สดใสสไตล์เรโทร รู้จัก ‘Sideral‘ เรือนเวลาจากแรงบันดาลใจยุค 70s

Alternative Textaccount_circle

เอาใจเหล่านักสะสมและคนรักกิจกรรมกลางแจ้ง “Sideral” นำเสนอแรงบันดาลใจจากเรือนเวลาชื่อดังยุค 70sถ่ายทอดสู่นาฬิกาดีไซน์สปอร์ตที่โดดเด่นด้วยสีสันสดใสสะท้อนสไตล์เรโทร จาก Tissot

หากใครรักนาฬิกาและกิจกรรมกลางแจ้งไปพร้อมๆ กันต้องฟังทางนี้ เพราะ  Tissot ได้เปิดตัวนาฬิกาคอลเล็คชั่นชั่นใหม่ล่าสุดชื่อว่า Sideral ที่นำเสนอแรงบันดาลใจจากเรือนเวลาดังในตำนานยุค 70s อย่าง ‘ซิเดอรัล เอส’ (Sideral S) มาตีความใหม่ โดยการผสมผสานการดีไซน์ที่มีความทันสมัยและความเป็นเอกลักษณ์อันโดดเด่นของคอลเลกชั่นนี้เอาไว้ได้อย่างลงตัว ถ่ายทอดสู่เรือนเวลาดีไซน์สปอร์ตที่มีสีสันสดใสมาพร้อมกับฟังก์ชันการทำงานที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์หนุ่มสาวยุคใหม่ได้อย่างลงตัว

ตามที่บอกไปว่าคอลเล็คชั่น Sidera) ถูกปรับให้มีความทันสมัยและเทคโนโลยีที่ได้รับการอัพเดท มาพร้อมกับหน้าปัดตัวเรือนทรงถังบาร์เรล (Barrel) ที่มีขนาด 41 มิลลิเมตร ผลิตจากฟอร์จคาร์บอนลายหินอ่อนที่มีความแข็งแรงทนทาน แต่มีน้ำหนักเบา โดยตัวเรือนแบ่งออกเป็น 2 ดีไซน์ ได้แก่ ตัวเรือนลวดลายสีเทาผสมกับสีดำ และตัวเรือนลวดลายสีน้ำเงินผสมกับสีดำ

ตัวเรือนขับเคลื่อนด้วยกลไกการทำงาน Powermatic 80 ที่สามารถสำรองพลังงานถึง 80 ชั่วโมง พร้อมแฮร์สปริงผลิตจากนิวาครอง (Nivachron) ซึ่งมีคุณสมบัติในความแม่นยำ ช่วยต้านทานสนามแม่เหล็กและป้องกันกลไกจากการกระแทกได้ดีอีกด้วย ครอบทับด้วยกระจกหน้าปัดและกระจกฝาหลังที่ผลิตจากคริสตัลแซฟไฟร์เพื่อความแข็งแรงทนจากแรงกระแทก เพิ่มฟังก์ชั่นกรอบหน้าปัดเบเซล (Bezel) หมุนได้ทิศทางเดียวใช้สำหรับจับเวลาในกิจกรรมดำน้ำ พร้อมกับความสามารถในการกันน้ำลึกได้ถึง 300 เมตร ไฮไลท์เด่นอยู่ที่สายนาฬิกายางเจาะรูที่สวมใส่ง่าย มีสีสันโดดเด่น นำแรงบันดาลใจมาจากสายนาฬิกายางสีเหลืองจากเรือนเวลารุ่นออริจินัลในปี 1971 โดยครั้งนี้สายนาฬิกายางถูกออกแบบให้มีสีสันหลากหลายมากยิ่งขึ้น โดยมีทั้งสีเหลืองที่เป็นสีดั้งเดิม และสีเพิ่มเติมอย่าง สีน้ำเงิน สีแดง สีส้ม และสีดำ ที่สามารถเลือกสีของสายนาฬิกาแมทช์กับสีลวดลายของตัวเรือนได้ตามความชอบ

นอกจากนี้ เราจะมานำเสนอวิธีเลือกนาฬิกาที่เหมาะสำหรับคนที่ชอบทำกิจกรรมกลางแจ้ง ทั้งกิจกรรมแอดเวนเจอร์ทางบก สำหรับคนที่ชื่นชอบความเร้าใจ อย่างการปีนหน้าผา กระโดดร่ม หรือการแข่งรถ นาฬิกาที่มีตัวเรือนผลิตจากฟอร์จคาร์บอนที่มีคุณสมบัติแข็งแรงทนทานและมีน้ำหนักเบา รวมถึงหน้าปัดที่มาพร้อมกับกระจกคริสตัลแซฟไฟร์ก็ถือเป็นตัวเลือกที่ตอบโจทย์ เพราะผู้สวมใส่จะได้หมดกังวลกับปัญหาเมื่อตัวเรือนถูกกระแทกหรือขีดข่วนจากการทำกิจกรรม นอกจากนี้สายนาฬิกายางก็เป็นอีกหนึ่งตัวเลือกสำคัญในการทำกิจกกรรมเหล่านี้ เพราะมีน้ำหนักเบา สวมใส่สบาย และยังช่วยกันน้ำและเหงื่อได้ดี ในส่วนของกิจกรรมทางน้ำ อย่างเช่นการแข่งขันเรือใบ นาฬิกาที่มีดีไซน์สปอร์ตก็ช่วยให้มีความคล่องตัวยามสวมใส่ รวมถึงควรเลือกฟังก์ชันที่ตอบโจทย์ในกิจกรรมนั้น อย่างตัวจับเวลาถอยหลังในการแข่งเรือใบก็จะช่วยให้การแข่งขันมีความแม่นยำมากยิ่งขึ้น นอกจากนี้กิจกรรมสุดฮิตอย่างการดำน้ำ ข้อควรคำนึงอันดับแรกคือต้องเลือกนาฬิกาที่มีความสามารถในกันน้ำลึกได้ และควรเลือกตัวเรือนที่มีฟังก์ชันเบเซล (Bezel) เพื่อช่วยให้นักดำน้ำสามารถทราบเวลาที่ใช้งานและช่วงเวลาที่เตรียมตัวปรับสภาพก่อนขึ้นจากผิวน้ำได้ด้วย 

ยอร์ช ยงศิลป์

รู้จักตัวตน “ยอร์ช – ยงศิลป์” และเส้นทางดาวที่ไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ

Alternative Textaccount_circle
ยอร์ช ยงศิลป์
ยอร์ช ยงศิลป์

กว่า 10 ปีมาแล้วที่ “ยอร์ช – ยงศิลป์ วงศ์พนิตนนท์” โด่งดังสุดๆ จากบท “วันเฉลิม ลูกแม่ลำยอง” วันนี้ยอร์ชในวัย 21 ปี สะสมชั่วโมงบินและประสบการณ์มากมายบนเส้นทางนี้ สู่บทบาทใหม่ในฐานะศิลปินเดี่ยวที่เกิดขึ้นจากการทดลองสิ่งใหม่ๆ และค้นหาตัวเองในทุกวัน

รู้จักตัวตน “ยอร์ช – ยงศิลป์” และเส้นทางดาวที่ไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ

ล่าสุดในฐานะศิลปินเดี่ยวค่าย Yorch Entertainment เป็นอย่างไรบ้างคะ

“เพิ่งปล่อยซิงเกิ้ลแรก Seven ขอบคุณทุกคนมากๆ ครับที่ให้การตอบรับอย่างดี ก่อนหน้านี้ตั้งแต่ผมกลับมาจากเกาหลี (หลังจบโปรเจ็กต์ Trainee A) คิดว่าจะทำอะไรต่อ รู้ว่าอยากทำงาน อยากมีผลงานออกมา

“ตอนนั้นก็มีหลายค่ายติดต่อมา มีการพูดคุยกันแต่ยังไม่ลงตัว ใจผมไม่อยากทำเพลงแนว K-Pop หรือเต้นจริงจัง แต่อยากลองทำเพลงแนวที่ตัวเองชอบ แนว Hip Hop, R & B ที่เราได้ครีเอตและใส่ความเป็นตัวเองลงไป จึงตัดสินใจเปิดค่ายของตัวเอง Yorch Entertainment ครับ

“ซึ่งซิงเกิ้ลแรกได้พี่ทอย The Toys แต่งและโปรดิวซ์ให้ และตอนนี้ก็มีแพลนจะทำอีกเพลงอยู่ครับ ผมอยากทำเพลงเร็วดูบ้าง และถ้ามีโอกาสอยากลองทำเพลงด้วยตัวเอง ตั้งแต่คิดไอเดีย ทำดนตรีเองเลย”

แล้วงานละครมีแพลนไหมคะ

“ตอนนี้ผมอยากทำเพลงมากกว่า ยังไม่ได้คิดจะกลับไปเล่นละคร เพราะเป็นงานที่เราทำมาตั้งแต่เด็ก ส่วนใหญ่เป็นบทดราม่า มีร้องไห้ ซึ่งค่อนข้างเครียด และสำหรับผม การร้องไห้มันยากมาก เลยขอพักก่อนครับ แต่ถ้ามีบทที่น่าสนใจก็อยากเล่นนะครับ”

ยอร์ช ยงศิลป์

บทแบบไหนคะที่จะดึงดูดยอร์ช

“น่าจะเป็นบทแปลกใหม่ที่ยังไม่เคยแสดง อย่างสืบสวนสอบสวน มีความซับซ้อนของตัวละคร มีเรื่องราว มีปมให้ค้นหา และได้พัฒนาฝีมือการแสดงของเราไปอีกขั้นหนึ่ง ผมชอบดูหนังแนวสืบสวนที่มีปม มีความพีค อย่าง เชอร์ล็อก โฮล์มส์

“หรือหนังที่มีความซับซ้อน มีหนังเรื่องหนึ่งที่ตัวละครมี 20 บุคลิกในคนเดียว ผมชอบดูการแสดงแบบนั้นมากๆ บางทีเขาเป็นเด็ก 9 ขวบ แล้วเดี๋ยวกลายเป็นฆาตกรโรคจิต แล้วกลับไปเป็นคนเรียบร้อย มันดูเท่และท้าทายมากๆ ครับ”

แฟชั่นก็เป็นอีกหนึ่งความชอบใช่ไหมคะ

“ใช่ครับ ผมชอบแต่งตัวและชอบดูสไตล์การแต่งตัวของคนอื่นๆ ด้วย เมื่อก่อนแต่งตัวจัดกว่านี้อีก เวลาออกจากบ้านแม่จะทักว่าเยอะไปไหม (หัวเราะ) ตอนนั้นใส่ได้หมดทุกแนวเลย กระโปรงก็ใส่ ผมว่ามันสนุกดีครับ แต่ตอนนี้ลดลง ไม่เยอะขนาดนั้นแล้ว เพราะด้วยการทำงานจึงเน้นสบายไว้ก่อน เพราะเดี๋ยวก็ต้องไปเปลี่ยนหน้างานอยู่ดี” (หัวเราะ)

ยอร์ชชอบแต่งตัวสไตล์ไหนคะ

“แนววินเทจครับ ชอบการเล่นสีเอิร์ธโทน สีคลาสสิก และการมิกซ์แอนด์แมตช์ ที่สามารถหยิบชิ้นที่ดูคอนทราสต์มาแมตช์เข้าด้วยกัน โดยไม่ได้มีแค่เสื้อกับกางเกง อาจใช้ผ้าเช็ดหน้ามาพันแขน ผูกคอ แมตช์โทนสีให้เข้ากับเสื้อเพื่อเพิ่มลูกเล่น ผมชอบทดลองสไตล์ใหม่ไปเรื่อยๆ ครับ”

ถ้าเปรียบตัวเองเป็นตัวละคร คิดว่า “ยอร์ช -ยงศิลป์” มีคาแร็คเตอร์แบบไหนคะ

“ถ้ามองภายนอกส่วนใหญ่คนจะมองว่าผมเหมือนเด็กเงียบๆ แต่ถ้าได้รู้จักจริงๆ ผมค่อนข้างพูดมากนะ แล้วก็เสียงดังด้วย แต่จะเป็นแบบนี้แค่ตอนอยู่กับแก๊งเพื่อน มีแค่ 4 คนที่สนิทกันมาตั้งแต่เด็ก เป็นมุมของผมที่คนอื่นจะไม่ค่อยได้เห็นเท่าไร

“ผมมีความ Introvert หน่อยๆ ไม่รู้ว่าจะเข้าสังคมหรือจะเริ่มบทสนทนายังไงดี แต่ถ้ามีคนเริ่มคุยกับเราก่อน แล้วได้คุยกันไปเรื่อยๆ จนสนิทกันมากขึ้น ผมก็จะเริ่มพูดเยอะขึ้น หาเรื่องคุยเก่งขึ้นครับ”

ยอร์ช ยงศิลป์

หลายคนเข้าใจผิดว่ายอร์ชเป็นนักแสดงตังแต่เด็ก น่าจะชอบเข้าสังคม

“กลับกันเลยครับ ผมเห็นพี่ๆ นักแสดงหลายคนมีเพื่อนในวงการเยอะ บางคนเพิ่งเข้าวงการไม่นาน ทำงานไม่กี่ปี แต่คุยนู่นนี่นั่นกับทุกคนได้ กลับกันเวลาผมไปงานที่มีนักแสดงเยอะๆ ผมจะไปยืนตามมุม ซึ่งจะมีแค่คนเดียวที่อยู่กับผมคือพี่บลู เพราะเขาก็คล้ายๆ ผม คือไม่รู้ว่าจะเริ่มคุยกับคนอื่นยังไงดี ทั้งที่ผมอยู่ในวงการตั้งแต่เด็กก็จริง แต่ก็ไม่ได้สนิทกับคนในวงการเท่าไร เพราะเวลาไปกองถ่ายก็ไปทำงาน ส่วนใหญ่จะนิ่งๆ ถ้ามีใครชวนคุยก็คุยบ้าง จึงรู้สึกว่าการทำงานมาตั้งแต่เด็กไม่ได้ช่วยเรื่องนี้เลย” (หัวเราะ)

แต่ถ้าสนิทกันจะได้เห็นยอร์ชอีกมุมหนึ่งแบบเสียงดังเลยใช่ไหม

“นิดหนึ่งครับ” (หัวเราะ)

แล้วเวลาทำงานคาแร็คเตอร์เป็นแบบไหนคะ แตกต่างจากเวลาปกติไหม

“ค่อนข้างจริงจังครับ แต่ไม่ถึงขั้นซีเรียส เพราะผมไม่อยากทำให้คนรอบข้างต้องเครียดไปด้วย อยากทำให้บรรยากาศผ่อนคลายมากกว่า แม้งานนั้นจะจริงจัง มีรายละเอียดหลายอย่างที่ต้องทำ แต่ก็ไม่จำเป็นต้องทำให้สถานการณ์ตึงเครียดตามไปด้วย”

เรื่องอะไรที่ซีเรียสมากที่สุด

“สำหรับผมคือเรื่องคำพูด บางครั้งเจอคนที่พูดไม่คิด เราฟังแล้วรู้สึกว่าคำนี้มันแปลกๆ ทำให้ผมค่อนข้างคิดมากเวลาที่จะพูดอะไรออกไป จนบางทีอาจคิดเยอะเกินไปและกลายเป็นคิดแทนคนอื่นด้วย ซึ่งมันเป็นข้อเสียนะ ผมจะคิดว่า…ถ้าพูดแบบนี้หรือทำแบบนี้ออกไปเขาจะรู้สึกยังไง จะไม่โอเคหรือเปล่า แล้วผมก็จะคิดชับซ้อนไปเรื่อย ทั้งในมุมเรา มุมเขา จนกลายเป็นว่าตัวเองมานั่งเครียด ยอมรับว่าผมคิดมากแล้วไม่พูดออกมา บางครั้งคิดแล้วคิดอีกจนคนอื่นอึดอัด”

ถ้าเลือกได้ อยากแก้ไขข้อเสียอะไรของตัวเอง

“ความจริงผมเป็นคนจริงจัง แต่ทำให้มันชิล ซึ่งพอชิลไปเรื่อยๆ ก็กลายเป็นความเครียดตอนสุดท้าย อย่างที่ผ่านมาคุยกับเพื่อนว่าจะทำเพลงกัน  แต่บอกเพื่อนว่าไม่เป็นไร ไม่ต้องเครียด ชิลๆ ปล่อยเวลาไปเรื่อยๆ จนเริ่มดึก พอตี 3 ยังไม่ได้อะไรเลย ตอนนั้นแหละเริ่มเครียดแล้ว เป็นข้อเสียที่ผมอยากแก้ครับ”

แล้วถ้าเป็นฝั่งข้อดีล่ะ

“ข้อดี…น่าจะเป็นเรื่องการวางตัวครับ เพราะผมทำงานตั้งแต่เด็ก จึงได้เรียนรู้การอยู่ในสังคมการทำงานในวงการบันเทิงว่าต้องวางตัวอย่างไร ต้องพูดยังไง”

ยอร์ช ยงศิลป์

จำได้ใหมว่าเริ่มทำงานแรกตั้งแต่อายุเท่าไร

“ถ้านับจริงๆ ตอน 7 ขวบ ผมเริ่มถ่ายนิตยสาร แล้วก็เป็นนักแสดงประกอบ พอช่วง 10 ขวบ ประมาณ ป.3 – 4 เป็นช่วงเดินสายแคสต์งานไปเรื่อยๆ แล้วก็ได้แสดงบทวันเฉลิมในเรื่องทองเนื้อเก้าครับ”

ถ้านับจำนวนการทำงานก็ 14 ปี เรียกว่าเกินครึ่งชีวิต ขอแชร์หนึ่งอย่างที่ได้เรียนรู้จากการทำงานตรงนี้หน่อยค่ะ

“สิ่งหนึ่งที่ได้เรียนรู้คือการทำงานกับคนหมู่มาก สมัยเด็กเราอาจจะไม่ได้โฟกัสเรื่องนี้ท่าไร แต่พอเริ่มโตขึ้น เราได้เรียนรู้การทำงานกับคนหลากหลายแบบ อย่างบางคนเราเห็นว่าเขาซีเรียสมากๆ จนบรรยากาศมันตึงเครียดไปหมด ก็อาจเพราะเขาอยากให้งานออกมาดี

“หรือการทำงานกับผู้กำกับแต่ละคนก็ไม่เหมือนกัน สไตล์การทำงานแตกต่างกัน ด้วยความคิดและเหตุผลที่ต่างกันไป”

อะไรคือเรื่องภูมิใจที่สุดตอนนี้คะ

“ภูมิใจที่ตัวเองกล้าลองทำอะไรใหม่ๆ ครับ เมื่อก่อนผมไม่กล้าร้องเพลง มีงานอะไรที่ต้องร้องเพลง ผมไม่เอาเลย กลัวมาก หรือตอนไปต่างประเทศก็กลัวการใช้ชีวิตคนเดียว รู้สึกว่าต้องมีคนที่พึ่งพาได้สักคนอยู่ด้วย ตอนที่ผมไปเกาหลีครั้งแรก ผมขอให้ผู้จัดการไปส่งด้วย เพราะตอนนั้นยังขึ้นเครื่องบินคนเดียวไม่เป็น ตอนอยู่ที่โน่นก็พิมพ์ไลน์หาผู้จัดการให้สอนหลายๆ อย่าง แต่พอเราโตขึ้นก็รู้สึกว่าต้องทำอะไรด้วยตัวเองได้แล้ว จึงตัดสินใจลุยเลย ไปลุ้นเอาข้างหน้า ซึ่งสุดท้ายทุกอย่างก็ผ่านมาด้วยดี จึงภูมิใจที่ตัวเองกล้าลองทำอะไรใหม่ๆ ด้วยตัวเอง”

