account_circle แอคซ่า อเตลิเย่ (Ersa Atelier) ดีไซเนอร์สาวสองพี่น้องชาวโรมาเนีย กาเบรียลล่า และคริสติน่า แอนโทเนสคู เจ้าของสไตล์โรแมนติกแบบผสมผสาน โดยครั้งนี้ทั้งคู่ร่วมกันออกแบบชุดแต่งงานให้มีจุดเด่นที่ผ้าเชียร์บางเบาทับกระโปรงที่ทำจากผ้าลูกไม้ทั้งตัว และงานช่วงบนที่ทำเป็นคอปีน กลมกล่อมให้อารมณ์เจ้าหญิงสูงศักดิ์ในโลกแห่งความเป็นโมเดิร์นแบบนั้นเลย รับรองว่าโดนใจว่าที่เจ้าสาวที่ชอบความเบาสบาย มองแล้วผ่อนคลายแต่ยังให้อารมณ์สง่างาม
account_circle ป็อก-มาร์กี้ เปิดปากพูดคุยถึงต้นรักที่ตอนนี้เติบโตจนประตูวิวาห์เปิดรออยู่ข้างหน้าโน่น บอกเลยว่า ดีกรีหวานนี้ไม่ธรรมดา จริงๆ
ที่ผ่านมาแพรวมีโอกาสได้คุยกับ ป๊อก จิราธิวัฒน์ และ มาร์กี้ ราศรี ถึงแม้จะต่างกรรมต่างวาระ มิใช่การจับคู่นั่งคุยพร้อมกัน แต่มีหรือที่เราจะพลาดให้ทั้งคู่พูดถึงความรักของเขาและเธอไปได้
POK SAID “ผมว่า คู่เราเป็นความรักที่ธรรมดานะ (ยิ้มเขิน) ผมยอมรับว่า มีความสุข มาร์กี้จิตใจดี ขยันทำงาน แม้บางช่วงเราอาจไม่ค่อยได้เจอกัน แต่ไม่เคยทะเลาะกันเลย (ป๊อกเคาะโต๊ะ 3 ทีประมาณว่า แก้เคล็ด) ระหว่างที่คบกัน ผมสามารถเป็นตัวของตัวเองได้เต็มที่มา…ก
“แต่ช่วงแรกๆ ที่เป็นกระแสว่า คบกัน ผมยอมรับว่า ตกใจ ยังถามมาร์กี้ว่า ต้องเป็นข่าวเยอะขนาดนี้เลยหรือ ไม่ชอบเลย เขาบอกว่า แป๊บเดียวแหละ เดี๋ยวข่าวก็หายไป มาร์กี้มีความเป็นผู้ชายค่อนข้างสูง ซึ่งผมชอบนะ เพราะไม่ชอบผู้หญิงแนวขี้งอนอยู่แล้ว เราจึงสามารถคุยกันได้ทุกเรื่อง บางทีผมยังเผลอแกล้งแรงๆ เช่น ทิ่มเข่าไปที่ข้อพับให้เซ ตอนนั้นโดนโกรธเลย (หัวเราะ)”
MARGIE SAID “กี้มีความสุขกับความรัก ทำงานเสร็จก็ได้เจอกับคุณชาย (หมายถึงป็อก) ได้ทำอาหารด้วยกันบ้าง เหมือนเป็นการชาร์จแบ็ต คู่เราไม่มีการโทรตาม ช่วงเวลาทำงานคือ เต็มที่ เสร็จแล้วค่อยเจอกัน มีเหมือนกันถ้ากี้หายไปทำงานนานๆ เขาจะส่งสัญญาณว่า อยากเจอ มีช่วงหนึ่งกินข้าวด้วยกันหลัง 4 ทุ่มตลอด จนน้ำหนักกี้ทะลุ 50 กิโลกรัม ต้องบอกว่า คุณขา… เราเปลี่ยนไปดูหนังหรือหาร้านนั่งชิลๆ บ้างไหม (หัวเราะ)”
“มีเรื่องอยากเม้าท์ คุณชายรักความสะอาดมากถึงมากที่สุด ถ้ากี้วางข้าวของกระจายในรถ ป็อกจะช่วยเก็บกวาดให้ เวลาทำกับข้าว เขาจะเป็นหน่วยล้างจาน หรือเวลาต้องรีบไปไหนแล้วกี้ชวนขึ้นมอเตอร์ไซค์วิน เขาจะทำหน้าว่า ห๊ะ… จริงหรือ กี้จะบอกว่า คุณชายขา…เชิญขึ้นค่ะ ไม่ต้องอิ๊อ๊ะ (หัวเราะ) ซึ่งเขาโอเคนะ จริงๆ เป็นผู้ชายที่ค่อนข้างลุย ถึงไหนถึงกัน เพียงแต่อาจไม่ถึงขั้นเรา”
เรื่อง : Paran
ภาพ : อินสตาแกรม @margie_rasri
account_circle ควีนเอลิซาเบธที่ 2 ทรงฉลองพระราชสมภพครบรอบ 91 พรรษาอย่างยิ่งใหญ่
สำนักข่าวต่างประเทศรายงานเมื่อวันที่ 17 มิ.ย. ว่า ประเทศอังกฤษจัดพิธีสวนสนามของเหล่าทหารกองเกียรติยศ จากประเทศในเครือจักรภพ หรือที่เรียกว่า ‘Trooping the Colour’ เพื่อเฉลิมฉลอง เนื่องในพระราชวโรกาสวันคล้ายวันพระราชสมภพ 91 พรรษาของ ควีนเอลิซาเบธที่ 2 แห่งอังกฤษ อย่างเป็นทางการ
เป็นธรรมเนียมเฉกเช่นทุกปี ควีนเอลิซาเบธที่ 2 แห่งอังกฤษเสด็จออก ณ สีหบัญชรของพระราชวังบักกิงแฮม ใจกลางกรุงลอนดอน พร้อมด้วยสมาชิกราชวงศ์ ทั้งเจ้าชายฟิลิป ดยุกแห่งเอดินบะระ เจ้าฟ้าชายชาร์ลส์, ดัชเชสคามิลลา, เจ้าชายวิลเลียม, เจ้าชายแฮร์รี เจ้าหญิงเคท และพระราชปนัดดา เจ้าชายจอร์จกับเจ้าหญิงชาร์ล็อตต์ ซึ่งทรงฉลองพระองค์สีชมพูเข้าคู่กับพระมารดา นอกจากนี้ยังมีเจ้าชายแอนดรูว์, เจ้าชายเอ็ดเวิร์ด, เจ้าหญิงเบียทริซ และเจ้าหญิงยูจีน เพื่อทอดพระเนตรพิธีสวนสนามของทหารม้ารักษาพระองค์ที่ ขณะที่บนฟากฟ้าก็มีเครื่องบินรบของกองทัพอากาศอังกฤษแสดงการบินผาดแผลงอยู่เหนือพระราชวังบักกิงแฮมเพื่อเป็นการถวายพระพร
ในวันสดใสเช่นนี้ ประชาชนนับหนื่นต่างเดินทางมาร่วมงาน เพื่อชมขบวนเสด็จของเชื้อพระวงศ์ที่ทรงเดินทางมาโดยรถม้าพระที่นั่ง ต่อด้วยการเดินสวนสนามครั้งยิ่งใหญ่ประจำปีของอังกฤษที่ปีนี้มีทหารเข้าร่วมมากกว่า 1,400 นาย และม้าอีก 200 ตัว โดยเจ้าชายวิลเลียมได้ทรงเข้าร่วมขี่ม้าในขบวนด้วย
ทั้งนี้ วันพระราชสมภพของสมเด็จพระราชินีเอลิซาเบธที่ 2 ตรงกับวันที่ 21 เม.ย. ซึ่งจะมีงานเฉลิมฉลองเป็นการส่วนพระองค์ที่พระราชวังบักกิงแฮม ส่วนพิธีสวนสนามเฉลิมฉลองวันคล้ายวันพระราชสมภพอย่างเป็นทางการมักจัดขึ้นในราวๆ กลางเดือนมิถุนายน ซึ่งที่ผ่านมามีเป็นประจำทุกปีไม่เคยขาดนับตั้งแต่พระองค์เสด็จขึ้นครองราชย์ จะมียกเว้นก็เพียงครั้งเดียวคือเมื่อปี พ.ศ.2498 ที่เกิดเหตุการณ์ชุมนุมประท้วงผละงานของพนักงานรถไฟทั่วประเทศ ส่งผลให้ปีนั้นรัฐบาลตัดสินใจยกเว้นพระราชพิธีไป
อนึ่ง ควีนเอลิซาเบธที่ 2 เป็นพระมหากษัตริย์แห่งสหราชอาณาจักรที่มีพระชนมายุมากที่สุดและครองราชย์ยาวนานที่สุดในประวัติศาสตร์อังกฤษ โดยพระองค์ยังทรงไม่มีพระราชประสงค์ที่จะสละราชสมบัติแต่อย่างใด
ที่มาข้อมูล www.wikipedia.org
ที่มาภาพ : gettyimages
account_circle
รูปน้ำตาลจาก Instagram : namtanlitaa
account_circle ผู้ที่เกิดวันอาทิตย์
การงาน : วันนี้มีเรื่องให้ต้องคิดตัดสินใจ เพราะท่านแบกรับภาระของบริวารคนรัก คนใกล้ชิดค่อนข้างมาก แล้วคนเหล่านั้นก็มักทำให้ท่านเดือดร้อนใจบ่อยๆ ควรปล่อยวาง ช่วยเท่าที่ช่วยได้
การเงิน : หมดไปกับการเดินทาง เข้าสังคม หรือลงทุนใหม่ๆ หลีกเลี่ยงการพนัน
ความรัก : อาจมีโปรแกรมพาครอบครัวไปเที่ยว หรือไปทำบุญตามมูลนิธิต่างๆ คนโสด รักเดียวใจเดียว มุ่งมั่นสร้างครอบครัวที่อบอุ่น
สุขภาพ : อวัยวะที่เจ็บป่วยเรื้อรังคือ ตั้งแต่สะโพกลงไป มีโอกาสเป็นโรคข้อและเอ็นเสื่อม
ผู้ที่เกิดวันจันทร์
การงาน : มีความสุขกับหน้าที่การงาน จะได้รับความรัก ความเมตตา และการยอมรับ การสนับสนุนเป็นอย่างดีจากผู้บังคับบัญชาและเพื่อนร่วมงาน
การเงิน : ผู้ใหญ่อุปถัมภ์ค้ำจุน
ความรัก : เป็นช่วงเวลาวันอาทิตย์ที่ได้อยู่พร้อมหน้าครอบครัว ท่านได้รับความรักความเอาใจใส่จากคนรัก คนโสด มีเสน่ห์กับเพศตรงข้ามแรงมาก มีคนมาจีบเยอะ
สุขภาพ : ระวังโรคที่เกี่ยวข้องกับการย่อยอาหาร การเจ็บป่วยในช่องท้อง และลำไส้
ผู้ที่เกิดวันอังคาร
การงาน : เทพพระอาทิตย์ให้พรท่านได้พบกับความสำเร็จ หากกำลังคิดอยากทำธุรกิจก็ทำได้ งานด้านอสังหาริมทรัพย์ก็เวิร์ค รับราชการก็มีชื่อเสียงเป็นที่ยอมรับนับถือ
การเงิน : มีโชคลาภ แต่ระวังการใช้จ่ายเงินตามใจตัวเอง
ความรัก : วันนี้อาจพากันไปดูช่องทางการทำมาหากินเพิ่มเติม มากกว่าไปดูหนัง ทานข้าวตามประสาคนรัก ซึ่งท่านก็อยากให้คนรักตามใจด้วย คนโสด พร้อมเพย์ค่ะวันนี้ ถูกใจจ่ายไม่อั้น
