12 แฟชั่น Baby Bump สไตล์ “เนย – โชติกา” เปล่งประกายความเป็นแม่ให้สุดกันไปเลย

เนย – โชติกา วงศ์วิลาศ นางร้ายหน้าหวานขวัญใจสาวๆหลายคน หลังจากที่เธอแต่งงานไปกับหนุ่มไฮโซอาร์มแล้ว นอกจากความรักของทั้งคู่จะราบรื่น ตอนนี้ก็มีเจ้าตัวน้อยในท้องเพิ่มมาเป็นสมาชิกในบ้านอีกหนึ่งคน ซึ่งตอนนี้คุณแม่เนยตั้งท้องได้ประมาณ 23 สัปดาห์แล้ว

ก่อนหน้านี้เราจะเห็นภาพสาวเนยออกกำลังกายบ่อยมาก และช่วงที่กำลังมีน้องก็ไม่ต่างกันเลย แต่สิ่งที่ต่างออกไปดูจะเป็นแฟชั่นของคุณแม่ซะมากกว่า เพราะไม่เห็นสาวเนยหยิบกางเกงมาใส่ให้ได้เห็นกันเลย จะเห็นก็แต่ชุดเดรสหลายสไตล์

เนย – โชติกาเลือกเดรสมาสวมใส่ในช่วงกำลังตั้งท้องบ่อยสุดๆ ทำให้ตอนนี้แฟชั่นของเธอดูเด่นไม่แพ้ท้องสุดกลมกลึงเลย หรือจะเป็นเพราะท้องกลมๆเลยทำให้แฟชั่นของสาวเนยสวยขึ้น เอาเป็นว่าสาวแพรวดอทคอมช่วยมาดูกันดีกว่าว่าลุคไหนที่คุณแม่เนยแต่งแล้วออกมาเลิศสุดๆ

วันนี้แพรวดอทคอมจะขอเลือกที่ตัวเองชอบล้วนๆ ฮาๆๆๆ บอกเลยว่าเลือกนานมากกกก แต่สุดท้ายก็เจอ 12 ลุคโดนใจ คิดว่าสาวแพรวดอทคอมที่กำลังอุ้มท้องอยู่หรือไม่ได้อุ้มท้องก็สามารถแต่งตามได้มาฝากกันจ้า

 

เนย – โชติกา วงศ์วิลาศ

ลุคแรกสาวเนยเลือกเดรสสีดำพอดีตัวสวมทับด้วยแจ็กเก็ตยีนส์ ทำให้ลุคดูเท่และเด็กไปในตัว ถือว่าแมตช์ลุคง่ายๆได้ออกมาสวยจริงๆ


 

อื้อหือออ ถึงกับตาลุกวาว เป็นการโชว์บอดี้ที่กำลังตั้งท้องได้สวยมากกกก  แต่สัดส่วนอื่นๆยังเฟิร์ม แน่นเปรี๊ยะเลยจ้า รูปนี้สาวเนยได้โพสต์ข้อความว่า ชอบหุ่นตัวเองตอนนี้จัง มีความสุขทุกๆวันที่ส่องกระจก ความรู้สึกมันดี๊ดี โตเร็วๆนะลูก แม่แฮ็ปปี้ ลงบนไอจีส่วนตัวด้วย


d

อีกลุคกับแจ็กเก็ตยีนส์ รอบนี้เป็นเดรสสายเดี่ยวสีเทาที่ทำให้เห็นท้องกลมๆได้ชัดสุดๆ และสาวเนยเพิ่มความสบายๆให้กับลุคด้วยรองเท้าผ้าใบ


f

เดรสฟรุ้งฟริ้งสายหวานก็มาจ้า ลุคนี้สาวเนยเลือกเดรสลูกไม้สีขาว ให้ความรู้สึกพลิ้วเบา ปรับลุคให้เด็กลงด้วยผมทรงดังโงะและเมคอัพโทนอ่อนๆ เป็นลุคคุณแม่ที่น่ารักดีเนอะ


f

เดรสตัวยาวสีชมพูอมม่วง ให้ความเรียบร้อยในแบบคุณแม่มากกกก แต่ก็แอบเซ็กซี่ด้วยการดึงลงมาโชว์ผิวสวยๆ และช่วงท้องก็มีความนูนออกมาเล็กๆ ยิ่งทำให้การใส่เดรสตัวนี้เติมเต็มขึ้น เป็นเดรสที่ไม่ต้องอุ้มท้องก็ใส่สวยนะ ใส่ไปเที่ยว ใส่เดินเล่นก็ดูชิล ผ่อนคลายดี 


d

มินิเดรสก็ใส่ได้ สาวๆที่กำลังกังวลเรื่องการแต่งตัวขณะท้องกำลังโต ดูสาวเนยไว้เลย เพราะการใส่เดรสสั้นที่ดีไซน์น่ารัก ส่งให้ลุคดูเด็กลง ส่วนเรื่องความเหมาะสมก็ผ่านด้วยโทนสีและดีเทลที่กำลังดี


d

เดรสเรียบๆก็มีนะ ทั้งสีและดีไซน์ดูสุภาพเรียบร้อย แต่แฝงไปด้วยความโก้ เป็นลุคที่สาวๆใส่ไปทำงานก็ได้ หรือจะใส่คลุมท้องแบบสาวเนยก็เริ่ดดด


d

มาในโหมดคุณแม่นักธุรกิจกันบ้าง ลุคนี้ให้ความเป็นเวิร์คกิ้งวูแมน แต่ในขณะเดียวกันถ้าสังเกตดีๆ ความป่องของท้องที่ออกมาหน่อยๆ ก็ทำให้รู้เลยว่าสาวเนยกำลังจะเป็นคุณแม่


d

เดรสยาวแขนกุดลายขวาง ชุดนี้เห็นท้องสาวเนยได้ชัดอยู่นะ บอกเลยว่ายิ่งท้องโตใส่เดรสแบบนี้ยิ่งสวย มันให้ฟีลลิ่งของการเติมเต็มได้จริงๆ ชอบสไตล์แบบนี้มาก


ต่อมากับเดรสยาวอีกแล้วววว ตัวนี้มองผิวเผินก็ดูไม่ออกเลยว่ากำลังใส่คลุมท้องอยู่ นี่คงเป็นข้อดีที่มีรูปร่างเป๊ะ เพราะถ้าไม่ได้แต่งตัวเน้นสัดส่วนมาก ก็ดูไม่ออกจริงๆว่ากำลังอุ้มท้องเจ้าตัวน้อยอยู่


f

ถ่ายจากด้านข้างยิ่งเห็นได้ชัดว่าตอนนี้ท้องโตแล้ว เดรสสายเดี่ยวยาวที่เผยให้เห็นหน้าท้องกลมๆ นี่แหละที่คุณแม่ทั้งหลายต้องมี เพราะใส่แล้วให้ความรู้สึกอบอุ่น ออร่าความเป็นแม่พุ่งมากกก


d

ลุคสุดท้ายมีความคล้ายลุคแรก แต่เปลี่ยนจากเดรสพอดีตัวมาเป็นเดรสลูกไม้สีดำที่ให้ความเซ็กซี่นิดๆ เพิ่มความเก๋ด้วยแว่นกันแดด เป็นอีกลุคที่ไม่ต้องท้องป่องก็ใส่ได้สวยๆ


dd

สาวเนยเป็นอีกคนที่ทำให้รู้ว่าท้องแล้วไม่จำเป็นต้องแต่งตัวด้วยชุดคลุมท้องที่จะทำให้เราดูแก่ขึ้นก็ได้ แค่เลือกเดรสสวยๆ ดีไซน์สบายๆ มีความโอเวอร์ไซส์หน่อยๆ หรือจะเป็นแบบรัดรูปโชว์ความกลมของท้องไปเลยก็เก๋ หวังว่าสาวๆที่กำลังจะเป็นคุณแม่หรือชอบใส่เดรสอยู่แล้ว คงถูกใจกันนะจ๊ะ

 

 

เรื่อง : Hana (ฮานะ)

ภาพ : IG@noeychotika

 

 

คุณแม่หุ่นแซ่บ

อวดทรวดทรงองค์เอว 12 อันดับคุณแม่ดูแลตัวเองเริ่ดเว่อร์ มีลูกแล้วแต่หุ่นเป๊ะไม่เคยเปลี่ยน!!

Alternative Textaccount_circle
คุณแม่หุ่นแซ่บ
คุณแม่หุ่นแซ่บ
ลบภาพเดิมๆ ไปเลยค่ะ เดี๋ยวนี้เป็นคุณแม่ไม่จำเป็นต้องอ้วนเผละ ลงพุง ไขมันเกาะต้นขากันแล้วนะคะ อีกอย่างคุณแม่สมัยนี้ก็เป็นเวิร์คกิ้งสบายๆ ทำงานไปด้วยเลี้ยงลูกไปด้วย สวยๆ ไม่ใช่ปัญหา ดูอย่างคนดังที่กลายเป็นคุณแม่ทั้ง 12 คน ที่ แพรวดอทคอม จัดอันดับให้เป็น คุณแม่หุ่นแซ่บ เซี๊ยะ เปรี๊ยะระเบิด แค่เห็นรูปร่างคงไม่ต้องบอกว่าต้องดูแลตัวเองขนาดไหนถึงรักษาหุ่นได้เหมือนคนไม่เคยท้อง แถมยังดูสวยสตรองขึ้นอีกด้วย

 

อันดับ 1 : พลอย – ชิดจันทร์ รุจิพรรณ

เป็นคุณแม่ลูก 4 แล้ว แต่ไม่เคยเห็นสาวพลอย อ้วน บวม อืดเลยสักนิด เพราะสาวพลอยขยันออกกำลังกาย หากใครตามอินสตาแกรมจะเห็นว่าสาวพลอยมีกิจกรรมกลางแจ้งกับลูกเสมอๆ แถมยังมีวินัยฟิตหุ่นให้เฟิร์มตลอดด้วย นี่แหละเคล็ดไม่ลับที่คุณแม่ลูกดกควรตั้งใจ มีวินัยในการดูแลรูปร่าง จะได้หุ่นตึงเปรี้ยะเหมือนสาวพลอยค่ะ


อันดับ 2 : เจน – เจนสุดา ปานโต

เป็นทั้งนักแสดง นางแบบ และดีไซเนอร์ จึงจำเป็นมากๆ ที่ต้องรักษาหุ่นให้เซ็กซี่อยู่เสมอ เห็นแต่บะชุดที่คุณแม่เจนออกแบบแล้วอยากบอกด้วยหุ่นต้องเพอร์เฟคมากระดับนึงเชียวล่ะ ดูอย่างแม่เจนสิ เพิ่งคลอดไม่นานก็กลับมาใส่ชุดบิกินีอวดหุ่นสุดซี้ดซะแล้ว


อันดับ 3 : ลิเดีย – ศรัณย์รัชต์ วิสุทธิธาดา

โอ้ย ลิเดียถือเป็นคุณแม่สายสตรองที่แท้ทรู ตัวเล็กนิดเดียวตลอดกาล นี่ถ้าไม่เห็นภาพลูกน้อยต้องคิดว่าไม่เคยอุ้มท้องมาก่อนแน่นอน ที่สำคัญลิเดียยังฟิตหุ่นเสมอจนมีกล้ามเนื้อหน้าท้องที่ขนาดคนไม่มีลูกยังอิจฉา บอกเลยว่าถ้าอยากหุ่นแซ่บแบบนี้ไม่ต้องทำบุญด้วยอะไร แค่ตั้งใจออกกำลังกายก็พอ


อันดับ 4 : โอปอล์ – ปาณิสรา อารยะสกุล

แม่โอบอาจจะไม่มีภาพบิกินี่สุดเซ็กซี่มาให้ชม แต่เรื่องทรวดทรงองค์เอว ขอบอกไม่เป็นสองรองคุณแม่คนไหนๆ แน่นอน ตั้งแต่ก่อนท้องจนหลังคลอดถ้าสังเกตุให้ดี แม่โอปจะมีหุ่นที่ดูเซ็กส์แอพพีลมากในสายตาอิชั้น ไม่ว่าจะไปเจอตามงานไหนๆ หุ่นดี เอวคอด ก้นเด้ง ไม่เคยเปลี่ยน แบบนี้สินะ ที่เรียกว่ารักษามาตรฐานหุ่นได้เยี่ยม


อันดับ 5 : พอลล่า เทเลอร์

นี่ก็คุณแม่ลูกสองแล้วนะคะ แต่พอลล่าก็ยังหุ่นดี สดใส ร่าเริง และยังดูเด็กเสมอ เคล็ดลับของสาวพอลล่าก็ไม่มีอะไรมาก แค่ดูแลเจ้าตัวเล็ก วิ่งตาม ทำโน่นทำนี่ทั้งวัน ก็ถือเป็นการเผาผลาญแคลอรี่แล้ว ที่สำคัญพอลล่าไม่เคยอดอาหาร แต่เน้นเลือกกินผักผลไม้ อาหารประเภทนึ่ง และแน่นอนว่ากิจกรรมยามว่างส่วนใหญ่ของดารามักชอบออกกกำลังกาย ซึ่งพอลล่าก็เช่นกัน


อันดับ 6 : ซินดี้ –  สิรินยา วินศิริ 

นางแบบรุ่นใหญ่ลูกสอง แต่หุ่นแซ่บไม่เคยเปลี่ยน เห็นผอมมากขนาดนี้ ดูดีๆ มีกล้ามเนื้อหน้าท้องไว้อวดให้สาวๆ อิจฉาเล่นด้วยนะจ้ะ ถือเป็นตัวอย่างที่ไม่ใช่แค่ผอมแห้งแรงน้อย แต่ต้องดูสวยสตองสุขภาพดีด้วย


อันดับ 7 : ลูกเกด – เมทินี กิ่งโพยม

แม่ก็คือแม่นะจ้ะ คุณแม่ลูกเกดของน้องสกายลูกชายสุดหล่อ หุ่นเฟิร์มไม่มีเปลี่ยนเช่นกัน นอกจากเป็นคุณแม่ชีวิตจริง ในจอก็มีลูกๆ จากรายการ The Face Thailand เพียบ จึงไม่แปลกที่แม่จะดูแลหุ่นให้ สวย เริ่ด เป็นแบบอย่างแก่ลูกๆ ที่สำคัญแม่ลูกเกดจะขยันออกกำลังกายตอนเช้าเสมอ เน้นทานผักผลไม้ฉบับนางแบบพิมนิยม และดื่มน้ำเปล่าเยอะๆ


อันดับ 8 : กระแต – ศุภักษร เรืองสมบูรณ์

นี่คือตัวอย่างของคุณแม่ที่มีลูกแล้วก็แซ่บได้ไม่มีพัก กระแต คุณแม่สุดเซ็กซี่ของน้องเจ้าขา เป็นคุณแม่ที่ฮอตปรอทแตก เรียกได้อวบเฉพาะส่วนโดยเฉพาะหน้าอกหน้าใจ แต่เรือนร่างนี่เพียว แซ่บเว่อร์ ในชุดบิกินี่สุดร้อนแรง ไม่เหมือนคนเคยท้องมาก่อนเลยแม่คุณเอ้ย อยากจะขอเคล็ดลับจริงๆ ว่าทำยังไงถึงเปรี๊ยะขนาดนี้

ต่อหน้า 2

เห็นผีตั้งแต่เด็ก! “เอ้ – ชุติมา” หนีเข้าพิธีปิดเนตรเหตุถูกวิญญาณตาม

เห็นสวยแซ่บอย่างนี้ บางคนอาจยังไม่รู้ว่านักแสดงและอดีตนางสาวไทยปี พ.ศ.2530 “เอ้ – ชุติมา นัยนา” เธอมีซิกซ์เซ้นส์ในเรื่องการเห็นผีหรือวิญญาณมาตั้งแต่เด็ก โดยเธอได้เปิดเผยผ่านรายการ “คุยเช้าShow” ทางช่อง one 31 ว่าเธอมีสัมผัสที่ 6 หรือซิกซ์เซ้นส์นี้ถูกถ่ายทอดมาตั้งแต่รุ่นคุณยาย จึงทำให้เธอเห็นวิญญาณและมีหลายตนที่ตามมาขอส่วนบุญเกือบทุกที่ จนกลัวว่าคนจะหาว่าบ้า เลยเข้าพิธีปิดเนตร ซึ่งปัจจุบันก็ทำให้เธอไม่ค่อยเห็นสิ่งลี้ลับแล้ว

“จริงๆมีคนรู้เยอะนะเรื่องพี่เห็นผี คนในวงการรู้เยอะมาก พี่มีซิกซ์เซ้นส์มาตั้งแต่เด็กแล้ว ตั้งแต่รุ่นคุณยาย ตกทอดมาเป็นคุณแม่ แล้วมาเป็นพี่ แรกๆพี่ไม่ได้รู้เรื่องอะไรตั้งแต่เด็ก เห็นวิญญาณครั้งแรกสักประมาณ 5 – 6 ขวบ สิ่งแรกที่เห็นครั้งแรกคือนางไม้ค่ะ เป็นผู้หญิงแต่งชุดไทยอยู่ตรงต้นไม้ ต้นมะขาม ซึ่งต้นมะขามมันต้นใหญ่มากค่ะ แล้วช่วง 6 โมงเย็นเราชอบไปนั่งชิงช้าแถวนั้น เราเดินไปก็จะเห็นผู้หญิงคนนึงยืนตรงใต้ต้นไม้นั้น เราก็มองว่าเขาแต่งตัวประหลาดดี ผมยาวสวยมาก ยืนนิ่งๆ เราก็สวัสดี คุยกับเขา แล้วเขาก็หายไปต่อหน้าต่อตา ซึ่งตอนนั้นเรายังไม่เข้าใจเลยคำว่าผีหรือวิญญาณ แล้วก็มาถามคุณแม่ว่าทำไมคนถึงหายตัวได้ คุณแม่ก็บอกว่านั่นคือโลกของวิญญาณ คุณแม่จึงให้สวดมนต์เยอะๆ แบ่งส่วนบุญ เพราะบ้านเราจะเป็นตระกูลแบบนี้อยู่แล้ว เขาจะมาขอส่วนบุญตลอด”

