เบสท์-ชลสวัสดิ์

ทำความรู้จักหนุ่มหน้าใสชวนมอง เบสท์-ชลสวัสดิ์ เจ้าของยิ้มละลายหัวใจ

Alternative Textaccount_circle
เบสท์-ชลสวัสดิ์
เบสท์-ชลสวัสดิ์

นอกจากส่งผลงานคุณภาพที่นำมาเสิร์ฟให้ชวนติดตามตลอดแล้ว  Viu Thailand  ยังเดินหน้าปลุกปั้นคลื่นลูกใหม่ออกสู่หน้าจอโลดแล่นในวงการบันเทิงอย่างมีคุณภาพ สำหรับนักแสดงนิวเจนที่ได้รับโอกาสก็ได้โชว์ฝีมือทางการแสดงแจ้งเกิดปล่อยออร่าแบบจัดเต็ม กับซีรีส์ซึ่งทาง Viu ทุ่มทุนสร้างยกกองถ่ายไปตะลุยปักหมุดถ่ายทำกันที่ประเทศเกาหลีทั้งเรื่องใน “Close Friend โคตรแฟน 3 โซจู บอมบ์”

โดย 5 หนุ่มนิวเจน เบสท์ รับบทโดย ( เบสท์ – ชลสวัสดิ์ เตียววณิชกุล ) หนุ่มหล่อ ลีดเดอร์ สุดจริงจัง , เอิร์ธ รับบทโดย ( เอิร์ธ – นันทวัฒน์ ไพบูลย์ภัทรธน ) หนุ่มเจ้าเล่ห์ ผู้มาพร้อมรอยยิ้มสดใส , ดัง รับบทโดย ( ดัง – ธีระทัศน์  อิงคะประสิทธิ์ ) หนุ่มเฟรนด์ลี่ ขี้งก สายมู , วิน รับบทโดย ( วิน – ศุภวิชญ์  ประธานชัยมงคล ) หนุ่มติสท์ เจ้าเสน่ห์ ผู้เงียบขรึม และ อู๋     รับบทโดย (  อู๋ – ภัทรพล เฮงสุนทร ) น้องเล็กแสนซน ผู้มองโลกในแง่ดี ที่รวมตัวกันในชื่อ Project T แม้จะอดทนฝึกซ้อมด้วยกันมาอย่างหนักหน่วงแต่พวกเขากลับโดนค่ายเพลงลอยแพกลางกรุงโซลซะอย่างนั้น ทำให้พวกเขาตัดสินใจเมาประชดชีวิต และแหกกฎทุกอย่างที่ค่ายเคยสั่ง ไม่ว่าเบสท์จะมีความรักกับผู้จัดการ ซูยอง รับบทโดย (แพร – แพรเพชร อุดมศาสตร์พร) และนอกจากนั้นพวกเขาได้เจอกับ เยริ รับบทโดย (ซูยอน จี) พี่สาวเกาหลี ที่เปิดโลกเกมส์วงเหล้าแสนสนุกจนทุกคนเมายับ! ทั้งยังนึกคึกบุกไปทุบป้ายกฎเหล็กที่ค่ายเพลงและป่วนชาวบ้านจนวุ่นวายไปทั่ว! ก่อนที่จะตื่นขึ้นมาที่ชายหาดปูซาน พวกเขากับอาจุมม่าคนหนึ่งที่มัดมือติดกับเอิร์ธ โดยที่ทั้ง 5 คนจำอะไรเมื่อคืนไม่ได้เลย แต่พวกเค้าต้องกลับโซลและตามหาพาสสปอร์ตที่หายไปให้ทันก่อนที่จะต้องขึ้นเครื่องกลับไทย

  เพียง Ep. แรกได้ออกอากาศออกมา เบสท์ ชลสวัสดิ์ ก็ทำเอาแฟนๆสะดุดตากับฝีไม้ลายมือในการแสดงที่ยิ้มออกมาทีออร่ากระจายทำใจวุ่นวายกันไปเลยทีเดียว และต้องบอกเลยว่าประวัติของ เบสท์ น่าค้นหาเอามากๆ

เบสท์ - ชลสวัสดิ์ เตียววณิชกุล

ประวัติ เบสท์ – ชลสวัสดิ์ เตียววณิชกุล

ชื่อ : ชลสวัสดิ์ เตียววณิชกุล

ชื่อเล่น : เบสท์

เกิดวันที่ : วันที่ 10 กรกฎาคม 2001

ส่วนสูง : 176 เซนติเมตร 

น้ำหนัก: 60 กิโลกรัม

ที่อยู่ : กรุงเทพมหานคร

การศึกษา: ปริญญาตรี 

ความสามารถพิเศษ : ร้องเพลง , เต้น 

ผลงานการแสดงล่าสุด : Close Friend โคตรแฟน 3 โซจู บอมบ์ 

ช่องทางการติดตาม : IG @bbeztch

ญดา-นริลญา กุลมงคลเพชร

ญดา-นริลญา กุลมงคลเพชร ในงาน 17th Asian Film Awards Ceremony

Alternative Textaccount_circle
ญดา-นริลญา กุลมงคลเพชร
ญดา-นริลญา กุลมงคลเพชร

จัดจ้านด้วยฝีไม้ลายมือที่ไม่ธรรมดาเลยทีเดียว สำหรับนางเอกดาวรุ่งช่อง3กด33 ญดา-นริลญา กุลมงคลเพชร สายดราม่าตัวจริงเสียงจริง การันตีด้วยภาพยนตร์โกอินเตอร์ “ร่างทรง” ขึ้นท๊อปนางเอกตัวท๊อปของเอเชียที่น่าจับตามอง เร็วๆเตรียมขโมยความน่ารักสดใสกันต่อในละครชุด “ขวัญฤทัย” ในโปรเจ็คท์ “ดวงใจเทวพรหม”

ล่าสุดก็สร้างความภาคภูมิใจให้คนไทยกันต่อ เข้าร่วมเดินพรมแดงในงานประกาศรางวัลด้านภาพยนตร์แห่งเอเชีย 17th Asian Film Awards Ceremony” ครั้งที่ 17 ณ Xiqu Centre, West Kowloon Cultural District ฮ่องกง ถือรางวัลสุดยิ่งใหญ่การความร่วมมือระหว่างองค์กรผู้จัดงานเทศกาลภาพยนตร์ระดับเอเชีย ทั้ง ปูซาน- เกาหลีใต้ , ฮ่องกง และ โตเกียว ญี่ปุ่น เพื่อยกย่องภาพยนตร์และบุคคลคุณภาพในวงการภาพยนตร์เอเชีย

โดยงานนี้นางเอกคนเก่งฟอร์มไทยแลนด์ “ญดา นริลญา” มาในลุคสดใสน่ารักชุดดำปนเซ็กซี่จากแบรนด์ไทย Flynowbangkok ซีทรูช่วงแขน และช่วงล่าง เพิ่มกิมมิกความซุกซนให้กับชุด พร้อมด้วยต่างหูตะโกนๆจาก Dior คอมพลีทลุคด้วยทรงผมแฟชั่นวัยทีน สไตล์นางเอกสายละมุนโซนเอเชีย ตกฯช่างภาพและสื่อจากทั่วเอเชียได้สำเร็จ บอกเลยเธอคือความสดใสของโลก

ญดา-นริลญา กุลมงคลเพชร
ไอยู (IU)

เตรียมปลดล็อกสกิลหูเคลือบทอง ไอยู (IU) โวคอลควีน อินไทยแลนด์

Alternative Textaccount_circle
ไอยู (IU)
ไอยู (IU)

มาแน่ มาชัวร์ ไอดอลพลังเสียงมหัศจรรย์ ไอยู (IU) เตรียมแลนด์ดิ้งไทยแลนด์ตามคำเรียกร้องของเหล่า ”ยูแอนาไทย” (UAENA : ชื่อแฟนคลับ) หลังเคยลั่นวาจาสัญญาว่าจะกลับมาหาอีกแน่ แฟนๆ ไม่ต้องร้องเพลงรออีกต่อไป!

ได้เวลามาหนุบหนับหัวใจไปกับความน่ารัก สดใส พร้อมปลดล็อกสกิลหูเคลือบทองคำแบบฉ่ำ กับ ไอยู กันได้เลย!! แล้วพบกันที่งาน “2024 IU H.E.R. WORLD TOUR CONCERT IN BANGKOK” ในวันเสาร์-อาทิตย์ที่ 29-30 มิถุนายน 2024 ณ อิมแพค ชาเลนเจอร์ ฮอลล์ 1 เมืองทองธานี

ไอยู (IU)

วันดี วันเริ่ด! ยูแอนาไทย เคลียร์คิวให้พร้อม วอร์มเสียงให้ปัง ผู้จัด “ไอมี่ไทยแลนด์” (iMe Thailand) พร้อมจัดเต็มแสงสีเสียง ให้แฟนๆ ได้มาสนุก และเต็มอิ่มความสุขไปกับเวิล์ดทัวร์คอนเสิร์ตที่ “ไอยู” เตรียมเพลงเพราะๆ และโชว์พิเศษมากมายเพื่อแฟนคลับที่รักทุกคน สำหรับงาน “2024 IU H.E.R. WORLD TOUR CONCERT IN BANGKOK”

เริ่มเปิดขายบัตรในวันเสาร์ที่ 30 มีนาคม 2567 ตั้งแต่เวลา 11.00 น. เป็นต้นไป ผ่านทาง www.thaiticketmajor.com เท่านั้น!! และสำหรับช่องทางอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็น ไทยทิกเก็ตเมเจอร์ทุกสาขา และ Call Center 02-262-3456 จะเริ่มเปิดบัตรขายในวันอาทิตย์ที่ 31 มีนาคม 2567 เป็นต้นไป ราคาบัตร 6,500 / 5,500 / 4,500 / 3,500 และ 2,500 บาท (บัตรนั่งทุกที่นั่ง) พร้อมรับโปสเตอร์ และบัตรแข็งเป็นของที่ระลึกสำหรับทุกที่นั่งทุกราคาบัตรอีกด้วย

งานนี้ ยูแอนาไทย ห้ามพลาด!! คอนเสิร์ตครั้งนี้ ไอยู ทุ่มสุดตัว เทสุดใจ เตรียมทุกความพิเศษเพื่อให้แฟนๆ ทุกคนได้มาร่วมเสพความสุขไปด้วยกัน แฟนๆ ทุกคนฟิตร่างกายให้พร้อม กดบัตรให้ทัน แล้วไปสนุกด้วยกันที่งาน “2024 IU H.E.R. WORLD TOUR CONCERT IN BANGKOK” 28-29 มิถุนายนนี้ พบกัน!! รอติดตามความเคลื่อนไหวอื่นๆ เพิ่มเติมได้ที่ Facebook @imethailand, IG และ Twitter @ime_th

