Hearts2Hearts

แกะกล่องเกิร์ลกรุ๊ปวงใหม่ Hearts2Hearts ดาวรุ่งแห่งวงการ K-POP

Alternative Textaccount_circle
Hearts2Hearts
Hearts2Hearts

ทำความรู้จัก Hearts2Hearts (ฮาร์ตส์ทูฮาร์ตส์) เกิร์ลกรุ๊ปวงใหม่จาก SM ENTERTAINMENT ในรอบ 5 ปี ดาวรุ่งแห่งวงการ K-POP

เกิร์ลกรุ๊ปวงใหม่จาก SM ENTERTAINMENT ในรอบ 5 ปี

“ฮาร์ตส์ทูฮาร์ตส์” เกิร์ลกรุ๊ปวงใหม่ในรอบเกือบ 5 ปี หลังจาก aespa (เอสป้า) ที่เดบิวต์เมื่อปี 2563 จากค่าย SM ENTERTAINMENT (เอสเอ็ม เอนเทอร์เทนเมนต์) โดยพวกเธอได้เดบิวต์อย่างเป็นทางการพร้อมเริ่มต้นก้าวแรกสุดทรงพลังไปสู่ความฝันในซิงเกิลแรกชื่อว่า ‘The Chase’ (เดอะ เชส) ซึ่งประกอบด้วย 2 เพลง ได้แก่ เพลงเดบิวต์และเพลงไตเติลอย่าง ‘The Chase’ (เดอะ เชส) และเพลงประกอบอัลบั้มชื่อว่า ‘Butterflies’ (บัตเตอร์ฟลาย) ทั้งหมดถูกปล่อยออกมาในวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2568 ตามเวลาประเทศไทย 16:00 น. ผ่านแพลตฟอร์มสตรีมมิงเพลงทางออนไลน์ต่าง ๆ ทั่วโลก

Hearts2Hearts

8 สมาชิกที่มีเสน่ห์หลากหลาย

ชื่อวง “ฮาร์ตส์ทูฮาร์ตส์” หมายถึงการเชื่อมใจกับแฟน ๆ ทั่วโลกผ่านโลกดนตรีที่น่าค้นหาและสวยงามตามแบบฉบับของตัวเอง ซึ่งเต็มไปด้วยความรู้สึกต่าง ๆ และข้อความที่จริงใจ พร้อมก้าวไปข้างหน้าด้วยกันในฐานะ ‘พวกเรา’ ที่ยิ่งใหญ่ขึ้น โดยประกอบด้วยทั้งหมด 8 สมาชิกที่มีเสน่ห์หลากหลายและความสามารถอันไร้ขีดจำกัด ได้แก่ หัวหน้าวง JIWOO (จีอู), CARMEN (คาร์เมน), YUHA (ยูฮา), STELLA (สเตลล่า), JUUN (จูอึน), A-NA (เอ-นา), IAN (อีอัน) และน้องเล็กสุด YE-ON (เย-อน)

YE-ON (เย-อน), JUUN (จูอึน), A-NA (เอ-นา), IAN (อีอัน), YUHA (ยูฮา), STELLA (สเตลล่า), JIWOO (จีอู), CARMEN (คาร์เมน)


ผลงานเดบิวต์ครั้งแรก

สำหรับเพลงเดบิวต์และเพลงไตเติล ‘The Chase’ (เดอะ เชส) เป็นเพลงที่มีกลิ่นอายความลึกลับและน่าค้นหาเสริมด้วยองค์ประกอบเสียงที่เหมือนฝันและทำนองเสียงร้อง จุดเด่นอยู่ตรงการเปลี่ยนอารมณ์ของเพลงซึ่งเน้นไปที่เสียงเบสสังเคราะห์อันหนักหน่วงและเป็นเอกลักษณ์ ไม่เพียงเท่านี้ ฮิตเมเกอร์ KENZIE (เคนซี) ยังเป็นผู้แต่งเนื้อร้องของเพลงนี้ โดยมีการยืมเรื่องราวจาก ‘Alice in Wonderland’ (อลิซ อิน วันเดอร์แลนด์) มาใช้ ซึ่งมีคีย์เวิร์ดอันโดดเด่นเกี่ยวกับ ‘ทางเลือกและการผจญภัย’ ทำให้เรื่องราวแรกในแบบฉบับของ “ฮาร์ตส์ทูฮาร์ตส์” สมบูรณ์แบบ ในเนื้อเพลงนี้ถ่ายทอดข้อความที่เปี่ยมไปด้วยความมั่นใจว่า “ฉันจะสร้างเส้นทางที่ฉันจะเดินไป” ควบคู่ไปกับความอยากรู้อยากเห็นและความตื่นเต้นเกี่ยวกับโลกใหม่ที่จะเปิดเผยต่อไป ด้านมิวสิกวิดีโอของเพลงไตเติล ‘The Chase’ (เดอะ เชส) นำเสนอเรื่องราวที่ทั้ง 8 สมาชิกไปทัศนศึกษาแล้วได้สัมผัสกับปรากฏการณ์ลึกลับที่ทำให้หลุดพ้นจากความจำเจ และมุ่งหน้าเข้าไปในเมือง ขณะเดียวกันก็สร้างพิมพ์เขียวตามแบบฉบับของพวกเธอ

อีกหนึ่งเพลงที่รวมอยู่ในอัลบั้มอย่าง ‘Butterflies’ (บัตเตอร์ฟลาย) เพลงแนว Mid-tempo R&B ที่เพิ่มเสียงประสานเข้ากับไลน์เบสอันสมบูรณ์แบบและทำนองกีตาร์เพื่อถ่ายทอดอารมณ์สุดอบอุ่น เนื้อเพลงแสดงถึงช่วงเวลาของ ‘วันนี้’ ที่พวกเธอได้จินตนาการไว้ด้วยกันพร้อมหัวใจอันเป็นหนึ่งเดียวกัน


ศิลปินวงแรกของโปรเจกต์ ‘SMGC’

นอกจากนี้ “ฮาร์ตส์ทูฮาร์ตส์” เดบิวต์พร้อมได้รับเลือกให้เป็นโมเดลแคมเปญคอลเล็กชันประจำฤดูใบไม้ผลิสำหรับสตรีของแพลตฟอร์มแฟชั่นที่ใหญ่ที่สุดในเกาหลี MUSINSA (มูชินซา) ยิ่งไปกว่านั้น “ฮาร์ตส์ทูฮาร์ตส์”ยังเป็นศิลปินวงแรกของโปรเจกต์ ‘SMGC’ ซึ่งเป็นความร่วมมือระหว่าง SM และ MEGA MGC COFFEE โดยพวกเธอจะร้องเพลงประกอบโฆษณา, แนะนำเมนูโปรดที่เลือกโดยสมาชิก และจัดกิจกรรมถ่ายภาพยืนยันที่นั่งติดประตูที่ร้าน MEGA MGC COFFEE กว่า 3,500 แห่งทั่วประเทศเกาหลีใต้ ตั้งแต่วันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2568

เจ้าหญิงแห่งเวลส์

เหตุผลสำคัญที่ เจ้าหญิงแห่งเวลส์ ทรงเก็บเรื่องมะเร็งเป็นความลับ

account_circle
เจ้าหญิงแห่งเวลส์
เจ้าหญิงแห่งเวลส์

Jason Knauf อดีตที่ปรึกษาราชสำนักผู้เคยทำงานใกล้ชิดกับเจ้าชายวิลเลียม และ เจ้าหญิงแห่งเวลส์ ได้เปิดใจถึงประสบการณ์ของเขากับราชวงศ์อังกฤษในการสัมภาษณ์ล่าสุด นอกจากจะแสดงทัศนะเกี่ยวกับบทบาทของเจ้าชายวิลเลียมในฐานะพระมหากษัตริย์ในอนาคตแล้ว เขายังกล่าวถึงการตัดสินใจที่ยากลำบากของเจ้าชายและเจ้าหญิงแห่งเวลส์ หลังจากที่พระองค์ได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นมะเร็ง

เหตุผลสำคัญที่ เจ้าหญิงแห่งเวลส์ ทรงเก็บเรื่องมะเร็งเป็นความลับ

(Photo by Samir Hussein/WireImage)

เมื่อต้นปี 2024 ข่าวลือต่างๆ เกี่ยวกับเจ้าหญิงแห่งเวลส์แพร่สะพัดบนโลกออนไลน์ หลังจากที่พระองค์หายไปจากสาธารณะ โดยที่พระราชวังเคนซิงตันยังไม่ได้ออกแถลงการณ์ใดๆ จนกระทั่งเดือนมีนาคม 2024 ในการสัมภาษณ์กับ 60 Minutes Australia (อ้างอิงจาก GB News) Knauf เปิดเผยถึงเหตุผลที่เจ้าชายวิลเลียมและเจ้าหญิงแห่งเวลส์ตัดสินใจเลื่อนการประกาศข่าวนี้ออกไป

“พวกเขายังไม่ต้องการบอกว่าพระองค์เป็นมะเร็ง เพราะตอนนั้นยังไม่ได้แจ้งข่าวแก่พระโอรสและพระธิดา และยังอยู่ในช่วงคิดหาวิธีที่จะบอกลูกๆ ของพวกเขา” Knauf อธิบาย

อดีตที่ปรึกษาราชสำนักยังเล่าถึงปฏิกิริยาของเจ้าชายวิลเลียมต่อข่าวร้ายนี้ว่า “มันเป็นเรื่องเลวร้ายที่สุดที่ผมเคยเห็นพระองค์เผชิญ”

(Photo by Mark Cuthbert/UK Press via Getty Images)

Knauf กล่าวต่อว่า “ลองนึกภาพว่าในช่วงเวลาเพียงไม่กี่สัปดาห์ คุณเป็นเจ้าชายวิลเลียมและต้องรับรู้ว่าทั้งพระชายาและพระบิดาของคุณป่วยเป็นมะเร็ง ผมแทบไม่อยากเชื่อเลย”

ด้วยความเงียบของราชวงศ์ท่ามกลางกระแสข่าวลือ การหายไปจากสาธารณะของเจ้าหญิงแห่งเวลส์กลายเป็นหัวข้อที่ถูกพูดถึงอย่างกว้างขวางบนโลกออนไลน์ “ปัญหาคือข่าวลือและทฤษฎีสมคบคิดอันไร้สาระเหล่านี้กลับแพร่กระจายไปอย่างรวดเร็ว” Knauf กล่าว

นอกจากนี้ ในตัวอย่างบทสัมภาษณ์พิเศษของ Knauf เขายังกล่าวถึงบทบาทของเจ้าชายวิลเลียมในฐานะพระมหากษัตริย์ในอนาคตว่า “สิ่งที่คุณเห็นก็คือสิ่งที่พระองค์เป็นจริงๆ” พร้อมเสริมว่า “ในทุกยุคสมัย ราชวงศ์จำเป็นต้องปรับตัวให้เข้ากับประชาชนในยุคนั้น และเจ้าชายวิลเลียมก็ได้เริ่มทำสิ่งนั้นแล้ว”


ที่มา : www.marieclaire.com

Royal Ivy Regatta

Royal Ivy Regatta เปิดคอลเล็กชั่น แรงบันดาลใจจาก The White Lotus

account_circle
Royal Ivy Regatta
Royal Ivy Regatta

แบรนด์แฟชั่น Royal Ivy Regatta (รอยัล ไอวี รีกัตตา) เปิดตัวคอลเลกชันใหม่ Royal Ivy RegattaxThe White Lotus Spring/Summer Collection ซึ่งได้รับแรงบันดาลใจจากซีรีส์ระดับโลก The White Lotus นำเสนอเสื้อผ้าหลากหลายดีไซน์เหนือกาลเวลาที่สะท้อนถึงบรรยากาศของรีสอร์ตสุดหรูและเสน่ห์ของตัวละครในซีรีส์

สำหรับการออกแบบในคอลเลกชันนี้ สะท้อนถึงความมุ่งมั่นของ รอยัล ไอวี รีกัตตา ในการสร้างสรรค์แฟชั่นที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมและมีคุณค่าอย่างยั่งยืน โดยใช้ผ้าคุณภาพสูงที่ผลิตจากวัสดุรีไซเคิลที่ทนทาน ดูแลรักษาง่าย ทำให้เกิดเป็นความงามเหนือระดับ โทนสีของคอลเลกชันถูกออกแบบมาให้สามารถมิกซ์แอนด์แมตช์ได้ง่าย เหมาะกับหลากหลายสไตล์ ตั้งแต่ลุคลำลองสำหรับวันพักผ่อน ไปจนถึงลุคเรียบหรูสำหรับงานสำคัญและโอกาสพิเศษ

คอลเลกชันนี้มีให้เลือกถึง 46 รายการ ทั้งเสื้อผ้าสำหรับผู้ชาย อาทิ เสื้อโปโล เสื้อฮาวาย และเสื้อทีเชิ้ต เสื้อผ้าสำหรับผู้หญิง อาทิ เสื้อเชิ้ต เสื้อทีเชิ้ต เสื้อท็อป กางเกงขาสั้น กางเกงขายาว เดรส และหมวก ทุกชิ้นได้รับการออกแบบมาให้สามารถปรับลุคได้ง่าย บาลานซ์ลุคให้ดูสบาย แต่ให้ความรู้สึกหรูหราแบบกึ่งลำลอง โดยแบ่งออกเป็น 3 คอนเซ็ปต์หลัก ได้แก่

  • CRUISE CONCEPT การผสมผสานของความเรียบง่ายที่แฝงไปด้วยความหรูหรา ในโทนสีขาว และน้ำเงินเข้ม
  • BEACH CLUB CONCEPT โดดเด่นด้วยสีสันสดใสและลวดลายที่เป็นเอกลักษณ์ จับคู่กับซิลลูเอตที่สวมใส่สบาย เหมาะสำหรับวันพักผ่อนริมทะเล
  • HOLIDAY RESORT CONCEPT เน้นเฉดสีน้ำเงินและลายพิมพ์ที่ได้รับแรงบันดาลใจจากบรรยากาศของรีสอร์ตสุดหรู 

Royal Ivy RegattaxThe White Lotus Spring/Summer Collection เป็นการผสมผสานระหว่างความหรูหราและความยั่งยืนอย่างลงตัว ด้วยความประณีตในงานฝีมือ วัสดุระดับพรีเมียม และการออกแบบที่รองรับไลฟ์สไตล์ที่หลากหลาย ทำให้คอลเลกชันนี้เหมาะกับทุกโอกาส

คอลเลกชันนี้จะวางจำหน่ายพิเศษที่แรกในงาน รอยัล ไอวี รีกัตตา Pop-up Store ที่ชั้น 1 ศูนย์การค้า เซ็นทรัลเวิลด์ ตั้งแต่ วันที่ 20-24 กุมภาพันธ์ 2568 และจะเริ่มวางจำหน่ายที่ร้าน Royal Ivy Regatta ทุกสาขา หรือออนไลน์ www.royalivyregatta.com ในวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2568 เป็นต้นไป

รู้จัก 5 โครงการมิกซ์ยูสระดับโลก

account_circle

เมื่อโลกมีการเปลี่ยนแปลง ทุกพื้นที่จึงมีการพัฒนาตลอดเวลาเพื่อให้ทันยุคสมัยและตอบรับความต้องการของคนที่เปลี่ยนแปลงไป โดยเฉพาะการพัฒนาพื้นที่ของโครงการอสังหาริมทรัพย์ในรูปแบบ “มิกซ์ยูส (mixed-use)” ซึ่งนับว่าเป็นทิศทางในการพัฒนาพื้นที่เพื่อจัดสรรให้องค์ประกอบและทรัพยากรต่างๆ ประสานประโยชน์ร่วมกัน ทั้งโรงแรม สำนักงาน ศูนย์การค้า และที่อยู่อาศัย เป็นต้น รวมทั้งสามารถวางแผนเพื่อให้ใช้ประโยชน์ของพื้นที่ได้เต็มศักยภาพมากที่สุด แต่โจทย์ความท้าทายที่สำคัญคือ การพัฒนาโครงการมิกซ์ยูสบนพื้นที่ที่มีประวัติศาสตร์ ความทรงจำ และเรื่องราวของพื้นที่นั้นๆ ให้ยังคงคุณค่าความทรงจำที่สวยงามจากอดีต และต่อเติมความทันสมัยเพื่อฟื้นชีวิตชีวาและนำพาทั้งพื้นที่สู่ความสมบูรณ์แบบที่ตอบโจทย์การใช้ชีวิตในปัจจุบัน

โดยวันนี้ เราขอชวนคุณมาพบกับ 5 โครงการมิกซ์ยูสระดับโลก ที่นอกจากจะสร้างสรรค์บนพื้นที่แห่งประวัติศาสตร์แล้ว ยังมีความน่าสนใจด้านการอนุรักษ์ธรรมชาติผ่านการก่อสร้างที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและสร้างพื้นที่สีเขียวแห่งใหม่ให้แก่ชุมชนโดยรอบ รวมถึงประสบการณ์ใหม่บนพื้นที่โครงการ Dusit Central Park