ตอนไหนที่ทำให้ปลดล็อกตัวเองจนกล้าร้องเพลง

“ความจริงผมชอบฟังเพลง ชอบร้องเพลงนะ เพียงแต่ผมไม่มั่นใจในตัวเอง จึงไม่กล้าร้องต่อหน้าคนอื่น กระทั่งจุดหนึ่งเห็นศิลปินที่เราชอบร้องเพลง ทำให้อยากเป็นแบบนั้นบ้าง ซึ่งพอมีความอยากที่มากพอ จู่ๆ ก็กล้าทำขึ้นมาเอง บวกกับการที่ผมทำงานแสดงมาตั้งแต่เด็ก ทำให้รู้สึกว่าอยากลองทำอะไรใหม่ๆ บ้าง และมันถึงเวลาแล้วแหละที่เราต้องลองทำ”

แล้วตอนขี้มีอะไรที่ยังไม่มั่นใจอยู่ไหม

“ผมไม่ค่อยมั่นใจในหลายๆ อย่างเลยนะ อย่างเรื่องร้องเพลงตอนนี้มั่นใจมากขึ้น แต่ก็ยังไม่ 100 เปอร์เซ็นต์ อาจจะอยู่ที่ประมาณ 70 อีก 30 ยังกล้าๆ กลัวๆ ไม่รู้ว่าจะทำออกมายังไง จะทำได้ดีไหม ยิ่งเวลาดูศิลปินที่เพอร์ฟอร์แมนซ์เก่ง ร้องเพลงเสร็จก็พูดคุยเฮฮากับแฟนคลับได้เลย  แต่พอเราร้องเสร็จปุ๊บ จะทำยังไงต่อดี ยังมีความไม่มั่นใจตรงนี้อีกหลายอย่างครับ”

จากวันแรกที่เริ่มทำงานจนถึงวันนี้ แพสชั่นในการทำงานเปลี่ยนไปอย่างไรบ้างคะ

“เปลี่ยนไปเยอะอยู่นะครับ สมัยเด็กไม่ได้คิดอะไร พ่อแม่ให้ทำเราก็ทำตามแค่นั้น ถ้ามีโอกาสเข้ามาเราก็ทำ เพราะทำแล้วได้ของเล่น อาจจะมีงอแงบ้าง แต่พอมีของแลกเปลี่ยนก็โอเค

“แต่พอโตขึ้นอีกนิด ความคิดก็เปลี่ยนไป มีบางช่วงที่ทำเพราะแพสชั่นจริงๆ บางช่วงก็อยากพักบ้าง แต่ด้วยหน้าที่ก็ยังต้องทำต่อไป จนมาถึงตอนนี้เราชัดเจนในตัวเองขึ้นแล้ว รู้ว่าชอบอะไรและอยากทำอะไร”

ระหว่างทางมีช่วงที่ท้อหรือทบทวนว่าจะไปต่อหรือพอแค่นี้ดีบ้างไหม

“มีตลอดครับ เมื่อก่อนเราอยู่ในช่วงที่ต้องเรียนด้วย ทำงานด้วย แล้วก็เตรียมเข้ามหาวิทยาลัยด้วย หลายอย่างมากๆ เคยรู้สึกว่าเหนื่อยจนเราไม่อยากทำอะไรแล้ว ไม่อยากเรียน ไม่อยากทำงาน ขอนอนเฉยๆ สักวันได้ไหม แต่ก็เป็นแค่ความคิดชั่วครู่ เพราะสุดท้ายเราก็ต้องตื่นไปทำงาน ไปทำหน้าที่ตามความรับผิดชอบของเราต่อไป”

กดดันใหมในวันที่เปลี่ยนจากนักแสดงก้าวสู่การร้องเพลงเป็นศิลปินเต็มตัว

“มากครับ อธิบายไม่ถูกเลย ความที่ภาพเราเป็นนักแสดงมาตลอดตั้งแต่เด็ก แล้วจู่ๆ จะมาร้องเพลง ก็กลัวคนจะมองว่ากลับไปเป็นนักแสดงเถอะ ไม่ต้องร้องหรอก ซึ่งผมคิดเยอะอยู่แล้ว จึงกังวลว่าทุกคนจะชอบไหม เพราะเขาก็คาดหวังกับเรามากๆ”

ยอร์ช ยงศิลป์

แล้วมีวิธีคลายความกังวลอย่างไรคะ

“ผมคุยกับคุณครูที่สอนร้องเพลงบ่อยมากเรื่องความมั่นใจ ให้คิดว่าที่เราร้องเพลงก็เพราะอยากร้อง ทุกคนที่มาดูก็อยากมาฟังเสียงเรา เขาไม่ได้มาเพื่อติหรือว่าอะไร เราร้องไม่ตรงคีย์ ไม่ถูกโน้ต คนที่มาฟังเขาพร้อมซัพพอร์ต ไม่ต้องกดดันตัวเอง ถ้ากังวลลองหลับตาร้องก็ได้ ซึ่งครั้งแรกที่ขึ้นเวทีผมหลับตาร้องจริงๆ จินตนาการว่ากำลังร้องเพลงอยู่ในห้อง”

เวลาเหนื่อยๆ เติมความสุขให้ตัวเองด้วยวิธีไหนคะ

“แค่ผมได้กลับบ้านก็มีความสุขแล้วครับ บ้านเป็นพื้นที่ที่เราจะล้มตัวลงนอนตรงไหนก็ได้ เป็นเซฟโซนที่เราได้พัก ได้อยู่กับครอบครัว ได้เล่นกับหมา แค่ได้กลับบ้านก็รู้สึกว่าได้ฮีลร่างกายและจิตใจแล้วครับ”

เวลาอยู่คนเดียวชอบทำอะโรคะ

“ผมชอบนอน (หัวเราะ) แล้วก็ชอบฟัง The Ghost Radio ครับ ซึ่งผมกลัวผีนะ แต่ก็ชอบฟัง ทั้งฟังแบบเอาสนุก ชอบฟังเวลาอยู่คนเดียว หรือตอนเดินทางชอบนั่งฟังบนรถ แต่ไม่ฟังตอนกลางคืนนะ เพราะผมกลัว” (หัวเราะ)

นอกจากฟังเรื่องสยองขวัญ มีงานอดิเรกที่ชอบอีกใหม

“อึม…ผมชอบเล่นเกมกับสะสมเทียนหอมครับ ไม่ได้สะสมจริงจังนะ แต่ชอบซื้อมาเก็บไว้ในห้อง ชอบเวลาจุดเทียนแล้วได้กลิ่นหอมๆ ผ่อนคลายดีครับ” (ยิ้ม)

จากที่เล่ามา น่าจะเป็นคนชอบใช้เวลาอยู่ในห้องนอนคนเดียว

“ใช่ครับ (ตอบทันที) แต่เพราะหลายๆ อย่าง เช่น คอมพิวเตอร์อยู่ในห้องนอน ผมจึงใช้เวลาอยู่ในห้องเป็นหลัก คือพอตื่นเช้าก็ลงมากินข้าวแล้วก็ขึ้นไป พอสัก 2 – 3 ทุ่ม ก็ถึงเวลานัดเล่นเกมกับเพื่อน แล้วก็อยู่บนห้องนอนยาวเลย นอนดึกมากๆ ครับ”

สำหรับยอร์ชเปรียบความรักเป็นสีอะไรคะ

“เป็นสีรุ้งครับ ความรักมีหลากหลายรูปแบบ สีจึงมีทั้งที่สดใสจนถึงสีดำ มีหลายอารมณ์และความรู้สึก”

ปิดท้าย…ยอร์ชในวัย 21 ปีวันนี้เป็นไปตามภาพที่ตัวเองคิดไว้ไหมคะ

“ก็มีบางอย่างเป็นไปตามที่คิดไว้เหมือนกันครับ และบางอย่างก็ไม่ได้คิดไว้เลย เมื่อก่อนตอนเด็กๆ ผมคิดว่าคงทำงานแสดงไปเรื่อยๆ จนแก่ แบบว่าจนได้เล่นบทคุณพ่อ แต่พอมองชีวิตตอนนี้ก็รู้สึกว่ามันพีคดีครับ (ยิ้ม) จู่ๆ ก็เปลี่ยนมาเป็นศิลปิน มีเพลงของตัวเอง ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่เคยคิดมาก่อนเลย แต่โดยรวมเป็นภาพที่ดี เป็นชีวิตแบบที่ชอบครับ”


ที่มา : นิตยสารแพรว ฉบับ 995

บทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ

HUBLOT “Big Bang Unico Sky Blue” สะท้อนเสน่ห์ของท้องฟ้าและความอิสระ

account_circle

Big Bang Unico Sky Blue นาฬิกา Limited Edition รุ่นใหม่ที่หลอมรวมไว้ซึ่งสามองค์ประกอบคลาสสิคของ HUBLOT ทั้ง Big Bang ซึ่งเป็นคอลเล็คชั่นไอคอนิก กลไก Unico ที่ผลิตขึ้นภายในโรงงานของตัวเอง และเซรามิก วัสดุอันเป็นนวัตกรรมของแบรนด์ ผลิตขึ้นในจำนวนจำกัดเพียง 200 เรือน

HUBLOT “Big Bang Unico Sky Blue” สะท้อนเสน่ห์ของท้องฟ้าและความอิสระ

Big Bang Unico Sky Blue 42 mm (บิ๊ก แบง ยูนิโค สกาย บลู 42 มม.) โดดเด่นด้วยหน้าปัดสีฟ้าอ่อนคล้ายกับท้องฟ้าอันสดใสไร้ก้อนเมฆแห่งฤดูร้อน เข็มชี้และเครื่องหมายบอกเวลาเรืองแสงสีขาว พร้อมสกรูรูปตัว H ทั้งหกตัวบนขอบตัวเรือนเพิ่มลุคสปอร์ต ทำงานด้วยกลไกจักรกลไขลานอัตโนมัติโครโนกราฟ Unico (ยูนิโค) คาลิเบอร์ HUB1280 (เอชยูบี1280) ที่ผลิตขึ้นภายในโรงงานของตัวเอง

ตัวเรือน ขอบตัวเรือน รวมถึงฝาหลัง ทำจากวัสดุจากเซรามิกสีฟ้าอ่อน เฉดสีพิเศษที่พัฒนาขึ้นโดยใช้กระบวนการผลิตเฉพาะหนึ่งเดียวของแบรนด์ ซึ่งเซรามิกถือเป็นหนึ่งในวัสดุที่เชี่ยวชาญของ HUBLOT ที่ได้สร้างสรรค์ออกมาหลากสีสัน โดยทางแบรนด์ได้ทำการผลิตออกมาในแทบจะทุกแพนโทนสี

นอกจากนี้เซรามิกยังมีคุณสมบัติที่ไม่ทำให้เกิดอาการระคายเคืองหรือแพ้ ทั้งยังสามารถปรับไปตามอุณหภูมิของผิว รวมถึงมีน้ำหนักเบาและทนทานสูงต่อการเกิดออกซิเดชันและการเกิดรอยขีดข่วน มาคู่กับสายผ้า Velcro (เวลโคร) พร้อมตัวล็อกสายแบบสปอร์ต และสายเวอร์ชันปกติที่ทำจากยางธรรมชาติเดินลายเส้นพร้อมหัวเข็มขัดปรับได้ทำจากไทเทเนียม Big Bang Unico Sky Blue เรือนนี้จึงถือเป็นเพื่อนที่สมบูรณ์แบบสำหรับทุกกิจกรรมในฤดูร้อนของคุณ


ดินเนอร์สุดพิเศษ จัดเต็มทั้งสเต็กและอาหารทะเลระดับพรีเมียม

account_circle

เปลี่ยนดินเนอร์ของคุณ ให้กลายเป็นค่ำคืนสุดพิเศษ กับเมนูใหม่สุดพรีเมียมที่ ห้องอาหาร เดอะ ดิสทริคท์ โรงแรม แมริออท กรุงเทพฯ สุขุมวิท จัดเต็มทั้งสเต็ก และอาหารทะเลระดับพรีเมียม ที่จะทำให้คุณประทับใจ

พลาดไม่ได้กับเมนูใหม่สำหรับมื้อค่ำ ไม่เพียงแค่สเต็กและเนื้อหลากหลายเมนูเท่านั้น คนรักซีฟู้ดจะได้พบกับเมนูอาหารทะเลสดใหม่มากมายด้วยเช่นกัน เริ่มต้นมื้ออร่อยด้วยอาหารเรียกน้ำย่อยอย่างชีส Hot Camembert Flambé สำหรับผู้ที่ชื่นชอบเนื้อ คุณสามารถเลือกอาหารจานหลักได้มากมาย ไม่ว่าจะเป็น เนื้อวัวออสเตรเลียน แบล็ค แองกัส (Australian Black Angus tenderloin) หรือเนื้อโทมาฮอว์ก (Australian Tomahawk) และห้ามพลาดกับเมนู ขาเป็ดตุ๋นในน้ำมัน (Sous Vide Duck Leg Confit)

ความอร่อยยังไม่จบเพียงเท่านี้ เอาใจคนรักซีฟู๊ดจะได้พบกับเมนูซิกเนเจอร์ของเรา เดอะดิสทริคท์โอเชียนทาวเวอร์ (The District Ocean Tower) ประกอบไปด้วย ล็อบสเตอร์ทั้งตัว ขาปูอลาสก้า หอยเชลล์ และกุ้งลายเสือตัวใหญ่ยักษ์ ปิดท้ายมื้อค่ำสุดพิเศษด้วยของหวานโฮมเมดหลากหลายเมนู อาทิ บราวนี่เสิร์ฟพร้อมไอศครีมซอลต์คาราเมล และอื่นๆอีกมากมาย

เชิญทุกท่านมาลิ้มลองเมนูใหม่ได้แล้ววันนี้ที่ ห้องอาหาร เดอะ ดิสทริคท์ กริลล์ รูม แอนด์ บาร์ ตั้งอยู่บริเวณชั้น 2 ของโรงแรมแมริออท กรุงเทพฯ สุขุมวิท เปิดให้บริการอาหารค่ำทุกวัน ตั้งแต่เวลา 17.00 น. – 23.00 น. สอบถามเพิ่มเติมและสำรองที่นั่ง กรุณาติดต่อ 02 797 0000 หรืออีเมลมาที่ [email protected]

BYD DOLPHIN Cover

เรเว่ ออโตโมทีฟ เปิดตัว BYD Dolphin นวัตกรรมใหม่ที่จะเปลี่ยนทุกชีวิต เสริมความเป็นผู้นำรถยนต์พลังงานไฟฟ้า

BYD DOLPHIN Cover
BYD DOLPHIN Cover

บริษัท เรเว่ ออโตโมทีฟ จํากัด ผู้จัดจำหน่ายและให้บริการหลังการขายรถยนต์พลังงานไฟฟ้า BYD ในประเทศไทยอย่างเป็นทางการ ภายหลังจากความสำเร็จในการแนะนำรถยนต์พลังงานไฟฟ้ารุ่นแรก BYD ATTO 3 สู่ประเทศไทย ประกาศเปิดตัวรถยนต์พลังงานไฟฟ้า BYD Dolphin เพิ่มเติมให้เลือกอีก 2 รุ่นย่อย ประสบการณ์ใหม่ของการขับขี่ ดีไซน์โฉบเฉี่ยว คล่องตัว ภายในกว้างขวางพร้อมฟังก์ชันครบครัน รถยนต์แฮตช์แบ็กพลังงานไฟฟ้ารุ่นล่าสุดของตระกูล BYD มาพร้อมเทคโนโลยี e-Platform 3.0 แพลตฟอร์มที่ออกแบบให้รถมีความสมดุลพร้อมเทคโนโลยี BYD Blade Battery เอกสิทธิ์เฉพาะของบีวายดีที่สามารถจัดเก็บพลังงานและให้ระยะการขับเคลื่อนสูง อีกทั้งยังมาพร้อมระบบรักษาความปลอดภัยอัจฉริยะ (ADAS) เพื่อความปลอดภัยสูงสุดขณะอยู่บนท้องถนน

BYD Dolphin หรือที่เรียกว่า “สุนทรียศาสตร์แห่งมหาสมุทร” เต็มไปด้วยความสดใหม่และสีสัน โดดเด่นด้วยการออกแบบจากรูปทรงโลมาตั้งแต่ภายนอกด้านหน้าโค้งมนรับกับไฟหน้าLED เส้นด้านข้างออกแบบให้สอดรับกัน ไฟท้ายสะดุดตาโฉบเฉี่ยวและโดดเด่นในทุกมิติ การออกแบบภายในมีความกว้างขวางและเต็มไปด้วยสีสัน คอนโซนหน้าเป็นลายคลื่นรับกับช่องแอร์ มือจับเปิดประตูทรงครีบโลมาพร้อมโลโก้ BYD ที่ดุมล้อ นอกจากนี้ ระบบสัญญาณเสียงแจ้งต่างๆจำลองมาจากท้องทะเล และระบบอัจฉริยะใหม่ “Follow Me Home” ที่จะมาเพิ่มความปลอดภัยหลังจากจอดรถ

นวัตกรรมใหม่เทคโนโลยีแบตเตอรี่เอกสิทธิ์เฉพาะของ BYD อย่าง BYD Blade Battery มาพร้อมกับมาตรฐานความปลอดภัยชั้นสูง ด้วยโครงสร้างการจัดเรียงเซลล์แบตเตอรี่รูปทรงคล้ายใบมีดที่ช่วยลดการใช้งานโมดูลทำให้ลดน้ำลง และการระบบระบายความร้อนที่ช่วยควบคุมอุณหภูมิให้เหมาะสม ซึ่งเทคโนโลยีนี้ได้ผ่านการทดสอบมาตรฐานความปลอดภัยอย่างเข้มงวดแม้ในสถานการณ์ที่เกิดความเสียหายอย่างรุนแรงและมีประสิทธิภาพที่คงทน นอกจากนี้ BYD Dolphin ถูกพัฒนาบน e-Platform 3.0 ซึ่งเป็นโซลูชั่นที่เพิ่มประสิทธิภาพในการจ่ายพลังงาน พร้อมระบบส่งกำลัง 8 in 1 (ควบคุมกระแสไฟฟ้า แบตเตอรี่ และการขับเคลื่อน) ที่เพิ่มประสิทธิภาพการให้พลังงาน 20 เปอร์เซ็นต์ และลดปริมาณการใช้พื้นที่และน้ำหนักลงถึง 10 เปอร์เซ็นต์ โดยแพลตฟอร์มอัจฉริยะนี้ยังช่วยส่งมอบการขับขี่ที่นุ่มนวลและการยึดเกาะถนนที่ดีเยี่ยม

เรเว่ ออโตโมทีฟ เปิดตัว BYD Dolphin นวัตกรรมใหม่ที่จะเปลี่ยนทุกชีวิต เสริมความเป็นผู้นำรถยนต์พลังงานไฟฟ้า

BYD Dolphin ประกอบด้วย 2 รุ่น ได้แก่ รุ่น Standard Range และรุ่น Extended Range ซึ่งนวัตกรรมขุมพลังของ Blade Batter ทำให้รุ่น Standard Range สามารถเดินทางได้ไกลถึง 410 กิโลเมตร และ 490 กิโลเมตร สำหรับรุ่น Extended Range (ตามมาตรฐาน NEDC) ซึ่งเพียงพอสำหรับการเดินทางไกล ด้วยการชาร์จเพียงครั้งเดียว นอกจากนี้ ยังมีระบบขับเคลื่อนล้อหน้าที่ใช้แบตเตอรี่ลิเทียมไอออนฟอสเฟต (Lithium Iron Phosphate) ความจุ 44.9 กิโลวัตต์-ชั่วโมง ให้แรงบิดสูงถึง 180 นิวตัน-เมตร สำหรับรุ่น Standard Range และความจุ 60.48 กิโลวัตต์ กำลังมอเตอร์สูงถึง 150 กิโลวัตต์ แรงบิดมหาศาล 310 นิวตัน-เมตร สำหรับรุ่น Extended Range ด้วยมอเตอร์ที่ทรงพลัง ทำให้รุ่น Standard Range มีอัตราเร่งที่ 0-100 กิโลเมตร / ชั่วโมง ภายใน 12.3 วินาที และภายใน 7 วินาที สำหรับรุ่น Extended Range ทั้งสองรุ่นจะมาพร้อมด้วยหัวชาร์จ AC Type 2 ขนาด 7 กิโลวัตต์ และพอร์ตชาร์จ DC ขนาด 60 และ 80 กิโลวัตต์ ตามลำดับ, ที่ให้การเพิ่มระดับแบตเตอรี่จาก 30 เปอร์เซ็นต์ เป็น 80 เปอร์เซ็นต์ ในเวลาเพียง 29 นาที อีกทั้งยังมีระบบเทคโนโลยี Vehicle to Load (VtoL) ที่สามารถจ่ายกระแสไฟได้สูงสุด 2000w ทำให้รถสามารถถ่ายโอนพลังงานไฟฟ้าไปยังเครื่องใช้ไฟฟ้าอื่น ๆ ได้

