กัญจนพร คันธสมบูรณ์

เพิ่มสปีดเมคอัพสวยด่วนสไตล์เซเลบสาว “เบล – กัญจนพร” รับรองไม่เปลืองเวลา แถมโคตรปัง!!

Alternative Textaccount_circle
กัญจนพร คันธสมบูรณ์
กัญจนพร คันธสมบูรณ์
ตื่นมาตอนเช้ายังไม่ทันได้ตั้งสติก็หมดเวลาชิลล์แล้ว อดจิบกาแฟชมนกชมไม้เลย ชีวิตคนเมือเนี่ยมีแต่ความเร่งรีบ ธุระปะปังเยอะไปหมด แต่ถึงจะรีบแค่ไหน เชื่อว่าสาวๆ คงไม่ยอมเปลือยหน้าสดจากบ้านกันแน่ๆ ใช่ไหมคะ ยังไงซะก็ขอสวยจัดเต็มหน่อย ถึงแม้เวลามีจำกัด แต่ แพรวดอทคอม มีเคล็ดลับเมคอัพสวยด่วนของเซเลบสาวสวย  “เบล – กัญจนพร คันธสมบูรณ์” มากระซิบบอก ตั้งแต่เทคนิคจนถึงบิวตี้ไอเท็มที่ใช้เลย มีอะไรบ้างไปดู
 

เตรียมผิวก่อนเมคอัพ
“ปัญหาของผู้หญิงส่วนใหญ่คือ เมคอัพหลุดไหลเยิ้มระหว่างวัน เบลจึงให้ความสำคัญกับขั้นตอนเตรียมผิวเป็นพิเศษ
เพราะเชื่อว่าผิวที่ชุ่มชื่นเป็นพื้นฐานที่ดีที่สุดที่จะทำให้เครื่องสำอางติดทน ต่อให้ไม่มีเวลาแค่ไหนก็ต้องบำรุง เบล
เลือกเอสเซ้นส์แบบน้ำ ‘The History of Whoo’Ja Saeng Essence ให้ความเบาสบาย ไม่เหนียวเหนอะหนะผิว
ใช้วิธีตบและกดเบาๆ ให้ผิวรู้สึกตื่นตามด้วยสเปรย์น้ำแร่ ‘La Roche-Posay’ Serozinc Oil Blotting Mist ก่อนเมคอัพ ฉีดทั่วใบหน้าแล้วปล่อยให้น้ำซึมเข้าผิวโดยไม่ต้องซับออกจะช่วยควบคุมความมัน และล็อกเครื่องสำอางให้อยู่ทนนานยิ่งขึ้น”

ปกปิดเนียนสนิท
“เบลมีปัญหาเรื่องใต้ตาคล้ำดำมาก เพราะฉะนั้นจึงขาดคอนซีลเลอร์ไม่ได้เลย แนะนำเนื้อครีมแบบจิ้มจุ่ม ‘Nars’ Radiant Creamy Concealer ที่เกลี่ยง่ายและยังคงความชุ่มชื่นให้ผิวไม่เป็นคราบ

“เทคนิคคือ ให้แต้มเนื้อคอนซีลเลอร์บนจุดที่ต้องการปกปิด เบลเน้นบริเวณใต้ตา มุมปาก และรอยสิว ทิ้งไว้ประมาณ 2 – 3 วินาที รอให้เนื้อครีมเซตตัวแล้วจึงเกลี่ยอุปกรณ์ช่วยที่เวิร์คที่สุดสำหรับการปกปิดคือ นิ้วมือ เพราะมีอุณหภูมิความร้อนที่ช่วยให้เนื้อคอนซีลเลอร์เนียนสนิทไปกับผิว นอกจากนี้ยังสามารถใช้เป็นไฮไลท์เน้นให้หน้าดูพุ่งและมีมิติได้ด้วยแต้มเบาๆ บนกระจับปาก สันจมูก และคางค่ะ”

ติดขนตาปลอมแบบแน่นทน
“อันดับแรกต้องตัดขนาดขนตาปลอมให้พอดีกับรูปตาก่อน ไม่อย่างนั้นอาจเกิดอาการเจ็บตา น้ำตาตกจนเครื่องสำอางไหลเยิ้มได้ ทากาวบนขนตาปลอม แล้วรอให้แห้งประมาณ 10 วินาที จากนั้นติดให้ชิดโคนขนตาที่สุด โดยไล่ติดจากหางตาไปยังหัวตา ระวังไม่ให้ชิดกับหัวตามากไปจะได้ขนตาที่ดูสวยพอดี ติดทนแน่น และรวดเร็ว อย่าลืมดัดขนตาก่อนติดขนตาปลอมเพื่อความเนียน สำหรับสาวที่ขนตาน้อยให้ปัดมาสคาราไปด้วยเลยค่ะ”

บลัชออนเนื้อครีมชิ้นเดียวจบ
“มีเวลาจำกัด แนะนำให้ใช้บลัชออนเนื้อครีม ‘Chanel’ Le Blush Crème de Chanel สี Revelation เบอร์
63 สีส้มอมชมพู เป็นสีที่ทายังไงก็เกิด เพราะดูเนียนเหมือนแก้มมีเลือดฝาด ดูเป็นธรรมชาติสุดๆ แถมยังเกลี่ยง่ายและ
ให้ความติดทนนานมากกว่าแบบฝุ่นด้วย

“เคล็ดลับการทาบลัชออนของเบลมีสองแบบ หนึ่ง แต้มเป็นจุดเล็กๆ 3 จุดในแนวเฉียงจากพวงแก้มขึ้นไปถึงโหนกแก้ม จะช่วยให้หน้าดูเรียวเล็ก สอง แต้มเป็นเส้นตรงบริเวณพวงแก้มแล้วเกลี่ยวนเป็นวงกลม จะช่วยให้หน้าดูเด็ก ไม่ควรป้ายเป็นแถบใหญ่ เพราะเสี่ยงต่อการพลาดพังได้ง่ายค่ะ ชิ้นนี้บอกเลยว่าเริดมากพกแค่ตลับเดียวประยุกต์ใช้เป็นบลัชออน อายแชโดว์ และลิปสติก ได้ทั้งงานแก้ม ตา และปากเลยค่ะ”

ปากเป๊ะกับลิปสติกเนื้อแมตต์
“สิ่งสำคัญสำหรับการทาลิปสติกเนื้อแมตต์คือ ผิวปากต้องดี ไม่แห้งแตก หรือลอกเป็นขุย เพราะฉะนั้นจึงควรสครับริมฝีปากก่อน วิธีที่ง่ายและเซฟเวลาที่สุดคือหลังแปรงฟัน ให้ใช้แปรงสีฟันนี่แหละถูวนเบาๆ แล้วเช็ดออก จะช่วยให้ปากดูเนียนขึ้น เบลทาลิปสติกจากตัวแท่งเลย เพื่อความรวดเร็ว เวลาทาควรเกร็งริมฝีปากให้ตึง โดยลากจากกลางริมฝีปากไปยังมุมปากทั้งสองข้าง จะได้ความคมเป๊ะ ขอบปากดูชัด สำหรับใครที่ริมฝีปากแห้งมากให้ทาลิปบาล์มบางๆ
เท่านั้นแล้วซับออก”

ภาพจาก Instagram : nobelbelle
ที่มา : นิตยสารแพรว ฉบับ 907
เรียบเรียง : PP_แพรวดอทคอม

 

ไม่พลิกโผหน้ากากอีกาเผือก “ซานิ AF6” น้ำตาแตก ดีใจมีคนจำเสียงได้

เรียกว่างวดเข้ามาทุกทีแล้วสำหรับรอบ Final ของรายการ “หน้ากากนักร้อง” (THE MASK SINGER 2) โดยเมื่อวันที่ 6 ก.ค. ที่ผ่านมา เป็นการตัดสินหาผู้ชนะใน GROUP B ซึ่งเป็นการปะทะกันระหว่าง “หน้ากากเสือจากัวร์” แชมป์ และ “หน้ากากอีกาเผือก” น้องสาว “หน้ากากอีกาดำ”

และหลังจากรอคอยมาเกือบครึ่งค่อนคืน ผลปรากฏว่า “หน้ากากเสือจากัวร์” สามารถเอาชนะ “หน้ากากอีกาเผือก” ไปได้ ซึ่งผู้ที่อยู่ภายใต้ “หน้ากากอีกาเผือก” คือนักร้องสาวเสียงห้าว “ซานิ AF6 – นิภาภรณ์ ฐิติธนการ” อดีตแชมป์หญิงคนแรกในรายการทรู อะคาเดมี่ แฟนเทเชีย

โดยภายหลังจากที่ถอดหน้ากากออก นักน้องสาวได้เผยความรู้สึกว่าขอบคุณรายการ The Mask Singer มากๆนะคะ ในหน้ากากอีกาเผือกนั้นน้ำตาไหลเลยนะ สิ่งเดียวที่มันทำให้ชีวิตนักร้องที่ไม่มีอะไรเลยหนึ่งคนดีใจคือ อ้าปากร้องเพลงแล้วคนจำเสียงได้ วันแรกที่เปิดตัว น้ำตาไหลในหน้ากากนั้นจริงๆ ความรู้สึกทุกข์สุขในหน้ากากมันมีพลังมากมาย เราเคยคิดว่าอาชีพนักร้องเรามันจบไปรึยังวะ เรายังเดินอยู่ได้ไหม เรายังไหวไหม เราไม่ใช่นักร้องที่ร้องเพลงได้เพราะที่สุด แต่มีความสุขที่สุดทุกครั้งที่จับไมค์ ขอบคุณทุกกำลังใจ ทุกคำติชม ขอบคุณและน้อมรับทุกคำด่าคำติ ขอบคุณที่ทำให้ไม่เคยหยุดพัฒนาตัวเอง ขอบคุณที่ทุกคนยังไม่เลิกรักเพลง Rock ทุกวันนี้ที่ยังเดินอยู่เพราะรัก มันไม่ใช่อาชีพที่ไว้แค่ทำมาหากิน มันคือชีวิต เราใช้ชีวิตเพื่อสู้กับชีวิตมาตลอดชีวิต และยังจะสู้ต่อไป…ป.ล. รู้สึกโล่งเหมือนได้ขี้ อึดอัดที่โดนจี้มาหลายเดือน เน่! เฉียบ 😂 ฝากเชียร์หน้ากากเสือจากัวร์ต่อด้วยนะคะ ขอพลังให้ Group B พี่เสือจากัวร์จ๋า สู้เขานะคะ🖤

สินสอดไม่ใช่ประเด็น “ป๊อก” แย้มแค่อยู่กับ “มาร์กี้” มีความสุขแล้ว

เมื่อกลางเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา “ป๊อก – ภัสสรกรณ์ จิราธิวัฒน์” ได้ทำเซอร์ไพร้ส์ขอนางเอก “มาร์กี้ – ราศรี บาเล็นซิเอก้า” แต่งงานกลางสวนสนุกดิสนีย์แลนด์ ออร์ลันโด ท่ามกลางเพื่อนหลายสิบชีวิตที่แอบข้ามทวีปตามไปให้กำลังใจ

วางแผนเรื่องการแต่งงานไปถึงไหนแล้ว?

ป๊อก : แผนอย่างที่บอก ให้คุณแม่เป็นคนดู เพราะเราไม่ถนัดเรื่องเหล่านี้ เดี๋ยวเย็นนี้นัดเจอกันก็น่าจะรู้แล้วว่าได้ฤกษ์วันไหน ที่เป็นข่าวว่าจะเป็นต้นปีหน้า เดี๋ยวรอคืนนี้ก็น่าจะรู้แล้วว่าวันไหน รู้แล้วเดี๋ยวบอกเลยแน่นอน เพราะไม่มีประโยชน์ที่จะมาปิดบังกันอยู่แล้ว รอให้ชัวร์ๆ ดีกว่า

มาร์กี้ : เรื่องเตรียมชุดยังไม่ได้เตรียมเลยค่ะ เราได้แต่ดูตามอินเทอร์เน็ต ของจริงยังไม่ได้ดู เดี๋ยวว่าค่อยไปดูอีกทีนึง คงดูภายในไม่เกินเดือนหน้า แต่คงไม่หลายชุด ขี้เกียจเปลี่ยน (หัวเราะ) กำลังดูๆ อยู่ว่าจะเป็นใครทำ แบรนด์ไหน อะไรยังไง ก็มีคนอาสามาช่วยดูบ้างนิดๆ หน่อยๆ ก็เอาที่แบบมันเหมาะกับตัวเรามากที่สุด ต้องดูหลายเรื่อง นอกจากชุดเราก็ต้องดูชุดเพื่อนเจ้าสาวด้วย เพิ่งคุยกับพี่ป๊อกว่าเดี๋ยวต้องเตรียมลิสต์รายชื่อแขก

ป๊อก : รายชื่อแขกผมแอบทำไว้บ้างแล้ว แต่ได้ประมาณ 5 เปอร์เซ็นต์ ถามว่างานนี้ทุ่มไม่อั้นไหม (หัวเราะ) พูดมามึนเลย เดี๋ยวดูอีกที ก็ตามความเหมาะสม ส่วนสถานที่แน่นอนที่บ้านทำโรงแรม ต้องแต่งที่โรงแรมของคุณพ่อ โรงแรมเซ็นทาราแกรนด์ แอท เซ็นทรัลเวิลด์ ถ้าเราไปแต่งที่อื่นก็เป็นอะไรที่ไม่สมควร

จะหมั้นแล้วแต่งวันเดียว หรือว่ายังไง?

ป๊อก : ยังไม่ทราบเลยครับ ภายในคืนนี้ก็จะรู้แล้ว ผมก็อยากรู้เหมือนกันว่าวันจริงๆ คือวันไหน คืนนี้จะไปประชุมกับแม่ ตั้งแต่กลับมาคุณแม่ก็ยินดีกับเรา ขอให้เรามีความสุขมากๆ แม่ไม่ค่อยแสดงออก เราก็เลยไม่รู้ว่าแม่ตื่นเต้นไหม เดี๋ยวใกล้ก็เห็นเองว่าตื่นเต้นไหม

“ป๊อก” ขอ “มาร์กี้” แต่งงานกลางสวนสนุกดิสนีย์แลนด์ ออร์ลันโด

วันที่ “ป๊อก” ขอแต่งงาน เขาพูดว่าอะไรบ้าง?

ป๊อก : เดี๋ยวไปดูในคลิปของเราแล้วกัน เพราะว่ามีอัดไว้หมดเลย มีทุกคำพูดเลย รอไปดูในรายการดีกว่า ผมอายมากครับ ที่เขินเพราะพวกพี่นี่แหละ

มาร์กี้ : เขาทำโปรดักชั่นอันยิ่งใหญ่ของป๊อกกี้ออนเดอะรันไว้ ซึ่งหนูขอดูก่อนนะ เขายังไม่ให้ดูเลย บอกเขาว่าพูดอีกครั้งนึงได้ไหม เขาบอกไม่พูด ให้ไปดูในรายการเอาเอง

ความรู้สึกหลังขอแต่งงานเปลี่ยนไปไหม เพราะต้องใช้ชีวิตคู่ร่วมกันจริงๆแล้ว?

ป๊อก : ของผมยังเหมือนเดิม เพิ่มเติมคือมีเขาอยู่ด้วยตลอด (หัวเราะ)

มาร์กี้ : อันนี้คือดีหรือไม่ดี

ป๊อก : ดีครับ

ช็อตหวานต่อหน้าสื่อของคู่รักคนดัง

ความหวานมันเพิ่มขึ้นไหม เวลาไปไหนมาไหนด้วยกัน?

มาร์กี้ : ก็เหมือนเดิม

ป๊อก : จริงๆ ก็เหมือนเดิม เพราะเราเป็นยังไงก็เป็นอย่างนั้นตั้งแต่ต้น ใช้ชีวิตง่ายๆ

ว่าที่บ่าว – สาวป้ายแดง

ที่บอกว่าตั้งแต่คบกันมาร์กี้ทำให้ชีวิตป๊อกดีขึ้น มันดีอย่างไรบ้าง?

ป๊อก : กี้ทำให้ความคิดหลายๆ อย่างบวกมากขึ้น ปล่อยวางมากขึ้น ผมจะเป็นคนเลิ่กๆ ลั่กๆ ใจร้อน เขาก็ทำให้เราเย็นลงได้

ถ้าแต่งงานแล้ว มาร์กี้เล่นละครฉากเลิฟซีนจะหวงไหม?

ป๊อก : ไม่หรอกครับ

มาร์กี้ : แต่งงานแล้วแปลว่าเลิฟซีนหนักๆ ได้ใช่ไหม?

ป๊อก : คุณได้ ผมก็ได้เหมือนกัน เอาปะล่ะ

มาร์กี้ : เอาสิๆ!

ป๊อก : จริงๆ มันแล้วแต่ความเหมาะสม ผมไม่เคยไปยุ่งก้าวก่ายในงานของเขา งานของเราเขาก็ไม่เคยว่าเหมือนกัน มันคือการแสดงที่ไม่ใช่ความรู้สึกจริงๆ

ป๊อกสามารถถ่ายเอ็มวีกับสาวๆ ได้ไหม?

มาร์กี้ : ได้ เขาไปถ่ายมาแล้วหนิ เพลง ไม่อันตราย ก็ไม่รู้ว่าอันตรายหรือไม่อันตรายกันแน่ ก็โอเค ไม่หวงๆ

หลายคนจับตาว่างานแต่งสินสอดต้องไม่ธรรมดาแน่นอน?

ป๊อก : เอาตรงๆ ผมไม่รู้เรื่องเลยว่าสินสอดจะเป็นอะไรยังไง ก็อยู่ที่ความเหมาะสม ผู้ใหญ่คิดว่าอย่างไรก็ตามนั้นครับ เพราะผมเชื่อว่าสิ่งที่ทำให้เราอยู่ด้วยกันแล้วมีความสุขคือเราสองคน ไม่ใช่สินสอดอะไรพวกนั้น

“มาร์กี้ – ป๊อก”

จะเข้าไปขอกับคุณแม่มาร์กี้อย่างเป็นทางการอีกไหม?

ป๊อก : ผมไปขอมาแล้วครับ คุณแม่ก็ไม่เชิงให้โอวาทขนาดนั้น แค่อวยพรมากกว่า ขอให้เราอยู่ด้วยกันอย่างมีความสุขไปตลอด ส่วนผมก็ไม่มาเชิงให้คำมั่นสัญญาอะไรขนาดนั้น ผมแค่พูดความรู้สึกของผมว่า โอเค ผมไม่ได้มาเล่นๆ ก็จริงใจกับลูกสาวหม่าม้า ประมาณนี้ครับ

มาร์กี้ : (หัวเราะ) ฟังดูเหมือนจะไปรบ เปิดมาก็พูดแบบนี้เลยเหรอ ผมไม่ได้มาเล่นๆ

ป๊อก : ถ้าจำไม่ผิด ก็ใช่นะ

คุณแม่มีท่าทีหวงลูกสาวไหม?

ป๊อก : หวงไหม ผมก็ตอบไม่ได้เหมือนกันกับรีแอ๊คชั่นของหม่าม้า แต่ก็มีตกใจบ้าง เพราะเขาไม่คิดว่าเราจะเข้ามาคุยเรื่องนี้ ผมเข้าไปขอก่อนที่จะไปขอกี้ แน่นอนเราต้องให้เกียรติผู้ใหญ่ เราไม่อยากจะแป้กด้วย พอตอนไปขอกี้ก็ลุ้นเหมือนกัน แต่ด้วยระยะเวลาหลายๆ อย่างที่เราอยู่ด้วยกันมาแล้วมีความสุขมากๆ ผมก็คิดว่าน่าจะโอเคแหละ

มาร์กี้ : หนูว่าตกใจกับประโยคแรกเนี่ยแหละ เพราะหนูยังตกใจเหมือนกันเลยนะ (หัวเราะ) แม่ก็ร่วมมือเซอร์ไพร้ส์ ทุกคนร่วมมือกันอย่างดีมาก พอเซอร์ไพร้ส์เสร็จ ทุกคนแย่งกันพูดว่า แกต้องขอบคุณพวกฉัน การที่ต้องเก็บความลับเป็นเวลานานขนาดนี้ฉันเครียดมาก โอ้โห เราไม่คิดว่ามันจะขนาดนี้ คิดย้อนกลับไป มีเพื่อนๆ หลายคนจะหลุดหลายทีแล้ว (หัวเราะ)

หลังจากกลับมาแล้ว มาร์กี้ได้มีโอกาสเจอคุณแม่ป๊อกหรือยัง?

มาร์กี้ : เจอค่ะ แม่ก็บอกขอแสดงความยินดีด้วยค่ะ

มิสแกรนด์ 2017 งานจัดเต็มไม่ต้อง ดีเทลน้อยก็เลิศได้ สวยออร่าพุ่งด้วยชุดประจำชาติบ่งบอกถิ่นกำเนิด

ค่ำคืนของการประกวดชุดประจำชาติของทั้ง 77 จังหวัด บนเวที Miss Grand Thailand 2017 ก็ได้จบลงไปแล้ว บรรยากาศภายในงานเต็มไปด้วยเสียงกรี๊ดจากแฟนคลับที่เข้ามาเชียร์สาวๆ ทั้ง 77 จังหวัด ให้ความรู้สึกครึกครื้นสนุกสนานกันไป สำหรับงานประกวดชุดประจำชาติเมื่อคืน นอกจากจะมีชุดอลังการงานสร้าง เบอร์ใหญ่ จัดเต็มแล้ว ก็ยังมีชุดที่ไม่ได้ถูกดีไซน์ให้เว่อร์วังมาก แต่กลับสวยโดดเด่นและถูกพูดถึงไม่น้อย เพราะบางทีงานดีเทลกำลังดีก็ทำให้ตัวสาวงามสามารถพรีเซ้นต์ความเป็นตัวตนและถิ่นกำเนิดได้ง่าย เพราะชุดไม่หนัก ทำให้เดินอวดความงามได้อย่างคล่องตัว

แพรวดอทคอมได้คัดลุคแบบไม่เน้นงานเยอะ แต่สวยมากกก มาให้ดูกัน ตามมาเลย

 

มิสแกรนด์เชียงใหม่ อัน – ธนพร โพธาติ๊บ

ชุดนี้มาในคอนเซ็ปต์ มนตร์เสน่ห์แห่งขุนเขา
จากวิถีชีวิตชนเผ่าอันผูกพันกับธรรมชาติ นำผ้าฝ้ายทอมือยกดอกจากโครงการศูนย์ศิลปาชีพในสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ที่มีลวดลายสวยงาม ผสมผสานด้วยผ้าปักชาวเขาอย่างประณีต ตกแต่งด้วยเครื่องประดับเงินอันเลื่องชื่อแห่งชุมชนวัวลาย หัตถกรรมฝีมือช่างสิบหมู่หล่อหลอมเป็นเชื้อชาติพันธุ์ล้านนา มนตร์เสน่ห์แห่งขุนเขา ตัวกระโปรงมีความโมเดิร์น เป็นชุดที่บอกความเป็นชนเผ่าได้ชัดเจน แต่ก็ดูเข้ายุคเข้าสมัย ดีเทลมีความลงตัว ไม่มากไม่น้อยจนเกินไป งามแบบสาวเหนือเลยเจ้า

 
 มิสแกรนด์พัทลุง ลูกปัด – รติยาภรณ์ ชูแก้ว
 า

ต่อกันที่ชุด นารีศรีเทพศรัทธา
พัทลุง ดินแดนลุ่มน้ำวัฒนธรรม ถิ่นกำเนิดโนรา ตำนานกล่าวถึงนิมิตฝันของนางทองสำสี ปรากฏเทพกินรีร่ายรำ นางจึงฝึกหัดให้บุตรของตนจนได้รับสถาปนานามว่า ขุนศรีศรัทธา ผู้ที่มีฝีมือในการรำมโนราห์แตกฉานที่สุดในพระนคร เป็นชุดมโนราห์ที่แปลกตา เพราะแอบเซ็กซี่เล็กๆ ดีไซน์ดูไม่ซับซ้อน แต่ดึงดูดสายตามาก ส่วนโทนสีและลวดลายของผ้าก็เข้ากันได้ดี

ทีเด็ดของสาวงามพัทลุงคือ การฟาดไม้ลงบนเวทีด้วยท่าทางแข็งแรงและเต็มเปี่ยมไปด้วยความมั่นใจ โชว์รำมโนราห์แบบต้นฉบับ สาวลูกปัดบอกว่าไม่เคยรำมาก่อน แต่เพื่อชาวพัทลุงก็ฝึกซ้อมเต็มที่จ้า

 
มิสแกรนด์ภูเก็ต ลูกนัท – วิมพ์วิภา บุหงางาม
 ก
ชุด Monarch of Andaman (โมนาร์ช ออฟ อันดามัน)
ไข่มุกและความรุ่งเรืองของเกาะภูเก็ต รวมกันออกมาเป็นชุดที่ทำให้ผู้สวมใส่สง่างามราวกับราชินีแห่งทะเลอันดามัน ชุดสีขาวเงินประดับด้วยไข่มุกและคริสตัล แถบสีทองเปรียบเสมือนความเรืองรองของวัฒนธรรมไทย ความพลิ้วไหวเปรียบเสมือนสายน้ำและหาดทราย รวมถึงเครื่องประดับศีรษะที่่ดัดแปลงมาจากมงกุฎบ้าบ๋าและเทริดมโนราห์
ชุดของภูเก็ตมาแรงไม่น้อยเลย เพราะด้วยความเรียบโก้ ผสมผสานเอกลักษณ์ของภูเก็ตไว้ได้อย่างลงตัว ทำให้ชุดครบเครื่อง แต่ไม่เยอะ และประโยคที่ดูเหมือนจะคลาสสิกไปแล้วอย่าง น้อยแต่มาก เรียบแต่โก้ ไฮแฟชั่น ช่างเข้ากับลุคนี้ซะจริง สง่างามสุดๆ
 
 ด
มิสแกรนด์สมุทรสาคร ไอติม – ปฐมาวดี ช่วยประสิทธิ์
 ก
ชุด Art of Benjarong (อาร์ต ออฟ เบญจรงค์)
ได้รับแรงบันดาลใจจากลวดลายอันวิจิตรและเป็นเอกลักษณ์ของเครื่องเบญจรงค์ ศิลปหัตถกรรมภูมิปัญญาของไทย สมัยกรุงศรีอยุธยาที่สืบทอดกันมา จนเป็นของขึ้นชื่อในจังหวัดสมุทรสาคร และเป็นชุดที่ทำออกมาได้ดีมากๆ อีกชุดหนึ่ง เพราะดีไซน์บอกถึงเครื่องเบญจรงค์ได้อย่างเด่นชัด ทุกองค์ประกอบถูกจัดวางในตำแหน่งที่เหมาะสม ไม่ว่าจะเครื่องหัว เครื่องประดับอื่นๆ ช่างดูลงตัวไปหมด สีสันที่หยิบมาใช้ก็ไม่โดดจากกัน ทำให้ดูสวยสบายตา ถือเป็นชุดประจำชาติที่อลังการได้อยู่นะ แต่ไม่เยอะ สวยแบบพอเหมาะพอควร
 
 ด
มิสแกรนด์ร้อยเอ็ด ฟักแฟง – ธันยพร พงษ์กุล 
 ก
ชุดเอกธัญญะนารีมงคลศรีสุวรรณภูมิ
ร้อยเอ็ดเป็นแหล่งผลิตข้าวหอมมะลิที่ได้รับการกล่าวขานว่าดีที่สุดในโลก เพื่อแสดงให้เห็นถึงความเป็นดินแดนอันอุดมสมบูรณ์ทางด้านการเกษตร จึงสร้างสรรค์ชุดไทยประยุกต์สีทอง เปรียบเสมือนสีเเห่งทุ่งรวงทอง เพื่อสะท้อนให้เห็นถึงบุญคุณของข้าว และเพื่อแสดงให้เห็นถึงคุณค่าความสำคัญของแผ่นดินอันเจริญรุ่งเรือง รวงข้าวสีทองที่ถูกทำขึ้นส่องประกายวิบวับ ทำให้ชุดมีออร่า เผยความงามในทุ่งข้าวได้อย่างอ่อนโยน แต่ในขณะเดียวกันก็ดูเข้มแข็งด้วยดวงตาที่มั่นใจ และชุดที่เข้ารูปทำให้รูปร่างของนางงามได้ถูกพรีเซ้นต์ไปด้วย
 ด
มิสแกรนด์สระบุรี เบลล์ – เลลาณี ทศพร
 ก
ชุด สุวรรณหังสะ
ตามคติความเชื่อในสมัยพุทธกาล พระพุทธองค์เคยเสวยพระชาติเป็นพญาหงส์ทอง ทางพระพุทธศาสนาจึงถือเป็นหนึ่งในมงคล 108 อันปรากฏในรอยพระพุทธบาท จังหวัดสระบุรี เรียกว่า หงส์ราชา หงส์เป็นเทพพาหนะของพระพรหม หังสะ มีความหมายว่า ลมหายใจเข้า-ออกของการมีชีวิตที่พระพรหมประทานชีวิตมาให้เราในทางศิลปะ
สาวงามคนนี้เป็นลูกสาวดาราดัง แก้ว – อภิรดี ภวภูตานนท์ ความงามนี่ไม่แพ้คุณแม่เลย สำหรับชุดนี้ให้ความงามแบบนางในวรรณคดีมาก เพราะทุกย่างก้าวคีพความเป็นหงส์ได้เป๊ะ จังหวะและท่วงท่าการเดินสื่อสัญลักษณ์ของจังหวัดได้เลิศมาก
 ด
 ด
มิสแกรนด์อุดรธานี ยู่ยี่ – พลอยพรรณราย ชื่นชม
 ก
ชุด BAN CHIANG OF THAILAND จากแนวความคิดพื้นบ้าน สู่แหล่งอารยธรรมแห่งสยามมากกว่า 5,000 ปี จนถูกหยิบยกขึ้นมาเป็นมรดกโลกหนึ่งเดียวในประเทศ คือเครื่องปั้นดินเผาบ้านเชียงแห่งอุดรธานี มาถ่ายทอดเรื่องราวสืบทอดอารยธรรม เอกลักษณ์ที่ชัดเจนบนเครื่องปั้นดินเผาบ้านเชียง

แลดูเป็นชุดประจำชาติที่จะเยอะสุดในบรรดาชุดที่คัดมา แต่ชุดประจำชาติของอุดรธานีก็ดูไม่รกตา เพราะทุกอย่างที่ถูกใส่ลงไปบนชุดได้คิดและครีเอตให้มีความเข้ากันได้อย่างลงตัว ดีไซน์มีความโก้และทันสมัยสุดๆ จากสีและลายของชุดบอกความเป็นเครื่องปั้นดินเผาได้แจ่มมาก


 ก
ใครเชียร์ใครอยู่ก็ลุ้นตามได้นะ ส่วนชุดที่แพรวดอทคอมคัดมา ต้องบอกว่าสนองนี้ดตัวเองล้วนๆ คือเห็นแล้วโดน เลยอยากเมาท์ให้ฟัง และถ้าสาวๆ ชอบชุดประจำชาติของจังหวัดไหนนอกเหนือจากชุดที่เราเลือกมา ก็เข้ามาแชร์กันได้นะ
 ร
ะ 
 ี
ะ 
่ 
้ 
 ้
เ 
 ิ
ข้อมูลและภาพ : เพจ Miss Grand Thailand

อลังการได้อีก CHANEL Fall-Winter 2017/18 ยกหอไอเฟลตั้งกลางรันเวย์ ปลุกปารีสให้ครึกครื้น

กลับมากี่ครั้งก็ทำให้วงการแฟชั่นตะลึงพรึงเพริดได้ตลอด สำหรับแฟชั่นโชว์ของ CHANEL ซึ่งรอบนี้จัดที่กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส ถิ่นบ้านเกิดของแบรนด์ หลังจากที่ก่อนหน้านี้ทั้งคอลเล็คชั่น Cruise และ Métiers d’Art ก็ถูกจัดขึ้นตามเมืองใหญ่ๆ ทั่วโลกมาแล้ว และการกลับมาจัดในปารีสครั้งนี้ CHANEL อาจต้องการสร้างกำลังใจให้อุตสาหกรรมแฟชั่นของฝรั่งเศสคึกคักมากขึ้น เนื่องจากฝรั่งเศสเคยเจอเหตุการณ์เลวร้าย อย่างเหตุก่อการร้ายเมื่อค่ำวันศุกร์ที่ 13 พฤศจิกายน ปี 2015 จนทำให้ปารีสกลายเป็นพื้นที่อันตราย โดยเหตุการณ์นี้ถือเป็นโศกนาฏกรรมที่ทำให้กรุงปารีสอยู่ในภาวะไม่ปลอดภัย ระแวง และรู้สึกหวาดกลัว

อย่างที่รู้กัน แฟชั่นโชว์ของ CHANEL ไม่ว่าจะจัดกี่รอบก็อลังการ ซึ่งความพิเศษในครั้งนี้ CHANEL ได้เลือกหอไอเฟลที่เป็นสัญลักษณ์ของปารีสมาตั้งไว้กลางรันเวย์ ยิ่งทำให้เห็นว่า CHANEL เอาจริงแล้วละ ที่จะส่งให้ปารีสกลับมาผงาดและเป็นที่ชื่นชอบของวงการแฟชั่นอีกครั้ง

เรามาดูรายละเอียดของแฟชั่นโชว์สุดยิ่งใหญ่กันว่ามีอะไรน่าสนใจบ้าง

สถานที่จัดแฟชั่นโชว์

กร็องปาเลส์ (Grand Palais) เป็นสถานที่จัดแสดงนิทรรศการขนาดยักษ์ ซึ่งสร้างขึ้นในปี ค.ศ.1900 ตั้งอยู่ ณ กรุงปารีส ถือเป็นหนึ่งแลนด์มาร์คสำคัญของประเทศฝรั่งเศส และความพิเศษคือสร้างจากโครงเหล็กและแก้ว เป็นสถาปัตยกรรมแก้วที่ใหญ่ที่สุดในโลก หลังจากที่ Crystal Palace ในลอนดอนถูกทำลายจากไฟไหม้เมื่อปี ค.ศ.1936

