สารพัดไอเดียใส่ความโรแมนติดให้งานแต่งงานครั้งเดียวในชีวิตในแบบของคุณ

account_circle

หากเอ่ยถึง งานแต่งงาน จะนึกถึงอะไรกันบ้าง? เจ้าสาว เจ้าบ่าว เค้กแต่งงาน ความรัก ดอกไม้ ชุดเจ้าสาว ฯลฯ อีกองค์ประกอบหนึ่งที่เรานึกถึงก็คือ “ความโรแมนติก” เพราะมันจะทำให้วันแห่งความรักของคุณออกมาเพอร์เฟ็กต์แบบหาที่ติไม่ได้ แต่จะทำอย่างไรให้งานแต่งโรแมนติกได้อย่างที่ใจปรารถนา เราขอบอกเลยว่าไม่ยากอย่างที่คิด

1ถ้าหากเป็นงานเลี้ยงยามค่ำคืนล่ะก็ หัวใจสำคัญของการสร้างความโรแมนติกคือการประดับประดาโคมไฟให้สวยงาม

2ดอกไม้สีหวานเป็นอีกหนึ่งสิ่งที่ทำให้งานแต่งดูโรแมนติกชวนฝัน

3ให้กลิ่นหอมๆ ช่วยสร้างบรรยากาศโรแมนติก อาจจะเป็นกลิ่นหอมจากดอกไม้ เทียนหอม ธูปหอม หรือน้ำมันหอมระเหย

4          งานแต่งเอ๊าท์ดอร์กับแชนเดอเลียร์ ถือเป็นความขัดแย้งที่รวมกันได้อย่างลงตัวจนกลายเป็นความโรแมนติกอย่างน่ามหัศจรรย์

5ฉากเต้นรำแสนหวานผสานกับเพลงรักความหมายดีๆ เพียงเท่านี้ความโรแมนติกก็บังเกิดแล้ว

6ใครจะคิดว่าแค่เชิงเทียนบนโต๊ะอาหารก็ช่วยสร้างบรรยากาศโรแมนติกได้ราวกับงานเลี้ยงในเทพนิยาย

7ธีมสีอ่อนๆ อย่างสีขาว สีชมพูอ่อน สีฟ้าอ่อน เหล่านี้แหละเหมาะสำหรับงานแต่งแสนโรแมนติก

8ปิดท้ายงานวิวาห์แสนโรแมนติกด้วยการเคียงคู่กันชมดอกไม้ไฟหรือปล่อยโคมลอย (กรณีหลังนี่ควรคำนึงถึงสถานที่และบริเวณโดยรอบด้วยนะคะ)

ขอบคุณภาพจาก : www.bridalmusings.com, www.twilightsaga.wikia.com, www.stylemepretty.com, www.wedluxe.com, www.deerpearlflowers.com

งานแต่งไซน์มินิราคาไม่แพงกับบิ๊กฮันนีมูน @ Aleenta Hua Hin Resort & Spa

account_circle

ก่อนถึงวันหยุดสุดสัปดาห์ น้องหอยเหลือบตามองดูโควต้าวันลาพักร้อนยังเหลืออยู่เต็มแม็ก แถมช่วงนี้งานยังไม่ล้นมือก็เลยตัดสินใจกล่าวลา (พักร้อน) กับเจ้านายร่างเล็กสักสองวัน ชวนหวานใจจัดทริปสั้นๆ มาพักผ่อนเบาๆ ที่  Aleenta Hua Hin Resort & Spa พร้อมเซอร์เวย์หาสถานที่จัดงานแต่งงานในฝันกันซะเลย

ปลายทางที่ปักหมุดกันในครั้งนี้ไม่ใกล้ไม่ไกลแค่ชายทะเลเงียบๆ เลยหัวหินไปหน่อย Aleenta Hua Hin Resort & Spa รีสอร์ทเล็กๆ แถมปากน้ำปราณที่น้องสาวผู้ร่วมงานให้ข้อมูลเบื้องต้นตามสไตล์มือโปรด้านรีสอร์ทริมทะเลไว้ว่าที่นี่ติดหนึ่งในที่พักในที่ได้รับรางวัล SLH ซะด้วย

หอมกลิ่นลีลาวดีลอยมาต้อนรับ

ทันทีที่ผ่านประตูรั้วเข้าสู่อาณาเขตของรีสอร์ท ความสดชื่นและหอมมากของกลิ่นดอกลีลาวดีลอยมาแตะจมูกน้องหอยในบัดดล มองไปรอบๆ ก็เห็นชัดๆ เลยว่า ดอกไม้ชนิดนี้น่าจะเป็นกิมมิคสำคัญหรือเรียกได้ว่าเป็นดอกไม้ประจำรีสอร์ทนี้เลยก็ว่าได้ เพราะบนพื้นหญ้าสีเขียวของสวนขนาดย่อมตรงหน้า มีดอกลีลาวดีร่วงหล่นโชว์ความขาวอยู่บนความเขียว

หันขวาไปนิดก็เจอคุณพี่พนักงานยื่นน้ำกระเจี๊ยบเวลคัมดริ้งเย็นชื่นใจให้จิบคลายเหนื่อย น้ำกระเจี๊ยบที่ว่านี้ทำจากดอกไกระเจี๊ยบที่ทางรีสอร์ทปลูกเองในฟาร์มผักขนาดย่อมๆ ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากรีสอร์ท พอสืบไปสืบมาก็เลยได้รู้ว่า นอกจากน้ำกระเจี๊ยบนี้แล้ว พืชผักที่สร้างสรรค์มาเป็นเมนูอาหารแสนอร่อยของที่นี่ส่วนใหญ่ได้มาจากฟาร์มเดียวกันนี่แหละ แต่ความน่ารักที่เราชอบก็คือ คนดูแลฟาร์มไม่ใช่ใครอื่นไกล เป็นชาวบ้านในพื้นที่แทบทั้งนั้น แบบนี้ดี๊ดีเนอะว่าไหม

สำรวจพื้นที่ห้องหับ

Frangipani Wing Residence
Frangipani Wing Residence

ภารกิจออกตามหาพื้นที่จัดงานแต่งงานของน้องหอยกำลังจะเริ่มทันทีที่เข้าห้องวางกระเป๋า แต่อยู่ๆ คุณหวานใจว่าที่เจ้าบ่าวก็คว้ามือหมับ!! แล้วชวนทำอย่างอื่นกันก่อน อ่ะๆๆ ไม่ใช่เรื่องอย่างว่า แต่คุณชายชวนให้สำรวจห้องนอนต่างหาก ว่าแล้วน้องหอยก็เพิ่งคิดได้ว่า นั่นสิเนอะแดดก็ออกจะร้อนแรงขนาดนี้ งั้นอยู่ในห้องซึมซับความงามของการตกแต่งในห้องก่อนละกัน

Pool Residence
Pool Residence

ห้องหอเอ๊ย…ห้องนอนของเราในคืนนี้มีชื่อเรียกว่า Pool Residence เป็นห้องทรงกลมที่หันหน้าหาทะเล ทำให้เมื่อนั่งอยู่บนเตียงจะหลับตาลืมตาก็สัมผัสได้ถึงทะเล แหม…เสียงคลื่นซัดสาดฟังเพลินๆ ตั้งแต่มาถึง ยิ่งได้เห็นความสะอาดของชายหาดและทะเลที่กว้างแสนกว้างสีตัดกับท้องฟ้าแบบนี้ ไม่ใช่ว่าจะหาได้จากทุกรีสอร์ทแถวนี้ซะเมื่อไหร่

บรรยากาศข้างนอกที่มองเห็นได้จากข้างในว่าดีงามแล้วยังไม่พอ ความเป็นส่วนตัวและทำให้รู้สึกได้มาใช้เวลาพักร้อนจริงจังก็คือ ในห้องไม่มีโทรทัศน์! ซึ่งบอกเลยว่าเป็นความตั้งใจของรีสอร์ทที่จะมอบความรู้สึกว่าได้มาพักผ่อนอย่างแท้จริงกับแขกทุกคน แต่เพราะเข้าใจว่าในยุคนี้โลกออนไลน์มีผลต่อการใช้ชีวิตของคนเราอย่างแยกไม่ค่อยได้ ก็เลยจัดให้มี high speed Wifi ไว้บริการ อยู่ที่แขกแล้วล่ะว่าจะเลือกเสพอินเตอร์เน็ตประหนึ่งอยู่ที่กรุงเทพฯ หรือละทิ้งไปบ้างและเสพธรรมชาติตรงหน้าก็เรื่องแบบนี้บังคับใจกันยากเนอะว่าไหม

คุณหวานใจออกไปดูรอบๆ ห้องพัก ก็ไปถูกใจสะดุดตากับใบจากสีน้ำตาลที่เรียงรายปกคลุมอยู่บนหลังคาของห้องพัก ด้วยความรักธรรมชาติยิ่งชีพก็เลยถามพนักงานว่าเปลี่ยนบ่อยแค่ไหนแล้วภายใต้ใบจากนั้นเป็นหลังคากระเบื้องหรืออย่างไร ปรากฏว่าคำตอบที่ได้มาทำเอาประทับใจหนักกว่าเดิม เพราะใบจากที่ว่านี้ทำหน้าที่มากกว่าการเป็นหลังคาเพราะภายใต้มีแผงโซล่าเซลล์คอยเก็บเอาพลังงานแสงอาทิตย์ไว้ให้แขกได้ใช้ยามค่ำคืนตามสไตล์ Eco Friendly Resort โอ้โห…คุณหวานใจของน้องหอยได้ฟังแล้วก็แสนจะปลื้มปริ่มจนบอกว่าจะเอาวิธีนี้ไปใช้ในบ้านเรือนหอของเราบ้าง แนวคิดดีๆ แบบนี้มีหรือที่น้องหอยจะคัดค้าน

มองหาจนเจอสถานที่จัดงานแต่งงานในฝัน

หลังแดดร่มลมตกน้องหอยเลยชวนคุณหวานใจไปเล็งสถนที่จัดงานแต่งงานกันซะหน่อย เพราะเป้าประสงค์หลักของการมาที่นี่คือ ตามหาพื้นที่จัดงานแต่งงานไซน์มินิที่เราสองคนฝันไว้ ทีนี้ก็เลยพุ่งตัวไปหาน้องพนักงานทันทีถามกันไปตรงๆ ตามโจทย์ความฝันที่ตั้งไว้ ดูสิว่าฝันนี้จะเป็นรูปเป็นร่างได้แค่ไหน

โจทย์ของเราคือ จำนวนคนที่มีอยู่ในงานรวมๆ แล้วอยู่ที่ 50 คนเท่านั้น และเราอยากให้ทุกคนได้ปาร์ตี้พักผ่อนกับเราสบายๆ ไม่ต้องขับรถมาไกลแล้วลำบากขับกลับเลย สุดท้ายคือเราอยากทำพิธีการแต่งงานเล็กๆ เฉพาะในครอบครัวของเราสองบ้านเท่านั้น น้องๆ พนักงานได้ฟังดังนี้ก็พาเราขึ้นรถขับออกจากโซนรีสอร์ทมุ่งห้าไปยัง Frangipani Zone ซึ่งอยู่ห่างออกไปประมาณ 200 เมตรทันที

Frangipani Zone ที่ว่านี้มีห้องพักบริการเพียง 6 ห้องกับ 3 ประเภทห้อง พร้อมสระว่ายน้ำหน้าห้องขนาดใหญ่และสนามหญ้าขนาดพอดีๆ สำหรับจัดงานแต่งงานไวน์มินิที่เราต้องการ น้องหอยจึงไปยืนเล็งอยู่ที่หน้าห้อง Chaba Villa ห้องพักสีขาวสะอาดตาที่ด้านหน้ามีสนามหญ้าให้จัดปาร์ตี้ได้สบายๆ พลันมองก็จินตนาการภาพงานแต่งงานของเราในไม่กี่เดือนที่จะถึงนี้มา จะเอาฉากถ่ายภาพไว้ตรงหน้าบ้าน จะสวมแหวนที่ดาดฟ้าหรือบนสนามโดยมีทะเลเป็นฉากหลังดี แล้วถ้ามีแห่ขันหมากเล็กๆ ตรงทางเดินเข้ามายัง Chaba Villa น่าจะตอบโจทย์

