แบม-สราลี

ทำความรู้จัก แบม-สราลี ลูกสาวคนเล็กของ คุณชายพุฒิภัทร จุฑาเทพ

Alternative Textaccount_circle
แบม-สราลี
แบม-สราลี

ทำความรู้จัก “หม่อมหลวงปกเกศ” จาก “ขวัญฤทัย” แบม-สราลี อดีตสาวเคแบงก์ กับความฝัน…ที่ไม่เคยคิดเข้าวงการบันเทิง

กลายเป็นละครที่ถูกพูดถึงมากที่สุด จนเป็นกระแสทอล์กออฟเดอะทาวน์ติดเทรนด์โลกไปแล้ว สำหรับละครชุด “ดวงใจเทวพรหม” เรื่อง “ขวัญฤทัย” ทางช่อง 3 ที่หลายคนสะดุดตากับความสวยออร่า ของ หม่อมหลวง ปกเกศ จุฑาเทพ ลูกสาวคนเล็กของ คุณชายพุฒิภัทร และกรองแก้ว ที่สวยฉ่ำออร่าพุ่งทุกอณู แถมแฟชั่นยังล้ำสุด ๆ ซึ่งหลายคนคงสงสัยว่าเธอเป็นใคร วันนี้จะมาเปิดประวัติแบ็คกราวด์สุดปึ้ง เจ้าของบทปกเกศ อย่าง “แบม สราลี” ให้ได้รู้ไปพร้อมกัน กับผลงานละครเรื่องแรกในวงการบันเทิง ที่เจ้าตัวไม่เคยมีความใฝ่ฝันอยากจะเป็นนักแสดงมาก่อน

ประวัติ แบม-สราลี ลูกสาวคนเล็กของ คุณชายพุฒิภัทร จุฑาเทพ

แบม-สราลี

แบม มีชื่อจริงว่า สราลี ประสิทธิ์ดำรง เกิดวันที่ 8 ตุลาคม 2541 ปัจจุบัน อายุ 26 ปี ส่วนสูง 165 เซนติเมตร มีพี่น้องทั้งหมด 3 คน แบมเป็นพี่คนโต มีน้องสาว 1 คน และน้องชาย 1 คน จบการศึกษาระดับมัธยมศึกษาจากโรงเรียนนานาชาติเอกมัย และจบการศึกษาระดับปริญญาตรีจาก BBA Finance มหาวิทยาลัยมหิดล วิทยาลัยนานาชาติ เริ่มต้นเส้นทางสายบันเทิงจากการเข้าประกวดโครงการ K-Bank e-Girl Generation X ก่อนเซ็นสัญญาเข้าสู่สังกัดช่อง 3 และมีผลงานการแสดงละครชุดฟอร์มยักษ์ “ดวงใจเทวพรหม” เรื่อง “ขวัญฤทัย” และตอนนี้กำลังถ่ายทำอีกหนึ่งเรื่อง กับ “รักหักหลัง” ที่จะได้เห็นเธอพลิกบทบาทครั้งใหม่ประกบพระเอกรุ่นพี่ “เกรท วรินทร”

โดยสาว “แบม” เล่าเหตุการณ์ก่อนจะได้มารับบทปกเกศให้ฟังว่า

แบม :ผู้จัดการเห็นเราในเพจมหาวิทยาลัย ก็โทรติดต่อให้เรามาลองแคสติ้งบท ปกเกศ ให้หน่อยได้ไหม ตอนแรกก็คิดหนักมาก แต่ก็ตัดสินใจลองเข้ามาแคสดู และก็โชคดีที่เราได้รับบทนี้ และได้รับโอกาสเข้ามาทำงาน ซึ่งก่อนหน้านี้เราไม่เคยมีผลงานในวงการบันเทิงมาก่อนเลย พอได้เข้ามาทำงานจริง ๆ เราปรับตัวค่อนข้างเยอะ เครียดเพราะไม่รู้ว่าต้องทำอะไรบ้างต้องแสดงยังไง การแสดงมันตรงข้ามกับทุกอย่างที่เคยเรียนมาทั้งหมด แต่ทุกคนที่นี่ซัพพอร์ตเราดีมาก พี่ผู้จัดการเขาก็ส่งเราไปเรียนการแสดงมาคอร์สหนึ่ง เราก็เริ่มจะปรับตัวได้ โชคดีที่ป้าแจ๋วสอนเราเยอะ และเขาส่งครูสอนแอคติ้งมาแก้ปัญหาได้ตรงจุด”

ตอนที่ได้รับบทนี้รู้สึกยังไง

แบม :เรื่องนี้เราต้องเล่นต่างจากวัยตัวเองก็แอบเกร็งนิดหนึ่ง เพราะจริง ๆ เราอายุเยอะกว่าไมกี้ แต่เราก็ผ่านเวิร์กชอปกันมาเดือนสองเดือนเรื่องบทก็เลยไม่ติด พอได้มาทำความเข้าใจตัวละครจริง ๆ คาแรคเตอร์ปกเกศไม่ได้ต่างจากเราเท่าไรเลย แต่เรื่องที่ยากจะเป็นเรื่องการแสดงหน้าเซต อาจจะเพราะว่าเป็นเรื่องแรกของเราด้วย มันเลยต้องเรียนรู้เยอะ อย่างเช่น มุมกล้อง บล็อกกลิ้ง จะเป็นประมาณนี้มากกว่าที่แชลเลนจ์เวลาเข้ากอง

ได้ตามอ่านฟีดแบคตัวเองบ้างไหม

แบม :ตามอ่านบ้างเหมือนกันค่ะ บางทีแม่ก็ส่งมา บางทีเพื่อนก็โทรมาคุยให้ฟัง รับรู้จากหลายทางว่ามีคนพูดถึง หลายคนที่ได้เห็นแบมในมุมที่ไม่ใช่การแสดง เขาก็บอกว่าเราทำได้ดีเราก็ดีใจ แล้วอีกอย่างแบมดีใจด้วยจริง ๆ คือทีมเสื้อผ้ามีคนชมชุดที่แบมใส่เยอะมากพี่ ๆ เขาคงดีใจ เพราะว่าเรื่องเสื้อผ้ามีคนพูดถึงเยอะมาก โชคดีที่ทีมงานถามเราเรื่องชุดตลอดว่าโอเคไหม อยากทำผมทรงอะไร พอเราโอเคมันก็มีความมั่นใจทุกอย่างเลยไปด้วยกันได้ดี

ทางบ้านมีเป็นห่วงอะไรบ้างไหม ที่เห็นเราทำงานในวงการบันเทิง

แบม :จริง ๆ คุณแม่เขาชอบงานสายนี้อยู่แล้ว แต่สมัยนั้นมันไม่เหมือนสมัยนี้ อาม่าอากงก็มีห่วง แต่ถ้าเราทำเขาก็ยินดีซัพพอร์ตทางบ้านเขาก็จะเข้ามาช่วยดูงานอื่น ๆ ของเราแทน

เห็นว่าเปิดธุรกิจส่วนตัวด้วย

แบม :ทำเป็นอาหารเสริมและก็วิตามินที่เกี่ยวกับผิว เป็นแบรนด์ที่เราตั้งใจทำกับน้องสาว เป็นสินค้าที่ช่วยแก้ปัญหาเรื่องผิว แบมมองว่าผู้หญิงที่มั่นใจต้องมีผิวที่ดีก็คิดว่าสิ่งนี้น่าจะตอบโจทย์ ประจวบเหมาะว่าที่บ้านก็ทำโรงงานผลิตยาที่ส่งออกต่างประเทศอยู่แล้วเป็นประเภท บัวหิมะ สครับผิว มาส์กหน้า ยาบำรุงแพทย์แผนจีน แต่ไม่ได้ขายในไทย เราก็ขอสูตรมาและนำมารีแบรนด์ขายในไทย ซึ่งเราได้เสียงตอบรับดีมากเลยค่ะ

งานในวงการบันเทิงอยากลองทำอะไรอีกไหม

แบม :ร้องเพลงก็อยากลองนะคะ เรื่องเพลงเนี่ยแบมโชคดีมากเลยไปเจอพี่โปรดิวเซอร์คนหนี่ง เขาก็ชวนให้เราลองไป cover เพลงของละครไหม เราก็เลยชวนพี่จูเนียร์ไป เรียกว่าหลอกไปดีกว่า(หัวเราะ) เพราะอยู่ใกล้บ้าน เดี๋ยวรอลุ้นกันเลยค่ะว่าออกมาจะเป็นยังไง รอติดตามชมทางยูทูปช่องแบมได้เลยค่ะ

มีบทบาทไหนที่เราอยากลองรับเล่น

แบม : จริง ๆ ซีรีส์แนวยูริก็ไม่ติดเลยนะคะ น่าสนใจด้วย เวลาเราเล่นกับเพื่อนผู้หญิงด้วยกันมันไม่มีอะไรต้องกังวล และด้วยความที่แบมเป็นพี่คนโต ถ้าต้องเล่นแนวดูแลเทคแคร์ยิ่งถนัดเลย เป็นอีกหนึ่งอย่างที่อยากแชลเลนจ์ตัวเองเหมือนกันนะคะ

สวยสมกับเป็นลูกสาวนางสาวศรีสยามจริง ๆ สำหรับสาว “แบม สราลี” ตามไปส่งกำลังใจเชียร์อัพสาวคนนี้ได้ในละครชุด “ดวงใจเทวพรหม” เรื่อง “ขวัญฤทัย” ไปด้วยกัน และติดตามไลฟ์สไตล์ความน่ารัก ความเก่งของเธอกันได้ทาง Instagram : bbam_s, YouTube : Bambi’s Diary

Talent Contest 2024 โดย พีพี กรุ๊ป ค้นหาสุดยอดศิลปินและนักวาดภาพประกอบรุ่นใหม่ พร้อมโอกาสร่วมงานกับ CASETiFY แบรนด์ดังระดับโลก

account_circle

โครงการค้นหาสุดยอดนักออกแบบ “Talent Contest 2024” โดย พีพี กรุ๊ป (PP GROUP) เปิดรับศิลปินและนักวาดภาพประกอบรุ่นใหม่ อายุตั้งแต่ 18 – 24 ปี ที่มีความสามารถและพร้อมที่จะสร้างสรรค์ชิ้นงานที่โดดเด่น ภายใต้โจทย์และข้อจำกัดของธุรกิจรีเทลในยุคใหม่ได้อย่างน่าสนใจ ชิงเงินรางวัลมูลค่ารวมกว่า 85,000 บาท พร้อมโอกาสทำโปรเจกต์ร่วมกับแบรนด์ CASETiFY เริ่มส่งผลงานได้ตั้งแต่วันที่ 1 พฤษภาคม – 7 มิถุนายน 2567

พีพี กรุ๊ป ก่อตั้งในปี 2546 โดยคุณสุวดี พึ่งบุญพระ และ คุณโอฬาร ปุ้ยพันธวงศ์ ซึ่งเป็นกลุ่มบริษัทที่จัดจำหน่ายและสร้างภาพลักษณ์ให้กับ Fashion Luxury Brand ชั้นนำจากทั่วโลก และด้วยพื้นฐานประสบการณ์ยาวนานตลอด 20 ปีกับการบริหารแบรนด์ต่างๆ ทำ ให้ พีพี กรุ๊ป ได้รับความไว้วางใจจากธุรกิจกลุ่มสินค้าแฟชั่น และไลฟ์สไตล์ระดับนานาชาติ ให้เป็นตัวแทนอย่างเป็นทางการ ในการจัดจำหน่าย   และดูแลภาพลักษณ์ของแบรนด์ในประเทศไทย โดยปัจจุบัน พีพี กรุ๊ป เป็นผู้นำเข้าและจัดจำหน่ายแบรนด์ชั้นนำระดับโลก ได้แก่ AMI (อามี), Café Kitsuné (คาเฟ่ คิทสึเนะ), Longchamp (ลองฌอมป์), Maison Kitsuné (เมซง คิทสึเนะ), MCM (เอ็มซีเอ็ม), Off-White™ (ออฟไวท์), Palm Angels (ปาล์ม แองเจิลส์), Roger Vivier (โรเฌร์ วิวิเยร์), Tory Burch (ทอรี่ เบิร์ช) นอกจากนี้ พีพี กรุ๊ป ได้ขยายแบบแผนการดำเนินธุรกิจโดยการร่วมทุนนำเข้าแบรนด์ Gentle Monster (เจนเทิล มอนสเตอร์) แบรนด์แว่นตาสัญชาติเกาหลี และการรวมทุนกับกลุ่มธุรกิจ CASETiFY (เคสติฟาย) ในการนำเสนอ Lifestyle Gadget ชั้นนำ ให้กับเมืองไทยเป็นครั้งแรก

