Tonight, at Romance Theatre

แซงหน้าตับอ่อนฯ Tonight, at Romance Theatre หนังรักมาแรงอันดับ 1 ของญี่ปุ่น

Tonight, at Romance Theatre
Tonight, at Romance Theatre

เตรียมปล่อยรับซัมเมอร์! “Tonight, at Romance Theatre” ภาพยนตร์โรแมนติกแฟนตาซีเปิดตัวอันดับ 1 ในญี่ปุ่น นำแสดงโดย เจ้าหญิงของวงการภาพยนตร์ญี่ปุ่น ฮารุกะ อายาเสะ และหนุ่มหล่อสามีแห่งชาติของสาวไทย เคนทาโร่ ซาคากุจิ (ผลงานที่ผ่านมา The 100th love with you)

Tonight, at Romance Theatre

แซงหน้าตับอ่อนฯ “Tonight, at Romance Theatre” หนังรักมาแรงอันดับ 1 ของญี่ปุ่น

ทำรายได้แซงหน้าภาพยนตร์ญี่ปุ่นเรื่อง KIMI NO SUIZO WO TABETAI หรือที่มีชื่อไทยสุดแปลกก่อนหน้านี้อย่างเรื่อง “ตับอ่อนของเธอขอฉันเถอะนะ” ไปแล้วเรียบร้อย สำหรับภาพยนตร์ญี่ปุ่นแนวโรแมนติกแฟนตาซีเรื่อง Tonight, at Romance Theatre ที่กำลังเตรียมฉายในไทยรับซัมเมอร์ในวันที่ 12 เมษายน 2561 

Tonight, at Romance Theatre

สำหรับภาพยนตร์เรื่องนี้ นำเสนอเรื่องราวของ เคนจิ (ซาคากุจิ เคนทาโร่) เด็กหนุ่มที่ฝันจะเป็นผู้กำกับภาพยนตร์ เขาแอบมีใจให้กับมิยูกิ (อายาเสะ ฮารุกะ) เจ้าหญิงจากภาพยนตร์ขาวดำเก่าๆ ที่พบในห้องฉายหนังของ “โรงละคร Romance” ที่เขาเข้าออกทุกวันเพื่อชมภาพยนตร์เรื่องเดิมที่ไม่เคยมีใครชมมาก่อน แต่ทว่าวันหนึ่งปาฏิหาริย์ก็เกิดขึ้นต่อหน้าเขา อยู่ๆ มิยูกิก็ปรากฏตัวขึ้น ตั้งแต่วันนั้นมาทั้งคู่จึงเริ่มอาศัยอยู่ร่วมกันท่ามกลางความสัมพันธ์แปลกๆ เคนจิได้พามิยูกิที่เดิมทีรู้จักแต่โลกขาวดำไปรู้จักกับโลกแห่งความจริงที่เต็มไปด้วยสีสัน พวกเขาใช้เวลาในแต่ละวันร่วมกัน จนทั้งคู่ต่างก็เริ่มมีใจให้กัน แต่ทว่ามิยูกิก็มีความลับอยู่ นั่นก็คือตัวของเธอจะหายไปเมื่อได้สัมผัสตัวคนที่เธอรัก เป็นข้อแลกเปลี่ยนกับการที่เธอข้ามมาสู่โลกแห่งความจริง แถมมิยูกิยังมารู้อีกว่าลูกสาวของเจ้าของบริษัทภาพยนตร์ โทโกะ (ฮอนดะ ซึบาสะ) เองก็แอบมีใจให้เคนจิ เพราะรักจึงอยากสัมผัส แต่กลับสัมผัสไม่ได้….. ทั้งคู่จะเผชิญหน้ากับความจริงอันเจ็บปวดนี้อย่างไร บทสรุปจะออกมาแบบไหนก็ต้องไปค้นหาคำตอบใน  Tonight, At Romance Theater

Tonight, at Romance Theatre

เจ้าหญิงวงการภาพยนตร์ญี่ปุ่น ฮารุกะ อายาเสะ รับบท มิยูกิ

Tonight, at Romance Theatre

เจ้าหญิงวงการภาพยนตร์ญี่ปุ่น ฮารุกะ อายาเสะ รับบท มิยูกิ

พูดถึงบทนางเอกของเรื่องนี้ ฮารุกะ อายาเสะ เป็นผู้มารับบท มิยูกิ ซึ่งถือเป็นนักแสดงหญิงที่ในวงการภาพยนตร์ญี่ปุ่นขาดเธอไปไม่ได้ โดยเธอได้รับรางวัลนักแสดงนำหญิงยอดเยี่ยม ในงาน  Japan Academy Award ครั้งที่ 39 จากภาพยนตร์เรื่อง Our Little Sister ส่วนพระเอก เคนจิ ที่ตกหลุมรักมิยูกิ รับบทโดย ซาคากุจิ เคนทาโร่ ที่แจ้งเกิดจากเรื่อง No Longer Heroine และได้รับรางวัลนักแสดงนำชายหน้าใหม่ในงาน Japan Academy Award ครั้งที่ 40 จากภาพยนตร์เรื่อง 64 Rokuyon และเป็นที่รู้จักในไทยจากภาพยนตร์เรื่อง The 100th love with you  ย้อนรัก 100 ครั้งก็ยังเป็นเธอ

Tonight, at Romance Theatre

ซาคากุจิ เคนทาโร่ รับบท เคนจิ

Tonight, at Romance Theatre

ซาคากุจิ เคนทาโร่ รับบท เคนจิ

นอกจากนี้ยังมีนักแสดงมากความสามารถ ตั้งแต่วัยหนุ่มสาวไปจนถึงนักแสดงอาวุโส เช่น ฮอนดะ ซึบาสะ รับบทลูกสาวเจ้าของบริษัทภาพยนตร์ที่มีใจให้กับเคนจิ, คาซึกิ คิตามูระ รับบท ชุนโด เรียวโนะสุเกะ รวมไปถึงนักแสดงอื่นๆ อย่าง ยามานากะ ชินทาโร่, อิชิบาชิ อันนา, เอโมโตะ อากิระ  และ คาโต้ โก

และคนมาถ่ายทอดเรื่องราวความรักโรแมนติกและอัศจรรย์นี้สู่จอภาพยนตร์ก็คือผู้กำกับ ทาเคะอุจิ อิเดกิ ที่ผ่านการกำกับละครดังมานับไม่ถ้วน และมีผลงานการกำกับชิ้นเอกอย่าง Thermae Romae และ Nodame Cantabile ส่วนด้านผลงานต้นฉบับและบทภาพยนตร์ได้ อุยามะ เคสุเกะ นักเขียนมากความสามารถที่เคยเขียนบทให้กับละครและภาพยนตร์เรื่อง Nobunaga Concerto มาฝากฝีมือให้ได้ชมกัน

Tonight, at Romance Theatre

โปสเตอร์หนังมีความแฟนตาซีมาก

นอกจากนี้ ยังได้นักร้องฉายาเจ้าหญิงเพลงรักที่ร้องเพลงแนวญี่ปุ่นผสมตะวันตกอย่างชาแนล มาร้องเพลงประกอบภาพยนตร์ที่ช่วยแต่งแต้มสีสันให้กับความรักของมิยูกิและเคนจิ ในเพลงที่ชื่อว่า “Kiseki” (ปาฏิหาริย์) อีกด้วย เรียกว่าส่วนผสมแต่ละด้าน ไม่ว่าจะทีมนักแสดง ทีมงาน รายละเอียดต่างๆ ต่างส่งให้ภาพยนตร์เรื่องนี้น่าสนใจ จนกระแสมาแรงครองอันดับ 1 ของญี่ปุ่นไปได้อย่างรวดเร็ว ส่วนคอภาพยนตร์ชาวไทยก็อย่าพลาดซะล่ะ!

 

พรีม-รณิดา

สนิทกับแก๊งชั่วโมงต้องมนต์มาก พรีม-รณิดา ได้ “บางสิ่ง” ย้ำเตือนตัวเอง

พรีม-รณิดา
พรีม-รณิดา

ใกล้จบแล้ว สำหรับละคร ชั่วโมงต้องมนต์ ที่ได้ พรีม-รณิดา เตชสิทธิ์ นางเอกลูกครึ่งจีน-อิตาลี สัญชาติไทย มารับบทเป็น บุญสิตา แถมยังต้องถูกสิงร่างโดย เจ๊ริชชี่ ที่ได้หนุ่ม บอม-ธนิน มนูญศิลป์ มาเล่นได้น่ารักน่าหยิกจนตอนนี้กลายเป็นที่รักของคนดูจำนวนมาก

มีพัฒนาการและสนุกกับการทำงานมากขึ้นเรื่อยๆ สำหรับนางเอก พรีม-รณิดา ที่ตอนนี้ละครที่ออนแอร์อยู่อย่าง ชั่วโมงต้องมนต์ ออนแอร์ทุกวันศุกร์-อาทิตย์ใกล้จะถึงตอนจบแล้ว อีกทั้งยังมีผลงานละครเตรียมออนแอร์ต่อเนื่องอย่างเรื่อง เสน่ห์รักนางซิน ประกบคู่ อาเล็ก-ธีรเดช เมธาวรายุทธ และเรื่อง เพลิงนาคา ประกบคู่ บอย-ปกรณ์ ฉัตรบริรักษ์ เตรียมปล่อยให้แฟนๆ ได้ชม ทั้งนี้สาวพรีมถือเป็นนักแสดงที่ชื่นชอบงานแสดง ชอบดูภาพยนตร์เพื่อพัฒนาตัวเองตลอด และถ้าพูดถึงละครชั่วโมงต้องมนต์ ที่ใครๆ ต่างพูดถึงว่าดูแล้วสนุก แล้วได้คำสอนแบบเนียนๆ กลับมาสะกิดใจหลายอย่าง

พรีม-รณิดา

แพรวดอทคอม จึงจะพาไปคุยกับ พรีม-รณิดา กันว่า เธอได้ “บางอย่าง” กลับมาสะกิดใจตัวเองจากเรื่องนี้อย่างไรบ้าง รวมถึงโมเมนต์น่ารักถึง บอม-ธนิน และพระเอกในเรื่องอย่าง มาสุ จรรยางค์ดีกุล 

กระแสชั่วโมงต้องมนต์ แฟนๆ ตอบรับกลับมาดีมาก รู้สึกอย่างไรบ้าง

พรีม: รู้สึกหายเหนื่อยเลยค่ะ ทุกครั้งจะมีคนชมว่า อุ๊ย สนุกมากละครเรื่องนี้ เล่นดีมาก คือหายเหนื่อยจริงๆ พูดได้คำนี้คำเดียวเลย

หลายคนได้เห็นพรีมเล่นเป็น 2 คาแรคเตอร์ ทั้งก่อนเจ๊ริชชี่ (บอม-ธนิน) เข้าสิงร่างจนกระทั่งโดนเข้าสิง แถมมีฉากฮาๆ ตลกๆ ให้ได้อมยิ้มตามบ่อย พรีมมีหลุดฮาตัวเองบ้างไหม เพราะต้องเล่นใหญ่ดับเบิ้ลเลย

พรีม: อืม…ช่วงแรกด้วยคาแรคเตอร์พี่บอมไม่ใช่เพศตัวเองด้วยอะเนอะ มันก็ยากขึ้นมานิดนึง แต่วิธีทำการบ้านคือ ต้องสังเกตคนให้เยอะๆ ช่วงแรกๆ ต้องทำการบ้านให้ดีหน่อย เราต้องแยกตัวละครให้ชัดเจน ต้องเตรียมตัวไว้อย่างดีเลย ตอนเล่นก็จะมีความเขินตัวเองนิดๆ ค่ะช่วงแรก แบบเราต้องขนาดนี้เลยเหรอ

พรีม-รณิดา

ต้องรุกพระเอก มาสุ จรรยางค์ดีกุล ด้วย

พรีม: ใช่ๆ (หัวเราะ) เรื่องรุกมาสุเป็นอะไรที่หนักใจพรีมมาก แบบฮึ่ย! ในละครทุกเรื่องจะทำแบบนี้ไม่ได้นะ เราเป็นผู้หญิง โน่นนั่นนี่ ต้องนิ่งๆ นะ มาเรื่องนี้เต็มที่ จัดมา ปีนโต๊ะ ทำอะไรทำเลย แบบขนาดนี้เลยเหรอ แต่ว่าซีนที่พีคมากคือ ซีนพ่นน้ำ พี่บอมมาสิงร่างเรา เหมือนว่าเราทะเลาะกับผู้หญิงคนหนึ่งแล้วเราหยิบแก้วน้ำ กรอกน้ำใส่ปากแล้วเราก็พ่นน้ำใส่เขาเลย อันนั้นเกิดจากความบังเอิญด้วยซ้ำ คือเป็นฟีลที่คิดออกในเซตนั้น เวลานั้นเลยค่ะ แล้วพี่เขาก็บอกอ้าวพรีม ทำแบบนี้ดีไหม ทำไหวไหม หนูก็…ได้ค่ะ (หัวเราะ) ก็ทำเลยค่ะ ช่วงแรกๆ ก็จะเหมือนกับทุกๆ ครั้งที่เราเล่นใหญ่ ต้องใช้ความพยายามขึ้นในการหลุดออกจากคอมฟอร์ท โซน (Comfort Zone) ขึ้นมานิดนึง แต่หลังๆ จะมาแบบอ้าวพี่ จะให้หนูทำอะไร หนูทำหมดเลยค่ะ จะมีความแข็งแรงเพิ่มขึ้นมานิดนึง

พรีม-รณิดา

ตอนนี้มีผลงานละครเรื่องใหม่รอให้แฟนๆ ได้ชม ทั้งเรื่อง เสน่ห์รักนางซิน และเพลิงนาคา มีการสลัดตัวละครจากเรื่องเดิมเพื่อเริ่มเล่นเรื่องใหม่อย่างไรบ้าง

พรีม: คือบางทีเราเล่นเรื่องนี้แล้วเหมือนเราหลงรักตัวละครมากๆ เลย มันทำให้เรายึดติดกับเรื่องนี้ ยึดติดกับตัวละครเรื่องนี้ ยิ่งช่วงเวลาที่เราถ่ายทำเสร็จแล้ว ละครของเรามาฉายบนจอ เราก็จะยิ่งอินเข้าไปใหญ่ค่ะ ซึ่งถ้าเรารู้ตัวว่า เราจะมาเล่นเรื่องใหม่ เราก็ต้องพยายามสลัดอินเนอร์ตรงนี้ที่เป็นตัวละครเดิมออกไป แล้วเราก็เริ่มต้นจากศูนย์ใหม่หมดเลย เหมือนเราทำการบ้านใหม่อีกครั้งหนึ่ง เราศึกษาชีวิตของอีกคนหนึ่งใหม่หมดเลย ก็เหมือนได้เริ่มต้นใหม่ทุกๆ ครั้งเลยค่ะ

เวลาไปไหนก็จะเห็นแก๊งนักแสดงชั่วโมงต้องมนต์ไปไหนด้วยกันอยู่บ่อยๆ เรียกว่าสนิทกันมาก

พรีม: ใช่ค่ะ ละครเรื่องนี้เป็นละครที่สำหรับพรีมนะคะ พรีมสนิทกับนักแสดงในเรื่องนี้มากที่สุดแล้ว ด้วยวัยเดียวกันด้วยมั่งคะ แล้ววิธีการพูดแซวกัน เล่นกันก็จะคล้ายกันหมด จะเป็นแนวๆ เดียวกันหมด อยู่ด้วยกันแล้วจะมีความสุขมาก แบบโดนด่าตลอดเลยว่า คุยกันไม่หยุด เมาท์กันไม่หยุด

พรีม-รณิดา

ได้มาประกบคู่กับ มาสุ เรื่องแรก การทำงานด้วยกันเป็นอย่างไรบ้าง

พรีม: ช่วงแรกยาก ถ้าเทียบกับมาเรื่องนี้แล้วพรีมได้มาเจอกับพี่บอม ซึ่งพรีมสนิทกับพี่บอมมาก แล้วพอมาเจอกับมาสุ มาสุเป็นเด็กใหม่ เหมือนพรีมรู้จักหลายๆ คนมาแล้วในเรื่องนี้ แล้วมาสุเป็นคนเดียวที่พรีมไม่เคยเจอ ไม่เคยเล่นด้วย ไม่เคยเจอตามงานยังงี้เลย ก็จะใช้เวลาในการปรับตัวช่วงแรกๆ ค่ะ แปปเดียวเอง แต่ด้วยฉากที่มันกุ๊กกิ๊ก ด้วยตัวละครของพรีมต้องรุกเขา ต้องมีความเป็นพี่ชายเวลาอยู่กับเขา ก็จะทำให้สนิทเร็วขึ้น

ในเรื่องมีฉากมาสุจีบพรีมด้วย

พรีม: ใช่ๆ (หัวเราะ) ช่วงแรกพรีมจ้องตาไม่ได้เลยอะ คือมันจะมีฉากจ้องตาช่วงแรกๆ แล้วพรีมถ่ายไม่ได้ พรีมหัวเราะตลอด ไม่รู้ทำไม ไม่ได้จริงๆ (หัวเราะ) แปปนึงขอทำใจ แต่ถ้าเป็นพี่บอมก็จะอ้าวมาดิ จ้องตาไปดิ มันจะเป็นเพื่อนเล่นกันไง แต่พอหลังๆ ก็จะชิล สบายขึ้น

พรีม-รณิดา

ช่วงซัมเมอร์นี้มีแพลนจะไปเที่ยวไหนไหม

พรีม: ถ่ายงานอย่างเดียวเลยค่ะ (หัวเราะ) แต่ช่วงพฤษภาคมนี้มีแพลนจะไปญี่ปุ่นกับคุณแม่ค่ะ ตอนแรกแพลนกันไว้จะไปยุโรป แต่ว่าคุณแม่เองไม่เคยไปญี่ปุ่น แล้วแม่บอกว่าพาแม่ไปญี่ปุ่นเถอะ เพราะว่าญี่ปุ่น เหมือนวัฒนธรรมเขาจะไม่รับภาษาอังกฤษถูกไหมคะ แล้วทุกอย่างค่อนข้างซับซ้อน ไหนจะรถไฟฟ้าใต้ดิน ไหนจะเรื่องการกิน จะค่อนข้างไม่เหมือนกับที่อื่นเลย คุณแม่บอกถ้าคุณแม่ไปคนเดียว คุณแม่ตายแน่ๆ ก็ช่วยพาแม่ไปเถอะ (ยิ้ม)

คุณแม่ได้มีโอกาสดูผลงานละครที่พรีมเล่น แล้วมีโมเมนต์น่ารักๆ ช่วยโปรโมทงานลูกสาวไหม