Battersea Power Station – กรุงลอนดอน สหราชอาณาจักร 

ความรุ่งโรจน์ของอุตสาหกรรม สู่อาณาจักรแห่งไลฟ์สไตล์ของมหานครลอนดอน 

ผู้ดำเนินการพัฒนา โดย Battersea Power Station Development Company 

The Battersea Power Station คือโรงไฟฟ้าพลังงานถ่านหินที่ตั้งตระหง่านในย่าน Nine Elms ทางทิศใต้ของแม่น้ำเทมส์  ณ กรุงลอนดอน ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ความรุ่งโรจน์แห่งอุตสาหกรรมของสหราชอาณาจักร ที่ครั้งหนึ่งเคยผลิตพลังงานไฟฟ้าเพื่อส่งต่อความสว่างไสวให้ชาวเมืองลอนดอนตั้งแต่ปี ค.ศ. 1935 โดยตัวอาคารเดิมเป็นสถาปัตยกรรมอิฐสูงใหญ่เป็นวัสดุหลักเสริมโครงสร้างเหล็ก ภายนอกใช้ปูนมอร์ตาร์เพื่อให้รูปลักษณ์ของโรงไฟฟ้าลดความเป็น ‘อุตสาหกรรม’ บนอาคารขนาดมหึมาริมแม่น้ำ พร้อมสร้างความ ‘เป็นมิตร’ ทางสายตาแก่ผู้พบเห็นมากขึ้น ที่โดดเด่นคือไอคอนสำคัญอย่าง ปล่องไฟขนาดใหญ่ทั้ง 4 ปล่องที่มีควันไฟพวยพุ่ง ก่อนปิดตัวลงอย่างถาวรในปี ค.ศ.1983 อย่างไรก็ตาม รูปแบบสถาปัตยกรรมของ The Battersea Power Station ได้รับการพิสูจน์ด้านคุณค่าด้านสถาปัตยกรรม โดยในปี ค.ศ. 2007 The Battersea Power Station ได้รับเลือกให้เป็นอาคารอนุรักษ์ Grade II และ Grade II* ปัจจุบัน ได้ถูกวางแผนพัฒนาเป็นแลนด์มาร์กขนาดใหญ่ เพื่อสร้างปรากฎการณ์ครั้งสำคัญและพื้นที่ไลฟ์สไตล์แห่งใหม่ให้กับชาวลอนดอน กับโครงการมิกซ์ยูสที่มีมูลค่าการลงทุนกว่า 1.65 หมื่นล้านเหรียญ (ประมาณ 570,000 ล้านบาท) ซึ่งประกอบด้วย ที่อยู่อาศัย ศูนย์การค้า และสำนักงาน โดยมีระยะเวลาก่อสร้าง 7 เฟส จากปี ค.ศ. 2014 และจะแล้วเสร็จปี ค.ศ. 2025 บนพื้นที่ก่อสร้างกว่า 169,968 ตารางเมตร ถือเป็นโครงการมิกซ์ยูสที่ใหญ่ที่สุด และยังเป็นจุดยุทธศาสตร์ที่เชื่อมต่อกับพื้นที่ประวัติศาสตร์รอบมหานครลอนดอนอีกด้วย พื้นที่ของโครงการฯ ถูกแบ่งออกเป็นส่วนต่างๆ ได้แก่ ศูนย์การค้าตั้งอยู่บริเวณชั้นล่างของโครงการ ศูนย์ความบันเทิงต่างๆ อย่างโรงภาพยนตร์และโถงจัดกิจกรรมขนาดใหญ่อยู่บริเวณชั้น 2 และมีสำนักงานต่างๆ โดยพื้นที่ชั้น 6 จะเป็นส่วนของสำนักงาน Apple ด้านบนสุดของตัวอาคารจะเป็นพื้นที่อยู่อาศัย และพื้นที่ปล่องไฟได้เปลี่ยนเป็นปล่องลิฟต์ ที่นำผู้คนขึ้นไปสู่ลานโล่ง ณ ปลายปล่องเพื่อชมวิวของเมืองลอนดอน นอกจากนี้ บริเวณดาดฟ้าโครงการได้ปรับเป็นสวนลอยฟ้ารวบรวมพันธุ์ไม้กว่า 55 ชนิด ขนาด 29,000 ตารางเมตร เพื่อให้ชาวเมืองได้ใช้ประโยชน์สูงสุด และเชื่อมโยงระหว่างโครงการ ผู้คน และเมืองลอนดอนได้เป็นอย่างดี

The Refinery at Domino – นครนิวยอร์ก ประเทศสหรัฐอเมริกา

จากโรงงานกลั่นน้ำตาลที่เก่าแก่ที่สุดในนิวยอร์ก สู่โครงการมิกซ์ยูสทันสมัยริมแม่น้ำ

ผู้ดำเนินการพัฒนาโครงการ โดย Two Trees Management

บรูคลิน หนึ่งในโบโรห์ของมหานครนิวยอร์ก ‘เมืองหลวงของโลก’ คือ เขตที่มีชื่อเสียงในฐานะเขตธุรกิจและเขตที่อยู่อาศัยที่เต็มไปด้วยชีวิตชีวาและความหลากหลายของผู้คนและวัฒนธรรม รวมไปถึงสถาปัตยกรรมเก่าแก่ที่มีเอกลักษณ์มากมาย หนึ่งในสถาปัตยกรรมเก่าแก่เหล่านั้น คือ อาคาร Domino Sugar Refinery ซึ่งตั้งอยู่ริมแม่น้ำอีสต์ย่านวิลเลียมสเบิร์กในบรูคลิน เดิมได้ก่อสร้างขึ้นเป็นโรงกลั่นน้ำตาลในปี ค.ศ. 1856 โดยบริษัท Domino Foods บริษัทน้ำตาลที่มีอิทธิพลมากที่สุดในสหรัฐอเมริกาในช่วงศตวรรษที่ 19  โดยพื้นที่บริเวณริมแม่น้ำอีสต์นับเป็นจุดยุทธศาสตร์สำคัญของธุรกิจ ซึ่ง ณ เวลานั้นใช้การขนส่งทางน้ำเป็นหลัก ต่อมาความต้องการน้ำตาลลดลง ทำให้ปิดตัวลงในปี ค.ศ. 2004 ด้วยสถาปัตยกรรมของฟาซาดในยุคโรมาเนสก์ จึงถูกอนุรักษ์ไว้และกลายเป็นหนึ่งในอาคารที่เก่าแก่ที่สุดในนิวยอร์ก ต่อมาในปี ค.ศ. 2014  แผนการคืนชีวิตให้แก่พื้นที่นี้ในฐานะโครงการมิกซ์ยูสแห่งใหม่ ‘The Refinery at Domino’ จึงเริ่มขึ้น  โดยบริษัท Two Trees Management โครงการดังกล่าวมูลค่าการลงทุนกว่า 3 หมื่นล้านเหรียญ (ประมาณ 1 ล้านล้านบาท) ถูกออกแบบให้มีทั้งส่วนของร้านค้า อพาร์ตเมนต์จำนวน 3,415 ยูนิต อาคารสำนักงาน ขนาด 43,000 ตารางเมตร และพื้นที่สาธารณะสีเขียวแม่น้ำขนาด 20,000 ตารางเมตร พื้นที่ใช้สอยรวมกว่า 330,000 ตารางเมตร โดยพื้นที่ยังถูกออกแบบให้สามารถเชื่อมต่อกับถนนได้โดยง่าย เพื่อเพิ่ม accessibility ให้แก่พื้นที่ที่ต้องการสร้างความกลมกลืนระหว่างโครงการฯ และชุมชนเข้าด้วยกัน สำหรับตัวโครงการ แบ่งออกเป็น 5 อาคาร โดยมีอาคาร Refinery ที่เป็นอาคารสำนักงาน ที่โดดเด่นด้วยการผสมผสานงานศิลปะเพื่อให้อาคารกระจกกลมกลืนกับฟาซาดอิฐของโรงงานกลั่นน้ำตาลด้านใน เสริมความทันสมัยด้วยโดมเรือนกระจก ในส่วนของ ‘The Vault’ พื้นที่ Multi-use วางดีไซน์ไว้ชั้นบนสุดสูงถึง 9 เมตร มอบวิวท้องฟ้าและทิวทัศน์ของแม่น้ำอีสต์แบบ 360 องศา โดยตัวอาคารนับเป็นจุดศูนย์กลางที่ถูกห้อมล้อมด้วยอาคารสำหรับที่อยู่อาศัย ร้านค้า โรงเรียน ฟิตเนส co-working space และมีพื้นที่ริมน้ำสาธารณะวางให้เป็นลานวิ่งออกกำลังกาย เครื่องเล่นสำหรับเด็ก และสิ่งอำนวยความสะดวกสำหรับคนทุกเพศ ทุกวัย และทุกไลฟ์สไตล์ กลายเป็นแลนด์มาร์กแห่งใหม่ของชาวนิวยอร์ก โดยโครงการนี้คาดว่าจะแล้วเสร็จสมบูรณ์ ในปี ค.ศ. 2030

Azabudai Hills – กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น

การเติบโตของเมืองสู่เส้นทางชีวิตวิถีใหม่ที่เชื่อมโยงผู้คนและธรรมชาติเข้าไว้ด้วยกัน

ผู้ดำเนินการพัฒนาโครงการ โดย Mori Building

ท่ามกลางการเติบโตที่ไม่หยุดนิ่งของมหานครโตเกียว ยังมีพื้นที่ที่กำลังรอการพัฒนาอยู่อย่างย่าน Toranomon-Azabudai พื้นที่รอบนอกของเมืองที่เต็มไปด้วยบ้านไม้และอาคารเก่าที่รอคอยการเปลี่ยนแปลง โดย Mori Building ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ได้ร่วมมือกับรัฐบาลญี่ปุ่นและชุมชนในพื้นที่โดยใช้เวลามากกว่า 30 ปี ในการวางแผนเพื่อยกระดับพื้นที่สู่มิติใหม่ ด้วยการสร้างสรรค์โครงการมิกซ์ยูส ภายใต้คอนเซ็ปต์ ‘Modern Urban Village’ ที่มีหัวใจสำคัญอยู่ที่การสร้างหมู่บ้านในพื้นที่เมืองสมัยใหม่ ที่ห้อมล้อมด้วยธรรมชาติและพื้นที่สีเขียวมากกว่า 20,000 ตารางเมตร เปรียบเสมือนโอเอซิสคลายร้อนกลางเมืองที่เต็มไปด้วยต้นไม้ ดอกไม้ และสายน้ำ เป็นต้น ความโดดเด่นของโครงการ Azabudai Hills คือ อาคารที่อยู่อาศัย 4 อาคาร รวมจำนวนกว่า 1,400 ยูนิต พื้นที่ใช้สอยรวม 860,400 ตารางเมตร มูลค่าการลงทุนกว่า 4.4 หมื่นล้านเหรียญ (ประมาณ 1.5 ล้านล้านบาท) ที่กระจายตัวอยู่ตามพื้นที่ต่างๆ ซึ่งภายในพื้นที่ของแต่ละอาคารจะมี Center Court เป็นพื้นที่มิกซ์ยูสที่นำเสนอไลฟ์สไตล์แตกต่างกัน ทั้งพื้นที่เชิงพาณิชย์ พื้นที่อาคารสำนักงาน พื้นที่โรงแรม พื้นที่สำหรับ เล่นกีฬาและสันทนาการ รวมไปถึงพื้นที่จัดแสดงศิลปะและวัฒนธรรม เป็นต้น นอกจากนี้ ยังมอบความเชื่อมโยงของคอมมิวนิตี้ภายในโครงการฯ ด้วยการเชื่อมต่อของพื้นที่แบบ Walkable design ที่ทำให้สามารถเดินถึงกันได้อย่างสะดวกสบายไร้รอยต่อ นอกจากนี้ ภายในโครงการฯ ยังมีพื้นที่ศูนย์เวชศาสตร์ป้องกัน ‘Keio University Center for Preventive Medicine’ ที่ให้ความรู้และออกแบบกิจกรรมสร้างเสริมสุขภาพเพื่อคนในชุมชน อาทิ ฟิตเนส สปา ร้านอาหารเพื่อสุขภาพ พื้นที่พืชสวนครัว และตลาดผักและผลไม้สด สำหรับภายนอกโครงการฯ ยังรายล้อมด้วยสถานที่สำคัญและจำเป็นต่อไลฟ์สไตล์ ทั้งโรงแรมชั้นนำ สถานพยาบาล และโรงเรียนนานาชาติ รวมทั้งสามารถเดินทางเชื่อมต่อสู่พื้นที่อื่นๆ ด้วยระบบสถานีรถไฟใต้ดินที่ตั้งอยู่ข้างโครงการฯ 2 สาย ทั้งสาย Tokyo Metro Namboku Line และสาย Tokyo Metro Hibiya Line

Tian An 1000 Trees – มหานครเซี่ยงไฮ้ ประเทศจีน

การเปลี่ยนแปลงสู่ยุคสมัยใหม่ ความศิวิไลซ์ที่ไม่เคยลืมรกราก

ผู้ดำเนินการพัฒนา โดย Tian An China Investment​

นครเซี่ยงไฮ้ หนึ่งในสี่นครปกครองโดยตรงของสาธารณรัฐประชาชนจีน ซึ่งได้รับการจัดอันดับเป็นหนึ่งในเมืองที่พัฒนา มากที่สุดในโลก และหนึ่งในศูนย์กลางทางเศรษฐกิจที่ใหญ่ที่สุดของโลกนั้น ในช่วงปี ค.ศ. 1930 เคยเป็นจุดยุทธศาสตร์ด้านการขนส่งและเป็นที่ตั้งของโกดังและโรงงานจำนวนมาก เพื่อใช้ประโยชน์จากการที่มี Suzhou Creek หรือ แม่น้ำอู่ซ่ง ไหลพาดผ่านเมืองเซี่ยงไฮ้ ที่ช่วยรองรับการขนส่งสินค้าไปยังตัวเมืองชั้นในของประเทศจีน ในเวลาต่อมา จากการขยายตัวของเมืองที่มีผู้คนย้ายเข้ามาอาศัยอยู่มากขึ้นเรื่อยๆ โรงงานเหล่านี้จึงได้ย้ายออกไปตั้งที่อื่น เหลือทิ้งไว้เพียงเศษซากอาคารโรงงานและโกดังริมแม่น้ำ เมื่อเวลาผ่านไป ซากอุตสาหกรรมและน้ำเสียจากการขยายตัวของเมืองก็ได้สร้างมลพิษให้แก่แม่น้ำอู่ซ่งเป็นอย่างมาก ในปี ค.ศ. 1992 รัฐบาลประชาชนเทศบาลนครเซี่ยงไฮ้จึงได้ริเริ่มโครงการพัฒนาเมืองในแถบนี้ จนเกิดเป็นโครงการ Suzhou Creek Rehabilitation ในปี ค.ศ. 1998 เพื่อพัฒนาพื้นที่ริมแม่น้ำที่มีความยาวกว่า 40 กิโลเมตรสายนี้ โดยโครงการ Tian An 1000 Trees เริ่มต้นก่อสร้างในปี ค.ศ. 2014 และด้วยแรงบันดาลใจจากทัศนียภาพ ที่สวยงามของเทือกเขาหวงซาน โครงการแห่งนี้จึงมีสถาปัตยกรรมคล้ายภูเขาสวยงามแปลกตา ทว่ามีความลื่นไหลและดูไร้ขอบเขต ที่ทุกองค์ประกอบรวมตัวเป็นหนึ่งเดียวจากโครงสร้างคล้ายเสากว่า 1,000 ต้น ที่ทุกต้นมีพืชพรรณปลูกบนยอดรวมกว่า 70 สายพันธุ์ โดย Tian An 1000 Trees เป็นโครงการมิกซ์ยูสที่มีพื้นที่กว่า 300,000 ตารางเมตร รายล้อมไปด้วยพื้นที่เชิงพาณิชย์หลากหลายรูปแบบเพื่อความต้องการของทุกๆ คน เช่นร้านอาหาร คาเฟ่ สตรีทฟู้ด ซูเปอร์มาร์เก็ต ไปจนถึงร้านค้าระดับลักชูรี่ พื้นที่เพื่อความบันเทิงอย่างโรงภาพยนตร์ ทั้งภายในและภายนอกอาคาร พื้นที่สำนักงาน และโรงแรมบูทีคหรูที่มอบวิวสวนและวิวแม่น้ำอู่ซ่งที่สวยงามสุดสายตา นอกจากไลฟ์สไตล์สมัยใหม่แล้ว ผู้มาเยือนจะยังได้สัมผัสกับประสบการณ์รูปแบบใหม่ ผ่านไฮไลต์สำคัญอย่าง M50 Arts District เขตศิลปะร่วมสมัยที่จัดแสดงศิลปะจากทั่วโลกและเป็นที่ตั้งของสตูดิโอศิลปะนับร้อยแห่ง ซึ่งได้รับการยกย่องทัดเทียมกับย่านโซโหของนครนิวยอร์ก และ 798 Art Zone ของกรุงปักกิ่ง รวมไปถึงการอนุรักษ์อาคารเก่าแก่บางส่วนที่มีมาแต่เดิมอย่างโรงโม่แป้งฟู่เฟิง (Fufeng Flour Mill) และโกดังเก็บของเก่า ด้วยแนวคิดของการฟื้นคืนชีวิตเพื่อแสดงความเคารพต่อวัฒนธรรมที่รุ่มรวยของเซี่ยงไฮ้ในอดีต โครงการ Tian An 1000 Trees จึงเป็นมากกว่าโครงการพัฒนาทั่วไป คือเป็นโครงการที่นำธรรมชาติกลับคืนมาสู่มนุษย์ที่แสดงออกถึงชีวิตชีวาและความอบอุ่นของสายสัมพันธ์ที่กลมเกลียวระหว่างมนุษย์กับธรรมชาติมาตั้งแต่อดีตกาล เกิดเป็นโอเอซิสสีเขียวแห่งใหม่ที่จะเป็นปอดของเมือง และเป็นที่นัดพบแห่งใหม่ของชาวเซี่ยงไฮ้และนักท่องเที่ยว

Dusit Central Park – กรุงเทพมหานคร ประเทศไทย  

Here for Bangkok จะอยู่ที่นี่…เพื่อกรุงเทพฯ 

ผู้ดำเนินการพัฒนา โดย บริษัท วิมานสุริยา จำกัด ภายใต้ความร่วมมือของ บริษัท ดุสิตธานี จำกัด (มหาชน) กับบริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) 

สีลม คือ 1 ใน 3 ของถนนสายแรกที่ก่อสร้างขึ้นในกรุงเทพฯ เส้นทางแห่งการค้าและพาณิชย์ของชาวต่างชาติ ตลอดจนที่ที่พำนักของขุนนางและคหบดีชั้นสูง ดังนั้น บนพื้นที่แห่งนี้จึงเต็มไปด้วยบ้านไม้สไตล์ฝรั่งที่สวยงาม รวมไปถึงโบสถ์ โรงเรียนคริสเตียน และยุคสมัยของรถรางที่เข้ามาช่วยเรื่องความสะดวกสบายในการสัญจรมากขึ้น ต่อมาด้วยวิสัยทัศน์ของ รัชกาลที่ 6 ได้มีการสร้างสวนสาธารณะ “สวนลุมพินี” ขึ้นเป็นสวนสาธารณะแห่งแรกของประเทศไทย ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงเชิงพาณิชย์ทั้งการก่อสร้างอาคารสูง 3 – 5 ชั้น จนถึง 10 ชั้น และการเข้ามาของบริษัทข้ามชาติมากมาย จนถูกขนานนามว่าเป็น “วอลล์สตรีท” ของประเทศไทย และถูกพัฒนาจนกลายเป็นจุดยุทธศาสตร์ทางเศรษฐกิจและไลฟ์สไตล์ที่มีความหลากหลายสำหรับทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ สิ่งหนึ่งที่สำคัญที่ยังคงอยู่เมื่อมีการพัฒนาในแต่ละยุคสมัย นั่นคือ โรงแรมดุสิตธานี กรุงเทพ ด้วยความสูง 23 ชั้น ทำให้เป็นอาคารที่สูงที่สุดในประเทศไทย ณ ขณะนั้น และเป็นสัญลักษณ์ของยุคสมัยใหม่ที่โดดเด่นเป็นสง่า และอยู่เคียงคู่คนไทยจนเป็นแลนด์มาร์กสำคัญใจกลางกรุงเทพฯ และเป็นหนึ่งในโครงการที่คอยต้อนรับคนไทยและต่างชาติ และขับเคลื่อนเศรษฐกิจของถนนสีลมเสมอมา