“เอ้ – ชุติมา นัยนา”

เมื่อถามว่ารู้สึกกลัวไหม อดีตนางงามปฏิเสธว่าไม่กลัว พร้อมเผยลักษณะของวิญญาณที่ได้เห็นกับตา

คือคนเขาจะเป็นคนใช่ไหม แต่ผีเนี่ยเขาจะนิ่งๆ แล้วตาจะไม่มีแววตาอะไรเลยค่ะ อย่างเวลาเราเจอโค้งร้อยศพ แล้วเรานั่งในรถ เราก็ไม่อยากเห็น ก็จะมีคนมาโบกรถเยอะเลย เขาเรียกว่าตัวตายตัวแทน เพิ่งรู้ว่าตัวเองตายก็มี หรือไม่รู้ว่าตัวเองตายก็มี เหมือนกับว่าเป็นผีตายโหง เพิ่งรู้ว่าตัวเองตายเมื่อวาน แล้วไม่รู้ว่าวิญญาณออกจากร่างไปแล้ว แต่ว่าเขาไม่เคยมาในรูปแบบหัวขาด ตัวขาด ไส้ไหลให้พี่เห็นนะคะ ส่วนใหญ่ที่มาเหมือนมาขอส่วนบุญ ตอนเช้าก็ต้องไปทำบุญตักบาตรให้ จริงๆพี่ไม่ได้อยากเห็น แต่ว่าเขาจะมาให้เห็นเองในที่ที่ตายเยอะ อย่างวิญญาณสัมภเวสีที่เร่ร่อน ไม่ได้เกิด เหมือนมันมีพลังวิญญาณ แต่บางที่ถ้ามันไม่ใช่ ไม่มีก็ไม่มีค่ะ แต่บางทีพี่ก็กลัวนะว่าคนจะหาว่าเราบ้า”

จากนั้นเมื่อถูกถามว่านอกจากเห็นดวงวิญญาณแล้ว “เอ้” ยังมีร่างทรงพระแม่อุมาอยู่ในร่างด้วยจริงหรือไม่ เรื่องนี้อดีตนางงามยืนยันหนักแน่นว่าเป็นเรื่องจริง

“จริงๆ เป็นคนที่มีองค์โดยที่ไม่รู้ตัว ตอนที่เกิด คุณแม่จะเห็นผู้หญิงใส่ส่าหรีสีชมพู แล้วก็ให้ตั้งชื่อพี่ตามนั้น คุณแม่ก็ไม่รู้จักหรอกว่าสิ่งที่เห็นคืออะไร จริงๆ นั่นคือพระแม่อุมา ชุดสีชมพูสวยมาก พี่ได้ชื่อจริงว่า อุมาพร แปลว่า พรพระแม่อุมา ชื่อพี่สูงมากนะ แปลว่า ดอกบัว พี่เลยเปลี่ยนชื่อเป็นชุติมา เพราะไม่อย่างนั้นต้องสวดมนต์ทุกวัน พี่จะตัดผมไม่ได้ ถ้าตัดแล้วไข้จะขึ้น ซึ่งจริงๆ เรื่องนี้มีคนเจอแบบเอ้เยอะมาก แล้วมันเป็นความเชื่อที่ต้องใช้วิจารณญาณนะ”

เมื่อถูกถามว่าเจอดวงวิญญาณจนถึงขั้นต้องปิดเนตรหนีจริงหรือไม่ เกี่ยวกับเรื่องนี้ดาราสาวกล่าวด้วยเสียงสูงสุดๆว่า เยอะมากจนต้องให้พระอาจารย์มาทำพิธีปิดเนตรให้เลยทีเดียว

“คือมันเยอะมาก แล้วรู้สึกเหนื่อย ก็เลยต้องปิดเนตร เลยไปหาพระอาจารย์ให้ปิดเนตรให้หนูเถอะ พระอาจารย์ก็บอกให้เรารับปากว่า ถ้าปิดเนตรแล้วจะต้องช่วยคนบนถนน คือจะต้องเจออุบัติเหตุบ่อยมาก แล้วเราจะต้องช่วยเขา ซึ่งอย่างนี้มันดีที่เราได้ช่วยเหลือคน ก็ช่วยเขารอดตายมาประมาณ 20 – 30 คนแล้วนะคะ และล่าสุดพี่ไปสระบุรี ไปสวดมนต์ แล้วไม่รู้เป็นอะไร เจอรถประสานงากันดังปัง แล้วล้อรถมันลอยมาชนรถคันอื่นหมดเลย พวกเราในรถเห็นก็ก้มลงหมอบ มีคนบอกว่าพอถึงคันเราก็เหมือนมีคนมาจับแล้วเอาวางไว้หน้ารถเรา แล้วรถคันนั้นที่โดน น้องในรถก็คางกระแทกกับคอนโซลรถ กรามฉีก แล้วเลือดก็ไหลออกมาเยอะมาก พี่ก็ไปช่วย ถ้าเขามาขอความช่วยเหลือแล้วเราไม่ช่วยนั่นคือพี่จะบอกว่าโลกวิญญาณกับโลกมนุษย์มันคนละโลกกับเรา เขาจะทำอะไรเราไม่ได้ ถ้าเราไม่ได้ไปทำอะไรเขาก่อน เราไม่ได้ไปฆ่าเขาก่อนตาย หรือไม่ได้ไปทำให้เขาเสียชีวิต เขาจะไม่มาทำอะไรเรา แต่ถ้าเราไปฆ่าเขา เขาก็จะตามติดเราตลอดชีวิต มันเป็นโลกวิญญาณกับโลกมนุษย์ เขามาแตะพี่ไม่ได้ แต่เขามาขอได้ มานั่งร้องไห้เล่าให้เราฟังได้ว่าตายเพราะอะไร อย่างนี้ได้”

“พีเค ธัญญ่า และเต๋อ” ล้อมวงฟังเรื่องลี้ลับจาก “พี่เอ้”

“อย่างน้องคนนึงโดนรถชน มอเตอร์ไซค์มาชนอัดกับเสาไฟฟ้าแล้วสมองไหล แล้วมีน้องในร้านพี่มันก็ไม่ค่อยกลัวอะไรเนอะ เขาก็เอารองเท้ามาช่วยเขี่ยๆ สมอง พี่เลยบอก ไอ้ตัวเล็กอย่าทำอย่างนี้นะ เขาห้ามเอาเท้าเก็บศพ ทำแบบนี้ไม่ได้นะ เราต้องเก็บชิ้นส่วนให้ครบ แล้วให้ญาติเขาเอาไปทำบุญนะ แล้วชิ้นส่วนพวกนั้น เลือดมันก็ติดเท้าน้องคนนั้นมา แล้วน้องมันก็เดินเข้าออฟฟิศพี่น่ะค่ะ ผีก็เลยเข้าบ้านพี่ได้ พี่ต้องนิมนต์พระ 9 รูปมาทำบุญร้าน แล้วตอนนั้นพวกเราเจอผีหมดทุกคนตอนตี 3 วิ่งออกจากร้านแทบไม่ทัน เพราะเขามานั่งอยู่ชั้น 2 เห็นกันยกร้านเลย มันเกิดจากไอ้น้องตัวเล็กเนี่ยไม่มีมารยาท ไปเหยียบสมอง เหยียบเลือดเขาแล้วเอาเข้าบ้านเรา ชิ้นส่วนสมองมันติดรองเท้าเข้ามาในบ้าน เขาเลยเข้ามานั่งชั้น 2 ร้านเราได้”

สุดท้าย “เอ้ – ชุติมา” ยังได้เปิดเผยว่าการช่วยคนจากวิญญาณเธอไม่เคยเก็บเงินสักบาท เพราะเข้าใจว่าคนที่โดนวิญญาณตามเขาจะรู้สึกอย่างไร และเขาเหล่านั้นจิตตกมากขนาดไหน!

เปิดใจในรายการ “คุยเช้าShow” ทางช่อง one31
หม่อมเจ้าการวิก

ใต้ร่มฉัตร เปิดเรื่องราวชีวประวัติ หม่อมเจ้าการวิก….ยุทธการกระโดดร่มเข้าเมืองไทย (ตอนที่27)

หม่อมเจ้าการวิก
หม่อมเจ้าการวิก

หม่อมเจ้าการวิก เสี่ยงชีวิตกระโดดร่มเข้าเมืองไทย

หม่อมเจ้าการวิก และคณะเพื่อนทหารเสรีไทยที่ฝึกซ้อมการกระโดดร่มนั้น ผ่านไปด้วยดี โดยคณะทหารเสรีไทยสายอังกฤษสองคณะแรกที่เข้ามาเมืองไทยแล้ว ได้ติดต่อกับคณะเสรีไทยในเมืองไทย ซึ่งมีผู้นำคือ นายปรีดี  พนมยงค์ ที่ใช้นามแฝงในการปฏิบัติการว่า รู้ธ 

ผมขอย้อนไปถึงเรื่องการกระโดดร่มเข้าเมืองไทยของกลุ่มช้างเผือกสองคณะแรก คือ คณะแอพพริเอชั่น 1 โดยป๋วย ประทาน และเปรม กระโดดร่มเข้าไทยเมื่อวันที่ 16 มีนาคม พ.ศ.2487 (ที่ชัยนาท) และคณะแอพพริเอชั่น 2 โดยสำราญ ธนา และรจิต กระโดดเมื่อวันที่ 3 เมษายน (ที่นครสวรรค์) และกลุ่มคนจีน 4 คนที่พูดไทยได้ คือ กลุ่ม ‘แดง’ ขึ้นบกโดยเครื่องบินทะเลใกล้อำเภอท้ายเหมือง จังหวัดพังงา ตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ และกลุ่ม‘แดง’ อีกสี่คนกระโดดร่มลงที่นครปฐม คืนเดียวกับคณะของป๋วย ทั้งสี่คณะหายเงียบไปไม่มีการติดต่อกลับยังกองกำลัง 136 และหน่วย ISLD ก็แทงสูญสวัสดิ์กับจุ๊นเคงไป

หลังจากเดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ.2487 เช่นกัน (มาทราบภายหลังว่า คณะ ‘แดง’ ที่กระโดดร่มลงที่นครปฐม คืนเดียวกับคณะป๋วย คนหนึ่งถูกฆ่า คนหนึ่งหนีไปได้ อีกสองคนถูกจับ)

ปรีดี พนมมยงค์ หัวหน้าเสรีไทยในประเทศ ใช้รหัสชื่อว่า รู้ธ

ในช่วงที่คณะทั้งสองหายเงียบไปนั้น ทางอังกฤษเข้าใจว่าคงถูกจับตัวไป และคิดว่าคงกลับใจไปเข้ากับญี่ปุ่นแล้ว จึงคิดจะไปทิ้งระเบิดเมืองไทยให้ราบในโอกาสต่อไป และเก็บคณะช้างเผือกที่เหลืออีกราวสิบกว่าคนไว้ทำประโยชน์อื่น ไม่คิดจะส่งเข้ามาไทยอีก อรุณบอกว่า

“ผมเชื่อว่าทั้งหมดโดยเฉพาะพวกเราทั้งแปดคน ไม่มีทางกลับใจทรยศต่ออุดมการณ์อย่างแน่นอน และอยากขอให้ส่งคนไปสืบดูให้แน่ได้ไหม”

“ไม่มีคนจะส่งเข้าไปอีกแล้ว หากส่งเข้าไปก็หายอีก คงไม่เกิดประโยชน์อะไร ถ้าอยากไปก็ไปคนเดียว เอาไหม”

อรุณจึงรับอาสาและขอคนไปด้วย ทางกองกำลัง 136 จึงจัดคนให้อีกสองคน เป็นพวกกะเหรี่ยง ทำหน้าที่ผู้ช่วยและพนักงานวิทยุ ทั้งสามคนได้กระโดดร่มลงในรัฐฉาน (SHAN STATE) ใกล้ชายแดนไทย ต่อมาได้ส่งกำแหงเข้าไปช่วยอีกคนหนึ่ง แต่ไม่ได้ข่าวคราวจากพวกของป๋วยเลย จากนั้นทั้งหมดได้รับคำสั่งให้ไปติดต่อกับจำกัด พลางกูร ที่เมืองจีน เพื่อหาทางเข้าไปช่วยกันทำงานในเมืองไทย กว่าจะเดินทางไปถึงอย่างลำบากก็ได้รับข่าวว่าคุณจำกัดเสียชีวิตแล้ว ทางอังกฤษจึงสั่งให้เดินทางกลับอินเดีย รวมเวลาที่อรุณปฏิบัติหน้าที่นานราว 8 เดือน

ต่อมาในเดือนมิถุนายน พ.ศ.2487 เสรีไทยในเดลีแจ้งว่า กรมโฆษณาการไทยออกข่าวว่า พลร่ม 6 คน ถูกจับขังที่กรมตำรวจ ในเดือนต่อมาก็มีข่าวเพิ่มเติมว่า ญี่ปุ่นได้สอบปากคำพลร่มทั้งหกแล้ว ทำให้พวกเราตกใจกับข่าวร้ายนี้มาก ความลับของพวกเราคงแตกแล้ว ต่อไปนี้ญี่ปุ่นคงพร้อมที่จะจัดการกับเสรีไทยรุ่นต่อๆไป ปู่จุดเองก็ตกใจเพราะเขารักเรามาก เขากลุ้มใจว่าความผิดพลาดของเขาเองทำให้ทั้งหกต้องประสบกับชะตากรรมที่ร้ายแรง

ผมคิดว่า เมื่อพิจารณากันอย่างเป็นธรรมแล้ว จะไปกล่าวโทษว่าเป็นความผิดของเขาไม่ได้ ถ้าเป็นพวกเราก็คงไม่มีแผนการใดที่ดีกว่านี้ พวกเรายอมรับว่าการส่งป่วยเข้าเมืองไทยเป็นคนแรกนี้เป็นการหวังผลอย่างเลิศ เนื่องจากเขาเป็นผู้ที่มีความเหมาะสมที่สุดที่จะเข้าไปติดต่อกับนายปรีดี ซึ่งเป็นหัวหน้าขบวนการเสรีไทยในประเทศ เพราะนายปรีดีรู้จักป๋วยในฐานะศิษย์เก่าธรรมศาสตร์บัณฑิตรุ่นแรก และเมื่อตอนที่เขาสอบไล่ได้ปริญญาตรีเศรษฐศาสตร์เกียรตินิยมอันดับหนึ่งที่มหาวิทยาลัยลอนดอน ท่านได้ส่งโทรเลขมาแสดงความยินดีด้วย ทั้งในฐานะผู้ประศาสน์การมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และฐานะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ต้นสังกัดและเจ้าของทุนที่ส่งป๋วยมาเรียน ฉะนั้น คงจะได้รับความไว้วางใจและความเชื่อถือดีกว่าส่งคนที่ไม่เป็นที่รู้จักของนายปรีดีหรือผู้นำขบวนการคนอื่นๆมา ซึ่งอาจเกิดความสงสัยในเจตนารมณ์ของฝ่ายสัมพันธมิตรอันทำให้ต้องเจรจากันยืดเยื้อ

พวกเราทุกคนยอมรับว่าป๋วยเป็นเสมือนเสนาธิการของเสรีไทยสายอังกฤษ มีความเสียสละเพื่อส่วนรวม จิตใจเข้มแข็งและสุขุม ทางการอังกฤษก็เป็นเช่นเดียวกับพวกเรา หากเขาเป็นอะไรไปพวกเราคงเสียใจและเสียดายมากที่ต้องสูญเสียคนที่มีความสามารถเช่นนี้ รวมทั้งเพื่อนๆทั้งห้าคนด้วย

หม่อมเจ้าการวิก ทรงชุดฝึกออกเดินป่า

แต่นับว่าโชคของพวกเรายังดี เมื่อถึงราวกลางเดือนกรกฎาคม ตัวแทนของกองกำลัง 136 ในคุนหมิงส่งวิทยุแจ้งว่า สายลับของหน่วยสืบราชการลับในประเทศไทยได้นำหนังสือ (เขียนเป็นรหัสลับ) จากป๋วยออกมาส่งให้ทางเครื่องบิน ซึ่งสายลับคนนี้ได้รับมาจากตำรวจที่อยู่ในขบวนการต่อต้านญี่ปุ่น นับเป็นข่าวที่สร้างความยินดีให้ทุกคนยิ่ง ที่ทราบว่าป๋วยยังปลอดภัยและมีตำรวจไทยอยู่ในขบวนการลับด้วย

ในจดหมายของป๋วยนั้นแจ้งว่า คณะแอพพริเอชั่นทั้งสองคณะถูกปล่อยลงใกล้หมู่บ้านและถูกจับเพราะตำรวจภูธรและชาวบ้านเชื่อตามรัฐบาลว่าพลร่มเป็นแนวที่ 5 ถือว่าเป็นศัตรูที่ต้องเป็นคนจิตใจโหดเหี้ยม แต่เมื่อทางตำรวจนครบาล สันติบาล และนายตำรวจชั้นผู้ใหญ่เห็นท่าทางสุภาพอ่อนโยนของทั้งหกแล้วก็แสดงไมตรีจิตให้ความคุ้มครอง และบอกว่าเขาติดต่อกับขบวนการในประเทศได้แล้ว ทราบว่ามีกำลังมากพอใช้ ยังไม่ได้ถูกญี่ปุ่นสอบสวน และญี่ปุ่นกำลังระแวงมากพร้อมนัดเวลาให้กองกำลัง 136 ติดต่อทางวิทยุ ในที่สุดการติดต่อก็เป็นผลสำเร็จ

