เจาะเทรนด์ปรับรูปหน้า กับ “คุณหมอโน้ต V Square Clinic” พร้อมแชร์เทคนิคเลือกหัตถการที่ตอบโจทย์ปัญหาเฉพาะบุคคล

account_circle

ความฟีเวอร์ของเทรนด์ ‘การปรับรูปหน้า’ โดยไม่ต้องศัลยกรรมกำลังเป็นที่นิยมอย่างมาก มีนวัตกรรมความงามใหม่ ๆ ออกมาเพื่อตอบสนองความต้องการของตลาดอย่างต่อเนื่อง ทำให้หลายคนมีคำถามว่าเราควรเลือกหัตถการปรับรูปหน้าแบบไหนดี ?

ใน Exclusive Talk ครั้งนี้ แพรวจึงได้เชิญ ‘นายแพทย์คณาวุฒิ จุฑาวรกุล’ หรือที่รู้จักกันในนาม ‘คุณหมอโน้ต’ จาก V Square Clinic ผู้มีประสบการณ์ด้านการปรับรูปหน้ากว่า 15 ปี มาไขทุกข้อสงสัย พร้อมเปิดเผยข้อมูลเชิงลึกโดยเฉพาะ “โปรแกรมยกกระชับใบหน้า” ที่กำลังได้รับความสนใจอยู่ในตอนนี้ และเทคนิคเฉพาะของทีมแพทย์ที่ทำให้ V Square เป็นคลินิกความงามที่ได้รับความนิยม

เทรนด์ปรับรูปหน้ายุคใหม่ ไม่ใช่แค่เรื่องกระแสนิยม

ปัจจุบันการเสริมความงามไม่ได้หมายถึงการศัลยกรรมเพียงอย่างเดียวแต่การปรับรูปหน้าโดยไม่ต้องผ่าตัดกำลังได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อย ๆ เพราะตอบโจทย์คนยุคใหม่ที่ต้องการรักษาเอกลักษณ์และสะท้อนความเป็นตัวเองออกมาอย่างมั่นใจโดยไม่ต้องปรับแต่งอะไรมาก

ในเรื่องของเทรนด์การปรับรูปหน้าคุณหมอโน้ตแชร์กับเราว่า “ภาพรวมของเทรนด์ความงามที่กำลังได้รับความนิยมอยู่ในตอนนี้คือ Quiet Beauty ครับ จะเน้นไปที่การดูแลตัวเองให้สวย หล่อ หรืออ่อนเยาว์ขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ ไม่ได้แต่งเติมเกินไปจนดูโอเวอร์ คือมองแล้วยังเป็นตัวเองอยู่ แต่ดูดีขึ้น มีออร่ามากขึ้น ถ้าให้พูดถึงหัตถการที่กำลังฮิตมาก ๆ นอกจากการลดริ้วรอย ก็จะเป็นพวกงานผิว หรือการยกกระชับใบหน้าครับ เพราะคนส่วนใหญ่อยากหน้าเด็ก อยากดูอ่อนกว่าวัย”

สำหรับตอนนี้ที่บิวตี้อินฟลูเอนเซอร์มีอิทธิพลต่อการตัดสินใจของผู้คน รวมไปถึงการโฆษณาของผลิตภัณฑ์ความงามต่าง ๆ ที่แข่งขันกันสูงขึ้น ในส่วนนี้คุณหมอให้ความเห็นว่า

“ด้วยอิทธิพลของบิวตี้อินฟลูเอนเซอร์ หรือการโฆษณา ทำให้หลายคนเลือกทำหัตถการตามกระแสเพียงอย่างเดียว โดยไม่ได้คำนึงถึงปัญหาที่ตัวเองมี ในส่วนนี้หมอก็จะต้องอธิบายให้ผู้รับบริการเข้าใจ ว่าแต่ละหัตถการมีจุดเด่นอะไร เหมาะกับปัญหาแบบไหน ผู้รับบริการทำอะไรได้บ้างครับ เพราะการเป็นหมอความงามคือเราจะต้องเป็นเพื่อนคู่คิด แนะนำสิ่งที่เหมาะสมสำหรับแต่ละคน ตามปัญหา งบประมาณ ไม่ฝืนทำหัตถการที่ไม่เหมาะหรือไม่ตรงกับปัญหาของผู้รับบริการเด็ดขาด เพื่อให้ทุกคนได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด”

เทคนิคเลือกหัตถการที่ตอบโจทย์ปัญหาเฉพาะบุคคล

การอยู่ในวงการเสริมความงามมานาน มีประสบการณ์ดูแลและช่วยยกกระชับปรับรูปหน้าในเคสที่หลากหลาย คุณหมอโน้ตเล่าว่าสิ่งที่สำคัญที่สุดคือการวิเคราะห์ใบหน้าและแก้ปัญหาอย่างตรงจุด

“หัตถการเสริมความงามปัจจุบันมีหลายอย่างครับ ทั้งการใช้ตัวยา การใช้เครื่องมือต่าง ๆ ที่ช่วยในการยกกระชับหรือปรับรูปหน้าก็มีหลายแบบ แต่ละแบบก็จะเหมาะกับปัญหาที่แตกต่างกันไป ที่ V Square Clinic ผู้รับบริการจะได้คุยกับหมอโดยตรง ไม่มีเซลส์ ดังนั้นมั่นใจได้เลยว่าจะได้รับคำแนะนำที่ตรงตามหลักการแพทย์ เห็นผลลัพธ์ชัดเจนและมีความปลอดภัย”

นอกจากนี้คุณหมอโน้ตยังได้อธิบายหลักการที่ใช้ในการทำหัตถการว่า “หมอใช้เทคนิคการยกกระชับปรับรูปหน้าที่ผสานศิลปะและวิทยาศาสตร์เข้าด้วยกันครับ คือเราต้องช่วยออกแบบใบหน้า บาลานซ์สัดส่วนหรือเพิ่มเติมมิติให้สวยพอดี โดยเลือกใช้หัตถการที่เหมาะสม ก่อนทำจะมีการประเมินปัญหาของแต่ละบุคคลอย่างละเอียด ทั้งโครงหน้า กล้ามเนื้อ ปริมาณไขมัน ความหย่อนคล้อย จึงช่วยแก้ไขปัญหาอย่างตรงจุดและตอบโจทย์ความต้องการของผู้รับบริการได้อย่างแท้จริง”

“ยกตัวอย่างเช่น หากผู้รับบริการต้องการให้หน้าเล็กลง ดูเรียวกระชับขึ้น หมอประเมินแล้วปัญหาเกิดจากขนาดกล้ามเนื้อกรามใหญ่ ก็จะใช้สารลดขนาดกล้ามเนื้อกรามเข้ามาช่วย หรือหากมีปัญหาไขมันส่วนเกิน ก็จะเลือกใช้โปรแกรมที่ช่วยลดไขมันและยกกระชับผิว ซึ่งในบางกรณีก็สามารถใช้หลายหัตถการร่วมกัน เพื่อเสริมให้ได้ผลลัพธ์ที่ดียิ่งขึ้น”

คุณหมอโน้ตยังได้ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า “ด้วยเทคโนโลยีในวงการความงามที่ก้าวหน้าอยู่ตลอด ทำให้ปัจจุบันมีหลายหัตถการที่ทำแล้วให้ผลลัพธ์หลายด้านพร้อมกัน เช่น เติมเต็มและลดริ้วรอย หรือลดไขมันพร้อมยกกระชับ ซึ่งนอกจากใช้แก้ปัญหารูปหน้าแล้ว ยังสามารถใช้บริเวณรูปร่างได้อีกด้วย

ซึ่งในการเลือกหัตถการที่เหมาะสม ไม่จำเป็นต้องเลือกทำเพียงอย่างใดอย่างหนึ่ง หมอที่มีประสบการณ์จะสามารถประเมินและเลือกหัตถการที่ทำแล้วจะเห็นผลมากที่สุด คุ้มค่ามากที่สุด จุดนี้เป็นเหตุผลที่ทำให้ V Sqaure Clinic มีรีวิวจากผู้ใช้บริการจริงที่ประทับใจและบอกต่อครับ”

เหตุผลที่ V Square Clinic เป็นคลินิกยกกระชับปรับรูปหน้าที่ได้รับความนิยม

การที่ V Square Clinic เป็นคลินิกที่ได้รับความนิยม มีจำนวนรีวิวสูง ได้ดูแลความงามให้กับดาราในประเทศหลายท่าน รวมถึงได้รับรางวัลทั้งคุณภาพและฝีมือของทีมแพทย์อย่างต่อเนื่อง อีกปัจจัยสำคัญคือการเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพ มีความปลอดภัยระดับมาตรฐานสากล

“อย่างที่หมอบอกไปว่าเทคโนโลยีในวงการความงามก้าวหน้าขึ้นทุกวัน มีผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ เข้าสู่ท้องตลาดจำนวนมาก ข้อดีคือผู้รับบริการมีตัวเลือกมากขึ้น แต่ขณะเดียวกันก็อาจจะเป็นโอกาสให้มิจฉาชีพเอาของปลอม ของไม่ได้มาตรฐานหรือไม่มีคุณภาพเข้ามาหาผลประโยชน์ได้เช่นกัน”

คุณหมอได้อธิบายถึงความสำคัญในการเลือกผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพสูงว่า “การเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพ มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อความปลอดภัย ประสิทธิภาพและผลลัพธ์ ช่วยลดความเสี่ยงที่จะเกิดอาการแพ้หรือภาวะแทรกซ้อน เพราะต้องผ่านการรับรองมาตรฐานความปลอดภัยจากองค์กรที่น่าเชื่อถือ ผ่านการทดสอบทางคลินิก มีรีวิวและผลการใช้งานจริง

เพื่อให้มั่นใจได้มากที่สุด V Square Clinic เลือกสั่งซื้อสินค้าจากบริษัทที่เชื่อถือได้ มีมาตรฐานเท่านั้นครับ อย่าง Edencolors (Thailand) ที่เป็นพาร์ทเนอร์กันมายาวนาน เพราะมั่นใจในคุณภาพและผลลัพธ์ในการกระชับใบหน้า นอกจากนี้ผู้รับบริการยังสามารถตรวจสอบด้วยตัวเองได้ว่าเป็นของแท้ จากการสแกน Hidden Tag ที่ติดอยู่หลังกล่อง ถือเป็นอีกหนึ่งโปรแกรมดูแลใบหน้าที่ได้รับความนิยมจากผู้รับบริการ ที่พึงพอใจและกลับมาทำซ้ำ เพราะประทับใจในผลลัพธ์ที่ได้ด้วยครับ”