ส่วนแขกที่มาร่วมงานก็สามารถเลือกนอนได้ที่โซนนี้ หรือถ้าไม่พอดีก็แบ่งไปนอนที่รีสอร์ทโซน ซึ่งน้องหอยจะพักผ่อนอิงกายกับว่าที่เจ้าบ่าวคืนี้ โอ๊ยยยยย อะไรมันจะช่างพภอดิบพอดีขนาดนี้ ว่าแล้วก็จองเลยไหมอ่ะคุณหวานใจ

Pre Honeymoon ในค่ำคืนแห่งรัก

อิ่มเอมใจไปกับสถานที่จัดงานแต่งงานสวยๆ ที่เรียกได้ว่าตอบโจทย์น้องหอยแทบจะครบทุกอย่าง ก็ถึงเวลามามุ้งมิ้งกับสองต่อสองซะที ขอเรียกว่าเป็น Pre Honeymoon ก่อนจะร่างแผนไปฮันนีมูนหลังแต่งละกัน แต่พอเอ่ยปากถามคุณหวานใจว่าเราจะไปฮันนีมูนที่ไหนกับดี คุณชายก็มีคำตอบดีๆ คอยอยู่แล้ว

“แต่งที่นี่ ก็ฮันนีมูนที่นี่สิจ้ะ รวดเร็วทันใจจบไปในที่เดียว” โอ๊ยยยย ถ้าจะตอบแบบนี้ละก็ คืนนี้ก็ขอคว้าชุดนอนที่ทางรีสอร์ทเตรียมไว้ให้มาใส่แล้วซ้อมฮันนีมูนในสถานที่จริงแบบนี้กันก่อนเลยก็แล้วกัน

ติดต่อ : Aleenta Hua Hin Resort & Spa ต.ปากน้ำปราณ จ.ประจวบคีรีขันธ์ โทร. 0-2514-8112 เว็บไซต์ https://www.aleenta.com/huahin/weddings

เรื่อง : น้องหอยคลานไปเที่ยว

ที่ของข้าพเจ้าในโลกนี้ คือการได้อยู่ท่ามกลางประชาชนของข้าพเจ้า นั่นคือคนไทยทั้งปวง

เชื่อว่า คนไทย  ไม่ว่าจะอยู่บนแผ่นดินไทยหรือแผ่นดินนอก ต้องเคยได้อ่านหรือได้ยินพระราชดำรัสทรงคุณค่าที่ว่า “…ที่ของข้าพเจ้าในโลกนี้ คือการได้อยู่ท่ามกลางประชาชนของข้าพเจ้า นั่นคือคนไทยทั้งปวง” มาแล้วแน่ๆ

ทว่าจะมีสักกี่คนที่เคยอ่านพระราชดำรัสนี้แบบเต็มๆ ประโยค  วันนี้แพรวขออัญเชิญความตอนนี้ซึ่งอยู่ในพระราชหัตถเลขาของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร ที่ทรงมีไปถึงพระสหายในต่างประเทศ ภายหลังจากที่เสด็จขึ้นครองสิริราชสมบัติ ดังนี้

“…เมื่อข้าพเจ้าเป็นนักเรียนอยู่ในยุโรป ข้าพเจ้าไม่เคยตระหนักว่าประเทศของข้าพเจ้าคืออะไร และเกี่ยวข้องกับข้าพเจ้าแค่ไหน ไม่ทราบตราบจนกระทั่งข้าพเจ้าได้เรียนรู้ที่จะรักประชาชนของข้าพเจ้า เมื่อได้มีการติดต่อกับเขาเหล่านั้น ซึ่งทำให้ข้าพเจ้าสำนึกในความรักอันมีค่ายิ่ง ข้าพเจ้าไม่เป็นโรคคิดถึงบ้านที่จริงจังอะไรนัก แต่ข้าพเจ้าได้เรียนรู้โดยการทำงานที่นี่ว่า ที่ของข้าพเจ้าในโลกนี้ คือการได้อยู่ท่ามกลางประชาชนของข้าพเจ้า นั่นคือคนไทยทั้งปวง…”

นั่นทำให้เราคนไทยมีภาพความทรงจำแสนคุ้นชิน ไม่ว่าจะเป็นการที่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตรเสด็จพระราชดำเนินไปยังพื้นที่ต่างๆ ของประเทศ ทั้งเหนือ ใต้ ออก ตก ประทับยืน หรือนั่ง อยู่ท่ามกลางประชาชน และหลายครั้งก็ทรงคุกพระชานุต่อหน้าพสกนิกรของพระองค์ กระทั่งมีคำพูดว่า ไม่มีพื้นที่ตารางนิ้วไหนของประเทศไทยที่พระองค์ไม่ได้เสด็จฯไป

ในหลวงของคนไทย

ในหลวงของคนไทย

ในหลวงของคนไทย

ในหลวงของคนไทย

ในหลวงของคนไทย

ในหลวงของคนไทย

กล่าวได้ว่าพระองค์ทรงเป็นพระมหากษัตริย์หนึ่งเดียวในโลกที่ไม่สมัครพระทัยอยู่แต่ในปราสาทราชวัง แต่ทรงเลือกที่จะดูแลทุกข์สุขของประชาชนแบบลงพื้นที่ด้วยพระองค์เอง ภาพพระเสโทหยดริน พระวรกายเปียกชุ่มจากสายฝน ทั้งบุกป่าฝ่าดง ไม่เว้นแม้กระทั่งยามค่ำคืน

ในหลวงของคนไทย

ในหลวงของคนไทย

ในหลวงของคนไทยในหลวงของคนไทย

ในหลวงของคนไทย

ในหลวงของคนไทย

คนไทย โชคดีนัก เพราะไม่มีพระมหากษัตริย์พระองค์ไหนในโลกนี้ที่จะทรงงานหนักเพื่อพสกนิกรได้เทียบเทียมพระองค์อีกแล้ว

และหากนับว่าวันที่พระองค์เสด็จฯขึ้นครองราชย์ยังทรงเป็นยุวกษัตริย์ ด้วยทรงมีพระชนมายุยังไม่เต็ม 19 พรรษาดีนัก ย่อมกล่าวได้ว่าตลอดห้วงแห่งการครองราชย์ 70 ปี พระองค์ทรงทำทุกอย่างเพื่อความกินดีอยู่ดีของอาณาประชาราษฎร์มาตลอดพระชนมายุ สมดังพระราชหัตถเลขาที่เปรียบประหนึ่งพันธะสัญญาที่ว่า…

ที่ของข้าพเจ้าในโลกนี้ คือการได้อยู่ท่ามกลางประชาชนของข้าพเจ้า นั่นคือคนไทยทั้งปวง อย่างแท้จริง

ความงดงามของราชวงศ์ยุโรปในฉลองพระองค์ 9 ลุคโทนสีสุภาพ ทรงพระสิริโฉมทุกพระองค์

ถ้าพูดถึงเจ้าหญิงหรือราชินีในเทพนิยาย หลายคนคงมองภาพว่าต้องใส่ชุดยิ่งใหญ่อลังการ มีมงกุฎประดับอยู่ตลอดเวลา มีผู้คนคอยตามรับใช้ไม่ห่างกาย แต่ในชีวิตจริงและ ณ ตอนนี้มันไม่ใช่แล้ว เพราะจากที่เราเห็นกันจนชินตา ไม่ว่าจะราชวงศ์ไทยเองหรือราชวงศ์อื่นๆ ก็ทรงงานเพื่อประชาชน พบปะราษฎร เข้าช่วยเหลือในทุกด้านเพื่อความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นของประชาชน

แน่นอนว่าการเสด็จฯไปตามที่ต่างๆ ฉลองพระองค์ต้องเข้ากับสถานการณ์และโอกาส โดยเฉพาะเจ้าหญิงและราชินี ซึ่งต้องคำนึงถึงเรื่องนี้มาก เพราะถึงจะเป็นราชวงศ์ทางฝั่งยุโรป มีประเพณีแบบฝรั่ง แต่การแต่งกายก็ต้องสุภาพและเหมาะสมเช่นกัน วันนี้แพรวดอทคอมจะขอยกเจ้าหญิงและราชินีของราชวงศ์ยุโรปผู้ทรงพระสิริโฉม ที่ทรงออกพบเจอประชาชนอยู่ตลอด อย่างดัชเชสแห่งเคมบริดจ์ ควีนเลติเซียแห่งสเปน และเจ้าหญิงแมรี มกุฎราชกุมารีแห่งเดนมาร์ก มาให้ได้ดูกันว่าทั้ง 3 พระองค์ฉลองพระองค์ได้ทรงพระสิริโฉมมากเพียงใด

พิเศษไปกว่านั้น จากอินสตาแกรม @royaladdicted2 มีภาพของทั้ง 3 พระองค์ที่ฉลองพระองค์ในแบบที่ละม้ายคล้ายกัน และลุคออกมางดงามไม่ต่างกัน มาชมไปพร้อมๆ กันว่าจะมีลุคไหนบ้างที่ฉลองพระองค์คล้ายกัน

 

ฉลองพระองค์เดรสแบบ Peter Pan/Chelsea Collar

เรียงจากซ้ายไปขวา

1. ดัชเชสแห่งเคมบริดจ์ ฉลองพระองค์จากแบรนด์ Catherine Walker
2. ควีนเลติเซียแห่งสเปน ฉลองพระองค์จากแบรนด์ Nina Ricci
3. เจ้าหญิงแมรี มกุฎราชกุมารีแห่งเดนมาร์ก ฉลองพระองค์จากแบรนด์ Prada

 

ฉลองพระองค์สีชมพูสุภาพ

เรียงจากซ้ายไปขวา

1. ดัชเชสแห่งเคมบริดจ์ ฉลองพระองค์จากแบรนด์ Lela Rose
2. ควีนเลติเซียแห่งสเปน ฉลองพระองค์จากแบรนด์ Hugo Boss
3. เจ้าหญิงแมรี มกุฎราชกุมารีแห่งเดนมาร์ก ฉลองพระองค์จากแบรนด์ Stella McCartney

 

ฉลองพระองค์แจ็กเก็ตสีดำ

เรียงจากซ้ายไปขวา

1. ดัชเชสแห่งเคมบริดจ์ ฉลองพระองค์จากแบรนด์ Ralph Lauren
2. ควีนเลติเซียแห่งสเปน ฉลองพระองค์จากแบรนด์ Hugo Boss
3. เจ้าหญิงแมรี มกุฎราชกุมารีแห่งเดนมาร์ก ฉลองพระองค์จากแบรนด์ Hugo Boss

 

ฉลองพระองค์สีขาว

เรียงจากซ้ายไปขวา

1. ดัชเชสแห่งเคมบริดจ์ ฉลองพระองค์จากแบรนด์ Roland Mouret
2. ควีนเลติเซียแห่งสเปน ฉลองพระองค์จากแบรนด์ Massimo Dutti
3. เจ้าหญิงแมรี มกุฎราชกุมารีแห่งเดนมาร์ก ฉลองพระองค์จากแบรนด์ Rabens Saloner

 

ฉลองพระองค์สูทและกางเกงสีน้ำเงิน

เรียงจากซ้ายไปขวา

1. ดัชเชสแห่งเคมบริดจ์ ฉลองพระองค์จากแบรนด์ J Brand
2. ควีนเลติเซียแห่งสเปน ฉลองพระองค์จากแบรนด์ Felipe Varela
3. เจ้าหญิงแมรี มกุฎราชกุมารีแห่งเดนมาร์ก ฉลองพระองค์จากแบรนด์ Alexander McQueen

 

1
ฉลองพระองค์เดรสสีดำลายลูกไม้

 เรียงจากซ้ายไปขวา

1. ดัชเชสแห่งเคมบริดจ์ ฉลองพระองค์จากแบรนด์ Beulah London
2  ควีนเลติเซียแห่งสเปน ฉลองพระองค์จากแบรนด์ Felipe Varela
3. เจ้าหญิงแมรี มกุฎราชกุมารีแห่งเดนมาร์ก ฉลองพระองค์จากแบรนด์ Prada

 

