์ทุกวันที่ 17 เริ่มต้นตั้งแต่วันที่ 17 กรกฏาคมนี้ ด้วยโปรโมชั่นว้าว! อาทิ ซื้อสินค้าครบทุก 2,000 บาท จะได้รับคูปองเงินสด 700 บาท WOW Collection (ว้าว คอลเลคชั่น) สินค้าสุดพิเศษ,   WOW Activity (ว้าว แอคทีวิตี้) กิจกรรมสุดเริ่ดมอบเป็นของขวัญให้มากมาย

 

“Mulberry” สร้างเอกลักษณ์ใหม่ผ่านกระเป๋ารุ่น “Amberley” โดยไม่ทิ้งความคลาสสิกตามแบบฉบับเดิม

กระเป๋าแบรนด์ Mulberry ดีไซน์สุดคลาสสิก ออกคอลเล็คชั่นใหม่เอาใจสาวๆ ผู้รักกระเป๋ากันอีกแล้ว สำหรับรุ่นแอมเบอร์ลีย์ ซึ่งถือเป็นครอบครัวแอมเบอร์ลีย์ มรดกแห่งอนาคต จอห์นนี่ โคคา ผู้อำนวยการฝ่ายสร้างสรรค์ของมัลเบอร์รี่ แนะนำกระเป๋ารุ่นแอมเบอร์ลีย์ออกมาเป็นครั้งแรกในแฟชั่นโชว์คอลเล็คชั่นฤดูใบไม้ร่วง/ฤดูหนาว ปี 2017 ที่ลอนดอนแฟชั่นวีค โดยกระเป๋ารุ่นนี้ถือกำเนิดขึ้นจากการสำรวจประวัติศาสตร์ของมัลเบอร์รี่ และสไตล์สุดคลาสสิกแบบอังกฤษผ่านมุมมองแบบโมเดิร์นของยุคปัจจุบัน ผลลัพธ์ที่ได้จึงเป็นเรื่องของการรังสรรค์สิ่งใหม่ขึ้นจากเอกลักษณ์ความคลาสสิกที่มีมาแต่เดิม

ชื่อ “แอมเบอร์ลีย์” นั้นมาจากปราสาทแอมเบอร์ลีย์ (Amberley Castle) ซึ่งตั้งอยู่ในเวสต์ซัสเซ็กซ์ ประเทศอังกฤษ ย้อนกลับไปไกลถึงคริสต์ศตวรรษที่ 12 รูปทรงของกระเป๋ารุ่นแอมเบอร์ลีย์ได้แรงบันดาลใจมาจาก

เครื่องหนังที่ชาวอังกฤษนิยมใช้กันในชนบท รวมถึงเอกลักษณ์ของกระเป๋ามัลเบอร์รี่รุ่น Trout และ Poacher ที่ผลิตออกมาในคริสต์ทศวรรษ 1970 ทั้งหมดนำมาใช้เป็นไอเดียในการสร้างสรรค์กระเป๋าถือรุ่นใหม่ที่นำเสนอเอกลักษณ์ในแบบของชาวอังกฤษแท้ๆ รุ่นนี้

 

กระเป๋ารุ่นแอมเบอร์ลีย์มีรายละเอียดของการเดินตะเข็บและการบุนวมที่มาพร้อมกลิ่นอายของสไตล์แบบนักขี่ม้า พร้อมการประกอบโครงสร้างให้ส่วนของขอบกระเป๋ามีความดิบ โดยใช้หนังสไตล์เดียวกับหนังสำหรับทำอานม้าคุณภาพดีเป็นวัตถุดิบในการผลิต พร้อมเติมด้วยเอกลักษณ์เด่นชิ้นใหม่ นั่นคือ ที่ล็อกโลหะ Rider’s Lock ที่ชวนให้นึกถึงบังเหียนและรูปทรงของเหล็กที่เกี่ยวปากม้าไว้สำหรับดึงบังเหียนเข้าไป กระเป๋ารุ่นแอมเบอร์ลีย์นอกจากจะออกแบบมาอย่างสวยงาม ยังมากด้วยประโยชน์ใช้สอย ถือเป็นกระเป๋าสไตล์อังกฤษอย่างแท้จริง

 

การใช้งานที่ง่ายและสะดวกกับรูปลักษณ์ที่ก้าวล้ำนำเทรนด์แฟชั่น คือสิ่งที่ต้องมีควบคู่กัน นี่จึงเป็นเหตุผลที่กระเป๋ารุ่น แอมเบอร์ลีย์มีให้เลือกทั้งหมด 3 รูปทรง ได้แก่ รุ่น Amberley, รุ่น Small Amberley Satchel และรุ่น Mini Amberley Satchel

ส่วนสีสันของกระเป๋ารุ่นแอมเบอร์ลีย์ในฤดูกาลนี้เน้นไปที่สีที่สะท้อนถึงเอกลักษณ์ของฤดูใบไม้ร่วงและฤดูหนาว อาทิ สีสนิม สีน้ำเงินคาสเซิล และสีม่วงแอเมทิสต์เข้ม รวมไปถึงสีหลักอย่างสีน้ำตาลไม้โอ๊ก แดงออกซ์บลัด เทา และดำ โดยนอกเหนือจากการใช้หนังสีธรรมชาติในการตัดเย็บแล้ว มัลเบอร์รี่ยังนำเสนอรุ่นหนังพิมพ์ลายหนังจระเข้และหนังพิมพ์ลายหนังงูกราฟิก ที่ช่วยทำให้คอลเล็คชั่นกระเป๋ารุ่นแอมเบอร์ลีย์ดูมีรายละเอียดที่น่าสนใจยิ่งขึ้น

 

 

กระเป๋ารุ่นแอมเบอร์ลีย์ถือว่าช่วยตอกย้ำปรัชญาของมัลเบอร์รี่ในการสร้างสรรค์ผลงานที่นอกจากจะสวยงามแล้ว ยังสามารถใช้งานได้นานที่สุด เป็นกระเป๋าทรงคลาสสิกที่สามารถใช้และส่งต่อจากรุ่นสู่รุ่นได้ จนอาจกล่าวได้ว่ากระเป๋ารุ่นแอมเบอร์ลีย์เป็นมรดกชิ้นสำคัญแห่งอนาคต เหมือนที่แอ๊กเซสซอรี่จากมัลเบอร์รี่ทุกชิ้นเป็นมาโดยตลอด

 

จาก Postman’s Lock สู่ Rider’s Lock เอกลักษณ์ใหม่ของมัลเบอร์รี่

ความทันสมัยย่อมมีรากหรือที่มาที่ไปจากในอดีต Rider’s Lock” หรือที่ล็อกโลหะแบบใหม่บนกระเป๋าถือของมัลเบอร์รี่ก็เช่นกัน ที่สานต่อประวัติศาสตร์ชิ้นสำคัญของมัลเบอร์รี่อย่างที่ล็อกแบบกระเป๋าบุรุษไปรษณีย์หรือ Postman’s Lock ที่มีมาก่อนได้อย่างกลมกลืน

Rider’s Lock ปรากฏโฉมให้เห็นเป็นครั้งแรกบนกระเป๋ารุ่น แอมเบอร์ลีย์” ซึ่งเปิดตัวออกมาครั้งแรกในแฟชั่นโชว์คอลเล็คชั่นฤดูใบไม้ร่วง/ฤดูหนาว ปี 2017 ที่ลอนดอนแฟชั่นวีค ชื่อ “Rider’s Lock” นั้นตั้งขึ้นตามเอกลักษณ์ของเครื่องแต่งกาย ตลอดจนทัศนคติของชาวอังกฤษในชนบทที่ชื่นชอบการขี่ม้าเป็นชีวิตจิตใจ อันนำมาซึ่งแรงบันดาลใจอันยิ่งใหญ่ให้แก่ โรเจอร์ ซอล ผู้ก่อตั้งแบรนด์มัลเบอร์รี่ ในการนำเสนอเอกลักษณ์ของ สไตล์แบบอังกฤษ” นี้ ที่แบรนด์มัลเบอร์รี่ได้ริเริ่มขึ้นตั้งแต่คริสต์ทศวรรษ 1970 ซึ่งสำหรับ Rider’s Lock ถือว่าเป็นการหยิบเอกลักษณ์ตามแบบแผนที่เคยมีมาใส่ทวิสต์จนเกิดเป็นเอกลักษณ์ใหม่ที่ก้าวล้ำไปอีกขั้น

จอห์นนี่ โคคา ผู้อำนวยการฝ่ายสร้างสรรค์ของมัลเบอร์รี่ เลือกสำรวจเอกลักษณ์ทางประวัติศาสตร์ซึ่งสืบทอดกันมาด้วยมุมมองใหม่ๆ โดยการหยิบเอาเส้นโค้งของ Postman’s Lock หรือที่ล็อกโลหะแบบกระเป๋าบุรุษไปรษณีย์ชิ้นดั้งเดิมมาสลับสับเปลี่ยนรูปทรง จนเกิดเป็น Rider’s Lock ที่ล็อกแบบใหม่ที่บางกว่าเดิม ดูคลีนขึ้นและใช้ง่ายขึ้น ภายใต้รูปทรงที่ชวนให้นึกถึงบังเหียนและรูปทรงของเหล็กที่เกี่ยวปากม้าไว้สำหรับดึงบังเหียน ที่ล็อกแบบใหม่นี้ถือว่าเป็นสัญลักษณ์ของพัฒนาการทางประวัติศาสตร์ของมัลเบอร์รี่ เป็นมุมมองที่สดใหม่ขึ้นของความคลาสสิกในแบบฉบับของมัลเบอร์รี่ที่ต้องการสร้างสิ่งใหม่ ทว่าก็ไม่ลืมที่จะแสดงความเคารพต่อเอกลักษณ์ที่มีมาในอดีต


 

 

 

 

ภาพ : www.mulberry.com, www.spottedfashion.com

 

 

ดูดวงรายวัน ประจำวันจันทร์ที่ 17 กรกฎาคม 2560

ดูดวงรายวัน ประจำวันจันทร์ที่ 17 กรกฎาคม 2560 เช็คทุกวัน ทันทุกดวงกับ แพรว ดอทคอม

ผู้ที่เกิดวันอาทิตย์

การงาน :  วันนี้ขอกากบาทรับวันจันทร์นิดนะคะ ท่านหลงอยู่ในทิฐิและความเชื่อมั่นที่สูงมากจนไม่ได้คิดถึงจิตใจของผู้ร่วมงาน จึงทำให้เกิดความแค้น หากล้มหรือพลาดเมื่อไหร่จะถูกรุมกระหน่ำซ้ำเติมทันที ทางที่ดีควรเอาใจเขามาใส่ใจเรา ผูกมิตรไว้เยอะๆ

การเงิน : ชักหน้าไม่ถึงหลัง จนท่านอาจเข้าไปเกี่ยวข้องกับเงินที่ผิดกฎหมาย

ความรัก : วันนี้ดวงความรักคาดเดาได้ยาก ท่านอาจพบว่า คู่มีวาระซ่อนเร้น มีรักซ้อน คนโสด หนักแน่นค่ะ หากเกิดอะไรขึ้นขอให้รักตัวเองมากๆ

สุขภาพ : ระวังโรคประจำตัวของทั้งผู้หญิงและผู้ชาย

 

ผู้ที่เกิดวันจันทร์

การงาน :  ท่านมีความเชื่อมั่นที่จะเดินไปสู่เป้าหมายและเส้นชัยที่วางไว้ จนไม่เหมาะกับงานประจำ เหมาะกับการทำธุรกิจส่วนตัว หรืองานที่เกี่ยวข้องกับอสังหาริมทรัพย์ ที่ดิน บ้านจัดสรร และการเกษตร

การเงิน :  ทำงานเก่ง ขยัน อาจได้มรดก

ความรัก : วันนี้ท่านจะสร้างเนื้อสร้างตัวร่วมกันกับคู่ อาจมีโครงการซื้อบ้าน หรือที่ดินด้วยกัน คนโสด ประเภทไก่กาถอยไป ท่านรักจริงถึงขั้นแต่งงานเลย

สุขภาพ : ระวังโรคที่เกี่ยวกับต่อมน้ำเหลืองต่างๆ

 

ผู้ที่เกิดวันอังคาร

การงาน  :  ท่านมองคนในแง่ร้าย เพราะมีความเชื่อมั่นในตนเองสูงเกินไป จนไม่สนใจความรู้สึกนึกคิดของบุคคลอื่น วันนี้ควรรู้จักรับฟังความคิดเห็นของผู้อื่น และรู้จักการให้อภัยนะคะ ท่านจะยิ่งเป็นที่รักและมีคนนับถือมากขึ้น