พรีม: ดูๆ ดูตลอด แม่เห่อมาก (หัวเราะ) มีโปรโมทค่ะ คุณแม่จะไม่ค่อยเท่าไหร่ แต่ญาติๆ จะโปรโมทกันตลอดเวลา บ้าเห่อกันมาก เพื่อนพรีมก็ดูละครกันก็จะแคปรูปมาให้ดู ทุกคนจะดีใจ เหมือนคุณแม่ก็จะเห็นช่วงเวลาที่ถ่ายทำด้วยค่ะว่า มันเหนื่อยขนาดไหน แม่ก็เหมือนพรีมที่รอดูว่าผลงานที่เราทำมาทั้งหมดตลอดระยะเวลา 8 เดือนนี้ มันออกมาแล้วจะเป็นยังไง

ในละครชั่วโมงต้องมนต์มีคำสอนหลายๆ อย่างที่ดีมาก ส่วนตัวพรีมคิดว่า เรื่องไหนที่เล่นแล้วประทับใจ แล้วได้สอนเรากลับมาเหมือนกัน

พรีม: เรื่องของ “เวลา” สอนเราแน่นอน ทุกคนรู้อยู่แล้วแหละว่าเวลามีค่า แต่การที่พรีมเล่นแล้วถูกย้ำเตือนด้วยบทที่คนอื่นพูด หรือแม้กระทั่งบทที่ตัวเองพูด มันทำให้เรายิ่งเห็นคุณค่าของเวลามากขึ้นกว่าเดิมค่ะ แล้วก็อีกอย่างที่พรีมชอบมากเลยคือ พรีมมักจะชอบคำสอนเนียนๆ ของริชชี่ค่ะ เวลาเขาสอนตัวละครบุญสิตา ภายนอกริชชี่อาจจะดูเหมือนเป็นคนปากแข็งปากร้าย เห็นแต่ตัวเอง แต่จริงๆ เวลาเขาสอนบุญสิตา อย่างแบบไม่ได้นะ เธอต้องดูแลตัวเองนะ เงินของตัวเองเธอก็ต้องเอามาใช้ให้กับตัวเองนะ เธอต้องรักตัวเองให้เยอะๆ นะ อันนี้พรีมมองว่าเป็นสิ่งที่ทุกคนลืม มันเหมือนเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด ซึ่งสุดท้ายมันก็คือ “การรักตัวเอง” พอเรารักตัวเองแล้ว เราจึงสามารถเผยแพร่รักนี้ให้กับคนอื่นได้ค่ะ ก็คงทั้งสองอย่างนี้ค่ะ

พรีม-รณิดา

ฝากผลงานละครชั่วโมงต้องมนต์ที่ใกล้จะจบแล้ว

พรีม: จะจบแล้ว (ยิ้ม) ยังไงก็ฝากตอนสุดท้ายละครชั่วโมงต้องมนต์ด้วยนะคะ เรื่องนี้ไม่ได้แค่ความสนุกสนานอย่างเดียว พรีมเชื่อว่าทุกคนคงได้คำสอนดีๆ กลับไปใช้ กลับไปไว้ในใจของตัวเองอีกนานเลยนะคะ แล้วก็ฝากตอนสุดท้ายด้วยนะคะ ตอนสุดท้ายจะเป็นตอนที่เหมือนทุกคนอาจจะลืมไปว่า ริชชี่มีเวลามาจำกัด แล้วร้อยวันของริชชี่กำลังจะหมดลงแล้ว ซึ่งตอนสุดท้ายจะเป็นตอนที่เศร้าปนความสุข ก็อยากจะให้คนได้ดูกัน แล้วก็ฝากเสน่ห์รักนางซินที่กำลังจะออนแอร์ด้วยนะคะ เรื่องนี้เป็นเรื่องราวสนุกสนานของตัว “พริม” ในเรื่องนะคะ ความฝันของเขาจะเป็นยังไง จะทำตามที่ตัวเองต้องการได้ไหมก็ช่วยเป็นกำลังใจให้เขาด้วยนะคะ

 

 


เรื่อง: กัญญาวีร์ วิมลรัตน์
ภาพ: จักรพงษ์ นุตาลัย
สถานที่: ร้าน Prestige Flowers Coffee & Tea Room สุขุมวิท 39

L.S. Jewelry Group จะมาเฉลยว่า เพชรคุณภาพ ทำไมต้อง Hearts & Arrows

account_circle

L.S. Jewelry Group

L.S. Jewelry Group หรือห้างเพชรหลีเสง เป็นร้านเพชรระดับคุณภาพที่อยู่คู่กับบ่าว-สาวชาวไทยมานานถึง 86 ปี และเป็นรายเดียวในประเทศไทยที่ได้ร่วมทุนกับโรงงานของประเทศเบลเยียมซึ่งได้ชื่อว่าผลิตเพชรน้ำางามที่สุดในโลก หลีเสงจึงเป็นแหล่งรวมเพชรน้ำางามโดยเฉพาะเพชร Hearts & Arrows หรือเพชร H&A คุณภาพสูง และด้วยความอยากรู้ว่าเพชรชนิดนี้ดีงามอย่างไร แพรว wedding จึงเชิญคุณพีรวัฒน์ สุรเศรษฐ กรรมการผู้จัดการ L.S. Jewelry Group มาพูดคุยเกี่ยวกับเรื่องเพชร Hearts & Arrows และหลักการเลือกซื้อเพชรเบื้องต้น ที่บ่าว-สาวควรรู้ไว้ก่อนเดินเข้าร้านเพชร

ทางร้านได้เพชร Hearts & Arrows มาจากไหน

L.S. Jewelry Group เป็น 1 ใน 80 โรงงานผลิตจิเวลรี่จากทั่วโลกที่ได้รับสิทธิ์ในการซื้อเพชรดิบโดยตรงจากเหมืองแร่ โดยได้เข้าร่วมทุนกับ DTC Sight Holder โรงงานผลิตเพชรชั้นเลิศของประเทศเบลเยียม ซึ่งเชี่ยวชาญการผลิตเพชรน้ำางามที่สุดในโลก โดยเฉพาะเพชร D-E Color Perfect Hearts & Arrows Diamonds (น้ำ100 – 99%) และเพชรรัสเซียนคัตที่ได้รับการเจียระไนมาอย่างดีเยี่ยม จึงทำให้ทางร้านเข้าถึงแหล่งผลิตเพชรที่ดีที่สุดในโลก และได้ราคาต้นทุนจากโรงงานผู้ผลิตเพชรโดยตรง จึงทำให้หลีเสงกลายเป็นผู้เชี่ยวชาญและผู้ผลิตจิเวลรี่เพชร H&A คุณภาพสูงในประเทศไทย ว่าที่บ่าว-สาวจึงมั่นใจได้ว่าจะได้รับเพชรคุณภาพเยี่ยมในราคาที่ต่ำากว่าทั่วไปถึง 50 เปอร์เซ็นต์

ทำไมเพชร H&A จึงได้รับการการันตีว่าสวยงามกว่าเพชรทั่วไป

เพชร H&A เป็นเพชรทรงกลมที่ได้รับการยอมรับว่ามีเหลี่ยมเจียระไนที่ประณีตสมบูรณ์แบบมากที่สุด ซึ่งต้องเลือกเพชรดิบที่ให้ประกายสวยสมบูรณ์แบบมาเจียระไน โดยทุกขั้นตอนต้องอาศัยความแม่นยำทั้งในด้านสัดส่วน ความสมมาตร และการขัดเงา ซึ่งความสมดุลทั้งหมดนี้จะทำให้เพชร H&A เปล่งประกายสะท้อนความงดงามเหนือกว่าเพชรทั่วไปอย่างเห็นได้ชัด และสามารถเห็นได้ด้วยตาเปล่าถึงประกายอันงดงามและโดดเด่น แต่หากดูด้วยกล้องพิเศษที่ใช้สำหรับส่องดู เพชร H&A โดยเฉพาะเมื่อมองจากด้านบนจะต้องเห็นรูปลูกศรจำานวน 8 ดอกที่มีขนาดและสัดส่วนเท่ากันอย่างชัดเจน และเมื่อมองจากด้านล่างจะต้องเห็นรูปหัวใจ 8 ดวงที่สมบูรณ์เช่นกัน นี่จึงทำให้เพชร H&A มีปริมาณแสงที่สะท้อนกลับออกมาสวยงามสมบูรณ์แบบ และการเจียระไนเพชร H&A ยังต้องตัดเนื้อเพชรดิบออกไปมากกว่าการเจียระไนเพชรแบบอื่น จึงทำให้มีราคาสูงกว่าเพชรแบบอื่นเป็นเท่าตัว เพราะเพชรคุณภาพสูงที่จะ นำมาเจียระไนเป็นเพชร H&A ได้นั้นมีปริมาณไม่ถึง 1% ของเพชรทั้งหมดในโลก

นอกจากเพชร H&A แล้ว ราคาของแหวนเพชรยังขึ้นอยู่กับอะไรอีกบ้าง

ราคาของแหวนแต่งงานและเครื่องประดับเพชรจะขึ้นอยู่กับขนาด การเจียระไน และสีของเพชร ซึ่งเพชรสีขาวไร้สีที่สะอาดที่สุดคือเพชรน้ำ 100 หรือ D Color ที่มีความสดใสและประกายแวววาวมากกว่าเพชรที่ไม่ใช่น้ำร้อย เช่น E (น้ำ 99), F (น้ำ 98), G (น้ำ 97), H (น้ำ 96) ไปจนถึง Z ตามลำดับ โดยเพชร D Color จะมีราคาที่สูงกว่าเพชรระดับอื่นๆ และจะลดหลั่นกันลงมาตามลำดับ นอกจากนี้ความสะอาดหรือตำาหนิของเพชรที่เกิดจากธรรมชาติก็เป็นตัวกำหนดราคาของเพชรด้วย ยิ่งเพชรมีตำหนิน้อยมากเท่าไรราคาก็จะสูงมากขึ้นเท่านั้น สุดท้ายคือชนิดของตัวเรือน เช่น ทอง เงิน หรือ แพลทินัม ที่ยังขึ้นอยู่กับน้ำหนักและเปอร์เซ็นต์ของวัตถุดิบ ช่างฝีมือ และการออกแบบด้วย

ปัญหาและระยะเวลาในการผลิตแหวนแต่งงาน

ปัญหาส่วนใหญ่ในการเลือกแหวนแต่งงานแบบสำาเร็จรูป คืออาจได้แบบที่ชอบแต่เพชรมีขนาดเล็กหรือใหญ่ เกินไป ซึ่งทางร้านแก้ปัญหานี้ด้วยการให้ลูกค้าสามารถเลือกจับคู่เพชรที่มีหลากหลายขนาดกับตัวเรือนที่มีอยู่ นับร้อยแบบได้ด้วยตัวเอง ช่วยลดปัญหาเรื่องความไม่ลงตัวของขนาดเพชรและรูปแบบตัวเรือนได้เป็นอย่างดี จากนั้นเมื่อบ่าว-สาวเลือกเพชรที่ชอบในขนาดที่ต้องการได้แล้ว จึงเข้าสู่ขั้นตอนให้ช่างของทางร้านประกอบเพชรเข้ากับตัวเรือน โดยใช้เวลาเพียงแค่ 3 ชั่วโมง บ่าว-สาวก็สามารถรับแหวนแต่งงานสวยๆ กลับบ้านได้เลย

ว่าที่บ่าว-สาวต้องเตรียมตัวอย่างไรก่อนเข้าร้านเพชร

กำาหนดงบประมาณก่อนเป็นอันดับแรก และแจ้งงบที่มีกับร้านเพื่อจะได้แนะนำแหวนเพชรที่อยู่ในงบได้อย่างถูกต้อง และควรหาความรู้เกี่ยวกับเพชรขั้นพื้นฐาน 4 ประการ ได้แก่ สี ความสะอาด การเจียระไน และน้ำหนักกะรัต รวมไปถึง เรื่องวัสดุสำหรับทำตัวเรือนมาด้วย ซึ่งที่นิยมที่สุดคือ ทองคำขาว เพราะจะช่วยขับเพชรให้เด่น สะท้อนแสงได้แวววาว ไม่ทำให้เพชรสะท้อนออกมาเป็นสีเหลือง รองลงมาคือสีทองและสีพิ้งค์โกลด์ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็อาจเลือกให้เหมาะกับความชอบและให้เข้ากับสีผิวของบ่าว-สาวด้วย

อีกสิ่งหนึ่งที่บ่าว-สาวต้องคำนึงก่อนเข้าร้านเพชรคือ การเลือกร้านที่มีความน่าเชื่อถือ พนักงานจะต้องมีความรู้แบบมืออาชีพ พร้อมให้คำาแนะนำได้เป็นอย่างดีในทุกๆ เรื่อง และจะต้องมีใบรับรองแหวนเพชรและเครื่องประดับทุกชิ้น สุดท้ายบริการหลังการขายก็เป็นสิ่งสำคัญ โดยบ่าว-สาวจะต้องสามารถนำเครื่องประดับที่ซื้อจากร้านไปทำความสะอาด เช็ดล้าง ซ่อมแซม บำรุงรักษา ตรวจสอบเช็กสภาพได้ฟรีตลอดอายุการใช้งาน เพราะอย่าลืมว่าแหวนแต่งงานหรือเครื่องประดับเพชรนั้นมีมูลค่าที่ค่อนข้างสูง การดูแลรักษาให้คงสภาพดีตลอดอายุการใช้งานจึงเป็นเรื่องสำคัญที่ บ่าว-สาวไม่ควรมองข้าม

ขอขอบคุณ ห้างเพชรหลีเสง 177-179 ถนนพระสุเมรุ แขวงตลาดยอดเขตพระนคร กรุงเทพมหานคร 10200 โทร. 0-2282-9888 (10 คู่สาย), 0-2629-1444 (10 คู่สาย) ไลน์ : @LSjewelrygroup เฟซบุ๊ก : LS Jewelry Group เว็บไซต์ : www.lsjewelrygroup.com

สวยสง่าและงดงามแบบแม่หญิงในชุดไทย by Vanus Couture

account_circle

Vanus Couture

คงปฏิเสธไม่ได้ว่าไม่ว่าจะยุคสมัยใดชุดไทยก็ยังคงเป็นอมตะแห่งความงามของเจ้าสาว หากแต่เป็นเรื่องยากที่เราจะหาชุดแต่งงานแบบไทยที่ตรงใจและสะท้อนความงดงามแบบหญิงไทยออกมาให้เห็นเด่นชัด ทั้งเรื่องการเลือกใช้ผ้า ความหลากหลายของสีสัน รวมไปถึงรูปแบบการตัดเย็บซึ่งแตกต่างไปจากชุดแต่งงานสากลหรือชุดประจำาชาติอื่นๆ ทุกปัจจัยที่รวมกันเป็นโจทย์ที่ยากสำหรับดีไซเนอร์ แต่ทั้งหมดนี้กลับไม่ยากเกินความสามารถและประสบการณ์ของ Vanus Couture ที่โลดแล่นอยู่ในวงการมาเป็นเวลากว่า 4 ปี ด้วยทีมดีไซเนอร์ฝีมือเยี่ยมที่พัฒนาผลงานต่างๆ ออกมาให้ได้ว้าวกันอยู่เสมอ วันนี้เราได้โอกาสดีจึงขอชวน Vanus Couture มาจับเข่านั่งคุยกับเราเสียเลย

 

ภาพเจ้าสาวในชุดไทยของ Vanus Couture

สวยสง่าสะท้อนออกมาเป็นผู้หญิงไทยในยุคสมัยใหม่ เนื่องจากเราออกแบบและรังสรรค์ชุดไทยออกมาเพื่อให้เข้ากับบุคลิกภาพของเจ้าสาวที่แตกต่างกันออกไป โดยการตัดเย็บจะเน้นการสร้างแพตเทิร์นที่มีลักษณะเฉพาะเหมาะกับผู้สวมใส่แต่ละคน มีความกระชับเข้ารูปทำให้รูปร่างดูสวยงามสมส่วน

เทคนิคในการรังสรรค์ผลงานชุดไทย

เพื่อสะท้อนให้เห็นจิตวิญญาณของผู้สวมใส่รวมถึงสามารถสวมใส่ได้จริง ทุกชุดที่ออกแบบจึงมีเอกลักษณ์โดดเด่นด้วยการเลือกใช้สีและการจับคู่สีที่มีความงดงาม ชุดไทยจะเน้นความหรูหรามีรสนิยม กรรมวิธีในการมัดย้อม รวมไปถึงงานปักที่วิจิตรละเอียดลออ โดยคัดสรรวัสดุชั้นเลิศในการปักผ้าสร้างลวดลายอันประณีตบรรจงที่การันตีได้ว่าเป็นผลงานซิกเนเจอร์ที่มีเพียงหนึ่งเดียว

เทรนด์ชุดไทยสำาหรับเจ้าสาวในปี 2018

สำหรับเทรนด์ในปีนี้ก็ยังคงเป็นชุดไทยจักรพรรดิโบราณ เนื่องจากชุดไทยจักรพรรดิเมื่อถูกสวมใส่จะทำให้เจ้าสาวดูโดดเด่นและสง่างาม ด้วยความงามที่เป็นเอกลักษณ์จากสไบอัดกลีบชั้นในผ้าทอผืนงาม กับความละเมียดละไมในการปักดิ้นไหมเงิน ไหมทอง ปล้องอ้อย ปักเป็นลวดลายวิจิตรตระการตาบนผืนสไบชั้นนอก นอกจากนี้ชุดไทยประยุกต์ แบบอื่นๆ ก็ยังคงถูกนำมาใช้บ้างเช่นเดียวกัน

 

เป็นการยากที่คนคนหนึ่งจะทำาอะไรออกมาดี ได้ทั้งสองอย่างในเวลาเดียวกัน แต่ Vanus Couture ก็ทำได้ ไม่ว่าจะชุดไทยหรือชุดสากลก็ทำได้น่าประทับใจ เคล็ดลับคือ…

เคล็ดลับคือ การกล้าคิดที่จะทำาผลงานที่แตกต่างแต่ทำาออกมาได้อย่างลงตัวเหมาะสมกับเจ้าสาวในยุคสมัยใหม่ ทีมงานของห้องเสื้อแต่ละท่านซึ่งเคยร่วมงานกับแบรนด์ระดับโลกมาแล้ว ก็เป็นส่วนสำาคัญที่ทำให้ Vanus Couture สามารถผลิตผลงานได้อย่างโดดเด่นทั้งชุดไทยและชุดสากล

ขอขอบคุณ Vanus Couture 1550, 1552 ปากซอยลาดพร้าว 50 ถนนลาดพร้าว เขตวังทองหลาง กรุงเทพฯโทร. 0-2002-4895, 0-2002-4896 เฟซบุ๊ก : Vanus Couture

พี่หมื่นเดช

พี่หมื่นเดช! ดึงสติสาวๆ สายบุฟเฟ่ต์ กินมากระวังอ้วนนะออเจ้า

Alternative Textaccount_circle
พี่หมื่นเดช
พี่หมื่นเดช

จะหุ่นดีกันทั้งพระนคร หลัง “พี่หมื่นเดช” พลีชีพออกคลิปดึงสติสาวๆ สายบุฟเฟ่ต์ระวังอ้วนกันนะออเจ้า

พี่หมื่นเดช
ถาพประกอบจากละครเรื่อง บุพเพสันนิวาส

ในละครเรื่อง บุพเพสันนิวาส ความดื้อของ แม่หญิงการะเกด ทำให้พี่หมื่นเดช นำแสดงโดย โป๊ป – ธนวรรธน์ วรรธนะภูติ ต้องปากเปียกปากแฉะ สั่งสอนให้รู้ผิดรู้ถูกไปหลายยก ซึ่งซีนที่ว่านี้ก็ได้ถูกนำมาตัดต่อทำคลิปฮาๆ จนตอนนี้พี่หมื่นเดชได้ฉายาแร็ปเปอร์แห่งอยุธยาไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

ถึงแม้จะถูกล้อแต่ดูหนุ่มโป๊ปจะสนุกแล้วชอบใจเพราะล่าสุดจัดคลิปชุด 3 ออกมาอย่างต่อเนื่อง แถมคลิปนี้เป็นคลิปทำเองไม่ใช่จากละครบุพเพสันนิวาสแต่อย่างใด

https://www.instagram.com/p/Bf-zh1dnBH1/

ซึ่งคลิปที่ได้รับความนิยมนี้ มีเนื้อหาเตือนสติสาวๆ ที่ชอบบ่นว่าอ้วนแต่ก็ยังรักการกินอยู่ว่า

“หุบปากของออเจ้าเสีย ออเจ้านี้เป็นคนไขมันกำเริบ กินไม่รู้จักกาลเทศะ วาจาพิกลพิการฟังมิรู้ความ จิตใจหยาบกระด้าง ไม่มีเมตตาต่อตนเอง เรื่องกินเรื่องใหญ่ ไม่ออกกำลังกาย ขี้คร้านตัวเป็นขน ดีแต่แต่งตัวนั่งชม้อยชายตาหน้าขาวแล้วบ่นว่าอ้วน อ้างว่าไม่มีเวลา น่ารำคาญ !!”