คุณประธานวงศ์ พรประภา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เรเว่ ออโตโมทีฟ จํากัด กล่าวว่า “BYD Dolphin เป็นรถยนต์พลังงานไฟฟ้าที่พัฒนาขึ้นเพื่อตอบสนองความต้องการของผู้ขับขี่ที่ต้องการความคล่องตัวการเดินทาง ที่กำลังมองหารถยนต์ไฟฟ้าที่มีการออกแบบอันเป็นเอกลักษณ์และนวัตกรรมล้ำสมัย ซึ่ง BYD Dolphin ตอบโจทย์ในทั้งสองด้าน ด้วยขนาดที่กะทัดรัดให้ความคล่องตัวและความสนุกในการขับขี่ รวมถึงนวัตกรรมการันตีระดับโลกอย่าง e-Platform 3.0 และ Blade Battery ที่ให้ความมั่นใจแก่ผู้ขับขี่ในด้านของคุณภาพ ความปลอดภัยและความอัจฉริยะ อีกทั้งยังสะดวกสบายไม่ว่าจะเป็นการเดินทางระยะใกล้หรือระยะทางไกล เรเว่ ออโตโมทีฟ มีความยินดีที่ได้ส่งมอบรถยนต์พลังงานไฟฟ้ารุ่นที่สองของตระกูล BYD ให้แก่คนไทย เรามั่นใจว่า BYD Dolphin จะสร้างกระแสความสําเร็จต่อจากการส่งมอบรถยนต์พลังงานไฟฟ้ารุ่นแรกอย่าง BYD ATTO 3 และเป็นอีกก้าวสำคัญที่จะขับเคลื่อนประเทศไทยสู่ NEV Nation”

นอกเหนือจากคุณลักษณะทางเทคโนโลยี BYD Dolphin ยังมีการออกแบบภายในที่กว้างขวางแม้จะมีรูปแบบและขนาดภายนอกที่กะทัดรัด แต่ด้วยระยะฐานล้อที่ยาวถึง 2,700 มม. ทำให้ขนาดห้องโดยสารมีขนาดที่กว้างขวาง พร้อมมอบความสะดวกสบายในการใช้งานและประสบการณ์การเดินทางที่ตอบสนองต่อความต้องการในชีวิตประจำวันด้วยห้องโดยสาร 5 ที่นั่ง และเบาะนั่งสปอร์ตพร้อมพนักพิงตามหลักสรีรศาสตร์ โดยพื้นที่จัดเก็บสัมภาระท้ายรถสามารถจัดเก็บกระเป๋าเดินทางขนาด 30 นิ้ว ได้ 1 ใบและขนาด 20 นิ้ว ได้ 2 ใบ พร้อมเบาะโดยสารด้านหลังที่สามารถปรับพับได้แบบ 60:40 ให้ความยืดหยุ่นในการบรรจุสัมภาระจำนวนมาก ซึ่งการออกแบบของพื้นที่ให้ทั้งประโยชน์ในการใช้สอยและความสวยงามที่เต็มไปด้วยสีสันแบบพร้อม ๆ กัน เสริมด้วยระบบช่วยควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน (ACC) Stop and go ทำให้การขับขี่ระยะทางไกลที่สะดวกสบายยิ่งขึ้น อีกฟังก์ชันที่เหมาะสำหรับสภาวะอากาศในเมืองไทย คือ ระบบกรองอากาศ PM 2.5 พร้อม CN95 Filter ให้ผู้ใช้รถได้มีอากาศบริสุทธิ์ในทุกการขับขี่

BYD Dolphin ขับเคลื่อนโดยระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่ขั้นสูงอัจฉริยะ (ADAS) ระบบความปลอดภัยที่มาอย่างครบครัน ออกแบบมาเพื่อป้องกันอุบัติเหตุและลดความเสี่ยง  ประกอบด้วย ถุงลมนิรภัย 6 จุด,ระบบตรวจวัดแรงดันลมยาง (TPMS), จุดยึดเบาะนั่งเด็กแบบ ISOFIX, ระบบเสริมแรงเบรกอัจฉริยะ, ระบบเบรกป้องกันล้อล็อก (ABS), ระบบเบรกมือไฟฟ้า (EPB), ระบบควบคุมเสถียรภาพการทรงตัวของรถ (ESC), ระบบป้องกันการลื่นไถล (TCS), ระบบควบคุมการกระจายแรงเบรก (EBD), ระบบช่วยเตือนวัตถุเคลื่อนผ่านขณะเปิดประตู (DOW), ระบบควบคุมการไหลของรถยนต์อัตโนมัติ (Auto Hold), ระบบช่วยเบรกอัตโนมัติ (AEB), ระบบช่วยเตือนเมื่อรถออกนอกเลน (LDW), ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในช่องทางเดินรถ (LKS), ระบบช่วยเตือนการชนด้านหน้าและหลัง (PCW, RCW), ระบบช่วยเตือนจุดอับสายตา (BSD), ระบบช่วยเตือนและเบรกเมื่อมีรถเคลื่อนผ่านจุดอับสายตาขณะถอยหลัง (RCTA, RCTB), ระบบช่วยควบคุมรถไม่ให้ออกนอกช่องทางเดินรถ (LDP), ระบบช่วยควบคุมฉุกเฉินให้รถอยู่ในช่องทางเดินรถ (ELKA), ระบบช่วยเตือนการชนเมื่อเปลี่ยนช่องทางเดินรถ (LCW)  อีกทั้งยังมีกล้องมองภาพรอบทิศทาง 360 องศา พร้อมฟังก์ชันอัจฉริยะ เช่น แดชบอร์ดประเมินผลข้อมูลระดับพลังงานและความเร็วแบบเรียลไทม์ขนาด 5 นิ้ว, หน้าจอสัมผัสขนาด 12.8 นิ้ว ที่สามารถปรับหมุนได้เพื่อจัดการระบบสาระบันเทิงและระบบนําทาง, พอร์ต USB สำหรับการชาร์จอุปกรณ์สื่อสารอย่างรวดเร็ว, ระบบชาร์จแบบไร้สาย, ระบบ Follow Me Home เพิ่มความปลอดภัยหลังจอดรถและระบบเสียงดนตรีที่มีการออกแบบสัญญาณเสียงที่จำลองมาจากทะเล นอกจากนี้ ยังมีกลไกการล็อกมากถึง 5 รูปแบบ ได้แก่ การล็อกและปลดล็อกด้วยกุญแจรีโมท, บัตร NFC, BYD Application, กุญแจไข และแบบไม่มีกุญแจ (Keyless Entry)

คุณประธานพร พรประภา รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เรเว่ ออโตโมทีฟ จํากัด กล่าวว่า “ความมุ่งมั่นของ BYD ในการขับขี่อย่างยั่งยืนและความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อมเป็นแนวคิดริเริ่มที่สอดคล้องกับโปรแกรมสิทธิพิเศษ Rêver Care และโครงการ RÊVERLUTION ของเรเว่ ออโตโมทีฟ ผู้ขับขี่ BYD Dolphin จะได้รับสิทธิพิเศษ Rêver Care ซึ่งเป็นบริการหลังการขายที่เรามอบให้กับลูกค้าของเรา เรเว่ ออโตโมทีฟ มุ่งมั่นที่จะเป็นมากกว่าผู้ส่งมอบยานพาหนะ เราต้องการสร้างประสบการณ์การเดินทางที่ราบรื่นและสะดวกสบายให้กับลูกค้า พร้อมทั้งเป็นส่วนหนึ่งในการสร้างสังคมใหม่ที่ยั่งยืนให้กับประเทศไทยผ่านนวัตกรรมสีเขียว เราได้ก่อตั้งโครงการคาร์บอนเครดิต “RÊVERLUTION Initiative” เพื่อส่งเสริมพฤติกรรมที่รับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อมและสนับสนุนการดำเนินการตามแผน NDC ของประเทศไทยเพื่อลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก โดยผู้ขับขี่ทุกคนสามารถร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการสร้างอนาคตที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและขับเคลื่อนโลกของเราสู่สภาพแวดล้อมที่ยั่งยืน สะท้อนกลับไปเป็นสิทธิพิเศษให้กับผู้ใช้รถ BYD ทุกคันอีกด้วย”

เรเว่ ออโตโมทีฟ ยังได้เปิดเผยอีกว่า บริษัทฯ ได้ร่วมมือกับพันธมิตร บริษัท ชาร์จ แมเนจเม้นท์ จำกัด หรือ SHARGE สร้าง EV Charging Ecosystem ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตอย่างยั่งยืน โดยเปลี่ยนสถานีชาร์จ (SHARGE) ทั้งหมด เป็น RÊVERCHARGER ให้กระจายอยู่ทั่วพื้นที่ในทุกภาคของประเทศไทย และกำหนดเป้าหมายการติดตั้งหัวชาร์จไฟฟ้าเพิ่มเติมให้ได้ครบ 1,100 หัว ภายในวันที่ 1 มกราคม 2567 เพื่อให้บริการเชิงรุกและตอบสนองความต้องการของลูกค้าในทุกมิติ เรเว่ ออโตโมทีฟ และ SHARGE จะดำเนินการติดตั้งหัวชาร์จในพื้นที่อยู่อาศัย เช่น คอนโด หมู่บ้าน โรงแรม สถานที่ทำงาน ห้างสรรพสินค้า ปั๊มน้ำมัน สถานที่ใช้สอยผสมผสานและโชว์รูมรถยนต์ไฟฟ้า BYD เป็นหลัก

รถยนต์ไฟฟ้า BYD Dolphin ทุกคัน มาพร้อมกับสิทธิพิเศษ Rêver Care สามารถออกรถเริ่มต้นเพียง 35,000 บาท หรือ ดอกเบี้ยเริ่มต้นเพียง 1.88%, ประกันภัยชั้น 1 พร้อม พรบ. ระยะเวลา 1 ปี, การรับประกันตัวรถและแบตเตอรี่ระยะเวลา 8 ปี หรือ 160,000 กิโลเมตร, บริการช่วยเหลือฉุกเฉินตลอด 24 ชั่วโมงระยะเวลา 8 ปี, สายต่อพ่วง VtoL และสายชาร์จฉุกเฉิน, ค่าจดทะเบียนรถ, พรมเข้ารูป+กรอบป้ายทะเบียน+ฟิล์มหน้าจอ และ ผู้ที่ซื้อรถยนต์ไฟฟ้า BYD Dolphin ยังได้รับสิทธิ์ในการซื้อโฮมชาร์จเจอร์พร้อมการติดตั้งเพียง 25,000 บาท (จากราคา 35,000 บาท) เท่านั้น

BYD Dolphin Standard Range ราคา 699,999 บาท (ราคาหลังจากได้รับการสนับสนุนจากภาครัฐ)

มีตัวเลือกภายนอก 4 สี ได้แก่

  • สีครีม (Coastal Crème)
  • สีม่วง (Flora Purple)
  • สีเทา (Alaskan Grey)
  • สีชมพู (Coral Pink)

ควบคู่กับการตกแต่งภายในที่มีตัวเลือกทูโทน ได้แก่

  • สีดำและน้ำตาล (Black + Brown)
  • สีดำและสีเทา (Black + Grey)
  • สีชมพูและสีเทา (Pink + Grey)

BYD Dolphin Extended Range ราคา 859,999 บาท (ราคาหลังจากได้รับการสนับสนุนจากภาครัฐ)

มีตัวเลือกภายนอกทูโทน 4 สี ได้แก่

  • สีชมพู/ สีเทา (Coral Pink + Atlantis Grey)
  • สีฟ้า/ สีเทา (Atoll Blue + Atlantis Grey)
  • สีเทา/ สีดำ (Atlantis Grey + Pebble Black)
  • สีขาว/ สีเทา (Surge White + Atlantis Grey) 

ควบคู่กับการตกแต่งภายในที่มีตัวเลือกทูโทน ได้แก่

  • สีชมพู/ สีเทา (Pink + Grey)
  • สีฟ้า/ สีเทา (Blue + Grey)
  • สีดำ/ สีเทา (Black + Grey)

เชิญสัมผัสรถคันจริง พร้อมทดลองขับ BYD Dolphin ได้ที่บู๊ท BYD – Rêver ณ ลานกิจกรรม เซ็นทรัล เซ็นทรัลลาดพร้าว ชั้น 1 พบกิจกรรมต่างๆได้ภายในงาน ตั้งแต่วันที่ 7 กรกฎาคม ถึง 12 กรกฎาคม 2566  และยังสามารถทดลองขับและจองรถได้ที่โชว์รูมทั่วประเทศ

ติดตามทุกความเคลื่อนไหวและอัพเดตข้อมูลข่าวสาร ได้ที่

www.reverautomotive.com / FB : BYDReverThailandOfficial  / IG : bydreverthailand

Breguet Cover

นาฬิกา Breguet เปิดตัวเรือนเวลารุ่นใหม่ REINE DE NAPLES สีชมพู โรสโกลด์

Breguet Cover
Breguet Cover

นาฬิกา Breguet มีถิ่นกำเนิดจากฝรั่งเศส ปัจจุบันมีการผลิตอยู่ที่ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ และเป็นหนึ่งบริษัทในเครือของนาฬิกา Swatch Group จุดเด่นของนาฬิกา คือ ความประณีตและกลิ่นอายแห่งความสวยงามรสนิยม ชั้นสูงแห่งฝรั่งเศส มีการแกะลายแบบ Guilloche ซึ่งเป็นสัญลักษณ์แห่งศิลปะแห่งฝรั่งเศส จัดงานเปิดตัวรุ่นใหม่ สีชมพู โรสโกลด์

ผ่านไปแล้วค่ำคืนสุดพิเศษกับ นาฬิกา เบรเกต์ มีถิ่นกำเนิดจากฝรั่งเศส คอลเลคชั่น REINE DE NAPLES ที่เป็นไอคอน ของ Breguet โดยมีแขกคนพิเศษจากทาง เบรเกต์ อาทิ คุณลี นาตาลี เจียรวนนท์, คุณแคท ซอนญ่า สิงหะ, คุณแยม มทิรา ตันติประสุต, คุณปัน ปัน สุทัตตา อุดมศิลป์, คุณพรีม รณิดา เตชสิทธิ์  คุณไอซ์ อมีนา กูล, คุณนิดหน่อย ขนิษฐา ดรุณเนตร, คณจุ๋ม วชิรา จิตศักดานนท์, คุณกีต้าร์ ปฏิญญา เกี่ยวข้อง เป็นต้นเข้าร่วมงาน

ทั้งนี้ในงานนี้ทาง Breguet ได้เปิดตัวเรือนพิเศษใหม่สีชมพูโรสโกลด์ โดยตัวเรือนโรสโกลด์ 18K ด้านหลังกรุแซฟไฟร์ ขอบหน้าปัดด้านนอกและด้านในประดับเพชร 117 เม็ด เม็ดมะยมประดับเพชร  หน้าปัดเคลือบโค้ทติ้งสีชมพูอ่อน ด้วยเทคนิค “grand feu” (กรองด์ เฟอ) กรอบหน้าปัดทรง off-centered  ตัวเลขอารบิกในแบบฉบับเบรเกต์ ประดับเพชรทรงหยดน้ำ กลไกขึ้นลานอัตโนมัติ สายหนังลูกวัว ตัวล็อกสายประดับเพชร 28 เม็ด กันน้ำระดับ 3 บาร์ (30 ม.)  

นาฬิกา Breguet เปิดตัวเรือนเวลารุ่นใหม่ REINE DE NAPLES สีชมพู โรสโกลด์

ทั้งนี้ทางคุณยลอร วัชรเพชร์ รองประธานแบรนด์ เบรเกต์ ประเทศไทย ได้กล่าวเพิ่มเติมเกี่ยวกับ นาฬิกา Breguet ดังนี้

นาฬิกาคอลเลคชั่นนี้มีด้วยกันหลากหลายรุ่น ตั้งแต่สไตล์แคชชวลแต่ยังคงความหรูหราอย่างรุ่น Queen” จนถึงเรือนเวลาประดับเพชรงามสง่า ทำให้สามารถตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าได้อย่างมากจะหาใครเสมอเหมือนหน้าปัด โค้ทติ้งสีชมพูอ่อนด้วยเทคนิค “Grand Feu” (กรองด์ เฟอ) การผสมผสานซิลิกาและออกไซด์ทำให้เกิดเฉดสีเคลือบลงยาอันหลากหลาย และแต่ละเฉดจะทำละลาย ณ อุณหภูมิที่แตกต่างกันเมื่อเคลือบสีหน้าปัดแล้วจะนำไปเผาด้วยอุณหภูมิ 800 องศาเซลเซียส ณ อุณหภูมินี้สีโค้ทติ้ง ละลายเกิดเป็นชั้นสีแรก และทำซ้ำเช่นนี้ไปเรื่อยๆจนกว่าจะได้เฉดสีที่ต้องการที่เราได้เห็น มีช่างฝีมือชาวสวิสเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่เชี่ยวชาญในศิลปะแขนงนี้

ลายเซ็นเบรเกต์ซึ่งรังสรรค์ด้วยเทคนิคโค้ทติ้ง เช่นกัน ปรากฏอยู่ระหว่างจุดศูนย์กลาง และตำแหน่ง 3 นาฬิกาตัวเลขอารบิกในแบบฉบับเบรเกต์บนหน้าปัด รวมถึงวงแสดงนาที และโลโก้เบรเกต์ โดดเด่นด้วยสีชมพูอ่อนแบบ powdered pink (หน้าปัดชุบทอง 4n) ประดับเพชรทรงหยดน้ำ 0.08 กะรัต ณ ตำแหน่ง 6 นาฬิกา ขอบหน้าปัดด้านนอกและด้านในประดับเพชร 117 เม็ด (0.876 กะรัต) เม็ดมะยมประดับเพชร (0.28 กะรัต) ตัวล็อคสายแบบสามทบขัดเงาและประดับด้วยเพชร 28 เม็ด (0.164 กะรัต) กลไกขึ้นลานอัตโนมัติประกอบด้วยเอสเคปเมนท์ซิลิคอนและตุ้ม (oscillating weight)  แพลตินั่มสลักลาย guilloché (กิลโยเช่) ด้วยมือ

สามารถเยี่ยมชมและสอบถามเกี่ยวกับ นาฬิกาเบรเกต์ REINE DE NAPLES สีชมพู โรสโกลด์ ได้แล้วที่

  • Cortina Watch, Mandarin Oriental โทร 02 266 8917
  • Pendulum, Siam Paragon โทร 02 610 9425

