ไม่เวอร์ไม่ทำ! บทเรียนราคาแพงของ ผู้จัดละคร ‘ไก่ วรายุฑ’ ชีวิตนี้เสียเงินไม่ว่า เสียหน้าไม่ได้!

ผู้จัดละคร แถวหน้า ‘ไก่ วรายุฑ’ กับบทเรียนราคาแพ๊ง…แพง!!! 

ผู้จัดละคร ‘ไก่ วรายุฑ มิลินทจินดา’ ธรรมดาซะที่ไหน ถ้าพูดถึงความเวอร์วัง อลังการงานสร้าง จนเป็นคำติดปากคนทั้งประเทศถ้าเปรียบเทียบความเวอร์ต้อง “ดาวล้านดวง” จะเป็นใครไปไม่ได้นอกจากนางเท่านั้น! คุณวรา (สรรพนามใช้เรียกยามที่ทำอะไรเวอร์ๆ) 

ไก่ วรายุฑ ผู้จัดละคร

ไก่ วรายุฑ ผู้จัดละคร

เรื่องความเวอร์บวกความเยอะ ความละเอียดไม่มีใครเกินคุณวรา เยอะถึงเรื่องอาหารการกิน เช่น ตอนปิดกล้องละคร ‘บ่วงนฤมิต’ คุณวราไม่สั่งอาหารข้างนอกมาเลี้ยงนักแสดงและทีมงาน ไม่ใช่ว่านางประหยัดแต่เพราะกลัวว่าทางร้านจะใช้ของไม่ดี เลยทำเองทุกอย่าง เช่นไข่พะโล้ ไข่เป็ดต้องจากสิงห์บุรี เพราะ ไข่แดงจะแดงมาก นางคัดไข่และชั่งน้ำหนักด้วยมือตัวเองทุกฟอง จะได้ขนาดเท่าๆๆกัน แล้วขัดล้างไข่สะอาดทุกใบ ถ้าเลี้ยงเป็ดเองได้คงเลี้ยงเองแล้ว พอไข่ต้มเสร็จยังต้องปลอกเปลือกออกมาให้ผิวเรียบเหมือนหน้ารูปปั้นหินอ่อน ถ้าเป็นหลุมตะปุ่มตะปั้มเหมือนโลกพระจันทร์ นางคัดทิ้งค่าา ความเยอะยังไม่หมด เมนูส้มตำ มะละกอก็ต้องเลือกขนาด กุ้งแห้งต้องจากสมุทรสาคร น้ำตาลปี๊ปจากเพชรบุรี ปูเค็มปลาร้าดองเอง หมักเอง เอาเป็นว่าถ้าปั้นครกเองได้คงทำไปแล้ว

ไก่ วรายุฑ ผู้จัดละคร

ยังไม่จบคะ นางทำก๋วยเตี๋ยวไก่ด้วย ซื้อกระดูกไก่ต้มน้ำซุบน้ำใสกริ๊บ ตุ๋นไก่น่าทานมาก เด็กที่ทำงานรับอาสาว่าหม้อต้มน้ำซุปไม่ต้องซื้อเพราะที่บ้านมี  ระหว่างที่กำลังเดือดปุดๆๆ กลิ่นหอมของน้ำซุปโชยมาพร้อมกับได้ยินเหมือนเสียงน้ำตกไหลเบาๆๆ พร้อมกับเสียงกรี๊ดดด ปรากฏว่าหม้อรั่ว วินาทีนั้นต้องถ่ายน้ำซุปออกมาจากหม้อด้วยความโกลาหนและทุลักทุเลมาก แถมยังต้องเสียเงินไปซื้อหม้อต้มน้ำซุปใหม่ เป็นไงล่ะ เอาร้านอร่อยๆๆ มาน่าจะคุ้มกว่าไหมคะ
ไก่ วรายุฑ ผู้จัดละคร

เรื่องต่อมา ‘แหนนะจ๊ะ’ บอกให้วรา ไปซื้อโทรทัศน์ B&O เลิศมาก เสียงชัดยิ่งกว่าสิ่งใด เหงื่อหยดลงพื้นยังได้ยินเสียง นางไม่รอช้า บอกให้สั่งมาเลยเครื่องละล้านกว่าบาทเอง คุณวราซื้อง่ายมากโดยให้เหตุผลว่า ชีวิตทำละครมาเยอะแล้ว เหนื่อย ไม่ได้ออกไปไหนมีแต่เพื่อนมาปาร์ตี้ที่บ้านจะได้อยู่บ้านดูรายการอย่างมีความสุข (คงเป็นข้ออ้าง)…ซื้อโทรทัศน์ได้สักพัก ทางบริษัทแม่จากสิงคโปร์เชิญให้ไปดูโทรทัศน์รุ่นใหม่ ตอนคุณวราไม่อยากไป แต่ทางนั้นก็คะยั้นคะยอให้ไปจนได้ ดูแลอย่างดี ปรนเปรอเต็มที่ พอถึงวันงาน โอ้แม่เจ้า!! จอทีวีหรือหนังกลางแปลงใหญ่โตมาก มีบรรดาเศรษฐีประเทศต่างๆ มารวมตัวกันซื้อคนละเครื่องสองเครื่อง ราคาเครื่องละห้าล้านกว่าๆๆ เองๆๆ คุณวราคิดแล้วคิดอีก แต่กลัวเสียชื่อประเทศไทย เสียเงินไม่ว่าเสียหน้าไม่ได้ ตัดสินใจสั่งซื้อหนึ่งเครื่อง ท่ามกลางการยุว่าดีกับยุพาพยัก รวมกันส่งเสริมสวัสดิ์ ตอบไม่ต้องคิดตามมติประชุมพรรค “จัดไป”สมฐานะ
ไก่ วรายุฑ ผู้จัดละคร

สั่งไปประมาณ 8 เดือน เจ้าโทรทัศน์ก็บินตรงจากเดนมาร์คมาถึงประเทศไทย จอดรอส่งสินค้าตรงหน้าบ้านคุณวรา ตอนเข้าไปติดตั้ง แต่ต้องใช้รถเครนยกเข้าไป ใหญ่ไม่ใหญ่ช่วยตรองตาม ด้วยนะคะ…พอติดตั้งเสร็จโอ้แม่เจ้า!! ช่างใหญ่โตเต็มพื้นที่พนังห้องเลยคะ ไม่สามารถดูได้ เพราะความใหญ่มากกกกทำให้ดูไม่ได้ ต้องนั่งระยะประชิดใกล้เกิ๊นนนน นึกสภาพเวลาเราดูหนังในโรงหนังแล้วนั่งดูแถวหน้าสุดเวียนหัวมั้ยล่ะคะ แต่ทำไงได้เสียเงินไปแล้วห้าล้านกว่าๆ มีอยู่ทางเดียวคือ ต่อเติมบ้านออกไปอีก งบประมาณไม่ต้องพูดถึง เพิ่มมูลค่าทีวีไปอีก ต่อเติมบ้านแล้วได้ดูทีวีอย่างมีความสุข แถมยังสามารถกด ไฮโดลิคยกขึ้นยกลงเพื่อเลือกปรับระดับได้ตามชอบใจ โอ้สวรรค์ทำไมช่างเลิศเลอเพอร์เฟคอะไรขนาดนั้น แต่ความวัวยังไม่ทันหาย ความความเข้ามาแทรก ดูไปดูมาอยากจะรู้ว่าปรับระดับต่ำสุดได้แค่ไหน นางเลยกดรีโมทเลื่อนหน้าจอให้ต่ำสุด กดขึ้นกดลง กดไปกดมา กดดูให้ต่ำสุดๆๆ ไปเลยเผื่อจะนอนดู ดีจังทีวีรุ่นนี้ นั่งดูนอนดูยังไงก็ได้
ไก่ วรายุฑ ผู้จัดละคร ปรากฏว่าวันหนึ่งปรับให้ต่ำสุด เพราะเพื่อนๆพี่ๆมาปาร์ตี้ เผื่อจะได้ปูฟูกนอนดู เลยปรับให้ต่ำสุดๆๆนอนดูกับพื้นไปเลย แต่พอทุกคนกลับบ้านไปแล้ว ระบบไฮโดลิคเกิดขัดข้อง จอค้างยกขึ้นไม่ได้ทำไงล่ะ ต้องนอนกับพื้นดูตลอดเลยเหรอ ติดต่อไปที่บริษัทให้ส่งคนมาซ่อม ซึ่งต้องส่งเจ้าหน้าที่บินตรงจากเดนมาร์ค เพื่อมาซ่อมใช้เวลานาน 1 เดือนกว่าจะได้ดู คุณวราบอกว่าไม่เป็นไรบางอย่างความเวอร์ความกลัวเสียหน้าก็เป็นบทเรียนที่ดี ไม่คิดมากค่ะ.. จบข่าว

ครั้งหน้าจะมาเล่าเรื่องราวขำๆ ที่คุณคาดไม่ถึงของเพื่อนรัก ดร.สมศักดิ์ ชลาชล..กรุบกริบกรุบกริบค่ะ

เรื่อง : แหนนะจ๊ะ

ภาพ : @kai_varayuth,@nare_naja

gossip600x400ชื่อจริง : นันทวัน แสงธรรมกิจกุล ทั่วๆไปเรียก ‘มาเฟียไฮโซ’

นามปาก : แหนนะจ๊ะ

อาชีพ : Organizer  /Catering /ที่ปรึกษาบริษัท/Bag&Shoes Spa

อาชีพใฝ่ฝัน : อยากเป็นนักเขียน และศิรานีตอบปัญหาหัวใจ

 

อยากเสกพุงให้หายไป? 7 สเต็ปทำได้ไม่ยาก เพื่อหน้าท้องแบนราบใน 30 วัน!

เพราะโลกนี้ไม่มีเวทมนต์ที่จะมาเสกให้พุงป่องๆ ของเราหายแว๊บไปในพริบตา! แต่เราก็สามารถมีหน้าท้องแบบราบได้จริงใน 30 วันด้วยขั้นตอนไม่ยากเกินฝันนะจ๊ะสาวๆ

1. ลดปริมาณแคลอรี่ต่อวัน
การอดอาหารไม่ใช่สิ่งที่ควรทำ แต่การลดปริมาณแคลอรี่ของอาหารที่กินเข้าไปจะช่วยลดไขมันในร่างกายของคุณได้ผลระยะยาวกว่า ยิ่งเดี๋ยวนี้มี แอพพลิเคชั่นเกี่ยวกับจำนวนแคลอรี่ของอาหารแต่ละชนิดให้ดูง่ายๆ แค่ดาวน์โหลดแอพฯ ดังกล่าวมาคอยดูทุกครั้งก่อนจะรับประทานอะไรเข้าไปก็เท่านั้น สะดวกไปอีก!

2. งดคาร์โบไฮเดรต
เส้นใยธรรมชาติในผักและผลไม้ สามารถควบคุมไขมันส่วนเกินในร่างกายของคุณได้
ดังนั้น ถ้าไม่อยากเพิ่มไขมันที่หน้าท้อง เปลี่ยนจากกินเส้นพาสต้า หรือข้าวขัดสี มากินคาร์โบไฮเดรตที่ได้จากธัญพืช และผักใบเขียวแทนดีกว่า

3. กินโปรตีนตอนมื้อเช้า
โปรตีนให้พลังงานที่ร่างกายคุณต้องการตลอดทั้งวัน แต่ไม่สะสมเป็นไขมันในร่างกาย
แต่ถ้าคุณไม่ชอบกินอาหารเช้าหนักๆ แนะนำให้ดื่ม นมถั่วเหลือง หรือกินเมนู เต้าหู้ ไปเล้ยย-ย

4. เพิ่มซุปและโยเกิร์ตในอาหารของคุณ
ควรจะเพิ่มเมนู โยเกิร์ต ให้อยู่ในแพลนอาหารลดน้ำหนักของคุณ ณ บัดนาว
เพราะมันช่วยให้คุณลดน้ำหนักได้และยังช่วยให้การทำงานปกติของระบบทางเดินอาหารเป็นปกติ
ช่วยป้องกันอาการท้องอืด

5.แทนที่ อาหารที่มีแคลอรี่สูง ด้วยอาหารที่มีแคลอรี่ต่ำ
อาหารมีบทบาทสำคัญที่สุดในการลดน้ำหนัก โดยเฉพาะรอบๆ พุงที่จะเกิดไขมันสะสมง่าย มีอาหารหลายอย่างที่ไม่สังเกตุดีๆ จะไม่รู้เลยว่าแคลอรี่ต่างกันมาก อย่าง นม และโยเกิร์ต ควรสังเกตุก่อนกินว่าเป็นประเภทไขมันต่ำ หรือจากธรรมชาติ หรือไม่

6. ออกกำลังกายด้วย คาร์ดิโอ
เพื่อช่วยให้ร่างกายเผาผลาญไขมันหน้าท้องดีขึ้น การออกกำลังกายด้วยคาร์ดิโอเป็นวิธีที่ดีที่สุด ที่ช่วยให้ระบบไหลเวียนโลหิตมีการสูบฉีดและช่วยเผาผลาญไขมันอย่างมีประสิทธิภาพ ควรทำอย่างน้อย 5 ครั้งใน 1 สัปดาห์จะช่วยให้หน้าท้องแบนราบปราศจากไขมันเร็วขึ้น

7. โยคะวันละนิดพิชิตไขมันแต่ละจุด
การลดน้ำหนักในทางที่ถูกด้วยการเล่นโยคะ ควรเริ่มด้วยท่าพื้นฐานก่อน คือการฝึกหายใจแบบ pranayam แล้วตามด้วย โยคะอาสนะ (Yoga Ashana) หากทำเช่นนี้ประจำ จะช่วยลดไขมันในแต่ละสัดส่วนได้

 

เรียบเรียงโดย : redapple_แพรวดอทคอม
ที่มา : magforwomen
ภาพ : pexels.com

15 ภาพมุมหวาน “บารัค โอบามา” และภริยาหมายเลข 1 ชีวิตสำเร็จได้เพราะมีรักที่ดีอยู่เคียงข้าง!

ผู้ชายที่ประสบความสำเร็จมักมีความรักที่ดีอยู่เคียงข้าง ไม่เว้นแม้แต่ บารัค โอบามา ประธานาธิบดีคนที่ 44 ของสหรัฐฯ ซึ่งเป็นบุคคลผิวสีคนแรกที่คว้าชัยชนะการเลือกตั้ง และยังคงดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีมาถึงปัจจุบัน ซึ่งถ้าย้อนไปในวันที่เขาได้รับเสียงโหวตจนชนะ หนึ่งในคำขอบคุณที่เขาพูดถึงเลยก็คือ มิเชลล์ โอบามา สตรีหมายเลข 1 แห่งสหรัฐฯ และยังเป็นสตรีหนึ่งเดียวในใจที่คอยอยู่เคียงข้างเขามาตลอดอีกด้วย

ช่วงนี้สาวๆหลายคนอาจจะเห็นกระแสข่าวคราวคนดังฝั่งชายบ้านเรานอกใจภรรยาออกมาถี่ซะเหลือเกิน จนบางทีก็อาจจะมีความคิดกลัวความรัก หรือกลัวการแต่งงานแว่บขึ้นมาบ้าง แต่แพรวจะบอกว่าอย่าเพิ่งตัดสินใจฟันธงไปแบบนั้น เพราะคนดีๆก็ยังมีหลงเหลือให้ใจชุ่มฉ่ำอยู่บ้าง อย่างประธานาธิบดีสหรัฐฯ บารัค โอบามา แม้ภาพลักษณ์เวลาอยู่ต่อหน้าคนหมู่มากจะฉายความเป็นผู้นำ จริงจัง มุ่งมั่น พูดจาเฉลียวฉลาด ต้องรับผิดชอบหน้าที่การงานหลายอย่าง จนอาจจะยุ่ง อยู่ห่างไกลจากภริยา แต่เขาก็ขึ้นชื่อว่ารักภริยา มิเชลล์ โอบามา ไม่น้อยเลย

บารัค โอบามา ได้พบกับภริยาครั้งแรกตอนมิเชลล์ทำงานด้านการตลาดและทรัพย์สินที่สำนักงานกฎหมายซิดลีย์ออสตินในชิคาโก ซึ่งเดทแรกของทั้งสองคือการไปดูภาพยนตร์เรื่อง Do the Right Thing ของ Spike Lee

และ 27 ปีต่อมา เรื่องราวความรักของทั้งสองตั้งแต่วันแรกที่พบกันก็ได้นำมาสร้างเป็นภาพยนตร์เรื่อง Southside with You ซึ่งต่อมาทั้งคู่ก็ได้ตกลงแต่งงานกันหลังคบกันมา 3 ปี จนมีลูกสาว 2 คน ชื่อว่ามาเลีย แอนน์ และซาช่า

วันนี้แพรวเลยนำภาพถ่ายของทั้งคู่มาให้ชาวแพรวได้ดูกัน เห็นบทบาทผู้นำสุดแกร่งต่อหน้าผู้คนมาก็มาก พอได้เห็นอีกมุมกับโมเมนต์หวานๆ น่ารักมุ้งมิ้งยามอยู่กับมิเชลล์ ภริยาแล้ว แพรวบอกเลอว่า ผู้ชายจะเก่งแค่ไหน ยังไงก็ต้องมีขอเติมพลังใจจากคนรักกันมั่งละ

บารัค โอบามา
ภาพ : Obama For America

ภาพงานแต่งงานบารัค โอบามา และมิเชลล์ โอบามา ในวันที่ 18 ตุลาคม พ.ศ.2535

บารัค โอบามา
ภาพ : Callie Shell

ภาพบารัค โอบามา และมิเชลล์ โอบามา นั่งข้างกันบนรถบัสในรัฐนิวแฮมป์เชียร์
หลังการหาเสียงยามค่ำในปี พ.ศ. 2551

บารัค โอบามา
ภาพ : Mary Ann Chastain

บารัค โอบามา และมิเชลล์โอบกอดกันที่แคมเปญ Oprah Winfrey ในระหว่างการชุมนุมที่สนาม Williams-Brice ในโคลัมเบีย เมื่อ 9 ธันวาคม พ.ศ.2551

บารัค โอบามา
ภาพ : Pete Souza

บารัค โอบามา และมิเชลล์ ภริยา กับโมเมนต์สุดสวีตระหว่างอยู่ในลิฟต์ขนส่งสินค้า
ที่วอชิงตัน ดี.ซี. 