ฉลองพระองค์ Printed Pants

เรียงจากซ้ายไปขวา

1. ดัชเชสแห่งเคมบริดจ์ ฉลองพระองค์จากแบรนด์ Gap
2. ควีนเลติเซียแห่งสเปน ฉลองพระองค์จากแบรนด์ Hugo Boss
3. เจ้าหญิงแมรี มกุฎราชกุมารีแห่งเดนมาร์ก ฉลองพระองค์จากแบรนด์ Heartmade

 

ฉลองพระองค์ในลุคแคชวลและแจ็กเก็ตสีขาว

เรียงจากซ้ายไปขวา

1. ดัชเชสแห่งเคมบริดจ์ ฉลองพระองค์จากแบรนด์ Zara
2. ควีนเลติเซียแห่งสเปน ฉลองพระองค์จากแบรนด์ Felipe Varela
3. เจ้าหญิงแมรี มกุฎราชกุมารีแห่งเดนมาร์ก ฉลองพระองค์จากแบรนด์ Alexander McQueen

 

ฉลองพระองค์เสื้อสีขาว กระโปรงสีน้ำเงิน

เรียงจากซ้ายไปขวา

1. ดัชเชสแห่งเคมบริดจ์ ฉลองพระองค์จากแบรนด์ Banana Republic
2. ควีนเลติเซียแห่งสเปน ฉลองพระองค์จากแบรนด์ Felipe Varela
3. เจ้าหญิงแมรี มกุฎราชกุมารีแห่งเดนมาร์ก ฉลองพระองค์จากแบรนด์ Baum und Pferdgarten


 

แม้ว่าฉลองพระองค์จะคล้ายกัน แต่ก็มีเอกลักษณ์และความเป็นพระองค์เองอยู่ ทำให้เราที่ได้เห็นทั้ง 9 ลุคนี้ รู้ว่าเสื้อผ้าที่คล้ายกัน แต่งออกมาก็ได้ลุคที่แตกต่างกันตามสไตล์ของตัวเอง และทั้ง 3 พระองค์ก็ทรงพระสิริโฉมมากจริงๆ

 

เรื่อง : Hana_แพรวดอทคอม (ฮานะ)

ภาพ : IG@royaladdicted2

 

บ่วงบรรจถรณ์

เปิดกำหนดคิวฉายตอนแรก บ่วงบรรจถรณ์ เวอร์ชั่น มาริโอ้ – ใหม่ ดาวิกา หลังรอคอยมานาน

บ่วงบรรจถรณ์
บ่วงบรรจถรณ์

ปล่อยคลิปทีเซอร์เรียกน้ำจิ้มมาให้แฟนละครได้ชมกันเมื่อช่วงใกล้เดือนตุลาคมว่า “บ่วงบรรจถรณ์” ได้ฤกษ์ออนแอร์ตุลาคม 2560 นี้ ถึงแม้จะปล่อยกำหนดเดือนมาแล้ว แต่เรื่องวันและเวลาว่าตอนแรกจะออนแอร์เมื่อไหร่ก็เป็นสิ่งที่แฟนๆ คอยอยู่ไม่น้อยเช่นกัน

บ่วงบรรจถรณ์
บ่วงบรรจถรณ์ ถือเป็นละครในตำนาน ละครโปรดของใครหลายคน แม้เวลาจะผ่านมาหลายปี โดยเวอร์ชั่นแรก ชาคริต – มาช่า ปี 2545 ได้สร้างชื่อเสียงเอาไว้มาก ไม่ว่าจะองค์ประกอบต่างๆ ภายในละครล้วนประณีตและดี มาคราวนี้ได้รีเมคใหม่เป็นเวอร์ชั่นมาริโอ้ – ใหม่ ดาวิกา ปี 2560 จึงไม่แปลกใจที่จะได้รับการจับตามองเป็นพิเศษ

ล่าสุดกำหนดวันปล่อยออกมาอย่างเป็นทางการแล้วว่า ละคร “บ่วงบรรจถรณ์” ที่ได้พระ – นาง มาริโอ้ เมาเร่อ ประกบคู่ใหม่ – ดาวิกา โฮร์เน่ ได้ฤกษ์ปล่อยตอนแรกให้ชมกันในวันจันทร์ที่ 30 ตุลาคม 2560 โดยทางค่ายบรอดคาซท์ ไทย เทเลวิชั่น ช่อง 3 ก็เริ่มปล่อยรูปเด็ดของทีมนักแสดงออกมาให้ชมกันเรื่อยๆ ไม่ว่าจะเป็นใหม่ – ดาวิกา รับบท แพรนวล, มาริโอ้ รับบท หลาวเปิง, ปราง – กัญญ์ณรัณ วงศ์ขจรไกล รับบท เจ้านางตองริ้ว, ปั้นจั่น – ปรมะ อิ่มอโนทัย รับบท เขตต์, ซาร่า เล็กจ์ รับบท เจ้านางเรืองระยับ, ณัฐวิญญ์ วัฒนกิติพัฒน์ รับบท ซานแปง เป็นต้น

 

สำหรับเรื่องราวความรักต่างภพในรูปแบบบ่วงบรรจถรณ์เวอร์ชั่นมาริโอ้ – ใหม่ จะออกมาสนุก งานละเมียดละไมขนาดไหน คงต้องปล่อยให้เป็นหน้าที่ของผู้ชมติดตามพร้อมกันในตอนแรก ซึ่งทีมงานและนักแสดงกองนี้ก็ล้วนมีความตั้งใจทำงานกันอย่างเต็มที่ รวมถึงแฟนๆ ที่ชื่นชอบเคมีของมาริโอ้ – ใหม่ตั้งแต่ภาพยนตร์เรื่องพี่มาก…พระโขนง เมื่อทราบวันแน่ชัดที่จะฉายตอนแรกต่างก็ดีใจ เพราะเฝ้ารอมานานตั้งแต่ต้นปีจนเกือบถอดใจไปแล้วก็มี

บ่วงบรรจถรณ์ บ่วงบรรจถรณ์

เอาเป็นว่าดูคลิป ดูเบื้องหลัง และภาพสวยๆ กันไปก่อน ละครออนแอร์เมื่อไหร่ก็น่าจะมีภาพชุดสวยๆ ออกมาให้แฟนๆ ได้ชมกันเพียบ!

บ่วงบรรจถรณ์ บ่วงบรรจถรณ์ บ่วงบรรจถรณ์ บ่วงบรรจถรณ์ บ่วงบรรจถรณ์ บ่วงบรรจถรณ์ บ่วงบรรจถรณ์

ส่งท้ายรูปพระ – นาง สาวใหม่มีความทะเล้นน่ารักมากๆ 
บ่วงบรรจถรณ์


เรื่อง: บะหมี่กุ๊งกิ๊ง_แพรวดอทคอม
ภาพ: IG @broadcastthaitv

สุวิทย์ ใจป้อม

สุวิทย์ ใจป้อม ทุ่มเทเวลาครึ่งปีกับภาพเขียนยาว 20 เมตร ผลงานสุดยิ่งใหญ่เพื่อพ่อหลวง

สุวิทย์ ใจป้อม
สุวิทย์ ใจป้อม

สุวิทย์ ใจป้อม “ภาพผมอาจไม่ได้มีราคาแพง แต่เป็นภาพที่ยิ่งใหญ่ในความรู้สึก”

สุวิทย์ ใจป้อม ศิลปินกลุ่มขัวศิลปะจากเชียงราย ขอน้อมรำลึกถึงพ่อหลวงของแผ่นดิน ทุ่มเททั้งแรงกายและแรงใจสร้างสรรค์ผลงานภาพเขียนขนาดใหญ่ ความยาวถึง 20 เมตร จัดแสดงใจกลางเมือง ด้านหน้าศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์

อาจารย์สุวิทย์เปิดใจกับแพรวด้วยความภาคภูมิใจว่า “ในฐานะคนทำงานศิลปะ ผมคิดอยู่ในใจมาตลอดว่าอยากสร้างสรรค์ผลงานชิ้นสำคัญเพื่อพระองค์ท่านเป็นครั้งสุดท้าย ซึ่งก่อนหน้านี้ผมเคยวาดภาพขนาด 1.5 เมตร แต่ครั้งนี้อยากทำให้เป็นครั้งสำคัญและยิ่งใหญ่มากกว่าเดิม

สุวิทย์ ใจป้อม

“จึงขอถ่ายทอดพระราชประวัติของพระองค์ท่าน ตั้งแต่เสด็จพระราชสมภพ ทรงพระเยาว์ เสด็จขึ้นครองราชย์ ทรงพระผนวช พระราชกรณียกิจตลอดการครองราชย์ 70 ปี และพระอัจฉริยภาพด้านต่างๆ ของพระองค์ จนเสด็จสวรรคต และเมื่อมีคนทราบว่าผมจะทำงานชิ้นนี้ จึงมีหลายฝ่ายเข้ามาช่วยสนับสนุน เพื่อให้ได้นำมาจัดแสดงที่ใจกลางเมืองแห่งนี้

“ผมทุ่มเทและตั้งใจมากๆ ใช้เวลาเตรียมงานประมาณ 3 เดือน เป็นช่วงวางแผน ปรึกษาผู้ใหญ่และอาจารย์ เช่น อาจารย์เฉลิมชัย อาจารย์ ว.วชิรเมธี รวมถึงศิลปินแห่งชาติหลายท่าน ทั้งการเลือกวัสดุ เทคนิคการวาด เพราะภาพต้องทนแดด ทนฝน เพื่อให้ผลงานออกมาสมบูรณ์แบบที่สุด จากนั้นจึงลงมือวาดอีก 3 เดือน เป็นภาพมีขนาดความสูง 2.20 เมตร ยาว 20 เมตร เริ่มตั้งแต่ด้านซ้ายมือนำเสนอภาพพระองค์ท่านครั้งทรงพระเยาว์ ประทับที่ต่างประเทศ ต่อด้วยพระอัจฉริยภาพด้านต่างๆ ทั้งดนตรี ศิลปะ กีฬา และต่อด้วยเรื่องราวเกี่ยวกับชาติบ้านเมือง พระองค์ท่านเสด็จฯไปทรงเยี่ยมราษฎร พี่น้องประชาชนชาวไทยทุกคนในพื้นที่สูง

“โดยใช้เทคนิคการเขียนภาพด้วยถ่านลงบนผ้าใบ โดยเลือกใช้วัสดุจากธรรมชาติทั้งหมด ผมนำไม้มาเผาให้เป็นถ่าน แล้วนำถ่านมาวาดภาพ มีทั้งกิ่งไม้ยูคาลิปตัส ไม้สัก ไม้โมก พริก หยวก ต้นองุ่น และทดลองวาดลงบนผ้าใบ สอดคล้องกับที่พระองค์ท่านรับสั่งไว้ในเรื่องความพอเพียง ทุกอย่างเกิดจากธรรมชาติและดับไปกับธรรมชาติ เป็นสัจธรรมที่ผมถ่ายทอดลงไปในนี้ด้วย แม้ว่าภาพนี้ไม่ได้มีราคาแพง แต่เป็นภาพที่ยิ่งใหญ่ในความรู้สึก และมีคุณค่าทางจิตใจสำหรับคนทำงานศิลปะแบบผม ผมขอบคุณกำลังใจจากหลายๆ ฝ่ายที่ช่วยกันสนับสนุน เป็นแรงผลักดันให้เกิดผลงานชิ้นนี้

“จากวัยเด็กมาจนถึงตอนนี้ ผมวาดพระองค์ท่านมาตลอดเป็นเวลากว่า 40 ปี ผลงานชิ้นนี้ถือเป็นชิ้นสำคัญที่สุดในชีวิตผม ทุกครั้งที่ผมวาดภาพในหลวงรัชกาลที่ 9 คือช่วงเวลาที่ผมมีความสุขที่สุด”

  • “ในดวงใจนิรันดร์” ร้อยรวมใจน้อมรำลึกพ่อหลวงของแผ่นดิน นิทรรศการแสดงภาพเขียนความยาว 20 เมตร ช่วงแห่งพระชนม์ชีพของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร โดยสุวิทย์ ใจป้อม จัดแสดงด้านหน้าศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ ระหว่างวันที่ 2 – 31 ตุลาคม 2560 

