ในวิกฤติโควิด-19 ที่กินเวลายาวนานกว่า 2 ปีแล้วนั้น ปฏิเสธไม่ได้ว่าสายการบินเป็นธุรกิจที่ได้รับผลกระทบอย่างหนักหน่วง แต่ท่ามกลางวิกฤติ ชื่อของสายการบิน ‘ไทยเวียตเจ็ท’ กลับโดดเด่นขึ้นมา และเข้าไปนั่งอยู่ในใจผู้โดยสาร ทำให้ แพรว อยากให้ทุกคนได้รู้จักกับผู้อยู่เบื้องหลังคนสำคัญ นั่นคือ ‘คุณปิ่นยศ พิบูลสงคราม’ ผู้อำนวยการฝ่ายการพาณิชย์ สายการบินไทยเวียตเจ็ท ผู้บริหารนักสร้างแบรนด์มือเก๋าที่มากด้วยประสบการณ์แห่งแวดวงสายการบินซึ่งแม้จะก้าวเข้ามารับภารกิจนี้ไม่นาน แต่กลับทำให้ไทยเวียตเจ็ทขึ้นแท่นเที่ยวบินสุดประทับใจของผู้โดยสารมากมาย
กว่า 16 ปี บนเส้นทางสายการบิน
“ก่อนหน้านี้ตั้งแต่สมัยที่ยังไม่มีสายการบินโลว์คอสต์ในประเทศไทยผมเคยร่วมเป็นหนึ่งในทีมยุคบุกเบิก ซึ่งก่อตั้งสายการบินแห่งหนึ่งครับ ดูแลในส่วนของฝ่ายขาย ฝ่ายวางแผน ฝ่ายการตลาด เรียกโดยรวมว่าฝ่ายพาณิชย์ ผมทำงานอยู่ที่นั่นยาวถึง 16 ปี ซึ่งถือว่านานมากๆ ทั้งได้สร้างแบรนด์ให้เป็นที่รู้จัก และได้เก็บเกี่ยวประสบการณ์ดีๆ มากมายเลยทีเดียว”
‘ไทยเวียตเจ็ท’บทบาทใหม่ ภารกิจสำคัญ
“ช่วงที่ผมตัดสินใจออกจากสายการบินมาทำธุรกิจส่วนตัว เป็นจังหวะที่มีผู้ใหญ่ในวงการสายการบินที่ผมเคารพมากติดต่อมา ท่านคือ ‘กัปตันวรเนติ’ ซีอีโอของไทยเวียตเจ็ท วันหนึ่งท่านโทรหาผมแล้วถามว่าสนใจร่วมงานกับไทยเวียตเจ็ทไหม ผมใช้เวลาหาคำตอบให้ตัวเองอยู่ระยะหนึ่ง โดยศึกษาข้อมูลทุกอย่างเกี่ยวกับไทยเวียตเจ็ทและธุรกิจสายการบิน ซึ่งทำให้ผมมองเห็นโอกาสและความเป็นไปได้ต่างๆ จึงตัดสินใจกลับเข้ามาลุยในวงการสายการบินอีกครั้ง
“โอกาสที่ว่านั้น คือการที่วิกฤติโควิด-19 ทำให้ธุรกิจสายการบินเซ็ตซีโร่บางเจ้าต้องลดขนาดธุรกิจ ลดเที่ยวบิน หรือหยุดบิน ตอนนี้ทุกสายการบินจึงเสมอกันหมด ไม่มีเบอร์หนึ่ง เบอร์สอง ซึ่งถือเป็นโอกาสสำคัญที่ไทยเวียตเจ็ทจะแสดงศักยภาพและสร้างความแตกต่างเพื่อเอาชนะวิกฤติแล้วก้าวต่อไปครับ”
ลุยปรับกลยุทธ์ ปั้นโปรเจ็กต์ใหม่
“แผนของไทยเวียตเจ็ท ผมวางเอาไว้เป็นแผนโดยรวม ซึ่งจะขยับขยาย 2 เรื่องหลักๆ หนึ่งคือเรื่องเส้นทางการบินที่ปรับแผนใหม่ตามสถานการณ์ก่อนหน้านี้ไทยเวียตเจ็ทบินระหว่างประเทศเยอะ พอเจอโควิด-19 เข้ามากระทบ จึงปรับมาบินภายในประเทศมากขึ้น จนตอนนี้มีเส้นทางการบินครบทุกหัวเมืองหลักแล้ว รวมถึงยังมีเส้นทางข้ามภาคด้วย
“ที่สำคัญคือแผนในอนาคตช่วงสั้นๆ 3-6 เดือนนี้ เมื่อโควิด-19 เบาลง ประเทศต่างๆ เริ่มผ่อนมาตรการ ก็จะมีการปรับแผนเชิงรุก โดยขยายเส้นทางการบินระหว่างประเทศ เรียกว่าหากมาตรการของประเทศไหนเบาลง เราก็จะบินเลย ไม่ว่าจะเป็นการกลับมาให้บริการเส้นทางกรุงเทพฯ-โฮจิมินห์ หรือการเปิดเส้นทางใหม่ล่าสุดอย่างกรุงเทพฯ-พนมเปญ นอกจากนี้ยังมีอินเดีย ญี่ปุ่น จีน ที่เตรียมเปิดในอนาคต เพื่อช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจทั้งในเชิงธุรกิจและการท่องเที่ยว
“สองคือเรื่องบริการต่างๆ ที่จะปรับเป็น Digital Service เพื่อความสะดวกรวดเร็วยิ่งขึ้น เช่น การใช้ระบบ AI Chatbot การเช็คอินออนไลน์ อีกทั้งจะมีโปรเจ็กต์ชวนตื่นเต้นอีกเยอะเลยครับ แต่ขออุบไว้ก่อน” (ยิ้ม)
