สิ้นขบวนสุดท้าย เสด็จสู่สวรรคาลัย ธ สถิตอยู่ในใจตราบนิรันดร์

สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนิน ร่วมพระบรมราชอิสริยยศ ริ้วขบวนสุดท้าย ทรงอัญเชิญพระผอบ พระบรมราชสรีรางคารในหลวงรัชกาลที่9 บรรจุ ณ วัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม และ วัดบวรนิเวศวิหาร

เมื่อวันที่ 29 ต.ค. 60 เวลา 17.30 น.สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร และ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ประทับรถยนต์พระที่นั่ง ทรงอัญเชิญพระผอบพระบรมราชสรีรางคาร พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร ออกจากพระบรมมหาราชวัง ทางประตูวิเศษไชยศรีไปบรรจุ ณ ฐานพุทธบัลลังก์ พระพุทธอังคีรส วัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม และฐานพุทธบัลลังก์พระพุทธชินสีห์ วัดบวรนิเวศราชวรวิหาร โดยมีขบวนพระบรมราชอิสริยยศริ้วที่ 6 ซึ่งพันโทหญิง พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าสิริวัณณวรีนารีรัตน์ องค์ผู้บังคับการกองพันทหารม้าที่ 29 รักษาพระองค์ ทรงม้านำขบวนอย่างสมพระเกียรติ

    

โดยริ้วขบวนพระบรมราชอิสริยยศ ริ้วขบวนที่ 6 ใช้เส้นทางออกประตูวิเศษไชยศรี เลี้ยวขวาไปตามถนนหน้าพระลาน แล้วเลี้ยวขวาไปตามถนนสนามไชย เลี้ยวซ้ายเข้าถนนกัลยาณไมตรี ข้ามสะพานช้างโรงสี เลี้ยวขวาเข้าถนนอัษฎางค์ เลี้ยวซ้ายเทียบที่เกยหน้าวัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม จากนั้นออกจากวัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม เลี้ยวขวาถนนอัษฎางค์ เลี้ยวซ้ายขึ้นสะพานช้างโรงสีไปตามถนนกัลยาณไมตรี เลี้ยวขวาถนนสนามไชย เข้าสู่ถนนราชดำเนินใน ข้ามสะพานผ่านพิภพลีลา ไปตามถนนราชดำเนินกลาง แล้วเลี้ยวซ้ายเข้าถนนพระสุเมรุ ไปเทียบหน้าประตูวัดบวรนิเวศวิหาร

อย่างไรก็ตามในขั้นตอนสุดท้ายของพระราชพิธีถวายพระเพลิง พระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร คือการบรรจุพระบรมราชสรีรางคารที่ฐานพุทธบัลลังก์ โดยเมื่อริ้วขบวนพระบรมราชอิสริยยศ ริ้วขบวนที่ 6 ถึงวัดบวรนิเวศวิหาร สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร ทรงจุดธูปเทียนเครื่องนมัสการบูชาพระพุทธชินสีห์ พระประธานพระอุโบสถ ทรงจุดธูปเทียนเครื่องทองน้อยถวายราชสักการะพระบรมราชสรีรางคารพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 6 ทรงจุดธูปเทียนเครื่องทองน้อยถวายราชสักการะพระบรมราชสรีรางคารพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชบรมนาถบพิตร พระสงฆ์สวดมาติกา ทรงทอดผ้าไตรพระสงฆ์ 30 รูป สดับปกรณ์ ถวายอนุโมทนา ถวายอดิเรก ถวายอดิเรกแล้วทรงบรรจุพระบรมราชสรีรางคารที่ฐานพุทธบัลลังก์พระพุทธชินสีห์ ทรงวางพวงมาลา ทรงจุด ธูป เทียน เครื่องทองน้อยชาวพนักงานประโคมกระทั่งมโหระทึก สังข์ แตร กลองชนะ ทหารกองเกียรติยศ บรรเลงเพ ลงสรรเสริญพระบารมีเสด็จพระราชดําเนินกลับเป็นการเสร็จสิ้น

20 ชุดเจ้าสาว เปิดไหล่ข้างเดียว

account_circle

ผู้หญิงมีหลายอารมณ์ หลายแบบ หลายสไตล์นะคะ ยิ่งถ้าจะหาชุดเจ้าสาวมาเติมเต็มความเป็นหญิงในวันสำคัญแล้วละก็ มีชุดสวยๆ ให้เลือกเพียบ ไม่ว่าจะเป็น เกาะอก สายเดี่ยว โชว์หลัง กระโปรงยาว และอื่นๆ อีกมากมาย แต่วันนี้เราขอนำเสนอชุดเจ้าสาวแบบเปิดไหล่ข้างเดียวหรือเปิดไหล่เฉียงให้กับคุณว่าที่ทั้งหลาย เพราะลุคนี้มีความดีงามซ่อนอยู่แบบที่คุณอาจไม่เคยรู้มาก่อน

ถ้าคุณคือเจ้าสาวแนวหวาน อยากได้ความหรูหราเรียบโก้แบบไฮโซ ชุดแบบนี้ช่วยคุณได้เยอะ ส่วนถ้าคุณเป็นสาวเรียบๆ ที่อยากเปิดอีกด้านของตัวเอง ชุดเปิดไหล่อาจสร้างความเซ็กซี่อย่างที่คนข้างๆ ที่เคยรู้มาก่อน ถ้าพร้อมจะเปิดไหล่โชว์อวดผิวเนียนแล้วละก็ มาพบกับ 20 ชุดแต่งงานเปิดไหล่ทั้ง 20 แบบกันได้เลยค่ะ

เป็นอย่างไรกันบ้างคะ กับ 20 ชุดที่เราเลือกมาให้คุณๆ ว่าที่ทั้งหลายได้เลือกชมกัน สวย เก๋ มีสไตล์ใช่มั้ยละค่ะ

เรื่อง : ณัฐมล

ภาพ : Pinterest

ความโทมนัส ในพระราชหฤทัยแลพระทัย ใครเล่าจะรู้หรือเข้าใจได้ทั้งหมด

ความโทมนัส ใดเล่าจะสาหัสยิ่งใหญ่เท่าทุกข์จากการสูญเสียบุคคลอันเป็นที่รัก ทว่าสังขารมีความเสื่อมฉันใด เกิด แก่ เจ็บ ตาย ก็เป็นธรรมดาโลกฉันนั้น

และแม้ผู้คนจะรู้ถึงสัจธรรมความจริงข้อนี้ ก็ยังยากเหลือเกินที่จะหักห้ามความเศร้าโศกไม่ให้เกิด โดยเฉพาะห้วงเวลาปีกว่าที่ผ่านมา นับจากวันที่ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร เสด็จสู่สวรรคาลัย ซึ่งหากเราสามารถแปรความเสียใจเป็นมวลสารหนึ่งก้อน น้ำหนักความเสียใจของลูกหลานไทยครั้งนี้ก็ช่างหนักอึ้งจนเกินบรรยาย

คำถามคือ แล้วจะมีสักกี่คนที่รู้หรือเข้าใจถึงน้ำหนักแห่ง ความโทมนัส ที่สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและพระบรมวงศานุวงศ์ทุกพระองค์ทรงต้องเผชิญอยู่

หลายครั้งที่เราได้ยินคำว่า… ขัตติยมานะ ทำให้เจ้านายพระองค์นั้นพระองค์นี้ต้องทรงความเข้มแข็ง ต้องไม่ทรงเผยความอ่อนแอให้ประชาชนเห็น ทว่าในพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร ซึ่งผ่านพ้นไปแล้วทุกกระบวนการขั้นตอนอย่างสง่างาม สมพระเกียรติสูงสุด แต่ท่ามกลางเสียงร่ำไห้อาดูรของประชาชนที่อยู่ในพระราชพิธีฯพระผู้เสด็จสวรรคาลัย สิ่งที่เกิดขึ้นจากการถ่ายทอดสดด้วยระบบ HD โดยโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจแห่งประเทศไทย รวมกับการที่โลกขับเคลื่อนด้วยสื่อโซเชียล ก็ทำให้พสกนิกรที่ชมริ้วขบวนพระบรมราชอิสริยยศอยู่หน้าจอทีวีหรือช่องทางออนไลน์ได้เห็นถึงแววพระเนตรทุกข์ตรม และสีพระพักตร์โศกศัลย์ของสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและพระบรมวงศานุวงศ์หลายพระองค์

สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร ในพระราชพิธีอัญเชิญพระบรมโกศไปพระเมรุมาศ วันที่ 26 ตุลาคม 2560

 

สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร ในพระราชพิธีอัญเชิญพระบรมโกศไปพระเมรุมาศ วันที่ 26 ตุลาคม 2560
สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร ในพระราชพิธีอัญเชิญพระบรมโกศไปพระเมรุมาศ วันที่ 26 ตุลาคม 2560
สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ในพระราชพิธีอัญเชิญพระบรมโกศไปพระเมรุมาศ วันที่ 26 ตุลาคม 2560
สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ในพระราชพิธีอัญเชิญพระบรมโกศไปพระเมรุมาศ วันที่ 26 ตุลาคม 2560
สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ในพระราชพิธีอัญเชิญพระบรมโกศไปพระเมรุมาศ วันที่ 26 ตุลาคม 2560
สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนราชกัญญา สิริวัฒนาพรรณวดี ท่านผู้หญิงทัศนาวลัย ศรสงคราม และคุณพลอยไพลิน เจนเซ่น ในพระราชพิธีอัญเชิญพระบรมโกศไปพระเมรุมาศ วันที่ 26 ตุลาคม 2560
พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าพัชรกิติยาภา ในพระราชพิธีอัญเชิญพระบรมโกศไปพระเมรุมาศ วันที่ 26 ตุลาคม 2560
พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าพัชรกิติยาภา และพระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าทีปังกรรัศมีโชติ ในพระราชพิธีอัญเชิญพระบรมโกศไปพระเมรุมาศ วันที่ 26 ตุลาคม 2560
พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าพัชรกิติยาภา และพระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าสิริวัณณวรีนารีรัตน์ ในพระราชพิธีอัญเชิญพระบรมโกศไปพระเมรุมาศ วันที่ 26 ตุลาคม 2560
พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าพัชรกิติยาภา และพระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าสิริวัณณวรีนารีรัตน์ ในพระราชพิธีอัญเชิญพระบรมโกศไปพระเมรุมาศ วันที่ 26 ตุลาคม 2560
พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าสิริภาจุฑาภรณ์ และพระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าอทิตยาทรกิติคุณในพระราชพิธีอัญเชิญพระบรมโกศไปพระเมรุมาศ วันที่ 26 ตุลาคม 2560

เพราะนับจากวันพฤหัสบดีที่ 13 ตุลาคม 2559 ซึ่งเป็นวันที่ไทยต้องสูญเสีย ‘พ่อแห่งแผ่นดิน‘ วันนั้นสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและพระบรมวงศานุวงศ์ทุกพระองค์ ก็ต้องทรงสูญเสีย ‘ทูลกระหม่อมพ่อ ทูลกระหม่อมปู่ หรือทูลกระหม่อมตา’ เช่นกัน