และนอกจากการพัฒนาธุรกิจ ตลอด 20 ปีที่ผ่านมา พีพี กรุ๊ป ยังได้ให้ความสำคัญกับการพัฒนาบุคคลและมอบโอกาสที่เปิดกว้างกับคนรุ่นใหม่ ให้มีพื้นที่ในการนำเสนอผลงานและไอเดียที่หลากหลาย ขณะที่ยังสอดคล้องกับรูปแบบของธุรกิจรีเทลแฟชั่นและไลฟ์สไตล์ในยุคปัจจุบัน ผ่านการจัดประกวดโครงการ “Talent Contest 2024” โปรเจกต์พิเศษที่จะให้ความรู้และเปิดประสบการณ์การทำงานอย่างมืออาชีพ ที่เต็มไปด้วยคุณภาพและความครีเอทีฟ เพื่อกลายเป็นศิลปินแถวหน้าในอนาคต โดยมีศิลปินและนักวาดภาพประกอบชื่อดัง CRYBABY MOLLY – คุณนิสา ศรีคำดี, GONGKAN – คุณกันตภณ เมธีกุล และ SUNTUR คุณยศนันท์ วุฒิกรสมบัติกุล มาร่วมเป็นคณะกรรมการและที่ปรึกษาเพื่อเพิ่มขีดความสามารถของนิสิต นักศึกษา และเยาวชนคนรุ่นใหม่ ที่มีอายุตั้งแต่ 18 – 24 ปี ทั่วประเทศ ได้มีโอกาสแสดงศักยภาพและพัฒนาฝีมือ เพื่อต่อยอดศักยภาพของศิลปินรุ่นใหม่ให้พร้อมก้าวกระโดดสู่ระดับสากล พร้อมโอกาสได้ร่วมงานกับ CASETiFY แบรนด์ดังระดับโลก สำหรับผู้ชนะการประกวด

คุณสมบัติของผู้สมัครและผลงาน

  • ผู้สมัครต้องมีอายุ 18 -24 ปีบริบูรณ์ (ในรูปแบบศิลปินเดี่ยว)
  • ผู้สมัครต้องสามารถเดินทางมาร่วมจัดแสดงผลงานที่กรุงเทพฯ ได้หากได้รับการคัดเลือก
  • เป็นเจ้าของผลงาน สร้างสรรค์ผลงานด้วยตัวเอง ไม่ใช้ปัญญาประดิษฐ์ (A.I. หรือ Artificial Intelligence)  ในการสร้างผลงานไม่คัดลอกหรือเลียนแบบผลงานผู้อื่น รวมไปถึงกรณี Hard Reference โดยรูปแบบและเนื้อหาของผลงานต้องไม่ละเมิดกฎหมายหรือลิขสิทธิ์ใดๆ
  • ลักษณะผลงานที่เหมาะกับการส่งเข้าร่วมประกวด งาน Digital Art วาดในคอมพิวเตอร์หรือวาดด้วยแอพพลิเคชัน, งานภาพกราฟิก, Collage, Calligraphy, Character Design, Tattoo Art, Doodle Art ฯลฯ

กฎและกติกาการสมัคร

  1. ข้อมูลเบื้องต้น

วิดิโอภาพเคลื่อนไหวของผู้สมัคร พร้อมอธิบายผลงานที่แสดงเป็นตัวตน และจุดเด่นของศิลปิน

*ไฟล์วิดิโอ นามสกุล .mp4 ความยาวไม่เกิน 1 นาที ขนาดไม่เกิน 10 MB

  1. ภาพผลงานและคำอธิบายผลงาน

ผลงานพอร์ตฟอลิโอในรูปแบบ Digital พร้อมชื่อผลงาน และคำอธิบายผลงาน

*ไฟล์นามสกุล .pdf จำกัดขนาดไม่เกิน 10 MB

  1. อัพโหลดข้อมูลและผลงาน

กรอกข้อมูลใบสมัครและแนบผลงานพอร์ตฟอลิโอ‘คลิก’ https://bit.ly/talent2024-register

  • ประกาศรายชื่อผู้ผ่านเข้ารอบ 10 คนสุดท้าย วันที่ 12 มิถุนายน 2567 ทาง Facebook PP GROUP Thailand และอีเมลบริษัทฯ
  • ประกาศผลผู้ชนะและรับรางวัล วันที่ 19 กรกฎาคม 2567

สิ่งที่ผู้ผ่านเข้ารอบจะได้รับ

  1. จะได้ร่วมกิจกรรม Orientation Day ซึ่งเป็นกิจกรรมพิเศษที่เปิดโอกาสให้ผู้เข้าประกวดและศิลปิน / กรรมการ ได้พูดคุยแลกเปลี่ยนกัน
  2. ผลงานของผู้เข้าประกวดจะได้รับการนำเสนอสู่สาธารณะผ่านช่องทาง Facebook และ TikTok PP GROUP Thailand  เพื่อสร้างความรู้จักในวงกว้าง รวมถึงการนับคะแนน Popular Vote
  3. ผู้ชนะจากกิจกรรมจะได้รับรางวัลดังนี้

3.1.        THE WINNER รางวัลชนะเลิศอันดับที่ 1 รางวัล จะได้รับเงินรางวัลมูลค่า 50,000 บาท

3.2.        1st RUNNERS-UP รางวัลรองชนะเลิศอันดับที่ 1 จะได้รับเงินรางวัลมูลค่า 20,000 บาท

3.3.        2nd RUNNERS-UP รางวัลรองชนะเลิศอันดับที่ 2 จะได้รับเงินรางวัลมูลค่า 15,000 บาท

3.4.        รางวัล POPULAR VOTE จะได้รับเงินรางวัลมูลค่า 10,000 บาท

  1. ผู้ชนะจากกิจกรรมจะได้มีโอกาสร่วมงานกับแบรนด์ CASETiFY*

*เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทฯ กำหนด

พีพี กรุ๊ป ตั้งใจจะเป็นเวทีที่เปิดกว้าง สำหรับศิลปินหน้าใหม่ให้มีโอกาสนำเสนอและจัดแสดงผลงาน ในแพลตฟอร์มออนไลน์ที่สอดคล้องกับเทรนด์ของยุคสมัย สำหรับนิสิต นักศึกษา และเยาวชนคนรุ่นใหม่

ลงทะเบียนสมัครเข้าร่วมโครงการได้ผ่าน https://bit.ly/talent2024-register

ติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ทางเว็บไซต์ https://bit.ly/talent2024pr

หรือสอบถามผ่านทาง [email protected]

สิ้นสุดการรอคอย! การกลับมาของคู่ในตำนาน “คริส – สิงโต”

account_circle

สิ้นสุดการรอคอย! การกลับมาของคู่ในตำนาน “คริส – สิงโต” นิตยสารแพรว จัดเต็มความฟิน เคมีโดน พร้อมเปิดใจทุกเรื่อง

ร้อนแรงสุดๆ เมื่อ “คริส พีรวัส – สิงโต ปราชญา” ประกาศคัมแบ็คอย่างยิ่งใหญ่ ทำแฟนๆ ฟินกันสุดๆ เพราะเป็นการกลับมาทำงานคู่กันอีกครั้งในรอบหลายปี ทั้งซีรีส์ แฟนมีตติ้ง

และพิเศษสุดกับการถ่ายแฟชั่นคู่กันบนปกนิตยสารแพรว ฉบับ พ.ค. 67 พร้อมบทสัมภาษณ์เอ็กซ์คลูซีฟ ภาษาไทย – อังกฤษ เปิดใจถึงเรื่องราวความสัมพันธ์ของทั้งคู่ ตลอดระยะกว่า 10 ปี ที่นิตยสารแพรวเป็นที่แรก

ซึ่งทั้งคู่เปิดใจว่า “คริสรู้สึกว่าการกลับมาทำงานด้วยกันครั้งนี้ เป็นความสบายใจแบบเดิม ได้เจอบรรยากาศเก่า ๆ สถานที่เดิม คนเดิม เพื่อนร่วมงานเดิม ทีมงานเซ็ตเดิม ทุกอย่าง มันเหมือนได้ย้อนวันวานกลับไป ก็รู้สึกดีครับ” คริส

“ดีใจครับ (ยิ้ม) ที่ได้กลับมาทำงานกับคริสอีกครั้ง ต้องบอกว่าเป็นการกลับมาทำงานด้วยกันในรอบ 2-3 ปี ครั้งนี้เราทั้งคู่โตขึ้นในหลายพาร์ตเลย สบายใจที่ได้ทำงานด้วยกันเหมือนเดิม มีวุฒิภาวะมากขึ้นกว่าเดิม และเข้าใจกันมากขึ้นกว่าเดิมด้วยครับ” สิงโต

📍Pre – Order นิตยสารแพรว พ.ค. 67 (24 – 30 เม.ย. 67) ทาง

  1. แผนกสมาชิกนิตยสาร Line : @amarin-member
  2. ร้านนายอินทร์ และ https://bit.ly/3QhseGv
  3. ร้านซีเอ็ดบุ๊คเซ็นเตอร์ และ https://se-ed.com/s/dguC
  4. ร้านเสียงทิพย์บุ๊คเซ็นเตอร์ : https://bit.ly/3U9l6x7
  5. ร้านบีทูเอส : https://bit.ly/4daYncu
  6. Pre-orders from China, please contact HaveFun Entertainment
  7. * สำหรับผู้ที่ต้องการ Pre – Order นิตยสารแพรวจำนวนมาก ติดต่อทาง E-mail : [email protected] หรือ Email : [email protected]

เฮอร์บาไลฟ์ ประเทศไทย เปิดตัวแคมเปญ “ล่าขุมทรัพย์ รับซัมเมอร์”

account_circle

ฮอร์บาไลฟ์ ประเทศไทย ผู้นำบริษัทด้านสุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดีระดับโลก ต้อนรับซัมเมอร์นี้ เพิ่มดีกรีความฮอตแบบจัดเต็มสำหรับลูกค้าสิทธิพิเศษ (Preferred Customer) หรือ PCP ยกขบวนดีลสุดพิเศษ ทั้งส่วนลดและของแถมมากมาย เพื่อส่งมอบความสุขและตอบแทนลูกค้าสิทธิพิเศษทุกกลุ่ม ด้วยแคมเปญสุดปังแห่งปี “ล่าขุมทรัพย์ รับซัมเมอร์” เปิดลายแทงลับสุดเอ็กซ์คลูซีฟ เฉพาะลูกค้าสิทธิพิเศษเท่านั้นโดยลูกค้าสามารถร่วมแคมเปญได้ตั้งแต่ เม.ย. – 30 มิ.ย. 67 นี้ ด่วน! ของมีจำนวนจำกัด

โปรแกรมลูกค้าสิทธิพิเศษ (Preferred Customer Program หรือ PCP) ที่หลายคนตั้งตารอคอย ซึ่งเฮอร์บาไลฟ์เปิดตัวในปี 2564 โดยมีเป้าหมายเพื่อให้ลูกค้าประจำมีทางเลือกมากขึ้นในการเข้าถึงผลิตภัณฑ์และบริการของเฮอร์บาไลฟ์ พร้อมเพลิดเพลินกับข้อเสนอพิเศษและส่วนลดเพื่อตอบสนองความต้องการของกลุ่มลูกค้าที่ชื่นชอบในผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพของเฮอร์บาไลฟ์ ให้สามารถเข้าถึงสินค้าและบริการต่างๆ ได้ง่ายขึ้น พร้อมรับสิทธิพิเศษและส่วนลดมากมาย

สำหรับลูกค้าโปรแกรมสิทธิพิเศษที่เข้าร่วมแคมเปญ “ล่าขุมทรัพย์ รับซัมเมอร์” จะได้รับสิทธิพิเศษและส่วนลดต่าง ๆ ตามเงื่อนไข ดังนี้