คัดสรรสิ่งที่ดี เพื่อผลลัพธ์ที่ดีสำหรับทุกคน

“V Square Clinic เราคัดสรรสิ่งที่ดี เพื่อผลลัพธ์ที่ดีสำหรับทุกคน ก่อนจะนำผลิตภัณฑ์อะไรเข้ามาให้บริการในคลินิก ทีมแพทย์จะมีการศึกษาอย่างละเอียด รวมถึงมีการทดลองใช้ เพื่อให้มั่นใจว่าจะได้ผลลัพธ์ที่มีประสิทธิภาพ ตอบโจทย์และแก้ไขปัญหาให้ผู้รับบริการของเราได้จริง มีความคุ้มค่าและปลอดภัยไม่ว่าจะในระยะสั้นหรือระยะยาว

อีกอย่างคือเราคิดเสมอว่าแต่ละคนมีปัญหาและความต้องการที่แตกต่างกัน ทำให้ต้องมีสิ่งที่เรียกว่าจรรยาบรรณความงาม เมื่อผู้รับบริการเข้ามาปรึกษาเราก็จะแนะนำอย่างตรงไปตรงมาตามความจริง ว่าแต่ละเคสเหมาะหรือไม่เหมาะทำอะไรบ้าง ทำแล้วคุ้มค่าไหม”

และคุณหมอโน้ตยังได้ทิ้งท้ายว่า “ในยุคที่สื่อมีอิทธิพลมากอย่างในปัจจุบัน หมอมองว่าความจริงใจเป็นสิ่งสำคัญที่จะสร้างความมั่นใจให้กับคนไข้ได้ครับ ซึ่งเป็นสิ่งที่ทีมแพทย์ V Square Clinic ทุกคนยึดมั่นในการทำงาน จนได้ผลตอบรับที่ดีมาโดยตลอด”

ติดต่อ V Square Clinic : www.vsquare.clinic

ไลน์ : @vsquareclinic

โทร. 0991689000


เปิดโหมดความคิวต์! เซอร์เวย์กระเป๋า Tag Bowling 6 สี จาก VERSACE

Alternative Textaccount_circle

น่ารักจนเลือกไม่ถูก แพรวพาเซอร์เวย์กระเป๋า Tag Bowling ทั้ง 6 สี จาก VERSACE

ยังไม่ทันวางขายก็ทำเอาหัวใจละลายกับกระเป๋าทรงโบว์ลิ่งสะพายไหล่ ‘Versace Tag Bowling Shoulder Bag‘ โดยกระเป๋าใบนี้ผลิตจากหนังนัปปาเนื้อนุ่มเป็นพิเศษ โดดเด่นด้วยตัวอักษร Versace แบบโลหะ และสามารถสะพายไหล่หรือถือด้วยมือได้สะดวกด้วยหูหิ้วหนังแบบปรับได้ หนึ่งไฮไลท์สำคัญมาพร้อมพวงกุญแจหนังแบบถอดได้พร้อมฮาร์ดแวร์ Medusa ช่วยเติมเต็มดีไซน์ให้สมบูรณ์แบบ สำหรับขนาดอยู่ที่ L27 x W10 x H12 cm และสายยาว 21 cm เรียกว่าเป็น Everyday Bag ที่ต้องมีในซีซั่นนี้เลยค่ะ แถมยังมีสีให้เลือกถึง 6 สี Black+Gold, Yellow, White, Green, Pink และ Brown ไม่ว่าจะแต่งตัวสไตล์ไหนก็แมตช์เข้าแน่นอน สำหรับราคายังไม่มีประกาศออกมาเป็นทางการ เกาะขอบเว็บไซต์รอไปพร้อมกันนะคะ!

Brewing Love

ซีรีส์เกาหลีสุดละมุน ‘Brewing Love หอมกรุ่นรักสุดอบอุ่นส่งท้ายปี

Alternative Textaccount_circle
Brewing Love
Brewing Love

เรียกว่ามาถูกจังหวะ เข้ากับบรรยากาศอบอุ่นเฉลิมฉลองส่งท้ายปีแบบสุดๆ สำหรับซีรีส์แนวโรแมนติกเบาสมองเรื่องล่าสุดจากเกาหลีอย่าง Brewing Love กลั่นรักอุ่นหัวใจ’ ซีรีส์ Viu Original ผลงานล่าสุดของนางเอกสาวเสน่ห์เกินต้านขวัญใจผู้ชมอย่าง ‘คิมเซจอง’ จากซีรีส์ School 2017 และ The Uncanny Counter ที่หวนกลับมาร่วมงานกับผู้กำกับ ‘พัคซันโฮ’ จากซีรีส์ยอดฮิต Business Proposal อีกครั้ง ในสไตล์ของซีรีส์กับบรรยากาศที่คุ้นเคยแบบที่แฟนๆชื่นชอบ ผสมผสานกับพล็อตหลักของเรื่องที่แวดล้อมด้วยเครื่องดื่มแอลกอฮอลล์ ยิ่งเข้ากับบรรยากาศของช่วงเวลาปลายปี ที่หันไปทางไหนก็เต็มไปด้วยความสุขจากการชวนคนรัก ชวนคนในครอบครัว ชวนเพื่อนสนิทมาร่วมกันเฉลิมฉลองในทุกพื้นที่จริงๆ

Brewing Love

โดยในโปรเจกต์นี้ ‘คิมเซจอง’ กลับมารับบทสาวแกร่งผสมน่ารักตามที่แฟนคลับเรียกร้องอีกครั้ง ในบทบาทของ ยงจู อดีตสมาชิกหน่วยรบพิเศษ หรือ Special Force แห่งกองทัพเกาหลี ที่ปัจจุบันเธอกลายมาเป็นหัวหน้าทีมมาร์เก็ตติ้งของบริษัทเครื่องดื่มชั้นนำ เธอสร้างชื่อเสียงในวงการด้วยความมุ่งมั่นที่มีต่ออาชีพของเธอ ซึ่งเปิดมาฉากแรกก็เห็นยงจู ในภารกิจลุยทวงเงินจากพ่อค้าคนกลาง ซึ่งให้อารมณ์เหมือนดูหนังแอ็กชันสายลับมากๆ แต่ปัญหาที่ยงจูกำลังจะต้องเผชิญ คือการปิดสาขาปูซานที่เธอทำงานอยู่ เพราะเจอเบียร์คู่แข่ง หน้าใหม่มาแรงแต่รสชาติกลมกล่อมเกินต้านมาบุกตีตลาด เธอจึงต้องทำทุกทางเพื่อไม่ให้สาขาเธอต้องปิดตัว

ซึ่งนอกจาก ‘คิมเซจอง’ แล้ว Brewing Love ยังอัดแน่นด้วยนักแสดงชุดใหญ่ เริ่มจาก ‘อีจงวอน’พระเอกหนุ่มจากซีรีส์เรตติ้งสุดปังอย่าง Knight Flower และซีรีส์วัยรุ่นสุดเข้มข้น The Golden Spoon ที่ในเรื่องนี้เขารับบท มินจู เจ้าของโรงกลั่นและผู้ผลิตเบียร์ที่เข้ามาปั่นป่วนวงการเครื่องดื่ม ที่เลือกใช้ชีวิตอย่างสงบในเมืองชนบทและทุ่มเทให้กับการทำเบียร์ ไม่ว่าใครจะมาติดต่อขอซื้อกิจการหรือซื้อตัว เขาก็จะปฏิเสธเสมอ กลายเป็นภารกิจอันยากลำบากของนางเอก ที่ต้องเข้ามาทาบทามปนง้อให้ มินจู เข้ามาร่วมงานกับบริษัทของเธอให้ได้ งานนี้ เรื่องราวของ ธุรกิจที่เข้ามาปะปะกับเรื่องของหัวใจ จะพาความสัมพันธ์ของทั้งคู่ไปสู่จุดไหน ต้องมาติดตามกัน 

สำหรับ ‘Brewing Love’ แม้จะออนแอร์ไปเพียงไม่กี่ตอน ก็เกิดกระแสปากต่อปาก ตอบรับเป็นอย่างดีจากแฟนซีรีส์ในเกาหลี ด้วยบรรยากาศสุดละมุน ผสมฉากเบาสมองสุดน่ารัก แถมยังเล่าเรื่องสุดใกล้ตัวของผู้ชมเกาหลี ที่ไม่ว่าใครก็ชื่นชอบการสังสรรค์ด้วยเครื่องดื่มแอลกอฮอลล์ งานนี้แฟนซีรีส์ชาวไทย เตรียมตกหลุมรักกับ ‘Brewing Love กลั่นรักอุ่นใจ’ ได้อย่างแน่นอน โดยซีรีส์จะมีความยาวทั้งหมด 12 ตอน สามารถสตรีมตอนใหม่ได้ ทุกคืนวันจันทร์ และ อังคาร เวลา 21:30 น. ใน Viu ที่เดียวเท่านั้น ต้องรีบตามมา ถ้าไม่อยากพลาดซีรีส์สนุกๆเข้ากับบรรยกาศเรื่องนี้ และก่อนเปิดดู อย่าลืมเตรียมเครื่องดื่มให้พร้อมด้วย จะได้ยิ่งดูยิ่งฟิน

เสียงที่คุ้นเคย “ไมร่า มณีภัสสร” กลับมาให้เสียงใน “Moana 2”

account_circle

ยังจำกันได้ไหม ไมร่า-มณีภัสสร มอลลอย สาวน้อยเสียงเพราะที่โด่งดังจากการคว้าแชมป์ Thailand’s Got Talent Season 1 เมื่อปี 2011 ก่อนเข้าร่วมแข่งขันการประกวดร้องเพลง Rising Star Season 1 ของสถานีโทรทัศน์ ABC ประเทศสหรัฐอเมริกา เมื่อปี 2014 จากนั้นเธอได้ฝากผลงานในวงการเพลงและวงการบันเทิงเรื่อยมา หนึ่งในนั้นคือการพากย์เสียงภาษาไทยเป็นโมอาน่าในภาพยนตร์ “Disney’s Moana” เมื่อปี 2016

ปัจจุบันไมร่าจบการศึกษาระดับปริญญาตรีด้าน Songwriting & Production จาก Berklee College of Music และยังคงเดินหน้าตามความฝัน สร้างสรรค์ผลงานการแสดงและงานเพลงให้แฟน ๆ ได้ติดตามอยู่เสมอ และล่าสุดกับการกลับมาพากย์เสียงภาษาไทยเป็นโมอาน่าใน “Disney’s Moana 2 โมอาน่า 2”