ตลอดจนปัจจุบัน โรงแรมดุสิตธานี กรุงเทพ ได้ก้าวข้ามแต่ยังคงสานต่อความงดงามของไทย สู่การพัฒนาโครงการมิกซ์ยูสที่ไม่เหมือนใครด้วยแนวคิด Here for Bangkok สร้างสรรค์บริบทใหม่แห่งการใช้ชีวิตของคนเมืองและนำกรุงเทพฯ ไปสู่ยุคสมัยใหม่อีกครั้ง ด้วยความมุ่งมั่นในพัฒนาเพื่อให้กรุงเทพฯ เป็นมหานครที่ดีสุดอีกแห่งหนึ่งของโลก บนพื้นที่กว่า 23 ไร่ (440,000 ตารางเมตร) มูลค่าโครงการรวม 46,000 ล้านบาท โดยความร่วมมือระหว่าง บริษัท ดุสิตธานี จำกัด (มหาชน) และ บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) ประกอบไปด้วย 4 ส่วนหลัก ได้แก่

  • Dusit Thani Bangkok โรงแรมดุสิตธานี กรุงเทพ โฉมใหม่ หรูระดับ 5 ดาว บนตึกความสูง 39 ชั้น ที่มอบประสบการณ์พักผ่อนเหนือระดับในภาพลักษณ์ใหม่ ด้วยความหรูหราอันมีเอกลักษณ์ของห้องพักและห้องสวีท 257 ห้อง เบื้องหน้าทัศนียภาพอันงดงามของสวนลุมพินีและขอบฟ้ากรุงเทพมหานคร พร้อมสร้างสรรค์บริการอาหารและเครื่องดื่มรสเลิศจากห้องอาหารและบาร์หรู อาทิ คานนูบี บาย อุมแบร์โต บอมบานา, พาวิลเลียน,  สไปร์ รูฟท็อป บาร์, 1970 บาร์, แกรนด์ ล็อบบี้ บาร์ และดุสิตกูร์เมต์ ผสานการบริการอย่างไทยที่สง่างามและทรงเสน่ห์ของดุสิต โดยได้เปิดต้อนรับแขกให้เข้ารับบริการแล้วเมื่อเดือนกันยายน พ.ศ. 2567 ที่ผ่านมา
  • The Residences at Dusit Central Park โครงการที่อยู่อาศัยระดับอัลตร้าลักชัวรี่ ที่นำเสนอลีฟวิ่งไลฟ์สไตล์ 2 รูปแบบภายในอาคารเดียว ทั้ง Living Concept เป็น Dusit Residences (ดุสิตเรสซิเดนเซส) และ Dusit Parkside (ดุสิตพาร์คไซด์) ที่โดดเด่นด้วยการดีไซน์ที่ผสมผสานกับศาสตร์ของฮวงจุ้ยที่คำนึงถึงแสงและทิศทางลมเป็นอย่างดี มาพร้อมการรองรับด้วย Branded Residences การบริการเหนือระดับแบบ Gracious Hospitality และมาตรฐานรับรองอาคารเขียวระดับโลก LEED Gold V.4.1 Residence Multi-Family เป็นอาคารที่พักอาศัยแห่งแรกในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่ได้รับมาตรฐานรับรองนี้ และด้วยความสูงถึง 299 เมตร จึงเป็นอาคารที่สูงที่สุด 1 ใน 5 ของประเทศไทย รับรองโดย สภาตึกสูงและที่อยู่อาศัยในเมือง CTBUH
  • Central Park Offices ตึกออฟฟิศระดับพรีเมี่ยมของคนเมืองที่เต็มไปด้วยสีสันและนวัตกรรมอันทันสมัย บนทำเล Super Core CBD ดีที่สุดใจกลางเมือง พร้อมมอบคุณภาพชีวิตเหนือระดับ The Future Work/Life for Global Visionaries
  • และพื้นที่เชิงพาณิชย์ Central Park Retail ศูนย์การค้าคอนเซ็ปต์ใหม่ ที่รวบรวมแบรนด์ชั้นนำทั้งจากในไทยและแบรนด์ระดับโลก พร้อมทั้งมุ่งเน้นการสร้างประสบการณ์ไลฟ์สไตล์ที่ผสมผสาน Curated Experience เข้ากับ Park Life เพื่อสร้างสรรค์ The New Luxury คอนเซ็ปต์ใหม่ที่ไม่เคยมีมาก่อน โดยทั้ง Central Park Offices และ Central Park Retail จะเปิดให้บริการภายในปีนี้

นอกจากนี้ ยังได้มอบพื้นที่สีเขียว คือ สวนสาธารณะลอยฟ้าขนาดใหญ่ 7 ไร่ (11,200 ตารางเมตร) “Roof Park” ที่มี
พรรณไม้ทั้งน้อยใหญ่ ที่โครงการฯ ได้ศึกษาและคัดเลือกมาเป็นอย่างดี อาทิ ทับทิมสยาม เล็บมือนาง  เฟิร์นบอสตัน
ลิ้นมังกร พลูด่าง เจอราเนียม สนหอม ดาวเรือง จามจุรี และพิทูเนีย เป็นต้น ที่ถูกออกแบบให้เป็นโอเอซิสสีเขียวขนาด
ใหญ่แลดูคล้ายเนินเขาที่ตั้งอยู่ใจกลางเมือง ที่เมื่อมองลงมาจากยอดจะพบกับทัศนียภาพที่สวยงามและรื่นรมย์ของสี
เขียวที่เชื่อมต่อกับสวนลุมพินี อย่างไร้ที่สิ้นสุด (Infinity Park) ซึ่งภายในมีพื้นที่กิจกรรม อาทิ Natural Trail และ
Jogging Track รวมไปถึงจุดสันทนาการรูปแบบต่างๆ เช่น อัฒจันทร์ สนามเด็กเล่น Food Passage พื้นที่ปิกนิก และ
พื้นที่สำหรับจัดอีเวนต์ โดยวางจุดมุ่งหมายเพื่อเป็นการยกระดับมาตรฐานชีวิตของสังคมเมืองผ่านการสร้างระบบนิเวศ
(Ecosystem) และนิเวศเมือง (Urban Ecology) ที่มอบความสุขและสุขภาพที่ดีให้แก่คน และเพิ่มพื้นที่สีเขียวเพื่อสร้าง
คุณภาพเมือง ที่จะเปิดให้บริการภายในปีนี้เช่นกัน ให้กรุงเทพฯ เป็นเมืองวัฒนธรรมแห่งอนาคตที่น่าอยู่อย่างยั่งยืน และ
กลายเป็นหมุดหมายใหม่ของชาวกรุงเทพฯ และนักท่องเที่ยวจากทั่วโลก

สนใจโครงการ The Residences at Dusit Central Park โทร 02-233-5889

หรืออีเมล [email protected]


แพทย์ดังอัพเดทเทรนด์ความงามมาแรง ในงานเปิดตัวโปรไฟโล (Profhilo) กับเทคโนโลยีปรับโครงสร้างผิว (Bio-Remodeling) สู่ผิวสุขภาพดีย้อนวัยระดับเซลล์

account_circle

Alma ผู้นำระดับโลกด้านเวชศาสตร์ความงามและเลเซอร์ เปิดตัว โปรไฟโล (Profhilo®) ที่มาพร้อมเทคโนโลยีปรับโครงสร้างผิว (Bio-Remodeling) สู่ตลาดความงามไทยอย่างเป็นทางการ พร้อมเฉลิมฉลองความสำเร็จในระดับโลกที่มีมากว่า 10 ปี  ในงาน “Alma Lasers (Thailand) Ltd. Gala Dinner Launching Night” โดยได้รับเกียรติจาก ศ.ดร.พญ. รังสิมา วณิชภักดีเดชา หัวหน้าภาควิชาตจวิทยาและหัวหน้าสาขาตจศัลยศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล, ดร.เอดิตตา บุตตูรา ดา ปราโต (ศัลยศาสตร์ช่องปากและแม็กซิลโลเฟเชียล, อิตาลี) วิทยากรให้ข้อมูลประจำ IBSA ที่ให้คำปรึกษาและบรรยายในระดับนานาชาติ, ดร.พญ.พลินี รัตนศิริวิไล แพทย์ที่ปรึกษาศูนย์ผิวหนัง และความงาม รพ. พญาไท 1 และ 2, นายอลอน ซีโอนิท ประธาน Alma Thailand และแพทย์ความงามชื่อดังจากทั่วประเทศ ตลอดจนเซเลบริตี้ และอินฟลูเอนเซอร์สายบิวตี้ร่วมงานคับคั่ง  ตอบโจทย์การดูแลสุขภาพผิวของผู้บริโภคยุคใหม่ที่มองหาผลลัพธ์เป็นธรรมชาติและยั่งยืน

เทรนด์ความงามเปลี่ยนแปลงไปตามยุคสมัย พร้อมกับความก้าวหน้าทางการแพทย์และเทคโนโลยีความงามที่ล้ำหน้าขึ้นเรื่อย ๆ ล่าสุดแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านความงามต่างให้ข้อมูลตรงกันว่า ผู้บริโภคยุคใหม่มุ่งเน้นความเป็นธรรมชาติ ยั่งยืน และหลีกเลี่ยงการฉีดสารแปลกปลอมเข้าสู่ร่างกาย ซึ่งผลิตภัณฑ์ปรับโครงสร้างผิวโปรไฟโล (Profhilo®) เป็นผลิตภัณฑ์จากสวิตเซอร์แลนด์ที่ได้รับการอนุมัติจากองค์การอาหารและยาสหรัฐ (FDA) และสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ของประเทศไทย ถือเป็นนวัตกรรมใหม่ที่ใช้เทคโนโลยี NAHYCO® ที่จดสิทธิบัตร และเทคโนโลยี Bio-Remodeling  ได้รับการยอมรับและเป็นที่นิยมในต่างประเทศมากว่า 10 ปีสามารถนำมาใช้ได้ทั้งแบบป้องกันและฟื้นฟู (Regenerative Medicine) ทำให้ผิวดูอ่อนเยาว์ขึ้นและทำงานได้ดีขึ้น เหมาะสำหรับคนที่ต้องการป้องกันริ้วรอยก่อนวัย หรือคนที่เริ่มมีสัญญาณแห่งวัย   

ศ.ดร.พญ. รังสิมา วณิชภักดีเดชา หัวหน้าภาควิชาตจวิทยาและหัวหน้าสาขาตจศัลยศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล ได้ให้ข้อมูลเกี่ยวกับการนวัตกรรมการปรับโครงสร้างผิวล่าสุด หรือ Bio-Remodeling ว่า “เทรนด์ของการดูแลคุณภาพผิวในยุคนี้ ผู้บริโภคเริ่มหลีกเลี่ยงการใช้สารแปลกปลอมเพื่อเพิ่มวอลลุ่ม เพราะหากเติมมากเกินไปก็จะดูแปลกและให้ผลลัพธ์ที่ไม่คงทน ดังนั้นการฟื้นฟูการทำงานของเซลล์ผิวตามธรรมชาติจึงได้รับความสนใจมากกว่า ซึ่งแนวคิดของ Bio-Remodeling คือการปรับสมดุลผิว กระตุ้นให้เซลล์ผิวกลับมาทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น เปรียบเสมือนเซลล์ผิวของวัยหนุ่มสาว ซึ่งคีย์หลักของเทคโนโลยีนี้คือการใช้กรดไฮยาลูโรนิกที่เกาะกันเป็นพิเศษ เมื่อฉีดเข้าสู่ผิวแล้วสามารถกระจายตัวในชั้นผิวได้ดี ทำให้ไม่ต้องฉีดหลายจุด จึงลดความเจ็บและทำให้เกิดแผลน้อยลง ถือเป็นเทคโนโลยีที่ตอบโจทย์ผู้รับบริการที่ต้องการผลลัพธ์แลดูเป็นธรรมชาติ และการปรับปรุงคุณภาพผิวอย่างยั่งยืนในระยะยาว”

ดร.พญ.พลินี รัตนศิริวิไล แพทย์ที่ปรึกษาศูนย์ผิวหนังและความงาม โรงพยาบาลพญาไท 1 และ 2 กล่าวว่า “ปัจจุบันเทรนด์ความงามเปลี่ยนไปอย่างเห็นได้ชัด ผู้คนหันมาให้ความสนใจกับแนวทาง ‘Natural Beauty’ มากขึ้น หรือพูดง่าย ๆ คือการดูแลตัวเองให้สวยขึ้น แต่ยังคงความเป็นธรรมชาติไว้โดยไม่ดูโป๊ะ ซึ่งเป็นเทรนด์ต่อเนื่องมาจาก 10-20 ปีก่อนที่ฟิลเลอร์เป็นหัตถการยอดนิยม แต่เมื่อเทคโนโลยีการแพทย์พัฒนาขึ้นกระแสนิยมความงามก็เริ่มเปลี่ยนไป โดยหลายคนเริ่มกลัว “Overfilled Syndrome” หรือภาวะที่ใบหน้าดูบวมเกินไปจากการฉีดสารเติมเต็ม ผู้บริโภคหันมาให้ความสำคัญกับผลลัพธ์ที่ดูเป็นธรรมชาติ ที่ไม่ต้องกังวลถึงผลข้างเคียงในระยะยาว หรือความเสี่ยงจากสารแปลกปลอมที่ฉีดเข้าสู่ร่างกาย พวกเขาจึงมองหาวิธีการที่ปลอดภัย เป็นธรรมชาติ และยังสร้างความเปลี่ยนแปลงได้อย่างชัดเจน ซึ่งเป็นแนวทางที่เรียกว่า ‘Settle but Significant'”

ดร.เอดิตตา บุตตูรา ดา ปราโต (ศัลยศาสตร์ช่องปากและแม็กซิลโลเฟเชียล, อิตาลี) วิทยากรให้ข้อมูลประจำ IBSA ที่ให้คำปรึกษาและบรรยายในระดับนานาชาติ ได้แชร์ประสบการณ์การใช้ Profhilo ในผู้รับบริการทั่วโลกว่า “เป้าหมายหลักของโปรไฟโล คือการกระตุ้นเซลล์ให้กลับมาทำงานได้ดีขึ้น  ช่วยเปลี่ยนแปลงกระบวนการเสื่อมของผิวและชั้นหนังแท้ไปในทิศทางที่ดีขึ้น ผลลัพธ์ดูเป็นธรรมชาติ โดยไม่เพิ่มปริมาตรให้ผิวหน้า เพราะ โปรไฟโลไม่ใช่สารเติมเต็ม (Filler) แต่คือผลิตภัณฑ์ Bio-Remodeling ที่ช่วยกระตุ้นการสร้างเซลล์ใหม่  นอกจากนี้ยังมีการนำโปรไฟโลไปใช้ในหลายสาขาทางการแพทย์ เช่น การรักษารอยแผลเป็นจากสิว (Acne Scars), โรคสะเก็ดเงิน (Psoriasis) และยังมีการศึกษาในด้านนรีเวชวิทยา (Gynecology) เช่น การฟื้นฟูเยื่อบุภายในทางเดินปัสสาวะและระบบสืบพันธุ์  ดังนั้นโปรไฟโลจึงเป็นนวัตกรรมที่ช่วยฟื้นฟูเนื้อเยื่อได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งเชื่อว่ายังมีอะไรอีกมากมายที่เราจะค้นพบจากผลิตภัณฑ์นี้ในอนาคต”

สรุป 7 ผลลัพธ์จากโปรไฟโล (Profhilo®) ที่แตกต่างและเป็นตัวเลือกของผู้บริโภคยุคใหม่

1️. กระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและอีลาสติน ช่วยให้ผิวแน่นกระชับและลดริ้วรอยอย่างเป็นธรรมชาติ
2️. ฟื้นฟูโครงสร้างผิวทุกระดับชั้น ตั้งแต่ลึกถึงตื้น (Bio-Remodeling)
3️. เพิ่มความชุ่มชื้นสูงสุด ด้วย HA เข้มข้น ให้ผิวดูฉ่ำโกลว์ สุขภาพดี
4️. ลดปัญหาผิวหย่อนคล้อยและริ้วรอยบริเวณใบหน้าและลำคอ ด้วยคุณสมบัติที่กระจายตัวได้ดี ไม่เป็นก้อน
5️. ช่วยฟื้นฟูรอยแผลเป็นและหลุมสิว จากการกระตุ้นเซลล์ Keratinocyte
6️. ออกฤทธิ์ยาวนาน 6-12 เดือน โดยไม่ต้องใช้สารเคมีเพื่อเชื่อม HA ลดความเสี่ยงต่อการแพ้ บวม หรือแดง
7️. เจ็บน้อย ฉีดเพียง 5 จุดต่อข้าง เมื่อเทียบกับฟิลเลอร์หรือสกินบูสเตอร์ทั่วไปที่ต้องฉีดมากกว่า 30 จุด

งานเปิดตัว Profhilo® ในประเทศไทยจัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่ โดยมีตัวแทนแพทย์ชั้นนำในวงการความงาม อาทิ แพทย์หญิงอัญชลี อมรรุ่งมีธรรม ผู้บริหาร Anjali Clinic, นายแพทย์ศิวะดล เลิศพรภวิชญ์ Head of Medical Specialist รัสภูมิคลินิค, แพทย์หญิงปรณีย์ ฉัตรธานี Hospital & Clinic Aesthetic Physician, Apex และแพทย์หญิงพิมพิดา วรัญญรัตนะ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร SLC Group ร่วมเป็นวิทยากรแลกเปลี่ยนองค์ความรู้และเทคนิคใหม่ ๆ โดยมีแพทย์ความงามและผู้เชี่ยวชาญจากทั่วประเทศเข้าร่วมกว่า 250 ท่าน และได้รับความสนใจจากเซเลบริตี้ อาทิ คุณมูนา อัล ซารูณีย์ และบิวตี้อินฟลูเอนเซอร์ที่มาร่วมสัมผัสนวัตกรรมความงามแห่งอนาคต  ปิดท้ายด้วยมินิคอนเสิร์ตจาก Bowkylion ที่มาร่วมสร้างสีสันและความประทับใจให้กับงาน