The #CHANELtower recreated at the Grand Palais for the #CHANELHauteCouture Fall-Winter 2017/18 show

A post shared by CHANEL (@chanelofficial) on

 

หอไอเฟลจำลอง ตัวเด่นของงาน สร้างออกมาได้อลังการสุดๆ

 

คาร์ล ลาเกอร์เฟลด์ (KARL LAGERFELD) ดีไซเนอร์ของ CHANEL

คาร์ล ลาเกอร์เฟลด์ ได้รับเหรียญ Grand Vermeil จาก Anne Hidalgo นายกเทศมนตรีกรุงปารีส ซึ่งเหรียญรางวัลนี้บ่งบอกว่า การสร้างผลงานของเขาและอิทธิพลของเขาในการส่งเสริมชื่อเสียงแฟชั่นของปารีสทำให้ทั่วโลกรู้จักและเป็นที่ยอมรับมากที่สุด

 

การ์ดเชิญเข้าร่วมชมแฟชั่นโชว์

เพื่อเป็นการแสดงให้เห็นว่าเป็นบัตรเชิญในช่วงฤดูใบไม้ร่วง – ฤดูหนาว 2017/18 Haute Couture คาร์ล ลาเกอร์เฟลด์ จึงเลือกภาพวาด “La Tour Eiffel” ของ Robert Delaunay ในปี 1926 ซึ่งเป็นงานศิลปะที่มีสีสัน และแม้ว่าเมื่อก่อนหอไอเฟลจะเป็นสถาปัตยกรรมที่ชาวปารีสไม่ต้องการและรู้สึกอับอาย แต่ ณ ตอนนี้หอไอเฟลได้กลายเป็นสัญลักษณ์ของความทันสมัย สมัยใหม่ และเป็นแหล่งที่มาของแรงบันดาลใจสำหรับศิลปินนับไม่ถ้วน ที่ยังคงใช้หอไอเฟลเป็นแบบอย่างในผลงานของตัวเอง

 

แขกที่เข้าร่วมงานแฟชั่นโชว์ 

พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าสิริวัณณวรีนารีรัตน์

@katyperry & #KristenStewart #CHANELHauteCouture #CHANELtower

A post shared by CHANEL (@chanelofficial) on

@pharrell #CHANELHauteCouture #CHANELtower #pharrellwilliams

A post shared by CHANEL (@chanelofficial) on

 

เสื้อผ้าในคอลเล็คชั่น

คาร์ล ลาเกอร์เฟลด์ ดีไซเนอร์คนดังกล่าวว่า Haute Couture คือคอลเล็คชั่นที่สามารถใช้วัสดุราคาแพงและโครงสร้างที่ซับซ้อนมากที่สุดได้ เป็นงานฝีมือประณีตที่แฝงไปด้วยความหรูหราขั้นสุด

 

ภาพแรกของคอลเล็คชั่นฤดูใบไม้ร่วง – ฤดูหนาว 2017/18 ถ่ายโดยคาร์ล ลาเกอร์เฟลด์

 

นางแบบที่ถูกเลือก

ผู้อำนวยการฝ่ายศิลป์ของ CHANEL ได้เลือก Camille Hurel เป็นนางแบบ เพื่อแนะนำคอลเล็คชั่น Haute Couture ฤดูใบไม้ร่วง – ฤดูหนาว 2017/18 ซึ่งภาพนี้ถ่ายโดยคาร์ล ลาเกอร์เฟลด์

 

 

 

 

 

 

 

ภาพและที่มา : www.chanel.com , IG@chanelofficial

16 ชุดเจ้าสาวเหนือจินตนาการที่ใส่ได้จริงจาก Ashi Studio

account_circle

อาชี่ สตูดิโอ (Ashi Studio) อีกหนึ่งแบรนด์สายกูตูร์สัญชาติเลบานอนอันโด่งดังที่เหล่าเซเลปแถวหน้าอย่าง ซาร่า เจสสิก้า ปาร์คเกอร์ และเลดี้ กาก้าต่างหลงรัก เพราะงานชุดเจ้าสาวสุดดรามาติคของแบรนด์นี้ได้รับคำชมเป็นอย่างมากจากนักวิจารณ์แฟชั่น

โดยใน 2 คอลเล็กชั่นล่าสุดได้มีการนำองค์ประกอบทางสถาปัตยกรรมมาเป็นแรงบันดาลใจในการสร้างสรรค์ผลงาน เช่นการทำปกเสื้อใหญ่หรือโครงกระโปรงที่ดูแข็งได้แต่ทรงจนกลายมาเป็นรูปลักษณ์พิเศษและสง่างามกระแทกใจเจ้าสาวสุดๆ

 

 

แม่มีตังค์! บียอนเซ่ ทุ่มเงินเช่าคฤหาสน์สองพันล้าน อยู่ชั่วคราวต้อนรับลูกแฝด

ซื้อบ้านอยู่เลยมันธรรมดาไป ไหนๆ เงินเยอะอยู่แล้ว เช่าอยู่แป๊บๆ เบื่อแล้วค่อยเปลี่ยนที่อยู่ใหม่ก็ได้ เพราะบางครอบครัวเขาก็ #สะดวกแบบนี้จริงๆนะ อย่างคุณแม่ควีนบี บียอนเซ่ โนวส์ นี่ไง เพิ่งจะคลอดลูกแฝดได้แป๊บ ก็เล่นทุ่มชุดใหญ่ไฟกะพริบ หาคฤหาสน์สุดหรูย่านคนรวยอย่าง Malibu อยู่ชั่วคราวเป็นการต้อนรับสมาชิกใหม่ซะเลย

มีตังค์จะทำอะไรก็ได้ อันนี้เป็นเรื่องจริงที่อาจจะทำให้คนที่ไม่เข้าใจหมั่นไส้กันเล็กน้อย แต่งานนี้จะต้องแคร์ทำไม ในเมื่อคุณแม่บี กับสามี เจย์ซี เขาหาเงินจากการทำงานได้มากมายมหาศาล จะกินจะใช้อะไรทั้งที ก็เลยต้องเลือกแต่สิ่งที่ดีที่สุด

ล่าสุดคุณแม่บีก็เพิ่งคลอดลูกแฝด เลยจัดหาที่อยู่ให้ครอบครัวแบบเรียบง่ายตามสไตล์คุณแม่ เป็นคฤหาสน์หลังยักษ์ที่มีถึง 10 ห้องนอน 14 ห้องน้ำ และสระว่ายน้ำแบบอินฟินิตี้ 8 เมตร มองเห็นวิวทะเล ได้สูดอากาศบริสุทธิ์และดื่มด่ำธรรมชาติให้เต็มปอด

ข่าวเมาท์นี้ทาง The Sun เขายังล้วงข้อมูลมาได้อีกว่า คฤหาสน์ที่ครอบครัวนี้เช่า พวกเขาจะอยู่ยาวถึงเดือนสิงหาคม สนนราคาที่ต้องจ่ายไปเดือนหนึ่งตกอยู่ที่ 500,000 ดอลลาร์สหรัฐเชียวนะ ลองคูณเล่นๆ เป็นเงินไทยนี่ก็ 17 ล้านบาท! คือถ้าค่าเช่าราคาจะแรงขนาดนี้ ซื้อบ้านเป็นกรรมสิทธิ์ของตัวเองไปเลยดีกว่า แต่งานนี้แม่ไม่สน เพราะแม่รวยมาก แม่จะทำอะไรก็ได้…

ในเรื่องความหรูหราของคฤหาสน์ เอาแค่ราคาก่อน เพราะถ้าจะซื้อทั้งหลัง ราคานั้นก็เกือบ 2,000 ล้านบาทเลยนะ และนอกจากจะมีฟังก์ชันที่อำนวยความสะดวกครบครัน มีทัศนียภาพที่สวยงาม และพื้นที่กว้างใหญ่ไพศาลถึง 6.3 เอเคอร์แล้ว

การตกแต่งภายในห้องต่างๆก็ล้วนแต่ใช้ของดีมีราคาทั้งนั้น ดีเทลยิบย่อยเยอะมาก อย่างโคมไฟระย้าที่ประดับอยู่บนเพดานก็มีเรื่องราว เป็นของเก่างานดีไซน์ในยุคคริสต์ศตวรรษที่ 18 แกะสลักจากพลอยสีม่วงและคริสตัลอีกนับไม่ถ้วน นอกจากนี้วัสดุสุดหรูอย่างหินอ่อนก็ถูกนำมาใช้เพิ่มความหรูหราให้การตกแต่งภายในคฤหาสน์ได้อย่างเว่อร์วังสุดๆ

บางทีการจ่ายเงินเดือนละเกือบ 20 ล้านบาทในการเช่าบ้านอยู่สักหลัง คนอย่างเราอาจจะไม่เข้าใจ แต่สำหรับคุณแม่บียอนเซ่กับสามี คงคิดแล้วว่าราคานี้ขนหน้าแข้งยังไม่ร่วง อยู่ไปชิลๆ เบื่อค่อยเปลี่ยนอย่างนั้นละมั้ง…

ข้อมูล/ภาพ : www.news.com.au

พร้อมลุยงานเต็มที่! คิมเบอร์ลี่เรียนจบแล้ว ด้านศิลปกรรมศาสตร์ ทิ้งท้ายฝากชมละคร คมแฝก

ทำงานในวงการบันเทิงควบคู่ไปกับการเรียน ต้องเหนื่อยเป็น 2 เท่า ในที่สุดนางเอกสาวลูกครึ่ง คิมเบอร์ลี่ แอน เทียมศิริ ได้มีข่าวดีให้ได้ยิ้มแก้มปริ เมื่อสาวคิมสำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรี สาขาศิลปกรรมศาสตร์ เอกการแสดง วิทยาลัยดนตรีและศิลปะการแสดง SCA (Superstar College of Arts) เป็นที่เรียบร้อย

โปรเจ็คท์หนังสั้นของสาวคิม
โปรเจ็คท์หนังสั้นของสาวคิม

ก่อนหน้านี้ได้ทราบถึงช่วงทำโปรเจ็คท์จบของ คิมเบอร์ลี่ แอน เทียมศิริ ที่ได้ดึงหวานใจ หมาก – ปริญ สุภารัตน์ มาร่วมเล่นหนังสั้นของตนเองในแนวโรแมนติกดราม่า ซึ่งสาวคิมได้มีส่วนร่วมลงแรงลงใจทุกกระบวนการ ตั้งแต่แสดงเอง กำกับการแสดง เขียนบท รวมไปถึงดูแลเสื้อผ้าหน้าผม เพื่อให้ผลงานหนังสั้นซึ่งเป็นโปรเจ็คท์ของเธอออกมาสมบูรณ์ที่สุด โดยสาวคิมได้เผยเอาไว้ด้วยว่า ตอนนี้พร้อมลุยทำงานในวงการบันเทิงอย่างเต็มที่แล้ว!

สาวคิมเผย “คิมทำงานในวงการบันเทิงควบคู่กับการเรียนไปพร้อมกัน คิมให้ความสำคัญทั้งคู่ เวลาทำงานก็จะตั้งใจทำงาน ท่องบทที่ได้รับมอบหมายมาให้เต็มที่ ส่วนหลังจากทำงานเสร็จก็จะหาเวลาว่างมาอ่านหนังสือเรียน เพื่อให้ตามเพื่อนๆ ทัน เพราะเราทั้งทำงานด้วยและเรียนด้วย แต่เราตั้งใจจะเรียนให้จบ 4 ปี คิมทำโปรเจ็คท์หนังสั้นโดยได้ “หมาก – ปริญ สุภารัตน์” มาร่วมแสดงหนังสั้นโปรเจ็คท์จบโครงงานศิลปินของ SCA และยังได้พี่ๆ ทีมงานที่คอยให้คำปรึกษา จนทำให้การพรีเซ้นต์หนังสั้นที่ทำผ่าน รู้สึกภูมิใจที่ทำสำเร็จ จบภายใน 4 ปีตามเป้าหมายที่วางไว้ค่ะ

“ส่วนเรื่องการรับปริญญา จะรับปริญญาในปีหน้าค่ะ ถามถึงเรื่องงานในวงการบันเทิงตอนนี้ก็สามารถทำงานได้เต็มที่แล้วค่ะ ผลงานละครที่จะมีเร็วๆ นี้คือเรื่อง คมแฝก คู่กับหมาก – ปริญ ของค่ายเมตตาและมหานิยม โดยมีพี่นก – ฉัตรชัย เปล่งพานิช เป็นผู้กำกับ ซึ่งจะได้ชมกันเร็วๆ นี้ทางช่อง 3 ค่ะ”

เรียนจบตามที่ตั้งใจเอาไว้แล้ว ต่อไปแฟนๆ คงได้เห็นผลงานในวงการบันเทิงของสาวคิมแบบจัดเต็มเหนี่ยวแน่นอน

คมแฝก
คมแฝก


เรื่อง: Gingyawee_แพรวดอทคอม
ภาพ: SCA (Superstar College of Arts), IG @kimmy_kimberley @komfak_ch3

"ไอซ์-อภิษฎา"

หล่อไม่เบา!! จากสาวเซ็กซี่ “ไอซ์-อภิษฎา” เปลี่ยนสไตล์สวมวิกผมสั้นสีทองอวดลุคบอยๆ ได้แซ่บเว่อร์

Alternative Textaccount_circle
"ไอซ์-อภิษฎา"
"ไอซ์-อภิษฎา"
ตะลึงพรึงเพริดกันเป็นแถว หลังจากตามส่องไอจีดาราคนนั้นคนนี้ไปเรื่อยแบบเพลินๆ จนไปเปิดไอจีของดาราสาวเซ็กซี่ตัวแม่ “ไอซ์-อภิษฎา” มาทีมีตกใจ ไหงมีรูปหนุ่มผมสั้นๆ หัวทองหราคาไอจี แต่พอจ้องดีๆ นี่ต้องร้อง อ๋ออออออ ยาวเลยละค่ะ ที่ไหนได้ สาวไอซ์นางขอสลัดลุคผมยาวสลวยสวยเคอร์มาแปลงโฉมเป็นลุคบอยๆ คล้ายหนุ่มหน้ามนคนหน้าหวานซะงั้น นี่ถ้าไม่รู้ว่าเป็นสาวไอซ์นะ จะขอสมัครเป็นเอฟซีตามกรี๊ดแบบโอปป้าซะหน่อย
แต่ไหนๆ ก็อุตส่าห์เปลี่ยนลุคสวยดั่งนางพญามาสไตล์หนุ่มเคป็อปทั้งที ไหนขอเทียบให้เห็นชัดๆ ระหว่างผมสั้นกับยาวหน่อยสิ ลุคไหนเหมาะกับสาวไอซ์กว่ากันนะ

 

เรื่อง : PP_แพรวดอทคอม
ภาพจาก Instagram : apitsada

แบกกันสนั่นเวที 7 ชุดประจำชาติมิสแกรนด์ 2017 สุดฮือ-ฮา Met Gala ก็ทำแบบนี้ไม่ได้

ผ่านพ้นไปแล้วกับรอบการประกวดชุดประจำชาติของทั้ง 77 จังหวัด บนเวที Miss Grand Thailand 2017 สาวงามแต่ละคนประชันชุดกันได้สูสีมากๆ ที่สำคัญการพรีเซ้นต์ชุดพวกเธอก็ทำได้ดี แอ๊คติ้งมาเต็ม แม้จะเจออุปสรรคทั้งเรื่องน้ำหนักของชุดและพร็อปที่ประโคมลงบนตัว

ท่องไว้คำเดียวว่า ฉันคือผู้หญิงที่สวยที่สุดบนเวทีนี้! แน่นอนละ…เพราะนี่คือการประกวดนางงามที่รวบรวมสาวสวยทุกจังหวัดในประเทศไทยมาไว้บนเวที

Miss Grand Thailand เป็นการประกวดสาวงามที่ถูกพูดถึงในวงกว้างมากขึ้นเรื่อยๆทุกปี เพราะมีเอกลักษณ์บางอย่างที่ไม่ค่อยจะเหมือนการประกวดนางงามเวทีทั่วไป อย่างปีก่อนก็ฮือฮากับเรื่องการพูดแนะนำตัวของผู้เข้าประกวด มาปีนี้ก็เอาอีกแล้ว เพราะในรอบการอวดโฉมชุดประจำชาติของทุกจังหวัด มันไม่ใช่แค่จะต้องสวยอลังการตามแบบไทยสไตล์อย่างเดียว แต่ยังเต็มไปด้วยไอเดียการออกแบบที่กระฉูดพุ่งแรงจริงๆ แถมแอ๊คติ้งการนำเสนอชุดของเหล่านางงามก็เรียกเสียงฮือและฮามาก ซึ่งงานนี้แพรวดอทคอมไปเฝ้าสังเกตการณ์มาด้วย จนคัดออกมาให้ชมกับ 7 ชุดที่ต้องขอซูฮกให้กับไอเดียการออกแบบ รวมถึงนางงามที่สวมใส่ เพราะบางชุดก็แลดูจะทรมานมาก แต่พวกเธอก็ยิ้ม สปิริตมาเต็ม