โดย ไม่ร่า กล่าวถึงความรู้สึกในครั้งนี้ว่า “ดีใจมากตั้งแต่รู้ว่า เดอะ วอลท์ ดิสนีย์ ประกาศสร้าง Moana 2 เพราะไมร่าชอบภาคแรกมาก เลยตั้งตารอภาค 2 เหมือนกับทุกคน และพอรู้ว่าจะได้กลับมาพากย์เสียงเป็นตัวละครโมอาน่าอีกครั้งก็ยิ่งดีใจมาก ๆ และตื่นเต้นด้วย เพราะแม้ว่าจะเป็นการให้เสียงตัวละครตัวเดิม แต่ด้วยความแตกต่างของเนื้อเรื่อง และพัฒนาการของโมอาน่าที่โตขึ้น เลยมีความท้าทายที่ต่างจากภาคแรก”

นอกจากให้เสียงพากย์เป็นโมอาน่า ไมร่ายังฝากเสียงอันไพเราะไว้ในเพลงประกอบภาพยนตร์เวอร์ชั่นภาษาไทย โดยเฉพาะเพลงหลักของเรื่องอย่าง “Beyond” ที่ได้ทำการอัดเสียงและถ่ายทำมิวสิกวิดีโอในประเทศไทยเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เตรียมปล่อยให้แฟน ๆ ได้เซอร์ไพรส์พร้อมกันในวันฉายจริงของ “Disney’s Moana 2 โมอาน่า 2” วันพุธที่ 4 ธันวาคม 2567 นี้ โดยไมร่าย้ำว่า “Moana 2 ได้ Abigail Barlow และ Emily Bear เจ้าของรางวัลแกรมมี่ รวมถึง Opetaia Foa’i ผู้เข้าชิงรางวัลแกรมมี่ และ Mark Mancina เจ้าของรางวัลแกรมมี่ 3 สมัย มาร่วมสร้างสรรค์ดนตรีประกอบและเพลงใหม่ ๆ ด้วย


ซูมอินโททัลลุค ฮยอนจิน Stray Kids จาก Versace ในวันสบาย ๆ ที่มิลาน

account_circle

ซูมอิโททัลนลุค ซุปเปอร์สตาร์จากวง Stray Kids และแอมบาสเดอร์ระดับโลกของ Versace อย่าง ฮยอนจิน ที่สวมรองเท้ารุ่น Versace Mercury ระหว่างการแสดงเวิลด์ทัวร์ของ Stray Kids ปีนี้ โดย ฮยอนจินได้สวมรองเท้าคู่นี้ในมิลาน เมืองต้นกำเหนิดของ Versace เผยใฟ้เห็นพลังของการออกแบบของ Versace ที่ยังคงเปล่งประกายในชีวิตประจำวัน

ซูมอินโททัลลุค ฮยอนจิน Stray Kids จาก Versace ในวันสบาย ๆ ที่มิลาน

โดย ฮยอนจิน สวมรองเท้า Versace Mercury รุ่นคลาสสิก M_VS_01 ขณะที่ Versace Mercury ยังมีรุ่นพิเศษอย่าง M_VS_02 ที่มาพร้อมกับการประดับคริสตัลที่หรูหรา และยังมี Versace Mercury M_VS_03 มาในพื้นสีขาว เงิน ทอง พร้อมส่วนบนที่ผูกปมด้วยมืออย่างประณีต สำหรับช่วงเทศกาล รองเท้า Versace Mercury รุ่น M_VS_04 ถูกเปิดตัวพร้อมส่วนบนที่ปิดมิดชิด รังสรรค์ขึ้นจากหนังและหนังกลับแบบผสม โดยมีให้เลือกสรรในหลากหลายเฉดสี

ขณะที่เสื้อผ้า ฮยอนจิน สวมแจ็กเก็ตและกางเกงเข้าชุดสีเบอร์กันดีเข้มจากคอลเล็คชั่น Resort 2025 ที่โดดเด่นด้วยกระดุมโลหะสีทองและฮาร์ดแวร์ Medusa Biggie บริเวณกระเป๋าหน้าอกของตัวแจ็กเก็ต ลุคนี้ถูกเติมเต็มด้วย Medusa Fluffy Charm จากคอลเล็คชั่นกระเป๋า Versace Tag บริเวณเอวที่เพิ่มความโดดเด่นให้กับลุคนี้อย่างมีเอกลักษณ์

สำหรับ รองเท้ารุ่น Versace Mercury โดดเด่นในเรื่องงานฝีมืออันลํ้าสมัย ผสานความหรูหราที่ไร้กาลเวลาของมรดกจาก Versace โดยการออกแบบที่ได้รับแรงบันดาลใจจากไซไฟนี้ได้ซ่อนโครงสร้างที่ซับซ้อนซึ่งประกอบด้วยชิ้นส่วน 86 ชิ้นที่ได้รับการขึ้นผลิตอย่างพิถีพิถันและเย็บเข้าด้วยกันอย่างไร้รอยต่อ โดยแค่เฉพาะส่วนบนและส่วนบุของรองเท้าแต่ละคู่มีถึง 30 ชิ้น ซึ่งช่วยสร้างความสบายและยังสามารถปกป้องและรองรับเท้าได้อย่างสมบูรณ์แบบ


ตระการตา 5 จุดเช็คอินถ่ายรูปสุดชิคในงาน “EM DISTRICT Winter Wonderland 2024”

account_circle

เอ็ม ดิสทริค โดยศูนย์การค้า เอ็มโพเรียม เอ็มควอเทียร์ และเอ็มสเฟียร์ ร่วมกับ ธนาคารยูโอบี ประเทศไทย และการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ร่วมฉลองครบรอบ 1 ปี เอ็ม ดิสทริค สุดยิ่งใหญ่ จัดงาน “EM DISTRICT Winter Wonderland 2024” (เอ็ม ดิสทริค วินเทอร์ วันเดอร์แลนด์ 2024) มอบความสุขในช่วงเทศกาลคริสต์มาสและปีใหม่ ด้วยดินแดนแห่งความสุขและความสนุกสนานจากเหล่าของเล่นวินเทจสุดคลาสสิกที่ประดับตกแต่งทั่วทุกศูนย์การค้าฯตั้งแต่วันนี้ – 5 มกราคม 2568 ณ เอ็ม ดิสทริค

เอ็ม ดิสทริค เนรมิตพื้นที่ทั่วทั้งศูนย์การค้าฯ ให้เป็นดินแดนแห่งความสุขและความสนุกสนานด้วยเหล่าของเล่นวินเทจสุดคลาสสิกทั้ง หุ่นยนต์, ตุ๊กตาไขลาน และรถรางเสียงกรุ๊งกริ๊ง ที่กลับมามีชีวิตชีวา มอบความสุขให้กับทุกๆ คน พร้อมความอลังการของต้นคริสต์มาสที่ตกแต่งด้วยลูกบอลและโคมไฟระยิบระยับสุด  ตระการตาสูงกว่า 20 เมตร ส่องแสงสว่างไสวเหมือนดวงดาวบนท้องฟ้ายามค่ำคืน เปรียบเสมือนย่านสุขุมวิทที่ไม่เคยหลับใหล รวมถึงเหล่าของเล่นที่ออกมาสร้างความสุขพร้อมกับประดับต้นคริสต์มาสด้วยไฟหลากสีสัน สร้างแลนด์มาร์กแห่งความสุขใจกลางถนนสุขุมวิท พร้อมจุดเช็คอินให้ทุกคนได้เก็บภาพความประทับใจทั่ว เอ็ม ดิสทริค ในช่วงเทศกาลแห่งความสุขปีนี้ โดยมีแลนด์มาร์กไฮไลต์ 5 จุดเช็คอินที่ทุกคนไม่ควรพลาด ได้แก่

โซนที่ 1 พบกับ “โรเลอร์โคสเตอร์สีสันสดใส” จุดเริ่มต้นของเทศกาลแห่งความสุขที่เหล่าของเล่นวินเทจเดินทางมายัง เอ็ม ดิสทริค บริเวณ ทางเข้าศูนย์การค้าเอ็มโพเรียม

โซนที่ 2 ตื่นตากับ “ต้นคริสต์มาสซานต้าโรบอท” ที่กำลังโปรยของขวัญเป็นเหล่าของเล่นสุดน่ารักจากด้านบนของต้นคริสต์มาส พร้อมตกแต่งด้วยลูกบอลและโคมไฟระยิบระยับสุดตระการตา สูงกว่า 20 เมตร ณ ควอเทียร์ พาร์ค ชั้น M ศูนย์การค้าเอ็มควอเทียร์

โซนที่ 3เหล่าของเล่นวินเทจ” เรียงร้อยแขวนยาวลงมา ตั้งแต่ชั้น 4 ศูนย์การค้าเอ็มควอเทียร์ เหมือนกับตุ๊กตาไขลานขนาดใหญ่ กำลังเดินขึ้นลงบันไดเลื่อนในบรรยากาศของเทศกาลแห่งความสุข

โซนที่ 4 พบกับ “Toy Ferris Wheel” เหล่าของเล่นที่ต่างเพลิดเพลินบนกระเช้าสีสันสดใส ต้อนรับทุกคนเข้าสู่พื้นที่แห่งความสุข เพื่อพบกับประสบการณ์ใหม่ๆ ที่ เอ็ม ดิสทริค บริเวณชั้น GM ทางเข้าศูนย์การค้าเอ็มสเฟียร์

โซนที่ 5 ว้าวกับ “ต้นคริสต์มาสสีเงินขนาดยักษ์” สูงเท่ากับตึก 7 ชั้น บริเวณด้านหน้าศูนย์การค้าเอ็มสเฟียร์ เปรียบเสมือนประตูแห่งกาลเวลาที่นำพาเหล่าของเล่นวินเทจเดินทางมาถึง เอ็ม ดิสทริค แลนด์มาร์กแห่งความสุข ใจกลางถนนสุขุมวิท

นอกจากนี้ เตรียมพบกับฉลองครบรอบ 1 ปี เอ็ม ดิส ทริค สุดยิ่งใหญ่ กับงาน “EM DISTRICT 1st Anniversary World Celebration” ในคอนเซ็ปต์ “The Giving That Move The World” ส่งมอบความสุข ความสนุก และรอยยิ้มให้กับทุกคน พร้อมการเปิดไฟต้นคริสต์มาสและโชว์ชุดพิเศษจากศิลปินชื่อดังของไทย อย่าง โต๋ – ศักดิ์สิทธิ์ เวชสุภาพรและ โฟร์ท – ณัฐวรรธน์ จิโรชน์ธิกุล พร้อมด้วย น้อยเนย (Butterbear) เจ้าหญิงแห่งเอ็ม ดิสทริค ในวันพฤหัสบดีที่ 28 พฤศจิกายน 2567 ณ ควอเทียร์ พาร์ค ชั้น M ศูนย์การค้าเอ็มควอเทียร์