สุขภาพ : ให้ระวังโรคที่เกี่ยวกับทางเดินหายใจ
ผู้ที่เกิดวันพุธ
การงาน : พักได้แค่วันเดียว งานก็เข้าละคะ อยู่ในช่วงพิจารณาผลงาน ความดีความชอบ จนท่านอึดอัด วิตกกังวล ทุกข์ใจ และเบื่อหน่ายงานมากๆ
การเงิน : ร้อนเงิน จนอาจเข้าไปพัวพันกับอาชีพผิดศีลธรรมและไม่ถูกกฎหมาย
ความรัก : วันนี้ท่านอยู่ไม่ติดบ้าน ออกเที่ยวเพื่อให้ลืมความกลุ้มใจ ระวังตัวด้วยนะคะ คนโสด คนที่เข้ามาวันนี้หวังเคลม ยิ่งเจอในผับบาร์ด้วยแล้ว ยิ่งต้องระวัง
สุขภาพ : หลีกเลี่ยงการสูบบุหรี่ ดื่มเหล้า หรือเสพยาทุกชนิด จะมีผลต่อร่างกายในระยะยาว
ผู้ที่เกิดวันพฤหัสบดี
การงาน : ท่านมีเกณฑ์ศึกษาต่อทั้งทางโลกและทางธรรม ป้าอยากเตือนท่านให้รู้จักการใช้สติปัญญา ความสามารถ ความรู้ด้วยความสุขุมรอบคอบ ในการแก้ไขปัญหาต่างๆ
การเงิน : ประหยัดมากค่ะ
ความรัก : วันนี้ความตึงเป๊ะในครอบครัวทำให้ท่านอยากได้อะไรก็ไม่กล้าบอก เพราะกลัวเสียใจ แต่หากไม่บอกอาจเสียใจกว่า คนโสด หากไม่แต่งงานก็อยู่เป็นโสดเลย
สุขภาพ : ท่านจริงจังและเครียดกับชีวิต จึงมีอาการปวดศีรษะต่อเนื่อง
ผู้ที่เกิดวันศุกร์
การงาน : วันนี้หากคิดอยากทำอะไรรีบทำเลย เพราะเป็นวันดีของท่าน
การเงิน : ธุรกิจที่สามารถทำได้ดีคือ ธุรกิจที่เกี่ยวกับการนำเข้าส่งออก นักค้าทางและอัญมณี สินค้าทางการเกษตรต่างๆ
ความรัก : วันนี้คู่จะดูแลเอาใจใส่ท่านอย่างดีเลยละ คนโสด เล่นเอาคนอื่นตาร้อนเลยทีเดียว เพราะมีคนรักจริงหวังแต่งมากมาย
สุขภาพ : ระวังการขาดสารอาหาร หรือขาดวิตามินบางตัว
ผู้ที่เกิดวันเสาร์
การงาน : แม้จะเป็นวันอาทิตย์ แต่ด้วยความที่ท่านเป็นผู้นำ ต้องรับผิดชอบงานที่ค่อนข้างเสี่ยง จึงค่อนข้างกดดันมาก ต้องใช้สมองและกำลังกายอย่างหนัก ให้ระวังอาจประสบกับเหตุการณ์ที่ทำให้เสียใจ ทุกข์ใจกระทันหัน
การเงิน : หลีกเลี่ยงเงินที่ได้มาโดยทุจริต เช่น เงินใต้โต๊ะ จะทำให้ชีวิตการงานของท่านมัวหมอง
ความรัก : คู่จะเป็นที่พึ่งให้ท่านได้ คนโสด เจ้าชู้ มีไว้เผื่อเลือก แต่งงานช้าจึงจะดี
สุขภาพ : อาจมีเกณฑ์ผ่าตัด หรือไม่ก็เป็นโรคที่เรื้อรัง ต้องใช้เวลาในการรักษา
account_circle สืบเนื่องจากปรากฏการณ์ดาวตกที่เกิดขึ้นขณะที่คุณแมน – บุญชัยกำลังดินเนอร์ในวันเกิดของคุณฮั้ว – อริยา ที่ Red Sky Central World ในช่วงปลายปี 2015 ทำให้ไม่ลังเลที่จะเลือกใช้ภาพความสวยงามที่ได้เห็นพร้อมๆ กัน มาเป็นธีมในการจัดงานแต่งงาน ทั้งคู่จึงเริ่มหาตัวอย่างภาพการจัดงานแต่งงานจากในไอจี และสืบเสาะหาเวดดิ้งแพลนเนอร์ที่จะมาเป็นผู้ช่วยจัดงานแต่งไปพร้อมๆ กัน จนสุดท้ายแล้วทั้งคู่ก็เจอ Kaidang Design เวดดิ้งแพลนเนอร์ที่มั่นใจว่าเหมาะสมที่สุด
คุณฮั้วชอบในผลงานที่มีเอกลักษณ์ไม่ซ้ำใคร แถมราคาสมเหตุสมผลถ้าเทียบกับผลงานออกแบบที่ได้ ซึ่งเป็นสิ่งที่เจ้าสาวกังวลมากๆ แต่ทีมงานก็สามารถทำให้เกิดขึ้นได้
งานแต่งงานของทั้งคู่จัดขึ้นภายใต้ธีมเก๋ๆ Midnight Flowers ที่นำโจทย์เรื่องดาวตกมาบวกกับความชอบสีเนวี่บลู ผสมผสานกับดอกไม้ป่าและบรรยากาศงานสไตล์อบอุ่น โดยแบ่งการจัดงานออกเป็น 2 ช่วง 2 ธีมสีภายใต้ธีมงานหลักเดียวกัน
ช่วงเช้าเป็นพิธีแต่งงานตามประเพณีจีน เลือกใช้สีแดงมาจับคู่กับสีขาวและรูปทรงกลม โดยชื่อบ่าว – สาวที่ฉากหลังเวทีรองพื้นด้วยภาพกราฟิกลายดอกไม้ป่าและตกแต่งด้วยดอกกล้วยไม้ป่าประดิษฐ์ในธีมสีแดงเพื่อให้เวทีดูมีมิติมากขึ้น ขณะที่ทางเดินหน้าเวทีวางแจกันกลมที่จัดดอกไม้แบบฟรีฟอร์ม เมื่อถึงงานฉลองมงคลสมรสในช่วงเย็นจึงเปลี่ยนมาใช้สีเนวี่บลูแบบที่เจ้าสาวชอบ โดยใส่รายละเอียดของดาวระยิบระยับ ประดับเพดานทางเดินเข้างานด้วยสายคริสตัลที่แซมอยู่กับกิ่งไม้และดอกไม้ป่า ห้อยระย้าลงมาแบบไม่ตั้งใจเพื่อให้อารมณ์ของธรรมชาติ
ภายในห้องจัดเลี้ยงเน้นไปที่สีเนวี่บลูแบบสุดๆ ตั้งแต่โต๊ะรับประทานอาหารแบบลองเทเบิลปูด้วยผ้าสีน้ำเงินเข้มและเลือกใช้แก้วน้ำสีน้ำเงินเข้มตัดกับผ้าเช็ดปากสีขาว ไฮไลต์อีกจุดที่ไม่พูดถึงไม่ได้คือ เวทีเค้กที่ทำเป็นทรงสี่เหลี่ยมประดับมุมด้วยกิ่งไม้สีขาวแซมดอกไม้ป่าสีแดงและน้ำเงิน และเน้นการจัดแสงให้มืดสลัวเพื่อสร้างบรรยากาศประหนึ่งว่าทุกคนอยู่ภายใต้ท้องฟ้ายามราตรีและรอคอยการปรากฏตัวของดวงดาวบนฟากฟ้า
ซึ่งแน่นอนว่า ดาวที่ส่องประกายระยับที่ว่าก็คือ คุณฮั้ว…เจ้าสาวของเราที่มาในชุดเจ้าสาวปักดิ้นเงินประดับคริสตัลสวารอฟสกี้เป็นรูปดาวทั้งชุดไม่เหมือนใครจริงๆ ค่ะ
The Details : Midnight Flowers
Venue
Wedding Dress
Groom Suit
Makeup & Hair
Wedding Planner
Photo
account_circle เฉิดฉายบนพรมแดงคานส์ จนเป็นที่จดจำของสื่อต่างชาติกันไปแล้ว คราวนี้ขุ่นแม่ชมพู่ อารยา กลับมาอวดโฉมฝั่งเอเชียอย่างเทศกาลหนังเซี่ยงไฮ้ 2017 กันบ้าง ซึ่งครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่เจ้าตัวเข้าร่วมงาน และคงเป็นงานในต่างประเทศงานสุดท้ายก่อนจะเตรียมตัวเป็นคุณแม่ เพราะคุณหมอไม่อยากให้สาวชมพู่ต้องเดินทางบ่อยๆ เนื่องจากอีกไม่นานก็ใกล้คลอดแล้วจ้า แต่ถึงยังไงความแซ่บของนางเอกสาวก็ไม่เคยลดลง เพราะเป็นถึงแฟชั่นนิสต้าตัวแม่ จะแต่งตัวอะไรมันต้องสวยตลอด อย่างงานพรมแดงคืนนี้ก็เช่นกัน ขุ่นแม่จะสวยปังขนาดไหนต้องดู
เห็นแล้วบอกเลยว่า อือหือออ สวยสง่า มีความหวานละมุนขั้นสุด งานครั้งนี้สาวชมพู่เลือกเดรสผ้าไหมออแกนซ่าซีทรูสีชมพูหวานสุภาพ ฉลุลายดอกไม้ ที่ดีเทลปักประดับเลื่อมลูกปัดจาก Ralph Russo Haute Couture Spring/Summer 2017 ซึ่งเดรสตัวนี้มันดูเข้ากับคุณแม่มากๆ เพราะด้วยท้องที่ดูโตมันกลับช่วยเติมเต็มให้ลุคดูสวยขึ้น ทั้งหน้าผมที่ดูคล้ายบาร์บี้ กับความหวานของชุด ยิ่งทำให้ความงามส่องประกาย เผยออร่าไปทั่วพรมแดง
สำหรับเครื่องประดับที่สาวชมเลือกคือ นาฬิการุ่นดังอย่าง Rendez-Vous Tourbillon ตัวเรือนไวท์โกลด์ประดับเพชรบาแก็ตต์ ซึ่งเข้ากับสายนาฬิกาสีหวาน จาก Jaeger-LeCoultre ได้อย่างดี ลุคนี้คือลงตัวสุดไรสุด
ไม่ว่าจะอยู่ในช่วงเวลาไหนก็ดูดี สวยเด่นได้ตลอดจริงๆ และเราคงไม่ได้เห็นคุณแม่ชมเดินพรมแดงไปอีกนาน ยังไงลุคนี้ก็ถือเป็นลุคสุดท้ายก่อนคลอดเบบี๋ที่ทิ้งท้ายพรมแดงไปอย่างสวยงามมากค่ะแม่
ภาพ : IG@celebs_spectator , @hwanjeabjeab , @nulooktarn , @phonevilaysihapanya
account_circle FENDI แบรนด์แฟชั่นไฮเอนด์ที่ทั่วโลกรู้จัก ซึ่งนอกจากเสื้อผ้า กระเป๋า แอคเซสซอรีส์เด็ดๆ แล้ว ไอเท็มเด่นที่เป็นหน้าเป็นตาของแบรนด์ก็ยังมีชุดเฟอร์อีกด้วยนะ