เรื่องการติดต่อทางหน่วยวิทยุนี้ ทุกคนไม่ว่าทหารไทยหรือฝรั่งล้วนถูกฝึกให้รับส่งวิทยุเป็น ผมเป็นคนที่แย่มากในเรื่องนี้ จนครูออกปากว่าทีหลังไม่ต้องส่งมาอีก แต่ในที่สุดก็ผ่านมาจนได้ เวลาทำงานของหน่วยวิทยุนี้จะผลัดเวรกันมาทำอย่างต่อเนื่องตลอดเวลา 23 ชั่วโมง 50 นาที หยุดพักเครื่อง 10 นาที ถ้าผมจำไม่ผิด ครั้งแรกที่ป๋วยส่งสัญญาณมานั้น ผมเป็นคนได้รับอย่างบังเอิญ ถอดรหัสออกมาเป็นอักษรย่อว่า A.C.P. เป็นรหัสประจำตัวของพันโท พอยน์ตัน และ B.N.G. เป็นรหัสของป๋วย ทีแรกที่ได้สัญญาณ ผมไม่แน่ใจจึงรีบไปบอกคนอื่นๆมาช่วยฟัง ปรากฏว่าใช่จริงๆ

จากนั้นก็มีการติดต่อ โดยทราบภายหลังว่า นายตำรวจคนหนึ่งพาประทานเล็ดลอดออกมาส่งวิทยุ และพาป๋วยไปพบกับนายปรีดี ซึ่งท่านบอกว่า รัฐมนตรีหลายคนในคณะรัฐบาลชุดใหม่ นำโดยนายควงอภัยวงศ์ ที่ขึ้นมามีอำนาจแทนรัฐบาลจอมพลแปลก พิบูลสงคราม ที่ลาออกไปเมื่อปลายเดือนกรกฎาคม พ.ศ.2487 เพราะแพ้โหวตในสภาฯเกี่ยวกับร่างพระราชกำหนดจัดสร้างพุทธบุรีมณฑล และระเบียบบริหารนครบาลเพชรบูรณ์นั้น อยู่ในขบวนการเสรีไทยในประเทศด้วย

ปู่จุดพอใจกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นมาก เพราะเป็นเรื่องที่ไม่น่าเชื่อว่าจะเกิดขึ้นกับผู้สำเร็จราชการแทนองค์พระประมุขของประเทศ ที่เป็นมิตรกับญี่ปุ่นจะติดต่อกับกองกำลังพิเศษของประเทศคู่สงคราม ซึ่งทางกระทรวงต่างประเทศอังกฤษไม่เชื่อ กลับมีคำสั่งให้ส่งนายทหารมือดีแห่งหน่วยสืบราชการลับเดินทางมาอินเดียเพื่อสืบเรื่องราวให้แน่ชัด โดยเชื่อว่าข่าวคราวที่ส่งมาจากประเทศไทยเป็นข่าวที่ญี่ปุ่นสั่งให้ส่งมา จนกระทั่งพิสูจน์ได้ว่าข้อความที่ส่งมานั้นเป็นการติดต่อจากขบวนการในประเทศโดยตรง (ภายหลังทั้งอังกฤษและสหรัฐอเมริกาได้ใช้ฉายา “รู้ธ” (RUTH) เป็นรหัสของนายปรีดี พนมยงค์ หัวหน้าใหญ่ขบวนการเสรีไทยในประเทศในการติดต่อ

นัยว่าเป็นสมญาที่แผลงจาก ‘TRUTH’ด้วยเห็นว่าเรื่องที่ผู้สำเร็จราชการเป็นหัวหน้าขบวนการลับเป็นเรื่องจริง)

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

เกิดเป็นลูก “ตู่ – นันทิดา” ไม่ง่าย! “เพลง” ยืนด้วยตัวเอง แบกชื่อเสียงแม่ค้ำคอ เปลี่ยนเสียงวิจารณ์เป็นแรงผลักดัน

ถ้าพูดถึงต้นกล้าเกรดเอของวงการบันเทิง คงจะตกหล่นชื่อของเธอคนนี้ไม่ได้เลย สำหรับ “เพลง – ชนม์ทิดา อัศวเหม” ลูกสาวคนเก่งของ “เอ๋ – ชนม์สวัสดิ์ อัศวเหม” และ “ตู่ – นันทิดา แก้วบัวสาย” นักร้องคุณภาพที่ไม่เคยตกยุคตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน

แม้ว่าจะเป็นเจเนอเรชั่น 2 แต่ความสามารถของ “เพลง” โดดเด่นไม่แพ้คุณแม่ ไม่ว่าจะเป็นเสียงร้องหรือการแสดง สาวคนนี้ก็ทำได้อย่างดีเยี่ยม จนเรียกได้ว่าจะอยู่ในร่มเงาหรือนอกร่มเงา ความสามารถของเธอก็สามารถพิสูจน์ให้เห็น ล่าสุด “แพรวดอทคอม” ได้มีโอกาสเจอกับเธอในการถ่ายแฟชั่น “นิตยสารแพรว ฉบับเดือนสิงหาคม” งานนี้จึงไม่พลาดที่จะพูดคุยถึงโอกาสพิเศษวันแม่แห่งชาติ 12 ส.ค. 60 เธอเตรียมที่จะทำอะไรพิเศษๆกับคุณแม่ของเธอกันบ้าง

ถ่ายแฟชั่น “นิตยสารแพรว ฉบับเดือนสิงหาคม”

วันแม่ปีนี้แพลนไว้ว่าจะทำอะไรกับคุณแม่บ้าง?
“วันแม่ขอแค่หาเวลาให้ได้ก่อนดีกว่า เพราะ 1 – 2 เดือนนี้ ทั้ง ‘เพลง’ และคุณแม่ต่างคนต่างยุ่งเรื่องงาน คิดว่าเดือนนี้น่าจะมีวันว่างแค่ 1 วันเท่านั้น ก็คิดว่าคงใช้เวลาอยู่กับคุณแม่อย่างเต็มที่ค่ะ”

ตอนแด็กๆเคยถูกคุณแม่ตีไหม?
“ครั้งเดียวค่ะ คุณแม่ตีด้วยหวี ซึ่งคุณแม่ไม่ใช้หวีนั้นอีกเลย และเก็บไว้ตลอด เพราะเป็นครั้งเดียวในชีวิตที่คุณแม่ตี ตอนนั้นน่าจะอยู่อนุบาลหรือประถมนี่แหละค่ะ สาเหตุอาจจะเป็นเพราะยังเด็ก งอแง พูดไม่รู้เรื่อง หลังจากนั้นไม่มีการทำโทษอีก จะเป็นการพูดคุยมากกว่า อธิบายด้วยเหตุผล”

คุณแม่จะอารมณ์ดีที่สุดเวลาเราทำอะไรให้?

น่าจะแสดงความรัก อ้อน บอกรัก I love you. หรือกอดนี่แหละค่ะ

ภาพอบอุ่นของผู้หญิงทั้ง 3 “คุณยาย – แม่ตู่ – น้องเพลง”
ครอบครัวร่วมยินดี “เพลง” เรียนจบ แถมยังคว้าเกียรตินิยมอันดับ 1 มาให้ทุกๆคนได้ชื่นใจ

เห็นว่าเพิ่งเรียนจบ มีโครงการจะต่อปริญญาโทเลยหรือเปล่า?
“กำลังเตรียมตัวสอบค่ะ คิดไว้ว่าจะเรียนอสังหาริมทรัพย์ที่อังกฤษ เพราะเรียนแค่ปีเดียว คุณพ่อคุณแม่ก็ไม่อยากให้ไปนาน จริงๆคุณแม่อยากตามไปด้วย แต่ติดงาน เราก็ปลอบคุณแม่ว่าแป๊บเดียวก็กลับแล้ว
“ซึ่งก่อนหน้านี้ตอน ‘เพลง’ ไปเรียนซัมเมอร์ที่นิวยอร์ก แม่บอกว่าจะบินตามไป ตอนนั้นอายุ 18 ‘เพลง’ บอกแม่ว่า ถ้าแม่บินมา แสดงว่าแม่ไม่เคารพการตัดสินใจของ ‘เพลง’ เพราะ ‘เพลง’ อยากรู้ว่าสามารถอยู่ด้วยตัวเองได้ไหม ถึงแม้จะเป็นระยะเวลาสั้นๆ แต่เป็นครั้งแรกที่เพลงห่างจากคุณแม่ คือที่ผ่านมาตั้งแต่เด็กจนถึงปัจจุบันไม่เคยไปนอนค้างบ้านเพื่อนเลย ถ้าไม่นับไปต่างจังหวัด ดึกแค่ไหนต้องกลับบ้าน ดังนั้นการไปนิวยอร์กครั้งนั้นเป็นครั้งแรกที่เราห่างกันจริงๆ”

โชว์ความสามารถหลากหลายด้านในวงการบันเทิง

ดูเหมือนจะเป็นคนที่ทำทุกๆอย่างได้ดี ทั้งเรื่องเรียนและเรื่องงานในวงการบันเทิง?
“เพลงว่าไม่มีใครเพอร์เฟ็คท์ บนโลกนี้มันมีอะไรที่ทำให้เราท้าทายตลอดอยู่แล้ว เรื่องเรียน เรื่องทำงาน”

รู้สึกยังไงกับความคาดหวังของทุกคนที่มีต่อ “เพลง” ว่าต้องเก่งเหมือนคุณแม่?
หลายคนคาดหวังว่า ‘เพลง’ ต้องร้องเพลงเก่งเหมือนคุณแม่ ซึ่งเราก็พยายามเปลี่ยนตรงนั้นเป็นแรงผลักดันดีกว่า อย่าเอาไปกดดันตัวเอง แต่เอาไปเป็นแรงผลักดัน จริงๆอีกอย่างหนึ่งที่รู้สึกว่าไม่แฟร์นิดนึง คือไม่ว่างานอะไรที่ ‘เพลง’ ได้ทำ หลายๆคนอาจจะคิดว่าเพราะเราเป็นลูก ‘ตู่ – นันทิดา’ ไง เลยได้โอกาสนี้มาง่ายๆ ซึ่งหลายๆคนจะไม่รู้เลยว่างานทุกงานที่ ‘เพลง’ ได้นั้น ผ่านการแคสติ้งเหมือนทุกๆคนเลย ละครทุกเรื่อง ภาพยนตร์ทุกเรื่อง ละครเวทีทุกเรื่อง เดินเข้าไปต่อแถวแคสติ้งเหมือนกับทุกคนนั่นแหละ ยิ่งเราเป็นลูกแม่ มันทำให้เราถูกคาดหวังสองทางด้วย คือไม่ใช่ว่าต้องทำให้ได้ดี แต่ต้องลบคำสบประมาทว่าเราได้งานนี้มาเพราะแม่”

ทุกครั้งที่ไปแคสติ้งบท คุณแม่ไปให้กำลังใจไหม?

แม่ไม่เคยไปเลยค่ะ เพลงแค่บอกคุณแม่ว่าวันนี้ไปแคสติ้งอันนี้นะ แม่ก็จะอวยพรทุกครั้งก่อนออกจากบ้าน แล้วปล่อยให้ลูกไปเอง ไม่ก้าวก่าย จะปล่อยให้ลูกไปด้วยตัวเอง

ความสุขของแม่ลูกนักร้อง

 

มุมมองความรักของ “เพลง” เป็นอย่างไร?
“ความรักอยู่บนพื้นฐานของความเข้าใจ เพราะถ้ามีความเข้าใจ ความเห็นแก่ตัวมันก็น้อยลงไป แล้วความต้องการเราน้อยลง เพราะฉะนั้นไม่ว่าจะเจออุปสรรคหรืออะไรก็ตาม จะข้ามผ่านมันไปได้ และก็คุยกัน”

หนุ่มในอุดมคติของ “เพลง” เป็นแบบไหน?
“ถ้าให้บอกลักษณะชัดเจน ไม่มีนะคะ แต่ว่าเพลงชอบคนที่มีความคิด มีความเข้าใจ รักครอบครัว จบแค่นั้นพอ ส่วนคุณแม่ก็แบบเดียวกันค่ะ เพราะแม่จะพูดตลอดว่า รักลูกของแม่ ต้องรักแม่ด้วย ถ้าสังเกตเวลาคุณแม่พูดถึงหนุ่มๆจะพูดคำนี้ตลอด ส่วนตอนนี้ไม่มีเวลาเลย ขอโฟกัสเรื่องเรียนกับเรื่องทำงานก่อนค่ะ”

สวย เก่ง มีเสน่ห์

สุดท้ายกับเรื่องที่หลายคนอยากรู้ คือ คุณแม่หวงไหม หากเราจะมีแฟน?
“หวงและห่วง แต่คงไม่ถึงขนาดไม่มีคนเข้ามาจีบ เพราะสุดท้ายแล้วคุณพ่อคุณแม่เข้าใจ คุณแม่เป็นคนเปิดมาก เพราะฉะนั้นมีเรื่องอะไรคุณแม่รู้หมด ถ้าสมมติมีใครเข้ามาหรือคุยกับใคร เพลงบอกคุณแม่ตลอดอยู่แล้ว คือที่ผ่านมาก็มีคนที่คุณแม่ไม่ให้ผ่าน แต่สุดท้ายท่านก็จะเคารพการตัดสินใจของเรา และอยู่กับเราบนพื้นฐานความเข้าใจ เพราะคุณแม่วาดกรอบให้อยู่แล้ว ตราบใดที่เรายังวิ่งอยู่ในกรอบ ทุกอย่างโอเค แต่ถ้าเราหลุดกรอบเมื่อไหร่ คุณแม่จะตบกลับมา ซึ่งเพลงไม่เคยหลุดออกนอกกรอบแน่นอน”

ได้ฟังสัมภาษณ์แล้วอดอมยิ้มในความใกล้ชิดของแม่ลูกคู่นี้ไม่ได้ แถมยังได้รู้ว่าศิลปินเสียงคุณภาพอย่าง “ตู่ – นันทิดา” ยังเป็นคุณแม่ที่วัยรุ่นมากๆ เหมาะกับเด็กไทยในยุค 4.0 จริงๆ

แฟชั่นแม่ลูก

ภาพจาก @plengasavahame

“สี่แผ่นดิน” ปี 60 กรองทุกความรู้สึกเพื่อคนไทย เข้าใจ “แม่พลอย” มากกว่าเดิม

เปิดม่านทำการแสดงรอบกาล่าไปเมื่อวันที่ 8 ส.ค. ที่ผ่านมาแล้ว สำหรับ “สี่แผ่นดิน เดอะมิวสิคัล” ซึ่งปีนี้บิ๊กบอสซีเนริโอ “บอย – ถกลเกียรติ วีรวรรณ” รับประกันว่าเวอร์ชั่นนี้จะพิเศษกว่าที่ผ่านมา เพราะการตีความและกลั่นกรองจากทุกความรู้สึกของเหล่าทีมงานมือฉมัง ปรับเปลี่ยนการเล่าเรื่องในส่วนต้นเรื่องและท้ายเรื่อง เพื่อให้เรื่องราวสามารถเชื่อมต่อกับคนในยุคนี้ได้ ซึ่งยังคงเดินทางตามแกนหลักของเรื่องอยู่ แต่จะมีการเพิ่มเติมมุมมองใหม่ๆ เข้าไปในตัวละคร อารมณ์ของผู้ชมจะไม่เปลี่ยนแปลง แต่จะอิ่มเอมและซาบซึ้งมากขึ้นกว่าเดิม และการทำงานในวันนี้ของ “บอย – ถกลเกียรติ” ทั้งในฐานะผู้กำกับและคนดูมีความเข้าใจในความรู้สึกของ “แม่พลอย” มากขึ้นเช่นกัน เข้าใจความรู้สึกในวันที่ “แม่พลอย” ต้องสูญเสียพระมหากษัตริย์อันเป็นที่รัก นอกจากนี้ยังมีเพลงที่แต่งขึ้นมาใหม่ให้เข้ากับอารมณ์และความรู้สึกของคนไทยในปี พ.ศ.2560 อย่างแท้จริง


สำหรับ “สี่แผ่นดิน เดอะมิวสิคัล” เป็นบทประพันธ์ชิ้นเอกของ “ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ ปราโมช” ที่ถูกยกย่องให้เป็น “วรรณคดีแห่งกรุงรัตนโกสินทร์” ซึ่งค่ายซีเนริโอ โดยผู้กำกับคนเก่ง “บอย – ถกลเกียรติ วีรวรรณ” ได้นำ “สี่แผ่นดิน” มาสร้างเป็นละครเพลงเมื่อปี พ.ศ.2554 และปี พ.ศ.2557 สร้างความประทับใจให้แฟนๆ จนมีรอบการแสดงยาวนานเป็นประวัติการณ์ของวงการละครเวที ด้วยจำนวนการแสดง 101 รอบ จนมาวันนี้ “สี่แผ่นดิน เดอะมิวสิคัล” ก็มีโอกาสได้กลับมาอีกครั้งตามคำเรียกร้อง

เริ่มที่ “แม่พลอย” รับบทโดย “นก – สินจัย” ยังคงถ่ายทอดอารมณ์สะกดคนดูได้ตั้งแต่ต้นจนจบ หากแต่ครั้งนี้คือครั้งแรกที่ผู้ชมทั้งโรงละครจะได้เข้าใจถึงทุกๆ ความรู้สึกของ “แม่พลอย” ในการเปลี่ยนแผ่นดินเป็นอย่างดี