บารัค โอบามา
ภาพ : Pete Souza

บารัค โอบามา ไปเยี่ยมภริยาและลูกสาว น้องมาเลีย แอน และซาช่า 

บารัค โอบามา
ภาพ : Pete Souza

พักเรื่องงานมาขอมุมส่วนตัวสวีตกับภริยา สตรีหมายเลข 1 ดูพลุกันบ้าง

บารัค โอบามา
ภาพ : Pete Souza

มุมเด็กๆก็มีให้เห็นนะ ระหว่างที่บารัค โอบามา และมิเชลล์นั่งอยู่บนรถกอล์ฟในงาน Inaugural Ball 

บารัค โอบามา
ภาพ : Pete Souza

เป็นมุมหนึ่งที่หวานมาก ขณะที่ทั้งสองเต้นรำด้วยกัน เป็นช่วงผ่อนคลายจากเรื่องหนักๆเลยละ

บารัค โอบามา
ภาพ : Pete Souza

เวลาทั้งสองเดินทางไปไหนด้วยกัน ก็มักจะมีโมเมนต์แสดงความรักอย่างการจับมือออกมาให้เห็นกันบ่อยๆ เติมพลังได้ดีเลยละ

บารัค โอบามา
ภาพ : Pete Souza

ช็อตกระซิบกับภริยาระหว่างออกงานอีเว้นต์ด้วยกัน

บารัค โอบามา
ภาพ : Pete Souza

มิเชลล์มารอรับบารัค โอบามา ที่สนามบินจอห์น เอฟ. เคนเนดี ที่นิวยอร์ก เหนื่อยมาแค่ไหน เห็นหน้าภริยาก็หายเหนื่อยแล้ว

บารัค โอบามา
ภาพ : Pete Souza

มุมหนึ่งบนรถส่วนตัว 

บารัค โอบามา
ภาพ : Pete Souza

เวลาทั้งคู่ออกงานด้วยกัน สิ่งหนึ่งที่สำคัญคือการจับมือนี่แหละ เห็นแล้วรู้สึกดีมาก

บารัค โอบามา
ภาพ : Pete Souza

เติบโตมากแค่ไหน ความรักก็ทำให้คนมีมุมเด็กๆ อยู่ด้วยกันแล้วรู้สึกสบายใจ 

บารัค โอบามา
ภาพ : Ron Sachs

มิเชลล์กำลังจัดเน็คไทให้บารัค โอบามา ขณะรอต้อนรับประธานาธิบดี Xi Jinping และภริยา Peng Liyuan จากจีน ดูแลกันไม่ขาดเลย

นี่แหละน้าาา จะเก่งมากแค่ไหนก็แพ้หัวใจอย่างเธอจริงๆ ใครที่มีรักอยู่ก็ดูแลกันให้ดีนะจ๊ะ

 

เรื่อง ; Gingyawee_แพรวดอทคอม
ข้อมูล : http://www.boredpanda.com/barack-obama-michelle-love-story/

ไม่ยอมจำนนโชคชะตา “3 ผู้หญิงพลิกฟ้า” จากเด็กสลัม จนได้กำเงินร้อยล้าน!

จากเด็กน้อยเร่ขายขนมปัง เด็กสลัมที่เรียนจบเพียงชั้น ม.3 แม่ค้าเร่ขายของตามตลาดนัด คอยก้มหาเหรียญบาทที่ตกตามถนน… ใครที่บอกตัวเองว่าชาตินี้คุณไม่มีทางกำเงินร้อยล้าน ให้โอกาสคิดใหม่อีกครั้ง!

 

“คุณป้อ” เจ้าของร้านรองเท้า Shuberry 12 สาขา ไม่รวมส่งออกต่างประเทศ

“เพราะชีวิตคือความไม่แน่นอน ต้องขอบคุณที่ตัวเองเกิดมาลำบากค่ะ”

คุณป้อ” เกิดมาในครอบครัวที่ฐานะค่อนข้างลำบาก เป็นลูกคนที่ 4 คุณแม่มีอาชีพรับซ่อมเสื้อผ้าอยู่กับบ้าน คุณพ่อเป็นหลงจู๊ ( ตัวแทนพ่อค้าคนกลาง) อยู่ที่สะพานปลาก่อนจะตกงาน ทั้งครอบครัวจึงหันมาทำขนมปังไส้ต่างๆขาย ตั้งแต่สมัยเด็กๆที่ต้องตื่นตีสี่มาช่วยพ่อกับแม่ทำขนมปังก่อนไปโรงเรียน พร้อมพกขนมปังใส่กระเป๋าไปขายให้เพื่อนๆ และยืนขายตามศาลเจ้า ถ้าขายได้วันละ 400 บาท แม่จะแบ่งเงินให้วันละ 40 บาท เธอเก็บออมไว้เพื่อเป็นค่าหนังสือเรียนกับค่าขนม ส่วนเรื่องค่าเทอมไม่ต้องกวนทางบ้าน เพราะได้ทุนเรียนดี จนวันหนึ่งพ่อเสีย แม่ทำงานควบทั้งทำขนมปังขายและทำอาหารตามสั่ง ซึ่ง “คุณป้อ” ก็เป็นกำลังเสริมทุกครั้ง

ด้วยความเป็นคนใฝ่เรียน หลังจากเข้าเรียนสายอาชีพตามที่แม่บอก ก็เรียนไปทำงานพิเศษไปด้วยจนมีเงินเก็บ สุดท้ายเรียนจบโรงเรียนพาณิชย์จึงหาซื้อหนังสือติวสอบเข้ามหาวิทยาลัย และไปลงคอร์สเรียนพิเศษวิชาเลขเพิ่มเติม จนสอบติดคณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชีของจุฬาฯได้สำเร็จ

“เวลาเห็นเพื่อนๆใช้กระเป๋าแบรนด์เนม ดิฉันเองก็อยากได้ แต่คิดอีกทีเราน่าจะผลิตเองได้ มีช่วงหนึ่งเพื่อนๆฮิตกระเป๋าลูกปัดกันมาก ดิฉันก็หาลูกปัดมาถักเป็นกระเป๋า ใช้คนเดียวไม่พอ ยังต่อยอดด้วยการนำไปขายอีกด้วย ปรากฏว่าขายดีผิดคาด จึงได้บทเรียนข้อที่หนึ่งว่า ถ้าเราผลิตของที่อยู่ในกระแสและทำออกมาได้ดี เราจะขายได้”

จากธุรกิจพาร์ตไทม์กลายเป็นเจ้าของร้านเงินแสน ไต่สู่เงินล้าน

เพราะไอเดียต่อยอด เกาะเทรนด์แฟชั่นไปเรื่อยๆ ตระเวนหาโรงงานทำกระเป๋าที่รับทำกระเป๋าพรีออร์เดอร์ ผลิตสินค้าตัวอย่างให้ก่อนแล้วนำไปเสนอร้านกระเป๋า เมื่อตกลงซื้อขายจึงกลับมาสั่งโรงงานผลิต เรียกว่าเป็นวิธีที่ฉลาดโดยไม่ต้องอาศัยทุนมากมาย บวกกับความโชคดีที่เจอเจ้าของโรงงานใจดี เห็นเป็นเด็กเลยยอมช่วยเหลือ

เมื่อมีเงินก้อนจึงลงทุนเปิดร้านเล็กๆเอง จากนั้นต่อยอดกระเป๋าไปเสื้อผ้า จนถึงรองเท้า ซึ่งถือเป็นจุดพลิกชีวิต เพราะเป็นสินค้าขายดีที่สุด รายได้ตอนนั้นเหยียบหลักล้านแล้วทั้งๆที่ยังเรียนอยู่

“จุดเริ่มต้นยากมาก ต้องจดชื่อโรงงานผลิตรองเท้าจากสมุดหน้าเหลืองแล้วไปโทร.ที่ตู้โทรศัพท์สาธารณะ เพราะคุณแม่ไม่อนุญาตให้ใช้โทรศัพท์บ้าน เนื่องจากเปลืองกว่า ปรากฏว่าเจอแต่โรงงานที่รับผลิตรองเท้าปริมาณมาก แต่เราอยากได้โรงงานเล็กๆ จึงเปลี่ยนวิธีไปเดินหาข้อมูลตามตลาดนัด วันหนึ่งไปที่จตุจักร เจอช่างทำรองเท้าที่ไม่มีหน้าร้านของตัวเอง เขาผลิตรองเท้าแตะแต่ดีไซน์สามารถต่อยอดได้หลากหลาย”

หลังจากเรียนจบด้วยเกียรตินิยมอันดับ 2 เธอจึงมีเวลาบริหารร้านเต็มที่ ภายใน 2 ปีสามารถขยายร้านเป็น 6 สาขาในสยามฯ จากนั้นขยายธุรกิจไปมีช็อปอยู่ในห้าง จึงเป็นจุดเริ่มต้นของแบรนด์ Shuberry ธุรกิจไปได้ดีจึงเก็บเงินได้หลายล้าน สามารถสร้างโรงงานผลิตกระเป๋า รองเท้า เป็นของตัวเองได้สำเร็จ นอกจากนี้ยังขายส่งให้ร้านค้าแถวประตูน้ำ ใบหยก และสำเพ็งอีกด้วย พออายุ 25 ปีเธอก็มีรายได้หลักร้อยล้าน!!

คุณป้อ - กรกนก สว่างรวมโชค
คุณป้อ – กรกนก สว่างรวมโชค

 

“คุณชมพู่” เจ้าของธุรกิจคอนแท็คท์เลนส์ Dreamcolor 1 รวยระดับ 100 ล้าน

ในอดีตคุณชมพู่คือแม่ค้าเร่ขายของตามตลาดนัด เคยผ่านช่วงชีวิตที่แทบไม่มีเงินซื้อข้าว คอยก้มหาเหรียญบาทที่ตกตามถนน ถูกสบประมาทว่าไปไม่รอด

“คนอื่นสบประมาทไว้เยอะว่าคงอยู่ไม่รอด ดิฉันจึงอยากพึ่งตัวเองให้มากที่สุด ใช้วิธีถ้ามีก็กิน ไม่มีก็ไม่กิน บ่อยๆที่กินบะหมี่สำเร็จรูปคลุกข้าว บางวันไม่ไปเรียนเพราะไม่มีเงินซื้อข้าว เพื่อนที่รู้ชะตากรรมก็ยื่นมือให้ความช่วยเหลือ บอกว่ามาเรียนเถอะ เดี๋ยวจ่ายค่าอาหารให้ ตอนนั้นเวลาเดินดิฉันติดนิสัยก้มหน้าหาเศษเหรียญที่ตกบนถนน 1 บาทก็ยังเก็บ นานวันเริ่มรู้สึกว่าตัวเองไร้ค่า ไม่รู้จะอยู่ไปทำไม ไม่ไปเรียนจนเกรดเฉลี่ยตกเหลือไม่ถึงหนึ่ง น้าจึงบอกว่าถ้ายังเกเรอย่างนี้จะไม่ส่งเสีย ทำให้ดิฉันได้สติปรับนิสัยใหม่ กลับมาตั้งใจเรียน จนเกรดเฉลี่ยเพิ่มขึ้นมาเป็น 3 กว่าๆ”

ด้วยความที่มีความฝันอยากมีธุรกิจส่วนตัว จึงคิดเริ่มต้นอาชีพแม่ค้า แต่เป็นได้แค่แม่ค้าเร่ ฝนตก โดนเทศกิจไล่ ขายของไม่ได้

จากแม่ค้าเร่ ชีวิตของเธอเปลี่ยนไปเมื่อได้รู้จักกับคอนแท็คท์เลนส์ โดยพี่สาวของสามีได้สั่งคอนแท็คท์เลนส์สีมาจากต่างประเทศ จึงแบ่งคอนแท็คท์เลนส์มาให้ขาย เริ่มจากขายตลาดนัด สู้ฝ่ากระแสคนกลัวตาบอดด้วยการศึกษาข้อมูลทั้งวิธีการใส่ที่ถูกต้อง การเก็บดูแล และการรักษาความสะอาด จนมีลูกค้าไว้วางใจซื้อขายกันต่อเนื่อง มีรายได้ต่อวันประมาณ 10,000 – 20,000 บาท ขายอยู่ 2 ปี ไม่มีวันหยุด ได้กำไรหลักล้าน แต่สภาพร่างกายทรุดโทรมสาหัส

“ตัวดิฉันเองเปลี่ยนคอนแท็คท์เลนส์มา 4 ยี่ห้อ วันหนึ่งมาเจอยี่ห้อ Dreamcolor 1 ซึ่งส่งตรงมาจากเกาหลี เป็นยี่ห้อที่คนเกาหลีและจักษุแพทย์ยอมรับ โรงงานได้มาตรฐานปลอดภัย เราลองซื้อมาใช้แล้วรู้สึกว่าต้องขายดีแน่ๆ ประจวบเหมาะกับเจ้าของคนเกาหลีมีปัญหาชีวิต ต้องขายบริษัท เราก็ซื้อมาในเงินหลายสิบล้านบาท ช่วงแรกขายไม่ดีนัก เพราะคนยังไม่รู้จัก ขายแทบไม่ได้เลย จนเกือบต้องขายกิจการทิ้ง แต่สุดท้ายก็บอกสามีว่า สู้เถอะ ใช้เวลาวางแผนการตลาดใหม่ ภายในสองเดือนได้รับผลตอบรับที่ดี แบรนด์ติดตลาดเร็วมาก เพราะชูจุดเด่นตรงที่สามารถป้องกันรังสียูวีได้จริง ภายใน 3 ปีมีตัวแทนกว่าพันสาขาทั่วประเทศ จนมีรายได้หลักร้อยล้าน”

คุณชมพู่ - กชพรรณ วิรุฬห์รักษ์สกุล
คุณชมพู่ – กชพรรณ วิรุฬห์รักษ์สกุล

 

 “คุณตั๊ก” กับบททดสอบความอดทนต่อโชคชะตาที่ไม่เข้าข้างเธอสักนิด

ชีวิตวัยเด็กของเธอคือ วันว่างต้องออกไปขายส้มตำที่สนามหลวงกับคุณแม่ ส่วนคุณพ่อทำงานอยู่ที่การรถไฟแห่งประเทศไทย ตอนแรกเช่าบ้านอยู่ กระทั่งคุณพ่อนำเงินเก็บไปซื้อไม้มาสร้างบ้านอยู่หน้าวัดดุสิตาราม แต่แล้วไม่นานก็ถูกไล่ที่ ย้ายไปอยู่ในสลัม จากนั้นไม่นานคุณพ่อ คุณยาย และพี่ชายอีก 2 คน ก็ทยอยเสียชีวิตจากไป เธอเองเรียนอยู่ชั้น ม.3 ต้องออกจากโรงเรียนกลางคันเพราะไม่มีเงิน แม้แต่ค่าน้ำค่าไฟก็ยังไม่มีจ่าย