รวยวนไป! 10 อันดับ “มหาเศรษฐีไทย” ปี 2566 “เจียรวนนท์” ครองอันดับ 1

account_circle

Forbes จัดอันดับ 50 มหาเศรษฐีของไทย ประจำปี 2566 ซึ่งปีนี้มีความมั่งเพิ่มขึ้นเกือบ 15% หรือประมาณ 173 พันล้านเหรียญสหรัฐ (6 ล้านล้านบาท) โดยอันดับ 1 ในปีนี้คือ “ตระกูลเจียรวนนท์” ด้วยทรัพย์สินสุทธิ  34 พันล้านเหรียญสหรัฐ (1,194,760,000,000 บาท)

รวยวนไป! 10 อันดับ “มหาเศรษฐีไทย” ปี 2566 “เจียรวนนท์” ครองอันดับ 1

ศุภชัย เจียรวนนท์

หนึ่งสาเหตุที่ทำให้ เจียรวนนท์ แห่งเครือเจริญโภคภัณฑ์ มีความมั่งคั่งเพิ่มขึ้นคือ เมื่อต้นปีที่ผ่านมาพวกเขาได้ควบรวม กิจการโทรคมนาคมของกลุ่ม True และคู่แข่งอย่าง Total Access Communications หรือ DTAC ซึ่งปีนี้เจียรวนนท์มีความมั่งคั่งเพิ่มขึ้นถึง 7.5 พันล้านดอลลาร์ (263,550,000,000 บาท) จากครั้งก่อน 

ขณะที่ “เฉลิม อยู่วิทยา” ยังคงครองตำแหน่งอันดับ 2 ด้วยทรัพย์สินมูลค่า 33.4 หมื่นล้านดอลลาร์ (1,173,676,000,000 บาท) ทั้งนี้มีรายงานว่า ยอดขายของกระทิงแดงพุ่งสูงถึง 1.16 หมื่นล้านกระป๋องทั่วโลก สร้างรายได้กว่า 10 พันล้านดอลลาร์ (351,400,000,000 บาท) ในปี 2565 เพิ่มความมั่งคั่งให้กับเขาอีก 7 พันล้านดอลลาร์ (245,980,000,000 บาท)

ด้าน “เจ้าสัวเจริญ สิริวัฒนภักดี” แห่งไทยเบฟเวอเรจยังคงอยู่ในอันดับ 3 ด้วยมูลค่า 13.6 หมื่นล้านดอลลาร์ (477,904,000,000 บาท) เพิ่มขึ้น 2.4 พันล้านดอลลาร์จากปีที่แล้ว

ยังคงเกาะกลุ่ม Top 5 สำหรับกลุ่มเซนทรัล โดย “ตระกูลจิราธิวัฒน์” ปีนี้ขยับขึ้นมาอยู่อันดับที่ 4 ด้วยมูลค่าสุทธิ 12.4 หมื่นล้านดอลลาร์ (435,736,000,000 บาท) เพิ่มขึ้น 1.8 พันล้านดอลลาร์จาก 10.6 หมื่นล้านดอลลาร์ในปีที่แล้ว อีกหนึ่งตัวเต็งที่เคยขึ้นอันดับ 1 มหาเศรษฐีที่รวยที่สุดในประเทศไทยอย่าง “สารัชถ์ รัตนาวะดี” มหาเศรษฐีด้านพลังงานจากกัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ อยู่ในอันดับที่ 5 ของรายการด้วยมูลค่า 11.3 หมื่นล้านดอลลาร์ (397,082,000,000 บาท) เพิ่มขึ้นเล็กน้อยจากก่อนหน้านี้ 11.1 หมื่นล้านดอลลาร์

นอกจากความมั่งคั่งของ Top 5 ที่ร่ำรวยมากขึ้นแล้ว อีกหนึ่งตระกูลใหญ่ที่ยังไม่เคยหลุดจาก Top 10 คือ “ศรีวัฒนประภา” ซึ่งปีนี้อยู่อันดับที่ 8 โดย “อัยยวัฒน์ ศรีวัฒนประภา” ประธานกรรมการบริหารของคิง เพาเวอร์ มีทรัพย์สินสุทธิเพิ่มขึ้นกว่าเท่าตัวเป็นจำนวน 3.5 พันล้านดอลลาร์ (122,990,000,000 บาท) 

ขณะที่นักธุรกิจหญิงผู้มีชื่อเสียงระดับต้นๆ ของไทยอย่าง “ศุภลักษณ์ อัมพุช” มหาเศรษฐีอันดับที่ 15 ผู้บริหารอาณาจักรค้าปลีก เดอะมอลล์ กรุ๊ป ซึ่งมีห้างสรรพสินค้ายอดนิยมหลายแห่ง เช่น สยามพารากอน ไอคอนสยาม เอ็มโพเรียม เอ็มควอเทียร์ และเดอะมอลล์ มีมูลค่าเพิ่มขึ้นสองเท่าเป็น 2 พันล้านดอลลาร์ (70,280,000,000 บาท)

สำหรับ 2 มหาเศรษฐีรายใหม่ที่เพิ่งติดอันดับ 50 มหาเศรษฐีไทยในปีนี้ คนแรกคือ “ประดิษฐ์ ภัทรประสิทธิ์” อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ซึ่งครอบครัวของเขาถือหุ้นในเดอะมอลล์ กรุ๊ป รวมถึงถือหุ้นในธุรกิจอื่นๆ เปิดตัวในอันดับที่ 27 ด้วยทรัพย์สินมูลค่า 1.4 พันล้านดอลลาร์ (49,196,000,000 บาท) อีกคนคือ “อนันต์ รักอริยะพงษ์” อันดับที่ 50 ผู้ก่อตั้งบริษัทเครื่องดื่มเซ็ปเป้ มีทรัพย์สินสุทธิมูลค่า 590 ล้านเหรียญสหรัฐ

10 อันดับแรกที่รวยที่สุดในประเทศไทย ได้แก่

  1. ตระกูลเจียรวนนท์ 34 พันล้านเหรียญสหรัฐ (1,194,760,000,000 บาท)
  2. เฉลิม อยู่วิทยา 33.4 พันล้านเหรียญสหรัฐ (1,173,676,000,000 บาท)
  3. เจริญ สิริวัฒนภักดี 13.6 พันล้านเหรียญสหรัฐ (477,904,000,000 บาท)
  4. ตระกูลจิราธิวัฒน์ 12.4 พันล้านเหรียญสหรัฐ (435,736,000,000 บาท)
  5. สารัชถ์ รัตนาวะดี 11.3 พันล้านเหรียญสหรัฐ (397,082,000,000 บาท)
  6. วานิช ไชยวรรณ 3.9 พันล้านเหรียญสหรัฐ (136,578,000,000 บาท)
  7. ปราเสริฐ ปราสาททองโอสถ 3.8 พันล้านเหรียญสหรัฐ (133,076,000,000 บาท)
  8. อัยยวัฒน์ ศรีวัฒนประภา 3.5 พันล้านเหรียญสหรัฐ (122,570,000,000 บาท)
  9. สมโภชน์ อาหุนัย 3 พันล้านเหรียญสหรัฐ (105,060,000,000 บาท)
  10. ตระกูลโอสถานุเคราะห์ 2.5 พันล้านเหรียญสหรัฐ (87,550,000,000 บาท)

AP 1 Cover

เอพี ไทยแลนด์ เปิดโลกการเรียนรู้ ดันเด็กไทยลงมือทำจริง เจาะลึกการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์

AP 1 Cover
AP 1 Cover

นางศุภนิดา จันทราภรณ์ ผู้อำนวยการโปรแกรม AP OPEN HOUSE บมจ. เอพี ไทยแลนด์ กล่าวว่า หนึ่งในตารางการเรียนรู้ที่ทางเอพีได้เตรียมไว้ให้กับน้องๆ ทั้ง 40 คนคือ On-Site Experience การลงสนามเรียนรู้จริงนอกห้องเรียน ตามคอนเซ็ปต์ “ชีวิตจริงยิ่งกว่าทฤษฎี” เพื่อเปิดโอกาสให้น้องๆ ทุกคนได้เห็นกระบวนการก่อสร้างของจริงหลังจากที่เรียนภาคทฤษฎีในรั้วมหาวิทยาลัยมาแล้ว ซึ่งครั้งนี้น้องๆ ทุกคนจะได้เห็นทั้งเบื้องหน้าและเบื้องหลังการทำงานของทางเอพี ทั้งงานด้านวิศวกรรม การตลาด การขาย และนวัตกรรมดีไซน์ต่างๆ

“AP Open House เป็นโปรแกรมที่ผู้บริหารระดับสูงของเอพี คือ คุณอนุพงษ์ อัศวโภคิน และคุณพิเชษฐ วิภวศุภกร ชวนตั้งคำถามว่า จะดีกว่าไหมถ้าเราเอาความรู้จากประสบการณ์จริงไปให้กับน้องๆ ที่จะโตขึ้นมาทำงานกับเราได้เรียนรู้ตั้งแต่ที่พวกเค้าอยู่ในรั้วมหาวิทยาลัย ให้น้องๆ ได้มีโอกาสมาเรียนรู้ชีวิตจริงๆ ที่พวกเค้าจะต้องเจอก่อนจบการศึกษา ซึ่งจากวันนั้นจนถึงวันนี้ AP Open House เข้าสู่ปีที่ 8 ซึ่งเราทุกคนภูมิใจอย่างมากที่ได้เป็นส่วนหนึ่งในการสร้างเมล็ดพันธุ์ให้กับอุตสาหกรรมนี้” นางศุภนิดา กล่าวเสริม

นอกจากการลงพื้นที่เรียนรู้จากประสบการณ์จริงแล้ว ตลอดโปรแกรมฝึกงาน 2 เดือนน้องๆ จะได้ความรู้ที่หลากหลาย เพื่อให้สามารถนำไปต่อยอดการทำงานในอนาคตได้ เช่น ภาพรวมธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ไทยProject Life Cycle ของการพัฒนาอสังหาฯ ตั้งแต่ได้ที่ดินมาจนกระทั่งการส่งมอบบ้านให้ลูกค้า เรียนรู้กระบวนการคิด Design Thinking เพื่อหาความต้องการใหม่ๆ ของลูกค้า เทคโนโลยีการออกแบบก่อสร้างยุคใหม่อย่าง BIM และที่สำคัญคือ เทรนด์การออกแบบที่อยู่อาศัยในโลกใหม่ กับแนวคิด Inclusive Living ที่เป็นการออกแบบบ้านเพื่อรองรับทุกคน โดยหนึ่งในการค้นหาความต้องการแฝงของผู้อาศัยทุกคน คือการให้ความสำคัญกับการออกแบบที่อยู่อาศัยเพื่อผู้พิการ เพื่อนำไปสู่การพัฒนาสินค้าและบริการที่ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าที่มีความหลากหลาย

เอพี ไทยแลนด์ เปิดโลกการเรียนรู้ ดันเด็กไทยลงมือทำจริง เจาะลึกการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์

น้องๆ ได้มีการแบ่งกลุ่มร่วมทำมินิโปรเจกต์การออกแบบที่อยู่อาศัยภายใต้แนวคิด Inclusive Living หรือการออกแบบพื้นที่อยู่อาศัยเพื่อทุกคน ไม่ว่าจะเป็น เด็ก วัยรุ่น คนทำงาน ผู้สูงอายุ รวมถึงผู้พิการ ซึ่งเรื่อง Inclusive Living นี้ เป็น Global Trend ที่ทั่วโลกให้ความสนใจมาก สิ่งที่ผู้บริโภคมองหานอกจากคุณภาพหรือนวัตกรรมใหม่ๆ ก็คือความพร้อมรองรับทุกความหลากหลาย ซึ่งเป็นโจทย์สำคัญของการดำเนินธุรกิจ เพื่อที่ทุกคนสามารถเลือกที่จะมีชีวิตดีๆ ที่ต้องการได้ด้วยตนเอง เป็นแนวทางที่เอพียึดถือมาตลอด” นางศุภนิดา กล่าว

ตัวแทนน้องๆ จาก AP OPEN HOUSE นางสาวชนิภรณ์ กองเกตุใหญ่ เปิดเผยว่า“ปัจจุบันกำลังศึกษาอยู่คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย รับทราบเรื่องการฝึกงาน AP OPEN HOUSE นี้จากรุ่นพี่ ต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าเป็นการฝึกงานที่ดีมาก ไม่เหมือนกับที่อื่นๆ ซึ่งก็สมคำบอกเล่า การฝึกงานที่เอพีทำให้เราได้เรียนรู้ on-the-job training ทั้งทฤษฎีและปฏิบัติ ได้รู้จักกับเพื่อนๆ จากหลากหลายคณะ เป็นประสบการณ์ที่คุ้มค่าและโชคดีมากที่ได้เป็น 1 ใน 40 คน”

นายภูริชญ์ รักแก้ว ปัจจุบันกำลังศึกษาอยู่คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตกำแพงแสน เล่าว่า “ผมได้รับประสบการณ์และความรู้ที่นอกเหนือจากตำราเรียน และไม่ใช่แค่ความรู้ด้านวิศวะอย่างเดียว สมกับคอนเซ็ปต์ที่ว่า “ชีวิตจริงยิ่งกว่าทฤษฎี” เป็นการสะท้อนภาพได้ชัดเจนมาก พี่ๆ ที่เอพีพาเราไปดูถึงไซต์งานจริง ผมมั่นใจมากว่าหาไม่ได้จากในห้องเรียนแน่นอน

นายพันเพชร จิ่งตามน จากคณะบริหารธุรกิจ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒเล่าว่า “ตอนแรกกังวล ว่าจะเรียนหรือตามทันเพื่อนคนอื่นที่เป็นสายตรงด้านอสังหาริมทรัพย์หรือไม่ ซึ่งพี่ๆ ที่เอพีก็ได้ให้กำลังใจ และคอยแนะนำตลอด ผมได้เรียนรู้การดีไซน์และนวัตกรรมที่เอพีพัฒนาขึ้นมาโดยเฉพาะ รวมถึงการทำเวิร์กชอปเพื่อค้นหา Unmet Need ของพี่ๆ ผู้พิการ โดยจะนำข้อมูลที่ได้นี้ไปทำไฟนอลโปรเจกต์เรื่องการออกแบบที่อยู่อาศัยเพื่อทุกคน มีชีวิตดีๆ ที่เลือกเองได้ ต่อไป”

AP OPEN HOUSE เป็นโปรแกรมฝึกงานเข้มข้นของเอพีที่ได้รับความสนใจจากนิสิต นักศึกษา อย่างล้นหลามและจัดขึ้นอย่างต่อเนื่องเป็นปีที่ 8 เมื่อสิ้นสุดโปรแกรม AP OPEN HOUSE ประจำปี 2566 นิสิตนักศึกษาจะได้รับใบประกาศนียบัตรจาก เอพี อะคาเดมี่ และสำหรับนิสิตนักศึกษาจำนวน 4 คนที่มีผลการฝึกงานที่โดดเด่นยังจะได้รับโอกาสไปศึกษาดูงานที่ประเทศญี่ปุ่นกับบริษัท มิตซูบิชิ เอสเตท เรสซิเดนซ์ (บริษัทในเครือมิตซูบิชิ เอสเตท กรุ๊ป) อีกด้วย

อัปเดตข่าวสารของทุกโครงการใหม่จากเอพี กับ บ้านเดี่ยว ทาวน์โฮม และคอนโด ตลอดปี 2023 นี้
คลิก https://apth.ly/APNewHome2023

MQDC 1 Cover

เดอะ ฟอเรสเทียส์ เปิดให้ชมห้องตัวอย่าง คอนโดพื้นที่ใหญ่พิเศษ ‘ซิกเนเจอร์ ซีรีส์’ 8 กรกฎาคมนี้เป็นต้นไป

MQDC 1 Cover
MQDC 1 Cover

นายยุทธนา ตันติยานนท์ ประธานผู้อำนวยการ กลุ่มงานการจัดการธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ MQDC เปิดเผยว่า “โครงการเดอะ ฟอเรสเทียส์ โดย MQDC หรือ บริษัท แมกโนเลีย ควอลิตี้ ดีเวล็อปเม้นต์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด ประกาศเปิดให้ชมห้องตัวอย่างโครงการ ‘เดอะ ฟอเรสเทียส์ ซิกเนเจอร์ ซีรีส์’ อย่างเป็นทางการ ตั้งแต่วันเสาร์ที่ 8 กรกฎาคมนี้เป็นต้นไป โดยจะจัดกิจกรรมสุดพิเศษในวันเสาร์ที่ 8 และวันอาทิตย์ที่ 9 กรกฎาคม 2566 ณ ห้องตัวอย่างโครงการเดอะ ฟอเรสเทียส์ ซิกเนเจอร์ ซีรีส์”

นายยุทธนา กล่าวว่า “หลังการประกาศเปิดตัวโครงการเดอะ ฟอเรสเทียส์ ซิกเนเจอร์ ซีรีส์ ไปเมื่อช่วงสิ้นเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา ได้รับการตอบรับ และได้รับความสนใจเป็นอย่างดี โดยเฉพาะอย่างยิ่งกลุ่มผู้ที่ต้องการคอนโดมิเนียมพื้นที่ขนาดใหญ่กว่าทั่วๆ ไป มีความเป็นส่วนตัว อยู่ในเมืองแต่ก็มีความใกล้ชิดกับธรรมชาติ โดยหนึ่งในปัจจัยที่ทำให้เดอะ ฟอเรสเทียส์ ซิกเนเจอร์ ซีรีส์ มีความพิเศษที่แตกต่างอย่างโดดเด่นก็คือ การตั้งอยู่ในพื้นที่ 398 ไร่ของเดอะ ฟอเรสเทียส์ ซึ่งเป็นโครงการเมืองที่ได้รับการออกแบบทุกมิติ โดยเน้นเรื่องคุณภาพสิ่งแวดล้อม การผสานกับธรรมชาติอย่างกลมกลืน และการใช้ชีวิตอยู่ร่วมกันของคนจากหลากหลายเจเนอเรชั่น เติมเต็มให้การใช้ชีวิตมีสุขภาพที่ดียิ่งขึ้น และมีความสุขมากขึ้น”

เดอะ ฟอเรสเทียส์ ซิกเนเจอร์ ซีรีส์ – Balcony

เดอะ ฟอเรสเทียส์ ซิกเนเจอร์ ซีรีส์ ประกอบไปด้วยห้องพักอาศัยที่มีขนาดพื้นที่ใช้สอยขนาดใหญ่เป็นพิเศษ โดยเริ่มตั้งแต่ 140 ตารางเมตรไปจนถึง 350 ตารางเมตร และมีห้องแบบเพนท์เฮาส์ขนาดพื้นที่ใช้สอย 917 ตารางเมตร อยู่บนชั้น 43  และมียูนิตพิเศษพร้อม Private Plunge Pool โดยในส่วนของจำนวนห้องนอนก็มีเลือกหลากหลาย ตั้งแต่ 2 ห้องนอนไปจนถึง 5 ห้องนอน ราคาเริ่มต้นตั้งแต่ 37 ล้านบาทสำหรับยูนิตขนาด 2 ห้องนอน และราคาเริ่มต้น 49 ล้านบาทสำหรับยูนิตขนาด 3 ห้องนอน

เดอะ ฟอเรสเทียส์ ซิกเนเจอร์ ซีรีส์ – Bedroom

การออกแบบของเดอะ ฟอเรสเทียส์ ซิกเนเจอร์ ซีรีส์ ได้รับแรงบันดาลใจมาจากป่า และมีการนำเอาธรรมชาติเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของการดีไซน์ ตลอดจนออกแบบให้ทุกยูนิตสามารถมองเห็นวิวป่า 30 ไร่ ของเดอะ ฟอเรสเทียส์ ได้ในมุมมองที่เห็นวิวป่าแบบทอดยาวที่สุด ซึ่งนอกจากวิวป่าแล้ว ยังจะมีทิวทัศน์ความมหัศจรรย์ของงานเฟสติวัลต่างๆ ที่จะจัดขึ้นเป็นประจำ ทั้งในผืนป่า และเหนือผืนป่าอีกด้วย อีกหนึ่งจุดเด่นของเดอะ ฟอเรสเทียส์ ซิกเนเจอร์ ซีรีส์ คือการมุ่งเน้นมอบความเป็นส่วนตัวสูงสุดให้กับผู้อยู่อาศัย โดยคอนโดมิเนียมความสูง 44 ชั้นแห่งนี้ มีเพียง 122  ยูนิต และ 1 ชั้นมีเพียง 4 ยูนิตเท่านั้น พร้อมกับ Private Lift Lobby