พบกับเหล่าของเล่นวินเทจสุดคลาสสิกและขบวนพาเหรดจากเหล่ามาสคอตสุดน่ารัก พร้อมกิจกรรมสนุกสนานจาก
ศิลปินชั้นนำที่มาสร้างความประทับใจตลอดเทศกาลแห่งความสุขนี้ ได้ในงาน “EM DISTRICT Winter Wonderland
2024” ได้ตั้งแต่วันนี้ – 5 มกราคม 2568 ณ เอ็ม ดิสทริค สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ Facebook :
Emporium Emquartier และ Emsphere at EM District หรือ LINE @EMDISTRICT


เปิดมุมมอง 2 ผู้บริหารแห่ง ซี ไรน์ กรุ๊ป ที่ปรึกษาธุรกิจครบวงจร

account_circle

เปิดมุมมองการทำธุรกิจของ บริษัท ซี ไรน์ กรุ๊ป จำกัด (C Rhyne Group Co.,Ltd) นำโดยสองผู้บริหาร มร.ซีเจย์ ไรน์ ซีอีโอ และและพาร์ทเนอร์ มร.แม็กซ์ ไคลน์ ผู้ดำเนินธุรกิจด้านการบริการ และที่ปรึกษานักธุรกิจ นักลงทุน และ นักท่องเที่ยวต่างประเทศแบบครบวงจร

อยากทราบว่าก่อนจะมารวมตัวกันเป็น บริษัท ซี ไรน์ กรุ๊ป จำกัด ทั้ง 2 ท่าน ทำอะไรมาก่อนคะ

ซีเจย์    “ก่อนหน้านี้ผมเป็นศิลปินอยู่ที่ต่างประเทศ หลังจากหมดสัญญาก็บินกลับมาที่ไทย มาโปรโมทอัลบั้ม อยู่ 2-3 ปี จนได้เปิดบริษัทแรก ทำเกี่ยวกับงานบันเทิง อีเว้นท์ ติดต่อศิลปินต่างประเทศและดีเจมาเมืองไทย รวมทั้งทำงานด้านโปรดักชั่น

“แต่ช่วงโควิดจึงหยุดชะงักไป จากนั้นจึงมาเปิด ซี ไรน์ กรุ๊ป และได้เจอกับคุณแม็กซ์ ซึ่งตอนนั้นผมไปบวชอยู่ที่เชียงใหม่ จึงได้มีโอกาสคุยถึงงานที่เราอยากทำ ซึ่งมีหลายอย่างที่พวกเราเห็นตรงกัน แม็กซ์จึงเข้ามาช่วยดูแลบริษัท ส่วนผมก็ทำหน้าที่ไปหาลูกค้า หานักลงทุน นักธุรกิจต่างประเทศให้มาลงทุนที่ไทยครับ”

แม็กซ์ “ผมมาจากเยอรมันนี เรียนจบด้านบริหารธุรกิจ ไฟแนนซ์ และเศรษฐกิจจากเยอรมัน จากนั้นผมก็ไปเรียนต่อด้านธุรกิจที่ปราก พอเรียนจบปริญญาโทก็ไปเรียนต่อด้าน Chemical Industry และทำงานที่บริษัทด้านเคมีแห่งหนึ่งที่เยอรมนี จากนั้นก็ย้ายไปทำงานสายนี้ที่อเมริกาและอังกฤษต่อ

“หลังจากนั้นผมก็กลับเยอรมนี เพื่อเรียนด้านการตรวจสอบการเงิน และได้มีโอกาสเดินทางมาทำธุรกิจที่กรุงเทพฯ ดูแลเรื่องการตรวจสอบด้านการเงิน จนกระทั่งปีที่แล้วผมได้เจอกับคุณซีเจย์ตอนที่ไปนั่งสมาธิที่เชียงใหม่ ซึ่งถือเป็นบทเริ่มต้นชีวิตใหม่ของผมเลยครับ”

ซี ไรน์ กรุ๊ป ทำธุรกิจด้านใดบ้างคะ  

ซีเจย์    “บริษัทเราทำหลายธุรกิจครับ ไม่ใช่แค่การพีอาร์อย่างเดียว หลักๆ คือ การเป็นที่ปรึกษาให้กับนักลงทุนต่างประเทศ ใครอยากมาลงทุนในไทยก็สามารถปรึกษาได้ โดยเราจะไกด์และวางแผนให้ หากมีโปรเจ็คต์ไหนที่สนใจ เราก็ไปซื้อโปรเจ็คต์ของเขาแล้วนำมาบริหารให้ครับ ส่วนพีอาร์เอเจนซี เพิ่งเปิดมาเมื่อ 2-3 เดือนที่แล้ว ทำเกี่ยวกับด้านการลงทุนให้กับบริษัทต่างชาติเรียกง่ายๆ ว่าเป็นตัวกลาง อะไรที่เหมาะสมกับลูกค้าของคนไทย เราก็จะช่วยติดต่อให้”  

อะไรคือความท้าทายในการทำธุรกิจนี้

แม็กซ์  “ก่อนหน้านี้ ผมทำงานในบริษัทใหญ่ที่มีพนักงานเป็นหมื่นคน ทุกคนต่างเชี่ยวชาญในด้านที่ตัวเองทำ แต่พอมาทำธุรกิจนี้ มีสิ่งท้าทายมาก เพราะเราต้องดูแลทุกอย่างเอง ทั้งเรื่องการขาย, HR, ภาษี หรืองานบัญชี ผมต้องทำเป็นทุกอย่างครับ” (หัวเราะ)

ซีเจย์    “สำหรับผม ความท้าทายคือ การหาลูกค้า ซึ่งตอนนี้เรามีลูกค้าทั้งไทยและต่างชาติ เช่น อเมริกา แคนาดา สิงคโปร์ ญี่ปุ่น เกาหลี อีกทั้งตอนนี้ผมได้ไปช่วยที่สถานทูตสวิสเซอร์แลนด์ด้วย ก็กำลังคุยเกี่ยวกับการดูแลแบรนด์ที่นั่นให้มาลงทุนในไทย ช่วงนี้ก็ทำงานกับสถานทูตค่อนข้างเยอะ และมีหลาย โปรเจ็คต์ที่กำลังเตรียมทำครับ”

คิดว่าอะไรคือจุดแข็งของเราคะ

แม็กซ์  “ผมถนัดเรื่องงานวิเคราะห์ข้อมูลครับ คือในแต่ละธุรกิจ ผมจะวิเคราะห์ดูว่าเราจะมีโอกาสอะไรบ้าง มีความเสี่ยงตรงไหน จุดที่ดีที่สุดในการลงทุนคืออะไร ฉะนั้นเราจึงสามารถจับคู่ธุรกิจของลูกค้า กับธุรกิจที่น่าลงทุนให้เขาได้อย่างเหมาะสม นอกจากนี้ผมยังมีความถนัดด้านไฟแนนซ์และตัวเลข รวมถึงการจัดการ ความเป็นระเบียบเรียบร้อยในออฟฟิศ ซึ่งอาจจะได้จากความเป็นคนเยอรมันของผม”

ซีเจย์   “นี่คือสิ่งที่เราเข้ากันได้ดี และผมไม่ต้องเป็นห่วงเขาเลย เวลาอยู่ที่ออฟฟิศเขาสามารถทำงานได้ราบรื่น ทั้งดูแลตัวเลขหลังบ้าน ดูพนักงาน ทุกอย่างลงตัวมาก ทำให้ผมสามารถเต็มที่กับงานข้างนอกได้ แต่ด้วยเรื่องเวลาก็อาจจะมีเหนื่อยบ้าง เพราะตอนกลางวันต้องดูแลโปรเจ็คต์ในไทย แต่ตอนกลางคืน ตี 1-2 ผมต้องคุยกับต่างประเทศ ทำให้นอนไม่พอ เหมือนคนทำงานทั้งวันเลยครับ แต่ผมชอบนะ  ทั้งสนุกและท้าทาย” (ยิ้ม)

อีกหนึ่งความตั้งใจในการช่วยเหลือสังคม

ซีเจย์   “อีกหนึ่งความตั้งใจของเราคือ ผมอยากแบ่งรายได้จากบริษัทมาช่วยเหลือสังคม ฉะนั้นจึงอยากบริหารและนำพาบริษัทให้เติบโต มั่นคง เพื่อที่จะไปช่วยเหลือคนอื่นได้ อย่างที่เราได้ร่วมกับโครงการ Praew Talk 2024 ครั้งนี้ ดีใจมากๆ ครับที่ได้เป็นส่วนหนึ่งในการมอบโอกาสด้านการศึกษาให้กับน้องๆ เพื่อให้เขามีอนาคตที่ดี และเป็นกำลังหลักของประเทศต่อไป

“เราอยากเป็นบริษัทที่มั่นคง เพื่อจะได้มีแรงไปช่วยเหลือสังคม อยากเปลี่ยนแปลงประเทศไทยให้มีเศรษฐกิจดีขึ้นครับ”

“ญาญ่า อุรัสยา” กับแว่นตา BOLON Fall/Winter 2024

“ญาญ่า อุรัสยา” กับแว่นตา 4 รุ่น 4 สไตล์จาก BOLON ในคอนเซ็ปต์ “Timeless Reflection”

Alternative Textaccount_circle
“ญาญ่า อุรัสยา” กับแว่นตา BOLON Fall/Winter 2024
“ญาญ่า อุรัสยา” กับแว่นตา BOLON Fall/Winter 2024

แว่นตาไม่ใช่แค่เครื่องประดับ แต่เป็นการแสดงออกถึงตัวตนที่แท้จริง ซึ่งสามารถเปลี่ยนแปลงและพัฒนาได้ตลอดเวลา สำหรับ Collection F/W2024 ล่าสุด BOLON มาในสไตล์ “Timeless Reflection” ที่ได้แรงบันดาลใจจากการเดินทางผ่านเมืองเก่า แต่ละกรอบแว่นเป็นเสมือนการเล่าเรื่องราวแห่งความทรงจำ ผสมผสานระหว่างความคลาสสิกและความทันสมัย โดยคอลเล็คชั่นนี้จะมีทั้งแว่นตาและแว่นกันแดดที่ออกแบบมาอย่างหลากหลาย เฉลิมฉลองเสน่ห์ของแฟชั่นให้ทุกคนได้สัมผัสกับความงามเหนือกาลเวลาที่สวมใส่ได้ในชีวิตประจำวัน พิเศษตรงที่ ญาญ่า อุรัสยา เสปอร์บันด์ แบรนด์แอมบาสเดอร์และนักแสดงขวัญใจชาวไทย ร่วมคัดเลือกแว่นตารุ่นเอ็กซ์คลูซีฟ 4 รุ่น (YAYA’s Selectin) ได้แก่ รุ่น Stockholm ซึ่งผลิตจากไทเทเนียมในทรงปีกผีเสื้อ รุ่น Santiago ที่ทำจากอะซีเตทใสทรงสี่เหลี่ยม รุ่น Cadiz ผลิตจากอะซีเตทสีสันสดใสในรูปทรงไม่สมมาตร และรุ่น Santorini ผลิตจากโลหะอัลลอยด์ในทรงสี่เหลี่ยม มอบเป็นของขวัญให้แฟนๆ อีกด้วย