มิสแกรนด์จันทบุรี อุ้ม – ทวีพร พริ้งจำรัส

ชื่อชุด : King of Fruit

หน้ากากทุเรียนต้องหลบตกขอบไปเลย เพราะชุดนี้มาทั้งลูก แถมยังแหวกพลูหุบเข้าหุบออกได้อีก ชุดนี้เน้นให้เห็นทุเรียนในทุกมิติ

มีฟังก์ชันเก๋ๆตอนพรีเซ้นต์ พอถอดเอาพลูทุเรียนออก จะกลายเป็นชุดราตรีซ่อนพลูไว้ใต้กระโปรง เครื่องหัวก็จัดหมุดแหลมๆติดให้เต็ม กลายเป็นหนามทุเรียน คือไอเดียนี้บอกเลยว่าได้ใจคนดูมากๆ เข้ากับของดีประจำจังหวัดจันทบุรี แถมชุดก็ดูเก๋ล้ำสุดๆ

 มิสแกรนด์ชุมพร ก้าว – เตชินี กาหลง

ชื่อชุด : วีรนารี

เหมือนจะเป็นชุดไทยที่เคยเห็นทั่วๆไป แต่คิดผิดแล้ว ลองดูดีเทลของลายผ้าให้ดีๆ ชุดนี้เขานำเสนอในคอนเซ็ปต์จากเหตุการณ์ยุวชนทหารที่ตำบลท่ายาง ในรูปแบบของชุดไทยนางรำ ตัดเย็บด้วยผ้าลายพรางทหาร แสดงถึงความอ่อนช้อยสวยงามของสตรีไทยที่แฝงไปด้วยความรักชาติด้วยความเข้มแข็ง

การพรีเซ้นต์ของชุดนี้ทำเอาคนดูเซอร์ไพร้ส์มาก มีการเล่นกับพร็อปทำท่ายิงปืน คือเรื่องของแอ๊คติ้งต้องให้ไปเลยเต็มสิบสำหรับนางงามจากชุมพร

มิสแกรนด์ปัตตานี กอบัว – สมฤาดี วรรณกลัด

ชื่อชุด : สู่สันติสุข
เป็นอีกหนึ่งชุดที่เรียกเซอร์ไพร้ส์ได้หลายตลบ ดูเหมือนจะเป็นชุดราตรีสีขาวธรรมดา แต่ผิดคาด เพราะตอนแรกจะมีชุดคลุมทำจากผ้าและไวนิลสกรีนภาพหนังสือพิมพ์ที่บอกเล่าเหตุการณ์ความรุนแรงของภาคใต้ได้โดนใจสุดๆ

จากนั้นจึงค่อยๆถอดชุดคลุมออกมาเป็นแบบนี้ เรียกว่าเป็นไอเดียที่สื่อความหมายของสันติภาพได้ดี แต่เห็นตอนแบกมาก็ดูจะหนักอยู่นะ

มิสแกรนด์ยโสธร น้ำอ้อย – จิตตานันทิ์ ช่วยชัยธนพล

ชื่อชุด : นารีศรียโส บั้งไฟโก้สู่สากล

จังหวัดนี้ขึ้นชื่ออยู่แล้วเรื่องประเพณีบั้งไฟ และนางงามต้องสตรองขนาดไหนถึงได้แบกบั้งไฟมาด้วย ชุดนี้ยังมีรายละเอียดน่ารักๆอย่างการร้อยมาลัยข้าวตอก รวมถึงผ้าขาวม้าที่บ่งบอกถึงความเป็นอีสาน สีสันที่สดใส ความหลากหลายของสีสันอีกด้วยนะ

มิสแกรนด์ระยอง ยู่ยี่ – มณิการ์ ทิพเนตร

ชื่อชุด : นิลมังกรนารี

ระยองฮิ! มีหรือจะยอม ปีนี้เลยจัดชุดใหญ่แบกม้านิลมังกร สัตว์ในวรรณคดีไทยเรื่องพระอภัยมณีมาด้วย ชุดนี้ส่วนขาที่เพิ่มเข้ามาต้องผูกติดกับเอวให้แน่น แถมยังต้องประคองให้ทุกอย่างไปพร้อมกัน ซึ่งเจ้าตัวบอกว่าแอบมีความยากตอนเดินลงบันไดนิดหน่อย แต่คนออกแบบก็คิดเผื่อมาแล้วว่าใส่แล้วต้องสวยแอนด์คล่องตัว การเดินเฉิดฉายบนเวทีเลยผ่านฉลุย เพราะขาหลังที่เพิ่มเข้ามาติดล้อให้ด้วยนะ เอ้อ…เอากับเขาสิ!

มิสแกรนด์สกลนคร เดียร์ – ณิชารีย์ บุญศิริ

ชื่อชุด : กำเนิดผ้าไทย

งานแบกมาอีกแล้ว แต่เป็นการแบกแบบไทยสไตล์ที่แฝงไปด้วยความโมเดิร์นมากๆ ชุดนี้ได้แรงบันดาลใจจากสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ที่พระองค์ท่านได้พระราชทานอาชีพการทอผ้าแก่คนไทยแต่เดิมมา

ชุดประกอบอุปกรณ์การทอผ้า เช่น “หลา” ที่อยู่บนศีรษะ “กระสวย” ที่ใช้ถือ คืออุปกรณ์พุ่งสอดระหว่างการทอผ้า “อัก” ที่อยู่ระหว่างข้อเท้า “อิ้ว” ที่ห้อยตรงใบหู และกระสวย หัวใจหลักของชุดที่่ทำจากไม้เป็นลำต้น ที่ต้องการสื่อถึงจิตวิญญาณของผ้าไทย

 มิสแกรนด์สมุทรสงคราม กวาง – ชุลีภรณ์ เกิดวั่น

ชื่อชุด : เศรษฐมัจฉา (เสด – ถะ – มัด – ฉา)

มันก็จะได้กลิ่นปลาทูหน่อยๆ…ถูกต้องเลย เพราะงานนี้ถึงคนอื่นจะประโคมด้วยเครื่องทอง ขนเครื่องเพชรหรือคริสตัลมาประดับชุดกันอลังการ

แต่สำหรับนางงามจากจังหวัดสมุทรสงคราม เธอขอเอาปลาทูทั้งเข่งเข้าสู้ และดูฟีดแบ็กจะดีด้วยนะ เพราะปลาทูมาเต็ม เด่นแย่งซีนมากๆ และเข้ากับการนำเสนอของดีประจำจังหวัดได้เก๋สุดๆ

 

จริงๆทั้ง 77 ชุดที่อวดโฉมความแน่นของพร็อปและไอเดียก็จัดเต็มไม่แพ้กันนะ แต่อย่างที่บอกว่าเลือกมาที่ฮือและฮาจริงๆ ทั้งตัวชุดและการพรีเซ้นต์ บอกเลยว่าสาวคนไหนมาประกวดเวทีนี้ แค่สวยไม่พอซะแล้ว แต่ต้องสตรองมากจริงๆ เพราะไม่งั้นจะแบกชุดขึ้นเวทีไม่ไหวกันนะจ๊ะ

 

 

 

เซ็นทรัล

ตามส่องวิถีเซเลบชอบช็อปของ 3 สาวคนดัง 3 ไลฟ์สไตล์เด่น สวยเริด ตามเทรนด์ รักสุขภาพครบ!!

Alternative Textaccount_circle
เซ็นทรัล
เซ็นทรัล

เพราะการช็อปปิ้งเป็นเรื่องสนุก แต่จะเพิ่มขีดสุดถ้าได้มาช็อปแหลกแบบไม่แคร์เวลา วันนี้ แพรวดอทคอม จะพาไปส่องไลฟ์สไตล์ของ 3 คนดังกับไอเท็มคู่ใจ ซึ่งของแต่ละคนจะเป็นอะไร? สวย เก๋ เผ็ช แซ่บ หรือเปล่า? ตามไปดูกันเลย…

ไลฟ์สไตล์สาวสายบิวตี้ “ฟลอ – เกศินี ปิ่นเจริญ”
Beauty Blogger, Florence Room

“เพราะฟลอต้องแต่งหน้าเป็นประจำ บิวตี้ไอเท็มที่ขาดไม่ได้คือ Cleansing ล้างเครื่องสำอางที่เหมาะกับผิวหน้าและสามารถทำความสะอาดเมคอัพได้หมดจด เหมาะกับเลเวลการแต่งหน้าของเรา ทำให้ต้องพิถีพิถันมากกับการเลือก Cleansing ดังนั้นการได้มาเลือกบิวตี้ไอเท็มด้วยตัวเอง ช่วยให้ได้ทดลองเนื้อสัมผัสและเปรียบเทียบประสิทธิภาพของผลิตภัณฑ์ นอกจากการพิจารณาจากส่วนผสมและสภาพผิวของเราค่ะ”

  • THREE Balancing Cleansing Oil (200 มิลลิลิตร / 1,800 บาท)
  • Shu Uemura Ultime8 Sublime Beauty Cleansing Oil (150 มิลลิลิตร / 1,700 บาท) และ (450 มิลลิลิตร / 4,400 บาท)
  • Origins Modern Friction™ Cleansing Oil Radiance-Boosting (150 มิลลิลิตร / 1,300 บาท)

ไลฟ์สไตล์สาวแอ๊คทีฟรักสุขภาพ “บิ๊บะ – ลลิษรา งามเชวง”
Online Influencer

“บิ๊บะชอบออกกำลังกาย เพราะนอกจากจะช่วยให้ร่างกายแข็งแรงแล้ว เวลาเหงื่อออกจะรู้สึกสดชื่น เหมือนได้ปลดปล่อยความเครียดที่สั่งสมออกมา แถมยังช่วยให้นอนหลับสบาย หลับสนิท ร่างกายได้รับการพักผ่อนที่เพียงพอ ดังนั้นการได้ใส่ชุดออกกำลังกายน่ารักๆ ที่เราชอบ ช่วยให้เรารู้สึกอยากไปออกกำลังกายมากยิ่งขึ้นค่ะ”

  • Jenim Sports บราสำหรับออกกำลังกาย รุ่น Sweet Pink Butterfly Bra (ราคา 1,290 บาท)
  • Jenim Sports เลกกิ้งสามส่วนสำหรับออกกำลังกาย รุ่น Sweet Pink Mesh Leggings (ราคา 1,690 บาท)
  • L’urv สปอร์ตบาร์สำหรับออกกำลังกาย รุ่น The London Pop (สอบถามราคาที่เคาน์เตอร์)
  • L’urv เลกกิ้งขายาว รุ่น The London Pop (สอบถามราคาที่เคาน์เตอร์)

ไลฟ์สไตล์สาวแฟชั่น “พลอย – ปณิตา ศรไทยเทวา”
ทายาทเจเนอเรชั่นที่ 3 ของธุรกิจนำเข้าแว่นตาแบรนด์ชั้นนำระดับโลก

“ในชีวิตประจำวันของพลอยจะชอบถือกระเป๋าที่เป็นทรงสี่เหลี่ยม เพราะสามารถเก็บของได้เยอะ และเมื่อวางไว้ที่ใดก็ตามจะไม่เสียทรง ดูสวยงาม แถมยังแมตช์กับเสื้อผ้าเพื่อไปออกงานต่างๆ ก็ดูหรูหรา เรียกได้ว่าใบเดียวเอาอยู่เลยค่ะ”

  • กระเป๋า Coccinelle (ราคา 17,500 บาท)
  • กระเป๋า Guess (ราคา 6,290 บาท)

รู้อย่างนี้นักช็อปทุกคนอย่ามัวรอช้า! พุ่งตัวไปงานเซลระดับตำนาน “Central | ZEN Midnight Sale” ที่เซ็นทรัลทุกสาขาและเซน เพราะมีสินค้าตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์เพียบ

ขาอ่อนกาฬสินธุ์สปิริตมาเต็ม พลาดล้มกลางเวที เหตุเครื่องหัวหนักจนแบกไม่ไหว

ถูกจับตามองและพูดถึงเป็นประจำทุกปี สำหรับการประกวดรอบชุดประจำชาติของเวที “มิสแกรนด์ไทยแลนด์ 2017”

โดยในปีนี้มีชุดเด่นๆที่ออกมาสร้างสีสันมากมาย ขณะเดียวกันก็มีเรื่องไม่คาดคิด เมื่อมิสแกรนด์กาฬสินธุ์ “บีบี – วันวิสา อิสระพายัพ” เกิดอุบัติเหตุล้มแล้วลุก ลุกยังไม่ทันยืนก็ล้มกลางเวทีระหว่างการพรีเซ้นต์ชุดประจำชาติ โดยหลังจากที่ล้มในครั้งแรก สาวงามได้พยายามที่จะลุกขึ้นยืนอีกครั้ง แต่ไม่กี่วินาทีเท่านั้น ขาอ่อนกาฬสินธุ์ก็พลาดล้มบนเวทีอีกครั้ง ล้มลุกคลุกคลานขนาดนี้ ทำเอาหลายคนรู้สึกสงสารเธอจับใจ โดยในฮอลล์นั้นบรรดาแฟนนางงามต่างปรบมือและส่งเสียงเชียร์เธอดังสนั่น

ทั้งนี้ภายหลังงานเสร็จสิ้นจึงได้มีโอกาสสัมภาษณ์ถึงสุขภาพ เพราะมีแฟนๆเป็นหวงทั้งในฮอลล์และในโซเชียล โดย “บีบี” ได้เผยกับแพรวดอทคอมว่า “คือเครื่องหัวหนักประมาณ 3 – 4 กิโลกรัม เพิ่งมาใส่ก่อนขึ้นประมาณ 1 ชั่วโมง โดยการใส่ครั้งแรกนี้ก็เป็นการใส่ตอนขึ้นเวทีเลย สำหรับตอนที่หกล้มไม่ได้รู้สึกตกใจอะไร แต่คิดว่าทำไมวันนี้เราทำพลาด แต่พอได้ยินเสียงเชียร์และเสียงปรบมือจากทุกคน เราก็ฮึดขึ้นมาได้ พอลุกขึ้นมาได้ ทุกคนให้กำลังใจ ทำให้เรามีพลังขึ้นมาทันที ลืมความรู้สึกที่ล้มเมื่อกี้ไปเลย ดีใจที่ทุกคนให้กำลังใจขนาดนี้ ขอขอบคุณทุกคนจริงๆนะคะ ส่วนตัวอยากทำทุกๆก้าวให้เต็มที่ และในครั้งต่อไปจะพยายามทำให้ดีกว่านี้ค่ะ สำหรับอุบัติเหตุที่เกิดขึ้น ไม่เจ็บค่ะ ดีใจมากกว่าที่ทุกคนให้กำลังใจ หายเจ็บไปเลยค่ะ ขอบคุณนะคะ”

“บีบี – วันวิสา อิสระพายัพ” มิสแกรนด์กาฬสินธุ์

สำหรับ “บีบี – วันวิสา อิสระพายัพ” มิสแกรนด์กาฬสินธุ์ ได้เข้าประกวดรอบชุดประจำชาติด้วยชุด “เทวีมณีฟ้าหยาด” (Ta We Ma Ne Fah Yard) โดยชุดนี้ได้แรงบันดาลใจมาจากพระนางฟ้าหยาด ทรงเป็นผู้ที่มีพระสิริโฉมงดงาม พระนางสิ้นชีวิตบนปราสาทกลางน้ำตามพระสวามี ต่อมาได้สร้างเจดีย์เป็นอนุสรณ์ไว้ คือ “พระธาตุยาคู” ชุดประกอบด้วยซิ่นยาวไหมภูไทกาฬสินธุ์ลายโบราณ ปลายชายผ้าซิ่นเป็นรูปหางปลา เกาะอกผ้าไหมพื้นสีแดง เครื่องประดับสมัยขอมโบราณสลักเป็นลวดลาย และสวมเครื่องทรงศีรษะอันสวยงาม

ดูดวงรายวัน ประจำวันพฤหัสที่ 6 กรกฎาคม 2560

ดูดวงรายวัน ประจำวันพฤหัสที่ 6 กรกฎาคม 2560 เช็คทุกวัน ทันทุกดวงกับ แพรว ดอทคอม

ผู้ที่เกิดวันอาทิตย์

การงาน :  ท่านกำลังอยู่ในช่วงพิจารณาผลงาน ความดีความชอบ หรือทดลองงาน จึงทำให้ท่านรู้สึกอึดอัด วิตกกังวล ทุกข์ใจและเบื่อหน่ายมากๆ ควรอดทน อย่าใจร้อน หรือดื้อรั้น เพราะจะทำให้สถานการณ์เลวร้ายลงอีก

การเงิน :  ท่านหาทางหมุนเงิน จนถูกดึงไปข้องเกี่ยวกับอาชีพที่ผิดกฎหมาย

ความรัก : วันนี้ท่านอาจหลงระเริงอยู่ที่สถานบันเทิงจนลืมคนที่บ้าน มีความเสี่ยงต่อการกระทำที่ไม่ถูกต้องสูง คนโสด ผู้หญิงอย่าไว้ใจคนที่จะเข้ามาในวันนี้ ท่านอาจเพลี่ยงพล้ำได้