เดอะ ฟอเรสเทียส์ ซิกเนเจอร์ ซีรีส์ – Dining Area

นายยุทธนา กล่าวว่า “ตัวอาคารของเดอะ ฟอเรสเทียส์ ซิกเนเจอร์ ซีรีส์ ออกแบบโดย Foster + Partners คำนึงถึง ผู้อยู่อาศัยมากที่สุดในเรื่องของความเป็นส่วนตัว ออกแบบทางเดิน และบันไดสำหรับงานบำรุงรักษาไว้ในจุดต่างๆ ที่จะช่วยให้ช่างสามารถเข้าบริการ หรือดูแลรักษางานระบบอาคาร โดยเฉพาะงานท่อหลัก ได้โดยไม่ต้องเข้าไปในห้องพักอาศัย อีกทั้งยังสามารถบำรุงรักษาอาคารให้มีอายุยาวนาน โดยที่ไม่รบกวนการอยู่อาศัยของลูกบ้าน นอกจากนั้น พื้นที่ภายในที่พักอาศัยแต่ละยูนิตยังออกแบบให้มีความเป็นสัดส่วน ที่ลงตัวทั้ง ครัวฝรั่ง, ครัวไทย, ห้องซักรีด รวมถึงมีการแยกห้องนอน ผู้ช่วยดูแลบ้าน โดยไม่รบกวนความเป็นส่วนตัวของผู้อยู่อาศัย

เดอะ ฟอเรสเทียส์ ซิกเนเจอร์ ซีรีส์ – Porch Area

ที่พักอาศัยเดอะ ฟอเรสเทียส์ ซิกเนเจอร์ ซีรีส์ ตั้งอยู่ใกล้กับโฮเต็ล อินดิโก้ เดอะ ฟอเรสเทียส์ ซึ่งอยู่ในระหว่างการก่อสร้าง ครบครันทุกฟังก์ชัน ทั้ง Neighborhood Café, Residents Lounge, ห้องจัดเลี้ยง พื้นที่จัดประชุม และการบริการต่างๆ เพื่อเติมเต็มคุณภาพชีวิตที่ดีอย่างยั่งยืน โดยจะมีทางเดินเชื่อมต่อโดยตรงระหว่างอาคารที่พักอาศัย และอาคารโรงแรม ซึ่งการเชื่อมถึงกันอย่างสะดวกสบายกับโรงแรม และภัตตาคาร รวมทั้งบริการ และสิ่งอำนวยความสะดวกอื่นๆ ถือว่าเป็นสิทธิประโยชน์พิเศษเพิ่มเติมที่สำคัญอย่างหนึ่งสำหรับเจ้าของที่พักอาศัยโครงการซิกเนเจอร์ ซีรีส์ นอกจากนั้น ภายในโครงการเอง ยังเพียบพร้อมไปด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน ไม่ว่าจะเป็น The Garden, Forest Trail, The Enchanted Lounge, Evergreen Dining Room, Immersia Theater, Thermal Pool, Moonwake Club

เดอะ ฟอเรสเทียส์ ซิกเนเจอร์ ซีรีส์ – Walkin Closet

ล่าสุด เดอะ ฟอเรสเทียส์ ซิกเนเจอร์ ซีรีส์ เปิดให้เข้าชมห้องตัวอย่างได้แล้วตั้งแต่วันที่ 8 กรกฎาคม 2566 นี้เป็นต้นไป โดยวันเสาร์ที่ 8 และวันอาทิตย์ที่ 9 กรกฎาคมนี้ เวลา 10.00 – 17.00 น. ณ ห้องตัวอย่างโครงการ เดอะ ฟอเรสเทียส์ ซิกเนเจอร์ ซีรีส์ จัดให้มีกิจกรรมพิเศษต้อนรับผู้สนใจที่เข้าชมโครงการ สนุกและเพลิดเพลินไปกับกิจกรรม DIY จัดป่าในขวดแก้ว พร้อมอาหารว่าง และเครื่องดื่มเพิ่มความสุขสดชื่น พร้อมกับสิทธิพิเศษพรีเซลล์ต่างๆ โดยผู้สนใจสามารถสอบถามรายละเอียด หรือนัดเข้าชมโครงการได้ที่ Call Center 1265 หรือ https://mqdc.com/th/discover-project/signature-series/theforestias

โครงการเดอะ ฟอเรสเทียส์ ซิกเนเจอร์ ซีรีส์ อยู่ในระหว่างการก่อสร้าง โดยตั้งอยู่ติดกับป่าขนาด 30 ไร่ ใจกลางของเดอะ ฟอเรสเทียส์

เดอะ ฟอเรสเทียส์ คือต้นแบบแห่งใหม่ของโลกในการพัฒนาเมืองที่มุ่งเน้นส่งเสริมเรื่องสุขภาพที่ดีขึ้น และมีความสุขมากขึ้น ประกอบไปด้วยพื้นที่ธรรมชาติขนาดใหญ่ โครงการที่พักอาศัยภายใต้แบรนด์ต่างๆ ซึ่งตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ และกลุ่มอายุที่แตกต่างหลากหลาย อาทิ ซิกส์เซนส์ เรสซิเดนซ์ เดอะ ฟอเรสเทียส์, มัลเบอร์รี่ โกรฟ วิลล่า, มัลเบอร์รี่ โกรฟ คอนโดมิเนียม, คอนโดมิเนียมแบรนด์ วิสซ์ดอม, คอนโดมิเนียมแบรนด์ ดิ แอสเพน ทรี และสกายวิลล่า ซึ่งมีจุดเด่นอยู่ที่การมอบบริการและสิ่งอำนวยความสะดวกเพื่อการดูแลผู้พักอาศัยอย่างครบวงจรตลอดชีวิต นอกจากนั้น ยังมีพื้นที่กิจกรรมชุมชน และกิจกรรมอื่นๆ พื้นที่สำนักงาน สปอร์ตคอมเพล็กซ์ ศูนย์สำหรับกิจกรรมไลฟ์สไตล์ และการพักผ่อนของครอบครัว ร้านค้าปลีก ร้านอาหาร และเครื่องดื่ม พื้นที่ Town Center พื้นที่ Family Center และมาร์เก็ตต่างๆ รวมถึงองค์ประกอบสำคัญที่โดดเด่นเป็นพิเศษ คือป่าขนาดใหญ่พื้นที่ 30 ไร่บริเวณใจกลางโครงการ พร้อมทางเดินยกระดับที่ทอดยาวเหนือผืนป่า ความยาว 1.6 กิโลเมตร

เดอะ ฟอเรสเทียส์ ซิกเนเจอร์ ซีรีส์ – Live Area

เดอะ ฟอเรสเทียส์ ซิกเนเจอร์ ซีรีส์ – Pantry

เดอะ ฟอเรสเทียส์ ซิกเนเจอร์ ซีรีส์ – Bedroom

'ลิซ่า Blackpink' ในลุคหน้าเกือบสดก็ยังสวยออร่าจับ

อายแชโดว์ชิ้นเดียวเท่านั้นที่น็อคเอฟวี่ติง ‘ลิซ่า Blackpink’ ในลุคหน้าเกือบสดก็ยังสวยออร่าจับ

Alternative Textaccount_circle
'ลิซ่า Blackpink' ในลุคหน้าเกือบสดก็ยังสวยออร่าจับ
'ลิซ่า Blackpink' ในลุคหน้าเกือบสดก็ยังสวยออร่าจับ

ลิซ่า Blackpink’ กลายเป็นประเด็นร้อนในโลกออนไลน์หลังจากโชว์ภาพลักษณ์ที่สวยเป็นธรรมชาติของเธอระหว่างตารางงานในปารีส ประเทศฝรั่งเศส โดยนับตั้งแต่เดบิวต์ ลิซ่าได้แสดงภาพลักษณ์จัดเต็มทั้งเสื้อผ้า หน้าผม แอกเซสซอรีในฐานะไอดอลอยู่เสมอ ไม่ว่าเธอจะอยู่ที่งานอีเวนต์ การแสดง หรือออกไปเที่ยว เธอมักจะดูสวยสมบูรณ์แบบ

อย่างไรก็ตาม ภาพล่าสุดของลิซ่าพิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าเธอเป็นไอดอลสาวที่สวยโดยไม่ต้องแต่งหน้าเลย หลังจากการแสดงในลอนดอนสำหรับ “2023 BST Hyde Park” ลิซ่าถูกพบในปารีสสำหรับงานที่เกี่ยวข้องกับ CELINE และแม้ว่าลิซ่าจะดูสวยในงาน CELINE อยู่เสมอ ทุกครั้งเธอแต่งตัวเหมือนพร้อมจะไปเดินพรมแดง แต่ครั้งนี้เธอกลับมาในลุคมินิมอล โดยมีการแชร์โพสต์บน Weibo ที่ชื่อว่า “ภาพถ่ายของลิซ่าที่ถ่ายบนถนนในปารีสเมื่อคืนวานนี้ สวมแจ็กเก็ตเบสบอลและรองเท้าผ้าใบ เธอเต็มไปด้วยพลังแม้จะสวมชุดลำลองก็ตาม” กลายเป็นประเด็นร้อนในหมู่ชาวเน็ตทั่วโลก

ซึ่งในภาพ ลิซ่าดูสวยออร่าจับ โดยสวมชุดดูที่สบาย รองเท้าผ้าใบ และแจ็คเก็ต โดยเฉพาะอย่างยิ่งเธอดูสวยไร้ที่ติเมื่อไม่ได้แต่งหน้า ยกเว้นแต้มอายแชโดว์นิดๆ และทาลิปสติกโทนสีอ่อนเบาๆ ขณะที่เธอพูดคุยกับคนรอบข้าง แม้ว่าเธออาจจะแต่งตัวเหมือนคนปกติทั่วไป ในลุคสบายๆ และแต่งหน้าเบาๆ จนเหมือนว่าแทบจะไม่แต่งเลย แต่ลิซ่าก็ดูเป็นนางฟ้าจริงๆ แสดงให้เห็นว่าเธอมีความสวยงามตามธรรมชาติเพียงใด

ลิซ่าพิสูจน์ให้เห็นว่าเธอมีความงามตามธรรมชาติ และแม้ว่าเธอจะดูสวยอยู่เสมอ แม้ไร้เมคอัพหรือแต่งหน้าในโทนสีอ่อนลง


ภาพ : weibo

บทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ

Marimekko Cover

Marimekko เปิดตัว “Marimekko Kafé” ครีเอทีฟไวบ์แห่งใหม่ใจกลางกรุง เนรมิตไลฟ์สไตล์สเปซเชื่อมต่อแรงบันดาลใจ ด้วยบรรยากาศดีไซน์สไตล์นอร์ดิก

Marimekko Cover
Marimekko Cover

พร้อมเสิร์ฟเมนูโฮมมี่คอมฟอร์ตฟู้ดผสานกลิ่นอายไทย-ฟินนิช

เปิดให้ร่วมประสบการณ์แล้ววันนี้ ที่ชั้น 1 ดิ เอ็มโพเรียม

Marimekko ประเทศไทย ภายใต้การบริหารของกลุ่มบริษัทธนจิรา กรุ๊ป สร้างเซอร์ไพรส์ใหญ่อีกครั้ง ให้เหล่าฟู้ดดี้สายฮอปนักช้อปชาวไทยและคนรัก ‘Marimekko’ (มารีเมกโกะ) แบรนด์ไลฟ์สไตล์สัญชาติฟินแลนด์ มอบโมเมนต์แสนพิเศษในวาระฉลองความสำเร็จครบรอบ 8 ปี เปิดตัว Marimekko Kafé” (มารีเมกโกะ คาเฟ่) ไลฟ์สไตล์สเปซพื้นที่เชื่อมต่อแรงบันดาลใจ ผ่านการครีเอทพื้นที่ให้คนรุ่นใหม่สัมผัสการใช้ชีวิตแบบฉบับ Marimekko พร้อมเสิร์ฟประสบการณ์คาเฟ่และร้านอาหารสไตล์โฮมมี่ที่เต็มไปด้วยความอบอุ่นกับซิกเนเจอร์เมนูภายใต้แนวคิด ‘Comfort Food, Clean & True with Essential Ingredients’ ทั้งอาหาร เครื่องดื่ม และขนมหวาน ที่โดดเด่นด้วยรสชาติที่ผสานผสานกลิ่นอายไทย-ฟินนิช พร้อมสมดุลทางโภชนาการอย่างลงตัว และศิลปะบนโต๊ะอาหารจาก Home Collection ของ Marimekko

ความพิเศษของ Marimekko Kafé ถูกรังสรรค์ขึ้นด้วยความตั้งใจของทีมที่ปรึกษาไทย โดย นักออกแบบแนวคิด พลอย จริยะเวช และนักออกแบบอาหารและเครื่องดื่ม นำโดย อัจจิมา ศรีปรัชญาอนันต์, อสมา วิชัยดิษฐ์ และวศินี อัคคชาติกุล มาร่วมเป็นผู้ออกแบบเมนูในครั้งนี้ด้วย ทุกเมนูถูกเสิร์ฟลงบนผลิตภัณฑ์ Oiva (เซรามิก) ของแบรนด์ รวมไปถึงการตกแต่งแบบมินิมอลที่มีกลิ่นอายของความเป็นนอร์ดิกดีไซน์ผสมผสานอยู่ในทั้งบรรยากาศ ผนัง เฟอร์นิเจอร์ ของลวดลาย Home Collection ที่มาแต่งแต้มความสดใสให้ได้รื่นรมย์ไปกับสุนทรียภาพความเป็น Marimekko มากกว่าที่เคย! ณ บริเวณชั้น 1 ของศูนย์การค้า ดิ เอ็มโพเรียม

แพรว – แพรวไพลิน เอมอักษร ผู้อำนวยการฝ่ายกลยุทธ์การตลาดกลุ่มสินค้าไลฟ์สไตล์ บริษัท ธนจิรา โฮม จำกัด
ผู้อยู่เบื้องหลังความสำเร็จตลอดระยะเวลา 8 ปีของ Marimekko กล่าวว่า “ด้วยเสียงตอบรับที่ดีจากแฟนๆ Marimekko ชาวไทย จากการเปิดตัว Marimekko Pop-Up Café ในปีที่ผ่านมา ปีนี้เรากลับมาพร้อมความตั้งใจที่จะมอบความสุข และประสบการณ์เต็มรูปแบบ พร้อมสร้างสีสันและแรงบันดาลใจใหม่ๆ ด้วยการเนรมิต Marimekko Kafé พื้นที่ไลฟ์สไตล์สเปซแบบฟินนิชแท้ ให้ทุกคนได้เพลิดเพลินไปกับการสัมผัสถึงกลิ่นอายแบบฉบับสแกนดิเนเวีย แหล่งกำเนิดของ Marimekko แบรนด์ไลฟ์สไตล์สัญชาติฟินแลนด์ ผ่านเมนูอาหาร เครื่องดื่ม และขนมหวาน ที่เราตั้งใจดีไซน์ไวบ์ให้รู้สึกอบอุ่นเหมือนเข้ามานั่งรับประทานอาหารบ้านเพื่อน และเกิดอินสไปร์แด่ผู้ที่รักในความครีเอทีฟ ชื่นชอบงานศิลปะ รักในการเสพวัฒนธรรมกาแฟ ชอบในการเสาะแสวงหาร้านอาหารดีๆ ตลอดจนเป็นพื้นที่ที่เอื้อให้เกิดการเชื่อมต่อไอเดียระหว่างคนเมืองด้วยห้องสมุดขนาดเล็กหรือมุมชั้นวางหนังสือ มีมุมสำหรับรองรับกิจกรรมและเวิร์กช็อปเล็กๆ ที่ตกแต่งอย่างเรียบง่ายแต่แฝงความสนุกเหมือนทุกคนเข้ามาอยู่ใน “Witty Girl’s Home Studio” ที่สำคัญยังต้องได้รับประทานของอร่อย และดีต่อสุขภาพอีกด้วย”

“โดย Marimekko มุ่งหวังให้ Marimekko Kafé เป็นพื้นที่ที่ทุกคนสามารถเข้ามาแบ่งปันประสบการณ์ และไลฟ์สไตล์ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องดีไซน์ อาหาร แฟชั่น ศิลปะ หรือการตกแต่งบ้าน ที่จะนำไปสู่การสร้างแรงบันดาลใจและความคิดสร้างสรรค์ใหม่ๆ ที่สำคัญ ทุกองค์ประกอบของ Marimekko Kafé ไม่ว่าจะเป็นการออกแบบตกแต่ง การสร้างบรรยากาศ ตลอดจนอาหาร เครื่องดื่ม ล้วนถ่ายทอดเรื่องราวเอกลักษณ์ของ Marimekko แบรนด์ที่ผสานศิลปะลายพิมพ์ผ้าเข้ากับธรรมชาติและความเรียบง่าย แต่แฝงไปด้วยความคิดสร้างสรรค์ และเรื่องราวของวิถีชีวิตของชาวฟินแลนด์ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน มากว่า 7 ทศวรรษ ด้วยปรัชญาของแบรนด์ Bring joy to everyday life.” แพรวไพลิน กล่าวเสริม

จุดเด่นของ Marimekko Kafé คือการนำเสนอบรรยากาศและไลฟ์สไตล์ภายใต้คอนเซ็ปต์ “Witty Girl Playground” โดย พลอย จริยะเวช กูรูไลฟ์สไตล์ชื่อดัง ที่เข้ามาเป็นที่ปรึกษาด้านคอนเซ็ปต์ โดยตีความผู้หญิงที่รักและชื่นชอบในแบรนด์ Marimekko เป็นหญิงสาวที่มีจิตวิญญาณของเด็กผู้หญิงอย่างเต็มเปี่ยม อย่างที่ Armi Ratia ผู้ก่อตั้งแบรนด์มารีเมกโกะ กล่าวว่า “การมองชีวิตผ่านสายตาของเด็กเป็นเรื่องวิเศษมาก” ผู้หญิงที่มีจิตวิญญาณของเด็กผู้หญิง จะมีอิสระในการใช้ชีวิต พื้นที่ที่ผู้หญิงเหล่านี้ทำงานและสร้างสรรค์งานออกแบบที่สดใหม่และไร้กาลเวลา ห้องนั่งเล่น ห้องรับแขก และสตูดิโอ เต็มไปด้วยพลังและความสนุกสนาน เป็นพื้นที่สร้างแรงบันดาลใจ จึงเป็นที่มาของการสร้างสรรค์ Marimekko Kafé ที่เปรียบเสมือนกับสนามเด็กเล่นของแรงบันดาลใจใหม่ๆ ซึ่งทั้งหมด 80% ถูกตกแต่งขึ้นโดยผลิตภัณฑ์ Home Collection & Oiva ผสมผสานกับความเป็นท้องถิ่นของไทย 20% ซึ่งเป็นแนวคิดของ Marimekko Global ที่สนับสนุนผลงานศิลปะท้องถิ่นและฝีมือของศิลปินรุ่นใหม่

Marimekko เปิดตัว “Marimekko Kafé” ครีเอทีฟไวบ์แห่งใหม่ใจกลางกรุง เนรมิตไลฟ์สไตล์สเปซเชื่อมต่อแรงบันดาลใจ ด้วยบรรยากาศดีไซน์สไตล์นอร์ดิก