ถึงแม้จะแรงไปหน่อยแต่ก็คือเรื่องจริง ดังนั้นสาวๆ คนไหนที่อยากหุ่นดี รับประทานแล้วก็อย่าลืมออกกำลังกายด้วยนะคะ

 

ดีแทค แอคเซอเลอเรท ปี 6 ชูจุดแข็ง Real ประกาศความร่วมมือครั้งยิ่งใหญ่ระดับโลกมาสู่ไทย จับมือผู้นำเทคโนโลยีเบอร์หนึ่ง Google และ Line ประเทศไทย

ดีแทค แอคเซอเลอเรท เปิดโครงการ ยิ่งใหญ่ แตกต่างอย่างต่อเนื่องเป็นปีที่ 6 ชูจุดแข็ง Real เป็นโครงการบ่มเพาะสตาร์ตอัพ ตัวจริง เสียงจริง เบอร์หนึ่งของไทย เปิดเผยความร่วมมือครั้งยิ่งใหญ่ระดับโลกมาสู่เมืองไทย จับมือผู้นำเทคโนโลยีเบอร์หนึ่งของโลกทั้ง Google และ Line ประเทศไทย นำโมเดลหลักสูตรการเรียนรู้ของสตาร์ตอัพที่ประสบความสำเร็จ และได้รับการยอมรับในระดับโลก จากโครงการ Google LaunchPad Accelerator ซึ่งเป็นโครงการบ่มเพาะสตาร์ตอัพจากทั่วโลกของ Google ในสหรัฐอเมริกา มาสอนสตาร์ตอัพในดีแทค แอคเซอเลอเรท โดยได้นำเมนเทอร์ระดับโลก ที่มีความโดดเด่นเฉพาะด้านในศาสตร์ที่สำคัญและจำเป็นอย่างมากสำหรับสตาร์ตอัพ เช่น มร.เจคอป กูรูอันดับ 1 ด้าน UX/UI ซึ่งเป็นการนำแนวคิดด้าน User Experience และ User Interface (UX/UI) มาใช้ในการพัฒนาสินค้าและบริการ การนำ มร.เจค คแนป (Jake Knapp) เจ้าพ่อในโลกของ design sprint การออกแบบสำหรับการสร้างไอเดียใหม่ รวมถึงเมนเทอร์ระดับโลกอีกมากมาย เพื่อเสริมความแข็งแกร่งให้กับสตาร์ตอัพอีโคซีสเต็มในประเทศไทย และที่สำคัญเรายินดีที่จะประกาศที่จะเป็นพันธมิตรกับ LINE SCALEUP โปรเจคใหม่จาก LINE ประเทศไทย เพื่อช่วยสนับสนุน ส่งเสริมศักยภาพสตาร์ตอัพไทย ด้วยเทคโนโลยีและแพลตฟอร์มของ LINEที่เข้าถึงผู้ใช้บริการมากกว่า 42 ล้านรายทั่วประเทศ

นายลาร์ส นอร์ลิ่ง ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือดีแทค กล่าวว่า “ดีแทคเริ่มเข้ามาสู่สตาร์ทตอัพอีโคซีสเต็ม เป็นรายแรกๆ จนถึงปัจจุบันมีบริษัทสตาร์ตอัพที่ประสบความสำเร็จถึง 34 บริษัท มีมูลค่ากว่า 100 ล้านเหรียญสหรัฐ มีเงินลงทุนมากถึง 5 ล้านเหรียญ โดยมีอัตราการลงทุนของนักลงทุนในบริษัทอย่างต่อเนื่องถึง 70% ซึ่งประสบความสำเร็จมากกว่าอัตราในตลาด เอเชียตะวันออกเฉียงใต้มีประชากร 600 ล้านคน เป็นตลาดใหญ่ที่มีมูลค่า 2.6 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ และตลาดนี้ยังพร้อมที่จะเป็นดิจิทัลทุกเมื่อ เพียงต้องการแรงผลักดัน สร้างสรรค์ไอเดียใหม่ ที่พร้อมจะพุ่งทะยานเติบโตไปข้างหน้า

ประเทศไทยมีอัตราการใช้โทรศัพท์มือถือต่อจำนวนประชากร มากเกินกว่า 100% แต่ความเจริญก็ยังไปไม่ถึงคนกลุ่มใหญ่ เราพยายามที่จะนำเทคโนโลยีมาช่วยสร้างคุณภาพชีวิตที่ดีให้กับประชาชนที่ต้องการใช้ชีวิตดิจิทัล ซึ่งยังสามารถพัฒนาไปสู่ดิจิทัลได้อีกมาก เช่น ในประเทศจีนที่ยังมีโอกาสพัฒนาเป็นดิจิทัลอีกมากมาย เช่นการใช้จ่ายแบบ e-payment ซึ่งเกิดขึ้นแล้วอย่างรวดเร็ว แต่ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ยังคงต้องสร้างบริการดิจิทัลอีกมาก

ในระยะเวลา 5 ปี ของดีแทค แอคเซอเลอเรท จนมาถึงวันนี้ ดีแทคได้สร้างนวัตกรรมใหม่ ที่มาช่วยให้ชีวิตของลูกค้าสะดวกง่ายดาย ในการใช้ชีวิตประจำวัน เพิ่มขึ้นปีละ 10-12 บริษัทเทคสตาร์ตอัพ นอกจากนี้ดีแทคยังได้มอบสิ่งๆดีๆกลับคืนกับสังคมไทย เช่น Seekster และ Skootar ที่ช่วยสร้างงานให้กับกลุ่มแม่บ้าน แมสเซ็นเจอร์ เข้าสู่แพลตฟอร์มดิจิทัล Giztix ที่นำกลุ่มขนส่งโลจิสติกรายเล็กในระดับประเทศ เข้ามาสู่แพลตฟอร์มการขนส่งระดับโลก Ricult ที่นำการใช้ Machine learning มาช่วยพยากรณ์อากาศ เพื่อเพิ่มผลผลิตทางการเกษตร สตาร์ตอัพเหล่านี้ไม่เพียงมาช่วยผลักดันสร้างดิจิทัล แต่ยังสร้างพลังสตาร์ตอัพอีโคซีสเต็มให้ก้าวเดินไปได้อย่างมั่นคงและแข็งแรงมากขึ้น และช่วยผลักดันให้สตาร์ตอัพเติบโตอย่างยั่งยืนต่อไป

ดีแทค แอคเซอเลอเรท มีความมุ่งมั่น ที่จะสร้างยูนิคอร์นของประเทศไทย ซึ่งไม่เพียงทำตลาดแค่ในประเทศแต่ยังต้องคิดขยายออกไปต่างประเทศด้วย เราช่วยสตาร์ตอัพขยายตลาด ไปยังลูกค้าในกลุ่มเทเลนอร์ทั้งโลก จากนอร์เวย์จนถึงบังคลาเทศ เราเป็นพันธมิตรที่ใกล้ชิด กับ Google Facebook และ Line เพื่อเป้าหมายสูงสุด ให้สตาร์ตอัพไทย ช่วยประเทศไทย ให้คนไทยได้มีชีวิตที่ง่ายสะดวกสบายและมีความสุข”

นายแอนดริว กวาลเซท รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มการตลาด ดีแทค กล่าวว่า “ในปี 2560 ที่ผ่านมาเราเห็น ดีลการลงทุนและเส้นทางของสตาร์ตอัพไทย ชัดเจนมากขึ้นเป็นลำดับ สะท้อนให้เห็นสตาร์ตอัพของไทย ที่เข้าสู่ช่วงของการเติบโต ซึ่งดีแทค แอคเซอเลอเรทเองก็มีบทบาทสำคัญที่ช่วยสร้างสตาร์ตอัพอีโคซีสเต็มให้กับประเทศไทย เฉพาะในปีที่ผ่านมาสตาร์ตอัพของดีแทค แอคเซอเลอเรท มีเงินลงทุนเข้ามา ในจำนวนนี้มี 3 บริษัทที่ได้รับการลงทุนในระดับซีรี่ส์ A และในระดับ SEED อีก 8 บริษัท ด้วยมูลค่าเงินลงทุน 9.5 ล้านเหรียญ สตาร์ตอัพของเราได้รับการลงทุนอย่างต่อเนื่องมากถึง 70% เมื่อเทียบกับสตาร์ตอัพในภูมิภาคนี้ที่ได้รับการลงทุนเพียง 20% แสดงให้เห็นถึงความเป็นตัวจริงในโครงการบ่มเพาะสตาร์ตอัพ ในไทย และภูมิภาคนี้

สิ่งที่สำคัญที่สุดในปีนี้ คือ การที่ Google เลือกดีแทค แอคเซอเลอเรท เป็นพันธมิตรสำคัญกับ Google Launchpad เราได้เข้าไปร่วมในหลักสูตรการเรียน การสอนสตาร์ตอัพ และได้รับการเลือกสตาร์ตอัพให้เข้าร่วมโครงการ รวมถึง Google ยังได้ส่งกูรูสตาร์ตอัพชั้นนำให้มาสอนสตาร์ตอัพในประเทศไทย อย่างเช่น เจคอป กรีนสแปน

ปัจจุบันดีแทค แอคเซอเลอเรท ยังเป็นรายแรกที่ทำงานร่วมกับ Line ซึ่งจะช่วยให้สตาร์ตอัพนำบริการไปยังกลุ่มลูกค้าของ Line ที่มีกว่า 42 ล้านรายในประเทศไทย ซึ่ง Line มี LINE API ที่ช่วยสตาร์ทอัพไทย ผลักดันการพัฒนานวัตกรรมและบริการใหม่ ช่วยให้สตาร์ทอัพไทยปรับเปลี่ยนบริการหรือแอปพลิเคชันที่มีอยู่เดิมให้เข้ากับแพลตฟอร์มของ LINE รวมถึงเพิ่มความสะดวกให้กับผู้ใช้งาน LINE ให้เข้าบริการต่างๆ ง่ายขึ้น”

A walk to remember, walk with Sirena รองเท้าเจ้าสาวที่คู่ควร

account_circle

sirena

เพราะการเลือกรองเท้าเจ้าสาวนั้นจะดูที่ดีไซน์ความสวยงามอย่างเดียวคงไม่ได้ หากภายนอกดูสวยงามแต่เมื่อสวมใส่แล้วไม่สบายเท้าจะเป็นปัญหาแรกที่ว่าที่เจ้าสาวประสบในวันสำคัญ Sirena จึงขอแบ่งปันเกร็ดความรู้ให้คุณว่าที่เจ้าสาวได้เตรียมตัวเลือกรองเท้าแต่งงานได้อย่างมั่นใจ เพื่อให้คุณสวยสง่าตั้งแต่เส้นผมจรดปลายเท้า

ควรจะเตรียมตัวหารองเท้าช่วงไหนดี

เมื่อคุณคิดจะหารองเท้าแต่งงานที่สวมใส่สบายเข้ากับชุดของคุณได้อย่างกลมกลืนนั้น ควรเริ่มมองหารองเท้าแต่เนิ่นๆ อาจจะสักประมาณ 1 เดือนก่อนได้ชุด โดยในวันลองชุดคุณควรนำรองเท้าที่คุณเลือกไปลองกับชุดด้วย เพื่อที่ทางร้านชุดจะสามารถปรับเปลี่ยนแก้ไขชุดให้มีความพอดีกับรองเท้าและควรไปลองรองเท้าช่วงบ่ายหรือช่วงเย็นจะเป็นการดีที่สุดเพราะเป็นช่วงที่เท้าขยายเต็มที่

เลือกรองเท้าให้เหมาะกับสรีระเท้า

• เจ้าสาวที่มีลักษณะหน้าเท้ากว้าง ไม่ควรเลือกรองเท้าที่เป็นหัวแหลมเพราะจะบีบหน้าเท้า และไม่ควรใส่ที่เป็นลักษณะแคชชูส์เสริมหน้าสูงเพราะจะยิ่งทำาให้เท้าตันดูไม่สวยงาม
• เจ้าสาวที่มีลักษณะเท้าอวบอูม ควรใส่รองเท้าแบบแคชชูส์เต็มตัวเพื่อเก็บเนื้อเท้าและทำาให้เท้าดูเรียวยาว
• เจ้าสาวที่มีลักษณะเท้าผอมไม่ค่อยมีเนื้อเท้า แนะนำให้ใส่รองเท้าประเภทแม็กซี่หรือรองเท้าที่มีลักษณะเป็นสายคาดไขว้นั่นเอง จะช่วยอำาพรางจุดด้อยของเท้าได้เป็นอย่างดี
• ส่วนเจ้าสาวที่มีลักษณะเท้าเรียวได้สัดส่วนนับว่าโชคดีมากๆ เพราะไม่ว่าคุณจะใส่รองเท้าแบบไหน ทรงไหน ทุกสไตล์ก็ออกมาดูดีหมดค่ะ

เลือกให้เหมาะกับบุคลิกของคุณเพื่อให้สวยสมบูรณ์ยิ่งขึ้น

ถ้าคุณเป็นเจ้าสาวที่น่ารักเรียบร้อยคุณจะเหมาะกับรองเท้าที่เป็นลูกไม้ ดอกไม้ โบ หรือริบบิ้นสีหวานๆ หรือจะซ่อนเปรี้ยวด้วยทรงหัวแหลม แต่ไม่แหลมมากนะคะ เพราะจะบีบหน้าเท้าเวลายืนหรือเดินนานๆ ได้ ตัวรองเท้าอาจประดับประดาด้วยคริสตัลเพิ่มความหรูหรา แต่ถ้าคุณเป็นเจ้าสาวที่มีบุคลิกเชื่อมั่น เราแนะนำาให้เลือกส้นสูงหรือแบบเปิดข้างก็เวิร์คอยู่นะคะ

 

ขอขอบคุณ Sirena เว็บไซต์ : www.weddingshoesthailand.com
อีเมล : [email protected] เฟซบุ๊ก : sirenashoes ไอจี : @sirena_shoes สาขาออฟฟิศ : เพชรเกษม 102/2 แขวงบางแคเหนือ เขตบางแค โทร. 0-2809-2396 กด 0, สาขาช็อปฮอลิเดย์อินน์ สีลม (โรงแรมฮอลิเดย์อินน์ สีลม ห้อง 3 – 4) โทร. 0-2266-8798, สาขาสยามพารากอน ชั้น M แผนกรองเท้าสตรี, สาขาเซ็นทรัล ลาดพร้าว ชั้น 2 แผนกรองเท้าสตรี , สาขาดิ เอ็มโพเรียม ชั้น 1 แผนกรองเท้าสตรี

ครั้งหนึ่งในชีวิต! กินหรูท้าความตาย ที่ Dinner in the sky Thailand

ลืมอรรถรสในการกินข้าวแบบเดิมๆ ไปซะ เพราะวันนี้จะพาไปท้าทายความเสียวในระดับความสูงเท่าตึก 12 ชั้น เห็นวิวใจกลางกรุงเทพฯ แบบ 360 องศา กันที่ Dinner in the sky Thailand

ประสบการณ์แปลกใหม่ที่เรียกว่าเป็นครั้งหนึ่งในชีวิตก็ว่าได้สำหรับการขึ้นไปกินอาหารสุดหรูกับร้านอาหารที่ไม่มีประตูทางเข้า-ออก ไม่มีการตกแต่งร้านใดๆ ทั้งสิ้น เพราะทุกอย่างลอยตัวเหนือน่านฟ้าในระดับความสูงเท่ากับตึก 12 ชั้น!!!

มารู้จัก Dinner in the sky Thailand กันก่อน ที่นี่เป็นบริการร้านอาหารแนวใหม่จากเบลเยี่ยม เขาเปิดมาแล้วหลายที่ทั่วโลกกว่า 45 ประเทศอาทิ ฝรั่งเศส สหรัฐอเมริกา เนเธอร์แลนด์ โคลัมเบีย จีน  มาเก๊า เดนมาร์ก ฟินแลนด์ ญี่ปุ่น สวีเดน ไต้หวัน โปรตุเกส และล่าสุดในประเทศไทย โดยใช้เครนเทเลสโคปิคจากยุโรปน้ำหนัก 200 ตันยกชุดโต๊ะอาหารพร้อมแขกทั้ง 22คน บนเก้าอี้รัดเข็มขัดนิรภัยให้ลอยขึ้นกลางอากาศ แขกจะได้รับบริการระยะเวลา  1 ชั่วโมงเพื่อเพลิดเพลินกับบริการอาหารดินเนอร์มื้อหรูแบบ 4 คอร์ส ระดับ 5 ดาว ปรุงโดยเชฟชื่อดังจากโรงแรมและร้านอาหารที่มีชื่อเสียง  ทั้งนี้แขกทุกท่านจะต้องกรอกข้อมูลส่วนตัวและแบบฟอร์ม Liability Formด้วย แต่จะเพลินจริงหรือเปล่า เดี๋ยวเราจะพาทุกคนไปดู ว่าแล้วก็เริ่ม!!!