เรื่อง : Nim

ภาพ : วรสันต์

ถอดเคล็ดลับการแต่งตัวจาก 5 คนดัง ครีเอตลุคยังไงให้ปัง ไม่มีพลาด

การแต่งตัวสามารถบอกตัวตนได้จริงเหรอ ถ้าพูดแบบนั้นก็คงไม่ผิดหรือถูกซะทีเดียว เพราะถ้าลองสังเกตจากตัวเองเป็นหลัก บางครั้งเราก็ซื้อและใส่แต่เสื้อผ้าสไตล์เดิมๆ อย่างเสื้อกับกางเกงยีนส์ หรืออยากจะหวานก็เปลี่ยนเป็นเดรสบ้าง แต่ถ้าลองดูดีๆ เดรสที่เราเลือกก็ไม่ได้ห่างจากความเป็นตัวเองมาก เพราะถ้ามันไม่ใช่ตัวเอง แน่นอนว่าคุณจะไม่มั่นใจและไม่กล้าใส่มันอย่างแน่นอน

แต่กับบางคน หรือง่ายๆ เลย ดารา นักแสดง ที่ต้องเปลี่ยนบทบาทไปตามตัวละคร อันนี้จะเห็นได้ชัดว่าสามารถเปลี่ยนลุคได้หลากหลายจริงๆ เพียงแค่เอาหน้าผมมาซัพพอร์ตชุดก็ได้ลุคตามคาแร็คเตอร์แล้ว แต่เมื่อหลุดออกมาจากจอและอยู่ในชีวิตจริง แต่ละคนก็จะมีสไตล์ของตัวเองที่เด่นชัดและเป็นเอกลักษณ์เช่นกัน

ดังนั้นการแต่งตัวบอกความเป็นตัวเราได้ แต่ก็สามารถเปลี่ยนให้เราเป็นอีกคนหนึ่งได้เหมือนกัน

วันนี้แพรวดอทคอมเลยมีหัวข้อน่าสนใจเกี่ยวกับการแต่งตัวของคนดังมาฝากกัน เพราะถ้าจะเปิดความเป็นตัวเองผ่านการแต่งตัวแล้ว เราก็ควรเลือกให้ดี ให้เข้ากับโอกาส จะได้สวยในแบบตัวเองและไม่พลาดนะจ๊ะ

 

ศีตลา วงษ์กระจ่าง

1

1

สำหรับนางแบบคลื่นลูกใหม่คนนี้ หลายคนคงเริ่มคุ้นชินโปรไฟล์ของเธอกันบ้างแล้ว เนื่องจากเข้ามาโลดแล่นตามหน้าฟีดโซเชียลมีเดียของนิตยสารและแบรนด์ชั้นนำมากมาย มีผลงานไม่ขาดสาย แถมยังเป็นทายาทของสองนักแสดงรุ่นเก๋าในวงการบันเทิงอีกด้วย การจะขึ้นแท่นเป็นแฟชั่นนิสต้าอนาคตไกลในเวลาอันรวดเร็วนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะต้องสวยเป๊ะทั้งเครื่องหน้า ท่าทาง รวมถึงสไตล์ที่เตะตาเตะใจผู้คน แน่นอนว่าศีตลา วงษ์กระจ่าง มีครบทุกข้อ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสายลักชัวรี่สตรีทที่ถือเป็นไม้ตาย กับสกิลโมดิฟายไอเท็มเก๋ๆ จนเกิดเป็นลุคสุดคูลได้ทุกโอกาสและทุกสถานที่ ไล่ตั้งแต่ฟร้อนต์โรว์ ไปจนถึงตรอกซอกซอยบนถนนเยาวราชเลยละ

 

ธีร์รัฐ ว่องวัฒนะสิน

หากยกให้ธีร์รัฐ ว่องวัฒนะสิน เป็นดีไซเนอร์อัจฉริยะของวงการแฟชั่นไทยก็คงไม่มีใครปฏิเสธ อดีตเขาคือผู้ปลุกปั้น Vickteerut ให้โด่งดังในหมู่แฟชั่นนิสต้า แต่ปัจจุบันได้หันมาเป็นครูสอนโยคะ คูลดาวน์จังหวะชีวิตลง พร้อมกับปรับจูนคาแร็คเตอร์ของเสื้อผ้าให้เฟรชและเท่คูลผ่านไลน์น้องใหม่ V Activewear นำเสนอสปอร์ตแวร์ที่มีกลิ่นอายสตรีท ผสมผสานทั้งฟังก์ชั่นและดีไซน์ไว้ด้วยกัน ตอกย้ำไลฟ์สไตล์แอ๊คทีฟของเขาที่มีทั้งโหมดแคชวลกับสัตว์เลี้ยงตัวโปรด รวมถึงโมเมนต์ที่ต้องโชว์สปิริตสุดสตรอง ดังนั้นไม่ว่าจะบอมเบอร์แบบโอลด์สกูลหรือแจ็กเก็ตสไตล์อาวองต์การ์ดก็ตอบทุกโจทย์ เพราะคล่องตัวและใส่ได้ทุกสถานการณ์

 

แดนนี่ เบล็สซิ่ง

 

มองแว่บแรกอย่าเพิ่งตัดสินว่า แดนนี่ เบล็สซิ่ง คือแบดบอย เขาเป็นอีกคนหนึ่งที่อุทิศตนให้ทุกบทบาทในชีวิต ล่าสุดกับตำแหน่งสามีและคุณพ่อป้ายแดง รวมถึงอาชีพหลักก็รับทำตั้งแต่เบื้องหน้าไปจนถึงเบื้องหลังเลยทีเดียว เพราะว่าดูแลรับผิดชอบด้านสื่อครบวงจร ถัดมาในส่วนของดีเจและพิธีกรที่เราได้เห็นผลงานกันบ่อยๆ นั้นก็มุ่งมั่นเกินร้อย ใส่ใจพิถีพิถันทุกรายละเอียด ไม่เว้นแม้แต่เสื้อผ้าหน้าผมที่ถูกจัดอยู่ในหมวดผู้ชายเวลกรูมมิ่ง กับสไตล์คูลๆ เน้นความทะมัดทะแมงบนเฉดสีแมนๆ อย่างขาว เทา ดำ น้ำตาล เป็นได้ทั้งหนุ่มเออร์บันในวันติดต่อเจรจาธุรกิจ แล้วก็ปรับโหมดมาเป็นดีเจสุดเท่ได้ในพริบตา

 

วิชดา สีตกะลิน

 

ผู้หญิงทำงานวันนี้เต็มเปี่ยมด้วยแพชชั่นและมีความสนใจหลายอย่าง โอกาสในการแสดงความสามารถก็มากขึ้น ไม่จำกัดเฉพาะแค่ด้านใดด้านหนึ่ง เช่นเดียวกับวิชดา สีตกะลิน ดีไซเนอร์มาดเก๋ เจ้าของธุรกิจ Quattro Design และ Eichholtz TH แหล่งรวมเฟอร์นิเจอร์และของแต่งบ้านที่ทันสมัย รวมถึงเป็นดีไซน์ไดเร็คเตอร์โรงแรมสุดหรูบนหาดไร่เลย์ Rayavadee และ Tamarind Village ใจกลางเมืองเชียงใหม่ นอกเหนือจากงานออกแบบตกแต่งโฮเทลห้องหับ ก็ยังนำพรสวรรค์ในการแมตช์ชิ้นสเตทเมนต์มาใช้เดรสอัพให้ตัวเองด้วย สามารถหยิบไอเท็มที่มีกิมมิกมาสวมใส่ได้อย่างมีสีสันและดูดี ทั้งผ้าทอ ลายพริ้นต์ เทคนิคเลเยอร์ จับเดรป ทำให้การปรากฏตัวทั้งในชั่วโมงทำงานและวันพักผ่อนเบาๆ โดดเด่นและหรูหรามีระดับได้ทุกครั้ง

 

พลอย ปิ่นแสง

 

จากนักกีฬาขี่ม้าโปโลทีมชาติ ตอนนี้พลอย ปิ่นแสง กำลังทุ่มสุดตัวกับธุรกิจใหม่ภายใต้ชื่อ Tribe BKK ศูนย์รวมไลฟ์สไตล์สำหรับคนรักสุขภาพ ที่มีทั้งคลาสปั่นจักรยาน คลาสบาร์ และคลาสโยคะ นอกเหนือจากชั่วโมงเวิร์คเอ๊าต์ที่เรามักจะคุ้นชินกับลุคสปอร์ตสุดทะมัดทะแมง บางวันเธอก็เปลี่ยนยูนิฟอร์มจากบราท็อปและเลกกิ้งมาเป็นเชิ้ตกับกางเกงคัตติ้งเนี้ยบ หรือกระโปรงทรงดินสอผ่าหน้าโชว์เรียวขาเฟิร์ม แมตช์กับเสื้อปาดไหล่ ก็เป็นทางเลือกที่ไม่ซีเรียสเกินไป ปรับลุคใหม่ให้แตกต่าง ดูเท่แบบสาวเวิร์คกิ้งวูแมนได้ไม่ยากเลย


 

ใครมีสไตล์การแต่งตัวไปในทางเดียวกันกับคนดังคนไหนก็ลองแมตช์ลุคใหม่ๆ ดูได้เลย ถ้าหากว่าคุณยังไม่เคยลองเปลี่ยนนะ และไม่แน่ว่าอาจจะได้ลุคซิกเนเจอร์ของตัวเองเพิ่มขึ้นก็ได้ อิๆ

1

เรียบเรียง : Hana_แพรวดอทคอม (ฮานะ)

ภาพและข้อมูล : Club21

 

เมื่อ ในหลวงรัชกาลที่ ๙ ทรงเล็งพระแสงปืนใส่หนุ่มคาวบอย

เมื่อครั้ง ในหลวงรัชกาลที่ ๙ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร เสด็จพระราชดำเนินเยือนสหรัฐอเมริกาเป็นเวลาหนึ่งเดือนเต็ม มีภาพพระบรมฉายาลักษณ์ที่พระองค์ทรงฉายร่วมกับมิสเตอร์ริชาร์ด บูน (Richard Allen Boone) ดาราคาวบอยชื่อดังจากซีรีส์โทรทัศน์เรื่อง Have Gun Will Travel 

มีพระราชปฏิสันถารกับนายริชาร์ด บูน ขณะเตรียมตัวถ่ายทำซีรีส์โทรทัศน์เรื่อง Have Gun Will Travel ที่โรงถ่ายภาพยนตร์กลางแจ้ง

แต่นอกจากพระบรมฉายาลักษณ์ประวัติศาสตร์นี้แล้ว ยังปรากฏหลักฐานเป็นบันทึกงานเขียนของพระเจ้าวรวงศ์เธอพระองค์เจ้าวิภาวดีรังสิต เจ้าของนามปากกา ‘ว.ณ.ประมวญมารค’  ผู้ทรงรับราชการสนองพระเดชพระคุณพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร และสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ในรัชกาลที่ ๙  มาตั้งแต่ปี ๒๕๐๐ และได้โดยเสด็จในฐานะราชเลขานุการส่วนพระองค์สมเด็จพระนางเจ้าฯ เมื่อคราวที่ทั้งสองพระองค์ เสด็จพระราชดำเนินเยือนสหรัฐอเมริกา ระหว่างวันที่ ๑๔ มิถุนายน-๑๔ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๐๓

ในบันทึกนั้นผู้เขียนทรงเล่าถึงเหตุการณ์ในวันที่ ๒๑ มิถุนายน พ.ศ.๒๕๐๓ ที่ ในหลวง รัชกาลที่ ๙ เสด็จฯพร้อมสมเด็จพระนางเจ้าฯ เยือนโรงถ่ายพาราเม้าท์พิกเจอร์ส์ และห้วงตอนหนึ่งได้ทรงทอดพระเนตรการถ่ายทำภาพยนตร์กลางแจ้งด้วย โดยมีใจความว่า…

