“แสงแดดในฤดูร้อน” เป็นอีกฤดูกาลที่มีรังสียูวีสูงมาก โดยเราจะรู้สึกได้ว่าแม้ออกไปสัมผัสกับแสงแดดเพียงไม่กี่นาที อาจมีอาการ “ผิวแสบร้อน” และ “เหงื่อออก” โดยเฉพาะผู้ที่มี “ปัญหาสิว” แสงแดดจะกระตุ้นให้ผิวเกิดรอยแดง ผิวอักเสบและจุดด่างดำได้ง่ายกว่า ดร.ภญ.จิรวรรณ โอพรสวัสดิ์ ได้เปิดเผยว่า ในช่วงฤดูร้อนต้องดูแลผิวเป็นพิเศษ โดยเฉพาะผิวบริเวณใบหน้าเนื่องจากเป็นบริเวณที่สัมผัสกับแสงแดดโดยตรง ส่วนผู้ที่มีปัญหาสิวที่อยู่ในความดูแลของแพทย์หรือใช้ยารักษาสิวจะต้องระวังเรื่องการออกไปเผชิญกับแสงแดด และควรรู้วิธีการป้องกันดูแลผิวเป็นสิวหลังเผชิญกับแสงแดดอย่างถูกวิธี
โดย ดร.ภญ.จิรวรรณ ได้ให้คำแนะนำว่า สำหรับผู้ที่รักษาสิว โดยการใช้ยากลุ่มอนุพันธ์ของกรดวิตามินเอ และยาทาสิวที่มีฤทธิ์ในการลอกผิวอยู่นั้น ควรหลีกเลี่ยงการเผชิญกับแสงแดดจ้า เนื่องจากยากลุ่มนี้จะทำให้ผิวบาง และไวต่อแสงได้ง่าย เมื่อเผชิญกับแสงแดดก็จะทำให้รู้สึกแสบร้อนบนใบหน้า เกิดรอยแดง และจุดด่างดำได้ง่าย เกิดการระคายเคือง หน้าแห้ง ที่สำคัญคือจะยิ่งซ้ำเติมผิวที่เสียอยู่แล้วให้มีสภาพแย่ลงไป เมื่อผิวไม่แข็งแรงก็จะทำให้เกิดสิว และการระคายเคืองจากเหงื่อ จากฝุ่น และจากเครื่องสำอางที่ใช้อยู่ได้อย่างง่ายดาย ดังที่เราจะสังเกตได้ว่าเมื่อผิวเราเกิดปัญหาไม่ว่าจะเป็นหลังออกแดดนานๆ อยู่ในที่หนาวมากๆ หรือร้อนมากๆ หรืออากาศเปลี่ยน น้ำเปลี่ยน ผิวของเราจะไวต่อสิ่งกระตุ้นมากเป็นพิเศษโดยอาการที่สังเกตเห็นได้ชัดคือ ผื่นแพ้และสิว
แต่ไม่ได้หมายความว่าผู้ที่เป็นสิวซึ่งมีสภาพผิวที่ไม่ได้แข็งแรงเท่าคนอื่น จะต้องเก็บตัวเงียบอยู่ในอาคารจนออกไปไหนไม่ได้ เพียงแต่แค่เราจะต้องดูแลและปกป้องผิวให้ถูกวิธี โดยบทความนี้จะแนะนำวิธีดูแลผิวเป็นสิวในช่วงฤดูร้อนที่สามารถนำมาใช้ในชีวิตประจำวันได้ เช่น
1.ทาครีมกันแดดทุกๆ 2-3 ชั่วโมง
ส่วนความสามารถในการป้องกัน รังสียูวีนั้น ค่า “SPF30” และ“PA+++” นับว่าเป็นค่าความสามารถในการป้องกันรังสียูวีที่ได้รับการยอมรับในระดับสากลแล้วว่า “SPF 30” สามารถป้องกันผิวไหม้แดดจากรังสี UVB ได้แตกต่างจาก “SPF 50” เพียง 1% เท่านั้น และการใช้ครีมกันแดดเมื่อไม่สามารถหลีกเลี่ยงแสงแดดได้และต้องอยู่ใต้แสงแดดนานๆ ให้ทาซ้ำทุก 2-3 ชั่วโมง เนื่องจากสารกันแดดสามารถหลุดจากเหงื่อ การไม่สม่ำเสมอในการทาแต่ละครั้ง ความหนาบางในการทา และการถูกเช็ดถูออกโดยตั้งใจและไม่ตั้งใจโดยเลือกใช้โลชั่นกันแดดชนิดบางเบา มีส่วนผสมของน้ำมันน้อย ไม่จำเป็นต้องเลือกแบบที่เป็นกันแดดแบบกันน้ำ โดยเฉพาะผู้ที่มีผิวมัน ครีมกันแดดแบบกันน้ำอาจจะทำให้หน้ามันมากขึ้นและเกิดการอุดตันได้ สำหรับชนิดของสารกันแดด เราสามารถเลือกใช้ครีมกันแดดที่ช่วยสะท้อนรังสียูวี เช่น ครีมกันแดดชนิดกายภาพ (Physical sunscreen) ซึ่งมีส่วนผสมของสารที่สามารถสะท้อนรังสี UVA และ UVB ที่ตกกระทบลงบนผิวให้ออกไปจากผิวหนังได้ โดยสามารถสังเกตส่วนผสมข้างผลิตภัณฑ์กันแดดที่มีส่วนผสมของ Zinc Oxide หรือ Titanium Dioxide และระบุเป็นครีมกันแดดชนิด physical sunscreen ซึ่งจะมีผลระคายเคืองต่อผิวน้อยกว่าสารในกลุ่มครีมกันแดดชนิดเคมี (Chemical sunscreen) ที่มีกลไกในการปกป้องแสงแดด ด้วยการดูดซับรังสีไว้ที่ผิว ซึ่งอาจจะทำให้ผิวเกิดการแพ้ระคายเคืองได้ง่ายกว่า การใช้ครีมกันแดดแบบ physical sunscreen ชนิดไม่กันน้ำจึงเหมาะกับผิวเป็นสิวมากกว่า
ส่วน “PA+++” เป็นค่าที่คำนวณได้จากค่า SPF ซึ่งจะแสดงถึงความสามารถในการปกป้องผิวจากรังสี UVA ที่เป็นสาเหตุของการเกิดจุดด่างดำและริ้วรอยก่อนวัยอันควร ซึ่งทั้ง UVB และ UVA ล้วนเป็นรังสีที่มีส่วนกระตุ้นให้เกิดสิวได้ โดยทำให้โครงสร้างของผิวผิดไปจากความไหม้และยังลงลึกลงไปใต้ผิว ทำให้เกิดการระคายเคือง เมื่อผิวไม่แข็งแรงย่อมทำให้เกิดการระคายเคืองง่าย และเกิดการติดเชื้อง่ายตามมา ดังนั้นการป้องกันผิวไม่ให้โดนแสงแดดจะช่วยเรื่องการเกิดสิวได้ด้วย
2. ทานวิตามินซีเสริม
มีรายงานการวิจัยว่าวิตามินซีช่วยให้ผิวกระจ่างใสขึ้น สามารถช่วยลดการผลิตเม็ดสีเมลานินในชั้นผิวหนังกำพร้าที่ได้รับผลกระทบจากรังสี UVB อีกทั้งยังช่วยฟื้นฟูผิวจากผลกระทบจากรังสี UVA ที่เป็นสาเหตุของริ้วรอยแห่งวัย จุดด่างดำ กระและฝ้า นอกจากนั้นวิตามินซีมีบทบาทสำคัญในการสร้างคอลลาเจนเพื่อช่วยซ่อมแซมเนื้อเยื่อต่างๆ ให้ผิวชุ่มชื้น แลดูสว่างกระจ่างใส กระตุ้นกระบวนผลิตกลูต้าไธโอนและวิตามินอีจึงมีส่วนช่วยให้ผิวดูสุขภาพดี และยังช่วยให้แผลเป็นจากสิวหายเร็วขึ้น พร้อมช่วยปรับสมดุลให้ผิวกลับมาแข็งแรงอีกครั้ง
3. พกสเปรย์น้ำแร่หรือสเปรย์สิวสำหรับผิวหน้าไว้ฉีดระหว่างวัน
การพกสเปรย์น้ำแร่หรือสเปรย์สิวสำหรับผิวหน้าไว้ฉีดระหว่างวันจะช่วยบรรเทาอาการแสบร้อนใบหน้าจากแสงแดดได้ ช่วยให้ “ผิวเย็น” และ “ลดความมัน” บนใบหน้า และยังเพิ่มความสดชื่นในระหว่างวันได้อีกด้วย ควรเลือกใช้สเปรย์สิวที่ไม่มีส่วนผสมของ ของ BHA เนื่องจาก BHA มีความเป็นกรดสูงจะทำให้ผิวแห้งลอก และไวต่อแสง ซึ่งไม่เหมาะกับการออกมาเผชิญกับแสงแดดจ้าในช่วงฤดูร้อน
4. ดื่มน้ำเยอะๆ วันละ 8 แก้ว หรือ 2 ลิตร