เสียงจากท้องทะเล…ถึงเราทุกคน ค้นพบพันธกิจของ La Mer Blue Heart

account_circle

LA MER BLUE HEART

สำหรับใครหลายคน มหาสมุทรอาจเพียงแค่กำลังส่งเสียงกระซิบเบาๆ อยู่ในฉากหลัง ซัดสาดเกลียวคลื่นอย่างเงียบๆ ไปบนชายฝั่งที่ห่างไกล แต่สำหรับ La Mer ในฐานะของแบรนด์ที่มีจุดกำเนิดจากท้องทะเลและดำรงอยู่ด้วยพลังแห่ง         การฟื้นฟูตนเองของสาหร่ายซีเคลป์ อันเป็นส่วนผสมที่เป็นหัวใจหลักของ La Mer…เรามุ่งมั่นที่จะรับฟังความต้องการของมหาสมุทรอย่างใส่ใจและปรารถนาที่จะแบ่งปันเรื่องราวของท้องทะเลสู่โลกใบนี้

FROM SEA TO SKIN

คุณค่าจากท้องทะเล…สู่ผิว

ทะเลคือจุดกำเนิดที่เราได้ค้นพบสาหร่าย Giant Sea Kelp ซึ่งสามารถปลดล็อกศักยภาพของน้ำสกัดเข้มข้น Miracle Broth™ ได้อย่างน่าอัศจรรย์ สาหร่ายซีเคลป์สีเขียวอมทองเหล่านี้ทำให้เรามีจุดมุ่งหมายที่ยิ่งใหญ่ และเพื่อเป็นการตอบแทนต่อผืนน้ำที่ทรงคุณค่า เราจึงได้ให้คำมั่นสัญญาว่าจะอุทิศตนให้กับการอนุรักษ์มหาสมุทรในทุกสิ่งที่เราทำ

สาหร่ายซีเคลป์ถือเป็นพืชที่เจริญเติบโตเร็วที่สุดชนิดหนึ่งของโลก มีคุณสมบัติพิเศษในการช่วยฟื้นบำรุงผิว และเป็นหัวใจหลักในกระบวนการผลิตน้ำสกัดเข้มข้น Miracle Broth™ โดยสาหร่ายซีเคลป์ถูกเก็บเกี่ยวด้วยกรรมวิธีการแบบยั่งยืนจากท้องทะเลที่เกาะแวนคูเวอร์

La Mer จะนำ Miracle Broth™ ที่สกัดขึ้นจากครั้งก่อน มาผสมผสานรวมกับครั้งใหม่ ด้วยเหตุผลที่จะให้สูตรยังคงความดั้งเดิมตลอดไปไม่เปลี่ยนแปลง โดย Miracle Broth™ ถือเป็นส่วนประกอบสำคัญใน Crème de la Mer และในปัจจุบัน Miracle Broth™ ยังเป็นหัวใจหลักในทุกผลิตภัณฑ์ของ La Mer

ภายใน Blue Heart Crème de la Mer รุ่นลิมิเต็ดเอดิชั่น นั้นอุดมไปด้วยส่วนผสมอันล้ำค่าจากท้องทะเล    ที่ทำให้มอยส์เจอไรเซอร์อันเป็นเอกลักษณ์ของเราเปี่ยมด้วยคุณประโยชน์ในการปลอบประโลมผิวอันเป็นตำนาน เช่นเดียวกับมอยส์เจอไรเซอร์ทรงพลังที่เป็นไอคอนของเรา มาพร้อมด้วยดีไซน์การออกแบบที่เปี่ยมด้วยความหมาย อันควรค่าแก่การสะสมซึ่งได้แรงบันดาลใจจาก Giant Sea Kelp ที่สะท้อนถึงพลังแห่งการฟื้นบำรุงผิวผ่านความพริ้วไหวของคลื่นอันสวยงามบนตัวกระปุก

Blue Heart Crème de la Mer รุ่นลิมิเต็ดเอดิชั่น วางจำหน่ายในขนาด 60ml ราคา 16,100 บาท

*การซื้อ Blue Heart Crème de la Mer รุ่นลิมิเต็ดเอดิชั่น ไม่มีผลต่อการบริจาคเพื่อการกุศลของ La Mer

ในวันนี้ พืชทะเลกว่า 90% ของ La Mer มาจากแหล่งที่มาที่มีความรับผิดชอบ*
*รวมถึงสาหร่ายทะเล พืชในทะเลและริมทะเล และส่วนผสมหมักจากทะเล จากการประเมินปริมาณการซื้อในปีงบประมาณ 2021

LA MER BLUE HEART OCEANS FUND

กองทุน LA MER BLUE HEART OCEANS FUND

เรามุ่งมั่นที่จะช่วยปกป้องแหล่งที่อยู่อาศัยของสิ่งมีชีวิตในทะเลทั่วโลกด้วยความหวังที่จะทำให้มหาสมุทรแห่งนี้ยังคงอุดมสมบูรณ์สำหรับคนรุ่นต่อไปในอนาคต นั่นจึงเป็นเหตุผลที่เราก่อตั้งกองทุน La Mer Blue Heart Oceans Fund ที่จะเป็นทรัพยากรสำคัญให้เราช่วยสนับสนุนองค์กรต่างๆ ที่มีความมุ่งมั่นร่วมกันในการปกป้องมหาสมุทรของเราไว้

EARTHECHO INTERNATIONAL

OceanEcho 30X30 ซึ่งเป็นการริเริ่มของ EarthEcho มีเป้าหมายเพื่อสร้างการเคลื่อนไหวของเยาวชนจากทุกมุมโลกที่รวมตัวกันเพื่อช่วยปกป้อง 30% ของมหาสมุทรของเราให้ได้ภายในปี 2030 โดยภูมิภาคหลักที่มุ่งเน้นในโครงการนี้ ได้แก่ หมู่เกาะกาลาปากอส แอนตาร์กติกา ชายฝั่งแคลิฟอร์เนีย และตะวันออกเฉียงใต้ของฟลอริดา นอกจากนี้ เรายังเปิดตัวแคมเปญ Future in the Bag ที่เป็นการทำงานร่วมกับชุมชนในท้องถิ่นทั่วทั้งสหรัฐอเมริกาเพื่อลดการใช้ถุงพลาสติก               อีกด้วย

GREENWAVE

GreenWave มุ่งสร้างสมดุลให้กับโมเดลการทำฟาร์มแบบหมุนเวียนในมหาสมุทรทั่วอเมริกาเหนือด้วย            การร่วมมือกับชาวประมง กลุ่มชนพื้นเมือง และชุมชนชายฝั่งที่ขาดแคลนทรัพยากรซึ่งได้รับผลกระทบโดยตรงจากการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ ทุนสนับสนุนจากเราจะช่วยให้ชุมชนในท้องถิ่นบรรลุเป้าหมายในการปลูกพืชเพื่อฟื้นฟูระบบนิเวศให้ได้ถึงหนึ่งล้านเอเคอร์ในทศวรรษหน้า

“ล็อกผิวเฟรช..ด้วย La Mer Fresh Cream”

account_circle

นิยามใหม่แห่งการปรนนิบัติผิวอย่างหรูหรา: THE NEW MOISTURIZING FRESH CREAM จาก La Mer ก้าวล้ำด้วยระบบแห่งอนาคต นำคุณประโยชน์อันน่าทึ่งตรงเข้ามอบพลังแห่งการเผยผิวใหม่ที่ดูอ่อนเยาว์

เปิดตัวนวัตกรรมใหม่ของการดูแลผิวอย่างหรูหราด้วย The NEW Moisturizing Fresh Cream มอยส์เจอไรเซอร์เนื้อสัมผัสบางเบาดุจขนนก เย็นสดชื่น ให้ผิวรู้สึกเฟรชสบาย ซึ่งยังคงเปี่ยมไว้ด้วยอัตลักษณ์หนึ่งเดียวของ La Mer ที่มาพร้อมเทคโนโลยีปลอบประโลมผิว ช่วยมอบความชุ่มชื้นที่บำรุงผิวได้อย่างล้ำลึก ไม่ทำให้ผิวมัน ช่วยคงสมดุลความชุ่มชื้น มอบผิวสดชื่นน่าสัมผัส พร้อมรับมือริ้วรอยสัญญาณแห่งวัย ด้วยคุณค่าจากท้องทะเลลึก Miracle Broth™ ผสานเทคโนโลยีทรงพลังการบำรุง Moisture Matrix ที่สร้างสรรค์ Micro Web ทำหน้าที่เสมือนปราการเก็บกักความชุ่มชื้น กระจายสู่ชั้นผิว ให้ผิวสดชื่นสุขภาพดี แลดูอ่อนเยาว์เหนือกาลเวลา

เหมาะสำหรับผิวมัน ผิวขาดสมดุล ผิวขาดความกระชับและเริ่มมีปัญหาริ้วรอย .. ใช้ได้ทั้งหญิงและชาย

The NEW Moisturizing Fresh Cream ได้แรงบันดาลใจจากการศึกษาเกี่ยวกับ Exposome ที่เริ่มเป็นที่สนใจ ซึ่งเกิดจากผลรวมของปัจจัยต่างๆ ในการใช้ชีวิตของแต่ละบุคคลที่ได้รับมาโดยตลอด เช่น อาหาร ไลฟ์สไตล์ และสิ่งแวดล้อม ไปจนถึงความสัมพันธ์ของปัจจัยเหล่านั้นที่มีต่อสุขภาพโดยรวม นอกจากนี้ Exposome ยังคำนึงถึงปัจจัยอื่นๆ ทางชีววิทยาภายในอีกด้วย เช่น การอักเสบเรื้อรังและความเครียดจากปฏิกิริยาออกซิเดชั่น ซึ่งอาจทำลายผิวเมื่อเวลาผ่านไปผิวจึงเกิดการสูญเสียความชุ่มชื้นและเกิดริ้วรอยสัญญาณแห่งวัยที่มองเห็นได้ อย่างไรก็ตาม ผิวของเรามีความชาญฉลาดและสามารถปรับตัวได้ เมื่อเสริมการบำรุงจากส่วนผสมที่ช่วยปลอบประโลมผิวใน The NEW Moisturizing Fresh Cream ที่สามารถเพิ่มศักยภาพในการดูแลผิวให้สดชื่นและดูอ่อนเยาว์ขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ช่วยให้ผิวแลดูมีชีวิตชีวาและคงความสมดุลของผิวในเวลาเดียวกัน

The NEW Moisturizing Fresh Cream มีผลการทดสอบแล้วว่า

  1. ปลอบประโลมผิวที่มีรอยแดงได้ถึง 35% ในทันทีหลังใช้ไม่กี่ชั่วโมง*
  2. เพียง 2 สัปดาห์ เส้นริ้วและร่องรอยสัญญาณแห่งวัยบริเวณขมับดูลดเลือนลง ปลุกผิวให้แลดูอ่อนเยาว์ขึ้น**
  3. ไม่ทำให้ผิวมัน เก็บกักและคงสมดุลความชุ่มชื้น มอบผิวสดชื่น เบาสบายตลอดวัน
  4. รูขุมขนแลดูเล็กลง สัมผัสได้ว่าผิวดูเฟิร์ม เนียนกระชับขึ้น
  5. 77% ของผู้ชายที่ทดลองใช้ รู้สึกว่าผิวดูเแน่น เฟิร์มกระชับขึ้น***