นับตั้งแต่อาเดเล่ และ เอโดอารโด้ เฟนดิ ก่อตั้งห้องเสื้อเฟนดิขึ้นในปี ค.ศ. 1925 เพื่อจำหน่ายชุดเฟอร์และสินค้าเครื่องหนังต่างๆ ‘เฟอร์’ กับ ‘เฟนดิ’ ก็แยกจากกันแทบไม่ออก สมกับที่ ‘คาร์ล ลาเกอร์เฟลด์’ ผู้ร่วมงานกับเฟนดิมากว่า 50 ปี กล่าวไว้ว่า…
“เฟอร์คือเฟนดิ และ เฟนดิคือเฟอร์”
ในอดีต ‘เฟอร์’ คือเครื่องแต่งกายที่บ่งบอกถึงฐานะของชนชั้นสูงในยุโรป แต่เฟอร์ในยุคนั้นทั้งหนาและหนัก สวมใส่แต่ละครั้ง เล่นเอาไหล่แทบทรุด กระทั่ง 5 สาวพี่น้องตระกูลเฟนดิ เปาล่า, แอนนา, แฟรนก้า, คาร์ลาและอัลด้า เข้ามารับช่วงต่อในการบริหารเฟนดิ และดึง ‘คาร์ล ลาเกอร์เฟลด์’ ดีไซเนอร์มากความสามารถมาร่วมงานด้วย นับแต่นั้นมาเฟอร์ของเฟนดิก็เปลี่ยนไป
ผลของการสร้างสรรค์ ค้นคว้า ทดลอง ทั้งในเรื่องของสไตล์ วัตถุดิบและกระบวนการผลิต ทำให้เฟอร์ของเฟนดิ กลายเป็นเฟอร์สุดฟู่ฟ่าอลังการและเต็มไปด้วยลูกเล่นแพรวพราวราวกับงานศิลปะ ทั้งยังสวมใส่ได้จริงเพราะมีน้ำหนักเบาสบายและคล่องตัว จนกลายเป็นไอเท็มฮ็อตฮิตที่สาวๆ นำมาสวมใส่ในชีวิตประจำวันได้
ทุกวันนี้เฟนดิเป็นสถาบันแฟชั่นเพียงแห่งเดียวในโลก ที่ยังมีห้องตัดเย็บผลิตผลงานเป็นของตนเอง ที่เรียกว่า Fendi Fur Atelier (ห้องเสื้อเฟอร์) ตั้งอยู่ในกรุงโรม อิตาลี โดยไม่มีการว่าจ้างโรงงานผลิตเฟอร์จากภายนอก ซึ่งช่างแต่ละคนในห้องเสื้อแห่งนี้จะต้องฝึกฝนการทำเฟอร์มาอย่างน้อย 10 ปี ก่อนลงมือบนชิ้นเฟอร์จริง
ในส่วนของงานปักประดิษฐ์ เฟอร์ทั้งหมดจะถูกส่งไปที่ห้องเสื้อผลิตงานแฟชั่นชั้นสูงของฝรั่งเศส ในกรุงปารีส ที่ชื่อ ‘Lemarié’ และ ‘Hurel’ ซึ่งมีชื่อเสียงโด่งดังในด้านงานปัก งานประดิษฐ์ดอกไม้ และงานขนนกต่างๆ กว่าจะได้งานเฟอร์เดินดิ้นทองปักประดับดอกไม้สุดอลังการที่เห็นนั้น ต้องใช้ช่างผู้เชี่ยวชาญทำทุกอย่างด้วยมือเป็นเวลากว่า 200 – 600 ชั่วโมง ต่อหนึ่งชิ้นงานเลยทีเดียว
นอกจากนี้เฟนดิยังตอกย้ำความเป็นผู้ผลิตเฟอร์ระดับตำนานของโลก ด้วยการเปิดตัวผลงาน Haute Fourrure หรือ “แฟชั่นเฟอร์ชั้นสูง” (งานที่ทำด้วยมือและมีเพียงชิ้นเดียวในโลก) เป็นครั้งแรกในสัปดาห์แฟชั่นชั้นสูงแห่งกรุงปารีสเมื่อปี 2015 ภายใต้ชื่อคอลเล็คชั่น Silver Moon เพื่อถ่ายทอดความเป็นเลิศทั้งในแง่ของการใช้ความคิดสร้างสรรค์และงานฝีมือที่สั่งสมมาอย่างต่อเนื่องอย่างตระการตา
ส่วนคอลฯเฟอร์ล่าสุด Haute Fourrure 2018 ซึ่งมาในธีม Legends and Fairy Tales เพื่อเฉลิมฉลองวาระก่อตั้งแบรนด์ครบ 90 ปี
เห็นแต่ละลุคแล้ว ก็รู้เลยว่า Fendi … Fun Fur ของจริงนี้ ห่มเมื่อไรเป็นออร่าจับจริงๆ
เรื่อง : Tomalin
ภาพ : ลิขสิทธิ์แบรนด์
account_circle กฎเหล็ก 10 ข้อที่แพรวนำมาแชร์ในลิสต์นี้ จัดเป็นทริคเด็ดเคล็ดลับง่ายๆ ที่จะช่วยยกระดับสไตล์ของสาวๆ ให้ดูดี โดดเด่นขึ้นทันตา ขอบอกว่ามันทำได้แสนง่าย แถมให้ผลเวิร์คสุดยอดด้วยนะ
กฎข้อที่ 1 เตรียมชุดที่จะใส่ในวันพรุ่งนี้ก่อนเข้านอน
Cr.pic :livelovesara.com
เป็นเรื่องธรรมดาและถือเป็นขั้นตอนแรกๆ เลยก็ว่าได้ สำหรับคนที่มีการเตรียมพร้อมอย่างดี เพราะมันจะช่วยประหยัดเวลาในการเลือกเสื้อผ้าตอนเช้า และไม่ทำให้เรารีบเร่งเกินไป
กฎข้อที่ 2 ตื่นก่อนเวลาสักหน่อยเพื่อเตรียมความพร้อม
Cr.pic : soompi.com
เข้าใจว่าตอนเช้าๆ หลายคนคงอยากจะนอนต่อ พอนาฬิกาปลุกก็มักจะเลื่อนเวลาออกไปสักห้านาที สิบนาที แต่การกระทำแบบนี้อาจทำให้เราเสียนิสัยได้ ถึงแม้ว่าเราจะเตรียมชุดไว้ตอนกลางคืนแล้วก็ตาม แต่ใครจะรู้ล่ะว่าในตอนเช้าจะไม่เกิดเหตุการณ์ที่เราไม่สามารถควบคุมได้ เช่น เสื้อที่จะใส่เกิดมีรูขาดขึ้นมา หรือทรงผมนี้ใช้เวลานานกว่าที่คิด การเผื่อเวลาไว้ถือเป็นการตรวจเช็คความเรียบร้อย นี่แหละคือเคล็ดลับความเป๊ะของสาวๆ หลายคน
กฎข้อที่ 3 เลือกชุดชั้นในที่เหมาะสม
Cr.pic : tenbestreview.com
ถึงแม้จะบอกว่าไม่มีใครเห็นชุดชั้นในของเราสักหน่อย แต่ก็เป็นสิ่งที่มองข้ามไม่ได้นะ อย่างเช่น เสื้อที่จะใส่วันนี้เป็นสีขาว ก็ควรหลีกเลี่ยงชุดชั้นในสีเข้ม หรือวันนี้เราใส่กระโปรงสั้น ก็ควรสวมกางเกงกันโป๊เซฟไว้ ก็สมัยนี้พวกถ้ำมองมีเยอะจะตาย ไว้ใจใครไม่ได้เราต้องเซฟตัวเองก่อนดีที่สุด
Cr.pic : printedlove.com
Cr.pic : koalasplayground.com
Cr.pic : gucci.com
กฎข้อที่ 7 รู้ว่าเมื่อไหร่ควรสวมรองเท้าส้นสูงหรือรองเท้าส้นเตี้ย
Cr.pic : pinterest.com
สาวส่วนใหญ่เอะอะก็จะใส่แต่ส้นสูงอย่างเดียว ขอบอกว่านั่นเป็นความคิดที่ผิด ของแบบนี้ต้องใช้ข้อมูลหลายๆ อย่างในการตัดสินใจ เช่น หาข้อมูลว่างานวันนี้ที่เราจะไป ต้องใส่ส้นสูงกี่ชั่วโมง ถ้าเป็นงานที่ต้องเดิน ต้องใส่ทั้งวันล่ะก็แนะนำให้เอาส้นเตี้ยติดไปด้วย เพราะไม่งั้นอาการปวดเมื่อยต่างๆ ถามหาแน่ ในบางครั้งเราใส่แค่รองเท้าส้นเตี้ย แต่ใส่แล้วสบาย ก็ช่วยเสริมบุคลิกให้ดูคล่องแคล่ว แถมยังสามารถทำอะไรหลายๆ อย่างได้สะดวกขึ้นอีกนะ
กฎข้อที่ 8 รู้จักแยกซักเสื้อผ้า
Cr.pic : alexandracameron.4ormat.com
เสื้อผ้าแต่ละตัว แต่ละชิ้น ไม่ได้ผลิตออกมาเหมือนกันหมด หลายคนชอบโยนเสื้อผ้าทั้งหมดในเครื่องซักผ้าโดยไม่แบ่งแยกประเภท หรือแม้กระทั่งผ้าขาวกับผ้าสีก็เอามาปั่นรวมกัน นั่นจะทำให้เสื้อผ้าบางตัวที่มีราคาแพง หรือเสื้อผ้าบางประเภทพังได้นะ
กฎข้อที่ 9 มีชุดฉุกเฉินติดไว้ในรถ
Cr.pic : soompi.com
สถานการณ์ฉุกเฉินเป็นอะไรที่ไม่มีใครสามารถคาดเดาได้อยู่แล้ว ผู้หญิงสมัยนี้หลายๆ คน ไม่ว่าจะเป็นดารา นางแบบ ส่วนใหญ่จะมีชุดสำรอง หรือชุดฉุกเฉินติดไว้ในรถ รวมทั้งเครื่องประดับ และรองเท้าไว้เผื่อเลือกให้เข้ากับชุด กับโอกาสกันทั้งนั้น รู้แล้วก็เอาอย่างเขาเลยจ้า
กฎข้อที่ 10 ไม่ไหวหวั่นต่อกระแสแฟชั่นจนลืมตัวตน
Cr.pic : fakeshion.com
อย่างที่บอกไว้ว่าเทรนด์แฟชั่นเปลี่ยนแปลงอยู่ทุกวัน ไม่แปลกที่เราอาจจะเอนเอียงไปตามกระแสแฟชั่นเหล่านั้น แต่แทนที่จะเป็นแค่ผู้ตาม ทำไมไม่เป็นผู้นำเทรนด์ซะเองล่ะ คนที่มีสไตล์ มีความเป็นตัวของตัวเองสูง พวกเขาจะไม่หวั่นไหวไปกับกระแสแฟชั่นจนกลืนกินความเป็นตัวของตัวเองหรอกนะ
ว่าแล้วก็ลุกขึ้นมาปฏิบัติตาม กฎเหล็ก ที่แพรวนำมาฝากกันด้วยนะสาวๆ
account_circle ยืดกล้ามเนื้อให้ถูกจุดต้องทำยังไง ใครเคยเจอปัญหานี้บ้าง มีอาการปวดหลัง ปวดเอว เป็นออฟฟิศซินโดรม หรือโรคข้อเสื่อม กระดูกเสื่อม รักษามาสารพัดวิธี ทั้งนวดกดจุด ฝังเข็ม ยืดกล้ามเนื้อ ฯลฯ ก็ยังไม่ดีขึ้น อย่าเพิ่งท้อใจ บางทีคุณอาจจะกำลังรักษาผิดจุดโดยที่ไม่รู้ตัวอยู่ก็ได้ เพราะกล้ามเนื้อคนเรามีตั้ง 8 ชั้นเลยนะ ล่าสุดอะพินได้ไปเจอกับผู้เชี่ยวชาญที่สถาบันปรับโครงสร้างร่างกายอริยะ เพราะตัวเองก็มีปัญหาปวดแฮมสตริงเรื้อรังมานานหลายเดือน ทรมานมากเลย ได้รู้ความจริงสักที!