เทียบกับยามที่เราอ่านพบว่า ในหลวงรัชกาลทื่ ๙ เคยทรงเปล่งสัจจะวาจาไว้ว่า “ไม่ต้องจำว่าฉันคือใคร แต่จำว่าฉันทำอะไรก็พอ” แล้วทำให้หลายคนต้องตั้งสัตย์อธิษฐานว่าจะขอจดจำพระองค์ตราบจนชีพวาย และหากเป็นไปได้ก็ขอเป็นข้ารองบาททุกชาติไป

แล้วกับสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและพระบรมวงศานุวงศ์ที่นอกจากดำรงพระอิสริยยศเป็นเจ้านายแห่งราชจักรีวงศ์แล้ว ทุกพระองค์ยังเป็น ‘ลูกและหลาน’ ของผู้นำครอบครัวผู้ประเสริฐยิ่ง พระเมตตาที่ในหลวงรัชกาลที่ ๙ พระราชทานให้กับพระบรมวงศ์ทุกพระองค์ เชื่อได้ว่ามีความ ‘อุ่นอก’ ไม่แพ้ความอบอุ่นในครอบครัวไหนๆ

เมื่อสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและพระบรมวงศ์ยังทรงเป็นเจ้านายเล็กๆ
พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร และสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร และสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี

ดังที่ครั้งหนึ่ง สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ได้พระราชทานสัมภาษณ์ไว้ในหนังสือเทิดพระเกียรติในหลวงของเรา ว่า

“…ทูลกระหม่อมพ่อจะพระราชทานคำแนะนำในทุกด้านที่ไปทูลถาม เพราะทรงทราบทุกเรื่อง นอกจากนั้นยังทรงสนับสนุนในการค้นคว้าหาความรู้ แต่ที่สำคัญที่สุดคือทรงสนับสนุนให้ใช้ความคิดในทุกด้าน

“…ไม่เคยทรงเบื่อที่จะฟังการออกความคิดเห็นในเรื่องต่างๆ จะทรงช่วยวิจารณ์ความคิดนั้นๆ และพระราชทานพระราชดำริเพิ่มเติมด้วย…

พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร และสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี

หรือที่ สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี ทรงมีพระราชดำรัสเล่าแก่ผู้ที่เข้าเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท เมื่อคราวเสด็จเยี่ยมราษฎรเพื่อทรงติดตามการดำเนินงานของหน่วยแพทย์อาสาสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี ที่โรงเรียนปากพลีวิทยาคาร นครนายก ว่า

“…จริงๆ แล้วพวกเราเนี่ย ได้พระโยชน์จากพ่อแม่ โดยเฉพาะข้าพเจ้าได้ประโยชน์จากทั้งพ่อและแม่มาก พระเจ้าอยู่หัวท่านเป็นพ่อที่ดีเหลือเกิน ไม่มีขาดตกบกพร่องตรงไหนเลย ตั้งแต่การให้ความรัก ความอบอุ่นกับลูก ให้วิชากับลูก สอนการดำเนินชีวิตที่ถูกต้อง สอนให้ทำประโยชน์ในสังคม จริงๆ แล้วข้าพเจ้าว่าพูดไปจนรุ่งเช้าก็ยังไม่จบเลยเรื่องความดีของท่าน…”

พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร และทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนราชกัญญา สิริวัฒนาพรรณวดี

ขณะที่ ทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนราชกัญญา สิริวัฒนาพรรณวดี ก็เคยประทานสัมภาษณ์ในรายการ ‘โต๊ะข่าวบันเทิง’ ถึงทูลกระหม่อมพ่อ ความตอนหนึ่งว่า

“…เมื่อตอนยังเด็ก หากรู้สึกเกลียดใคร พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวจะทรงสอนให้ลองคิดว่าคนเราไม่ได้มีเพียงด้านดีเท่านั้น และไม่มีใครที่มีเพียงด้านร้ายเท่านั้น เราจึงควรเปิดใจยอมรับ และนำความดีในความไม่ดี หรือด้านขาวในด้านดำ มามองใช้ให้เกิดประโยชน์ อีกทั้งยังไม่ควรอิจฉากัน แต่ควรมองดูคนที่เก่งกว่าเพื่อนำแบบอย่างของเขามาใช้ให้เกิดประโยชน์ต่อตนเอง เพราะคนที่มองโลกแคบๆ ไม่มีทางที่จะประสบความสำเร็จ…”

พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร และพระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าพัชรกิติยาภา
พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร และพระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าสิริวัณณวรีนารีรัตน์

และล่าสุด พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าสิริวัณณวรีนารีรัตน์ ก็ทรงมีพระเมตตาประทานสัมภาษณ์แก่นิตยสารแพรว ฉบับวันที่ 25 พ.ย. 2560 ความตอนหนึ่งว่า

“…พระองค์ท่านโปรดทอดพระเนตรรายการต่างๆ เช่น การ์ตูน กีฬา เนชั่นแนล จีโอกราฟฟิค ทอดพระเนตรแล้วก็โปรดมาแชร์ให้ลูกๆ หลานๆ ฟังว่า เอ้อ… อันนี้เป็นอย่างนี้ อันนี้ตลกดีนะ แต่จำได้เสมอว่าพระองค์ท่านโปรดรายการหนึ่งมาก เป็นของช่องฝรั่งเศส ซึ่งทอดพระเนตรทุกเย็น เป็นรายการตอบคำถามฝรั่งเศสที่ยากมาก แต่พระองค์ท่านจะเป็นองค์ที่ตอบไวกว่าในทุกๆ ครั้ง เราก็ฮู้… พระองค์ท่านเก่งมาก…”

พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร พร้อม ‘สมเด็จย่า’ และพระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าสิริภาจุฑาภรณ์ และพระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าอทิตยาทรกิติคุณ
พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร และคุณพุ่ม เจนเซ่น

เพราะฉะนั้นความทุกข์ในพระราชหฤทัยและพระทัยของทุกพระองค์ที่ต้องสูญเสียพระผู้ทรงเป็นที่รักจึงยิ่งต้องหนักอึ้งทบทวี

แต่หากข้อความที่ ทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนราชกัญญา สิริวัฒนาพรรณวดี ทรงโพสต์บนไอจีส่วนพระองค์สามารถถือเป็นตัวแทนความรู้สึกของพระบรมวงศ์ทุกพระองค์แล้วไซร์

“กราบพระบาททูลลาน้ำตาไหล แม้เสียใจสุดจะกล่าวสุดเล่าขาน ต้องเข้มแข็งรวมใจกันทุกวันวาร ตราบเท่านานพ่ออยู่ในหัวใจเรา เดินกันไปข้างหน้าสู่อนาคต ลูกจะจดจำรับสั่งไม่นั่งเหงา เปิดใจกว้างเขาคิดอะไรอย่าไม่เอา เพราะรู้เขาเราก็รู้สู้ด้วยกัน❤️ #กราบพระบาทน้อมถวายบังคมลา #ส่งเสด็จสู่สวรรคาลัย #พ่อของพวกเรายังอยู่ในใจเราตลอดกาล #26ตุลาคม2560”

ปวงราษฎร์ทุกหมู่เหล่าคงคลายใจ คลายกังวลลงได้

 

ที่มาภาพ : FB/H.R.H. Princess Sirivannavari Nariratana , IG@nichax , โทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจแห่งประเทศไทย , www.kingrama9.net/PhotoGallery , นิตยสาร LIFE และทีมภาพอมรินทร์

 

แนะการแต่งตัวในช่วงออกทุกข์ คีพลุคยังไงให้เหมาะสม

จากที่รัฐบาลได้ออกมาประกาศก่อนหน้านี้ว่า วันพรุ่งนี้ (30 ตุลาคม 2560) เป็นวันออกทุกข์ โดยคืนวันที่ 29 ตุลาคม ให้เริ่มเก็บผ้าระบายและป้ายส่งเสด็จสู่สวรรคาลัยให้เรียบร้อย ดังนั้นวันออกทุกข์วันแรกหลายคนก็อาจจะยังงงๆ อยู่ว่าจะแต่งตัวอย่างไรดี

แม้ว่า พล.ท.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี จะเปิดเผยถึงข้อปฏิบัติสำหรับประชาชนในการแต่งกายวันที่ 30 ต.ค. ซึ่งเป็นวันออกทุกข์ ว่า “สำหรับสีเสื้อผ้าที่จะใส่ในวันออกทุกข์  รัฐบาลไม่ได้บังคับว่าประชาชนจะต้องใส่เสื้อผ้าสีส้ม สีโน้นสีนี้ หรือสีอะไรเป็นพิเศษ วันนั้นก็ขอให้เป็นวิจารณญาณของแต่ละคนที่จะปฏิบัติ ซึ่งวันออกทุกข์ก็คือวันออกทุกข์ เป็นไปตามมติคณะรัฐมนตรี”

เพราะฉะนั้นเพื่อความง่ายต่อทุกคน วันนี้แพรวดอทคอมเลยมีตัวเลือกมาให้สาวๆ ได้แต่งตัวตามกัน สำหรับคนที่ยังไม่รู้ว่าจะแต่งตัวแบบไหนดี เพราะบางส่วนก็บอกว่าในช่วงแรกควรใส่สีสุภาพไปก่อน เพื่อความเหมาะสม ทำให้หลายคนสับสนอยู่ไม่น้อย วันนี้เราเลยนำลุคของคนดังมาให้สาวๆ ได้ดูเป็นตัวอย่างเพื่อตัดสินใจว่าจะเลือกลุคสไตล์ไหนมาแต่งให้เข้าตัวเอง และทางเราก็จะนำลุคที่เป็นกลาง สีสันสดใส แต่ไม่แรงมาให้ได้ดูกันนะจ๊ะ

 

แอน ทองประสม

การใส่สีขาวทั้งตัวอาจจะดูจืดไปหน่อย การเลือกเสื้อคลุมสีเข้มที่มีความสดใสมาตัด ก็จะทำให้ลุคมีชีวิตชีวาขึ้น แต่ด้วยดีไซน์ยังทำให้ดูสุภาพ

1

เดรสสีดำลายสีขาว แม้หลายคนจะบอกว่าไม่ควรใส่สีดำอีกแล้ว แต่ดีเทลและสไตล์ของเดรสมีความฟรุ้งฟริ้งเล็กๆ ก็ทำให้ลุคออกมาน่ารัก ดูไม่หมอง

 

อั้ม – พัชราภา ไชยเชื้อ

เสื้อเชิ้ตสีฟ้าปักลายดอกไม้สดใส แต่โทนสียังอยู่ในเฉดที่ไม่แรงมาก กระโปรงถึงจะสั้นเหนือเข่าแต่ลุคโดยรวมไม่ได้ดูเซ็กซี่ แต่กลับสวยแบบพอดีพองาม