The NEW Moisturizing Fresh Cream วางจำหน่ายทั้งหมด 3 ขนาด ได้แก่ 15ml ราคา 4,700 บาท, 30ml ราคา 9,100 บาท และ 60ml ราคา 16,700 บาท

NEW MOISTURE MATRIX TECHNOLOGY

ใหม่ เทคโนโลยี MOISTURE MATRIX

The NEW Moisturizing Fresh Cream สร้างสรรค์ขึ้นอย่างพิถีพิถันด้วยกรรมวิธีอันแม่นยำเพื่อช่วยกระจายคุณประโยชน์ในการเผยผิวใหม่ที่ดูอ่อนเยาว์อย่างทั่วถึงโดยการใช้เทคโนโลยี 3D ใหม่ เทคโนโลยีที่ก้าวล้ำนี้ใช้พลังงานในปริมาณที่เหมาะสม ซึ่งทำให้เกิดเป็นเนื้อสัมผัสคุชชั่นอุดมไปด้วยความชุ่มชื้นที่จะช่วยจุดประกายความกระจ่างใสของผิวได้อย่างล้ำลึกและให้ผิวได้ดื่มด่ำความชุ่มชื้นที่ช่วยบำรุงผิว และส่งผลให้เกิดการกระชับที่มองเห็นได้ เส้นริ้วและร่องลึกแลดูดีขึ้น ผิวรู้สึกเด้ง กระชับ และยืดหยุ่น ผิวคงความชุ่มชื้นได้ยาวนานตลอดทั้งวันและสามารถรับมือกับสภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนแปลงไปเพื่อความเบาสบายและความกระจ่างใสของผิวได้

MIRACLE BROTH™ RESEARCH

Miracle Broth™ ใน The NEW Moisturizing Fresh Cream ช่วยคงสมดุลของระดับน้ำมันในผิว คงสมดุลให้ปราการปกป้องผิว และส่งเสริมความชุ่มชื้นของผิว นอกจากนี้ Miracle Broth™ ยังช่วยปกป้องผิวจากการสูญเสียความชุ่มชื้น ที่อาจทำให้ผิวระคายเคือง และช่วยให้ผิวคงสมดุล และในท้ายที่สุดจะช่วยให้ผิวมุ่งเน้นเรื่องผิวที่ดูกระจ่างใส นอกจากคุณประโยชน์เหล่านี้ของ Miracle Broth™ แล้ว สูตรที่ทรงพลังการบำรุงยังมีคุณประโยชน์จาก Lime Tea ที่เป็นแหล่ง antioxidant อันเป็นเอกสิทธิ์ของเรา ซึ่งจะช่วยเติมเต็มคุณประโยชน์ของ Miracle Broth™ ให้สมบูรณ์แบบยิ่งขึ้นและปกป้องผิวจากสภาพแวดล้อมและมลภาวะ

ด้วยเนื้อครีมที่เบาสบายและชุ่มชื้นจะช่วยปลอบประโลมผิวอย่างหรูหราในทันทีที่ใช้ ในทุกสัมผัส ปรากฏการณ์แห่งคลื่นของส่วนผสมอันทรงคุณค่าจะช่วยให้ผิวสุขภาพดี สดชื่น และเปล่งประกาย ทั้งยังเหมาะสำหรับทุกสภาพผิว รวมถึงผิวที่บอบบาง ผิวมัน และผิวที่ขาดสมดุลอีกด้วย

เพราะชื่อนี้มีที่มา! เปิดแรงบันดาลใจ 3 กระเป๋ารุ่นฮิตของ Hermès

Alternative Textaccount_circle

รู้หรือไม่! ว่าชื่อ BIRKIN, KELLY และ CONSTANCE ของ กระเป๋า Hermès มีที่มาอย่างไร เราจะมาไขข้อสงสัยนี้ไปพร้อมกัน

Hermès คงเป็นหนึ่งกระเป๋าในฝันของหลายๆ คนไม่ว่าจะรุ่นฮิตอาทิ BIRKIN, KELLY, CONSTANCE หรือรุ่นใหม่อย่าง EVELYNE, LINDY, PICOTIN และ GETA ถ้าได้มาครอบครองคงเหมือนบรรลุเป้าหมายหนึ่งอย่างในชีวิต แต่ทุกคนพอรู้ไหมคะว่า ชื่อรุ่นของกระเป๋าที่เราเรียกกันอยู่ต่างได้รับแรงบันดาลใจมาจากเหตุการณ์สำคัญที่เกิดขึ้น บทความนี้เราจึงขอหยิบ 3 รุ่นฮิตมาเผยที่มาของชื่อให้รับรู้ไปด้วยกัน

เริ่มต้นด้วยกระเป๋ารุ่นที่ใครก็นึกถึงเมื่อพูดชื่อ Hermès นั่นคือ BIRKIN กระเป๋าถือทรงสี่เหลี่ยมสุดหรูหราที่เปลี่ยนวัสดุไปตามซีซั่นต่างๆ รวมถึงหนัง Exotic ที่เป็น Wishlist ใครหลายคน ซึ่งที่มาของชื่อรุ่นกระเป๋าใบนี้มาจากนักร้องอย่าง Jane Birkin ทำกระเป๋าตกบนเครื่องบินจนข้าวของในกระเป๋าหล่นเกลื่อน ทำให้ผู้บริหาร Hermès ที่นั่งอยู่ข้างๆ ออกแบบกระเป๋าใบดังกล่าวขึ้นมาโดยให้มีตัวล็อคแบบมิดชิด และขอยืมนามสกุลอย่าง Birkin มาตั้งเป็นชื่อรุ่นนี้นั่นเอง

รุ่นที่สอง KELLY ใบน้องสาว BIRKIN ที่ดูเหมือนเกือบจะกล้ายกัน แต่รุ่นนี้สามารถสะพาย Crossbody ได้โดยไม่ต้องกังวล พูดง่ายๆ คือมีความ Practical กว่านั่นเอง ในส่วนที่มากระเป๋าถูกเปลี่ยนชื่อตามเจ้าหญิง Grace Kelly แห่งโมนาโก หลังจากที่พระองค์ถือกระเป๋าใบนี้เพื่อปิดบังครรภ์ของตัวเอง แต่ก็ไม่พ้นสายตาของนักข่าวที่สามารถเก็บรูปและนำไปเผยแพร่จนกระเป๋ารุ่นดังกล่าวกลายเป็นที่นิยม

และสุดท้ายหากเทียบจากสองใบก่อน เรียกว่าเป็นน้องใหม่ก็คงได้กับ ‘CONSTANCE’ กระเป๋าสายทรงสี่เหลี่ยมที่โดดเด่นสะดุดตาด้วยอะไหล่อาฟาเบตตัว ‘H’ ซึ่งชื่อรุ่นที่ว่าตั้งขึ้นเพื่อเป็นเกียรติแก่ลูกสาวคนที่ 5 ของ Catherine Chaillet ดีไซเนอร์ผู้ออกแบบกระเป๋ารุ่นดังกล่าว


ภาพ: Hermès

ส่งตรงจากรันเวย์! เปิดกระเป๋า BALENCIAGA RODEO ของ พีพี กฤษฏ์

Alternative Textaccount_circle

เอาอยู่ทุกสไตล์ไม่ว่าจะเรียบๆ หรือจัดเต็ม! ซูมอินกระเป๋า ‘BALENCIAGA RODEO
ของ พีพี กฤษฏ์ ไอเท็มต้องมีสำหรับสายแฟ(ชั่น)

เห็นแฟชั่นของ พีพี กฤษฏ์ ทีไรเป็นต้องเคาะทุกที เพราะสไตล์การแต่งตัวที่โดดเด่น สามารถมิกซ์แอนด์แมตช์และสามรถนำเสนอไอเท็มทุกชิ้นออกมาได้เป็นอย่างดีจะให้เขาขึ้นชื่อว่าเป็นแฟชั่นนิสต้าอันดับต้นๆ ของเมืองไทยก็ไม่แปลก อีกทั้งยังเป็นถึง Brand Ambassador ของ BALENCIAGA ถ้าเรื่องสไตล์เก๋ๆ ไม่เชื่อเขาแล้วจะไปเชื่อใคร

ล่าสุดมีไอเท็มใหม่ที่น่าจับตามองปรากฏอยู่ในลุคของ พีพี กฤษฏ์ ขณะไปเยือน Paris Fashion Week 2024 นั่นคือ กระเป๋าใบยักษ์ชื่อว่า BALENCIAGA RODEO BAG ที่โดดเด่นด้วยชาร์มห้อยซิกเนเจอร์มากมาย

กระเป๋ารุ่นดังกล่าววางจำหน่ายตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ 2024 ทั้งในสโตร์และบนเว็บไซต์ โดยกระเป๋า Balenciaga รุ่น  Rodeo ได้รับแรงบันดาลใจมาจากชื่อถนนของย่านช็อปปิ้งสินค้าแฟชั่นลักชัวรีที่มีชื่อเสียงใน Beverly Hills อย่าง Rodeo Drive 

ส่วนดีไซน์มาพร้อมกับรูปทรงที่เป็นเอกลักษณ์สามารถสะพายได้หลายรูปแบบ เพราะรูปทรงอสมมาตรทำให้สะดวกต่อการใช้งาน โดยช่องหน้าของกระเป๋าถูกดีไซน์ให้เปิดออกได้อย่างอิสระ เสริมด้วยกระดุมด้านข้างทำให้เกิดเอฟเฟคการพับแบบแอคคอร์เดียน ซึ่งเป็นตัวช่วยให้สามารถขยายขนาดกระเป๋าตามต้องการของผู้ใช้

กระเป๋ารุ่น Rodeo รังสรรค์ขึ้นจากหนังลูกวัวอันประณีต ซึ่งอาศัยความเชี่ยวชาญในกรรมวิธีการทำฟอกสี การตกแต่งและการตัดเย็บที่ประณีต หนังที่นุ่ม เรียบและประณีตแสดงออกให้เห็นเสน่ห์ความเป็นธรรมชาติที่งดงามอย่างไร้ที่ติ กระเป๋ารุ่น Rodeo มาพร้อมช่องเก็บของขนาดใหญ่สองช่อง ซึ่งด้านในของกระเป๋าบุด้วยหนังแกะและช่องกระเป๋าติดกันสองช่องที่ด้านหลัง มีขนาดตั้งแต่เล็ก กลาง และใหญ่ ในหนังสีดำ สีเทา หรือสีขาว พร้อมด้วยฮาร์ดแวร์โลหะสีทองหรือสีเงิน

อีกทั้งยังมีรุ่นสำหรับนักสะสมที่มาพร้อมกับชาร์มตกแต่งกระเป๋า ที่ประกอบไปด้วยซิกเนเจอร์ไอเท็มมากมาย อาทิ กระจกกรอบหนังรูปหัวใจ เซตคาราไบเนอร์รูปหัวใจ โซ่พร้อมล็อกเก็ตและกุญแจ จี้สไตล์ของที่ระลึก สนนราคาอยู่ที่ 4,500 € หรือประมาณ 176,000 บาท