จากหน้าทางเข้าเดินทางมาไม่ยาก แนะนำว่าใช้บริการรถไฟฟ้าดีที่สุด โดยลงจากสถานีพร้อมพงษ์เดินมาตามทางเส้นสุขุมวิทผ่านสวนเบญจสิริมาไม่เกิน 100 เมตร ก็จะเจอทางเข้าของ Dinner in the sky Thailand

ระหว่างการเตรียมอุปกรณ์ในการรับประทานอาหาร รวมถึงเมนูต่างๆกันก่อน

ภายในจะมีห้องรับรองสำหรับรอการเตรียมความพร้อมทั้งความปลอดภัย และอาหารที่เชฟจะนำขึ้นไปจัดเพื่อเสิร์ฟ ระหว่างรอเจ้าหน้าที่จะให้ทุกคนเข้าห้องน้ำให้เรียบร้อยก่อนที่จะขึ้นไปนั่ง จากนั้นก็จะขานชื่อทีละคนเพื่อประจำที่ตามตำแหน่งของเก้าอี้แต่ละจุด

เมื่อขึ้นไปบนที่นั่งของตัวเองแล้ว เจ้าหน้าที่จะทำการรัดเข็มขัดเพื่อความปลอดภัยทันที เรียกว่ารัดทั้งตัวก็ว่าได้ ส่วนเรื่องความหวิวก่อนขึ้นไม่เท่าไหร่ แต่มองไปดูที่วางเท้าก็แอบตกใจเหมือนกัน เพราะเป็นแค่แท่นสี่เหลี่ยมขนาดวางเท้าได้พอดีในแต่ละที่นั่ง

พื้นที่ตรงกลางจะเป็นของเชฟและผู้ช่วยเชฟ รวมถึงเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยคอยเอนเตอร์เทนไม่ให้เครียดกังวลตลอดระยะเวลาที่กำลังจะขึ้นสู่ความสูงระดับตึก 12 ชั้น มีเพลงเปิดสร้างความผ่อนคลายตลอด รวมถึงเชฟเองก็น่ารักมาก คอยพูดคุยกับทุกคนยิ้มแย้มจนลืมกลัวความสูงไปเลย

ระยะเวลาที่เครนยกขึ้นไปแป๊ปเดียวจริงๆ ทุกคนก็มาอยู่ระดับเดียวกับตึก 12 ชั้นกันแล้ว จากนั้นเชฟก็เริ่มเสิร์ฟอาหารที่เตรียมไว้ทันที โดยจานแรกนั้นเป็น  Appetizer เนื้อดิบสไลด์ เสิร์ฟกับ สลัดผัก น้ำสลัดเลม่อน และพาร์เมซานชีสโฟม

 

ต่อด้วยซุปมะเขือเทศเย็นใส่เนื้อปูและแตงกวา ก่อนจะเป็นจานหลัก ซึ่งมีให้เลือก 3 เมนูคือ

  • ปลาบัตเตอร์ฟิช เสิร์ฟคู่กับ มันฝรั่งกลิ่นหญ้าฝรั่น, หน่อไม้ฝรั่ง, มะเขือเทศเชอร์รี่ และ ซอสบีทรูท
  • ซี่โครงเนื้อออสเตรเลียตุ๋น เสิร์ฟกับ บาร์บีคิวซอส และ ผักอบ
  •  เนื้อสันในแกะออสเตรเลียอบ เสิร์ฟกับ ถั่วฮาเซลนัท หัวผักกาด  และมันม่วงบด
ซุปมะเขือเทศเย็นใส่เนื้อปูและแตงกวา
ที่เลือกไว้วันนี้เป็นเมนู ปลาบัตเตอร์ฟิช เสิร์ฟคู่กับ มันฝรั่งกลิ่นหญ้าฝรั่น, หน่อไม้ฝรั่ง, มะเขือเทศเชอร์รี่ และ ซอสบีทรูท

ปิดท้ายด้วยของหวานเป็นชีสเค้กรสเสาวรส เสิร์ฟกับ ซอสราสเบอร์รี่ และ ไอศกรีมชาเขียว

เชฟกาตูโน่ พาลุมโบ Executive Chef จากโรงแรมเชอราตัน แกรนด์ สุขุมวิท

ระหว่างที่อยู่บนโต๊ะอาหารลอยฟ้า ก็จะมีความเสียวเล็กๆ เวลาลมพัด แต่ก็ถือว่าไม่มาก เพราะโต๊ะเก้าอี้ทุกอย่างแน่นหนาไม่มีโคลงเคลงไปมา และค่อนข้างนิ่งอยู่กับที่มาก ระหว่างกินสามารถถ่ายภาพจากโทรศัพท์มือถือและกล้องถ่ายภาพได้ตลอดเวลา แต่ก็ระวังของตกหน่อยละกัน ที่สำคญอย่ามองลงไปข้างล่างเด็ดขาด  โดยเฉพาะคนที่กังวลกับเรื่องความสูง เพราะมันจะยิ่งทำให้ความเพลิดเพลินในการทานอาหารลดลงทันที ดังนั้นระหว่างนั่งก็ชิลๆไปคุยกับคนข้างๆ คุยกับเชฟ และเอนจอยกับเสียงเพลงก็จะช่วยลดความกดดันได้เยอะเหมือนกัน  และสำหรับใครที่สนใจอยากจะไปลองประสบการณ์การกินอาหารแบบนี้ ไปศึกษาข้อมูลทั้งหมดที่เราเอาฝากกันก่อน

 

การจองที่นั่ง :

ลูกค้าสามารถจองที่นั่งออนไลน์ได้ทางเว็บไซต์ www.dinnerinthesky.co.th วันจันทร์-ศุกร์ บัตรราคา 4,990 บาท และ วันเสาร์-อาทิตย์ ราคา 5,390 บาท โดยจะมีบริการวันละ 2 รอบ ได้แก่ รอบ Sunset เวลา 18.00 น. และรอบ City Lights     เวลา 19.30 น. โดยให้บริการรอบละ 60 นาที

เครน :

ตัวเครนเป็นแขนเทเลสโคปิคของเยอรมัน น้ำหนัก 200 ตัน จาก TKS Diamond

ที่นั่งและการรับน้ำหนัก:

22  ที่นั่ง (น้ำหนักทั้งหมด รวมโต๊ะอาหาร 7 ตัน)

ระยะเวลาให้บริการ:

60 นาที / 2 รอบต่อวัน

 

 

 

เมคโอเวอร์

สวยเซอร์ไพร้ส์เว่อร์! “วู้ดดี้” ในลุคสาวชุดแดงสะโพกดินระเบิดได้ “น้องฉัตร” เมคโอเวอร์

Alternative Textaccount_circle
เมคโอเวอร์
เมคโอเวอร์

“น้องฉัตร – ฉัตรชัย เพียงอภิชาติ”  ชื่อนี้การันตีความปัง ไม่เคยทำให้ใครผิดหวัง ถือได้ว่าเป็นเมคอัพอาร์ติสต์ชื่อดังที่มีฉายาว่า “ฝีแปรงมหัศจรรย์” ขึ้นชื่อลือชาด้านเมคโอเวอร์ทั้งคนธรรมดา ดารา เซเลบริตี้มานับไม่ถ้วนทั้งชายและหญิง ล่าสุด พีคในพีคกับการร่ายเวทมนตร์เมคอัพใส่ “วู้ดดี้ – วุฒิธร มิลินทจินดา” พิธีกรชื่อดังมา เมคโอเวอร์ แต่งหญิงครั้งประวัติศาสตร์เพื่อร่วมงานปาร์ตี้ และขอบอกเลยว่าลุคนี้ ทำให้วู้ดดี้ชนะขาดลอยได้ที่หนึ่งไปเลยจ้า

ซึ่งแพรวดอทคอมเชื่อว่า ถ้าไม่บอกไม่มีใครรู้แน่ว่าสาวชุดแดงสะโพกดินระเบิดคนนี้จะคือ “วู้ดดี้ – วุฒิธร มิลินทจินดา” บอกตรงๆ ว่าสวยมาก ตามคอนเซ็ปต์ #ถ้าน้องฉัตรเลือกต้องดีที่สุด ไม่เชื่อลองดูสิคะ

สาวสวยชุดแดงคนนี้คือ “วู้ดดี้” ที่ได้ “น้องฉัตร “เจ้าแม่ เมคโอเวอร์ จัดลุคแต่งหญิงให้

เมคโอเวอร์ เมคโอเวอร์เมคโอเวอร์ เมคโอเวอร์


เรื่อง : PP_แพรวดอทคอม
ภาพ IG : @nongchat

งานขุด! แม่หญิงการะเกด กับ 10 ออเจ้า นางเอกละครย้อนยุค โชว์ลุคห่มสไบสุดงาม

มาแรงสุดๆ เพลานี้ ก็ต้อง นางเอกละครย้อนยุค ออเจ้าการะเกด ที่ทำเอาผู้คนพูดถึงกันกระหน่ำจนแฮ็ชแท็ก #บุพเพสันนิวาส ขึ้นท็อปทวิตเตอร์ เป็น NO.1 Worldwide

หลักใหญ่ใจความแห่งความสำเร็จชั่วข้ามคืนของละครเรื่องนี้ก็มาจากองค์ประกอบทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นความใหม่ของบทประพันธ์ที่ถูกนำมาสร้างเป็นละครครั้งแรก แม้พล็อตหลักจะเป็นการข้ามภพที่คนไทยคุ้นชิน แต่มุกตลกที่ขยันชงใส่เป็นระยะ เมื่อนำมาถ่ายทอดเป็นบทละครโดยมือครู ‘ศัลยา’ ที่สามารถย่นและขยายเสน่ห์ของบทประพันธ์ ‘รอมแพง’ ได้อย่างชนิดที่เรียกว่าโป๊ะทุกซีน ยิ่งผ่านฝีมือกำกับของ ‘ใหม่-ภวัต พนังคศิริ’ อำนวยการผลิตโดย หน่อง-อรุโณชา ภาณุพันธ์ บิ๊กบอส Broadcast Thai Television ที่ทุ่มให้กับเทคนิคซีจี ที่ถึงแม้จะดูรู้ว่าใส่ แต่ก็ไม่ขัดตาจนนำพาให้เกิดความขัดใจ และที่ต้องยกนิ้วให้คือทีมนักแสดงทุกคน ย้ำว่าทุกคน ที่แสดงได้อย่างน่ารักน่าหยิกกันถ้วนทั่ว โดยเฉพาะ เบลล่า-ราณี แคมเปญ ที่แสดงได้น่าเอ็นดู๊สุดๆ

พูดถึงความไม่ขัดตาขัดใจแล้ว ก็ต้องวกเข้าหาความเพลินจากการยลคอสตูม ซึ่งอาการเห็นนางเอกห่มสไบแล้ว รู้สึกประทับจิตประทับใจ แพรวเชื่อว่าคอละครพีเรียดทุกคนน่าจะเป็นเหมือนๆ กัน ทั้งนี้อาจจะเป็นเพราะผ้าสไบเปรียบเสมือนรากเหง้าแห่งชนชาติ เป็นการห่มคลุมที่อยู่คู่ไทยมาช้านาน น่าจะตั้งแต่สมัยอยุธยาเลยละมัง ว่ากันว่าสไบเพียงผืนสามารถบอกยศฐาของแม่หญิงที่ห่มคลุมได้เลยเชียวนั่น กล่าวคือหากเป็นหญิงสามัญ สไบก็จะเป็นเพียงผ้าผืนสีเรียบแบบเรียบ แต่หากหญิงใดห่มสไบมีรอยจีบสวยงาม หรือห่มสไบผ้าทอลายทับซ้อนบนผ้าอีกผืน แสดงว่าสาวบ้านนั้นมีฐานะดี อาจเข้าขั้นเป็นชาววัง หรือเป็นภรรยาและลูกสาวของขุนน้ำขุนนาง เพราะการจีบผ้าในลักษณะคล้ายการอัดพลีทนี้ไม่ใช่ทำกันได้ง่ายๆ ต้องใช้ทั้งเวลาและฝีมือ จึงไม่ใช่เครื่องแต่งกายที่จะมาใส่กันแบบพร่ำเพรื่อ ส่วนใหญ่มักหยิบจับมาใส่ยามต้องออกจากเรือน เพราะหากอยู่เรือนปกติก็จะใช้วิธีพันเป็น ผ้าแถบ โดยเหน็บริมผ้าข้างบนซุกลงไปให้ติดกับส่วนที่คาด ขณะที่ชายผ้าอีกด้านก็ปล่อยชายทิ้งไว้ข้างหน้า

และเพราะจอโทรทัศน์ไม่เคยขาดละครย้อนยุคเลยสักเพลา ลิสต์นี้แพรวเลยมีงานขุด! ภาพ แม่หญิงการะเกด กับอีก 10 ออเจ้า นางเอกละครย้อนยุค ที่เคยฝากผลงานมาแล้วในอดีต กับที่กำลังจะเกิดขึ้นในอนาคต มาให้คุณๆ ยลว่าแต่ละนางดูงามสมเป็นแม่หญิงไทยกันแค่ไหนเมื่อห่มสไบ

เบลล่า – ราณี แคมเปญ : รับบท ‘การะเกด’ ในละคร ‘บุพเพสันนิวาส’

เบลล่า - ราณี 'บุพเพสันนิวาส'

เบลล่า - ราณี 'บุพเพสันนิวาส'

เบลล่า - ราณี 'บุพเพสันนิวาส'

 

เบลล่า - ราณี 'บุพเพสันนิวาส'

แพนเค้ก – เขมนิจ จามิกรณ์ : รับบท ‘แม่วาด’ ในละคร ‘ร่มฉัตร’

 

 

รูปภาพที่เกี่ยวข้อง

คิมเบอร์ลี แอน เทียมศิริ : ในละคร ‘ทองเอก หมอยาท่าโฉลง’

คิมเบอร์ลี 'ทองเอก หมอยาท่าโฉลง'

แต้ว – ณฐพร เตมีย์รักษ์ : รับบท ‘แมงเม่า’   ในละคร ‘หนึ่งด้าวฟ้าเดียว’

แต้ว - ณฐพร 'หนึ่งด้าวฟ้าเดียว'

มิน – พีชญา : รับบท ‘เจ้าฟ้าทิพฉาย’ ในละคร ‘นางทิพย์’

มิน - พีชญา 'นางทิพย์'

มิน - พีชญา 'นางทิพย์'

ไม่เอาไม่ทำให้เจ้าฟ้าทิพฉายโกรธ #นางทิพย์

มิว – นิษฐา จิรยั่งยืน : รับบท  ‘เจ้ามิ่งหล้า’ ในละคร ‘รากนครา’

ถูกใจ 4,310 คน, ความคิดเห็น 24 รายการ - For MewNittha's Fans by Mom Pu (@pujira) บน Instagram: “#รากนครา #mewnitha @miss.toey”

นุ่น – วรนุช ภิรมย์ภักดี : รับบท ‘อุบล’ ในละคร ‘พิษสวาท’

คุณอุบลสวยพอๆกับนาคีเลย(บ้าละครนิดนึง555) - ปุ้ม แสงแก้ว - Google+

วิว – วรรณรท สนธิไชย  : รับบท  ‘เจ้านางม่านแก้ว’ ในละคร ‘แต่ปางก่อน’

ดาราแต่งชุดไทย

ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ วิว - วรรณรท สนธิไชย  'แต่ปางก่อน'

แยม – มทิรา ตันติประสุต : รับบท  ‘เย็น’ ในละคร ‘นางทาส’

รูปภาพที่เกี่ยวข้อง

แมท – ภีรนีย์ คงไทย : รับบท ‘ลำดวน’  ในละคร ‘ข้าบดินทร์’

00_Page_03

รูปภาพที่เกี่ยวข้อง

 

 

 

 

 

พลอย – เญอมาลย์ บุณยศักดิ์ : รับบท ‘เรไร’ ในละคร ‘ขุนศึก’

ดาราแต่งชุดไทย

 

 

ขอบคุณที่มาภาพ : โทรทัศน์ช่อง 3, ช่อง 7, ช่อง One , ช่องทรู และ ‘ละครออนไลน์’

 

จิออร์ดาโน่

ใส่ได้ทั้งบ้าน! ‘จิออร์ดาโน่’ ออกคอลเล็คชั่นลายพลางแนวสปอร์ตสุดเท่รับซัมเมอร์

จิออร์ดาโน่
จิออร์ดาโน่

จิออร์ดาโน่ (Giordano) เปิดตัวคอลเล็คชั่นสปริง/ซัมเมอร์ 2018 ‘มิลิทารี่ แฟมมิลี่’ (Military Family) ถ่ายทอดแรงบันดาลใจจาก ลวดลายคาโมแฟลก (Camouflage) สู่เสื้อผ้าลำลองแนวสปอร์ตสุดเท่

สร้างสีสันรับซัมเมอร์ด้วยเสื้อผ้าดีไซน์ล่าสุดจาก ‘จิออร์ดาโน่’ (Giordano) ตอกย้ำความเป็นแบรนด์สำหรับครอบครัวด้วยคอลเล็คชั่น ‘มิลิทารี่ แฟมมิลี่’ (Military Family) โดยคอลเล็คชั่นนี้ทางแบรนด์ได้หยิบยกลวดลายคลาสสิกที่อยู่คู่แฟชั่นในทุกยุคทุกสมัยอย่าง คาโมแฟลก (Camouflage) มาเป็นแรงบันดาลใจหลักสำหรับการดีไซน์เสื้อผ้าในคอนเซ็ปต์ Team Family

จิออร์ดาโน่

จิออร์ดาโน่

จิออร์ดาโน่

คาโมแฟลก (Camouflage) หรือลายพรางนั้นเกิดขึ้นโดยกองทัพทหารที่ออกแบบเพื่อป้องกันการมองเห็นในสงคราม ซึ่งถูกพัฒนาและใช้เรื่อยมาในกองทัพจนเริ่มเข้ามาสู่อุตสาหกรรมเสื้อผ้าในช่วงปี ค.ศ. 1960 หลังจากสงครามเวียดนาม โดยเสื้อผ้าลายคาโมแฟลกถูกหยิบมาสวมใส่เพราะหลงเหลืออยู่ในสงคราม ผู้คนจึงนำมาประยุกต์ใช้ให้เกิดประโยชน์ เพราะเสื้อผ้าทหารนั้นมีความทนทาน และกลายเป็นที่นิยมในกลุ่มคนรุ่นใหม่เป็นอย่างมากในช่วงปี ค.ศ. 1980 – ค.ศ. 1990 จนกระทั่งลายคาโมแฟลกได้ถูกหยิบมาเป็นส่วนหนึ่งของเสื้อผ้าสตรีทแวร์และได้รับความนิยมมาจนถึงปัจจุบันเสมือนเป็นสัญลักษณ์อย่างหนึ่งในวงการสตรีทแฟชั่นไปโดยปริยาย