สุขภาพ : ระวังจะเกิดโรคจากอบายมุข และสถานที่ท่องเที่ยว

 

ผู้ที่เกิดวันจันทร์

การงาน : ยังคงอยู่ในโหมดของการริเริ่มงานใหม่ๆ แต่วันนี้จะเน้นใส่ความคิดสร้างสรรค์ ความแปลกใหม่ลงไปด้วย เป็นโอกาสดีที่ท่านจะได้แสดงศักยภาพและพรสวรรค์ให้คนชื่นชมและยอมรับ

การเงิน : หาเงินเก่ง จึงมีเงินใช้จ่ายตลอดเวลา

ความรัก : วันนี้อาจต้องกลับมาคิดทบทวนว่า เลือกคนถูกหรือผิด เพราะที่อยู่วันนี้ไม่ใช่อย่างที่ท่านต้องการ คนโสด โลเล จะทำให้ตัดสินใจผิดนะคะ

สุขภาพ : อย่าวิตกกังวลกับเรื่องที่ยังมาไม่ถึง จะทำให้เป็นโรคเกี่ยวกับประสาทและสมองได้

 

ผู้ที่เกิดวันอังคาร

การงาน  : ท่านไม่สามารถควบคุม หรือบังคับการเปลี่ยนแปลงของเหตุการณ์ต่างๆ ที่เข้ามาในชีวิตได้ จะสามารถให้คุณให้โทษได้อย่างรวดเร็วจนตั้งตัวไม่ติด

การเงิน :  ท่านมีโอกาสเข้าไปพัวพันกับเงินสินบน ควรหลีกเลี่ยง

ความรัก :  มีปัญหาเรื่องงาน หันหน้าปรึกษาคนข้างตัวดีที่สุด จะช่วยส่งเสริมท่านได้อย่างดี  คนโสด ท่านเจ้าชู้ ยังไม่หยุดนิ่งกับใคร กว่าจะแต่งงานก็อายุขึ้นเลข 3

สุขภาพ : ใช้ชีวิตสมบุกสมบันมากเกินไป ทำให้มีโอกาสเจ็บป่วยด้วยโรคเรื้อรัง

 

ผู้ที่เกิดวันพุธ

การงาน  :  วันนี้ท่านอารมณ์เบื่อเข้าสิง สมาธิสั้น ทำอะไรนานไม่ได้ อยู่ไม่ติดออฟฟิศ เดินทางติดต่องานตลอดเวลา

การเงิน   :  ใช้เงินเก่ง จนไม่ชนปลายเดือน ต้องขอพ่อแม่

ความรัก : วันนี้สภาวะอารมณ์ของท่านหวั่นไหว ไม่มั่นคง จนตัดสินใจอะไรไม่ได้เลย ควรหาเวลาพากันไปเที่ยว เปลี่ยนบรรยากาศบ้าง คนโสด คาดหวังสูง จึงต้องคอยนานหน่อย

สุขภาพ : พกร่วมยาไปด้วย ท่านจะมีอาการปวดศีรษะ หน้ามืด ตาลาย

 

ผู้ที่เกิดวันพฤหัสบดี

การงาน : ต้องใช้สติปัญญาในการคิดทบทวนแก้ไขปัญหาต่างๆ อย่างละเอียดรอบคอบ หากท่านรู้สึกว่าใช่ ก็ฟันธงเลย เพราะวันนี้เซ้นส์ท่านแม่น

การเงิน : ระวังเสียรู้และโดนหลอก

ความรัก :  วันนี้ท่านดูแล เอาใจใส่ และถนอมน้ำใจครอบครัวเต็มที่ แต่ขออย่ามาจำกัดอิสรภาพของท่าน ทุกอย่างจบ คนโสด หลีกเลี่ยงคนเกิดปีกุนไว้นะคะ ไม่ถูกกันอย่างแรง

สุขภาพ : หลีกเลี่ยงอาหารสุกๆ ดิบๆ หรือรสจัด

 

ผู้ที่เกิดวันศุกร์

การงาน  : ท่านมีภาวะความเป็นผู้นำสูง แม้จะพบกับอุปสรรคหนักหนาประการใด ท่านก็ยังเต็มร้อย เป็นที่พึ่งของบริวารและลูกน้องได้

การเงิน :  มีโชคในการหาเงินนอกบ้าน

ความรัก : จริงๆ วันนี้ท่านโรแมนติกนะ แต่เพราะท่านคาดหวังมากไปนิดเลยกลายเป็นไม่เป็นธรรมชาติ คนโสด มีเสน่ห์ แต่หากใครมาจำกัดอิสรภาพ เลิกเลย

สุขภาพ  :  อย่ากลั้นปัสสาวะจะทำให้กรวยไตอักเสบ และกระเพาะปัสสาวะอักเสบ

 

ผู้ที่เกิดวันเสาร์

การงาน : ระวังจะเข้าไปข้องเกี่ยวกับงานที่เกี่ยวข้องกับสถานบันเทิง แหล่งท่องเที่ยวยามราตรี รวมถึงการท่องเที่ยวและโรงแรม อาจเป็นงานที่ผิดกฎหมาย

การเงิน : หมดไปกับการเที่ยวเตร่ อบายมุข

ความรัก : ระวังวันนี้จะมีเรื่องอื้อฉาวทุกประเภท ทั้งซ่อนเร้น แย่งชิง แอบรักแฟนชาวบ้าน  คนโสด ยับยั้งชั่งใจนิดนะคะ ไม่เช่นนั้นจะมีเรื่องใหญ่ตามมา

สุขภาพ : อย่าดื่มขณะขับรถ เพราะอาจทำให้เกิดอุบัติเหตุได้

 

เคลียร์ไปเลยม้วนเดียวจบ! 10 ข้อเกี่ยวกับ “ซงซงคัพเพิล” คู่รักซูเปอร์สตาร์แดนกิมจิ

เรียกว่าเป็นข่าวใหญ่เลยทีเดียว เมื่อพระเอกเจ้าของฉายา “สามีแห่งชาติ” “ซงจุงกิ” วัย 32 ปี ประกาศเตรียมลั่นระฆังวิวาห์ในวันที่ 31 ต.ค. นี้ กับนางเอกรุ่นพี่ “ซงฮเยคโย” วัย 35 ปี หลังร่วมงานกันในซีรีส์เรื่อง Descendants of the Sun ล่าสุดจากคู่จิ้นกลายมาเป็นคู่รักในชีวิตจริงแล้ว

ทั้งนี้ตลอดวันที่ผ่านมา สื่อแดนกิมจิมีการอัพเดตข่าวสารของคู่รักทุกชั่วโมง งานนี้เลยขอบรวบแบบสั้นๆ เข้าใจง่าย มาอัพเดตให้แฟนๆ “ซงซงคัพเพิล” ได้ร่วมชื่นชมในข่าวดีของทั้งคู่ด้วย

1. ”จุงกิ” พยายามอย่างมากในการจีบ “ฮเยคโย” : แหล่งข่าววงในรายนี้ที่ใกล้ชิดกับทั้ง “ซงจุงกิ” และ “ซงฮเยคโย” ได้เปิดเผยเรื่องราวผ่านทาง OSEN ว่า ซงจุงกิแอบส่งของว่างมาให้ซงฮเยคโย นอกจากนี้ยังเปิดเผยอีกว่า “ซงฮเยคโย” รู้สึกไม่ค่อยสบายใจกับการคบหากับคนในวงการสักเท่าใด และแม้ฝ่ายหญิงจะมีความรู้สึกอึดอัด ทางซงจุงกิเองก็ยังคงไม่ละความพยายาม เดินหน้าจีบฝ่ายหญิงต่อไป จนทำให้นักแสดงสาวต้องยอมเปิดใจในที่สุด

2. สาเหตุของการประกาศแต่งงาน : หลังจากที่ถูกจับตามองว่ามีความสัมพันธ์นอกจอ ทั้งคู่ถูกปาปารัซซี่ตามถ่ายภาพอยู่บ่อยครั้ง แต่ทุกครั้งก็ออกมาปฏิเสธ ล่าสุดมีการเปิดเผยจากทีมงานว่า หลังจากข่าวไปบาหลีในช่วงเวลาเดียวกัน “ซงจุงกิ” กลัวว่า “ซงฮเยคโย” จะถูกพูดถึงในทางเสียหาย และได้เข้าไปคุยกับผู้กำกับภาพยนตร์เรื่องล่าสุดของเขาว่า ถ้าเขาเผยข่าวแต่งงานออกไปในตอนนี้ จะมีผลกระทบต่อหนังหรือไม่ และเมื่อไดเร็คเตอร์ยืนยันว่าไม่มี เขาจึงตัดสินใจประกาศข่าวดีออกไป โดยทีมงานบอกว่า “จุงกิ” มักคิดถึง “ฮเยคโย” ก่อนตัวเองเสมอ

3. เตรียมงานแต่งงาน : มีรายงานว่าตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป “ซงฮเยคโย” จะพักงาน เพื่อใช้เวลาใน 4 เดือนนี้เตรียมตัวสำหรับงานวิวาห์ในวันที่ 31 ต.ค. นี้

4. พูดจริงทำจริง : “ซงจุงกิ” เคยให้สัมภาษณ์เกี่ยวกับความรักไว้ว่า “หากผมมีแฟนสาว ผมจะไม่เปิดเผยความลับออกมาเลยครับ แต่หากถูกจับได้ ผมจะประกาศให้ทราบอย่างเป็นทางการเกี่ยวกับความสัมพันธ์ครับ” และเมื่อเวลาผ่านไป วันนี้เขาได้ทำตามคำพูดของตัวเอง ด้วยการเซอร์ไพร้ส์! ประกาศแต่งงานในอีก 4 เดือนข้างหน้านี้

5. ฉายแววประธานชมรมสมาคมคนกลัวเมีย : ดูท่าว่าหลังลงจากตำแหน่งสามีแห่งชาติแล้ว “ซงจุงกิ” มีแววว่าจะรับตำแหน่งใหม่ ประธานชมรมสมาคมคนกลัวเมียทันที เพราะภาพปาปารัซซี่ที่สื่อกิมจิปล่อยออกมาล่าสุดนั้น “ซงฮเยคโย” ค่อนข้างมีภาพการเป็นผู้นำ ขณะที่พระเอกคนดังนั้น ทันทีที่เจอคนรักสาว วิญญาณ “กัปตันยู” เข้าสิง ทำท่าตะเบ๊ะ ทำความเคารพทันที

6. เรือนหอ 300 ล้านบาท : ตามธรรมเนียมการแต่งงานของเกาหลี ฝ่ายหญิงจะซื้อเฟอร์นิเจอร์ และฝ่ายชายจะเป็นคนซื้อบ้าน ซึ่งเมื่อเร็วๆนี้มีรายงานว่าไอจีลับของ “ซงฮเยคโย” ได้ฟอลโลว์เวดดิ้งแพลนเนอร์และแบรนด์เฟอร์นิเจอร์หรู ขณะที่เดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา “ซงจุงกิ” ซื้อบ้านหลังใหญ่สามชั้น ขนาด 371.7 ตารางเมตร บนที่ดิน 602 ตารางเมตร ซึ่งหลายคนคาดว่าบ้านหลังนี้แหละคือเรือนหอของคู่รักซูเปอร์สตาร์แน่นอน

7. คู่รักคู่รวย : “ซงจุงกิ” มีรายได้จากละครต่อตอนอยู่ที่ 60 ล้านวอน หรือประมาณ 1.8 ล้านบาท ส่วน “ซงฮเยคโย” 50 ล้านวอน หรือประมาณ 1.5 ล้านบาทต่อตอน ในส่วนของงานโฆษณานั้น ต่อชิ้นอยู่ที่ 2.8 พันล้านวอน ประมาณ 96.88 ล้านบาท แซงหน้า 2 พระเอกเกาหลี  “คิมซูฮยอน” และ ”อีมินโฮ” โดยสำนักข่าวเกาหลียังรายงานอีกว่า หลังจากที่ทั้งคู่แต่งงานกัน มูลค่าทรัพย์สินรวมจะอยู่ที่ 5 หมื่นล้านวอน หรือ 1,479,421,240 บาท

8. เพื่อนเจ้าบ่าวพรีเมียม : แม้วันนี้ “สามีแห่งชาติ” จะถูกตีตราจองไปแล้ว แต่ชีวิตก็ต้องมีหวัง โดยเฉพาะบรรดาเพื่อนสนิทที่กำลังกลายเป็นว่าที่ “เพื่อนเจ้าบ่าว” ซึ่งขอบอกเลยว่าแต่ละคนเป็นพระเอกเอลิสต์ทั้งนั้น ไม่ว่าจะเป็น “โจอินซอง” “พัคโบกอม” “ยูอาอิน” “คิมอูบิน” “จางกึนซอก” รวมถึงหนุ่มฮ็อตขวัญใจสาวๆ “โดคยองซู” (EXO) “อีกวางซู” “อิมจูฮวาน” ฯลฯ  เรียกว่าเป็นการรรวมตัวคนหล่อระดับประเทศเลยทีเดียว

9. ประกาศรักหวานผ่านแถลงการณ์ : “ซงจุงกิ” ได้มีข้อความถึงแฟนคลับผ่านต้นสังกัด ระบุว่า เริ่มต้นความสัมพันธ์ตั้งแต่ปี 2016 และได้ให้คำมั่นสัญญากันว่าจะเข้าใจซึ่งกันและกัน และช่วยเหลือกันในยามยากลำบาก ขณะที่ “ซงฮเยคโย” ก็มีจดหมายออกมาเช่นเดียวกัน ระบุว่า เราเป็นเพื่อนร่วมงานที่เข้าขากันดี และได้รู้ว่าเรามีอะไรหลายอย่างที่คล้ายกัน ทำให้อยากที่จะแบ่งปันทุกอย่างร่วมกับเขา และอยากให้ทุกคนส่งคำอวยพรให้เราด้วย

10. เฉลิมฉลองความรัก : สถานีโทรทัศน์ KBS ได้ประกาศว่าจะนำซีรี่ส์สุดฮิต “Descendants of the Sun” กลับมาฉายอีกครั้งในวันที่ 5 – 6 กรกฎาคมนี้ เพื่อเป็นการฉลองให้ “ซงจุงกิ” และ “ซงฮเยคโย” ที่กำลังจะแต่งงานกัน

 

 

 

 

ก้าวสู่การเป็นเมืองแห่งศิลปวัฒนธรรมระดับโลก กับเทศกาลศิลปะร่วมสมัยนานาชาติ “บางกอกอาร์ต เบียนนาเล่ (BAB 2018)”

account_circle

ข่าวดีสุดๆ สำหรับคนรักศิลปะเมื่อผู้ใหญ่ใจดีทั้งภาครัฐและเอกชนจับมือกันจัดงาน “เทศกาลศิลปะร่วมสมัยนานาชาติ บางกอกอาร์ต เบียนนาเล่” (Bangkok Art Biennale 2018 : BAB 2018) ขึ้นเป็นครั้งแรกในประเทศไทย ระหว่างเดือน พ.ย. 61 – ก.พ. 62 เพื่อมุ่งหวังให้กรุงเทพมหานครเป็นศูนย์กลางสำคัญทางด้านศิลปะร่วมสมัยนานาชาติ โดยมีคุณกอบกาญจน์ วัฒนวรางกูร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ศ.ดร.อภินันท์ โปษยานนท์ ประธานอำนวยการและผู้อำนวยการศิลป์ บางกอก อาร์ต เบียนนาเล่ คุณฐาปน สิริวัฒนภักดี ประธานกรรมการบริหาร บางกอก อาร์ต เบียนนาเล่ และผู้เกี่ยวข้อง ร่วมงานแถลงข่าว ณ ห้องออดิทอเรียม ชั้น 5 หอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร แยกปทุมวัน

เทศกาลศิลปะร่วมสมัยนานาชาติ บางกอกอาร์ต เบียนนาเล่ (Bangkok Art Biennale 2018 : BAB 2018) ได้รับแรงบันดาลใจจากการจัดงานเบียนนาเล่ต่างๆ ทั่วโลก โดยมีแผนการจัดงานทุกๆ 2 ปี ซึ่งเป็นการจัดแสดงผลงานศิลปะร่วมสมัยของศิลปินไทยและศิลปินจากทั่วโลก โดยการนำมารวมไว้ ณ สถานที่สำคัญทางวัฒนธรรมของกรุงเทพมหานคร ไม่ว่าจะเป็นอาคารโบราณ สวน วัด เส้นทางเลียบแม่น้ำเจ้าพระยา แหล่งชุมชนที่มีประวัติศาสตร์มายาวนาน และถือเป็นมรดกทางวัฒนธรรมอันทรงคุณค่าของไทย

การจัดงานดังกล่าวจะเป็นต้นทุนทางด้านวัฒนธรรมที่เชื่องโยงกับงานศิลปะและสามารถสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจด้านการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมให้แก่ประเทศไทยได้เป็นอย่างมาก รวมถึงยังเป็นการเปิดโอกาสให้ศิลปินไทยได้สร้างเครือข่ายกับศิลปินระดับนานาชาติ และได้แสดงศักยภาพให้ปรากฏต่อสายตานักท่องเที่ยวจากทั่วโลกให้จดจำว่า  “กรุงเทพมหานครคือเมืองแห่งศิลปวัฒนธรรมระดับโลก”

โดยศิลปินทั่วไปสามารถส่งผลงานมาได้ที่ www.bkkartbiennale.com ตั้งแต่วันนี้ถึง 30 กันยายน 2560

เจนนี่ ปาหนัน

กตัญญูพ่อแม่จนได้ดี…ไขชีวิตสุดฮา “เจนนี่ ปาหนัน” สาวดอกหญ้าในป่าสะตอ!

