บุฟเฟ่ต์นานาชาติมื้อค่ำรูปแบบใหม่ “Never-Ending Flavours” ตอกย้ำความอร่อยสไตล์ยุโรปขนานแท้ ห้องอาหารบราสเซอรี ยูโรป้า ณ โรงแรมสยามเคมปินสกี้กรุงเทพฯ ขอเชิญชวนทุกท่านมาร่วมเปิดประสบการณ์ความอร่อย แนวใหม่ในช่วงซัมเมอร์นี้กับคอนเซ็ปต์ใหม่ของบุฟเฟ่ต์นานาชาติมื้อค่ำ ที่เพิ่มตัวเลือกให้คุณได้อิ่มอร่อยได้อย่างไม่จำกัดพร้อมเมนูอาหารจานเดี่ยว (main course) เสิร์ฟในรูปแบบ à la carte สไตล์ยุโรปที่ปรุงสดใหม่ตามออเดอร์แบบจานต่อจาน เสิร์ฟให้ถึงโต๊ะอาหารของท่านเพิ่มเติมจากอาหารในไลน์บุฟเฟ่ตเพื่อเอา ใจลูกค้าทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ บุฟเฟ่ตมื้ค่ำ Never-Ending Flavours เปิดให้บริการทุกวันในราคา 1,800 บาท++ ต่อท่าน รวมน้ำ เปล่า ชาและกาแฟ อิ่มเอมไปกับอาหารคุณภาพชั้นเลิศระดับห้าดาวที่มีให้คุณได้เลือกรับประทานมากมายอาทิ ซูชิ ซาชิมิอาหารทะเลเสิร์ฟบน เคาน์เตอร์น้า แข็งเพื่อรักษาความสดใหม่เช่นหอยนางรม “ฟิ น เดอ แคลร์” กุ้งขาว กุ้งลายเสือ ก้ามปูหิมะ หอยแมลงภู่ นิวซีแลนด์สลัดบาร์ ชีสและโคลด์ คัทนานาชนิด และซุปประจำวันให้เลือกในสไตล์ตะวันออกและตะวันตก เป็นต้น เมนูอาหารจานเดี่ยว (main course)เสิร์ฟในรูปแบบ à la carte มีให้เลือกมากมาย พร้อมเสิร์ฟหมุนเวียนสลับ เปลี่ยนกันไปทุกๆ สองสัปดาห์ เช่น สเต็ก flat iron เนื้อวัวแสนฉ่ำเสิร์ฟพร้อมกราแตงหัวหอมราดด้วยซอสเนื้อ (Australian slow-cooked flat Iron steak with gratin onion and beef jus) Pork Belly หมูดำสายพันธุ์เบอร์กเชียร์ อบกับข้าวโพดรมควัน พร้อมซอสบาร์บีคิว (roasted Berkshire pork belly with smoked corn and home-made BBQ sauce) ปลาแซลมอนรมควัน เสิร์ฟพร้อมถั่ว เลนทิล และซอสไวน์ขาวทาร์รากอนสไตลฝ์รั่งเศส (hot smoked salmon with braised lentils and Chardonnay tarragon sauce)
นอกจากนี้ยังมีเมนูพาสต้าให้ทุกท่านได้เลือกรับประทานในหลากหลายรูปแบบ เสิร์ฟหมุนเวียนสลับเปลี่ยนกันไปทุกๆ สอง สัปดาห์เพื่อความหลากหลายเช่น รีซอตโตกุ้งเสิร์ฟกับถั่ว ลิสงบดแบบเผ็ดและถั่วงอก (basil risotto with prawn and spicy peanuts crumbs served with sprouts and lime)
Modern Icon of the Fragrance World “Woman’s perfume tells me more about her than her handwriting.” Christian Dior ประโยคดังของโลก ที่แสดงให้เห็นถึงการให้ความสำคัญกับการออกแบบน้ำหอมจากแบรนด์ Dior J’Adore น้ำหอมขายดีที่สุดตลอดกาลของ Dior
คอลเลคชั่นล่าสุดจากแบรนด์ดังกับ ชุดแต่งงาน Elie Saab ที่ได้แรงบันดาลใจมาจากมาจาก The Vienna Opera Ball ที่เต็มไปด้วยความหรูหราและยิ่งใหญ่อลังการ จึงทำให้ชุดแต่งงาน Elie Saab ในคอลเลคชั่นนี้เต็มเปี่ยมไปด้วยอารมณ์ของความโรแมนติกของชุดแต่งงานทรงบอลกาวน์ ที่ดูเป็นเจ้าหญิงและเหมาะกับการเต้นรำสุดๆ นอกจากนี้ทางแบรนด์ยังบอกอีกว่าผู้หญิงที่เป็นแรงบันดาลใจสำหรับชุดแต่งงานในคอลเลคชั่นนี้ก็คือ จักรพรรดินิเอลิซาเบธแห่งออสเตรีย ไม่ว่าจะเป็นดีเทลอย่างผ้าคลุมสไตล์เจ้าหญิง หรือการประดับประดาดีเทลความอ่อนหวานต่างๆ ลงบนชุดไว้อย่างประณีต และแน่นอนว่าสิ่งที่โดดเด่นที่สุดสำหรับคอลเลคชั่นนี้ของแบรนด์ Elie Saab ก็คือกระโปรงทรงบอลกาวน์ที่เปี่ยมไปด้วยความคิดสร้างสรรค์และเหมาะกับเจ้าสาวสายหวานที่อยากได้ลุคเป็นทางการแบบเจ้าหญิงเป็นที่สุด