ต้องเข้าใจก่อนว่ากล้ามเนื้อระดับลึกจะทำงานทันทีเมื่อร่างกายเราตั้งฉากกับพื้นโลก โดยทำหน้าที่ดึงให้กระดูกตรงไว้ตลอดเวลา ซึ่งการทำงานของกล้ามเนื้อชั้นลึกๆ ไม่จำเป็นต้องออกแรงเยอะ ต้องการแค่ความแข็งแรงระดับหนึ่ง เน้นความทนทานและคงทนอยู่ได้นานมากกว่า
หาต้นตอ เน้นแก้ที่ต้นเหตุ
พอเข้าใจการทำงานของกล้ามเนื้อ ก็มาหาสาเหตุที่ทำให้มีอาการกันเลย บางคนที่รักษาแล้วไม่หาย เพราะไปโฟกัสผิดจุด เช่น ปวดคอก็มุ่งไปรักษาที่คออย่างเดียว อาการไม่ดีขึ้น เพราะไม่ได้ดูทั้งระบบ ความจริงแล้วอาจจะมาจากการเข่าบิด เท้าแบน แล้วทำให้สะโพกบิด กระดูกบิด เลยส่งผลทำให้มีอาการที่คอก็เป็นได้ เนื่องจากร่างกายเรามีการเชื่อมโยงถึงกันหมด หรือบางคนหมอนรองกระดูกเคลื่อนหรือเสื่อม ก็เข้าใจว่าเป็นแค่ตรงกระดูกช่วงเอว แต่จริงๆ แล้วไม่ใช่ เพราะส่วนอื่นๆ ในร่างกายก็มีส่วนทำให้เสื่อม คด หรือมีปัญหาเช่นเดียวกัน ดังนั้นการยืดด้วยท่าการออกกำลังกายจึงเป็นอีกหนึ่งตัวช่วยกระตุ้นการไหลเวียนของระบบประสาท การทำให้กล้ามเนื้อแกนกลางหดตัว คลายตัว คุณจะรู้สึกคล่องแคล่วและสบายตัวมากกว่าไปนวดซะอีก
อ่อ…อีกอย่างคือ การกินโปรตีนมากเกินไปก็ไม่ดี จะทำให้ร่างกายสร้างขนาดของเส้นใยกล้ามเนื้อมากกว่าปกติ เพราะหลอดเลือดจะแทงผ่านบริเวณเส้นใยกล้ามเนื้อ เมื่อมีการเพิ่มขนาดขึ้นก็ยิ่งทำให้หลอดเลือดถูกรัดแน่นขึ้น ระบบเลือดหมุนเวียนไม่ดี จึงทำให้มีอาการตึง ปวดเมื่อยตัวได้ง่าย แนะนำว่าควรจะดื่มน้ำบ่อยๆ หรือน้ำผลไม้ที่มีเอนไซม์บ้าง เพื่อให้กระบวนการ Flow ในร่างกายดีขึ้น
6 ท่าเด็ดพิชิตความเจ็บปวด
ยืดแฮมสตริงกันดีกว่า
1. ท่านี้เป็นการยืดกล้ามเนื้อแฮมสตริง ซึ่งมีส่วนเชื่อมต่อกับเส้นเอ็นที่อยู่ตรงบริเวณก้นกบ แล้วก็ลิงก์ไปที่หลัง เพราะฉะนั้นเวลาที่แฮมสตริงตึงมากๆ มีผลทำให้หลังติด กระดูกสันหลังไม่บาลานซ์ ส่งผลให้กระดูกยึดไปด้วย อาจจะมีอาการปวดหลัง เพราะฉะนั้นการยืดแฮมสตริงจะช่วยยืดกล้ามเนื้อบริเวณก้นกบกับบั้นเอว ช่วยลดอาการปวดหลังได้ด้วย ปกติแค่พาดขาขื้นแล้วพับหลังลง แต่เราจะมีการดีไซน์ให้มีการงอเหยียดเข่าร่วมด้วย ออกแรงต้นขาด้วย เพื่อให้ต้นขาด้านหลังได้คลายตัว จะรู้สึกว่ายืดได้เต็มที่ ไม่เจ็บ เพราะเป็นการออกแรงของกล้ามเนื้อฝั่งตรงข้าม แฮมสตริงเป็นไลน์กล้ามเนื้อที่ยาวมาก ข้าม 2 ข้อต่อ คือ ข้อต่อข้อสะโพกกับข้อต่อเข่า เพราะฉะนั้นการจะยืดให้ได้เต็มที่ต้องมีแอ๊คชั่นของทั้งเข่าและข้อสะโพก การก้มตัวลงแล้วแอ่นหลังขึ้นก็เป็นการยืดแบบ Double มากขึ้น
2. ก้มตัวไปข้างหน้า แล้วเอามือค้ำพื้นไว้ ยืดกล้ามเนื้อน่อง ซึ่งเป็น Chain ที่มีส่วนเชื่อมต่อกับก้นกบ แล้วบิดตัว เงยหน้าขึ้น ยืดด้วย บิดด้วย ยิ่งถ้าค้างท่าไว้นานๆ จะทำให้ช่วงบริเวณบั้นเอว หลัง และน่องคลายตัวสบายมากขึ้น
หลังค่อม ไหล่งุ้มต้องท่านี้
3. คนที่นั่งอยู่หน้าคอมพิวเตอร์ทั้งวัน นานๆ ไปจะเจอปัญหาเรื่องไหล่งุ้ม คอตก ต้องเน้นยืดกล้ามเนื้อชายโครงด้านหน้า แล้วสร้างกำลังกล้ามเนื้อหลังเพื่อดึงให้กระดูกตรง ไม่ค่อม ช่วยยืดหลัง แล้วกระตุ้นให้ปอดทำงานได้เต็มที่ ผ่อนคลายกล้ามเนื้อตรงช่วงสะบักกับบ่า คนที่ชอบบ่นว่าเหนื่อยง่าย หายใจไม่อิ่ม ถ้าทำท่านี้แล้วจะรู้สึกสบายขึ้น สามารถหายใจได้ลึกขึ้น เพราะเป็นการกระตุ้นให้ชายโครงกางออกเพื่อดึงออกซิเจนได้เต็มที่ แต่ควรทำช้าๆ เพื่อทำให้กล้ามเนื้อได้เคลื่อนไหว ยืดออกได้เต็มที่
ส่วนท่าที่ดึง Elastic ก็จะเป็นท่าที่ Advance มาจากท่าแรก นอกจากจะยืดด้านหน้า ช่วยแก้ปัญหาหลังค่อมแล้ว ยังช่วยสร้างความแข็งแรงของกล้ามเนื้อช่วงสะบักและหลังส่วนบน ซึ่งเป็นฐานของกระดูกคอ ถ้าช่วงสะบักกับหลังส่วนบนไม่แข็งแรง ก็จะทำให้กระดูกคอเสื่อมเร็ว จึงเป็นอีกหนึ่งท่าที่ดี
account_circle
ใต้ร่มฉัตรดำเนินมาถึงตอนที่ 10 ความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นทำให้ชีวิตของหม่อมเจ้าการวิก ที่แต่เดิมเป็นเพียงนักศึกษาไทยในต่างประเทศ และเมื่อในหลวงรัชกาลที่ 7 ได้มีรับสั่งชวนให้มาถวายการรับใช้ ก็ทรงตอบรับด้วยความยินดีที่จะรับใช้ใต้เบื้องพระยุคลบาทด้วยความเต็มพระทัยยิ่ง
เวลานั้น ผู้ที่จะอยู่สนองเบื้องพระยุคลบาทมีน้อยเต็มที แม้มีหลวงศักดิ์นายเวร (แจ่ม เงินยอ) กับคุณเชย ภรรยา เดินทางจากเมืองไทยมาถวายการรับใช้เพิ่มก็ตาม ซึ่งหลังจากที่ผมตามเสด็จเสร็จแล้ว ก็กราบบังคมทูลลากลับมาเรียนต่ออีกหนึ่งภาคเรียน และสอบได้ระดับบักกาโลเรอาท์ 1 (BACCALAUREAT 1) ตามหลักสูตรการเรียนของฝรั่งเศส เทียบง่ายๆก็เหมือนระดับมัธยมปลายของไทย เตรียมตัวจะสอบเข้าโรงเรียนนายร้อย ก็เดินทางไปเฝ้าฯ พระเจ้าอยู่หัวพระองค์ท่านก็พระราชทานรถสปอร์ต S.S. รุ่นเล็กเป็นรางวัล รถที่พระราชทานเป็นขนาดกินน้ำมันลิตรครึ่ง คันไม่ใหญ่และไม่หรูหราอะไรมาก ต่อมาบริษัทสแตนดาร์ดมอเตอร์สเปเชียล ผู้ผลิตรถประเภทนี้ก็พัฒนาจนกลายเป็นรถจากัวร์ (JAGUAR) นั่นเอง
เมื่อพระองค์ท่านรับสั่งว่า ไม่ต้องไปเข้าโรงเรียนนายร้อยหรอก เรียนสิ่งที่จะประกอบอาชีพอื่นดีกว่า ผมจึงเปลี่ยนความตั้งใจมาสอบเข้าเรียนในระดับบักกาโลเรอาท์ 2 ซึ่งเป็นหลักสูตรแบบโรงเรียนโปลีเทคนิค ใช้เวลาเรียน 1 ปี ก็สามารถจบออกมาทำงานได้หลายอาชีพ ชื่อโรงเรียนโปลีเทคนิคนี้ ในประเทศอื่นอยู่ในขั้นโรงเรียนอาชีวะศึกษาทั่วไป แต่ในฝรั่งเศสเป็นเหมือนโรงเรียนอัจฉริยะ สอบเข้ายากและเรียนยาก อย่างวิชาการคำนวณเบื้องต้น (MATHEMATIQUES ELEMENTARIES) ซึ่งในอังกฤษเรียกว่าวิชาการคำนวณชั้นสูง (HIGHER MATHEMATICS)
น่าเสียดายที่ผมสอบเข้าไม่ได้ คงเป็นเพราะยากจริงๆ
เมื่อพระเจ้าอยู่หัวรับสั่งถามผมว่า
“จะมาอยู่ด้วยกันไหม ฉันไม่มีคนจะใช้” ผมกราบบังคมทูลทันทีว่า ยินดีที่จะมาสนองพระเดชพระคุณอย่างเต็มที่ และขอพระราชทานพระบรมราชานุญาตขับรถที่ได้รับพระราชทานกลับมาที่เมืองมาร์เซลย์ เพื่อเก็บของและล่ำลาครอบครัวคุณพ่อคุณแม่และพี่น้องที่ผมมาอาศัยด้วยความอาลัย และกลับมาเป็นมหาดเล็กคอยตามเสด็จและถวายการรับใช้สนองเบื้องพระยุคลบาทตั้งแต่นั้น เรื่องการเรียนในโรงเรียนของผมจึงเป็นอันยุติลง แต่ภายหลังหม่อมเจ้าศุภสวัสดิ์ฯทรงแนะนำให้ไปเรียนหลักสูตร CHARTERED INSTITUTE OF SECRETARIES OF STOCK COMPANIES ทางไปรษณีย์ โดยใช้เวลาว่างในการอ่านหนังสือและไปสอบ วิชาที่เรียนเกี่ยวกับการทำบัญชี การจัดเอกสาร การสื่อสารทางธุรกิจ ฯลฯ ซึ่งเป็นประโยชน์แก่ผมมากในการทำงานถวายการรับใช้พระองค์ท่าน หลักสูตรนี้แบ่งเป็นสามระดับ แต่ผมสอบได้เพียงระดับสองเท่านั้น
การที่ผมมาเป็นมหาดเล็กครั้งนี้ เท่ากับว่าเป็นการพลิกชีวิตผมอีกครั้งหนึ่งเหมือนกับฝันไป เพราะความหรูหรา (อย่างธรรมเนียมตะวันตก) เกินหน้าเกินตา ด้วยตอนที่เรียนในโรงเรียนฝรั่งเศส ผมอยู่กับเด็กที่มาจากสังคมอันหลากหลาย มีชีวิตธรรมดา แม้ครอบครัวที่ฝรั่งเศสจะมีเชื้อสายขุนนางเก่า แต่การกินการอยู่ก็ไม่หรูเท่ากับที่ผมพบในพระตำหนักนี้ แต่สิ่งที่ผมยินดียิ่งคือ ผมได้พบ ‘เพื่อนเก่า’ ที่เคยอยู่ด้วยกันในพระที่นั่งอัมพรฯอีกครั้ง รวมทั้งพระญาติบางองค์ เช่น พระองค์เจ้าจิรศักดิ์ฯ พระองค์เจ้าวรานนท์ธวัช พี่ต๊ะ-อัชฌา ตอนหลังก็มีหม่อมเจ้าอรชุนชิษณุ สวัสดิวัตน์ ซึ่งเสด็จมาจากอเมริกา หม่อมเจ้าหญิงผ่องผัสมณี สวัสดิวัตน์ เสด็จมาจากปีนัง ซึ่งทั้งสององค์เป็นพระอนุชาและพระขนิษฐาในสมเด็จพระนางเจ้ารำไพพรรณีฯ เสด็จมาประทับที่พระตำหนักเกลน พัมมันต์ (GLEN PAMMANT) ด้วย