เจนนี่ ปาหนัน
เจนนี่ ปาหนัน

ถ้าคุณเป็นหนึ่งในสายปาร์ตี้ สายครีเอทีฟ คงไม่พลาดที่จะรู้จักกลุ่มปาร์ตี้ Trasher ที่มีหนึ่งในสมาชิกหัวเรือเป็นสาวสะตอพลัดถิ่นนามว่า เจนนี่ ปาหนัน หรือ วัชระ สุขชุม 

จากจุดเริ่มต้นที่เป็นเด็กชอบทำกิจกรรมตั้งแต่สมัยเรียน ทำให้ค้นพบว่าตัวเองสนใจและชอบทำงานสายสื่อสารมวลชน แม้ไม่ได้เรียนจบตรงสายที่ตั้งมั่นสำหรับทำงานไว้แต่แรก แต่ด้วยความพยายาม ความรัก รวมถึงความที่เป็นคนเตรียมพร้อม คว้าโอกาสที่เข้ามาอยู่ตลอด ก็ทำให้ชื่อของ “เจนนี่ ปาหนัน” กลายเป็นที่รู้จักของใครหลายๆ คนในฐานะผู้มอบความสุข ผู้สร้างเสียงหัวเราะให้ผู้อื่น แต่เมื่อมองลึกลงไปแล้ว เจนนี่มีหลายบทบาทในชีวิตเลยทีเดียว ตั้งแต่ก้าวแรกที่เข้ามาทำงานในวงการบันเทิงในฐานะครีเอทีฟ หนึ่งในกลุ่ม Trasher ที่ทั้งทำคลิปวิดีโอล้อเลียนและเป็นหัวเรือจัดปาร์ตี้ใหญ่ จนกระทั่งชื่อเสียงโด่งดังขยายกว้างยิ่งขึ้นในบทบาทพิธีกรรายการเทยเที่ยวไทย

ภาพลักษณ์ภายนอกที่หลายคนคิดจะตรงกับตัวตนแท้จริงของ เจนนี่ ปาหนัน อย่างที่คิดเอาไว้หรือเปล่า วันนี้ Exclusive Talk ได้พาเธอมานั่งคุยและทำความรู้จักเจาะลึกทุกซอกทุกมุม ตั้งแต่เรื่องการทำงาน ชีวิต ครอบครัว แอบกระซิบบอกนิดๆ ว่า ในมุมของการเป็นลูกคนโตของบ้าน เจนนี่เป็นคนที่น่ารักและมีความคิดดีเลยละ

เจนนี่ ปาหนัน

อัพเดตผลงานปัจจุบันกันก่อนเลยค่ะ ตอนนี้มีผลงานอะไรให้แฟนๆ ได้ติดตามกันบ้าง

เจนนี่ : สวัสดีค่ะ เจนนี่ ปาหนัน นะคะ ตอนนี้ก็ทำรายการของ GMM TV มีรายการเทยเที่ยวไทย ออกอากาศทุกวันเสาร์  5 ทุ่ม ทางช่อง ONE 31 รายการชวนเล่น Challenge อันนี้เป็นรายการออนไลน์ของทาง GMM TV รายการ Team Girl ออกอากาศทุกวันเสาร์ บ่ายโมง ทางช่อง GMM 25 และมีละครที่เพิ่งอวสานไปคือเรื่องนางแค้น

ที่ผ่านมาคนมักจะมองเจนนี่ ปาหนัน เป็นคนสนุกสนาน ชอบปาร์ตี้ ตัวตนจริงๆ เป็นคนอย่างไร

เจนนี่ : อุ้ย…ตัวตนเจนนี่เป็นคนอ่อนหวาน เรียบร้อย (หัวเราะ) จริงๆ เราเป็นคนหลายบุคลิก นอกจากจะเป็นคนสนุกสนานร่าเริงแล้ว จริงๆ มีมุมที่เป็นคนเครียดๆ เป็นคนขี้เหงา เป็นกะเทยขี้เหงา ฟีลแบบดอกหญ้าในป่าปูน สาวสะตอพลัดถิ่น ฟีลแบบเป็นคนต่างจังหวัดในกรุงเทพฯ ก็จะมีฟีลที่เราไม่ได้อยู่กับครอบครัว ก็จะมีด้านเหงา มุมเหงาของเรา ซึ่งหลายๆ คนจะคิดว่าเราเป็นคนตลก บางทีเข้าหาเราในตอนที่เรากำลังเครียดๆ หลายคนจะไม่ค่อยรู้ เจอเราปุ๊บก็จะเข้ามาตลกกับเราเลย แต่จริงๆ มีมุมซีเรียสเยอะเหมือนกันนะ

เทยเที่ยวไทย
ป๋อมแป๋ม – กอล์ฟ – เจนนี่ – ก๊อตจิ

เทยเที่ยวไทย

หลายคนรู้จักชื่อของเจนนี่มากขึ้นจากบทบาทพิธีกรรายการเทยเที่ยวไทย ถามถึงความรู้สึกวันแรกที่ได้เข้ามารับหน้าที่ตรงนี้หน่อยว่า จากวันแรกจนถึงปัจจุบันรู้สึกอย่างไรบ้าง เพราะช่วงแรกทราบว่าเครียดและกดดันมากเหมือนกัน

เจนนี่ : (ยิ้ม) คือ…เอาจริงๆ เทยเที่ยวไทย หน้าที่การเป็นพิธีกรคนที่ 4 ของรายการเทยเที่ยวไทย ตอนแรกเรามีความรู้สึกว่าไม่ได้อยากจะรับหน้าที่นี้สักเท่าไหร่ เพราะมีความรู้สึกว่าเทยเที่ยวไทยเป็นรายการที่ประสบความสำเร็จแล้ว และมีภาพจำที่หลายๆ คนจำว่ามีพิธีกร 3 คน จำเทยเที่ยวไทย 3 เทยได้แล้ว เราก็เลยมีความรู้สึกว่าถ้าฉันเข้ามา ฉันจะทำได้เหรอ ฉันจะมีความสามารถเท่าพี่ๆ เขาเหรอ พี่ๆ 3 คนเขาเก่งมากเลย

ความรู้สึกแรกคือเรากดดันมาก แม้กระทั่งตั้งแต่ตอนเริ่มคุยกันว่าอยากให้เราเป็นพิธีกร จนถึงกระทั่งทำหน้าที่เป็นพิธีกรแล้ว ในช่วงแรกๆ ยังมีความรู้สึกกดดัน ไม่มั่นใจในตัวเอง เรายังติดกับภาพการเป็นครีเอทีฟรายการเทยเที่ยวไทยอยู่ ซึ่งหลายๆ คนที่เป็นแฟนรายการก็น่าจะรู้ คือเราทำหน้าที่ครีเอทีฟมาก่อน

จากตรงนั้นที่กดดันมาก จนเรามีความรู้สึกว่า เออ มันเป็นหน้าที่ที่เราได้รับมาแล้ว ถ้าเราทำให้มันเต็มที่ อย่างน้อยผลดีมันเกิดขึ้นที่ตัวเรา เราก็เลยเอาวะ แหม่! (ตบฉาดที่เข่าตัวเอง) งานคือเงิน เงินคืองานเนอะ ถ้าเธอทำได้ดีนะเจนนี่ เดี๋ยวเงินก็จะเข้ามาหาเธออีกเยอะแยะมากมาย เราก็เลยพยายามทำไปเรื่อยๆ จนวันนี้ก็มีคนหลายคนที่ยอมรับเราในหน้าที่ของการเป็นพิธีกรแล้วเหมือนกัน

เจนนี่ ปาหนัน

ผลลัพธ์ที่ออกมาเห็นได้ชัดเลยว่ามีคนรักเจนนี่มากจริงๆ ทั้งมีฉายาสมิหลา J มีคนร้องแร็พภาษาใต้ตามด้วย เกินคาดจากที่เราคิดไว้มากไหมคะ

เจนนี่ : (ยิ้ม) เราเกินคาด จริงๆ แล้วเราเข้ามาเป็นพิธีกรเทยเที่ยวไทย เราไม่ได้คาดหวังว่าจะมีคาแร็คเตอร์ใหม่หรือมีชื่อเรียกใหม่อีกชื่อหนึ่ง แค่รู้สึกว่าเราทำหน้าที่ให้ได้ดีเท่ากับพี่ๆ เขาทำ เราไม่คิดที่จะ เออ…ฉันต้องดีกว่า ความคาดหวังคือถ้าทำแล้วต้องดีในระดับเขา ดีขึ้นไปอีกมันเป็นผลพลอยได้ แต่อย่างน้อยเราต้องให้ได้ในระดับเขา

จนเราทำไปเรื่อยๆ มันก็เป็นช่วงระยะเวลาหรือเป็นโอกาสที่เกิดขึ้นสดๆ ร้อนๆ ในตอนนั้น ที่อยู่ๆ เราได้เป็นสมิหลา J อันนี้เราดีใจที่เรามีคาแร็คเตอร์ใหม่ เหมือนคล้ายๆ ว่าสมความตั้งใจของพี่ป๋อมแป๋ม (นิติ ชัยชิตาทร) ที่เขาอยากให้เรามาเป็นพิธีกรรายการเทยเที่ยวไทย แล้วอยากให้รายการเทยเที่ยวไทยมีอะไรใหม่ๆ เกิดขึ้นจากการที่เราเข้ามา พอเราสามารถทำให้เกิดขึ้นได้ เกิดสมิหลา J เป็นแร็พเปอร์จากแดนใต้อย่างนี้ ก็รู้สึกค่อนข้างจะภูมิใจที่เราสามารถทำให้หลายคนสมหวังได้

เจนนี่ ปาหนัน

อีกบทบาทสำคัญที่เหมือนเปิดตัวให้คนเห็นหน้าเจนนี่ ปาหนัน ก็คือการทำคลิปวิดีโอล้อเลียนแนวสร้างสรรค์ และเป็นหนึ่งในผู้จัดปาร์ตี้ Trasher ซึ่งปัจจุบันก็ยังทำอยู่ ตอนนี้ทำมากี่ปีแล้ว ช่วยเล่าให้ฟังหน่อยว่าเริ่มต้นกันมาได้อย่างไร

เจนนี่ : จริงๆ จุดเริ่มต้นแทรชเชอร์เริ่มตั้งแต่ประมาณปี 2007 – 2008 แล้ว ซึ่งเป็นพี่ๆ ที่คณะโบราณคดี ศิลปากร เขาเริ่มทำปาร์ตี้ก่อน คือเขามีความรู้สึกว่าเวลาไปสังสรรค์ไปเที่ยวกันอย่างนี้ เพลงในแต่ละที่มันมีหลายแนวหลายแบบ แต่มันไม่ค่อยมีเพลงในแบบที่พวกเราชื่นชอบ คือพวกพี่ๆ เขาจะโตมากับเพลงยุค 90 เพลงป็อปสากล บริทนีย์ สเปียร์ส, *NSYNC, Backstreet Boys อะไรอย่างนี้ ซึ่งมันไม่มีในผับ เวลาไปข้าวสารเราก็จะเร็กเก้ ไปทองหล่อเราก็จะ EDM ก็กลายเป็นว่าพี่เขาก็เลยจัดปาร์ตี้ขึ้นมาเพื่อให้มีพื้นที่ให้คนที่ชื่นชอบเพลงคล้ายๆ กัน เลยเกิดเป็นปาร์ตี้แทรชเชอร์

จัดไปสักพักหนึ่งเริ่มมีความรู้สึกว่าอิ่มตัวแล้ว จะทำยังไงให้คนรู้จักปาร์ตี้เรามากขึ้น ประจวบเหมาะกับตอนนั้นในปีประมาณ 2011 – 2012 อินเทอร์เน็ตเริ่มเข้ามามีบทบาทมากขึ้น ยูทูบเพิ่งเกิด มีคนต่างชาติเขาทำเอ็มวีล้อเลียนกัน ซึ่งเขาเห็นกะเทยฟิลิปปินส์ทำคลิปล้อเลียน เราก็เลยมานั่งคิดและมีความรู้สึกว่ากะเทยไทยเราก็ทำได้นี่ ไม่น่ายากเกินความสามารถกะเทยไทยนะ ก็เลยทำคลิปวิดีโอล้อเลียนขึ้นมา แล้วเอาเจนนี่มาเล่นเป็นนางเอก (ยิ้ม) เอ้อ…เป็นอั้ม – พัชราภา เป็นแอมบาสเดอร์ของสังกัดไรงี้ จนเราก็ได้เข้ามาทำวิดีโอกัน

จากวันนั้นถึงวันนี้ที่ทำวิดีโอมาก็เป็นระยะเวลาประมาณ 5 – 6 ปี แต่ไม่ได้ทำต่อเนื่องมาเรื่อยๆ ตอนทำคิดแค่ว่าเราน่าจะทำได้นะ ก็เลยทำกันขึ้นมา พอทำปุ๊บมีผลตอบรับที่ดี มีคนดู มียอดวิวที่บางตัวก็เกินล้านวิว เราก็เลยตกใจ กลายเป็นว่าก็ทำมาเรื่อยๆ คนก็จะจำได้ว่า เออ คนนี้ ไปโรงเกลือก็ เออ…ไอ้ตัวดำๆ คนนี้ใช่ริฮานน่าเมืองไทยเปล่านะ เอ๊ะ นี่ทำคลิปริฮานน่าหรือเปล่า มันก็เลยกลายเป็นว่าตัวผลงานวิดีโอของเจนนี่เป็นจุดเริ่มต้นให้คนรู้จักเราขึ้นมา

เจนนี่ ปาหนัน

ทำมาหลายบทบาท ล่าสุดคือนักแสดง แตกต่างจากบทบาทอื่นๆ อย่างพิธีกรมากน้อยอย่างไร แล้วเตรียมตัวอย่างไรบ้าง

เจนนี่ : (หัวเราะ) คือก็ไม่ได้คิดว่ากะเทยตัวดำๆ จะมาเป็นนักแสดง คือจริงๆ มันเป็นบทบาทหนึ่งที่อาจจะไม่ได้แตกต่างจากที่เราทำอยู่มากนัก เวลาเจอเพื่อนเราก็ตอแหลใส่กันอยู่ (หัวเราะ) เราก็เป็นกะเทยที่โอเวอร์แอ๊คติ้งกว่าคนอื่นอะไรอย่างนี้ เราก็เลยมีความรู้สึกว่ามันไม่ได้แตกต่าง แต่พอได้ไปแสดง มันจะมีความใส่ใจดีเทล การลงรายละเอียดของการแสดงมากขึ้น

ซึ่งเราเคยทำ MV Parody (คลิปวิดีโอล้อเลียน) เราก็เลยมีความรู้สึกว่าจริงๆ มันยาก หลายคนจะบอกว่า เนี่ย เจนนี่ไปเล่นเป็นตัวเองนั่นแหละ เรามีความรู้สึกว่าจริงๆ มันไม่ใช่ หลายอย่างเราไม่ได้ทำในชีวิตประจำวัน มันก็เลยมีความยากขึ้นมา แต่ถ้าถามว่ามันแตกต่างไหม มันไม่ได้แตกต่างจากสิ่งที่เราเคยทำ ก็เลยมีความรู้สึกว่า เราพยายามขึ้นมาอีกหน่อยก็สามารถทำได้

เจนนี่ ปาหนัน

บทบาทเจ๊มดแดงในละครนางแค้นที่ผ่านมา ไม่ได้เหมือนตัวตนเจนนี่ ปาหนัน ซะทีเดียว

เจนนี่ : ในนางแค้นรับบทเป็นเจ๊มดแดง ซึ่งเป็นตัวละครที่จะคล้ายๆ สร้างสีสันให้ตัวละคร จะโผล่ไปอยู่ทุกที่ที่มีเหตุการณ์ จะไม่ใช่ฟีลตัวประกอบทั่วไป คือทางผู้กำกับเขาพยายามใส่เนื้อเรื่องให้ตัวเจ๊มดแดงด้วย คาแร็คเตอร์จะค่อนข้างเป็นกะเทยที่มีความเป็นกะเทยเลย กะเทยนางโชว์ กะเทยที่พยายามแสดงอยู่ตลอดเวลา ซึ่งหลายคนคิดว่าตัวเราเป็นอย่างนั้น แต่จริงๆ เราไม่ใช่กะเทยอย่างนั้น เราจะเป็นฟีลถ้าเห็นในรายการหรือเห็นในสื่อต่างๆ จะเป็นกะเทยที่ค่อนข้างแมน หลายคนจะคิดว่า เอ้อ อีนี่เป็นกะเทยได้ไงวะ นั่งอ้าขาโน่นนี่ ไม่ได้แว้ดๆๆ ไรงี้ เราก็เลยค่อนข้างจะต้องใช้ความพยายามในการแสดงเยอะอยู่เหมือนกัน