เปิดประสบการณ์ย้อนวัยผิว สู่ผิวสุขภาพดีไปอีกขั้นกับ Profhilo® ได้แล้ววันนี้ที่คลินิกความงามชั้นนำทั่วประเทศ




Aurner Eau de Parfum กลิ่นหอมแนวฟลอรัล ล่าสุดจาก Aesop พร้อม ear cuff คอลพิเศษร่วมกับ Patcharavipa

Aurner Eau de Parfum กลิ่นหอมแนวฟลอรัล ล่าสุดจาก Aesop พร้อม ear cuff คอลพิเศษร่วมกับ Patcharavipa

Alternative Textaccount_circle
Aurner Eau de Parfum กลิ่นหอมแนวฟลอรัล ล่าสุดจาก Aesop พร้อม ear cuff คอลพิเศษร่วมกับ Patcharavipa
Aurner Eau de Parfum กลิ่นหอมแนวฟลอรัล ล่าสุดจาก Aesop พร้อม ear cuff คอลพิเศษร่วมกับ Patcharavipa

ปลุกเร้ามิติใหม่แห่ง กลิ่นหอมแนวฟลอรัล ผ่านน้ำหอมใหม่ล่าสุด Aurner Eau de Parfum จาก Aesop ที่บานสะพรั่งอย่างท้าทาย ถ่ายทอดบทกวีสอดประสานกับความนุ่มนวลและตึงเครียดเข้าด้วยกัน ผ่านการปรุงกลิ่นหอมที่แตกต่างกันอย่างลงตัว จากเครื่องเทศที่เจือด้วยสมุนไพรเขียวสดชื่น ผสานกลิ่นดอกไม้และไม้หอมอันอบอุ่น

พร้อมรังสรรค์เครื่องประดับคอลเล็คชั่นแรกของแบรนด์ร่วมกับ @patcharavipa ถ่ายทอดกลิ่นหอมและอารมณ์ตึงเครียดผ่านการออกแบบ ear cuff โลหะแวววาวรูปทรงกลีบดอกไม้อันบอบบาง หากแต่แข็งแกร่งด้วยการเลือกใช้วัสดุ อีกทั้งยังเปี่ยมด้วยงานฝีมือแห่งภูมิปัญญาไทย

สัมผัสความหอมที่ไม่เหมือนใครของน้ำหอม Aurner Eau de Parfum ได้ที่ร้าน aesop ทุกสาขา พร้อมค้นพบคอลเล็คชั่นเครื่องประดับสุดพิเศษ Aurner Ear Cuff by Patcharavipa ที่วางขายแบบจำนวนจำกัดเฉพาะร้านค้า aesop ในบางสาขา

Aurner Eau de Parfum กลิ่นหอมแนวฟลอรัล ล่าสุดจาก Aesop พร้อม ear cuff คอลพิเศษร่วมกับ Patcharavipa


‘ความรักคือบ่วงพันธนาการ มัดแน่นจนอึดอัด ใช่คุณไหม?? ต้องเช็กแล้ว!!’ ดวงรายสัปดาห์ 25 กุมภาพันธ์-2 มีนาคม 2568

Alternative Textaccount_circle

‘ความรักคือบ่วงพันธนาการ มัดแน่นจนอึดอัด’

ดวงรายสัปดาห์ 25 กุมภาพันธ์-2 มีนาคม 2568

ผู้ที่เกิดวันอาทิตย์          

การงาน  :  สัปดาห์รอยต่อของเดือนเก่าขึ้นเดือนใหม่อย่างนี้ สำหรับชาวอาทิตย์ก็ยังอยู่กับผู้ใหญ่ อยู่กับสายบุญ สายกุศล งานหรือธุรกิจเพื่อสังคมอยู่นะคะ นอกจากนั้นยังเป็นสัปดาห์ที่คุณจะได้ใช้ความรู้ ความสามารถ ทักษะวิชาการที่เล่าเรียนมากับการทำงานหรือดำเนินธุรกิจค่อนข้างมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับผู้ที่อยากจะเดินทางไปแสวงหาประสบการณ์ หรือศึกษาต่อยังต่างถิ่นต่างแดน ก็เป็นช่วงเวลาที่ดี ผู้ใหญ่ให้การสนับสนุน  

การเงิน  :   ก็ยังมีโชคในเรื่องของผู้ใหญ่และทีมงานที่ดี เวลามีงานดีๆ เงินงามๆ เข้ามา พวกเขาก็จะคิดถึงคุณ รวมถึงงานบุญงานกุศล การบริจาคทานเพื่อช่วยเหลือผู้เดือดร้อนด้วย  หากมาจากแรงกายแรงใจของคุณเองทำแล้วจะได้เงิน ยกเว้นไปร่วมหุ้นร่วมทุนกับคนอื่น   

ความรัก  :  ผู้ใหญ่ก็ยังคอยติดตามดูแลคุณไม่ห่าง หรือไม่เช่นนั้นสัปดาห์นี้คุณก็มีภารกิจที่ต้องดูแลรับใช้ผู้ใหญ่ เป็นไปได้ที่จะไม่มีเวลาให้กับคู่ครอง จนกลายเป็นขัดแย้งกับคู่ครอง คนโสด  ก็ยังมีอยู่ภายใต้การดูแลและติดตามจากผู้ใหญ่ที่มีบุญและบารมี หรืออีกนัยหนึ่งก็คือคุณต้องติดตามรับใช้ท่านๆ อยู่ จนตัวเองไม่ได้ไปรับใช้ใครเลย

สุขภาพ  :  ก็ยังอยู่กับการแพ้อากาศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งฝุ่น ซึ่งจะมีผลต่อระบบหายใจ นอกจากนั้นหากสัปดาห์นี้ออกเดินทางไปต่างถิ่นต่างแดน ต้องระวังไข้หวัดใหญ่กำลังระบาด คุณมีความเสี่ยงที่จะติดเชื้อนั้นกลับมาฝากคนที่บ้านได้

ผู้ที่เกิดวันจันทร์

การงาน  :  สัปดาห์ชนเดือนของชาวจันทร์ก็ยังเหนื่อยอยู่นะคะ อาจเพราะคุณมีทักษะความรู้ ความสามารถ ความเชี่ยวชาญในหน้าที่การงานสูง ใครก็ต้องการไปทำงานหรือร่วมธุรกิจด้วย หากคุณชอบที่จะเดินทางออกไปเก็บประสบการณ์ชีวิตยังต่างถิ่นต่างแดนด้วยแล้ว ขอบอกว่ามีเกณฑ์เดินทางไปทำงานต่างถิ่น แต่ก็ต้องระวัง เพราะดวงถูกใส่ร้ายป้ายสียังมีอยู่ พวกอิจฉาริษยายังไม่คืบคลานออกจากชีวิตคุณ จึงมีโอกาสถูกกลั่นแกล้งสูงมาก  

การเงิน  :  ต้องเหนื่อยถึงจะได้เงินนะคะ ไม่ควรเข้าหุ้นหรือร่วมทุนกับใครพร่ำเพรื่อ เพราะเป็นไปได้ที่จะเจรจาเรื่องผลประโยชน์ไม่ลงรอยกัน ถูกชักดาบ ถูกโกงได้ง่ายๆ มีความเสี่ยงที่ทรัพย์สินจะหายด้วย

ความรัก  :  ก็ยังมีคำขวัญประจำครอบครัวที่ว่า ‘แยกกันเราอยู่ รวมกันเราอดตาย’  แต่สำหรับสัปดาห์นี้มีความเสี่ยงที่จะได้เพิ่มอีกประโยคว่า ‘รักแท้แพ้ใกล้ชิด’ แค่อยู่ห่าง เธอก็กลายเป็นของคนอื่นเสียแล้ว คนโสด  จากทำงานหนักจนไม่สนใจความรัก มาสัปดาห์นี้กลายเป็นทำงานหนักเพราะรักเป็นพิษเสียแล้ว

สุขภาพ  :   สัปดาห์นี้ก็ยังมีความเสี่ยงที่จะเป็นภัยจากการทำงานหนักอยู่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ที่ต้องเดินทางไปโน้นนี่เป็นประจำ ต้องระวังเรื่องความสะอาดมากเป็นพิเศษ เพราะมีโอกาสที่คุณจะติดเชื้อต่างๆ กลับมาฝากคนที่บ้านได้

ผู้ที่เกิดวันอังคาร

การงาน   เป็นสัปดาห์ที่ชาวอังคารคาดหวังความสำเร็จไว้สูงลิบลิ่ว ทั้งความรู้ ความสามารถ และบารมีของคุณ รวมทั้งผู้ใหญ่ที่คอยสนับสนุนส่งเสริม เพื่อนร่วมงาน และเจ้านายก็เมตตาเอ็นดูคุณ องค์ประกอบที่พร้อมทุกอย่างจนไม่สามารถโต้แย้งเลยว่า งานหรือธุรกิจที่คุณทำอยู่จะไม่ประสบความสำเร็จ แต่ก็อย่าประมาท เพราะช่วงนี้ดวงคุณยังไม่ค่อยดี จะมีปัญหาขลุกขลักตลอด เป็นไปได้ว่าจะถูกใส่ร้ายป้ายสีจนถึงมีคดีความทั้งทางแพ่งและอาญา ทางที่ดีควรหาเพื่อนที่รู้ใจมาช่วยกันทำงาน หรือปรึกษาผู้รู้ผู้มีประสบการณ์

 การเงิน  :   โชคของคุณจะมาพร้อมอำนาจและวาสนา แม้คุณจะวางแผนการเงินได้อย่างมีประสิทธิภาพเพียงไร แต่สัปดาห์นี้ไม่ควรให้ใครกู้ยืมเงิน หรือเซ็นค้ำประกันใคร โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ใหญ่ เพราะมีความเสี่ยงที่คุณจะต้องรับผิดชอบหนี้สินแทน

ความรัก  :  เป็นไปได้ว่าสัปดาห์นี้ผู้ใหญ่จะให้ท้ายคุณจนไม่แคร์คู่ครองก็ได้นะ   คนโสด  สัปดาห์นี้ชาวอังคารมีโอกาสเปลี่ยนใจจากเด็กมาเป็นผู้ใหญ่ก็ได้ เป็นไปได้ว่าเด็กพูดกันไม่รู้เรื่อง สู้ผู้ใหญ่ไม่ได้ ที่เข้าใจและอบอุ่นกว่าเยอะ

สุขภาพ  :   ก็ยังพลังเยอะ ดูแลตัวเองดี ไม่ค่อยเจ็บป่วยกับใครง่ายๆ มีความเสี่ยงที่สัปดาห์นี้กระดูกจะเป็นปัญหาให้คุณ มีอาการกระดูกพรุน นอกจากนั้นยังมีโอกาสเกิดอุบัติเหตุ เช่น ลื่นล้ม ตกบันได ข้อเท้าพลิก อีกด้วย อย่าประมาท

ผู้ที่เกิดวันพุธ

การงาน  :  สัปดาห์นี้ชาวพุธมีเทพพระพุธสถิตอยู่ในดวงของคุณ ดังนั้น จึงมีความเป็นไปได้ที่ยังได้ทำงานหรือธุรกิจที่ต้องใช้ความสามารถทางวาทศิลป์ในการติดต่อประสานงาน โฆษณา-ประชาสัมพันธ์ สื่อมวลชน สื่อสารองค์กร งานขาย ฯลฯ ซึ่งสัปดาห์นี้มีโอกาสที่คุณจะเข้าไปเกี่ยวข้องกับเรื่องเงินๆ ทองๆ เยอะมาก หรือพูดแล้วต้องได้เงิน แต่เป็นไปได้ว่าจะเป็นในลักษณะที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออกมากกว่า ต้องทำงานที่นอกเหนือจากที่ตกลงกันไว้ หรือตกเป็นแพะรับบาป ต้องรับผิดในสิ่งที่ไม่ได้ทำ ทางที่ดีควรเปิดใจรับฟังความคิดเห็นของคนอื่นให้มากๆ  

การเงิน  :  มีโอกาสดีขึ้น เพราะหลังจากช่วยคนอื่นมาเยอะแล้ว คราวนี้คุณขอช่วยเหลือตัวเองบ้าง ก็นับว่าแต้มบุญคุณยังดี เพราะพอคิดถึงเงินเงินก็เข้ามาหลายๆ ช่องทาง  

ความรัก  :  จริงๆ แล้วชีวิตคู่ของคุณก็ราบรื่นดี ได้อยู่กับคู่ครองที่มีความคิดเห็นและทัศนคติที่ตรงกัน แต่รู้สึกว่าสัปดาห์นี้จะมีเรื่องเงินเข้ามาเกี่ยวข้อง จนเป็นไปได้ว่าจากใจที่เคยหนักแน่นเริ่มจะอ่อนไหวเสียแล้ว คนโสด มีเสน่ห์ต่อเพศตรงข้ามนะคะ ซึ่งเป็นไปได้ว่าสัปดาห์นี้เรื่องเงินจะเป็นปัจจัยสำคัญให้ใจของคุณโลเล

สุขภาพ   :  เป็นไปได้ว่าสัปดาห์นี้มีโอกาสเสียเงินไปกับการทำฟัน อุดฟัน ดูแลรักษารากฟัน ฯลฯ นอกจากนั้นก็ทำงานหนักจนร่างกายไม่ได้พักผ่อน มีความเสี่ยงที่ระบบหมุนเวียนน้ำ และต่อมไร้ท่อต่างๆ จะมีปัญหา ต้องเจียดเงินที่หามาได้ไปหาหมอนะ

ผู้ที่เกิดวันพฤหัสบดี

การงาน  :   สัปดาห์ชนเดือนของชาวพฤหัสมีโอกาสที่จะเป็นไปในทางที่ดี หากใครที่ฝืนใจทำงานหรือธุรกิจที่ไมได้รัก ไม่ได้ชอบ หรือไม่ใช่ตัวเองอยู่ สัปดาห์นี้เป็นไปได้ว่าจะมีเฮ โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ที่อยากมีธุรกิจของตัวเอง หรือเป็นนายตัวเอง เพราะโอกาสนั้นมาถึงแล้ว เป็นไปได้ว่าคุณจะได้ค้นคว้า ค้นพบสิ่งใหม่ๆ สร้างงานใหม่ หรือนวัตกรรมใหม่ๆ รวมถึงผลงานที่เก่าเก็บก็จะกลับมาสร้างชื่อให้คุณ

การเงิน  :   เป็นไปได้ว่าจะมีเงินเข้ามาตลอดๆ ประมาณนั่งเก็บเงินอยู่กับบ้าน แต่จะค่อยๆ เป็นค่อยๆ ไป ไม่ถึงกับร่ำรวย ก็ระวังถูกหลอก ถูกโกง ตกเป็นเหยื่อมิจฉาชีพด้วย

ความรัก  :   สัปดาห์นี้ แม้มีความเป็นไปได้ที่ความรักความเข้าใจกันของคนสองคนกำลังผลิดอกงดงามจนไม่สามารถจะตัดกันได้ขาดหรือแยกจากกันไปไหน แต่ต้องค่อยๆ เป็นค่อยๆ ไป อย่ารีบร้อน ต้องให้พื้นที่ความเป็นส่วนตัวของกันและกันด้วย คนโสด  เป็นไปได้ว่าความรักและความหลงจะกลายเป็นบ่วงพันธนาการตัวคุณเองจนไม่มีความสุข จึงควรให้เวลากันและกันบ้าง อย่าผูกมัดกันเกินไป

สุขภาพ   :  ต้องระวังพวกโรคเลือด ดีซ่าน ไวรัสตับอักเสบ ต่อมน้ำเหลืองไม่ดี ซึ่งหากมีอาการคุณควรไปพบแพทย์ ไม่ควรซื้อยามารับประทานเอง เพราะมีความเสี่ยงที่โรคจะเรื้อรังและกำเริบ  

ผู้ที่เกิดวันศุกร์

การงาน  :   สำหรับชาวศุกร์เริ่มต้นสัปดาห์ปลายเดือนเก่าขึ้นเดือนใหม่ด้วยทิศทางที่ดี โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ที่ทำงานหรือดำเนินธุรกิจที่เกี่ยวกับการเกษตร ตกแต่งสวน งานศิลปวัฒนธรรม โอทอป ฯลฯ คุณมีโอกาสประสบความสำเร็จ มีชื่อเสียง ผู้ใหญ่ให้การส่งเสริมและสนับสนุนในสิ่งที่ตั้งใจไว้ แต่ต้องบอกว่าเส้นทางของคุณไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ เพราะเป็นไปได้ว่าที่จะถูกบีบจนอึดอัดไปหมด ทั้งบรรยากาศการทำงาน เพื่อนร่วมงาน และเจ้านาย แต่หากก้าวข้ามผ่านอุปสรรคนี้ไปได้ คุณมีโอกาสได้พบกับความสำเร็จที่รออยู่

การเงิน  :  มีโอกาสได้คุณจะได้โชคจากการซื้อ-ขายที่ดิน จนถึงได้มรดก แต่ต้องระวังเพราะมีความเสี่ยงที่จะเป็นเงินร้อน หรือต้องผ่านการแย่งชิง ขัดแย้งผลประโยชน์จนคุณเดือดร้อน ก็พยายามเข้าหาผู้ใหญ่ไว้ เพราะท่านสนับสนุนคุณ

ความรัก :   จริงๆ คุณมีชีวิตคู่ที่ดี มีคู่ครองที่เข้าใจและรักคุณอย่างจริงใจ แต่สัปดาห์นี้ต้องระวัง เพราะมีความเสี่ยงเหลือเกินที่ช่วงเวลาแห่งความสุขจะเปลี่ยนเป็นความร้อนแรงแห่งความหึงหวง การประชดประชัน นึกอยากทำอะไรก็ทำ โดยไม่แคร์กันแล้ว  คนโสด  มีโอกาสได้พบกับคนรักที่ดีที่จริงใจและจริงจังกับคุณ แต่ก็เผื่อใจไว้หน่อย เพราะเขาน่าจะมีเจ้าของอยู่ ยังคาราคาซัง

