อีกหนึ่งว่าที่คุณหมอที่เชื่อว่าหนุ่มๆ ต้องอยากทำนัดสมัครเป็นคนไข้กันเพียบ “ฟรัง นรีกุล เกตุประภากร” วันนี้ แพรว ชวนเธอมาเปิดใจเรื่องราวบนเส้นทางก่อนสวมเสื้อกาวน์
สตอรี่ชีวิตก่อนสวมชุดกาวน์ “ฟรัง นรีกุล” จากเด็กซน สู่ว่าที่คุณหมอสาวสวย
ไม่พร้อม…ต้องพร้อม
“ฟรังเพิ่งสอบวิชาสุดท้ายไปค่ะ เรียกว่าเรียนจบคณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยอย่างสมบูรณ์แล้ว ก่อนหน้านี้ได้ไปฝึกเวชปฏิบัติข้างนอก โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย ที่จังหวัดระยองเป็นเวลา 4 เดือน มาเรียบร้อยแล้วด้วย จากนี้คือรอไปเป็นแพทย์ใช้ทุน (Intern) ความรู้สึกคือทั้งตื่นเต้นและกลัวว่าจะทำอะไรผิดพลาดหรือเปล่า เพราะจะไม่มีใครเซ็นกำกับชื่อ เพื่อรีเช็กและรับรองให้เหมือนที่ผ่านมา เคยปรึกษารุ่นพี่ถึงความกังวลเรื่องนี้ คำตอบคือไม่มีทางอื่นนอกจากต้องทำให้ได้ ซึ่งถึงเวลาจริงอาจจะไม่ได้น่ากลัวขนาดนั้น เพราะในวอร์ดยังมีพี่ๆ พยาบาล มีเพื่อนที่ไปใช้ทุนด้วยกัน หรือสุดท้ายถ้าติดขัดตรงไหนก็ยังโทร.ถามรุ่นพี่ได้ ไม่ได้ตัวคนเดียวขนาดนั้น ฉะนั้นถึงไม่พร้อมก็ต้องพร้อมค่ะ
“ส่วนจะได้ไปใช้ทุนที่ไหน ฟรังเลือกวิธีจับสลาก เพราะยังไม่มั่นใจว่าชอบด้านใดแน่ ประกอบกับรู้สึกสนุกและตื่นเต้น เหมือนเป็นครั้งหนึ่งที่คนเรียนหมอควรต้องลอง ส่วนบางคนที่รู้ตัวแล้วว่าสนใจทางไหน อยากเรียนต่อเฉพาะด้านใด หรืออยากไปประจำจังหวัดไหน ก็สามารถเลือกสมัครตามที่ต้องการได้เลย
“สำหรับฟรัง การเรียนตลอด 6 ปีที่ผ่านมาความชอบเปลี่ยนไปเรื่อยๆ ตามแต่ละวอร์ดที่เรียน ที่แตกต่างและเห็นชัดเจนหน่อยคือตอนอยู่วอร์ดเด็กที่เวลาป่วยจะดูซึมๆ พอหายแล้วกลับมาคึกคัก ดูน่ารัก ไร้เดียงสา ดังนั้นถ้าถามถึงความชอบตอนนี้เลยคือวอร์ดสูตินรีเวชและวอร์ดกุมารเวช คิดว่าหลังใช้ทุน 3 ปี คงมั่นใจแล้วละว่าเราชอบอะไรจริงๆ
“ฟรังจะเริ่มใช้ทุนวันที่ 1 มิถุนายน ช่วงนี้มีเวลาว่างเดือนกว่า จึงขอจัดทริปไปเที่ยวสหรัฐอเมริกาและยุโรปก่อน จริงๆ แล้วฟรังมีไลฟ์สไตล์ชอบไปเที่ยว แต่ด้วยสถานการณ์โควิด-19 ประกอบกับที่ผ่านมา เสาร์-อาทิตย์ต้องอยู่วอร์ด จึงไม่ได้ไปเที่ยวต่างประเทศมา 2 ปีแล้ว ฉะนั้นตอนนี้พอมีเวลาต้องรีบเที่ยวไว้ก่อน อันนี้โควิดสอนไว้ค่ะ (หัวเราะ)
“และเมื่อเริ่มทำงานคงไม่ค่อยมีเวลา จึงอยากเตรียมศึกษาเรื่องหุ้นไว้ด้วย เพราะอนาคตเราจะเป็นยังไง ส่วนหนึ่งขึ้นอยู่กับการบริหารจัดการเงินที่ดี ยิ่งอยากมีธุรกิจเป็นของตัวเอง เช่น เปิดคลินิก หรือธุรกิจอื่นๆ ยิ่งต้องใส่ใจเรื่องนี้ไว้ตั้งแต่เนิ่นๆ ฟรังมีพี่หมอโอ๊ค (สมิทธิ์ อารยะสกุล) เป็นต้นแบบในการใช้ชีวิต ที่สามารถบาลานซ์ทุกอย่างได้ลงตัว ไม่ว่าจะเป็นความสำเร็จทางธุรกิจ ครอบครัวอบอุ่น ลูกๆ ก็น่ารัก แถมยังแบ่งเวลาดูแลตัวเองได้เป็นอย่างดีด้วย”
จินตนาการ VS ความจริง