เจนนี่ ปาหนัน

ทำงานทุกวันแบบนี้ มีวิธีดูแลตัวเองอย่างไรบ้าง

เจนนี่ : หูย…ก็นอนให้เต็มที่อย่างเดียวเลยอะ มีความรู้สึกว่านอน นอน นอน มีเวลาว่างเราก็นอน หลายๆ คนมีวิธีการดูแลตัวเองไม่เหมือนกัน เราพยายามสอบถามคนอื่นอยู่ว่า แกๆ ดูแลตัวเองยังไงวะ ก็มีคนแนะนำว่ากินวิตามินสิ เธอๆ  กินอยู่เท่าไหร่ ฉันกินอยู่ 10 กระปุก (ทำหน้าตกใจ) บ้าหรือเปล่า กินแทนข้าวเหรอ หลายคนก็บอกออกกำลังกายสิ ซึ่งด้วยข้อจำกัดของเราคือ เราพยายามลองกินวิตามิน แต่เราเป็นคนขี้ลืม แล้วเวลาเราทานอาหารจะไม่เป็นเวลา ก็เลยทำให้ขาดๆ หายๆ ในการทาน มาออกกำลังกายก็มีเวลาออกกำลังกายอยู่ อย่างเริ่มออกวันนี้ แล้วจะว่างออกอีกทีประมาณ 3 สัปดาห์กว่าอย่างนี้ มันก็เลยกลายเป็นไม่ต่อเนื่อง ทุกวันนี้ที่เราทำได้คือนอนให้เต็มที่

นอนประมาณกี่ชั่วโมงต่อวัน

เจนนี่ : วันหนึ่งนอนไม่เท่ากันเลย ซึ่งเฉลี่ยแล้วถ้าปกติจะนอนประมาณ 6 ชั่วโมงมั้ง ถ้าเวลาปกตินะ ถ้ามีเวลาเราจะพยายามบังคับตัวเองนอนให้ครบ 8 ชั่วโมงให้ได้ เป็นมั้ย ที่แบบตอนเย็นปุ๊บ เราก็นับเวลาละว่านอนตอนนี้ฉันจะได้นอนกี่ชั่วโมง อุ้ย 7 ชั่วโมง อะ นอนๆๆ (หัวเราะ) ต้องนับเวลานอน (ทำท่านับนิ้วสุดฤทธิ์) แบบ 5 ชั่วโมงเองอะไรอย่างนี้

เจนนี่ ปาหนัน

ถามถึงสไตล์การแต่งตัวกันบ้าง ถ้าติดตามผ่านอินสตาแกรมจะรู้ว่าเจนนี่เป็นคนแต่งตัวเก่งทีเดียว

เจนนี่ : จริงๆ เราไม่ได้มีสไตล์การแต่งตัวที่ชัดเจนหรือสามารถเรียกได้ว่าเจนนี่สไตล์ คือเรารู้สึกว่าเราเป็นคนหน้าตาไม่ดีอะ เวลาจะไปไหนก็ควรทำตัวเองให้ดูดี จะให้แบบศัลยกรรมก็ไม่เอาอะ เรากลัวเจ็บ มีความรู้สึกว่าเราก็คงไม่สวยขึ้นมากหรอกมั้ง เน้นขายแปลกๆ ดีกว่า แต่ก็พยายามทำตัวเราให้ดูดี อย่างหนึ่งเลยก็คือการแต่งตัวมันช่วยได้ ก็เลยมีความรู้สึกว่าเราควรแต่งตัวให้ดี พยายามมองหาอะไรที่ใส่แล้วสวย ก็นำมาแมตช์ใส่ แต่สไตล์ก็จะไม่ได้ต่างกันนัก บางทีฉันก็เป็นสาวหวานเหมือนวันนี้ (ที่กำลังนั่งสัมภาษณ์) บางวันก็เป็นแม่ทุมใส่ชุดยาว บางวันก็ห้าวๆ โน่นนี่ ไม่ได้มีสไตล์ที่ชัดเจน

กิจกรรมโปรดสำหรับการพักผ่อนต้องยกให้นวดไทย 

เจนนี่ : สิ่งหนึ่งที่ชอบทำแล้วมีความรู้สึกว่าอันนี้คือพักผ่อนสำหรับฉัน เป็นรีแล็กซ์ไทม์เลยก็คือการนวด นวดไทยอะ กดจุดไปเลย แบบพี่คะ เอาแรงๆ (เน้นเสียง) พี่คะ ใช้ศอก พี่คะ ขึ้นเหยียบ ทุกครั้งที่เราได้นวดจะเหมือนกับฟื้นฟูร่างกายของเราว่า อ๊า (ทำหน้าฟิน) พอละ ไปข้าวสารกัน (หัวเราะ) แล้วก็เต้น แล้วก็เมื่อยอีก วันรุ่งขึ้น เอ๊…ฉันไปนวดมาทำไม

เจนนี่ ปาหนัน

ช่วงที่เริ่มเข้ามาทำงานในวงการบันเทิงในตำแหน่งครีเอทีฟ เจนนี่มีวิธีผลักดันตัวเองหรือข้ามอุปสรรคมาถึงจุดนี้ได้อย่างไร เพราะก็ไม่ได้เรียนจบทางสายนี้มาโดยตรง

เจนนี่ : จริงๆ พูดถึงงานในสายสื่อ นี่เป็นงานในความฝันของเราตั้งแต่เด็ก นอกจากฝันว่าอยากเป็นแอร์โฮสเตสแล้ว ก็จะเป็นครีเอทีฟเนี่ยแหละ แต่ว่าโอเค แอร์โฮสเตสยังไม่รับกะเทยเนอะ เราก็เลยทำงานสายสื่อ มันเป็นความฝัน อย่างน้อยคือเรามีความรู้สึกว่าถ้าเราฝัน เราอยากทำให้ได้ ในช่วงแรกๆ เราพยายามสมัครงานเกี่ยวกับการทำงานสายสื่อ สายครีเอทีฟหลายๆ อย่าง หลายๆ ตำแหน่งนะ แต่พอเราไม่ได้จบมาตรงสาย ก็เลยทำให้เป็นปัญหาอยู่หลายปีมาก

คือเราว่างงานอยู่ประมาณ 3 ปี อายุ 22 – 23 – 24 ประมาณนี้ที่ว่างงานอยู่ จนโชคดีได้มาเจอพี่ๆ แทรชเชอร์เรียกมาถ่าย MV Parody ต้องบอกว่าจริงๆ เราเป็นคนที่โชคดีกว่าใครหลายๆ คนเยอะมาก คือเราเป็นคนที่มีโอกาสดีๆ เข้ามาเยอะมาก แล้วเป็นคนหนึ่งที่ชอบคว้าโอกาสไว้ พอโอกาสการทำแทรชเชอร์เข้ามาเราก็ทำ ทำให้การทำ MV Parody ตรงนั้นกลายเป็นใบเบิกทางให้เราเข้ามาทำงานในสายสื่อได้ มันกลายเป็นผลงาน เป็นพอร์ตโฟลิโอว่าเราทำงานในสายสื่อได้นะ จนได้มาทำงานใน Chanel V Thailand เพราะเขาเห็นเราจากตรงนั้น

เจนนี่ ปาหนัน

เพราะช่วงวัยเด็กชอบทำกิจกรรม เลยทำให้เริ่มรู้ว่าตัวเองชอบอะไร 

เจนนี่ : (หัวเราะ) ช่วงวัยเด็ก (ทำท่านึก) เราเป็นคนที่ทำกิจกรรมตั้งแต่วัยเด็กมัธยมจนมหาวิทยาลัย ร่วมทำกิจกรรมกับโรงเรียนและมหาวิทยาลัยทุกอย่างเลย ก็เลยมีความรู้สึกว่าตรงนี้ทำให้เรากล้าแสดงออก ทำให้เราสามารถโชว์ความสามารถของเราให้คนอื่นเห็นได้ ก็เลยกลายเป็นว่าพอเราโชว์ออกมาแล้วคนเห็น มันก็เลยทำให้คนยอมรับเรา เหมือนอย่างงานสายครีเอทีฟที่ Chanel V Thailand เห็นเรา เพราะเรามีความสามารถ เราก็เอาออกมาโชว์ เขาก็เลยเห็นว่า เออ กะเทยคนนี้มันก็สร้างสรรค์ดีนะ ก็เลยเรียกตัวเข้ามาทำครีเอทีฟของ Chanel V Thailand

เจนนี่ ปาหนัน

บทบาทในการทำงานเห็นแล้วละว่าเป็นคนตั้งใจทำงานมากคนหนึ่ง ในบทบาทลูก เจนนี่ก็เป็นลูกที่กตัญญูต่อพ่อแม่เหมือนกัน เพราะทำงานเก็บเงินสร้างบ้านให้พ่อแม่ด้วย

เจนนี่ : (เขิน) จริงๆ สร้างเสร็จไปแล้วเรียบร้อย ด้วยความที่เราเป็นลูกคนโตด้วย แล้วเราโตขึ้นมากับครอบครัวในขณะที่กำลังสร้างฐานะ เราก็เลยรู้สึกว่าตรงนี้โชคดีด้วยที่ทำให้เราเรียนรู้ชีวิตตั้งแต่เด็ก เราก็มาช่วยแม่ขายของตั้งแต่เด็ก เดินกลับบ้านคนเดียวจากโรงเรียนตั้งแต่ ป.3 – ป.4 เราคิดว่าอะไรที่ช่วยแบ่งเบาภาระของพ่อแม่ได้เยอะที่สุด เราก็ทำ (ยิ้ม) มันเป็นหน้าที่อย่างหนึ่งของลูก ที่อยากช่วยเหลือพ่อแม่ทุกอย่างได้ มันก็เลยทำให้สิ่งเหล่านี้ปลูกฝังเราให้กลายเป็นคนที่สามารถใช้ชีวิตได้

เข้ามาใช้ชีวิตเรียนมหาวิทยาลัยในกรุงเทพฯ มันก็ไม่ยากมาก จริงๆ หลายๆ คนใช้ชีวิตได้แหละ แต่การที่เราได้ทำงานกับครอบครัวมาตั้งแต่เด็ก มันช่วยให้เราใช้ชีวิตได้ง่ายขึ้นด้วยจนถึงปัจจุบัน ก็เลยกลายเป็นว่าพอเราเป็นลูกคนโต เราก็อยากจะทำอะไรให้ครอบครัวให้มากที่สุด ประจวบเหมาะกับคุณพ่อเกษียณ แล้วเราพร้อมที่สุดในบรรดาพี่น้องทั้งสามคน เราก็เลยโอเค เดี๋ยวเป็นหน้าที่เราเองที่จะหาเงินมาสร้างบ้านให้

เจนนี่ ปาหนัน

พ่อแม่รู้สึกอย่างไรบ้าง ได้คุยหรือบอกอะไรกับเจนนี่บ้างหรือเปล่า

เจนนี่ : เขาก็ภูมิใจ (ยิ้ม) เขาก็บอกแหละ จริงๆ เราไม่เคยไปถามหรอกว่าภูมิใจในตัวหนูไหม หนูสร้างบ้านให้นะ แต่เขาก็พยายามพูดให้กำลังใจเรา พยายามชื่นชมเรา เหมือนเขาจะรู้ว่าอะไรที่ทำและสร้างกำลังใจให้เรา หรืออะไรที่ทำให้เรารู้สึกดี เขาก็จะพยายามพูด ให้กำลังใจว่า เออ…ดีนะ อะไรอย่างนี้ สร้างบ้านให้ อะไรโน่นนี่ พ่อภูมิใจนะ ทำงานก็ดูแลตัวเองด้วย อย่าเหน็ดเหนื่อยนะ เขาก็พยายามชื่นชมเรา

สร้างบ้านเสร็จเรียบร้อยแล้ว มีแพลนทำอย่างอื่นต่อให้พ่อแม่หรือให้อะไรตัวเองบ้างหรือเปล่า

เจนนี่ : มีแพลนจะทำอะไรเหรอ (คิด) จริงๆ กับพ่อแม่ ถ้าเขาอยากได้อะไร เราก็จะพยายามช่วยเหลือให้ได้เยอะที่สุด คือก็หาให้ได้เยอะที่สุด คือตอนนี้เขาก็ไม่ได้ต้องการอะไรแล้ว เขามีบ้าน เรามีงาน น้องๆ มีงานกันหมดแล้ว เราก็โอเคแล้ว ซึ่งตอนนี้ก็อยู่ในช่วงวัยที่เราพยายามสร้างสมบัติให้ตัวเอง (หัวเราะ) คือเรามีความรู้สึกว่า เฮ้ย! แก ฉันมีความรู้สึกว่าโตไปฉันต้องอยู่คนเดียวแน่เลยว่ะ เป็นกะเทยคนเดียว ใช้ชีวิตคนเดียวแน่เลย ตอนนี้ก็เลยพยายามซื้ออะไรที่เป็นสมบัติส่วนตัว เหมือนตอนที่ซื้อเครื่องซักผ้ามา เราก็รู้สึกว่า อุ้ย! ดีจัง รู้สึกภูมิใจว่าเนี่ย เครื่องซักผ้าฉัน ฉันมีเครื่องซักผ้าแล้ว (หัวเราะ) ตอนนี้ก็เลยอยากได้บ้านและอยากได้รถ เหมือนเราก็อยากมั่นคง อยากมีที่อยู่เป็นหลักแหล่ง มีปัจจัย 4 ตอนนี้ก็เลยพยายามสร้างให้ได้ครบที่สุด

เจนนี่ ปาหนัน

เวลาอยู่กับเพื่อนจะเฮฮา แล้วเวลาอยู่กับพ่อแม่แสดงความรักกับท่านอย่างไรบ้าง

เจนนี่ : จริงๆ ตัวเรากับพ่อแม่ไม่ค่อยได้พูดบอกรักกันมากมาย แต่เราจะแสดงให้เห็นกันอยู่แล้ว ด้วยความที่เรากับพ่อแม่ช่วยสร้างครอบครัวด้วยกันมาตั้งแต่เด็ก เราก็จะเห็นอะไรหลายๆ อย่างของเขา เราก็รู้ว่าอันไหนที่เราทำแล้วเขาจะรู้ว่าอันนี้เป็นการแสดงความรักของเรานะ เราก็จะทำ แต่ไม่ได้เป็นฟีลมานั่งบอกว่ารักนะ จริงๆ การแสดงความรักมันมีเยอะกว่าการบอกรักอีก

ทุกวันนี้ถ้ามีโอกาสเราก็อยากจะพาเขาไปทำอะไรที่เป็นการสร้างความสุข พาเขาไปเที่ยว หรือกลับไปหาช่วงเทศกาล เราก็พยายามกลับไปหาเขา ซึ่งมีอย่างหนึ่งที่เพิ่งได้ลองทำแล้วมีความสุข มันดีมาก คือมีคนแนะนำมาแล้วเราลองไปทำดูแล้วมีความสุขทางใจมากก็คือ การล้างเท้าและขอขมาพ่อแม่ ลองทำดู จริงๆ ฝากหลายๆ คน มันอาจจะเป็นเรื่องยากในตอนเริ่มนะ มันอาจจะอายที่จะทำ แต่พอทำแล้ว ผ่านมันไปให้ได้นิดเดียว ผ่านข้ามจุดอายไปนิดเดียว จะพบว่ามันมีความสุขมาก ก็พยายามกลับไปหาเขา ไปไหว้ ไปขอขมาเขาให้ได้บ่อยที่สุด

เจนนี่ ปาหนัน

แล้วความรักของเจนนี่ล่ะ มีคนสนิทหรือคนรู้ใจหรือยัง

เจนนี่ : หูย…ดูหน้าสิ ไม่มีใครเลยอะ ไม่ใช่ไทยนิยมอะ

สเป็คจริงๆ ชอบคนแบบไหน

เจนนี่ : สเป็คเราจริงๆ (หัวเราะ) เราชอบคนดี ชอบคนที่ดูดี หน้าตาดีก็โอเค แต่ว่าขอให้ดูดี เราเป็นคนที่ชอบแต่งตัว พอเวลาเจอใครที่แต่งตัวดี เราจะมีความรู้สึกว่าเราประทับใจเป็นพิเศษ ซึ่งไม่จำเป็นต้องหน้าตาดีหรอก คือจริงๆ มันก็มีหลายวิธีที่ทำให้คนดูดี มันทำได้หลายอย่าง ใครที่ดูดีเข้ามาก็สเป็คเราแล้วแหละ