ในส่วนของแว่นกันแดดผสานด้วยเส้นสายที่หลากหลายการออกแบบที่ทันสมัยเสริมใบหน้าให้โดดเด่น ผลิตจาก อะซีเตทคุณภาพสูงพร้อมการเคลือบเงาอย่างประณีต ช่วยปกป้องดวงตาจากรังสียูวีอย่างเต็มประสิทธิภาพตอบโจทย์ทุกคนให้สามารถแสดงเอกลักษณ์ของตนได้อย่างมั่นใจ เหมาะกับการสวมใส่ในกิจกรรมต่างๆ โดยเฉพาะ


จัดเต็มไม่แพ้กลินดา 10 คอสตูมสีเขียว-ดำ ‘เอลฟาบา‘ ในภาพยนตร์เรื่อง Wicked

Alternative Textaccount_circle

เมื่อคอสตูมสีเขียว-ดำ กลายเป็นสัญญะ ‘แม่มดชั่วร้าย’ เปิด 10 ชุดของ ‘เอลฟาบา‘ ในภาพยนตร์เรื่อง Wicked

ครั้งก่อนเรารวมคอสตูมสีชมพูกวานแหววของ ’กลินดา‘ ที่นำแสดงโดย Ariana Grande กันไปแล้ว แต่ภาพยนตร์เรื่องนี้ยังมีอีกหนึ่งนักแสดงนำนั่นคือ Cynthia Aerivo เจ้าของบทบาท ‘เอลฟาบา’ แม่มดชั่วร้ายแห่งดินแดนตะวันตก โดยแต่ละครั้งที่เธอปรากฏตัวในอีเวนต์ต่างๆ เธอยังคีพคาแร็คเตอร์ของตัวละครผ่านคอสตูมสีเขียว-ดำ ที่เหมือนในภาพยนตร์

โดยแต่ละลุคมาจากรันเวย์โอต์ กูตูร์หลายแบรนด์ดัง ไม่ว่าจะเป็น Louis Vuitton, Thom Browne, Schiaparelli, Marc Jacobs, Salon 1884, KHAITE และ Christian Dior รวมถึงบางแบรนด์ยังตัดพิเศษเพื่อ Cynthia Aerivo โดยเฉพาะ เรามาดูกันดีกว่าว่าลุคไหนมาจากแบรนด์อะไรบ้าง!

Louis Vuitton

ถือเป็นแบรนด์ยักษ์ใหญ่ที่ Cynthia Aerivo สวมใส่ออกงานในฐานะตัวละครเอลฟาบา โดยมีทั้งเดรสหนังดีไซน์ Cut-Out สีเขียว เพิ่มความอลังการด้วยเสื้อคลุมขนเฟอร์ เดรสเกาะอกสีดำที่โดดเด่นด้วยดีเทลจับจีบบริเวณสะโพก และคอสตูมสีเขียวมะกอกที่มาคร็อปความลึกลับของคาแร็คเตอร์แม่มดลงเล็กน้อย

Marc Jacobs

Marc Jacobs ปรากฏอยู่บนตัว Cynthia Aerivo ถึง 2 ลุค มีทั้งลุคเท่ๆ จากเสื้อแจ็กเก็ตที่แมตช์เข้ากับกางเกงกลิตเตอร์ และเสื้อเบลาส์สีเขียวจับคู่มากับกระโปรงสีดำลายลูกไม้ ให้ลุคที่แตกต่างแต่ไม่ทิ้งคาแร็คเตอร์ เอลฟาบา ไปจริงๆ!

Schiaparelli

หากพูดถึงความอลังการและแฟนตาซีจะขาด Schiaparelli ไปไม่ได้ เหมือนกับเดรสสีดำตัวนี้ที่เกือบเรียบ แต่เพราะดีเทลสีโรสโกลด์เมทัลลิคข้างในกระโปรง จึงทำให้ลุคนี้ดูใหญ่เอะอะขึ้นมาทันที โดยเดรสตัวดังกล่าวอยู่ในคอลเล็คชั่นโอต์ กูตูร์ Fall 2024

Thom Browne

Cynthia ปรากฏตัวในงานฉายภาพยนตร์รอบปฐมทัศน์ที่ประเทศเม็กซิโก ในชุดคอร์เซ็ตเกาะอก พร้อมตกแต่งด้วยสะโพกสุดอลังการจากผ้าชีฟองไหมสีดำจับจีบ ปักมือด้วยคริสตัลหลากสีกว่า 240,000 ชิ้น อีกทั้งยังมีเลื่อม และลูกปัด โดยชุดนี้จับคู่กับแจ็กเก็ตทรงครอปเข้ารูปมีฮู้ดที่เข้าชุดกันจากผ้าไหมมัวร์สีดำ และถุงมือประดับปลายด้วยคริสตัลสีดำและสีมรกต

Salon 1884

แจ็กเก็ตเดรสหนังสีดำจาก Salon 1884 ก็เป็นอีกหนึ่งไอเท็มที่น่าสนใจ โดยเดรสตัวดังกล่าวมาจากคอลเล็คชั่น Spring/Summer 2025 ที่ได้รับแรงบันดาลใจจาก Giacomo Casanova นักผจญภัยและนักประพันธ์ชาวอิตาลี ซึ่งเป็นตัวแทนความยิ่งใหญ่ และอื้อฉาวของเมืองเวนิสในศตวรรษที่ 18

KHAITE

แจ็คเก็ตและกางเกงขนเฟอร์สีเขียวในลุคนี้ก็น่าสนใจไม่แพ้กัน โดยลุคดังกล่าวมาจาก KHAITE โดดเด่นด้วยความฟูฟ่อง และสีสันชวนมอง

Christian Dior

สุดท้ายใครบอกว่า Dior จะเป็นแนวลูกคุณหนูหรือเจ้าหญิงอย่างเดียว ในเมื่อแม่มดชั่วร้ายก็สามารถใส่ได้ Cynthia ปรากฏตัวในเดรสซิลลูเอตบอลกาวน์ที่แฝงไปด้วยความเซ็กซี่จากผ้าซีทรู และดีไซน์เว้าอก

นอกจอคอสตูมยังจัดเต็มขนาดนี้ แล้วในภาพยนตร์จะขนาดไหน ต้องไปชมกันเองวันที่ 21 พฤศจิกายนนี้นะคะ!


ภาพ: @jasonbolden

คิง เพาเวอร์ หนุน ‘ผ้าตาโก้ง’ อัตลักษณ์ผ้าทอพื้นเมืองน่าน ผ่านคอลเลกชัน NORTHERN WILD, NORTHERN LIFE ดันสินค้าไทยโกอินเตอร์

account_circle

‘ผ้าตาโก้ง’ งานหัตถกรรมไทยอันทรงคุณค่า ที่ถักทอร้อยเรียงจากจิตวิญญาณและภูมิปัญญา ถูกถ่ายทอดลงสู่ผืนผ้าด้วยลายตารางสี่เหลี่ยมที่เป็นอัตลักษณ์เฉพาะ ของวิสาหกิจชุมชนกลุ่มส่งเสริมอาชีพบ้านเชียงราย ตำบลดู่ใต้ อำเภอเมือง จังหวัดน่าน ถือเป็นผ้าทอพื้นเมืองน่าน มรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมท้องถิ่นที่สืบทอดกันมากว่า 100 ปี โดยได้มีการพัฒนาออกแบบลวดลายใหม่เพิ่มเติม เช่น ลายลูกแก้ว และลายก้างปลา ผสมผสานกับเทคนิคการทอผ้าลายยกดอก 4 ตะกอ เพื่อต่อยอดผลิตภัณฑ์สู่ความร่วมสมัย ทั้งนี้นับเป็นครั้งแรกที่มีการใช้ 4 โทนสีในการทอผ้าตาโก้ง คือ สีน้ำเงิน, สีเทา, สีขาว และสีเขียว ทั้งเส้นยืนและเส้นพุ่ง ก่อเกิดเป็นสินค้าชุมชนที่แตกต่างไม่เหมือนใคร และเป็นการยกระดับผ้าไทยให้โกอินเตอร์ ผ่านการผลิตของที่ระลึกสโมสร เลสเตอร์ ซิตี้ ประจำปี 2567 ภายใต้ชื่อ NORTHERN WILD, NORTHERN LIFE COLLECTION ที่วางจำหน่าย ณ คิง เพาเวอร์ ทุกสาขา และร้านของที่ระลึกประจำสโมสรเลสเตอร์ ซิตี้ ประเทศอังกฤษ ทั้งหมดนี้ คือ การดึงเสน่ห์แห่งภูมิปัญญาและความคิดสร้างสรรค์มาสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับผ้าทอของไทย ตอกย้ำการผลักดัน Soft Power เพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจสร้างสรรค์ และยกระดับผ้าไทยให้เป็นที่รู้จักมากยิ่งขึ้นในระดับโลก

สำหรับการส่งเสริมผ้าตาโก้งฝีมือคนไทยให้เป็นที่ประจักษ์ในสายตาชาวโลกครั้งนี้ เป็นความภาคภูมิใจของ  คิง เพาเวอร์ ไทย เพาเวอร์ พลังคนไทย, สโมสรฟุตบอลเลสเตอร์ ซิตี้ และ บริษัท มัลติพลาย บาย เอท จำกัด ที่มีส่วนในการช่วยสร้างงานสร้างอาชีพให้กับวิสาหกิจชุมชนกลุ่มส่งเสริมอาชีพบ้านเชียงราย จังหวัดน่าน ผ่านการส่งเสริมและพัฒนาดีไซน์ของผลิตภัณฑ์ผ้าไทยให้ตอบรับกับความต้องการของผู้บริโภคและตลาดต่างประเทศ พร้อมผลักดันเศรษฐกิจท้องถิ่นให้เติบโตอย่างยั่งยืน ซึ่งสอดรับกับความมุ่งมั่นของ คิง เพาเวอร์ ที่เน้นย้ำเรื่องการส่งเสริมศักยภาพคนไทยในด้านชุมชน (Community Power) มาอย่างต่อเนื่อง โดยเสื้อผ้าและแอคเซสเซอรี่ในคอลเลกชัน NORTHERN WILD, NORTHERN LIFE COLLECTION เกิดจากแนวคิดการเชื่อมโยงธรรมชาติ วัฒนธรรมท้องถิ่นของจังหวัดน่าน และกีฬาระดับโลกเข้าด้วยกัน ได้รับแรงบันดาลใจจากเสน่ห์แห่งขุนเขา ก่อเกิดเป็น Sportswear ที่ผสมผสานแฟชั่น Sport Hunting โดยคอลเลกชันนี้ได้ออกแบบลวดลายพิเศษ คือ รูปสุนัขจิ้งจอกที่กำลังวิ่งไล่ล่าลูกฟุตบอล ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของจิ้งจอกนักล่าที่ไม่เคยยอมแพ้ ตามแบบฉบับ Foxes Never Quit สะท้อนถึงพลังและความเข้มแข็งของสโมสรฟุตบอลเลสเตอร์ ซิตี้ (LCFC) ที่อยากชวนชาวจิ้งจอกสยามมาร่วมก้าวสู่ชัยชนะไปด้วยกัน โดยมีสินค้าหลากหลายไอเทมให้เลือกนำไปมิกซ์แอนด์แมทช์ อาทิ เสื้อแจ็คเก็ต, เสื้อ T-shirt, หมวกแก๊ป, หมวกบักเก็ต, กระเป๋าสะพายข้าง, กระเป๋าโท้ท, พวงกุญแจ และหมอนลูกบอล