1

ลุคนี้ตอนนั่งอาจจะดูสั้นไปหน่อย แต่เวลายืนตัวเดรสเชิ้ตจะยาวประมาณเข่า บวกกับไอเท็มอื่นๆ อย่าง เข็มขัด กระเป๋า รองเท้า สีเมคอัพในลุคนี้ คือลงตัวมาก แต่งออกงานได้เลย

 

คิมเบอร์ลี่ แอน เทียมศิริ

เดรสลายขวางสีสุภาพ ดีไซน์สวย ลุคนี้จะใส่ไปทำงานก็โอเค ใส่ไปเดินชิลต่อก็สวย เป็นลุคกลางๆ ดูง่ายๆ แต่แต่งแล้วดูดีมาก

1

เสื้อแขนกุด กางเกงสีขาว รองเท้าผ้าใบสีขาว การเลือกสีดำมาตัดเล็กๆ อย่างลายของเสื้อ โลโก้รองเท้า กระเป๋า ปากสีเข้มๆ ทำให้ลุคดูไม่จืดชืด แต่กลับดูเท่ ให้อารมณ์สบายๆ

 

มาร์กี้ – ราศรี บาเล็นซิเอก้า

เดรสสีฟ้าสดดีไซน์เก๋ ก็เป็นตัวเลือกที่น่ารัก ดูเรียบร้อยแต่ก็สดใสด้วยสีฟ้าแซมขาว ลุคนี้สวยง่าย ด้วยเดรสตัวเดียว เพิ่มเข็มขัดเข้าไปหน่อยก็ชิคแล้ว

1

เสื้อยืด กระโปรงฟูฟ่องสีเขียวมิ้นต์ รองเท้าผ้าใบ และผมทรงบัน ทุกองค์ประกอบทำให้ลุคดูสวยแบบไม่ตั้งใจ และสดใส น่ารัก

 

ใหม่ – ดาวิกา โฮร์เน่

ลืมได้ไง กับลุคสบายๆ อย่างเสื้อและกางเกงยีนส์ ในลุคนี้เสื้ออาจจะดูแฟชั่นหน่อย แต่โดยรวมคือสวย และกางเกงยีนส์ที่มีดีไซน์เป็นเข็มขัดในตัว ก็ทำให้เก๋ไปอีกแบบ

 

เต้ย – จรินทร์พร จุนเกียรติ

ลุคนี้หยิบมาแบบไม่ต้องคิดมากก็สวยได้ เสื้อยืดกับกระโปรงยีนส์ ลุคเบสิกที่ใส่ยังไงก็ผ่าน ถ้าอยากจะให้ลุคดูพิเศษก็อาจเลือกรองเท้า หรือกระเป๋าที่มีดีไซน์แปลกตาเพิ่มเข้ามาในลุค

 

จากสไตล์ของคนดังทั้ง 10 สไตล์ หวังว่าจะช่วยให้สาวๆ เกิดไอเดีย ที่จะนำลุคต่างๆ มาปรับแต่งให้เข้ากับตัวเอง เข้ากับโอกาส และงานของตัวเองได้นะ สุดท้ายอย่างที่รัฐบาลได้แจ้งไปว่าออกทุกข์ก็คือออกทุกข์ จะแต่งสีไหนก็ได้ ตามวิจารณญาณของตัวเอง แต่สำหรับใครที่ยังอยากรักษาความเหมาะสมก็ไม่ควรแต่งเซ็กซี่มาก ส่วนสีก็อาจจะเลี่ยงสีแจ่มๆ อย่างแดง ส้ม หรือโทนสะท้อนแสงไปก่อนจ้า


 

เรื่อง : Hana_แพรวดอทคอม (ฮานะ)

ภาพ : IG@annethong , @davikah , @kimmy_kimberley , @aum_patchrapa , @toeyjarinporn , @margie_rasri

 

ให้ภาพเล่าเรื่อง การทำดีไม่ต้องมีใครเห็น

เปิดภาพคนไทยทุกหมู่เหล่าร่วมแรงร่วมใจทำดีในพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร

รูปถ่ายหนึ่งใบสามารถบอกอะไรได้มากมาย แทนความทรงจำ แทนความรู้สึก เช่นเดียวกับภาพถ่ายของ นพสิทธิ์ วงศ์แววประเสริฐ ผู้ใช้เฟซบุ๊คที่ชื่อว่า Noppasit Wongwaeoprasert ที่ได้เล่าถึงการทำดีของคนหลายๆกลุ่มในงานพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร ในฐานะช่างภาพสื่อมวลชน ผ่านมุมมอง “บุคคลผู้ปิดทองหลังพระ”

โดยนอกจากภาพชุดดังกล่าวแล้ว ยังมีข้อความสั้นๆที่น่าประทับใจอย่างยิ่ง ระบุว่า หากไม่มีบุคคลเหล่านี้ ทหาร, ตำตรวจ, หมอ, พยาบาล, จิตอาสา รวมถึงบุคคลทั่วไปที่มีหัวใจความโอบอ้อมอารี ประชาชนคงจะไม่มียาดม ,ผ้าเย็น,น้ำดื่ม,อาหาร,คนจัดระเบียบ,ความปลอดภัย,ความสงบ คนทั่วโลกอาจจะไม่ได้เห็นพลังแห่งความจงรักภักดีของคนไทยที่มีต่อในหลวงรัชกาลที่๙เช่นนี้อย่างแน่นอน


ภาพจาก :  Noppasit Wongwaeoprasert 

“เหรียญทรงงาน” น้อมรำลึกถึงในหลวง ร.9 รายได้สมทบทุนสร้างศูนย์แพทย์เพื่อผู้สูงอายุ

เพราะแพทย์ยังต้องอยู่คู่รักษาคนไทยไปอีกนาน จึงเกิดโครงการ “เหรียญทรงงาน” โดยสมาคมคนไทยเชื้อสายจีนขึ้น โดยรายได้หลังหักค่าใช้จ่ายนี้จะนำไปสมทบทุน สร้างศูนย์การแพทย์ศาสตร์และการเรียนรู้เพื่อผู้สูงอายุ

ผลิตขึ้นมาจำนวน 1 ล้านเหรียญ สำหรับ เหรียญทรงงาน ซึ่งเป็นเนื้อทองแดงขัดเงา ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 3 เซนติเมตร โดยประมาณ โดยเหรียญทรงงานเป็นพระบรมรูปพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร สะพานกล้อง พระหัตถ์ข้างหนึ่งทรงถือแผนที่ และอีกพระหัตถ์หนึ่งทรงถือดินสอ โดยการจัดทำเหรียญในหลวง..เหรียญทรงงาน นี้ได้รับพระบรมราชานุญาตในมหามงคลสมัยเฉลิมพระชนมพรรษา 72 พรรษา 5 ธันวาคม 2542 ซึ่งจัดจำหน่ายราคาเหรียญละ 300 บาท ที่ร้านเซเว่นอีเลฟเว่น โดยรายได้หลังหักค่าใช้จ่ายจะนำไปสมทบทุนสร้างศูนย์แพทย์ศาสตร์และการเรียนรู้เพื่อผู้สูงอายุ แขวงทวีวัฒนา เขตทวีพัฒนา กรุงเทพมหานคร และเพื่อถวายพระราชกุศลแด่ในหลวง รัชกาลที่ 9

เหรียญทรงงาน ได้มีการทำพิธีมหาพุทธาภิเษก ณ บริเวณมณฑลพิธีท้องสนามหลวงเมื่อปี 2542 ในพิธีได้มีการโยงสายสิญจน์จากข้อพระกร พระพุทธมหามณรีตนปฏิมากร (พระแก้วมรกต) จากพระอุโบสถวัดพระศรีรัตนศาสดารามและเสาหลักเมืองจากศาลเสาหลักเมือง มายังมณฑลพิธีท้องสนามหลวง โดยมีเกจิอาจารย์ 108 รูป ประกอบพิธีนั่งปรก และพระสงฆ์ 2,542 รูป เจริญพระพุทธมนต์ตลอดพิธี ซึ่งเหรียญทรงงานในรัชกาลที่ 9 นี้ด้านหลังมีพระปรมาภิไธยย่อ ภปร. คู่กับอักษรจีน ซึ่งหมายความว่า เฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ

 

หมายเหตุ: วัตถุมงคลอาจมีคราบดำ มีรูหรือรอยต่างๆ ที่เกิดจากกรรมวิธีการสร้าง หน้าตาอาจไม่คมชัด ซึ่งเป็นเสน่ห์ของพระแต่ละองค์

 

 


ข้อมูลและภาพ: www.shopat24.com

ริ้วขบวนพระอิสริยยศที่ ๕ อัญเชิญพระบรมอัฐิประดิษฐานพระวิมาน ณ พระที่นั่งจักรีมหาปราสาท

วันนี้ ๒๙ ตุลาคม ๒๕๖๐ ซึ่งถือเป็นวันที่พระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร ใกล้เสร็จสมบูรณ์แล้ว ในช่วงบ่ายที่ผ่านมาก็ได้มีการอัญเชิญพระบรมอัฐิประดิษฐานพระวิมาน ณ พระที่นั่งจักรีมหาปราสาท ในพระบรมมหาราชวัง

อัญเชิญพระบรมอัฐิ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร มายังพระที่นั่งราเชนทรยาน เพื่อเข้าสู่ริ้วขบวนพระอิสริยยศที่ ๕ ในการเสด็จพระราชดำเนินยังพระที่นั่งจักรีมหาปราสาท

พระที่นั่งจักรีมหาปราสาท ถือเป็นพระที่นั่งที่มีความสำคัญยิ่ง ที่สร้างในรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เป็นพระที่นั่งที่มีสถาปัตยกรรมอันงดงาม โดยตัวอาคารเป็นสถาปัตยกรรมแบบยุโรป ส่วนหลังคานั้นเป็นสถาปัตยกรรมแบบไทยจนเป็นที่มาของชื่อ “ฝรั่งสวมชฎา”

ในส่วนของชั้นบนสุดของพระที่นั่ง เป็นที่ประดิษฐานพระบรมอัฐิของพระมหากษัตริย์และพระมเหสีตั้งแต่พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เป็นต้นมา อีกทั้งยังเป็นที่เสด็จฯออกให้คณะทูตานุทูต ข้าราชการชั้นสูงเข้าเฝ้า หรือรับรองแขกผู้มีเกียรติ ภายในพระที่นั่งเป็นที่ประดิษฐาน พระที่นั่งพุดตานถม ซึ่งเป็นพระราชอาสน์ราชบัลลังก์ประจำพระที่นั่งจักรีมหาปราสาท องค์พระที่นั่งทำด้วยไม้หุ้มเงินถมลงยาทาทองซึ่งเรียกว่า ถมตะทอง นับได้ว่าเป็นเครื่องถมทองชิ้นใหญ่ที่สุดในประเทศไทย

 