“…เมื่อทรงพระดำเนินไปตามถนนเมืองคาวบอยนั้นสักครู่ ก็ทอดพระเนตรเห็นคาวบอยร่างใหญ่ สูงโย่ง มีหนวด คาดปืน มีลูกกระสุนเต็ม สวมหมวกปีกใหญ่สีดำ เดินส่ายอาดเข้ามาเฝ้า เมื่อแรกพอหญิงเห็นนายคนนั้นเข้า นึกในใจว่าพ่อนี่ต้องเป็นผู้ร้ายเด็ด ที่ไหนได้กลายเป็นพระเอกของเรื่อง ชื่อ นายริชาร์ด บูน ต่างหาก

“นายพระเอกสูงโย่งนี่ตลกดี เมื่อเข้าเฝ้าทั้งสองพระองค์เรียบร้อยแล้ว ก็ชักปืนถวายพระเจ้าอยู่หัว ยกมือ ๒ ข้างทำเป็นยอมแพ้ พวกช่างภาพต่างๆ ที่เดินตามเสด็จมาเป็นหมู่ร้องเอะอะว่า “ขออีกที ขออีกทีเถอะ” พระเจ้าอยู่หัวก็เลยทรงถือปืนจ้องนายริชาร์ด บูน ซึ่งทำท่ายอมแพ้ให้ช่างภาพถ่ายรูปตามใจชอบ วันรุ่งขึ้นกับวันต่อไป หนังสือพิมพ์ที่ได้อ่านทุกฉบับ เช่น ลอสแอนเจลิส ไทมส์ ฮอลลีวูดโสดิสแพ็ช นิวยอร์กเจอนัล นิวยอร์ก ไทมส์ เป็นต้น ลงรูปนายคาวบอยใหญ่ยกมือยอมแพ้พระเจ้าอยู่หัว มีสมเด็จฯทรงยืนพระสรวลอยู่ใกล้ๆ”

ซีรีส์โทรทัศน์เรื่อง Have Gun Will Travel ออกอากาศทางสถานีโทรทัศน์ CBS ระหว่างปี 1957-1963 ได้ระดับเรตติ้งจาก Nielsen ประมาณ 3-4 ทุกปี มีนายริชาร์ด บูน รับบทเป็นคาวบอยนักสืบรับจ้าง ชื่อ พาลาดิน(Paladin) มีคาแร็คเตอร์แตกต่างจากคาวบอยทั่วไปที่มักมีการศึกษาต่ำ แต่พาราดินเป็นคนมีการศึกษาสูง และเป็นนักท่องเที่ยวตัวยง เขาจบการศึกษาจากโรงเรียนนายร้อยเวสต์ปอยต์ เคยเป็นทหารในสงครามกลางเมือง พอสงครามจบเขาเลยเปลี่ยนอาชีพเป็นมือปืนรับจ้าง คอยสืบเสาะหาข่าวความขัดแย้งยุ่งยากในดินแดนตะวันตก ที่มักเต็มไปด้วยเรื่องการต่อสู้ของเจ้าของไร่ปศุสัตว์ กับโจรร้ายที่ชอบปล้น ฆ่า หรือจับลูกคนรวยเป็นตัวประกัน

เมื่อสืบข่าวจนได้เรื่อง พาลาดินก็จะเข้าไปอาสารับจ้างตามจับผู้ร้าย ด้วยฝีมือการยิงปืนแม่นราวจับวาง บวกกับมีความฉลาดเป็นยอดตามสไตล์พระเอกอเมริกัน เขาจึงทำงานสำเร็จทุกครั้ง  ทำให้ได้ค่าจ้างอย่างงามจนสามารถใช้ชีวิตหรูหราอยู่ในโรงแรมริทซ์ คาร์ลตัน เมืองซานฟรานซิสโกได้ และจะออกเดินทางไปทำงานเมื่อได้ค่าจ้างดีๆ เท่านั้น

ริชาร์ด บูน เสียชีวิตเมื่อวันที่ ๑๐ มกราคม พ.ศ.๒๕๒๔ หรือเมื่อ ๓๖ ปีที่แล้ว ด้วยโรคมะเร็งกล่องเสียง

 

ที่มาพระบรมฉายาลักษณ์ : ประมวลพระราชกรณียกิจพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พุทธศักราช ๒๔๘๙-๒๕๑๐

อีกด้านของชีวิต เหมี่ยว – ปวันรัตน์ กับการวาดพระบรมสาทิสลักษณ์ในหลวง ร.๙ มาตลอด 11 ปี

เหมี่ยว – ปวันรัตน์ เตรียมจัดนิทรรศการพระบรมสาทิสลักษณ์ในหลวงรัชกาลที่ ๙ ให้ประชาชนได้ชมในระหว่างวันที่ 19 ต.ค. – 19 พ.ย. ณ โรงละครเคแบงก์สยามพิฆเนศ  สยามสแควร์วัน

เป็นนักแสดงที่อยู่กับวงการบันเทิงเมืองไทยมานานเลยทีเดียวสำหรับเหมี่ยว – ปวันรัตน์ นาคสุริยะ แม้เราจะเคยเห็นความสามารถในหลากหลายด้านของเธอมาก่อนหน้านี้แล้ว ทั้งการเล่นละคร การเป็นพิธีกร แต่ยังมีอีกมุมหนึ่งที่หลายคนไม่เคยทราบมาก่อนว่าเธอเป็นศิลปินวาดภาพด้วย โดยเหมี่ยว – ปวันรัตน์ได้เปิดเผยว่า ในระหว่างวันที่ 19 ต.ค. – 19 พ.ย. ณ โรงละครเคแบงก์สยามพิฆเนศ สยามสแควร์วัน เธอเตรียมนำผลงานศิลปะตลอด 11 ปีมาจัดนิทรรศการพระบรมสาทิสลักษณ์ในหลวงรัชกาลที่ ๙  ให้ประชาชนได้ชมกัน

ทั้งนี้นักแสดงสาวยังได้เผยผ่านอินสตาแกรมส่วนตัวว่า “ได้เริ่มวาดภาพพระองค์ท่านมา 11 ปีแล้ว เมื่อในหลวงครองสิริราชสมบัติ 60 ปี เมื่อ พ.ศ. 2543 เป็นปีแรกที่เริ่มวาดรูปในหลวง ขนาดภาพเล็กมาก เป็นกระดาษขนาดโปสต์การ์ด นี่เป็นชุดแรกที่วาดในปีนั้น หลังจากเห็นพระองค์ท่านเสด็จฯออกมาโบกมือให้ประชาชนที่ไปเข้าเฝ้าฯแน่นจนล้นจากหน้าพระที่นั่งอนันตสมาคมไปสุดลูกหูลูกตา จำได้ว่าปีติเหลือเกิน ยิ้มดีใจ น้ำตาไหลพรากๆ หลังจากนั้นก็ไม่หยุดวาดเลย”

สำหรับผลงานเหล่านี้ เหมี่ยว – ปวันรัตน์ได้แรงบันดาลใจมาจากพระบรมฉายาลักษณ์ในพระราชอิริยาบถต่างๆ ของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร และได้ใช้เวลาว่างในการวาดชิ้นงานออกมาจนมีมากกว่า 100 ใบ ซึ่งนอกจากพระบรมสาทิสลักษณ์ในหลวงรัชกาลที่ ๙ แล้ว เธอยังได้วาดพระบรมสาทิสลักษณ์สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ในรัชกาลที่ ๙ ซึ่งเดิมทีเธอได้เล่าว่า ไม่กล้าวาดออกมา เพราะกลัวทำได้ไม่ดี แต่ครูโต – ม.ล.จิราธร ครูสอนวาดรูป ได้พาเธอออกจากความกลัว โดยบอกว่า “รูปที่วาดด้วยความรัก เทิดทูนบูชาในมหาบุรุษผู้ยิ่งใหญ่ มีแต่ความเมตตากรุณาให้แผ่นดิน ไม่ต้องกลัวไม่สวย ไม่ต้องกลัวไม่เหมือน เพราะสำหรับเรา พระองค์ท่านงดงามเสมอ”

สำหรับนิทรรศการพระบรมสาทิสลักษณ์ในหลวงรัชกาลที่ ๙ ของเหมี่ยว – ปวันรัตน์ จะเปิดให้เข้าชมได้ในระหว่างวันที่ 19 ต.ค. – 19 พ.ย. ณ โรงละครเคแบงก์สยามพิฆเนศ สยามสแควร์วัน


เรื่อง : SnowBlack
ภาพจาก : @ meowpawanra

ราชรถ ราชยาน

เปิดประวัติศาสตร์และความหมายของ “ราชรถ” และ “ราชยาน”

Alternative Textaccount_circle
ราชรถ ราชยาน
ราชรถ ราชยาน
วันที่ ๒๖ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๖๐ ที่จะถึงนี้ ในริ้วขบวนพระบรมราชอิสริยยศ พระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร นอกจากเครื่องประกอบพระอิสริยยศที่ปรากฏในริ้วขบวน อย่างฉัตร เครื่องสูง รูปเทวดา และรูปสัตว์หิมพานต์ ฯลฯ ยังมีราชรถ ราชยาน ที่ถือเป็นสิ่งสำคัญมากเช่นกันในพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพ

ซึ่งการอัญเชิญพระบรมศพสู่พระเมรุมาศ ณ ท้องสนามหลวง ประกอบด้วยริ้วขบวนพระบรมราชอิสริยยศ ต้องบูรณะและตกแต่งราชรถ ราชยาน ให้พร้อมสำหรับอัญเชิญพระบรมศพ พระบรมอัฐิ และพระบรมราชสรีรางคาร รวมทั้งซักซ้อมการเคลื่อนขบวนให้งดงามประหนึ่งราชรถเคลื่อนบนหมู่เมฆเพื่อส่งเสด็จสู่สรวงสวรรค์

ราชรถ ราชยาน เป็นหนึ่งในเครื่องประกอบพระราชอิสริยยศของพระมหากษัตริย์และพระบรมวงศานุวงศ์ ซึ่งแสดงให้เห็นถึงฐานานุศักดิ์ที่แตกต่างกัน ซึ่งการใช้ราชรถ ราชยาน ในราชสำนักนั้นมีมาตั้งแต่โบราณกาล ปรากฏหลักฐานชัดเจนในสมัยอยุธยา และเป็นราชประเพณีสืบเนื่องต่อมาจนถึงสมัยกรุงรัตนโกสินทร์

ในสมัยอยุธยามีหลักฐานกล่าวถึงการใช้ราชรถในพระราชพิธีต่างๆ เช่น การอัญเชิญผ้าพระกฐิน การอัญเชิญพระราชสาสน์จากพระเจ้าหลุยส์ที่ 14 แห่งฝรั่งเศส ในรัชสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช เมื่อพุทธศักราช 2230 เดิมทีมีโรงเก็บราชรถในพระราชวัง แต่ถูกเพลิงไหม้ไปสิ้นเมื่อครั้งเสียกรุงครั้งที่ 2 และในสมัยกรุงธนบุรีไม่ปรากฏว่ามีการสร้างราชรถเพื่อใช้ในการพระเมรุ เมื่อพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราชทรงสถาปนากรุงเทพฯเป็นราชธานีในพุทธศักราช 2325 ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯให้สร้างราชรถขึ้นมา 7 องค์ เพื่อถวายพระเพลิงพระอัฐิสมเด็จพระปฐมบรมมหาชนกในพุทธศักราช 2339 นับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา ราชรถ ราชยาน จึงเป็นหนึ่งในเครื่องประกอบในริ้วขบวนพระบรมราชอิสริยยศ พระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพ

ที่มา หนังสือธรรมเนียมปฏิบัติเกี่ยวกับการจัดงานพระบรมศพ กรมศิลปากร กระทรวงวัฒนธรรม