นอกจากนี้ทีมนักแสดงคุณภาพชุดเดิม อาทิ กัน – นภัทร, เกรียงไกร อุณหะนันทน์, รัดเกล้า อามระดิษ, ไอซ์ – ศรัณยู, อาร์ – อาณัตพล, ตี๋ ดอกสะเดา ก็โชว์ฝีมือการแสดงยอดเยี่ยมเช่นเคย เพราะยิ่งเล่นก็ยิ่งเข้าถึงแก่นตัวละคร ส่วนทีมนักแสดงหน้าใหม่ นนท์ – ธนนท์ ก็โชว์พลังเสียงและถ่ายทอดบท “อ๊อด” ลูกชายขี้อ้อนได้น่าสงสารจับใจ รวมถึงออย – อมรภัทร เสริมทรัพย์ ในบท “แม่พลอยวัยสาว” และ 2 หนูน้อยคนเก่ง น้องเฌอแตม – นารารัศมิ์ พุ่มสุโขรักษ์ และน้องอาย – กัลยวรรธน์ สินรัตนภักดีกุล ที่จะสลับรอบการแสดงกันรับบท “แม่พลอยวัยเด็ก” หลังผ่านการออดิชั่นมาอย่างเคี่ยวกรำก็ทำหน้าที่ได้สมบูรณ์ โชว์พลังการร้อง การแสดง เรียกเสียงปรบมือจากผู้ชมได้สนั่นโรงละคร

 

ด้านงานโปรดักชั่นฉาก แสงสีเสียงก็สวยงามตระการตา จัดเต็มไม่มีเสียยี่ห้อซีเนริโอ บวกกับบทเพลงที่ยังคงขลังจับจิตจับใจ ทั้งหมดนี้จึงเป็นเหตุผลที่แฟนๆ ไม่ควรพลาดการกลับมาของ “สี่แผ่นดิน เดอะมิวสิคัล” ที่การันตีว่าผู้ชมจะอิ่มเอมและซาบซึ้งยิ่งกว่าเดิม นับเป็นการกลับมาที่สมศักดิ์ศรีละครเวทีแห่งศตวรรษ ที่รอให้คุณไปพิสูจน์ด้วยสายตาตัวเอง

ดูดวงรายวัน ประจำวันพุธที่ 9 สิงหาคม 2560

ดูดวงรายวัน ประจำวันพุธที่ 9 สิงหาคม 2560 เช็คทุกวัน ทันทุกดวงกับ แพรว ดอทคอม

ผู้ที่เกิดวันอาทิตย์

การงาน : ท่านมีความเมตตา อบอุ่น อ่อนโยน ความเป็นแม่อยู่ในตัวสูง หรือหมายถึงได้รับความความรักความเอาใจใส่ ความห่วงใย เอ็นดูจากผู้ใหญ่ หากเป็นชายก็เป็นดวงนารีอุปถัมภ์

การเงิน : จะใช้เงินเลี้ยงญาติพี่น้อง บริวาร หรือเพื่อนสนิท ซื้อของที่ไม่จำเป็น

ความรัก : วันนี้อาจมีการเลี้ยงฉลอง หรือทานข้าวในวาระพิเศษกันภายในครอบครัว เป็นช่วงเวลาที่ได้อยู่กันพร้อมหน้า มีความสุข คนโสด เสน่ห์แรงกับเพศตรงข้าม ต้องได้สักคนสิน่า

สุขภาพ : ระวังมีปัญหาเกี่ยวกับการย่อยอาหาร พวกลำไส้ และกระเพาะอาหาร

 

ผู้ที่เกิดวันจันทร์

การงาน : อำนาจและบารมีอยู่ในตัวท่าน ความเป็นผู้นำโดดเด่น ต้องทำงานอยู่ภายใต้ความกดดัน ทั้งยังเสี่ยงต่ออันตราย และความผิดพลาด ระวังอาจประสบกับเหตุการณ์ที่ทำให้เสียใจทุกข์ใจอย่างกระทันหันที่ไม่สามารถควบคุม บังคับ หรือเปลี่ยนแปลงได้เลย

การเงิน : ผู้ใหญ่อุปถัมภ์ แต่ก็หมดกับการช่วยเหลือคนรอบตัวที่เดือดร้อน

ความรัก :    วันนี้ท่านจะได้ดี ประสบความสำเร็จ เพราะคู่ช่วยส่งเสริมบารมี คนโสด มีรักแบบเผื่อเลือก  จึงอาจต้องแต่งงานช้าประมาณอายุ 30-40 ขึ้นไป

สุขภาพ : พยายามอย่าใช้ร่างกายสมบุกสมบันมาก เพราะจะทำให้เจ็บป่วยด้วยโรคที่ร้ายแรง

 

ผู้ที่เกิดวันอังคาร

การงาน  :  ท่านกำลังคิด หรือลงมือทำอะไรบางอย่าง เป็นการสร้างสรรค์งานที่แปลกใหม่ และท้าทายความสามารถในระยะเวลาอันใกล้นี้ หากเกี่ยวข้องกับการติดต่อสื่อสาร ประสานงานจะประสบความสำเร็จ

การเงิน :  วาจาเป็นทรัพย์

ความรัก : วันนี้อารมณ์ท่านไม่ค่อยมั่นคง ขาดความเชื่อมั่นในตัวเอง ส่งผลให้ท่านกับคู่มีปัญหาในการตัดสินใจกัน ต้องหัดฟันธงบ่อยๆ คนโสด ท่านมีมนุษยสัมพันธ์ดี น่ารัก จึงมีคนสนใจมากมาย ค่อยๆ เลือกไปนะคะ

สุขภาพ : จะมีอาการปวดศีรษะ ปวดกระบอกตา เหมือนจะไม่สบาย

 

ผู้ที่เกิดวันพุธ

การงาน  : ยังคงอยู่ในโหมดความรักความสุขในการทำงานอยู่ ผู้ใหญ่ให้การสนับสนุนดี

การเงิน   : จะได้ลาภจากผู้ใหญ่และบริวาร

ความรัก : วันนี้คู่ให้ความช่วยเหลือเป็นอย่างดี มีแต่ท่านละที่เดาใจลำบาก เดี๋ยวก็เอาใจใส่ดี เดี๋ยวก็สนใจเรื่องอื่นมากกว่า จึงต้องปรับความเข้าใจกันอย่างมากถึงมากที่สุด คนโสด จิตใจโลเลอ่อนไหว ไม่มั่นคง มาครบ เลยต้องแต่งงานช้านิดหนึ่ง

สุขภาพ : พยายามอย่าเอ็นจอยปากมากนะคะ โรคอ้วนถามหาแล้ว

 

ผู้ที่เกิดวันพฤหัสบดี

การงาน : ผู้หญิงโดดเด่นมาก ท่านก็ยังคงอยู่ในโหมดของงานที่เกี่ยวกับศิลปะ ดนตรี และวงการบันเทิง ยิ่งงานที่เกี่ยวกับความสวยงามยิ่งทำได้ดี

การเงิน :   วาจาเป็นทรัพย์ มีศิลปะในการต่อรอง แต่ระวังจะหมดกับการซื้อของราคาแพง

ความรัก : ท่านเป็นคู่ครองที่ดี ช่วยเชิดหน้าชูตาจนเป็นที่ยอมรับในสังคม  คนโสด มีเสน่ห์ที่แววตา มองใครดั่งต้องมนต์สะกด แต่ระวังอาจเลือกพลาดได้ ดูดีๆ

สุขภาพ : ปกติท่านแข็งแรง ไม่ค่อยป่วย แต่ให้ระวังโรคไขมันและเบาหวานนิดนะคะ

 

ผู้ที่เกิดวันศุกร์

การงาน  : ท่านมีอำนาจและบารมีอยู่ในตัว เปี่ยมด้วยเมตตาและจิตใจที่บริสุทธิ์ เพราะฉะนั้นงานจะเป็นไปในทางสงเคราะห์หรือช่วยเหลือผู้คนที่ตกทุกข์ได้ยาก มีโอกาสได้เกี่ยวข้องกับธุรกิจระหว่างประเทศ

การเงิน : จะหมดไปกับการทำบุญ ทำทาน

ความรัก : วันนี้ไม่ค่อยประสบความสำเร็จนัก เพราะจะเกี่ยวข้องกับกฎเกณฑ์ หน้าตาทางสังคม และผู้ใหญ่มากกว่าความเป็นส่วนตัวหรือครอบครัว คนโสด ผู้ใหญ่จะมีอิทธิพลในความรักของท่าน

สุขภาพ  :  ระวังโรคภูมิแพ้ ไซนัส โพรงจมูกอักเสบ ซึ่งเกิดจากการแพ้อาหารและอากาศ

 

ผู้ที่เกิดวันเสาร์

การงาน : วันนี้สิ่งต่างๆ ที่ท่านคิดหวังไว้ต้องรอคอยเวลา ก็ถือโอกาสพักสักนิดก็ดีเหมือนกันนะ ปล่อยวางความเหนื่อย ความเครียด เก็บแรงไว้เพื่อเริ่มต้นกับสิ่งใหม่ๆ

การเงิน :  มีโชคในการทำธุรกิจและการลงทุน ต้องทำเอง เข้าหุ้นไม่เวิร์ค

ความรัก :  วันนี้มีทิฐิและไม่ค่อยลงรอยกัน เหมือนยังเรียกร้องเอาแต่ใจเหมือนเด็กๆ จนเกิดปัญหากันตลอด คนโสด ท่านให้ความสำคัญกับการคบคนอย่างมาก เพราะหากรักแล้วรักจริง จึงเริ่มต้นจากเพื่อนหรือคนรู้จัก

สุขภาพ : ระวังติดเชื้อไวรัส หรือภูมิแพ้โดยการติดเชื้อในสถานที่ที่ไม่คุ้นเคย

‘หย่อนสมรรถภาพทางเพศ’ โรคแบบนี้เมียคนดีช่วยได้

account_circle

อาการเสื่อมสมรรถภาพทางเพศของคุณผู้ชายหรือที่รู้จักกันในทางการแพทย์ว่า โรค หย่อนสมรรถภาพทางเพศ หรือ Erectile Dysfunction (ED) หมายถึง การที่เขาไม่สามารถที่จะทำให้อวัยวะเพศแข็งตัวหรือคงสภาพการแข็งตัวเป็นเวลานานพอที่จะมีเพศสัมพันธ์ตามปกติได้ ซึ่งโรคนี้สามารถเกิดขึ้นได้กับผู้ชายทุกคน แต่ประเด็นคือ เมื่อเกิดขึ้นแล้วคนที่อยู่ข้างๆ อย่างภรรยาสาว จะช่วยดูแลและเยียวยาได้อย่างไรบ้าง เรานำประสบการณ์ตรงจากภรรยาสาวท่านหนึ่งที่อยู่ในสถานการณ์นี้มาฝากกันค่ะ

จริงอยู่ที่วิธีการรักษาโรค ED ได้ถูกพัฒนาให้ก้าวหน้าและมีประสิทธิภาพมากขึ้นแล้วในปัจจุบัน ไม่ว่าจะเป็นการรักษาโดยการทานยา การผ่าตัด (Penile implants) หรือใช้เครื่องสูญญากาศ (Penile Pump) แต่ขณะเดียวกันคุณหมอก็จะแนะนำให้ปรับเปลี่ยนรูปแบบการดำเนินชีวิตควบคู่กันไปด้วย เช่น ออกกำลังกายให้มากขึ้น เลิกสูบบุหรี่ และลดความวิตกกังวลลง ซึ่งประเด็นหลังนี่แหละที่ภรรยาสาวท่านนี้ใช้เป็นหัวใจหลักในการดูแลสามีของเธอ

เธอบอกกับ เราว่า สามีของเธอมีอาการนี้มาราว 3 ปีแล้ว ในตอนแรกที่เขาไม่ทำการบ้านเธอคิดไปเองว่าอาจเพราะเธอเพิ่งคลอดลูก แต่ปรากฏว่าเวลาผ่านไปจนลูกจะสองขวบแล้ว เขาก็ยังเหมือนเดิม พอสะกิดก็บอกปัด พอกระแซะก็บ่ายเบี่ยงจนเธอคิดไปไกลว่าเขามีอีหนู แต่ในความเป็นจริงแล้วเธอไม่เคยรู้เลยว่าเขาประสบกับปัญหานี้อยู่ จนกระทั่งเริ่มปฏิบัติการจับผิดจนพบว่า ทั้งหมดนี้คือเธอคิดไปเอง เหตุที่เขาไม่ทำการบ้านเพราะเขากำลังเผชิญกับโรคนี้อยู่ จึงไม่อยากให้เธอผิดหวังถ้าพาไปไม่ถึงสวรรค์ บวกกับความอายที่ตัวเองต้องอยู่ในภาวะแบบนี้ เพราะสำหรับผู้ชายแล้ว เรื่องนี้ถือว่าเป็นเรื่องใหญ่มาก

สิ่งแรกที่เธอทำหลังจากเขายอมเผยความทุกข์ให้ฟังคือ “ทำความเข้าใจเขา” แม้ว่าในช่วงแรกจะค่อนข้างลำบากที่จะเข้าใจ โดยเฉพาะในประเด็นความอาย เพราะเธอคิดเสมอว่า เป็นผัวเมียกันไม่ควรมีอะไรต้องอายหรือปิดบังกัน แต่ในที่สุดเธอก็พยายามมองข้าม และใช้ใจทำความเข้าใจเขากับทุกเรื่องและทุกความรู้สึกที่เกิดขึ้นกับเขา

“ให้กำลังใจเขา” เมื่อเธอเริ่มทำความเข้าใจว่าอาการดังกล่าวอาจเกิดจากความเครียดจากการทำงานหนักหรืออาจเป็นด้วยวัยที่ฮอร์โมนเริ่มไม่คงที่ เธอจึงค่อยๆ หาต้นเหตุของปัญหาและพยายามช่วยดูแลในส่วนที่เธอทำได้นั่นคือ ทำให้เขาผ่อนคลายจากความรู้สึกอัดอั้นนี้และให้กำลังใจว่าอาการที่เป็นไม่ใช่สิ่งที่แก้ไขหรือรักษาให้หายไม่ได้ ซึ่งนี่คือสิ่งที่เขาต้องการจากคนที่เป็นภรรยามากที่สุด

“ชักจูงเขาไปพบแพทย์” ผู้ชายส่วนใหญ่จะอายทั้งนั้นเมื่อตัวเองต้องประสบปัญหาที่ว่านี้ จึงไม่ค่อยยอมเดินหน้าหาคุณหมอเพื่อเยียวยาให้ตรงจุด แต่เมื่อผ่านการทำความเข้าใจจากภรรยาแล้ว กำลังใจที่จะไปพบแพทย์ก็เริ่มมีมาตามลำดับ แต่เธอบอกว่าภรรยาสาวไม่ควรบังคับเขาให้ไปหาหมอเด็ดขาด วิธีทีเธอทำคือ ค่อยๆ พูดจาโน้มน้าวใจเขาให้เชื่อมั่นในความชำนาญเฉพาะทางของแพทย์ที่จะช่วยดูแลเขาให้ตรงจุดดีกว่าหายามาทานเอง แม้ว่าในช่วงแรกเขายังลังเล แต่เธอก็ใช้ความอดทนและหาตัวอย่างของคนที่ต้องเจอกับปัญหานี้และเลือกที่จะไปพบแพทย์และหายขาดมาช่วยเพิ่มน้ำหนักในการชักจูงเขา

“ช่วยผ่อนคลายเขาอย่างเสมอต้นเสมอปลาย” เธอบอกว่า สิ่งที่เธอพอจะช่วยได้อีกเรื่องคือ ทำอย่างไรก็ได้ให้เขาผ่อนคลาย ซึ่งไม่ใช่การผ่อนคลายแค่ช่วงแรกๆ ที่รู้อาการหรือเริ่มรักษา แต่จะต้องทำเรื่อยๆ อย่างสม่ำเสมอ เธอจึงพยายามบอกตัวเองว่าอย่าเอาเรื่องเครียดไปให้เขาเพิ่มเติม เพราะอาการนี้เรื่องอารมณ์ความเครียดจากสิ่งรอบตัวมีผลมากถึงมากที่สุด ต่อให้คุณหมอดูแลอย่างดี แต่ถ้าจิตใจห่อเหี่ยวสะกิดเท่าไหร่อารมณ์ก็คงไม่เกิด

สาวๆ คนไหนที่กำลังเผชิญกับปัญหานี้อยู่ จะลองทำตามคำแนะนำและประสบการณ์ตรงของภรรยาท่านนี้ดูก็ได้นะคะ เพราะหลังจากที่เธอทำทั้ง 4 สิ่งที่ว่าไปนี้แล้ว เธอบอกว่านอกจากความสัมพันธ์ของเธอและเขาจะกลับมาดีขึ้นแล้ว อาการที่เขาเป็นก็ดีขึ้นลำดับเมื่อจับคู่กับการรักษาที่ถูกต้องจากคุณหมอ

ขอให้โชคดีกันทุกคู่ค่ะ

ภาพ : http://divorcedover50.com

โตเป็นสาวแล้ว! แจม-กานต์ จาติกวานิช เซเลบดาวดวงใหม่ สวยเหมือนแม่ ลุยเหมือนพ่อ

เวลาช่างผ่านไปรวดเร็วจริงๆ… แจม-กานต์ จาติกวานิช ลูกสาวคนเดียวทายาทของคุณแม่เจ-วรกร และคุณพ่อกรณ์ จาติกวานิช ก็โตเป็นสาวสวยตามรอยคุณแม่แล้ว สูงขาว ดูเป็นสาวสมัยใหม่แบบนี้ คุณแม่เจเลยเม้าท์ลูกสาวแบบระยะเผาขนซะเลย