กิจวัตรของความเป็นอยู่ที่หรูหราดังกล่าวนี้ คือ การที่พระเจ้าอยู่หัวต้องทรงจ้างฝรั่งมาเป็นคนรับใช้และคนขับรถ ตลอดจนมารยาทการกินการอยู่ รวมถึงการแต่งตัวก็เป็นธรรมเนียมอย่างฝรั่ง ทั้งนี้ก็เพื่อดำรงพระเกียรติยศในฐานะอดีตพระมหากษัตริย์แห่งสยามต่อไปอีกสักระยะหนึ่ง เพื่อไม่ให้ใครดูถูกได้ว่าเป็นชาวเมืองป่า ไม่รู้ธรรมเนียมของพวกที่เรียกตนเองว่า ‘อารยะ’ อันจะเป็นผลพลอยกระทบเกี่ยวโยงมาถึงคนไทยทั้งชาติด้วย
ทุกวันตอนโมงเช้า จะมีคนรับใช้ผู้ชายมาเคาะประตูห้อง ถือถาดวางถ้วยน้ำส้มคั้นเล็กๆ เปรี้ยวจี๊ดมาให้ดื่ม แค่จิบเดียวก็สะดุ้งตื่นทันที ถามว่าวันนี้จะสวมชุดสากลสีอะไร แล้วเขาจะจัดเน็คไท เชิ้ต ถุงเท้าวางไว้ให้ เสร็จแล้วเอาชุดสากลที่เลือกไปให้คนรับใช้ผู้หญิงรีด เอารองเท้าไปขัด สักครู่เขาก็กลับมาพร้อมถาดใส่ขนมปังทาเนยบางๆสองชิ้นเล็กๆ พร้อมน้ำชาและน้ำตาล นมสำหรับปรุงรส เรียกให้ลุกขึ้นนั่งบนเตียง เอาหมอนขึ้น บอกให้รับประทานขนมปังแล้วดื่มชาตาม จากนั้นเขากลับออกไปเอาชุดที่รีด พร้อมรองเท้ามาให้ ผมก็ลุกจากเตียงล้างหน้า สีฟัน ทำธุระส่วนตัวและแต่งตัว เสร็จแล้วก็ลงไปที่ห้องเสวย
ตอนสองโมงเช้า ทุกคนจะมาพร้อมกันที่ห้องเสวย ซึ่งจัดโต๊ะยาวเรียกว่า โต๊ะบิวเฟ่ต์ มีอาหารวางอยู่ อาทิ ปลานึ่งหรือปลารมควัน ไข่ดาว ไข่เจียว หรือไข่กวน แฮม เบคอน ไส้กรอก เซี่ยงจี๊ตัดเป็นเส้นเล็กๆ ใส่หอมใหญ่หรือหมูสามชั้นคลุกตีน้ำมัน แล้วมีพวกของกรอบ เช่น ข้าวคั่ว เกล็ดข้าวโพด (CORN FLAKES) สำหรับใส่นม ชา กาแฟ น้ำส้มคั้น พอพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระบรมราชินีเสด็จฯลงแล้ว จึงจะลุกไปตักกันมารับประทานร่วมโต๊ะเสวย จากนั้นต่างก็แยกไปทำภารกิจของตัวเอง เวลารับประทานอาหารกลางวันตอนบ่ายโมงกับอาหารมื้อค่ำตอนสองทุ่ม ส่วนใหญ่จะเหมือนกัน เป็นอาหารฝรั่ง เริ่มด้วยซุป ตามด้วยปลาแล้วก็เนื้อ และของหวาน ขนม ผลไม้ ทุกคนต้องเข้านั่งโต๊ะเป็นระเบียบและตรงเวลา โดยมีหัวหน้าบริการตีฆ้องเป็นสัญญาณ และตามธรรมเนียมอังกฤษต้องแต่งชุดราตรีอย่างโก้ตอนอาหารมื้อค่ำด้วย
เว้นแต่บางครั้งหากทรงคิดถึงพระกระยาหารไทย จะโปรดเกล้าฯให้ทำกันในครัวฝรั่งก็ไม่ได้ เพราะจะมีกลิ่นแรง จึงรับสั่งให้ไปทำกันที่บังกะโลไม้หลังเล็กๆคล้ายศาลา อยู่ใกล้สนามเทนนิสในบริเวณพระตำหนัก ทุกคนรู้สึกสนุกทุกครั้งที่ได้มารวมกันที่บังกะโลนี้ และสมเด็จพระบรมราชินีโปรดการตำน้ำพริกมาก พระเจ้าอยู่หัวไม่ทรงปรุงพระกระยาหารเอง แต่จะรับสั่งได้ว่าอาหารชนิดใดต้องปรุงอย่างไร แล้วคนที่ทำพระกระยาหารไทยถวายเสมอก็คือ หลวงศักดิ์ฯกับภรรยานั่นเอง เพราะมีฝีมือในทางนี้
ในบางเวลาที่มีคนมาขอเข้าเฝ้าฯ เป็นคนจากสถานทูตบ้าง นักเรียนไทยที่ทรงรู้จักบ้าง ก่อนที่จะเข้าเฝ้าฯ ผมมีหน้าที่จะเป็นคนออกไปต้อนรับ พูดคุยไต่ถามสร้างความเป็นกันเอง เพื่อช่วยผ่อนคลายความตื่นเต้นประหม่าของเขา พร้อมกับหาข้อมูลว่าคนที่มาขอเฝ้าฯนี้เป็นคนนิสัยอย่างไร เป็นใครมาจากไหน เรียนที่ไหน มาทำไม ชอบอะไร แล้วไปกราบบังคมทูลให้พระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระบรมราชินีทรงทราบและทรงรู้จักล่วงหน้า พอเสด็จฯลง ผมจะเป็นคนนำเข้าเฝ้าฯ พระองค์ท่านก็จะมีพระราชปฏิสันถารด้วย ทำให้คนที่มาเข้าเฝ้าฯหายกลัวหรือประหม่าน้อยลง และกล้ากราบบังคมทูลเรื่องราวต่างๆอย่างสบายใจ นี่เป็นหน้าที่ ‘มหาดเล็กอเนกประสงค์’ อย่างหนึ่งของผม
นอกจากนี้ ผมยังทำหน้าที่คนขับรถสำรอง คือก่อนหน้าที่ยังทรงมีพระราชภารกิจอยู่มาก ทรงจ้างคนขับรถพระที่นั่งมืออาชีพเป็นฝรั่งซึ่งเกลามาจากโรงงานของรถโรลสรอยซ์ โดยทางโรงงานจะคัดเลือกคนยอดๆมาถวายให้ทรงเลือกจ้าง จำได้ว่าเขาพูดได้ทั้งภาษาฝรั่งเศสและเยอรมัน เวลาไปต่างประเทศเขาจะเป็น ‘ดิกชันนารี’ เลย และหยิ่งพอควรทีเดียว บางรายว่ากันว่า ใครมาแตะรถยังควักผ้าเช็ดหน้ามาเช็ด แล้วหยิบผ้าเช็ดหน้าทิ้งถังขยะ
ต่อมาเมื่อพระราชภารกิจลดน้อยลง ไม่ต้องเสด็จฯไปไหนมาไหนแล้ว มีพระราชประสงค์ที่จะลดค่าใช้จ่ายในเรื่องนี้ และพระเจ้าอยู่หัวโปรดขับรถยนต์พระที่นั่งเองอยู่แล้ว อย่างตอนบ่ายบางวันรับสั่งว่า ‘วันนี้อยากไปกินน้ำชาที่ริมแม่น้ำเทมส์’ ก็ทรงขับเอง สมเด็จพระบรมราชินีทรงอ่านแผนที่ ส่วนผมนั่งข้างหลัง หากทรงเหนื่อยก็จะรับสั่งว่า
“เอาละ เอาละ แกขับบ้าง” แล้วสมเด็จพระบรมราชินีก็ทรงย้ายมาประทับข้างหลัง ผมก็ขับถวายแทน และยังโปรดเกล้าฯส่งผมไปเรียนที่โรลสรอยซ์เป็น OWNER DRIVERS’ COURSE ต้องไปฝึกรื้อรถออกมาหมดแล้วประกอบเข้าไปใหม่ เผื่อว่าเดินทางไกลที่ไหนที่ไม่มีช่าง ไม่มีร้านจะได้ซ่อมแก้ไขเป็น ซึ่งการเรียนตรงนี้มีประโยชน์กับตัวผมมากในภายหลัง โดยเฉพาะตอนสงครามโลกครั้งที่ 2
อีกหน้าที่หนึ่งของผมในภายหลังคือ เป็นราชเลขานุการด้วย ตอนแรกนั้นราชเลขาฯจริงๆไม่มี เพราะหม่อมเจ้าศุภสวัสดิ์ฯ หรือ‘ท่านชิ้น’ ไม่ทรงรับตำแหน่ง ทรงอธิบายว่า
“อั๊วเป็นทหาร และอั๊วไม่ชอบคำว่าเซอเกรแตร์” (SECRETRAIRE – ภาษาฝรั่งเศส)
ผมจึงรับหน้าที่ราชเลขาฯสำรองระยะหนึ่ง จนกระทั่งหม่อมเจ้าอรชุนชิษณุ สวัสดิวัตน์ ทรงจบการศึกษาจากมหาวิทยาลัยเยล สหรัฐอเมริกา แล้วเสด็จมาประทับที่ลอนดอนด้วย ทรงรับตำแหน่งราชเลขาฯจริงอยู่หลายเดือน จึงกราบบังคมทูลลาออกไปเสกสมรสกับพระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าจันทรกานต์มณี (พระองค์ห้า) พระธิดาองค์หนึ่งในสมเด็จเจ้าฟ้ากรมพระนครสวรรค์วรพินิต
ผมจึงรับหน้าที่ราชเลขาฯมาตลอดตราบจนพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 7 สวรรคต
account_circle ดูดวงรายวัน ประจำวันเสาร์ที่ 17 มิถุนายน 2560 เช็คทุกวัน ทันทุกดวงกับ แพรว ดอทคอม
ผู้ที่เกิดวันอาทิตย์
การงาน : อารมณ์ศิลปินเข้าสิงค่ะ อ่อนไหว ตัดสินปัญหาชีวิตไม่ได้ หากยังสับสนเรื่องงาน วันนี้มีคีย์เวิร์ดให้คือ ความคิดสร้างสรรค์ ความงาม เกี่ยวกับน้ำ ธุรกิจส่วนตัว เหล่านี้จะดีกับท่าน
การเงิน : รายรับรายจ่ายไม่สมดุลกัน โชคดีนะที่ท่านหาเงินเก่ง ไม่อย่างนั้นคงลำบากกว่านี้
ความรัก : วันนี้ท่านขอเรียกร้องความสนใจหน่อย ส่วนคู่ก็มีหน้าที่ตามใจเหมือนเดิมนะคะ วนไปคนโสด มีเสน่ห์กับเพศตรงข้ามมากมาย แต่สุดท้ายแล้วกลับถูกหลอก คงต้องมองคนที่เป็นผู้ใหญ่หน่อยละ
สุขภาพ : มีปัญหาในเรื่องระบบย่อย หรือกระเพาะอาหาร ถุงน้ำดี และต่อมน้ำเหลือง
ผู้ที่เกิดวันจันทร์
การงาน : วันนี้เป็นวันดีของท่าน หากวางแผนงานอะไรไว้ก็รีบทำเลย เพราะท่านมีความสามารถนำพางานไปสู่ความสำเร็จอย่างสูงสุด
การเงิน : ท่านมีดวงการเงินดีเป็นพื้นฐาน จะมีผู้อุปการระและอุปถัมภ์จุนเจืออยู่ตลอด