นางสาวพวงทอง สุทธิจินดา เลขาฝ่ายขายวิสาหกิจชุมชนกลุ่มส่งเสริมอาชีพบ้านเชียงราย จังหวัดน่าน กล่าวว่า วิสาหกิจชุมชนกลุ่มส่งเสริมอาชีพบ้านเชียงราย จังหวัดน่าน จัดตั้งขึ้นจากพระราชดำริของสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี  เพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตและยกระดับรายได้ให้กับคนในชุมชน จึงเกิดการรวมตัวของกลุ่มแม่บ้านที่ว่างเว้นจากฤดูกาลการทำอาชีพเกษตรกรรม หันมาช่วยกันฟื้นฟูเรื่องการทอผ้าตาโก้ง ซึ่งปัจจุบันชุมชนยังคงอนุรักษ์หวงแหนภูมิปัญญาที่ก่อเกิดเป็นอาชีพเลี้ยงตัวเองและครอบครัว ประกอบกับการได้รับโอกาสจากทาง คิง เพาเวอร์  ที่ได้ส่งทีมดีไซเนอร์ของ คิง เพาเวอร์ และ LCFC มาช่วยพัฒนาการออกแบบให้มีความร่วมสมัย มีการต่อยอดองค์ความรู้เพื่อเพิ่มมูลค่าผลิตภัณฑ์ในการทอผ้าลายตาโก้ง ด้วยการใช้ 4 โทนสี คือ สีน้ำเงิน, สีเทา, สีขาว และสีเขียว ทั้งเส้นยืนและเส้นพุ่งเป็นครั้งแรก! พร้อมการขึ้นลวดลายที่ไม่เหมือนใคร คือ ลายก้างปลาแบบหยักเล็ก โดยใช้เวลาในการทอผ้าทั้งสิ้นจำนวน 4 เดือน สร้างความแตกต่างให้ตรงกับความต้องการของผู้ซื้อ และเทรนด์โลก ขอขอบคุณ คิง เพาเวอร์ ที่ช่วยผลักดันผ้าตาโก้ง ของวิสาหกิจชุมชนกลุ่มส่งเสริมอาชีพบ้านเชียงราย จังหวัดน่าน ให้เป็นที่รู้จักในระดับสากล

สำหรับผู้สนใจสามารถร่วมสนับสนุนสินค้าไทยพร้อมกันทั่วโลก ได้ตั้งแต่วันที่ 19 พฤศจิกายนนี้  ณ  Foxes Fanstore เมืองเลสเตอร์ ประเทศอังกฤษ, shop.lcfc.com, ร้าน LCFC ที่คิง เพาเวอร์ ทุกสาขา และออนไลน์ที่ www.kingpower.com และ Facebook : Leicestershop_th./

#KingpowerThaipowerพลังคนไทย  #CommunityPower #NORTHERNWILDNORTHERNLIFE #LCFCxNAN


รองเท้าผิวปลากระเบน? เปิดดีเทลสนีกเกอร์ Versace Mercury ของ ฮยอนจิน Stray Kids

Alternative Textaccount_circle

แอมบาสเดอร์ระดับโลกของ Versace อย่าง ฮยอนจิน ได้สวมรองเท้ารุ่น Versace Mercury ระหว่างการแสดงเวิลด์ทัวร์ของ Stray Kids ที่เมืองมิลาน ประเทศอิตาลี

โดยในลุคนี้เขาได้สวมแจ็กเก็ตและกางเกงเข้าชุดสีเบอร์กันดีเข้มจากคอลเล็คชั่น Resort 2025 ที่โดดเด่นด้วยกระดุมโลหะสีทองและฮาร์ดแวร์ Medusa Biggie บริเวณกระเป๋าหน้าอกของตัวแจ็กเก็ต ลุคนี้ถูกเติมเต็มด้วย Medusa Fluffy Charm จากคอลเล็คชั่นกระเป๋า Versace Tag บริเวณเอวที่เพิ่มความโดดเด่นให้กับลุคนี้อย่างมีเอกลักษณ์

Versace Mercury

Versace Mercury รุ่นคลาสสิก M_VS_01

รองเท้ารุ่น Versace Mercury ถือเป็นข้อพิสูจน์เรื่องงานฝีมืออันล้ำสมัยที่ผสานนวัตกรรมเข้ากับความหรูหราที่ไร้กาลเวลาของมรดกจาก Versace โดยการออกแบบที่ได้รับแรงบันดาลใจจากไซไฟนี้ได้ซ่อนโครงสร้างที่ซับซ้อนซึ่งประกอบด้วยชิ้นส่วน 86 ชิ้นที่ได้รับการขึ้นผลิตอย่างพิถีพิถันและเย็บเข้าด้วยกันอย่างไร้รอยต่อ โดยแค่เฉพาะส่วนบนและส่วนบุของรองเท้าแต่ละคู่มีถึง 30 ชิ้น ซึ่งช่วยสร้างความสบายและยังสามารถปกป้องและรองรับเท้าได้อย่างสมบูรณ์แบบ รูปทรงและผิวสัมผัสของรองเท้า ถอดแบบจากผิวของ ‘ปลากระเบน’ รวมกับลวดลายอันเป็นเอกลักษณ์ของเฮาส์


ภาพและข้อมูล: Versace

Blue by Alain Ducasse ฉลองครบรอบ 5 ปีจับมือเชฟโชรีส์ รูส์โซ จากร้าน Feuille ฮ่องกง นำเสนอ 4 Hands Dinner สุดเอกซ์คลูซีฟ

account_circle

Blue by Alain Ducasse (บลู บาย อลัง ดูคาส) ห้องอาหารฝรั่งเศสระดับมิชลินสตาร์ ฉลองครบรอบ 5 ปี ด้วยเทศกาลอาหารสุดพิเศษที่จะตราตรึงในความทรงจำ ในวันเสาร์ที่ 23 พฤศจิกายน 2567 ห้องอาหารที่มีความโดดเด่นเป็นเอกลักษณ์แห่งนี้นำเสนอ 4 Hands Dinner สุดเอกซ์คลูซีฟ โดยความร่วมมือระหว่างเชฟ Wilfrid Hocquet (วิลฟริด ฮอคเกต์) เอ็กเซ็กคูทีฟเชฟแห่ง Blue by Alain Ducasse และเชฟ Joris Rousseau (โชรีส์ รูส์โซ) ผู้มีวิสัยทัศน์ไกลและผู้อยู่เบื้องหลังความโด่งดังของร้าน Feuille ในฮ่องกง

งานนี้จะเป็นการเฉลิมฉลองศิลปะแห่งการทำอาหาร ผสานความหลงใหลของเชฟวีลฟรีดในการจับคู่วัตถุดิบระดับพรีเมียมจากฝรั่งเศสและวัตถุดิบท้องถิ่น เข้ากับความทุ่มเทของเชฟโชรีส์ ในการสร้างสรรค์เมนูอาหารที่สอดคล้องกับฤดูกาลและมีความยั่งยืน แขกผู้มาเยือนจะได้สัมผัสกับความผสมกลมกลืนแห่งรสชาติที่สะท้อนแนวทางอันเป็นเอกลักษณ์ของเชฟทั้งสอง ถ่ายทอดแก่นแท้ของอาหารฝรั่งเศสร่วมสมัยท่ามกลางบรรยากาศอันหรูหราของ Blue by Alain Ducasse เมนูที่คัดสรรมาเป็นพิเศษนี้ราคา 7,500 บาท++ โดยจะให้บริการทั้งมื้อกลางวันและมื้อค่ำในวันดังกล่าว

ร้าน Feuille ซึ่งตั้งอยู่ในย่านเซ็นทรัล ฮ่องกง อยู่ภายใต้การดูแลของเชฟโชรีส์ รูส์โซ ที่เกิดในปารีส ได้รับรางวัลมิชลินสตาร์หนึ่งดาวและมิชลินกรีนสตาร์จากอาหารฝรั่งเศสที่ได้แรงบันดาลใจจากธรรมชาติ เชฟโชรีส์ได้ฝึกฝนทักษะในร้านอาหารระดับมิชลินสตาร์ทั่วฝรั่งเศส โดยได้รับอิทธิพลจากเชฟชื่อดังอย่าง Guy Martin (กาย มาร์ติน) และ Yannick Alléno (ยานีค อาเลโน) ที่ร้าน Feuille เชฟโชรีส์ผสมผสานความรักในธรรมชาติเข้ากับเทคนิคอันประณีตตามแบบฉบับฝรั่งเศส นำเสนอเมนูอาหารที่คำนึงถึงความยั่งยืนและเต็มเปี่ยมด้วยรสชาติ ปรุงด้วยวัตถุดิบออร์แกนิกจากท้องถิ่น เมนูอาหารเพื่อการลิ้มลอง (tasting menu) แบบมัลติคอร์สของเขาได้แรงบันดาลใจจากธรรมชาติและวงจรชีวิตของพืช โดยอาหารทุกจานใช้แนวคิด “root-to-shoot” หรือจากรากถึงยอด ไฮไลท์ ได้แก่ ยี่หร่า-ไข่-ข้าวโพดหวาน ฟักทอง-กั้งกระดาน-หญ้าฝรั่น และเห็ด-นกพิราบ-แบล็กเคอแรนต์

นับเป็นโอกาสหาได้ยากที่นักชิมไม่ควรพลาด และเป็นโอกาสที่จะได้สัมผัสรสชาติจากความร่วมมือระหว่างเชฟชั้นนำของเอเชียทั้งสองท่าน พร้อมร่วมดื่มฉลอง 5 ปีแห่งนวัตกรรมและความเป็นเลิศด้านอาหารของ Blue by Alain Ducasse ขอแนะนำให้จองล่วงหน้าเพราะที่นั่งมีจำนวนจำกัด