  • ลูกค้าสิทธิพิเศษใหม่ รับ Welcome Gift Voucher มูลค่า 100 บาท เมื่อซื้อสินค้าสะสมครบ 50 คะแนน ภายในเดือนที่สมัคร
  • ลูกค้าสิทธิพิเศษที่แนะนำเพื่อนสมัครเป็นลูกค้าสิทธิพิเศษ: รับ Friend Gift Voucher มูลค่า 350 บาท* ต่อการแนะนำเพื่อนสำเร็จ 1 คน (ผู้ถูกแนะนำสมัครเป็นลูกค้าสิทธิพิเศษใหม่พร้อมมียอดการสั่งซื้อผลิตภัณฑ์โภชนาการหรือผลิตภัณฑ์บำรุงผิวอย่างน้อย 1 ชิ้น ภายในเดือนที่สมัคร)
  • ลูกค้าสิทธิพิเศษที่ครบกำหนดชำระค่าธรรมเนียมรายปี: รับ Together Gift Voucher มูลค่า 337 บาท เมื่อซื้อผลิตภัณฑ์โภชนาการหรือผลิตภัณฑ์บำรุงผิวอย่างน้อย 1 ชิ้น พร้อมชำระค่าธรรมเนียมรายปีในออเดอร์เดียวกัน
  • ลูกค้าสิทธิพิเศษที่เกิดในช่วงซัมเมอร์: รับ เบิร์ดเดย์ เชคเกอร์ 1 ใบ* เมื่อซื้อสินค้าสะสมครบ 100 คะแนนภายในเดือนเกิด (ต้องแลกรับทันทีภายในเดือนเกิด)

นอกจากนี้ยิ่งสะสมมาก ยิ่งได้มาก เพียงสะสมการซื้อสินค้าให้ครบตามเงื่อนไข ก็สามารถรับของรางวัลตามขั้นของการสะสมคะแนน (ของมีจำนวนจำกัด)*

  • เมื่อสะสมครบ 150 คะแนน รับ กระเป๋าสะพาย 1 ใบ
  • เมื่อสะสมครบ 300 คะแนน รับเพิ่ม Summer Gift Voucher มูลค่า 300 บาท
  • เมื่อสะสมครบ 500 คะแนน รับเพิ่ม กระบอกน้ำ 1 ใบ
  • เมื่อสะสมครบ 1,000 คะแนน รับเพิ่ม กระเป๋าเดินทาง 1 ใบ

สำหรับผู้ที่สนใจสามารถศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.myherbalife.com ติดตามความเคลื่อนไหวและกิจกรรมดี ๆ แบบนี้ได้ผ่านทาง www.facebook.com/HerbalifeThailandOfficial หรือ www.instagram.com/HerbalifeThailandOfficial

ดั่งต้องมนต์สะกด เปิด 2 ชุดไทยบรมพิมาน VS ศิวาลัย ‘แก้มบุ๋ม ปรียาดา’

Alternative Textaccount_circle

ละเอียดทุกกระเบียดนิ้ว เปิดดีเทล 2 ชุดไทยบรมพิมานและศิวาลัย ของ ‘แก้มบุ๋ม ปรียาดา‘ ที่ประดับคริสตัล Swarovki ถึง 18 ชนิด

เดินทางมาถึงวันสำคัญของ ‘แก้มบุ๋ม ปรียาดา’ และ ‘พีท กันตพร’ ที่เมื่อไม่นานนี้ได้เข้าเฝ้าสมเด็จพระสังฆราชฯ รับประทานน้ำพระพุทธมนต์ มงคลชีวิตคู่ โดยแก้มบุ๋มได้สวมใส่ชุดไทยบรมพิมานงดงามตามระเบียบ ธรรมเนียมปฏิบัติ ซึ่งเธอได้ห้องเสื้อระดับประเทศอย่าง Milan Wedding มาเป็นผู้ดูแล

โดยทางแบรนด์ได้ให้รายละเอียดชุดไว้ว่า “ชุดนี้ได้ตัดเย็บเป็นชุดไทยทรงคอตั้ง แขนกระบอก ตามแบบพระราชนิยม โดยทีมช่างที่มีความชำนาญการชั้นครู จากห้องเสื้อมิลาน เป็นชุดที่มีความเรียบหรู สื่อถึงความสง่างามแบบสูงศักดิ์

ทางห้องเสื้อมิลานใช้ผ้าไหมลายยกใหญ่ อัตลักษณ์โบราณราชสำนัก ทอแยกลายเชิง ด้วยเทคนิกพิเศษ ลาย”ราชาภิเษก” วิจิตรงดงาม การันตีรางวัลตรานกยูงพระราชทาน ใช้ระยะเวลาในการทอ 3 เดือน 22 วัน

ทอจากเส้นไหมแท้สีขาวงาช้าง และเส้นยกดอกจากดิ้นเงิน ยกดิ้นเงินหรู ทั้งเชิง หน้านาง และ เกสรไหม เป็นผ้าไหมแท้ทอมือที่สูงค่า และงดงามวิจิตรหาได้ยากยิ่ง สมกับเป็นงานมาสเตอร์พีซแห่งปี จากห้องเสื้อมิลาน”

นอกจากนี้ยังมีอีกหนึ่งชุดนั่นคือ ชุดไทยศิวาลัยสีงาช้างที่ตัดเย็บเป็นชุดไทยทรงคอตั้ง แขนกระบอก ตามแบบพระราชนิยม โดยทีมช่างที่มีความชำนาญการชั้นครู และสไบห่มสะพักตามแบบโบราณราชประเพณี ชิ้นสไบขึ้นลายปักบนผ้าไหม เป็นลายที่ได้แรงบันดาลใจมากจากสถาปัตยกรรมปูนปั้นของหัวเสาในวิหารโรมัน เป็นงานปักที่ผสมผสานด้วยวัสดุปักชั้นเลิศที่หลากหลาย ตั้งแต่เพชรกระจกรูปทรงต่างๆ ปล้อง ลูกปัดเม็ดจิ๋ว มุก เลื่อม และคริสตัล Swarovski รวมถึง 18 ชนิด ทำให้สไบผืนนี้ทั้งงดงาม หรูหรา และมีเอกลักษณ์


ข้อมูล: Instagram @milanweddingbkk

ภาพ: Instagram @milanweddingbkk, @kambum และ @chartmakeup

เด่นมาแต่ไกล! 5 ลุคเทนนิสตะโกน ‘Zendaya’ จากภาพยนตร์ Challengers

Alternative Textaccount_circle

ไม่ใช่แค่ 1 แต่ชัดถึง 5! รวมลุคเทนนิสตะโกนของ Zendaya จากภาพยนต์ Challengers

ยังคงโปรโมทกันต่อเนื่องกับภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์ Challengers ที่เล่าเรื่องราวของ ทาชิ ดันแคน นักเทนนิสหญิงมืออาชีพที่ต้องผันตัวมาเป็นโค้ชให้กับสามีของเธอที่มีชื่อว่า ‘อาร์ท’ กะทันหัน โดยมีเป้าหมายให้เขาได้ครองแชมป์อีกครั้ง อีกทั้งยังชวนคนรักเก่าอย่าง ‘แพทริค’ มาลงแข่งขันด้วยกันอีกด้วย เริ่มเห็นความยุ่งเหยิงหรือยังคะ เพราะความสัมพันธ์ของคนเหล่านี้กำลังกลายเป็นรักสามเส้า

แน่นอนว่าไฮไลท์สำคัญของเรื่องคือกีฬา ‘เทนนิส’ จึงทำให้สไตลิสต์ครีเอทลุคสุดตะโกนที่ทำให้เป็นภาพจำของ Zendaya ชนิดที่ว่าแค่เดินก็รู้ว่าภาพยนตร์ถ่ายทอดเรื่องราวเกี่ยวกับอะไร

เปิดด้วยลุคเบาๆ แต่ไวรัลไม่น้อยกับมินิเดรสลายตารางจาก Louis Vuitton คอลเล็คชั่น Spring/Summer 2013 สำหรับลุคนี้เรียกได้ว่าคงหยิบสีสันที่อยู่ในกีฬาเทนนิสมาเล่นด้วย ไม่ว่าจะสีเขียวของสนามหญ้าหรือลูกเทนนิส และสีขาวจากเส้นขอบสนามหรือลายตัดบนลูกเทนนิส มาครีเอทเป็นไอคอนลุคแสนโจษขานในวงการแฟชั่น

ลุคต่อมาสร้างเรื่องไม่แพ้กัน เมื่อเธอปรากฏตัวในมินิเดรสปักเลื่อมระยิบระยับ แต่คีย์ไอเท็มของลุคนี้ต้องยกให้กับรองเท้าประดับลูกเทนนิสจาก LOEWE ที่ได้ Jonathan Anderson มารังสรรค์ให้ เป็นอีกลุคที่ถ้าไม่สะดุดตาก็ให้รู้ไป!

สลับโหมดมาอลังการกันบ้างกับเดรสยาวสีขาวจาก Thom Browne โดยความโดดเด่นของลุคนี้อยู่ที่เทคนิคปักเลื่อมตลอดทั้งตัว อีกทั้งยังเป็นลวดลายไม้เทนนิส นอกจากนั้นส่วนของกระโปรงได้แซมด้วยผ้าตาข่ายที่ชวนนึกถึงเน็ตกลางสนาม สไตลิสต์และดีไซเนอร์ตีโจทย์ครั้งนี้แตกจริงๆ

ลุคที่ 4 นอกจากจะมีความเทนนิสแบบตะโกนแล้ว ความเซ็กซี่ก็ไม่แพ้กัน เพราะ Zendaya มาในเดรสสีเขียวนีออนแหวกอกจาก CELIA KRITHARIOTI ที่มีกิมมิกเป็นปมกลางตัวกับผ้าที่ทวิสเข้ามาจนเจอกับลูกเทนนิสนั่นเอง

และลุคสุดท้ายมาในสไตล์หวานๆ ที่ยังคงคอนเซ็ปต์ไว้ได้เป็นอย่างดีกับการหยิบสีภาพจำอย่างขาว-เขียวมาใช้กับคอสตูม โดยเดรสตัวนี้มีจากแบรนด์ ERDEM ในโลกอินเตอร์เน็ตมีคนให้แสดงความคิดเห็นว่า ‘ชุดนี้เหมือนกับสนามเทนนิสที่รอบข้างเป็นสวนดอกไม้’ อีกด้วย

จบไปแล้วกับลัคทั้งหมด ถ้าให้เลือกมาสักหนึ่งชอบชุดไหนกันคะ?
สำหรับภาพยนตร์เรื่องนี้จะเข้าฉายในวันที่ 1 พฤษภาคม หากใครเป็นแฟนคลับ Zendaya ก็ไม่ควรพลาดสุดๆ และถ้าไปดูกันก็อย่าลืมสังเกตแฟชั่นในเรื่องไว้ด้วยนะคะ เผื่อมีลุคที่ตราตรึงใจ


รูปภาพ: Getty

โมเดอร์นฟอร์ม เปิดตัวแคมเปญใหม่ “The Harmony of Aspiration”

account_circle

โมเดอร์นฟอร์มกรุ๊ป จำกัด (มหาชน) เปิดตัวแคมเปญใหม่ “The Harmony of Aspiration” ร่วมกับ 2 นักออกแบบ
ระดับประเทศ “อู๋” ภฤศธร สกุลไทย Design Director จาก PIA อินทีเรียดีไซน์สตูดิโอชั้นนำ และ “Pomme Chan”
หรือ “ปอม” ธัชมาพรรณ จันทร์จำรัสแสง ศิลปินนักวาดภาพประกอบและนักออกแบบที่ได้รับการยอมรับในระดับ
นานาชาติ ร่วมออกแบบผลงานสุดเอ็กซ์คลูซีฟกับโมเดอร์นฟอร์ม ผ่านแนวคิด ‘Harmonizing Work and Living’
เพราะเฟอร์นิเจอร์คือชิ้นส่วนสำคัญที่ช่วยเติมเต็มให้สเปซดูสมบูรณ์ กับ 2 เฟอร์นิเจอร์ชิ้นพิเศษ Outdoor Pavilion
และ Executive Desk ในวันศุกร์ที่ 19 เมษายนนี้ ณ โชว์รูม Modernform Forty 9 สุขุมวิท49