การเงิน :  รู้จักการบริหารเงินเป็นอย่างดี ไม่จนค่ะ

ความรัก : วันนี้ท่านรู้สึกเหมือนถูกอยู่ในกฎระเบียบ จนไม่กล้าแสดงอารมณ์เรื่องรักๆ ใคร่ๆ  เพราะกลัวถูกมองว่าไม่เหมาะสม คนโสด ขอประโยคคมๆ นิดค่ะ หากมีคู่แล้วไม่ดีพอท่านก็พร้อมที่จะอยู่คนเดียว

สุขภาพ : วันนี้จะเจอแต่เรื่องเครียดๆ จนทำให้เกิดอาการปวดศีรษะต่อเนื่อง

 

ผู้ที่เกิดวันพุธ

การงาน  :  วันนี้จะโดดเด่นในงานที่ต้องใช้ความสามารถเฉพาะตัว ใช้ความคิดสร้างสรรค์ และเป็นผู้นำค่อนข้างสูง

การเงิน   :  มีเงินไม่ชอบสะสม ชอบลงทุน และมีโชคเสียด้วย

ความรัก : ยังคงมีปัญหา เพราะทั้งคู่มีทิฐิมานะ เพราะมีความคิดแบบเด็กๆ คาดหวังกับคู่สูง คนโสด คบกันย้าวยาวค่ะ

สุขภาพ : ระวังการเดินทางไปในสถานที่ที่ไม่คุ้นเคย จะติดเชื้อจากผู้อื่นมาได้

 

ผู้ที่เกิดวันพฤหัสบดี

การงาน : ท่านเป็นนักบุกเบิกและแก้ไขปัญหาที่ดี หากผ่านไปได้ จะได้รับการยอมรับนับถือจากบริวาร เพื่อนร่วมงาน และบุคคลใกล้ชิด

การเงิน : ดีมาก เพราะกล้าเสี่ยง และได้ผลตอบแทนที่สูงเสียด้วย

ความรัก : วันนี้คู่จะช่วยส่งเสริมหน้าที่การงาน และท่านจะได้รับการยอมรับจากคนรอบข้างอย่างมาก คนโสด มีโอกาสมีแฟนเด็กโลกสวยนะคะ

สุขภาพ :  ไม่ค่อยเป็นอะไรหนักหนา แต่วันนี้จะพลาดท่าให้กับไวรัสสายพันธุ์ต่างๆ

 

ผู้ที่เกิดวันศุกร์

การงาน  : วันนี้มีเกณฑ์เข้าไปแข่งขัน หรือประมูลงานอย่างดุเด็ดเผ็ดร้อน ทำให้เกิดความวิตกกังวลสูง ขอให้ใช้สติ และกล้าหาญก็จะสามารถผ่านพ้นอุปสรรคต่างๆ ไปได้ด้วยดี

การเงิน :  ไม่มีโชคลาภ แต่ท่านทำงานเก่งจึงมีเงินใช้ไม่ขาดมือ

ความรัก : วันนี้คู่กับท่านเปรียบเหมือนคู่รักคู่แค้น จะทะเลาะกันแค่ไหนก็ตัดกันไม่ตาย ขายไม่ขาด คนโสด ท่านมีคู่แข่งหัวใจที่น่ากลัวแล้วล่ะ ท่านยอมทำทุกอย่าง เพื่อให้ได้มาโดยไม่สนใจว่าจะถูกหรือผิด

สุขภาพ  :  ทางกายไม่มีอะไรน่าห่วง แต่ทางใจท่านคิดมาก เก็บเรื่องไร้สาระมาคิด ทำให้เครียด

 

ผู้ที่เกิดวันเสาร์

การงาน : ท่านไปติดต่องานกับใครก็จะพบคนที่มีจิตใจดี สามารถคบเป็นมิตรในระยะยาวได้ จัดได้ว่าชีวิตราบรื่นและมีความสุข มีการจัดงานเลี้ยงเพื่อฉลองความสำเร็จ

การเงิน : ใช้จ่ายฟุ่มเฟือย ซื้อข้าวของสวยงามหรือความสุขส่วนตัวมากไปนิด

ความรัก :  วันนี้เลิกงานกลับบ้านมาทานข้าวด้วยกัน หรือมีกิจกรรมภายในครอบครัว คนโสด รักง่ายหน่ายเร็ว

สุขภาพ :  ระวังโรคที่เรื้อรังมานานจะกำเริบ

 

ย้อนมาส่อง 6 ที่สุดชุดแต่งงานซูเปอร์โมเดลระดับโลก

account_circle

เราพาคุณไปอัพเดทเทรนด์แฟชั่นชุดแต่งงานแบบเกาะขอบรันเวย์มาก็หลายงาน  ครั้งนี้เราจะพาคุณไปดู ชุดแต่งงานคนดังระดับโลกกันบ้างว่า เมื่อถึงวันวิวาห์พวกเธอทำอย่างไรถึงยังเฉิดฉายได้ราวกับยังเดินอยู่บนแคทวอล์ก

Coco Rocha

เริ่มต้นที่ซูเปอร์โมเดลชาวแคนาดาผู้พ่วงตำแหน่งนางพญาบนแคทวอล์กและเจ้าแม่ พรีเซนเตอร์แบรนด์กูตูร์ระดับโลกอย่าง โคโค่  โรช่า ที่เลือกสวมชุดแต่งงานจาก Zac Posen แม้เหล่าแฟชั่นนิสต้าจะคุ้นเคยกับภาพลักษณ์ความเป็นสาวทันสมัยและขี้เล่นของโคโค่  แต่เธอกลับเลือกชุดแต่งงานทรงเมอร์เมดที่ดูสวยหวานและมีการตกแต่งกลิ่นอายวิ นเทจ  นับเป็นชุดแต่งงานที่คงความเป็นเทรดดิชั่นของพิธีแต่งงานไว้จริงๆ

Kate Moss

มาต่อกันที่ซูเปอร์โมเดลชาวอังกฤษผู้ประสบความสำเร็จบนเส้นทางนางแบบมาร่วม 3 ทศวรรษ  อย่างเคท  มอส  นางแบบผู้ได้ชื่อว่าเป็นไอคอนิคของสาวๆ ยุคใหม่กลับเลือกชุดแต่งงานสไตล์วินเทจจาก John Galliano  จุดเด่นของชุดคือเป็นชุดเดรสผ้าโปร่งปักลูกปัดทองคำกว่า 270,000 เม็ด  แม้ช่วงคอจะดูเรียบง่าย  แต่ชายกระโปรงกลับดูกรุยกรายด้วยกลิ่นอายของยุค 1920s – 30s

Cindy Crawford

แม้ชุดแต่งงานน้อยชิ้นของซินดี้  ครอว์ฟอร์ด จะได้รับการวิจารณ์ในช่วงแรกว่า เกือบจะดูเป็นชุดแต่งงาน แต่ต่อมาชุดนี้ก็ขึ้นทำเนียบชุดแต่งงานในตำนานจากนิตยสารชั้นนำของโลก เพราะนอกจากชุดแต่งงานเดรสสั้นของเธอจาก John Galliano จะเข้ากับงานที่จัดริมทะเล  ตัวชุดที่ดูเรียบง่ายและมีการตกแต่งเพียงบริเวณชายกระโปรงยังส่งให้คาแรกเตอร์ของเธอโดดเด่นขึ้น ไม่ว่าจะเป็นผมบลอนด์ ผิวแทนและขาที่เรียวยาว

Gisele Bündchen

มาต่อกันที่ชุดแต่งงานของนางแบบสัญชาติบราซิลและเจ้าของสัดส่วนสุดเซ็กซี่จนได้รับการขนานนามจากนิตยสาร Vogue ว่านางแบบผู้ทวงบัลลังก์ความเซ็กซี่กลับคืนสู่เวทีแคทวอล์ก อย่างจิเซล  บุนด์เชน  ที่เลือกชุดแต่งงานเป็นชุดเดรสยาวเข้ารูปอวดสัดส่วนโค้งเว้าของเซ็กซี่โมเดลโดยตัวเสื้อเป็นสายเดี่ยวดูเย้ายวนรับกับช่วงตัวที่ปักเลื่อมเงาวาวดูหรูหรา

Anja Rubik

ซุปเปอร์โมเดลสาวชาวโปแลนด์อย่าง Anya Rubik กับชุดแต่งงานที่เรียกได้ว่ายังคงเป็นที่นึกถึงสำหรับสาวเปรี้ยวทั้งหลายที่ฝันจะเป็นเจ้าสาว ชุดนี้มาพร้อมความเก๋ไก๋ที่ออกแบบโดยดีไซเนอร์ของแบรนด์ Pucci ซึ่งเป็นชุดที่ดูแปลกหูแปลกตามากๆ กับความยาวที่ไม่เท่ากันของชุดที่เรียกว่าสไตล์ชุดหน้าสั้นหลังยาว จุดเด่นอีกอย่างของชุดนี้คือ ช่วงบนเป็นเกาะอกผสมคอกลม กระโปรงระบายเป็นชั้นๆ ตั้งแต่ช่วงเอวลงไป โดยออกแบบให้ด้านหน้าเป็นกระโปรงสั้นอวดน่องยาวๆ ด้านหลังทิ้งชายกระโปรงยาวลากพื้นคู่ไปกับผ้าคลุมหน้าเจ้าสาวยาวเป็นชั้นที่ด้านหลัง

Chrissy Teigen

ภาพ : www.myweddingconcierge.com.au

ปิดท้ายด้วยนางแบบชุดว่ายน้ำชื่อดังอย่าง คริสซี่ ไทเจน ที่เข้าพิธีวิวาห์กับเจ้าของเพลงดัง All of Me อย่าง จอห์น  เลเจนด์ คริสซี่เลือกชุดแต่งงานกระโปรงทรงบอลกาวน์จาก Vera Wang แม้ชุดของเธอจะดูสวยหวาน แต่คริสซี่ก็ยังไม่ทิ้งลายนางแบบชุดว่ายน้ำสุดเซ็กซี่ด้วยการเลือกช่วงตัว ให้เป็นเกาะอกคล้ายคอร์เซ็ทดันทรงแถมเว้าหน้าโชว์ร่องอกอวบอิ่มอีกต่างหาก นับเป็นชุดแต่งงานที่นำความคอนทราสต์กันระหว่างความหวานและความเซ็กซี่มาผสมผสานกันอย่างลงตัว

แม้พวกเธอจะขึ้นทำเนียบนางแบบดังระดับโลก  แต่เมื่อถึงวันสำคัญของชีวิตอย่างวันแต่งงาน  พวกเธอก็ทำให้เราได้เห็นว่า ไม่สำคัญว่าคนภายนอกจะเห็นภาพลักษณ์ของพวกเธอเป็นแบบใด  สิ่งสำคัญคือพวกเธอยังคงสะท้อนตัวตนออกมาแบบที่ เรียกได้เต็มปากเต็มคำว่า ไม่แคร์สื่อ!