สุขภาพ  :  ต้องระวังพวกอารมณ์ทางด้านลบ เช่น ความโกรธ ความหึง ความแค้น จะเป็นภัยกับสุขภาพของตัวเอง เกิดเป็นความเครียด ปวดศีรษะ ไมเกรน นอกจากนั้นยังส่งผลไปถึงเรื่องไขมัน ความดันด้วย

ผู้ที่เกิดวันเสาร์

การงาน  :  สัปดาห์ชนเดือนของชาวเสาร์ก็ยังอยู่กับงานหรือธุรกิจที่ครีเอทีฟ เช่น บันเทิง นักแสดง นักร้องดีไซเนอร์ นักประพันธ์ นักออกแบบ-ตกแต่ง เสริมสวย นอกจากนั้นสัปดาห์นี้คุณยังมีโอกาสได้ร่วมงานหรือร่วมหุ้นทำธุรกิจกับเพื่อนหญิง หรือญาติผู้หญิง ในสินค้าหรือบริการที่เกี่ยวกับน้ำด้วย โดยเป็นไปได้ว่าผู้ใหญ่จะสนับสนุนและส่งเสริมช่วยเหลือ รวมถึงผู้ที่ร่วมหุ้นก็เมตตาเอ็นดูคุณอยู่

การเงิน  :  มีโชค หาเงินง่าย ใช้คล่อง เป็นไปได้ว่าสัปดาห์เงินเดือนออกแบบนี้คุณจะเพลิดเพลินกับการช็อปปิ้ง ซื้อของฝากเพื่อนสาว ลูกสาว และผู้สูงอายุ

ความรัก  :   ก็ยังแฮปปี้กับการสังสรรค์ปาร์ตี้นอกบ้าน ซึ่งสัปดาห์นี้เป็นไปได้ว่าคุณจะมีเพื่อนเที่ยวแล้วล่ะ อย่าลืมคิดถึงใจคนที่รออยู่ที่บ้านด้วยนะคะ เกรงใจผู้ใหญ่ด้วย คนโสด เสน่ห์มาเต็มๆ เลยค่ะ ทั้งเพศตรงข้าม เพศเดียวกัน เด็กและผู้สูงอายุมากันหมดเลย ซึ่งคุณก็ยังไม่เลือกใครเลย

 สุขภาพ   :   ก็ยังมีความเสี่ยงในเรื่องการกินดื่มอยู่นะคะ ที่จะส่งผลต่อลำไส้ และกระเพาะอาหาร นอกจากนั้นยังต้องระวังอุบัติเหตุจากความประมาท ในเรื่องการขับขี่ และการลื่นล้ม ตกบันได ข้อเท้าพลิกแพลง เป็นต้น

Beyond The Vines

Beyond The Vines “ParaSatchel และ ParaPouch” เพื่อนคู่ใจของคนยุคใหม่

account_circle
Beyond The Vines
Beyond The Vines

หากคุณกำลังมองหากระเป๋าที่ลงตัวทั้งฟังก์ชันและสไตล์ Beyond The Vines กลับมาอีกครั้งกับ ParaSatchel รุ่นใหม่ล่าสุดจากคอลเล็คชั่น Para Series ซึ่งพร้อมวางจำหน่ายแล้ว บอกเลยว่างานนี้สายแฟและสายเดินทางต้องไม่พลาด!

กระเป๋า Beyond The Vines “ParaSatchel และ ParaPouch” เพื่อนคู่ใจของคนยุคใหม่

ParaSatchel: ดีไซน์เรียบหรู ตอบโจทย์ชีวิต On-the-Go

หลังจากความสำเร็จถล่มทลายของ ParaPack ที่กลายเป็นไอเท็ม Must-Have ของใครหลาย ๆ คน ParaSatchel จึงถูกพัฒนาขึ้นเพื่อตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ที่หลากหลายมากขึ้น ด้วยดีไซน์ที่กว้างขวางแต่ยังคงโครงสร้างชัดเจน มีพื้นที่จัดเก็บเพียงพอสำหรับของใช้จำเป็นในชีวิตประจำวัน ไม่ว่าคุณจะเดินทางไปทำงาน เที่ยว หรือใช้ชีวิตแบบเร่งรีบ กระเป๋ารุ่นนี้จะเป็นตัวช่วยที่ทำให้ทุกอย่างง่ายขึ้น

กระเป๋าผลิตจาก ไนลอนรีไซเคิล 100% ทำให้กระเป๋ามีน้ำหนักเบา แต่ทนทาน พร้อมลุยทุกสถานการณ์ มาใน 2 ขนาด และ 6 เฉดสีสุดมินิมอล ให้เลือกแมตช์กับทุกลุค

ราคา: ParaSatchel 001 – 2,490 บาท | ParaSatchel 002 – 2,990 บาท

ParaPouch: กระเป๋าจัดระเบียบที่ครบครันที่สุด


นอกจาก ParaSatchel แล้ว Beyond The Vines ยังเปิดตัว ParaPouch ซึ่งพร้อมวางจำหน่ายวันที่ 14 มีนาคม 2568 โดยถูกออกแบบมาให้เป็น กระเป๋าจัดระเบียบขนาดกะทัดรัด ที่มีฟังก์ชันการใช้งานอย่างลงตัว

ดีไซน์ซิป 3 ชั้น พร้อมกระเป๋าเล็กด้านใน ช่วยให้คุณจัดระเบียบของใช้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ผลิตจาก ไนลอนรีไซเคิล 100% เช่นเดียวกับ ParaSatchel น้ำหนักเบา พกพาสะดวก มาใน 3 โทนสีแบบ Colourblock ได้แก่ Cobalt, Forest และ Lilac ราคา: 1,650 บาท

Para Series คือคอลเล็คชั่นที่คุณต้องมี!


Beyond The Vines ยังคงรักษาเอกลักษณ์ของแบรนด์ไว้อย่างดี ด้วยการออกแบบที่มุ่งเน้นความอเนกประสงค์ พกพาสะดวก และเหมาะกับไลฟ์สไตล์ของคนยุคใหม่ ParaSatchel และ ParaPouch ไม่ใช่แค่กระเป๋าธรรมดา แต่เป็นไอเท็มที่ช่วยให้ชีวิตง่ายขึ้น ไม่ว่าคุณจะเป็นสายมินิมอลหรือสายแฟ รับรองว่าใช้แล้วจะติดใจ

 เตรียมช้อปกันได้เลยที่ Beyond The Vines ตั้งแต่วันที่ 21 ก.พ. และ 14 มี.ค. นี้


มาร์ติน แคมป์เบลล์

ย้อนรอยความเดือด มาร์ติน แคมป์เบลล์ เจ้าพ่อผู้ปั้นดาว

Alternative Textaccount_circle
มาร์ติน แคมป์เบลล์
มาร์ติน แคมป์เบลล์

มาร์ติน แคมป์เบลล์ ถือเป็นหนึ่งในผู้กำกับภาพยนตร์สายแอ็กชันที่ได้รับการยกย่องมากที่สุดในโลก จากผลงานที่สร้างความโดดเด่นและมีสไตล์อันเป็นเอกลักษณ์รวมถึงภาพยนตร์เรื่อง “James Bond” ที่เขากำกับสองภาคก็ล้วนได้รับคำชื่นชมจากนักวิจารณ์และผู้ชมมากมาย

แคมป์เบลล์เริ่มต้นด้วยการกำกับกับซีรีส์แอ็กชันตำรวจอังกฤษเรื่อง “The Professionals” (1978-1980) ตามด้วยซีรีส์ยอดนิยมของ BBC อย่าง “Shoestring” (1980) และ “Minder” (1980) เขาได้รับการยอมรับว่าเป็นหนึ่งในผู้กำกับชั้นนำของอังกฤษ และได้กำกับมินิซีรีส์ความยาว 6 ชั่วโมงเรื่อง “Edge of Darkness” (1985) ที่ส่งให้เขาคว้ารางวัล BAFTA ไปถึง 6 สาขา

ส่วนผลงานภาพยนตร์เขาได้กำกับภาพยนตร์เรื่องแรกเมื่อปี 1988 เรื่อง “Criminal Law” และมีผลงานออกมาอย่างต่อเนื่องจนเมื่อปี 1995 แคมป์เบลล์แท็กทีมกับ “เพียร์ซ บรอสแนน” คืนชีวิตให้สายลับระดับตำนาน “เจมส์ บอนด์” ใน “Goldeneye” จนเขาได้รับการยกย่องว่าช่วยฟื้นฟูแฟรนไชส์นี้โดยภาพยนตร์ทำรายได้ทั่วโลกไปมากกว่า 350 ล้านดอลลาร์

ปลายปี 2006 แคมป์เบลล์กลับมาชุบชีวิตให้แฟรนไชส์ “เจมส์ บอนด์” อีกครั้งด้วย “Casino Royale” ที่ได้นักแสดงมากฝีมือ “แดเนียล เครก” มารับบทสายลับ 007 เป็นครั้งแรก โดยมันไม่เพียงประสบความสำเร็จด้านรายได้เท่านั้น แต่ยังได้รับการยกย่องว่าเป็น “หนึ่งในหนังบอนด์ที่ดีที่สุดตลอดกาล” ด้วย

นอกจากนี้ เขาก็ยังมีผลงานออกมาอย่างต่อเนื่องไม่ว่าจะเป็น “Edge of Darkness” (2010), “The Foreigner” (2017), “The Protégé” (2021) รวมถึงหนังแอ็กชันระทึกขวัญ “Memory” (2022) ที่เป็นการรีเมกหนังเบลเยียมปี 2003 เรื่อง “The Memory of a Killer” ซึ่งประสบความสำเร็จทั้งด้านคำวิจารณ์และยอดสตรีมมิง

และในปีนี้ “มาร์ติน แคมป์เบลล์” คัมแบ็กสู่การกำกับภาพยนตร์แอ็กชันทริลเลอร์ที่ทุกคนรอคอยใน “Cleaner ไต่ระทึก ตึกนรก” เตรียมส่ง “เดซี ริดลีย์” สู่ “แอ็กชันสตาร์สาวคนใหม่” หลังจากที่เคยผลักดันให้ “แดเนียล เครก” กลายเป็นตำนาน 007 มาแล้ว พร้อมพลิกคาแร็กเตอร์ของริดลีย์อย่างสิ้นเชิงจาก “เจไดสาว” สู่ “นักกอบกู้ชีวิต” ที่ต้องเสี่ยงตายเพื่อช่วยเหลือตัวประกันกว่า 300 ชีวิตรวมถึงน้องชายของเธอจากผู้ก่อการร้ายสุดคลั่งบนตึกสูงเสียดฟ้ากว่า 1,000 ฟุต

อะไรที่ดึงดูดให้คุณสนใจกำกับภาพยนตร์เรื่อง “Cleaner”

เพราะบทที่ “ไซมอน อัตลีย์” เขียนนั้นยอดเยี่ยมมาก ระทึกตั้งแต่ต้นจนจบ มันเป็นหนึ่งในบทที่อ่านแล้ววางไม่ลง พอเปิดหน้าแรกรู้ตัวอีกทีก็อ่านมาถึงหน้า 95 แล้ว มันเป็นหนังระทึกขวัญไฮคอนเซปต์ที่มีหัวใจว่าด้วยเรื่องราวความผูกพันของพี่น้อง 

ไซมอนมีลูกชายที่มีความหลากหลายทางระบบประสาท เขานำมันมาถ่ายทอดลงไปในตัวละคร “ไมเคิล” น้อยชายของ “โจอี้” ซึ่งรับบทโดย “เดซี ริดลีย์” ถ่ายทอดประสบการณ์จริงจากการเลี้ยงดูลูกชายมาสร้างเป็นตัวละครที่มีมิติและสมจริง สิ่งที่ทำให้ยิ่งพิเศษขึ้นไปอีกคือเราได้ “แมตทิว ทัก” มารับบท “ไมเคิล” ซึ่งเขาเองก็มีความหลากหลายทางระบบประสาทเหมือนตัวละคร การที่ได้นักแสดงที่มีประสบการณ์ตรงมาแสดงช่วยให้การถ่ายทอดตัวละครและความสัมพันธ์กับเดซีออกมาได้อย่างน่าประทับใจ เราไม่น่าจะหาใครที่เหมาะสมกับบทไมเคิลไปกว่านี้แล้ว

ทำไมถึงเลือกให้ตัวเอกเป็นผู้หญิง

ผมชอบตัวละครเอกที่เป็นผู้หญิง ผมกำกับหนังที่มีผู้หญิงเป็นตัวเอกหลายเรื่อง และมักจะทำให้พวกเธอเป็นซูเปอร์ฮีโร่ จัดการกับฝ่ายรักษาความปลอดภัยที่ถูกฝึกมาอย่างดีเป็นสิบคนโดยที่เหงื่อยังไม่ตกเลย แต่ผมคิดว่าทุกอย่างที่เกิดขึ้นในหนังเรื่องนี้สามารถเกิดขึ้นได้จริง และแน่นอนว่าอยู่ในขีดความสามารถของตัวละคร

เล่าถึงเหตุการณ์ที่ทำให้ “โจอี้” ต้องพาน้องชายไปทำงานด้วยหน่อย

วันนั้นเธอมาทำงานสาย เพราะได้รับโทรศัพท์จากสถานดูแลที่น้องชายอยู่ว่าเขาถูกไล่ออก สาเหตุเพราะเขารู้สึกว่าสถานดูแลขโมยเงินของเขา เธอจึงต้องไปรับเขาก่อน แม้ว่าจะไปทำงานสายแล้ว ตัวเลือกเดียวของเธอคือต้องพาน้องชายไปทำงานด้วย เธอฝากเขาไว้กับเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย และเริ่มกะตามปกติ แต่แน่นอนว่าเขาแอบหนีจากการดูแลของเจ้าหน้าที่ไปได้ และขึ้นไปบนตึกเพื่อตามหาพี่สาว แล้วเรื่องราวความมันส์ก็บังเกิด

ความสัมพันธ์ระหว่าง “โจอี้” กับ “ไมเคิล”

ความสัมพันธ์ของพวกเขาเปราะบางมาตั้งแต่แรก ทั้งคู่เป็นเด็กมีปัญหา เราจะเห็นมันตั้งแต่ซีนเปิดเรื่องที่ย้อนไปเมื่อ 20 ปีก่อน ตอนที่พวกเขายังเป็นเด็ก ชัดเจนว่าพวกเขามีพ่อที่ชอบใช้ความรุนแรง อาจเป็นพวกขี้เมา และแม้ว่าแม่จะพยายามปกป้องลูกชาย แต่ “โจอี้” มักจะทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นมาตลอด มันเป็นเรื่องราวของความสัมพันธ์ที่เคยแตกร้าว และการที่พวกเขาผสานมันกลับมาอีกครั้ง

การทำงานกับนักแสดงในเรื่องนี้เป็นอย่างไรบ้าง

สำหรับผมไฮไลต์คือการได้ทำงานกับทีมนักแสดงมากฝีมือ “เดซี ริดลีย์” ไม่เพียงแต่เป็นนักแสดงที่เก่ง แต่เธอยังทำงานด้วยได้ง่ายมาก เธอมอบทุกอย่างให้หนัง ไม่เพียงมีอารมณ์ขัน แต่ยังแสดงความหัวร้อนตามตัวละครออกมาได้ดี ส่วน “ทาซ สกายลาร์” เขาก็ปล่อยของเต็มที่ เขาขึ้นกล้องมากเป็นดาวรุ่งอนาคตไกลของแท้

คุณเคยกำกับ “ไคลฟ์ โอเวน” ในเรื่อง “Beyond Borders” การได้กลับมาร่วมงานกันอีกครั้งใน “Cleaner” เป็นอย่างไรบ้าง

ผมเคยร่วมงานกับ “ไคลฟ์” มาก่อน เขาเป็นทั้งคนน่ารักและนักแสดงที่ยอดเยี่ยม ฝีมือของเขาพูดแทนตัวเองอยู่แล้ว แล้วที่น่าสนใจคือนอกจอเขาเป็นคนตลกมาก ทุกอย่างที่เขาทำมันแสดงให้เห็นว่าเขาเป็นนักแสดงที่เก่งมากๆ นั่นแหละคือตัวตนของเขา

คุณชอบซีนไหนที่สุดในเรื่อง

ซีนโปรดของผมในหนังเรื่องนี้คือซีนอารมณ์ระหว่าง “โจอี้” กับน้องชายของเธอ แม้ว่าซีนแอ็กชันจะออกมาเร้าใจ แต่สำหรับผมนั้นไม่ใช่หัวใจหลัก ความสัมพันธ์ระหว่าง “โจอี้” กับ “ไมเคิล” ต่างหากที่สำคัญ รวมถึงความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับ “ทาซ” อดีตเพื่อนรักที่หักหลังเธอ ซึ่งในที่สุดก็บีบให้ทั้งสองฝ่ายต้องมาประจันหน้ากัน

การถ่ายทำในตึกสูงมีความท้าทายอย่างไร

ส่วนใหญ่เราถ่ายทำในสตูดิโอซึ่งมีความท้าทายตรงที่เมื่อคุณอยู่บนตึก คุณต้องเห็นตึกทั้งหมดที่อยู่ตรงข้าม ต้องเห็นทุกอย่างสะท้อนในกระจก เราจึงต้องติดจอขนาดใหญ่รอบฉากเพื่อฉายภาพที่เราต้องการ แต่เราก็ถ่ายทำที่ตึกจริงด้วย มีทีมงานลงไปถ่ายในกระเช้าเช็ดกระจก เก็บภาพพื้นหลังมากมาย ซึ่งสิ่งที่ได้จากการถ่ายที่ตึกจริงๆ ผมว่ามันใช้ประโยชน์ได้เยอะ

ในแง่ของธีมและเนื้อหาของหนัง

มันมีความร่วมสมัย เพราะเกี่ยวข้องกับบริษัทพลังงานยักษ์ใหญ่ที่มีฉากหน้าเป็นอย่างหนึ่ง อย่างในเรื่องของเราบริษัทนั้นอ้างว่าเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมเต็มที่ แต่เบื้องหลังนั้นกลับหาประโยชน์จากทุกช่องโหว่เท่าที่ทำได้ ทำตรงข้ามกับสิ่งที่พวกเขาสร้างภาพต่อสาธารณะ