กิติพัฒก์ เนื่องจำนงค์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการ บริษัท โมเดอร์นฟอร์มกรุ๊ป จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “โมเดอร์นฟอร์มไม่เพียงแค่เป็นผู้นำในการนำเสนอนวัตกรรมเฟอร์นิเจอร์ที่หลากหลาย แต่ยังให้ความสำคัญกับการครีเอทสเปซที่ Make Sense ให้กับลูกค้าแต่ละกลุ่ม เพราะเราเข้าใจดีว่า ทุกคนมีตัวตนไม่เหมือนกัน ไลฟ์สไตล์ที่แตกต่างกัน เราอยากให้ทุกคนเป็นตัวเองได้เต็มที่ จึงออกแบบโซลูชั่นที่หลากหลาย เพื่อให้เข้าถึงลูกค้าแต่ละกลุ่มที่แตกต่างกัน

“แคมเปญ The Harmony of Aspiration มุ่งเน้นการครีเอทสเปซ ทั้งสำหรับการใช้ชีวิตและการทำงาน ที่ไม่เพียง
สะท้อนความงดงามในแง่ของการออกแบบ แต่ยังส่งเสริมการใช้งานให้มีประสิทธิภาพสูงสุด สำหรับ Living Space ที่
หลายคนมองว่าเป็นแค่พื้นที่การอยู่อาศัย แต่หากมีเฟอร์นิเจอร์ที่ Make Sense สำหรับเราสักชิ้น พื้นที่นั้นจะเป็นจุดศูนย์
รวมของคนในบ้าน สร้างช่วงเวลาแห่งความสุขร่วมกัน ส่วน Working Space แท้จริงแล้วไม่เพียงแต่เป็นพื้นที่ของการ
ทำงานเท่านั้น แต่ยังสามารถแฝงความเป็นตัวเอง เพิ่มเสน่ห์และรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ เพื่อทำให้เฟอร์นิเจอร์ชิ้นนั้น
เป็น Centerpiece ของมุมโปรดในพื้นที่ทำงานได้เช่นกัน”

นอกจากนี้โมเดอร์นฟอร์มยังมุ่งเน้นสนับสนุนดีไซเนอร์ เพราะเชื่อว่าดีไซเนอร์มีส่วนสำคัญที่จะเชื่อมโยงแนวคิด ศิลปะ
ให้เข้ากับการใช้ชีวิตของคนยุคใหม่ ทำให้พื้นที่การใช้ชีวิตและการทำงาน เต็มไปด้วยความสุขและสร้างแรงบันดาลใจ
ในการใช้ชีวิต “สำหรับ Modernform แล้ว เราเป็นแบรนด์ที่สนับสนุนดีไซเนอร์ มาตลอด โดยเฉพาะ Thai Artist ที่มี
ความสำคัญมาก เพราะเป็นกลุ่มที่มีศักยภาพและเป็นคนขับเคลื่อนธุรกิจในหลายๆ วงการ รวมถึงเรายังเป็นแบรนด์
เฟอร์นิเจอร์ที่ชอบ Explore เรื่องใหม่ แคมเปญนี้จึงชวนคุณอู๋ และคุณปอม มาร่วมเปลี่ยนสเปซให้ Make Sense กับ
พื้นที่ Living & Working ด้วยกัน”

“อู๋” ภฤศธร สกุลไทย Design Director จาก PIA Interior กล่าวถึงการออกแบบ Ou’s Waffle Pavilion ตัวแทนการเชื่อมโยงพื้นที่ภายในและภายนอกเข้าด้วยกันว่า “อยากให้พาวิลเลียนตัวนี้ เป็นสเปซตรงกลาง ระหว่างพื้นที่ interior space กับ outdoor space การออกแบบงานชิ้นนี้ มีคอนเซ็ปต์มาจากรูปแบบงานสถาปัตยกรรมโครงสร้างที่เรียกว่า WAFFLE ให้ความรู้สึกเบาและผ่อนคลายเมื่อได้ใช้งาน ตั้งใจออกแบบมาคู่กับ shading device ที่เปลี่ยนรูปแบบจากคานแข็งๆ ที่เราคุ้นตา มาเป็นผ้าที่ให้ความรู้สึกพลิ้วไหว กรองแสงได้นิดหน่อย ให้พอมีลำแสงรอดผ่านได้ ทำให้ผลงานชิ้นนี้ดูมีเสน่ห์มากยิ่งขึ้น 

“ตอนออกแบบ ผมคิดไปขนาดที่ว่า ผลงานชิ้นนี้จะไปตั้งอยู่ที่ไหนได้บ้าง ก็นึกถึงการใช้งานที่เป็นได้ทั้ง home use และ public use ไม่ว่าจะเป็นโรงแรม รีสอร์ท ริมสระน้ำผมเลยดีไซน์ให้ขนาดไม่ใหญ่มากนัก คือใหญ่กว่าเฟอร์นิเจอร์ปกติ แต่เล็กกว่าพาวิลเลียนทั่วๆ ไป พอนึกถึงสถานที่ที่ไปอยู่ ก็เลยเกิดไอเดียเรื่องโทนสี ทั้งสีเขียวที่เป็นโทนสีของต้นไม้ สีเบจเป็นโทนสีของหาดทราย และสีขาวเป็นโทนสีกลางๆ ที่อยู่ได้กับทุกๆ สเปซ ผมตั้งใจเลือกวัสดุที่แข็งแรงที่สุด และลดการเป็นสนิมจากการตั้งวางเอาท์ดอร์ ก็เลยเป็นที่มาของโครงสร้างเหล็กพ่นสีด้วยพาวเดอร์โค้ท”

เขาเสริมว่า อยากให้พาวิลเลียนตัวนี้ เป็นสเปซที่ไว้สนุกกับเพื่อนๆ และเป็น domestic space ที่ใช้เวลาอยู่กับคนรัก หรือบางครั้งก็ใช้เป็นพื้นที่ที่เราอยู่กับตัวเอง นี่แหละคือความ make sense สำหรับ “อู๋”   ภฤศธร

นอกจาการออกแบบสินค้าในงานแล้ว Design Director แห่ง PIA Interior ยังได้ออกแบบ Outdoor Space ภายใต้คอนเซ็ปต์ Hide In Botanic เพื่อครีเอทสเปซบริเวณ Terrace ของโชว์รูม Modernform Forty 9 ให้เต็มไปด้วยธรรมชาติที่โอบล้อมพาวิลเลียน และเติมม่านสีขาวให้สเปซเกิดความเคลื่อนไหวจากแรงลม ทำให้รู้สึกว่าธรรมชาติอยู่ใกล้ตัวเรามากยิ่งขึ้น

ส่วน“Pomme Chan” หรือ ปอม ธัชมาพรรณ จันทร์จำรัสแสง แบ่งปันเรื่องการออกแบบ Pomme’s Cone Table โต๊ะทำงานสำหรับผู้หญิง ที่สะท้อนคาแรกเตอร์ที่เป็นตัวเอง ไม่เพียงสวยงาม แต่ยังเสริมสร้างแรงบันดาลใจในการทำงาน “แรงบันดาลใจในการออกแบบโต๊ะตัวนี้ มาจากความทรงจำในวัยเด็ก ที่ชอบทานไอศกรีม พอนึกถึงช่วงเวลานั้น ทำให้รู้สึกถึงความสนุก สดใส รูปทรงที่ออกแบบเน้นดีไซน์ที่ดูเฟรนลี่ โค้งมน ให้ความรู้สึก Feminine ด้วยวัสดุสินค้าที่เน้นความคงทน แข็งแรง”

ศิลปินนักวาดภาพประกอบและนักออกแบบกล่าวเสริมว่า “ปอมเชื่อในพลังของผู้หญิง ที่เราสามารถสร้างการเปลี่ยนแปลงในหลายๆ เรื่องได้ อยากให้โต๊ะทำงานตัวนี้เปรียบเหมือนผู้หญิงทุกคนที่ตั้งใจทำงานอย่างหนัก แต่ก็แฝงมุมเล็กๆ น่ารักๆ ซ่อนความอ่อนโยนอยู่ภายใน ปอมใช้ผ้ากำมะหยี่พิมพ์ลาย Flower Party อยู่ที่ถาดวางใต้ท็อปโต๊ะ ความพิเศษคือขาโต๊ะหุ้มด้วยหนัง สะท้อนความรู้สึกโก้หรู โทนสีขาวที่เลือกใช้ เพราะอยากให้โต๊ะนี้เป็นเหมือนแคนวาส ที่ให้ผู้หญิงทุกคนได้แต่งแต้มสี และเติมความเป็นตัวเองลงไป และตั้งใจให้โต๊ะตัวนี้ ใช้งานได้หลากหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะใช้เป็นโต๊ะทำงาน โต๊ะเครื่องแป้ง โต๊ะรับประทานอาหาร โต๊ะสอนการบ้านลูก ปอมอยากให้คนที่ใช้โต๊ะตัวนี้ มีความสุขกับการทำงานในทุกๆ วัน”

The Harmony of Aspiration แคมเปญที่สะท้อนความมุ่งมั่นของโมเดอร์นฟอร์ม เติมเต็มความสุขและสร้างคุณภาพชีวิตทั้งการทำงานและอยู่อาศัย ผ่านการออกแบบที่ผสมผสานทั้งความงาม ฟังก์ชั่นการใช้งาน และความสะดวกสบายเข้าไว้ด้วยกัน สัมผัส 2 เฟอร์นิเจอร์ชิ้นพิเศษ Outdoor Pavilion ได้ที่โมเดอร์นฟอร์ม สาขาสุขุมวิท 49 และสาขาคริสตัล ดีไซน์เซ็นเตอร์ และ Executive Desk ได้ที่โมเดอร์นฟอร์ม สาขาสุขุมวิท 49 สาขาคริสตัล ดีไซน์เซ็นเตอร์ และสาขาศรีนครินทร์ โดย 2 เฟอร์นิเจอร์ชิ้นพิเศษนี้จะจำหน่ายแบบเอ็กซ์คลูซีฟ ที่โมเดอร์นฟอร์มเท่านั้น

นอกจากนี้ ภายในงานได้มีการเปลี่ยนสเปซโชว์รูม เพื่อเชื่อมโยงระหว่าง Living Space และ Working Space ให้ต่อเนื่องกันได้อย่างลงตัว โดยเปิดพื้นที่ให้เยี่ยมชมได้แล้ววันนี้เป็นต้นไป ณ โชว์รูม Modernform Forty 9 สุขุมวิท49 รวมทั้งติดตามข้อมูลข่าวสารและสิทธิพิเศษต่าง ๆ ได้ที่ www.modernform.co.th, Facebook: Modernform Furniture, Line@: Modernform Furniture หรือสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมโทร. 0-2094-9999      

K-POP

ทำไมดารา K-POP ถึงเดตไม่ได้! รักกันทำไมต้องห้ามเป็นแฟน?

Alternative Textaccount_circle
K-POP
K-POP

ในโลกโรแมนติก ความรักเป็นเพียงเรื่องของคนสองคน แต่ในโลกความจริง ความสัมพันธ์รักไม่อาจมีเพียงสองคนได้ โดยเฉพาะเหล่าคนดัง K-POP ต้องพบกับ แฟนคลับ ซึ่งเป็นตัวแปรสำคัญของความรักนี้

ไม่ใช่ว่าศิลปิน K-POP จะไม่สามารถออกเดตได้ เพียงแต่ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันไม่ใช่เรื่องปกติในอุตสาหกรรม เนื่องจากมีวัฒนธรรมการรักษาภาพลักษณ์ ความโสดของพวกเขาเป็นความโรแมนติกที่จะมอบให้แฟนคลับทุกคนดังนั้น การที่ศิลปินจะมีคนรักจริงๆ ถือเป็นเรื่องสั่นคลอนความนิยมเลยทีเดียว

ปัจจุบันไม่เพียงการมีคนรักเท่านั้น แต่พวกเขายังหลีกเลี่ยงการถูกตั้งคำถามเกี่ยวกับเรื่องความรัก คนรักในอุดมคติ ความคาดหวังเกี่ยวกับความรักในอนาคต เพื่อที่จะทำให้แฟนๆ ทุกคนรู้สึกไม่ผิดหวังอีกด้วย

ยิ่งไปกว่านั้นมีการตีความว่า การออกเดต เป็นหัวข้อเรื่องอื้อฉาว เพราะบ่อยครั้งไม่เพียงส่งผลกระทบต่อบุคคลเท่านั้น แต่ยังกระทบต่อสมาชิกอื่นในกลุ่มด้วย