ภาพ :  www.thefashionholicblog.com  www.biensavvy.eu  www.thetrentonline.com  www.eonline.com  www.cosmopolitan.com.au

ภาพเปิด : www.thebalance.com

รวมไอเดียถ่ายภาพงานแต่งงานท่ามกลางสายฝน

account_circle

ก็อย่างที่เห็นๆ กันอยู่ว่าสภาพอากาศบ้านเรามักจะวิปริตแปรปรวนอยู่บ่อยๆ เช้ามาอากาศแจ่มใสแดดจ้า ตกบ่ายฝนเทลงมาซะงั้น เพราะอย่างนี้เราจึงต้องเตรียมพร้อมรับทุกสถานการณ์ ว่าที่บ่าวสาวที่กำลังจะจัดงานวิวาห์ก็เช่นกันนะคะ หากเกิดเหตุไม่คาดฝัน ฟ้าฝนไม่เป็นใจขึ้นมา ก็อย่าเครียดจนหมดสนุกไปค่ะ ยิ้มรับแล้วโพสท่าถ่ายรูปเก๋ๆ กันดีกว่า เรามีไอเดียถ่ายภาพงานแต่งงานกลางสายฝนมาฝากกันด้วยนะ รับรองว่าจะทำให้คุณหลงรักสายฝนแบบไม่รู้ตัวเลยหละ

ruffledblogจูบดูดดื่มภายใต้ร่มคันใส โรแมนติกอย่าบอกใครเลย

bridesฝนตกพรำๆ อย่างนี้ สุภาพบุรุษสุดหล่ออย่างเจ้าบ่าวก็ต้องกางร่มให้เจ้าสาวคนสวยสิคะ

WordPressจูงมือกันไปเล่นน้ำฝนย้อนวัยเยาว์ซะเลย

blogjerryใครๆ ก็ต่างพากันหลบฝน ทำให้เมืองนี้กลายเป็นของสองเราไปโดยปริยาย

carolynbentumphotographyblogน้ำนองเฉอะแฉะแบบนี้ เจ้าสาวและเหล่าผองเพื่อนคงต้องสลัดรองเท้าส้นสูงทิ้งไปก่อน แล้วมาเล่นกับรองเท้าบูทกันน้ำแบบเก๋ๆ

weddingpartyblogคลาสสิกสุดๆ กับภาพสะท้อนในน้ำที่เจิ่งนองอยู่บนพื้นหลังฝนตก

Hoffer-Photographเค้าฝนมาโน่นแล้ว อย่าไปกลัว โพสท่าถ่ายรูปกับท้องฟ้าสีทะมึนก็สวยไปอีกแบบนะคะ

BuzzFeed-อะไรจะโรแมนติกไปกว่าการที่เจ้าบ่าวถอดเสื้อสูทมากันฝนให้ จริงไหมล่ะคะ

blogjerry1ร่มเป็นได้ทั้งอุปกรณ์ช่วยชีวิตยามฝนเทลงมาและพร็อพส์ชิ้นเก๋ยามโพสท่าถ่ายรูป

Soul-Storiesฝนจะเทลงมาหนักแค่ไหนก็ไม่หวั่น โพสท่าหวานๆ ท่ามกลางสายฝนซะเลย

ขอบคุณภาพจาก : blogjerry.com, brides.com, buzzfeed.com, carolynbentumphotographyblog.com, ruffledblog.com, weddingpartyblog.com, wordpress.com, Hoffer Photograph, Soul Stories

ภาพเปิด : https://www.slrlounge.com

8 สเตตัสควรเลี่ยง…อย่าโพสต์เด็ดขาดเมื่อใกล้วันแต่งงาน

account_circle

ทุกวันนี้โซเชียลเน็ตเวิร์กเข้ามาอยู่ในแทบจะทุกช่วงเวลาของชีวิตเรา จะสุขเศร้าเหงาเพ้อก็ขอให้ได้อัพสเตตัสเฟซบุ๊กกันบ้าง ยิ่งช่วงเวลาสำคัญอย่างวันแต่งงานที่กำลังจะมาถึง เฟซบุ๊กนี่แหละที่กระจายข่าวสารให้ญาติพี่น้องเพื่อนพ้องรับรู้ได้ง่ายและเร็วที่สุด ถ้าเป็นเพียงการอัพเดตความเป็นไปแค่พอประมาณ อันนี้เราก็ให้ผ่าน  แต่สำหรับ 8 สเตตัสควรเลี่ยง ต่อไปนี้ ต้องขอบอกกับว่าที่เจ้าสาวทั้งหลายว่า ระวังให้ดีๆ อย่าเผลอพิมพ์ลงไปในช่วงใกล้ วันแต่งงาน

สายโซเชียลฯ ต้องดูก่อน สเตตัสควรเลี่ยง อย่ากระหน่ำโพสต์ก่อน วันแต่งงาน

สเตตัสควรเลี่ยง วันแต่งงาน
Photo by Tim Mossholder on Unsplash

1. โอ้อวดจนดูโอเวอร์!

ไม่ว่าสินสอดทองหมั้นคุณจะแพงเท่าไหร่ แหวนจะวงใหญ่ขนาดไหน เพชรกี่กะรัต จะซื้อชุดแต่งงานกี่ชุด หรือจะจัดงานใหญ่โตเพียงใด เรื่องเหล่านี้คงไม่จำเป็นต้องป่าวประกาศผ่านเฟซบุ๊ก เชื่อเถอะค่ะ ว่าคนที่ผ่านมาอ่านคงจะมองว่าคุณนั้นช่างเป็นคนที่ขี้อวดไม่มีใครเกิน ทางที่ดีเก็บรายละเอียดนั้นไว้เป็นเรื่องเซอร์ไพรส์ให้รู้กันวันงานดีกว่า

2. นับถอยหลังทุกวันทุกนาที

เป็นเรื่องที่เข้าใจได้ที่บ่าวสาวจะออกอาการตื่นเต้นดีใจคอยนับถอยหลังให้ถึงวันงานแต่ง ถ้าอัพเดตสเตตัสนับถอยหลังในแต่ละเดือนก็ยังพอทำเนา แต่ถ้าคอยนับถอยหลังกันทุกวันยันทุกนาที คงสร้างความรำคาญบนหน้าฟีดอยู่ไม่น้อย เพราะคนอื่นเขาไม่ได้มีอินเนอร์ร่วมกับคุณหรอก กว่าจะถึงวันมงคลสมรสคงมีเพื่อนพ้องโลกโซเชียลหลายคนกดปุ่มอันเฟรนด์กันเป็นแถวๆ

3. เธอคือที่สุดของฉัน

“เธอคือโลกของฉัน เธอคือพระอาทิตย์ เธอคือดวงจันทร์ เธอคือคนที่สวรรค์ส่งลงมา ฉันโชคดีเหลือเกินที่ได้พบเธอ” และอีกหลายๆ ความรู้สึกพิเศษที่คุณทั้งคู่มีให้กัน ได้โปรดโพสต์ประโยคเหล่านี้แต่น้อย หรืออาจจะเก็บไว้กระซิบบอกกันเพียงแค่สองคน เพราะหากว่าคุณโพสต์บอกความรู้สึกเช่นนี้บ่อยๆ เพื่อนฝูงอาจจะพากันร้องยี้เพราะความเลี่ยน สุดท้ายประโยคใดๆ ที่คุณจะพูดบนเวทีในวันงานแต่งก็อาจจะไม่กินใจเพราะว่ามันได้ถูกพูดจนคนฟังรู้สึกชินไปเสียแล้ว

สเตตัสควรเลี่ยง วันแต่งงาน
Photo by Becca Tapert on Unsplash

4. เอาแต่บ่นบนไทม์ไลน์

จริงๆ แล้วก็เป็นเรื่องที่น่าเห็นใจสำหรับบ่าวสาวที่อยากให้วันสำคัญของชีวิตออกมาดีที่สุด เพราะช่วงระหว่างเตรียมงานคงจะทั้งเหนื่อยและเครียด หนีไม่พ้นสภาวะ “Bridezilla” แต่ถึงยังไงก็ขอให้ทำใจร่มๆ ใครทำอะไรไม่ได้ดั่งใจอย่าได้นำมาพิมพ์ลงสเตตัสเฟซบุ๊กเด็ดขาด อย่างเช่น “นึกว่าการ์ดเชิญจะสวยกว่านี้ซะอีก!” หากว่างานนี้เพื่อนของคุณคือคนที่มาช่วยออกแบบการ์ดแล้วล่ะก็  จงระวังไว้ให้ดี คุณและเพื่อนอาจจะต้องกินแหนงแคลงใจกันไปอีกนาน

5. ประกาศกร้าวว่าเราทะเลาะกัน

มีคู่รักหลายคู่ที่ในช่วงระหว่างเตรียมงานแต่งเกิดมีความเห็นไม่ตรงกัน เรื่องจุกจิกเล็กน้อยก็ออกอาการงอนตุ๊บป่อง บางคู่ถึงขั้นทะเลาะกันจนแทบไม่มองหน้า แต่ไม่ว่าจะมีปัญหากันรุนแรงขนาดไหน ต้องนึกถึงหน้าตาและความรู้สึกของอีกฝ่ายด้วย อย่าได้โพสต์กล่าวถึงว่าที่คู่ชีวิตในทางไม่ดีเด็ดขาด ให้คิดไว้เสมอว่าเรื่องเกิดที่เราสองคนควรให้รู้กันแต่เพียงสองคน อย่าโพสต์ป่าวประกาศบนโลกโซเชียลจนเขารู้กันไปทั่ว ปัญหาอาจจะบานปลายและไม่จบลงง่ายๆ แน่นอน

6. อัพโหลดรูปกระจาย

เป็นเรื่องปกติที่ทุกงานแต่งงานจะต้องมีภาพพรีเวดดิ้งที่จะถูกนำไปประดับตกแต่งสถานที่ ในช่วงระหว่างถ่ายพรีเวดดิ้ง คุณอาจจะโพสต์ภาพนิดๆ หน่อยๆ ให้พอสวยงาม แต่จำไว้ว่าอย่ากระหน่ำโพสต์รูปจนหมดสต็อกก่อนจะถึงวันงานเด็ดขาด เก็บรูปภาพส่วนใหญ่ไว้ให้เพื่อนพ้องได้ตื่นเต้นและชื่นชมภาพคู่รักที่วางประดับในงานจะดีกว่า

สเตตัสควรเลี่ยง วันแต่งงาน
Photo by Maddi Bazzocco on Unsplash

7. กลัวจะสวยไม่ทันวันงาน

วันวิวาห์เป็นวันสำคัญที่เจ้าสาวทุกคนอยากเป็นคนที่สวยที่สุดในงาน ถ้ามั่นใจแล้วว่าตัวเองเตรียมกายเตรียมใจ และเข้าคอร์สเจ้าสาวมาดีพอ จงอย่าโพสต์ตัดพ้อถึงสภาพร่างกายว่า ฉันอ้วนอย่างนั้น ฉันโทรมอย่างนี้ จะสวยทันไหม” เพราะถ้าคุณเจอคนที่เขาเห็นใจก็อาจจะได้คอมเมนท์ “สวยแล้ว สู้ๆ นะ” กลับไป แต่ถ้าไม่ใช่ล่ะก็ คุณจะกลายเป็นคนสร้างความรำคาญบนหน้าไทม์ไลน์ดีๆ นี่เอง

8. ย้ำอยู่ได้ว่าอะไรที่ผิดพลาด

สุดท้ายภายในงานแต่งงานอาจเกิดเหตุไม่คาดคิดขึ้นบ้าง เช่น ของชำร่วยไม่พอ แขกมาเยอะเกินไป หรือแม้กระทั่งการผิดคิวต่างๆ นานา หลังจบงานก็อย่าโพสต์ต่อว่าหรือเน้นย้ำความผิดพลาดที่เกิดขึ้น เลือกเก็บแต่ความทรงจำดีๆ ส่วนเรื่องไม่ดีก็ทิ้งไว้เบื้องหลังและหันมาสนใจความสุขของชีวิตคู่ที่กำลังจะเริ่มต้นนับจากนี้ดีกว่า

คู่บ่าวสาวจะอัพเดตสเตตัสแจ้งข่าวสารวันวิวาห์ผ่านเฟซบุ๊กนั้นไม่ใช่เรื่องผิด หากแต่จะโพสต์อะไรก็ขอให้คิดสักหน่อยว่าจำเป็นมากน้อยแค่ไหน จะดูน่ารำคาญหรือไปกระทบกระเทือนถึงญาติผู้ใหญ่ พี่น้องและเพื่อนฝูงที่ติดตามเป็นเพื่อนกันบนโลกโซเชียลหรือไม่ มิเช่นนั้นอาจเกิดอาการเอือมระอาจนถึงขั้นเมินหน้าหนีไม่ไปร่วมยินดีก็เป็นได้

สาวๆ สายโชเชียลฯ ขอแนะนำว่าให้ใช้อย่างเป็นประโยชน์ สร้างเสริมใยรักให้แข็งแรงมากขึ้น

ภาพ : unsplash.com

พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าอทิตยาทรกิติคุณ

ชวนเที่ยว ซแรย์ อทิตยา นาของพระองค์ติ๊ด ต้นทางแห่งความพอเพียง

พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าอทิตยาทรกิติคุณ
พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าอทิตยาทรกิติคุณ

ซแรย์ อทิตยา คือนามที่ พระองค์ติ๊ด พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าอทิตยาทรกิติคุณ ประทานให้แก่โครงการพิเศษในพระดำริ  ศูนย์เรียนรู้การเกษตรอทิตยาทร ณ อ่างเก็บน้ำอำปึล จังหวัดสุรินทร์