“เจมีลูกทั้งหมด 4 คน น้องแจมเป็นลูกสาวคนเดียว นิสัยเลยไม่ได้เป็นผู้หญิงจ๋า จะออกทะมัดทะแมงหน่อย แต่รักสวยรักงาม ชอบสีชมพูเป็นปกติ (หัวเราะ)  จริงๆตอนนี้น้องแจมเรียนอยู่เมืองนอก แต่ถ้าปิดเทอมกลับบ้าน และตรงกับช่วงวันพิเศษ ครอบครัวเราก็จะอยู่กันพร้อมหน้า อย่างวันแม่ก็เป็นอีกหนึ่งวันพิเศษเหมือนกัน กิจกรรมที่ทำก็คือไปรับประทานอาหารกันทั้งครอบครัว และจะพาคุณยายไปด้วย ซึ่งตอนแรกก็คิดนะว่า เอ๊ะ! ทำไมต้องไปวันที่ 12 สิงหาคมด้วย เพราะคนเยอะ แต่คุณยายก็ชอบนะ เพราะรู้สึกว่าลูกฉันมีความมุ่งมั่นในการจองร้าน (หัวเราะเบาๆ) เพราะวันแม่ทุกปีจองยากมาก วันนี้จึงเป็นอีกหนึ่งวันพิเศษของครอบครัวเราค่ะ”

นอกจากจะมีโมเมนต์พิเศษแบบนี้ทุกปีแล้ว อีกหนึ่งเรื่องที่ลูกสาวคนสวยทำให้คุณแม่เป็นประจำก็คือการเขียนการ์ด ดูแล้วอาจจะไม่ใช่สิ่งของที่มีค่าราคาแพงอะไร แต่ก็เป็นสิ่งที่ทำให้แม่เจปลื้มมากทีเดียว

“บ้านเราไม่ค่อยมีโมเมนต์ซึ้งๆ แค่การ์ดก็ซึ้งมากแล้ว (หัวเราะ) ถ้าพวกดอกไม้ก็จะเป็นคุณพ่อมากกว่าที่ให้ และลูกชายคนโตที่ชอบให้ต้นมะลิหรือพวงมาลัย  ส่วนน้องแจมตอนเด็กๆ เขาจะมีการ์ดให้ในโอกาสต่างๆ เวลาทำการ์ดเสร็จ เขาจะเอาไปให้ทุกคนเซ็นชื่อ อย่างใบนี้มีเอาเท้าแมวมาปั๊มด้วย ซึ่งลูกก็ไม่รู้นะว่าแม่เก็บไว้หมดเลย วันนี้แอบเอามาโชว์ด้วย” (อมยิ้ม)

ฝั่งลูกสาวคนสวย น้องแจม-กานต์ จาติกวานิช ก็เล่าว่านอกจากการ์ดที่ทำให้ทุกวันพิเศษแล้ว อีกหนึ่งความสามารถพิเศษก็คือ ฝีมือการทำเบเกอรี่ ซึ่งเจ้าตัวก็เคยทำให้คุณแม่แล้วด้วยเหมือนกัน

“แจมเคยทำเค้กให้คุณแม่ด้วย แต่จำไม่ได้ว่าเป็นวันเกิดหรือวันแม่ (หัวเราะ) แต่ก่อนเราจะซื้อมาแบบสำเร็จ เค้กมันก็อาจแข็งไปหน่อย แต่เดี๋ยวนี้เริ่มทำเองแล้วก็พัฒนาให้ดีขึ้นค่ะ (อมยิ้ม) แต่วันนึงถ้าแจมโตขึ้น หาเงินด้วยตัวเองได้มากกว่านี้ แจมก็อยากซื้อของอย่างอื่นให้คุณแม่บ้าง อย่างพวกจิเวลรี่สวยๆ เพราะคุณแม่ชอบด้วย พอเห็นก็นึกถึง และเราเป็นลูกก็อยากจะมีโอกาสซื้อของที่คุณแม่ชอบให้เป็นของขวัญบ้าง คือแจมเองรู้ตัวว่าดื้อกับคุณแม่ไม่น้อยเลย ก็อยากขอโทษที่บางครั้งเหมือนหนูไม่ฟังในสิ่งที่คุณแม่สอน หรือแสดงสีหน้าไม่ดี หน้าบึ้งใส่คุณแม่ แต่ก็คิดไว้แล้วว่าหนูจะตั้งใจ จะเรียบร้อยขึ้น ขอบคุณคุณแม่ที่คอยพร่ำสอนและคอยแก้ปัญหาให้หนูตลอด”

 

ภาพ : งาน Central | ZEN Mother’s Day

เปิดใจ “หนุ่ม สันติสุข” แม่ฟื้นปาฏิหาริย์ หลังอาการวิกฤติชีพจรหยุดเต้น

เมื่อวันที่ 7 ส.ค.ที่ผ่านมา มีรายงานว่า “นางสุวรรณา พรศิริ”มารดาของนักแสดงรุ่นใหญ่ “หนุ่ม-สันติสุข พรมศิริ”ได้เสียชีวิตในวัย 84 ปี จากโรคชรา ทั้งยังมีกำหนดการจะมีพิธีรดน้ำศพในวันที่ (8 ส.ค.60) ที่วัดบำเพ็ญใต้

ทว่าเมื่อคืนที่ผ่านมาเกิดปาฏิหาริย์เพราะหลังจากที่แพทย์ถอดเครื่องช่วยหายใจไปหลายชั่วโมง คลื่นหัวใจของคุณแม่นักแสดงก็กลับมาเต้นอีกครั้ง โดยเมื่อวันที่ 8 ส.ค.60 ดารารุ่นใหญ่ พร้อมน้องชายได้มีการแจ้งกับสื่อมวลชน พร้อมแถลงข่าวว่าตอนนี้คุณหมออนุญาตให้ย้ายผู้ป่วยไปที่ห้องผู้ป่วยปกติแล้ว

หนุ่ม สันติสุข : ก่อนอื่นต้องขอโทษด้วยนะครับ สำหรับหลายๆ ท่านที่เมื่อวานนี้มีการส่งข้อความมาแสดงความเสียใจเรื่องคุณแม่ ตอนนี้คุณแม่ยังมีชีวิตอยู่ที่โรงพยาบาลวิภาราม เหตุการณ์ก็คือ คุณแม่เข้าโรงพยาบาลตั้งแต่วันอาทิตย์ที่ 6 ส.ค. โดยน้องชายเป็นคนดูแลพาเข้าไป เขามีอาการหายใจติดขัด หายใจไม่ออก หายใจสั้น ก็เข้าห้องฉุกเฉินผู้ป่วยวิกฤต คุณหมอก็ตรวจพบว่ามีอาการเส้นเลือดหัวใจตีบ เส้นเลือดสมองตีบ มีการติดเชื้อในกระแสเลือด แล้วก็มีอาการไตเริ่มเสื่อม และมีความดันต่ำ สำหรับเส้นเลือดหัวใจต้องรักษาด้วยการฉีดสีแล้วก็ทำบายพาสหัวใจ แต่ด้วยความที่คุณแม่ความดันต่ำมาก น้องชายก็เลยไม่ให้ทำ

น้องชาย : คุยกับคุณหมอว่าไม่ให้ทำดีกว่า เพราะจะค่อนข้างเสี่ยงสูงไปนิดนึงสำหรับคนอายุ 84

หนุ่ม สันติสุข : พอดีน้องชายมาแจ้งวันที่ 6 ประมาณสายๆ ผมติดถ่ายละครอยู่ ก็ให้น้องดูแลไปก่อน พอถ่ายละครเสร็จประมาณ 4 โมงก็เข้าไปเยี่ยมคุณแม่ คุณแม่ไม่ตอบสนอง มีเครื่องช่วยหายใจ มีน้ำเกลือ มีให้เลือดอะไรต่างๆ ก็ปรึกษากันระหว่างพี่น้องสองคน ถ้าเกิดคุณแม่หัวใจหยุดเต้นไปจะไม่ให้ปั๊ม

น้องชาย : เพราะจะมีอัตราความเสี่ยงมาก คุยกับคุณหมอบอกว่าอาจจะซี่โครงหัก เพราะเวลาปั๊มมันจะแรง เสี่ยงสูงก็เลยบอกถ้างั้นก็ไม่ปั๊ม
หนุ่ม สันติสุข : หมอบอกว่ามีโอกาสเสียชีวิตสูงมาก ก็ให้ยากระตุ้นหัวใจ ตอนนั้นหัวใจเต้นแรงทีเดียวประมาณ 145-150 เท่ากับคนหนุ่มๆ วิ่งแข่งเลย ตอนนั้นก็ยังทำอะไรไม่ได้ ต้องรอดูอาการอย่างเดียว ก็ปรึกษากันว่าถ้าคุณแม่จะต้องไป ก็ขอให้ไปอย่างสงบ แกก็ชรามากแล้ว เป็นหลายโรค ถ้าคุณแม่จะต้องอยู่ ต้องฟอกไต ไม่รับรู้อะไรเป็นเหมือนผักหญ้า เราก็ไม่อยากให้คุณแม่อยู่แบบนี้ เราก็อยากให้ท่านไปสบายๆ

น้องชาย : พูดง่ายๆ ไม่ยื้อเขาดีกว่า ให้เขาไปแบบสบายๆ หลับไปแบบนี้ดีกว่า ล่าสุดติดเชื้อวัณโรคในช่องท้อง ทุเลาไปแล้วก็ไปพักอยู่ที่บ้าน พอพักได้ 4 วันก็เริ่มมีอาการไม่ค่อยดี จากลุกนั่งเองได้กลับกลายเป็นว่านอนติดเตียง ไม่ทำอะไรเลย นอนอย่างเดียว กับข้าวก็ต้องป้อนให้ จนกระทั่งเช้าวันที่ 6 ประมาณ 10 โมงอย่างที่บอกอาการไปว่าหายใจสั้นและดัง ผมก็เลยพามาส่งโรงพยาบาล

น้องชาย :  วันนั้นวันที่ 6 คุณแม่ไปแล้วรอบนึง หยุดหายใจไป ตอนนั้นคุณหมอใช้เวลาปั๊มอยู่ 20 นาทีก็กลับมา จากนั้นมาผมก็กลับก่อน ให้น้องชายเป็นคนเฝ้าดูแล น้องชายทำงานกลางคืนเสร็จจากงานตี 5 กว่าของวันที่ 7 น้องก็มาเช็คดูอาการจอมอนิเตอร์ที่มีความเต้นของหัวใจ ความดัน ก็คือความดันต่ำมาก เท่าที่ผมเห็นก็คือชีพจรไม่เต้นแล้ว เป็น 0 หมดแล้ว ผมก็ทำใจแล้ว ไปแล้วแน่ๆ ก็ไลน์ไปบอกทางพี่หนุ่มว่าคุณแม่เป็นแบบนี้แล้วนะ ทางพี่หนุ่มเขาก็เตรียมที่จะแจ้งทางนู้นทางนี้แล้ว ตอนนั้นคุณแม่ก็ถอดอุปกรณ์ออกหมดแล้ว ถอดเครื่องช่วยหายใจ ผมก็กลับบ้าน พอสัก 9 โมงกว่าทางโรงพยาบาลโทรกลับมาว่า คุณแม่กลับมาหัวใจเต้นแล้วนะ ผมก็งงเพราะถอดเครื่องช่วยหายใจออกแล้วไม่ใช่เหรอ เขาก็บอกว่าครับ ไม่ทราบสาเหตุเหมือนกัน แกกลับมาหัวใจเต้นเองปกติ หายใจเองได้ กลายเป็นกลับมา แต่ไม่รู้สึกตัว นอนนิ่ง ท่าไหนท่านั้น แต่หัวใจกลับมาเต้น คุณหมอก็ไม่รู้เหมือนกัน พูดง่ายๆ ว่าเคสแบบนี้แทบจะไม่มี คือตอนนั้นทำใจไว้ได้เลยว่าคุณแม่สิ้นแน่ๆ

หนุ่ม สันติสุข : ตอนนั้นที่น้องชายมาดูคือไม่มีคนอยู่ ไม่มีพยาบาล ไม่มีอะไร คุณหมอก็บอกว่า ตอนนั้นกราฟมันเป็น 0 ก็จริง แต่คลื่นหัวใจมันยังมีอยู่ ก็ไม่ถือว่าเสียชีวิต จนกว่าจะหมดลมหายใจจริงๆ ทีนี้มันก็ไม่ทัน เขากลับไปนอนที่บ้านเพราะต้องทำงานกลางคืน ผมก็ติดต่อมาอีกทีคือจะเอารถมารับแล้ว เขาก็บอกคุณแม่ยังหัวใจเต้นอยู่ เราก็เอาแล้วทีนี้ (ยิ้ม) ก็ไม่รู้จะออกตัวยังไง ในใจพี่ก็คือแค่หัวใจเต้นหรือเปล่า แล้วมันคือยังไง เป็นผักหญ้าอะไรหรือเปล่า ก็ยังสงสัยอยู่ ก็ถามคุณหมอให้แน่ว่ามันคืออะไร คุณหมอบอกว่าถ้าหัวใจเต้นก็คือยังมีชีวิต พอหัวใจเต้นเอง หายใจได้เอง ตามกฎก็คือไม่ต้องอยู่ห้อง ICU ตอน 4 โมงเย็นก็ย้ายมาห้องปกติ เราก็ต้องรอพี่สาวกลับมาจากฟิลิปปินส์ด้วย ก็ต้องมาปรึกษากันก่อนว่าจะเอายังไง

น้องชาย : ตอนแรกก็คิดกันว่าที่หัวใจกลับมาเต้นเพราะรอพี่สาวกลับมาหรือเปล่า ในใจที่คิดกันอยู่ว่าอาจจะรอพี่สาวมา พี่สาวก็รีบบินมาด่วนเลย
น้องชาย : ญาติมาเยี่ยมก็เหมือนจะรับรู้บ้าง กระดิกได้นิดๆ แต่ก็ยังไม่ตอบสนองอะไร ย้ายขึ้นมาห้องปกติตั้งแต่ 4 โมงเย็นจนถึงตอนนี้ ก็คือให้อาหารทางสายยาง มีการขับถ่ายได้บ้าง ตอนนี้คุณแม่หายใจทางปาก ไม่ได้หายใจทางจมูก จะเป็นปกติของคนที่เป็นแบบนี้ก็ต้องคอยดูด ไม่งั้นเสลดจะไปขวางทำให้หายใจไม่ออก

น้องชาย : ตอนนี้ดูแลเรื่องเสลดอย่างเดียว ก็ประคองอาการเพราะทำอะไรไม่ได้ ตัวก็เริ่มบวมน้ำ เพราะไตเริ่มเสื่อมไปเรื่อยๆ จนถึงขั้นวายในที่สุด ถ้าบวมมากน้ำอาจจะท่วมปอด ก็จะติดเชื้อในปอด ต้องเฝ้าระวังใกล้ชิด แต่ก็เป็นเรื่องดีที่คุณแม่หายใจได้เอง คือดีขึ้นตั้งแต่กลับมาหายใจด้วยตัวเองได้ ชีพจรก็ดีขึ้น ความดันก็ดีขึ้น จากที่ความดันต่ำมากแบบที่คนจะไม่สามารถมีชีวิตได้ ก็เริ่มทำใจกันสักพักแล้ว พอกลับมาแบบนี้เราก็ดีใจนะ ดีใจมากๆ เลยที่คุณแม่ยังอยู่ ยังมีเวลาให้ญาติพี่น้องมา เมื่อวานก็มากันชุดใหญ่มาคุยกัน ก็เหมือนจะรับรู้ได้บ้างนิดๆ

น้องชาย : คุณหมอบอกว่า โอกาสที่จะกลับมาเหมือนเดิมมีประมาณ 5% ตอนที่ข่าวออกไปแล้วเราก็ทำไงดี เพราะมันจะเป็นการที่ทำให้โรงพยาบาลเสียหายหรือเปล่า แต่จริงๆ แล้วโรงพยาบาลก็ดูแลเต็มที่ มันเป็นความผิดพลาดในการสื่อสารของพี่น้องเรา พวงหรีดก็มีส่งมาบ้างแล้ว เราก็รอพี่สาวกลับมาคุยกัน เพราะเราก็ไม่รู้ว่าอาการคุณแม่แบบนี้แล้วหมอจะทำยังไง หมอจะทำให้ไปสบายเลยหรือยังไง แต่หมอบอกว่าไม่ได้ มันเป็นจรรยาบรรณของแพทย์ ก็ต้องรอและทำไปตามขั้นตอน เราปรึกษากันก็รอแล้วกัน ก็เลยย้ายขึ้นมาอยู่ห้องปกติแบบนี้ บนนี้มันจะไม่มีอุปกรณ์ช่วยชีวิตอะไรทั้งสิ้น แต่ถ้ามีอาการฉุกเฉินขึ้นมาอีกก็ย้ายลงไป ICU อีก