คุณคิดว่าผู้ชมจะได้อะไรจากหนังเรื่องนี้

ผมคิดว่าผู้ชมจะได้รับประสบการณ์ที่ยอดเยี่ยม ระทึกแบบไม่ให้พักหายใจ ไม่เพียงแต่ความระทึกขวัญที่ต้องจิกเบาะ น่าตื่นเต้น แต่ยังมีอารมณ์ขันแทรกอยู่ตลอดทั้งเรื่อง ในขณะเดียวกันก็จริงจังมากในแง่ของโทนเรื่องมันน่าทึ่งมาก และผมคิดว่าความสัมพันธ์ระหว่าง “ไมเคิล”, “โจอี้” และ “ทาซ” ยังน่าติดตามไม่แพ้กัน

นรกขุมนี้อยู่สูงเสียดฟ้า และ “เธอ” คือทางรอดเดียวของวินาศกรรมครั้งนี้ “Cleaner ไต่ระทึก ตึกนรก” ภาพยนตร์แอ็กชันทริลเลอร์ High Concept ระห่ำเต็มข้อจากผู้กำกับ “มาร์ติน แคมป์เบลล์” (Casino Royale) นำแสดงโดย “เดซี ริดลีย์” (แฟรนไชส์ Star Wars), “ทาซ สกายลาร์” (One Piece) และ “ไคลฟ์ โอเวน” (Children of Men, Sin City) มันส์เสียดฟ้าตั้งแต่ 20 กุมภาพันธ์นี้ เป็นต้นไป ในโรงภาพยนตร์

มินนี่ (G)I-DLE

มินนี่ แห่งวง (G)I-DLE เปิดตัวตนอีกมุมให้รู้จักผ่านนิทรรศการ

Alternative Textaccount_circle
มินนี่ (G)I-DLE
มินนี่ (G)I-DLE

มินนี่ แห่งวง (G)I-DLE เปิดตัวตนอีกมุมให้รู้จักผ่านนิทรรศการ และรูปภาพ กับ “MINNIE POP-UP STORE [HER]” เพื่อฉลองการเปิดตัวอัลบั้มเดี่ยวครั้งแรก

มินนี่ (G)I-DLE

เหล่า ‘NEVERLAND’ ชาวไทย เตรียมตัวให้พร้อมที่จะไปสัมผัสตัวตน และค้นพบโลกอีกมุมหนึ่งของไอดอลสาว “MINNIE” (มินนี่) แห่งวง (G)I-DLE หรือ “มินนี่-ณิชา ยนตรรักษ์” ผ่านโลกแห่งศิลปะ และรูปภาพ กับ “MINNIE POP-UP STORE [HER]” เพื่อฉลองการเปิดตัวอัลบั้มเดี่ยวครั้งแรกของเธอ ในระหว่างวันที่ 19 – 23 กุมภาพันธ์ 2568 เวลา 10.00 – 22.00 น. ณ ชั้น 1 โซน Beacon 2 ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ หลังจากประสบความสำเร็จอย่างมากในประเทศเกาหลี

ภายในงานแฟนๆ จะได้ตื่นตาตื่นใจ และเก็บความประทับใจในโซนต่างๆ ที่เต็มไปด้วยความสดใสของสีชมพู และสีแดง ไม่ว่าจะเป็น “Entrance” กำแพงแห่งความสำเร็จและเรื่องราวของมินนี่ , “Photo Corner” มุมถ่ายรูปที่ยกเอาฉากเสมือนจริงจากในเอ็มวีเพลง HER มาไว้ที่นี่ , “Film Photo Exhibition” นิทรรศการภาพถ่ายฟิล์มที่ไม่เคยเปิดเผยที่ไหนมาก่อน , “MINNIE’s Zone” โซนรวมคอสตูมที่มินนี่ใส่ในเอ็มวีเพลง HER , “Message to MINNIE” มุมส่งต่อความสุข และข้อความดีๆ จากทุกคนถึงมินนี่ , โซน “Photo Booth” ที่จะได้ใกล้ชิดแบบฟินๆ พร้อมด้วยเฟรมดีไซน์เฉพาะงานนี้ และโซน “Merchandise” มีสินค้าสุดเอ็กซ์คลูซีฟส่งตรงจากเกาหลี และสินค้าลิมิเต็ดคอลเลคชั่น ‘Bangkok Edition Merchandise’ ให้แฟนๆ ได้จับจองที่นี่เพียงที่เดียวเท่านั้น และไฮไลต์สำคัญกิจกรรมร่วมลุ้นรับ Polaroid พร้อมลายเซ็นจากมินนี่ เรียกว่าคุ้มจุใจสุดๆ ครบจบในที่เดียว

สำหรับ “มินนี่” ยังคงครองตำแหน่งลูกรักสาวก K-POP ได้เป็นอย่างดี ด้วยความสำเร็จเป็นอย่างมากกับการเดบิวต์ในฐานะศิลปินเดี่ยว ในการปล่อยมินิอัลบั้มแรก [HER] เมื่อวันที่ 21 มกราคมที่ผ่าน โดยสามารถคว้าที่ 1 ในรายการ Music Bank ทางช่อง KBS2 และเพลงยังติดอันดับชาร์ตแบบเรียลไทม์ของ Bugs ทั่วโลก นอกจากนี้ยังสร้างสถิติระดับโลกด้วยการขึ้นอันดับ 1 บน QQ Music Daily & Weekly Digital Bestsellers อันดับ 3 บน Worldwide iTunes Album Chart และอันดับ 5 บน European iTunes Album Chart ตอกย้ำความนิยมระดับสากลอีกด้วย

โดยอัลบั้ม HER นั้นถ่ายทอดเรื่องราวที่จริงใจของมินนี่ พร้อมด้วยดนตรีคุณภาพหลากหลายแนวที่เผยให้เห็นมิติทางดนตรีที่ลึกซึ้ง และการเติบโตยิ่งขึ้นผสานกับสไตล์ป็อปอันเป็นเอกลักษณ์ของมินนี่ที่ถูกถ่ายทอดออกมาอย่างสดใสในอัลบั้มนี้ ทำให้เห็นถึงตัวตนที่เปรียบเสมือนงานศิลปะอย่างแท้จริง เช่นเดียวกับ “MINNIE POP-UP STORE [HER]” ที่มินนี่ตั้งใจอยากให้ NEVERLAND รวมไปถึงแฟนๆ K-POP ได้สัมผัสตัวตนของเธออย่างใกล้ชิดมากขึ้นนั่นเอง

ห้ามพลาด! แล้วมาเป็นส่วนหนึ่งเพื่อสร้างความทรงจำกับ “มินนี่” ที่ตั้งใจยกความพิเศษมาไว้ที่บ้านเกิดประเทศไทย กับ “MINNIE POP-UP STORE [HER]” ณ ชั้น 1 โซน Beacon 2 ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ ตั้งแต่วันนี้ – 23 กุมภาพันธ์ 2568 เวลา 10.00 – 22.00 น.

“บางกอก อาร์ต เบียนนาเล่ 2024” จัดกิจกรรมเสวนา “BAB 2024 Symposium” เรื่อง Gaia, Women, and Bodies

Alternative Textaccount_circle

เทศกาลศิลปะร่วมสมัยนานาชาติที่จัดขึ้นทุก ๆ 2 ปี “บางกอก อาร์ต เบียนนาเล่ 2024” (ฺBangkok Art Biennale 2024) โดย มูลนิธิบางกอก อาร์ต เบียนนาเล่ ร่วมกับ บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) ร่วมกับกรุงเทพมหานคร การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (TCEB) เครือข่าย พันธมิตรภาครัฐ และเอกชนทุกภาคส่วน ได้จัดแสดงผลงานครั้งที่ 4 ภายใต้แนวคิด “รักษา กายา (Nurture Gaia)
อีกทั้งล่าสุดยังจัดกิจกรรมเสวนา “BAB 2024 Symposium” ในหัวข้อ Gaia, Women, and Bodies (ไกอา สตรี และเรือน ร่าง) โดยมี นายแพทย์ สุรพงษ์ สีบวงศ์ลี ประธานคณะกรรมการพัฒนาซอฟต์พาวเวอร์แห่งชาติ และ นายฌอง-โคล็ดปวงเบิร์ฟ เอกอัครราชทูตฝรั่งเศสประจำประเทศไทย เปิดงานสัมมนาอย่างเป็นทางการ ณ ห้องออดิทอเรียมหอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร

Revitalizing Louise Bourgeois Memorial Hold Me Close, Nopparat Tara Krabi

โดยหัวข้อการเสวนาครั้งนี้ เริ่มต้นด้วย “Revitalizing Louise Bourgeois Memorial Hold Me Close, Nopparat Tara Krabi” ที่มี เจอร์รี่ โกโรวอย ประธานมูลนิธิอีสตัน ผู้ดูแลทรัพย์สินของศิลปินหลุยส์ บูร์ชัวส์ และฟิลิป ลาร์รัตต์-สมิธ ภัณฑารักษ์ประจำมูลนิธิอีสตัน, กุลภัทร ยันตรศาสตร์ สถาปนิก และศ.ดร. อภินันท์ โปษยานนท์ ผู้อำนวยการศิลป์เทศกาลบางกอก อาร์ต เบียนนาเล่ และ ลักขณา คุณาวิชยานนท์ ภัณฑารักษ์และกรรมการบริหารหอศิลปกรุงเทพฯ มาร่วมพูดคุย ย้อนรำลึกถึงผลงานประติมากรรม Hold me close โดย หลุยส์ บูร์ชัวส์ ประติมากรหญิงชื่อดังระดับโลกผู้ล่วงลับ

บูร์ชัวร์สร้างผลงานชุดนี้ขึ้นและมอบให้แก่ประเทศไทยเพื่อเป็นอนุสรณ์แด่เหตุการณ์แผ่นดินไหวและคลื่นสึนามิในมหาสมุทร อินเดีย พ.ศ. 2547 และผลงานเคยได้รับการติดตั้งไว้ ณ อนุสรณ์สถานในสวนสน หาดนพรัตน์ธารา ตำบลอ่าวนาง อำเภอเมือง จังหวัดกระบี่ ก่อนจะมีการยืมไปจัดแสดงในนิทรรศการและเทศกาลศิลปะสำคัญ เช่น นิทรรศการฝันถึงสันติภาพ ณ หอ ศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร (2553) และเทศกาลศิลปะนานาชาติ ไทยแลนด์เบียนนาเล่โคราช จังหวัดนครราชสีมา(2564) ปัจจุบันผลงานถูกเก็บไว้ภายใต้การดูแลของศาลาว่าการจังหวัดกระบี่ และไม่ได้จัดแสดง ผู้ร่วมเสวนาจะสนทนากัน ถึงอดีต ปัจจุบัน และอนาคตของการพลิกฟื้นประติมากรรมและอนุสรณ์สถานแห่งนี้ให้กลับมามีชีวิตขึ้นอีกครั้ง

นอกจากนี้ยังมีเรื่อง “ถึงชีวิตและความตาย: ภาพจิตรกรรมโดย หม่อมเจ้ามารศีสุขุมพันธ์” ที่พูดถึงชีวิตและการทำงานศิลปะ และ “The Female Gaze: Conversation on bodies and the works of Ravinder Reddy” ระหว่างราวินเดอร์ เรดดี และ ศ.ดร.อภินันท์ โปษยานนท์ ที่มาร่วมพูดคุยถึงกระบวนการสร้างสรรค์งานประติมากรรมที่มีชื่อเสียงโด่งดังของเรดดี โดยเน้นไปยังผลงานที่เกี่ยวกับสตรีและความเป็นหญิง


เปิดคลังซูเปอร์คาร์! 3 รถหรู “ลิซ่า ลลิษา” มูลค่ารวมกว่า 80 ล้านบาท

Alternative Textaccount_circle

ในเวลานี้ ไม่มีอะไรหยุดความปังของ “ลิซ่า ลลิษา” ได้แล้วจริงๆ ไม่รู้ว่าสามารถเรียกว่าเป็นปีทองได้หรือไม่ เพราะกระแสของเธอไม่เคยหายไปเลย รวมถึงในปี 2025 เราคงได้เห็นทั้งผลงานเพลง คอนเสิร์ต และซีรีส์ตลอดทั้งปี ซึ่งนอกจากจะเป็นเครื่องการันตีความฮ็อตแล้ว ก็ยังแสดงถึงการไม่หยุดพัฒนาตัวเองอีกด้วย สิ่งนี้จึงนำมาสู่ ความสำเร็จ ที่มาในรูปแบบจับต้องไม่ได้อย่าง ชื่อเสียง และจับต้องได้อย่าง ทรัพย์สิน เช่น ซูเปอร์คาร์ ที่เธอเพิ่งซื้อรถคันใหม่มาหมาดๆ นี่เอง บอกเลยว่าแต่ละคันไม่ธรรมดา แพรวจึงรวบรวมดีเทลมาให้ทุกคนได้อ่านไปพร้อมกันค่ะ

เผยดีเทล 3 รถหรู “ลิซ่า ลลิษา” มูลค่ารวมกว่า 80 ล้านบาท

FERRARI PUROSANGUE 2025 (ราคาประมาณ 40 ล้านบาท)

FERRARI PUROSANGUE 2025 (ซ้าย)

เริ่มด้วยคันล่าสุด FERRARI PUROSANGUE 2025 ที่หลายคนแตกตื่น หลังจากลิซ่าโพสต์รูปภาพรถคันนี้ลงในสตอรี่อินสตาแกรมส่วนตัว พร้อมคำบรรยาย “Welcoming my new baby to the fam” โดยรุ่นดังกล่าวเป็นรถ SUV รุ่นแรกของเฟอร์รารี่ ที่ถึงแม้จะดูเป็นรถครอบครัว แต่ระบบการขับขี่ก็ไม่เป็นรองใคร เพราะมาพร้อมเครื่องยนต์ V-12 ดูดอากาศตามธรรมชาติ 715 แรงม้า ระบบขับเคลื่อนสี่ล้อที่ดัดแปลงมาจาก Ferrari FF และระบบกันสะเทือนแบบแอคทีฟที่แทบจะขจัดอาการโคลงตัวของตัวรถได้

ระบบควบคุมส่วนใหญ่อยู่บนพวงมาลัย แตกต่างจากรถยุคนี้ที่ส่วนใหญ่มีหน้าจอสั่งการอยู่บริเวณกลางคอนโซลหน้ารถ ซึ่งเป็นสิ่งที่ทำให้นักรีวิวรถหลายคนแปลกใจ

Ferrari 812 GTS – Mansory Stallone NR.836 (ราคาประมาณ 30 ล้านบาท)

ถือว่าเป็นรถแขวนกระเป๋าที่หรูหรา ราคาแพงสุดๆ สำหรับ Ferrari 812 GTS – Mansory Stallone NR.836 โดยรถคันดังกล่าได้ปรับโฉมใหม่จาก Ferrari 812 GTS มาพร้อมตัวถัง Daytona-Grey สีเทาพิเศษที่เพิ่มความโดดเด่นด้วยการใช้สีน้ำเงินตัดเส้นรอบคัน ใช้เครื่องยนต์ V12 ไร้ระบบอัดอากาศขนาด 6,496 ซีซี 830 แรงม้า

ส่วนภายในยังเน้นควมสะดวกสบาย พร้อมสัมผัสที่นุ่มนวลจากวัสดุหนังแท้ และตัดเย็บด้วยมือทั้งหมด พวงมาลัยทรงสปอร์ต และที่สำคัญปักตรา Mansory ไว้บนเบาะนั่ง พรมวางเท้า และธรณีประตู

Mercedes – AMG G 63 (ราคาประมาณ 18 ล้านบาท)

สุดท้ายเป็นรถที่ดีไซน์เท่ไม่น้อยกับ Mercedes – AMG G 63 ซึ่งปรากฏในวีดีโอ ‘Special Birthday Q&A with Lisa | 27 years around the sun | Exclusive Merch Drop‘ ช่องยูทูป LLOUD Official รถคันนี้ ออกแบบมาในดีไซน์สปอร์ตมาพร้อมกับกระจังหน้าหม้อน้ำสุดพิเศษที่มีเฉพาะในรุ่นนี้เท่านั้น อีกทั้งยังโดดเด่นด้วยล้ออัลลอยแบบ 5 ก้านคู่ ส่วนภายใน พวงมาลัย AMG Performance ตรงบริเวณที่จับตกแต่งด้วย DINAMICA microfibre แป้นเปลี่ยนเกียร์อลูมิเนียมและเครื่องหมาย 12 นาฬิกา จึงทำให้รู้สึกเหมือนอยู่ในสนามแข่งรถ

สำหรับระบบการปรับโหมดขับขี่ ‘AMG DYNAMIC SELECT’ สามารถเปลี่ยนลักษณะการขับขี่ได้เพียงใช้ปลายนิ้วสัมผัส เลือกโปรแกรมการขับขี่รูปแบบต่างๆ เพื่อปรับเปลี่ยนการตอบสนองของเครื่องยนต์ เกียร์ ระบบช่วงล่าง และการบังคับเลี้ยว สามารถเลือกได้ไม่ว่าจะเป็นโหมด “Sport+” เพื่อการขับขี่แบบเร้าใจ หรือจะเป็นโหมด “Comfort” เพื่อการเดินทางแบบสะดวกสบาย


รูปภาพ: Ferrari, Mansory,mercedes-benz.co.th, @lalalalisa_m
ข้อมูล: bangkoksupercar.com, mercedes-benz.co.th, autospinn.com

พัคจินยอง

5 เหตุผลห้ามพลาดผลงาน ซีรีส์เกาหลี สุดปัง ของ พัคจินยอง

Alternative Textaccount_circle
พัคจินยอง
พัคจินยอง

5 เหตุผลห้ามพลาดผลงาน ซีรีส์เกาหลี สุดปัง ของ พัคจินยอง แห่ง GOT7 เรื่อง ‘The Witch สวยต้องสาป ผลงานสนุกสุดเข้มข้น

ปังของจริง สำหรับซีรีส์เกาหลีที่ใคร ๆ ก็พูดถึงตลอดทั้งสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา สำหรับ ‘The Witch สวยต้องสาป’ ซีรีส์ที่ผสมผสานแนวลึกลับและโรแมน ติกได้อย่างลงตัว แถมยังเป็นการกลับมาโลดแล่นบนหน้าจอซีรีส์เป็นครั้งแรกในรอบ 3 ปีของพระเอก ‘พัคจินยอง’ สมาชิกวงบอยแบนด์ระดับปรากฏการณ์อย่าง GOT7 ที่ผลงานล่าสุดทำเอาแฟนซีรีส์ฟินจัด จนทุบสถิติเรตติ้งสถานีโทรทัศน์ในเกาหลีที่ออนแอร์ซีรีส์เรื่องนี้ไปเรียบร้อย แต่ถ้าคุณยังลังเล นี่คือ 5 เหตุผลห้ามพลาด ที่จะทำให้คุณเริ่มเปิดดูตอนแรก ของซีรีส์สนุกสุดเข้มข้นเรื่องนี้ไปพร้อม ๆ กัน