และนี่คืออดีตคู่คนดังที่เคยเผชิญกับการต่อต้านของแฟนคลับ

จีซู & อันโบฮยอน

หลังจากที่ต้นสังกัดคอนเฟิร์มข่าวความรักของ จีซู และ อันโบฮยอน ก็เกิดกระแสในสองด้าน ด้านหนึ่งแสดงความยินดี เพราะภาพที่สื่อปาปารัสซีถ่ายมานั้นเห็นถึงความใส่ใจของ อันโบฮยอน ที่มีต่อจีซูเป็นอย่างมมาก

 ขณะที่อีกด้าน อันโบฮยอน ถูกวิจารณ์ว่าเป็นนักแสดงธรรมดาดังนั้นไม่สมควรเป็นแฟนของซูจี พร้อมคอมเม้นต์อย่างรุนแรงตั้งแต่รูปลักษณ์ จนถึงภูมิหลังของครอบครัว ที่แย่ที่สุดคือมีการไปข่มขู่ให้ทั้งคู่เลิกรากัน

แม้ต้นสังกัดจะออกมาเผยว่าทั้งสองเลิกรากันเพราะตารางงานไม่ตรงกัน แต่หลายคนเชื่อว่าเหตุผลหลักที่ทำให้ต้องยุติความสัมพันธ์ก็แพราะว่าแรงกดดันที่มากกว่า

จีซู
อันโบฮยอน

คาริน่า Aespa & อีแจอุค

หลังจากที่สื่อปาปารัสซี่เผยภาพของ คาริน่า Aespa และ อีแจอุค ก็เหมือนเป็นการบังคับกลายๆ ให้ทั้งคู่เปิดเผยความสัมพันธ์ หลังจากนั้นแฟนคลับบางส่วนได้ตอบโต้อย่างรุนแรง ด้วยการขึ้นป้ายโฆษณาอิเล็กทรอนิกส์ว่า “ความรักที่แฟนๆ มอบให้คุณยังไม่เพียงพอหรือ?”  รวมถึงมีการประกาศคว่ำบาตรเธอ จนทำให้เธอต้องออกมา เขียนจดหมายขอโทษแฟน ๆ อย่างเป็นทางการ ขณะที่คนไม่เห็นด้วยได้ออกมาขอโทษและกดดันให้ต้นสังกัดใช้มาตรการที่เข้มข้นเพื่อปกป้องศิลปิน

ทั้งนี้เปิดตัวได้ 5 สัปดาห์ ก็ต้องยุติความสัมพันธ์ ก่อนที่ทั้งคู่จะออกมาบอกว่าทั้งคู่ยังรู้สึกผิดต่อแฟน ๆ ของตัวเองด้วย คำถามคือแค่รักกันทำไมถึงเป็นเรื่อง “ผิด”

อย่างไรก็ตาม ขณะนี้มีการถกเถียงกันมากขึ้นกว่าเดิมเกี่ยวกับความจำเป็นในการเปลี่ยนแปลงในอุตสาหกรรมเพื่อให้ไอดอลมีอิสระมากขึ้นในชีวิตส่วนตัว หลายคนเห็นด้วยกับความคิดเห็นว่า “พวกเขาไม่ใช่แฟนตัวจริง สิ่งนี้ต้องหยุดดาราก็เป็นมนุษย์เหมือนกัน”

K-POP
ตระกูลณรงค์เดช

ภัทร-ณภัทร ทายาทเจเนอเรชั่น 3 ของ ตระกูลณรงค์เดช 

Alternative Textaccount_circle
ตระกูลณรงค์เดช
ตระกูลณรงค์เดช

ยิ่งโตยิ่งหล่อ ทำความรู้จัก ภัทร-ณภัทร ทายาทรุ่นหลานของ ตระกูลณรงค์เดช ความสามารถรอบด้าน การเรียน กีฬา และ  ดนตรี

ประวัติ ภัทร-ณภัทร ทายาทเจเนอเรชั่น 3 ของ ตระกูลณรงค์เดช 

ทำความรู้จัก

ณภัทร ณรงค์เดช  หรือ ภัทร อายุ 18 ปี มีพี่น้องฝาแฝดคือ พิม-พิมพ์พิศา ณรงค์เดช เป็นลูกของ กพ-กฤษณ์ ณรงค์เดช ประธานกรรมการบริหาร กลุ่มบริษัท KPN และยังเป็นหลานรักของ กรณ์ ณรงค์เดช และนางเอก ศรีริต้า เจนเซ่น ณรงค์เดช

 ตระกูลณรงค์เดช

นักกิจกรรมเพื่อสังคม

เรียกได้ว่าเดินตามรอยบรรพบุรุษได้อย่างดงาม สำหรับ ภัทร-ณภัทร ณรงค์เดช ที่มีจิตใจที่งดงาม ทำเพื่อสังคม ด้วยการจัดกิจกรรมช่วยระดมทุนสนับสนุนมูลนิธิโรงพยาบาลเด็ก ตามรอยงานเพื่อสังคมที่ทางครอบครัวสืบทอดกันมารุ่นสู่รุ่น ล่าสุดเป็นเจ้าภาพจัดงาน Tournament of Hope การแข่งขันเทนนิสการกุศล 

 ตระกูลณรงค์เดช

หนุ่มนักกีฬา

ภัทร เป็นหนุ่มเก่งมากความสามารถในแบบที่ครบเครื่องรอบด้านมากๆ ไม่ว่าจะเป็นทั้งการเรียน ดนตรี และ กีฬา มีความสามารถหลากหลายชนิดเช่น ตีเทนนิส ขี่เจ็ตสกี เล่นบาส รวมไปถึง สเก็ตบอร์ด ที่สำคัญสกิลด้านเทนนิสของน้องนั้นอยู่ในระดับแชมป์เลยดีเดียว ทั้งนี้จุดเริ่มต้นของการแข่งขันเทนนิสการกุศล  ก็เกิดจากแรงบันดาลใจที่มาจากความถนัดและใจรักกีฬา ซึ่งเป็นพื้นฐานของการมีสุขภาพร่างกายที่แข็งแรง โดยน้องภัทรมุ่งหวังจะเป็นอีกแรงขับเคลื่อนให้สังคม หันมาให้ความสำคัญต่อสุขภาพ และเพื่อให้เกิดประโยชน์กับเพื่อนๆ ผู้ป่วยเด็กในที่สุด 

ตระกูลณรงค์เดช

ผิวแก่ก่อนวัย

7 นิสัยที่ไม่ควรละเลย เพื่อป้องกันปัญหา ‘ผิวแก่ก่อนวัย’ ให้ยังดูดีแม้อายุเพิ่มขึ้น

Alternative Textaccount_circle
ผิวแก่ก่อนวัย
ผิวแก่ก่อนวัย

แม้ว่าช่วงวัยที่เพิ่มขึ้นจะมีข้อดีหลายอย่าง ทั้งประสบการณ์และความรู้ความสามารถที่เพิ่มขึ้น แต่บางอย่างก็อาจจะมีน้อยลงได้ เช่น การสูญเสียความยืดหยุ่นและความกระชับของผิว ซึ่งสิ่งนี้สามารถเกิดขึ้นได้เมื่อเราอายุมากขึ้น หากการเปลี่ยนแปลงเหล่านี้เกิดขึ้นเร็วกว่าปกติ อาจเป็นสัญญาณของปัญหาผิวแก่ก่อนวัยได้ แต่ไม่ต้องกังวล เพราะสามารถป้องกันและจัดการ ผิวแก่ก่อนวัย ด้วยคำแนะนำ 7 ข้อ จากข้อมูลในบทความหัวข้อ “11 วิธีลดริ้วรอยก่อนวัยของผิว” ของ American Academy of Dermatology Association* ได้ระะบุถึงสาเหตุของผิวแก่ก่อนวัยไว้ 2 ประการ คือ

  • ปัจจัยภายในร่างกาย หมายถึงปัจจัยทางพันธุกรรมและด้านร่างกาย รวมไปถึงการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนตามช่วงวัย
  • ปัจจัยภายนอก คือสิ่งที่เกิดจากสิ่งแวดล้อมภายนอก เช่น มลภาวะหรือรังสียูวี นิสัยการใช้ชีวิต และการสูบบุหรี่หรือกินน้ำตาลมากเกินไป

ดังนั้น เพื่อให้ผิวพรรณยังคงดูดี แม้อายุจะมากขึ้น ควรมุ่งเน้นจัดการไปที่ปัจจัยภายนอกที่สามารถควบคุมได้ โดยทำตามข้อที่ควรทำและไม่ควรทำ 7 ประการ ดังต่อไปนี้

1. ไม่ควรทำ: พึ่งค่าการป้องกันแสงแดดจากเครื่องสำอางเพียงอย่างเดียว

  • แม้ปัจจุบันเครื่องสำอางจำนวนมากจะที่มีค่าการป้องกันแสงแดด หรือ SPF มากขึ้น แต่เครื่องสำอางเหล่านี้มักไม่อาจให้การปกป้องผิวที่ครอบคลุมเสมอไป เช่น กันรังสี UVB ที่ทำให้ผิวหนังแดงและไหม้จากแสงแดดได้ แต่ไม่สามารถป้องกันรังสี UVA ซึ่งเป็นรังสีที่ทำให้เกิดริ้วรอยและจุดด่างอายุ
  • ควรทำ: ทาครีมกันแดดที่มีค่า SPF ครอบคลุมทั้ง UVA และ UVB ก่อนแต่งหน้า

2. ไม่ควรทำ: ใช้สบู่ที่ทำให้ผิวแห้ง

  • สบู่ก้อนทั่วไปอาจมีส่วนผสมของ แอลกอฮอล์ น้ำหอม และสารทำความสะอาดซัลเฟต ที่จะดึงน้ำมันตามธรรมชาติออกจากผิว ทำให้เกราะป้องกันผิวอ่อนแอลงจนผิวแห้งขาดน้ำ และไม่สามารถป้องกันตัวเองจากการระคายเคืองได้ เช่น มลภาวะ ไวรัส และแบคทีเรีย ถึงแม้ว่าผิวแห้งจะไม่ทำให้เกิดริ้วรอย แต่ก็ทำให้ริ้วรอยเห็นเด่นชัดขึ้น
  • ควรทำ: ใช้น้ำยาทำความสะอาดที่ให้ความชุ่มชื้น ปราศจากสารซัลเฟต และตามด้วยมอยเจอร์ไรเซอร์ที่มีสารต้านอนุมูลอิสระ เช่น วิตามิน A, C และ E

3. ไม่ควรทำ: ละเลยการนอนหลับ

  • เมื่อร่างกายของเราได้พักผ่อน ร่างกายจะฟื้นฟูตัวเองใหม่ ช่วยสร้างเซลล์ผิวใหม่ กระตุ้นการผลิตคอลลาเจน และช่วยให้ผิวได้หยุดพักจากสิ่งรบกวนภายนอก (รังสียูวี มลภาวะ) จากผลการศึกษาในหัวข้อ “คุณภาพการนอนมีผลต่อความแก่ชราที่ผิวหรือไม่” ของภาควิชาโรคผิวหนัง ศูนย์การแพทย์ UH Cleveland** พบว่า การนอนหลับที่ไม่ดีอย่างเรื้อรังมีความสัมพันธ์กับความแก่ชราที่เพิ่มขึ้นจากปัจจัยภายใน ส่งผลให้ปราการผิวทำงานลดลง และความมั่นใจด้านรูปลักษณ์ภายนอกลดลง
  • ควรทำ: นอนหลับให้พอ 6 ถึง 8 ชั่วโมงต่อวัน และพยายามรักษาสุขอนามัยในการนอนหลับที่ดี เช่น
    • ดูให้แน่ใจว่าห้องนอนของเราเงียบและมืดสนิทก่อนเข้านอน
    • ตื่นและเข้านอนในเวลาเดียวกันทุกวัน
    • หลีกเลี่ยงการจ้องหน้าจอก่อนเข้านอน

4. ไม่ควรทำ: ขยี้ตาเป็นประจำ

  • ผิวหนังรอบดวงตาบอบบางเป็นพิเศษ ดังนั้นการขยี้บ่อยๆ อาจทำให้เกิดริ้วรอย และรอยคล้ำได้ โดยเฉพาะผู้ที่เป็นโรคผิวหนังอย่าง โรคผิวหนังอักเสบ โรคผื่นผิวหนัง หรือภูมิแพ้ ทำให้ขยี้ตาบ่อย
  • ควรทำ: ไปพบแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านภูมิแพ้หรือแพทย์ผิวหนัง เพื่อตรวจหาสาเหตุที่อาจทำให้เกิดอาการระคายเคืองและต้องขยี้ตา รวมไปถึงการรักษาที่เหมาะสม