“ตอนนั้นพวกร้านคาราโอเกะ ร้านคาเฟ่ ได้รับความนิยมมาก พี่สาวจึงนำเงินประกันชีวิตของคุณพ่อสามแสนบาท ซึ่งเป็นเงินก้อนสุดท้ายไปลงทุนเซ้งร้านเปิดบริการให้เช่าชุดนักร้อง ชุดราตรี แถวจรัญสนิทวงศ์ ส่วนเงินที่เหลือพี่สาวใช้ซื้อหุ่น วิกผมใส่หุ่น ราวแขวน จักร และผ้า ไปจ้างช่างข้างนอกตัดให้แต่สุดท้ายขายไม่ออกเพราะแบบไม่สวย เงินที่ลงทุนสูญเปล่า กลับไปสู่จุดที่ไม่มีเงินจ่ายค่าน้ำค่าไฟอีก พี่สาวจึงแก้ปัญหาด้วยการให้ดิฉันเป็นช่างตัดเสื้อเสียเอง ให้ฝึกหัดตัดเย็บวางแพตเทิร์นเอง ตอนนั้นใช้วิธีขอความรู้จากช่างตัดเสื้อคนอื่นๆ ถ้าตัวไหนตัดไม่เหมือนแบบในนิตยสาร พี่สาวจะสั่งให้ตัดใหม่ทั้งหมด จนฝีมือเริ่มดีขึ้น เคยมีคนเช่ามากที่สุดคือ 90 ชุดต่อวัน ค่าเช่าตกตัวละ 100 บาท มีรายได้วันละ 9,000 บาท ธุรกิจจึงเฟื่องฟู มีเงินไปเรียนตัดเย็บเพิ่มเติมจนกลายเป็นช่างเต็มตัว”

ชีวิตพลิกอีกครั้งตอนอายุ 19 ปี ทะเลาะกับพี่สาว ออกจากบ้านด้วยเงินติดตัว 400 กับทอง 2 บาท ไปอยู่ห้องเช่า หารกับเพื่อนตกเดือนละ 500 บาท ไปสมัครเป็นผู้ช่วยสไตลิสต์ตามกองถ่ายแฟชั่น เป็นลูกมือรีดผ้า เย็บแก้ชุดบ้าง ได้ค่าจ้างวันละ 145 บาท เพราะจบแค่ ม.3

“ทุกคนใช้วุฒิการศึกษาเป็นใบเบิกทางในการขอเงินเดือน ของานที่ดี วินาทีนั้นดิฉันไม่คิดถึงอาชีพตัดเสื้อ รู้สึกเกลียดด้วยซ้ำที่ทำให้เราอดเรียนหนังสือ”

โชคชะตาไม่จบแค่นั้น เพราะถูกเข้าใจผิดว่าขโมยเงินในซองเงินที่ลูกค้าลืมไว้ จึงรับผิดชอบด้วยการลาออก แต่หางานใหม่ไม่ได้เพราะเจ้านายเก่าโทร.ไปแบล็กลิสต์ วินาทีนั้นเธอบอกว่า นึกถึงคำพูดของแม่ที่เคยบอกว่า เราสามารถรวยเป็นร้อยล้านได้ อยู่ที่ว่าจะทำเมื่อไหร่ วันไหน เธอจึงกลับไปทำสิ่งที่ตัวเองถนัด นั่นคือการเย็บผ้า

จากช่างเย็บผ้าใต้ถุนคอนโด ทะยานฝันสู่อาณาจักรร้อยล้าน
ตอนนั้นทั้งตัวเธอมีเงินเพียง 8,000 บาท กับทองอีก 1 บาท จึงขอความช่วยเหลือจากคนรู้จักซึ่งเป็นช่างสอนแต่งหน้าที่ดังในโลกออนไลน์ แล้วเธอก็หันมาใช้วิธีทำการตลาดในโลกออนไลน์บ้าง จนสุดท้ายก็ดังในโซเชียลในฐานะร้านยืมชุดเพื่อนเจ้าสาวร้านแรกในประเทศไทยด้วยราคา 500 บาททุกชุด จนกระทั่งต่อยอดมาธุรกิจเช่าชุดแต่งงานในนามของ Fullrich Bride

“สาเหตุที่ตั้งชื่อนี้เพราะชีวิตจนมาตลอด อยากรวยแบบพอเพียง ผ่านไป 8 ปีนับตั้งแต่เริ่มธุรกิจ ดิฉันสร้างรายได้ 100 ล้านบาท มีลูกค้าเดือนละกว่า 300 ราย เปลี่ยนสถานที่ทำงานจากเดิมเช่าห้องใต้ถุนคอนโดที่ช่างแต่งหน้าแนะนำ มาเป็นบ้านเดี่ยวที่ซื้อไว้ทำงานถึง 9 หลังด้วยกัน”

ตั๊ก - ปิยาภัสร์ ค้ำชู
คุณตั๊ก – ปิยาภัสร์ ค้ำชู

การยอมจำนนต่อโชคชะตาเป็นเรื่องง่าย…แต่สามสาวสุดสตรองนี้พิสูจน์ให้เราเห็นว่า
การกัดฟันสู้เลือกทำสิ่งที่ยากที่สุดที่หลายคนมองว่า “เป็นไปไม่ได้”
มันอาจจะ “พลิกฟ้า” จากดินสู่ดาวเลยก็เป็นได้ 


ที่มา/ภาพ : นิตยสารแพรว ฉบับที่ 884  คอลัมน์ LIVE STORIES

3 ลิปสติก สุดยูนีค มีสไตล์ ดีไซน์แซ่บ เลอค่าน่าครอบครอง

Alternative Textaccount_circle

ยู้ฮูว..วววว มีสาวๆคนไหนชื่นชอบ ลิปสติก แปลกใหม่ ดีไซน์สุดเก๋ ถึงขั้นลิปสติกเลิฟเวอร์แบบสุดติ่งกระดิ่งแมวชนิดที่ว่าทั้งชอบซื้อมาใช้และเก็บสะสมกันบ้าง เชิญทางนี้เลยจ้า เรารวบรวม 3 ลิปสติกสุดยูนีคมาเสิร์ฟล้าว ไปดูกันว่าแต่ละแท่งมีความพิเศษที่ควรค่าแก่การครอบครองอย่างไรบ้าง

 

LABIOTTE Chateau Wine Lip Tint

ลิปสติกลิปสติก14156630_1206008316130287_1236286697_n

แทน แท้น…นนน ประเดิมที่ตัวแรกก็พีคแล้ว “ลิปทินต์ขวดไวน์” ตั๊ลล้าคฝุดๆ เป็นขวดไวน์จิ๋วผอมๆ เหมาะแก่การพกพา ทาแล้วให้ความชุ่มชื้นพอประมาณไม่ถึงกับแห้งสนิท แถมดี๊ดีมีกลิ่นหอมละมุนของไวน์ด้วย ยิ่งถ้าเป็นคนที่ชอบดื่มไวน์รับรองเลิฟแท่งนี้ตายเลย มีทั้งหมด 6 เฉดสี
– รหัส PK01 : Blush Pink
– รหัส OR01 : Chardonnay Orange
– รหัส CR01 : Rosa Coral
– รหัส RD01 : Shiraz Red
– รหัส RD02 : Nebbiolo Red
– รหัส RD03 : Merlot Burgundy


Kailijumei Flower Jelly Lipstick

14052681_1759270301012078_1807869367_nลิปสติก14073127_504282389783056_227152887_n14072926_905093799597180_825131416_n

มุ้งมิ้งมว้ากคร้า “ลิปเจลลี่ดอกไม้” แสนหวานเริสสสเริ่ด ความยูนีคของนางอยู่ที่เป็นแท่งลิปสติกสีใสแต่ด้านในลิปมีดอกไม้อยู่เด่นเป็นสง่า ง้ามงาม แทบไม่กล้าใช้เลย กลัวความสวยจะจางหาย มีทั้งหมด 4 เฉดสี
– Minutemaid มีความชมพูพีช

– Baby Doll Powder ชมพูอ่อนหวานดั่งตุ๊กตา
– Flame Red  แดงอมชมพูก่ำๆดั่งเปลวไฟอ่อนๆ
– Dream Purple ม่วงชวนฝัน
แอบกระซิบนิดนึง ทางแบรนด์เคลมว่า สีลิปสติกจะเปลี่ยนไปตามอุณหภูมิโดยปรับให้เข้ากับสีริมฝีปากของแต่ละคน เก๋มั้ยล่ะเธอออออ


Christian Louboutin Loubilaque Lip Lacquers

ลิปสติกลิปสติกลิปสติก14134595_1096308413796841_1948860740_n

                    christianlouboutin-rougelouboutin

 

แม่จ๋า…หนูอยากได้อ่าาาา ดูหรูหราเลอค่าน่าลองมว้ากอะ ขุ่นแม่ Christian Louboutin แบรนด์แฟชั่นชื่อดังที่เคยผุดคอลเล็คชั่นลิปสติกสุดพิเศษมายั่วยวนสาวๆมาก่อนหน้านี้ ล่าสุดขุ่นแม่ออกคอลเล็คชั่นใหม่ชื่อ Christian Louboutin Loubilaque Lip Lacquers เป็นลิปสติกแบบลิควิดเม็ดสีแน่น สดชัด มีความแวววาวแต่ไม่เหนียวเหนอะ ความพิเศษอยู่ที่ตัวแพ็คเกจมีความเรียวยาวคล้ายส้นรองเท้าสไตล์ Louboutin ฝาสีทองรูปทรงหรูหราคล้ายมงกุฎ มีความวิบวับอลังได้อีก และยังสามารถแปลงไอเท็มนี้เป็นจี้เครื่องประดับ โดยฝาของลิปจะมีรูวงกลมสำหรับให้สร้อยคล้องได้อีกด้วยอ่า อือหื้อออ เพอร์เฟ็คท์อะไรเบอร์นั้น
มีทั้งหมด 8 เฉดสี Altressa / Bikini / Bengali / Rouge / Casanovella / Akenana / Colibretta / Altareva


เป็นไงกันบ้างกับ ลิปสติก สามแบบสามสไตล์ ที่นำมาให้ยลโฉม ชอบมั้ยล้าาาา อิอิ บอกเลยว่าใครที่เครซี่ลิปสติกดีไซน์แซ่บๆ
ต้อง
ห้ามพลาดเด็ดขาด แค่มีเก็บไว้ก็รู้สึกชนะแล้ว!!

 

เรื่อง : Ppee_แพรวดอทคอม
ภาพจาก Instagram : pearypie / morticias_world / purebeautie_pi / beautylouboutinbeauty / sojunegirls / beautyskin_17 / kaili.jumeiflowerlip / shi07chi06 / code90s.shop / christianlouboutin

หมดกันความน่ากลัวที่สะสมมา! คุณอุบลเวอร์ชั่นมุ้งมิ้งในสติ๊กเกอร์ไลน์ เตรียมโหลดเลยเจ้าค่ะ

เชื่อแล้วจ้าว่าพิษสวาทกันทั้งเมืองจริงๆ จะไม่ให้เชื่อได้ยังไงล่ะ ก็บทคุณอุบลในละครเรื่องพิษสวาทตอนนี้มีสติ๊กเกอร์ไลน์เป็นของตัวเองแล้วนะ ไม่ฮ็อตจริงทำไม่ได้นะเนี่ย

เรียกได้ว่ากระแสแรงไม่เกรงใจช่องใหญ่ๆเลยละ สำหรับละครพิษสวาททางช่อง one ที่สาวนุ่น – วรนุช ภิรมย์ภักดี รับบทนำเป็นคุณอุบล ที่เห็นในเรื่องสาวนุ่นได้กลายเป็นวิญญาณเฝ้าสมบัติ ซึ่งก็มีฉากที่ทำให้เรากลัวสาวนุ่นอยู่หลายฉากอยู่เหมือนกัน แต่ล่าสุดมีสติ๊กเกอร์ไลน์คุณอุบลออกมาในเวอร์ชั่นที่มุ้งมิ้งสุดๆ บอกเลยว่าเห็นแล้วขำจนเลิกกลัวคุณอุบลเลยละ

ซึ่งตอนนี้ก็เปิดให้โหลดเป็นที่เรียบร้อยแล้วนะจ๊ะ ใครที่เป็นแฟนคลับคุณอุบลก็ไปหาโหลดมาเก็บกันละ อย่างวันนี้เราก็มีภาพตัวอย่างของสติ๊กเกอร์ไลน์คุณอุบลมาฝากกันด้วย อะ ไปดูกันเลยจ้า

14033577_195213607565892_1700698740_n

14063165_309067549453849_50221912

เรื่อง : saipiroon_แพรวดอทคอม

ภาพ : IG@nuneworanuch, www.store.line.me

ฝ่าลมหนาวที่ DACHSTEIN @AUSTRIA (ตอนที่ 1)

ถ้าเอ่ยชื่อ ดัคชไตน์ (Dachstein) ขึ้นมาลอยๆ คงมีน้อยคนที่จะรู้จัก แต่ถ้าพูดต่อว่า นี่คือชื่อของเทือกเขาสูงใหญ่ซึ่งยืนตระหง่านอยู่ทางด้านหลังของเมืองมรดกโลก แหล่งท่องเที่ยวชื่อดังของเมืองที่ตั้งอยู่ริมทะเลสาบชื่อเดียวกันว่า ฮัลล์สตัทท์ (Hallstatt) ละก็ คงร้องอ๋อ…

03รู้จัก Dachstein

ดัคชไตน์ เป็นเทือกเขาหินปูนขนาดใหญ่ใจกลางประเทศ ออสเตรีย ครอบคลุมพื้นที่ถึงสามแคว้น ได้แก่ อัพเปอร์ ออสเตรีย สติเรีย และซาลซ์บูร์ก (Drei-Lãnder-Berg) คิดเป็นพื้นที่ถึง 60 ตารางกิโลเมตร ในเทือกเขานี้มีถึง 12 ยอด ที่สูงเกินกว่า 2,500 เมตร และมีแหล่งท่องเที่ยวสำคัญทางธรรมชาติบนเทือกเขาที่ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกจากองค์การยูเนสโก เมื่อปี ค.ศ. 1997 คือ ถ้ำหินปูนใหญ่ที่สุดในออสเตรีย ถ้ำน้ำแข็งที่สวยที่สุดในออสเตรีย และธารน้ำแข็งใหญ่ยักษ์อีกถึงสามแห่ง

นอกจากนี้ยังเป็นสกีรีสอร์ทขนาดใหญ่ที่มีหิมะหนาให้เล่นได้ตลอดทั้งปี อีกทั้งยังมีสิ่งก่อสร้างต่างๆ ที่สร้างเสริมเพิ่มขึ้นมาบนยอดเขานี้เพื่อให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวสุดพิเศษอีกด้วย เช่น สะพานแขวนดัคชไตน์ (The Dachstein Suspension Bridge) บันไดสู่ความว่างเปล่า (Stairway to Nothingness) แพลตฟอร์มเหนือหน้าผาสูงลิ่วที่มีพื้นเป็นกระจกใส (The Dachstein Skywalk) แพลตฟอร์มรูปนิ้วมือห้านิ้วหรือแท่นไฟว์ฟิงเกอร์ส (Five Fingers) บนหน้าผาสูงสองกิโลเมตรเหนือทะเลสาบและเมืองฮัลล์สตัทท์ เป็นต้น

12
สะพานแขวนยาว 100 เมตรทอดข้ามหุบเขาสูง
11
สร้างให้ยื่นออกไปกลางอากาศ

เริ่มต้นการเดินทาง

เราเริ่มการเดินทางด้วยการขับรถไปตามถนนหน้าเมืองฮัลล์สตัทท์ วิ่งเลาะเลียบริมทะเลสาบไปสู่เมืองโอเบอร์โทรน (Obertraun) ด้วยระยะทางเพียง 3 กิโลเมตรเศษก็ถึงทางแยก ซึ่งถ้าวิ่งตรงไปจะเข้าเมือง แต่เราเลี้ยวตรงแยกทางขวามือไปจนสุดถนนที่สถานีเคเบิลคาร์ขึ้นเขา ขับตามป้ายนำทางไปไม่ไกลก็จะถึงลานจอดรถ

จอดรถแล้วก็ไปซื้อตั๋วซึ่งมีหลายแบบให้เลือก เช่น จะซื้อแค่ตั๋วขึ้นเคเบิลคาร์กับตั๋วเข้าชมถ้ำน้ำแข็งเพียงอย่างเดียว หรือรวมหมดทุกถ้ำ (บนเขายังมีถ้ำหินปูนอีกสองถ้ำให้เยี่ยมชม หากสนใจและมีเวลาพอ) หากแค่อยากไปเดินบนแท่นไฟว์ฟิงเกอร์สที่อยู่บนยอดเขาสูงกว่าถ้ำน้ำแข็งขึ้นไปอีกช่วงหนึ่งแล้วไม่อยากชมถ้ำอื่นต่อ ก็ซื้อเพียงตั๋วเคเบิลคาร์สำหรับขึ้นเขาเพิ่มอีกช่วงก็พอครับ (คุณผู้อ่านต้องสอบถามทำความเข้าใจให้ดีเสียก่อนจะซื้อตั๋วนะครับ) ส่วนจะเลือกว่าควรจะขึ้นเคเบิลคาร์รวดเดียวสองช่วงเพื่อไปเดินชมแท่นไฟว์ฟิงเกอร์สก่อน หรือจะหยุดที่สถานีแรกเพื่อไปเที่ยวถ้ำน้ำแข็งก่อนนั้นขึ้นอยู่กับสภาพอากาศ ณ เวลาที่ท่านไปถึงเคาน์เตอร์จำหน่ายบัตรด้านล่างสุด ซึ่งถ้าจะไปชมถ้ำน้ำแข็ง ท่านต้องแจ้งแก่เจ้าหน้าที่จำหน่ายบัตรตอนซื้อว่าต้องการเข้าไปชมถ้ำน้ำแข็งเวลาใดและภาษาใด (การเข้าชมจะมีไกด์นำชม)