ภาพ: BALENCIAGA

3 ลุคโดดเด่นสไตล์เดนิมของ Asian Rising Talent ในแคมเปญ Calvin Klein Jean

account_circle

Calvin Klein เปิดตัวแคมเปญ Calvin Klein Jean Spring 2024 รังสรรค์ผลงานด้วยเอกลักษณ์อันโดดเด่นและสไตล์สุดไอคอนิก ที่จะทำให้เดนิมกลายเป็นผืนผ้าใบให้ผู้สวมใส่ได้วาดลวดลายแสดงความเป็นตัวตนออกมาถ่ายทอดโดย 3 ไลน์อัพ Asian Rising Talent ไบร์ท วชิรวิชญ์ มาร์ค ต้วน และ ใหม่ ดาวิกา

ไบรท์ วชิรวิชญ์ มาพร้อมกับเสน่ห์และความมั่นใจเต็มเปี่ยม สวมใส่ไอเท็มที่สะท้อนความคลาสสิกบวกกับความโมเดิร์นและความสดใสแบบวัยรุ่นอย่างกางเกงยีนส์ขากระบอกยุค 90 (90’s Straight) และกางเกงยีนส์ขากระบอกรุ่น Authentic Straight

มาร์ค ต้วน มาพร้อมกับลุคสบายๆ แต่แฝงความเท่ กับกางเกงยีนส์รุ่น 37.5 Body รุ่น Body Taper และ Modern Taper

ใหม่ ดาวิกา มาพร้อมกับกางเกงยีนส์รุ่น Body 5 Pocket Ankle และกางเกงยีนส์เอวสูงรุ่น High Rise Flare เผยสไตล์เรียบโก้แต่ดูน่าหลงใหลไปพร้อมๆกัน


ตรวจสุขภาพร่างกายแบบ Anti-Aging คืออะไร? ต่างจากตรวจสุขภาพทั่วไปอย่างไร

ตรวจสุขภาพร่างกายแบบ Anti-Aging คืออะไร? ต่างจากตรวจสุขภาพทั่วไปอย่างไร

Alternative Textaccount_circle
ตรวจสุขภาพร่างกายแบบ Anti-Aging คืออะไร? ต่างจากตรวจสุขภาพทั่วไปอย่างไร
ตรวจสุขภาพร่างกายแบบ Anti-Aging คืออะไร? ต่างจากตรวจสุขภาพทั่วไปอย่างไร

คิดว่าตัวเองดูแลสุขภาพร่างกายดีหรือยัง? เพราะสุขภาพดีเริ่มได้ที่ตัวเรา อยากได้สุขภาพดี ต้องดูแลร่างกายให้ดี ช่วงต้นปีควรมาตรวจสุขภาพประจำปีกัน เพราะในแต่ละปีเราใช้ร่างกายกันหักโหม อยากตอบแทนร่างกายให้อยู่กับเราไปนานๆ ก็ต้องบำรุงรักษากันหน่อย

และในปัจจุบันนอกจากจะตรวจสุขภาพประจำปีทั่วไปแล้ว บางคนนั้นมีการตรวจสุขภาพในแบบ Anti-Aging เพิ่มมากขึ้น ซึ่งการตรวจทั้ง 2 แบบมีการตรวจเหมือนหรือแตกต่างกันอย่างไรบ้าง การตรวจสุขภาพทั่วไป เป็นการตรวจหาความผิดปกติของร่างกาย ว่ามีแนวโน้มหรือมีความเสี่ยงที่จะเกิดโรคอะไรบ้าง หรือมีโรคเกิดขึ้นแล้วค่อยทำการรักษา

แต่การตรวจทาง Anti-Aging เป็นการตรวจหาความผิดปกติก่อนที่จะเกิดโรค เพียงแค่มีอาการหรือความเสื่อมเกิดขึ้น เช่น อ่อนเพลียเรื้อรัง นอนไม่หลับ ความจำแย่ลง หรือสมรรถภาพทางเพศไม่ดีเหมือนเดิม ไม่จำเป็นต้องรอให้เกิดโรคก่อนแล้วค่อยมาตรวจ หรือไม่มีอาการอะไรก็สามารถมาตรวจได้ เพื่อเป็นการดูแลสุขภาพเชิงรุก จะมีการตรวจลึกถึงระดับเซลล์ เช่น ตรวจระดับสารเคมี สารอาหาร สารต้านอนุมูลอิสระในร่างกาย ฮอร์โมน ตรวจดูสมดุลของจุลินทรีย์ในร่างกาย เป็นต้น ซึ่งจะทำให้สามารถค้นพบสาเหตุของอาการเสื่อมหรือความชราได้ตั้งแต่ระยะเริ่มต้น ก่อนที่จะเกิดโรคหรือมีความผิดปกติในร่างกาย และยังช่วยลดโอกาสเกิดโรคร้ายแรง เช่น โรคหลอดเลือดสมอง โรคมะเร็ง โรคหัวใจ เป็นต้น

หลายคนคงเคยได้ยินเรื่องการตรวจยีน การตรวจยีนเป็นหนึ่งในการตรวจแบบ Anti Aging เป็นการตรวจดูรหัสพันธุกรรมหรือ DNA ที่ประกอบมาเป็นร่างกายแต่ละบุคคล ซึ่งสามารถใช้บ่งเอกลักษณ์ตัวบุคคลได้ นอกจากนี้ยังสามารถใช้บอกข้อมูลด้านสุขภาพได้ในหลายแง่ด้วยกัน ได้แก่

  • ความเสี่ยงในการเกิดโรค เช่น มะเร็ง เบาหวาน โรคหัวใจ โรคหลอดเลือดสมอง สมองเสื่อม เป็นต้น
  • การตอบสนองต่อยา โอกาสในการแพ้ยา การเกิดผลข้างเคียง
  • ช่วยการวางแผนคัดกรองโรคที่สามารถถ่ายทอดทางพันธุกรรม เพื่อการวางแผนครอบครัวได้
  • การวินิจฉัยโรคทางพันธุกรรมที่วินิจฉัยได้ยาก
  • ปัจจัยทางพฤติกรรมและสิ่งแวดล้อมที่ส่งผลต่อสุขภาพ

ซึ่งข้อมูลด้านยีนส์หรือพันธุกรรม สามารถนำมาใช้ประกอบกับการตรวจสุขภาพด้านอื่นๆ ทำให้แพทย์ได้ข้อมูลที่ตรงจุด ช่วยในการวางแผนดูแลสุขภาพ และเหมาะสมสำหรับแต่ละบุคคล ที่จะช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดโรค วางแผนการดำรงชีวิตอย่างเหมาะสม

ทั้งนี้ แนะนำว่าควรตรวจสุขภาพประจำปีทั่วไป และการตรวจแบบ Anti-Aging ทั้ง 2 อย่างควบคู่กัน เนื่องจากเป็นการตรวจคนละแบบกัน ไม่สามารถทดแทนกันได้ ซึ่งการนำข้อมูลทั้ง 2 ด้านมาประกอบกับ ก็จะยิ่งช่วยให้การวินิจฉัยแม่นยำมากยิ่งขึ้น เพื่อการมีสุขภาพดีและอายุที่ยืนยาว

ข้อมูล: พญ.กฤดากร เกษรคำ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญจาก Addlife Total Check Up Center ชั้น 1 ไลฟ์เซ็นเตอร์ (คิวเฮ้าส์ ลุมพินี)
ภาพ: Pexels


ซูมอิน 2 แว่นตา Saint Laurent คีย์ไอเท็ม 4 ลุคไวรัลของ โรเซ่ BLACKPINK

Alternative Textaccount_circle

กลายเป็นซิกเนเจอร์ไปโดยปริยาย! เมื่อ ‘โรเซ่ BLACKPINK‘ สวมแว่นตากันแดดในลุคออกงานจนไวรัลไปทั้งโซเชียล

ช่วงนี้ดูเหมือนศิลปินสุดฮ็อตของเรา ‘โรเซ่ BLACKPINK’ Global Ambassador ประจำ Saint Laurent จะอินกับการใส่แว่นตากันแดดเป็นพิเศษจนเกือบกลายเป็นลุคประจำตัวเมื่อต้องไปร่วมงานสำคัญไม่ว่าจะ Vanity Fair Oscar Party ที่เพิ่งผ่านไป หรือ Paris Fashion Week Fall/Winter 2024 ที่เธอไปเยือนมาไม่นานมานี้ก็เหมือนว่าคีย์ไอเท็มจะอยู่ที่แว่นตาสีดำที่เธอสวมใส่

โดยรุ่นที่ปรากฏอยู่ทั้ง 3 ลุค มีชื่อว่า ‘SL 461 BETTY‘ แว่นดีไซน์สี่เหลี่ยมที่เหมาะกับคนใบหน้ากลม, รูปไข่ และหัวใจ ซึ่งกรอบแว่นทำมาจากอะซิเตทและเลนส์แว่นจากไนลอน สนนราคา 16,600 บาท หากได้นำมาแมตช์ลุคต้องกลายเป็นเซเลบริตี้ท่านหนึ่งแน่นอน!

ส่วนในลุคต่อมาโรเซ่สวมแว่นตารุ่น ‘SL 633 CALISTA‘ มาพร้อมกับดีไซน์ Cat-Eye ซึ่งความพิเศษอยู่ที่สมารถลบความเหลี่ยมของใบหน้าลงได้ สำหรับเลนส์มาในวัสดุจากอะซิเตทและไนลอน โดยในปัจจุบันไม่มีให้สั่งบนเว็บไซต์ออนไลน์แต่ต้องไปซื้อถึงที่ช็อปเท่านั้น แถมประเทศไทยก็ยังหมดทุกสาขาอีกด้วย ดูเหมือนว่าจะเป็นไอเท็มฮ็อตจริงๆ ใครมีไว้ในครอบครองอยู่คงโชคดีเป็นไหนๆ เลยค่ะ


ภาพ: Saint Laurent และ Instagram @roses_are_rosie

“The First Omen กำเนิดอาถรรพ์หมายเลข” 4 เมษายนนี้ ในโรงภาพยนตร์

account_circle

ลิงก์ตัวอย่าง: https://www.youtube.com/watch?v=BZhlu3E24w0

ชมตัวอย่างภาพยนตร์และโปสเตอร์ภาพยนตร์สยองขวัญจาก 20th Century Studios เรื่อง “The First Omen กำเนิดอาถรรพ์หมายเลข 6” ภาพยนตร์ซึ่งถ่ายทอดเรื่องราวภาคก่อนของแฟรนไชส์ภาพยนตร์สยองขวัญคลาสสิก เตรียมพบกับความหลอนพร้อมกัน 4 เมษายน 2024 นี้ในโรงภาพยนตร์ทั่วประเทศ