อีกหนึ่งไฮไลต์ที่พลาดไม่ได้ของ Marimekko Kafé คือเมนูอาหารและเครื่องดื่มสุดพิเศษ เพื่อมอบที่สุดแห่งประสบการณ์ในแบบฉบับของ Marimekko ด้วยวัตถุดิบที่ถูกคัดสรรมาเป็นอย่างดี จากทั้งในไทยและต่างประเทศ เพื่อเสิร์ฟความสมดุลด้านความอร่อยและเสริมสุขภาพดีแก่คนเมือง พร้อมรังสรรค์เป็นเมนูสุดพิเศษจากทีมนักออกแบบอาหารชื่อดัง ได้แก่ อัจจิมา ศรีปรัชญาอนันต์ ที่ปรึกษาด้านอาหาร ในคอนเซ็ปต์ Homemade & Heart made with Balanced ด้วยเมนูพิเศษอย่าง Smoked Salmon Crepes เครปแซลมอนรมควันและไข่ ท็อปด้วยครีมชีสสมุนไพรไข่กุ้ง พร้อมสลัดออแกนิค, Onigiri with Thai-flavored pork meatballs skewers “Moo-Ping” โอนิกิริมีทบอลหมูปิ้งสไตล์ไทย, เอาใจคนรักสุขภาพด้วยเมนูสลัดอย่าง Crab Cake Salad สลัดทอดมันปูเนื้อ เสิร์ฟพร้อมน้ำสลัดแกงกะหรี่  

วศินี อัคคชาติกุล ที่ปรึกษาด้านของหวานและเครื่องดื่ม ในคอนเซ็ปต์ Comfort & Hearty with Scandinavian inspired เมนูขนมหวานมีให้เลือกหลากหลายไม่ว่าจะเป็น Raspberry Lychee Rose Cake เค้กเนื้อนุ่มที่ผสมผสานระหว่างราสเบอร์รี่ ลิ้นจี่ กุหลาบ ผสมกันจนกลมนวลเข้ากันพอดี เปรี้ยวอมหวาน หอมละมุนด้วยกลิ่นของกุหลาบ, Berry Mascarpone Cream Cheese Tart ทาร์ตมาสคาโปนชีสหน้าเบอร์รี่สด, พร้อมเมนูเครื่องดื่มอย่าง Strawberry Virgin Mojito เอาใจผู้ที่ชอบกินสตรอว์เบอร์รี ด้วยม็อกเทลสูตร Strawberry Virgin Mojito เพิ่มความหอมจากเลมอน และสตรอว์เบอร์รีเข้าไปให้ความรู้สึกสดชื่น

อสมา วิชัยดิษฐ์ ที่ปรึกษาด้าน Coffee & Roast ดีกรีกรรมการตัดสินเวทีแข่งขันบาริสต้าระดับโลก ได้ถ่ายทอดวัฒนธรรมและเรื่องราวของMarimekko ผ่านรสชาติของกาแฟโดยเมนูกาแฟของ Marimekko Kafé ออกแบบอย่างสนุกและสร้างสรรค์ มีกิมมิกแฝงคัลเจอร์ความเป็น Marimekko อยู่ทุกแก้ว ไม่ว่าจะเป็น Berries Gravity เครื่องดื่มที่ใช้เทคนิค ‘GRAVITY’ แบบดั้งเดิมเพื่อเพิ่มความสนุกด้วยราสเบอร์รี่โฮมเมดรสหวานอมเปรี้ยว ราดด้วยนมสด และท็อปด้วยเอสเพรสโซ่ช็อต, Longan Infused Cold Brew กาแฟน้ำลำไยอบแห้งผสานกับความหอมละมุนของไซรัปดอกเก๊กฮวยสื่อถึงตัวแทนของดอก Unikko (อูนิกโกะ) ลายพิมพ์เอกลักษณ์ของ Marimekko ที่มีความหอม หวานจิบง่ายเหมาะกับช่วงเวลาพักผ่อนชิลๆ, Citrus Toddy Cold Brew การผสมผสานของขวัญจากธรรมชาติอย่าง “น้ำตาลสด” มีความหวานและกลิ่นที่สุดยูนีคกับกาแฟสกัดเย็นเพื่อสร้างฟีลลิ่งความอบอุ่นเหมือนกับการเสิร์ฟกาแฟให้กับเพื่อนๆ เมื่อพวกเขามาเยี่ยมบ้านในยามบ่าย ท็อปด้วยเลม่อนสไลด์เพิ่มรสชาติให้มีความซับซ้อนและเข้มข้นสดชื่น, Orange Cloud เมนูไอซ์ลาเต้ที่ทานง่ายได้ทุกวัน ทวิสต์กับรสชาติและกลิ่นอโรม่าของส้ม ออนท็อปด้วยวิปครีมนุ่มๆ เป็นเมนูที่มีรสชาติกลมกล่อมละมุน แต่ยังให้ความสดชื่นและกลิ่นหอม

ซึ่งทุกเมนูพิเศษ ไม่ว่าจะเป็นอาหาร ขนมหวาน หรือเครื่องดื่ม ถูกนำเสนออย่างเรียบง่ายแต่สวยงามบนผลิตภัณฑ์ชุดเซรามิกบนโต๊ะอาหาร (Oiva) ที่มาพร้อมลายพิมพ์สีสันสะดุดตาอันเป็นเอกลักษณ์ของ Marimekko ช่วยเพิ่มประสบการณ์ที่น่าจดจำและสร้างแรงบันดาลใจอย่างเต็มเปี่ยม

เหล่าสาวกตัวจริงของแบรนด์ Marimekko ต้องห้ามพลาดแวะมาเช็กอิน Marimekko Kafé แห่งแรกในโลก! ก่อนใครได้แล้ววันนี้ที่ ชั้น 1 ศูนย์การค้าดิ เอ็มโพเรียม ทุกวัน เวลา 10.00 น. – 22.00 น. หรือติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ทาง www.marimekko.co.th หรือ ช่องทาง facebook และ instagram : marimekkothailand และ LINE : @marimekko.th หรือโทร 080 073 6298

'ไอรีน Red Velvet' แนะทริคเลือกทรงผมแบบพร้อมรับมือ เพื่อเลี่ยงผมเสียทรงระหว่างวัน

‘ไอรีน Red Velvet’ แนะทริคเลือกทรงผมแบบพร้อมรับมือ เพื่อเลี่ยงผมเสียทรงระหว่างวัน

Alternative Textaccount_circle
'ไอรีน Red Velvet' แนะทริคเลือกทรงผมแบบพร้อมรับมือ เพื่อเลี่ยงผมเสียทรงระหว่างวัน
'ไอรีน Red Velvet' แนะทริคเลือกทรงผมแบบพร้อมรับมือ เพื่อเลี่ยงผมเสียทรงระหว่างวัน

เมื่อต้องสู้ฝนแบบหลีกเลี่ยงไม่ได้ ไม่รู้จะตกตอนไหนเดาใจฟ้าฝนไม่ถูก ‘ไอรีน Red Velvet’ จึงแนะนำให้เลือกทรงผมแบบพร้อมรับมือไปเลยตั้งแต่ต้น เพื่อหลีกเลี่ยงอาการพังผมเสียทรงระหว่างวัน

“ช่วงฤดูฝนฉันบอกลาทรงผมแบบม้วนลอนฟุ้งๆ ฟูๆ ทั้งหลาย เพราะโดนฝนแล้วพังแน่นอน อุตส่าห์เสี่ยงผมเสียจากการม้วนลอนแล้ว ออกไปเดินแค่ไม่กี่นาที แล้วผมเสียทรงถือว่าไม่คุ้ม ทรงที่เหมาะกับฤดูฝนคือ พวกรวบหางม้าสูง ถักเปีย หรือเกล้ามวย แบบนี้เจอสภาพอากาศลมฝนอย่างไรก็ไม่กระเจิง

“แต่ที่สำคัญคือต้องเน้นดูแลเรื่องสุขภาพผมให้แข็งแรง ทำทรีตเมนต์บ่อยๆ และใส่แฮร์เซรั่มทุกครั้ง หลังสระ ใช้โปรดักต์ป้องกันความร้อนทุกครั้งที่มีการเซตผมด้วยอุปกรณ์ อย่าได้ปล่อยผ่านค่ะ”


ข้อมูล : นิตยสารแพรว ฉบับที่ 994
ภาพ : renebaebae

บทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ

‘วันชู้ (สาว) แห่งชาติ แม้จะอยู่ในสายตาของผู้ใหญ่ ก็ยังหนีไม่พ้นมือที่สาม ใครกัน ต้องเช็กแล้ว!!’ ดวงรายวัน 6 กรกฎาคม 2566

‘วันชู้ (สาว) แห่งชาติ แม้จะอยู่ในสายตาของผู้ใหญ่ ก็ยังหนีไม่พ้นมือที่สาม’

ดวงรายวัน 6 กรกฎาคม 2566

ผู้ที่เกิดวันอาทิตย์

การงาน  :   มีโอกาสที่คุณจะได้รับการสนับสนุนส่งเสริมจากผู้ใหญ่และคนใกล้ชิดให้ได้ทำในสิ่งที่ตั้งใจไว้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งงานหรือธุรกิจที่ต้องใช้วาทศิลป์ในการติดต่อประสานงาน การโฆษณา-ประชาสัมพันธ์ สื่อสารมวลชน ออร์แกไนซ์ จนถึงงานส่งเสริมการขายทุกประเภท ซึ่งวันนี้นับเป็นโอกาสดีที่คุณจะได้รับมอบหมายให้เป็นหัวหน้างาน หรือหัวหน้ากลุ่ม แต่ก็ไม่ควรเชื่อมั่นตัวเองจนไม่สนใจความรู้สึกนึกคิดของใคร เพราะมีความเสี่ยงที่จะเกิดความขัดแย้งจนงานหรือธุรกิจสะดุดหยุดลงกลางคัน

การเงิน  :  ผู้ใหญ่อุปถัมภ์ โดยที่คุณเองก็สามารถหาสร้างรายได้ได้จากหลากหลายช่องทาง แต่วันนี้ก็ไม่ควรใจดี ใจบุญ หรือใจอ่อน เพราะคุณมีโอกาสที่จะช่วยเหลือคนอื่นจนตัวเองเดือดร้อน

ความรัก  :   วันนี้มีโอกาสที่อารมณ์จะเป็นประเด็น เพราะเป็นไปได้ที่คุณจะเอาใจยากเดาใจลำบาก อยู่ด้วยกันดีๆ คุณก็ลุกไปทำงานซะงั้น แล้วคาดว่าจะอย่างหนักด้วยสิ   คนโสด คุณเป็นพวกสุขนิยมก็คือจะทำในสิ่งที่ตัวเองมีความสุขเท่านั้น ซึ่งวันนี้ก็คืองาน

สุขภาพ  :   สำหรับคุณที่กำลังโหมงานหนักแทบไม่ได้หลับไม่นอน วันนี้เป็นไปได้ว่าจากความเครียด ความเหนื่อย จะส่งผลให้คุณรับประทานแบบไม่มีสติ ซึ่งมีโอกาสที่น้ำหนักจะขึ้นได้ง่ายๆ นอกจากนั้นโรคที่สงบมานานก็จะส่งสัญญาณเตือน

ผู้ที่เกิดวันจันทร์

การงาน  :   ก็ยังอยู่กับงานหรือธุรกิจด้านการบริการ เช่น โรงแรม ท่องเที่ยว อาหาร เครื่องดื่ม สปา แอร์โฮสเตส จนถึงสินค้าและบริการที่เกี่ยวกับเด็ก โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากเป็นงานหรือธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับอสังหาริมทรัพย์ บ้าน ที่ดิน คอนโด อาคารสำนักงาน สิ่งปลูกสร้าง ด้วยแล้ว เป็นไปได้ว่าวันนี้คุณจะนำหลักวิขาและทฤษฏีขั้นสูง รวมถึงประสบการณ์ความเชี่ยวชาญชำนาญในสาขาวิชานั้นๆ มาใช้ทำงาน ซึ่งมีโอกาสที่คุณจะได้โกอินเตอร์ด้วยนะเนี่ย แต่ก็ไม่ควรเชื่อมั่นในตัวเองมาก เพราะหากคุณตัดสินใจผิด ชีวิตเปลี่ยนทันที

การเงิน  :   คุณวางแผนการใช้เงินอย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งเป็นไปได้ว่าคุณกำลังมีโครงการที่จะซื้อ-ขายบ้านและที่ดิน อสังหาริมทรัพย์ โดยอาจเตรียมการไว้สำหรับลูกหลานหรือสมาชิกในครอบครัวที่จะเพิ่มขึ้น

ความรัก  :  ก็ยังมีโอกาสมีเด็กเข้ามาเกี่ยวข้อง วันนี้เป็นไปได้ว่าจะเกี่ยวกับบ้าน ที่ดิน คอนโด ซึ่งคุณอาจเล็งๆ ไว้ หรือไปปรึกษาซินแสเรื่องฮวงจุ้ย เพื่ออยากจะทำอะไรให้ถูกต้องตามชนบธรรมเนียมประเพณีที่ดีงาม และเสริมมงคลด้วย  คนโสด  มีโอกาสได้พบกับชาวต่างชาติ และก็เป็นไปได้สูงมากที่เขาจะมีลูกน้อยติดมาด้วย แต่อย่างไรก็ตามดูจากทรงแล้ว ก็น่าจะเอาจริงเอาจัง ขยันทำงาน  

สุขภาพ  :   วันนี้คุณเครียดและจริงจังกับปัญหาทุกเรื่องที่เข้ามาหรือเปล่า เพราะมีโอกาสที่จะส่งผลให้ปวดศีรษะอย่างต่อเนื่อง จนมีโอกาสที่ไมเกรนจะขึ้นได้ง่ายๆ นอกจากนั้นยังต้องระวังเรื่องต่อมน้ำเหลืองที่จะมีโอกาสพัฒนาเป็นเนื้องอกได้

ผู้ที่เกิดวันอังคาร

การงาน  :  ก็ยังอยู่กับงานหรือธุรกิจสายเอ็นเทอร์เทน เช่น นักร้อง นักแสดง นักดนตรี พิธีกร สถานบันเทิง เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ อยู่ ซึ่งวันนี้เป็นไปได้ที่คุณจะได้ไปข้องเกี่ยวกับงานหรือธุรกิจการกุศล งานบุญ หรืองาน CSR เพื่อสังคม กับบุคคคลระดับบิ๊กบึ้ม บารมีสูง ก็ควรระวังเพื่อนร่วมงาน หรือคนรอบตัวไว้บ้าง เพราะเขากำลังจ้องจะแทงข้างหลัง หรือใส่ร้ายป้ายสี เลื่อยขาเก้าอี้ เพื่อทำลายชื่อเสียงคุณ

การเงิน  :  หากคุณมีผู้ใหญ่อุปถัมภ์อยู่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในงานเทาเงินเทาที่สร้างรายได้ให้คุณอย่างงดงาม วันนี้ต้องระวังมีโอกาสจะขัดแย้งผลประโยชน์กัน หรือไปทวงหนี้ก็ไม่ได้ จนถึงถูกขโมยทรัพย์สินด้วย

ความรัก :  จะเรียกว่าเป็นวันชู้ (สาว) แห่งชาติเลยก็ได้ เพราะไม่ว่าคุณจะอยู่ในตระกูลที่ดีงามตึงเป๊ะแค่ไหน แต่วันนี้ก็ยังไม่วายจะมีมือที่สามเข้ามายุ่งวุ่นวายกับชีวิตคู่ของคุณ แล้วเป็นไปได้ที่ไม่คุณหรือคู่ก็จะตามไปอยู่ด้วยกันเลย    คนโสด   วันนี้แม้ผู้ใหญ่จะตามดูแลคุณไม่ให้คลาดสายตาอย่างไรก็ตาม ก็ยังมีโอกาสที่จะเกิดความรักความสัมพันธ์ที่ไม่ดีงามขึ้น ไม่คุณเป็นมือที่สามก็มีมือที่สามมายุ่งกับคุณ  

สุขภาพ   :  ก็ยังอยู่กับนักดื่มที่หากยังดื่มหนักอยู่ ก็มีโอกาสที่สุขภาพจะโทรมลงตามลำดับ จึงควรดื่มเพลาๆ  ลง นอกจากนั้นยังต้องระวังโรคทางเพศสัมพันธ์ การตั้งครรภ์ไม่พึงประสงค์ด้วยน้า…

ผู้ที่เกิดวันพุธ

การงาน   :   หากคุณกำลังเผชิญหน้ากับอุปสรรคและปัญหาที่จู่โจมเข้ามาอย่างชนิดตั้งรับไม่ทัน จนมีความเสี่ยงที่งานจะไปต่อไม่ได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากคุณนั่งอยู่บนหลังเสือ จะลงก็ไม่ได้ ดังนั้น วันนี้จึงเป็นไปได้ที่คุณจะฮึดสู้อย่างชนิดที่ไม่เกรงกลัวใครเลย ก็มีโอกาสสมหวังนะ เพราะคุณะได้เริ่มต้นงานใหม่ หรือนำงานเก่าๆ หรือโครงการเดิมๆ ขึ้นมาพัฒนาปรับปรุงเปลี่ยนแปลงใหม่ แต่ก็ต้องระวังการตัดสินใจที่รวดเร็วขาดสติ รวมถึงบริวารที่ไม่ซื่อสัตย์ ที่จะทำให้งานมีโอกาสผิดพลาดเสียหายได้อย่างไม่คาดคิด  

 การเงิน   :  หากกำลังเดือดร้อนเรื่องรายได้จนถึงขั้นวิกฤติ วันนี้เป็นไปได้ที่จะมีโชคทางการลงทุน แต่ก่อนจะรับปากหรือเซ็นสัญญากับใคร ควรพิจารณาให้ดี เพราะมีโอกาสที่คุณจะเสียเปรียบ

ความรัก  :   หากสถานภาพความรักความสัมพันธ์ของคุณกำลังอยู่ในช่วงเปราะบาง เสี่ยงต่อการแตกหักอย่างมาก วันนี้คุณมีโอกาสที่จะกลับมาเริ่มต้นกันใหม่ โดยคิดถึงสมาชิกในครอบครัวเป็นหลัก   คนโสด  หากกำลังตกอยู่ในสถานะโลกใบที่สอง หรือกำลังถูกคนอื่นแย่งคนรักไป วันนี้เป็นไปได้ที่คุณจะสตรอง ไม่แคร์แม้ว่าจะไม่ถูกต้อง   

 สุขภาพ  :  คุณเป็นสาวพลังเยอะ อยู่บ้านเฉยๆ แล้วจะป่วย จึงควรหากิจกรรมทำเพื่อผ่อนคลาย แต่ก็ไม่ควรหักโหม เพราะวันนี้มีความเสี่ยงที่คุณจะเป็นภูมิแพ้ ซึ่งเป็นได้ทั้งฝุ่นในบ้าน ในรถ และที่ออฟฟิศ ซึ่งจะส่งผลให้ทางเดินหายใจมีปัญหา จามบ่อย

ผู้ที่เกิดวันพฤหัสบดี

การงาน  :   สำหรับผู้ที่ทำงานหรือดำเนินธุรกิจกับครอบครัว คนรัก หรือคู่ครอง หากคุณมีผู้ใหญ่และคนใกล้ชิดให้การสนับสนุนและส่งเสริมให้ได้ทำงานอย่างที่ตั้งใจไว้ วันนี้ก็ควรเตรียมงานล่วงหน้า และวางแผนงานให้ดี เพราะเป็นไปได้ว่าจะมีปัญหาและอุปสรรคจู่โจมเข้ามาทุกๆ ด้านจนตั้งรับไม่ทัน ซึ่งมีความเสียงที่งานหรือธุรกิจนั้นๆ จะไปต่อไม่ได้  