5. ไม่ควรทำ: ปล่อยให้ตัวเองเครียดบ่อยๆ

  • จากบทความของ Harvard Health ในหัวข้อว่า “ความเครียดมีผลต่อผิว และร่างกายด้านอื่นๆ” ได้ระบุไว้ว่า ความเครียดสามารถส่งผลเสียต่อสุขภาพผิวโดยรวม และทำให้ปัญหาผิวหลายอย่างรุนแรงขึ้น ทั้งโรคสะเก็ดเงิน ผิวหนังอักเสบ สิว และผมร่วง เนื่องจากความเครียดเรื้อรังเชื่อมโยงกับการผลิตฮอร์โมนคอร์ติซอลที่มากเกินไป ทั้งยังมีส่วนทำให้แก่เร็ว เพราะร่างกายเกิดการอักเสบที่เพิ่มขึ้นและมีการผลิตเซลล์อนุมูลอิสระมากเกินไป
  • ควรทำ: ลองเปลี่ยนไลฟ์สไตล์และวิธีคิดใหม่เพื่อลดความเครียด ตัวอย่างเช่น

6. ไม่ควรทำ: ใช้หลอด

  • การห่อริมฝีปากซ้ำๆ ทำให้เกิดริ้วรอยรอบปาก เนื่องจากเวลาที่เราจิบน้ำจากหลอดทำให้กล้ามเนื้อบริเวณริมฝีปากจะถูกกระตุ้น ยิ่งเรากระตุ้นกล้ามเนื้อมากเท่าไรก็ยิ่งสร้างรอยย่นในผิวหนังมากขึ้น โดยเฉพาะอายุที่มากขึ้น เนื่องจากผิวหนังสูญเสียอีลาสติน
  • ควรทำ: พยายามหลีกเลี่ยงการใช้หลอดทุกครั้งที่ทำได้ รวมทั้งยังช่วยสิ่งแวดล้อมด้วยการลดการใช้พลาสติกแบบใช้ครั้งเดียวทิ้ง

7. ไม่ควรทำ: ละเลยการใช้แว่นกันแดด

  • คนส่วนใหญ่มักสวมแว่นกันแดดเพียงเพื่อลดแสงสะท้อนจากดวงอาทิตย์เท่านั้น แต่ความจริงแล้วแว่นกันแดดเป็นหนึ่งในไอเท็มสำคัญในชีวิตประจำวัน เพราะสามารถช่วยปกป้องดวงตาจากรังสียูวีที่เป็นอันตรายต่อเปลือกตา เลนส์ จอประสาทตา และกระจกตาได้ ไม่ว่าจะเป็นวันที่มีเมฆมากหรืออากาศหนาวก็ตาม รวมทั้งรังสียูวียังสร้างความเสียหายต่อผิว ทำให้เกิดความแห้งกร้าน ริ้วรอย ความเหี่ยวย่นของผิวหนังที่เด่นชัด ตลอดจนสูญเสียความยืดหยุ่น และเกิดรอยด่างดำ
  • ควรทำ: สวมแว่นกันแดดมีคุณภาพที่สามารถป้องกันรังสี UVA และ UVB ได้ 100%

ข้อมูล: ลอร่า ชาคอน-การ์บาโต ผู้อำนวยการฝ่ายการศึกษาและการฝึกอบรมด้านโภชนาการทั่วโลกของเฮอร์บาไลฟ์
ภาพ: Pexels


เกาหลีใต้ คลั่งไคล้อยู่กับความงามจนสร้างมาตรฐานสำหรับ 'สัดส่วนใบหน้า'

เกาหลีใต้ หมกมุ่นกับความงามจนสร้างมาตรฐานสำหรับ ‘สัดส่วนใบหน้า’

Alternative Textaccount_circle
เกาหลีใต้ คลั่งไคล้อยู่กับความงามจนสร้างมาตรฐานสำหรับ 'สัดส่วนใบหน้า'
เกาหลีใต้ คลั่งไคล้อยู่กับความงามจนสร้างมาตรฐานสำหรับ 'สัดส่วนใบหน้า'

อย่างที่รู้กันดีว่า เกาหลีใต้ เป็นหนึ่งในประเทศที่ให้ความสำคัญกับเรื่องมาตรฐานความงาม จึงกลายเป็นบรรทัดฐานสำหรับคนทั่วไปที่มีความอ่อนไหว เมื่อพูดถึงการทำศัลยกรรมพลาสติกและการรักษาความงามรูปแบบใหม่ที่กำลังมาแรง ซึ่งก่อนหน้านี้ “การผ่าตัดวงแหวนตา” กลายเป็นปัญหาใหญ่ เนื่องจากการผ่าตัดมีเป้าหมายเพื่อให้รูม่านตาใหญ่ขึ้น ซึ่งให้ผลคล้ายกับการใส่เลนส์วงกลม และล่าสุดก็มาถึงเทรนด์สัดส่วน “หน้ากลาง” หากดูการเปรียบเทียบภาพถ่ายด้านล่าง จะแสดงให้เห็นว่าแม้ขนาดใบหน้าจะเท่ากันแต่ก็สามารถดูแตกต่างออกไปได้ ขึ้นอยู่กับสัดส่วนของใบหน้าที่อยู่ตรงกลาง

ซึ่งน่าประหลาดใจที่มีคนจำนวนมากหมกมุ่นอยู่กับบริเวณส่วนกลางของใบหน้า

  • “แล้วถ้าใบหน้าสั้นไปหรือยาวไปล่ะ? ตอนนี้มันเกินกว่าคนดัง แต่คนธรรมดาก็มักบอกว่าเครียดและอยากผ่าตัดใบหน้าให้สมส่วน ซึ่งในบางกรณีเป็นสิ่งที่แก้ไขไม่ได้ด้วยซ้ำ การหมกมุ่นอยู่กับมันมีแต่จะทำให้รู้สึกไม่ดีกับใบหน้าตัวเอง”
  • “ปกติฉันมองเรื่องความงามโดยรวม เลยได้ยินแต่เรื่องสัดส่วน ‘หน้ากลาง’ จากบอร์ดชุมชนออนไลน์เท่านั้น ฉันตกใจมากที่พวกเขาเปรียบเทียบคนดังสวยๆ กับวิธีนี้”
  • “ฉันได้ยินวลีนี้ครั้งแรกจากบอร์ดชุมชนออนไลน์”
  • “ทั้งหมดนี้เป็นเพราะความสวยของ YouTuber พวกเขามักจะพูดถึงบริเวณหน้าส่วนกลางเวลาแต่งหน้า ตอนนี้เราถูกล้างสมองเพราะพวกเขาพูดถึงมันมาก”
  • “ยิ่งคุณหมกมุ่นอยู่กับใบหน้าของคุณมากเท่าไหร่ ใบหน้าของคุณก็จะยิ่งยาวขึ้นเท่านั้น”
  • “คุณต้องตระหนักว่า ยิ่งคุณหมกมุ่นอยู่กับเรื่องแบบนี้มากเท่าไร มันก็ยิ่งแย่ลงเท่านั้น”
  • “ว้าวไม่เคยรู้เลยว่าจะมีมาตรฐานสำหรับสิ่งนี้”
  • “ฉันก็มีสัดส่วนของใบหน้าที่ยาวปานกลางเหมือนกัน แต่ฉันก็รับได้กับใบหน้าของฉัน ฉันไม่เคยคิดที่จะแก้ไขมัน แต่อยากกำจัดไขมันส่วนเกิน”
  • “มันบ้ามากที่คิดว่าเรากำลังพูดถึงใบหน้าของเราราวกับว่ามันเป็นชิ้นเนื้อ มีคนดังในอเมริกาที่มีใบหน้ายาวและสบายดี”
  • “ฉันไม่เคยคิดถึงเรื่องนี้มาก่อน.. ไม่อยากเชื่อเลยว่าผู้คนจะถกเถียงกันเกี่ยวกับเรื่องนี้”
  • “ฉันรู้จักคนที่หมกมุ่นอยู่กับใบหน้าตรงกลางเหมือนกัน พวกเขายังหมกมุ่นอยู่กับดวงตาของพวกเขาด้วย”

คุณคิดอย่างไรเกี่ยวกับมาตรฐานความงามเหล่านี้

Photo: Pexels


Aesop ปักหมุดซิกเนเจอร์สโตร์สาขาแรกในไทย Thonglor 13 ตกแต่งศิลปะร่วมสมัยคงกลิ่นอายความเป็นไทย

Aesop ปักหมุดซิกเนเจอร์สโตร์สาขาแรกในไทย Thonglor 13 ตกแต่งศิลปะร่วมสมัยคงกลิ่นอายความเป็นไทย

Alternative Textaccount_circle
Aesop ปักหมุดซิกเนเจอร์สโตร์สาขาแรกในไทย Thonglor 13 ตกแต่งศิลปะร่วมสมัยคงกลิ่นอายความเป็นไทย
Aesop ปักหมุดซิกเนเจอร์สโตร์สาขาแรกในไทย Thonglor 13 ตกแต่งศิลปะร่วมสมัยคงกลิ่นอายความเป็นไทย

คนรักงานผิวโปรดทราบ Aesop (เอสอป) แบรนด์สกินแคร์ชั้นนำสุด Niche จากออสเตรเลีย เปิดตัว “Aesop Thonglor” (เอสอป ทองหล่อ) ซิกเนเจอร์สโตร์ แห่งแรกในประเทศไทยอย่างเป็นทางการ ณ ร้านเอสอป ทองหล่อ ซอย 13

Aesop ปักหมุด ซิกเนเจอร์สโตร์ สาขาแรกในไทย Thonglor 13 ตกแต่งศิลปะร่วมสมัยคงกลิ่นอายความเป็นไทย

โดยการออกแบบร้าน Aesop Thonglor คือเรือนไม้ที่แวดล้อมด้วยแสงและเงา ที่ได้แรงบันดาลใจจากเสน่ห์และวัฒนธรรมท้องถิ่นของกรุงเทพมหานคร ผสานเข้ากับสไตล์การตกแต่งและออกแบบที่ทันสมัย โดยได้ Sher Maker Studio สตูดิโอสถาปนิกชาวไทยผู้เต็มเปี่ยมไปด้วยความคิดสร้างสรรค์และพลังของการออกแบบสิ่งใหม่มาร่วมออกแบบในครั้งนี้ ทำให้ Aesop Thonglor ถูกออกแบบให้มีกลิ่นอายของสถาปัตยกรรมที่เปี่ยมด้วยอัตลักษณ์ของความเป็นไทยและแคว้นถิ่นใกล้เคียง

ภายในร้าน Aesop Thonglor ถูกแบ่งออกเป็นสองส่วน คือ ส่วนพื้นที่หลัก ซึ่งประกอบไปด้วยงานไม้จากเทคนิคต่างๆ ส่วนฝาผนังนั้นตกแต่งด้วยขวดแก้วสีอำพันเรียงรายอวดโฉมผลิตภัณฑ์จาก Aesop ละลานตา ทั้งสำหรับผิวหน้า ผิวกาย เส้นผม และสำหรับใช้ภายในบ้าน นับเป็นการผสมผสานงานฝีมือท้องถิ่นและศิลปะวัฒนธรรมร่วมสมัยเข้ากันอย่างลงตัว เปรียบดั่งการหลอมรวมชีวิตของผู้คนในชุมชนเข้าด้วยกัน โดยหนึ่งในรายละเอียดสำคัญคืออ่างล้างมือที่สร้างขึ้นจากหินแกรไนต์ชนิดเดียวกับที่นิยมใช้ในห้องครัวท้องถิ่นซึ่งตั้งอยู่ใจกลางของร้าน เกิดเป็นความลื่นไหลของดีไซน์รอบด้าน อีกทั้งในส่วนของห้องฝาไหลจากเทคนิคของบ้านไทยโบราณที่ถูกออกแบบมาเพื่อมอบประสบการณ์ความเงียบและเป็นส่วนตัว กอปรกับประตูบานเลื่อนที่ได้แรงบันดาลใจมาจากเรือนไม้ทางภาคเหนือของประเทศไทย ที่ถูกประยุกต์ขึ้นเพื่อช่วยปรับโฉมให้ห้องแห่งนี้มีความสัมพันธ์กันระหว่างความสันโดษและความเปิดเผย ส่วนภายใต้ซุ้มคือตู้เก็บกลิ่นหอมด้วยคอลเล็คชั่นความหอมจาก Eaux de Parfum รวมถึงผืนผ้าสำหรับการบ่มเพาะความหอม