แต่ถ้าเวลานั้นฟ้าใส อากาศดี ไม่มีเมฆหมอกเหมือนเช่นของคณะเราในครั้งนี้แล้ว ควรรีบขึ้นไปเที่ยวแท่นไฟว์ฟิงเกอร์สเสียก่อน เผื่อว่าอากาศด้านบนยอดเขาอาจแปรปรวนขึ้นมา โดยให้เผื่อเวลาไว้สัก 3 ชั่วโมงนะครับ เพราะเมื่อถึงสถานีช่วงที่สองด้านบนสุดแล้วยังต้องใช้เวลาเดินไปตามป้ายบอกทางทั้งไปและกลับอย่างเดียวอีกราวหนึ่งชั่วโมง แต่วิวระหว่างทางเดินบนเขาสูงไปแท่นนี้งดงามแปลกตาชวนให้ถ่ายรูปได้ไม่รู้เบื่อทางเดินนั้นบางช่วงเวลาอาจจะมีหมอกหนาลอยลงมาปกคลุมจนมองเห็นทางเดินได้ไม่ไกลนัก แต่ไม่ต้องกังวลเพราะหมอกหนา ๆ เหล่านั้นคลุมอยู่ไม่นาน เดี๋ยวลมก็พัดจางหายไป แต่อาจลอยกลับมาคลุมใหม่อีก เป็นเช่นนี้ตลอดเวลา

13
ตรงจุดนี้ทำไว้ให้หวาดเสียวอีกเช่นกัน สังเกตตรงมุมทางเดินที่คนยืนจะไม่มีราวเหล็กกั้น เป็นแค่กระจกใสสองด้านเท่านั้น

ถึงแล้วแท่น Five Fingers เดินตามป้ายบอกทางจนสุดทางเดินก็เห็นโครงเหล็กรูปนิ้วมือทั้งห้านิ้วยื่นลอยออกไปจากหน้าผาสูงเกือบ 2,000 เมตร มองดูแข็งแรงบึกบึนดี นักท่องเที่ยวสามารถเลือกยืนชมวิวสวย ๆ ชวนตะลึงของเมืองฮัลล์สตัทท์และทะเลสาบที่แลเห็นอยู่เบื้องล่างไกลลิบๆ หรือถ่ายภาพจากในแต่ละนิ้วมือ ซึ่งมีความแตกต่างกัน โดยหนึ่งในนั้นมีพื้นเป็นกระจกใส ท่านสามารถมองทะลุลงไปยังด้านล่างที่เห็นลึกลงไปไกลลิบ ๆ จนชวนให้รู้สึกหวิวๆ ได้… เมื่อยืนชมวิวตรงนี้จนพอแก่ความต้องการแล้ว ก็เดินกลับไปยังสถานีเคเบิลคาร์ ตรงหน้าสถานีบนเขานี้ หากเดินแยกไปทางขวามือ

DACHSTEIN
จุดที่ใช้เป็นสถานที่สำหรับเริ่มต้นเล่นร่มร่อน

จะเป็นหน้าผาสูงที่ทอดลาดลงไปด้านล่าง เป็นจุดที่นักกีฬาร่มร่อน (Paragliding) ใช้เป็นจุดสตาร์ทออกตัวเล่นร่มร่อนกันครับ เราเดินตามนักเล่นร่มร่อนกลุ่มหนึ่งซึ่งเดินอยู่ข้างหน้า ไปยืนดูเขาเล่นกันอย่างเพลิดเพลิน พลางนึกว่ามนุษย์นั้นก็สามารถลอยไปบนท้องฟ้าได้ราวกับนกเหมือนกัน ดูอยู่นานพอสมควร เราก็ลงไปยังสถานีด้านล่างกันอีกครั้งหนึ่ง (บนเขานี้ก็มีสัญญาณ WiFi แรงตลอดเส้นทางครับ) บุกเข้าถ้ำน้ำแข็งดัคชไตน์

จุดหมายต่อมา เราเข้าไปเที่ยวชมภายในถ้ำน้ำแข็งดัคชไตน์ ซึ่งเป็นถ้ำน้ำแข็งที่สวยที่สุดในออสเตรียกัน ปากทางเข้าถ้ำนั้นอยู่สูงจากตัวสถานีช่วงแรกขึ้นไปราว 500 – 600 เมตร ใช้เวลาเกือบครึ่งชั่วโมงกว่าจะเดินขึ้นเนินไปจนถึง แต่ทางเดินขึ้นไปยังปากถ้ำนี้ลาดยางเรียบ(เข็นรถเข็นเด็กได้) ตรงปากทางเข้าถ้ำน้ำแข็งนั้นมีไกด์มารอรับนักท่องเที่ยวเพื่อพาเข้าชมด้านในตามรอบเวลา พร้อมแนะนำและสรุปข้อห้ามต่างๆ ให้นักท่องเที่ยวทราบ ก่อนจะพานักท่องเที่ยวเข้าชมภายใน

DACHSTEINทางเดินในถ้ำน้ำแข็งดัคชไตน์นั้น จัดว่าสะดวกสบายสำหรับการเดินเที่ยวค่อนข้างมาก เพราะติดตั้งไฟฟ้าแสงสว่างไว้อย่างดีตลอดเส้นทางโดยไกด์จะเป็นผู้เปิดและปิดไฟให้นักท่องเที่ยวได้ชมความสวยงามของถ้ำเป็นระยะไปตลอดทาง ที่พิเศษมากๆ อีกอย่างคือ ถ้ำน้ำแข็งดัคชไตน์นี้อนุญาตให้ถ่ายรูปได้เต็มที่ อย่าลืมนำกล้องถ่ายรูปดีๆ ติดตัวไปเก็บภาพสวยงามน่าประทับใจของน้ำแข็งงอกและน้ำแข็งย้อยนะครับ แต่ควรระวังว่าอย่าเพลินและเดินช้าไปจนไฟดับก็แล้วกัน (เพราะจะมืดสนิท) แสงสว่างของดวงไฟที่ถูกจัดวางไว้อย่างดีเยี่ยมนั้นช่วยส่งเสริมความสวยงามของน้ำแข็งรูปแบบต่างๆ ภายในถ้ำนั้นให้สวยงามยิ่งขึ้น ทำให้เดินชมกันอย่างเพลิดเพลินตลอดเวลาเกือบหนึ่งชั่วโมง จนลืมความเมื่อยล้าและความหนาวเย็นติดลบภายในถ้ำนี้ไปได้เลยครับ

06เมื่อถึงเวลา ไกด์ก็เปิดประตูชั้นแรกนำนักท่องเที่ยวเข้าไปข้างในซึ่งเป็นถ้ำหินปูนธรรมดา อุณหภูมิราว 8 องศาเซลเซียส ไม่หนาวมากและยังไม่มีน้ำแข็ง ไกด์เล่าว่า ได้ค้นพบโครงกระดูกของหมีหลายตัว ซึ่งเคยอาศัยอยู่ในถ้ำนี้เมื่อนานมาแล้ว พร้อมบรรยายถึงเรื่องอื่น ๆ ที่น่าสนใจ จากนั้นจึงเปิดประตูชั้นที่สองนำเดินลึกเข้าไปด้านใน อากาศเริ่มหนาวมากขึ้น ไกด์พาเดินพร้อมอธิบายถึงการเกิดของถ้ำน้ำแข็งว่าถ้ำน้ำแข็งนั้นคือ ถ้ำหินปูนบนยอดเขาสูง หินปูนของผนังและหลังคาถ้ำนั้นมีรูพรุนเล็กๆ อยู่ทั่วไป ทำให้น้ำฝนหรือน้ำจากหิมะละลายทางด้านบนไหลซึมลงมาในถ้ำได้ เมื่อไหลลงมาพบกับอากาศเย็นจัดในถ้ำเข้า จึงเกิดเป็นน้ำแข็งมีทั้งงอกและย้อยสะสมเรื่อยมาอย่างนี้เป็นเวลายาวนานนับหมื่นปี

ส่วนคำถามว่า ทำไมอุณหภูมิในถ้ำนี้จึงเย็นจัดจนติดลบได้เสมอแม้ในฤดูร้อน ไกด์บอกว่า เพราะเจ้าหน้าที่ทั้งหลาย ซึ่งก็คือ ไกด์ทุกคนนั้นจะคอยดูแลประตูทางเข้าถ้ำ (ซึ่งหนาราวประตูตู้เย็นและซีลไว้เป็นอย่างดี) ทั้งด้านนอกและด้านในทุกบาน โดยจะเปิดไว้ในเวลากลางคืนกับในฤดูหนาว (ถ้ำปิดการเข้าชมในฤดูหนาว) และจะปิดในฤดูร้อนกับตอนกลางวัน (ส่วนถ้ำเองในสมัยก่อนจะมีการค้นพบและเปิดให้เข้าชมนั้นเป็นระบบปิดสนิท ขังเอาอากาศเย็นไว้ภายในไม่ให้ไหลออกได้) เมื่อเราเดินชมสิ่งที่น่าสนใจต่าง ๆ เรื่อยไปจนจบการนำทัวร์จนถึงประตูทางออกสู่ภายนอกถ้ำ ซึ่งอยู่สูงกว่าปากทางเข้าถ้ำที่เราเดินเข้าในตอนเริ่มต้นราวร้อยเมตรแล้ว ไกด์จึงได้กล่าวอำลานักท่องเที่ยว

สถานีเคเบิลคาร์ เปิดให้บริการตลอดปี
สถานีเคเบิลคาร์ เปิดให้บริการตลอดปี

เราเดินลงจากปากถ้ำไปตามทางสู่สถานีเคเบิลคาร์ เพื่อกลับลงสู่ด้านล่างยังลานจอดรถ (หรือจะขึ้นสูงต่ออีกขั้นไปที่แท่นไฟว์ฟิงเกอร์สสำหรับผู้ที่เลือกมาเที่ยวที่ถ้ำน้ำแข็งนี้ก่อน) แต่สำหรับเราที่เดินเที่ยวกันมาหลายชั่วโมง ในตอนนี้เป็นเวลาบ่ายแก่ ๆ และทุกคนต่างเมื่อยล้าจากการเดินแล้ว จึงตกลงกันว่าจะกลับเข้าโรงแรมที่พัก

ผมจองโรงแรมล่วงหน้าไว้ก่อนเดินทางมา จึงขอแนะนำว่าควรเลือกพักโรงแรมแถวริมทะเลสาบฮัลล์สตัทท์ที่เมืองโอเบอร์โทรนนี่ละครับ สะดวกสุด เพราะท่านสามารถจอดรถแล้วขนกระเป๋าลงที่หน้าโรงแรมได้เลย ขณะที่ในตัวเมืองฮัลล์สตัทท์นั้น ห้ามรถภายนอกเข้าไป ท่านเองจะได้รีบพักผ่อนสบาย ๆ ได้เร็ว ทั้งยังจะได้สัมผัสและชื่นชมกับบรรยากาศสวยสงบของทะเลสาบเมืองมรดกโลกฮัลล์สตัทท์ทั้งในยามเช้าและยามเย็นได้อย่างเป็นส่วนตัวสุดๆ ครับ

 

ที่มา : นิตยสารแพรว ปักษ์ 882 วันที่ 25 พฤษภาคม 2559 คอลัมน์สารคดีท่องเที่ยว

อ่านต่อตอน 2 เร็วๆ นี้

ฮิวโก้หวนคืนเพลงไทย เนื้อร้องแต่งจากชีวิตรักตัวเอง เปิดใจตรงๆว่าผู้หญิงเจ้าชู้ “อย่ามาให้เห็น!”

เป็นที่ถูกอกถูกใจของสาวๆกันถ้วนหน้าสำหรับนักร้องหนุ่มมาดเท่ ฮิวโก้ – จุลจักร จักรพงษ์ ที่ไม่ได้มีดีที่หน้าตาเพียงอย่างเดียว แต่เพราะความคิด ความสามารถ และการเป็นคนตรงๆของเขานี่แหละที่ได้ใจสาวๆไปเต็มๆ แถมยังกลายเป็นไอดอลของผู้ชายหลายคนอีกด้วย

14052562_295009674190285_2068894353_n

ล่าสุดเจ้าตัวก็ยอมออกเพลงไทยมาให้แฟนคลับได้ฟังซะที หลังจากมีเสียงเรียกร้องจากแฟนคลับหลายๆ คน ในชื่อเพลง “อย่ามาให้เห็น” ซึ่งเพลงนี้ได้หนุ่มเป้ – อารักษ์ อมรศุภศิริ มาช่วยเรียบเรียงเนื้อร้อง และได้หนุ่มเจ – มณฑล จิรา มาเป็นโปรดิวเซอร์ให้อีกด้วย! บอกเลยว่าแค่ฟังชื่อแต่ละคนก็รู้แล้วว่าเพลงต้องดี๊ดีมากแน่ๆ แต่ยิ่งไปกว่านั้นก็คือเนื้อเพลงนี้แหละจ้า เจ้าตัวยอมรับว่าเพลงนี้แต่งมาจากชีวิตของตัวเองที่เห็นผู้หญิงหลายๆคนชอบใส่คอนแท็คท์เลนส์ แล้วมันทำให้ปิดบังสายตาที่แท้จริง กลายเป็นแรงบันดาลใจในการแต่งเพลง ซึ่งเปรียบเหมือนการปิดบัง การไม่จริงใจต่อกันนั่นเอง

13388492_1615953688732654_614915496_n

นอกจากการแต่งเพลงจากชีวิตจริงแล้ว ที่ต้องกรี๊ดดด! หนักมากก็คือ ใน MV เพลงนี้มีเซอร์ไพร้ส์ตรงที่หนุ่มฮิวโก้ได้ชวนภรรยาคนสวยอย่างฮาน่า – ทัศนาวลัย จักรพงษ์ มาเป็นแขกรับเชิญใน MV ด้วย! ทำให้สาวๆครึ่งประเทศอิจฉาสาวฮาน่าสุดๆที่มีสามีดี๊ดี ล้อหล่อแบบนี้ ว่าแล้วก็ตามไปดูไปฟังเพลงใหม่และ MV ของหนุ่มฮิวโก้กันเลยจ้า

13658874_1439860372705361_2034558337_n13658438_1814538072099117_40163007_n13557021_1108496392567343_622740184_n11931061_1004993126209898_572515749_n

เรื่อง : saipiroon_แพรวดอทคอม

ภาพ : IG@hugolek, hanahugo

นางร้ายตัวแม่ “ธัญญ่า” คืนสู่บทบาทที่คนดู “เกลียด” ทั้งบ้านทั้งเมือง!

ไต่ระดับความร้ายถึงเลเวลสูงสุดจริงจริ๊ง สำหรับ “ธัญญ่า – ธัญญาเรศ เองตระกูล” ที่กลับมาทวงบัลลังก์ในบทบาท “นางร้ายตัวแม่” ที่เล่นแล้วคนดูคล้อยตามจนต้องเปล่งเสียงออกมาอยู่หน้าจอเลยว่า “เกลียดดด…ด!”

ถ้าย้อนเวลาไป ตัวแม่เจ้าบทบาท “ธัญญ่า” ในวันนี้คือ “นางเอกหน้าใสเนื้อหอมแห่งยุค 90’s” ที่ผ่านงานละครมาแล้วนับไม่ถ้วน แถมยังเล่นภาพยนตร์มาแล้วถึง 14 เรื่อง แต่กระโดดมารับบทนางร้ายเรื่องแรกในปี พ.ศ. 2544  โดยรับบทเป็น “สายน้ำผึ้ง” ปะทะอารมณ์เชือดเฉือนนางเอกฝีมือไม่ด้อยไปกว่ากันอย่าง “แอน ทองประสม” ในเรื่อง “สามีตีตรา” ใครที่ไม่ทันเวอร์ชั่น “แอน ปะทะ ธัญญ่า” นี้ แพรวขอบอกเลยว่าต้องไปหาดูย้อนหลังด่วน เพราะแม่ก็คือแม่จริงๆ ร้ายจนคว้ารางวัลไปการันตีจากหลายสำนัก แค่นึกถึงบางฉากก็ขนลุกล๊าววว

หลังจากนั้น “ธัญญ่า” ก็กลับคืนสู่บทบาทของ “นางเอก” ไปอีกหลายเรื่อง
ก่อนจะมาปลดปล่อยความแซ่บแสบถึงทรวงอีกครั้งในเรื่องเรือนรักเรือนทาส ซึ่งก็คว้ารางวัลดาราสมทบหญิงยอดเยี่ยมไปหลายสำนัก ก่อนจะสลับมารับบทนางเอก จากนั้นกลับมาบทนางร้ายในเรื่องถึงร้ายก็รัก, สาปภูษา (เล่นทั้งบทร้ายและบทดี), หน้ากากดอกซ่อนกลิ่น ตามด้วยแรงเงา ที่ร้ายเข้าถึงบทบาทระดับเด็กเห็นยังต้องร้องไห้ จนกวาดไปทั้งรางวัลนาฏราช, รางวัลโทรทัศน์ทองคำ, รางวัลพิฆเนศวร และรางวัลอื่นๆทั่วทุกสำนัก เรียกว่าต้องซื้อตู้ใหม่ใส่ถ้วยรางวัล!