พัคจินยอง

5 เหตุผลห้ามพลาดผลงาน ซีรีส์เกาหลี สุดปัง ของ พัคจินยอง

1.สิ้นสุดการรอคอย ‘พัคจินยอง’ ผงาดหน้าจออีกครั้ง – ‘The Witch สวยต้องสาป’ ขึ้นแท่นซีรีส์ที่ผู้คนนับล้านจากทั่วโลกรอคอย เพราะเป็นการกลับมาสู่หน้าจอ ครั้งแรกในรอบ 3 ปี ของ ‘พัคจินยอง’ พระเอกหนุ่มสุดหล่อสมาชิกวง GOT7 หลังจากเบรกงานไปเข้ากรม รับใช้ชาติ ตามกฏที่หนุ่มเกาหลีทุกคนต้องปฏิบัติ โดยการกลับมาครั้งนี้ จินยองจัดหนักจักเต็ม มาทั้งงานเพลงของวง GOT7 และงานแสดงแบบควบคู่กันไป ยกระดับความฟินให้กับแฟน ๆ หลังจากที่อดทนรอคอยกันมานาน

2.จะเกิดอะไรขึ้นเมื่อชายธรรมดาตกหลุมรักแม่มด – นี่คือซีรีส์ที่ผสมผสานแนว ลึกลับและโรแมนติก ได้อย่างน่าติดตามลงตัว จัดเต็มทั้งความลึกลับของเส้นเรื่องและความโรแมนติกของซีนต่างๆอย่างน่าดู เล่าถึง ดงจิน (รับบทโดย พัคจินยอง) หนุ่มทำงานที่ดูแสนจะธรรมดา ตกหลุมรัก มีจอง เพื่อนสาวตั้งแต่สมัยเรียนมัธยม เธอคือคนที่ผู้คนรอบข้างหวาดกลัว เพราะ เชื่อว่าเธอคือ ‘แม่มด’ หลังทุกคนที่แอบชอบหรือเข้าใกล้เธอ ล้วนได้รับบาดเจ็บ หรือได้รับอันตราย จนกระทั่งเวลาผ่านไป 10 ปี และทั้งสองกลับมาเจอกันอีกครั้ง เขาจึงพยายามทำทุกทางเพื่อช่วยให้เธอ หลุดจากคำสาปและฝันร้ายนี้

3.ยิ่งดูยิ่งอิน กับ เคมีที่เข้ากันสุดๆของพระเอกนางเอก – โดยในซีรีส์ ‘The Witch สวยต้องสาป’ พัคจินยอง จะได้ประกบกับ โนจองอี อดีตนักแสดงเด็กที่คนเกาหลีเอ็นดูมานับ 10 ปี ซึ่งล่าสุดขึ้นแท่นเป็นนางเอกจากซีรีส์ Hierarchy กลับมารับบทนำอีกครั้ง ในบทหญิงสาวที่ต้องเก็บตัวอย่างเงียบเชียบ เพราะถูกคนรอบข้างตราหน้าว่าเธอคือ ‘แม่มด’ มีเพียงพระเอกเท่านั้นที่เข้าใจและมองเธอจากตัวตนที่แท้จริง มิใช่คำที่บุคคลรอบข้างตราหน้า ซึ่งเปิดมาตอนแรก ผู้ชมก็จะได้เห็นแววตาของทั้งสอง ที่สื่อสารกันทำให้ยิ่งดูก็ยิ่งตกหลุมรักและเอาใจช่วยทั้งสองตัวละคร

4.ผลงานล่าสุดของมือเขียนบทตัวพ่อแห่งเกาหลี – นาทีนี้ชื่อของ ‘คังฟูล’ กลายเป็นเครื่องการันตีได้อย่างดีเยี่ยมว่า ผลงานของเขาล้วนมาพร้อมกับพล็อตแปลกใหม่ และเนื้อหาที่น่าติดตาม สอดแทรกด้วยประเด็นที่ลึกซึ้งมากกว่าแค่ดูผิวเผินทั่วไป คังฟูล กลายเป็นคนเขียนสุดฮ็อตจาก ผลงานเว็บตูนระดับปรากฏการณ์อย่าง Moving และ Light Shop ซึ่งผลงานล่าสุดอย่าง The Witch นั้น มียอดคนอ่านในเกาหลีสูงมากถึง 130 ล้านครั้ง เป็นการการันตีเบื้องต้นได้อย่างดีเยี่ยมว่า โครงเรื่องของ The Witch นั้นน่าติดตามอย่างแน่นอน

5.เปิดตัวสุดปัง กวาดผู้ชมแรงขึ้นอันดับ 2 ตั้งแต่สัปดาห์แรก – จะพลาดได้อย่างไร เมื่อซีรีส์ ‘The Witch สวยต้องสาป’ ผงาดกระแสตอบรับดีล้นหลาม หลังจากออกฉายเพียงแค่ 2 ตอนเท่านั้น ก็ทำสถิติพุ่งทะยานขึ้นสู่ชาร์ตความนิยมในแอปพลิเคชัน Viu แบบทันที ไม่รีรอไต่อันดับแต่อย่างใด กลับมาแรงแซงโค้งพุ่งขึ้นอันดับ 2 เลยทีเดียว เป็นการรับประกันอย่างได้ทันที ว่านี่คือซีรีส์ใหม่จากเกาหลีที่คุณไม่ควรพลาด

แฟนซีรีส์เกาหลีพล็อตแปลกใหม่ต้องไม่พลาดกับผลงานจาก Viu Original เรื่องนี้ The Witch
สวยต้องสาป รับชมตอนใหม่พร้อมซับไทยได้ทุกวันเสาร์และอาทิตย์ เวลา 20:30 น.ได้ที่ Viu เท่านั้น

เผยโฉม Luminara เรือซูเปอร์ยอทช์ลำใหม่จาก The Ritz-Carlton Yacht Collection

account_circle

ชวนสายท่องเที่ยวสไตล์ลักซ์ชัวรี่ปักหมุด Luminara เรือซูเปอร์ยอทช์ลำใหม่ล่าสุดจาก The Ritz-Carlton Yacht Collection ที่มาพร้อมกับเส้นทางการเดินทางสุดเอ็กซ์คลูซีฟในภูมิภาคเอเชีย ซึ่งสร้างสรรค์โดย Deck 9 (เดคไนน์) ตัวแทนจำหน่ายหลัก (Key Agent) แต่เพียงผู้เดียวของเรือ The Ritz-Carlton Yacht Collection ในประเทศไทย ตอกย้ำความเป็นผู้นำในวงการลักซ์ชัวรี่ครูซเอเจนซี่ในประเทศไทย พร้อมได้รับเกียรติจาก แคท – ซอนญ่า สิงหะ เซเลบริตี้สาวตัวแทนของผู้ที่พร้อมเปิดใจรับประสบการณ์ใหม่ๆ และเชื่อว่าการเริ่มต้นด้วยสิ่งที่ดีที่สุดคือทางเลือกที่เหมาะสมที่สุด เช่นเดียวกับการเลือกเรือ The Ritz-Carlton Yacht Collection สำหรับการล่องเรือครั้งแรกในชีวิต

เรือ The Ritz-Carlton Yacht Collection ได้รับความนิยมอย่างล้นหลามจากนักเดินทางทั่วโลก โดยเฉพาะในเส้นทางสุดโรแมนติกแถบเมดิเตอร์เรเนียน ยุโรปเหนือ และแคริบเบียน ที่มีวิวทิวทัศน์งดงาม และจุดหมายปลายทางที่โดดเด่นไม่ซ้ำใคร ซึ่งหลายๆ แห่งเรือใหญ่ไม่สามารถเข้าไปถึงได้ ตอบโจทย์นักเดินทางผู้หลงใหลในการเดินทางท่องเที่ยวทางเรือระดับซูเปอร์ลักซ์ชัวรี่ ผสมผสานประสบการณ์ท่องเที่ยวทางเรือสไตล์ซูเปอร์ยอทช์ที่สบายและเหนือระดับ เรือ Luminara ซูเปอร์ยอทช์ลำใหม่ล่าสุดเตรียมออกเดินทางในฤดูกาลแรกสู่เส้นทางทะเลเมดิเตอร์เรเนียน และเริ่มเส้นทางใหม่ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกช่วงปลายปี 2025 ตามด้วยอลาสก้าในช่วงกลางปี 2026

Luminara จะล่องสู่เส้นทางในเอเชีย ให้นักเดินทางได้ยลโฉมความงามทางวัฒนธรรมและธรรมชาติของจุดหมายปลายทางยอดนิยม เช่น กรุงโตเกียว, เมืองโอซาก้า, กรุงโซล, ฮาลองเบย์, ปูเวร์โตปรินเซซา และเมืองอื่นๆ รวมถึงกรุงเทพฯ พร้อมด้วยบริการระดับ 5 ดาวที่เน้นความใส่ใจในทุกรายละเอียด เพื่อมอบประสบการณ์อันล้ำค่าให้แก่นักเดินทาง เรือ The Ritz-Carlton Yacht Collection คือผู้นำด้านลักซ์ชัวรี่ยอทช์ระดับโลกที่รวบรวมความสง่างามของการเดินทางทางทะเลเข้ากับการบริการเหนือระดับจาก The Ritz-Carlton

เรือ The Ritz-Carlton Yacht Collection: ประสบการณ์ล่องเรือที่ไม่มีใครเทียบ

  • เรือซูเปอร์ยอทช์สุดหรูที่ออกแบบอย่างมีสไตล์และหรูหรา : เรือทุกลำได้รับการออกแบบโดยคำนึงถึงความหรูหราและสะดวกสบายสูงสุด พร้อมพื้นที่กว้างขวาง มี Marina Platform ท้ายเรือ         ที่สามารถลงทะเลเพื่อไปทำกิจกรรมทางน้ำได้โดยตรง
  • ห้องพักทั้งหมดบนเรือเป็นห้อง Suite และมีระเบียงส่วนตัว : มีห้องพักหลากหลายประเภทและหลายขนาด พร้อมวิวทะเลแบบพาโนรามา
  • ประสบการณ์การรับประทานอาหารที่เหนือระดับ : มีห้องอาหารให้เลือกหลากหลายห้อง ทั้ง Fine dining และ Casual dining พร้อมเมนูที่รังสรรค์ด้วยเชฟระดับมิชลิน
  • บริการระดับโลกมาตรฐาน The Ritz-Carlton โดย The iconic “Ladies and Gentlemen of the Ritz-Carlton” ดูแลทุกความต้องการของผู้โดยสารอย่างใกล้ชิด ด้วยสัดส่วนพนักงานต่อผู้โดยสารเกือบ 1 ต่อ 1
  • เส้นทางการล่องเรือที่หลากหลาย และเข้าถึงจุดหมายที่เรือขนาดใหญ่เข้าไม่ได้ ครอบคลุมจุดหมายปลายทางยอดนิยมทั่วโลก เช่น เมดิเตอร์เรเนียน ยุโรปเหนือและบอลติก แคริบเบียน รวมถึงเส้นทางใหม่ในเอเชียและอลาสก้า
  • ซูเปอร์ยอทช์ของ The Ritz-Carlton Yacht Collection

1. Evrima: 149 suites, 298 guests (ออกเดินทางเมื่อปี 2022)

2. Ilma: 224 suites, 448 guests (ออกเดินทางเมื่อปี 2024)

3. Luminara: 226 suites, 452 guests (กำลังจะออกเดินทางกลางปี 2025 นี้)

  • สิทธิพิเศษ Marriott Bonvoy ลูกค้าสามารถสะสมหรือแลกคะแนน Marriott Bonvoy ได้

งานนี้ แคท – ซอนญ่า สิงหะ เซเลบริตี้สาวผู้เปี่ยมเสน่ห์และรสนิยมที่โดดเด่น เป็นตัวแทนของคนรุ่นใหม่ที่มองหาประสบการณ์ใหม่ๆ ที่หรูหราและไม่เหมือนใคร เผยว่า “จริงๆ แล้วแคทยังไม่เคยมีโอกาสล่องเรือมาก่อนเลยค่ะ แต่เมื่อได้เห็นภาพและรายละเอียดของเรือ The Ritz-Carlton Yacht Collection ทำให้รู้สึกว่าถ้าจะเริ่มต้นประสบการณ์การล่องเรือครั้งแรกก็ควรเป็นเรือจากแบรนด์นี้ เพราะทุกอย่างดูสมบูรณ์แบบและพิเศษมาก ไม่ว่าจะเป็นการตกแต่งเรือที่มีสไตล์และหรูหรา เส้นทางท่องเที่ยวที่สวยงามและน่าสนใจมากๆ  และการบริการของ The Ritz-Carlton ซึ่งก็มีชื่อเสียงต้นๆ ระดับโลกอยู่แล้ว เลยคิดว่าการได้ล่องเรือกับ The Ritz-Carlton Yacht Collection น่าจะเป็นมากกว่าการเดินทางและยังถือเป็นโอกาสที่จะได้เปิดโลกใหม่ให้ตัวเองและครอบครัว แค่คิดก็ตื่นเต้นแล้วค่ะที่จะได้ลองสัมผัสประสบการณ์ที่หรูหราและน่าจดจำแบบนี้ในอนาคต”

Deck 9 พร้อมมอบประสบการณ์การล่องเรือซูเปอร์ยอทช์แบบเหนือระดับ ด้วยไลฟ์สไตล์สุดหรูและความเป็นส่วนตัวกับเรือ The Ritz-Carlton Yacht Collection


กระเป๋าไอคอนิกดีไซน์ใหม่ เผยดีเทล The Featherlight Puzzle จาก LOEWE

Alternative Textaccount_circle

ไม่ว่าใครก็คงรู้จัก Puzzle กระเป๋ารุ่นไอคอนิกจาก Loewe ซึ่งเป็นกระเป๋าใบแรกที่ โจนาธาน แอนเดอร์สัน ออกแบบขึ้น เมื่อปี 2015 ด้วยแรงบันดาลใจจากศิลปะการพับกระดาษ ผสมผสานกับความซับซ้อนทางเทคนิคในการรื้อออก และการประกอบขึ้นใหม่ของกระเป๋าทรงลูกบาศก์ นับจากนั้นถึงปีนี้ ถือเป็นเวลา 10 ปี โลโอเว่จึงเฉลิมฉลองด้วยการเปิดตัวกระเป๋ารุ่นใหม่ “The Featherlight Puzzle”

โดยกระเป๋าใบใหม่นี้รังสรรค์ด้วยวัสดุหนังนัปปาที่ได้รับการพัฒนาขึ้นใหม่ให้มีสัมผัสที่เนียน และอ่อนนุ่มเป็นพิเศษ มอบความโค้งมนอย่างเป็นธรรมชาติ อีกทั้งความเงางามที่ช่วยเสริมเน้นรายละเอียดโครงสร้างอันประณีต และซิลลูเอทอันเป็นเอกลักษณ์ของกระเป๋าได้อย่างลงตัว

ดีไซน์ใหม่มาพร้อมกับฮาร์ดแวร์ที่บางมากกว่ารุ่นเก่า พร้อมป้ายแท็กหนังพร้อมช่องใส่ของขนาดเล็ก ฮาร์ดแวร์ลูกเต๋าทรงบอลลูนที่ถอดใส่ได้ตามใจ และหมุดโลหะป้องกันรอยขีดข่วนที่บริเวณฐานกระเป๋า ภายในบุด้วยหนังแกะนัปปา และตกแต่งด้วยแผ่นโลหะสลักโลโก้โลเอเว่สีทองด้านใน

สำหรับคอลเล็คชั่น Spring/Summer 2025 กระเป๋ารุ่น The Featherlight Puzzle มีให้เลือกในเฉดสี Black, Burnt Red, Pecan และ Dark Butter แมชต์กับฮาร์ดแวร์สีทอง หรือในเฉดสี Aquamarine แมชต์ฮาร์ดแวร์สีเงิน

กระเป๋ารุ่น The Featherlight Puzzle เปิดตัวครั้งแรกบนรันเวย์คอลเล็คชั่น Spring/Summer ปี 2025 ณ Château de Vincennes กรุงปารีส และยังปรากฏในแคมเปญคอลเล็คชั่นดังกล่าวที่ถ่ายทำร่วมกับนักแสดง และผู้กำกับชาวแคนาดา อย่าง เทย์เลอร์ รัสเซลล์ ซึ่งถ่ายทำโดยช่างภาพ เดวิด ซิมส์ ที่แคว้นกาตาลุญญา ประเทศสเปน


ภาพและข้อมูล: LOEWE

Sabrina Carpenter

ซาบรินา คาร์เพนเทอร์ (Sabrina Carpenter) นี่แหละป็อปสตาร์คนล่าสุด

Alternative Textaccount_circle
Sabrina Carpenter
Sabrina Carpenter

ซาบรินา คาร์เพนเทอร์ (Sabrina Carpenter) สานต่อความปัง ส่งอัลบั้ม Short n’ Sweet (Deluxe) พร้อมเพลงใหม่ “Busy Woman” ตอกย้ำตำแหน่งป็อปสตาร์คนล่าสุด

“Sabrina Carpenter” โกลบอลซูเปอร์สตาร์ เจ้าของ 2 รางวัลแกรมมี สานต่อความสำเร็จของอัลบั้ม Short n’ Sweet ด้วยการปล่อยเวอร์ชั่น Short n’ Sweet (Deluxe) เพิ่ม 5 เพลงใหม่ที่รวมถึง “Busy Woman” ที่ Sabrina เคยแสดงสดเป็นครั้งแรกระหว่างทัวร์คอนเสิร์ต และ “Please Please Please” เวอร์ชั่นดูเอ็ตกับศิลปินระดับตำนาน Dolly Parton พร้อมปล่อยมิวสิควิดีโอที่ถ่ายทำที่เมืองแนชวิลล์ และร่วมกำกับโดย Sabrina และ Sean Price Williams ด้วย