สำรองที่นั่งได้ที่ โทร. +66(0)6-5731-2346 หรืออีเมล [email protected]


G-SHOCK “TOUGH LIKE YOU”

G-SHOCK “TOUGH LIKE YOU” เปิดตัว “ซุปเปอร์บอน สิงห์มาวิน”แบรนด์แอมบาสเดอร์คนใหม่

account_circle
G-SHOCK “TOUGH LIKE YOU”
G-SHOCK “TOUGH LIKE YOU”

G-SHOCK เปิดตัวแคมเปญใหม่ “TOUGH LIKE YOU” ร่วมกับ “ซุปเปอร์บอน สิงห์มาวิน” นักมวยสุดฮอต แบรนด์แอมบาสเดอร์คนใหม่ของนาฬิการุ่น G-STEEL Metal Series

น่าตื่นเต้นไม่น้อยเมื่อ G-SHOCK แบรนด์นาฬิกาที่ขึ้นชื่อเรื่องความแข็งแกร่ง ซึ่งพัฒนาจากแนวคิดการสร้างนาฬิกาที่มีความทนทานไม่แตกหักแม้ตกจากอาคารสูงเจ็ดชั้น มีฟังก์ชันครบครัน ดีไซน์ยูนีคลํ้าสมัย ภายใต้การนำเข้าและจำหน่ายโดย บริษัท เซ็นทรัล มาร์เก็ตติ้ง กรุ๊ป จำกัด (CMG) ในเครือเซ็นทรัล รีเทล เปิดตัว “ซุปเปอร์บอน สิงห์มาวิน” นักมวยสุดฮอต ในฐานะ Brand Ambassador นาฬิกา รุ่นไอคอนิก G-STEEL GM-2110D Metal Series (จี-สตีล จีเอ็ม-2110ดี เมทัล ซีรี่ส์) สี Sky Blue (สกาย บลู) พร้อมเผยภาพแคมเปญใหม่ “TOUGH LIKE YOU” (ทัฟ ไลค์ ยู) สะท้อนถึงจิตวิญญาณแห่งความแข็งแกร่ง การมุ่งมั่นและทะเยอทะยานในการคว้าชัยชนะด้วยความไม่ย่อท้อของผู้สวมใส่ ผ่านดีไซน์การออกแบบที่โดดเด่นของซีรีส์นาฬิกาโลหะ และร่องรอยที่เกิดจากการใช้งานซึ่งแฝงไปด้วยเรื่องราวต่างๆ ของผู้ใช้งาน

โดย ซุปเปอร์บอน สิงห์มาวิน หรือที่รู้จักในนาม ซุปเปอร์บอน บัญชาเมฆ ดีกรี แชมป์โลก คิกบ็อกซิ่ง เฟเธอร์เวต เฉพาะกาล ในฐานะ Brand Ambassador นาฬิกา G-STEEL GM-2110D Metal Series เผยถึงความรู้สึกว่า

“G-SHOCK เป็นแบรนด์นาฬิกาที่ขึ้นชื่อเรื่องความแข็งแกร่ง เป็นที่รักของคนทุกเพศทุกวัยทั่วโลกมาอย่างยาวนาน ผมรู้สึกเป็นเกียรติมากๆ ที่ได้ร่วมเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัว G-SHOCK และดีใจมากๆ ที่ได้มีโอกาสร่วมถ่ายทอดคาแรกเตอร์ของ G-SHOCK ผ่านตัวตนและไลฟ์สไตล์ของผม ซึ่งกว่าที่ผมจะมีวันนี้ก็ทุ่มเทฝึกฝนอย่างหนัก เผชิญกับความพ่ายแพ้มาหลายครั้ง มีความคิดที่จะแขวนนวม แต่ด้วยใจสู้ เรียกว่า อึด ทึก ทนไม่ยอมแพ้ ผมเชื่อว่าทุกคนมีเลือดนักสู้ สามารถเป็นฮีโร่ในแบบฉบับของตัวเองได้ครับ”


เจ้าสัว เสริมทัพไลน์สินค้าขนมขบเคี้ยวและอาหารพร้อมทาน เจาะกลุ่มคนรุ่นใหม่ใส่ใจสุขภาพ

เจ้าสัว เสริมทัพไลน์สินค้าขนมขบเคี้ยวและอาหารพร้อมทาน เจาะกลุ่มคนรุ่นใหม่ใส่ใจสุขภาพ

Alternative Textaccount_circle
เจ้าสัว เสริมทัพไลน์สินค้าขนมขบเคี้ยวและอาหารพร้อมทาน เจาะกลุ่มคนรุ่นใหม่ใส่ใจสุขภาพ
เจ้าสัว เสริมทัพไลน์สินค้าขนมขบเคี้ยวและอาหารพร้อมทาน เจาะกลุ่มคนรุ่นใหม่ใส่ใจสุขภาพ

เจ้าสัว” ขยายไลน์สินค้าใหม่ทั้งขนมขบเคี้ยวและอาหารแปรรูปพร้อมทาน ที่ตอบโจทย์กลุ่มผู้บริโภคยุคใหม่ที่มองหาอาหารที่สะดวก รวดเร็ว และเปี่ยมด้วยคุณค่าทางโภชนาการ ด้วยนวัตกรรมผลิตภัณฑ์ใหม่ที่ปรับรูปแบบและรสชาติใหม่ พร้อมการขยายฐานผู้บริโภควัยรุ่นที่เป็น Snack Lover และกลุ่มคนทำงานที่ใช้ชีวิตเร่งรีบแต่ใส่ใจสุขภาพ

โดยเพิ่มความหลากหลายของผลิตภัณฑ์ที่ตอบสนองความต้องการที่เปลี่ยนแปลงไปของผู้บริโภค กลยุทธ์หลักคือการเปิดตัวสินค้าใหม่ ทั้งผลิตภัณฑ์ข้าวอบกรอบ หมูแท่งในรสชาติใหม่ และกลุ่มเมนูอาหาร (Meal) ที่เน้นความสะดวกสบาย ทานง่ายในชีวิตประจำวัน อีกทั้งยังคงรักษามาตรฐานรสชาติให้ทันสมัยและเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายรุ่นใหม่

นวัตกรรม “ข้าวอบกรอบ” สินค้าชูโรงใหม่กับความอร่อยเฉพาะตัว อีกหนึ่งผลิตภัณฑ์ใหม่ล่าสุด ที่เจ้าสัวเปิดตัวในไตรมาสนี้ คือ “ข้าวอบกรอบ” ผสมหมูหยองเต็มคำ ชิ้นเล็ก อร่อยง่าย และรสชาติหลากหลายไม่ซ้ำใคร

ทางเลือกใหม่ด้วย “หมูแท่ง” รสใหม่ โดนใจวัยรุ่น ต่อยอดความสำเร็จของ ”หมูแท่งกรอบ” ด้วยการ เปิดตัว 4 รสชาติใหม่ ได้แก่ รสล่าเถียว รสหมูกระทะ น้ำจิ้มแซ่บ รสมะเขือเทศ และรสทรัฟเฟิล

หมูนุ่มเส้น-กุนเชียงกรอบ” ยกระดับอาหารสำหรับชีวิตที่เร่งรีบ “หมูนุ่มเส้น” ผลิตจากเนื้อหมูคุณภาพสูง ปรุงรสด้วยสูตรลับเฉพาะ และทอดด้วยไฟอ่อนให้ได้เนื้อสัมผัสสีชมพู นุ่ม หอม อร่อยและมีโปรตีนอีกด้วย อีกทั้งยังเอาใจสายคนทำงานเร่งรีบด้วย “กุนเชียงหมูกรอบพร้อมทาน” เพียงฉีกซอง ลดความยุ่งยากในการปรุงสุกของกุนเชียง เป็นขนมทานเล่นหรือจะโรยหน้าทานคู่กับเมนูอาหารก็ได้เช่นกัน

นอกจากนี้ เจ้าสัวยังเล็งเห็นโอกาสในการเติบโตผ่านการส่งมอบของขวัญในช่วงปีใหม่ โดยจัดชุดเซ็ทของขวัญสำหรับผู้ที่มองหาของขวัญที่ไม่เพียงแต่มีคุณภาพ แต่ยังเสริมความมงคลให้ทั้งผู้รับและผู้ให้มีความสุขตลอดทั้งปี โดย Gift Set ของเจ้าสัวมี 3 แบบ ได้แก่ ชุดมั่งมี ชุดมั่งคั่ง และกล่องกังหันมงคล ซึ่งมีราคาตั้งแต่ 179 – 699 บาท จึงเป็นอีกหนึ่งทางเลือกสำหรับมอบเป็นของขวัญให้กับคนสำคัญของคุณ


บิวตี้รูทีนเน้นงานผิวสวยของ ถัง เหว่ย (Tang Wei) นักแสดงชื่อดังระดับโลก

บิวตี้รูทีนเน้นงานผิวสวยของ ถัง เหว่ย (Tang Wei) นักแสดงชื่อดังระดับโลก

Alternative Textaccount_circle
บิวตี้รูทีนเน้นงานผิวสวยของ ถัง เหว่ย (Tang Wei) นักแสดงชื่อดังระดับโลก
บิวตี้รูทีนเน้นงานผิวสวยของ ถัง เหว่ย (Tang Wei) นักแสดงชื่อดังระดับโลก

Tang Wei นักแสดงชื่อดังระดับโลกที่ครองใจผู้ชมทั้งในจีนและต่างประเทศ ด้วยผลงานการแสดงภาพยนตร์ของเธออย่าง ‘Late Autumn’ ‘The Golden Era’ และ ‘Finding Mr. Right’ รวมถึงบทบาทของเธอใน ‘Decision to Leave’ ทำให้เธอได้รับการยอมรับจากทั่วโลก โดยภาพยนตร์เรื่องนี้ยังได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลปาล์มทองคำ(Palme d’Or) ในเทศกาลภาพยนตร์เมืองคานส์ปี 2022 ซึ่งยังได้รับรางวัลในสาขาผู้กำกับยอดเยี่ยม

โดย ถัง เหว่ย ได้เผยบิวตี้รูทีนงานผิวของเธอ ด้วยคอลเล็คชั่น Beyond Wear ที่ได้รับแรงบันดาลใจมากจากความเชี่ยวชาญของแบรนด์ที่ส่งต่อมาอย่างยาวนานถึง 167 ปี เนื่องจาก Burberry Beauty ได้ประกาศแต่งตั้งนักแสดงชาวจีนมากความสามารถ ถัง เหว่ย ขึ้นแท่น Burberry Beauty Brand Ambassador คนล่าสุดอย่างเป็นทางการ หลังจากที่เธอได้รับการแต่งตั้งให้เป็น Global Brand Ambassador ของ Burberry เมื่อปีที่ผ่านมา