จิออร์ดาโน่ (Giordano) แบรนด์เสื้อผ้าครอบครัวทั้งบุรุษ สตรี และเด็ก จากเกาะฮ่องกง ตั้งแต่ปี ค.ศ. 1981 ภายใต้คอนเซ็ปต์ To make people feel good and look great’ โดยในคอลเล็คชั่นสปริง/ซัมเมอร์ 2018 ‘มิลิทารี่ แฟมมิลี่’ (Military Family) ลวดลาย คาโมแฟลก (Camouflage) ได้ถูกถ่ายทอดลงบนเสื้อผ้าดีไซน์สปอร์ต มอบความคล่องตัวให้กับผู้สวมใส่ด้วยเทคนิคการเลือกเนื้อผ้าและตัดเย็บตามโครงร่างที่สวมใส่สบาย ในชิ้นเด่นอย่างกางเกงคาร์โก้, กางเกงจอกเกอร์ และกางเกงขาสั้น ที่สามารถนำมาแมทช์กับเสื้อยืดลายพิมพ์ตัวหนังสือเท่ๆ เสื้อเชิ้ต หรือซิกเนเจอร์ของแบรนด์อย่างเสื้อโปโล และเพิ่มความสมบูรณ์แบบให้ลุคสตรีทแฟชั่นด้วยการสวมบอมเบอร์แจ็คเก็ตทับด้านนอก

จิออร์ดาโน่

จิออร์ดาโน่

จิออร์ดาโน่

จิออร์ดาโน่

จิออร์ดาโน่

 

นอกจากนี้สำหรับผู้หญิงยังมีชิ้นเด่นอย่างเสื้อเชิ้ตตัวยาวและชุดเดรสสั้นที่เมื่อนำมาใส่กับรองเท้าบู๊ทยาวก็สามารถสร้างสไตล์ให้โดดเด่นได้เช่นกัน ซึ่งในคอลเล็คชั่นนี้นอกจากลายคาโมแฟลกแล้ว ทางทีมดีไซน์ยังได้เพิ่มโทนสีเขียวทหาร, สีน้ำเงินเนวี่, สีกากี, สีเทา และสีส้ม รวมถึงเทคนิคการใช้โทนสีส้มตัดสลับลงบนลวดลายคาโมแฟลกในบางจุดเพิ่มความโดดเด่นให้เสื้อผ้าได้อย่างลงตัว

จิออร์ดาโน่

จิออร์ดาโน่

จิออร์ดาโน่

จิออร์ดาโน่

จิออร์ดาโน่

จิออร์ดาโน่

จิออร์ดาโน่

จิออร์ดาโน่

จิออร์ดาโน่

สร้างสไตล์โดดเด่นต้อนรับฤดูกาลสปริง/ซัมเมอร์ 2018 ให้กับครอบครัวด้วยคอลเล็คชั่น ‘มิลิทารี่ แฟมมิลี่’ (Military Family) จาก  ‘จิออร์ดาโน่’  (Giordano) ได้แล้ววันนี้ที่ร้านจิออร์ดาโน่ (Giordano) ทุกสาขาทั่วประเทศไทย หรือเว็บไซต์ http://www.giordano.com/th

 

ธรรมดาซะที่ไหน! ไอเทมสุดฮอตสำหรับคนช่างเลือกในยุคนี้ ต้องยกให้ CURAPROX Swiss Made!

แค่เห็นสีสันสุดคัลเล่อร์ฟูลบวกดีไซน์ที่เรียบง่าย แต่มีเอกลักษณ์ ก็หลงรักแล้ว เพราะน่ารักน่าใช้มากสำหรับแปรงสีฟัน CURAPROX ที่ทำให้คุณอยากแปรงฟัน อัดแน่นด้วยเรื่องราวของการออกแบบโดยทันตแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ภายใต้ความดูดีมีสไตล์ พรีเมี่ยมแบบมีสาระ

สิ่งที่สำคัญที่สุดของ CURAPROX CS 5460 คือ ขนแปรงที่มีความนุ่มอย่างไม่น่าเชื่อ  พร้อมปลายขนโค้งมน ซึ่งไม่ได้ทำจากขนสังเคราะห์ธรรมดา แต่มันคือเส้นใย Curen® (คูเรน) วัสดุจดสิทธิบัตรจากสวิสเซอร์แลนด์ ที่อัดแน่นมากถึง 5,460 เส้น เพิ่มประสิทธิภาพในการทำความสะอาดได้ยอดเยี่ยมสุดๆ ขนแปรงคงรูป ไม่ย้วยแม้จะเปียกน้ำ และยังให้สัมผัสที่นุ่มพิเศษไม่เป็นอันตรายต่อเหงือก จนกลายเป็นที่มาของผิวสัมผัสที่ไม่เหมือนใคร

แล้วรู้หรือไม่ ว่าส่วนใหญ่ปัญหาของการใช้ชีวิต คือ รอยยิ้ม ที่ไม่ว่าจะยิ้มกว้างแค่ไหน ถ้าคนยิ้มไม่มีความมั่นใจในรอยยิ้มนั้น คนมองก็ไม่ได้รู้สึกถึงความจริงใจของรอยยิ้มนั้นเช่นกัน เพราะฉะนั้นรอยยิ้มก็ถือว่าเป็นประตูของบ้านที่จะรับคนใหม่ๆ เข้ามานั่นเอง และนอกจาก CURAPROX จะมีฟีเจอร์ที่ได้พัฒนามาเพื่อให้สุขภาพช่องปากได้รับการดูแลอย่างทะนุถนอมแล้ว รูปทรงของแปรงสีฟันยังออกแบบโดยทันตแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ด้ามแปรง 8 เหลี่ยมชให้วางตแหน่งแปรงได้ถูกอง  ควบคุมองศาในการแปรงได้ง่าย (การแปรงฟันที่ดีจะต้องวางแปรงในตำแหน่ง 45 องศา บนร่องเหงือก เพราะจุดนี้เป็นแหล่งสะสมของแบคทีเรีย และเป็นสาเหตุของปัญหาสุขภาพในช่องปาก) ง่ายๆ เท่านี้ ก็ครบ จบในตัว ชีวิตง่ายขึ้นเยอะ โดยไม่ต้องอาศัย hand skill แบบทันตแพทย์ก็ทำความสะอาดได้ดีจนคุณหมอต้องออกปากชม แถมยังมีสีสันมากถึง 36 สีให้เลือกตามความชอบของผู้ใช้ได้สนุกสนาน แมชได้กับทุกธีมอารมณ์ และอย่าลืมทำความสะอาดประตูบ้านของเราให้สะอาดอยู่เสมอ เติมความมั่นใจ พร้อมรับเพื่อนใหม่อยู่ตลอดเวลา

ลองเปิดประสบการณ์ใหม่ ในรูปแบบที่คุณไม่เคยสัมผัสมาก่อน อาจจะทำให้คุณได้พบกับสิ่งที่ดีกว่าเดิมอย่างไม่น่าเชื่อ
อ่านข้อมูลเพิ่มเติม : https://www.facebook.com/curaproxth/

เจาะลึกความสำเร็จ หนุ่มวัย 31 ปี จากพนักงานออฟฟิศสู่นักธุรกิจอสังหาฯ

คุณคณิน จิตติวัฒนพงศ์ เจ้าของธุรกิจด้านอสังหาริมทรัพย์ โครงการหมู่บ้านจัดสรร, ธุรกิจพัฒนาที่ดินรูปแบบให้เช่าพื้นที่การค้าและที่อยู่อาศัยธุรกิจห้องพักให้เช่ารายวัน-รายเดือนในพื้นที่เมืองชลบุรีและศรีราชา รวมถึงธุรกิจร้านอาหาร เรียกได้ว่าเป็นนักธุรกิจหนุ่มไฟแรงที่มีธุรกิจอยู่ในมือไม่น้อยเลยทีเดียว

ทั้งนี้การจะประสบความสำเร็จในธุรกิจใดธุรกิจหนึ่งว่าเป็นเรื่องยากแล้ว แต่การนั่งคุมบังเหียนธุรกิจที่มีความหลากหลายในเวลาเดียวกันนั้นยากกว่า และยิ่งไปกว่านั้นช่วงอายุที่จะประสบความสำเร็จไปจนถึงขั้นนี้ได้ ต้องใช้เวลาและประสบการณ์มากพอสมควร แต่มีนักธุรกิจหนุ่มท่านหนึ่งที่ฝ่าฝันทุกปัญหาจนตอนนี้สามารถดูแลธุรกิจหลายรูปแบบให้อยู่หมัดได้ในวัยเพียง 31 ปีเท่านั้น

แน่นอนว่าเรามีเคล็ดลับของเขาคนนี้มาฝากกันแบบจัดเต็ม ถ้าคุณพร้อมย่นระยะเวลาแห่งความสำเร็จให้ใกล้เข้ามาแล้วก็ไปเรียนรู้เส้นทางสู่นักธุรกิจมืออาชีพจากเขากันเลย

ศึกษาข้อมูลอย่างเดียวไม่พอ…ต้องลงมือทำถึงจะรู้จริง

ตอนที่ตัดสินใจเปลี่ยนสายจากพนักงานบริษัทไปเป็นเจ้าของกิจการ ก็เริ่มด้วยการทดลองค้นคว้าหาข้อมูลเกี่ยวกับธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ โปรเจคแรกที่จะทำก็เป็นโปรเจคเล็กๆ เป็นเหมือนโฮมออฟฟิศ อาคารพาณิชย์อยู่ที่บางแสน ด้วยความที่ผมเป็นหน้าใหม่ในวงการนี้ มันก็มีเรื่องที่ให้เรียนรู้ค่อนข้างเยอะมาก แต่มันก็เหมือนเปิดโอกาสให้ผมรู้จักธุรกิจอีกรูปแบบหนึ่ง ที่ผมไม่เคยทำมาก่อน ซึ่งหลังจากที่ได้ทดลองหาข้อมูล แล้วก็ลงมือทำด้วยการลงไปอยู่กับ พนักงานขาย เจ้าหน้าที่ฝ่ายการตลาด หรือแม้กระทั่งพูดคุยเจรจากับลูกค้า ทำให้ผมเรียนรู้ได้เร็วขึ้น เมื่อถึงเวลาที่ต้องตัดสินใจทำอะไรสักอย่าง มันก็สามารถตัดสินใจได้เลยโดยที่ไม่ต้องสอบถามคนอื่น ส่วนตัวผมเป็นคนชอบเรียนรู้แล้วก็ทำธุรกิจด้วยตัวเองก่อน  เพราะเมื่อผมทำได้แล้ว ทุกอย่างมันคือเรื่องของการจัดระบบงานและตารางต่างๆ รวมไปถึงการวางระบบเพื่อตรวจสอบว่าตอนนี้ธุรกิจอยู่ในช่วงขาขึ้นหรือขาลง ต้องมีการปรับตัวอย่างไรบ้าง ซึ่งหลายๆ ธุรกิจที่ผมทำในช่วงแรก ผมยอมรับว่าผมทำด้วยตัวเองทั้งหมด แต่หลังจากที่ดำเนินไปซักระยะหนึ่งและวางระบบไว้ดีแล้ว ผมก็อาจจะมอบความไว้วางใจให้หุ้นส่วนทำ และมีการตรวจสอบด้วยตัวเองอาทิตย์ละครั้งหรือสองอาทิตย์ครั้ง ถ้าเป็นไปตามที่ผมวางไว้ ก็จะทำให้ผมมีเวลาไปทำอย่างอื่นได้มากขึ้น

เมื่อเทรนด์โลกเปลี่ยน…เราต้องปรับเพื่อความอยู่รอด
ต้องยอมรับว่าช่วง 2 ปีที่แล้ว กับ 5 ปีที่แล้วมันไม่เหมือนกัน ธุรกิจนี้คือปัจจุบันมันต้องมีการปรับตัวหลายอย่าง ซึ่งตรงนี้มันเหมือนเป็นการสอนให้เรียนรู้ว่าธุรกิจทุกอย่างมันต้องมีการปรับตัว มีการแข่งขัน แล้วก็ต้องรู้จักเรียนรู้คู่แข่ง จนถึงลูกค้าของเราที่จะเป็น Gen ใหม่ไปเรื่อยๆ อันนี้ก็เป็นสิ่งสำคัญที่ทำให้เกิดการเรียนรู้ ตัวอย่างเช่น ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ปกติผมจะมีโปรเจคใหม่ต่อ หลังจากที่โปรเจ็คท์เดิมจบแล้วเสร็จสิ้นในปีต่อปี แต่ตอนนี้ผมได้ชะลอการขึ้นโปรเจ็คท์ใหม่ไว้ประมาณ1 ปี เพราะเรามาพิจารณาธุรกิจปัจจุบันนี้แล้วพบว่าสภาพเศรษฐกิจและอัตราการแข่งขันหลายๆ อย่าง รวมถึงทำเลที่เรามีอยู่ อาจจะยังไม่เหมาะที่จะเริ่มโปรเจ็คท์ใหม่ ณ เวลานี้ ผมจึงปรับเปลี่ยนเป็นลักษณะการให้เช่า หรือทำเป็นไลน์ธุรกิจอื่นๆ เช่น ร้านอาหาร หรือเซอร์วิสอพาร์ทเมนท์ ซึ่งเหมาะกับช่วงเวลานี้มากกว่า

หัวใจของธุรกิจไม่ใช่ผลกำไร …. แต่เป็นความซื่อสัตย์ต่อตนเองและลูกค้า
ผมมองว่าต้องมีความซื่อสัตย์ในการทำงานต่ออาชีพของเราและซื่อสัตย์ต่อลูกค้า แล้วก็พยายามทำทุกอย่างโดยไม่หวังผลกำไรเพียงอย่างเดียว คนทั่วไปอาจจะมอง แต่ในเรื่องของกำไรกับต้นทุน เช่น ราคาเท่าไหร่ บ้านพื้นที่เท่าไหร่ หน้ากว้างกี่เมตร พื้นที่กี่ตารางวา ซื้อมาแล้วจะขายต่อได้กำไรไหม แต่ผมมองว่าหัวใจของธุรกิจนี้คือเรื่องของการเพิ่มคุณค่าให้กับบ้านและให้เหมาะกับกลุ่มลูกค้ามากกว่า  เช่น บ้านของเรามันไม่เหมือนกับที่อื่นตรงไหนบ้าง บ้านของเราเป็นสามชั้น มันอาจจะไม่เหมาะกับคนสูงอายุก็จริง แต่มันจะเหมาะกับคนรุ่นใหม่ที่ใช้พื้นที่ในบ้านได้เยอะๆ บ้านของเราไม่มีสวน แต่ว่าเราสามารถที่จะเปลี่ยนพื้นที่สวนมาเป็นพื้นที่อย่างอื่นก็ได้ สไตล์ของบ้านอาจจะไม่ได้เป็นโมเดิร์น แต่มันเป็นความมีความเป็นโมร็อคโคเข้ามาผสมผสานเพื่อสร้างความแตกต่างและเจาะกลุ่มลูกค้าตลาดใหม่ๆ เป็นช่วงอายุยี่สิบกว่า สามสิบกว่า ที่ริเริ่มจะซื้อบ้านหลังแรกซึ่งการแนะนำอย่างใส่ใจและอัดแน่นด้วยดีเทล เป็นเหมือนการเปิดไอเดียให้ลูกค้าตัดสินใจได้ง่ายขึ้น

ดังนั้นถ้าเรามีความเชื่อมั่นว่าข้อมูลที่นำเสนอต่อลูกค้าเป็นสิ่งที่ดีและมีประโยชน์ บอกกับลูกค้าอย่างซื่อสัตย์ ทั้งนี้การการสร้างคุณค่าให้กับธุรกิจของตัวเองเป็นสิ่งที่ควรคำนึง เพราะจะส่งผลดีในระยะยาว มากกว่าการมานั่งเครียดเรื่องผลตอบแทน หรือเรื่องของกำไรเพียงอย่างเดียว แต่ไม่สามารถสร้างคุณค่าและมุมมองใหม่ๆ กับกลุ่มลูกค้าได้เลย

ถ้าอยากคุมธุรกิจมากกว่าหนึ่ง…ธุรกิจต่อไปควรเริ่มจากความสุข
สิ่งสำคัญเลยคือต้องสนุกกับการทำงาน  ผมมองว่าธุรกิจทุกๆ อย่างที่ทำอยู่ตอนนี้เรามีความสุขไหม ถ้ามีความสุขดี ไปต่อได้ ผมทำธุรกิจอสังหาริมทรัพย์มาเพื่อขาย ทุกคนรู้อยู่แล้วว่ามีความเสี่ยงสูง แต่มีผลกำไรตามมาค่อนข้างมาก แต่ความสุขของการทำงานมันอาจจะหาซื้อไม่ได้  ผมจึงหันมาจับอีกหนึ่งธุรกิจที่นอกเหนือจากอสังหาริมทรัพย์  นั่นก็คือ ร้านอาหาร ซึ่งผมก็พบว่าจริงๆ แล้วผลกำไรของมันไม่ได้มากหรอก แต่ผมกลับรู้สึกว่าผมมีความสุขกับการทำงาน รู้สึกเหมือนกับว่าผมไม่ได้กำลังเปิดร้านอาหาร แต่เหมือนผมอยู่ในบ้านมากกว่า เพราะผมเข้าไปจัดการทุกอย่างในร้านให้เหมือนกับว่ามันเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตเรา งานนี้เหมือนเป็นการผ่อนคลายจากงานอสังหาฯ ที่ผมเครียดซึ่งเป็นงานหลักของแค่นี้ผมก็จะไม่รู้สึกว่าผมทำงานหลายๆ อย่างเลย แต่กำลังจัดการแต่ละอย่างเหมือนกับการใช้ชีวิตประจำวันของเรา เพียงแค่เรามีความสุขกับการลงมือทำ เราจะทำกี่อย่างก็ได้