ซแรย์ เป็นภาษาเขมร แปลว่า นา ‘ซแรย์ อทิตยา’ จึงมีความหมายตรงตัวว่า ‘นาของพระองค์ติ๊ด’  โดยพระองค์ทรงตั้งพระทัยให้ที่นี่เป็นศูนย์เรียนรู้การเกษตรในพระดำริภายใต้การดูแลของ “โครงการเกษตรอทิตยาทร”

พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าอทิตยาทรกิติคุณ

พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าอทิตยาทรกิติคุณ

พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าอทิตยาทรกิติคุณ

พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าอทิตยาทรกิติคุณ

ทั้งนี้เมื่อวันที่ 24 พฤษภาคม 2560 ที่ผ่านมา สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ได้เสด็จพระราชดำเนินไปทรงเปิดป้ายชื่อโครงการซแรย์ อทิตยา ณ โครงการซแรย์ อทิตยา อ่างเก็บน้ำอำปึล ต.เทนมีย์ อ.เมือง จ.สุรินทร์ โดยมีพระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าอทิตยาทรกิติคุณ เฝ้าฯ รับเสด็จ

พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าอทิตยาทรกิติคุณ

ซแรย์ อทิตยา

ซแรย์ อทิตยา

ซแรย์ อทิตยา

ซแรย์ อทิตยา

ซแรย์ อทิตยา

ซแรย์ อทิตยา

ซแรย์ อทิตยา

ภาพบรรยากาศสบายๆ ที่ ซแรย์ อทิตยา ซึ่งขณะนี้ได้มีการพัฒนาพื้นที่ให้มีความน่าสนใจเพิ่มมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง เพื่อเป็นแหล่งศึกษาเรียนรู้ รวมทั้งเป็นสถานที่ท่องเที่ยวเชิงการเกษตรอย่างครบวงจร ในจังหวัดสุรินทร์ และพื้นที่ใกล้เคียง ต้องบอกว่างดงามเกินบรรยาย

พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าอทิตยาทรกิติคุณ

พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าอทิตยาทรกิติคุณ

พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าอทิตยาทรกิติคุณ

พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าอทิตยาทรกิติคุณ

ภายในโรงเรียนชาวนาแห่งนี้ นอกจากจะมีพื้นที่จัดแสดงความรู้เรื่องข้าว ประเพณีวัฒนธรรม และการผลิตเมล็ดพันธุ์ข้าว เช่น การให้ความรู้เกี่ยวกับลักษณะทางสรีรวิทยาของข้าว, ปฏิทินแสดงระยะเวลาการเจริญเติบโต และช่วงเวลาการจัดการในการผลิตข้าวหอมมะลิ ซึ่งถือเป็นฐานการเรียนรู้หลักแล้ว

ซแรย์ อทิตยา

ซแรย์ อทิตยา

ยังมีฐานการเรียนรู้การเกษตรอื่นๆ อีก อาทิ ฐานการเรียนรู้ทรัพยากรดิน การรักษาและการฟื้นฟูดิน โดยให้ความรู้เกี่ยวกับดินทั้งในเรื่องการตรวจสอบและประเมินความอุดมสมบูรณ์ของดิน รวมถึงการเตรียมดินเพื่อการเพาะปลูกข้าว, ฐานการเรียนรู้เรื่องระบบนิเวศน์แปลงนาและการป้องกันกำจัดโรคแมลงศัตรูข้าว ซึ่งพระองค์ติ๊ดได้ทรงปล่อยพันธุ์ปลานิลจิตรลดา 3, ปลานิลแดง และปลาบึก จำนวน 99 ตัว ลงในสระน้ำของโครงการฯ ก่อนหน้านี้

พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าอทิตยาทรกิติคุณ

พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าอทิตยาทรกิติคุณ

พืชพันธ์ไม้ของที่นี่ก็งอกงามไม่แพ้ผลิตภัณฑ์ที่เพาะปลูกในพื้นที่ดินอุดมอย่างภาคกลาง ข้าวโพดหวาน มะเขือเทศ แตงกวา ฟักทอง รวมทั้งต้นกล้าพันธุ์ไม้ดอกไม้ประดับ เช่น สร้อยไก่ ,ดาวเรือง, ทานตะวัน, บัวตอง, คอสมอส, ล้วนเป็นพืชผักที่อยูในแผนเพาะปลูก เพื่อให้ผู้สนใจและนักท่องเที่ยวได้ลิ้มลองความอร่อยจากผลผลิตที่นำมาแปรรูป และสามารถเลือกซื้อพืชผักสวนครัวสดๆ และราคาถูก ได้จากแปลงทดลองของโครงการ โดยพระองค์ติ๊ดได้ประทานสัญลักษณ์ที่พระองค์ทรงออกแบบด้วยพระองค์เองแก่โครงการเกษตรอทิตยาทรนี้ด้วย

ซแรย์ อทิตยา

ซแรย์ อทิตยา

ซแรย์ อทิตยา

สัญลักษณ์(โลโก้) จะมีลักษณะเป็นตัวอักษร อ สีม่วง ซึ่งเป็นสิ่งแทนพระองค์ พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าอทิตยาทรกิติคุณ ที่ทรงเป็นศูนย์รวมใจของเกษตรก บนอักษร อ เบื้องซ้าย มีรูปจั่วสีทอง ซึ่งจั่วเป็นสัญลักษณ์ของบ้านเรือนทางอีสานใต้ (ศูนย์ฯตั้งอยู่ในจังหวัดสุรินทร์) บนอักษร อ เบื้องขวา มีรูปดวงอาทิตย์สีทองที่เหมือนดอกทานตะวัน แสงอาทิตย์สาดส่องให้ความสมบูรณ์แก่พืชพันธุ์ และดอกทานตะวันเป็นเอกลักษณ์ของงานประจำศูนย์ฯที่จัดขึ้นทุกๆต้นปี เบื้องล่าง เป็นรูปรวงข้าวสีทองที่โอบล้อมตัวอักษร อ ไว้ แสดงถึงข้าวที่เป็นผลผลิตหลักของศูนย์ฯ อีกทั้งยังสื่อถึงจุดเริ่มต้นการจัดตั้งศูนย์เรียนรู้การเกษตรอทิตยาทร ภายใต้แนวพระดำริพระเจ้าหลานเธอพระองค์เจ้าอทิตยาทรกิติคุณ ด้วยมีพระประสงค์ที่ต้องการพัฒนาคุณภาพชีวิตของเกษตรกรในพื้นที่ ประดุจดวงอาทิตย์ที่ทอแสงให้ความสมบูรณ์แก่พืชพันธุ์น้อยใหญ่ได้เจริญงอกงามอย่างอุดมสมบูรณ์

ซแรย์ อทิตยา

ซแรย์ อทิตยา

ซแรย์ อทิตยา

ซแรย์ อทิตยา

ในภาพอาจจะมี อาหาร

และนอกจากจะเป็นฐานการเรียนรู้แล้ว ที่นี่ยังมีเนื้อที่อีกร่วมๆ 20 ไร่ ที่กันไว้สร้างอาคารที่พัก ด้วยจุดมุ่งหมายให้ผู้เข้าพักได้ใช้บริการแปลงนาทดลอง อีกทั้งยังได้สัมผัสบรรยากาศของท้องทุ่งนา โดยหากมีความประสงค์ที่จะทดลองปักดำนาในแปลงนาก็สามารถร่วมกิจกรรมกับทางโครงการได้

ซแรย์ อทิตยา

ซแรย์ อทิตยา

ซแรย์ อทิตยา

ซแรย์ อทิตยา

ซแรย์ อทิตยา เปิดให้ผู้สนใจได้เข้าเยี่ยมชมโครงการซึ่งตั้งอยู่บริเวณอ่างเก็บน้ำอำปึล ต.เทนมีย์ อ.เมือง จ.สุรินทร์ ตั้งแต่เวลา 08.00 น. – 18.00 น. ทุกวัน ไม่เว้นวันหยุดราชการ

ที่มาข้อมูลเรื่องและภาพ : https://www.facebook.com/ศูนย์เรียนรู้การเกษตรอทิตยาทร

ราหูถีบ เสียทรัพย์นับล้าน “แหวนแหวน” ถูกโจรฉกกระเป๋าที่อิตาลี อึ้งแจ้งตร.เจอเพื่อนร่วมชะตาเป็นร้อย

ในหมู่มวลนักท่องเที่ยวมักเมาท์กันว่าถ้าไปอิตาลีแล้วไม่โดนฉกชิงวิ่งราวเหมือนไปไม่ถึง แม้หลายคนจะพยายามระมัดระวังแค่ไหน แต่ก็เจอเข้ากับตัวเองจนได้ เช่นเดียวกับเซเลบสาว “แหวนแหวน – ปวริศา เพ็ญชาติ” ที่เจ้าตัวถึงกับโพสต์บอกว่าตอนนี้กลายเป็นคุณหนูตกอับไปซะแล้ว หลังถูกโจรฉกกระเป๋า Hermès Kelly ระหว่างนั่งทานข้าวอยู่ในร้านอาหารกับเพื่อน

ยังไม่หมดเท่านั้น เพราะนอกจากโจรจะขโมยกระเป๋าหรูที่มีเงินสดจำนวน 60,000 บาท แว่นตา กระเป๋าเครื่องสำอาง Prada ยันขนตาปลอมแล้ว ยังเอาบัตรเครดิตไปรูดซื้อสินค้าอีก 400,000 บาท หูย! ช่างแสบจริงๆ

ถึงมิลานก็ได้มาเที่ยวสถานีตำรวจเลย ‘หมอช้าง – ทศพร ศรีตุลา’ เพิ่งเตือนว่าราหูจะถีบแรงมากๆช่วงนี้ แต่ก็ไม่คิดว่าจะล่อไปเกือบล้าน! ก่อนมาอิตาลีเพิ่งโดนขโมยมือถือ มาต่างประเทศคิดว่าพ้นเงาราหูถีบแล้ว แต่ก็หาไม่…นั่งทานอาหารอยู่ในร้าน แล้วเอาสายกระเป๋า Hermès Kelly สีครีมพาดกับเก้าอี้ไว้ แล้วเอาหลังนั่งพิงทับสายอีกที นั่งทานกับเพื่อนๆอีก 4 คน พอจะคิดเงิน หันมาอีกทีกระเป๋าหายไปแล้วทั้งใบ ช็อกรับประทานไปเลย!

“ทั้งน้องแอร์ เงินสดอีก 60,000 กระเป๋าสตางค์ กระเป๋าแต่งหน้า Prada แว่นตา Victoria Beckham ยัน Eyeliner และขนตาปลอม!! และที่เปรี้ยวสุดคือออ! ภายใน 1 ชั่วโมงที่ขโมยไป (และยังไม่รู้ตัว) อีคุณโจรเอาบัตรเครดิตดิฉันไปรูดอีกเกือบ 400,000 บาท!!! ลมแทบจับ พอรู้ตัวก็รีบพุ่งไปแจ้งความที่สถานีตำรวจ แจ้งสถานทูต แจ้ง Bank รวบรวมหลักฐานเขียนลงบันทึกส่งตำรวจยาวเป็นหางว่าว เพื่อรีบส่งหลักฐานบันทึกแจ้งความของทางตำรวจอิตาลีให้ทาง Bank ดำเนินการอย่างด่วนที่สุด! ส่วนเรื่องตามกระเป๋าคืนคงลำบากนิดนุง เพราะมีพี่น้องชาวเอเชียอีกประมาณ 60 คนต่อแถวรอแจ้งความคดีเดียวกันอยู่ในสถานีจนทะลักออกไปหน้าถนน ไม่นับอีก 100 กว่าคนช่วงเช้า…คาดว่าคงต้องทำใจ เพราะพี่ตำรวจคงวิ่งไล่ตามให้หมดไม่ทัน