เนื่องจากน้ำเป็นส่วนประกอบสำคัญ 2 ใน 3 ของร่างกาย โดยเฉพาะช่วงฤดูร้อน ร่างกายสูญเสียเหงื่อมากเพื่อปรับอุณหภูมิภายในร่างกายให้สมดุลเมื่อเผชิญกับอากาศร้อน หากดื่มน้ำน้อยจนเกินไปจะทำให้ผิวแห้งหมองคล้ำ และมีความมันบนใบหน้าร่วมด้วย จึงทำให้เกิดสิวได้ง่าย ดังนั้นควรจิบน้ำบ่อยๆ วันละ 8 แก้ว หรือประมาณ 2 ลิตร จะช่วยรักษาสมดุลในร่างกาย และเสริมสร้างให้โครงสร้างผิวแข็งแรง ผิวพรรณแลดูเปล่งปลั่งกระจ่างใส และลดโอกาสในการเกิดสิวได้ด้วย
5. ล้างหน้าให้สะอาด
สำหรับผู้ที่เป็นสิวควรใช้ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดผิว เพื่อชำระสิ่งสกปรกจากเครื่องสำอาง และครีมกันแดดที่ใช้บนผิวให้สะอาด อย่างน้อยวันละ 2 ครั้งตอนเช้าและเย็น ไม่ควรใช้ผลิตภัณฑ์ล้างหน้าที่มีส่วนผสมของสครับ เนื่องจากจะยิ่งทำให้ผิวเป็นสิวเกิดการอักเสบได้ง่ายจากแรงกดทับจากเม็ดสครับ ผลิตภัณฑ์ล้างหน้าสำหรับผิวเป็นสิวต้องเลือกชนิดที่อ่อนโยนต่อผิว ล้างแล้วต้อง “ไม่” รู้สึกแห้งหรือตึงหรือรู้สึกว่าไม่มีความชุ่มชื้นเหลือบนใบหน้า เนื่องจากจะยิ่งทำให้ผิวที่ถูกทำร้ายจากแสงและมลภาวะนั้นแห้ง และทำให้ผิวอ่อนแอลง จะยิ่งเพิ่มโอกาสให้ผิวแพ้ง่ายขึ้นและเกิดสิวได้ง่ายขึ้นด้วย
อย่างไรก็ตาม หลังเผชิญกับแสงแดดแล้วเกิดอาการสิวเห่อมากกว่าปกติ มีอาการแสบร้อนไม่หายและรู้สึกเป็นกังวล ให้รีบปรึกษาแพทย์ผิวหนังผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทาง หรือ ปรึกษาเภสัชกร
ข้อมูล : ดร.ภญ.จิรวรรณ โอพรสวัสดิ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท แอล.เอ.เดอร์มาเทค จำกัด ผู้นำด้านการผลิต-วิจัยและพัฒนา เครื่องสำอาง และเวชสำอาง
ภาพบางส่วน : Pexels
บทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ
สวยได้ไม่ต้องสวดมนต์ “ญิ๋งญิ๋ง – ศรุชา” แอตติจูดดี งามจากภายในแบบไม่ต้องมโน
โสดแล้วจะแซ่บแค่ไหนก็ได้ “เจสซี่ เดอะเฟซ” อวดหุ่นลีน กล้ามหน้าท้องเป๊ะ
หยุดตามใจปาก! บล็อกเกอร์สาวแชร์สูตรลดนน. 10 โลเปลี่ยนไซส์ L ไป S
สุขภาพดีไม่มีทางลัด! แชร์ 5 ความเชื่อผิดๆ เกี่ยวกับการ ดีท็อกซ์ลำไส้
เปิดลิสต์ 8 ศัลยกรรมความงามที่เหล่าวัยรุ่นอยากทำ แต่ยังไม่ถึงเวลา
รู้จัก “โยคะ นิทรา” การดูแลสุขภาพแบบป้องกัน เสริมภูมิคุ้มกันจากมลภาวะรอบตัว
อยากลุคดีแต่ปวดเมื่อยมาก! ลอง 3 ท่าบริหารสำหรับคนที่ชอบใส่ส้นสูง
ดีท็อกซ์อารมณ์ด้วย”โยคะ”แสนเซ็กซี่กลางธรรมชาติ แถมหุ่นดีด้วยนะ
ตัดใจทิ้งบ้าง! เช็คลิสต์โต๊ะเครื่องแป้งว่า เครื่องสำอางหมดอายุ และอยู่ได้นานแค่ไหน