การเงิน  :  จากผู้ใหญ่ที่เคยใจดีแบ่งเงินปันผลจากธุรกิจของครอบครัว คนรัก ให้คุณเสมอๆ วันนี้มีความเสี่ยงที่จะไม่ได้ ซึ่งจะทำให้คุณถึงกับเดือดร้อนจนถึงขั้นวิกฤติเลยทีเดียว

ความรัก  :  สำหรับคู่รักที่เพิ่งแต่งงานกัน หรือคู่ครองที่เพิ่งกลับมาคืนดีกัน วันนี้เป็นไปได้ว่าความสดใหม่ไม่ได้ช่วยอะไร เพราะคุณจะยึดความสุขของตัวเองเป็นใหญ่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งความรักความสัมพันธ์ที่ซับซ้อน ซึ่งจะส่งผลให้ชีวิตคู่เกิดปัญหากันอย่างรุนแรง    คนโสด   หากคุณกำลังพบกับบุคคลในฝันจนอยากจะจูงมือไปอยู่ด้วยกัน ก็ใจเย็นๆ เพราะเป็นไปได้ว่าวันนี้คุณจะมีบุคคลในฝันหลายคน ซึ่งมีความเสี่ยงที่จะนำไปสู่ความรุนแรงได้ด้วย

สุขภาพ   :   เป็นไปได้ที่ระบบเลือดลมในร่างกายจะทำงานไม่เต็มร้อย มีอาการหน้ามืด วิงเวียนศีรษะ จนถึงเป็นลมวูบได้ง่ายๆ เลย เพราะฉะนั้นจึงควรรับประทานอาหาร ทั้งอาหารเสริมและวิตามินที่ช่วยบำรุงเลือดเยอะๆ   

ผู้ที่เกิดวันศุกร์

การงาน  :   หากงานหรือธุรกิจของคุณกำลังอยู่ในช่วงแก่งแย่งแข่งขันชิงดีชิงเด่นกัน ทั้งในเรื่องผลประโยชน์และตำแหน่งหน้าที่การงานอย่างบ้าคลั่ง หรือถูกบังคับให้ต้องทำงานให้เสร็จภายในเวลาที่กำหนด โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากเป็นงานหรือธุรกิจในสายบันเทิงเริงรมย์ ดนตรี กวี ศิลป์ ด้วยแล้ว เป็นไปได้ว่าวันนี้คุณจะใช้ทักษะความรู้ ความสามารถ ความรับผิดชอบที่ดีเยี่ยม ทำงานอย่างเต็มความสามารถ ก็ควรเปิดรับความคิดเห็นของคนอื่นด้วย เพื่อป้องกันความขัดแย้งที่จะเกิดขึ้น จนถึงขั้นงานสะดุดหยุดลงกลางคันได้ง่ายๆ

การเงิน  :  หากคุณคิดจะลงทุน วันนี้ควรทำด้วยตัวเองดีกว่าจะไปร่วมหุ้นลงทุนกับใคร เพราะวันนี้คุณใจดีใจอ่อน ชอบช่วยเหลือผุ้อื่น จนมีโอกาสที่จะถูกมิจฉาชีพหลอกได้ง่ายๆ

ความรัก :   เป็นไปได้ว่าวันนี้ความคิดเห็นจะขัดแย้งกันอย่างรุนแรง จนถึงขั้นใช้วาจาก้าวล่วงจาบจ้วง ไม่ให้เกียรติกันเลยทีเดียว แต่อย่างไรก็ตามเป็นคู่กันแล้วก็ไม่แคล้วกัน เดี๋ยวหายโกรธก็กลับมาจ๊ะจ๋ากันเหมือนเดิม คนโสด   แฟนเก่าที่จบไม่สวย วันนี้เขาจะกลับมาขอความเห็นใจ ขอโอกาสอีกสักครั้ง แต่คาดว่าคุณน่าจะเจ็บจนเซ็งแล้ว  

สุขภาพ  :   ควรให้ความสำคัญกับความสะอาดเรื่องอาหาร ที่พัก และสถานที่สาธารณะ รวมถึงรักษาระยะห่าง เพราะวันนี้มีความเสี่ยงสูงที่คุณจะติดเชื้อโดยไม่รู้ตัว ดังนั้น จึงควรสังเกตตัวเอง หากมีอาการไม่ค่อยดี ก็ควรตรวจ ATK ด่วนๆ

ผู้ที่เกิดวันเสาร์

การงาน  :  หากงานหรือธุรกิจกำลังอยู่ในช่วงแข่งขัน เช่น ประมูลงาน ประกวด สอบเลื่อนขั้นเลื่อนตำแหน่ง สอบสัมภาษณ์ ฯลฯ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสายการศึกษา ไม่ว่าจะอาจารย์ นักวิชาการ นักค้นคว้า วิจัย ไลฟ์โค้ช เทรนเนอร์ ติวเตอร์ ซึ่งคุณคาดหวังความสำเร็จอย่างแรงกล้า โดยไม่คิดถึงความถูกต้องชอบธรรมนัก วันนี้คุณก็มีโอกาสได้ใช้เทคนิคและแทกติกอันแพรวพราว รวมถึงเซ้นส์ที่แม่นยำประหนึ่งหมอดู วิ่งเต้นแล้วล่ะ  

 การเงิน  :  มีโอกาสได้รับเงินรางวัลตอบแทนจากการทำงาน ซึ่งหลักๆ แล้วรายได้ของคุณจะมาจากงานประจำ แต่ก็เป็นได้ที่วันนี้คุณจะใช้เงินเกินจากรายรับ

ความรัก  :  ก็ยังคงย้ำคิดย้ำทำกับความเจ็บปวดที่ผ่านมา ซึ่งวันนี้เป็นไปได้ว่า ไม่คุณตัดสินใจเข้าพบผู้ใหญ่เพื่อขอคำปรึกษา หรือไม่ก็แยกตัวปลีกวิเวกไปศึกษาทั้งทางโลกและทางธรรมเลยทีเดียว   คนโสด  หากวันนี้ต้องเลือก คุณขอเลือกผู้ใหญ่ใจดี ซึ่งเป็นไปได้ที่คุณจะพยายามเรียกร้องความสนใจ เพื่อให้เขาหันมามองเลยทีเดียว

สุขภาพ   :   มีโอกาสที่คุณจะเจ็บป่วยหรือได้รับบาดเจ็บจากการปฏิบัติงาน ยังรวมถึงทางด้านอารมณ์และจิตใจที่จะหงุดหงิดได้ง่ายๆ มองอะไรก็ขัดหูขัดตาขัดใจไปหมด

5 แบรนด์ความงาม ที่ดาราฮอลลีวูดสร้างเอง

ปังไม่หยุด เพราะออกจากคอมฟอร์ทโซน 5 แบรนด์ความงาม ที่ดาราฮอลลีวูดสร้างเอง

Alternative Textaccount_circle
5 แบรนด์ความงาม ที่ดาราฮอลลีวูดสร้างเอง
5 แบรนด์ความงาม ที่ดาราฮอลลีวูดสร้างเอง

ดาราฮอลลีวูดหลายคนมีชื่อเสียงและรายได้สูง แค่อาชีพเดียวก็รวยไม่ไหวอยู่แล้ว แต่หลายคนก็เลือกที่จะออกจากคอมฟอร์ทโซน เพิ่มมูลค่าและความสามารถตัวเองด้วยการพัฒนาแบรนด์ของตัวเอง โดยหวังว่าจะสามารถเป็นผู้ดูแลสุขภาพและความงามของผู้หญิง บทความนี้จึงขอแนะนำ 5 แบรนด์ความงาม ที่ดาราฮอลลีวูดชื่อดังสร้างเอง

Fenty Beauty โดย ริฮานน่า (Rihanna)
เริ่มที่แบรนด์แรก Fenty Beauty เป็นแบรนด์ความงามดั้งเดิมของ Rihanna เธอมักจะเรียกตัวเองว่า “Bad Girl” และมีสไตล์ส่วนตัวที่แข็งแกร่งมาก นอกจากนี้ เธอยังมีแนวคิดในการจัดการและออกแบบแบรนด์เป็นของตัวเองอีกด้วย Fenty Beauty เป็นที่รู้จักกันดีและเริ่มได้รับความนิยมตั้งแต่เปิดตัวบน Sephora ในสหรัฐอเมริกาในปี 2560 นอกจากนี้ยังเป็นหไอเท็มโปรดของเหล่า YouTubers และ KOL ด้านความงามหลายคน ไม่ว่าจะเป็นไฮไลท์เตอร์ รองพื้นชนิดน้ำ ลิปกลอส ฯลฯ มีให้เลือกทุกอย่างและมีตัวเลือกสีผิวมากถึง 50 สีสำหรับเมคอัพเบสเพื่อตอบสนองความต้องการของผู้หญิงที่รักความงามทุกคน เช่น Fenty Beauty Contouring Stick มีหลากหลายสี และสีที่เหมาะกับผิวเหลืองของเอเชียมากที่สุดคือ #Amber โทนสีเบจ ซึ่งขายไปทั่วโลก หรือ

Kylie Cosmetics โดย ไคลีย์ เจนเนอร์ (Kylie Jenner) 
Kylie Jenner ก่อตั้งแบรนด์ความงามของเธอเอง “Kylie Cosmetics” เมื่อตอนอายุเพียง 17 ปี ด้วยความคิดทางธุรกิจ เธอจึงได้รับความนิยมอย่างมากในแวดวงความงามอย่างรวดเร็วโดยอิทธิพลของโซเชียลมีเดีย โดยแบรนด์ Kylie Cosmetics มีชื่อเสียงในด้านการลิปสติก ซึ่งทำให้ผู้คนรู้สึกว่าพวกเขาสามารถสร้างริมฝีปากหนาที่สวยงามและอวบอิ่มสไตล์สายฝอได้จึ้งแบบตัวแม่ ชิ้นที่ฮ็อต อาทิเช่น ลิปบาล์มเนื้อมันวาวอุดมไปด้วยน้ำมันโจโจบา สามารถให้ความชุ่มชื้นและริมฝีปากที่เรียบเนียน และมาสคาร่าก็ได้รับความนิยมไม่น้อย ถือเป็นอาวุธลับของสาวขนตาสั้น ประกอบด้วยน้ำมันเมล็ดองุ่นและโปรวิตามินบี 5 นอกจากนี้ยังสามารถรักษาขนตาได้ดี เป็นสูตรที่ไม่จับตัวเป็นก้อนและหนา สามารถปัดให้ขนตาที่โค้งงอนงามได้ด้วยการปัดเพียงครั้งเดียว

Honest โดย เจสสิก้า อัลบ้า (Jessica Marie Alba)
เจสสิก้า อัลบ้า นักแสดงหญิงชาวอเมริกันที่มีชื่อเสียง เคยกล่าวว่า เพราะเธอไม่สามารถหาแบรนด์ที่น่าไว้วางใจได้เพื่อตอบสนองความต้องการดูแลตัวเองในแต่ละวันของเธอ เธอจึงตัดสินใจสร้างแบรนด์ด้วยส่วนผสมที่เรียบง่าย โปร่งใส และมีประสิทธิภาพ ปรัชญาของแบรนด์ Honesty คือคุณไม่ควรเลือกระหว่าง ‘มีประสิทธิภาพ’ และ ‘ดีต่อร่างกายของคุณ’ ดังนั้นผลิตภัณฑ์ของแบรนด์จึงใช้ส่วนผสมจากธรรมชาติทั้งหมด ผลิตภัณฑ์ดูแลผิวอาทิเช่น HEAD-TO-TOE Universal Cream ครีมสารพัดประโยชน์ที่ทาได้ตั้งแต่หัวจรดเท้า ส่วนผสมนั้นเรียบง่าย โดยมี “อัลลันโทอิน” เป็นส่วนประกอบหลัก ซึ่งสามารถให้ความชุ่มชื้น บำรุงผิว บรรเทา และต้านการอักเสบ ใช้ได้แม้กระทั่งทารก และ Perfect Moisturizing Cleansing Gel เจสสิก้า อัลบ้า กล่าวว่า “ฉันชอบใช้เจลล้างหน้าขวดนี้กับฟองน้ำชุบน้ำอุ่น ซึ่งสามารถเปิดรูขุมขนได้อย่างสมบูรณ์และทำความสะอาดอย่างอ่อนโยนในเวลาเดียวกัน”

Kora Organics โดย มิแรนดา เคอร์ (Miranda May Kerr)
อดีตนางฟ้าวิคตอเรียซีเคร็ทและนางแบบชาวออสเตรเลีย มิแรนดา เคอร์ ให้ความสำคัญกับการปกป้องสิ่งแวดล้อมและความเป็นธรรมชาติ ดังนั้นเธอจึงเกิดแนวคิดในการสร้างแบรนด์ผลิตภัณฑ์ดูแลผิวออร์แกนิก ผลิตภัณฑ์แต่ละชิ้นของแบรนด์ได้รับการรับรองโดย Ecocert Greenlife ซึ่งเป็นองค์กรตรวจสอบและรับรองผลิตภัณฑ์ออร์แกนิกระดับมืออาชีพระดับสากล และผลิตตามมาตรฐานสูงสุดด้วยวิธีการที่ยั่งยืน Kora Organics ก่อตั้งขึ้นในออสเตรเลียในปี 2009 ผลิตภัณฑ์เน้นออร์แกนิก วีแก้น และไม่ทดลองกับสัตว์ นอกจากนี้ ยังไม่แต่งกลิ่นและสี จึงดึงดูดผู้หญิงจำนวนมากที่มีผิวแพ้ง่ายและให้ความสำคัญกับการบำรุงแบบบริสุทธิ์ ชิ้นไฮไลท์ อาทิ Kora Organics star: Noni Glow Facial Essence Oil เพิ่มผลไม้โนนิออร์แกนิก ซึ่งอุดมไปด้วยความสามารถในการซ่อมแซมที่ทรงพลังและฤทธิ์ต้านออกซิเดชัน และสร้างฟิล์มป้องกันที่แข็งแรงบนผิวเพื่อต่อต้านการกระตุ้นของสภาพแวดล้อมภายนอก ใช้น้ำมันซีบัคธอร์นและน้ำมันโรสฮิปเพื่อให้ความชุ่มชื้นแก่ผิวแห้งและผิวลอก เป็นผลิตภัณฑ์ดูแลน้ำมันที่ดูดซึมง่าย

Victoria Beckham Beauty โดย วิคตอเรีย เบ็คแฮม (Victoria Beckham)
วิกตอเรีย เบ็คแฮม เปิดตัวผลิตภัณฑ์ความงามตามแนวคิด “สิ่งของที่ผู้หญิงยุคใหม่ที่มีงานยุ่งวุ่นวายยังขาดในกระเป๋าเครื่องสำอาง” มาในบรรจุภัณฑ์ที่หรูหรา เรียบง่าย และมีสไตล์ของแบรนด์ก็เป็นหนึ่งในเอกลักษณ์เช่นกัน ชิ้นเด็ดๆ อาทิ ดินสอเขียนคิ้ว BabyBlade เนื้อสัมผัสนุ่มปลายปากกาเป็นรูปดาบซามูไร สะดวกในการวาดทรงคิ้ว สีไม่หลุด กันเหงื่อและกันน้ำ มีตัวเลือกสีทั้งหมด 5 สี ซึ่งสามารถควบคุมได้ง่ายตั้งแต่สีบลอนด์อ่อนไปจนถึงสีดำธรรมชาติของชาวเอเชีย หรืออายไลเนอร์ Satin Kajal ปลายปากกาช่วยให้วาดได้อย่างแม่นยำ เพิ่มวิตามินอี วิตามินบี 5 และดอกคาโมไมล์ สามารถปลอบประโลมและบำรุงผิวรอบดวงตาขณะแต่งหน้า ผ่านการทดสอบโดยแพทย์ผิวหนัง ป้องกันการแพ้ ปลอดภัย และกันน้ำ เหมาะกับทุกสภาพผิว อีกทั้งปลายปากกาด้านหลังมีปลายฟองน้ำ เกลี่ยง่าย ใช้เป็นอายแชโดว์ได้อีกด้วย


บทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ


เคล็ดลับผมสวย

เคล็ดลับผมสวยในวันสบายๆ แบบฉบับต้าเหนิง เสกได้ด้วยอุปกรณ์จัดแต่งทรงเพียงไม่กี่ชิ้น

Alternative Textaccount_circle
เคล็ดลับผมสวย
เคล็ดลับผมสวย

แจกเทคนิคทำผมในวันสบายๆ แบบ ต้าเหนิง กัญญาวีร์ สองเมือง นักแสดง นางแบบ และ Dyson Beauty Ambassador ของประเทศไทย ที่ทุกคนสามารถทำตามได้อย่างง่ายดายด้วยอุปกรณ์จัดแต่งทรงจาก Dyson ซึ่งนอกจากจะช่วยประหยัดเวลาเป่าผมแล้ว ยังช่วยแต่งทรงผมให้สวยเป๊ะแบบไม่ต้องพยายาม และทำให้ผมดูสุขภาพดี มีวอลลุ่ม ไม่ลีบแบน ในวันสบายๆ ของทุกคนอีกด้วย

โดยต้าเหนิงเผยว่า “ต้าเหนิงเชื่อว่าผู้หญิงไทยทุกคน รวมถึงตัวต้าเหนิงเองก็ให้ความสำคัญกับสุขภาพเส้นผม แต่บางครั้งต้องยอมแลกผมเสียกับการเซ็ตทรงผมด้วยอุปกรณ์ที่ใช้ความร้อนสูงเพื่อประหยัดเวลา ดังนั้นการลงทุนกับอุปกรณ์ทำผมที่ไม่ทำให้ผมเราแห้งเสีย รวมถึงทำให้เราสามารถสนุกไปกับการจัดแต่งทรงผมในทุกวันได้ด้วยตัวเองนั้นคุ้มค่า ต้าเหนิงจึงเลือกใช้เครื่องเป่าผม Dyson Supersonic™ และอุปกรณ์จัดแต่งทรง Dyson Airwrap™ multi-styler สำหรับดูแลและทำผมในทุกๆ วัน เพราะเป็นอุปกรณ์ทำผมที่มาพร้อมกับแรงลมที่ไม่ต้องใช้ความร้อนสูงและมีเทคโนโลยีการควบคุมความอุณหภูมิอัจฉริยะ ซึ่งช่วยในการจัดแต่งทรงผมได้อย่างรวดเร็ว และยังคงความเงางามของผมไว้เพราะเส้นผมไม่ได้โดนความร้อนที่สูงจนเกินไป” โดยขั้นตอนจัดแต่งสองลุคทรงผมในวันสบายๆ ของต้าเหนิง ที่คุณก็ทำตามได้เพียงใช้อุปกรณ์แค่ไม่กี่ชิ้น มีดังนี้

ลุคผมตรงธรรมชาติพร้อมปลาย C-curl

ทรงผมแบบมีวอลลุ่มและปลายผมงุ้มเข้าอย่างเป็นธรรมชาติ แม้จะดูทำง่ายแต่ต้องอาศัยความชำนาญในการใช้แปรงหวีทรงกลมและเครื่องเป่าผมไปพร้อมกันจึงจะได้ปลายผมรูปตัวซีที่สวยงามและสมบูรณ์แบบ แต่สำหรับต้าเหนิงแล้ว ‘หัวเป่าลดผมชี้ฟูพร้อมแปรง’ อุปกรณ์เสริมตัวใหม่ล่าสุดสำหรับเครื่องเป่าผม Dyson Supersonic™ ถือเป็นตัวช่วยสำคัญที่ทำให้การเซ็ตผมทรงนี้ง่ายขึ้นและอยู่ทรงได้ตลอดทั้งวัน

ขั้นตอนการจัดแต่งทรงลุคผมตรงธรรมชาติพร้อมปลาย C-curl ของต้าเหนิง

1. เช็ดผมให้แห้งพอหมาด

A person with long hair

Description automatically generated with medium confidence

2. เป่าผมให้แห้งด้วยเครื่องเป่าผม Dyson Supersonic™ โดยใช้หัวเป่าลมอ่อนโยน ด้วยความแรงลมระดับสูงที่ความร้อนระดับกลาง