“ยังไงต้องขอกราบขอบพระคุณทาง citibank #citibankthailand #citibankultima มากๆๆๆอีกครั้งนะคะ ที่รับเรื่องและช่วยจัดการดูแลในส่วนที่อีโจรเปรตอเวจีผีนรกรูดไป จะระมัดระวังไม่ให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้อีกค่ะ…ฝากถึงพี่ๆน้องๆชาวไทยทุกคนที่ไปเที่ยวเมืองใหญ่ๆในอิตาลีด้วย อย่าลืมระมัดระวัง ดูแลตัวเองดีๆ เวลาเข้าร้านอาหารวางกระเป๋าไว้บนตักและพันไว้กับแขนหลายๆทบตลอดเวลา (ขนาดวางไว้อยู่ในสายตา แต่ตอนก้มหน้าทานภายในเสี้ยววินาทียังคว้าไปได้) คอยสังเกตคนรอบๆตัว อย่ามัวแต่เดินถ่ายรูป เดินเซลฟี่ แบ่งเงินสด อย่าเก็บรวมกัน บัตรเครดิตตั้งวงเงินจำกัดไว้ เพราะที่อิตาลีไม่ค่อยตรวจ ID เวลารูดบัตรเหมือนที่อเมริกา…มีคนเตือนมาหลายรอบ แต่เพิ่งโดนกับตัวเองครั้งแรกอย่างหนักเลยรู้ซึ้ง…หวังว่าเรื่องราวของแหวนจะเป็นอุทาหรณ์เตือนใจให้ทุกคนระวังกันมากยิ่งขึ้นนะคะ…#ราหูถีบเสียทรัพย์เกือบล้าน #หลอนไปเลยพักใหญ่ #ถีบสะใจรึยังเคอะ @morchang #กลับเมืองไทยพาเข้าวัดด่วน”

แต่ในความโชคร้ายก็ยังมีโชคดี เมื่อพี่ชายแสนสนิท “กรณ์ ณรงค์เดช” เป็นพระเอกขี่ม้าขาวเอาเงินสดมาให้ ทำเอาสาว “แหวนแหวน” ซึ้งน้ำใจมากๆเลยทีเดียว

สาวน้อยในตะเกียงแก้ว 4 มาแล้ว! พิมประภา-น้องณดา นำทีมตอนใหม่ “พ่อมดเจ้าเสน่ห์”

ทราบข่าวแล้วแทบร้องกรี๊ด! เมื่อช่อง 7 ปล่อยละครใหม่มาแนะนำล่าสุด คราวนี้สาวกละคร สาวน้อยในตะเกียงแก้ว ตั้งแต่รุ่นแรกต้องตื่นเต้นปนดีใจกันแน่นอน เพราะสาวน้อยในตะเกียงแก้วภาค 4 กลับมาปล่อยความสนุกพร้อมโฉมหน้านักแสดงแล้ว ภายใต้ชื่อว่า “พ่อมดเจ้าเสน่ห์”

สาวน้อยในตะเกียงแก้ว ภาคแรก ปี 2545

กลายเป็นละครเหล่าแม่มดพ่อมดประจำช่อง 7 กันไปแล้ว สำหรับละครเครือ สาวน้อยในตะเกียงแก้ว บทประพันธ์ของ โสภี พรรณราย ที่ได้เริ่มออนแอร์เป็นที่รู้จักกันครั้งแรกเมื่อปี 2545 โดยได้พระ-นาง ป๋อ – ณัฐวุฒิ สกิดใจ และแคท – แคทรียา อิงลิช มาถ่ายทอดเรื่องราวความรักระหว่างมนุษย์และแม่มดน้อย รวมถึงสีสันความสนุกต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นพล็อตเรื่อง คอสตูม หรือแม้แต่เพลงประกอบละคร ซึ่งการเดินทางตั้งแต่ภาคแรกจนมาถึงตอนล่าสุด พ่อมดเจ้าเสน่ห์ ก็นับว่าสาวน้อยในตะเกียงแก้วอยู่คู่วงการละครไทยมานานหลายปีทีเดียว ที่สำคัญ คุณยายทาฮิร่า แสดงโดย ดวงดาว จารุจินดา ก็ยังคงเป็นนักแสดงประจำสาวน้อยในตะเกียงแก้วตั้งแต่รุ่นแรกจนมาถึงรุ่นปัจจุบัน และทีมงานดีด้า วิดีโอ โปรดักชั่น ก็ยังเป็นทีมที่ดูแลมาตลอดทุกรุ่นเช่นเดิม

สำหรับพ่อมดเจ้าเสน่ห์ ได้ 6 นักแสดงนำรุ่นใหม่มารอปล่อยของ ได้แก่ ภัทรพลฒ์ เดชพงษ์วรานนท์, พิมประภา ตั้งประภาพร, วรพล จินตโกศล, เฌอมาวีร์ สุวรรณภาณุโชค, วศิน อัศวนฤนาท, สุพิชฌาย์ ศรีสวัสดิ์ รวมถึงแม่มดตัวน้อยที่จะมาเป็นคู่หูต่างวัยของคุณยายทาฮิร่า นั่นก็คือ น้องณดา ปุณณกันต์ ลูกสาวคนงามของ กบ – สุวนันท์ นั่นเอง

จากเรื่องราวความรักของแม่มดสาวทั้งสามภาค สู่เรื่องราวความแค้นระหว่างเมืองเวทมนตร์กับตระกูลล่าแม่มด โดยมีพ่อมดหนุ่มฝาแฝด และทายาทหนุ่มจากตระกูลล่าแม่มดเป็นตัวแปรสำคัญ -พ่อมดเจ้าเสน่ห์

โดยเรื่องราวพ่อมดเจ้าเสน่ห์จะเริ่มต้นจากเมื่อ 2 พ่อมดฝาแฝดต้องพลัดพรากจากกัน เพราะความแค้นของพ่อที่มีต่อตระกูลล่าแม่มด “หนึ่งหนุ่ม” ได้รับการเลี้ยงดูจากแม่มดอาวุโส อีก “หนึ่งหนุ่ม” ถูกสลับตัวกับ “ทายาทคนโต” ของศัตรู ทั้งสามได้กลับมาพบกันโดยการชักนำของ “สองหลานสาว” ตระกูลล่าแม่มด และ “หนึ่งแม่มดสาวจอมป่วน” แล้วเวลาแห่งการชำระแค้นก็เริ่มต้นขึ้นโดยไม่มีทีท่าจะสิ้นสุด…เพื่อเป็นการเตรียมตัวรอการคัมแบ็กครั้งยิ่งใหญ่ แพรวดอทคอม เลยนำรูปทีมนักแสดงรุ่นใหม่และสามภาคแรกมาให้ได้ชมกันให้หายคิดถึง อดตื่นเต้นไม่ไหวจริงๆ นะเนี่ย

โดนัท – ภัทรพลฒ์ & พิม – พิมประภา
บลิว – วรพล & แพรว – เฌอมาวีร์
โก้ – วศิน & กิฟท์ – สุพิชฌาย์
ดวงดาว จารุจินดา & ณดา ปุณณกันต์

ย้อนวันวาน สาวน้อยในตะเกียงแก้ว

 

สาวน้อยในตะเกียงแก้ว ออกอากาศปี 2545 นำแสดงโดยป๋อ – ณัฐวุฒิ และแคทรียา อิงลิช

สาวน้อยในตะเกียงแก้ว 2 ตอนแม่มดน้อยตัวป่วน ออกอากาศปี 2547 นำทีมนักแสดงโดยเติ้ล – ตะวัน จารุจินดา, ปู – ไปรยา ลุนด์เบิร์ก, ขวัญ – อุษามณี ไวทยานนท์ และวีระชัยศรีวณิก วรรณึกกุล 

และภาค 3 อสูรน้อยในตะเกียงแก้ว ออกอากาศปี 2555 นำทีมนักแสดงโดยอ๊อฟ – ชนะพล สัตยา, ใบเฟิร์น – พิมพ์ชนก ลือวิเศษไพบูลย์ และทับทิม – อัญรินทร์ ธีราธนันพัฒน์

 


เรื่อง: Gingyawee_แพรวดอทคอม
ภาพ: IG @ch7dramasociety @toobsakpantip @armnurat_official @taton_daratonn
@donut_phattharapon @bewworraponfc @praewchermawee @ko_vasin @kob_nada_nadol#พ่อมดเจ้าเสน่ห์, http://stars.ch7.comสาวน้อยในตะเกียงแก้วภาค1vs2และ3

เซ็กส์ซู่ซ่ากับ 4 เซ็กส์ทอยมาตรฐานไม่ลองไม่รู้

account_circle

มีของเล่นมาฝากล่ะ ไม่ใช่ของเล่นกุ๊กกิ๊กเด็กสามขวบด้วยนะคะ เพราะเป็นของเล่นแบบผู้ใหญ่ๆ เขาใช้กัน ถ้าอยากรู้ว่ามีอะไรบ้าง ตามมาดามมาเลย เพราะวันนี้มาดามเลยสรุปความถึง เซ็กส์ทอย ระดับมาตรฐานมาให้รู้จักกันเบาๆ 4 ชนิด

แต่ก่อนอื่นขอบอกว่า การที่คุณมีเซ็กส์ทอยในครอบครองไม่ได้หมายความว่าคุณโรคจิตหรือเสพติดเซ็กส์ เพราะของพวกนี้สร้างมาด้วยหน้าที่การใช้งานมากมายกว่าที่คุณคิด ไม่ว่าจะเป็นช่วยบำบัดอารมณ์พีคของสาวโสด หรือช่วยเพิ่มอรรถรสยามจัดเซ็กส์ด้วยกัน ก็แหม…ของแบบนี้แล้วแต่ประยุกต์การใช้งานให้เหมาะสมนี่นา

ดิลโด (Dildo) ถือว่าเป็นเซ็กส์ทอยเบอร์แรกๆ ที่แพร่หลายให้ได้รู้จักกันก็ว่าได้ เรื่องรูปร่างหน้าตาคงไม่ต้องอธิบายเพราะจำลองมาจากอวัยวะสืบพันธุ์เพศชายนั่นแหละ ส่วนหน้าที่การใช้งานก็อย่างที่รู้ๆ คือ ใช้ไม่ต่างอะไรกับการมีเซ็กส์ของชายหญิง หรือแม้แต่หญิง-หญิง ชาย-ชาย ซึ่งแน่นอนว่าขนาดก็มีให้เลือกต่างกันไป ถ้าชอบแบบเอเชียก็ 5-6 นิ้ว ถ้าอยากโกอินเตอร์ก็สัก 7 นิ้วอัพ ส่วนเส้นรอบวงมาเลือกกันอีกที โดยราคาต่อชิ้นอยู่ที่คุณภาพวัสดุในการผลิต ราคาอยู่ที่หลักพันขึ้นไปค่ะ

ไวเบรเตอร์ (Vibrator) ถ้าจังหวะคือหัวใจสำคัญส่วนหนึ่งของการเดินทางเข้าสู่ประตูสวรรค์ของสาวๆ แล้วละก็ เจ้าไวเบรเตอร์เป็นคำตอบหนึ่งที่จะช่วยทำให้สาวๆ ถึงเป้าหมายได้ แต่ฟังก์ชั่นการใช้งานของเจ้าเซ็กส์ทอยชิ้นนี้ มีทั้งในแง่ของการเป็นเครื่องนวดช่วยบรรเทาอาการเมื่อยล้าและเป็นอุปกรณ์สำคัญในการช่วยตัวเองสำหรับสาวๆ

ทีนี้มาดูรูปร่างกันบ้าง สมัยนี้มีให้เลือกเพียบค่ะ ไม่ว่าจะเป็นลักษณะแท่งยักษ์กระชับมือ ที่ใส่รายละเอียดการสั่นไว้ที่ช่วงปลาย ภายในใส่มอเตอร์ช่วยสั่นความแรงสูง หรือจะเป็นแบบเล็กกะทัดรัดหน้าตาไม่ต่างจากดิลโดแต่เพิ่มมอเตอร์เข้าไป หลังๆ มีออกแบบให้เพิ่มพื้นผิวสัมผัสเวลาสอดใส่เข้าไปอีกนิด เพื่อเพิ่มเปอร์เซนต์การสัมผัสจีสปอร์ตให้สาวๆ พุ่งทยายไปถึงจุดสุดยอดได้มากขึ้น

เมื่อก่อนไวเบรเตอร์อาจมีรูปร่างประมารเดียวกันกัญิง มีหลายลักษณะรวมถึงลักษณะแท่งพลาสติก หรือเป็นรูปไข่ใช้สำหรับสำเร็จความใคร่ในผู้หญิงโดยการสอดใส่เข้าไปในช่องคลอด หรือทวารหนัก โดยจะมีการติดตั้งมอเตอร์สั่นเพื่อเพิ่มโอกาสในการถึงจุดสุดยอดในผู้หญิงมากขึ้น ซึ่งราคาก็มีให้เลือกตั้งแต่แบบมินิๆ 400 บาท ถึงหลักพันค่ะ