สกิลอ่อยจากเรื่องหน้ากากดอกซ่อนกลิ่น

gallery_1248064479

สกิลตบไต่ระเบียงจากเมียหลวงลวงสังหาร เรื่องแรงเงา

11

สกิลสั่นประสาทนางเอกของสายน้ำผึ้ง เรื่องสามีตีตรา

ธัญญ่า

 

แต่ขึ้นชื่อตัวแม่เจ้าบทบาท เล่นบทใดก็ทำให้คนดูเชื่อได้ สาว “ธัญญ่า” ก็กระโดดกลับไปสวมบทนางเอกอีกครั้ง และบทอื่นๆหลายเรื่องต่อมา จนกระทั่งกลับมาร้ายแซ่บในตามรักคืนใจ 

และล่าสุดร้ายแบบทวีคูณขึ้นไปอีกกับเรื่องเลือดรักทระนง ตั้งแต่ฉากเปิดตัวกระแทกอารมณ์คนดูของ “พุดกรอง” แล้วยิ่งเรื่องราวดำเนินไป แม่ม่ายสาวสวยรวยเสน่ห์ก็เริ่มทำเอาคนดูเกลียดกันทั้งบ้านทั้งเมืองเลยทีเดียว! ความร้ายกาจถึงเลเวลไหน สาว “ธัญญ่า” บอกว่า

“พุดกรอง แม่ม่ายสาวสวยรวยเสน่ห์ แต่เป็นคนที่มีความทะเยอทะยาน ไม่รู้จักพอ ฟุ้งเฟ้อ เห็นอะไรที่ดีกว่าก็พร้อมที่จะไปหา จนได้เข้ามาเป็นภรรยาใหม่ของคุณพระศานต์ (รับบทโดย ดอม เหตระกูล) มาเป็นคุณผู้หญิงของบ้าน คอยเจ้ากี้เจ้าการ แต่ก่อนหน้านี้เราก็มีสามีมาแล้วหลายคน มีลูกที่เกิดกับสามีเก่าที่เป็นเจ้าของโรงละครก็คือ “สร้อยสน” (รับบทโดย มิ้นท์ – ณัฐวรา) เป็นลูกที่เรารัก เพราะเขาเกิดจากพ่อที่เป็นคนมีฐานะ ส่วน “กระถิน” (รับบทโดย เดียร์น่า ฟลีโป) เป็นลูกของ “เสือกาจ” (รับบทโดย ต้น – จักรกฤษณ์ ) ที่เรามารู้ทีหลังว่าเป็นโจร เลยเกลียดชังเขามาก ไม่มีความรักให้ลูกคนนี้เลย มองเหมือนเป็นคนใช้ ใส่ร้ายลูกตัวเอง พุดกรองเป็นแม่ที่แย่ เพราะสอนแต่สิ่งไม่ดีให้ลูก อย่างสร้อยสนเราก็สอนให้จับผู้ชายรวยๆ วันๆ คิดแต่จะจับผู้ชายรวย แต่พอโตแล้วสร้อยสนเขาก็คิดได้ มีแต่ตัวเราเองที่ทำให้เรื่องมันวุ่นวาย เป็นตัวต้นเหตุของเรื่องทั้งหมด ละครมีเนื้อเรื่องที่เข้มข้นมาก มีความเผ็ดในสไตล์ของละครพีเรียด ก็อยากฝากให้ติดตามชมค่ะ”

สกิลด่ารัวราวกับกระสุน เรื่องเลือดรักทระนง

เลือดรักทระนง

นางร้ายตัวแม่ "ธัญญ่า"

ณ จุดนี้แพรวบอกได้คำเดียว กลัวล๊าววว-ว

เรื่อง : redapple_แพรวดอทคอม

ภาพ : Thai TV3

ชมมนต์เสน่ห์ทะเลอ่าวไท ประตูสู่แดนใต้พร้อมกับลิ้มรสของดีที่ ชุมพร

1

2

ชุมพร เป็นจังหวัดที่ไม่ว่าใครได้แวะเวียนมาเป็นอันต้องหลงไหลในมนต์เสน่ห์ของทะเลอ่าวไท เต็มไปด้วยทรัพยากรทางธรรมชาติอันอุดมสมบูรณ์ อาหารอร่อยประจำท้องถิ่น และภูมิปัญญาดีๆ จากคนในชุมชน  ด้วยธรรมชาติที่งดงาม และวิถีชีวิตของคนในชุมชนจะช่วยสร้างความสุขและความชื่นใจให้กับผู้ที่ได้เข้ามาเยี่ยมเยือนอย่างแน่นอน

3

4

พิกัดการเดินทางก็ไม่ยากเลยค่ะ ให้ตั้งพิกัดไว้ที่ เกาะเตียบ ต.ปากคลอง อ.ปะทิว จากรุงเทพเดินทางมาทางถนนเพชรเกษม สามแยกบางสะพานน้อย จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ มุ่งหน้ามาทางจังหวัดชุมพรจนถึงกิโลเมตรที่ 426 เลี้ยวซ้ายที่สามแยกห้วยสัก ขับตรงมาจนเจอแยกบางเบิดให้เลี้ยวขวาแล้วขับไปประมาณ 10 กิโลเมตร ก็จะเจอวัดแก้วประเสริฐ ขับไปอีกประมาณ 8 กิโลเมตรเลี้ยวขวาเข้าสู่ถนนเกาะเตียบประมาณ 5 กิโลเมตรก็จะถึงชุมชนบ้านเกาะเตียบแล้วค่ะ

5

6

ชุมชนแรกที่เราจะพาไปชื่นใจในวันนี้คือชุมชนบ้านเกาะเตียบ ซึ่งอยู่บริเวณทะเลอ่าวไทตอนกลางโดยปกติแล้วนักท่องเที่ยวจะนิยมมาเที่ยวที่เกาะพระ เพื่อกราบพระ ก่อนที่จะไปเยี่ยมเยียนศูนย์เพาะพันธุ์สัตว์น้ำ และธนาคารปูม้าบ้านเกาะเตียบ นอกจากนี้ยังมีเกาะเวียงที่เป็นแหล่งดำน้ำของนักท่องเที่ยวแถมยังเดินชมธรรมชาติบนเขาได้อีกด้วย

7

ระหว่างทางที่เรานั่งเรือเที่ยวก็จะเห็นวิถีชีวิตของชาวประมงที่เริ่มออกเรือ แถมยังได้จับปลาหมึกตัวใหญ่ๆ สดๆ แสดงให้เห็นถึงความอุดมสมบูรณ์ของท้องทะเลที่นี่ได้เป็นอย่างดี

8

8.1

นอกจากที่นี่จะมีเรือประมงมากมายแล้ว ที่นี่ยังมีธนาคารกลางน้ำอีกด้วย ไม่ใช่ธนาคารฝากเงินนะคะ แต่เป็นธนาคารฝากปู ที่เป็นจุดวางไข่สำหรับแม่ปูที่อีกด้วย

9

จริงๆ แล้วเกาะเตียบเพี้ยนมาจากคำว่าเกาะเสียบ ซึ่งมีลักษณะเป็นแท่ง ชาวบ้านจะนับถือเกาะเตียบมาก เวลามีงานประเพณีแข่งเรือชาวบ้านจะวนรอบลูกเตียบสามรอบก่อนจะเริ่มการแข่งเรือ ซึ่งถือว่าเป็นที่ยึดเหนี่ยวจิตใของคนในชุมชน ใครที่มีโอกาสแวะมาอย่าลืมถ่ายรูปกับเกาะเตียบกันด้วยนะ เพราะนี่คืออีกหนึ่งแลนด์มาร์คที่ไม่ควรพลาด

10

11

หลังจากนี้เราจะมุ่งหน้าไปสู่เกาะยอ ซึ่งเราจะได้เห็นการเพาะพันธุ์สัตว์ทะเลท่ามกลางวิวทะเล 360 องศา และกินปูสดๆ แบบห้อยขากลางทะเลเลย จุดนี้ทำขึ้นมาเพืออนุรักษ์สัตว์และพันธ์พืช และเปิดให้นักท่องเที่ยวเข้ามาถ่ายรูปกับธรรมชาติสวยๆ ทั้งวิวทะเล และวิวภูเขาได้อีกด้วย

12

13

14

แต่สิ่งที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวมากที่สุดในเกาะนี้คือการกินปูห้อยขา ท่ามกลางวิวทะเลแบบพาโนราม่า โต๊ะก็จะเป็นกระจกใสให้เห็นน้ำทะเล และที่ฟินที่สุดคงจะเป็นปูสดๆ ที่ถูกคัดสรรค์มาเป็นอย่างดี รวมถึงเมนูอาหารทะเลรสเด็ดได้ลิ้มรสกันอีกเพียบ

15

จากชุมชนเกาะเตียบ เลี้ยวซ้ายออกมาประมาณ 8 กิโลเมตร ก็จะเจอวัดแก้วประเสริฐ ขับตรงไปเรื่อยๆ จนเจอสามแยกบางเบิดให้เลี้ยวซ้ายและขับไปต่ออีกประมาณ 10 กิโลเมตร เลี้ยวซ้ายไปตามสามแยกห้วยสัก มุ่งหน้าไปตามถนนเพชรเกษม 30 กิโลเมตร ก็จะถึง ต .สลุย อ.ท่าแซะ ซึ่งเป็นพิกัดชื่นใจแห่งที่ 2 ของวันนี้ค่ะ

16

17

หลังจากที่ฟินกับอาหารทะเลสดๆ และเห็นความอุดมสมบูรณ์ของท้องทะเลกันไปแล้วตอนนี้เรามาดูของกินบนบกกันบ้าง นั่นก็คือสวนทุเรียนของลุงเกษม ซึ่งต้นทะเรียนของลุงเกษมแต่ละต้นก็มีขนาดใหญ่ แถมลูกดกจนต้องเอาไม้ไผ่มาช่วยค้ำกิ่งเอาไว้อีกด้วย บอกเลยว่าทุเรียนที่สวนของลุงเกษมมีความกรอบนอก นุ่มใน หวาน หอม เนื้อแน่นสมกับเป็นของดีเมืองชุมพรเลยค่ะ

18

19

20

และอีกหนึ่งของดีเมืองชุมพรที่ถ้าไม่แวะมา ถือว่ามาไม่ถึงนั่นก็คือสะตอ ที่นี่มีทั้งสะตอหนังที่มีรสชาติหวานมัน สะตอข้าว และสะตอดานซึ่งมีเม็ดใหญ่ เมื่อได้เก็บสะตอเม็ดโตๆ จากสวนแล้วก็ถึงเวลาเข้าครัวเพื่อที่จะรังสรรค์เมนูปักษ์ใต้เลิศรสกันแล้วค่ะ ทั้งต้มกะทิใบเหลียง หมูผัดกะปิ กุ้งผัดสะตอ และปิดท้ายด้วยกล้วยเล็บมือนางซึ่งเป็นอีกหนึ่งของดีของชุมชนพ่อตาหินช้าง

21

22

หากใครมีโอกาสได้แวะมาเที่ยวที่ชุมชนพ่อตาหินช้าง ก็อย่าลืมแวะศาลพ่อตาหินช้างที่ตั้งโดดเด่นอยู่ริมถนนเพชรเกษม ที่ศาลนี้จะมีทั้งนักท่องเที่ยวและคนในชุมชนมาสักการะ ขอพร จุดประทัดอยู่ตลอดทั้งวัน

23

จากนั้นเรามาบุกที่สวยกล้วยเล็บมือนางที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของที่นี่ เป็นทั้งแหล่งปลูกกล้วย และแปรรูปกล้วย ที่สำคัญจนกล้วยเล็บมือนางถูกบรรจุอยู่ในคำขวัญจังหวัดชุมพรเลยทีเดียว

24

25

วิธีสังเกตกล้วยที่ถึงกำหนดตัดไปขายหรือแปรรูปก็ดูง่ายๆ เลยค่ะ คือกล้วยจะต้องมีลูกกลม ปลายเล็บต้องดำ ถึงแม้ว่ากล้วยเล็บมือนางจะมีลูกเล็กๆ เรียวๆ แต่เต็มไปด้วยสารอาหารไม่น้อย ไม่ว่าจะเป็นน้ำตาล กลูโคส ฟรุกโตส และซูโครส ซึ่งให้พลังงานกับนักกีฬา และผู้ที่ชื่นชอบการออกกำลังกายนั่นเอง แถมยังมีธาตุเหล็กที่ช่วยป้องกันโรคโลหิตจาง และมีโปรแทสเซียมสูง เกลือต่ำ ซึ่งจะไปช่วยบำรุงสมองของเราให้ดีขึ้นนั่นเอง อีกทั้งยังมีโปรตีนที่ชื่อว่า Tryptophan ที่จะช่วยให้เรานอนหลับสบาย ไม่เป็นโรคซึมเศร้า ได้อีกด้วย เห็นลูกเล็กๆ แบบนี้แต่ประโยชน์เยอะเกินตัวจริงๆ ค่ะ

26

27

หลังจากที่ไปบุกสวนกล้วยมาแล้ว ก็ถึงเวลาแปรรูปกล้วยโดยกลุ่มแม่บ้านของที่นี่ มีตั้งแต่กล้วยอบ กล้วยฉาบ กล้วยชุบแป้งทอด และกล้วยเคลือบช็อกโกแลต ซึ่งถือว่ากลุ่มแม่บ้านที่นี่ทำกันเป็นกลุ่มแรก และยังขายดีมากอีกด้วย

28

29

เบื้องหลังความอร่อยของกล้วยเล็บมือนาง นอกจากจะมาจากกล้วยสภาพดีแล้ว สิ่งสำคัญอีกอย่างก็คือความร่วมแรงร่วมใจกันของชาวบ้านในชุมชนพ่อตาหินช้าง แถมยังมีโรงเรือนอบกล้วยประหยัดพลังงานให้ทุกครัวเรือนเข้ามาใช้กันแบบฟรีๆ อีกด้วย

30

32.1

31

32

ซึ่งวันนี้ทางทีมงานชื่นใจไทยแลนด์ก็ได้ร่วมมือกับนักออกแบบและพัฒนาผลิตภัณฑ์ เพื่อช่วยพัฒนาและประชาสัมพันธ์ให้สินค้าของชุมชนดังไกลไปถึงระดับประเทศ เมื่อได้ข้อสรุปแล้วทางทีมงานก็จัดทำร้านขายของฝากเคลื่อนที่ ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ทั้งหน้าตา สีสัน และสะดุดตาไม่เหมือนใคร ไม่ว่าจะไปตั้งที่ไหนก็ต้องมีคนเห็นแน่นอน สัญลักษณ์รูปช้างและลวดลายของใบกล้วยที่ชาวบ้านร่วมมือร่วมใจช่วยกันวาดขึ้นมาให้เป็นตัวแทนของชุมชน รวมถึงการวางผลิตภัณฑ์ต่างๆ ชัดเจนมากขึ้น มีชั้นวางของ มีจุดแขวนขายกล้วย และมีล้อเล็กๆ ที่ช่วยให้การขายกล้วยไม่ต้องอยู่ในที่เดิมๆ อีกต่อไป ซึ่งทั้งหมดก็น่าจะช่วยเป็นไอเดียในการต่อยอดให้กับการขายกล้วยของชุมชนพ่อตาหินช้างได้ไม่น้อยเลยค่ะ

33

1

และนี่คืออีกหนึ่งความชื่นใจที่เกิดขึ้นจากการมาเยี่ยมเยียนจังหวัดชุมพร ทั้งชุมชนประมงที่บ้านเกาะเตียบ และชุมชนชาวสวนที่บ้านพ่อตาหินช้าง ทำให้ได้พบว่าจังหวัดนี้ช่างเต็มไปด้วยความอุดมสมบูรณ์ ทั้งทรัพยากร อาหาร ภูมิปัญญา และที่สำคัญอุดมไปด้วยความสุขของคนในชุมชนที่เห็นแล้วก็พาชื่นใจ

 

ขอบคุณข้อมูลดีๆ จากอมรินทร์ทีวี ร่วมกับโครงการพลังประชารัฐและไทยเบฟเวอเรจ
ขอบคุณภาพสวยๆ จากรายการชื่นใจไทยแลนด์ ออกอากาศทุกวันอาทิตย์ เวลา  21:30 น. ช่อง 34 อมรินทร์ทีวี

ติดต่อเยี่ยมชมชุมชน
กลุ่มแม่บ้านธนาคารปูม้าชุมชนบ้านเกาะเตียบ โทร.093-651-2268
สวนสะตอบ้านพ่อตาหินช้าง โทร.081-893-3704
กลุ่มแม่บ้านเกษตรกรพ่อตาหินช้าง โทร.081-893-3704, 081-477-0053

Calvin Klein ใช้ขนสัตว์เทียมแทนขนจริงทำชุดฤดูหนาวพิมพ์ลายหมาป่า แมวป่า และตัวสกั๊งค์!