‘ถูกใจเพศเดียวกันแบบไม่ลืมหูลืมตา หน้าใสกิ๊กเสียด้วย’ เช็คเลย ดวงวันที่ 29 ตุลาคม 2560

ดูดวงรายวัน ประจำวันอาทิตย์ที่ 29 ตุลาคม 2560 เช็คทุกวัน ทันทุกดวงกับ แพรว ดอทคอม

ผู้ที่เกิดวันอาทิตย์

การงาน :  ท่านที่กำลังอยู่ในภาวะน้อยอกน้อยใจ หรือเรียกร้องขอความเห็นใจจากเจ้านาย หรือเพื่อนที่รู้ใจจากไป อย่าได้แคร์ เปลี่ยนกลยุทธ์ใหม่ เพราะท่านสามารถทำงานได้หลากหลาย  หากเลือกได้ควรเกาะกลุ่มงานที่เกี่ยวข้องกับศิลปะ ศิลปิน หรืองานบันเทิง จนถึงหมอดูจะไปโลด

การเงิน : หากท่านร้องขอจะได้ลาภเข้ามาแบบฟลุ๊คๆ

ความรัก : วันนี้ท่านพยายามอ้อนวอนให้คู่กลับมาคืนดี แต่เขาไปแล้วไปลับ แถมมีความสุขเสียดัวย คนโสด แม้ท่านเจ้าชู้ มีเสน่ห์ ลั้ลลา แต่ก็พยายามมองหารักแท้อยู่

สุขภาพ :  อย่าตามใจปากมาก เพราะจะมีปัญหาเรื่องน้ำหนัก แล้วโรคต่างๆ ก็จะตามมา

 

ผู้ที่เกิดวันจันทร์

การงาน : งานในแวดวงศิลปะ ดนตรี และวงการบันเทิงยังไม่โดดเด่นอย่างที่คาดหวังไว้ ได้แค่ 50 : 50 ทำให้ท่านเครียดและวิตกกังวล อาจต้องพยายามหาเหตุผลมาชี้แจงเพื่อเอาตัวรอด

การเงิน  : ผู้ใหญ่ที่เคยอุปถัมภ์อาจไม่เต็มร้อยเหมือนก่อน

ความรัก :  วันนี้บารมีของผู้หญิงที่เคยส่งเสริมหน้าที่การงานของสามีมาไม่เต็มร้อย เพราะเธอมีเรื่องเครียดและวิตกกังวลส่วนตัวมากเกินไป   คนโสด วันนี้ท่านมีเสน่ห์กับความร้ายพอๆ กัน

สุขภาพ : อย่าหักโหมงานหนักจนลืมดูแลสุขภาพ อาจล้มหมอนนอนเสื่อได้

 

ผู้ที่เกิดวันอังคาร

การงาน  :  ท่านอยู่ไม่ติดที่ ต้องเดินทางไปติดต่อประสานงาน หากเกี่ยวกับการก่อสร้างบ้านเรือนที่พักอาศัย ที่ดิน พืชไร่ สมุนไพร จะประสบความสำเร็จ แต่ให้ระวังความเชื่อมั่นที่สูงเกินไปจะทำให้เกิดความผิดพลาด

การเงิน :  ที่ดินที่มีอยู่จะเป็นเงินเป็นทอง แต่ก่อนลงชื่อในสัญญาใดๆ ควรตรวจสอบให้ดี

ความรัก : วันนี้ท่านกับคู่อาจมีโครงการทำธุรกิจที่เกี่ยวกับที่ดิน อสังหาริมทรัพย์ด้วยกัน ซึ่งผู้หญิงจะออกหน้านำเงินทองมาให้กับครอบครัว คนโสด สวยและรวยมาก ไม่ผิดหากจะมองแต่คนที่ทำมาหากินทัดเทียมกัน

สุขภาพ :  ระวังอวัยวะที่ใช้ในการเดินทางบ่อยๆ เช่น กล้ามเนื้อขาและเท้าจะบาดเจ็บ

 

ผู้ที่เกิดวันพุธ

การงาน  :  วันนี้ท่านมีปัญหามากมายเข้ามาวุ่นวายในทุกๆ ด้าน เกิดความลังเลไม่แน่ใจว่า ควรเปลี่ยนงานดีไหม แต่อย่างไรก็แล้วแต่ควรลดความใจร้อน ดื้อรั้นลงก่อนจะช่วยให้สถานการณ์เบาขึ้น

การเงิน : ระวังถูกหลอกให้เข้าไปเกี่ยวข้องกับเงินที่ไม่ขาวสะอาด

ความรัก : วันนี้ท่านมีวาระซ่อนเร้น อาจแอบซ่อนกิ๊ก หรือซ่อนรสนิยมที่แท้จริงไว้ คนโสด ท่านอยู่ในช่วงหลงรักแบบไม่ลืมหูลืมตา มีความเป็นไปได้สูงว่าจะเป็นเพศเดียวกัน หน้าใสกิ๊กเสียด้วย

สุขภาพ : หลีกเลี่ยงการกิน ดื่ม เที่ยวมาก พรุ่งนี้จะไปทำงานไม่ไหว

 

ผู้ที่เกิดวันพฤหัสบดี

การงาน :  งานที่เกี่ยวกับความสวยงามและการให้บริการทุกประเภทที่กำลังย่ำแย่ วันนี้มาถึงจุดสิ้นสุด ท่านจะได้เริ่มต้นงานใหม่และจะประสบความสำเร็จด้วย

การเงิน :  ปัญหาหนี้สินต่างๆ เริ่มคลี่คลายไปในทางที่ดี

ความรัก : วันนี้ความสัมพันธ์ระหว่างแม่กับลูกสาว หรือญาติผู้ใหญ่ฝ่ายหญิง หรือความรักแบบหญิงรักหญิงที่เคยมีปัญหากันรุนแรงจะเป็นไปในทางที่ดีขึ้น คนโสด ผู้หญิงอาจเปลี่ยนใจมาชอบผู้หญิง

สุขภาพ : ระวังเป็นหวัด อาจรุนแรงถึงขั้นปอดบวม

 

ผู้ที่เกิดวันศุกร์

การงาน  : ธุรกิจที่ท่านเริ่มต้นด้วยมือตัวเองมีปัญหา เพราะบริวารเอาแต่ใจ นึกอยากทำก็ทำ ไม่อยากทำก็หนีไปซะเฉยๆ

การเงิน :  ใช้เงินกับเรื่องไม่เป็นเรื่อง แต่ก็มีผู้ใหญ่ให้ความอุปถัมภ์

ความรัก :  วันนี้แม่บ้านอาจทุกข์ใจ เครียด กับการปกครองบริวารในบ้าน ที่ท่านสปอยล์จนกลายเป็นเด็กเอาแต่ใจ คนโสด ท่านรักเผื่อเลือก เพื่อที่จะได้เจอคนที่ถูกใจที่สุดจึงอาจแต่งงานช้า หรือไม่ได้แต่งเลยก็ได้

สุขภาพ  :  ป่วยแล้วไม่ไปหาหมอ เพราะฉะนั้นจึงเป็นหนักและเรื้อรัง

 

ผู้ที่เกิดวันเสาร์

การงาน : วันนี้จะเกิดการแย่งชิงผลงานกันอย่างดุเดือด จนท่านร้อนรุ่ม อึดอัด ไม่อยากทำงาน อย่าไว้ใจคนใกล้ตัวหรือเพื่อนร่วมงานอาจกำลังเลื่อยขาเก้าอี้ท่านอยู่

การเงิน : ระวังทรัพย์สินสูญหาย

ความรัก : วันนี้ท่านอาจจับได้ว่าคู่ไม่ชอบมาพากล จนเป็นเหตุให้ทะเลาะกัน ด้วยความหึงหวง คนโสด เช่นกัน อาจจับได้ว่า เขาไม่ได้มีท่านคนเดียว

สุขภาพ : ระวังความเครียดจะทำให้ไมเกรนขึ้น

20 ชุดแต่งงานรูปแบบผสมทรงทรัมเป็ต

account_circle

ชุดแต่งงานสมัยนี้มีมากมายให้เลือกนะคะ แต่ละแบบก็ล้วนแตกต่างกันออกไป แต่ก็ยังมีบางแบบที่มีความคล้ายกันอยู่มากจนแทบจะแยกไม่ออก อย่างชุดเจ้าสาวทรงเมอร์เมด (Mermaid) กับทรงทรัมเป็ต (Trumpet) ไงคะ ที่หลายๆ ครั้งทำเอาเจ้าสาวสับสน วันนี้เราก็เลยนำความต่างมาบกต่อ พร้อมด้วยไอเดียเก๋ๆ จากทรงชุดนี้ ที่จะได้เห็นความแตกต่างระหว่างชุดทรงทรัมเป็ต และทรงเมอร์เมด กันชัดๆ เผื่อสาวๆ ที่ยังสับสนอยู่จะได้หายคิ้วขมวดกันซะที

ชุดแต่งงานรูปแบบผสมทรงทรัมเป็ต เกิดจากการผสมผสานสไตล์ของทรง เอไลน์ กับทรง เมอร์เมด เข้าไว้ด้วยกัน โดยตัวกระโปรงทรงเมอร์เมด นั้นจะเริ่มบานตั้งแต่หัวเข่าต่างกับกระโปรงทรงทรัมเป็ต ที่จะเริ่มบานตั้งแต่ช่วงกลางต้นขา ซึ่งทำให้สะดวกสบายต่อการเดินมากขึ้น ชุดทรงนี้เหมาะกับสาวๆ ที่มีทรวดทรงองค์เอว เมื่อสวมใส่จะทำให้ดูสง่าและซ่อนความเซ็กซี่เบาๆ น่าสนใจสุดๆ ยืนยันได้จาก 20 ชุดแต่งงานทรงทรัมเป็ต ดังนี้เลยค่ะ

เรื่อง : ณัฐมล

ภาพ : Pinterest

Premium Fancy Diamond มิติใหม่ของแหวนแต่งงาน

account_circle

แม้ว่าเพชรทรงกลมจะเป็นทรงยอดฮิตที่เรียกได้ว่าอมตะตลอดกาล แต่ว่าที่เจ้าสาวบางคนก็ขอมองหาความแปลกใหม่และใส่ความเป็นตัวเองลงไปด้วย ซึ่งเพชรแฟนซีเป็นหนึ่งในทางเลือกที่ดีที่สุด ส่วนบ่าวสาวคู่ไหนยังลังเลกับความคุ้มค่าและสวยงามของ แหวนแต่งงาน Ananta Fine Jewelry มีคำแนะนำดีๆ ที่จะช่วยให้ตัดสินใจได้ง่ายขึ้นมาบอกกัน