ไข่สั่น (Egg Vibrators, Bullet Vibrator หรือ Love Egg) ที่เรียกกันหลายชื่อแบบนี้ เพราะมีการสร้างสรรค์รูปร่างให้มีหน้าตาต่างๆ กันไป ที่เห็นกันมากคือคล้ายไข่และกระสุนปืน จะผลิตขึ้นจากวัสดุต่างๆ กัน ไม่ว่าจะเป็นยาง ซิลิโคน โลหะ พลาสติก หรือแก้ว (อาจมีการนำวัสดุมาผสมผสานกัน) จากนั้นอาจหุ้มด้วยวัสดุอ่อนนุ่มยืดหยุ่นได้ เช่น เยลลี หรือซิลิโคน เพื่อให้รู้สึกดีเวลาสัมผัส แถมยังใส่สีสันสะดุดตาสร้างอารมณ์แฟนตาซีเข้าไปอีกด้วย ส่วนขนาดก็มีให้เลือกทั้งแบบสั้นแบบยาว ประมาณ 2-3 นิ้วหรือ 5 นิ้วไปเลยก็มี ส่วนแบบไหนจะเวิร์คที่สุด ขึ้นอยู่กับจริตของแต่ละคนเลยค่ะ

ทีนี้มาดามขอพูดอีดนิด ถึงเทคนิกการสั่นที่หลายคนอาจสงสัยว่าปลอดภัยไหม จะระเบิดกลางคันหรือเปล่า ขอพูดแบบนี้ละกันว่า รูปแบบการควบคุมเซ้กส์ทอยชนิดนี้มีทั้งแบบเชื่อมต่อสายไฟกับตัวควบคุมและแบบที่มีเครื่องควบคุมระยะไกลผ่านระบบคลื่นความถี่ทางวิทยุ (คือแบบมีรีโมตนั่นแหละค่ะ) คุณสามารถควบคุมความแรงและจังหวะการสั่นได้อย่างที่ต้องการ ส่วนราคาอยู่ที่ 500 บาทขึ้นไปค่ะ

ตุ๊กตายาง (Sex Doll) มีการสร้างตุ๊กตามาใช้งานด้านนี้ตั้งแต่คริสต์ศตวรรษที่ 15 แล้วล่ะค่ะ จนมาถึงตอนนี้ก็อายุการสร้างสรรค์นานโข แต่มาฮอตฮิตมากๆ ก็ช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมานี้แหละค่ะ เพราะได้มีการพัฒนาตุ๊กตายางขึ้นหลายแบบ ไม่ว่าจะเป้นเสื้อผ้าหน้าผมมีความเป็นมนุษย์ตัวเป็นๆ มากขึ้น แถมยังส่งเสียงครางได้ ออรัลเซ็กส์ได้ และยังสามารถปรับอุณหภูมิในอวัยวะเพศได้ แถมตอนนี้ยังมีการทำตุ๊กตายางผู้ชายเพื่อให้สาวๆ ได้ใช้งานอีกด้วยนะคะ ซึ่งแน่นอนว่า ราคาอยู่ที่หลักหลายพันขึ้นไปถึงหลักหมื่นเลยก็มีค่ะ

เรื่อง : Madam Hong Hern

ภาพ : https://bitacoramovies.com

มิตรภาพยาวนานตั้งแต่รุ่นแม่ถึงรุ่นลูก “เพลง” กอด “ปันปัน” เติมกำลังใจฝ่ามรสุม

จากข่าวการเสียชีวิตของนักร้องเสียงดี “แหวน – ฐิติมา สุตสุนทร” ทำให้หลายคนได้เห็นน้ำใจและมิตรภาพของเพื่อนศิลปิน ที่ไม่ว่าเวลาผ่านไปนานแค่ไหน แต่ยังรักและมีความห่วงใยซึ่งกันและกัน โดยเฉพาะภาพประทับใจที่ “ตู่ – นันทิดา แก้วบัวสาย” เพื่อนสนิทของ “แหวน – ฐิติมา” เข้าไปสวมกอดปลอบ “ปันปัน – เต็มฟ้า กฤษณายุธ” ลูกสาวคนเก่งของนักร้องผู้ล่วงลับในการซ้อมคอนเสิร์ต “เรามีเรา” เห็นแล้วก็รู้สึกอบอุ่นใจ

“ตู่ – นันทิดา” และ “ปันปัน” เศร้า! น้ำตาแตกขณะซ้อมคอนเสิร์ต “เรามีเรา”

มิตรภาพของคนรุ่นแม่ยังส่งต่อถึงคนรุ่นลูก “เพลง – ชนม์ทิดา อัศวเหม” ลูกสาวของ “ตู่ – นันทิดา” ได้บอกเล่ากับ “แพรวดอทคอม” ระหว่างการถ่ายแบบแฟชั่นให้ “นิตยสารแพรว” ว่า “ปันปัน” คือเพื่อนคนแรกในชีวิตของ “เพลง”  และ “เพลง” ก็เป็นเพื่อนคนแรกในชีวิตของ “ปันปัน”

2 สาวในวัยเด็ก

“คือเราเรียนบัลเลต์ด้วยกันตั้งแต่จำความได้ ด้วยความที่คุณแม่ทั้งสองสนิทและรักกันมาก โชคดีที่แม่รักกันและลูกก็มาเป็นเพื่อนกัน ถ้าถามถึงครั้งแรกที่ได้เจอ ‘ปันปัน’ ‘เพลง’ เองจำไม่ได้ว่าเจอกับ ‘ปันปัน’ ครั้งแรกเมื่อไหร่ แต่เมื่อเร็วๆนี้ ‘ปันปัน’ ได้พูดกับ ‘เพลง’ ว่า ‘พี่เพลง’ เป็นเพื่อนคนแรกในชีวิต ‘ปัน’ เลยนะ ซึ่งพอ ‘เพลง’ มองย้อนกลับไป ‘ปันปัน’ เองก็เป็นเพื่อนคนแรกในชีวิต ‘เพลง’ เหมือนกันนะ”

กับช่วงเวลาที่เพื่อนสูญเสียคนที่รักที่สุดในชีวิตไป อาจจะเคว้ง “เพลง” ได้พูดให้กำลังใจอย่างไรบ้าง เกี่ยวกับเรื่องนี้ “เพลง” บอกว่า “ปันปัน” เป็นคนที่เข้มแข็งอยู่แล้ว แต่ความรู้สึกของเขาตอนนี้คงมีแค่เวลาที่จะช่วยเยียวยาได้

“’เพลง’ ไมได้พูดอะไรกับ ‘ปันปัน’ เยอะ เพียงแต่บอกว่า ‘ปันปัน’ เป็นคนที่เข้มแข็งอยู่แล้ว มีอะไรบอกได้ตลอด เพราะเราอยู่ตรงนี้เสมอ จริงๆเราไม่รู้ว่าความรู้สึกของ ‘ปันปัน’ ในตอนนี้มันมีแค่เวลาที่จะช่วยเยียวยาทุกสิ่งทุกอย่าง แต่ขอให้เขารู้ไว้ว่า ‘ปันปัน’ มีเรา มีครอบครัวของเรา และยังมีคนอีกตั้งเยอะแยะที่เป็นกำลังใจให้คุณ เพราะฉะนั้นเราจะผ่านตรงนี้ไปด้วยกัน”

“เพลง” กอดให้กำลังใจ “ปันปัน”

สุดท้ายในช่วงเวลาที่คุณแม่ “ตู่ – นันทิดา” กับลูกสาวเพื่อนสนิท “ปันปัน – เต็มฟ้า” เผชิญกับการสูญเสียคนที่รัก  “เพลง” ได้ให้กำลังใจกับทั้งสองอย่างไรบ้าง เรื่องนี้ “เพลง” ได้พูดสั้นๆแต่กินใจว่า

“จริงๆแค่กอดค่ะ มันบอกแทนคำทุกอย่าง คงไม่ต้องหาคำพูดใดๆมาพูด ‘เพลง’ ว่าอันนี้คือความรู้สึกที่จริงใจที่สุด”

ดูดวงรายวัน ประจำวันอาทิตย์ที่ 16 กรกฎาคม 2560

ดูดวงรายวัน ประจำวันอาทิตย์ที่ 16 กรกฎาคม 2560 เช็คทุกวัน ทันทุกดวงกับ แพรว ดอทคอม

ผู้ที่เกิดวันอาทิตย์

การงาน :  การทำงานเป็นทีมหรือหมู่คณะจะโดดเด่น หรือจะมีช่องทางในการศึกษาหาความรู้เพิ่มเติม ผู้ใหญ่และเพื่อนร่วมงานให้การสนับสนุน

การเงิน : หมดไปกับการแสวงหาความรู้เพิ่มเติม

ความรัก : วันนี้ไม่มีความสุข เพราะท่านถูกบังคับให้ไปกับคนที่ไม่อยากไปด้วย หรืออยู่กันเพื่อหน้าตาทางสังคม คนโสด ยังโสดๆๆ อยู่นะคะ

สุขภาพ : เวลามีปัญหาท่านชอบเก็บตัวคิดอยู่คนเดียว ระวังจะเป็นโรคซึมเศร้า

 

ผู้ที่เกิดวันจันทร์

การงาน :  ยังไม่ถึงวันจันทร์เลย แต่ท่านต้องเตรียมพร้อมที่จะต้องรับผิดชอบหรือรับความเสี่ยงแล้ว เพราะจะได้รับความไว้วางใจให้ทำงานที่ไม่ธรรมดา แต่ท่านก็เอาอยู่

การเงิน :  หลีกเลี่ยงการเงินที่ไม่สะอาด และได้มาจากการทุจริตผิดกฎหมาย

ความรัก : วันนี้คู่คอยส่งเสริมบารมีและเป็นที่พึ่งของครอบครัวได้ทุกเรื่อง คนโสด เจ้าชู้ มีความรักแบบเผื่อเลือก ควรแต่งงานตอนอายุ 30-40 ขึ้นไป

สุขภาพ : โหมงานหนัก ระวังเจ็บป่วยด้วยโรคเรื้อรัง

 

ผู้ที่เกิดวันอังคาร

การงาน  :  ยังอยู่ในช่วงวันหยุดอยู่ ก็เลยราบรื่นและราบเรียบ ไม่มีอุปสรรคมากนัก ได้รับการสนับสนุนจากผู้ใหญ่ คนใกล้ชิดและคนรัก

การเงิน :  หาลูกน้องและบริวารที่ดีมาเป็นเรี่ยวแรงในการทำธุรกิจ

ความรัก : วันนี้ท่านคบกันเหมือนเพื่อนจะดีกว่า เพราะไม่อย่างนั้นทะเลาะกันน่าดู คนโสด ท่านเอาแต่ใจตัวเองนะคะ อยากทำงานก็ไม่สนใจเรื่องอื่นเลย กว่าจะนิ่งต้องอายุประมาณ 35-40  ดีที่สุด

สุขภาพ : ระวังเอ็นจอยปากจะเป็นโรคอ้วนและคลอเรสเตอรอลสูง

 

ผู้ที่เกิดวันพุธ

การงาน  :  วันหยุดก็จริง แต่หากท่านประสานงานค้างไว้ วันนี้คู่ค้าอาจเปลี่ยนท่าที ระวังโดนหลอกหรือถูกโกงจนหมดเนื้อหมดตัวได้นะคะ

การเงิน   :  ระวังเกิดการทะเลาะกันเรื่องหยิบยืมเงิน

ความรัก : วันนี้หัวใจอ่อนไหวนะคะ แม้ว่าท่านมีครอบครัวแล้ว แต่มีความเป็นไปได้สูงที่อาจหลงใหลได้ปลื้มคนอื่นได้ โดยที่ท่านก็ไม่แคร์ใดๆ เลย คนโสด หนักแน่นนะคะ เตรียมใจไว้หน่อย ท่านอาจถูกคนรักบอกเลิกกลางอากาศ  

สุขภาพ : ระวังเกิดบาดแผลจากของมีคม

 

ผู้ที่เกิดวันพฤหัสบดี

การงาน : ท่านสามารถทำงานได้หลากหลายอาชีพ มีความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ที่ดี จึงเหมาะกับการทำธุรกิจส่วนตัว เช่น ค้าขาย อุตสาหกรรม เกษตรกรรม

การเงิน : มีโชคอย่างเหลือเชื่อ จับอะไรก็เป็นเงินเป็นทอง

ความรัก : วันนี้อาจต้องมีการปรับทัศนคติเข้าหากันนิดหนึ่ง เพื่อวันข้างหน้าที่ดีขึ้น คนโสด ท่านรักแท้ รักเดียว เพราะฉะนั้นใครมาวันนี้ห้ามไก่กา