ต่อยอดทรัพย์สินให้งอกเงย…ทำได้ง่ายด้วยการลงทุน
นอกจากเรื่องทำธุรกิจอสังหาฯ แล้ว ผมมองว่าการลงทุนในกองทุนรวมก็เป็นอีกหนึ่งทางเลือกในการที่จะทำให้เงินงอกเงย เพราะ ไม่ได้มีอะไรซับซ้อนมาก ง่ายกว่าหุ้นด้วยซ้ำในความรู้สึกผมนะ แต่คนส่วนใหญ่อาจจะยังกลัวเพราะ ยังไม่มีคนให้ความรู้ นอกจากเราจะทำงาน เราควรให้เงินเราทำงานไปพร้อมๆ กันได้ ดังนั้นเราควรจะเปลี่ยนทรัพย์สินที่เรามีให้มันงอกเงยด้วยวิธีง่ายๆ คือเรื่องของการลงทุน ไม่จำเป็นจะต้องเป็นหลักหมื่นหรือหลักแสน จริงๆ หลักพันมันก็เริ่มได้แล้ว ถ้าเราเริ่มตั้งแต่วันนี้มันก็จะงอกเงยเร็ว แต่ถ้าเรามัวแต่รอ กว่าจะไปศึกษาใช้เวลามันก็อาจจะเหมือนผมที่เสียเวลามาสี่ห้าปี โดยที่ไม่ได้ทำอะไรกับเงินที่ค้างอยู่ในบัญชีเงินฝากเลย อย่าง TMB เป็นที่แรกที่ผมเข้าไปศึกษาเรื่องการลงทุน ผมได้พูดคุยกับที่ปรึกษาการลงทุนของ TMB ด้วยตัวเอง แล้วก็เริ่มศึกษามาตลอด จนพบว่าจริงๆ มันก็ไม่ได้มีอะไรน่ากลัว แล้วเท่าที่ผ่านมาคือผมได้ทดลองและศึกษาลงทุนในกองทุนนี้ ก็พบว่ามันไม่ได้น่ากลัวอย่างที่คิด เงินที่ผมลงทุนไว้ก็ให้ผลตอบแทนตามเป้าหมายที่ผมวางไว้ เพราะระหว่างทาง TMB จะมีคำแนะนำช่วยปรับพอร์ตตามสถานการณ์ให้เราตลอด ทำให้ผมตัดสินใจลงทุนได้อย่างสบายใจ และช่วยให้ผมมีเวลาไปโฟกัสกับการบริหารธุรกิจได้มากขึ้น  ดังนั้นสำหรับผม ผมมองว่าถ้ายังมีโอกาสก็ให้เริ่มหันมาลงทุนกันได้แล้ว เพราะมันเป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่จะช่วยสร้างความมั่นคงทางการเงินให้กับเราได้

นี่แหละเคล็ดลับที่ไม่ธรรมดาของธุรกิจหนุ่มไฟแรงคนนี้ หวังว่าเรื่องราวของเขาจะช่วยเป็นแรงบันดาลใจให้ใครๆ หลายๆคนที่อยากจะหันมาจับธุรกิจของตัวเอง ให้เริ่มกล้าคิด กล้าทำ ได้แล้วตั้งแต่วันนี้

 

ขอขอบคุณ คุณคณิน​ จิตติวัฒน​พงศ์ สมาชิก TMB WEALTH BANKING
สนใจบริการที่ปรึกษาด้านการลงทุน เพิ่มเติม www.tmbbank.com/TMBADVISORY/wb1

ปุ๊กลุก

สตรองไม่สะอื้น ปุ๊กลุก ยิ้มรับเสียงด่าแต่โปรดอย่าแรงงงง

Alternative Textaccount_circle
ปุ๊กลุก
ปุ๊กลุก

กลายเป็นชื่นชอบคำด่าจากแฟน ๆ เข้าให้เสียแล้ว สำหรับ ปุ๊กลุก-ฝนทิพย์ นางเอกละครเรื่อง แม่อายสะอื้น ที่ยิ้มรับเสียงด่ายอมให้แฟนคลับเข้ามาต่อว่าตัวละคร ดาวนิล โดยบอกว่าขนาดตัวเธอเองยังอดหมั่นไส้ไม่ได้เหมือนกัน

ปุ๊กลุก
ปุ๊กลุก-ฝนทิพย์ วัชรตระกูล

เรียกว่ากำลังดราม่าเข้มข้นเลยทีเดียวสำหรับละครเรื่อง แม่อายสะอื้น ที่นำแสดงโดยนางเอกหน้าคม ปุ๊กลุก-ฝนทิพย์ วัชรตระกูล ซึ่งในอาทิตย์หน้านี้ก็จะลาจอไปพร้อมกับซีนในตำนานคือฉากที่ ดาวนิล บาดคอตัวเอง ทว่าก่อนที่จะไปถึงซีนนั้น ปุ๊กลุกผู้สวมบท ดาวนิล ก็ต้องเจอกับเสียงด่าระงมเพราะตัวละครตัวนี้ทำผิดไว้หลายอย่างโดยเฉพาะกับพ่อและลูกชาย แม้โดนด่าหนักแต่นางเอกสาวไม่สะอื้นนะจ้ะแถมสตรองมากๆด้วยการยิ้มรับเสียงด่าไปซะเลย

“ปุ๊กลุกชอบให้คนด่าจากละครแม่อายสะอื้นนะคะ เพราะตอนที่อ่านบทเองเราก็ถอนหายใจเหมือนกันว่าทำไม ดาวนิล ถึงตัดสินใจทำแบบนี้ เพราะถ้าเป็นเราก็คงไม่ทำแบบนี้แน่นอน แฟนคลับบางคนถึงขนาดบอกว่าน้ำตาไม่ช่วยอะไร  บางครั้งเข้าไปดูในไลฟ์สดด้วยพอด่าเจอคนแรงๆก็มีต้องเด้งตัวออกมาบ้างเหมือนกัน  อาทิตย์หน้าจบแล้วค่ะ ขอบคุณนะคะเราก็มีโอกาสแสดงความสามารถมาหลายๆเรื่องแล้วก็ขอบคุณที่ยังชื่นชอบเราก็ตั้งใจทำทุกผลงานให้ดีที่สุด ส่วนเรื่องรางวัลก็ไม่ได้หวังค่ะ เวลาทำงานทำเต็มที่ที่เหลืออยู่ที่คนดูเดป็นคนตัดสิน ไม่ได้หวังว่าต้องแย่งรางวัลกับใคร ใครได้เราก็ดีใจเพราะเราทำเต็มที่ของเราแล้ว”

อย่างไรก็ตามแม่อายสะอื้นไม่ได้ดังแค่ที่เมืองไทยเท่านั้น แต่ยังดังไกลไปถึง สปป.ลาวด้วย ซึ่งเรื่องนี้นางเอกสาวเผยว่า”ต้องขอบคุณแฟนๆมากเลย จริงๆก็อยากอยู่แต่ก็มีงานต่อ ตอนแรกโชว์ตัวเสร็จก็จะเปลี่ยนชุดกลับแต่พอเดินออกมาเห็นมีคนรออยู่ก็เลยไม่ได้เปลี่ยนชุด กลับไปทั้งชุดเจ้าหญิงที่ใส่บนเวที ซึ่งแฟนๆที่มารอไม่เรียกปุ๊กลุกแต่เรียกว่าดาวนิล ขณะที่ในเมืองไทยคนด่าเยอะแต่เขากลับสงสารบอกเราว่าอย่าร้องไห้เลยค่ะ”

 

 

‘ท่านที่กำลังรอคอยสมาชิกใหม่ ลุ้นว่าจะได้หรือไม่ ต้องเช็ค’ ดูดวงรายวัน 8 มีนาคม 2561

ดูดวงรายวัน ประจำวันที่ 8 มีนาคม 2561 #ป้าเนาว์พยากรณ์ แม่นเป๊ะสายแข็ง ทั้งการงาน การเงิน ความรัก และสุขภาพ

ผู้ที่เกิดวันอาทิตย์

การงาน :  งานมีทั้งปัญหาและอุปสรรค จนท่านรู้สึกกดดัน ท้อแท้ในโชคชะตา เป็นไปได้ว่ากำลังคิดหาทางขยับขยายหางานทำใหม่ หรือไม่ก็ทำธุรกิจของตัวเอง

การเงิน :  ก่อนจะเสี่ยงโชคหรือทำธุรกิจใดๆ ควรดูให้ดี

ความรัก :  วันนี้ท่านคาดหวังในตัวคู่สูงมาก ชอบเรียกร้องความสนใจและเอาชนะ ทำให้เกิดการทะเลาะเบาะแว้งและง้องอนกันตลอดเวลา คนโสด ท่านเจ้าชู้และเลือกมาก หายากที่จะมีใครเข้าถึงนิยามความรักของท่านได้

สุขภาพ : อย่าอั้นปัสสาวะ เพราะจะทำให้ระบบปัสสาวะมีปัญหา

 

ผู้ที่เกิดวันจันทร์

การงาน :  ก็ยังเกี่ยวข้องกับธุรกิจของครอบครัว คราวนี้ท่านรับอาสาไปดูบริวารที่เอาแต่ใจตัว นึกอยากทำงานก็ขยัน หาเงินหาทอง หากขี้เกียจก็ไม่สนใจใดๆ ระวังถูกหักหลังไว้บ้าง

การเงิน  : มีการหมุนเวียนตลอดเวลา จึงเหมาะกับการลงทุนระยะสั้น

ความรัก : วันนี้ท่านอาจกำลังรอคอยสมาชิกใหม่ แต่บอกเลยว่า เขายังไม่มา คนโสด มาเร็วเคลมเร็วนะคะ ป้องกันดีๆ ด้วย ระวังพลาด

สุขภาพ : ระวังเรื่องลำไส้อักเสบ ระบบย่อยอาหาร โรคกระเพาะ และท้องอืดท้องเฟ้อ

 

ผู้ที่เกิดวันอังคาร

การงาน : ระวังคนใกล้ตัวไว้ให้ดี ท่านอาจถูกทรยศหักหลังแย่งชิงตำแหน่งหน้าที่การงาน รวมถึงแทงข้างหลังด้วย จากที่เคยวางเฉยกลายเป็นต้องลุกขึ้นมาหาที่ทำงานใหม่

การเงิน :  ชอบเสี่ยง ระวังเกิดการทะเลาะเรื่องการหยิบยืมเงิน หรือทรัพย์สินสูญหาย

ความรัก :  วันนี้ท่านวางเฉยไม่ได้แล้ว เพราะมีเกณฑ์มีมือที่สามเข้ามาวุ่นวายในครอบครัว คนโสด ค่อนข้างเจ้าชู้ หมกมุ่นในเรื่องความรัก มีปัญหารักสามเส้าด้วยนะ

สุขภาพ  :  จะเจ็บป่วยเพราะภูมิแพ้ ผิวหนังอักเสบ จนถึงเชื้อราในร่มผ้า

 

ผู้ที่เกิดวันพุธ

การงาน  :  ท่านจะได้ทำงานที่เกี่ยวข้องกับศาสนา กับการช่วยเหลือสังคม บางครั้งท่านมั่นใจในตัวเองสูงจนไม่สนใจความรู้สึกของเพื่อนร่วมงานและคนรอบข้าง จึงอาจส่งผลร้ายต่อหน้าที่การงาน

การเงิน :  ทำงานมาได้ก็ทำบุญทำทานหมด

ความรัก  : วันนี้นำเงินที่หามาได้ให้คู่ช่วยบริหารจัดการให้ เพราะหากอยู่กับท่านก็จะหมดไปกับการทำบุญทำทาน คนโสด ท่านเป็นหลักของครอบครัว เพราะฉะนั้นใครเข้ามาจีบต้องผ่านด่านครอบครัวก่อน

สุขภาพ : ระวังตัวหน่อย เพราะอาจเกิดอุบัติเหตุอย่างไม่คาดคิด

 

ผู้ที่เกิดวันพฤหัสบดี

การงาน :  ท่านอยู่ในโหมดเพ้อฝันและอ่อนไหว ไม่แน่ใจลังเลใจอย่างที่สุด ไปติดต่อประสานงานกับใคร จึงเหมือนจะไม่มีสัญญาณตอบรับจากเลขหมายที่ท่านเรียก

การเงิน : ระวังการให้ยืมเงิน หรือลงชื่อค้ำประกันให้ใคร เพราะมีสิทธิถูกหลอก

ความรัก  : วันนี้ท่านมีทิฐิมานะสูงจนทะเลาะกัน แม้จะไปอ้อนวอนขอคืนดี เขาก็ไม่สนใจ คนโสด มักเจอแต่คนทำร้ายจิตใจ แต่ก็ยังมีโอกาสได้เจอคู่แท้

สุขภาพ :  ระวังเรื่องระบบหมุนเวียนเลือด ความดัน ระบบน้ำเหลืองและต่อมไร้ท่อ

 

ผู้ที่เกิดวันศุกร์

การงาน  : ท่านจะได้รับการคัดเลือกแบบฟลุ๊คๆ แต่ก็ยังมีการขัดแย้งทางความคิดและทัศนคติอยู่บ้าง คงต้องใช้เวลาในการปรับตัว

การเงิน :  การเงินมีความผันผวน หากบริหารจัดการไม่ดีก็จะประสบกับปัญหาการเงินติดขัด

ความรัก :  วันนี้ท่านให้ความสำคัญกับครอบครัวมาก ทุ่มเทจนน่ากลัว จึงมีความหึงหวง ขัดแย้งกันตลอดเวลา คนโสด เจ้าชู้ ร้อนแรงและโรแมนติก แต่ก็มีความขัดแย้งกันอยู่ลึกๆ

สุขภาพ : มักสอดคล้องกับหน้าที่การงานเสมอ ระวังกินอาหารไม่ตรงเวลา หรือทานยาติดต่อกันเป็นเวลานาน จะทำให้เกิดอีกโรค

                                                        

ผู้ที่เกิดวันเสาร์

การงาน :  ท่านใช้ความรู้ ความสามารถในการทำงานที่เกี่ยวกับการขีดเขียน ท่านตั้งใจทำงานมาก จนไม่คิดถึงเรื่องอื่นใดเลย

การเงิน : อาจต้องช่วยเหลือคนอื่นมากจนตัวเองเดือดร้อน

ความรัก :  วันนี้ท่านอารมณ์ขึ้นๆ ลงๆ มาก บางทีก็ต้องการคู่ชีวิตที่มาเติมเต็มซึ่งกันและกัน ขณะที่เดี๋ยวก็คิดว่าอยู่เป็นโสดดีไหม คนโสด ชาวเสาร์รักทุกคนค่ะวันนี้

สุขภาพ :  ระวังโรคที่สงบมานานจะกลับมากำเริบใหม่ โดยไม่มีอาการเตือนก่อนล่วงหน้า

งานแต่งธีมอวกาศสุดล้ำของคุณนิว & คุณเป๊ก @ จีเอ็มเอ็ม ไลฟ์เฮาส์ แอท เซ็นทรัลเวิลด์

account_circle

หลังจากคบหาดูใจกันอยู่นานหลายปี คู่รักสุดหวาน นิว-นภัสสร และเป๊ก- เปรมณัชก็ได้ฤกษ์จูงมือเข้าสู่ประตูวิวาห์อย่างเป็นทางการกับ งานแต่งธีมอวกาศ ในงานฉลองมงคลสมรสที่ใช้ชื่อธีมว่า Ultra Space ที่บรรยากาศของงานเหมือนได้อยู่ท่ามกลางหมู่ดาวในอวกาศ ซึ่งธีมนี้มีที่มาจากการที่เจ้าสาวเป็นผู้เข้าประกวดในรายการ The Star และทั้งคู่เจอกันครั้งแรกเมื่อครั้งไปถ่ายรายการที่ดอยหลวงเชียงดาว และเจ้าบ่าวก็ได้เขียนเพลง เคียงดาว เพื่อใช้ขอเจ้าสาวแต่งงาน จึงทำให้เป็นที่มาของธีมงานในวันนั้น ซึ่งทีมผู้จัดงานได้เพิ่มกิมมิกให้เป็นธีมดวงดาวที่ทะลุออกไปนอกอวกาศเพื่อให้เข้ากับรูปแบบงานที่บ่าว-สาวอยากจะจัดให้เป็นปาร์ตี้กึ่งคอนเสิร์ต

ธีมงานอวกาศ

นอกจากนี้ทางทีมผู้จัดงานได้จับเอากิมมิกออโรร่าของแสงเหนือซึ่งเป็นสถานที่ที่บ่าว-สาวไปถ่ายพรีเวดดิ้งนำมาใช้เป็นคีย์หลักในงานด้วย แล้วเสริมด้วยลูกเล่นแบบกลิตเตอร์เพิ่มเฉดสีเงินและสีกรมท่าของท้องฟ้า ในส่วนของแบ็กดร็อปถ่ายภาพ และแบ็กดร็อปบนเวทีแบบแอลอีดีสามารถเปลี่ยนแบ็กกราวนด์ได้เองโดยอัตโนมัติ ซึ่งช่วยสร้างสีสันให้กับการถ่ายภาพได้เป็นอย่างดี

งานนี้จัดขึ้นในพื้นที่จีเอ็มเอ็ม ไลฟ์เฮาส์ แอท เซ็นทรัลเวิลด์ ที่สามารถรองรับแขกได้มากถึง 1,500 – 2,000 คน โดยเน้นพื้นที่กว้างโล่งไม่เน้นการจัดตกแต่งมากนัก ซึ่งบรรยากาศภายในงานก็เต็มไปด้วยความ สนุกสนานจากเหล่าศิลปิน – ดาราที่ร่วมผลัดเปลี่ยนขึ้น สร้างสีสันกันบนเวที เรียกได้ว่าเป็นงานที่อบอวล ไปด้วยความสุขและความสนุกของทั้งบ่าว – สาวและ แขกที่มาร่วมงานโดยพร้อมเพรียงกัน

The Details : Ultra Space

Venue : จีเอ็มเอ็ม ไลฟ์เฮาส์ แอท เซ็นทรัลเวิลด์
Wedding Dress : อมิตา ทองหล่อ 20Groom
Suit : The Classic Tailoring
Makeup : นนทพัฒน์ อมรไชย (ไอจี : @nontapat)
Hair : ชัย สุระเสน (ไอจี : @chai.surasen)
Photo : @unfriendthewedding,@21dayphotography, ทีมอิสรภาพProduction Design and Organize : @4nologue
Created by : @khawmai_plamanUltra

เบลล่า - ราณี

ใต้ความฟินของฉากหน้าต่าง 2 บาน เบลล่า เปิดหมดเปลือก บุพเพสันนิวาส

เบลล่า - ราณี
เบลล่า - ราณี

คิวงานฮ็อตสุดนาทีนี้ก็คงต้องยกให้กับแม่หญิงการะเกด หรือ เบลล่า – ราณี แคมเปน ที่กำลังเป็นที่รักหนักมากของคอนวนิยายและคอละครเรื่องบุพเพสันนิวาส

สนุกและเข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ สำหรับละครบุพเพสันนิวาส บทประพันธ์จากปลายปากกาของรอมแพง ที่ตอนนี้นอกจากกระแสนักแสดงจะฮ็อต เรตติ้งทะยานขึ้นสู่เลขสองหลักเรียบร้อย (ออนแอร์ไปเพียงไม่กี่ตอนเท่านั้น) ด้านนวนิยายยังได้รับความสนใจมากจนขาดตลาดและมีการตีพิมพ์เพิ่มขึ้นจำนวนมาก

Exclusive Talk ได้คิวทองนางเอก เบลล่า – ราณี มานั่งพูดคุยถึงการถ่ายทำละครบุพเพสันนิวาส ที่ร้าน Prestige Flowers Coffee & Tea Room สุขุมวิท 39 แม้แดดในช่วงบ่ายจะร้อนชวนตาหยี แต่รอยยิ้มของนางเอกสาวที่ส่งมาตั้งแต่เริ่มคำทักทายแรก ตลอดจนระหว่างนั่งสนทนาก็ทำเอาคนรอบข้างใจเย็นลงเลยทีเดียว ซึ่งแต่ละฉากในเรื่องเชื่อว่ามีหลายฉากที่แฟนๆ ชื่นชอบ อย่างฉากพระนางแอบมองกันตรงหน้าต่างบ่อยๆ ก็มีดีเทลพิเศษที่ฟังแล้วคำว่าเคมีของเบลล่า – โป๊ป มีอยู่จริงแบบไม่ดูขัดเขินเลย