ปัจจุบันบ่าวสาวเริ่มหันมานิยมใช้เพชรแฟนซีเป็นแหวนแต่งงานกันมากขึ้น เนื่องจากเพชรแฟนซีมีรูปทรงหลากหลายที่สามารถตอบโจทย์ความแปลกใหม่ไม่ซ้ำใคร ทั้งยังสามารถบ่งบอกถึงตัวตนของผู้ใส่ได้ด้วย เช่น เพชรทรงไข่ให้ลุคความเป็นหญิงสาวนุ่มนวล เพชรทรงหมอนบนตัวเรือนดีไซน์เก๋ให้ความรู้สึกถึงความเป็นเวิร์คกิ้งวูเมน ฯลฯ นอกจากนี้ในแหวนวงเดียวยังสามารถใส่ติดนิ้วในชีวิตประจำวันหรือไปออกงานสำคัญต่างๆ ได้แบบไม่มีเบื่อ

อีกหนึ่งเหตุผลสำคัญที่ เราขอเชียร์ให้เจ้าสาวยุค 2015 หันมาเลือกเพชรแฟนซีกันมากขึ้นคือ ราคาที่จับต้องได้ ยิ่งเมื่อนำมาเทียบกับเพชรกลมแล้ว ในราคาเดียวกันว่าที่เจ้าสาวสามารถเลือกเพชรที่มีขนาดใหญ่กว่าเพชรกลมกลับบ้านไปครอบครอง

ด้วยเหตุผลดังกล่าว Ananta Fine Jewelry จึงได้คัดสรรเพชรแฟนซีที่ดีที่สุดในชื่อ Ananta Premium Fancy Diamonds ซึ่งครบถ้วนด้วยความสมบูรณ์แบบในเรื่องความสวยงามของการเจียระไนในระดับ 2 Excellent ทุกเม็ด (การขัดเงาและความสมมาตร) ซึ่งเป็นระดับที่ดีที่สุดของเพชรแฟนซี (เทียบเท่ากับ 3 Excellent ของเพชรกลม) ซึ่งหาได้ยากกว่าเมื่อเทียบกับเพชรกลมแบบ 3 Excellent นอกจากนี้เพชรทุกเม็ดยังมีสัดส่วนที่ลงตัวเพอร์เฟ็กต์สุดๆ จึงมั่นใจได้ในคุณภาพและความเจิดจรัสบนเรียวนิ้วได้อย่างแน่นอน

เมื่อตัดสินใจได้แล้วก็อย่าลืมตั้งงบประมาณเอาไว้คร่าวๆ เพราะถึงแม้เพชรแฟนซีจะมีราคาที่ย่อมเยาแต่ในกลุ่มเพชรแบบเดียวกันก็อาจมีราคาต่างกันไป จากนั้นจึงเข้าไปลองสวมดูก่อนตัดสินใจซื้อเพื่อเช็คให้แน่ใจว่าเข้ากับนิ้วของคุณหรือไม่ และอย่าลืมตรวจเช็คคุณสมบัติอย่างละเอียดจากใบรับรองคุณภาพก่อนออกจากร้าน สุดท้ายต้องเลือกร้านที่มั่นใจได้ในคุณภาพ เท่านี้ก็ได้เพชรสวยประกายใสที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวมาประดับนิ้วแล้ว

คุณสมบัติเริด ดีไซน์โดดเด่นขนาดนี้ อย่ารอช้ารีบจูงมือคุณว่าที่มาสร้างความเป็นตัวตนด้วยการเลือกเพชรแฟนซีมาเป็นแหวนแต่งงานกันเลย

Fancy Diamond คือเพชรทุกรูปทรงที่ไม่ใช่เพชรทรงกลม (Round Brilliant) ไม่ว่าจะเป็น
เพชรทรงสี่เหลี่ยมจตุรัส (Princess)
1ทรงที่ได้รับความนิยมสูงสุดในบรรดาเพชรแฟนซีทั้งหลาย เพราะให้ลุคที่ดูทันสมัยและยังเหมาะที่จะนำมาทำเป็นแหวนสำหรับเจ้าบ่าวอีกด้วย

เพชรทรงเม็ดข้าว (Marquise)
3

มีความพิเศษอยู่ที่สามารถโชว์ความงามแบบเพชรเม็ดเดียวก็ได้ หรือจะนำมาจัดวางให้เป็นรูปทรงต่างๆ ตามความชอบ เช่น เกสรดอกไม้ ใบไม้ เป็นต้น และหากคุณคือสาวมือค่อนข้างอวบเพชรทรงนี้จะช่วยให้นิ้วมือแลดูเรียวยาวขึ้น

เพชรทรงมรกต (Emerald)
2มีการเจียระไนแบบมรกตที่มีความลดหลั่นกันไป เมื่อสวมใส่แล้วจะช่วยให้เจ้าสาวดูสง่างามแฝงความหรูหราและเรียบเก๋อยู่ในที

เพชรทรงหัวใจ (Heart)
4เปรียบได้กับความรักอันบริสุทธิ์จากเจ้าบ่าว แสดงถึงความโรแมนติกและอ่อนหวาน เหมาะสำหรับใช้เป็นเพชรแทนใจในวันสำคัญต่างๆ

นอกจากเพชร 4 ทรงด้านบนแล้ว ยังมีเพชรแฟนซีทรงอื่นอีก เช่น เพชรทรงหมอน (Cushion), ทรงหยดน้ำ (Pear), ทรงกลมแบบเหลี่ยมขั้นบันได (Asscher), ทรงไข่ (Oval), ทรงสี่เหลี่ยมจัตุรัส เหลี่ยมแบบขั้นบันได (Radiant) ให้คุณได้เลือกสรรตามความชอบอีกด้วย

เรื่อง : โชติกา

ภาพ : ร้าน Ananta Fine Jewelry ชั้น 1 โซน Dazzle เซ็นทรัลเวิลด์ โทร. 0-2613-1377 ชั้น 2 เซ็นทรัลพลาซา แกรนด์ พระราม 9 โทร. 0-2103-4567 ชั้น 3 เซ็นทรัลพลาซา ลาดพร้าว โทร. 0-2102-4567 เว็บไซต์ : www.anantajewelry.com

สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พระบรมราชานุญาต ปชช. เฝ้ารับเสด็จ 29 ต.ค.นี้

สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร พระบรมราชานุญาตให้ประชาชนเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทรับเสด็จ ด้านกองอำนวยการร่วมงานพระราชพิธีฯ แจ้งปิดการจราจรตั้งแต่15.00 น.เป็นต้นไป

การพระราชพิธีพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร ได้เข้าสู่ขั้นตอนพิธีสุดท้ายเหลือเพียง อัญเชิญพระบรมอัฐิ พระบรมราชสรีรางคาร บรรจุ ณ ฐานพุทธบัลลังก์พระพุทธอังคีรส วัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม และฐานพุทธบัลลังก์พระพุทธชินสีห์ วัดบวรนิเวศวิหาร ล่าสุดกองอำนวยการร่วมงานพระราชพิธีฯ (กอร.พระราชพิธีฯ)แจ้งว่าในวันที่ 29 ต.ค.60 สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร พระบรมราชานุญาตให้ประชาชนเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทรับเสด็จตลอดเส้นทาง

อย่างไรก็ตามสำหรับกำหนดการนั้น กอร.พระราชพิธีฯ แจ้งว่าในวันที่ 29 ต.ค.60 ตั้งแต่เวลา 15.00 น.เป็นต้นไป กองบังคับการตำรวจจราจร จะปิดการจราจรระดับ 2 จำนวน 27 เส้นทาง ซึ่งเป็นเส้นทางของริ้วขบวนพระบรมราชอิสริยยศ ริ้วที่ 6 คือการอัญเชิญพระผอบพระบรมราชสรีรางคารของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร จาก พระศรีรัตนเจดีย์ วัดพระศรีรัตนศาสดาราม ในพระบรมมหาราชวัง ไปบรรจุที่ฐานพุทธบัลลังก์พระพุทธอังคีรส วัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม และใต้ฐานบัลลังก์พระพุทธชินสีห์ พระประธานพระอุโบสถ วัดบวรนิเวศวิหาร ตามเส้นทาง ดังนี้

1.ถนนหน้าพระลาน (ตลอดสาย) 2.ถนนหน้าพระธาตุ (ตลอดสาย) 3.ถนนราชดำเนินใน จากแยกผ่านพิภพ ถึงแยกป้อมเผด็จฯ 4.ถนนสนามชัย จากแยกป้อมเผด็จ ถึงหน้า สน.พระราชวัง 5.ถนนหับเผย 6.ถนนหลักเมือง 7.ถนนกัลยาณไมตรี ถึงสะพานช้างโรงสี 8.ซอยสราญรมย์ 9.ถนนพระจันทร์ 10.ถนนมหาราชตลอดสาย 11.ถนนท้ายวังตลอดสาย 12.ถนนเชตุพน 13.ถนนเศรษฐการ 14.ถนนเจริญกรุง จากวงเวียน รด. ถึงแยกสะพานมอญ 15.ถนนพระพิพิธ 16.ถนนราชดำเนินนอก จากแยก จปร. ถึงแยกผ่านฟ้า 17.ถนนนครสวรรค์ จากแยกจักรพรรดิพงษ์ ถึงแยกผ่านฟ้า 18.ถนนหลานหลวง จากแยกหลานหลวง ถึงแยกผ่านฟ้า 19.ถนนราชดำเนินกลาง (ตลอดสาย) 20.ถนนพระสุเมรุ จากแยกวันชาติถึงแยกป้อมมหากาฬ 21.ถนนมหาชัย จากแยกสำราญราษฎร์ ถึงแยกป้อมมหากาฬ 22.ถนนดินสอ จากแยกวันชาติ ถึงอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย 23.ถนนดินสอ จากอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ถึงแยกมหรรณพ 24.ถนนตะนาว จากแยกตัดถนนข้าวสาร ถึงแยกคอกวัว 25.ถนนตะนาว จากแยกศาลเจ้าพ่อเสือ ถึงแยกคอกวัว 26.ถนนจักรพงษ์ จากแยกตัดถนนข้าวสาร ถึงถนนราชดำเนินกลาง 27.ถนนสมเด็จพระปิ่นเกล้าจากแยกอรุณอัมรินทร์ ถึงแยกผ่านพิภพ

ทั้งนี้ หลังเสร็จพระราชพิธีบรรจุพระบรมราชสรีรางคารที่วัดบวรนิเวศวิหาร แล้ว กองบังคับการตำรวจจราจร กอร.พระราชพิธีฯ จะเปิดเส้นทางให้ประชาชนสัญจรได้เป็นปกติ โดย กอร.พระราชพิธี เชิญชวนให้ประชาชนเข้าเฝ้าฯ รับเสด็จ สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวณ และสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี ในการอัญเชิญพระบรมราชสรีรางคารพระบาทสมเด็จพระปรมินทร มหาภูมิพลอดุลยเดช จากพระศรีรัตนเจดีย์ วัดพระศรีรัตนศาสดาราม ไปบรรจุ ณ ฐานพุทธบัลลังก์พระพุทธอังคีรส วัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม และฐานพุทธบัลลังก์พระพุทธชินสีห์ วัดบวรนิเวศวิหาร ได้ตลอดเส้นทางเสด็จ ตั้งแต่วัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม ถนนอัษฎางค์ ถนนกัลยาณไมตรี ถนนสนามไชย ถนนราชดำเนินใน ถนนราชดำเนินกลาง และ ถนนพระสุเมรุ

สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว

สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และพระบรมวงศานุวงศ์ ร่วมบําเพ็ญพระราชกุศลพระบรมอัฐิ ร.๙

Alternative Textaccount_circle
สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
วันนี้ 28 ตุลาคม 2560 เวลาประมาณ 17.30 น. สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร  พร้อมด้วย พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าพัชรกิติยาภา และพระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าสิริวัณณวรีนารีรัตน์ เสด็จฯ ณ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ในพระบรมมหาราชวัง
เพื่อร่วมพระราชพิธีบำเพ็ญพระราชกุศลพระบรมอัฐิของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร รัชกาลที่ ๙ โดยมี สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี, ทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนราชกัญญา สิริวัฒนาพรรณวดี และพระบรมวงศานุวงศ์ เฝ้ารับเสด็จ

 

เรื่องและภาพ : แพรวดอทคอม

รัฐฯประกาศ ออกทุกข์ 30 ตุลา คืนที่ 29 เตรียมเก็บป้ายส่งเสด็จสู่สวรรคาลัย

เป็นเวลา 1 ปีกว่าแล้วที่ปวงชนชาวไทยแต่งตัวไว้ทุกข์เพื่อแสดงความอาลัยแด่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร กษัตริย์อันเป็นที่รักยิ่งของชาวไทยทุกคน และเมื่อวันที่ 26 ตุลาคม 2560 เวลา 22.30 น. ได้มีการถวายพระเพลิงพระบรมศพในหลวงรัชกาลที่ ๙ ในวันที่ 27 ตุลาคม 2560 ที่ผ่านมาก็มีพิธีเก็บพระบรมอัฐิและอัญเชิญพระบรมราชสรีรางคารประดิษฐานที่วัดราชบพิธสถิตมหาสีมารามราชวรวิหาร และ วัดบวรนิเวศราชวรวิหาร เป็นที่เรียบร้อยแล้ว

เพราะฉะนั้นใกล้เวลาตามที่รัฐบาลกำหนดไว้แล้วว่าการไว้ทุกข์จะสิ้นสุดลงในเดือนนี้ โดยรัฐบาลประกาศให้ไว้ทุกข์จนถึงเที่ยงคืนวันที่ 29 ตุลาคม และออกทุกข์ในเช้าวันที่ 30 ตุลาคม หลังจากการออกทุกข์ก็ควรเลิกแต่งสีดำ แต่แนะนำให้ใส่เสื้อโทนสีสุภาพไปก่อน เพื่อความเหมาะสมกับกาลเทศะ

สำหรับสถานที่ราชการ ภาคเอกชน บ้านเรือนต่างๆ ให้เริ่มเก็บผ้าระบาย ป้ายส่งเสด็จสู่สวรรคาลัย ผ้าขาวดำที่เป็นเครื่องหมายไว้ทุกข์ ยกเว้นภาพพระบรมฉายาลักษณ์ของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ก็ให้เป็นไปตามความสมัครใจ ซึ่งก็ถือเป็นการถวายพระเกียรติพระองค์ท่าน

คณะรัฐมนตรีมีมติขยายเวลาการไว้ทุกข์และการลดธงครึ่งเสา ในช่วงงานพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร ตามที่สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอ ดังนี้

1. ขยายเวลาการไว้ทุกข์ของข้าราชการ พนักงานรัฐวิสาหกิจ และเจ้าหน้าที่ของรัฐ จากเดิมขยายจากวันศุกร์ที่ 13 ต.ค. 2560 ไปจนถึงวันที่ 27 ต.ค. 2560 อันเป็นวันเก็บพระบรมอัฐิ รวมเวลา 15 วัน เป็น ขยายไปจนถึงวันอาทิตย์ที่ ที่ 29 ต.ค. 2560 รวม 17 วัน

2. ให้สถานที่ราชการ รัฐวิสาหกิจ หน่วยงานของรัฐ สถานศึกษา และสถานที่ทำการของรัฐ ทั้งในและต่างประเทศลดธงครึ่งเสา จากเดิม ตั้งแต่วันศุกร์ที่ 13 ต.ค. 2560 ถึงวันศุกร์ที่ 27 ต.ค. 2560 รวมเวลา 15 วัน เป็น จนถึงวันอาทิตย์ที่ 29 ต.ค. 2560 รวม 17 วัน

3. ให้ข้าราชการและเจ้าหน้าที่ของรัฐ จากเดิม ออกทุกข์ตั้งแต่วันเสาร์ที่ 28 ต.ค. 2560 เป็นต้นไป เป็น ออกทุกข์ตั้งแต่วันจันทร์ที่ 30 ต.ค. 2560 เป็นต้นไป

4. ให้เริ่มเก็บผ้าระบาย ป้ายส่งเสด็จสู่สวรรคาลัย ตามสถานที่ต่าง ๆ จากเดิม ตั้งแต่คืนวันศุกร์ที่ 27 ต.ค. 2560 เป็น ตั้งแต่คืนวันอาทิตย์ที่ 29 ต.ค. 2560


 

ภาพ : แพรวดอทคอม

 

เจ้าชายเฟรเดอริก

เสี้ยววินาทีสุดตื้นตัน “เจ้าชายเฟรเดอริก” ทรงแนบพระปราง “สมเด็จพระเทพฯ”

Alternative Textaccount_circle
เจ้าชายเฟรเดอริก
เจ้าชายเฟรเดอริก
เมื่อวันที่ 26 ตุลาคม 2560 ที่ผ่านมา มีพระราชอาคันตุกะ และบุคคลสำคัญจากหลายประเทศ เดินทางมาร่วมในงานพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร ณ พระที่นั่งทรงธรรม

ในการนี้ สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร พร้อมด้วย สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี และพระบรมวงศานุวงศ์ของไทย ได้มีพระราชปฏิสันถารกับราชวงศ์จากต่างประเทศ ประมุข และผู้นำจากทั่วโลกที่ได้มาร่วมในพระราชพิธีในครั้งนี้

โดยมีภาพความประทับใจแม้เพียงเสี้ยววินาทีที่ปรากฏผ่านถ่ายทอดสด ในช่วงระหว่างที่ เจ้าชายเฟรเดอริก มกุฎราชกุมาร แห่งราชอาณาจักรเดนมาร์ก ทรงทักทายสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ด้วยการแนบพระปรางทั้ง 2 ข้าง พร้อมทั้งจับพระหัตถ์ไปด้วย ซึ่งถือเป็นการปฏิสันถารแบบใกล้ชิดอย่างเป็นกันเอง ตามมารยาทการทักทายของชาวเดนมาร์ก

ทั้งนี้ เจ้าชายเฟรเดอริก มกุฎราชกุมารแห่งเดนมาร์ก ทรงเป็นรัชทายาทแห่งราชบัลลังก์เดนมาร์ก เป็นพระราชโอรสพระองค์แรกในสมเด็จพระราชินีนาถมาร์เกรเธที่ 2 แห่งเดนมาร์ก กับเจ้าชายเฮนริกแห่งเดนมาร์ก พระราชสวามี

ควรอ่านก่อนไป!! กำหนดการเข้าชมพระเมรุมาศ 2 – 30 พ.ย.นี้ เปิดรอบละ 5,500 คน

Alternative Textaccount_circle
หลังเสร็จสิ้นงานพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร ทางรัฐบาลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง มีกำหนดการเปิดให้ประชาชนเข้าชมนิทรรศการพระเมรุมาศ โดยมี สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงมีพระมหากรุณาธิคุณจะเสด็จเป็นองค์ประธานเปิดนิทรรศการในวันที่ 2 พฤศจิกายน 2560 นี้ หลังจากนั้นจะเปิดให้เข้าชม ตั้งแต่วันที่ 2 – 30 พฤศจิกายน 2560 เท่านั้น โดยมีรายละเอียด ดังนี้
  • เปิดให้เข้าชมตั้งแต่เวลา 07.00 น. ถึง 22.00 น.
  • เบื้องต้นจะเปิดให้เข้าชมอย่างอิสระ รอบละ 5,500 คน
  • รองรับประชาชน ได้วันละ 104,000 คน แบ่งเป็นกลุ่มภิกษุ สามเณร 500 รูปต่อวัน, ผู้พิการทุกประเภท 500 คนต่อวัน, นักท่องเที่ยว 8,000 คนต่อวัน, นักเรียน นักศึกษา 15,000 คนต่อวัน, ประชาชนทั่วไป 80,000 คน ต่อวัน
  • กำหนดเวลาเข้าชมรอบละ 1 ชั่วโมง โดยแบ่งเป็นให้ถ่ายภาพที่ระลึกบริเวณ ถนนเส้นกลางทางเข้าพระ ซึ่งจะเห็นภาพแปลงนาเลขเก้าไทย และภาพภูมิทัศน์ส่วนต่างๆ ของพระเมรุมาศในมุมกว้าง 15 นาที จากนั้น จะให้เข้าชมพื้นที่ด้านใน 45 นาที โดยให้เข้าชมอย่างอิสระ ในส่วนของพระเมรุมาศ จะเปิดให้ขึ้นลงได้ 2 ด้าน พระที่นั่งทรงธรรม ซึ่งจัดแสดงพระราชประวัติและพระราชกรณียกิจ รวมถึงยังมีภาพจิตรกรรมโครงการในพระราชดำริ ให้ชมทั้ง 3 ด้าน ส่วนอาคารประกอบอื่นๆ จะจัดแสดงการจัดสร้างพระเมรุมาศ งานปราณีตศิลป์และงานจิตกรรมประเภทต่างๆ มีการอำนวยความสะดวกให้กับผู้พิการ จัดให้มีนิทรรศการสัมผัส พร้อมเสียงบรรยายเพื่อให้ทุกคนได้เข้าใจถึงความเป็นมาของการจัดสร้างพระเมรุมาศ และอาคารประกอบทั้งหมด
  • ก่อนหมดเวลาเข้าชม 5 นาที จะมีสัญญาณแจ้งหมดเวลาเข้าชม เพื่อเปิดให้รอบต่อไปได้เข้า
  • สำหรับการเข้าชม จะมีจุดคัดกรอง 5 จุด
    – ประชาชนทั่วไปให้เข้าในจุดคัดกรอง 3 จุด คือ
    1. บริเวณหน่วยบัญชาการรักษาดินแดน (รด.) 2. ถนนด้าน ท่าช้าง 3.ถนนด้านพระแม่ธรณีบีบมวยผม
    – ผู้พิการ เข้าตรงจุดคัดกรองหลังกระทรวงกลาโหม
    – พระภิกษุ สามเณร เข้าทางด้านหน้ามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (มธ.)
  • ประชาชนแต่งชุดสุภาพ เช่นเดียวกับการเข้าชมวัดพระศรีรัตนศาสดาราม หรือวัดพระแก้ว โดยงดเว้นสายเดี่ยว กางเกงขาสั้น และเสื้อแขนกุด
  • ผู้ประสงค์จะเข้าชมนิทรรศการ สามารถเข้าคิวรอตรงจุดพักรอบริเวณเต็นท์ที่จัดเตรียมไว้ เพื่อรอคิวเข้าชม การเข้าชมจะใช้แนวปฏิบัติเดียวกับการกราบถวายบังคมพระบรมศพฯ โดยจะจัดเป็น 4 แถว