สุขภาพ :  ดูแลสุขภาพบ้างนะคะ เพราะหากล้มเจ็บอาการหนักเลยทีเดียว

 

ผู้ที่เกิดวันศุกร์

การงาน  : วันนี้ท่านจะต้องเข้าไปเกี่ยวพันกับงานที่ผิดกฎหมาย และอบายมุขต่างๆ ควรหลีกเลี่ยง เพราะหากถลำลึกจะส่งผลร้ายแรงต่อชีวิต

การเงิน :  ไม่มีลาภลอยนะคะ วันนี้ไม่ต้องเสี่ยงดวง

ความรัก : วันนี้ท่านเป็นแฟมิลี่แมน ไม่ออกไปสังสรรค์กับเพื่อนฝูง อยู่กับครอบครัวดีกว่า  คนโสด รักจัง แต่แค่แป๊บเดียวท่านก็เบื่อ แล้วก็แยกย้าย

สุขภาพ  :  ระวังวันนี้จะได้รับอุบัติเหตุจากของมีคมและความร้อน

 

ผู้ที่เกิดวันเสาร์

การงาน : ท่านจะอาสาไปทำงานที่เสี่ยงภัย อันตราย และความรับผิดชอบอย่างสูง ควรระวังเรื่องการทรยศหักหลังไว้บ้าง เพราะมีดวงขึ้นๆ ลงๆ และมีอุปสรรคขวากหนาม

การเงิน : เก็บเงินไม่อยู่นะคะวันนี้

ความรัก :  วันนี้ท่านมาสายเพย์ เพื่อผูกใจหรืองอนง้ออะไรสักอย่าง คู่ท่านก็ชอบเลย คนโสด ขี้หึงค่ะ เน้นมีแฟนไว้เชิดหน้าชูตา

สุขภาพ :  งดการดื่มแอลกอฮอลล์ ชา กาแฟ

 

ไม่ต้องไปไกลถึง “มาเก๊า” พาชิมอาหารสไตล์แมกานีสใจกลางเมือง @DEAN&DELUCA

หากคิดถึงประเทศมาเก๊า เชื่อว่าหลายคนต้องนึกถึงอาหารเป็นดับแรก (ไม่นับคาซิโนนะจ๊ะ ฮ่าๆ) ไม่ว่าจะเป็นทาร์ตไข่ ชื่อดัง ที่ใครไม่ต้องห้ามพลาด หรือจะเป็นข้าวหน้าเป็ด ข้าวหมูแดง ร้านดัง ที่คนต่อคิวกันแน่นพรึบ รวมถึงอาหารคาวหวานอีกมากมายหลายชนิดที่กินจนพุงกาง มากแค่ไหนก็บ่ยั่น มาเก๊าจึงเป็นประเทศที่คนไทยนิยมไป เพราะเดินทางง่าย ค่าครองชีพไม่แพงมาก แต่จะให้ไปบ่อยๆ ก็อาจจะเป็นโรคทรัพย์จางได้นะยู

แล้วจะไปไกลถึงมาเก๊าทำไม ในเมื่อ Dean & Deluca เขามีแคมเปญสุดพิเศษที่ร่วมมือกับการท่องเที่ยวมาเก๊า รังสรรค์เมนูซีรีส์อาหารแมกานีส (Macanese) สุดพิเศษสูตรต้นตำหรับจากมาเก๊า คัดเฉพาะเมนูอาหารซิกเนเจอร์ ที่เกิดจากการผสมผสานระหว่างวัฒนธรรมอาหารโปรตุเกสและจีน มาให้ชาวไทยได้ลิ้มลองกันแล้วจ้า โดยเมนูอาหาร นั้นมีทั้งหมด 2 ซีรีส์ ซึ่งซีรีส์แรกจะเสิร์ฟ ในช่วงเดือนกรกฎาคม-ตุลาคม 2560 จะมีเมนูทั้งหมด 5 เมนู ประกอบด้วยอาหารจานหลัก ขนมหวาน เครื่องดื่ม และไวน์รสเลิศ

เมนูเรียกน้ำย่อยเมนูแรกคือ ซุปกาลโด้แวรเด้ (Caldo Verde Soup) ซุปไก่ใส่มันฝรั่งบดละเอียด ตามด้วยคะน้าซอย และไส้กรอกโปรตุเกสชนิดเค็ม เมนูนี้เหมาะมากสำหรับคนชอบซุป ตัวซุปมีความเข้มข้น รสชาติดี ที่สำคัญทานแล้วไม่เลี่ยนมากนัก ปูทางไปเมนูถัดไปได้ดีมาก

ซุปกาลโด้ แวรเด้ ราคา 120 บาท

ต่อด้วยเมนูที่สอง บัคคาเลา อา บราซ (Bacalhau a braz) มันฝรั่งเส้นทอดกรอบ ทานกับปลาค้อดเค็มผัดหอมใหญ่ ผักชีฝรั่ง มะกอกดำและไข่กวน รสชาติอาจจะแปลกซักหน่อย แต่ก็ยังสามารถทานได้เรื่อยๆ แนะนำควรบีบน้ำเลม่อน และเคล้าส่วนผสมให้เข้ากัน จะแก้เลี่ยนได้ดีมาก

บัคคาเลา อา บราซ ราคา 195 บาท

เมนูถัดมาในส่วนของอาหารจานหลักในซีรีย์นี้จะมีด้วยกันสองเมนู คือ แมกานีสแอฟฟริกัน ชิคเก้น (Macanese African Chicken) ไก่ย่างแอฟฟริกันหมักซอสถั่วเหลืองรสเข้มข้น ราดด้วยซอสสูตรพิเศษใส่เนยถั่ว มะพร้าวคั่ว พริก เสิร์ฟพร้อมข้าวสวยและผักดอง จานนี้ตัวซอสที่ทำจากเนยถั่วเข้มข้นมาก แอบได้กลิ่นมะพร้าวหอมคั่วด้วยเล็กน้อย รสชาติไม่เผ็ดมากนัก

แมกานีส แอฟฟริกัน ชิคเก้น ราคา 240 บาท

จานหลักเมนูที่สองคือ แมกานีส แทมารินด์ พอร์ค วิธ บาลิเชา (Macanese Tamarind Pork With Balichao) หมูสามชั้นเคี่ยวในซอสกะปิ น้ำมะขาม ไวน์ขาวและ ซอสถั่วเหลืองสูตรพิเศษ เสิร์ฟพร้อมข้าวสวยและพริกสด ใครกลัวอ้วนต้องแอบคิดหนักนิดนึง เพราะหมูสามชั้นเนื้อแน่นมาก รสชาติของน้ำซอสก็ซึมเข้าหมูได้อย่างดีเยี่ยม

แมกานีส แทมารินด์ พอร์ค วิธ บาลิเชา ราคา 240 บาท

ปิดท้ายซีรีส์แรกด้วยของหวานที่เราชอบมาก คือ เซอร์ราดูร่า (Serradura) ขนมหวานทำจากครีมและนมข้นหวาน สลับชั้นด้วยผงบิสกิต รสชาติหวานมัน แต่ไม่หวานเจี๊ยบนะ ตัวครีมนุ่มมาก เหมาะสำหรับทานคู่กับชาหรือกาแฟ

เซอร์ราดูร่า ราคา 75 บาท *ให้บริการทุกสาขา ยกเว้น สาขาสนามบินสุวรรณภูมิ
น้องฉัตร

เปิดคัมภีร์เตรียมคิ้วก่อนแต่งหน้า และสเต็ปเขียนคิ้วขั้นเทพของ ‘น้องฉัตร’ ช่างแต่งหน้าฝีแปรงมหัศจรรย์

Alternative Textaccount_circle
น้องฉัตร
น้องฉัตร

เป็นที่ทราบกันดีว่าหนึ่งในขั้นตอนการแต่งหน้าที่ผู้หญิงมักให้ความสำคัญเป็นพิเศษ นั่นก็คือการเขียนคิ้ว เพราะวลีที่ว่า ‘เพราะคิ้วคือมงกุฎของหน้า’ นั้นยังคงใช้ได้จริงในยุคปัจจุบัน ดังนั้น น้องฉัตร-ฉัตรชัย เพียงอภิชาติ’ เมคอัพอาร์ทิสต์ชื่อดัง จึงได้แนะนำเทคนิคการเขียนคิ้ว และแบ่งลักษณะของคิ้วออกเป็น 4 แบบ พร้อมแนะนำวิธีการเตรียมคิ้วก่อนแต่งหน้าไว้ ดังนี้

เริ่มจากคนที่มีขนคิ้วน้อย ผู้หญิงที่มีขนคิ้วน้อยคิ้วจะดูจางกว่าคนปกติ จึงควรกันคิ้วให้ได้รูปเพื่อทำให้เห็นแนวคิ้วชัดเจนยิ่งขึ้น เหมือนเป็นการตีกรอบพื้นที่คิ้วให้เด่นขึ้นมา คิ้วไม่เป็นทรง เกิดจากการที่ขนคิ้วขึ้นย้อนทิศทางไปมา หรือขึ้นเป็นทิศทางวน ทำให้คิ้วดูยุ่งเหยิงรุงรัง และเขียนตกแต่งได้ยาก เบื้องต้นควรกันคิ้วให้ได้รูปก่อน จากนั้นให้ใช้กรรไกรซอยขนคิ้วออก เพื่อเป็นการกำจัดขนคิ้วที่ขึ้นไม่เป็นแนวออกไป ทำให้คิ้วดูบางลงและเป็นระเบียบมากขึ้น แบบถัดมาคือหางคิ้วตก สังเกตง่ายๆ คือปลายหางคิ้วต่ำกว่าตำแหน่งของคิ้ว แนวคิ้วลาดเทออกทางด้านข้างของใบหน้า ทำให้หน้าดูเศร้า สามารถแก้ได้โดยการโกนคิ้วบริเวณที่เริ่มทำองศาตกไปจนถึงหางคิ้วออก แล้วเขียนเติมหางคิ้วขึ้นใหม่ก็จะทำให้หน้าดูไม่เศร้า และแบบสุดท้ายคือคนที่มีคิ้วแหว่ง ซึ่งอาจเกิดจากแผลเป็นหรือเคยคิ้วแตก ทำให้คิ้วมีรอยโหว่ตรงบริเวณผิวหนังที่ขนคิ้วไม่สามารถขึ้นมาได้ การเตรียมขึ้นคิ้วจึงจำเป็นต้องแต้มผิวหนังตรงรอยโหว่ด้วยดินสอเขียนคิ้ว และปัดด้วยแปลงเกลียวเพื่อให้กลมกลืนดูเป็นธรรมชาติ ก่อนเริ่มขั้นตอนการเขียนคิ้วต่อไป

ส่วนเคล็ดลับการเขียนคิ้วตามแบบฉบับของตนเอง ‘เวลาเขียนคิ้วเราจะคำนึงถึงโครงหน้าและสีผมเป็นหลัก เพราะการเขียนที่ถูกวิธีรับกับโครงหน้าจะทำให้ใบหน้าดูเด็กขึ้น ส่วนผู้หญิงที่มีการทำสีผม เราก็จะใส่ใจการเลือกสีคิ้วให้เป็นพิเศษ เพราะถ้าสีผมไปทาง สีคิ้วไปทาง ก็จะดูหลอกตาจนเกินไป ส่วนเวลาเขียนคิ้ว เราจะใช้ดินสอเขียนโครงคร่าวๆ ก่อน จึงค่อยใช้ที่เขียนคิ้วแบบฝุ่นมาปัดให้เต็มคิ้ว แล้วตามด้วยการปัดมาสคาร่าคิ้วเพื่อให้คิ้วดูเรียงเส้นสวยเป็นระเบียบมากขึ้น แต่ถ้าใครที่เป็นมือใหม่หัดเขียนคิ้วอาจจะลองหาพวกสติ๊กเกอร์แปะทรงคิ้วมาใช้ก่อน เพราะจะเขียนง่ายกว่า แล้วก็เร็วด้วย ลองเลือกทรงคิ้วที่เหมาะกับตัวเอง แล้ววาดตามทรงเพื่อเป็นการฝึกมือให้ชิน ไม่ยากเลย ก็จะมีคิ้วสวยอย่างที่ต้องการแล้ว’