A person blow drying her hair

Description automatically generated with medium confidence

3.  ต่อมาใช้หัวเป่าลดผมชี้ฟูพร้อมแปรง ในโหมดผมเรียบลื่น ด้วยความแรงลมระดับสูงและความร้อนระดับต่ำ แปรงบริเวณโคนผมขึ้น เพื่อทำให้โคนผมดูมีวอลลุ่มมากยิ่งขึ้น

A person using a blow dryer

Description automatically generated

4. จากนั้นใช้โหมดผมเรียบลื่น หวีลงมาถึงปลายผมด้วยความแรงลมและความร้อนระดับสูงเพื่อจัดแต่งผมให้ตรงสวย ดูเป็นธรรมชาติ และไม่ชี้ฟู

5. สำหรับการทำ C-Curl ใช้หัวเป่าลดผมชี้ฟูพร้อมแปรง ในโหมดผมเรียบลื่น หวีช่วงปลายผมจากด้านในให้งุ้มเข้า โดยปรับความแรงลมให้เป็นระดับสูงและใช้ความร้อนระดับกลาง หลังจากนั้นใช้ลมเย็นเป่าบริเวณผมที่ถูกจัดทรงแล้วค้างไว้ประมาณ 5 – 10 วินาทีเพื่อล็อคทรง

A person using a hair dryer

Description automatically generated

6. ปิดท้ายด้วยการซ่อนผมชี้ฟูพร้อมทั้งเพิ่มความเงางามให้เส้นผมด้วยหัวเป่าลดผมชี้ฟูพร้อมแปรง ในโหมดซ่อนผมชี้ฟู โดยใช้ความแรงลมระดับสูงในความร้อนระดับต่ำเพื่อเก็บรายละเอียดทรงผม

A person using a blow dryer

Description automatically generated

ลุคลอนธรรมชาติสไตล์เกาหลี

A person with long hair

Description automatically generated with medium confidence

อีกหนึ่งทรงผมยอดฮิตสำหรับสาวๆ อย่างลอนธรรมชาติสไตล์เกาหลีก็เป็นอีกลุคที่ต้าเหนิงชอบทำในวันสบายๆ ซึ่งต้าเหนิงเลือกใช้อุปกรณ์จัดแต่งทรง Dyson Airwrap™ multi-styler มาเป็นตัวช่วยในการทำลอนผม โดยที่ไม่ต้องใช้ความร้อนสูง พร้อมยังคงความเรียบลื่นและเงางามของเส้นผมเอาไว้

ขั้นตอนการจัดแต่งทรงลุคลอนธรรมชาติสไตล์เกาหลีของต้าเหนิง

1. เช็ดผมให้แห้งพอหมาด

A picture containing human face, person, clothing, indoor

Description automatically generated

2. เป่าผมให้แห้งสนิทด้วย Dyson Airwrap™ multi-styler โดยใช้หัวเป่าผมเรียบลื่น Coanda ในโหมดเป่าผมด้วยความแรงลมระดับสูงและความร้อนระดับกลาง ให้หนังศีรษะและเส้นผมแห้งประมาณ 80% แต่ยังคงเหลือความชื้นของเส้นผมไว้บางส่วน

A person curling her hair

Description automatically generated

3. จากนั้นแบ่งผมเป็นช่อ แล้วม้วนผมแต่ละช่อจากบริเวณกึ่งกลางผม ด้วยแกนม้วนผมแบบยาว Airwrap ขนาด 40 มม. ซึ่งกระแสลม Coanda จะดึงและม้วนผมให้เข้าไปยังแกนม้วนโดยอัตโนมัติ

4. ม้วนผมแต่ละช่อค้างไว้ประมาณ 5 วินาที โดยใช้ความแรงลมและความร้อนระดับสูง หลังจากนั้นใช้ลมเย็นค้างไว้ประมาณ 3 วินาทีเพื่อล็อกลอนให้อยู่ทรงได้นานตลอดทั้งวัน

A person curling her hair

Description automatically generated

5. ปิดเครื่องแล้วคลายลอนออก

6. ม้วนผมช่ออื่นๆ ตามขั้นตอนเดิมเพื่อให้ได้ฟินิชลุคที่สมบูรณ์แบบ

A person holding a curling iron

Description automatically generated with medium confidence

เปิดประวัติอันยาวนานของ FRED สู่ผลงานอันล้ำค่าของ กษัตริย์ และราชินีแห่งราชอาณาจักรเนปาล

account_circle

เรื่องราวของ มองซิเออร์เฟร็ด ซามูเอ็ลนั้นเต็มไปด้วยความหลงใหลใน เพชร ไข่มุก และรัตนชาติหลากสีสัน ตั้งแต่วันแรกที่เขาลืมตาดูโลกในปี 1980 ณ ประเทศ อาร์เจนตินา ในครอบครัวที่ประกอบธุรกิจเกี่ยวกับรัตนชาติ เขาหลงใหลในความงดงามของไข่มุก จนได้รับการยอมรับว่าเป็นผู้นำในอุตสาหกรรมนี้ อีกทั้งเขายังได้รังสรรผลงานที่ดีที่สุด โดยเฉพาะกับเฉดสีครีมอมชมพูที่ปัจจุบันนั้นมีชื่อเรียกว่า ‘FRED-colored’

เปิดประวัติอันยาวนานของ FRED สู่ผลงานอันล้ำค่าของ กษัตริย์ และราชินีแห่งราชอาณาจักรเนปาล

ตั้งแต่ต้นทศวรรษ 1950 สีสันของอัญมณีหลากสีได้ เป็นแรงบันดาลใจให้ริเริ่มสร้างสรรค์ผลงานเมื่อเขาได้รับมอบหมายจากพระมหากษัตริย์และสมเด็จพระราชินีแห่งราชอาณาจักรเนปาล ในการทำเครื่องประดับที่สามารถเข้ากับชุดส่าหรีของราชสำนัก

มองซิเออร์เฟร็ดซามูเอ็ลรังสรรผลงานโดยได้รับแรงบันดาลใจจากผ้าไหมสีสันสดใสที่ส่องประกายอย่างสวยงามสร้างการสะท้อนของเส้นไหมนั้นด้วยสี ของไพลิน หรือเพชรที่มีสีสันน่าหลงใหลอย่างนิจนิรันดร์ และได้นำความหลงใหล ที่ได้มาพร้อมกับการผจญภัยในวัยเด็กในประเทศอาร์เจนตินา ทั้งสองอย่างนั้นส่ง อิทธิพลและหล่อหลอมให้เป็นผลงานของเขา ซึ่งต่อมาได้กลายมาเป็นแรงบันดาลใจของเขาด้วยความรักที่มีต่อท้องทะเลและความงดงามของชายฝั่งนั้นได้สร้างเรื่องราวที่โด่งดังหลายบทในประวัติศาสตร์ของเมซง ความละเอียดอ่อนทางสุนทรียะต่อธรรมชาติของมองซิเออร์เฟร็ด ซามูเอล พร้อมกับวิธีการมองเครื่องประดับ อย่างลึกซึ้งในฐานะที่เป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวันของเขา

โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับผู้หญิง ช่วยให้เขาสร้างแบรนด์ความงดงามเหนือกาลเวลาและโดดเด่น ในปี 1936 เขาได้นิยามความเป็นตัวเองว่า ‘ผู้สร้างสรรค์อัญมณีร่วมสมัย’ นำเสนอถึงความทันสมัยโดยเครื่องประดับที่โดดเด่นและมีเส้นโค้งมน ตั้งแต่ปี 1996 จนถึง 2012 เฟรดได้มอบความไว้วางใจให้กับนักออกแบบและผู้สร้าง Yan Sicard ซึ่งเป็นผู้นำทางด้าน creation studio แนวคิดในการทำเครื่องประดับและอัญมณีชั้นสูง ให้เป็นจริง

ในวันนี้ เมซงเฟรด ได้ยกย่องความรักในแสงแดดและสีสันของผู้ก่อตั้งด้วยการสร้างสรรค์ที่ได้รับแสงแดด แสดงให้เห็นถึงความเชี่ยวชาญในการปรับเปลี่ยนในแต่ละบุคคลและความอเนกประสงค์ของในทุกคอลเล็คชั่น


ปารีสลุกเป็นไฟ! เจาะ 4 ลุคเปรี้ยวจี๊ดของ ‘ฮันโซฮี’ สมฉายานางเอกสายติสท์

Alternative Textaccount_circle

ไปปารีสครั้งนี้ ‘ฮันโซฮี‘ แบบเราเป็นลมล้มพับกับสไตล์การแต่งตัวที่เปรี้ยวจี๊ดจ๊าดที่สะท้อนความอาร์ตในตัวเองออกมาได้อย่างลงตัว

ถ้าพูดถึงเรื่องความติสท์หรือเท่ของนางเอกซีรีส์เกาหลีคงจะข้ามเธอไปไม่ได้กับ ‘ฮันโซฮี’ นักแสดงสุดโปรดของใครหลายๆ คนที่หากใครรู้จักอยู่แล้วก็จะรู้ว่านักแสดงของเรามีความเป็นศิลปินอยู่ไม่น้อย สังเกตง่ายๆ จากอินสตาแกรมส่วนตัวที่รูปภาพส่วนใหญ่จะบ่งบอกตัวตนของเธอได้เป็นอย่างดี

สำหรับการไปปารีสในครั้งนี้ เธอได้รับเชิญให้เข้าร่วมงานเปิดตัวเครื่องประดับระดับไฮเอนด์อย่าง Boucheron ในเดือนกรกฎาคมนี้ ระหว่างรอปรากฎตัวในวันงานฮันโซฮีได้ใช้เวลาส่วนตัวไปกับการเที่ยวเล่นพักผ่อน ถ่ายรูปมาฝากเหล่าแฟนคลับพร้อมครีเอทลุคเก๋ๆ ให้เราได้ว้าวชนิดที่ว่าปารีสต้องลุกเป็นไฟเลยทีเดียว

เปิดด้วยลุคเบาๆ Orchid Tube Top สีดำตัวนี้ดูโดดเด่นอยู่ไม่น้อยถึงแม้จะดูเรียบๆ แต่ดีไซน์ของสายเสื้อ 4 เส้นก็เป็นกิมมิกเล็กๆ ที่ชวนสุดตา ให้ความเซ็กซี่แบบไม่ต้องตะโกน

ลุคที่สองหนีไม่พ้นเทรนด์การแมทช์เดรสเข้ากับกางเกงยีนส์ขายาว 2 ไอเท็มกันตายสำหรับสาวๆ สายอาร์ตที่เลือกหยิบมาสวมใส่เหมือนกับฮันโซฮีที่สวมเดรสลายเสื้อดาวเข้ากับกางเกงยีนส์ขายาวทรงหลวมสีดำ พร้อมทำให้ลุคนี้ดูแฟชั่นมาขึ้นด้วยรองเท้าโลฟเฟอร์หัวโต

บอกเลยว่าลุคนี้เปรี้ยวจี๊ดสะใจไม่ว่าจะถุงน่องตาข่าย เสื้อคร็อปสีแดง กระโปรงยีนส์ จาก Lalafox หรือบูทคู่ยาวทุกอย่างก็ดูพอดีไปหมด บ่งบอกถึงความคูลที่มีอยู่ในตัวและยังเซ็กซี่สุดๆ อีกด้วย

ใครจะไปคิดว่า Lady D-Joy จาก Dior กระเป๋าแนวคุณหนูจะแมทช์ลุคออกมาได้เท่ขนาดนี้ แต่ฮันโซฮีก็ทำให้เราดูแล้วกับการเลือกจับคู่เกาะอกลายครามกับกางเกงยีนส์ขายาวทรงตรงจาก RAIVE และรองเท้าโลฟเฟอร์หัวโตคู่เดิม กลายเป็นอีกลุคที่น่าแต่งตามจริงๆ


Instagram @xeesoxee

'โรค SLE' หรือ 'โรคแพ้ภูมิตนเอง'

รู้จัก ‘โรค SLE’ หรือ ‘โรคแพ้ภูมิตนเอง’ มักพบในผู้หญิงช่วงอายุราว 20 – 40 ปี

Alternative Textaccount_circle
'โรค SLE' หรือ 'โรคแพ้ภูมิตนเอง'
'โรค SLE' หรือ 'โรคแพ้ภูมิตนเอง'

โรค SLE เป็นโรคที่ก่อให้เกิดการอักเสบของอวัยวะทั่วร่างกาย และอวัยวะที่เกิดการอักเสบจะได้รับความเสียหาย โดยผู้ป่วยแต่ละคนอาจมีการอักเสบในแต่ละอวัยวะแตกต่าง และมีอาการแสดงแตกต่างกัน แต่มักเกิดการอักเสบของหลายอวัยวะร่วมกัน แนะผู้ป่วยหมั่นสังเกตอาการตนเอง หากพบความผิดปกติควรรีบพบแพทย์

โรค SLE ย่อมาจาก Systemic Lupus Erythematosus เป็นโรคภูมิคุ้มกันทําลายตนเองหรือ โรคแพ้ภูมิตนเอง นับเป็นโรคที่พบได้ไม่บ่อย และมีอัตราการเสียชีวิตตํ่า โดยพบเพียงร้อยละ 0.1 (0.014 – 0.122) หรือคิดเป็นจํานวนผู้ป่วยในประเทศไทยราว 50,000 – 700,000 คน ส่วนใหญ่มักพบในเพศหญิงช่วงอายุราว 20 – 40 ปี ปัจจุบันยังไม่ทราบสาเหตุของการเกิดโรคที่แน่ชัด แต่อาจเกี่ยวข้องกับพันธุกรรม แสงแดด การติดเชื้อไวรัส การติดเชื้อแบคทีเรีย การได้วัคซีน การได้รับยาหรือสารเคมีบางชนิด

อาการที่พบได้บ่อยของโรคนี้ คือ ผู้ป่วยมักจะมีอาการไข้ตํ่า ปวดข้อ ปวดเมื่อย เหนื่อยง่าย อ่อนเพลีย เบื่ออาหาร นํ้าหนักลด ผมร่วง มีผื่นที่หน้า ที่แก้ม คล้ายปีกผีเสื้อ ผื่นตามตัว แขน ขา ผื่นแพ้แสง แผลในปาก บวม ซีด มีจํ้าเลือดหรือจุดแดงคล้ายยุงกัดตามแขนขา โดยมักมีอาการมาก่อนเป็นสัปดาห์หรือหลายสัปดาห์ สำหรับการตรวจวินิจฉัยโรค แพทย์จะทำการวินิจฉัยอาการดังกล่าวของผู้ป่วยร่วมกับการตรวจเลือดเพื่อหาอวัยวะที่มีการอักเสบ การตรวจปัสสาวะ และการตรวจทางภูมิคุ้มกัน (ANA , anti-dsDNA , anti Sm) โดยใช้เกณฑ์การวินิจฉัยจากสมาคมแพทย์โรคข้อของสหรัฐอเมริกาและยุโรป

ผู้ป่วยโรค SLE จะต้องกินยาตามที่แพทย์สั่งอย่างเคร่งครัด โดยการใช้ยา ประกอบด้วย ยาต้านมาลาเรีย ร่วมกับยาสเตียรอยด์ ยากดภูมิอื่นๆ ซึ่งขนาดและวิธีการให้ยาจะขึ้นกับความรุนแรงของโรค รวมทั้งผู้ป่วยจะต้องดูแลตนเอง ได้แก่ การดูแลความสะอาด กินอาหารที่สะอาด ระวังการติดเชื้อโรค กินยาให้ตรง และห้ามหยุดยาเอง หลีกเลี่ยงยาสมุนไพรหรือยาชุด หรืออาหารเสริมนอกระบบ หลีกเลี่ยงแสงแดด ลดหรือหลีกเลี่ยงความเครียด การคุมกําเนิด หากจะตั้งครรภ์ควรปรึกษาแพทย์ที่ดูแล

สำหรับผู้ป่วยโรค SLE ที่มีอาการปวดท้อง อาจเกิดจากโรคกระเพาะอาหารอักเสบ กระเพาะอาหารเป็นแผล ลําไส้อักเสบ ไส้ติ่งอักเสบ เหมือนบุคคลทั่วไป แต่โรค SLE เองอาจมีการอักเสบของอวัยวะในช่องท้องหรือในระบบทางเดินอาหารจากโรค SLE เองได้ ทั้งนี้ การอักเสบของอวัยวะในช่องท้องหรือในระบบทางเดินอาหารจากโรค SLE เป็นภาวะที่พบได้ค่อนข้างน้อย แต่มีความรีบด่วน

ในการวินิจฉัยและการรักษา ประกอบด้วย เยื่อบุช่องท้องอักเสบ หลอดเลือดแดงในระบบทางเดินอาหารและลำไส้อักเสบ ตับอ่อนอักเสบ ซึ่งผู้ป่วยจะมาด้วยอาการปวดท้อง ท้องอืด คลื่นไส้ อาเจียน อาจจะมีอาการถ่ายเหลว อาการปวดท้องมักเป็นค่อนข้างรุนแรงและมักจะมีอาการเป็นวันหรือหลายวัน การตรวจท้องจะพบท้องอืด กดเจ็บทั่วท้อง ลำไส้ทำงานลดลง การวินิจฉัยจะอาศัยการตรวจเลือดประเมินการอักเสบ ประเมินค่าตับ ค่าการทำงานของไต ประเมินแร่ธาตุในเลือด และตรวจหาค่าเอนไซน์ amylase หรือ lipase เพื่อประเมินภาวะตับอ่อนอักสบ การส่งตรวจเอกซเรย์คอมพิวเตอร์ (CT scan) ทางช่องท้องจะช่วยในการวินิจฉัย ตับอ่อนอักเสบซึ่งจะพบตับอ่อนบวมโต และหลอดเลือดลำไส้อักเสบซึ่งจะพบลักษณะจำเพาะคือพบลำไส้บวมหนา มีลักษณะคล้ายโดนัท

การรักษาประกอบด้วย การให้สารน้ำทางหลอดเลือด และการให้ยาสเตียรอด์ขนาดสูง สำหรับภาวะหลอดเลือดลำไส้อักเสบ หากได้รับการรักษาล่าช้าอาจทำให้ลำไส้เน่าตายและเสียชีวิตได้ นอกจากภาวะหลอดเลือดแดงอักเสบแล้ว พบว่าลำไส้เน่าตาย อาจเกิดจากภาวะหลอดเลือดแดงอุดตันจากลิ่มเลือด เนื่องจากมีภูมิคุ้มกันกระตุ้นให้เลือดแข็งตัวง่ายกว่าปกติ ซึ่งเป็นภาวะที่พบได้น้อยกว่า ผู้ป่วยมักไม่มีอาการอักเสบในระบบอื่น

การวินิจฉัยโดยใช้เอกซเรย์คอมพิวเตอร์ร่วมกับการฉีดสีจะพบจุดอุดตัน การรักษาจะใช้ยาละลายลิ่มเลือด อาการอื่นๆ ที่พบได้น้อยมากคือมีภาวะหลอดเลือดแดงใหญ่อักเสบและมีการปริแตกที่ผนังหลอดเลือด ผู้ป่วยจะมีอาการปวดท้องค่อนข้างรุนแรง และถ้ามีผนังหลอดเลือดแดงแตกมักเสียชีวิตค่อนข้างรวดเร็ว การวินิจฉัยค่อนข้างยากและการรักษาต้องอาศัยการผ่าตัดซ่อมแซมอย่างเร่งด่วนร่วมกับการให้ยาสเตียรอยด์ขนาดสูง


ข้อมูล : โรงพยาบาลราชวิถี กรมการแพทย์
ภาพ : Pexels

บทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ

keyboard_arrow_up