ความรัก : วันนี้คู่อาจชวนท่านไปทานข้าว ช็อปปิ้ง ดูหนัง สุขสันต์หรรษา คนโสด น่าอิจฉาจัง เพราะมีคนมากมายเข้ามา แล้วพร้อมรักจริงหวังแต่งทั้งนั้น
สุขภาพ : ท่านมีความไม่แข็งแรงมาตั้งแต่เด็ก เพราะฉะนั้นอย่าใช้ร่างกายหนัก หรือหักโหมทำงาน
ผู้ที่เกิดวันอังคาร
การงาน : หากท่านพลิกกลยุทธในการทำงาน สามารถทำงานได้หลากหลาย จนถึงเรียนโหราศาสตร์ก็เป็นนักพยากรณ์ที่มีชื่อเสียงในอนาคตเลยทีเดียว
การเงิน : ไม่เก็บเงินไว้บ้าง ระวังจะเจอวิกฤติ
ความรัก : วันนี้ท่านเตรียมการณ์ออกเดทอย่างดีโรแมนติกสุดๆ แต่หากเจอสถานการณ์ข้างหน้าที่ไม่คาดหมาย ก็อย่าออกอาการหึงมากมาย จะทำให้เสียบรรยากาศเปล่าๆ คนโสด เพิ่งอกหักมาก็เลยยังเจ็บอยู่
สุขภาพ : ทานอาหารให้ตรงเวลา และระวังการดื่ม หรือรับประทานยา มีผลต่อสุขภาพหมด
ผู้ที่เกิดวันพุธ
การงาน : หลังจากทำงานอย่างหนักหน่วงมา 5 วันเต็ม วันนี้ท่านจะได้พักผ่อนอย่างสบายใจ ปล่อยวางให้เต็มที่ แล้ววันจันทร์ค่อยกลับไปเริ่มต้นใหม่
การเงิน : ชอบลงทุนมากกว่าการเก็บเงิน แต่ควรลงทุนด้วยตัวเองดีกว่าร่วมหุ้น
ความรัก : วันนี้มีขัดใจ อีกฝ่ายอยากออกจากบ้าน แต่ท่านอยากนอนหลับพักผ่อนอยู่บ้านเฉยๆ ก็พบกันคนละครึ่งทาง ออกจากบ้านสายหน่อย คนโสด ยาวค่ะ คบกันนานจนกลายเป็นเพื่อน
สุขภาพ : ระวังการติดเชื้อไวรัส ภูมิแพ้ จะทำให้สุขภาพไม่แข็งแรง
ผู้ที่เกิดวันพฤหัสบดี
การงาน : อยู่ในช่วงกลืนไม่เข้าคายไม่ออกกับการทำงานที่ผิดพลาด หรือก่อความเสียหายกับหน้าที่การงานที่รับผิดชอบอยู่ กำลังอยู่ในช่วงเรียกร้องขอความเห็นใจจากผู้ใหญ่ หรือเพื่อนร่วมงาน
การเงิน : สูญเงินจากความสงสารของตัวเอง
ความรัก : รู้สึกเบื่อหน่ายกันมาก ต่างคนต่างไป ซึ่งมีแนวโน้มสูงว่า คู่ท่านจะไปเลย แม้ท่านพยายามอ้อนวอนเท่าไหร่ก็ยากจะเปลี่ยนใจ รอให้ผ่านวันนี้ไปก่อนดีกว่าค่ะแล้วค่อยลองใหม่ คนโสด ทำใจเลยค่ะว่า รักวันนี้ไม่เหมาะสมด้วยประการทั้งปวง
สุขภาพ : ระวังเกิดภาวะซึมเศร้า ปล่อยวาง เดี๋ยวพรุ่งนี้ก็ดีขึ้นค่ะ
ผู้ที่เกิดวันศุกร์
การงาน : วันนี้ท่านเปรียบเหมือนลม จิตใจโลเลอ่อนไหว จนไม่สามารถตัดสินปัญหาอะไรได้เลย อย่างแรกคือ ดูแลปกครองบริวารให้ดี เพราะท่านใจดีเกินเหตุ จนบริวารไม่เกรงใจ
การเงิน : หมดกับการลงทุน และซื้อของให้แฟน จนต้องเดือดร้อนญาติผู้ใหญ่บ่อยๆ
ความรัก : กำลังเบื่อหน่ายกัน วันนี้ชวนกันไปเที่ยวต่างจังหวัดดีกว่า จะค้างคืนหรือวันเดียวกลับก็ดีทั้งนั้น คนโสด คาดหวังสูงก็รอนานหน่อยนะ
สุขภาพ : ปวดศีรษะ หน้ามืด ตาลาย เตรียมพกยาดมไปด้วยเลย
ผู้ที่เกิดวันเสาร์
การงาน : งานมีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา วันนี้ก็เช่นกัน ท่านมีเกณฑ์ต้องริเริ่ม หรือลงมือกระทำอะไรใหม่ๆ ที่ต้องใช้ทักษะความรู้ความสามารถสูง
การเงิน : อาจถูกหยิบยืมเงิน หรือลงทุนผิดพลาด
ความรัก : ต้องออกไปติดต่อประสานงานด้วยกัน อาจขัดใจกันบ้าง ในความที่ท่านละเอียดรอบคอบเกินไป จนเหมือนจู้จี้จุกจิกไปเสียทุกเรื่อง คนโสด เอาใจเก่ง ขี้ประจบ แต่ต้องลองผิดลองถูกนะคะกว่าจะได้เจอรักจริง
สุขภาพ : มีปัญหาเรื่องระบบย่อยอาหาร ต่อมทอนซิลอักเสบ หรือหลอดลมอักเสบ
account_circle ไรม์ อาโรดากี้ (Rime Arodaky) กับชุดแต่งงานสไตล์วินเทจผสมกับกลิ่นอายความเป็นร็อคแอนด์โรล รวมเข้ากับการตัดเย็บมาตรฐานไฮเอนด์ที่เจ้าสาวคนสวยไม่จำเป็นต้องทำให้ตัวเองดูเป็นเจ้าสาวขนานแท้ขนาดนั้น เพราะทุกชุดยขังสามารถบ่งบอกความเป็นตัวเองที่มาพร้อมความผ่อนคลายในการสวมใส่ และทุกย่างก้าวที่ออกเดินเฉิดฉายในงาน คุณยังคงเป็นจุดรวมความสนใจหนึ่งเดียวอย่างแท้จริง
account_circle ข้ามฝั่งไปดูงานแต่งงานสุดยิ่งใหญ่จากประเทศเพื่อนบ้านของเรากันบ้าง กับงานที่เรียกได้ว่าเป็นทอล์คออฟเดอะทาวน์ของชาวกัมพูชาเลยก็ว่าได้ เพราะเนรมิตพื้นที่จัดงานให้มีกลิ่นอายของฤดูหนาวที่เต็มไปด้วยหิมะซึ่งธีมนี้เกิดขึ้นจากความชอบส่วนตัวของคุณสุลีนา วันและคุณวิสุต เมา ที่หลงใหลในความหนาวเย็นและภาพของหิมะสีขาวโพลนที่ปกคลุมอาคารบ้านเรือนในประเทศฝั่งยุโรป จึงออเดอร์ให้ Rainforest the Weddingเวดดิ้งแพลนเนอร์อันดับต้นๆ ของเมืองไทยช่วยเนรมิตภาพฝันให้กลายเป็นจริง ภายใต้ธีมงาน An Invisible Spring in Winter
ด้วยธรรมเนียมปฏิบัติของชาวกัมพูชาที่ในวันฉลองแต่งงานบ่าวสาวจะไม่มายืนเคียงข้างเพื่อช่วยกันรับแขก แต่จะแยกกันรับแขกของตัวเอง ทางเข้างานจึงออกแบบให้เป็นเสมือนปากทางเข้าสู่เมืองหิมะรูปตัวยูโดยใช้ผ้าสีเทามาขึงเลียนแบบเสาโรมัน ตกแต่งด้วยดอกไม้สีขาว เขียวและสีชมพูอมม่วง และแบ่งพื้นที่ให้สองครอบครัวยืนรับแขกคนละฝั่ง
ภายในห้องจัดเลี้ยงแบ่งพื้นที่สำหรับสร้างเป็นเวทีขนาดยักษ์หน้ากว้างเกือบ 20 เมตร ออกแบบให้เป็นบรรยากาศภายในถ้ำน้ำแข็ง โดยใช้โครงเหล็กและผ้าสีขาวโปร่งมาเนรมิตให้ด้านหลังเวทีกลายเป็นกำแพงน้ำแข็งแล้วตกแต่งรอบๆ ทั้งบนเวทีหลักและเวทีเค้กด้วยก้อนน้ำแข็งทั้งแบบทึบและใส
นอกจากนี้ยังไม่ลืมเก็บรายละเอียดที่เพดานห้องจัดเลี้ยง ที่ทำให้เป็นเสมือนท้องฟ้ายามค่ำคืนซึ่งหิมะกำลังโปรยปรายลงบนดอกไม้และต้นไม้ที่ยังคงความเขียวชอุ่มสดชื่น ไม่ต่างจากความรักที่เบ่งบานของบ่าวสาว
The Details : Melting Winter
account_circle เป็นผู้หญิงที่มีสไตล์ทั้งคู่ สำหรับ 2 สาว ณิชา – ณัฏฐณิชา และแพร์ – พิชชาภา ที่ตอนนี้กำลังมีผลงานละครซีรีส์ The Cupids บริษัทรักอุตลุด ตอน กามเทพซ้อนกล ด้วยกัน โดยทั้งคู่ต้องแสดงเป็นเพื่อนกันตั้งแต่สมัยวัยเรียน แต่ไม่ถูกชะตากันสักเท่าไร โดยสาวณิชา รับบทเป็น มิลิน และสาวแพร์ รับบทเป็น ระริน
ในจอตอนนี้สาวแพร์ – พิชชาภา พันธุมจินดา กำลังโดนแฟนๆ หมั่นไส้กันมากทีเดียว เหตุเพราะต้องเล่นเป็นผู้หญิงที่เอาแต่ใจ และมักจะตามแกล้ง ตามกดขี่นางเอก หรือณิชา – ณัฏฐณิชา ดังวัธนาวณิชย์ ให้ทำตามสิ่งที่ตัวเองต้องการ แต่ก็มักจะมีพระเอกขี่ม้าขาว คุณหมอฟัน หรือโตโน่ – ภาคิน คอยมาช่วยเหลือนางเอกอยู่เสมอ เห็นในจอต้องแสดงเป็นเพื่อนที่ไม่ถูกชะตากัน แต่นอกจอสองคนนี้ก็รักกันดีนะ เพราะมีโมเมนต์น่ารักๆ ออกมาให้แฟนละครได้ชมอยู่เรื่อย
สำหรับสองสาว ณิชา – แพร์ ผู้เป็นสาวมีสไตล์แห่งตอน กามเทพซ้อนกล นี้ ถ้ามองดีๆ สองคนนี้ก็มีใบหน้าราวพี่น้องเหมือนกัน ด้วยใบหน้าสวยคม แถมเมื่อดูไลฟ์สไตล์และสไตล์การแต่งตัวในชีวิตนอกจอของทั้งคู่ ก็มักจะเน้นเรียบง่าย แต่รู้จักเลือกหยิบกิมมิกแฟชั่นให้เข้ากับการแต่งตัว เพื่อไม่ดูธรรมดาจนเกินไป ซึ่งเมื่อดูแล้วก็เหมาะกับสาวๆ ที่ชื่นชอบการแต่งตัวแบบไม่หวือหวา สวยใส เท่ และสง่าได้แบบไม่โป๊ วันนี้ แพรวดอทคอม เลยนำสไตล์การแต่งตัวของสองสาวมาให้ได้ชมกัน สวยน่ารักสมวัยจริงๆ นะ
ณิชา – แพร์ กับกางเกงยีนส์ขาสั้น ขายาว ที่จับมามิกซ์แอนด์แมตช์ให้ออกมาดูเรียบง่าย แต่แฝงกลิ่นแฟชั่นที่พิเศษ โดยณิชาแอบมีกิมมิกช่วงหลังกางเกงยีนส์ขาดๆ เผยให้เห็นผิวเนียน ส่วนสาวแพร์เลือกเสื้อเชิ้ตสีขาว คอทรงตั้ง ที่กว้านลึกตรงหน้าอกพอประมาณ ให้ดูเรียบง่าย แต่ก็มีความเซ็กซี่ ขี้เล่น