Catherine O’Dea, GM Strategy, Sustainability & Growth ตัวแทนของ Aesopกล่าวว่า “ด้วยวิสัยทัศน์ที่ชัดเจนดั่งนโยบายของเอสอป ที่มุ่งเน้นในการรักษาความสมดุลของวิทยาศาสตร์และศาสตร์ของธรรมชาติเข้าไว้ด้วยกัน กลยุทธ์และความคิดสร้างสร้างสรรค์ของเอสอปจึงมีความพิถีพิถัน เพื่อสร้างสรรค์สิ่งใหม่จนเกิดความแข็งแกร่งและพร้อมจะเดินต่อไปอย่างมีประสิทธิภาพ ดังนั้นการเลือกเปิดสาขาใหม่ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้นี้ นับว่าเป็นกลยุทธ์สำคัญในการผลักดันให้เราก้าวต่อไปได้อย่างมั่นคง”

Aesop Thonglor ซิกเนเจอร์สโตร์แห่งแรกในไทย และจะเริ่มต้นเปลี่ยนแปลงวิธีการสื่อสารระหว่างแบรนด์กับผู้คน ด้วยการสื่อสารผ่านหน้าร้านที่เต็มไปด้วยเรื่องราว ศาสตร์ของการดูแลผิว และกลิ่นอายของสถาปัตยกรรมในแบบฉบับของเอสอป ผ่านผลิตภัณฑ์ต่างๆ ที่ถูกเรียงรายอยู่ภายในร้าน

พบกับซิกเนเจอร์สโตร์แห่งแรกในประเทศไทย ที่เต็มเปี่ยมไปด้วยกลิ่นอายของศิลปะวัฒนธรรมร่วมสมัยและเสน่ห์ที่แฝงแนวคิดได้แล้ววันนี้ ณ Aesop Thonglor Signature Store ทองหล่อ ซอย 13


สกาย-สุทธินันท์ เทียนสุวรรณ

เปิดโลกอีกใบของ สกาย-สุทธินันท์ เทียนสุวรรณ ที่รู้จักแล้วจะหลงรัก

Alternative Textaccount_circle
สกาย-สุทธินันท์ เทียนสุวรรณ
สกาย-สุทธินันท์ เทียนสุวรรณ

ถือเป็นอีกหนึ่งหนุ่มที่มากความสามารถ ไม่ว่าจะเป็นเด็กกิจกรรม เล่นดนตรี รวมไปถึงความสามารถในด้านการแสดง “สกาย สุทธินันท์ เทียนสุวรรณ”  หรือ ไม้ จากละคร ทายาทไหทองคำ ทางสถานีโทรทัศน์ช่อง 8 หนุ่มขาว ตี๋ สุดน่ารัก ที่หลายคนเห็นความสามารถในการแสดงถึงขั้นต้องถามว่าหนุ่มน้อยคนนี้คือใคร อยากจะให้เปิดวาร์ปจนใจสั่น ซึ่งบอกเลยว่า น้องสกายไม่ได้พกพามาแต่ความน่ารัก แต่ยังมีความสามารถที่รอมัดใจแฟน ๆ อีกมากมาย ที่กล้าพูดเลยว่า ยิ่งรู้จัก ยิ่งรักเลย แน่นอน

 สกาย สุทธินันท์ เทียนสุวรรณ เกิดเมื่อวันที่ 13 เมษายน 2544 อายุ 23 ปี สูง 180 น้ำหนัก 60 พื้นเพเป็นคนกรุงเทพมหานคร จบการศึกษาจาก โรงเรียนสารสาสน์วิเทศรังสิต และ กำลังศึกษาที่ มหาวิทยาลัย นอร์ทกรุงเทพ คณะนิเทศศาสตร์ มีดีกรีเป็นถึงเดือนคณะ และยังได้รับตำแหน่งเดือนมหาวิทยาลัยอีกด้วย

สกายถือเป็นนักแสดงดาวรุ่งแต่ไม่ใช่ว่าขาดประสบการณ์เพราะก่อนหน้านี้เขาเคยมีผลงานดังมากมายในฐานะนักแสดงเด็ก อาทิ มาลัยสามชาย ,เรือนกาหลง ,มือปราบเจ้าหัวใจ ,มือปราบพ่อลูกอ่อน และละครดังทางช่องสาม เรื่อง แค้นเสน่หา

สกาย-สุทธินันท์ เทียนสุวรรณ

อย่างไรก็ตามปัจจุบันเป็นนักแสดงในสังกัดช่อง 8 ซึ่ง หนุ่มสกาย นั้นถือว่าเป็นนักแสดงฝีมือดี อีกคนหนึ่งที่จะไม่พูดถึงไม่ได้เลย แม้ละคร ทายาทไหทองคำ จะเป็นเรื่องแรกของทางช่อง 8 สำหรับ สกาย แต่เขาก็ทำผลงานออกมาได้ดี จนคนดูทึ่งในฝีมือการแสดง และส่งคำชมให้ไม่ยั้ง ทั้งยังพากันอยากรู้ว่าเขาคือใคร

แต่นอกจาก เรื่องของผลงานการแสดงที่มากฝีมือนั้น เขาก็ยังเป็นหนุ่ม สายดนตรี มีความสามารถในด้านการเล่นกีตาร์ และ มือคีย์บอร์ดวง badbabyband ที่มีเวลาก็มักจะฟอร์มวงซ้อมดนตรีอยู่กับเพื่อนๆเสมอ แถมยังดูหลงใหลดนตรีเป็นชีวิตจิตใจ ทำให้เราได้เห็นโลกอีกใบของ หนุ่มสกาย และยังมีอีกหนึ่งความชื่นชอบของ สกาย กับกิจกรรมเล่นบาสเกตบอลเรียกได้ว่าเอาดีด้านกีฬาขนาดนี้ ก็ต้องอวด หุ่นแซ่บๆ นี้ ให้เราได้เห็นผ่านทางไอจี @skycoop บอกเลยว่าใครยังไม่ได้เข้าไปดู รีบตามไปกันด่วน เพราะรูปที่คุณเขาลง กล้าพูดได้เลยว่าคุณจะโดนตกไม่รู้ตัว นอกจากใบหน้า เป็นอาวุธที่ไว้มัดใจแฟน ๆ แล้ว อุปนิสัยของสกายยังมีความ อ่อนโยน เป็นธรรมชาติ มีมุมน่ารักๆ ทำเอาใครที่ได้ร่วมงาน นั้นต้องหลุดยิ้มไปตามๆ กัน เพราะ หนุ่มคนนี้เป็นคนขี้เล่นมาก ใครที่ได้อยู่ใกล้เขาเป็นต้องสบายใจ กันไปถ้วนหน้า

เอาเป็นว่า ถ้าใครชื่นชอบหนุ่มน้อยคนนี้ สามารถติดตามชมผลงานได้ใน ละคร ทายาทไหทองคำ ทุกวันจันทร์-พฤหัสบดี เวลา 18.00 น. ทางช่อง 8 กดเลข 27  และสามารถติดตามทุกความเคลื่อนไหว และทุกไลฟ์สไตล์ของสกายได้ที่ ในอินสตาแกรมได้ที่ skycoop_ และ Tiktok : skycoop_

ลวดลายเต็มใบ! เปิด 3 กระเป๋าผ้าแจ็คการ์ด Dior ของ จีซู BLACKPINK

Alternative Textaccount_circle

หนึ่งในไอเท็มลูกรัก! เปิดดีเทล 3 กระเป๋าผ้าแจ็คการ์ด Dior ของ จีซู BLACKPINK

ก่อนไปเปิดดีเทลกระเป๋าทั้ง 3 ใบ เราอยากพาทุกคนมารู้จัก ผ้าแจ็คการ์ด (Jacquard) สักเล็กน้อย โดยนิยามแล้วคือเป็นผ้าที่มีลวดลายในตัว โดยใช้เทคนิคของเครื่องทอที่ทำให้ผ้าเกิดลวดลาย เหมือนกับ Dior ที่รังสรรค์ลวดลายเป็นสัญลักษณ์ CD เอกลักษณ์ประจำแบรนด์

Medium D-Vibe Bowling Bag

เริ่มต้นด้วยใบล่าสุดที่ทำให้อยากรวมกระเป๋าผ้าแจ็คการ์ดของจีซูนั่นคือ ‘Medium D-Vibe Bowling Bag’ ที่ปล่อยออกมาในคอลเล็คชั่นล่าสุด Fall 2024 ด้วยดีไซน์กระเป๋าโบว์ลิ่ง เพรียวบางและทันสมัย ความโดดเด่นนอกจากผ้าแจ็คการ์ดที่เป็นพระเอกแล้ว ก็อยู่ที่ชาร์มห้อยกระเป๋าที่สลักลาย Christian Dior Paris สีทองเอาไว้ สำหรับราคาอยู่ที่ 120,000 บาท

Medium DIOR KEY BAG

ต่อมา Medium DIOR KEY BAG กระเป๋าถือที่ฮ็อตสุดๆ เพราะ Sold out หมดเว็บไซต์เป็นที่เรียบร้อยด้วยดีไซน์ที่ดูหรูหรา แต่ยังใช้ได้ในหลายโอกาสทั้งในชีวิตประจำวันและงานสำคัญ สำหรับความโดดเด่นของใบนี้ยกให้กับความเรียบง่ายแต่แฝงดีเทลอันละเอียดยิบไว้ในผ้าแจ็คการ์ด

Small CD Besace Bag

ใบสุดท้ายเอาใจสายลุย เพราะกวาดตามองรวมๆ แล้วยังไงใบนี้ก็ต้องขึ้นแท่น Everyday Bag เพราะมาในรูปทรงใหญ่ที่พร้อมจุของได้เยอะ อีกทั้งยังปรับสายสะพายให้กลายเป็น Crossbody ได้อีกด้วย รับรองว่าสะดวกต่อการใช้งานแน่นอน แต่ถึงอย่าง Dior ก็ยังไม่ทิ้งความหรูหราเพราะสัญลักษณ์ CD สีทองยังชวนสะดุดตาอยู่เสมอ


รูปภาพ: Instagram @sooyaa__

MANGO จับมือ Victoria Beckham ครีเอทแคปซูลคอลเลกชั่นใหม่ พร้อมปล่อยคอลเลกชันต้อนรับ SPRING/SUMMER 2024 เรียบ หรู สไตล์สาวแมงโก้

account_circle

MANGO (แมงโก้) ขอต้อนรับฤดูกาล Spring/Summer 2024 ด้วยแคปซูลคอลเลกชันสุดพิเศษ Victoria Beckham x MANGO ที่ออกแบบโดยเซเลบริตี้และดีไซน์เนอร์คนดังชาวอังกฤษอย่าง วิคตอเรีย เบ็คแฮม ในคอลเลกชันนี้สะท้อนให้เห็นถึงแก่นแท้และอัตลักษณ์ของความเป็นผู้หญิงออกมาได้เป็นอย่างดี ซึ่งการทำงานร่วมกันครั้งนี้ถือเป็นการสร้างปรากฏการณ์ใหม่ให้กับวงการแฟชั่น โดยได้หยิบยกสไตล์อันเป็นเอกลักษณ์ของทั้งสองแบรนด์มาผสมผสานไว้ได้อย่างลงตัวและสมบูรณ์แบบ

Victoria Beckham x MANGO เป็นคอลเลกชันที่ผสานระหว่าง ความหรูหรา คลาสสิก สไตล์อังกฤษอันไร้ที่ติของแบรนด์ Victoria Beckham และการออกแบบที่ร่วมสมัยแต่แฝงไปด้วยรายละเอียดแห่งความพิถีพิถันตามแบบฉบับของ MANGO โดยคอลเลกชันนี้เน้นเรื่องของการตัดเย็บที่มีความพิถีพิถัน รวมถึงคุณภาพและดีไซน์ที่เรียบหรู มีทั้งชุด  เดรสสำหรับผู้หญิง เสื้อถักอเนกประสงค์ รวมถึงกระเป๋า เครื่องประดับ และรองเท้า ที่โดดเด่นจนต้องกลายเป็นสินค้า Must Have! ของฤดูกาลนี้ที่สาว ๆ ต้องมีติดตู้เสื้อผ้า ซึ่งแคปซูลคอลเลกชันพิเศษนี้ เป็นคอลเลกชันล่าสุดหลังจากเคยได้ร่วมมือกับแบรนด์ ศิลปิน และผู้มีพรสวรรค์อื่น ๆ ไม่ว่าจะเป็น SIMONMILLER, Camille Charrière และ Pernille Teisbaek  สำหรับคอลเลกชัน Victoria Beckham x MANGO จะออกจำหน่ายพร้อมกันทั่วโลก วันที่ 23 เมษายนนี้ ซึ่งตรงกับช่วงวันเกิดปีที่ 40 ของแบรนด์ MANGO อีกด้วย (ในประเทศไทยวางจำหน่ายเฉพาะที่ร้าน MANGO สาขาเซ็นทรัลเวิลด์ และช่องทางออนไลน์เท่านั้น)