น้องชาย : ตอนนี้ก็ดูอาการวันต่อวันครับ

หนุ่ม สันติสุข : เราแยกงานกันทำ ให้น้องชายดูแลทางนี้ เราไปติดต่อทางวัด ก็เลยรวดเร็วไป มันก็ต้องเตรียมการเนอะ ต้องจองนู่นจองนี่ กลายเป็นความผิดพลาดไป เพื่อนฝูงก็ไลน์มาแสดงความเสียใจกันเพียบ แฟนคลับต่างๆ ต้องรีบแก้ข่าวว่าตอนนี้คุณแม่ยังมีชีวิตอยู่ครับ หัวใจจากที่หยุดไปแล้วก็ปั๊มกลับมาได้อย่างไม่น่าเชื่อ แข็งแรงขึ้น กินอาหารทางสายยางได้ ขับถ่ายได้ ก็แสดงว่าภายในยังทำงานได้อยู่บ้าง ก็ดีใจครับ (ยิ้ม) เพราะวันที่ 6 ที่ผ่านมา ที่คุณแม่อาการไม่ดีก็เป็นวันเกิดของผมด้วย คุณแม่อาจจะกลัวลูกเสียใจเลยยังไม่ยอมไป ก็ดีครับคุณแม่ยังอยู่ ก็ต้องดูแลให้ดีที่สุด อะไรจะเกิดขึ้นก็ต้องยอมรับให้ได้ ทำบุญสวดมนต์ให้คุณแม่ทุกคืน พี่สาวอยู่ต่างประเทศก็มานอนเฝ้าเลย ก็ถือว่าเป็นของขวัญวันเกิด แต่ก็ไม่กล้าบอกใครเหมือนกันว่าเป็นวันเกิดเรา ก็ต้องขอบคุณและฝากขอโทษหลายๆ ท่านด้วยที่สั่งพวงหรีดกันแล้ว ก็รีบโทรไปบอกเลย โดยเฉพาะคุณดู๋ สัญญา ส่งมาคนแรกเลย ของช่อง 3 ด้วย เมื่อวานนี้ผมก็ไปรอรับอยู่ เพราะได้ลงข่าวอะไรไปแล้ว ตอนนั้นต้องบอกว่าเลื่อนไปก่อน เพราะขอปรึกษากับพี่น้องและคุณหมอก่อน ตอนนั้นยังไม่ได้ปรึกษาคุณหมอ ยังไม่รู้จริงๆ ว่าควรจะเป็นยังไงต่อไป พิธีการที่วัดก็ยกเลิกไปแล้ว ต้องขอขอบคุณทางวัดด้วยที่ไม่ได้คิดค่าใช้จ่ายอะไรเลย ก็ขอบคุณมากๆ ครับ

แต่งตัวยังไงให้เข้ากับรองเท้า “Dr. Martens” พร้อมเปิดคอลเล็คชั่นใหม่ที่ใส่ง่ายกว่าเดิม

ถ้าพูดถึงรองเท้าของ Dr. Martens สำหรับคนที่ไม่ได้แต่งตัวจัดอาจจะงงๆว่าจะแมตช์เสื้อผ้ายังไงให้เข้ากับรองเท้าแบรนด์นี้ดี เพราะดีไซน์ของรองเท้าเล่นใหญ่จัดเต็มมาก แต่งตัวธรรมดาๆคงเอาไม่อยู่แน่ๆ แต่วันนี้แพรวดอทคอมจะทำให้การแต่งตัวของคุณที่จะใส่กับรองเท้าของ ดร.มาร์ตินส์ง่ายขึ้น เพราะเราจะเอาสไตล์จากคนดัง นายแบบ นางแบบมาให้ดูกัน แต่ก่อนหน้านั้นไปทำความรู้จักกับแบรนด์นี้ก่อนเลย

รองเท้าบู๊ตคู่แรกของ ดร.มาร์ตินส์ เริ่มผลิตเพื่อเข้าสู่ตลาดเมื่อวันที่ 1 เมษายน ค.ศ.1960 โดยมาพร้อมกับเอกลักษณ์อันโดดเด่น คือ การเย็บด้วยด้ายสีเหลือง (Yellow Stitching) ห่วงแขวนที่ข้อ (Heel-Loop) และลายร่องพื้นรองเท้า (Air Cushion Soles) ในช่วงแรก ดร.มาร์ตินส์เป็นที่นิยมในหมู่บุรุษไปรษณีย์และตำรวจ เพราะมีน้ำหนักเบา ใส่สบาย และทนทานกว่าคู่แข่งในยุคเดียวกัน ถือเป็นรองเท้าสำหรับชนชั้นแรงงานโดยแท้จริง

ตลอดช่วงเวลาที่ผ่านมา ดร.มาร์ตินส์ผ่านการดัดแปลง ปรับเปลี่ยน และถูกใช้เป็นสัญลักษณ์ของกลุ่มวัฒนธรรมย่อยหลายต่อหลายรุ่น สะท้อนความหลากหลายและเฉพาะตัวของผู้สวมใส่ ไม่ว่าจะเป็นคนที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว นักดนตรี หรือคนหนุ่มสาว รองเท้า ดร.มาร์ตินส์จึงเป็นส่วนหนึ่งในเส้นทางการแสดงออกถึงความเป็นตัวของตัวเอง (Self-expression) ของพวกเขาเสมอ

รูปทรงที่เรียบง่ายของรองเท้า ดร.มาร์ตินส์เปิดทางให้ผู้สวมใส่สามารถเติมแต่งลวดลายเฉพาะของตัวเองได้ พร้อมทั้งมอบความทนทานและการสวมใส่แสนสบายจากรองเท้าที่เป็นตำนานโด่งดัง ดร.มาร์ตินส์คือรองเท้าในอุดมคติในโลกของสตรีทแฟชั่นและแวดวงดนตรี ในด้านคุณค่าทางจิตใจ ดร.มาร์ตินส์คือสัญลักษณ์บ่งบอกทัศนคติและพลัง

ปัจจุบันโรงงานนอร์แธมป์ตันเชอร์ที่เป็นจุดเริ่มต้นของแบรนด์ยังคงเปิดดำเนินการอยู่ในหมู่บ้านวอลลัสตัน โดยมีทีมผลิตกลุ่มเล็กๆทำหน้าที่ผลิตสินค้า “Made in England” ของ ดร.มาร์ตินส์ประจำการ สมาชิกทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิดตามธรรมเนียมของผู้ที่ได้รับการฝึกฝนวิธีผลิตรองเท้าแบบดั้งเดิม และเทคนิคเฉพาะที่ทำให้ ดร.มาร์ตินส์คือรองเท้าที่ไม่เหมือนรองเท้าคู่ใดในโลกใบนี้

เพื่อบอกเล่าประวัติศาสตร์อันยาวนานของ ดร.มาร์ตินส์ในฐานะที่เป็นรองเท้าสำหรับผู้สวมใส่ทุกเพศทุกวัยที่มีสไตล์เป็นของตัวเอง โดยแบ่งออกตามช่วงยุคของแบรนด์ตั้งแต่ยุคบุกเบิกจนถึงปัจจุบันที่มีสไตล์และคาแร็คเตอร์แตกต่างกัน เริ่มจากยุค 1960 ที่ถือเป็นยุคเริ่มต้น โดยรองเท้าคู่แรกออกวางจำหน่ายในวันที่ 1 เมษายน ค.ศ.1960

ยุค 1970 ดร.มาร์ตินส์ได้กลายเป็นสัญลักษณ์ที่แสดงออกถึงความเป็นขบถ เมื่อกลุ่มคนในแวดวงดนตรีเริ่มใส่รองเท้าเพื่อแสดงออกถึงความโดดเด่นและความเป็นตัวของตัวเอง (Self-expression)

เมื่อวัฒนธรรมการแต่งตัวแบบใหม่ๆเกิดขึ้นในยุค 1980 รองเท้า ดร. มาร์ตินส์ไซส์เล็กของผู้ชายถูกนำมาดัดแปลงด้วยลวดลายดอกไม้บนรองเท้ารุ่น 1460 สุดคลาสสิก ทำให้ได้รับความนิยมมากขึ้นในกลุ่มผู้หญิง คอลเล็คชั่น Printed ได้ถือกำเนิดขึ้นในยุคนี้ โดยเป็นคอลเล็คชั่นที่แสดงถึงความแปลกใหม่และความเป็นเอกลักษณ์ ด้วยการใช้งานศิลปะชิ้นเอกจากศิลปินยุคเรอเนสซองซ์มาทำเป็นลวดลาย หรือนำรอยสักกลิ่นอายเอเชียมาทำเป็นลวดลายบนรองเท้า

ในยุค 1990 ดร.มาร์ตินส์ได้กลายมาเป็นสัญลักษณ์ของเทศกาลวงดนตรีกลางแจ้ง และเป็นเครื่องแบบของการแต่งตัวสไตล์กรันจ์ (Grunge)

ช่วง ค.ศ.2000 รองเท้า ดร.มาร์ตินส์เริ่มผสมผสานความคลาสสิกกับแฟชั่น และกลายเป็นไอเท็มหลักของการแต่งตัวในสไตล์สตรีทแฟชั่น นอกจากนี้ยังมีการออกคอลเล็คชั่น M.I.E รองเท้าแฮนด์คราฟต์ที่ผลิตในโรงงานที่ Cobbs Lane ซึ่งรองเท้าบู๊ตคู่แรกถูกผลิตที่โรงงานแห่งนี้ โดยมีการใช้วัสดุพิเศษและหายาก

จนมาถึงยุคปัจจุบัน รองเท้า ดร.มาร์ตินส์ยังคงสะท้อนถึงตัวตนที่แตกต่างและเป็นเอกลักษณ์ของผู้สวมใส่ ในโอกาสนี้จึงได้เปิดตัวรองเท้ารุ่นใหม่ล่าสุด DM’s Lite Tech Knit ที่มีน้ำหนักเบา และผสมผสานดีไซน์คลาสสิกของ ดร.มาร์ตินส์กับผ้าถัก โดยจะวางขายในแฟล็กชิปสโตร์แห่งใหม่ล่าสุด ณ สยามเซ็นเตอร์ เป็นที่แรกในประเทศไทย

 

 

 

 

 

ทาง ดร.มาร์ตินส์ได้จัดงานแสดง DIY DOC’S ซึ่งได้รับเกียรติจากเซเลบริตี้อาร์ติสต์ชื่อดังที่มีสไตล์ไม่เหมือนใครทั้ง  6 คน ได้แก่ คุณจิตต์สิงห์ สมบุญ, คุณโอ๋ ฟูตอง หรือหทัยรัตน์ เจริญชัยชนะ, ป๋าตึก – ภูษิก พัฒนปราการ, คุณซัน Smile Club หรือเมธัส เทพนวล, OCTOBER 29 หรือฐกฤต ครุธพุ่ม และ BBINKO (บิ๊งโกะ) หรือภาพฟ้า พุทธรักษา มาร่วมออกแบบสร้างสรรค์ลวดลายและดัดแปลงรองเท้าให้สะท้อนถึงตัวตนของศิลปินแต่ละคน

BBINKO ภาพฟ้า พุทธรักษา และผลงาน DIY DOC’S ในชื่อ The Watcher ภายใต้คอนเซ็ปต์ “Eyes talk”

จิตต์สิงห์ สมบุญ และผลงาน DIY DOC’S ในชื่อ สไตล์มีสติ ภายใต้คอนเซ็ปต์ “ใช้ชีวิตอย่างมีสไตล์ ก้าวออกไปอย่างมีสติ”

ป๋าตึก – ภูษิก พัฒนปราการ และผลงาน DIY DOC’S ในชื่อ WORKERS’ SHOES ภายใต้คอนเซ็ปต์ “ยิ่งเก่ายิ่งสวย”

ซันนี่ & สมายคลับ และผลงาน DIY DOC’S ในชื่อ TATTOO สไตล์ไทยไทย ภายใต้คอนเซ็ปต์ “ศิลปะ ABSTRACT”

ผลงาน DIY DOC’S ของโอ๋ ฟูตอง หรือหทัยรัตน์ เจริญชัยชนะ ในชื่อ “Summer Walk”

 

October 29 หรือฐกฤต ครุธพุ่ม และผลงาน DIY DOC’S ในชื่อ ศิลปะคือแรงผลักดันชีวิต ภายใต้คอนเซ็ปต์ “ศิลปะคือแรงผลักดันชีวิตให้ขับเคลื่อนไปข้างหน้าอย่างมีทิศทาง”

 

จากคอนเทนต์ด้านบน เราก็ได้รู้ไปแล้วว่ารองเท้า ดร.มาร์ตินส์มีความเป็นมายังไง มีแบบไหนบ้าง ตอนนี้มาถึงส่วนที่ทุกคนรอคอยกันแล้ววว มาดูกันว่าต้องแต่งตัวยังไงถึงจะเข้ากับรองเท้า ดร.มาร์ตินส์ได้อย่างสมู้ต


ถึงคนดังแต่ละคนจะจัดเต็มแค่ไหน ก็พอเอาแบบมาปรับให้เข้ากับตัวเองได้นะ อย่างสไตล์ของเจเจกับต้าเหนิง หรือจะเป็นหนุ่มเป้ – อารักษ์ หนุ่มภัทร์ ฉัตรบริรักษ์ ก็มาในสไตล์ง่ายๆ ที่เข้ากับรองเท้าของ ดร.มาร์ตินส์ได้ดีเลย ใครที่เป็นแฟนของแบรนด์นี้ แต่ยังไม่มีไอเดียในการแต่งตัวใหม่ๆ ก็ดูเซเลบริตี้เป็นแบบได้ เพราะจะทำให้การแต่งตัวของคุณง่ายขึ้นเยอะเลย

 

 

 

แฟชั่นโอต์กูตูร์ของ “Elie Saab” Fall/Winter 2017 จะสวยปังระดับไหนต้องส่องแล้ว

ตอนนี้ใกล้เข้าสู่ช่วง Fall/Winter แล้ว เราก็จะเห็นแบรนด์ต่างๆพากันออกคอลเล็คชั่นระดับโอต์กูตูร์ โชว์ความอลังการบนรันเวย์แบบไม่มีเว้นวัน แฟชั่นออกมาละลานตาจนตามไม่ทันกันเลยทีเดียว แต่แบรนด์ที่ได้รับความสนใจไม่น้อยก็เห็นจะเป็น Elie Saab อีกแบรนด์โปรดของสาวชมพู่ – อารยา ที่คอลเล็คชั่นโอต์กูตูร์ครั้งนี้ถูกอ้างว่ามีแรงบันดาลใจมาจากซีรี่ส์ฝรั่งเรื่องดังอย่าง Game of Thrones แต่แฟชั่นนิสต้าบางส่วนก็แสดงความคิดเห็นว่าไม่เหมือนกับซีรี่ส์ดัง แต่กลับเหมือนสไตล์ของ Moroccan Kaftan มากกว่า

แพรวดอทคอมเลยหยิบภาพจากเพจดังที่ได้เปรียบเทียบคอลเล็คชั่น Fall/Winter 2017 กับ Game of Thrones มาให้ดูกัน


เป็นยังไง สาวๆคิดว่าคล้ายกันบ้างหรือเปล่า แต่ไม่ว่าแรงบันดาลใจของคอลเล็คชั่นนี้จะมาจากไหนก็ตาม เราก็มองว่ายังคงสวยดูดี และลายเซ็นของแบรนด์ที่อยู่ในชิ้นงานก็เด่นชัด ส่วนชุดที่ไม่ได้ถูกนำมาเปรียบเทียบกับซีรี่ส์ดัง ดีไซน์จะสวยงามโดนใจหรือเปล่า ต้องดูนะจ๊ะ


กก

จากชุดที่เลือกมาให้สาวแพรวดอทคอมดูกันคือสวยยยยยทุกแบบเลยนะ ชุดที่ไม่ได้นำไปเปรียบเทียบก็แอบคล้ายสไตล์ Moroccan Kaftan ตามที่แฟชั่นนิสต้าเขาออกความคิดเห็นนะ มีความภารต ออกจะแขกๆหน่อย แต่รวมๆแล้วปังทุกชุดเลย ส่วนตัวคือชอบมากกกก เห็นแล้วอยากได้ ฮาๆๆๆ

 

 

 

ภาพ : Facebook Haute Couture Week, www.eliesaab.com

 

 

คู่รักขาลุย “เวฟ – สาริน” จ่อลั่นระฆังวิวาห์ ”บุ้ง – สะธี” ทายาทใบหยกหลังบ่มรัก 5 ปี

 คู่รักขาลุย “เวฟ – สาริน” จ่อลั่นระฆังวิวาห์ ”บุ้ง – สะธี”ทายาทใบหยกหลังบ่มรัก 5 ปี…

หลังจากที่คบหาดูใจกันมานานกว่า 5 ปี ล่าสุดความรักของอดีตพระเอก “เวฟ – สาริน บางยี่ขัน” กับ “บุ้ง – สะธี ใบหยก” ทายาทใบหยก ก็สุกงอมเต็มที่ เพราะล่าสุด “บุ้ง” ได้เตรียมลั่นระฆังวิวาห์กับแฟนหนุ่มในวันที่ 12 พ.ย. นี้ โดยปัจจุบันกำลังเตรียมตัวสำหรับขั้นตอนที่ 2 ต่อไป

“บุ้ง” ประกาศเรื่องแต่งงานผ่าน IG

สำหรับสาวห้าว “บุ้ง – สะธี ใบหยก” เป็นลูกสาวคนรองของคุณพ่อ “พันธ์เลิศ ใบหยก” กับคุณแม่ “ปริยะดา ใบหยก” ซึ่งดูแลในส่วนของตลาดประตูน้ำทั้งใบหยก 1 ใบหยก 2 และโรงแรมอินทรา รวมถึงทำฟาร์มเฟรนช์บูลด็อกกับแฟนหนุ่ม “เวฟ – สาริน” แม้ “บุ้ง” จะเป็นทายาทเศรษฐีใหญ่ แต่เธอกลับเป็นคนติดดินและลุยเหมือนกับหนุ่ม ”เวฟ” จน เรียกได้ว่าเป็นคู่รักขาลุยเลยก็ว่าได้

โดยหลังจากคบหากันได้ 4 ปี เมื่อปีที่แล้วทั้งคู่ก็ออกมาให้สัมภาษณ์ถึงความสัมพันธ์ แต่ฟีดแบ็กกลับไม่ดีเท่าไหร่ เพราะหลังจากให้สัมภาษณ์ก็โดนชาวเน็ตกระหน่ำเมาท์ทันทีว่าอดีตพระเอกดังกำลังเป็นหนูตกถังข้าวสาร แต่นักแสดงหนุ่มก็ไม่สนใจเสียงวิจารณ์รอบข้าง แม้ว่าก่อนหน้านี้ทั้งคู่จะปฏิเสธไม่คิดเรื่องแต่งงาน ล่าสุดก็ยืนยันแล้วว่าจะมีพิธีในวันที่ 13 พ.ย. นี้ “แพรวดอทคอม” ขอร่วมแสดงความยินดีกับทั้งคู่ด้วยค่ะ