สำหรับเส้นทางการเดินทาง มีดังนี้

องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.)จะจัดรถโดยสารให้บริการฟรีใน 6 เส้นทาง ตั้งแต่เวลา 04.00 ถึง 23.00 น. เส้นทางละ 10 คัน รอบละ 60 คัน ได้แก่
1. อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ-สนามหลวง
2. หัวลำโพง-สนามหลวง
3. วงกลมรอบเกาะรัตนโกสินทร์-สนามหลวง
4. เอกมัย-สนามหลวง
5. สายใต้ใหม่-สนามหลวง
6. หมอชิต-สนามหลวง

ส่วนทางเรือจะให้บริการตั้งแต่เวลา 06.00 น. ถึง 22.30 น.ที่ ท่านิเวศน์วรดิฐ และท่าราชนาวิกสภา ผู้ให้บริการเรือด่วน เรือเมล์ขยายเวลารองรับการเดินทางของประชาชนด้วย

ภายในบริเวณพระเมรุมาศ มีการแสดงมหรสพ และการแสดงชุดต่างๆ เวลา 18.00 น. ถึง 22.00 น. และจะมีการประโคมดนตรี วงบัวลอย บริเวณศาลาลูกขุน เวลา 08.00 ถึง 17.00 น. ทุกวันเสาร์ และอาทิตย์ จะมีการแสดงโขนหน้าพระที่นั่งทรงธรรม เพื่อให้ผู้เข้าชมนิทรรศการ ได้ซึบซับบรรยากาศเสมือนวันถวายพระเพลิงพระบรมศพฯ

ขอบคุณข้อมูลจาก : สำนักข่าว INN
ภาพ : Praew

‘ตอนเช้ารัก เย็นเบื่อแล้ว!! เดาใจไม่ถูกเบย’ เช็คเลย ดวงวันที่ 28 ตุลาคม 2560

ดูดวงรายวัน ประจำวันเสาร์ที่ 28 ตุลาคม 2560 เช็คทุกวัน ทันทุกดวงกับ แพรว ดอทคอม

ผู้ที่เกิดวันอาทิตย์

การงาน :  ท่านมีโอกาสโยกย้ายเปลี่ยนแปลงการทำงานในเวลาอันใกล้นี้ ซึ่งจะเป็นงานที่เกี่ยวกับการสงเคราะห์และช่วยเหลือผู้ตกทุกข์ได้ยาก แต่ไม่มีอะไรได้มาง่ายๆ เพราะจะมีปัญหาและอุปสรรครออยู่ข้างหน้า พยายามใช้สติในการแก้ปัญหา อย่าใจร้อนเด็ดขาด

การเงิน : จะหมดเงินไปกับการช่วยเหลือสงเคราะห์ ทั้งตั้งใจและจำใจ

ความรัก : วันนี้ท่านอาจต้องไปร่วมงานของครอบครัว ต้องอยู่ในสายตาผู้ใหญ่จึงทำให้รู้สึกเกร็ง อึดอัด แต่แค่ชั่วคราวเท่านั้น  คนโสด ในใจท่านมีความลับซ่อนอยู่มากมาย ตอนเช้ารัก ตอนเย็นเบื่อซะงั้น ยากนักที่ใครจะเข้าใจ

สุขภาพ : ระวังทอลซินอักเสบ จนไปถึงระบบย่อยอาหารรวน

 

ผู้ที่เกิดวันจันทร์

การงาน : วันเสาร์ทั้งทีท่านอยากพักให้สมกับที่เหนื่อยมาทั้งอาทิตย์ แต่ตรงกันข้ามเจ้านายเห็นถึงความตั้งใจในการทำงานอย่างหนักหน่วง และสามารถสร้างรายได้ จึงสนับสนุนส่งเสริมให้ท่านทำตามความฝันอย่างเต็มที่

การเงิน  : ควรลงทุนคนเดียวจะเวิร์คกว่าร่วมหุ้นกับคนอื่น

ความรัก :  วันนี้ท่านอาจต้องแยกกันอยู่ ด้วยความจำเป็นเรื่องงาน หรือวุฒิภาวะ ที่ความรักไม่จำเป็นต้องอยู่ด้วยกัน 24 ชั่วโมงก็ได้ ขอแค่ยังห่วงใยเอื้ออาทรกันก็พอ  คนโสด ยังมีเรื่องงานมาเป็นตัวหาร อย่าเพิ่งด่วนตัดสินใจ อายุที่เหมาะสมประมาณ 35-40 ปี

สุขภาพ : อย่าหักโหมงานมากเกินไป จะล้มหมอนนอนเสื่อ จนถึงเข้าโรงพยาบาลให้น้ำเกลือ

 

ผู้ที่เกิดวันอังคาร

การงาน  :  ท่านอาจมีการตัดสินใจครั้งสำคัญในชีวิต ระหว่างสืบทอดธุรกิจของครอบครัว หรือไปเรียนต่อ จนถึงปลีกวิเวกศึกษาทางธรรม แต่ไม่ว่าจะเลือกอะไรก็เป็นสิ่งที่ดีทั้งหมด

การเงิน :  ผู้บังคับบัญชา และเพื่อนร่วมงานจะนำความก้าวหน้ามาให้

ความรัก : วันนี้ท่านชั่งใจอย่างหนักว่า จะยอมทนอยู่ด้วยกันเพื่อหน้าที่การงาน และความเหมาะสมต่อไปดี หรือจะขอไปปลีกวิเวกศึกษาทางธรรมดี เอาที่สบายใจที่สุด คนโสด ท่านมีสิทธิ์ถูกคลุมถุงชนนะคะ

สุขภาพ :  การที่ท่านเก็บตัวมากๆ จะทำให้เครียด เสี่ยงต่อการเป็นโรคซึมเศร้าได้

 

ผู้ที่เกิดวันพุธ

การงาน  :  วันนี้ท่านมีภาวะผู้นำสูง เป็นหลักให้กับหลายๆ คน ขณะที่วุฒิภาวะท่านยังเด็ก เพราะฉะนั้นเมื่อต้องรับศึกที่เข้ามาทุกด้าน ทำให้ท่านพยายามอยากเอาชนะ แม้จะรู้ว่าแพ้ ทางแก้ควรเลือกบริวารที่ดีมาช่วยงาน

การเงิน : ระวังการลงทุนผิดพลาด ควรให้คนรักมาช่วยบริหารจัดการ

ความรัก : วันนี้ความรักมาเป็นที่สองรองจากงานค่ะ เพราะฉะนั้นอย่าเพิ่งหวังทายาท ยังไม่มา คนโสด ระวังจะมีรักแบบซ่อนเร้นไม่เปิดเผย

สุขภาพ :  ควรดูแลตัวเองให้ดี อย่าประมาทในทุกๆ ด้าน

 

ผู้ที่เกิดวันพฤหัสบดี

การงาน :  ท่านอาจรู้สึกว่างานที่ทำอยู่ไม่ตื่นเต้นแล้ว อยากออกไปหางานใหม่ที่ท้าทาย และแลกกับผลประโยชน์ที่มากกว่าเดิม ซึ่งท่านสามารถทำงานได้หลากหลายเสียด้วย โดยเฉพาะงานที่ต้องใช้การพูด

การเงิน :  จะได้โชคแบบฟลุ๊คๆ

ความรัก : วันนี้ค่อนข้างราบรื่น คนโสด ท่านจะได้พบรักแบบกระทันหันแล้วตัดสินใจแต่งงานสายฟ้าแลบเลยทีเดียว

สุขภาพ : จะรู้สึกปวดศีรษะและกระบอกตา อันเป็นผลมาจากความเครียด พักผ่อนเยอะๆ ค่ะ

 

ผู้ที่เกิดวันศุกร์

การงาน  : จากที่เคยทำงานชิลๆ วันนี้ท่านจะต้องรับภาระหน้าที่ความรับผิดชอบที่หนักหนาสาหัส ซึ่งท่านต้องใช้ความรู้ความสามารถเพื่อให้ผ่านสถานการณ์นี้ไปให้ได้

การเงิน :  หมุนเงินเก่ง เป็นหลักให้กับบริวารได้

ความรัก :  วันนี้แม่บ้านจะเป็นที่ปรึกษาและช่วยแบ่งเบาภาระจากสามีได้ดี คนโสด ทำอย่างไรดีท่านไม่ลืมอดีต แล้วจะหายโสดได้อย่างไรละ

สุขภาพ  :  ระวังเรื่องปวดหลัง ปวดตามข้อ โดยเฉพาะเข่าและข้อเท้า

 

ผู้ที่เกิดวันเสาร์

การงาน : ท่านที่ทำงานที่เกี่ยวกับความสวยงาม น้ำ ผู้หญิง และงานบริการทุกชนิด ระวังเพื่อนร่วมหุ้นตีจาก แม้ท่านอ้อนวอนอย่างไร เขาก็ไม่กลับมา จนท่านเสียศูนย์

การเงิน : พยายามอย่าให้ใครยืมเงิน ทำใจหนักๆ

ความรัก : วันนี้ท่านหงุดหงิด อาจมีปัญหากับแม่ หรือลูกสาว จนถึงญาติที่เป็นผู้หญิง ทางออกที่ดีคือพากันไปเที่ยวนอกบ้านบ้าง คนโสด สำหรับหญิงรักหญิง ท่านจะสูญเสียความสัมพันธ์ที่ดี แม้ท่านจะเรียกร้องอย่างไรเขาก็ไม่กลับมา

สุขภาพ : ระวังสภาพอารมณ์ท่านไม่มั่นคง โลเล จะเป็นสาเหตุของไมเกรนได้

 

20 ชุดแต่งงานมินิเดรสใส่แบบสั้นก็ปังได้

account_circle

ด้วยยุคสมัยที่เปลี่ยนไปทำให้มีชุดแต่งงานหลากสไตล์ให้เลือกมากขึ้น เพื่อให้ตรงกับความต้องการของว่าที่เจ้าสาวแต่ละคน สำหรับสาวๆ ที่ยังคิดไม่ตกก็ไม่ต้องเครียดไปนะคะ เราเชื่อว่าต้องมีสักสไตล์ที่เป็นคุณ วันนี้เราเลยขอแนะนำอีกหนึ่งชุดแต่งงานทรงมินิเดรสที่ทั้งเก๋และน่ารักสำหรับสาวๆ ที่ขี้ร้อน หรือไม่ชอบอยู่นิ่ง จะไฮเปอร์มากๆ ก็กลัวสะดุดกระโปรงยาว 10 เมตรล้มกลางงาน