เป็นปัญหาดราม่ามาอย่างยาวนานสำหรับเรื่องแบรนด์เสื้อผ้าชั้นนำต่างๆ มักจะใช้หนังสัตว์หรือขนจริงมาทำเสื้อผ้า จนเกิดเรื่องต่อต้านกันขึ้นของกลุ่มองค์กรพิทักษ์สัตว์มาหลายต่อหลายครั้ง คอลเล็คชั่นฤดูหนาวนี้ Calvin Klein จึงแก้ปัญหาใช้ขนสัตว์เทียมทำทั้งหมด!

สำหรับฤดูกาลนี้ คาลวิน ไคลน์ เน้นไปที่ความเย้ายวนของเสื้อผ้าต่อเนื่องจากช่วงฤดูใบไม้ร่วงไปจนถึงฤดูหนาวแต่ชุดสูทก็ยังคงมาแรงประกอบกับแจ็คเก็ตซึ่งตัดเย็บอย่างพิถีพิถันกับกางเกงทรงขากว้างที่ตัดด้วยผ้าเนื้อนุ่ม ยังมีชุดเดรสเบาสบายได้รับการเติมความเย้ายวนน่าหลงใหลเข้าไปด้วยการผ่าคอเสื้อให้ลึกลงเป็นรูปตัววีและปล่อยชายกระโปรงรุ่ย ธรรมชาติอันอิสระทั้งของความเป็นเมืองและป่าดงพงไพรคือแรงบันดาลใจสำคัญที่ทำให้คอลเล็คชั่นนี้

12

มีรายละเอียดที่คาดไม่ถึงเพิ่มเข้ามา ไม่ว่าจะเป็นลายสก็อต ลายตาราง Prince of Wales และลายเส้น รวมถึงไฮไลท์ของคอลเล็คชั่นนี้เสื้อโอเวอร์ไซส์และถุงมือที่ทำจากขนสัตว์เทียม ลายพิมพ์สุนัขป่า แมวป่า และตัวสกั๊งค์ ชุดเดรสที่โดดเด่นในคอลเล็คชั่นใช้วิธีการประดับด้วยพลอยและหินสีที่ช่วยให้เห็นภาพชัดของการแมทช์ธรรมชาติเข้ากับความหรูหราและพิถีพิถันของการสร้างสรรค์เสื้อผ้าอย่างกลมกลืน

345

เรื่อง : saipiroon_แพรวดอทคอม

ภาพ : Calvin Klein

ดูดวงรายวัน ประจำวันศุกร์ที่ 2 กันยายน 2559

ดูดวงรายวัน ประจำวันพุธที่ 2 กันยายน 2559 เช็คทุกวัน ทันทุกดวง กับ แพรวดอทคอม

ผู้ที่เกิดวันอาทิตย์

การงาน : ระงับอารมณ์ ระวังเรื่องคำพูด ไม่พอใจอะไรก็เงียบไว้ เพราะคำพูดบางคำจะทำลายภาพลักษณ์ที่เราสร้างมานาน ทำงานอย่างสงบ เดี๋ยวมันก็ผ่านไป

การเงิน : มีเรื่องให้ต้องใช้จ่าย ไม่มีเก็บ

ความรัก : ท่านกำลังหาช่องทางวิ่งเต้นตำแหน่งการงานให้กับคู่ครอง คิดว่าไม่น่ามีปัญหา เพราะดวงคู่กำลังเอื้อกัน คนโสด ยังคาใจอยู่ว่า จะคบกับใครแล้วจะจริงจังกันแค่ไหน สำหรับท่าน ไม่ว่าคบกับใครก็เป็นรองเขาอยู่ร่ำไป

สุขภาพ : พักผ่อนน้อย ระวังหน่อยนะ

 

ผู้ที่เกิดวันจันทร์

การงาน : เปลี่ยนระบบงานใหม่ ท่านต้องแก้ปมปัญหาให้กับคนอื่น คิดในทางที่ดีว่า เพราะท่านเก่งจึงมีแต่คนอยากให้ท่านช่วย

การเงิน : สะดุดบ้าง หมดเงินกับญาติพี่น้องป่วยไข้

ความรัก : หากกำลังรอคอยทายาทมานาน วันนี้จะได้ชื่นชมยินดีกับข่าวดี คนโสด เส้นอกหักเยอะ คบใครได้ไม่เกิน 5-6 เดือนก็ต้องเลิก ทำใจไว้บ้าง

สุขภาพ : โรคประจำตัวกำเริบ

 

ผู้ที่เกิดวันอังคาร

การงาน : งานโดดเด่นทีเดียว มีงานเข้ามามาก ท่านคิดว่าเอาอยู่ แต่พอถึงเวลาจริงๆ กลับเอาไม่อยู่ เพราะฉะนั้นอย่ากอดงานไว้คนเดียว ส่งต่อให้คนอื่นบ้าง

การเงิน : ได้โชคลาภจากผู้ใหญ่ ใครยืมเงินไปก็ทวงบ้าง เดี๋ยวจะไม่ได้คืน

ความรัก : มีเรื่องทุกข์ร้อนควรปรึกษาหารือกัน อย่าเก็บไว้คนเดียวจะได้ผ่านจุดวิกฤติไปได้ คนโสด เดินทางบ่อยอาจได้เจอคู่ทางไกล ขอให้ดูดีๆ เพราะอาจถูกหลอกลวงได้

สุขภาพ : ให้ระวังแพ้อากาศ ทำให้เจ็บคอ เจ็บทอลซิล

 

ผู้ที่เกิดวันพุธ

การงาน : ก่อนไปทำงาน เตรียมใจให้พร้อมว่า วันนี้งานเยอะ แต่อย่าท้อ ทุกอย่างจะผ่านไปได้

การเงิน : มีโชคลาภเข้ามาแบบฟลุ๊คๆ

ความรัก : สะดุดบ้าง แต่ก็ยังไปได้ดี คุยกันได้ดี เริ่มมีเหตุผล มีความสุขกัน รักษาความสัมพันธ์แบบนี้ไว้นานๆ คนโสด ช่วงนี้ยังยุ่งอยู่กับงาน ก็เลยไม่สนใจเรื่องคู่

สุขภาพ : ภูมิแพ้กำเริบจะคัดจมูก และมีปวดกระดูกด้วย

 

ผู้ที่เกิดวันพฤหัสบดี

การงาน : ทำงานด้วยความกระวนกระวายใจ อาจมีกังวล ไม่กล้าตัดสินใจบางอย่าง ต้องใช้ความละเอียด ควรปรึกษาผู้รู้บ้าง เพราะหากผ่านจะเป็นตัวชี้วัดให้ท่านได้ก้าวหน้าขึ้นอีกขั้น

การเงิน : นำเงินที่เก็บออมไว้ไปลงทุนให้คนอื่น

ความรัก : ทะเลาะกันเป็นธรรมดา แต่อย่าขุดคุ้ยเรื่องเก่าๆ จะทำให้งอนไม่คุยกันยาวเลย คนโสด ยังไม่มีใครเลย โสดไปอีกวันนะ

สุขภาพ : จะมีปัญหาเรื่องฟัน ปวดฟัน หรือผ่าฟันคุด

 

ผู้ที่เกิดวันศุกร์

การงาน : ถึงคิวชาวศุกร์ถูกกากบาทในวันศุกร์ งานเยอะ ระบายไม่ทัน อย่าอุ้มงานไว้คนเดียว ท่านอาจถูกตำหนิได้ ทั้งที่ตั้งใจทำงานอย่างเต็มที่ ก็ต้องทำใจและยอมรับความจริง

การเงิน : ใครชวนลงทุนทำอะไร อย่าเด็ดขาด เก็บกระเป๋าเงินให้ดีๆ เพราะเงินอาจหายได้

ความรัก : มีเรื่องที่ต้องตัดสินใจว่าจะรับญาติ หรือลูกหลานมาอยู่ด้วยดีไหม ค่อยๆ ปรึกษากัน เพราะอย่างไรต้องมีสมาชิกมาเพิ่มอยู่แล้ว คนโสดมีเรื่องเข้ามากวนใจ คบแล้ว เริ่มเห็นแก่ตัว หรืออยู่ๆ ก็มีปรากฏเจ้าของมาประกาศตัว

สุขภาพ : ระวังช่องท้อง หรือลำไส้ อาจเป็นไส้ติ่งอักเสบ

 

ผู้ที่เกิดวันเสาร์

การงาน : เรื่อยๆ ยังมีอะไรต้องทำอีกเยอะ วางระบบหน่อย อย่าให้งานคั่งค้าง

การเงิน : มีรายได้เข้ามาฟลุ๊คๆ

ความรัก : ญาติพี่น้องป่วยควรพาครอบครัวไปเยี่ยม ให้กำลังใจกันบ้าง คนโสด เข้ามาก็ยังไม่ใช่ อย่าเพิ่งเลือกเลยวันนี้

สุบภาพ : ทานอะไรให้ระวังจะปวดท้อง ลำไส้ไม่ดี

สวยออริจินัลตัวจริง! 6 นางแบบไทย ตัวเจ๊ อดีตเคยปัง ปัจจุบันยังเป๊ะ! งามคงทนไม่มีย้วย!

นางแบบไทย ตัวแม่ สวยไม่มีย้วยแบบนี้ซิของจริง!

นางแบบไทย หรือดาราไทยเดี๋ยวนี้แทบจะหาคนสวยมีเอกลักษณ์ไม่ตามกระแสยากขึ้นทุกวัน เพราะมองไปทางไหนก็พิมพ์เดียวกันหมด สวยดูดีได้ในระยะสั้นๆ หลายคนพอแก่ตัวไปก็เห็นย้วยกันหมด แต่ไม่ใช่กับอดีตซูเปอร์โมเดลแถวหน้าของไทย ขอบอกว่าของจริง เวลาไม่สามารถทำลายความสวยของพวกนางได้เลย  

 

อาภาศิริ นิติพน

นางแบบไทย อาภาศิริ นิติพน

อุ๋ม นางแบบไทย อาภาศิริ นิติพนอุ๋มสาวหน้าเก๋ที่เคยเป็นสุดยอดนางแบบในช่วงยุค 90 แม้เวลาจะผ่านไปกี่ปีแต่นางยังคงบล็อคหุ่นไว้ให้สลิมเหมือนเดิม ซึ่งนางเคยให้สัมภาษณ์ว่า เคล็ดลับหุ่นสวย และหน้าเด็กนั้นง่ายนิดเดียว เพียงแค่ดื่มน้ำให้มากๆ เติมความสดชื่นให้ผิว และหมั่นออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอนางแบบไทย อาภาศิริ นิติพน

นางแบบไทย อาภาศิริ นิติพน

นางแบบไทย อาภาศิริ นิติพนปัจจุบันอุ๋มยังคงเดินแบบอยู่เช่นเดิมไม่เคยหายจากวงการแฟชั่น และยังทำหน้าที่เป็นครูสอนทักษะเดินแบบ-ถ่ายแบบให้กับผู้เข้าประกวดเวที “ไทยซุปเปอร์โมเดล” ทางช่อง 7 อีกด้วย นอกจากนี้ยังมีผลงานละคร รวมทั้งหนังให้ได้เห็นกันอยู่เรื่อยๆ

ภาพ : @ rpasiri

นาตาชา เปลี่ยนวิถี  

นางแบบไทย นาตาชา เปลี่ยนวิถีแขวนส้นสูงอำลาวงการนางแบบไปนานแล้ว แต่คุณแม่ยังสวยอย่างแอนนาก็ยังคงรับงานเดินแบบเฉพาะกิจ หรือออกงานอีเว้นท์ให้ได้เห็นหน้าค่าตา คลายความคิดถึงกันไปบ้าง แต่เวลาส่วนใหญ่ตอนนี้นางเป็นแม่บ้านเต็มตัว อยู่บ้านเลี้ยงไตตั้น(ลูกชาย)อย่างเดียว

นางแบบไทย นาตาชา เปลี่ยนวิถี เรียกว่าตัวติดกันตลอด 24 ชั่วโมง เลยทำให้ไม่สามารถไปทำอะไรของตัวเองได้เลย แต่นางก็ยังไม่ลืมที่จะดูแลตัวเอง สร้างหุ่นเป๊ะ คงสภาพเดิมราวกับสมัยที่เป็นนางแบบแรกรุ่น ไม่รู้ว่าชาติที่แล้วทำบุญมาด้วยอะไร ถึงโชคดีตรงที่ไม่ต้องมานั่งกังวลเรื่องรูปร่าง เพราะกินเท่าไหร่ก็ไม่อ้วน ไม่ต้องทำอะไรมาก แค่เล่นเทนนิสอย่างเดียว เป็นคนที่น่าอิจฉาม๊าก

ภาพ : tuipptitan,นิตยสาร secret

จอวราลักษณ์

จอย วราลักษณ์ นางแบบไทย

จอย วราลักษณ์ นางแบบไทย

จอย วราลักษณ์ นางแบบไทย เป็นอีกหนึ่งนางแบบแถวหน้าที่เคยโด่งดังมาก สำหรับจอย วราลักษณ์คนนี้มีลูก 2 คนแล้วแต่หุ่นยังดีมากบอกเลยว่าสวยได้ เพราะโยคะกับพิลาทีส

จอย วราลักษณ์ นางแบบไทย ณ ตอนนี้นางได้หันหลังให้วงการนางแบบอย่างถาวรแล้วไปใช้ชีวิตเงียบสงบกับลูกและสามีชาวต่างชาติที่ต่างประเทศ นอกจากนี้ยังชอบนั่งสมาธิ ปฏิบัติธรรม เคล็ดลับความงามที่มาจากภายในล้วนๆ

ภาพ : joyvaraluk

29 แปรงแต่งหน้า อาวุธคู่กายยามเมคอัพกับความต่างของฟังก์ชัน (ตอน 1)

Alternative Textaccount_circle

ไม่ว่าจะเป็นช่างแต่งหน้าหรือเป็นแค่ผู้หลงใหลการแต่งหน้าก็ย่อมทราบดีว่า แปรงแต่งหน้า ที่เหมาะสมมีส่วนช่วยอย่างมากให้ผลการแต่งหน้าออกมาดี Urban Decay จึงแนะนำ UD Pro Brushes ให้สาวๆได้ทำความรู้จักแปรงแต่งหน้าถึง 29 ชนิด เป็นการผสมผสานที่ลงตัวระหว่างรูปลักษณ์และฟังก์ชันการใช้งาน พู่กันและแปรงคุณภาพระดับมืออาชีพ แค่มองก็เพลินแล้ว!
ตั้งแต่ลงรองพื้นไปจนถึงปัดแก้ม ไล้อายแชโดว์ไปจนถึงลงไฮไลท์  ครอบคลุมทุกความต้องการด้านการแต่งหน้า ไม่ว่าจะเป็นการผสม ปกปิด หรือคอนทัวร์ พู่กันและแปรงคู่ชีพเหล่านี้ทำได้หมด!  โอ้ย แอดมินเห็นแล้วยังอยากได้เลยคร้า จะเอาๆๆอะ  (>.<)

 

 

3605971258169_udpro_brushes_contourdefinitionแปรงแต่งหน้า

(Blush / Highlight / Contour)

CONTOUR DEFINITION BRUSH
แปรงแต่งหน้า เหมาะสำหรับแรเงาและคอนทัวร์โลว์ไลท์ แปรงปลายเฉียง ช่วยขจัดครีมส่วนเกินและเกลี่ยแป้ง เพื่อสร้างโหนกแก้มและเพิ่มความชัดเจนของแนวกราม จมูก และคาง

 

3605971258121_udpro_brushes_flatopticalblurringแปรงแต่งหน้า

(Foundation)

FLAT OPTICAL BLURRING BRUSH
ใช้สำหรับเกลี่ยรองพื้นให้กลมกลืน เพื่อภาพลักษณ์ที่ดูละมุนละไม และใช้ลงไพรเมอร์ได้ด้วย

 

3605971258084_udpro_brushes_diffusingblushแปรงแต่งหน้า

(Blush / Highlight / Contour)

DIFFUSING BLUSH BRUSH
แปรงปลายเฉียงนุ่มฟู เกลี่ยสีได้อย่างละมุนละไม ปลายที่เฉียงยังช่วยให้ปัดแต่งโหนกแก้มได้ดีเยี่ยมอีกด้วย