เมื่อหญิงสาวชาวอเมริกันถูกส่งไปยังกรุงโรมเพื่อเริ่มชีวิตรับใช้ศาสนจักร เธอได้พบเจอความดำมืดที่ทำให้เธอเริ่มกังขาในศรัทธาของตัวเอง เมื่อเธอล่วงรู้แผนการลับสุดสยองขวัญที่หวังจะฟื้นคืนชีพปีศาจร้ายขึ้นมาอีกครั้ง ภาพยนตร์ “The First Omen กำเนิดอาถรรพ์หมายเลข 6” นำแสดงโดย เนล ไทเกอร์ ฟรี (จาก “Servant”) ทอว์ฟีค บาร์ฮอม (จาก “Mary Magdalene”) โซนียา บรากา (จาก “Kiss of the Spider Woman”) ราล์ฟ อีนสัน (จาก “The Northman”) และ บิลล์ ไนฮีย์ (จาก “Living”)

ภาพยนตร์เรื่องนี้กำกับโดยอาร์คาชา สตีเวนสัน จากตัวละครที่สร้างสรรค์โดย เดวิด เซลท์เซอร์ (จาก “The Omen”) ผ่านเรื่องราวที่ถ่ายทอดโดย เบน จาโคบี้ (จาก “Bleed”) และบทภาพยนตร์โดย ทิม สมิธ และอาร์คาชา สตีเวนสันและคีธ โทมัส (จาก “หนูน้อยพลังเพลิง” (Firestarter)) อำนวยการสร้างโดย เดวิด เอส. โกเยอร์ (จาก “Hellraiser”) และ คีธ เลอวีน (จาก “The Night House”) โดยมี ทิม สมิธ, วิทนีย์ บราวน์ (จาก “Rosaline”) และเกรซีย์ วีแลนนั่งแท่นผู้อำนวยการสร้างฝ่ายบริหาร

“Da Vinci Alive Bangkok” กลับมามีชีวิตอีกครั้ง วันนี้ – 31 กรกฎาคม 2567

account_circle

Grande Experiences ผู้สร้างและผู้ผลิตเจ้าของลิขสิทธิ์ Monet & Friends Alive ร่วมกับ Live Impact Events ผู้ถ่ายทอดและนำเสนอประสบการณ์ระดับโลก และ ไอคอนสยาม แลนด์มาร์กระดับโลกริมแม่น้ำเจ้าพระยา ผนึกกำลังสร้างปรากฏการณ์ครั้งสำคัญ อีกครั้งกับนิทรรศการแสดงผลงานศิลปะดิจิทัลอิมเมอร์ซีฟระดับโลก “Da Vinci Alive Bangkok” (ดา วินชี อะไลฟ์ แบงคอก) ซึ่งจัดขึ้นครั้งแรกในประเทศไทย สมบูรณ์ที่สุดในเอเชีย และละเอียดครบถ้วนที่สุดในโลก โดยความร่วมมือกับพิพิธภัณฑ์เลโอนาร์โด ดา วินชี (Museo Leonardo da Vinci) ในกรุงโรม และผู้เชี่ยวชาญที่มีชื่อเสียงจากอิตาลีและฝรั่งเศส พร้อมนำทุกคนก้าวเข้าสู่โลกอันชวนให้หลงใหลของสุดยอดปรมาจารย์แห่งยุคฟื้นฟูศิลปะวิทยาการ (Renaissance) อัจฉริยะที่ยิ่งใหญ่ที่สุดตลอดกาล เพื่อเฉลิมฉลองมรดกทางอัจฉริยภาพของเลโอนาร์โด ดา วินชี ผ่านประสบการณ์ที่ไม่มีใครเทียบได้

ครั้งแรกในประเทศไทย! ร่วมสัมผัสและเปิดประสบการณ์การรับชมนิทรรศการในรูปแบบ Immersive Exhibition ที่เจาะลึกและครอบคลุมมากที่สุดในโลก ผู้ชมจะได้รับแรงบันดาลใจจากวิธีคิดเชิงวิทยาศาสตร์ ความคิดสร้างสรรค์ และการคิดเชิงเทคนิคที่พบได้ในผลงานชิ้นเอก สิ่งประดิษฐ์ บันทึกโบราณ และภาพวาดของปรมาจารย์ยุคเรอเนซองส์ และร่วมดื่มด่ำกับผลงานอันทรงคุณค่าของเลโอนาร์โดที่ส่งอิทธิพลต่อหลากหลายแขนงวิชา ตั้งแต่วิทยาศาสตร์ไปจนถึงศิลปะ วิศวกรรมศาสตร์ และคณิตศาสตร์ ในขณะเดียวกันก็เป็นแบบอย่างของการคิดค้นสิ่งใหม่และตั้งคำถามกับโลกรอบตัวเรา จัดแสดงให้รับชม ตั้งแต่วันที่ 15 มีนาคม – 31 กรกฎาคม 2567 บนพื้นที่กว่า 4,600 ตารางเมตร ณ Attraction Hall ชั้น 6 ไอคอนสยาม โดยนิทรรศการศิลปะดิจิทัลอิมเมอร์ซีฟ “Da Vinci Alive Bangkok ครั้งยิ่งใหญ่นี้ จัดแสดงหลักการทางวิทยาศาสตร์และศิลปะที่ก้าวล้ำของเลโอนาร์โด ดา วินชี ซึ่งประกอบด้วยสิ่งประดิษฐ์ที่เป็นเครื่องจักรขนาดใหญ่ แกลเลอรีที่ใช้เทคนิคการฉายภาพ Immersive Projection ที่ชวนหลงใหล การจำลองการศึกษาด้านกายวิภาคที่เลโอนาร์โดได้รับการยกย่อง ตลอดจนภาพวาดที่ชื่อ Battle of Anghiari และศิลปะเรอเนซองส์อันโด่งดัง แบ่งพื้นที่จัดแสดงภายใต้ธีมต่างๆ มากกว่า 17 ธีม สิ่งประดิษฐ์ที่เป็นเครื่องจักรขนาดใหญ่มากกว่า 75 ชิ้นงาน รวมผลงานอันวิจิตรงดงามกว่า 200 ชิ้น โดยแบ่งเป็น 3 โซนหลัก เพื่อให้สัมผัสความเป็นศิลปินได้อย่างเต็มอิ่ม ดังนี้

  • โซนแรก อัจฉริยะแห่งการสร้างสรรค์ (The Genius of Creation) ก้าวแรกเป็นการทำความรู้จักกับ เลโอนาร์โด ดา วินชี ผ่านชิ้นงานที่ถือเป็นไฮไลต์ของศิลปิน ได้แก่ ตำราโบราณโคเด็กซ์, การศึกษาเครื่องจักรกลการบิน, ไฮดรอลิกส์และเครื่องจักรทางน้ำ, วิศวกรรมทางการทหาร, มนุษย์วิทรูเวียน (The Vitruvian Man), เครื่องจักรกลโยธา, เครื่องดนตรี เลนส์ และเวลา, หลักการฟิสิกส์และกลศาสตร์, การตีความ Da Vinci Alive, ภาพเขียนเลโอนาร์โด ดา วินชี, พระกระยาหารมื้อสุดท้าย (The Last Supper), สงครามอังกีอารี (Anghiari Battle), ประติมากรรมรูปม้า และโรงหนังดา วินชี (Da Vinci Theatre)
  • ก้าวต่อไปยังพื้นที่แสดงงานในโซนที่ 2 พบกับการเปิดเผยความลับของศิลปะอันเลื่องชื่อของ เลโอนาร์โด ดา วินชี กับ “ความลับของโมนาลิซ่า” (The Secrets of the Mona Lisa) ซึ่งถือเป็น การเปิดเผยความลับของโมนาลิซ่า เปิดตัวครั้งแรกในประเทศไทย

ในช่วงปลายปี 2004 พาสคาล คอตต์ (Pascal Cotte) วิศวกรเชิงวิทยาศาสตร์และนักวิเคราะห์งานศิลปะชาวฝรั่งเศส เป็นคนแรกที่ได้รับอนุญาตจากรัฐบาลฝรั่งเศสและพิพิธภัณฑ์ลูฟร์ เพื่อทำการวิเคราะห์ทางวิทยาศาสตร์เกี่ยวกับภาพวาดโมนา ลิซา (Mona Lisa) โดยนิทรรศการ The Secrets of Mona Lisa หรือ ความลับของโมนา ลิซา นำเสนอภาพเขียนอันโด่งดังให้ได้รับชมอย่างใกล้ชิด ผู้ชมจะได้สัมผัสประสบการณ์การขยายและวิเคราะห์ภาพและอธิบายโดยละเอียดถึงความลับที่ทำให้ภาพสุดพิเศษนี้เป็นที่พูดถึงอย่างมาก มีภาพขยายกว่า 40 เท่าในความละเอียดสูงสุด ซึ่งทำการวิจัยและบันทึกโดยคอตต์รวมถึงภาพพิมพ์อินฟราเรดสูง 4 เมตร (13 ฟุต) และการเปิดเผยความลับครั้งแรกของโลกเกี่ยวกับภาพวาดที่สูญหายไปที่อยู่เบื้องหลังภาพวาดโมนาลิซาในปัจจุบัน พร้อมอธิบายว่าเลโอนาร์โด ดา วินชี วาดภาพโมนาลิซาออกมาอย่างไร รวมถึงเทคนิค ความคิด และการเตรียมการของลีโอนาร์โดในการวาดภาพโมนา ลิซา รวมถึงการปรับแต่งของภาพโดยลีโอนาร์โด และตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา การตรวจสอบผลกระทบของน้ำมันเคลือบเมื่อเวลาผ่านไป แสดงสีดั้งเดิมของภาพโมนา ลิซาในปี ค.ศ.1506 รูปจำลอง 360 องศาที่เดียวในโลก การจัดแสดงผลลัพธ์แสนมหัศจรรย์ของการผสมผสานระหว่างวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี ศิลปะ และวัฒนธรรม ไทม์ไลน์ที่มาของภาพโมนา ลิซา และประวัติอันมีสีสันของเธอ งานวิเคราะห์เชิงวิทยาศาสตร์ของวิธีการวาดแบบสโฟมาโต โดยลีโอนาร์โอ และหลักฐานชิ้นใหม่ที่น่าทึ่งที่พิสูจน์ว่าโมนาลิซาไม่ใช่คนอย่างที่เราคิด

  • ต่อเนื่องด้วยโซนที่ 3 พบกับ ความงามของยุคเรอเนซองส์ของอิตาลี (Beauty of Italian Renaissance)
    การเดินทางที่เต็มไปด้วยมนต์เสน่ห์แห่งยุคศิลปะและวัฒนธรรมที่มีคุณค่าที่สุดในประวัติศาสตร์
    Italian Renaissance Alive เป็นส่วนหนึ่งของนิทรรศการที่จะพาผู้ชมย้อนกลับไปสัมผัสกับความรุ่มรวยตลอดยุคเรอเนซองส์ ซึ่งเริ่มตั้งแต่ศตวรรษที่ 14 ถึง 17 ซึ่งเป็นยุคที่มีอิทธิพลทางศิลปะและวัฒนธรรมของโลก เมื่อก้าวเข้าไปสัมผัสประสบการณ์อิมเมอร์ซีฟในดิจิตอลแกลเลอรี ผู้เข้าชมจะค้นพบและเข้าใจถึงเรื่องราวของศิลปะ วัฒนธรรม สถาปัตยกรรม ประติมากรรม และวรรณกรรมของยุคนั้นซึ่งส่งผลและมีอิทธิพลต่ออารยธรรมในยุคต่อๆ มาเป็นอย่างมาก