ส่วนในเรื่องของความหมายของราชรถ ราชยาน ก็มีความเป็นมาเช่นกัน ดังนี้

ราชรถ หมายถึง พาหนะแห่งพระมหากษัตริย์ ในสมัยโบราณน่าจะพัฒนามาจากเกวียนขนาดเล็กที่นั่งได้เพียงคนเดียว และเทียมด้วยม้าหรือสัตว์อื่น เช่น วัว ลา ล่อ หรือแม้แต่คน ในสมัยโบราณการเดินทางไปในที่ต่างๆ จะใช้พาหนะในรูปแบบต่างๆ ตามฐานะของผู้ใช้ ซึ่งนอกจากจะเป็นการใช้ในชีวิตประจำวันแล้ว พาหนะนั้นๆ จะเป็นเครื่องหมายแสดงตำแหน่งทางราชการของผู้เป็นเจ้าของ ราชรถมีทั้งที่เทียมด้วยม้าและลากด้วยกำลังคน ซึ่งราชรถที่เทียมด้วยม้ามักเป็นรถศึก และรถที่พระมหากษัตริย์ทรงใช้เมื่อเสด็จประพาสในที่ต่างๆ นอกพระราชวัง สำหรับราชรถที่ลากด้วยคนจะมีขนาดใหญ่ และใช้ในการพระราชพิธีสำคัญ เช่น พระราชพิธีพระบรมศพ

ราชยาน หมายถึง พาหนะสำหรับพระเจ้าแผ่นดินและพระราชวงศ์ คำว่า ยาน ตามที่บัญญัติไว้ในพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน หมายถึง เครื่องนำไป หรือพาหนะต่างๆ เช่น รถ เกวียน เรือ เป็นต้น เมื่อนำมาสมาสกับคำว่าราช ซึ่งหมายถึงพระเจ้าแผ่นดิน จึงหมายถึงพาหนะสำหรับพระเจ้าแผ่นดินและพระราชวงศ์ ได้แก่ ราชรถ (รถพระที่นั่ง) ราชยาน พระคชาธาร (ช้างพระที่นั่ง) ม้าต้น และเรือพระที่นั่ง ราชยานเป็นเครื่องประกอบพระราชอิสริยยศของพระมหากษัตริย์และพระราชวงศ์ ส่วนยานเป็นเครื่องประกอบยศของบุคคลชั้นสูงในสังคมสมัยโบราณ แสดงให้เห็นฐานะและอำนาจอันแตกต่างจากสามัญชนทั่วไป

ที่มา : องค์ความรู้เกี่ยวกับพระราชพิธีพระบรมศพ กลุ่มเผยแพร่และประชาสัมพันธ์ กรมศิลปากร

ขอบคุณข้อมูลและรูปภาพจาก : kingrama9.th

‘ถูกสเป๊คสว. (สูงวัย) จ้า’ เช็คเลย ดวงวันที่ 12 ตุลาคม 2560

ดูดวงรายวัน ประจำวันพฤหัสที่ 12 ตุลาคม 2560 เช็คทุกวัน ทันทุกดวงกับ แพรว ดอทคอม

ผู้ที่เกิดวันอาทิตย์

การงาน : ท่านที่อยู่ในวงการนักคิด นักเขียน หากกำลังคิดค้นริเริ่มนวัตกรรมใหม่ หรือผลงานชิ้นใหม่ๆ ไม่ต้องลงรายละเอียดเยอะนักก็ได้ เพราะจะทำให้ท่านสับสนจนไปต่อไม่ถูก ในที่สุดอาจถูกนำไปสวมรอยเป็นของคนอื่น

การเงิน : ยังไม่ค่อยดี ต้องรอเวลาขายผลงานนิดหนึ่ง

ความรัก : วันนี้ความรักความสัมพันธ์ก็ราบรื่น ติดอยู่นิดหนึ่งตรงที่ท่านอาจจู้จี้จุกจิก คุ้ยเขี่ยเรื่องเก่าๆ มาพูดอีก พูดทีไรเป็นเรื่องทุกที คนโสด เจ้าชู้มากมาย พยายามเลือกแฟนไว้เพื่อเสริมบารมี

สุขภาพ : ระวังเรื่องลำไส้อักเสบ ระบบย่อยอาหาร

 

ผู้ที่เกิดวันจันทร์

การงาน : ผู้หญิงจะมีภาวะผู้นำสูง เก่ง ดุดันไม่แพ้ผู้ชายจนอาจถูกเขม่นจากเพื่อนร่วมงาน ระวังเกลือเป็นหนอนในออฟฟิศ เพื่อนร่วมงานหรือคนใกล้ชิดพร้อมทำทุกอย่าง เพื่อเลื่อยขาเก้าอี้ท่าน

การเงิน  : อย่ากล้าได้กล้าเสียมาก โดยเฉพาะคำพูดชวนเคลิบเคลิ้ม เพราะท่านอาจถูกหลอกได้

ความรัก :  วันนี้ผู้หญิงจะเป็นผู้นำครอบครัว อย่ามัวแต่ทำงานมาก จนไม่สนใจครอบครัว เพราะเสี่ยงต่อการเกิดรักสามเส้าได้ คนโสด มีเสน่ห์ บริหารจัดการให้ดี ระวังรถไฟชนกัน

สุขภาพ : ระวังทุกขลาภ เกิดบาดแผลจากของมีคมหรืออุบัติเหตุได้

 

ผู้ที่เกิดวันอังคาร

การงาน  : ท่านได้รับมอบหมายงานที่หนักหนาสาหัส ต้องเดินทางติดต่อประสานงานตลอดเวลา บริวารก็ไม่ได้ดังใจ จนทำให้ท่านหงุดหงิด วุ่นวายทั้งกายและใจ ใจเย็นๆ ค่อยๆ ทำไป

การเงิน : เงินไหลเข้าไหลออกตลอดเวลา ประหยัดหน่อย

ความรัก : วันนี้ความรักความสัมพันธ์มีบางอารมณ์ที่พวกท่านเริ่มเบื่อหน่ายกัน ก็หาโอกาสเดินทางโยกย้ายถิ่นฐานบ้าง หรือหยุดยาว 3 วันนี้ไปเที่ยวต่างจังหวัดบ้างก็ดี คนโสด ต้องรับภาระครอบครัวมากจนไม่ค่อยตื่นเต้นเรื่องคู่เท่าไหร่

สุขภาพ : ระวังโรคผู้สูงอายุจะมาเยือนก่อนวัยอันควร เช่น อัลไซเมอร์ อัมพฤกษ์ หรือวัยทอง

 

ผู้ที่เกิดวันพุธ

การงาน  : ท่านสามารถพลิกเกมการติดต่อประสานงาน หรือการเจรจาประนีประนอมจากเมื่อวานให้กลับมาเป็นต่อ จนได้รับการสนับสนุนจากเจ้านาย และเพื่อนร่วมงานก็ให้การยอมรับ

การเงิน   : จะหมดไปกับการสงเคราะห์ช่วยเหลือคนที่ด้อยโอกาส หรือบุตรบริวาร

ความรัก :  วันนี้คู่ท่านจะอยู่ด้วยกันแบบผู้ใหญ่ คือความรักแบบหนุ่มสาวหมดไปนานแล้ว แต่อาจต้องอยู่ด้วยกันเพื่อลูก คนโสด วันนี้ไม่ท่านถูกใจผู้สูงวัย ก็อาจมีผู้ใหญ่มาขอแจมด้วย

สุขภาพ :  ระวังหกล้มหรือบาดเจ็บกล้ามเนื้อ กระดูก และเส้นเอ็นต่างๆ โดยเฉพาะช่วงขาและหลัง

 

ผู้ที่เกิดวันพฤหัสบดี

การงาน :  เตรียมใจไว้นิด เพราะงานวันนี้ท่านจะถูกต้อนให้จนมุม ไม่รู้จะไปทางไหนดี สุดท้ายแล้วก็ตัดสินใจผิดพลาด แม้จะเข้าไปขอความเห็นใจจากเจ้านาย แต่เขาก็วางเฉย ไม่ยินดียินร้าย

การเงิน :  ติดขัด ไปหวังพึ่งใครก็ไม่ได้

ความรัก : วันนี้อาจต้องแยกกันอยู่ เพราะคู่ท่านอาจขอไปปฏิบัติธรรม ซึ่งท่านตามไปไม่ได้ คนโสด ทำใจว่า ท่านกับเขาแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง ไม่สามารถจะไปต่อได้

สุขภาพ : อย่าเครียดนะคะ เดี๋ยวก็ผ่านไป

 

ผู้ที่เกิดวันศุกร์

การงาน  :  งานที่วางเป้าหมายไว้จะมีศึกเข้ามารอบด้าน ขอเตือนว่าอย่าดื้อรั้น แม้จะรู้ว่าเถียงไปก็ไม่ชนะ เพราะหากท่านปล่อยไปตามเกมจะประสบความสำเร็จด้วยดี

การเงิน :  ให้ระวังอย่าเพิ่งลงทุนแบบหวังผลมากจะพลาดได้

ความรัก :  วันนี้เหมือนท่านรู้แล้วว่า ความสัมพันธ์ในครอบครัวกำลังจะไปไม่รอด จึงเล็งเป้าหมายใหม่ คนโสด รอไปก่อน เพราะท่านใช้เวลาในการศึกษาดูใจกันน้านๆ

สุขภาพ  : ระวังเกิดอุบัติเหตุที่อวัยวะตั้งแต่สะโพกลงไป

 

ผู้ที่เกิดวันเสาร์

การงาน : อึดอัดร้อนรุ่มเกี่ยวกับบริวาร หรือพนักงานที่เป็นเด็กจะสร้างปัญหาให้ท่านเกิดภาวะกลืนไม่เข้าคายไม่ออก

การเงิน : บริวารอาจสร้างหนี้สินให้ท่านต้องรับภาระ

ความรัก : วันนี้บริวารจะทำให้เดือดร้อน อาจหนีออกจากบ้าน แม้ท่านจะอ้อนวอนขอให้กลับก็ไม่ยอมกลับ ใจเย็นๆ ค่อยๆ พูดกัน คนโสด ทำใจนิดว่า เขาไม่กลับมาแล้ว

สุขภาพ : จะมีปัญหาเรื่องร้อนใน หรือปากเป็นแผล

ผู้หญิงเก่ง

สวยอย่างเดียวไม่พอ!! เผยบุคลิกภาพ 5 ลักษณะของผู้หญิงเก่งที่ประสบความสำเร็จ

Alternative Textaccount_circle
ผู้หญิงเก่ง
ผู้หญิงเก่ง

ยุคนี้ผู้หญิงสวยอย่างเดียวไม่ได้ ต้องมีสมองและสตรองด้วย อย่างที่ได้ยินบ่อยๆ เดี๋ยวนี้ผู้ชายทำได้ ผู้หญิงก็ทำได้เหมือนกัน เพราะความเสมอภาคทางเพศเป็นสิ่งที่สังคมในปัจจุบันให้ความสำคัญ ผู้หญิงทั่วโลกมีบทบาทสำคัญและมีความรับผิดชอบมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นในแวดวงการเมือง วิชาการ ธุรกิจ หรือวิทยาศาสตร์ จะเห็นได้ว่าผู้หญิงมีอิทธิพลมากขึ้น จากผลสำรวจของมาสเตอร์การ์ดในการสำรวจดัชนีผู้ประกอบการหญิง พบว่า ประเทศไทยเป็นหนึ่งในประเทศที่เปิดโอกาสให้ผู้หญิงมีอัตราการก้าวหน้าในที่ทำงานมากที่สุดในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก และจากผลสำรวจดังกล่าวของมาสเตอร์การ์ด ฉะนั้น แพรวดอทคอม จะเผยบุคลิกภาพ 5 ลักษณะที่ผู้หญิงควรมี เพื่อนำไปสู่ความสำเร็จ

 1. พวกเธอพัฒนาความสามารถของตัวเองอยู่ตลอดเวลา

โลกที่เต็มไปด้วยการแข่งขันในปัจจุบัน ผู้หญิงไม่สามารถปล่อยเวลาให้สูญเปล่าอีกต่อไป ไม่ใช่ทุกคนที่จะเกิดมาพร้อมกับความสำเร็จ การที่จะประสบความสำเร็จได้นั้นต้องอาศัยเวลาและความมุ่งมั่น ผู้หญิงที่จะประสบความสำเร็จต้องมีความพร้อมทั้งกายและใจ ในการพัฒนาทักษะและความสามารถของเธอให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น เพื่อให้มั่นใจได้ว่าทักษะที่เธอมีนั้นเป็นสิ่งที่จำเป็นและไม่สามารถทดแทนได้