คุยกับเบลล่า – ราณี หรือแม่หญิงการะเกดที่ใครๆ กำลังหลงรัก

เบลล่า - ราณี

กระแสเบลล่าเปรี้ยงมากเลยตอนนี้ รู้สึกอย่างไรบ้างตั้งแต่รอละครออนแอร์จนกระทั่งละครออนแอร์แล้ว

เบลล่า : ค่ะ ตอนที่เราถ่าย ตอนที่อ่านบท หรือตอนที่อ่านนิยายเลย เรารู้สึกว่าเรื่องนี้มันสนุกมาก-ก-ก-ก ด้วยความที่ละครบทดี เขาว่ามีชัยไปกว่าครึ่งใช่ไหมคะ (ยิ้ม) พอเราอ่านบทก็โอ้โห ทั้งสนุก ทั้งท้าทายเลย เพราะเรื่องนี้เบลต้องเล่นเป็น 2 ตัวละคร ทั้งการะเกดและเกศสุรางค์ด้วย แล้วพอมาเจอโปรดักชั่นที่ทุกคนละเอียดมากกับการทำงาน พอทุกอย่างมารวมกัน เราก็รู้สึกว่าละครน่าจะสนุกนะ (ยิ้ม) ก็แอบคิด แต่ว่าไม่กล้าคิดไปก่อนว่าคนดูจะชอบหรือไม่ชอบ ก็คิดว่าคนดูน่าจะสนุกแล้วยิ้มตาม ทีนี้พอกระแสออกมา ต้องบอกก่อนเลยว่าเกินคาดมากๆ ไม่คิดว่าจะขนาดนี้ คือในโซเชียลด้วย เรื่องของเรตติ้งด้วย เป็นอะไรที่เซอร์ไพร้ส์มาก ในฐานะคนทำงานทุกคนต่างดีใจมาก เหนื่อยกันมาก็หายเป็นปลิดทิ้งเลยค่ะ

เบลล่า - ราณี

เรื่องนี้เล่นเป็น 2 คาแร็คเตอร์ที่แตกต่างกัน ปรับตัวยากไหม เพราะต้องเล่นร้ายในมุมการะเกด และเล่นเป็นคนจิตใจดี น่ารักๆ ในมุมเกศสุรางค์

เบลล่า : ตอนแรกก็ต้องดูคาแร็คเตอร์ ศึกษาคาแร็คเตอร์ก่อนให้ชัดเลย เพราะการจะเล่นเป็นสองตัวละครว่ายากแล้ว ต้องทำให้คนดูเชื่อด้วยว่า เออ คนนี้การะเกด คนนี้เกศสุรางค์ ถึงแม้ว่าจะอยู่ในชุดเดียวกัน แต่ข้างในไม่เหมือนกันนะ ฉันคือเกศสุรางค์ อะไรประมาณนี้ ก็ต้องพยายามหาตัวคาแร็คเตอร์ให้ชัด ซึ่งหาแบ็กกราวนด์ หาอะไรต่างๆ ทำการเวิร์คชอปก่อน แล้วเบลก็ทำการบ้านค่อนข้างเยอะ อย่างเรื่องของบท เบลก็จะโน้ตเอาไว้ว่าบางวันต้องเล่นทั้งสองตัวละคร พอเราจับคาแร็คเตอร์ จับอารมณ์ความรู้สึกของแต่ละตัวได้ชัดแล้ว การถ่ายสลับไปสลับมาก็จะได้ง่ายขึ้น แล้วก็ไม่เป็นปัญหาค่ะ

เบลล่า - ราณี

ก่อนหน้านี้แพรวดอทคอมเคยสัมภาษณ์ผู้จัดฯ จ๋า – ยศสินี เรื่องเพลิงบุญ คุณจ๋าชมว่า เบลล่าจะอ่านนิยายจบก่อนใครๆ ถ่ายฉากแต่ละครั้ง แม้จะฉากเดิมก็เล่นไม่เหมือนกัน ให้ผู้กำกับเลือก สิ่งเหล่านี้เป็นการทำงานที่ทำกับละครทุกเรื่องเลยหรือเปล่า

เบลล่า : (ยิ้ม) แล้วแต่เรื่อง แล้วแต่บทด้วยค่ะ อย่างเพลิงบุญ พี่เติม (ชนินทร ประเสริฐประศาสน์) เขาก็จะอยากให้ลองเล่นดูว่าแบบไหนใช่ที่สุด เดี๋ยวพี่เติมจะช่วยดูให้ว่าอย่างไหนคือใช่ หรือถ้ามีอะไรเพิ่มเติมที่คิดว่ามันใช่ตัวละครก็บอกพี่เติมเลย มาคุย มาแชร์กันได้อย่างนี้ กับเรื่องบุพเพสันนิวาสก็เหมือนกันค่ะ พี่ใหม่ (ภวัต พนังคศิริ) ผู้กำกับค่อนข้างเปิดกว้างในเรื่องการแสดง อย่างตอนที่เป็นเกศสุรางค์ พี่ใหม่ก็บอกเต็มที่เลย อยากจะเล่น อยากจะขายของอะไรเอาเต็มที่ เดี๋ยวพี่ใหม่จะบอกเองว่าขอเพิ่มตรงนี้ ขอลดตรงนี้ ตอนเป็นการะเกด ทั้งพี่หน่องและพี่ใหม่ก็จะบอกว่าเล่นเต็มที่ไปเลย ไม่ต้องกลัวว่ามันจะดูแรง ดูร้าย เพราะจะทำให้คนดูรู้สึกว่า เออ เป็นสองคนที่แตกต่างกันมาก

ละครออนแอร์แล้ว มีกระแสชื่นชมเบลล่าค่อนข้างมากว่าเล่นร้ายก็ดี เล่นบทนางเอกก็ได้ กลายเป็นนักแสดงที่เล่นได้ทุกบทบาท ส่วนตัวทราบกระแสนี้บ้างหรือเปล่า

เบลล่า : ก็พอได้ยินค่ะ ก็ขอบคุณมากๆ ค่ะ (ยิ้ม) ขอบคุณที่ชอบนะคะ สำหรับตัวเบล ไม่ได้ติดว่าจะต้องเล่นเฉพาะบทไหนๆ เบลรู้สึกว่าอยากเล่นได้ทุกบทบาท เพราะว่าเบลอยากทำได้หมด เล่นได้ทุกแบบ มันคือความท้าทายเหมือนกัน อย่างตอนที่เล่นร้ายมันค่อนข้างยาก เพราะว่าไม่ใช่แค่การใช้กำลังหรือแค่กรี๊ด แต่มันคือข้างในที่เราจะต้องหา ต้องคิดอะไรอยู่ในใจตลอด ก็จะเป็นพลังอีกรูปแบบหนึ่งที่เราไม่เคยทำ ไม่เคยเล่นมาก่อน ก็เหมือนเราได้เรียนรู้ไปในตัวด้วย

เบลล่ายิ้มหวาน

คุณแม่มีโอกาสดูละครเรื่องนี้ไหม

เบลล่า : แม่ดู แม่ติด (หัวเราะ) แม่ดูตั้งแต่คลิปเบื้องหลังอะไรต่างๆ เลยค่ะ แม่ก็ให้กำลังใจว่า เก่งมากลูก แม่ดีใจที่มีคนชอบเยอะ แม่ก็บอกว่าสนุก คือละครออนแอร์ไปแล้วใช่ไหมคะ วันรุ่งขึ้นแม่ก็มาเปิดดูพวกกระแสต่างๆ ดูเบื้องหลัง ดูฉากโน้นฉากนี้ เบลก็เอ้า! แม่ดูไปแล้วไม่ใช่เหรอตอนนี้ แม่ก็บอกว่าอยากดูอีก ชอบ สนุก (หัวเราะ)

กระแสดังที่ไม่พูดถึงไม่ได้คือ กระแสเบลล่าร้อยมีม ที่มีคนแคปภาพหน้าเราแล้วไปใส่ข้อความต่างๆ

เบลล่า : (หัวเราะ) ค่ะ ด้วยความที่ทั้งการะเกดและเกศสุรางค์เป็นคนที่แสดงออกทางสีหน้าชัด การะเกดก็จะจิก จะอะไรทุกอย่างออกมาทางสีหน้า เกศสุรางค์ก็เช่นกัน เกศสุรางค์เป็นคนตลก เป็นคนที่มีความสุข สดใส อารมณ์ดี คือเวลาเขาจะทำอะไร เขาชอบให้คนรอบข้างมีความสุข หรือคิดอะไรก็จะเป็นคนเล่นใหญ่ เป็นคนอะเลิร์ต ก็จะมีคนเอารูปจากตอนโน้นตอนนี้มาทำ อย่างบางทีเราทำท่าล้อเลียนคนอื่น มันก็จะแสดงออกชัดมาก

เบลล่าสายแบ๊ว

แล้วมีแฟนๆ แท็กรูปเบลล่าร้อยมีมมาหาตามอินสตาแกรม ตามโซเชียลค่อนข้างเยอะ มีเซฟรูปเก็บไว้ใช้บ้างไหม

เบลล่า : (หัวเราะ) มีคนถามเหมือนกัน เบลไม่ได้เซฟค่ะ เพราะว่าคนอื่นส่งมาให้ก็เยอะแล้ว ดูแล้วมีความสุข เห็นคนดูชอบ เห็นเขาแชร์ เห็นเขาเอามาใส่คำพูดนู้นคำพูดนี้ รู้สึกน่ารักดี เบลชอบดูค่ะ

ถามถึงการเข้าฉากกับพระเอก โป๊ป – ธนวรรธน์ บ้าง เพราะตอนนี้กระแสแรงจนกลายเป็นคู่ขวัญคู่ใหม่ไปแล้ว การทำงานด้วยกันเป็นอย่างไรบ้าง

เบลล่า : ทำงานกับพี่โป๊ปสนุกมาก (เน้นเสียง) เพราะว่าพี่โป๊ปทำการบ้านดีมาก แล้วพี่โป๊ปเป็นคนที่เวลาเล่น เราสัมผัสได้จริงๆ เราเชื่อจริงๆ อย่างน้ำเสียงเขาหรือแววตาเขาจะเปลี่ยนไปตามบท คือสายตาเขาจะบอกทุกอย่างเลย อย่างเวลาเราทำท่าอะไรประหลาดไป หน้าเขาจะรีแอ็คชัดมาก เล่นด้วยแล้วรับส่งกันสนุกค่ะ บางทีมีเพิ่มบทกันเองด้วย แต่พี่โป๊ปจะเพิ่มยากหน่อย เพราะคำพูดเขาใช่ไหมคะ แต่บางทีเราก็จะใส่ให้เขา

เบลล่าร้อยมีม

อย่างโป๊ปตอนนี้ก็กลายเป็นหนุ่มแร็พอโยธยาไปแล้ว

เบลล่า : ใช่ๆ คือฉากนี้เป็นฉากที่ถ่ายแรกๆ ของการถ่ายทำเลย แล้วจะยังไม่ค่อยชินในเรื่องของภาษา พี่โป๊ปเครียดมาก อ่านบทมาเป็นอาทิตย์ อย่างฉากแร็พอันแรก เบลเป็นคนพูดยาวก่อนใช่ไหมคะ ก็พูดเสร็จปุ๊บ อะ พี่โป๊ป เบลผ่านแล้วนะ ตาพี่โป๊ปแล้ว (หัวเราะ) พี่โป๊ปก็เครียดมาก ด้วยภาษา และมีเรื่องอารมณ์ด้วย เขาก็อยากเล่นให้อินจริงๆ ค่ะ ซึ่งก็ทำได้ดีนะ ไม่ใช่แค่การพูดๆๆ แต่อารมณ์อะไรได้หมดเลย

ในเรื่องนี้จะมีฉากโรแมนติกให้แฟนๆ ได้ชมแล้วอินค่อนข้างมากเหมือนกัน มีฉากไหนที่เบลเล่นแล้วประทับใจเป็นพิเศษไหม

เบลล่า : อืม…มีเยอะ จะมีอยู่เรื่อยๆ ค่ะ ส่วนมากเบลจะชอบที่เป็นฉากชมจันทร์ มันเป็นโมเมนต์ที่ได้อยู่กันสองคน กับฉากนั่งเรือก็จะเป็นการพูดคุยกัน บางทีก็จะรู้สึกว่าจีบฉันหรือเปล่า ทำไมหยอดฉันหวานขนาดนี้ จะเป็นการคุยกันที่ใช้ภาษาละมุนละไม เป็นความเนียนของพระเอกที่อ้าว พูดอะไรเนี่ย พูดถึงฉันอย่างนี้ ส่งสายตาอย่างนี้ เป็นการเข้าฉากพระนางที่ไม่ต้องมาโดนตัวกัน ง่ายๆ สบายๆ แต่ดูแล้วอบอุ่นอมยิ้มค่ะ

เบลล่า - ราณี

ฉากที่แฟนๆ ฟินและเห็นบ่อยอย่างฉากแปรงฟันตรงหน้าต่าง ที่ต่างคนต่างจะมีการแอบมองกัน

เบลล่า : (หัวเราะ) ความจริงคืออยากจะบอกว่าพวกเราไม่เห็นกันเลยตอนที่ถ่าย เพราะว่าต้องถ่ายทีละฝั่ง แล้วเราก็ไม่รู้ว่าพี่โป๊ปเล่นยังไง พี่โป๊ปก็ไม่รู้ว่าเราเล่นยังไง เราใช้จินตนาการล้วนๆ ว่าพี่โป๊ปน่าจะประมาณนี้ เขาจะต้องเหล่ฉันในท่าทางที่เซอร์ไพร้ส์มาก ฉันก็ใส่ท่าใหญ่เลย พี่โป๊ปก็จินตนาการเอาว่าเกศสุรางค์น่าจะเล่นใหญ่เบอร์ไหน แต่พอเอามารวมกันแล้ว เขาก็เข้าใจคาแร็คเตอร์เรา เราก็เข้าใจคาแร็คเตอร์เขา พองานออกมาก็น่ารัก ดูแล้วก็ขำเองค่ะ (ยิ้ม)

ละครบุพเพสันนิวาสถ่ายจบไปเมื่อปีที่แล้ว ออนแอร์ปีนี้ พอได้กลับมา นักแสดงแต่ละคนคิดถึงกันมากไหม

เบลล่า : คิดถึง คือเราอยู่ด้วยกันมาประมาณปีกว่า ซึ่งก็ถือว่าเป็นระยะเวลาที่ค่อนข้างนาน ก็คิดถึงบรรยากาศที่ได้ถ่าย โดยเฉพาะตอนที่กลับมาดูละคร เบลก็จะคุยกันในกรุ๊ปนักแสดงกับทีมงานว่าคิดถึงตอนนั้นเนอะ จำได้ไหมว่าร้อนมากเลยเนอะ (หัวเราะ) พี่โป๊ปสิบเทคเลยฉากนี้ ก็จะมีการคุยกัน แต่พอตอนที่เราถ่ายมันจะอีกอารมณ์หนึ่ง พอเรามาดูละครนี่คือผลงานที่เราเล่น ก็ภูมิใจที่มีคนชอบเยอะค่ะ

เบลล่า - ราณี

อีกกระแสที่มีคนพูดถึงมากเลยคือ เรื่องนี้เบลล่าแต่งหน้า ใส่ชุดไทยสวยมาก  

เบลล่า : ก็ต้องขอบคุณพี่เสื้อผ้า แต่งหน้า ทำผมเลยค่ะที่เนรมิตลุคของเบลออกมา ก็มีทั้งพี่สไตลิสต์ ผู้กำกับ รวมถึงพี่หน่องเองก็ช่วยดูลุคให้ว่าอยากได้การะเกดประมาณนี้ อยากได้เกศสุรางค์ประมาณนี้ ก็ขอบคุณที่ทำให้เบลดูออกมาโอเคที่สุด แล้วก็ละครเรื่องนี้เป็นพีเรียดในรูปแบบใหม่ที่เบลไม่เคยเล่นมาก่อน เบลไม่ค่อยเล่นแบบร้าย หรือว่าเล่นในปีที่ย้อนยุคขนาดนี้ รวมถึงเบลไม่เคยเล่นข้ามภพ คือทุกอย่างมันคือพีเรียด แต่ตัวเรายังเป็นคนปัจจุบัน ฉะนั้นคำพูดอะไรต่างๆ กิริยาท่าทางก็จะไม่ได้เรียบร้อยเหมือนคนในยุคนั้น ก็สนุกค่ะ เป็นคนที่ไม่เหมือนคนอื่นเลย

ฝากผลงานบุพเพสันนิวาส ที่กำลังสนุกเข้มข้นเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ

เบลล่า : ค่ะ ยังไงก็อยากให้ติดตามไปจนจบเลยนะคะ ตอนนี้ยังไม่ถึงครึ่งเรื่องเลย เบลไม่รู้ว่ากระแสคนติดตามจะมีต่อไปเรื่อยๆ ไหม เอาจริงๆ ตอนนี้ก็เกินความคาดหมายที่มีคนชื่นชอบมากขนาดนี้ ก็อยากให้ติดตามไปจนจบเลยนะคะ นอกจากจะได้ความบันเทิง คลายเครียด ได้ยิ้มตามแล้ว ยังได้ความรู้เกร็ดเล็กเกร็ดน้อยอีกด้วย

เบลล่า - ราณี

 


เรื่อง : กัญญาวีร์ วิมลรัตน์
ภาพ : จักรพงษ์ นุตาลัย

ออกทริปครั้งไหนสไตล์ต้องโดน! จะคลาสซี่หรือแฟชั่นนิสต้าลุคแค่มิกซ์แอนด์แมทช์เสื้อผ้าให้พอดี

ได้มีโอกาสพูดคุยกับกูรูบล็อกเกอร์ด้านท่องเที่ยวอยู่ 2 ท่านในครั้งนี้ คือ คุณพัด-พรรษมน เจ้าของเพจ patsamon eat well, travel with style และ คุณพีท-ธีธีช เจ้าของเพจ pete kuan’s journey อยากรู้ว่าเวลาที่ไปเที่ยวต่างประเทศ มีเทคนิคการเตรียมตัวนอกจากกายและใจแล้ว เรื่องการเตรียมเสื้อผ้าก็เป็นเรื่องใหญ่ทีเดียว

วันนี้เรามีแฟชั่นบล็อกเกอร์คนสวยอย่าง พัด – พรรษมน พิริยะเมธา มาแนะนำเคล็ดลับในการออกเดินทางอย่างมือโปรมาฝากสาวๆ กัน บอกเลยว่าเธอคนนี้คือตัวจริงในเรื่องของแฟชั่นและการท่องเที่ยว หากสาวๆ ได้อ่านการแชร์ประสบการณ์ของเธอแล้ว รับรองว่าทริปนี้ชนะเพื่อนในแก๊งขาดลอยแน่นอน อิๆ