แม้จะใส่เสื้อผ้าเรียบๆ โทนสีไม่จัดจ้าน แต่ก็โดดเด้งขึ้นได้ด้วยการหยิบแว่นตาแฟชั่นที่มีทั้งเรื่องดีไซน์และสีเก๋ๆ มาใส่ ไม่เชื่อดูสาวณิชา – แพร์เป็นตัวอย่างเลย!…
เบื่อเรียบๆ เพิ่มเติมความหวานในวันชิลๆ หรือออกงานก็ทำได้ เพราะไม่ใช่แค่จะเลือกสีขาวให้ดูสวยน่ารัก ดูน่าทะนุถนอมอย่างเดียว แต่ทั้งสองสาวก็เลือกชุดที่มีเลเยอร์ อย่างเนื้อผ้าก็อาจจะเป็นลูกไม้ หรือมีลายพริ้นต์น่ารักๆ ของดอกไม้มาเพิ่มลุคสาวหวาน
เบื่อใส่ยีนส์ในวันช็อปปิ้ง วันพักผ่อน แค่เลือกเดรสชุดเดียว จะเลือกสีสันสดใส แต่มีกิมมิกตรงลวดลายให้มีความเป็นแฟชั่นสดใสแบบณิชา หรือจะเลือกเดรสเรียบๆ แต่มีกิมมิกเป็นรูปดอกไม้เด่นตรงกลางลำตัว ผสมกับการเล่นสีดำตัดสีขาวของชุด ก็ดูเรียบง่ายแต่มีความพิเศษได้แล้ว
ส่งท้ายกันที่ลุคหรูออกงาน แต่ก็ยังใส่แฟชั่นเข้าไปให้ดูไม่ธรรมดา อย่างณิชาเลือกเดรสที่มีเลเยอร์ผูกผ้าผูกโบเป็นชั้นๆ ให้ดูเก๋ หรู และดูสนุกสนานขึ้นมา ส่วนสาวแพร์กับลุคเดรสหรูออกงาน นอกจากจะดูสวยแพงแล้ว แต่ก็ไม่ได้ดูทางการจนไร้ความสดใส มีชีวิตชีวา เพราะเดรสก็มีกิมมิกเรื่องดีไซน์ตรงช่วงอกให้ดูเป็นแฟชั่นเบาๆ
เห็นสองสาวแล้ว สาวๆ ที่ชอบแต่งตัวเรียบง่ายน่าจะถูกใจไม่น้อย เพราะแม้จะเรียบแต่ก็เก๋ ดูแฟชั่นและน่าดึงดูดได้นะจ๊ะ
เรื่อง: Gingyawee_แพรวดอทคอม
ภาพ: IG @pearpitchapa @nychaa
account_circle
ใต้ร่มฉัตร ตอนนี้พูดถึงการเปลี่ยนแปลงระบอบการปกครองในปี พ.ศ.2475 ที่สร้างความผันผวนอย่างมากมาย อันส่งผลกระทบกับอย่างรุนแรงกับเหล่าเชื้อพระวงศ์ รวมถึงพระชะตาชีวิตของหม่อมการวิก จักรพันธุ์อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
ผมนึกย้อนไปถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 13 มกราคม พ.ศ. 2476 (นับศกอย่างเก่า) ณ ท่าราชวรดิฐ และพยายามสร้างจินตภาพของเรือยนต์พระที่นั่ง ‘ศรวรุณ’ ที่ทอดลำอยู่เหนือแผ่นน้ำเจ้าพระยา เพื่อรอรับการเสด็จพระราชดำเนินของพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้ารำไพพรรณี พระบรมราชินี ลงประทับก่อนจะเคลื่อนออกจากแผ่นดิน
ครั้นถึงเวลาตามหมายกำหนดการทั้งสองพระองค์จึงเสด็จฯลง ระวางเรือราชพาหนะถูกขับเคลื่อนห่างจากท่าอย่างช้าๆ ท่ามกลางสายตาของคณะรัฐบาล ข้าราชการ พลเรือน ตลอดจนทูตานุทูตต่างประเทศ และเหล่าพสกนิกรที่เฝ้าฯส่งเสด็จอย่างคับคั่ง หากในใจของพวกเขาเหล่านั้นคงไม่นึกคิดว่า การเสด็จพระราชดำเนินในวันนั้นจะเป็นการเสด็จฯอำลาจากเมืองไทยขององค์พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าฯอย่างชั่วนิรันดร์
แม้จะมีข่าวเล่าลือกันในตอนนั้นว่า พระเจ้าอยู่หัวมีพระราชดำริที่ขัดแย้งกับคณะรัฐบาลของพระยาพหลพลพยุหเสนา (พจน์ พหลโยธิน) และสภาผู้แทนราษฎรทางด้านการเมืองการปกครองในหลายๆประการ ทั้งที่ทรงสนับสนุนและให้คำแนะนำบรรดา ‘คณะราษฎร’ ที่ลุกขึ้นมาก่อการเปลี่ยนแปลงการปกครอง เมื่อวันที่ 24 มิถุนายน พ.ศ. 2475 อย่างเต็มที่แล้วก็ตาม…ที่สุดทรงตัดสินพระราชหฤทัยที่จะเสด็จฯไปรับการถวายการรักษาพระเนตรข้างขวาที่ประชวรต้อกระจกที่อังกฤษหลังจากที่เคยเสด็จฯไปรับการถวายการผ่าตัดพระเนตรข้างซ้ายที่สหรัฐอเมริกามาแล้วเมื่อ พ.ศ. 2474 พร้อมกันนี้มีพระราชประสงค์ที่จะเสด็จฯเยือนเพื่อเจริญสัมพันธไมตรีกับบรรดามิตรประเทศในยุโรปด้วย
หากเบื้องลึกของการตัดสินพระราชหฤทัยเสด็จฯออกนอกประเทศครั้งนั้น เหล่าผู้มีอำนาจคงจะทราบถึงนัยแห่งความหมายนี้…
ระหว่างที่พระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระบรมราชินีเสด็จฯออกจากเมืองไทยแล้ว ทั้งสองพระองค์ได้ทรงนัดหมายกับบรรดาพระบรมวงศานุวงศ์ชั้นผู้ใหญ่หลายพระองค์ และพระประยูรญาติหลายองค์ ที่จำต้องเสด็จลี้ภัยการเมืองมาประทับในแถบประเทศเพื่อนบ้าน อาทิ สมเด็จเจ้าฟ้ากรมพระนครสวรรค์วรพินิต ประทับที่บันดุง เกาะชวา สมเด็จกรมพระยาดำรงราชานุภาพ และสมเด็จกรมพระสวัสดิวัตนวิศิษฎ์ ประทับที่เกาะปีนัง กรมพระกำแพงเพ็ชรอัครโยธินประทับที่เกาะสิงคโปร์ ฯลฯ สถานที่ทรงนัดคือ เมืองเมดาน เกาะสุมาตรา (ประเทศอินโดนีเซีย) และประทับอยู่ราว 3 วันจึงเสด็จฯลงเรือ ‘เมโอเนีย’ ของบริษัทอีสต์เอเชียติก ที่จัดถวายเป็นเรือพระที่นั่งนำเสด็จฯสู่ทวีปยุโรป
เรือพระที่นั่งนำเสด็จถึงเมืองมาร์เซลย์ ฝรั่งเศส อันเป็นจุดหมายปลายทางในราวเดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ. 2476 (นับศกอย่างเก่า) ซึ่งผมมีโอกาสเข้าเฝ้าฯทั้งสองพระองค์ด้วยความดีใจเป็นที่สุดอีกครั้งหนึ่ง นับตั้งแต่ครั้งที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯให้ผมตามเสด็จที่สหรัฐอเมริกาเมื่อปี พ.ศ. 2474
จากนั้นทั้งสองพระองค์ได้ทรงปฏิบัติพระราชภารกิจเยือนมิตรประเทศต่างๆอย่างเป็นทางการในฐานะแขกเมือง (STATE VISIT) อาทิ เดนมาร์ก ฮอลันดา เบลเยี่ยม เยอรมนี เชโกสโลวะเกีย ฮังการี ออสเตรีย และอิตาลี ผู้ตามเสด็จในคราวนั้นประกอบด้วย กรมหมื่นเทววงศ์วโรทัย (พระองค์เจ้าไตรทศประพันธ์) เสนาบดีกระทรวงการต่างประเทศ หม่อมเจ้าประสบศรี จิรประวัติ ราชองครักษ์ พลเรือตรี หม่อมเจ้าถาวรมงคลวงศ์ ไชยันต์ นายแพทย์ประจำพระองค์ และหม่อมครอง ไชยันต์ ณ อยุธยา นางสนองพระโอษฐ์ หม่อมเจ้าศุภสวัสดิ์วงศ์สนิท สวัสดิวัตน์ และหม่อมเสมอ สวัสดิวัตน์ ณ อยุธยา พระองค์เจ้าวรานนท์ธวัช หม่อมราชวงศ์สมัครสมาน กฤดากร ผู้ช่วยราชเลขานุการ พระยาวิชิตวงศ์วุฒิไกร สมุหราชองครักษ์และเลขานุการในขบวนเสด็จฯ หลวงดำรงดุสิตเรข ผู้ช่วยราชเลขานุการ หลวงศิริสมบัติ (พุ่ม โชติกะพุกกะณะ) เจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงิน และนายรองสนิท โชติกเสถียร ในช่วงหลังของหมายกำหนดการตรงกับเวลาที่โรงเรียนปิดเทอม ผมจึงมีโอกาสตามเสด็จด้วย
เมื่อเสด็จประพาสตามหมายกำหนดการเสร็จสิ้นแล้ว จึงเสด็จฯยังกรุงลอนดอน ซึ่งทรงใช้เป็นที่แปรพระราชฐานและรักษาพระองค์ โดยทางกระทรวงวังได้เช่าคฤหาสน์โนล (KNOWLE) ณ ตำบลแครนลีห์ (CRANLEIGH) ใกล้ GUILFORD, SURREY ซึ่งเป็นบ้านมรดกตกทอดจากบรรพบุรุษของนายทหารนอกราชการคนหนึ่งของอังกฤษ เป็นตึกใหญ่สีเทาๆ กว้างขวางแบบบาโร้ค (BAROQUE) อยู่ห่างจากลอนดอนไปทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ 35 ไมล์ไว้เป็นที่ประทับ
ช่วงเวลาหลายเดือนระหว่างที่ประทับ ณ คฤหาสน์นี้ พระเจ้าอยู่หัวทรงมีข้อราชการติดต่อกับทางรัฐบาล โดยผ่านทางผู้สำเร็จราชการแผ่นดิน (สมเด็จเจ้าฟ้ากรมพระยานริศรานุวัดติวงศ์) มาตลอด แต่ไม่อาจบรรลุข้อตกลงใดๆได้ เกิดความขัดแย้งต่างๆนานา ด้วยพระราชปณิธานนั้นทรงปรารถนาให้ประชาชนได้การปกครองในระบอบประชาธิปไตยอย่างสมบูรณ์ แต่รูปการกลายเป็นว่า อำนาจการปกครองที่พระราชทานนั้นกำลังจะตกไปอยู่กับคณะผู้ที่มีอิทธิพลในขณะนั้น จึงมีพระราชดำริที่จะสละราชสมบัติ (รายละเอียดความขัดแย้งที่เกิดขึ้น ผมมาศึกษาเอาทีหลังและไม่ขอเล่าในที่นี้ เพราะจะยืดยาวเกินไป) ทางรัฐบาลจึงส่งคณะผู้แทนประกอบด้วยเจ้าพระยาศรีธรรมาธิเบศ (จิตร ณ สงขลา) ประธานสภาผู้แทนราษฎร หลวงธำรงนาวาสวัสดิ์ (พลเรือตรี ถวัลย์ ธารีสวัสดิ์) เลขาธิการคณะรัฐมนตรี และนายดิเรก ชัยนาม เดินทางมาเข้าเฝ้าฯเพื่อกราบบังคมทูลอัญเชิญเสด็จฯกลับเมืองไทย แต่พระเจ้าอยู่หัวทรงเตรียมพระราชบันทึกที่แสดงถึงพระราชประสงค์ต่างๆที่มีต่อรัฐบาล เป็นการเจรจาผ่านทางคณะผู้แทนมายังเมืองไทย เมื่อสภาผู้แทนราษฎรพิจารณาพระราชบันทึกทั้งหมดแล้วลงมติคัดค้าน และไม่สามารถสนองพระราชประสงค์ได้ ผลที่สุดคือ พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงตัดสินพระราชหฤทัยสละราชสมบัติ เมื่อวันที่ 2 มีนาคม พ.ศ. 2477 นับเป็นวันสิ้นรัชกาลแห่งพระมหากษัตริย์ ในระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์พระองค์สุดท้าย และพระองค์แรกในระบอบประชาธิปไตยอย่างสมบูรณ์