 

3605971258046_udpro_brushes_diffusinghighlighterแปรงแต่งหน้า

(Blush / Highlight / Contour)

DIFFUSING HIGHLIGHTER BRUSH
ออกแบบมาเพื่อไฮไลท์ที่โปร่งบาง หรือเพิ่มแสงบนผิว รูปทรงที่เล็กช่วยให้ลงสีได้แม่นยำ

 

3605971258008_udpro_brushes_opticalblurringแปรงแต่งหน้า

(Foundation)

OPTICAL BLURRING BRUSH
รูปทรงที่อัดแน่น เกลี่ยรองพื้นอย่างสม่ำเสมอ ปัดแต่งเพื่อผลการรองพื้นที่นุ่มนวล เป็นธรรมชาติราวกับแอร์บรัช เหมาะอย่างยิ่งสำหรับคอนทัวร์ ปัดแก้ม หรืออะไรก็ตามที่ให้ดูพร่าเลือน

 

3605971257964_udpro_brushes_finishingpowderแปรงแต่งหน้า

(Powder)

FINISHING POWDER BRUSH
ขนแปรงเบาและบาง เพื่อผลการแต่งผิวที่โปร่งใส เหมาะสำหรับการลงแป้งที่บางเบา ดูเนียนละเอียดเป็นพิเศษ และการลงบรอนเซอร์ทั่วพื้นที่

 

3605971172298_udpro_brushes_largetaperedpowderแปรงแต่งหน้า

(Powder)

LARGE TAPERED POWDER BRUSH
เกลี่ยแป้งในปริมาณที่เหมาะสม สีผิวจึงดูสว่างใส เนียนสวยสมบูรณ์แบบ

 

3605971172250_udpro_brushes_largepowderแปรงแต่งหน้า

(Powder)

LARGE POWDER BRUSH       
แปรงขนาดใหญ่ รูปทรงคล้ายแปรงทาสี ลงแป้งได้เนียนลื่น เพื่อเตรียมผิวก่อนแต่งหน้าให้สมบูรณ์แบบไร้ที่ติ

 

3605971172212_udpro_brushes_largetaperedfoundationแปรงแต่งหน้า

(Foundation)

LARGE TAPERED FOUNDATION BRUSH
รูปทรงที่แน่นและหนา มอบการปกปิดเต็มอัตราและสม่ำเสมอ ใช้เกลี่ยและผสมรองพื้นเนื้อลิควิด เนื้อครีม หรือเนื้อแป้งได้อย่างง่ายดาย

 

3605971258282_udpro_brushes_angledlipแปรงแต่งหน้า

(Lip)

ANGLED LIP BRUSH
ลงสีปากได้สวยเนี้ยบเฉียบคม

 

เดี๋ยวก่อน!!! อย่าเพิ่งปิดนะสาวๆ ยังมีแปรงแต่งหน้าอีกหลายชนิดเลย
กดตามต่อในหน้า 2 จ้า

ดาวพระศุกร์นอกจอ “แนท – อนิพรณ์” ชีวิตจริงยิ่งกว่านิยาย!

จากแม่ค้าขายหมูทอด พนักงานขายของในห้าง รับจ้างเดินแบบ สู่นางงามเวทีระดับโลก
ปัจจุบันเป็นนางแบบมืออาชีพ และเป็นพิธีกรรายการท่องเที่ยว การเดินทางไกลของ
“แนท – อนิพรณ์ เฉลิมบูรณะวงศ์”

 

อีกหนึ่งสาวสู้ชีวิตแถมคิดบวกที่กว่าจะมีวันนี้ไม่ง่าย ประหนึ่งนางเอกจากนวนิยาย ดาวพระศุกร์ ออกมาโลดแล่นมีชีวิตอยู่ในโลกความเป็นจริง “น้องแนท อนิพรณ์” MISS UNIVERSE THAILAND 2015
ที่ล่าสุด แม้จะอำลาตำแหน่ง อำลามงฯ ไปแล้ว แต่ก็ไม่ได้หายหน้าไปจากวงการบันเทิง เพราะนอกจากจะมีงานเดินแบบ ออกอีเว้นท์ให้ได้เห็นอยู่บ่อยๆ ยังกระโดดมาเป็นหนึ่งในพิธีกรซีรีส์ท่องเที่ยวไทยใน “Journey The Series แก๊งเฟี้ยวเที่ยวทั่วไทย ทางช่อง3 อีกด้วย แต่ใครจะรู้ว่า เส้นทางชีวิตก่อนจะมีวันนี้ของสาว “แนท” ต้องสู้ฟัดปาดน้ำตามาแค่ไหน

โดยเจ้าตัวเคยเล่าให้ฟังว่า จากเด็กสาวตัวเล็กๆ วิ่งเล่นแถววัดในหมู่บ้านวังหม้อ จังหวัดลำปาง
จำความได้คุณพ่อคุณแม่ก็แยกทางกันแล้วตัวเองและพี่สาวต้องอยู่กับคุณตาคุณยาย เพราะคุณแม่ทำงานอยู่เชียงใหม่คอยส่งเงินมาให้ เมื่อสาว “แนท” สอบติดคณะสังคม-สงเคราะห์ศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ได้ ส่วนพี่สอบติดคณะวิทยา-ศาสตร์ที่จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย จึงย้ายมาเช่าหออยู่ด้วยกันที่กรุงเทพ

ระหว่างที่อยู่กรุงเทพสาว “แนท” สามารถเลี้ยงตัวเองได้และยังคอยส่งเงินไปให้ตายายที่ลำปางด้วยการ ขายหมูทอดหลังเลิกเรียน ซึ่งเจ้าตัวลงทุนซื้อเตาแก๊ส กระทะ เพื่อทอดหมูขายทุกวัน ได้กำไรวันละ 200-300บาท ก่อนที่จะต้องเลิกขายเพราะนิสัยชอบแถมให้ลูกค้าจนขาดทุนยับ!
หลังจากนั้นผลันตัวเองไปทำงานในห้าง โดยสมัครงานตำแหน่ง แคชเชียร์ แต่ถูกโยกให้ไปทำตำแหน่งพนักงาน แต่งตัวเป็นซานตี้ขายกระเช้าปีใหม่

“ตอนทำงานในห้างร้องไห้บ่อย เหมือนกัน มีช่วงหนึ่งกินบะหมี่กึ่ง-สำเร็จรูปทุกวัน แต่บอกที่บ้านว่า
ที่ห้างมีอาหารแจก ไม่ต้องห่วงช่วงเรียนปี 1 ใหม่ๆ เพื่อนมองว่าแนทดูดีจัง ต้องมีฐานะแน่ๆ
มาเรียนอย่างไร ใครมาส่งหรือเราก็บอกว่านั่งรถตู้วินมา”

05

ดาวพระศุกร์ยามใกล้โลกนั้นส่องสว่างสวยงามเปล่งประกายที่สุด

ชีวิตของสาว “แนท” ก็เช่นกัน เพราะหลังจากนั้น เธอได้มีโอกาสเดินแบบให้ “ป้าตือ” นักจัดอีเว้นต์ชื่อดัง
แต่ใช่ว่าชีวิตจะผลิกราวหน้ามือเป็นหลังมือเสียทีเดียว เพราะแฟชั่นโชว์ไม่ได้มีอาทิตย์ละ 2 – 3 วัน
บางเดือนแทบไม่มี แต่โชคดีที่สาวคนนี้เก็บเงินเก่ง โดยเธอบอกว่า จะแบ่งเงินเป็น 3 ส่วน คือ เก็บออม ค่าใช้จ่าย และส่งให้ตากับยาย

“ส่งให้ท่านมีเงินเก็บไว้จะได้ไปไหนมาไหนสบาย มีเงินเติมน้ำมันรถ กินข้าว ซื้อของที่ถนนคนเดินบ้าง
แนทบอกตลอดว่าเงินที่ส่งไปไม่ต้องเก็บนะ เพราะแนทเก็บอยู่แล้ว อยากได้หรืออยากกินอะไรให้ใช้เลย แม้เราไม่ได้ร่ำรวย แต่ก็อยากให้ทั้งสองท่านสุขสบายบ้าง”

ดาวพระศุกร์ไม่มีวันอับแสง

สาว “แนท” เคยประกวดไทยซูเปอร์โมเดลคอนเทสต์ แล้วต่อมาตัดสินใจเข้าประกวดเวทีมิสยูนิเวิร์สที่เป็นรายการใหญ่ เธอก็เตรียมร่างกายล่วงหน้าเป็นปีๆ แม้มีงานเดินแบบเลิก 5 ทุ่ม แต่ก็ตื่นไปวิ่งที่สวนจตุจักรตอน 7 โมงเช้าทุกวันแล้วค่อยไปเรียนมหาวิทยาลัย ความพร้อมทั้งร่างกายจิตใจของเธอเต็มเปี่ยมจนในที่สุดก็คว้ามงฯ มาได้สำเร็จ

page2

page1

 

กว่าจะเป็นดาวฉายแสงลอยเด่นอย่างทุกวันนี้ไม่ง่ายจริงๆ

ที่มา : นิตยสารแพรว ฉบับที่ 864  คอลัมน์ Talk Around by MR. PRAEW
ภาพ : IG@potter_natt

(ต่อตอน 2) 29 แปรงแต่งหน้า อาวุธคู่กายยามเมคอัพกับความต่างของฟังก์ชัน

Alternative Textaccount_circle

จากที่ตอนแรกเราได้ทำความรู้จักชนิดของ แปรงแต่งหน้า กันไปแล้วถึง 15 ชนิด ส่วนใหญ่จะเป็นสำหรับลงรองพื้น แป้ง แก้ม และปาก มาถึงตอนนี้เราจะพาไปท่องโลกแปรงแต่งหน้าสำหรับดวงตากันต่ออีก 14 ชนิด รับรองเมคอัพเลิฟเวอร์จะอยากได้มาครอบครองให้แบบครบๆอย่างแน่นอน

 

 

3605971172052_udpro_brushes_angledeyelinerแปรงแต่งหน้า

(Liner)

ANGLED EYELINER BRUSH
วาดได้ทั้งเส้นบางๆและเส้นหนาชัด

3605971172014_udpro_brushes_tightlineแปรงแต่งหน้า

(Liner)

TIGHTLINE BRUSH
เข้าถึงและเน้นแนวโคนขนตาได้อย่างแม่นยำ

3605971171970_udpro_brushes_detailedsmudgerแปรงแต่งหน้า

(Shadow)

DETAILED SMUDGER BRUSH
เกลี่ยและผสมสีอย่างแม่นยำ เหมาะอย่างยิ่งสำหรับการสร้างลุคแบบสโมกกี้ตามแนวโคนขนตา

3605971171932_udpro_brushes_eyeshadowcontourแปรงแต่งหน้า

(Shadow)

EYESHADOW CONTOUR BRUSH                      
มีรูปทรงที่เหมาะสมและขนาดที่พอเหมาะ เพื่อการเน้นรอยพับเปลือกตาที่เนี้ยบ

3605971171895_udpro_brushes_moondustแปรงแต่งหน้า

(Shadow)

MOONDUST BRUSH
พู่กันขนแน่นนี้ออกแบบมาสำหรับใช้แบบเปียกร่วมกับอายแชโดว์ Moondust เพิ่มความเปล่งประกายและลดการฟุ้งกระจายของเนื้อฝุ่น

3605971171857_udpro_brushes_taperedblendingแปรงแต่งหน้า

(Shadow)

TAPERED BLENDING BRUSH
ช่วยให้เข้าถึงรอยพับเปลือกตาได้ง่ายและเกลี่ยสีให้กลมกลืนไร้รอยต่อ

3605971171819_udpro_brushes_smokysmudgerแปรงแต่งหน้า

(Shadow)

SMOKY SMUDGER BRUSH
ใช้ผสมไฮไลท์หรือสร้างเอฟเฟ็กต์แบบสโมกกี้ โดยเฉพาะในพื้นที่เล็กๆ เหมาะอย่างยิ่งสำหรับผสมอายแชโดว์

เดี๋ยวก่อน!!! อย่าเพิ่งปิดนะสาวๆ ยังมี แปรงแต่งหน้า เหลืออีก  7 ชนิดนะจ๊ะ กดตามต่อในหน้า 2 เลยจ้า

“โอ๊ต เฉลิมพล” นักข่าวไทย แห่งนิวยอร์ก กว่าจะไปยืนระดับแถวหน้าได้ ไม่มีคำว่าง่าย!

โอ๊ต – เฉลิมพล ฤทธิชัย นักข่าวไทย ทำงานอยู่ ณ มหานครนิวยอร์กมาร่วม 20 ปี ตะลุยงานสื่อมาแล้วหลายแขนง ทั้งหนังสือพิมพ์ วิทยุ โทรทัศน์ เว็บไซต์ ส่วนรายชื่อคนดังที่เขาเคยยื่นไมค์สัมภาษณ์ก็แค่ อดัม เลอวีน, ฮิวจ์ แจ็คแมน, มาร์ค วอห์ลเบิร์ก, วิน ดีเซล, ไคลี มิโนก, วีร่า แวง ฯลฯ

อ่านแค่นี้อาจดูสวยหรู แต่กว่าที่ โอ๊ต – เฉลิมพล จะฝ่าฟันไปถึงจุดนั้น เขาเคยทำงานที่หนังสือพิมพ์เล็กๆ แลกเงินชั่วโมงละ 8 เหรียญ มีหลายช่วงที่อาหารมื้อหลักคือไข่ต้ม พยายามทำพอร์ตสวยๆ ให้พีอาร์สนใจ จนที่สุดวันนี้เขาคือ นักข่าวคนหนึ่งที่ได้เข้าไปทำงานในอีเว้นต์บันเทิงขนาดใหญ่แทบทุกงานของนิวยอร์ก

แล้วทำไมชีวิตนักข่าวของคุณจึงไปเริ่มต้นที่นิวยอร์กครับ

จุดเปลี่ยนในชีวิตเกิดสมัยเรียนมัธยมที่โรงเรียนสาธิตประสานมิตร ตอนนั้นผมสอบโครงการนักเรียนแลกเปลี่ยน ได้ไปเรียนที่รัฐแอละแบมา ประเทศสหรัฐอเมริกา พอกลับมาเมืองไทยผมก็โหยหาความเป็นอเมริกัน รู้สึกถูกจริต อีกเหตุผลคือ สมัยนั้นสังคมไทยมีค่านิยมที่ไม่รู้ใครสร้างขึ้นมาว่า คนไทยสู้ฝรั่งหรืออเมริกันไม่ได้หรอก ผมรู้สึกว่าถ้าอยากเจ๋งต้องสู้ฝรั่งให้ได้ แต่วิธีการของผมอาจดูแปลกสักหน่อย และไม่ควรยึดเป็นแบบอย่าง นั่นคือตอนสอบเข้ามหาวิทยาลัย จริงๆ ผมสอบเทียบได้ตั้งแต่ ม.4 แล้ว แต่ตอนเอนทรานซ์ตัดสินใจไปสอบแค่วิชาเดียว เพราะกลัวสอบติดแล้วต้องเรียนที่เมืองไทย

นักข่าวไทยก้าวแรกที่นิวยอร์กเป็นอย่างไรครับ

วันแรกๆ ตรงกับที่ภาพยนตร์เรื่อง You’ve Got Mail ฉาย ตอนนั้นผมเดินเข้าร้านขายซีดีเพลง Virgin Megastore ในไทม์สแควร์ แล้วเปิดฟังซาวนด์แทร็กภาพยนตร์เรื่องนั้น มีเพลงหนึ่งชื่อ I Guess The Lord Must Be In New York City เนื้อหาประมาณว่า ทำไมเมืองนิวยอร์กจึงศิวิไลซ์อย่างนี้ พระเจ้าคงอยู่นิวยอร์กแน่ๆ ระหว่างที่ฟังผมก็มองออกไปยังไทม์สแควร์แล้วคิดว่า ในที่สุดฝันก็เป็นจริง ฉันอยู่ที่นิวยอร์กแล้วจริงๆ แต่ลั้นลาอยู่ได้แค่ 2 อาทิตย์เงินหมด (หัวเราะ)

หลังจากตกงาน 6 สัปดาห์ ผมเห็นหนังสือพิมพ์เล็ก ๆ เกี่ยวกับ Performing Artist และ Broadway ชื่อ Show Business Weekly เปิดรับสมัครผู้ช่วยกองบรรณาธิการ เดชะบุญว่าผมเคยเป็นคอลัมนิสต์ให้หนังสือพิมพ์ของมหาวิทยาลัย และเขียนรีวิวบรอดเวย์เรื่อง The King and I จึงส่งผลงานนั้นแนบไปพร้อมใบสมัคร แล้วผมก็ได้งานทำเสียที