สไตล์การท่องเที่ยว
พัด – พรรษมน : ชอบไปเที่ยวเอง ไม่ชอบไปทัวร์ จะจัดทริปเอง เพราะอยากอยู่ที่หนึ่งหลายๆ วัน ได้ชิล ได้นั่งเล่น จิบกาแฟในเมือง ไม่ชอบแบบเร่งรีบ อีกอย่างไม่ใช่สายลุยเลย (หัวเราะ) เป็นคนที่ชอบชมสถาปัตยกรรมมากๆ รองลงมาก็ธรรมชาติ

วางแผนเที่ยวแบบผู้หญิง
พัด – พรรษมน : ถ้าเป็นทริปสาวๆ พัดก็จะดูโลเคชั่นและที่ๆ เราจะไป อันดับแรกเลยคือต้องปลอดภัยก่อน เดินทางสะดวก ใกล้รถไฟใต้ดิน หรือว่าสามารถเดินไปเที่ยวในตัวเมืองได้เลย นอกจากปลอดภัยแล้วยังช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายด้วย

เคล็ดลับการจัดกระเป๋าเดินทาง
พัด – พรรษมน : การจัดกระเป๋าคือเรื่องใหญ่มาก อันดับแรกพัดต้องดูก่อนว่าอากาศที่นั่นประมาณเท่าไหร่ แล้วก็หาเรฟเฟอร์เร้นซ์ว่าวิวที่นั่นเป็นแบบนี้ เราอยากแต่งตัวแบบไหนให้มันเข้ากับบรรยากาศ ถ่ายรูปออกมาแล้วสวย แต่ที่สำคัญคือเรื่องของกาลเทศะ อย่างไปโบสถ์ เราก็ต้องแต่งตัวให้เหมาะกับสถานที่นั้นๆ ด้วย เพื่อเป็นการให้เกียรติ ส่วนรองเท้าก็สำคัญ อย่างวันนี้เราเดินเยอะหรือเปล่า หรือแค่ไปดินเนอร์ เราก็ใส่ส้นสูงได้ และหลายคนอาจไม่ค่อยรู้คือพัดจะฟิตติ้งชุดก่อน ลองทุกชุดว่าในแต่ละวันของทริปนั้นจะใส่อะไรบ้าง ถ้าเกิดทริปนั้นอากาศหนาว 6 องศา เราก็ต้องลองใส่ทุกชั้น เป็นการฟิตติ้งเสมือนจริง เราจะได้รู้ว่าใส่ตัวนี้ข้างในแล้วจะเป็นยังไง พอถึงเวลาจริงๆ จะได้ไม่พลาด

ส่วนการแบ่งเนื้อที่ของกระเป๋า ถ้าอะไรยับง่ายก็จะเอาไว้ข้างบน แต่จะแยกโซนของกับเสื้อผ้า เพราะถ้าของไปเบียดเสื้อผ้ามันจะยับ ถ้ากระเป๋าใหญ่ก็จะเป็นเสื้อผ้าฝั่งหนึ่ง พวกไดร์เป่าผม เครื่องสำอาง รองเท้าก็จะเก็บอีกฝั่งหนึ่ง

ที่สำคัญคือเรื่องของกาลเทศะ อย่างไปโบสถ์ เราก็ต้องแต่งตัวให้เหมาะกับสถานที่นั้นๆ ด้วย เพื่อเป็นการให้เกียรติ

เตรียมเสื้อกันหนาวไปจากไทย
พัด – พรรษมน : ที่พกไปเลย เพราะมันอุ่นใจ เคยเอาไปไม่ครบและไปหาซื้อที่โน้น ซึ่งบ้านเขาเป็นช่วงฤดูใบไม้ผลิ แต่ก็ยังหนาวสำหรับเรา เพราะประมาณ 10 องศานิดๆ และเสื้อผ้าของเขาในช่วงนั้นก็ไม่มีอะไรที่อุ่นเลย จะเป็นเสื้อผ้าซัมเมอร์เกือบหมด เคยไปแล้วหาซื้อไม่ได้ หลังจากนั้นเลยต้องเตรียมตัวให้พร้อม เอาไปเองดีกว่า เพราะตัวที่พกไปก็ไม่ได้ใหญ่หรือเปลืองเนื้อที่กระเป๋า

ไอเท็มกันหนาวที่ขาดไม่ได้
พัด – พรรษมน : อันดับแรกเลยคือ ฮีทเทค เพราะใช้จริงๆ และใช้ตลอด พัดจะมีหมดเลย ทั้งคอปิด คอกว้าง สำหรับมิกซ์แอนดแมทช์กับเสื้อผ้า ส่วนมากจะใส่ไว้ข้างใน แล้วก็เลกกิ้งเพราะจะอุ่นมาก บางทีก็ใส่เดี่ยวๆ เลย หรือใส่ไว้ใต้กางเกงอีกชั้น ไอเท็มพวกนี้เป็นอะไรที่ช่วยให้เราอุ่น เพราะพัดเป็นขี้หนาวมาก อย่างพวกเสื้อโค้ทก็จะเตรียมไปหลายระดับ มีตั้งแต่วันที่อากาศไม่หนาวมาก และวันที่หนาวมากๆ คือเราต้องเช็คสภาพอากาศก่อนไปด้วย ถ้าหนาวประมาณ 6 องศา พวกเสื้อขนเป็ดก็เปนตัวเลือกที่ดี เพราะไม่เทอะทะ แต่กันความหนาวได้ดี และเวลาเลือกเสื้อขนเป็ดก็จะดูดีไซน์ให้เข้ากับคอสตูมที่เราจะใส่ เราใส่เสื้อผ้าประมาณไหน ก็ต้องแมทช์กับเสื้อผ้าได้ง่ายด้วย

ไอเท็มกันหนาวที่ขาดไม่ได้คือ ฮีทเทค เพราะใช้จริงๆ และใช้ตลอด พัดจะมีหมดเลย ทั้งคอปิด คอกว้าง สำหรับมิกซ์แอนดแมทช์กับเสื้อผ้า

แบรนด์โปรดที่นึกถึงเมื่อเดินทาง
พัด – พรรษมน : แบรนด์โปรดก็ยูนิโคล่เลย เพราะพัดซื้อตลอด อย่างที่บอกไปโดยเฉพาะตัวฮีทเทค มีเยอะมาก ทั้งคอปิด คอกว้าง คือมันเหมาะกับผู้หญิงที่ไม่ต้องการใส่อะไรหลายๆ ชั้น เพราะจะดูตัวใหญ่ แต่ก็ยังให้ความอบอุ่นได้ดี ตัวไม่หนาเทอะทะเลยสไตล์ลิ่งได้ง่าย

ทริปสุดประทับใจ
พัด – พรรษมน : ชอบซานโตรินี ประเทศกรีซ เป็นคนชอบทะเลและสถาปัตยกรรมด้วย เพราะที่พักเป็นเคปเฮ้าส์ สีขาวๆ คือมันได้ทั้งสองอย่างเลย ทั้งทะเลและสถาปัตยกรรม ส่วนอากาศก็ดีมาก โรงแรมสวย อีกประเทศก็อิตาลี ชอบโรม เพราะสถาปัตยกรรมสวย

การท่องเที่ยวให้อะไร
พัด – พรรษมน : มันเปิดโลกให้เราเห็นอะไรใหม่ๆ เยอะค่ะ ถ้าเกิดอยู่แต่ในประเทศของเรา เราก็อาจจะไม่รู้ว่าข้างนอกเขาเป็นยังไงบ้าง แต่การออกไปเที่ยว ทำให้เราได้เปิดหูเปิดตากับวัฒนธรรมอื่นๆ ได้เจอกับอะไรใหม่ๆ เป็นประสบการณ์ชีวิต และเรายังได้เห็นโอกาสใหม่ๆ มาทำธุรกิจของเราได้ด้วย

และจะมาเมาท์มอยเรื่องการเดินทางจากมือโปรอย่าง พีท – ธีธัช ควรตระกูล อินฟลูเอนเซอร์ชื่อดัง ที่ไม่ว่าเรื่องของการเดินทางหรือแฟชั่น หนุ่มคนนี้ก็จัดเต็ม เรียกได้ว่าเป็นตัวจริงในด้านนี้เลย เพราะประสบการณ์ท่องเที่ยวที่ไปมาแล้วหลายต่อหลายประเทศ การออกเดินทางบ่อยๆ ทำให้เขาได้ไอเดียดีๆ มาบอกต่อเพียบ ส่วนไอเดียเหล่านั้นจะมีอะไรบ้าง ตามมาเลย

แฟชั่นกับการเดินทาง
พีท – ธีธัช  : คือพีทเป็นคนที่สนุกกับทั้งสองอย่าง แต่สิ่งที่ทำให้เราตื่นเต้นกับมันตลอดคือ ถ้าเราตั้งใจเที่ยวหรือตั้งใจดูแฟชั่น เรามักจะเจอสิ่งใหม่ๆ ให้เราได้ค้นหาตลอดเวลา ไม่ว่าจะเป็นเสื้อผ้าคอลเล็คชั่นใหม่ๆ หรือคอลเล็คชั่นเก่าๆ ที่เรามีเอามาผสมกับของใหม่ รวมถึงการท่องเที่ยว เราอาจจะไปที่เดิมๆ เมืองเดิมๆ ร้านเดิมๆ แต่เราก็ยังเจอสิ่งใหม่ๆ ได้ ไม่ว่าจะเป็นคน สถานการณ์ หรือฤดูกาล และยิ่งเอาสองอย่างนี้มาผสมกัน การที่เราตั้งใจแต่งตัวไปยังสถานที่นั้นๆ มันทำให้เรามีชีวิตชีวา

ความถี่ในการเดินทาง
พีท – ธีธัช  : ปีที่แล้วไปทุกเดือน (หัวเราะ) เพราะปีที่แล้วเป็นปีที่พีทเพิ่งจบใหม่ เลยตัดสินใจว่าเราเรียนมา 7 ปีแล้ว ปริญญามา 3 ใบ ปีที่แล้วเลยขอเป็นปีท่องเที่ยว พีทเลยเดินทางเยอะมาก อย่างน้อยเดือนละหนึ่งทริป จะนอกหรือในประเทศก็ได้ แต่พอปีนี้ก็ตั้งใจเดินทางให้น้อยลง เป็นสามเดือนต่อหนึ่งทริป แต่ก็ยังเป็นทริปใหญ่ๆ เหมือนเดิม ก็น่าจะระยะเวลา 1 เดือนต่อ 1 ทริป

ประเทศที่ไปบ่อย
พีท – ธีธัช  : พีทชอบประเทศอังกฤษที่สุดเลย เวลาที่เราไปอังกฤษก็จะไปอยู่เป็นเดือน ไปเช่าบ้านพัก และช่วงอยู่อังกฤษก็จะบินไปฝรั่งเศส อิตาลีได้ ที่ชอบโซนยุโรปเพราะเราเรียนที่อังกฤษด้วย เหมือนได้กลับบ้าน เดินไปไหนก็รู้จัก เวลาเราไปที่ไหนก็ยังเจอคนรู้จักตลอด ไปร้านเสื้อผ้าก็ยังมีพนักงานทักว่าหายไปไหนมา

เตรียมความพร้อมก่อนออกทริป
พีท – ธีธัช  : เวลาพีทไปจะไปหลายประเทศมาก บางทีจะเจอหลายภูมิอากาศ ทั้งร้อน ฝน หนาว บางครั้งก็ติดลบ มีทั้งสบาย ทั้งลุย เพราะงั้นการจัดลุคพีทจะพยายามไม่ให้มันซ้ำกัน เราจะโฟกัสที่เสื้อผ้าตัวนอก ตัวนอกต้องปัง เพราะเอาไปเยอะมาก ถ้าเราเสียพื้นที่กับตัวนอกไปเยอะแล้ว เราจะเอาเสื้อที่ต้องใส่ด้านในและกางเกงไปน้อยมาก กางเกงอาจจะสัก 2 ตัวที่เข้าได้กับทุกสี อย่าง สีเทา สีดำ สีกรม ส่วนเสื้อด้านในก็ชอบเอาฮีทเทคไป เพราะมันเบา ม้วนง่าย แมทช์ได้กับทุกสี มันตอบโจทย์มาก เพราะมีทั้งคอวีที่เราใส่กับเสื้อเชิ้ตได้ หรือเป็นคอกลมที่จะใส่เดี่ยวๆ ได้ หรือใส่แมทช์กับสูทก็ได้ เพราะสูทกับเสื้อยืดช่วงนี้ก็กำลังมา สไตล์แคชชวล หรือจะใส่กับเสื้อโค้ทก็ได้ คอเต่าก็ใส่ได้กับทุกอย่าง เราก็จะเน้นตรงนี้เพราะแมทช์กับตัวนอกได้ง่าย

ชอบเอาฮีทเทคไป เพราะมันเบา ม้วนง่าย แมทช์ได้กับทุกสี มันตอบโจทย์มาก เพราะมีทั้งคอวีที่เราใส่กับเสื้อเชิ้ตได้ หรือเป็นคอกลมที่จะใส่เดี่ยวๆ ได้ หรือใส่แมทช์กับสูทก็ได้

ไอเท็มที่ทำให้รู้สึกอุ่นใจ เมื่อไปต่างประเทศ
พีท – ธีธัช  : สิ่งที่พกไปแล้วอุ่นใจก็คืออัลตร้าไลท์ดาวน์ของยูนิโคล่ เพราะอย่างที่บอกคือเราพยายามพกของไปเยอะชิ้นแต่ประหยัดเนื้อที่และน้ำหนักกระเป๋าที่สุด เพราะฉะนั้นด้วยความที่อัลตร้าไลท์ดาวน์มีน้ำหนักเบา พกง่าย ม้วนเก็บเป็นอันเล็กๆ อยู่ในถุงได้เลย ก็คือหมายความว่าเราพกไปเลย 5 สี 10 สีได้เลย ตอนไปเที่ยวก็พกไป 5 6 ตัวจริงๆ อีกอย่างคือสีสวย มีทั้งสีเรียบๆ สีแดง สีเหลือง สีเขียว

การเลือกเสื้อผ้าในแต่ละทริป
พีท – ธีธัช  : พีทเป็นคนวางแผนเที่ยวเอง เราก็จะหารูป พอเราเห็นรูปสถานที่ ก็คิดแล้วว่าที่นี่ต้องใส่สีแบบนี้ถึงจะสวย ไปแล้วต้องนั่ง ต้องโพสต์ตรงนี้ และก็ดูของในตู้เสื้อผ้า เพราะจริงๆ ไม่ค่อยชอบซื้อเสื้อผ้าใหม่เพื่อทริปใดทริปหนึ่งโดยเฉพาะ รู้สึกว่ามันเปลือง เราจะมิกซ์ของที่มีอยู่แล้ว แต่ถ้าไม่ไหวก็ค่อยเติมของใหม่ และหาเรฟเฟอร์เรนซ์ ส่วนทริคจริงๆ ก็คือไม่มีทริค ขอแค่เราสนุกกับมัน อย่าไปเครียด แล้วฟีลลิ่งมันจะมาเอง ประมาณว่าใส่ตัวนี้แหละ บางทีเราก็ไม่ได้ตั้งใจขนาดนั้น แค่คิดไปคร่าวๆ ว่าเอาเสื้อไปเท่านี้ วันไหนจะใส่อะไร แต่พอไปถึงจริงๆ อาจจะอยากใส่อีกตัวก็ได้ อย่าไปคิดเรื่องชุดเยอะมาก ให้สนุกกับมันดีกว่า

ทริคจริงๆ ก็คือไม่มีทริค ขอแค่เราสนุกกับมัน อย่าไปเครียด แล้วฟีลลิ่งมันจะมาเอง

ขาดแบรนด์นี้ไม่ได้
พีท – ธีธัช  : เอาจริงๆ นะ ไม่มีทริปไหนที่ไม่เอายูนิโคล่ไปเลย อย่างถุงเท้าคือติดของยูนิโคล่มาก แต่หลักๆ ที่ติดเลยก็คือฮีทเทคและอัลตร้าไลท์ดาวน์ ติดไปทุกทริปจริงๆ เผื่อไปอุ่นใจ บางทีไม่รู้ว่ามันจะหนาวหรือเปล่า ถ้าเราต้องเอาโค้ทใหญ่ไปมันก็เปลืองเนื้อที่กระเป๋า แต่พอเป็นและอัลตร้าไลท์ฯ ก็เล็กนิดเดียว ฮีทเทคก็มีหลายสี พกง่าย ฟังก์ชั่นดี เหมือนเตรียมมาเพื่อการท่องเที่ยวจริงๆ เราชอบฮีทเทคตรงที่แพ็คมาเป็นซองให้แล้วตอนซื้อมา เวลาจัดกระเป๋าก็ง่าย

สิ่งที่ได้จากการเดินทาง
พีท – ธีธัช  : เราเป็นคนที่โดนเลี้ยงแบบตามใจ เพราะฉะนั้นการไปเที่ยวในที่ยากๆ ก็คิดว่าไม่มีทางทำได้แน่นอน ยิ่งไปเองไม่มีพ่อแม่ไป ทำไม่ได้แน่นอน แต่พอเริ่มไปเที่ยวเองก็ทำให้เราหลุดออกมาจากเซฟโซน อยู่ได้โดยไม่มีพ่อแม่คอยช่วย พอหลุดออกมาแล้ว เหมือนชีวิตไม่มีกรอบ จะทำอะไรก็ได้ นี่คือสิงที่คิดว่าการท่องเที่ยวมันให้เราได้ช่วยเหลือตัวเอง รู้สึกว่าจะไปไหนก็ได้ ตอนแรกติดเพื่อนมาก ตอนนี้คือไปคนเดียวก็ได้ แยกกันเดินทาง และค่อยไปนัดเจอกันที่โน้น การเดินทางทำให้เราโตขึ้นนะ

ถือว่าเป็นคำแนะนำและการแชร์ประสบการณ์ที่เอาไปทำตามได้ไม่ยากเลยจริงๆ อย่างการเลือกเสื้อผ้าไปทริปหนาวๆ แม้ว่าเผื่อเหลือดีกว่าขาด ก็ต้องไม่ทำให้กระเป๋าเราหนักจนเกินจำเป็นด้วย เพราะงั้นไอเท็มที่บล็อกเกอร์ทั้งสองท่านแนะนำไป เป็นอะไรที่เหมาะกับทริปลมหนาวมากๆ นอกจากฟังก์ชั่นจะใช้งานได้ดีแล้ว ก็ยังประหยัดเนื้อที่กระเป๋าด้วย แถมยังมีหลากสี หลายดีไซน์ให้เลือกตามสไตล์ ใครชอบแบบไหนก็จัดไป โอ้ยยย อะไรจะน่าสอยขนาดนี้ บอกเลยว่า #ของมันต้องมี

Special Thanks
Location
keyboard_arrow_up