“ตั้งแต่เด็กจนโตมีความชอบหลากหลาย ขึ้นอยู่กับว่าช่วงนั้นอินกับอะไร ความฝันจึงเปลี่ยนไปเรื่อยๆ พอถึงชั้นมัธยม 6 เริ่มรู้สึกตัวว่าควรรู้แล้วว่าอยากเรียนอะไร เพื่อมุ่งมั่นสอบเข้ามหาวิทยาลัยให้ได้ ฟรังเรียนโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา สายวิทย์-คุณภาพชีวิต ได้เรียนวิธีปั๊มหัวใจ CPR ตั้งแต่มัธยม 4 จนถึงมีโอกาสไปดูอาจารย์ใหญ่ด้วย กระทั่งช่วงที่สถานการณ์บ้านเมืองไม่สงบ เกิดเหตุระเบิดที่พระพรหมเอราวัณ ขณะนั้นฟรังอยู่ในสยามพารากอน เรียกว่าใกล้ตัวมาก มีคนบาดเจ็บเยอะ แล้วรถพยาบาลยังมาไม่ถึง ตอนนั้นเกิดความรู้สึกอยากช่วยและอยากมีส่วนร่วม รวมถึงคณะแพทยศาสตร์ก็เป็นคณะที่ดี จึงตัดสินใจมุ่งมั่นอ่านหนังสือสอบจนทำได้ทำเร็จ
“แต่แนะนำน้องๆ ที่อยากเรียนหมอให้ลองไปสังเกตการณ์การทำงานในโรงพยาบาล ศึกษาเก็บรายละเอียดให้มากที่สุด เพราะบางอย่างอาจไม่เหมือนกับที่คิดไว้ เช่น เรื่องเวลานอน หรือบางครั้งมีงานด้านบริการ ซึ่งบางคนอาจจะไม่ได้ชอบ สำหรับฟรังตอนนั้นสถานการณ์บังคับให้ตัดสินใจ โดยที่ยังไม่รู้ว่าชอบจริงๆ หรือเปล่า แต่เมื่อเข้ามาแล้ว ถามว่าผิดหวังไหม ก็ไม่นะคะ แม้จะเรียนหนัก แต่รู้สึกดีที่จะได้มีความรู้ความสามารถ เพื่อดูแลสุขภาพคนในครอบครัวและคนอื่นๆ ได้อีกด้วย”
เรียนแบบเด็กซน
“ต้องบอกก่อนว่าฟรังเป็นเด็กซนที่ตั้งใจเรียน เพราะคิดว่าถ้าเรียนเก่งแล้วจะรอดจากการโดนทำโทษของคุณครู ซึ่งส่วนมากตอนนั้นก็รอดจริงๆ (หัวเราะ) ประกอบกับมีความคิดอยากไปลงเรียนพิเศษหลายอย่าง เช่น คณิตศาสตร์คิดเลขไว ภาษาอังกฤษ หรือดนตรี ซึ่งเป็นการตั้งใจเรียนมาเรื่อยๆ ไม่ได้เรียนแบบเอาเป็นเอาตาย มาเริ่มจริงจังช่วงสอบเข้ามหาวิทยาลัยที่ชนกับช่วงถ่ายทำซีรี่ส์ ฮอร์โมนส์ ซีซั่น 3 ตอนนั้นก็หนักใจค่ะ แต่ความที่แสดงมาตั้งแต่ซีชั่น 2 จึงอยากให้ต่อเนื่องและรู้สึกสนุกกับการแสดง เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่อยากทำ จึงเลือกทำควบคู่กันไป
“ใช้วิธีว่าพอมีเวลาว่างจะอ่านหนังสือกับลงคอร์สติว โชคดีที่นิสัยการเรียนของฟรัง ชอบทยอยอ่านตั้งแต่เนิ่นๆ ไม่ชอบหักโหมแบบอดนอน ถ้ากลัวว่าอ่าน ไว้นานแล้วจะลืม ก็ทำสรุปสำหรับอ่านทบทวนไว้ด้วย อีกอย่างที่ทำให้ฟรังมีความสุข ไม่ง่วง ไม่เบื่อระหว่างการอ่านหนังสือ คือไปนั่งอ่านตามร้านกาแฟ เพื่อให้ได้เจอผู้คน เจอเพื่อนๆ เพื่อพูดคุยแลกเปลี่ยนความรู้กันบ้าง ฟรังคิดว่าแต่ละคนมีวิธีที่ได้ผลไม่เหมือนกัน ต้องลองหาแบบที่เหมาะกับตัวเอง ถ้ายังไม่เจอก็เปลี่ยนวิธีไปเรื่อยๆ บอกตัวเองว่าทำให้ดีที่สุด ผลออกมาไม่ว่าจะดีหรือร้าย ให้มองว่าเราทำเพื่อตัวเองและได้พยายามอย่างที่สุดแล้ว ที่เหลือชีวิตจะพาเราไปในจุดที่เหมาะสมเอง”
ที่มา : นิตยสารแพรว ฉบับ 982
ภาพ : frungnarikunn
บทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ
คุยทุกมุมในชีวิตของ “เจษ – เจษฎ์พิพัฒ” ช่วงชีวิตที่กำลังจะเข้าเลข 3 (0) และชีวิตรักในปีที่ 3
เด็กเนิร์ด ใจเย็น ไม่สู้คน เปลือยชีวิตขั้วตรงข้าม เจณิสตา เมียน้อยแห่งวงการละคร
เปิดวาร์ป! ว่าที่คุณหมอหนุ่มหล่อ “โจ-ธนจักร” ลูกพี่ลูกน้องของ “มิว-นิษฐา”