ต่อมาทางรัฐบาลและสภาผู้แทนฯได้พิจารณาลงมติอัญเชิญพระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอานันทมหิดล ขึ้นเป็นพระเจ้าอยู่หัวพระองค์ใหม่ เพื่อทรงราชย์สืบราชสันตติวงศ์ต่อไป
หลังจากที่ทรงสละราชสมบัติแล้ว พระองค์ท่านยังคงประทับ ณ พระตำหนักโนลต่อไป ส่วนข้าราชบริพารที่ตามเสด็จก็ได้รับคำสั่งจากกรุงเทพฯให้กลับเมืองไทยเพราะหมดหน้าที่แล้ว รัฐบาลก็ได้ยุบกระทรวงวังลงเป็นสำนักพระราชวัง เป็นอันว่าเหลือเพียงหม่อมราชวงศ์สมัครสมาน กฤดากร และนายรองสนิท โชติกเสถียร ที่ยังคงอยู่ต่อไป นอกเหนือไปจากหม่อมเจ้าศุภสวัสดิ์ฯ และหม่อมเสมอ ซึ่งตามเสด็จตั้งแต่ออกจากเมืองไทย และพระองค์เจ้าจิรศักดิ์ฯ กับพี่ต๊ะ-อัชฌา จักรพันธุ์ ซึ่งทรงย้ายมาจากสหรัฐอเมริกา
ในเวลาต่อมา พระเจ้าอยู่หัวมีพระราชดำริที่จะแปรพระราชฐานจากพระตำหนักโนล เพราะมีพระราชประสงค์ที่จะประทับในที่อากาศดีกว่า เพราะพระตำหนักนี้เป็นตึกใหญ่มีลักษณะทึบ ไม่ค่อยเหมาะกับพระอนามัย ประกอบกับค่าเช่าอยู่ในเกณฑ์สูงมาก ทรงจำเป็นที่จะต้องลดค่าใช้จ่ายส่วนนี้ลง และทรงหวังที่จะใช้เวลาพักผ่อนอย่างเต็มที่ด้วย
ในที่สุดก็ได้บ้านหลังหนึ่ง รูปทรงทันสมัยขนาดกว้างขวาง ที่ตำบลเวอร์จิเนียวอเตอร์ (VERGINIA WATER) ห่างจากตำบลแครนลีห์ลงไปทางใต้อีก พระองค์เสด็จฯมาประทับยังพระตำหนักใหม่พร้อมสมเด็จพระบรมราชินีและข้าราชการบริพารที่ยังเหลืออยู่ โดยเหตุที่บ้านส่วนใหญ่ในตำบลนี้มักจะมีชื่อ GLEN ซึ่งมีความหมายถึงหุบเขานำหน้ากัน พระองค์ท่านจึงพระราชทานนามตำหนักใหม่นี้ ด้วยพระราชอารมณ์ขันว่า ‘GLEN PAMMANT’ ในภาษาอังกฤษไม่มีความหมายอะไร ทว่าความหมายที่ลึกซึ้งอยู่ที่การกลับตัวอักษรจำนวนนั้นเสียใหม่เป็น ‘TAM PLENG MAN’ อ่านเป็นภาษาไทยว่า ‘ตามเพลงมัน’ อันหมายถึงว่า แล้วแต่อะไรจะเกิดขึ้น แสดงถึงการทอดพระอาลัยในเรื่องต่างๆที่เกิดขึ้นกับพระองค์ท่าน
การที่ไม่ทรงใช้นามอย่างไพเราะ ดี หรู เช่น ไม่มีกังวล ภาษาฝรั่งเศสว่า ซองส์ ซูซีส์ (SANS SOUCIS) อย่างพระราชวังไกลกังวลนั้น รับสั่งว่า พอเกิดเรื่องขึ้นมา เดี๋ยวก็ถูกยึด…
account_circle หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเล่น เช็กข่าวดูเมื่อเช้านี้ คุณพระ! หน้าไทม์ไลน์เต็มไปด้วยความหวานเว่อร์ๆ เมื่อหนุ่มป๊อก ภัสสรกรณ์ จิราธิวัฒน์ ทายาทเจ้าของธุรกิจในเครือเซ็นทรัล กรุ๊ป ขอนางเอกสาวหน้าหวาน มาร์กี้ ราศรี แต่งงานกลางดิสนีย์แลนด์ ที่อเมริกา ทำเอาสาวๆ หลายคนที่อยากจะมีโมเม้นต์พิเศษแบบนี้บ้าง ตาร้อนผ่าวกันเป็นแถวๆ รวมถึงเราด้วยนี่แหละ Oops!
แต่รอบนี้ไม่ได้มาเล่าเรื่องราวการขอแต่งงานนะ เพราะแพรวดอทคอมได้เม้าท์กันไปแล้ว แต่เราจะมาตามส่องลุคตะลุยเที่ยวของสาวมาร์กี้กัน เพราะผ่านมาสักพักใหญ่แล้วที่สาวมาร์กี้และหนุ่มป๊อกเปิดชาแนลร่วมกันทำรายการท่องเที่ยว ป๊อกกี้ on the run ในยูทูป เพื่อพาแฟนๆ ไปเที่ยวทั้งฝั่งเอเชียและยุโรป คือเห็นคู่นี้เที่ยวกันบ่อยมากๆ ส่วนที่สะดุดตาไม่แพ้บรรยากาศสวยๆ ก็แฟชั่นของสาวมาร์กี้ที่ดูน่าสนใจ มีความคีฟลุคได้น่ารักตลอดนี่แหละจ้า
ก่อนนางเอกคนสวยจะเป็นเจ้าสาว เรามาดูการแต่งองค์ทรงเครื่องไปเที่ยวก่อนหน้านี้กับหวานใจกันดีกว่าว่ามีสไตล์ไหนบ้าง สาวๆ ที่มีอยู่คนรู้ใจก็เอาไปแต่งดูได้นะ เผื่อหนุ่มๆ จะขอแต่งงานเร็วๆ นี้ อิๆ
นอนชิลๆ อยู่ที่ทะเลมัลดีฟส์ ก็สวยได้จ้า กับเดรสสีส้มไล่เฉด ลายเก๋ๆ ที่ดูเบาสบาย นี่บอกเลยว่าเห็นชุดนี้ของสาวมาร์กี้แล้ว ชอบมว้ากกกก มันดี
เสื้อและกางเกงลายทางสีฟ้าขาวกับน้ำทะเลใสๆ มันช่างเข้ากัน ดูร่าเริง อารมณ์ดี สดใสฝุดๆ
แชะภาพคู่หวานใจแบบเท่ๆ ก็ได้ กับลุคที่หรูขึ้นมาหน่อย ด้วยขนเฟอ หมวกบีนนี่ และรองเท้าบู๊ต
เสื้อกันหนาวแขนขาวสีดำ กางเกงขาวพอดี๊พอดีตัว กับบู๊ตสูงๆ แถมด้วยหมวกแก๊ปอีกสักนิด ก็ทำให้ได้ลุคกันหนาวที่ดูไม่เยอะ แต่ก็สวยได้
โชว์ความสตรีทสไตล์ ด้วยแจ็คเก็ตกันหนาวกับกางเกงยีนส์ขาดๆ บวกด้วยรองเท้าผ้าใบ ถ่ายคู่กับลายเพ้นต์สนุกๆ ด้านหลัง ทำให้ดูชิคเข้าไปอีก
สาวกดิสนีย์เเลนด์กันทั้งคู่จริงๆ แต่รอบนี้เป็นที่ฮ่องกงไม่ใช่ที่อเมริกา สถานที่ที่โดนขอแต่งงานนะจ๊ะ ลุคนี้ดูน่ารัก ซนๆ ด้วยชุดกันหนาวไหมพรมและบู๊ตสูง
นั่งอวดความหวานเบาๆ ที่ฮ่องกง ด้วยลุคเรียบหรู สีขาว ครีม น้ำตาลที่แมตช์กัน ทำให้ดูเข้ากันทั้งชุด ไอเท็มจะมาก จะน้อยก็เอาอยู่
ลุคสบายๆ ชุดสีเหลืองอ่อนๆ ด้วยหุ่นที่ดูดี ตัวสูง ทำให้ชุดเรียบๆ ดูสวยได้อีกแล้ว เพิ่มกิมมิกด้วยการสะพายเป้เล็กๆ รวบผมม้าขึ้น แค่นี้ก็ได้ลุคทะมัดทะแมง พร้อมลุยแล้ว
ซนแก่นจริงๆ กับลุคนี้ ดูง่ายๆ แต่คิ้วท์มาก เสื้อแขนขาวสีเทา กางเกงยีนส์ ผ้าใบ ถักเปียสองข้าง รวมกันแล้วออกมาน่ารัก น่าหยิก กำลังดี
มาสปอร์ตสไตล์กันบ้าง กับลุคที่ดูเหมือนจะออกมาวิ่งเล่นเบาๆ เพื่อชมธรรมชาติสวยๆ อย่าง ลำธาร ต้นไม้ ท้องฟ้า คือลุคนี้ทั้งชุด ท่าโพส ไปจนถึงวิว ทำให้ดูสบายตา น่ามองไปหมด
จริงๆ สาวมาร์กี้เป็นอีกหนึ่งคนที่แต่งตัวได้ทุกแนวนะ ดูอย่างตอนไปเที่ยวก็ครีเอทลุคได้ต่างกัน ดูมีความแก่นเบาๆ ซนนิดๆ ดูได้ไม่เบื่อ แต่ตอนนี้แพรวดอทคอมรอดูลุคเจ้าสาวอยู่นะคะ อิๆ
ภาพ : IG@margie_rasri
account_circle ดูจบแล้ว เป็นไงกันมั่งสวยถูกใจมั้ยคะ ส่วน แพรวดอทคอม ปลื้มมากค่ะ เพราะตอบโจทย์สาวๆ ที่ภารกิจระหว่างวันเยอะแยะไปหมด อาจทำให้ใบหน้าดูพังอย่างไม่ทันตั้งตัว แต่บริการทัชอัพจะคืนความสวยท็อปฟอร์มให้กับสาวๆ โดยเมคอัพอาร์ตติสประจำเคาน์เตอร์แบรนด์จะเติมเมคอัพให้จุดที่ดรอปลงกลับมาสวยโดดเด่น และหากใครต้องการเติมสีสัน หรือเปลี่ยนเมคอัพที่ดูซอฟให้โฉบเฉี่ยวเหมาะกับนัดสำคัญก็ทำได้ รวมถึงถ้าใครหน้าเต็มสวยเจิดแล้ว แต่อยากบำรุงผิวก็สามารถไปทดลองทำทรีตเม้นท์ รวมถึงเติมความหอมด้วย แถมยังได้รับคำแนะนำเรื่องบิวตี้ไอเท็มที่เหมาะกับสาวๆ อีกด้วย เริ่ดอะ!!
ส่วนสาวๆ คนไหนสนใจอยากแต่งบ้าง แค่เดินเข้าไปที่เคาน์เตอร์แบรนด์เครื่องสำอางชั้นนำแผนกบิวตี้ แกเลอรี ของห้างเซ็นทรัลชิดลม ลาดพร้าว บางนา ปิ่นเกล้า และเซน พร้อมแจ้งว่า “มารับบริการทัชอัพของ Beautiful Friday ค่ะ” แค่เนี๊ยะ แปปเดียวก็สวยมั่นใจพร้อมลุยปาร์ตี้ต่อกับเกิร์ลแก๊งค์ยาวๆ แล้วค่ะ ย้ำ!! มีบริการเฉพาะวันศุกร์เท่านั้นนะ
เรื่อง : PP_แพรวดอทคอม
ภาพ : Wara Suttiwan
นางแบบ : New Nitcha