นอกจากนี้ ยังได้สัมผัสกับผลงานชิ้นเอกหลายร้อยชิ้นจากเหล่าศิลปินและประติมากรที่มีชื่อเสียงทั่วโลก เช่น
Michelangelo, Leonardo, Botticelli, Caravaggio, Raphael, Titian, Veronese และอีกมากมาย ผลงานที่โดดเด่น
เหล่านี้ เช่น โบสถ์ Sistine ที่น่าทึ่งของ Michelangelo, ภาพวาด Mona Lisa และ The Last Supper ของ Leonardo
da Vinci และ Birth of Venus อันโด่งดังของ Botticelli ล้วนถูกทำให้มีชีวิตขึ้นมาผ่านการนำเสนอด้วยระบบดิจิทัลอัน
น่าทึ่ง ประสบการณ์ดังกล่าวถูกทำให้น่าสนใจมากขึ้นด้วยโน้ตเพลงโอเปร่าอันทรงพลัง ซึ่งมีผลงานของปุชชินี
(Puccini) และแวร์ดี (Verdi) ซึ่งช่วยเติมเต็มเรื่องราวความคิดสร้างสรรค์ได้อย่างสมบูรณ์แบบ

ร่วมเป็นส่วนหนึ่งของประสบการณ์สุดพิเศษกับนิทรรศการศิลปะดิจิทัลอิมเมอร์ซีฟระดับโลก Da Vinci Alive Bangkok
สุดยิ่งใหญ่ได้ ตั้งแต่วันนี้ – 31 กรกฎาคม 2567 ณ Attraction Hall ชั้น 6 ไอคอนสยาม เปิดจำหน่ายบัตรแล้ววันนี้ที่
Thai Ticket Major หรือ https://www.liveimpact-event.com/davinci/ ราคาบัตร VIP 1,580 บาท, บัตรทั่วไป 1,080
บาท และบัตรนักเรียน/นักศึกษา 480 บาท สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม โทร.1338 หรือ Facebook : ICONSIAM

นาฬิกาสายลุย! เจาะดีเทล 8 เรือนเวลาที่คนรักการผจญภัยต้องมี

Alternative Textaccount_circle

Swatch POWER OF NATURE นาฬิกาคอลเล็คชั่นใหม่ด้วยแรงบันดาลใจจากพลังของธรรมชาติอันยิ่งใหญ่
สู่งานดีไซน์บนข้อมือของคุณในนวัตกรรมวัสดุ BIOCERAMIC และสเตนเลสสตีล

Swatch เปิดตัวคอลเล็คชั่น Swatch POWER OF NATURE ที่ได้รับแรงบันดาลใจจากการผจญภัยในธรรมชาติอันแสนยิ่งใหญ่ ส่งมอบความอัศจรรย์และความงดงามของธรรมชาติสู่ข้อมือของคุณ ผ่านนาฬิกาทั้ง 8 เรือน ที่มีดีไซน์น่าตื่นเต้นเร้าใจ พร้อมลูกเล่นมากมาย

โดยคอลเล็คชั่นดังกล่าวโดดเด่นด้วยนวัตกรรมงานออกแบบดีเทลและผิวสัมผัสที่ไม่เหมือนใคร ทั้งบนหน้าปัดและสายนาฬิกา ยกระดับทุกสไตล์ในแบบของคุณด้วยการผสมผสานการใช้งานร่วมกับความสวยงามอย่างลงตัว เหนือกว่าด้วยคุณภาพการผลิตจากประเทศสวิสเซอร์แลนด์ (Swiss-Made Quality) กันน้ำ ทนทาน สวมใส่สบาย และยังมาพร้อมกับคุณสมบัติการใช้งานที่ออกแบบมาโดยเฉพาะ ซึ่งทั้งหมดจะถูกแบ่งเป็น 4 คอนเซ็ปต์ใหญ่ คือ

WATERFALLS

SPLASH DANCE > นาฬิกาโมเดล SKIN IRONY สเตนเลสสตีลเรือนบางพร้อมดีไซน์หน้าปัดสีน้ำเงิน 3 มิติ ลาย “หยดน้ำ” อันเป็นเอกลักษณ์ ด้วยการเชื่อมกันของเส้นประอย่างต่อเนื่อง ทำให้เกิดการเคลื่อนไหวของสายน้ำที่สมจริง ดูรวดเร็วและลื่นไหลอย่างเป็นอิสระ และยังเพิ่มความโดดเด่นด้วยโทนสีส้มและสีเขียวที่เรืองแสงได้ในที่มืด ตัวเรือนสเตนเลสสตีลขัดเงาเข้ากันกับสายนาฬิกาแบบขัดเงาปรับระดับได้ มาในราคา 7,900 บาท พร้อมกับหน้าปัดขนาด 42 มิลลิเมตร

FROZEN WATERFALL > นาฬิกาโมเดล GENT BIOCERAMIC มาพร้อมหน้าปัดสีฟ้า สะท้อนความสวยงามของน้ำตก พิมพ์ลายสีขาว ส้มและเขียวที่เรืองแสงได้ พร้อมดีเทลพื้นผิวสีน้ำเงินเมทัลลิกที่กรอบนาฬิกา ตัวเรือนพัฒนาจากนวัตกรรมวัสดุ BIOCERAMIC สีฟ้าพร้อมกระจก BIOSOURCED สายนาฬิกาสีฟ้าไล่ระดับสี เป็นตัวแทนของสายน้ำที่กำลังดำดิ่งท่ามกลางกระแสน้ำอันทรงพลัง มาในราคา 3,150 บาท พร้อมกับหน้าปัดขนาด 34 มิลลิเมตร

THE DESERT

SUNBAKED SANDSTONE > นาฬิกาโมเดล SKIN IRONY สแตนเลสเรือนบาง หน้าปัดสีเบจพิมพ์ลายนูนต่ำ แสดงถึงผิวทรายที่เรียบนิ่ง และสายนาฬิกาผ้าสีเบจ พร้อมดีเทลสามมิติที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจากลักษณะความซับซ้อนของคลื่นภูเขาทะเลทราย มาในราคา 7,650 บาท พร้อมหน้าปัดขนาด 38 มิลลิเมตร

CORAL DUNES > นาฬิกาโมเดล SKIN CLASSIC BIOCERAMIC หน้าปัดสีเบจที่มากับพื้นผิวทรายเนื้อละเอียด สะท้อนประกายความงดงามอลังการของทะเลทราย เติมความร้อนแรงด้วยพิมพ์ลายสีขาว สีดำ และสีส้มคอรัล เข้ากันอย่างลงตัวกับสายนาฬิกาที่ทำจากผ้าสีเบจ มาพร้อมกับนวัตกรรมวัสดุ BIOCERAMICในราคา 4,900 บาท พร้อมหน้าปัดขนาด 34 มิลลิเมตร

THE FOREST

BY THE BONFIRE > นาฬิกาโมเดล NEW IRONY CHRONO ที่ได้รับการดีไซน์จากธรรมชาติจนกลายมาเป็นสายนาฬิกาผ้าสีกากีอย่างลงตัว และยังมีหน้าปัดสีดำแบบเอิร์ธโทนลายนูนต่ำพร้อมดีเทลที่ออกแบบมาให้ชวนนึกถึงเถ้าถ่านในกองไฟ ใบไม้ที่ร่วงโรยตามทางตอนเดินเข้าไปในป่า และหยาดน้ำฝนที่อยู่บนใบไม้ ส่งมอบสัมผัสอันแสนอบอุ่นตอนตั้งแคมป์สู่นาฬิกาที่รวบรวมมระบบนิเวศของผืนป่าไว้ในที่เดียว มาในราคา 9,400 บาท พร้อมหน้าปัดขนาด 43 มิลลิเมตร

FALL-IAGE > นาฬิกาโมเดล BIG BOLD BIOCERAMIC ทรงโอเวอร์ไซส์ หน้าปัดโปร่งใสเคลือบเงาสีดำและสีเงินพร้อมดีเทลเรืองแสงในที่มืด ตัวเรือนทำจากนวัตกรรมวัสดุ BIOCERAMIC สีเขียวแมตต์ ตัดกับสีส้มสดใสของสายนาฬิกา ชวนนึกถึงแสงแดดอบอุ่นท่ามกลามป่าไม้อันกว้างใหญ่ มาในราคา 5,500 บาท พร้อมหน้าปัดขนาด 47 มิลลิเมตร

ICY MOUNTAINS

FROSTBLOOM > นาฬิกาโมเดล BIG BOLD IRONY เรือนใหญ่ หน้าปัดสีน้ำเงินที่ตัดสลับกันอย่างมีเอกลักษณ์ดูซับซ้อนและน่าค้นหา ชวนให้นึกถึงหน้าผาหินและภูเขาน้ำแข็งที่สูงชัน ล้อมรอบด้วยลวดลายดอกยางตัดสลับสีช่วยเสริมความโดดเด่นให้กับพื้นผิวภูเขาที่เรียบง่าย แต่หนาวเย็นจับใจ ในขณะที่ตัวเรือนที่ทำจากสเตนเลสสตีลและนวัตกรรมวัสดุ BIOCERAMIC ช่วยเสริมความแข็งแกร่งของยอดภูผา แต่มีน้ำหนักเบาพร้อมก้าวออกไปสู่โลกภายนอก ในราคา 7,900 บาท พร้อมหน้าปัดขนาด 47 มิลลิเมตร

GOOD TO GORP > นาฬิกาโมเดล NEW GENT BIOCERAMIC พร้อมกับตัวเรือนนวัตกรรมวัสดุ BIOCERAMIC สีดำเข้ากันกับหน้าปัดลายนูนต่ำโทนสีน้ำเงิน ดำ และเงิน สามารถสัมผัสได้ถึงบรรยากาศเย็นยะเยือกบนยอดเขา เพิ่มสีสันแห่งการผจญภัยเข้าไปด้วยเข็มนาฬิกาสีส้มเรืองแสงโดดเด่น มาในราคา 3,550 บาท พร้อมหน้าปัดขนาด 41 มิลลิเมตร

Unlock Your Path to Eternal Light

account_circle

PAÑPURI ขอเรียนเชิญทุกท่านเก็บสัมภาระ แพ็กกระเป๋า พร้อมออกเดินทางไปกับ PAÑPURI Sunshine Hotel Pop-Up เตรียมรับกุญแจดอกพิเศษที่จะพาคุณไขประตูไปสู่จุดหมายปลายทางสุดประทับใจ ทุกองค์ประกอบของกิจกรรมภายในโรงแรมแห่งนี้จะช่วยเชื่อมต่อระหว่างความหอมของกลิ่น Eternal Sunshine และความกระจ่างใสภายในจิตใจ เพื่อค้นพบแสงแห่งดวงอาทิตย์ที่จะจุดประกายความสุข ความสดใส และพลังบวกในตัวคุณ