เจนนี่ ปาหนัน

เรียนรู้จากข้อผิดพลาด ถ้าให้ย้อนกลับไปแก้ไขอะไรในอดีต เจนนี่บอกว่าไม่มี

เจนนี่ : ไม่มีอะ เออๆ เจอคำถามนี้บ่อยเหมือนกันนะว่าถ้าย้อนไปอดีตได้อยากแก้ไขอะไร เราไม่มีอะไรอยากแก้ไขเลยเพราะเรามีความรู้สึกว่าหลายอย่างหลายคนชอบกลับไปแก้ไขข้อผิดพลาด แต่เรารู้สึกว่าถ้ามีข้อผิดพลาดจะทำให้เรารู้ว่าไม่ควรพลาดมันอีก เราได้รู้วิธีจากการพลาดในตอนนั้น ก็เลยไม่มีอะไรอยากย้อนไป แต่อยากได้มากที่สุดคือ อยากได้เครื่องข้ามเวลาไปข้างหน้า ไปดูว่าตอนนั้นเราเป็นอะไรวะ เรากำลังทำอะไรอยู่ ถ้าเรากำลังตกต่ำหรือกำลังแย่อยู่ เราจะได้รู้ว่าในตอนนี้เราควรทำอะไร

สร้างความสุขให้คนอื่นมาก็เยอะ แล้ววิธีสร้างความสุขให้ตัวเองเป็นแบบไหน

เจนนี่ : เหมือนอย่างที่บอก คล้ายๆ ตอนแรกคือพักผ่อน เรารู้สึกว่าถ้าทำได้นั่นคือความสุขอย่างหนึ่งเลย คือกินอิ่ม นอนหลับ เมื่อก่อนด้วยความที่เราอาจจะไม่ใช่คนที่มีฐานะอะไรมากมาย เมื่อก่อนพออยากจะกินอะไรมากมายก็ไม่ได้กิน ณ ตอนนี้เราพอมีบ้างแล้ว ถ้าเราอยากกินอะไรก็กินเลย มันเป็นความสุขของเราอะ มันเป็นการสร้างความสุข สร้างอะไรให้ตัวเองก็ทำเถอะ ทุกวันนี้เลยกินให้อิ่ม นอนให้หลับ นี่คือความสุขที่สุดแล้ว วันไหนนอนไม่หลับนี่จะแบบเมื่อคืนนอนไปได้แค่สี่ชั่วโมงเอง มันก็เป็นทุกข์แล้วอะ

เจนนี่ ปาหนัน

กระแสตอบรัก อุ้ย ตอบรับจากแฟนๆ ส่งมาให้เจนนี่มากขนาดนี้ อยากพูดอะไรถึงแฟนๆ บ้างไหมเอ่ย

เจนนี่ : ฝากขอบคุณทุกๆ คนที่ติตตามเราในแต่ละผลงานนะคะ ขอบคุณหลายๆ คนที่เห็นเราเป็นต้นแบบ หลายคนเห็นเราเป็นคนสร้างความสุข เห็นเราเป็นนักแสดงที่น่าชื่นชอบคนหนึ่ง อยากจะบอกว่า ขอบคุณทุกๆ คนที่มอบกำลังใจและมอบความรู้สึกดีให้เรา เราก็พยายามจะสร้างผลงานที่โดนใจให้ทุกคนให้ได้เยอะที่สุดเนอะ ไม่รู้ว่าจะโดนใจทุกคนหรือเปล่า แต่ก็จะพยายามทำออกมาให้ดี ให้โดนใจทุกคนได้เยอะที่สุด ยังไงก็ติดตามผลงานของเจนนี่ด้วย มีแรงก็จะทำออกมาเรื่อยๆ จนกว่าจะหมดแรงหมดไฟจริงๆ ก็ขอบคุณทุกคนอีกครั้งหนึ่งค่ะ ขอบคุณค่า-า-า-า

ก่อนจะจากลากันไปครั้งนี้ แพรวดอทคอมเลยขอสะกิดถามเจนนี่ ปาหนัน ถึงห้องพักที่เป็นตำนานพูดถึงกันในโซเชียลเสียหน่อยว่า ตอนนี้ทำความสะอาดห้องพักเรียบร้อยแล้วหรือยัง ซึ่งเจนนี่ก็หัวเราะนำ ก่อนจะบอกว่า

“ยังเลย ค่อยๆ เก็บอยู่ แต่ก็ยังไม่เสร็จ เพราะทำงานทุกวัน” 

ทำงานเก่ง ดูแลตัวเองและครอบครัวได้แบบนี้ มีใครอยากจะอาสามาช่วยงานบ้านให้เจนนี่บ้างหรือเปล่าน้า…

 


เรื่อง : Gingyawee_แพรวดอทคอม
ภาพ : Captain, IG @jennie_panhan

หลงรักนูน่า! เปิด 4 หนุ่มเกาหลี แพ้เสน่ห์สาวอายุมากกว่า ปลูกต้นรักหวานจนน่าอิจฉา

เช้านี้เล่นเอาสาวๆหัวใจรักโอปป้าอกหักน้ำตานองหน้ากันเป็นแถว เมื่อพระเอกดัง ซงจุงกิ ประกาศแต่งงานกับ ซงฮเยคโย ตู้มเดียว หลังจากทั้งคู่มีกระแสข่าวแอบเดทออกมาเป็นพักๆ หลังจากที่ทั้งคู่เป็นพระ-นางร่วมกันในซีรี่ส์ Descendants of the Sun โดยทั้งคู่จะเข้าพิธีวิวาห์ในวันที่ 31 ตุลาคมนี้

อกหักแม้ไม่ได้เป็นเจ้าของหัวใจ หรือแทบอยากจะร้องเพลงคำยินดี ของวง Klear ให้เป็นล้านๆรอบ เมื่อชายในฝันของสาวๆ ซงจุงกิ ประกาศแต่งงานกับซงฮเยคโย โดยคาดว่าทั้งคู่ปิ๊งรักกันหลังจากร่วมงานกันในซีรี่ส์โด่งดังอย่าง Descendants of the Sun ซึ่งหนุ่มจุงกิเคยให้สัมภาษณ์ต่อสื่อเกาหลีว่า ถ้าตนมีแฟนจะไม่บอกว่าเดท แต่จะประกาศทีเดียวไปเลยว่าจะแต่งงาน ซึ่งก็ตรงตามที่เขาเคยพูดเอาไว้ และถึงแม้หัวใจสาวๆจะอยากกรีดร้องร่ำไห้แค่ไหนก็ตาม แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าทุกคนต่างก็ยินดีกับความรักของคนทั้งคู่ เพราะคู่นี้เหมาะสมกันราวกิ่งทองใบหยกสุดๆ

และเมื่อดูอายุระหว่างซงจุงกิและซงฮเยคโย คู่นี้อายุห่างกัน 4 ปี โดยฝ่ายชายอายุน้อยกว่าฝ่ายหญิง เห็นแบบนี้แล้ว สาวๆที่อายุมากกว่า หรือชื่นชอบผู้ชายอายุน้อยกว่า ยิ้มร่ากันได้เลย เพราะอายุไม่เป็นอุปสรรคต่อความรักจริงๆ อีกทั้งยังได้เจอคนรักดีๆอีกด้วย ซึ่งไม่ใช่มีเพียงซงจุงกิที่หลงรักนูน่า หรือสาวอายุมากกว่านะ แต่โอปป้าคนดังอื่นๆ ขวัญใจสาวๆ ก็ต่างหลงรักนูน่าหลายคู่เหมือนกัน วันนี้แพรวดอทคอมเลยรวมมาให้ดูกัน 3 คู่ตามด้านล่างนี้เลย

ชองจีฮุน (เรน) – คิมแตฮี 

เป็นโอปป้าคนแรกๆที่มากวาดหัวใจสาวไทยไปค่อนประเทศ สำหรับหนุ่มเรน ที่เพิ่งแต่งงานอย่างเรียบง่ายไปกับนางฟ้าเกาหลี คิมแตฮี ที่โบสถ์คาทอลิกเมื่อวันที่ 19 มกราคม 2560 หลังจากทั้งคู่คบหากันมานานถึง 4 ปี โดยหนุ่มเรนได้โพสต์ข้อความเขียนด้วยลายมือตัวเอง ประกาศที่จะแต่งงานและเตรียมตัวเป็นสามีมีครอบครัวลงในอินสตาแกรมส่วนตัว ซึ่งคู่นี้อายุห่างกัน 2 ปี หนุ่มเรนอายุ 35 ปี และคิมแตฮีอายุ 37 ปี สำหรับหนุ่มเรนนั้นเป็นผู้ชายที่มีความสามารถหลายด้านทีเดียว ทั้งร้อง เต้น เล่นคอนเสิร์ต และผลงานซีรี่ส์ในตำนานที่ทำให้สาวไทยหลงรักมากและจำมาได้ถึงทุกวันนี้ก็คือเรื่อง Full House

อันแจฮยอน – คูฮเยซอน

จากคู่จิ้นแปรเปลี่ยนเป็นคู่จริง เมื่อทั้งคู่ร่วมงานด้วยกันในซีรี่ส์เรื่อง Blood จนกระทั่งความรักก่อตัว จนฝ่ายชาย อันแจฮยอนขอคูฮเยซอน ที่แฟนๆต่างรู้จักเธอเริ่มแรกในซีรี่ส์ F4 แต่งงาน ซึ่งโมเมนต์ตอนขอแต่งงานก็น่ารักทีเดียว เพราะฝ่ายชายเซอร์ไพร้ส์วางดอกไม้และกล่องแหวนไว้หลังรถให้สาวคูฮเยซอนเปิด โดยทั้งคู่ได้เข้าพิธีวิวาห์อย่างเรียบง่ายไปเมื่อวันที่ 21 พฤษภาคม 2559 ซึ่งทางต้นสังกัดเป็นฝ่ายปล่อยภาพวิวาห์ของทั้งคู่ออกมาให้แฟนๆได้ร่วมชมและแสดงความยินดี สำหรับคู่นี้อายุห่างกัน 2 ปี อันแจฮยอนอายุ 30 ปี และคูฮเยซอนอายุ 32 ปี แต่ต้องยอมรับว่าทั้งคู่หน้าเด็กมากๆ ถ้าไม่บอกอายุ นึกว่าอายุ 20 กว่าๆเองนะเนี่ย

นัมจูฮยอก – อีซองคยอง 

เป็นคู่รักวัยรุ่นคนดังอีกคู่ ที่เล่นเอาสาวๆอกหักมากเหมือนกัน หลังจากทั้งคู่ปิ๊งรักกลางกองถ่าย หลังจากร่วมงานกันในซีรี่ส์ Weightlifting Fairy Kim Bok Joo ซึ่งหลังจากซีรี่ส์จบก็มีข่าวออกมาโดยสังกัด YG Entertainment ของทั้งคู่ยืนยันเองด้วยว่า ทั้งคู่เดทกันมาได้นานกว่า 5 เดือนแล้ว โดยคู่นี้อายุห่างกัน 3 ปี นัมจูฮยอกอายุ 23 ปี อีซองคยองอายุ 26 ปี แม้จะอินออกมาถึงนอกจอ ทำให้สาวๆเสียใจไปบ้าง แต่ก็ต้องยอมรับว่าคู่นี้เขาสวยหล่อและเป็นคู่ที่น่ารักอีกคู่

ซงจุงกิ – ซงฮเยคโย

ปิดท้ายด้วยข่าวล่ามาแรงจนเกิดแฮชแท็ก #songsongcouple ที่ไม่พูดถึงเลยคงไม่ได้ นั่นก็คือคู่รัก ซงจุงกิและซงฮเยคโย คู่นี้นี่เอง โดยทั้งคู่อายุห่างกัน 4 ปี ซงจุงกิอายุ 31 ปี และซงฮเยคโยอายุ 35 ปี แม้ฝ่ายหญิงจะอายุมากกว่า แต่ความสวยฉบับหน้าเด็กของซงฮเยคโยก็กินขาดจริงๆ และเป็นอีกคู่ที่ปิ๊งรักกันหลังจากได้มาร่วมงานเล่นซีรี่ส์ด้วยกัน คาดว่าซีรี่ส์ Descendants of the Sun คงต้องถือเป็นตำนานเรื่องหนึ่งเลย เพราะนอกจากจะถ่ายทอดความรักหนุ่มสาว ความรักชาติของเกาหลีแล้ว รักนี้ยังทะลุออกมานอกจอให้คู่พระ-นางรักกันจนจะแต่งงานกันอีกด้วย ส่วนบรรยากาศพิธีวิวาห์ของทั้งคู่ในวันที่ 31 ตุลาคมนี้จะเป็นอย่างไร หรือมีเพื่อนเจ้าบ่าว-เจ้าสาวคนไหนบ้าง ก็คงต้องรอลุ้นติดตามกันอย่างใกล้ชิดแล้วละ

 


เรื่อง: Gingyawee_แพรวดอทคอม
ภาพ: Weibo, IG @rain_oppa @skawngur @heybiblee @songjoongkionly #อีซองคยอง, http://mwave.interest.me/en/kpop-news/article/105739/ahn-jae-hyeon-and-ku-hye-sun-share-wedding-photos-korean-actors-news

พระองค์หญิงสิริวัณณวรีฯ ทรงพระสิริโฉมเฉิดฉายด้วยแฟชั่นฉลองพระองค์ ณ กรุงปารีส

ได้เห็นเป็นบุญตากันอีกแล้ว สำหรับพระสิริโฉมอันงดงามของพระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าสิริวัณณวรีนารีรัตน์ ที่เสด็จไปทรงร่วมงานในประเทศฝรั่งเศส ทั้งงานแฟชั่นโชว์และงานการกุศล ทุกลุคมีความเรียบโก้ ซึ่งเกิดจากการที่พระองค์ทรงใส่พระทัยกับฉลองพระองค์ครั้งนี้มากๆ เพราะงานมีความสวย ประณีต สื่อต่างชาติก็ให้ความสนใจและชื่นชมไม่น้อย

พระองค์หญิงทรงโดดเด่น ส่องออร่าความเป็นเจ้าหญิงแห่งสยามได้อย่างเด่นชัด เพราะในขณะที่มีความคลาสสิกสไตล์ยุโรป แต่ก็แฝงไปด้วยความงามแบบไทย ด้วยพระพักตร์ที่เลอโฉม บ่งบอกความเป็นเอเชีย

วันนี้แพรวดอทคอมได้รวบรวม 3 ลุค ของพระองค์หญิงนักดีไซน์มาให้ดูกันแล้ว 

 

ลุคแรก พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าสิริวัณณวรีนารีรัตน์ ในฉลองพระองค์จากแบรนด์ Dolce & Gabbana​

พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าสิริวัณณวรีนารีรัตน์ เสด็จไปทรงเข้าร่วมงานการกุศล amfAR Gala ที่ประเทศฝรั่งเศส พระองค์ทรงเลือกเดรสสีดำพอดีตัว เป็นผ้าลูกไม้ งานละเอียด เครื่องประดับมีความเข้ากับลุค พระเกศาที่ดูหลวมๆ เหมือนไม่ได้ตั้งใจ ทำให้ลุคดูผ่อนคลายขึ้น และให้ความรู้สึกโก้หรูโกอินเตอร์ด้วย บอกเลยว่าลุคนี้พระองค์ทรงพระสิริโฉมมากๆ


 

พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าสิริวัณณวรีนารีรัตน์ ทรงฉลองพระองค์จากแบรนด์ Ashi Studio

พระองค์หญิงขณะเสด็จไปทอดพระเนตรโชว์ Giambattista Valli Haute Couture ที่ประเทศฝรั่งเศส  ทรงเลือกเดรสขาวทรงสุ่มไก่เล็กๆ ลายของผ้ามีความเล่นกับเส้นโครงต่างๆ อย่างเส้นโค้งที่วาดให้เป็นลวดลาย เป็นเดรสที่ให้ความสุภาพ แต่ก็ดูเด่น มีความหวานละมุน และเครื่องประดับเพชรส่งให้ดูแกลมยิ่งขึ้น ส่วนฉลองพระบาทก็ไปในทางเดียวกันกับชุด เหมือนว่าถูกออกแบบมาให้คู่กัน และพระเกศาลุคนี้ปล่อยตรง แสกกลาง เน้นโชว์เมคอัพที่สวยงดงามกำลังดี


 

พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าสิริวัณณวรีนารีรัตน์ ทรงฉลองพระองค์จากแบรนด์ CHANEL

ลุคล่าสุดกับพระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าสิริวัณณวรีนารีรัตน์ ขณะเสด็จไปทอดพระเนตรโชว์ Chanel Haute Couture ที่ประเทศฝรั่งเศส ลุคนี้จะเท่กว่าสองลุคก่อน ให้ความรู้สึกโมเดิร์นขึ้น โททัลลุคเป็นสีดำ แต่ก็ทรงเลือกดีไซน์ได้อย่างลงตัว ระหว่างเสื้อลูกไม้กับกระโปรงหนัง ส่วนฉลองพระบาทเป็นแบบใสมีสายเป็นสีดำคาดสลับไปมา


 

ไม่ว่าพระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าสิริวัณณวรีนารีรัตน์ จะทรงเลือกฉลองพระองค์ไหนก็ดูสมสง่าราศีทุกองค์ สมกับเป็นเจ้าหญิงนักดีไซน์ของคนไทยจริงๆ

 

 

 

 

 

ภาพ : IG@celebs_spectator

 

keyboard_arrow_up