นักข่าวไทย
สัมภาษณ์วีร่า แวง ที่งานแฟชั่นวีค

ได้ทำงานอะไรบ้างครับ

หน้าที่ผมตอนนั้นเป็นงานเล็กๆ คอยตรวจว่าบรอดเวย์เรื่องไหนเปิด เรื่องไหนปิด โทร.ถามว่าดาราคนนั้นยังเล่นอยู่ไหม ถ้าเปรียบเทียบกับหนังสือพิมพ์ฉบับใหญ่ๆ ก็เป็นคอลัมน์เล็กๆ อย่างการรายงานสภาพอากาศประจำวัน ซึ่งหลายคนอาจไม่ได้อ่านด้วยซ้ำ แต่ขอให้รู้ว่ามีคนทำหน้าที่นั้นอยู่ เหมือนผมที่คอยเช็กความเป็นไปของบรอดเวย์นี่ละเป็นส่วนที่เล็กที่สุดของหนังสือพิมพ์ฉบับนั้น ตอนนั้นได้ค่าตอบแทนชั่วโมงละ 8 เหรียญ เป็นค่าแรงขั้นต่ำก็ไม่พอใจหรอก ด้วยความเด็กอีกแล้วที่ทำให้คิดว่า ทำไมเราไม่ได้ทำงานที่หนังสือพิมพ์เล่มนั้นเล่มนี้ แต่พอวันนี้มองย้อนกลับไปแล้วรู้สึกโชคดีมากที่เขารับเราเพียงเพราะบทความชิ้นเดียว คนที่ให้โอกาสครั้งแรกนี่สำคัญมากจริงๆ นอกเหนือจากนั้น นายจ้างเราคือ บริษัทอเมริกันนะ ไม่ใช่คนไทย ทำให้รู้สึกเหมือนได้รับการยอมรับเล็กๆ

นักข่าวไทยครอบครัวที่เมืองไทยรู้ไหมครับ

ไม่ครับ ที่บ้านเลิกส่งเงินให้ตั้งแต่เรียนจบ แล้วผมรบกวนคุณพ่อคุณแม่มา 5-6 ปีแล้ว วัยรุ่นอเมริกันก็เป็นแบบนั้น ไม่มีใครเรียนจบแล้วมาแบมือขอเงินพ่อแม่หรอก ขนาดมาดอนน่า ตอนที่เธอมานิวยอร์กก็มีเงินแค่ 30 เหรียญ ต้องใช้ชีวิตยากลำบากเหมือนกัน แล้วก็ยังมีคนจนกว่าเราอีกเยอะแยะที่สามารถเอาตัวรอดในนิวยอร์กได้

ตอนนั้นเป็นช่วง 1999 ที่สื่อยังไม่ตื่นตัวเรื่องออนไลน์เท่าไร ผมเห็นช่องว่างตรงนี้จึงเข้าไปคุยกับหนังสือพิมพ์หลายแห่งที่ยังไม่มีเว็บไซต์ว่า ฉันทำให้ฟรีเอาไหม แต่ขอเครดิตนะ หลายบริษัทตอบตกลง หลังจากนั้นผมได้ทำงานลักษณะนี้อีกหลายครั้ง ถือเป็นโอกาสฝึกงานไปในตัวด้วย พอมีประสบการณ์มากขึ้นก็สามารถเรียกค่าจ้างได้เป็นชั่วโมงละ 40 – 50 เหรียญ แล้วในช่วงเวลานั้น ผมโชคดีที่ได้ไปงานปาร์ตี้ของนักการเมืองท้องถิ่นคนหนึ่ง ได้เจอ บ.ก.หนังสือพิมพ์ออนไลน์ใหม่ที่เพิ่งเปิดได้ 6 เดือน ผมจึงตัดสินใจลาออกจากบริษัทเก่าเพื่อไปทำงานที่นั่น

นักข่าวไทย
สัมภาษณ์อดัม เลอวีน ที่ Tribeca Film Festival

เว็บไซต์นั้นคือ

Gotham Gazette นำเสนอข่าวการเมืองท้องถิ่นของนิวยอร์ก ซึ่งสื่อขนาดใหญ่อย่าง The New York Times ไม่ลงมาทำอยู่แล้ว แต่นั่นกลายเป็นโอกาสที่ทำให้เราหาข่าวในเชิงลึก โดยนิวยอร์กมีเขตเลือกตั้งท้องถิ่นอยู่ 52 เขต เราต้องเจาะหาข้อมูลของนักการเมืองทุกคน ความที่ทั้งบริษัทมีพนักงานแค่ 6 คน ทุกคนต้องช่วยกันทำทุกหน้าที่ ตั้งแต่ออกแบบเว็บจนถึงหาข่าว สิ่งสำคัญของโลกออนไลน์คือ ความรวดเร็ว ต้องพร้อมสแตนด์บายในการอัพข่าวลงเว็บตลอดเวลา คืนวันศุกร์ไม่ต้องแพลนไปไหน เพราะเป็นวันปิดต้นฉบับ ถือเป็นช่วงที่ผมถูกเคี่ยวหนักมาก จำได้ว่าครั้งแรกที่ถูกเจ้านายติเรื่องงาน ผมเดินออกจากห้องแบบหน้าเสีย ทำไมต้องโหดขนาดนั้น แต่พอถึงวันนี้ต้องขอบคุณเขาที่ช่วยให้ผมมีระเบียบวินัยในการทำงาน มีลูกเล่นในการใช้ภาษา การเขียนหัวข้อหรือทีเซอร์ให้น่าสนใจ

นักข่าวไทย
ถ่ายภาพกับคิม คาร์เดเชียน

เริ่มได้สัมภาษณ์ดาราระดับท็อปเมื่อไรครับ

หลังออกมาเป็นนักข่าวฟรีแลนซ์ สมัยทำงานที่ PIX11 ส่วนใหญ่จะได้สัมภาษณ์ดาราทีวีกับเรียลิตี้โชว์ ถ้ามีดาราเกรดเอมาสถานี ทุกคนจะแย่งกัน ซึ่งผมมักไม่ได้ เพราะอายุงานยังน้อย แต่ตอนนั้นผมเข้าใจกระบวนการทำงานทั้งหมดแล้ว มั่นใจว่าถ้าออกไปเป็นนักข่าวอิสระ น่าจะสร้างโอกาสในการทำงานได้มากขึ้น สิ่งสำคัญคือ เราต้องมีความสามารถและมีคอนเน็กชั่นที่ดีอย่างงานพรมแดง ซึ่งเป็นศูนย์รวมของดาราและเซเลบริตี้ชื่อดัง ซึ่งไม่ใช่ว่านักข่าวทุกคนจะได้รับเชิญ โอเคว่าถ้าเป็น เดอะนิวยอร์กไทมส์ไม่ว่างานอะไร คุณก็ได้ไป จะเรียกมาดอนน่าให้เดินเข้ามาสัมภาษณ์เองยังได้ แต่ถ้าไม่ใช่ ก็ขึ้นอยู่กับว่าคุณมีคอนเน็กชั่นกับบริษัทพีอาร์ดีขนาดไหน ซึ่งบริษัทที่จัดการเรื่องงานพรมแดงมีอยู่ไม่กี่แห่ง ถ้างานนั้นต้องการสื่อมากก็อาจได้ไปกันเยอะ แต่ถ้าเป็นงานสำคัญที่มีการเลือกว่าฉบับนี้ฉันไม่เอา เว็บนี้ไม่ได้ ก็ต้องพยายามติดต่อทุกคอนเน็กชั่นเพื่อขอที่ตั้งกล้องในพรมแดงนั้นให้ได้

นักข่าวไทย
สัมภาษณ์ฮิวจ์ แจ็คแมน

หนึ่งอีเว้นต์ใหญ่ที่คุณได้ไปทำข่าวคือ Met Gala

งานนี้ผมใฝ่ฝันมาก ยังจำได้ว่า ในวันงานเมื่อหลายปีก่อน ผมนั่งกินข้าวอยู่กับเพื่อนแล้วบอกว่า วันนี้ทั้งนักการเมือง คนแฟชั่น หรือบันเทิงอย่างมาดอนน่า บียอนเซ่ หรือโอปราห์ วินฟรีย์ ไป Met Gala กันหมด แล้วทำไมฉันมานั่งกินก๋วยเตี๋ยวอยู่ตรงนี้ การไม่ได้อยู่ตรงนั้นหมายความว่า เราก็ nobody ผมคิดตลอดว่า สักวันต้องไปทำข่าวที่งานนั้นให้ได้ ซึ่งผมใช้เวลาอีกเกือบ 3 ปี ความฝันจึงเป็นจริง

นักข่าวไทย
ถ่ายภาพกลอเรีย เอสเตฟาน

เรื่องราวระหว่างบทสนทนาในร้านก๋วยเตี๋ยวถึงวันที่ได้ยืนอยู่บนพรมแดงเป็นอย่างไรครับ

อันดับแรก ผลงานหรืออีเว้นต์ต่างๆ ที่เคยไปร่วมถือเป็นพอร์ตที่สำคัญ อันดับต่อมาคือ นักข่าวที่ได้ไป Met Gala ต้องเคยทำข่าวเกี่ยวกับแฟชั่นมาบ้าง แต่ตอนนั้นผมแทบไม่มีโอกาสคุยกับคนในแวดวงนั้นเลย สารภาพตรงๆ ว่าความรู้เกี่ยวกับแฟชั่นก็มีไม่มาก ตอนสัมภาษณ์ดีไซเนอร์รู้ตัวทันทีว่าความรู้ยังอ่อน หลังจากนั้นผมจึงซื้อหนังสือเกี่ยวกับแฟชั่นกลับมาอ่านที่บ้านหลายเล่ม บางเล่มหนา 300 หน้าก็ต้องอ่านให้จบ แม้เราจะไม่ใช่คนแฟชั่นจริงๆ แต่จะไม่ยอมเป็นมือสมัครเล่นในสิ่งที่ทำ การเป็นนักข่าวไม่จำเป็นต้องรู้ทุกเรื่องหรอก แต่ต้องฉลาดพอที่จะตั้งคำถามที่ฉลาดได้ หลังจากนั้นพอกลับไปสัมภาษณ์ดีไซเนอร์อีกครั้ง ผมก็ได้บทสัมภาษณ์ที่ดีขึ้น รวมถึงได้เข้าไปทำข่าวในงานนิวยอร์กแฟชั่นวีคด้วย

นักข่าวไทย
สัมภาษณ์คนเหล็ก อาร์โนลด์ ชวาร์เซเน็กเกอร์

วงการสื่อที่นิวยอร์กแข่งขันกันดุเดือดขนาดไหน มีแนวใช้พลังมืดไหม

มีอยู่แล้ว เวลาผมทำงานยังต้องวางแผน แล้วทำไมคนอื่นเขาจะไม่ทำ ฝรั่งก็มีหลายแบบ พวกประจบเจ้านายก็มี หรือที่เป็นข่าวให้เห็นอยู่เรื่อย ๆ เช่น แย่งตัวดาราไปสัมภาษณ์โดยการติดสินบน พอเรื่องแดงออกมาก็กลายเป็นข่าวใหญ่ เพราะฉะนั้นเบื้องหลังต้องมีเรื่องที่ลึกกว่านั้นอยู่แล้ว ผมเองก็ต้องใช้คอนเน็กชั่นที่มีเพื่อให้ได้งาน บางครั้งอาจต้องวางแผนบ้าง แต่สิ่งสำคัญคือ ต้องไม่ผิดจรรยาบรรณการเป็นนักข่าว

คุณวางเป้าหมายเรื่องต่อๆ ไปบนถนนสายนี้อย่างไร

ตอนนี้ไม่มีเป้าว่าอยากไปงานนั้น หรือสัมภาษณ์ดาราคนนี้ ผมอายุ 40 ปีแล้ว เป้าหมายสำคัญคือ อยากทำงานในวงการนี้ต่อไปเรื่อยๆ แต่ในอนาคตอาจไม่จำกัดตัวเองอยู่แค่สายบันเทิงหรือแขนงใดแขนงหนึ่ง วันหนึ่งผมอาจเขียนหนังสือเกี่ยวกับการเมืองหรือด้านอื่นๆ ก็ได้ ยังไม่รู้เหมือนกันว่าจะไปต่อที่จุดไหน แต่สิ่งหนึ่งที่มั่นใจมาตลอดคือ ผมเกิดมาเพื่อทำงานสื่อสารมวลชน เพราะทุกครั้งที่มีเหตุการณ์ใหญ่ๆ ผมจะอยากรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง อยากอยู่ตรงนั้นเพื่อเก็บเรื่องราวมาเล่าต่อให้คนอื่นฟัง นิสัยผมเป็นแบบนี้มาตลอด

นักข่าวไทยแสดงว่าการเป็นสื่อเติมเต็มบางอย่างให้ชีวิต คุณจึงเลือกทำงานนี้ต่อ

ใช่…มีคนพูดว่า โลกนี้เป็นของผู้ชายรวยกับผู้หญิงสวย ฟังดูแล้วเหมือนเป็นเรื่องจริงนะ แต่สิ่งที่อาชีพนักข่าวเติมเต็มให้ผมคือ ประสบการณ์ล้ำค่า ถ้าไม่ได้ยึดอาชีพนี้คงไม่ได้นั่งติดกับฮิลลารี คลินตัน ได้อยู่ในอีเว้นต์เดียวกับประธานาธิบดีโอบามา หรือมาดอนน่าที่เจอมา 4 – 5 รอบ สิ่งเหล่านี้เป็นประสบการณ์ชีวิตที่ผมเล่าได้ยันตาย

เมื่อถึงวันนั้น สิ่งที่ผมเหลือทิ้งไว้อาจไม่ใช่เงินมรดก แต่เป็นประสบการณ์ดี ๆ ที่น้อยคนจะได้สัมผัส แพรวขอชื่นชม
นักข่าวไทย คนนี้เลยจริงๆ

 

เรียบเรียงโดย : Gingyawee_แพรวดอทคอม
ที่มา : นิตยสารแพรว ปักษ์ 882 วันที่ 25 พฤษภาคม 2559 เรื่อง ปารัณ เจียมจิตต์ตรง
ภาพ : วรสันต์ ทวีวรรธนะ

ฉีกกฎของกางเกงยีนส์ จะเกิดอะไรขึ้นถ้าเดนิมไม่ใช่กางเกงยีนส์สุดเซอร์อีกต่อไป?

กางเกงยีนส์เป็นไอเท็มที่ต้องมีติดตู้เสื้อผ้ากันทุกคนไม่ว่าจะเป็นผู้หญิงหรือผู้ชาย แต่ฤดูกาลนี้ Diesel (ดีเซล) จะพาทุกคนไปก้าวข้ามทุกขีดจำกัดของเดนิม จากปกติที่เราเห็นว่าเดนิมมักจะนำมาผลิตเป็นกางเกงยีนส์เท่ๆ เซอร์ๆ นั้น ตอนนี้มันได้เปลี่ยนไปแล้ว!

กลายเป็๋นเดนิมนำมาจับคู่ผสานกับเสื้อผ้าสไตล์สปอร์ต ซึ่งทำให้ได้ผลลัพธ์อันเป็นรสชาติใหม่ของ Diesel ที่เปี่ยมด้วยพลังอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน ด้วยการคิดค้นนวัตกรรมเนื้อผ้าแบบใหม่ จนได้ผลิตภัณฑ์ที่น่าทึ่งอย่าง JoggJeans ไอเท็มเดนิมที่ยืดหยุ่นสวมใส่สบายทุกสถานการณ์

1

ซึ่งกลายเป็นที่ชื่นชอบของเหล่าเดนิมเลิฟเวอร์ทั่วโลกมาแล้ว ล่าสุดนี้ Diesel ได้พัฒนาเนื้อผ้าชนิดใหม่ที่ให้ความรู้สึกบางเบาขึ้นกว่าเดิมแถมสัมผัสนุ่มสบายเหมือนผ้าไหมในรูปลักษณ์ที่ดูสปอร์ตโฉบเฉี่ยว เพิ่มความพิเศษขึ้นอีกขั้นกับคอลเลคชั่น MOTION DIVISION ที่นับเป็นอีกก้าวสำคัญของ JoggJeans ที่ให้ทั้งความเท่ แฟชั่น และได้การเคลื่อนไหวอย่างมีอิสระอย่างลงตัว ด้วยการออกแบบตามสรีระร่างกายผสานเนื้อผ้าที่ให้ความสบายสูงทว่ายังคงความรู้สึกของยีนส์ได้อย่างครบถ้วน เพื่อตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์แอคทีฟของคนที่ชื่นชอบการเคลื่อนไหวอย่างมีอิสระ และที่สำคัญคือสามารถสวมใส่เพื่อออกกำลังกายได้จริงเทียบเท่าเสื้อผ้าสปอร์ตแวร์ชั้นนำอีกด้วย โอ้โห แบบนี้ต้องจัดสักตัวแล้วแหละเพื่อนๆ ว่าไหม?

4

2

3

เรียบเรียงโดย : saipiroon_แพรวดอทคอม

ภาพ : ดีเซล

keyboard_arrow_up