กลิ่นหอมสดชื่นของ Eternal Sunshine เป็นแนวกลิ่นซิทรัส ที่ผสมผสานกลิ่นของผิวมะนาว และสมุนไพรใบกระเพรา ที่ได้แรงบันดาลใจจากแสงแดดอันอบอุ่นยามเช้า เป็นกลิ่นที่ช่วยสร้างแรงบันดาลใจ เพิ่มพลังงานที่ดี และพร้อมเปิดรับความสุขในวันใหม่ได้อย่างสดชื่น

ตั้งแต่วันนี้ถึง 31 มีนาคม 2567 ชั้น 2 ห้างสรรพสินค้า Central Embassy

NCT WISH สุดยอดน้องใหม่แห่งปี 2567 แห่งค่าย SM Entertainment

Alternative Textaccount_circle

เดบิวต์พร้อมพิสูจน์ให้เห็นถึงความทรงพลังในฐานะ ‘สุดยอดน้องใหม่แห่งปี 2567’ ทันที สำหรับ เอ็นซีที วิช แห่งค่าย SM Entertainment ที่พาซิงเกิลเดบิวต์ ‘WISH’ ทะยานสู่อันดับ 1 รายวันและรายสัปดาห์บนชาร์ตอัลบั้มหลักในประเทศเกาหลีใต้ได้สำเร็จ โดยซิงเกิลดังกล่าวได้วางจำหน่ายในประเทศเกาหลีใต้ เมื่อวันที่ 4 มีนาคมที่ผ่านมา ซึ่งสามารถคว้าอันดับ 1 รายวันบนชาร์ต Hanteo Chart และ HOTTRACKS ตามการรายงานอันดับ ณ วันที่ 6 มีนาคม 2567 และล่าสุดความนิยมยังร้อนแรงอย่างต่อเนื่องจนทะยานสู่อันดับ 1 รายสัปดาห์บนชาร์ตอัลบั้มของ Hanteo Chart ตามการรายงานอันดับ ณ วันที่ 11 มีนาคม 2567

ในซิงเกิลเดบิวต์ ‘WISH’ ประกอบด้วยเพลงไตเติล ‘WISH’ เพลงแดนซ์จังหวะปานกลางที่เต็มไปด้วยความหวังต่ออนาคตใหม่ ซึ่งการแสดงที่มีพลังจะทำให้ทุกคนเพลิดเพลินไปกับความมั่นใจและเสน่ห์ที่มีชีวิตชีวาของสมาชิก รวมถึงท่าหลักอย่างการทำมือขอพรที่ถ่ายทอดชื่อเพลงและเอกลักษณ์ของเอ็นซีที วิช ก็ช่วยเพิ่มความสนุกในการรับชมได้เป็นอย่างดี นอกจากนี้ ยังมีเพลง ‘Sail Away’ เพลงแนวป๊อปที่แสดงออกถึงความตื่นเต้นและความคาดหวังต่ออนาคต ด้วยการเปรียบเทียบกับ ‘การเดินเรือ’ ผสมผสานท่วงทำนองที่ร่าเริงเข้ากับเสียงเพลงที่แปลกใหม่อย่างลงตัว และการแสดงของเพลงนี้ก็มีท่าทางที่ชวนให้นึกถึงการเดินเรือและท้องทะเล นำเสนอเวทีที่สดชื่นและสดใส

โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ศิลปินรุ่นพี่ระดับตำนานอย่าง ‘BoA’ (โบอา) ได้รับหน้าที่เป็นโปรดิวเซอร์ดูแลการผลิตอัลบั้มโดยรวม รวมถึงดนตรีและการแสดงของซิงเกิลเดบิวต์ ‘WISH’ ของ เอ็นซีที วิช ฯลฯ พร้อมวางแผนที่จะเป็นผู้นำการโปรโมตและการเติบโตของสมาชิกต่อไป

ก่อนหน้านี้ ซิงเกิลเดบิวต์ ‘WISH’ ขึ้นแท่นอันดับ 1 บนชาร์ต Oricon Daily Single ประเทศญี่ปุ่น, อันดับ 1 บนชาร์ต RecoChoku Daily Album ประเทศญี่ปุ่น, อันดับ 1 รายวันและรายสัปดาห์บนชาร์ตมิวสิกวิดีโอเพลงญี่ปุ่นของ QQ Music ประเทศจีน รวมถึงอันดับ 1 บนชาร์ต iTunes Top Albums ใน 7 ประเทศ ได้แก่ ญี่ปุ่น สเปน บราซิล ชิลี เบลารุส เปรู ฟิลิปปินส์ และติดอันดับ TOP10 รวมทั้งหมด 14 ประเทศ ยิ่งไปกว่านั้น ยอดสั่งซื้อล่วงหน้าของซิงเกิลเดบิวต์ ‘WISH’ สูงถึง 370,000 ชุด ในประเทศเกาหลีใต้และญี่ปุ่น ตลอดจนการได้รับความสนใจอย่างล้นหลามจากสื่อหลัก อาทิ สื่อญี่ปุ่น, สื่ออเมริกา Forbes, GRAMMY.com และอีกมากมาย

ทั้งนี้ ทีมสุดท้ายของ NCT อย่าง เอ็นซีที วิช เกิดขึ้นจากรายการเซอร์ไวเวอร์ที่คัดเลือกสมาชิก NCT ชื่อว่า ‘NCT Universe : LASTART’ ประกอบด้วย 6 สมาชิก ได้แก่ SION (ชิอน), RIKU (ริคุ), YUSHI (ยูชิ), JAEHEE (เจฮี), RYO (เรียว) และ SAKUYA (ซาคุยะ) ซึ่งจะทำกิจกรรมในระดับโลก ทั้งเกาหลีและญี่ปุ่น โดยชื่อทีม ‘WISH’ หมายถึงทีมที่เกิดขึ้นจากความปรารถนาอันแรงกล้าของสมาชิกและแฟน ๆ ภายใต้คติ ‘WISH for Our WISH’ พวกเขามีเป้าหมายที่จะสนับสนุนความปรารถนาและความฝันของทุกคน และทำให้เป็นจริงร่วมกัน ผ่านบทเพลงและความรักของ เอ็นซีที วิช ไม่เพียงเท่านี้ ยังเป็นทีมที่มีเสน่ห์แห่งความ Young และบริสุทธิ์ ค่าเฉลี่ยอายุอยู่ที่ 18.3 ปี ซึ่งพวกเขาจะแสดงสีสันอันเป็นเอกลักษณ์ของตัวเอง และมุ่งมั่นที่จะเป็น ‘ไอคอน WISH’ ที่กระจายพลังอันแข็งแกร่งของความหวังให้กับแฟนเพลงทั่วโลก

SION (ชิอน)

วันเกิด : 11 พฤษภาคม 2545, อายุ : 21 ปี, สัญชาติ : เกาหลี

RIKU (ริคุ)

วันเกิด : 28 มิถุนายน 2546, อายุ : 20 ปี, สัญชาติ : ญี่ปุ่น

YUSHI (ยูชิ)

วันเกิด : 5 เมษายน 2547, อายุ : 19 ปี, สัญชาติ : ญี่ปุ่น

JAEHEE (เจฮี)

วันเกิด : 21 มิถุนายน 2548, อายุ : 18 ปี, สัญชาติ : เกาหลี

RYO (เรียว)

วันเกิด : 4 สิงหาคม 2550, อายุ : 16 ปี, สัญชาติ : ญี่ปุ่น

SAKUYA (ซาคุยะ)

วันเกิด : 18 พฤศจิกายน 2550, อายุ : 16 ปี, สัญชาติ : ญี่ปุ่น

Onitsuka Tiger

ซูมอิน Onitsuka Tiger “MEXICO 66™ SABOT แรงบันดาลใจจาก ลวดลายผ้าทอไทย

account_circle
Onitsuka Tiger
Onitsuka Tiger

Praew Survey พาไปซูมอิน Onitsuka Tiger รุ่น “MEXICO 66™ SABOT สีพิเศษที่มีเฉพาะประเทศไทย พร้อมเผย 3 ลุคของเหล่าคนดังที่แมชต์เข้ากับรองเท้าคู่ใจ

ซูมอิน Onitsuka Tiger “MEXICO 66™ SABOT แรงบันดาลใจจาก ลวดลายผ้าทอไทย

สำหรับรองเท้า Onitsuka Tiger รุ่น “MEXICO 66™ SABOT ได้รับแรงบันดาลใจมาจากรองเท้ารุ่น MEXICO 66™ รุ่นไอคอนิกที่ขายดีที่สุดของเรา โดยรุ่นนี้ได้นำเสนอรูปลักษณ์แบบเรโทรในสไตล์ sabot ซึ่งออกแบบมาให้เป็นรองเท้าเปิดส้น (mule) เพื่อให้สวมใส่ง่าย โดดเด่นด้วยวัสดุตาข่ายที่สานแบบห่างๆ บริเวณส่วนบนของรองเท้า ทำให้เหมาะสำหรับสวมใส่ในช่วงฤดูร้อน

ความพิเศษสำหรับสีที่ได้รับการอัพเดทสำหรับรุ่น MEXICO 66™ SABOT ในครั้งนี้ คือเป็นสีที่ออกแบบมาเป็นพิเศษสำหรับประเทศไทยโดยเฉพาะ นอกจากนี้บริเวณแผ่นรองพื้นรองเท้ายังมีลวดลายที่ได้แรงบันดาลใจมาจากลวดลายของผ้าทอไทยอีกด้วย

MEXICO 66™ SABOT มาพร้อม

– แผ่นรองพื้นรองเท้า OrthoLite™ เพื่อการรองรับแรงกระแทกที่เหนือกว่า

– วัสดุด้านบน: เส้นใยสังเคราะห์และเส้นใยธรรมชาติ

– วัสดุพื้นรองเท้า: ยาง


โรงแรมบันยันทรี กรุงเทพ

ฉลองวันสตรีสากล 2567 กับงาน Women in Hospitality @ โรงแรมบันยันทรี กรุงเทพ

Alternative Textaccount_circle
โรงแรมบันยันทรี กรุงเทพ
โรงแรมบันยันทรี กรุงเทพ

เปิดภาพความประทับใจจากงาน Women In Gastronomy มื้ออาหารค่ำสุดเอ็กซ์คลูซีฟ ที่ได้เชฟหญิงมากฝีมือ 4 ท่าน ระดับมิชลินสตาร์ มาร่วมรังสรรค์เมนูสุดพิเศษ บนเรือแซฟฟรอน ครูซ อันเป็นเอกลักษณ์ของโรงแรมบันยันทรี กรุงเทพ ที่จะจัดขึ้นเมื่อวันที่ 7 มีนาคม 2567 โดยมีคุณไก่-นพรัตน์ อำภา ผู้ช่วยรองกรรมการผู้จัดการอาวุโส และ ผู้จัดการทั่วไป โรงแรมบันยันทรี กรุงเทพ กล่าวต้อนรับแขกทุกท่าน ก่อนออกเดินทางล่องแม่น้ำเจ้าพระยา พร้อมเปิดประสบการณ์มื้อค่ำสุดพิเศษ ที่จัดเต็มทั้งอาหาร เครื่องดื่ม และโชว์อันประทับใจ ไปพร้อมๆ กัน