และสำหรับขั้นตอนการเขียนคิ้วให้สวยคมตามสไตล์น้องฉัตรนั้น ควรเริ่มจากการกันคิ้ว ซึ่งรูปคิ้วที่ได้มาตรฐานนั้น คือหัวคิ้วที่ใหญ่และไล่เรียงขนาดที่เล็กลงไปจนถึงหางคิ้ว ซึ่งจุดสิ้นสุดของหางคิ้วควรอยู่บนแนวเส้นที่ลากจากปลายจมูกผ่านหางตาขึ้นไป

ขั้นตอนถัดมาคือการถอนคิ้ว หลังจากการกันคิ้วไปสักระยะ อาจมีขนคิ้วขึ้นในบริเวณที่เกินออกมาจากเส้นคิ้วที่กันไว้ ฉะนั้นก่อนการแต่งหน้าจึงควรกันละถอนคิ้วทุกครั้ง ซึ่งเวลาถอนให้ใช้นิ้วมือดึงผิวให้ตึงเนื้อคิ้วขึ้นไปทางขมับ

ถัดมาคือการปัดคิ้ว เมื่อคิ้วได้รูปตามความเหมาะสมของโครงหน้าแล้ว ให้ใช้แปลงเกลียวปัดคิ้วไปตามแนวเส้นขน เพื่อให้คิ้วเป็นระเบียบและเป็นการไล่ฝุ่นแป้งที่เกาะอยู่บนคิ้ว

ต่อมาการเขียนคิ้ว ใช้ดินสอเขียนคิ้วสีน้ำตาลเข้มจุดไว้ที่ส่วนสูงสูดของคิ้ว แล้วลากลงไปบริเวณหางคิ้วความยาวตามลักษณะคิ้วมาตรฐาน

จากนั้นเข้าสู่ขั้นตอนการใช้พู่กัน ด้วยการแตะฝุ่นอายแชโดว์สีเดียวกับดินสอเขียนคิ้วด้วยพู่กันปลายกระจายขนาดเล็ก แล้วทาลงบริเวณหัวคิ้วไล่ไปตามรูปคิ้ว จนทับรอยดินสอทั้งหมดที่เขียนไว้ถึงปลายคิ้ว

หลังจากนั้นใช้แปลงเกลียวปัดเบาๆ เพื่อให้อายแชโดว์กับดินสอเขียนคิ้วเข้าเนื้อกันมากขึ้น เพราะจะได้ไม่ทำให้คิ้วดูแข็งจนเกินไป หรืออาจใช้มาสคาร่าแบบใสปัดทับอีกทีก็ได้ ซึ่งสีคิ้วที่สวยบริเวณหัวคิ้วจะต้องมีสีอ่อนกว่าหางคิ้ว เพียงเท่านี้สาวๆ ก็สามารถมีคิ้วที่สวยเป๊ะปังกันได้แล้วละค่ะ

ที่มาและภาพ : Instagram @Nongchat

ในโลกนี้ไม่มีอีกแล้ว ‘ในหลวงรัชกาลที่ 9’ พระมหากษัตริย์ผู้ทรงงานตลอด 24 ชั่วโมง

ในหนึ่งวันทุกคนมีเวลาเท่ากัน 24 ชั่วโมง คุณเองเคยนั่งคิดไตร่ตรองกับเวลาที่ได้มาหรือไม่ว่าหมดไปกับการทำอะไรบ้าง?…

บางคนอาจหลงลืม มองผ่าน ใช้เวลาให้หมดไปวันๆ 24 ชั่วโมงที่มีอยู่เท่ากันจึงได้อะไรบ้าง ไม่ได้บ้าง เช่นเดียวกับพระมหากษัตริย์ผู้ทรงทำทุกอย่างเพื่อประชาชนอย่างพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช พระองค์ทรงมีเวลาเท่ากับทุกคน คือ 24 ชั่วโมง แต่ด้วยความรับผิดชอบใหญ่หลวงที่จะต้องบำบัดทุกข์บำรุงสุขประชาชนในประเทศ แม้แต่วินาทีเดียวพระองค์ก็ไม่สามารถละเลยไปได้

ย้อนกลับไปเมื่อปี พ.ศ. 2503 พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชเสด็จพระราชดำเนินไปทรงเยือนสหรัฐอเมริกา ขณะนั้นนักข่าวหนังสือพิมพ์ของอเมริกาได้กราบบังคมทูลถามถึง “หน้าที่ของพระเจ้าแผ่นดินของพระองค์เป็นอย่างไร” พระองค์พระราชทานสัมภาษณ์ไว้ว่า

“ตำแหน่งพระเจ้าแผ่นดินในปัจจุบันไม่ได้มีหน้าที่บริหารประเทศ ต้องมีฝ่ายบริหารทำให้งานการทุกอย่างของชาติดำเนินไปได้ด้วยดี ต่างคนต่างมีหน้าที่ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าทำแต่เฉพาะหน้าที่นั้น เพราะถ้าคนใดทำหน้าที่เฉพาะของตัวโดยไม่มองไม่แลคนอื่น งานก็ดำเนินไปไม่ได้ เพราะเหตุว่างานทุกอย่างจะต้องพาดพิงกัน จะต้องเกี่ยวโยงกัน ฉะนั้นแต่ละคนจะต้องมีความรู้ถึงงานของผู้อื่นและช่วยกันทำ”

คำตอบที่พระองค์พระราชทานในวันนั้นเรียบง่าย และไม่ยากที่จะทำให้เราทุกคนเข้าใจ ตลอดเวลาที่ผ่านมา 70 ปีที่พระองค์ทรงครองราชย์ พระองค์ไม่ใช่แค่ตรัสอย่างเดียว แต่ทรงปฏิบัติมาโดยตลอดเวลา ทรงเป็นพระมหากษัตริย์ที่ทรงงานหนักมากที่สุดในโลก แม้ในยามทรงพระประชวรก็ยังทรงงาน ดังนั้นจึงกล่าวได้ว่าเวลาทั้งหมดของพระองค์ที่ทรงมีเท่ากับประชาชนคนทั่วไป พระองค์ไม่เคยละเลยในการทำหน้าที่เลยแม้แต่วินาทีเดียว อีกทั้งยังเคยมีรับสั่งกับบรรดาบุคคลที่ถวายงานรับใช้ใต้เบื้องพระยุคลบาทในโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริต่างๆ อยู่เสมอว่า…

“ความทุกข์ของประชาชนนั้น รอไม่ได้”

ในหลวงรัชกาลที่ 9 กับรัฐธรรมนูญในช่วงปัจฉิมแห่งรัชกาล

รัฐธรรมนูญ “ฉบับประชาชน” ถูกประกาศใช้ในวันที่ 11 ตุลาคม พ.ศ. 2540 นับเป็นฉบับที่ 16 ตั้งแต่มีการเปลี่ยนแปลงการปกครองโดยคณะราษฎรเมื่อ พ.ศ. 2475 เป็นต้นมา ทําให้ประเทศไทยได้ชื่อว่ามีรัฐธรรมนูญมากที่สุดประเทศหนึ่ง

เมื่อรัฐบาล พล.อ.ชวลิตจําต้องลาออกไปเมื่อต้นเดือนพฤศจิกายน พ.ศ. 2540 อันเนื่องมาจากผลของภาวะวิกฤติเศรษฐกิจ “ต้มยํากุ้ง” รัฐบาลจึงเปลี่ยนขั้วมาเป็นพรรคประชาธิปัตย์ นําโดยนายชวน หลีกภัย กลับมาเป็นนายกรัฐมนตรีอีกครั้งหนึ่ง ได้บริหารงานต่อจนครบวาระ และได้จัดให้มีการเลือกตั้งเมื่อต้นเดือนมกราคม พ.ศ. 2544 พรรคไทยรักไทย นําโดยนายทักษิณ ชินวัตร ได้เป็นผู้นําในการจัดตั้งรัฐบาล และสามารถบริหารประเทศจนครบวาระ 4 ปี รัฐบาลได้จัดให้มีการเลือกตั้งขึ้นเมื่อต้นเดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ. 2549 และนายทักษิณได้กลับมาดํารงตําแหน่งอีกวาระหนึ่ง ท่ามกลางเสียงขับไล่จากผู้ชุมนุมประท้วง เพราะรัฐบาลมีความเป็นเผด็จการทางรัฐสภา และความไม่โปร่งใสในการทํางานได้ปรากฏมากขึ้น โดยกลุ่มประท้วงได้มีการกล่าวถึงมาตรา 7 ตามรัฐธรรมนูญฉบับประชาชน พ.ศ. 2540 เรียกร้องขอ “นายกฯพระราชทาน” ซึ่งพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชได้มีพระราชดํารัสในโอกาสที่พระราชทานพระบรมราชวโรกาสให้ประธานศาลปกครองสูงสุด (นายอักขราทร จุฬารัตน) นําตุลาการศาลปกครองสูงสุดเฝ้าฯถวายสัตย์ปฏิญาณก่อนเข้ารับตําแหน่งหน้าที่ ณ พระตําหนักเปี่ยมสุข วังไกลกังวล เมื่อวันอังคารที่ 25 เมษายน พ.ศ. 2549 ความตอนหนึ่งว่า

“ถ้าไม่มีสภาผู้แทนราษฎร ไม่มีทางจะปกครองแบบประชาธิปไตย ของเรามีศาลหลายชนิดมากมาย และมีสภาหลายแบบ และทุกแบบจะต้องเข้ากัน ปรองดองกัน และคิดทางที่จะแก้ไขได้ ที่พูดอย่างนี้ค่อนข้างจะประหลาดหน่อย ที่ขอร้องอย่างนี้ ไม่อย่างนั้นเดี๋ยวเขาก็บอกว่าต้องมาตรา 7 มาตรา 7 ของรัฐธรรมนูญ ซึ่งขอยืนยันว่ามาตรา 7 นั้นไม่ได้หมายถึงให้มอบให้พระมหากษัตริย์มีอํานาจที่จะทําอะไรตามชอบใจ ไม่ใช่ มาตรา 7 นั้นพูดถึงการปกครองแบบมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข ไม่ได้บอกว่าให้พระมหากษัตริย์ตัดสิน ทําได้ทุกอย่าง ถ้าทํา เขาจะนึกว่าพระมหากษัตริย์ทําเกินหน้าที่ ซึ่งข้าพเจ้าไม่เคยพูด ไม่เคยทําเกินหน้าที่ ถ้าทําเกินหน้าที่ก็ไม่ใช่ประชาธิปไตย อ้างถึงก่อนนี้ เมื่อรัฐบาลของอาจารย์สัญญา ธรรมศักดิ์ ตอนนั้นไม่มีทําเกินอํานาจของพระมหากษัตริย์ ตอนนั้นมีสภา สภามีอยู่ มีประธานสภา รองประธานสภามีอยู่ ทําหน้าที่ และมีนายกฯที่สนองพระบรมราชโองการได้ตามรัฐธรรมนูญ
 
“…นายกฯพระราชทานหมายความว่า ตั้งนายกฯโดยไม่มีกฎเกณฑ์อะไรเลย ตอนนั้นมีกฎเกณฑ์ เมื่อครั้งอาจารย์สัญญาได้รับตั้งเป็นนายกฯ เป็นนายกฯที่มีผู้รับสนองพระบรมราชโองการ คือ รองประธานสภานิติบัญญัติ อันนั้นไปทบทวนประวัติศาสตร์หน่อย ท่านก็เป็นผู้ใหญ่ ท่านก็ทราบว่ามีกฎเกณฑ์ที่รองรับ แล้วก็งานอื่นๆก็มี แม้จะที่เรียกว่าที่สภาสนามม้า เขาหัวเราะกัน สภาสนามม้า แต่ไม่ผิดกฎหมาย เพราะว่านายกรัฐมนตรีเป็นผู้รับสนองฯ นายกรัฐมนตรี อาจารย์สัญญา ธรรมศักดิ์ ได้รับสนองพระบรมราชโองการ ก็สบายใจว่าทําอะไรแบบถูกต้องตามครรลองของรัฐธรรมนูญ
 
“แต่ครั้งนี้ก็จะให้ทําอะไรผิดรัฐธรรมนูญ ใครเป็นคนบอกก็ไม่ทราบนะ แต่ว่าเขาจะให้ทํา ฉะนั้นขอให้ช่วยปฏิบัติอะไร คิดอะไรไม่ให้ผิดกฎเกณฑ์ของรัฐธรรมนูญ จะทําให้บ้านเมืองผ่านพ้นสิ่งที่เป็นอุปสรรคและมีความเจริญรุ่งเรืองต่อไป…”
อ่านต่อหน้า 2
keyboard_arrow_up