อัลบั้ม Short n’ Sweet เปิดตัวครั้งแรกในเดือนสิงหาคม 2024 ที่ผ่านมา สามารถครองตำแหน่งอันดับต้นๆ บนชาร์ตเพลงทั่วโลก และเป็นหนึ่งในอัลบั้มใหม่ที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดในปี 2024 ทั้งการขึ้นไปถึงอันดับ 1 บนชาร์ตอัลบั้ม Billboard 200 นานติดต่อกันถึง 3 สัปดาห์ ซิงเกิลเปิดอัลบั้ม “Taste” ครองอันดับ 1 บนชาร์ตเพลงของ Spotify ในอเมริกา โดยขึ้นไปแทนที่เพลง “Please Please Please” ของตัวเอง และยังเป็นเพลงที่ 3 ในอัลบั้มของเธอที่สามารถขึ้นไปถึงอันดับ 1 ได้สำเร็จ

ซาบรินา คาร์เพนเทอร์

นอกจากนี้ อัลบั้ม Short n’ Sweet ยังเป็นอัลบั้มที่ทำให้ “Sabrina Carpenter” ได้เข้าชิงรางวัลแกรมมี่มากถึง 6 สาขาเป็นครั้งแรก และเธอสามารถกวาดรางวัลกลับบ้านมาได้ถึง 2 รางวัล ทั้ง Best Pop Vocal Album และ Best Pop Solo Performance จากเพลง “Espresso” Sabrina ยังได้แสดงบนเวทีแกรมมี่เป็นครั้งแรกกับเพลง “Espresso” และ “Please Please Please” ที่นิตยสาร Harper’s Bazaar ชื่นชมว่า “ถ้า Carpenter ได้เป็นเจ้าหญิงดาวรุ่งแห่งวงการเพลงป็อปไปก่อนหน้าค่ำคืนนี้ ในงานแกรมมี่ครั้งแรกของเธอก็คงเป็นการยืนยันอย่างหนักแน่นถึงสถานะในการเป็นป็อปสตาร์ของเธอได้สำเร็จอย่างงดงาม”

ล่าสุด “Sabrina Carpenter” ได้เป็นทั้งผู้เข้าชิง และศิลปินขึ้นแสดงบนเวทีในการงานประกาศรางวัล BRIT Awards โดยเธอได้เข้าชิงถึง 2 รางวัล ได้แก่ International Artist of the Year และ International Song of the Year จากเพลง “Espresso” นอกจากนี้เธอจะได้ขึ้นรับรางวัล Global Success และได้เป็นศิลปินต่างชาติคนแรกที่ได้รางวัลนี้จากเวทีนี้ด้วย

ปี 2025 นี้เป็นปีทองอีกปีของ Sabrina ที่เธอมีทั้งทัวร์คอนเสิร์ต Short n’ Sweet Tour ในยุโรป สหราชอาณาจักร และอเมริกาเหนือตั้งแต่เดือนมีนาคมเป็นต้นไป ได้กลับไปแสดงในรายการ Saturday Night Live เพื่อฉลองรายการครบรอบ 50 ปี และได้ถ่ายแฟชั่นเซ็ตพร้อมขึ้นปกนิตยสาร Vogue US เป็นครั้งแรก นาทีนี้ไม่อะไรมาหยุดยั้งความฮอตของเธอได้ และเธอจะยิ่งโด่งดังเป็นพลุแตกมากขึ้นอีกเรื่อยๆ สมฉายาป็อปสตาร์คนล่าสุดจริงๆ

Daisy Ridley

เดซี ริดลีย์ ( Daisy Ridley ) ทุ่มสุดตัวเปลี่ยนลุคแอ็กชันเดือด

Alternative Textaccount_circle
Daisy Ridley
Daisy Ridley

เดซี ริดลีย์ ( Daisy Ridley ) ทุ่มสุดตัวเปลี่ยนลุคพลิกคาแร็กเตอร์จาก “เจได” ในมหากาพย์แฟรนไชส์ “Star Wars” สู่บทที่โคตรบู๊ โคตรเดือด โคตรระทึกที่สุดในชีวิตการแสดง

เดิมพันนี้สูงเสียดฟ้า! “เดซี ริดลีย์” ทุ่มสุดตัวเปลี่ยนลุคพลิกคาแร็กเตอร์จาก “เจได” ในมหากาพย์แฟรนไชส์ “Star Wars” สู่บทที่โคตรบู๊ โคตรเดือด โคตรระทึกที่สุดในชีวิตการแสดงกับ “Cleaner ไต่ระทึก ตึกนรก” ภาพยนตร์แอ็กชันทริลเลอร์มันส์สนั่นฟ้าจากผู้กำกับสุดเก๋า “มาร์ติน แคมป์เบลล์” (Casino Royale, The Protégé) เล่าเรื่องราวการเสี่ยงตายของ “โจอี้” (เดซี ริดลีย์) อดีตทหารหญิงที่ทิ้งชีวิตความระห่ำไว้ข้างหลัง และเริ่มต้นใหม่กับการเป็น “นักโรยตัวเช็ดกระจก” ณ ตึกสูงกว่า 1,000 ฟุต แต่แล้วความท้าตายครั้งใหม่ก็เข้ามาหาเธออีกครั้ง เมื่อผู้ก่อการร้ายปริศนายึดตึก และขู่ว่าจะสังหารทุกคนในตึกกว่า 300 ชีวิต “โจอี้” จึงกลายเป็นความหวังเดียวที่จะกอบกู้ชีวิตคนทั้งหมดในตึกและหยุดยั้งวินาศกรรมอันบ้าคลั่งนี้

“Cleaner ไต่ระทึก ตึกนรก” คือผลงานสุดท้าทายและท้าตายที่สุดของ “เดซี ริดลีย์” ที่มาพร้อมการพลิกลุคเป็นสาวเท่ ปลุกสัญชาตญาณดิบแห่งนักสู้ให้พลุ่งพล่านกว่าครั้งไหนๆ เธอทุ่มเทพลังและความตั้งใจทั้งหมดให้กับฉากแอ็กชันเสี่ยงตายในเรื่องนี้อย่างดุเดือดและดุดัน ทำการบ้านอย่างหนัก แถมเล่นเองเกือบทั้งหมด เพื่อให้ภาพที่สมจริงตามที่ผู้กำกับต้องการ

Daisy Ridley

อะไรทำให้คุณตัดสินใจรับบท “โจอี้” ในภาพยนตร์เรื่อง “Cleaner”

ฉันชอบบท อ่านรวดเดียวจบ “โจอี้” เป็นตัวละครที่น่าสนุก เธอไม่กลัวใครหน้าไหน นอกจากนี้เธอยังซับซ้อนและมีข้อบกพร่อง แต่เธอรักน้องชาย อยากมอบสิ่งที่ถูกต้องให้เขา ขณะที่พยายามช่วยคนอื่นไปพร้อมกัน ความสัมพันธ์ระหว่างพี่น้องทั้งสองนั้นซาบซึ้ง เต็มไปด้วยมิติ และฉันตั้งตารอที่จะแสดงสิ่งนั้นให้เห็น

ช่วยเล่าถึงตัวละคร “โจอี้” และจุดเริ่มต้นของเรื่องราวทั้งหมด

“โจอี้” เป็นอดีตทหารที่ผันตัวมาทำงานเป็น “นักโรยตัวเช็ดกระจก” เป็นคนรักการผจญภัย ชอบเห็นอะไรใหม่ๆ จริงๆ แล้วโจอี้มองงานเช็ดกระจกนี้เป็นแค่งานชั่วคราว เรื่องราวเริ่มต้นในวันที่เธอมาทำงานหลังจากเช้าที่วุ่นวาย เพราะน้องชายของเธอแฮ็กบัญชีของสถานดูแลที่เขาอยู่และถูกไล่ออก เธอจึงต้องพาน้องชายมาทำงานด้วย ทุกอย่างดูปกติดีจนกระทั่งเธอเป็นพยานเหตุการณ์ปล้นในตึก และต้องหาทางเข้าไปช่วยตัวประกันกว่า 300 ชีวิตในนั้น เรื่องราวทั้งหมดเกิดขึ้นที่ตึกแอ็กเนียน ย่านคานารี วาร์ฟ ในคืนเดียว

นอกจากความเป็นแอ็กชันแล้ว “Cleaner” ยังแอบซ่อนประเด็นดราม่าไว้อย่างน่าทึ่ง

ตัวละครของฉันมีพ่อที่ติดเหล้าและชอบใช้ความรุนแรง ตอนเด็กๆ ฉันมักจะหลบหนีปัญหาในบ้าน แต่ตอนนี้กลับต้องมาดูแลน้องชาย มันทำให้แผลเก่าในใจของทั้งคู่กลับมาเปิดอีกครั้ง แต่นั่นแหละที่ทำให้เราต้องพึ่งพาอาศัยกัน เพราะไม่มีใครอื่นให้พึ่งพาได้อีกแล้ว ความยากลำบากในวัยเด็กทำให้เราเข้าใจกันโดยไม่ต้องพูดอะไรมาก แม้บางครั้งจะมีปากเสียงกัน แต่สุดท้ายเราก็ยังมีแต่กันและกัน สายสัมพันธ์แบบพี่น้องมันลึกซึ้งเกินกว่าจะอธิบายได้ และนี่คือสิ่งที่ฉันหวังว่าผู้ชมจะสัมผัสได้จากความสัมพันธ์ของ “โจอี้”และ “ไมเคิล”

การทำงานกับ “แมตทิว ทัก” ที่รับบท “ไมเคิล” น้องชายของ “โจอี้” ซึ่งเขามีอาการหลากหลายทางระบบประสาทจริงๆ เหมือนกับตัวละครนี้

การได้ทำงานกับ “แมตทิว” ช่วยให้ความสัมพันธ์ระหว่างพี่น้องในเรื่องมีความสมจริงและน่าประทับใจมาก แมตทิวใส่ความรู้สึกจริงๆ ลงไปในการแสดง และความสัมพันธ์ระหว่างเรากลายเป็นแกนหลักทางอารมณ์ของเรื่อง ฉันชอบที่เราสามารถถ่ายทอดความผูกพันของพี่น้องได้อย่างลึกซึ้ง แม้จะอยู่ท่ามกลางสถานการณ์ระทึกขวัญก็ตาม ถึงแม้นี่จะเป็นประสบการณ์การแสดงครั้งแรกของเขา แต่เขาก็ทำได้ยอดเยี่ยมมาก และการที่เขามีประสบการณ์ตรงเหมือนตัวละครก็ช่วยให้การแสดงของเราสมจริงและมีมิติมากขึ้น

คุณเตรียมตัวยังไงบ้างสำหรับบท “โจอี้” โดยเฉพาะฉากแอ็กชันบนตึกสูงเสียดฟ้า

ด้วยความที่ “โจอี้” เป็นอดีตทหาร ฉันเลยต้องฝึกซ้อมกับทีมผู้เชี่ยวชาญการต่อสู้อย่างหนักตลอดช่วงก่อนการถ่ายทำเพื่อให้ฉากต่อสู้ออกมาแม่นยำและสมจริงที่สุด และเนื่องจากฉากแอ็กชันส่วนใหญ่เกิดขึ้นบนกระเช้านอกหน้าต่างตึกระฟ้า การถ่ายทำจึงท้าทายมาก ต้องผสมผสานทั้งความเข้มข้นของฉากต่อสู้กับความระทึกของการทำงานบนที่สูง แต่มันก็มีช่วงผ่อนคลายบ้าง อย่างฉากที่ฉันทำฟองน้ำหล่นจากกระเช้า มันเป็นการผสมผสานระหว่างแอ็กชันจริงจังกับอารมณ์ขันที่ลงตัว และนั่นทำให้การถ่ายทำสนุกมากด้วย

การทำงานกับผู้กำกับระดับตำนานอย่าง “มาร์ติน แคมป์เบลล์” เป็นอย่างไรบ้าง

ตอนแรกฉันกังวลมาก คิดว่าพระเจ้า ฉันดูหนังของเขามาหมดแล้วและเป็นแฟนตัวยงของผลงานเขา แต่พอได้ทำงานด้วยกันจริง เขาให้กำลังใจและเปิดโอกาสให้ลองอะไรใหม่ๆ เสมอ ไม่มีฉากไหนที่ฉันไม่ได้ลองแสดงอย่างน้อย 10 แบบ เขาเก่งทั้งฉากอารมณ์ ฉากตลก และฉากแอ็กชัน ที่ประทับใจมากคือตอนถ่ายฉากนอกตึก เขาเขียนรายละเอียดทุกฉากและเหตุการณ์ก่อนหน้าให้ฉันถึงสองหน้ากระดาษ A4 เพื่อให้แน่ใจว่าฉันเข้าใจว่าตัวละครอยู่ ณ จุดไหนของเรื่อง

คุณหวังว่าผู้ชมจะได้อะไรจากหนังเรื่องนี้

ฉันรักหนังทุกแนว แต่ฉันรักหนังแอ็กชันเป็นพิเศษ ฉันหวังว่าคนดูจะเข้ามาและเต็มใจที่จะร่วมการผจญภัยสุดบ้าคลั่งนี้ มันมีตัวละครที่ยอดเยี่ยม งานฉากที่ยอดเยี่ยม แอ็กชันที่ยอดเยี่ยม มันเป็นเรื่องราวที่ขับเคลื่อนด้วยตัวละครจริงๆ แต่ที่สำคัญกว่านั้น ฉันหวังว่าท่ามกลางความวุ่นวายทั้งหมดนี้ ผู้ชมจะสัมผัสได้ถึงความสัมพันธ์ ความผูกพันของพี่น้อง ความเป็นมนุษย์ ไม่ว่าคุณจะพบมันที่ไหนก็ตามนับถอยหลังสู่การคลีนทุกความคลั่งใน “Cleaner ไต่ระทึก ตึกนรก” หนังแอ็กชันทริลเลอร์ที่แค่คำว่า “มันส์ระห่ำ” ยังน้อยไป กับการเสี่ยงเป็นท้าตายที่สุดในชีวิตของ “เดซี ริดลีย์” ที่ขอไฝว้ฉากแอ็กชันโคตรเดือดเองแทบทุกฉาก จัดเต็มความมันส์ทะลุจอ 20 กุมภาพันธ์นี้ ในโรงภาพยนตร์

MISS UNIVERSE THAILAND

การเปลี่ยนแปลง MGI ผู้ถือสิทธิ์ MISS UNIVERSE THAILAND

Alternative Textaccount_circle
MISS UNIVERSE THAILAND
MISS UNIVERSE THAILAND

วงการนางงามสะเทือนครั้งใหญ่ เมื่อ บริษัท มิสแกรนด์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) เปิดแถลงข่าวเป็นผู้ถือสิทธิ์จัดการประกวด “MISS UNIVERSE THAILAND” อย่างเป็นทางการ กินรวบตลอด 5 ปี (ปี 2568 – 2572) ด้วยวงเงิน 180 ล้านบาท โดย คุณณวัฒน์ อิสรไกรศีล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท มิสแกรนด์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) ประธานกองประกวดมิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ พร้อมด้วย คุณแอน   จักราจุฑาธิบดิ์ CEO of Miss Universe Organization (MUO) ร่วมแถลงข่าว “The New Era of Miss Universe Thailand” อย่างยิ่งใหญ่ ณ MGI HALL ชั้น 6 ศูนย์การค้า BRAVO BKK พระราม 9 พร้อมเปิดตัว PD MUT2025 คว้าลิขสิทธิ์จัดการประกวดระดับจังหวัดแล้วกว่า 50 จังหวัด  เผยโฉมผู้เข้าประกวด Road To MUT2025 ท่ามกลางแฟนคลับเชียร์ล้นหลาม โดยจังหวัดเจ้าภาพเก็บตัว MISS UNIVERSE THAILAND2025 ในปีแรกของ บอสณวัฒน์ นั่นก็คือ จังหวัดภูเก็ต

นับเป็นโอกาสทางธุรกิจอันสำคัญยิ่งของ บริษัท มิสแกรนด์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) และ บอสณวัฒน์ อิสรไกรศีล นอกเหนือจากรายได้ขายลิขสิทธิ์ MUT ให้กับผู้จัดการกองประกวดระดับจังหวัดแล้ว ยังได้ขยายฐานลูกค้าจากเวทีประกวดนางงาม มิสแกรนด์ อินเตอร์เนชั่นแนล ไปยังเวทีมิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ ซึ่งเป็นเวทีประกวดนางงามที่สามารถต่อยอดสู่เวทีระดับโลกอย่าง MISS UNIVERSE ได้อย่างง่ายดาย งานนี้ บอสณวัฒน์ เตรียมจัดการประกวดเต็มรูปแบบ เพื่อเฟ้นหานางงามผู้เพียบพร้อมเป็นตัวแทนประเทศไทยร่วมประกวด  MISS UNIVERSE 2025 ที่จะมีขึ้นที่ ประเทศไทย ในปีนี้

สำหรับบรรยากาศงานแถลงข่าวในวันนี้คึกคักและเต็มไปด้วยแขกผู้มีเกียรติ ผู้สนับสนุนที่ร่วมเป็นสปอนเซอร์หลักเม็ดเงินสะพัดกว่า 115 ล้านบาท นี่แค่เริ่มต้นเท่านั้น ในขณะที่ชาวด้อมของว่าที่ผู้เข้าประกวด MISS UNIVERSE THAILAND 2025 ก็มากันแน่นฮอลล์ ไม่ว่าเป็นทีมเชียร์ของ วีนา ปวีนา ซิงห์ , หนูดี อรปรียา เนซ่า มามูดี้ , เกต เกตวลี พลบดี , มาลัยกะ คาร , พิมพ์จิรา เจริญลักษณ์ ฯลฯ ท่ามกลางทัพสื่อมวลชน ที่มาร่วมบันทึกภาพประวัติศาสตร์ครั้งนี้อย่างล้นหลาม

สำหรับการประกวด MISS UNIVERSE THAILAND 2025 ในระดับจังหวัด ทั้ง 77 จังหวัด จะเริ่มต้นขึ้นในเดือน มีนาคม ถึง มิถุนายน 2568 และร่วมเก็บตัวสู่การประกวด MISS UNIVERSE THAILAND 2025 ตั้งแต่วันที่ 4 สิงหาคม ก่อนจะได้ลุ้นกันในรอบตัดสิน วันเสาร์ที่ 23 สิงหาคม 2568

ติดตามกิจกรรม MISS UNIVERSE THAILAND ได้ในช่องทาง Facebook : Miss Universe Thailand /Instagram @missuniversethailand / X : @missu_thailand / TikTok : @officialmuth

#TheNewEraofMUT #MissUniverseThailand #MissUniverseThailand2025 #MGIxMUT

keyboard_arrow_up