โรงแรมบันยันทรี กรุงเทพ
โรงแรมบันยันทรี กรุงเทพ

การรวมตัว 4 เชฟสาวชั้นนำของวงการครัวโลก! ฉลองวันสตรีสากล 2567 กับงาน Women in Hospitality @ โรงแรมบันยันทรี กรุงเทพ

โรงแรมบันยันทรี กรุงเทพ

โดยงาน Women in Gastronomy นี้ ถือเป็นส่วนหนึ่งของงาน Women in Hospitality ซึ่ง โรงแรมบันยันทรี กรุงเทพ จัดขึ้นเพื่อฉลองวันสตรีสากล 2567 และเพื่อร่วมสนับสนุนสตรีในภาคอุตสาหกรรมท่องเที่ยวและบริการ โดยได้เชิญทั้งบาร์เทนเดอร์หญิงและเชฟหญิงชั้นนำจากหลากหลายประเทศในเอเชีย มาร่วมกันรังสรรค์เมนูพิเศษให้กับแขกของทางโรงแรม ตั้งแต่วันที่ 29 กุมภาพันธ์ – 8 มีนาคม 2567 ที่ผ่านมา โดยนำเงินรายได้หลังหักค่าใช้จ่ายจำนวน 30 % บริจาคให้แก่ มูลนิธิบ้านกึ่งวิถีหญิง

โรงแรมบันยันทรี กรุงเทพ

สำหรับ Women In Gastronomy นี้ คือ อาหารค่ำสุดพิเศษที่ได้รับการรังสรรค์ขึ้นจากเชฟหญิงระดับมิชลินสตาร์ 4 ท่าน ได้แก่ เชฟซากิ (Chef Saki) เชฟมิสลินหนึ่งดาว จากร้านนาวา (Nawa) เชฟส้ม เซเลบริตี้เชฟจากร้าน Som’s Table เชฟซาช่า (Chef Sasha) จากร้านไฮบริด (Hybrid) และเชฟเรณู (Renu) ผู้อยู่เบื้องหลังความสำเร็จของห้องอาหารไทยแซฟฟรอน ห้องอาหารไทยซิกเนเจอร์ ของโรงแรมบันยันทรี กรุงเทพ โดยเสิร์ฟทั้งหมด 8 คอร์ส (Tasting menu) ที่เลอเลิศด้วยรสชาติและพรีเซนเทชั่น พร้อมเสิรฟ์คู่กับสาเก ที่คัดสรรค์โดยผู้เชี่ยวชาญ (Sake Expert) นาโอโกะ (Naoko) จาก บีบี แอนด์ บี (BB&B) เพื่อเพิ่มอรรถรสในการรับประทานอาหาร

โรงแรมบันยันทรี กรุงเทพ

เริ่มด้วยเมนูแรก “เมี่ยงแสร้งว่ากุ้งเผา” จากเชฟเรณู ที่ช่วยเปิดทุกรสสัมผัสในการรับประทานอาหาร ต่อด้วย Kopai River จากเชฟส้ม ที่ทำจากบิสกิตสอดไส้แยมสัปปะรด, เมนูที่สาม คือ Homemade Ricotta Cheese โดยเชฟซาซ่า ที่ได้ทั้งชีสและความเผ็ดร้อน, เมนูที่สี่ จากเชฟซากิ มาในชื่อ “ขนมครก” ที่ผสมผสานความหวานแบบไทยๆ เข้ากับความเค็มมันของคาร์เวียร์, เมนูที่ห้า จากเฟชซาซ่า คือ “Isaan Carpaccio” ที่โดดเด่นด้วยเนื้อวากิว ผสมผสานกับเครื่องเทศทางเหนือและแบล็คทรัฟเฟิล เมนูที่หก เป็นผลงานของเชฟส้ม “Duo of Oyster Kiss & Fish Bite” ที่ได้แรงบันดาลใจจากเมนูหอยทอด มาเติมความพิเศษด้วยวัตถุดิบใหม่ๆ อย่างปลาคอดดำของญี่ปุ่น และข้าวหอม จานที่เจ็ด คือ “Khao Soi Duck Banyan” ข้าวซอยรสจัดจ้านกับอกเป็ดเนื้อนุ่ม ปิดท้ายด้วยเมนูของหวาน ที่ยกกันขึ้นไปเสิร์ฟบริเวณดาดฟ้าของเรือ คือ Guava Parfait ไอศครีมฝรั่งเนื้อเนียนแสนสดชื่น ฝีมือเชฟขนมหวานซากิ เติมความสุขแสนหวานให้ช่วงท้ายของงาน ไปพร้อมกับชมบรรยากาศยามค่ำคืนแสนสวยริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา

โรงแรมบันยันทรี กรุงเทพ

นอกจากประสบการณ์ด้านอาหารแล้ว ภายในงาน Women in Hospitality 2567 นี้ โรงแรมบันยันทรี กรุงเทพ ยังได้นำเสนอ Women in Mixology ซึ่งมีไลน์อัพบาร์เทนเดอร์หญิงจากบาร์ชั้นนำทั่วภูมิภาคเอเชียมาวาดลวดลายและโชว์ฝีมือการทำเครื่องดื่มเมนูพิเศษที่มูนบาร์ บนรูฟท็อปชั้น 61 ตลอด 8 วัน ตั้งแต่ที่ 1-8 มีนาคม 2567 อาทิ ชาตาบี บาซู (Shatabi Basu) บาร์เทนเดอร์หญิงคนแรกของอินเดีย ที่มาสร้างสรรค์เมนูเครื่องดื่มค็อกเทลไม่เหมือนใคร เป็นต้น พร้อมเพลิดเพลินไปกับเสียงเพลงจากดีเจหญิงที่จะมาสร้างความบันเทิงตลอดทุกค่ำคืน  ถือเป็นการเฉลิมฉลองวันสตรีสากลอย่างน่าประทับใจ


คิมจีวอน 1

คิมซูฮยอน เผยว่า คิมจีวอน เป็นพาร์ทเนอร์ที่ดี คอยช่วยเหลืออยู่เสมอ

Alternative Textaccount_circle
คิมจีวอน 1
คิมจีวอน 1

สมเป็นซีรีส์เกาหลีที่แฟนๆ หลายคนต่างรอคอยสำหรับ ราชินีแห่งน้ำตา (Queen of Tears) นำแสดงโดย คิมซูฮยอน และ คิมจีวอน โดยหลังจากที่ออกอากาศไปไม่กี่ตอนก็ได้กระแสตอบรับอย่างดีเยี่ยม ด้วยเริตติ้งพุ่งแรงเกือบทะลุหลักสอง

โดยซีรีส์ราชินีแห่งน้ำตาเป็นผลงานจากช่อง  Netflix การันตีเรื่องราวความสนุกด้วย พัคจีอึน นักเขียนบทผู้สร้างผลงานแนวโรแมนติกคอเมดี้อย่าง Crash Landing on You, My Love from the Star จนโด่งดังทั้งเมือง และการโคจรมาเจอกันของ คิมซูฮยอน และ คิมจีวอน ส่งเคมีคู่รักสุดหวาน

คิมจีวอน 1

ทั้งนี้คิมซูฮยอนได้มีโอกาสให้สัมภาษณ์ถึงผลงานชิ้นล่าสุดเรื่องนี้ โดยเขาเผยว่าเหตุผลที่ตัดสินใจรับแสดงเพราะ ซีรีส์เรื่องนี้มีความน่าสนใจหลายจุดเลยครับ หนึ่งในนั้นคือการใช้ชีวิตในบ้านภรรยา (กับพ่อแม่ฝั่งภรรยา) ของฮยอนอู และผมคิดว่าตัวซีรีส์เองก็มีความน่าตื่นตาตื่นใจ รวมถึงอีกจุดหนึ่งที่น่าติดตามก็คือการสื่ออารมณ์ของเหล่านักแสดงครับ”

คิมจีวอน 2

“สำหรับบทของผม ผมรับบทเป็นแพคฮยอนอู ครับ เขาเป็นคนที่เติบโตที่บ้านนอก ในหมู่บ้านที่ชื่อยงดูรี หลังจากตั้งใจเรียนจนเป็นทนายความ มีโอกาสได้เข้าทำงานในบริษัทใหญ่ และได้มาเจอกับ “ราชินีแห่งวงการห้างสรรพสินค้า” ซึ่งจริงๆ ตอนนั้นเธอยังไม่ได้เป็นราชินีหรอกนะครับ แต่เอาเป็นว่า เขาได้เจอกับ ฮงแฮอิน คบหากันแล้วก็แต่งงานกันครับ แต่พอเวลาผ่านไปได้ 3 ปี เขากลับรู้สึกได้ถึงปัญหาบางอย่าง จึงเริ่มคิดถึงการหย่าร้าง แต่ก็หย่าไม่ได้หรอกนะครับ (หัวเราะ) ดังนั้น ตัวฮยอนอูเองจึงต้องหาทางที่จะกลับมาสัมผัสถึงความรักที่เคยมีให้กันให้ได้ครับ”

คิมจีวอน 3

เมื่อถูกถามถึงเคมีระหว่างพระเอก-นางเอก เจ้าตัวได้เผยว่า พวกเราเป็นคู่ที่พยายามนึกถึงความรู้สึกของอีกคนอยู่เสมอครับ

คิมซูฮยอนยังได้เผยถึงเรื่องราวสนุกๆ ที่เกิดขึ้นระหว่างการถ่ายทำ เขาได้บอกว่า “ผมมีโอกาสได้ไปถ่ายทำที่ประเทศเยอรมนี ซึ่งจะมีฉากที่ต้องใช้อารมณ์มากๆ อยู่ด้วย ทำให้ผมรู้สึกตื่นเต้นและกดดันมากเลยครับ ผมเตรียมตัวกับฉากนี้อยู่เยอะ แต่ก็ผ่านไปได้ด้วยดี”

และนอกจากความรู้สึกตื่นเต้นแล้ว นักแสดงหนุ่มยังบอกอีกว่า นางเอกคิมจีวอนเป็นพาร์ทเนอร์ที่ดี คอยช่วยเหลืออยู่เสมอ “คุณคิมจีวอนก็ช่วยเหลือกันเป็นอย่างดีเลยครับ”

สุดท้ายนักแสดงหนุ่มขวัญใจสาวๆ ยังได้กล่าวปิดทท้ายว่า “ซีรีส์เรื่องนี้เป็นแนวโรแมนติกคอเมดี้ใช่มั้ยครับ แต่ขอพูดเลยว่า มีฉากบู๊ของผมด้วยนะครับ รอดูได้เลยครับ”

keyboard_arrow_up