และต่อจากนี้คือ 24 ชุดแต่งงานจากแบรนด์ Elie Saab Bridal Spring 2019 ที่เจ้าสาวจะต้องหลงรัก
ขับผิวเจ้าสาวให้ดูเรืองรองออร่าด้วยชุดไทยจักรพรรดิสีชมพูสดใส ห่มสไบชั้นเดียวปักด้วยเลื่อมสีทองระยิบระยับจับตา ประดับกายด้วยเครื่องประดับสีชมพูโรสโกลด์ ชุดจากร้าน BOBO Studio
อลังการทุกดีเทลด้วยชุดไทยศิวาลัยสีชมพูกลีบบัว ทอยกลายด้วยเส้นไหมสีทอง ปักทับลวดลายให้ยิ่งดูหรูหราด้วยเลื่อมสีเงิน ทองและคริสตัล สวมใส่พร้อมเครื่องประดับเลียนอย่างไทยโทนสีโรสโกลด์ ดูสวยแพงทุกมุมมอง ชุดจากร้าน Smile in Love
ในส่วนของการกำกับนั้น ได้ผู้กำกับ มิกิ ทากาฮิโระ ผู้เชี่ยวชาญด้านการกำกับภาพยนตร์วัยรุ่น ที่เคยฝากผลงานดังมาแล้วก่อนหน้านี้มากำกับ ไม่ว่าจะเป็น Tomorrow I Will Date With Yesterday’s You และ Hot Road ซึ่งผู้กำกับก็ได้เลือกการเล่าเรื่องผ่านทัศนียภาพอันงดงาม ที่ได้ยกกองไปถ่ายทำกันทั่วภูมิภาคคิวชูของญี่ปุ่นกันเลย เรียกว่าได้เสพทั้งเรื่องดนตรีไพเราะ ฝีมือนักแสดง และภาพของหนังที่สวยกันแน่นอน
ก่อนจะได้ไปชมกันนี้ แพรวดอทคอม ก็ขอลิสต์ 6 ข้อพิเศษ เกี่ยวกับภาพยนตร์เรื่องKids on the slope ที่มีทั้งเรื่องราวการถ่ายทำ รายละเอียดที่ไม่ควรมองข้ามในเรื่องนี้มาให้ได้ทราบกันก่อน เรียกว่า รู้ก่อน พอชมแล้วจะยิ่งได้อรรถรสมากยิ่งขึ้น
เราคิดว่าที่ผู้กำกับมิกิเริ่มถ่ายทำวันแรกจากฉากปะทะอารมณ์ของคาโอรุและเซ็นทาโร่ เพราะต้องการให้จิเน็นและนาคางาวะแสดงได้เข้าขากันยิ่งขึ้น ซึ่งมันก็ผ่านไปได้อย่างงดงาม เป็นการเริ่มต้นถ่ายทำที่ราบรื่นของ Kids on the slope
2. แสงที่ส่องสว่างความหมายของความรักและมิตรภาพ
ในKids on the slope มีการพบเจอแห่งโชคชะตาสำหรับตัวละครหลักคาโอรุอยู่ถึงสองครั้ง คือกับเซ็นทาโร่และกับริตสึโกะ ก่อนถ่ายทำ ผู้กำกับมิกิได้บอกนักแสดงเกี่ยวกับมิตรภาพของคาโอรุและเซ็นทาโร่ ฉากที่ทุกคนรู้จักกันดีก็คือฉากที่ทั้งคู่พบกันครั้งแรกบนดาดฟ้า เราไปถ่ายทำกันที่โรงเรียนหญิงล้วนเซวะ ที่ตั้งอยู่บนเนิน ซึ่งมองเห็นวิวโดยรวมของเมืองซาเซโบะ ตอนที่ถ่ายฉากนี้มีเมฆปกคลุมเล็กน้อย แต่ก็มีช่วงที่พระอาทิตย์ส่องในฉากที่จิเน็นและนาคางาวะปรากฏตัว เป็นแสงเจิดจ้าที่สาดลงมาซึ่งตรงตามบทที่ว่า “มีแสงสาดมาทางประตูที่ออกไปสู่ดาดฟ้า”
และในภาพยนตร์ที่มีฉากเล่นดนตรีส่วนใหญ่ก็มักใช้ผู้แสดงแทน แต่โปรดิวเซอร์ของเราเชื่อมั่นในตัวนักแสดงและกล่าวว่า “ไม่ต้องใช้คนแสดงแทนหรอก ทุกคนเล่นดนตรีได้ยอดเยี่ยมไม่แพ้เรื่อง La La Land หรือ Whiplash อยู่แล้ว”
ฉากเล่นดนตรีที่เป็นไฮไลท์อีกอย่าง คือตอนที่เฮียจุนซึ่งเป็นเหมือนแรงบันดาลใจของคาโอรุและเซ็นทาโร่เล่นกับวง ในบาร์ดนตรีแจ๊สที่นางาซากิ ฉากนี้ไปถ่ายกันที่ร้านดนตรีแจ๊สที่ชื่อว่า “Tin Pan Alley” เมืองนางาซากิ ที่นั่น ดีน ฟุจิโอกะได้ร้องเพลง “But not for me” ไว้ได้อย่างไพเราะสะกดใจผู้ฟัง นับว่าเป็นภาพสุดวิเศษที่สะท้อนผ่านกล้อง และผู้ชมก็จะได้รับฟังเพลงฮิตหลายเพลงจากคาโอรุและเพื่อนๆ ไม่ว่าจะเป็นเพลง “Morning”, “Itsuka Oujisama ga”, “My Favorite Things”, “But not for me” เป็นต้น