ว่าที่เจ้าบ่าว – เจ้าสาวหวานฉ่ำริมหาด

สำหรับ “เวฟ – สาริน บางยี่ขัน” เป็นนักแสดงใต้สังกัดช่อง 7 สี เคยเป็นพระเอกในละครหลายเรื่อง อาทิ กระโปรงบานขาสั้น, สาวน้อยร้อยมายา, นางเอกหลังบ้าน เป็นต้น ในเวลาต่อมาก็ได้พลิกคาแร็คเตอร์ไปเล่นเป็นตัวร้าย ปัจจุบันยังคงมีงานต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นสารวัตรแม่ลูกอ่อน และละครฟอร์มยักษ์เรื่องสายโลหิต ส่วนใหญ่ยังมีละครสั้น “ฟ้ามีตา” ซึ่งยังมีให้เห็นอยู่ต่อเนื่อง

ไม่ใช่แค่ทำงานเก่ง! เปิด 3 คุณแม่เซเลบ แชร์วิธีการเลี้ยงลูก ทำอย่างไรลูกถึงมีพัฒนาการที่ดี

นานๆ ที คุณแม่เซเลบ จะได้มารวมพลกันทั้งที มีหรือจะแค่พบกันแล้วแยกย้ายกันไป ยิ่งครั้งนี้มีลูกๆ ติดตามมากับคุณแม่ด้วย การแลกเปลี่ยนวิธีการเลี้ยงลูกให้กันฟังจึงเป็นเรื่องที่น่าสนใจมากๆ ทั้งเหมาะสำหรับคุณแม่ที่มีลูกอยู่แล้ว เหมาะสำหรับสาวๆ ที่กำลังจะกลายเป็นคุณแม่ หรือแม้แต่หนุ่มสาวรุ่นใหม่รู้ไว้ก็ทำให้เข้าใจเด็กๆ และคุณแม่มากขึ้นเช่นกัน

ก่อนหน้านี้ แพรวดอทคอม ได้ไปร่วมงานเสวนา “ผิดหรือถูก เลี้ยงลูกแบบไหน เสริมพัฒนาการลูกดีที่สุด?” จัดขึ้นโดย Babi Mild Ultra Mild กลุ่มผลิตภัณฑ์จากธรรมชาติเพื่อทารกตั้งแต่แรกเกิด ที่โรงแรม Oriental Residence Bangkok โดยภายในงานนั้นมีเหล่าคุณแม่เซเลบริตี้มาร่วมงานกันจำนวนมาก ซึ่งได้คุณแม่ลูกแฝด โอปอล์ – ปาณิสรา อารยะสกุล มารับหน้าที่พิธีกร ร่วมด้วย 4 คุณหมอ ศาสตราจารย์ แพทย์หญิงอุมาพร ตรังคสมบัติ จิตแพทย์มือ 1 ของประเทศไทย และผู้ก่อตั้งเพจปั้นใหม่, แพทย์หญิงเสาวภา พรจินดารักษ์ จากเพจหมอเสาวภา เลี้ยงลูกเชิงบวก, ทันตแพทย์หญิงจีรภา ประพาศพงษ์ จากเพจหมอภา และนายแพทย์ถิรชัย ตันสันติวงศ์ กุมารแพทย์ระบบประสาท มาแชร์โมเมนต์และวิธีการเลี้ยงลูก อย่างสาวโอปอล์แม้จะมีลูกแฝด แต่ก็ต้องคอยสังเกตและเลี้ยงน้องอลิน – น้องอลันต่างกัน

มี “คุณแม่เซเลบ” มาร่วมงานทั้งที แถมคุณแม่แต่ละคนยังเป็นสาวทำงานเก่งด้วย แล้วเคล็ดลับวิธีเลี้ยงลูกของแต่ละคนจะเป็นเช่นไรบ้าง ไปฟังพร้อมกันด้านล่างนี้เลยจ้า…

คุณอุ๊ – เจนนิส (โสภณพนิช) ยังพิชิต 

คุณแม่คนสวยที่เลี้ยงฝาแฝด น้องจาณีน – น้องเจส จนกลายเป็นขวัญใจโลกโซเชียล นอกจากจะชื่นชมในความน่ารัก หน้าตาสไตล์ลูกครึ่งแล้ว เรื่องมารยาทที่คุณแม่อุ๊คอยสอนลูกๆ ก็สำคัญและน่าชื่นชมมากเช่นกัน

คุณอุ๊ – เจนนิส (โสภณพนิช) ยังพิชิต และน้องแฝด จาณีน – เจส
น้องจาณีน – น้องเจส

คุณอุ๊ – เจนนิสเล่าว่า “ชอบมีคนถามเคล็ดลับเลี้ยงลูกจากอุ๊ แต่อยากจะบอกว่าถึงอุ๊บอกก็ต้องเอาไปปรับอยู่ดี อย่างตอนท้องลูกแฝดนี่กังวลมาก บอกเพื่อนทุกคนว่าต้องมาช่วยเลี้ยง แต่พอคลอดแล้วกลับกลายเป็นว่าอุ๊เชื่อในเซ้นส์ของตัวเอง 80 เปอร์เซ็นต์เลย มีแค่ 20 เปอร์เซ็นต์ที่อาจจะอ่านตำราต่างๆ บ้าง เพราะลูกแต่ละคนมีธรรมชาติที่แตกต่างกันจริงๆ แม้แต่จาณีนกับเจสที่เป็นแฝดท้องเดียวกันยังไม่เหมือนกันเลย ซึ่งตอนแรกอุ๊ก็เป็นคุณแม่สายอนามัย โดยเฉพาะกับน้องจาณีน เพราะเป็นผู้หญิง ดูอ่อนแอกว่าน้องเจส แต่พอเริ่มโตขึ้น เราก็ขยับมาเป็นคุณแม่สายแอดเวนเจอร์ เพราะเราเห็นว่าการพาไปทำกิจกรรมต่างๆ บวกกับการที่จาณีนกับเจสเล่นกันเองนั้น ช่วยเสริมพัฒนาการซึ่งกันและกันดีมาก ตอนนี้อุ๊พาน้องไปกระบี่ปีละ 2 ครั้ง จากตอนแรกที่ลูกค่อนข้างกลัการขึ้นเรือ ก็เลยให้เริ่มจากลำเล็กๆ ตอนนี้ก็ขยับมาเป็นสปีดโบ๊ตได้แล้ว ส่วนที่ไหนที่ยังไม่ได้ไปก็เปิดยูทูบให้ดูเอา ซึ่งพ่อแม่บางคนอาจจะต่อต้านการให้ลูกดูโซเชียลมีเดีย แต่สำหรับลูกเราเห็นว่าช่วยให้ความคิดเขากว้างไกลขึ้น และมีความกล้าแสดงออกเหมือนที่เห็นจากคลิปในอินสตาแกรมค่ะ

คุณพิม – พิมภัทร์ ยมนาค 

สาวเก่งทายาทคนโตของ รศ.ดร.ต่อตระกูล วิศวกรคนดัง และภัทราดา ยมนาค เจ้าของโรงเรียนนานาชาติ บางกอกเพรพ (Bangkok International Preparatory & Secondary School) ปัจจุบันคุณพิมรับตำแหน่งรองผู้อำนวยการที่บริหารโรงเรียน และตอนนี้มีลูกสาวชื่อว่าน้องพิพพา วัย 2 ขวบ

คุณพิม – พิมภัทร์ ยมนาค

คุณพิม – พิมภัทร์เผยวิธีการเลี้ยงลูกว่า “พิมเลี้ยงน้องพิพพาแบบไม่ได้เครียดมาก เพราะด้วยความที่ทำโรงเรียน Bangkok Prep International School เลยทำให้เรามองว่าปัญหาที่เกิดขึ้นในการเลี้ยงลูกแต่ละอย่างไม่ใช่เรื่องใหญ่ที่น่าตื่นกลัว เช่น เวลาลูกหรือแม้แต่พ่อแม่ร้องไห้เวลาให้ลูกไปโรงเรียนเป็นวันแรก ก็เป็นเรื่องปกติที่ต้องผ่านไปให้ได้ อีกทั้งพิมยังเป็นคุณแม่ทำงานเต็มเวลา เลยยิ่งต้องรู้จักปล่อยวาง บางเรื่องพี่เลี้ยงช่วยดูได้ ก็ไม่ต้องลงทุกรายละเอียด แต่เรื่องความปลอดภัยของลูก พิมใส่ใจเต็มที่ เช่น ทำราวกันตกบันได เพื่อให้เราสบายใจและโฟกัสกับงานได้เต็มที่ ส่วนการที่เราไม่มีเวลาจะอยู่กับเขาตลอด ก็จะส่งไปเข้า Summer Camp ให้พบปะเพื่อนและเสริมทักษะอื่นๆ ตอนนี้น้องก็เรียน Pre-School อยู่ แม้ตอนนี้จะยังพูดแค่เป็นคำๆ เพราะเพิ่ง ขวบ แต่ก็อยากให้น้องได้เริ่มเรียนรู้ทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษตั้งแต่เแรก รวมทั้งให้เล่นของเล่นแบบ Sensory Play เพื่อฝึกกล้ามเนื้อและกระตุ้นประสาทสัมผัส”

คุณนอร์ท – พรพิมล ธรรมวัฒนะ 

ลาออกจากอาชีพแอร์โฮสเตส อาชีพในฝันของผู้หญิงหลายคนเพื่อมาเป็นภรรยาและคุณแม่เต็มตัว โดยตอนนี้ลูกสาว น้องเชอลีนน์ ก็กำลังเติบโตและมีพัฒนาการในด้านต่างๆ อย่างแข็งแรง

คุณนอร์ท – พรพิมล ธรรมวัฒนะ และน้องเชอลีนน์

เป็นคุณแม่สายทุ่ม (เวลา) ที่นานๆ จะออกงานที โดยคุณนอร์ท – พรพิมลเผยถึงชีวิตคุณแม่และการเลี้ยงลูกว่า

“พอแต่งงานกับคุณเดียร์ (แทนทอง ธรรมวัฒนะ) ก็ลาออกจากการเป็นแอร์โฮสเตส ยิ่งพอมีน้องเชอลีนน์ก็รู้สึกว่ายังไม่อยากกลับไปทำงาน เพราะอยากจะให้เวลากับลูกให้เต็มที่ เพื่อเตรียมความพร้อมให้ลูกก่อนที่จะถึงวัยเข้าโรงเรียน ไม่ว่าจะพาไปว่ายน้ำ เข้ากิจกรรมกลุ่มเพื่อเรียนรู้การเข้าสังคม สอนทักษะการช่วยเหลือตัวเองต่างๆ เช่น ใส่รองเท้า กินข้าว แต่งตัว ซึ่งพอลูกเห็นว่าแม่แฮ็ปปี้กับสิ่งที่เขาทำได้ เขาก็ชอบและรู้สึกสนุกที่ได้ทำสิ่งต่างๆ ด้วยตัวเอง

“นอกจากนี้นอร์ทยังเชื่อว่าการให้เวลาลูกเต็มที่ยังช่วยทำให้เราเรียนรู้ว่าเขาชอบทำอะไร โดยตอนนี้นอร์ทสังเกตว่าน้องชอบเล่นบล็อกไม้ เวลาเล่นจะมีสมาธิจดจ่อมาก ทั้งนี้ความกังวลต่างๆ ของคนเป็นแม่เป็นเรื่องปกติ นอร์ทเชื่อในสัญชาตญาณความเป็นแม่ แต่เราก็เพิ่งมีลูกคนแรก เลยยังหาข้อมูลจากอินเทอร์เน็ตบ้าง เพื่อติดตามนวัตกรรม ซึ่งที่สุดแล้วเราก็ไม่รู้ว่าทำได้ถูกต้อง 100 เปอร์เซ็นต์หรือไม่ แต่เราก็จะทำให้ดีที่สุด ดูแลลูกเราให้ดีที่สุดตามธรรมชาติของน้องเชอลีนน์”

ฟังวิธีการเลี้ยงลูกของคุณแม่เซเลบคนดังแต่ละคนแล้ว ถึงแม้อาจจะมีแตกต่างกันบ้าง แต่ที่เหมือนกันแน่นอนเลยก็คือ ความรัก ความใส่ใจ และให้เวลาทำกิจกรรมร่วมกับลูกๆ นั่นเอง

 


เรียบเรียงโดย: Gingyawee_แพรวดอทคอม
ภาพ: www.facebook.com/BabiMildTH/, IG @jannis_s

ท้องก่อนแต่ง!!! ปัญหาใหญ่บอกใครก่อนดี?

account_circle

ถึงแม้ว่าทุกวันนี้เรื่องการ “ ท้องก่อนแต่ง ” จะดูเป็นเรื่องธรรมดาของสังคมโลก แต่ในสังคมไทยเราคงต้องยอมรับว่ายังมีบางครอบครัวที่มองเรื่องนี้ในแง่ลบอยู่  ผู้หญิงหลายคนที่พอรู้ว่าท้อง (ทั้งที่ยังไม่แต่งงาน) ออกอาการเครียด สับสนไม่รู้ว่าควรจะบอกใครก่อนดี ใครที่เจอสถานการณ์แบบนี้อยู่ ขอให้ตั้งสติแล้วอ่านคำแนะนำต่อไปนี้อย่างตั้งใจค่ะ

สาวๆ ต้องใจเย็น พอรู้ตัวว่า ท้องก่อนแต่ง รีบตั้งสติแล้วแจ้งข่าวกับบุคคลต่อไปนี้

Photo by Andrew Wilus from Pexels

1. บอกพ่อของเจ้าตัวเล็กในท้องก่อน

อย่างแรกที่เราอยากให้ทำหลังจากตั้งสติได้ก็คือ “บอกพ่อเด็ก” ก่อนเลยค่ะ ให้เขารับรู้ว่าเรากำลังมีอีกหนึ่งชีวิตอยู่ในตัวของเรา อย่าเพิ่งเป็นกังวลว่าเขาจะยอมรับหรือไม่ยอมรับ เพราะอย่างน้อยเขาก็ควรจะต้องรู้ จากนั้นค่อยมาคิดกันว่าจะทำอย่างไรต่อไป ห้ามจิตตกหรือคิดทำอะไรไม่ดีเด็ดขาด วินาทีนี้คนที่ต้องเข้มแข็งที่สุดคือตัวคุณเอง ท่องไว้เลยว่าทุกปัญหามีทางออกเสมอ

2. รวบรวมความกล้าแล้วบอก “พ่อกับแม่”

เราเชื่อค่ะว่าข้อนี้เป็นข้อที่ทำยากและลำบากใจมากที่สุด หลายคนกลัวถูกด่าว่า กลัวท่านทั้งสองจะรับไม่ได้ กลัวจะต้องทะเลาะกันจนเรื่องบานปลายใหญ่โต หนักที่สุดคือกลัวว่าท่านจะเสียใจ แต่อย่างน้อยก็ขอให้คิดไว้ว่า “ไม่มีใครรักเราเท่าพ่อแม่อีกแล้ว” และท่านพร้อมจะให้อภัยเราได้เสมอ เพราะฉะนั้นการพูดความจริงกับท่านคือสิ่งที่ดีที่สุด ควรหาเวลาที่เหมาะสม สังเกตดูว่าท่านกำลังอารมณ์ดีและไม่ได้กำลังเครียดเรื่องอื่นอยู่ ลองคลานเข่าเข้าไปหา พร้อมกับมาลัยดอกมะลิสักพวงแล้วจึงค่อยๆ เล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้ท่านฟัง

อีกหนึ่งทางเลือกสำหรับคนที่มีคุณพ่อดุ ถ้ากลัวว่าท่านจะโกรธรุนแรงแนะนำให้บอกกับแม่ของคุณก่อน เพราะโดยธรรมชาติแล้วคนเป็นแม่จะใจเย็นและเข้าใจคุณมากที่สุด จากนั้นค่อยคิดปรึกษากันต่อว่าคุณจะเข้าไปบอกคุณพ่อตรงๆ หรือให้คุณแม่ค่อยๆ เกริ่นให้ก่อน จะได้ลดอารมณ์โมโหของคุณพ่อลงได้บ้าง

Photo by Rosie Fraser on Unsplash

3. ระบายให้ “เพื่อนสนิท” ฟังก่อนก็ได้

สำหรับใครที่กลัวและยังไม่กล้าบอกพ่อกับแม่ แต่ก็รู้สึกอยากหาคนช่วยฟังและให้กำลังใจ “เพื่อนสนิทที่สุด” ย่อมเป็นที่พึ่งและรับฟังปัญหาของคุณได้เสมอ บางคนเพื่อนอยู่ด้วยตั้งแต่ตอนตรวจเลยก็มี แต่สิ่งที่สำคัญก็คือ ต้องเป็นเพื่อนที่คุณมั่นใจว่าเขาจะไม่นำเรื่องของคุณไปพูดลับหลังให้คุณเสียหายด้วยนะ

4. เจ้านายและเพื่อนร่วมงาน

เป็นอีกหนึ่งกลุ่มคนที่คุณควรจะให้เขารู้ถึงสถานการณ์ที่เกิดขึ้น เพราะมันจะเกี่ยวเนื่องกับการทำงานของคุณเอง อย่างเช่น ในกรณีงานของคุณค่อนข้างที่จะหนักอยู่แล้ว การบอกหัวหน้างานและเพื่อนร่วมงานจะช่วยแบ่งเบาภาระงานของคุณได้บ้าง หรือเมื่อถึงเวลาที่คุณต้องลาคลอดเป็นเวลาหลายเดือน หัวหน้าจะได้จัดสรรงานในส่วนของคุณให้กับเพื่อนร่วมงานได้อย่างถูกต้อง งานจะได้ดำเนินไปได้อย่างราบรื่น ไม่มีสะดุด