ชุดแต่งงานมินิเดรส (Mini Dress) เป็นชุดเดรสสั้นความยาวระดับเข่าหรือเหนือเข่าขึ้นมา เมื่อสาวๆ เลือกทรงมินิเดรสมาสวมใส่จะยิ่งทำให้ช่วงขาดูยาวขึ้น เหมาะมากๆ สำหรับสาวร่างเล็ก สูงน้อย และมีช่วงขาไม่ยาวแล้วที่สำคัญอย่าลืมเลือกรองเท้าส้นสูงเก๋ๆ สักคู่มาสวมใส่รับรองเลยว่าปังแน่นอน

เรื่อง : ณัฐมล

ภาพ : Pinterest

หรือนี่คือเหตุผลที่พระบรมราชสรีรางคาร ในหลวงรัชกาลที่ ๙ ต้องแบ่งบรรจุ ๒ วัด

จากข่าวรายละเอียดพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพ ในหลวงรัชกาลที่ ๙ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร ที่มีการระบุว่า เวลา ๑๐.๓๐ น. ของวันที่ ๒๙ ตุลาคม พ.ศ.๒๕๖๐ จะมีพระราชพิธีบำเพ็ญพระราชกุศลและเชิญพระบรมอัฐิขึ้นประดิษฐาน ณ พระวิมาน พระที่นั่งจักรีมหาปราสาท สถานที่ประดิษฐานพระบรมอัฐิพระเจ้าแผ่นดินทุกรัชกาล โดยริ้วกระบวนที่ ๕

ขบวนพระบรมราชอิสริยยศ ริ้วขบวนที่ ๕ เชิญพระโกศพระบรมอัฐิโดยพระที่นั่งราเชนทรยาน จากพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ขึ้นประดิษฐาน ณ พระวิมาน บนพระที่นั่งจักรีมหาปราสาท รวมระยะทาง ๖๓ เมตร ใช้เวลาประมาณ ๑๐ นาที

ส่วนเวลา ๑๗.๓๐ น. เป็นพระราชพิธีเชิญพระบรมราชสรีรางคาร(เถ้ากระดูก)ไปบรรจุ ณ วัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม และวัดบวรนิเวศราชวรวิหาร โดยริ้วกระบวนที่ ๖ ซึ่งพันโทหญิงพระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าสิริวัณณวรีนารีรัตน์ ทรงม้านำในริ้วขบวนนี้

ขบวนพระบรมราชอิสริยยศ ริ้วขบวนที่ ๖ ขบวนกองทหารม้า เชิญพระบรมราชสรีรางคารจากพระศรีรัตนเจดีย์ วัดพระศรีรัตนศาสดาราม โดยรถยนต์พระที่นั่งออกจากพระบรมมหาราชวัง ทางประตูวิเศษไชยศรี ไปยังวัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม
ขบวนกองทหารม้า เชิญพระบรมราชสีรางคาร จากวัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม โดยรถยนต์พระที่นั่ง ไปบรรจุ ณ วัดบวรนิเวศวิหาร
พันโทหญิงพระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าสิริวัณณวรีนารีรัตน์ ทรงม้านำซ้อมขบวนพระบรมราชอิสริยยศ ริ้วขบวนที่ 6

ทำให้มีบางคนสงสัยว่า เหตุใดพระบรมราชสรีรางคาร ในหลวงรัชกาลที่ ๙ จึงต้องแบ่งไปบรรจุถึง ๒ วัด

เพราะตามราชประเพณีโบราณ การถวายพระเพลิงพระบรมศพและการบรรจุพระบรมอัฐิ พระบรมราชสรีรางคารนั้น มีธรรมเนียมว่าหลังจากเสร็จสิ้นพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพแล้ว ในวันรุ่งขึ้น สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ จะเสด็จมาทรงเก็บพระบรมอัฐิลงพระโกศด้วยพระองค์เอง โดยจะทรงเก็บพระบรมอัฐิอย่างละชิ้นจนครบพระสรีระ จากนั้นอัญเชิญใส่พระโกศเพื่อไปประดิษฐานที่ “หอเก็บพระบรมอัฐิ” ซึ่งอยู่ในพระบรมมหาราชวัง

ส่วนพระบรมอัฐิที่เหลือ จะมีทั้งที่ให้พระราชโอรส พระราชธิดา และพระประยูรญาติใกล้ชิดทรงเก็บไปบูชา และให้เจ้าหน้าที่ทำการแปรสภาพเป็นพระบรมราชสรีรางคาร เพื่อนำไปบรรจุยังวัดประจำรัชกาล

ทว่าดังที่มีบันทึกในประวัติศาสตร์ไทยว่า วัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม เป็นพระอารามหลวงสุดท้าย ที่พระมหากษัตริย์คือพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงสร้างตามโบราณราชประเพณีที่มีการสร้างวัดประจำรัชกาล นั่นหมายความว่า นับตั้งแต่สมัยพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว มาจนถึงพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร ทรงไม่มีวัดประจำรัชกาลเป็นของพระองค์

เพราะฉะนั้นการเลือกวัดประจำพระองค์ที่จะเป็นสถานที่บรรจุพระบรมราชสรีรางคารจึงใช้วิธีเลือกเอาวัดที่พระมหากษัตริย์พระองค์นั้นๆ ทรงมีส่วนเกี่ยวข้อง

และเมื่อกลางเดือนเมษายนที่ผ่านมา นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรีวัด ได้ออกมาประกาศอย่างเป็นทางการแล้วว่า สถานที่บรรจุพระบรมราชสรีรางคารของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร ก็คือวัดบวรนิเวศราชวรวิหาร และวัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม

วัดบวรนิเวศราชวรวิหาร

โดยในส่วนของวัดบวรนิเวศราชวรวิหารนั้น เหตุที่ถูกเลือกให้เป็นวัดประจำพระองค์ก็เพราะว่าเป็นวัดที่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตรทรงผนวชและจำวัดเมื่อปี พ.ศ.๒๔๙๙ โดยพระตำหนักที่ประทับในครานั้นมีชื่อว่า ‘ปั้นหยา’ ซึ่งเคยเป็นที่ประทับของพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เมื่อครั้งทรงผนวชเช่นกัน

นอกจากนี้ยังมีบันทึกว่า ภายหลังทรงลาสิกขา ในเวลาที่ทรงว่างจากพระราชกรณียกิจ พระองค์มักทรงขับรถยนต์พระที่นั่งด้วยพระองค์เอง เพื่อไปเข้าเฝ้า แลสดับพระธรรมจากสมเด็จพระสังฆราชเจ้ากรมหลวงวชิรญาณวงศ์ เจ้าอาวาสวัดในขณะนั้น

สมเด็จพระสังฆราชเจ้า กรมหลวงวชิรญาณวงศ์ ขณะทรงเป็นพระราชอุปัธยาจารย์ในพระภิกษุพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร

อีกทั้งวันเข้าพรรษาของทุกปี พระองค์ต้องเสด็จพระราชดำเนินไปถวายพุ่มเทียนเข้าพรรษา รวมทั้งถวายผ้าพระกฐินเป็นวัดแรก เมื่อถึงช่วงพระราชพิธีถวายผ้าพระกฐินหลวงประจำปี และเมื่อทรงริเริ่มโครงการกังหันน้ำชัยพัฒนา ก็ทรงนำกังหันมาทดลองที่คลองเต่าภายในวัดบวรนิเวศวิหารเป็นที่แรกๆ เนื่องด้วยทอดพระเนตรเห็นน้ำในคลองที่ไหลเวียนไม่ดีนัก ทำให้คลองเต่าในปัจจุบันมีเต่า มีปลาอาศัยอย่างร่มเย็น

ใต้ฐานพระพุทธชินสีห์ พระประธานในวัดบวรนิเวศราชวรวิหาร บรรจุพระบรมราชสรีรางคารของพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๖

เพราะฉะนั้นการที่พระบรมราชสรีรางคารของพระองค์จะถูกอัญเชิญไปประดิษฐานยังฐานพุทธบัลลังก์พระพุทธชินสีห์ ในพระอุโบสถของวัดนี้ จึงนับว่ามีที่มาที่ไปที่สอดคล้องอย่างยิ่ง

แล้ววัดราชบพิธสถิตมหาสีมารามล่ะ มีความสัมพันธ์กับพระองค์เช่นไร

วัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม วัดประจำรัชกาลพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว

วัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม เป็นพระอารามหลวงชั้นเอก ชนิดราชวรวิหาร เช่นเดียวกับวัดบวรนิเวศวิหาร โดยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๕ โปรดเกล้าฯ ให้สร้างขึ้นเป็นวัดประจำรัชกาลเมื่อ พ.ศ. ๒๔๑๒ และทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานนามว่าวัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม หมายถึง วัดที่พระมหากษัตริย์ทรงสร้าง

ภายในวัด นอกจากมีพระอุโบสถแล้ว ยังมีสุสานหลวงที่พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้สร้างเจดีย์สีทอง ๔ องค์ เป็นที่บรรจุพระอัฐิและพระสรีรางคารของพระบรมราชเทวี พระราชเทวี เจ้าจอมมารดา พระราชโอรสและพระราชธิดาในพระองค์ มีชื่อสอดคล้องกันเรียงลำดับจากเหนือไปใต้ว่า สุนันทานุสาวรีย์  รังษีวัฒนา เสาวภาประดิษฐาน และสุขุมาลนฤมิตร์

อนุสรณ์สถาน “รังษีวัฒนา”

เจดีย์อนุสรณ์สถาน รังษีวัฒนา” นี้เองที่เป็นที่บรรจุพระราชสรีรางคารของ ๓ สมาชิกราชสกุลมหิดล ได้แก่ สมเด็จพระมหิตลาธิเบศร อดุลยเดชวิกรม พระบรมราชชนก สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี และสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ 

พระพุทธบัลลังก์ของ “พระพุทธอังคีรส” ภายในบรรจุพระบรมอัฐิพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว และพระอัฐิสมเด็จพระศรีสุลาไลย พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ในรัชกาลที่ ๓ สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาสุดารัตนราชประยูร และพระบรมราชสรีรางคารพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว และพระราชสรีรางคารสมเด็จพระนางเจ้ารำไพพรรณี พระบรมราชินี ในรัชกาลที่ ๗

การที่พระบรมราชสรีรางคารส่วนหนึ่งของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร ถูกแบ่งมาประดิษฐานที่ฐานพระพุทธบัลลังก์ของ “พระพุทธอังคีรส” พระประธานในพระอุโบสถ วัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม จึงอาจจะเป็นด้วยเหตุผลเดียวกับที่สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์เคยทรงมีพระดำริไว้เมื่อครั้งมีพระชนม์ชีพว่า…

ฉันจะอยู่ข้างแม่” ด้วยก็เป็นได้

keyboard_arrow_up