‘สายการบินที่พนักงานต้อนรับบนเครื่องบินเป็นมิตรมากที่สุด’ รางวัลแห่งการขับเคลื่อน
“ผมรู้สึกภูมิใจมากๆ ที่ไทยเวียตเจ็ทได้รับรางวัลสายการบินที่พนักงานต้อนรับบนเครื่องบินเป็นมิตรมากที่สุด ประจำปี 2021 จากนิตยสารอินเตอร์เนชั่นแนล ไฟแนนซ์แม็กกาซีน และรู้สึกขอบคุณทีม Inflight Cabin Crew ที่ถือเป็นเจ้าของรางวัลตัวจริง
“รางวัลนี้ถือว่าสำคัญมาก เพราะเป็นเครื่องการันตีผลงาน โดยเฉพาะเรื่องการบริการ ที่ทุกสายการบินให้ความสำคัญ เพราะไม่ว่าเครื่องบินจะสวยหรูขนาดไหน แต่หากบริการไม่ดี ผู้โดยสารก็ไม่อยากกลับมาใช้บริการอีก รวมถึงเป็นเครื่องการันตีคุณภาพ ที่เราให้ผู้โดยสารมากกว่าการเป็นสายการบินโลว์คอสต์
“นอกจากนี้ยังถือเป็นกำลังใจและแรงผลักดันให้พนักงานไทยเวียตเจ็ททุกคนภูมิใจและทำงานอย่างมีความสุข โดยเฉพาะทีม In Flight Cabin Crew ที่จะมีกำลังใจดีๆ ในการให้บริการผู้โดยสาร รวมถึงช่วยให้เรามีแรงสร้างสรรค์กิจกรรมพิเศษบนเที่ยวบินออกมาเยอะๆ เพื่อมอบประสบการณ์การเดินทางที่พิเศษ ความสุข ความประทับใจ และเซอร์ไพร้ส์ให้กับผู้โดยสาร ซึ่งถือเป็นอีกหนึ่งเป้าหมายสำคัญของเราครับ”
แรงบันดาลใจบนเส้นทางสายการบิน
“หลายคนถามผมว่าทำไมถึงกล้าตัดสินใจกลับเข้ามาในวงการสายการบินช่วงนี้ ซึ่งเป็นช่วงที่ไม่สู้ดีนัก ผมก็จะตอบเสมอว่า เพราะผมชอบท่องเที่ยว ชอบเดินทาง จึงหลงรักเสน่ห์ของธุรกิจสายการบิน ที่เต็มไปด้วยองค์ประกอบยิบย่อยเยอะมาก ทั้งการทำงานหน้าบ้านและหลังบ้าน กว่าที่การบินครั้งหนึ่งจะถึงที่หมายโดยสวัสดิภาพ
“แรงบันดาลใจอีกอย่างคือผมมองว่าธุรกิจสายการบินมีอิทธิพลในแง่ของประโยชน์เยอะมาก ไม่ใช่แค่สำหรับผู้โดยสารคนหนึ่ง แต่มีอิทธิพลไปถึงระดับอำเภอ จังหวัด และประเทศ เพราะในการวางแผนเปิดเส้นทางการบิน ผลที่ตามมาคือทำให้จุดหมายปลายทางนั้นรวมถึงคนในพื้นที่ได้รับประโยชน์มากมาย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการเดินทางที่สะดวกรวดเร็วขึ้น ธุรกิจต่างๆ มีช่องทางมากขึ้น การท่องเที่ยวได้รับความสนใจมากขึ้นเรียกว่าเราได้ช่วยซัพพอร์ตให้เกิดการต่อยอดและโอกาสดีๆ อีกมากมาย”
Work-Life Balance สไตล์ผู้บริหารสายการบิน
“ไม่ว่าการทำงานอะไรก็ตาม ผมจะให้ความสำคัญกับเรื่องทีมเวิร์คมากที่สุดครับ ซึ่งหมายถึงการทำงานเป็นทีมแบบ 360 องคา ตั้งแต่ตัวเอง เพื่อนร่วมงาน ลูกน้อง และเจ้านาย เพราะการทำงานคนเดียวนั้นยากลำบาก ทั้งเวลาไม่พอ กำลังสมองไม่พอ กำลังแรงไม่พอ ส่วนอีกอย่างคือเรื่องการวางแผน ซึ่งผมมองว่าจำเป็นต้องมีแผนสำรองเสมอ ทั้งเรื่องงานและชีวิตส่วนตัว สุดท้ายคือเรื่องบรรยากาศการทำงาน โดยผมเชื่อว่าบรรยากาศการทำงานที่ดีจะส่งพลังบวกให้กับคนทำงานได้ครับ
“ส่วนเรื่องการบาลานซ์ชีวิต อย่างที่บอกไปว่าผมให้ความสำคัญกับการวางแผน เพราะถ้าเราวางแผนดี มีแผนสำรอง ก็สามารถลดความเครียดจากการทำงานได้ รวมถึงการทำงานเป็นทีมที่จะคอยช่วยเหลือกันได้ ซึ่งผมจะบอกทุกคนเสมอว่า ถ้าส่งงานไม่ทัน ไม่เป็นไร แต่ขอให้บอกล่วงหน้า จะได้ช่วยกันหาทางแก้ไข
“นอกจากนี้ก็จะเป็นการผ่อนคลายตัวเองด้วยกิจกรรมที่ชื่นชอบ ซึ่งผมเล่นกีฬาทางน้ำแนวเอ็กซ์ตรีมอย่างเซิร์ฟบอร์ด เวคบอร์ด มาตั้งแต่สมัยวัยรุ่นตอนนี้ก็พยายามแบ่งเวลาไปเล่นเป็นประจำครับ”