 2. เรื่องเงินๆ ทองๆ ต้องพวกเธอเลย

ใครบ้างที่จะไม่รักผู้หญิงฉลาด ผู้หญิงที่ประสบความสำเร็จส่วนใหญ่นั้นมีความสามารถในการบริหารจัดการการเงินเป็นอย่างดี จากผลสำรวจการให้ความสำคัญด้านการใช้จ่ายของผู้บริโภคในปี 2560 ซึ่งจัดทำโดยมาสเตอร์การ์ด พบว่า ร้อยละ 93 ของผู้หญิงไทยมีการตัดสินใจด้านการเงินเกี่ยวกับการออมและการลงทุนมากที่สุด และร้อยละ 92 ให้ความสำคัญกับการบริหารจัดการการเงินในครัวเรือน เรื่องเงินเรื่องทองเป็นเรื่องที่ผู้หญิงส่วนใหญ่ให้ความสำคัญเป็นอันดับแรก เพราะมันทำให้พวกเธอสามารถที่จะควบคุม บริหารจัดการชีวิตได้จากการจัดสรรเงินออม การลงทุน และการควบคุมค่าใช้จ่ายให้เรียบร้อยอยู่เสมอ

3. ครอบครัวต้องมาก่อน

ครอบครัวมีบทบาทสำคัญต่อความสำเร็จ ผู้หญิงที่ประสบความสำเร็จส่วนใหญ่มีครอบครัวเป็นแรงผลักดัน แม้จะต้องทำงานอย่างหนักหรือมีความรับผิดชอบสูง แต่พวกเธอจะแบ่งเวลาให้ครอบครัว ไม่ว่าตารางงานจะแน่นแค่ไหน แต่มั่นใจได้เลยว่าทุกครั้งที่ครอบครัวต้องการเธอ เธอจะอยู่ตรงนั้นเสมอ สำหรับผู้หญิงแล้ว ความสำเร็จที่เกิดขึ้นกับตัวเองถือเป็นความสำเร็จของครอบครัวด้วยเช่นกัน และความสำเร็จที่พวกเธอได้รับทั้งหมดจะไร้ค่า หากไม่ได้ร่วมแบ่งปันให้ใครเลย จึงเป็นสาเหตุที่ว่า ทำไมผู้หญิงที่ประสบความสำเร็จในด้านการงานส่วนใหญ่จึงมองหาความสมดุลระหว่างชีวิตครอบครัวและการทำงานนั่นเอง

OLYMPUS DIGITAL CAMERA

4. สิ่งที่พวกเธอเหล่านั้นมีคือ ความมั่นใจและไม่ยอมแพ้

การมีความมั่นใจและความเพียรพยายามเป็นคุณลักษณะที่สำคัญสำหรับผู้หญิงที่ประสบความสำเร็จ ในทุกวันนี้ผู้หญิงถูกประเมินค่าต่ำเกินไปในหลายๆ ด้าน โดยเฉพาะอย่างยิ่งด้านการทำงาน เพราะฉะนั้นไม่ว่าคนอื่นจะคิดอย่างไร เธอรู้คุณค่าของความสามารถที่ตัวเองมีอยู่ และไม่ยอมให้ใครมาลดคุณค่าลงไปได้ ความเชื่อมั่นประกอบกับความมุ่งมั่นสู่ความสำเร็จ ทำให้พวกเธอประสบความสำเร็จตามที่ได้ตั้งใจไว้ การไม่ยอมแพ้แม้จะมีความผิดพลาดเกิดขึ้น แต่จะใช้โอกาสนั้นในการเรียนรู้เพื่อเป็นแรงผลักดันสู่ความสำเร็จต่อไป

5. พวกเธอไม่กลัวที่จะก้าวออกจาก Comfort Zone

ผู้หญิงที่ประสบความสำเร็จชอบที่จะรับมือกับสถานการณ์แห่งความไม่แน่นอน หากมีโอกาสที่จะลองสิ่งใหม่ๆ เธอจะอาสาเป็นคนแรกเสมอ และสิ่งต่างๆ เหล่านี้จะนำพวกเธอไปสู่ความสำเร็จ เพราะมันเป็นการแสดงให้เห็นถึงความสามารถในการปรับตัวได้ในทุกสถานการณ์ เธอชอบความรู้สึกตื่นเต้นที่มาพร้อมกับความเสี่ยง และพวกเธอก็ไม่กลัวที่จะทำสิ่งที่แตกต่างออกไป ถึงแม้ฟังดูแล้วไม่น่าจะเป็นไปได้ แต่สำหรับพวกเธอแล้วทุกอย่างเป็นไปได้เสมอ

ข้อมูล : Mastercard Index of Women Entrepreneurs
รูปภาพ : Pexels

ชมรมพลังศิลป์ ขวนคนไทยชมนิทรรศการ “ธรรมดี ที่พ่อทำ” (The Wisdom of the Great King Bhumibol)

ชมรมพลังศิลป์  (The Power of Art Club) ร่วมกับ สมาคมนักเรียนเก่าอังกฤษ ในพระบรมราชูปถัมภ์ (OESA) โดย พ.ต.อ.ธีรวัฒน์ มังคละศิริ นายกสมาคมฯ ชมรมสตรีนานาชาติแห่งประเทศไทย (The International Women’s Club of Thailand) โดย Mrs. Kathleen Pokrud ประธานชมรมฯ มูลนิธิ ธรรมดี โดย ดนัย จันทร์เจ้าฉาย ประธานมูลนิธิฯ และ โรงแรมอนันตรา สยาม กรุงเทพ โดย มร.แพทริค โบท ผู้จัดการใหญ่ ร่วมกันจัดนิทรรศการ ธรรมดี ที่พ่อทำ (The Wisdom of the Great King Bhumibol) เพื่อน้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณอันล้นพ้นจนหาที่สุดมิได้ และร่วมถวายความอาลัยพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชฯ

โดยจัดนิทรรศการศิลปะ ภาพวาด ประติมากรรม ชิ้นเอก จากผลงานของศิลปินผู้มีชื่อเสียงของไทย เช่น ประสิทธิ์ ชนิตราภิรักษ์ อภิชัย การิกาญจน์ อนุศักดิ์ อาจธะขันธ์ และของศิลปินท่านอื่นๆอีกหลายท่าน โดยรายได้จากการจำหน่ายผลงานเหล่านี้จะนำไปสมทบทุนการศึกษามอบให้สมาคมส่งเสริมการศึกษาในถิ่นกันดาร ในพระอุปถัมภ์สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี

กำหนดพิธีเปิดงานอย่างเป็นทางการ มีขึ้นในวันจันทร์ที่ 9 ตุลาคม 2560 เวลา 17.00 น. ณ ห้องบอลรูม โรงแรมอนันตรา สยาม กรุงเทพ ถนนราชดำริ โดยหม่อมเจ้าประภาพันธ์ (ภานุพันธุ์) กรโกสียกาจ เสด็จทรงเป็นประธานในพิธีเปิดพร้อมด้วยคณะทูตานุฑูตต่างประเทศและผู้มีเกียรติด้านต่างๆทางสังคม นิทรรศการ ธรรมดี ที่พ่อทำ จัดแสดงบริเวณโถงล็อบบี้ โรงแรมอนันตรา สยาม กรุงเทพ จนถึง 31 ตุลาคม 2560 เปิดให้เข้าชมทุกวันโดยไม่มีค่าใช้จ่าย (กรุณาแต่งกายสุภาพ)

ขอเชิญประชาชนชาวไทยรับชม ภาพยนตร์สารคดี “บันทึกทางไกล…ถึงพ่อ (The Journey)”

ภาพยนตร์สารคดี “บันทึกทางไกล…ถึงพ่อ” (The Journey) จะนำพาผู้ชมทุกท่านร่วมเดินทางไกลเพื่อค้นหาข้อมูลที่มีค่า ผ่านเรื่องราวการเดินทาง และความทรงจำอันงดงามของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร เมื่อครั้งพระองค์ประทับอยู่ ณ เมืองโลซาน ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ เป็นระยะเวลา ๑๘ ปี จนกระทั่งพระองค์เสด็จนิวัติประเทศไทยในปีพุทธศักราช ๒๔๙๔ เพื่อเสด็จขึ้นครองราชย์อย่างเป็นทางการ โดยอ้างอิงความทรงจำจาก พระราชหัตถเลขา และไปรษณียบัตร รวมถึงภาพถ่ายฝีพระหัตถ์ วีดิทัศน์พระราชทานสัมภาษณ์ และการสัมภาษณ์บุคคลสำคัญที่เคยถวายงานพระองค์

ภาพยนตร์สารคดีนี้มุ่งหวังให้ผู้ชมเข้าใจว่าสิ่งใดที่หล่อหลอมให้ในหลวงรัชกาลที่ ๙ เติบโตมาเป็นกษัตริย์อันเป็นที่รักของประชาชน ชาวไทย ผ่านการนำเรื่องราวและความทรงจำอันแสนล้ำค่าในวัยเด็กที่กระจัดกระจายของพระองค์มาเรียงร้อยต่อกัน เปรียบเสมือนกับบันทึกการเดินทางไกลของในหลวงรัชกาลที่ ๙ ที่สะท้อนสายอันแน่นแฟ้นระหว่างพระมหากษัตริย์กับประชาชนของพระองค์ และเพื่อแสดงให้เห็นว่า “ท่านมิใช่เพียงแค่ศูนย์รวมแห่งคนไทยทั้งชาติ แต่พระองค์ท่านคือโลกอีกใบหนึ่งของพวกเราชาวไทยทั้งประเทศ”

กำหนดเข้าฉาย:
สำหรับประชาชาชนทั่วไปที่สนใจ สามารถติดตามและรับชมภาพยนตร์สารคดี “บันทึกทางไกล…ถึงพ่อ” (The Journey) ได้โดย ไม่เสียค่าใช้จ่าย ตามช่องทางและรายละเอียด ดังต่อไปนี้
• ระหว่างวันที่ ๑๒ – ๑๕ ตุลาคม ๒๕๖๐ ณ โรงภาพยนตร์เอส เอฟ ทั่วประเทศ โดยในวันที่ ๑๒ และ ๑๕ ตุลาคม ฉายที่ โรงภาพยนตร์เอส เอฟ ในเขตกรุงเทพฯ และ วันที่ ๑๓ – ๑๔ ฉายที่โรงภาพยนตร์ เอส เอฟ ทั่วประเทศ อัพเดทรอบฉายที่ https://www.sfcinemacity.com/
• ระหว่างวันที่ ๑๒ – ๑๓ ตุลาคม ๒๕๖๐ ณ ห้องออดิทอเรี่ยมหอศิลปกรุงเทพฯ จำนวนทั้งหมด ๖ รอบ โดยรอบฉายในวันที่ ๑๒ ตุลาคม ได้แก่ ๑๓.๐๐ น. ๑๕.๐๐ น. และ ๑๙.๐๐ น. และรอบฉายในวันที่ ๑๓ ตุลาคม ได้แก่ ๑๕.๐๐ น. ๑๗.๐๐ น. และ ๑๙.๐๐ น. โดยหลังการฉายรอบสุดท้ายมี Q & A กับผู้กำกับภาพยนตร์
• ระหว่างวันที่ ๒๐ – ๒๘ ตุลาคม ๒๕๖๐ ณ แบงค็อก สกรีนนิ่ง รูม (Bangkok Screening Room) ศาลาแดง ทั้งหมด ๙ รอบ อัพเดทรอบฉายที่ https://bkksr.com/movies
• ฉายบนเที่ยวบินสายการบินไทย เป็นระยะเวลา ๒ ปี
ผู้กำกับ: มนัสนันท์ พันเลิศวงศ์สกุล
บทภาพยนตร์โดย: มนัสนันท์ พันเลิศวงศ์สกุล และพรมนัส รัตนวิชช์
คณะผู้สร้างภาพยนตร์:
๑. มนัสนันท์ พันเลิศวงศ์สกุล
๒. พรมนัส รัตนวิชช์
๓. สเตฟาน ลอมแบร์

พระองค์เจ้าสิริวัณณวรีนารีรัตน์

พระองค์เจ้าสิริวัณณวรีฯ ทรงเป็นผู้บังคับกองทหารม้าเกียรติยศ อัญเชิญพระบรมราชสรีรางคาร ด้วยพระองค์เอง