ซึ่งคอลเล็คชั่นนี้ ได้ถ่ายทอดจิตวิญญาณของ Trench Coat ของ Burberry จนกลายมาเป็นเทคโนโลยี Trench Protect ให้ผลลัพธ์งานผิวติดทน 24 ชั่วโมง ทั้งในด้านการบำรุงและการปกป้องจากสภาพอากาศด้วยเนื้อสัมผัสที่สามารถระบายอากาศได้ดี โดยบิวตี้รูทีนงานผิวจากBeyond Wear คือ

  • Beyond Wear Perfecting Matte Foundation ช่วยปรับสีผิวให้สม่ำเสมอ เบลอรูขุมขน และปกป้องผิวจากปัจจัยภายนอก พร้อมให้ผิวดูเนียนแมตต์อย่างเป็นธรรมชาติ
  • หรือวันไหนอยากได้ผิวฉ่ำโกลว์ใช้ Beyond Wear Perfecting Matte Cushion เติมความชุ่มชื้นและให้ผิวแมตต์เนียนสวยติอเนื่องยาวนาน
  • ตบท้ายงานผิวด้วย Beyond Wear Setting & Refining Powder แป้งฝุ่นอัดแข็งสูตรบางเบา ระบายอากาศได้ดี ไม่ทำให้ผิวแห้ง มอบผลลัพธ์ความแมตต์ที่ตลอด 24 ชั่วโมงพร้อมการปกป้องที่มีประสิทธิภาพ

ความสง่างามและการแสวงหาความเป็นเลิศอย่างไม่หวาดหวั่นของเธอสะท้อนถึงแก่นแท้ของ Burberry Beauty ได้เป็นอย่างดี ในฐานะตัวแทนของ Burberry Beauty เธอจึงเปรียบดั่งจิตวิญญาณของไลน์ผลิตภัณฑ์สุดไอคอนิกของแบรนด์ อย่าง Burberry Beyond Wear เมคอัพไอเท็มที่มอบความติดทนพร้อมกับเทคโนโลยี Trench Protect อันเป็นเอกลักษณ์ รวมถึงเป็นตัวแทนให้กับน้ำหอม Burberry Goddess ที่มีชื่อเสียงโด่งดังจนได้รับรางวัลมามากมายแล้ว

“ฉันชื่นชอบผลิตภัณฑ์ Burberry Beauty มากค่ะ เพราะเมคอัพสะท้อนถึงสไตล์ที่เป็นเอกลักษณ์แบบอังกฤษด้วยความเปล่งประกายที่ดูเป็นธรรมชาติและให้ความรู้สึกหรูหรา โดยเฉพาะรองพื้น Beyond Wear บ่งบอกถึงความงามที่ได้แรงบันดาลใจมาจากแฟชั่น ผสมผสานกับความสง่างาม การใช้งานที่ลงตัว และสไตล์ที่ไร้กาลเวลา ฉันชอบเนื้อสัมผัสของรองพื้นมาก ๆ มันให้การปกปิดที่เนียนเรียบและรู้สึกเบาสบาย ดูเป็นธรรมชาติ ทำให้ได้ลุคเรียบหรูเข้ากับสไตล์ของฉันได้อย่างดี ยิ่งไปกว่านั้น รองพื้นนี้ยังช่วยปกป้องผิวจากความชื้น ความร้อน และเหงื่อ ทำให้ลุคของฉันไร้ที่ติ และดูดีไปตลอดวัน” – Tang Wei

โดยตั้งแต่เดือนกันยายน 2024 เป็นต้นไป Tang Wei จะเป็นตัวแทนของ Burberry Beauty อย่างเป็นทางการในฐานะ Beauty Brand Ambassador ร่วมกับนักแสดงชาวอเมริกัน อดัม ไดรเวอร์ (Adam Driver) และนักแสดงชาวฝรั่งเศส-อังกฤษ เอ็มม่า แม็กกี้ (Emma Mackey)


โมเมนต์ประทับใจ Praew Best of Wedding 2024 10 ผู้อยู่เบื้องหลังของคู่บ่าวสาว

Alternative Textaccount_circle

เข้าสู่ปีที่ 3! Praew Best of Wedding งานมอบรางวัลให้กับผู้อยู่เบื้องหลังและเติมเต็มความสวยงามให้กับคู่บ่าวสาวในวันสำคัญ

เรียกว่าเป็นอีกหนึ่งปีความภาคภูมิใจที่ได้เป็นสื่อกลางในการมอบรางวัลแก่ผู้อยู่เบื้องหลังความสวยงามของคู่บ่าวสาวในทุกๆ ด้าน ไม่ว่าจะเป็นช่างทำผม ชุดแต่งงาน รองเท้า เครื่องประดับ สถานที่ ตลอดจนการตกแต่ง โดย Praew Best of Wedding 2024 มีรางวัลทั้งหมด 10 สาขาดังนี้

  1. สาขา The Best Of Bridal Atelier: DEEPLOVE
  2. สาขา The Best Wedding Diamond Jewelry: EPIPHANY
  3. สาขา The Best Bridal Hair Stylist: จิรวัฒน์ คงศรีทอง (Gee_jiwat)
  4. สาขา The Best Jewelry Design: PETCHPANTA
  5. สาขา The Best Magnificence & Timeless Gold: PRIMA GOLD
  6. สาขา The Best Wedding Decoration: RAINFOREST THE WEDDING
  7. สาขา The Best Wedding Location in Bangkok: SHANGRI-LA BANGKOK
  8. สาขา The Best Bridal Shoes: SIRENA
  9. สาขา The Best Bridal Couture – VANUS COUTURE
  10. สาขา The Best Fine Artistry : VIJITTRA’S JEWELLERY
ชุดของขวัญสุดลิมิเต็ด และการห่อสไตล์ใหม่ที่เต็มไปด้วยความใส่ใจจาก LE LABO

ชุดของขวัญสุดลิมิเต็ด และการห่อสไตล์ใหม่ที่เต็มไปด้วยความใส่ใจจาก LE LABO

Alternative Textaccount_circle
ชุดของขวัญสุดลิมิเต็ด และการห่อสไตล์ใหม่ที่เต็มไปด้วยความใส่ใจจาก LE LABO
ชุดของขวัญสุดลิมิเต็ด และการห่อสไตล์ใหม่ที่เต็มไปด้วยความใส่ใจจาก LE LABO

เทศกาลแห่งความสุขและการให้ในช่วงปลายปีใกล้เข้ามาแล้ว LE LABO นิชแบรนด์สุดคูลที่มีน้ำหอมและผลิตภัณฑ์อื่นๆ ที่มีกลิ่นยูนีคไม่ซ้ำใคร (Niche Brand) หอมจนเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว ได้จัดเตรียม Limited Discovery Set กับการห่อของขวัญสไตล์ใหม่จาก LE LABO พร้อมการเปิดตัวของ ชุดของขวัญสุดลิมิเต็ด Limited Edition Eau De Parfum Discovery Set ที่สามารถเลือกน้ำหอมได้ถึง 3 กลิ่นฮ็อตจาก Classic Collection ไม่ว่าจะเป็น Another 13, Santal 33, Thé Matcha 26 และยังมี SET 6 Limited Edition Eau De Parfum Discovery Set ประกอบด้วย 6 กลิ่น Another 13, Santal 33, Thé Matcha 26, Bergamote 22, Rose 31 และ Thé Noir 29

รวมไปถึงการกลับมาของเทียนหอม Limited Edition Candle Discovery Set ที่มาด้วยกลิ่นหอม Ambroxyde 17 , Palo Santo 14 และ Santal 26 ซึ่งเทียนถูกพัฒนาโดยใช้น้ำมันหอมระเหยในปริมาณสูง ส่วนผสมของแว็กซ์และไส้เทียนที่ทำด้วยเส้นใยธรรมชาติทำขึ้นเพื่อให้มั่นใจได้ถึงการได้รับประสบการณ์ของกลิ่นหอมที่สวยงาม นอกจากนี้เทียนยังถูกสร้างสรรค์ด้วยมืออย่างพิถีพิถันอีกด้วย

“การให้ด้วยวิธีที่งดงามมีค่ามากกว่าของขวัญเสียอีก” – ปิแอร์ คอร์เนลล์ (Pierre Corneille)

ท้ายสุดนี้ ให้การมอบของขวัญครั้งนี้เต็มไปด้วยความใส่ใจ ด้วยตัวเลือกใหม่ในการ Gift Wrap จาก LE LABO ไม่ว่าจะเป็น กล่องกระดาษคราฟท์พิมพ์ลายพร้อมเชือกริบบิ้น, ผ้าพันคอสำหรับห่อของขวัญ (Bandana) และยังสามารถไปใช้ต่อได้อีกหลากหลายรูปแบบ หรือ ถุงผ้าคอตตอนพร้อมป้ายของขวัญวินเทจที่สามารถ Personalize ได้อีกด้วย อย่าลืมไปลองเลือกของขวัญและกลิ่นที่ใช่กันได้ที่ Le Labo ทุกสาขา Siam Paragon, EMSPHERE และ ICONSIAM


ถอดจากรันเวย์! Demi Moore ในชุดใยแมงมุมจาก McQueen Spring/Summer 2025

Alternative Textaccount_circle

Demi Moore นักแสดงหญิงชาวอเมริกัน แฟชั่นไอคอนปลายทศวรรษ 1990 จากบทนำในภาพยนตร์และละครโทรทัศน์ชื่อดัง เช่น ‘Ghost’, ‘Indecent Proposal’ และ ‘G.I. Jane’

เธอปรากฏตัวในงานเปิดตัวภาพยนตร์เรื่อง ‘Landman’ ที่ลอสแอนเจลิส ประเทศสหรัฐอเมริกา โดยสวมชุดเดรสลูกไม้ใยแมงมุมคอสูงสีดำปักประดับด้วยหินเจ็ท จากแบรนด์ McQueen Spring/Summer 2025 ออกแบบโดย Seán McGirr

ชุดเดรสที่งดงามนี้ได้ถูกนำเสนอครั้งแรกในโชว์ McQueen Spring/Summer 2025 ออกแบบโดย Seán McGirr ในเดือนกันยายน 2024 ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของคอลเล็คชั่นใหม่ ลายลูกไม้ใยแมงมุมที่ถูกเย็บอย่างประณีตด้วยมือและถักทอลงบนผ้าไหมเนื้อละเอียดที่ผ่านการแปรงอย่างพิถีพิถัน สร้างภาพลวงตาแห่งความคลายตัวแต่ยังคงไว้ซึ่งความสง่างาม โดยได้ถ่ายทอดความงามที่เหนือจริงของแบนชี ซึ่งมีรากฐานในประวัติศาสตร์ของ McQueen


ภาพและข้อมูล: McQueen

keyboard_arrow_up