ในกรณีที่แย่ที่สุดหากว่าผู้ชายคนนั้นไม่มีความรับผิดชอบมากพอ คุณจะต้องตัดสินใจเป็น “ซิงเกิ้ลมัม” ที่แข็งแกร่งให้ได้ ถ้าคุณอยากจะร้องไห้เสียใจก็สามารถทำได้ค่ะ แต่ “ห้ามทำแท้งเด็ดขาด” (ขีดเส้นใต้ 500 เส้น) ยังไงเสียเขาก็คือลูกของคุณ เกิดจากความรักของคุณ และที่สำคัญเขาไม่มีความผิดใดๆ เลยแม้แต่น้อย เพราะฉะนั้นขอให้เป็นคุณแม่เลี้ยงเดี่ยวที่เข้มแข็ง เรื่องร้ายๆ ก็ทิ้งมันไว้ข้างหลัง แล้วเริ่มต้นชีวิตใหม่กับลูกน้อยและเลี้ยงเขาให้ดีที่สุดเถอะค่ะ

ทั้งหมดนี้ที่เขียนมานี้ก็เพราะว่าอยากจะช่วยแนะนำหนทางการแก้ปัญหาให้กับทุกคน แต่สิ่งสำคัญที่อยากจะย้ำไว้ก็คือ “กันไว้ดีกว่าแก้” เพราะถ้าคุณและคนรักเลือกที่จะรักสนุกก็ควรป้องกันด้วย ไม่ว่าจะเป็นถุงยางอนามัยสำหรับชายหรือหญิง รวมไปถึงยาคุมกำเนิด เลือกใช้ให้ถูกที่ถูกสถานการณ์ จะได้ไม่เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นทีหลัง

สำหรับคนเป็นพ่อเป็นแม่ เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นมาแน่นอนว่าก็ต้องเสียใจเป็นธรรมดา แต่ไม่ว่าจะยังไง “ลูกก็คือลูก” ผิดพลาดพลั้งมาขอว่าอย่าซ้ำเติมเขาเด็ดขาด ต้องให้อภัย เป็นกำลังใจ และช่วยกันหาทางแก้ไขจะดีกว่านะคะ

ภาพ : Unsplash.com

ถ่ายทอดรุ่นสู่รุ่น สายใยรักจากแม่แมว – จารุวรรณ สู่แม่หมิว – ลลิตา ดูแลกันอบอุ่น ครบ 3 เจเนอเรชั่น

ถ่ายทอดรุ่นสู่รุ่น สายใยรักจากแม่แมว – จารุวรรณ สู่แม่หมิว – ลลิตา ดูแลกันอบอุ่น ครบ 3 เจเนอเรชั่น…

เป็นอีกหนึ่งครอบครัวคนดังที่น่ารักอบอุ่นจริงๆ สำหรับบ้านของหมิว – ลลิตา ปัญโญภาส นานทีจะเห็นภาพออกสื่อแบบครบสมาชิกทั้ง 3 เจเนอเรชั่น ทั้งคุณแม่แมว – จารุวรรณ ปัญโญภาส รวมถึงน้องแพลงต้อนและอีตั้นที่ตอนนี้เริ่มโตเป็นหนุ่มกันแล้ว

การเลี้ยงดูลูกหลานของบ้านนี้จริงๆคงต้องยกเครดิตให้คุณแม่แมว – จารุวรรณไปเต็มๆ ที่ดูแลปลูกฝังลูกสาวคนเดียวอย่างหมิว – ลลิตาได้อย่างดีตั้งแต่เล็กจนโต เป็นนางเอกดังของวงการบันเทิง จนกระทั่งแต่งงานมีลูก แม้ว่าจะคนละยุคกับที่คุณแม่แมวเคยเลี้ยงตัวเองมา แต่ก็มีหลายอย่างที่คุณแม่หมิว – ลลิตานำมาปรับใช้กับลูกชายทั้งสองคนด้วย

“หมิวเลี้ยงลูกใช้ทุกรูปแบบ ทุกอารมณ์ ทั้งดุ ทั้งปลอบ ก็พยายามเข้าใจลูกทุกอย่าง เราเคยเป็นเด็กแบบเขามาก่อน และเคยเป็นลูกของพ่อแม่เรา ก็เลยทำให้คิดถึงตัวเองตอนเป็นเด็ก แม่เราสอนเราแบบไหน แต่มันอาจไม่เหมือนกันเลยทีเดียว เพราะเราเป็นผู้หญิง แต่ลูกเราเป็นผู้ชาย 2 คน ความคิดต่างกัน ต่างกับเราด้วย และเขา 2 คนก็มีความคิดต่างกัน ก็เลยต้องเรียนรู้ความต่างของเขา หมิวจะพยายามเป็นเพื่อนและแม่เขาด้วย พยายามใช้เหตุผลคุยกัน”

การเลี้ยงลูกชายสองคนไม่ใช่เรื่องง่าย แต่ก็ถือว่าทั้งแพลงต้อนและอีตั้นก็เป็นลูกที่ได้ดั่งใจคุณแม่หมิวไม่น้อยเลย เพราะมีอยู่บ่อยๆ ที่ทั้งคู่ทำเซอร์ไพร้ส์ให้คุณแม่ เห็นดูทะเล้นแบบนี้ ก็มีมุมอ่อนโยนที่ทำให้คุณแม่หมิวประทับใจได้เหมือนกัน

“ตอนเด็กๆเขาก็ทำการ์ดให้ พอโตขึ้นเขาก็คุยกับเรา ถามเราว่าวันนี้แม่ทำงานอะไร เป็นไงบ้าง หรือเราถามเขาว่าวันนี้ที่โรงเรียนเป็นยังไง ความสัมพันธ์ตรงนี้มันเกิดขึ้นทุกวัน ไม่จำเป็นต้องรอวันพิเศษ มันเกิดในทุกช่วงจังหวะของชีวิต มันเกิดขึ้นเรื่อยๆอยู่แล้ว ก็เหมือนเราดูแล เป็นกำลังใจให้กันและกัน ทำทุกวันเป็นวันสำคัญ พอวันที่เป็นวันแม่จริงๆก็อาจไม่ได้มีอะไรพิเศษมาก เพราะทุกวันเราก็อยู่ด้วยกัน ทำทุกวันเป็นวันที่ดีอยู่แล้ว”

สายใยรักของบ้านนี้อบอุ่นและแนบแน่นมาก ยิ่งได้ฟังที่แม่หมิวเล่าก็ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมถึงเลี้ยงลูกชายได้น่ารักแบบนี้ ก็เพราะมีตัวอย่างที่ดีแบบคุณแม่แมว – จารุวรรณนี่แหละจ้า

 

ภาพ : Central | ZEN Mother’s Day

อ่านรายละเอียดของCentral | ZEN Mother’s Day คลิกที่นี่

 

 

 

“หญิงแม้น” เผยชีวิตหลังแต่งเรียบร้อยเป็นแม่ศรีเรือน ผลัด 2 ปีค่อยมีทายาท ท่านพ่อเกริ่นอยากได้หลานสาว

หลังจาก “หญิงแม้น” หรือ “ม.ร.ว.แม้นนฤมาส ยุคล” เข้าพิธีแต่งงานไปเมื่อปลายปีที่แล้ว เธอก็ควงสามี “ซัน – ต่อสวัสดิ์ สวัสดิ์-ชูโต” ไปเที่ยวบ่อยๆ จนไม่ค่อยได้มีเวลาออกงานสังคมเท่าไหร่ ล่าสุดมีโอกาสได้เจอเธอในงานกิจกรรมวันแม่แห่งชาติ “รักแม่…รักษ์สุขภาพ (ดวงตา) แม่” ณ โรงพยาบาลราชวิถี อาคารเฉลิมพระเกียรติ 6 รอบพระชนมพรรษา จึงไม่พลาดขอสัมภาษณ์อัพเดตเกี่ยวกับชีวิตหลังแต่งงาน ซึ่งเธอได้เปิดเผยว่า

“ซัน – ต่อสวัสดิ์” และ “หญิงแม้น”

“แต่งงานมาได้เกือบปีแล้ว พฤศจิกายนนี้ก็ครบปีพอดี มีความสุขดี ตั้งแต่แต่งงานก็ออกไปเจอเพื่อนน้อยลง แต่ก็มีความสุขอยู่ที่บ้านมากขึ้น ที่จัดงานเรียบง่ายก็เป็นเรื่องที่หลายคนคงรู้เกี่ยวกับพระราชพิธี (พระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9) เลยไม่ได้จัดแบบใหญ่โตอะไร ส่วนตัวเราอยากแต่งเลย ไม่อยากรอ ไม่จำเป็นต้องมีงานวิวาห์ยิ่งใหญ่อะไร อยู่เงียบๆก็มีความสุขดี ก็ดูฤกษ์มาแล้ว เลยตัดสินใจแต่งเมื่อปีที่แล้ว ครบปีก็มีแพลนว่าจะไปเที่ยวกันเงียบๆ คงไม่ได้จัดงานอะไร

“หญิงแม้น” แม่ศรีเรือน

“ชีวิตหลังแต่งงานก็เป็นแม่ศรีเรือนมากขึ้น ส่วนตัวคิดว่าตัวเองเรียบร้อยขึ้น เป็นแม่ศรีเรือนมากขึ้น อยู่บ้านมากขึ้น ส่วนที่เปลี่ยนไปแบบนี้ก็ไม่ใช่เพราะว่าสามีขอด้วยค่ะ แต่การที่เขาเป็นคนเงียบๆ ชอบอยู่กับธรรมชาติ ชอบธรรมะธัมโม พอได้อยู่กับเขาก็รู้สึกว่าตัวเราอยากที่จะเปลี่ยนเพื่อให้อยู่กับเขาได้ ส่วนตัวเขาก็เปลี่ยนเหมือนกัน คือใจเย็นขึ้น เพราะว่าเราเป็นคนค่อนข้างใจร้อน เวลาที่อยู่ด้วยกันเขาก็ต้องพยายามใจเย็นเพื่อที่จะเอาเราให้อยู่ แต่ก็บอกเลยว่าเขาเป็นสามีที่น่ารักมาก”

สาวฮ็อตสุดเซ็กซี่

อย่างไรก็ตามเมื่อสอบถามเกี่ยวกับการมีทายาทนั้น เจ้าตัวเผยว่า “ยังไม่ได้มีแพลนจะมีน้อง ปีนี้อายุ 27 ปี เดี๋ยวขอเวลาอีก 2 ปีค่อยว่ากัน เพราะไม่อยากมีลูกเกินอายุ 30 ปี สามีก็ไม่อยากมีลูกเลย คือเขาคิดว่าอยู่กันสองคนก็มีความสุขดีแล้ว แต่ว่าเราเป็นคนชอบเด็ก ก็อยากมี เดี๋ยวขอรอพร้อมกว่านี้ก่อน ถามว่าที่บ้านเร่งไหม ท่านพ่อก็แย็บๆว่าอยากให้มี เพราะอยากมีหลานสาว”

ภาพจาก@yingmann

ดูดวงรายวัน ประจำวันอังคารที่ 8 สิงหาคม 2560

ดูดวงรายวัน ประจำวันอังคารที่ 8 สิงหาคม 2560 เช็คทุกวัน ทันทุกดวงกับ แพรว ดอทคอม

ผู้ที่เกิดวันอาทิตย์

การงาน : ขออนุญาตกากบาทนะคะ วันนี้อย่าดื้อหรือเอาชนะ ทั้งที่รู้ว่าไม่ใช่นะคะ เพราะจะยิ่งทำให้งานผิดพลาดมากขึ้น

การเงิน : ติดขัด ขาดสภาพคล่อง เครียดกับการหมุนเงิน

ความรัก : วันนี้ระวังจะมีปากเสียงกันเรื่องบุคคลที่ 3 หรือความรักที่ปิดบังซ่อนเร้น คนโสด อย่าเพิ่งหลงรักใคร จะเสียใจได้

สุขภาพ : ระวังตัวเบอร์สูงสุด

 

ผู้ที่เกิดวันจันทร์

การงาน : ท่านที่อยู่ในงานด้านโฆษณาประชาสัมพันธ์ นักธุรกิจ หรือผู้ที่ให้คำปรึกษา กำลังตกอยู่ในภาวะที่ต้องใช้ความคิดหรือทบทวน ชั่งน้ำหนักหาเหตุและผลประกอบการตัดสินใจในทุกๆ เรื่องที่จะเข้ามา

การเงิน : หมดกับการซื้อความสุขให้ตัวเอง หรือเพื่อหน้าตาในสังคม

ความรัก :  วันนี้ท่านมีโอกาสได้ทำธุรกิจร่วมกับคู่ครอง ซึ่งก็ประสบความสำเร็จ ผู้ใหญ่ให้การสนับสนุนดี  คนโสด มีเข้ามาให้เลือกจนเหนื่อยเลยค่ะ

สุขภาพ : อย่ากลั้นปัสสาวะ เพราะจะทำให้กรวยไตและกระเพาะปัสสาวะอักเสบ

 

ผู้ที่เกิดวันอังคาร

การงาน  :  ท่านมีความปรารถนาอย่างแรงกล้าที่จะประสบความสำเร็จ แต่ยังต้องฝ่าฟันกับปัญหาและอุปสรรคที่จะเข้ามาโดยคาดไม่ถึง พยายามหาเพื่อนหรือบริวารคู่คิดที่รู้ใจก็จะช่วยเหลือให้งานสำเร็จราบรื่นขึ้น

การเงิน :  หมดกับการเลี้ยงดูเพื่อนฝูงและบริวาร

ความรัก : วันนี้ควรลดความคาดหวังในตัวคู่ลงนิด ให้อภัยกันเยอะๆ เพราะเวลาท่านโมโหหรือทะเลาะกันทีไรจะควบคุมตัวเองไม่อยู่  คนโสด ยังเข็ดกับความรัก ขออยู่คนเดียวก่อน

สุขภาพ : ระวังโรคตามากันเป็นแพ๊ค ทั้งต้อหิน ต้อลม ต้อกระจก

 

ผู้ที่เกิดวันพุธ

การงาน  : ท่านได้ทำงานในสิ่งที่รักที่ชอบ จึงทำงานอย่างมีความสุข สดชื่น หรืออาจค้นพบว่า จริงๆ แล้วตัวเองทำงานอะไรแล้วมีความสุข

การเงิน   : มีอารมณ์จับจ่ายใช้สอยกับการซื้อเสื้อผ้าสวยไปออกเดท

ความรัก : วันนี้ท่านมีนัดเดท หรือดินเนอร์ หรือฮันนีมูนรอบที่เท่าไหร่ก็ไม่รู้ คนโสด โลกท่านกำลังเป็นสีชมพู อยู่ในห้วงตกหลุมรัก

สุขภาพ : ระวังอุบัติเหตุจากการเดินทางทั้งทางบกและทางน้ำ

 

ผู้ที่เกิดวันพฤหัสบดี

การงาน : วันนี้จินตนาการท่านพลิ้วมาก ควรนำมาใช้ให้เกิดประโยชน์ เช่น งานที่เกี่ยวกับวงการบันเทิง ความสวยงาม แต่ระวังอย่าเชื่อคนง่ายนะคะ จะถูกหลอกได้

การเงิน :   พยายามอย่าให้กู้เงิน หรือค้ำประกันใคร โดยเฉพาะคนใกล้ชิด ความเสี่ยงมีสูง

ความรัก : วันนี้ท่านอ่อนไหว ลังเล ตัดสินใจเรื่องภายในครอบครัวไม่ได้ ทำให้ต้องมีปัญหาขบคิดอยู่ตลอดเวลา คนโสด อาจมีรักรีเทิร์น กลับมารักกันใหม่

สุขภาพ : ช่วงนี้ทานผักผลไม้ วิตามินบำรุงเลือดหน่อย

 

ผู้ที่เกิดวันศุกร์

การงาน  : เดินทาง ติดต่อสื่อสาร ทั้งวันค่ะ แต่ก็อย่าลืมดูแลทีมงานให้ดี เพราะท่านใจดีเกินไป จนบริวารสนิทสนมเกินพอดี ทำให้ปกครองลำบาก

การเงิน : หมุนเวียนสูง เข้ามือขวาออกมือซ้าย หากมีเหตุฉุกเฉิน ท่านสามารถขอความช่วยเหลือจากผู้ใหญ่ได้

ความรัก : วันนี้อาจเริ่มเบื่อๆๆ ชวนกันไปเปลี่ยนบรรยากาศดินเนอร์นอกบ้านบ้างก็ดี หรือง่ายๆ ช่วยกันโยกย้ายจัดบ้านบ้างก็พอช่วยได้ คนโสด ท่านคาดหวังสูง เพราะฉะนั้นอาจต้องรอนานนิด

สุขภาพ  :  จะมีปัญหาเลือดลมหมุนเวียนไม่สะดวก พกยาอม ยาดม ยาหม่องไว้บ้าง

 

ผู้ที่เกิดวันเสาร์

การงาน : ท่านอยู่ท่ามกลางการแข่งขัน ชิงดีชิงเด่น ระวังการมีปากเสียง ขัดแย้งในเรื่องของผลประโยชน์

การเงิน : อย่าดื้อลงทุน หากยังไม่เห็นผลประโยชน์ชัดเจน เพราะเอาแน่ไม่ได้

ความรัก :  วันนี้เหมือนท่านพยายามจะเอาชนะคนรัก ซึ่งไม่ได้เกิดผลดีเลย มีแต่จะทะเลาะกันใหญ่โต กลั้นใจยอมหย่าศึกน่าจะเป็นวิธีที่ดี คนโสด มาแบบชั่วครั้งชั่วคราว ไม่จริงใจ

สุขภาพ : ระวังตัวเบอร์สูงสุดนะคะ

keyboard_arrow_up