Alternative Textaccount_circle
พระองค์เจ้าสิริวัณณวรีนารีรัตน์
พระองค์เจ้าสิริวัณณวรีนารีรัตน์
ช่วงวันที่ 8 ต.ค.ที่ผ่านมา มีประชาชนจำนวนมากได้ไปเฝ้าชมการซ้อมริ้วขบวนพระบรมราชอิสริยยศ ซึ่งซ้อมตามเวลาจริง และสถานที่จริง โดยจะมีการซ้อมอีกครั้งในวันที่ 15, 21 และ 22 ตุลาคม 2560 และทางกองอำนวยการร่วมงานพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร ได้แจ้งว่าในวันที่ 22 ตุลาคม 2560 นี้ พันโทหญิงพระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าสิริวัณณวรีนารีรัตน์ ตำแหน่งผู้บังคับการกองพันทหารม้าที่ 29 รักษาพระองค์ จะทรงม้านำขบวนพระบรมราชอิสริยยศ

โดยทรงร่วมซ้อมริ้วขบวนที่ 6 ที่จะใช้ก่อนวันจริงในวันที่ 29 ตุลาคม 2560 ในการอัญเชิญพระบรมราชสรีรางคาร พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช จากพระศรีรัตนเจดีย์ วัดพระศรีรัตนศาสดาราม พระบรมมหาราชวัง ไปบรรจุที่ฐานพุทธบัลลังก์พระพุทธอังคีรส พระประธานพระอุโบสถ วัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม และที่ฐานพุทธบัลลังก์พระพุทธชินสีห์ พระประธานพระอุโบสถ วัดบวรนิเวศวิหาร

ซึ่งเส้นทางของริ้วขบวนที่ 6 จะเริ่มจากพระศรีรัตนเจดีย์ วัดพระศรีรัตนศาสดารามไปยังวัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม ผ่านถนนสนามไชย ถนนอัษฎางค์ ถนนกัลยาณไมตรี (หรือถนนด้านข้างกระทรวงกลาโหม) ไปยังวัดราชบพิตรสถิตมหาสีมาราม แล้วต่อไปยังวัดบวรนิเวศวิหาร โดยผ่านถนนกัลยาณไมตรี ถนนราชดำเนินใน ถนนราชดำเนินกลาง และถนนพระสุเมรุ

ภาพ kingrama9.th และจาก IG : fookie_beauty

หาคำตอบ ทำไมราวบันไดประดับพระเมรุมาศต้องเป็นนาค

ใกล้เข้ามาทุกที สำหรับวันที่คนไทยทั้งชาติต้องร่ำไห้ทั้งแผ่นดิน ในงานพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร ซึ่งที่ผ่านมาหลายคนได้รับข่าวสารเกี่ยวกับงานพระราชพิธีครั้งนี้หลากหลายด้วยกัน ทั้งข้อมูลเกี่ยวกับองค์ประกอบในริ้วขบวนพระบรมราชอิสริยยศ การแต่งกายของทหารในริ้วขบวนพระบรมราชอิสริยยศ หรือแม้แต่คำศัพท์และเพลงที่ใช้ในช่วงพระราชพิธีก็มีข้อมูลให้ศึกษาทั้งหมด

วันนี้แพรวดอทคอมก็มีอีกเรื่องที่สำคัญไม่ต่างจากเรื่องก่อนหน้านี้ที่ได้นำเสนอไปแล้ว เพราะเป็นข้อมูลของราวบันไดที่ใช้ประดับพระเมรุมาศ หลายคนอาจได้เห็นภาพแล้วว่าราวบันไดมีนาคประดับอยู่ด้วยกันถึง 4 แบบ แล้วทำไมต้องเป็นนาคล่ะ สงสัยกันไหม วันนี้เรานำคำตอบจากเว็บไซต์ kingrama9.th มาไขข้อข้องใจให้แล้ว

ตามความเชื่อในคติพุทธ พญานาคเปรียบเป็นสัญลักษณ์ของสายน้ำ และเสมือนดั่งสะพานสายรุ้งเชื่อมโลกมนุษย์กับโลกสวรรค์ โดยภพภูมิของพญานาคคือเทพกึ่งสัตว์ อันเป็นที่มาของประติมากรรมราวบันไดนาคประดับพระเมรุมาศ พระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร ซึ่งประติมากรรมบันไดนาคทั้งหมด 4 แบบอยู่บนพระเมรุมาศทั้ง 4 ชั้น โดยบันไดนาคในแต่ละชั้นมีลักษณะแตกต่างกันตามความสำคัญและระดับชั้นบารมีของนาค ซึ่งผู้ออกแบบสื่อให้เห็นถึงการลดละกิเลสสู่ความเป็นเทพในชั้นที่สูงขึ้น


 

ภาพและข้อมูล : kingrama9.th

 

เอาแล้วไง! “Zara” ออกไอเท็มคล้าย “Gucci” เสิร์ฟนักช็อปในราคาถูกเกินครึ่ง

มาอีกแล้วสำหรับ dupes เสื้อผ้าจากแบรนด์ไฮสตรีทที่ออกแบบมาละม้ายคล้ายกับไฮเอนด์ ซึ่งก่อนหน้านี้แพรวดอทคอมก็ได้นำไอเท็มจากแบรนด์ต่างๆ มาให้ดูกันบ้างแล้ว อย่างเสื้อผ้า กระเป๋า หรือรองเท้า ครั้งนี้ก็เช่นเดียวกัน เราได้นำ dupes ในราคาถูก ที่มีดีไซน์คล้ายกับแบรนด์ที่มีราคาสูงมาให้สาวๆ ได้เลือกช็อปกัน

วันนี้จะเป็นคิวของแบรนด์ดังอย่าง Zara โดยก่อนหน้านี้ก็มีรองเท้าผ้าใบส้นเตารีด ราคาประมาณ 878 บาท ของ H&M และจากนั้น Mango ก็ทำชุดเดรสลายดอกที่คล้ายกับ Gucci ออกมาวางขายด้วย

หรือนี่จะเป็นเหตุผลที่ Zara ต้องออก 2 ไอเท็มนี้เหรอ ก็ว่าไม่น่าใช่เทรนด์ของแบรนด์ไฮสตรีทหรอก แต่แบรนด์ที่ราคาเอื้อมถึงแบบนี้คงอยากให้ลูกค้าได้ใช้สินค้าดีๆ ในราคาที่สามารถซื้อหาได้ แต่ในขณะเดียวกันก็ตอบโจทย์เรื่องความหรูหรา ดีไซน์ของไอเท็มต่างๆ เลยออกมาคล้ายกับแบรนด์ที่มีราคาสูง และจากผลงานที่ผ่านๆ มาของแบรนด์ไฮสตรีทเหล่านี้ ก็ไม่สามารถปฏิเสธได้ว่าแรงบันดาลใจอาจมาจากรันเวย์เช่นกัน

ไอเท็มทั้งสองชิ้นของ Zara จะคล้ายกับของ Gucci แค่ไหน และราคาจะต่างกันมากไหม ไปดูกันเลย

 

1. The Velvet Bag

 

 

Gucci (ซ้าย) and Zara (ขวา)

Splurge : £1,260 หรือราคาประมาณ 55,403 บาท จาก Gucci

Save : £59.99 หรือราคาประมาณ 2,637 บาท จาก Zara


 

2. The New Knit

 

 

Gucci (ซ้าย) and Zara (ขวา)

Splurge: £650 หรือราคาประมาณ 28,581 บาท จาก Gucci

Save: £49.99 หรือราคาประมาณ 2,198 บาท จาก Zara


 

ราคาต่างกันสุดขั้วจริงๆ ส่วนดีไซน์ก็ไม่ได้เหมือนหรือต่างกันโดยสิ้นเชิง คงต้องใช้คำว่าคล้ายๆ กันถึงจะตรงกับภาพที่เราเห็นมากที่สุด เพราะ Zara เองก็ยังคงออกแบบมาให้ดูเป็น Zara ไม่ได้ฉีกออกจากความเป็นแบรนด์ตัวเอง มีเพียงแค่รูปแบบของไอเท็มหรือรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ เท่านั้นที่คล้ายกับ Gucci สินค้าสไตล์นี้ถือเป็นการเพิ่มทางเลือกให้นักช็อปที่มีงบจำกัดได้ซื้อมาครอบครองจริงๆ 

 

ที่มาและภาพ : www.mirror.co.uk

 

ปลูกดาวเรืองให้เรืองรอง ถวายความอาลัยในหลวงรัชกาลที่ ๙

“ปลูกดาวเรืองให้เรืองรอง” อีกหนึ่งกิจกรรมดีๆ เพื่อเป็นการถวายความอาลัยในหลวงรัชกาลที่ ๙ ในระหว่างวันที่ 21 – 23 ตุลาคม 2560

“a day BULLETIN X Brio” นิตยสาร a day BULLETIN ร่วมกับ Brio เชิญชวนประชาชนชาวไทยร่วมถวายความอาลัยในหลวงรัชกาลที่ 9 กับกิจกรรม “ปลูกดาวเรืองให้เรืองรอง” ที่บรีโอ้ คอมมูนิตี้มอลล์ พุทธมณฑลสาย 4 ประชาชนที่สนใจสามารถรับฟรีต้นดาวเรือง เพื่อนำไปประดับถวายความอาลัย โดยผู้ที่สนใจสามารถลงทะเบียนออนไลน์ได้ที่ https://goo.gl/HRegbE หรือไปที่หน้างานเพื่อรับนิตยสาร a day BULLETIN ฉบับพิเศษ และต้นดาวเรืองที่ปลูกอย่างพิถีพิถัน แจกกันวันละ 999 ต้น ตลอด 3 วัน!!!

นอกจากนี้ยังมีกิจกรรมให้ได้ร่วมถวายความอาลัยในหลวงรัชกาลที่ 9 อย่างหลากหลาย อาทิ การบรรเลงบทเพลงพระราชนิพนธ์ โดยนักศึกษาวิทยาลัยดุริยางคศิลป์ มหาวิทยาลัยมหิดล และนักเรียนจากโรงเรียนต่างๆ รวมถึงร่วมชมนิทรรศการ Daypoets การจัดแสดงภาพพระบรมฉายาลักษณ์พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชขนาดใหญ่ การจัดแสดงหนังสือ นิตยสาร ภาพปกรัชกาลที่ 9 และฉบับพิเศษต่างๆ จากนิตยสาร a day, a day BULLETIN, Hamburger และ a book ที่เคยจัดพิมพ์ เพื่อให้ผู้ที่สนใจสามารถรับชมและอ่านได้ฟรี อาทิ ภาพหายากจากปกนิตยสาร a day ฉบับที่ 195 รวมถึงการจัดแสดงวิธีการปลูกและการดูแลรักษาดอกดาวเรืองให้เรืองรอง

พร้อมร่วมถวายความอาลัยในลานดาวเรืองที่ประดับตกแต่งดอกดาวเรืองสีเหลืองสะพรั่งกว่า 10,000 ต้น บนพื้นที่กว่า 1,000 ตารางเมตร โดยเปิดโอกาสให้ประชาชนเขียนข้อความถวายความอาลัยและแขวนประดับที่ซุ้มดอกดาวเรืองได้ทั้งวัน พร้อมร่วมจุดเทียนถวายความอาลัยพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชในช่วงค่ำ และยังมีกิจกรรมเวิร์คชอปเพ้นต์กระถางต้นไม้และ CALLIGRAPHY รวมถึงโซนออกร้านจำหน่ายสินค้าเครื่องประดับจากนักศึกษา และตลาดนัดเกษตรกร Farmer Market ด้วย ประชาชนที่สนใจสามารถร่วมงานปลูกดาวเรืองให้เรืองรอง ถวายความอาลัยในหลวงรัชกาลที่ ๙ ได้ในวันเสาร์ที่ 21 – วันจันทร์ที่ 23 ตุลาคม นี้ ที่บรีโอ้ คอมมูนิตี้มอลล์ พุทธมณฑลสาย 4 เวลา 10.30 น. – 21.00 . ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.facebook.com/briosai4

 

keyboard_arrow_up