นอกจากนี้ MANGO ยังได้เปิดตัวเอ็กซ์คลูซีฟคอลเลกชันสุดพรีเมียมอย่าง Selection Linen Collection ที่มายกระดับสไตล์การแต่งตัวของคุณได้อย่างลงตัว โดยได้รับแรงบันดาลใจมาจากผ้าปูโต๊ะสไตล์วินเทจที่ใช้วัสดุหลักคุณภาพสูงอย่าง ผ้าลินิน ผ้ารามี และผ้าฝ้าย ตกแต่งด้วยลูกไม้ หนัง และวัสดุธรรมชาติ  โดดเด่นด้วยการตัดเย็บที่ประณีตและงานปักแฮนด์เมด มาในโทนสีมินิมอล อบอุ่น สบายตา ประกอบไปด้วย ชุดเดรส เสื้อเชิ้ตผ้าพลิ้ว เครื่องประดับหนัง ต้อนรับการเปลี่ยนแปลงของฤดูกาลที่มาพร้อมกับการสร้างสรรค์เสื้อผ้าที่บ่งบอกตัวตนของผู้หญิง เรียบง่ายแต่สง่างาม ถอดแบบมาจาก DNA ที่ชัดเจนของ MANGO นั่นเอง

ในขณะเดียวกัน MANGO ได้นำเสนอเสื้อผ้าคอลเลกชันที่เป็นทางการมากขึ้นสำหรับซีซั่น Spring/Summer 2024  โดยเน้นดีไซน์อันเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวของ MANGO ผ่าน 3 เฉดสีหลัก ได้แก่ สีน้ำเงิน (Klein) แสดงถึงความมีชีวิตชีวาและทรงพลังเบลนด์เข้ากับคู่สีคลาสสิคที่ไม่มีวันล้าสมัยอย่าง สีดำ และสีขาวได้อย่างลงตัว, สีแดง ที่ถ่ายทอดความร้อนแรงผ่านเฉดสีปาปริกา (Paprika) มีทั้งชุดสูทแบบเซ็ต 3 ชิ้น เดรสยาว และจั๊มสูท ประดับด้วยดอกไม้ทอลายนูน สร้างมิติอันน่าดึงดูดได้เป็นอย่างดี, สีชมพู (Bubble-gum pink) สัมผัสความอ่อนหวานสไตล์ลูกคุณหนู แมทช์กับโทนสีเบจ ครีม ขาว และน้ำตาล (Ecru) ที่มีทั้งชุดออกงานกลางคืนแบบเรียบหรูและพิมพ์ลาย รวมถึงสูท และกางเกงขายาวทรงกว้าง ในขณะที่ลายดอกไม้ขนาดใหญ่ และลายจุด (Polka dot) ที่เปรียบเสมือนเอกลักษณ์เฉพาะประจำซีซันนี้ของ MANGO นั้นยังคงอยู่ พร้อมให้คุณเฉิดฉายได้ในทุกงานสำคัญ

สำหรับแคปซูลคอลเลกชัน Victoria Beckham x Mango และ Selection Linen Collection รวมถึงเสื้อผ้าเอ็กซ์คลูซีฟคอลเลกชันพิเศษ จะมีวางจำหน่ายเฉพาะที่ร้าน MANGO ชั้น 1 โซนอีเดน ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ และพบกับ MANGO Spring/Summer 2024 Collection ได้แล้ววันนี้ ที่ร้าน MANGO ทุกสาขา หรือ ช้อปผ่านช่องทางออนไลน์ได้ที่เว็บไซต์  MANGO.com    

ชวิณ เจียรวนนท์

5 เรื่องราวเกี่ยวกับ ชวิณ เจียรวนนท์ ทายาทเครือเจริญโภคภัณฑ์ (CP)

Alternative Textaccount_circle
ชวิณ เจียรวนนท์
ชวิณ เจียรวนนท์

เรียกว่าเป็นหนุ่มในวงการนักธุรกิจที่กำลังเป็นสนใจของโลกโซเชียลในขณะนี้เลยสำหรับ ชวิณ เจียรวนนท์ เพราะล่าสุดเขาตกเป็นข่าวความรักกับนักแสดงสาวแถวหน้าของประเทศไทย เบลล่า-ราณี แคมเปน หลังมีภาพร่วมทริปกันที่จังหวัดระยอง ซึ่งก็ทำให้หลายคนอยารู้จักกับหนุ่มคนนี้เป็นอย่างมาก วันนี้ แพรว จึงขอรวบรวมเรื่องราวของทายาทนักธุรกิจใหญ่มาให้ได้ทราบกัน

ครอบครัวยืนหนึ่งมหาเศรษฐีไทย

ชวิณ เจียรวนนท์ หรือ วิล เป็นลูกชายของคุณทิวาลักษณ์ เจียรวนนท์ กับ บิ๊กขจร เจียรวนนท์ กรรมการบริหาร บริษัท เครือเจริญโภคภัณฑ์ จำกัด รวมถึง ประธานบริษัท ทรูพรอพเพอร์ตีส์ จำกัด และประธานสโมสรทรู แบงค็อก ยูไนเต็ด โดยในปี 2566 Forbes Thailand ได้จัดอันดับความมั่งคั่งของพี่น้อง เจียรวนนท์ ยืนหนึ่งมหาเศรษฐีไทยด้วย มูลค่าทรัพย์สินสุทธิ 3.4 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐหรือประมาณ 1.18 ล้านล้านบาท

ชวิณ เจียรวนนท์

การศึกษายังเริ่ด

ด้านการศึกษา จบการศึกษาจากมหาวิทยาลัยจากท็อปเท็นของสถาบันการศึกษาด้านธุรกิจในสหรัฐอเมริกา Kenan-Flagler Business School ของ University of North Carolina at Chapel Hill ใน 2 สาขาวิชาหลัก คือ ด้านเศรษฐศาสตร์ และการบริหารธุรกิจ โดยเฉพาะสาขาบริหารธุรกิจที่โฟกัสในด้าน Entrepreneurship และ Corporate Finance

เชี่ยวชาญด้านการลงทุน

การได้คลุกคลีกับนักธุรกิจมากประสบการณ์ แถมยังมีสายเลือดนักลงทุนที่ข้มเข้นทำให้ ชวิณ กลายเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการลงทุนตั้งแต่อายุยังน้อย เขาเริ่มสนใจด้านการลงทุนตั้งแต่อายุ 22 ปี โดยในปี 2014 เขาได้ก่อตั้ง ‘2W Group’ จากนั้นได้ก่อตั้งและดำรงตำแหน่งกรรมการบริหารกลุ่ม บลูพริ้นต์ ฟอเรสต์ (Blueprint Forest Group) ธุรกิจบริหารจัดการเงินอิสระลงทุนของกลุ่มธุรกิจ Multi-family office พอร์ตการลงทุนของกลุ่มบลูพริ้นท์ ฟอเรสต์ ได้แก่ ไนน์ เบซิล (9 Basil) ลอสเลสแคปปิตอล (Lossless Capital) โอเพนฟอเรสต์ (Open Forest) และบลูพริ้นต์ ฟอเรสต์ (Blueprint Forest) (ข้อมูลจาก : www.ryt9.com)

ชวิณ เจียรวนนท์

ทายาทซีพีที่บอกว่า “ผมไม่ใช่ซีพี”

อย่างไรก็ตาม แม้หลายคนจะมองว่าเขามีครอบครัวที่ดีที่สนับสนุน แต่ ชวิณกลับบอกว่า สิ่งที่ภูมิใจมาก คือ ความสำเร็จที่เกิดขึ้นมาจากการความทุ่มเทของตัวเอง และการเน้นย้ำตั้งแต่วันแรกของการทำธุรกิจ ‘ทุกอย่างต้องให้ดีที่สุด’ และทุกครั้งเวลาต้องไปพรีเซ็นต์เพื่อร่วมลงทุน ชวิณจะบอกเสมอว่า ‘ผมไม่ใช่ซีพี ถ้าหวังว่า คุยกันแล้วจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับซีพี หยุดคุยกันได้เลย’ (ข้อมูลจาก : www.marketingoops.com)

ลือเป็นหวานใจ แม่นายเบลล่า

อย่างไรก็ตามเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ร้านอาหารแห่งหนึ่งในจังหวัดระยองได้โพสต์ภาพ เบลล่ามากินอาหารที่ร้าน แต่หลายคนตาไปสะดุดกับหนุ่มที่นั่งอยู่ใกล้ๆ ซึ่งเขาคือ วิล-ชวิณ เจียรวนนท์ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นยังไม่มีการเปิดเผยอย่างเป็นทางการว่าเป็นเพื่อนหรือหวานใจ ซึ่งคงต้องรอติดตามกันต่อไป

The Journey To RE/BiRTH: CASETiFY เส้นทางคืนคุณค่า เคสมือถือเก่า 84 ตัน ผ่านแคมเปญ Re/CASETiFY ครั้งใหญ่ทั่วโลก

Alternative Textaccount_circle

นับตั้งแต่ก่อตั้งขึ้นในปี 2011 “CASETiFY” แบรนด์ผู้ผลิตอุปกรณ์เสริมเทคโนโลยี ก็ได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่อง และก้าวกระโดดสู่แบรนด์ไลฟ์สไตล์ระดับโลกที่ครองใจกลุ่มมิลเลนเนียล Gen Z และเหล่าเซเลบริตี้ทั่วโลก ความปังของแบรนด์ไม่เพียงได้มาด้วยความเก๋ที่แตกต่าง แต่ยังเป็นผลพวงที่มาจาก “พลังแห่งการสร้างสรรค์ที่ยั่งยืน” หนึ่งในหัวใจหลักของแบรนด์ ที่มุ่งส่งเสริม สนับสนุน และเชื่อมโยงการพัฒนาสินค้าที่มีคุณภาพเข้ากับความเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ผ่านแคมเปญRe/CASETiFY’ (รี/เคสทิฟาย) โครงการรีไซเคิลที่ปลุกชีวิตใหม่ให้กับเคสมือถือชิ้นเก่าให้มีคุณค่าในทั่วโลก ซึ่งตอกย้ำว่า CASETiFY ไม่ได้เป็นแค่แบรนด์ แต่ยังเป็นตัวแทนของวิถีชีวิตที่ผสมผสานความคิดสร้างสรรค์และการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมเข้าด้วยกัน

จุดเริ่มต้นของ Re/CASETiFY จากกล่องบริจาคเคสเก่า
โครงการ Re/CASETiFY เริ่มต้นจาก “กล่องบริจาค” ที่มีอยู่กว่า 40 สาขาในร้าน CASETiFY Studio ทั่วโลก ผู้ใช้งานสามารถนำเคสมือถือเก่ามาหย่อนใส่กล่องเหล่านี้ได้ตลอดเวลา โดยจะได้รับส่วนลดสำหรับใช้ซื้อสินค้าภายในร้านเป็นการตอบแทน สำหรับผู้ที่ไม่ได้อาศัยอยู่ใกล้กับร้าน CASETiFY Studio ก็สามารถส่งเคสเก่าทางไปรษณีย์ไปยัง CASETiFY ที่กำหนดไว้ได้หลายแห่ง เพื่อให้แบรนด์นำไปกำจัดอย่างถูกวิธี

เส้นทางสู่ชีวิตใหม่ของเคสมือถือเก่ส สู่ชั้นวางสินค้าใหม่อีกครั้ง
หลังจากผู้บริจาคหย่อนเคสมือถือลงกล่อง Re/CASETiFY ทาง CASETiFY ก็จะนำเคสเหล่านี้ไปยังโรงงานรีไซเคิลเพื่อย่อยและแยกชิ้นส่วนเป็น “เม็ดพลาสติก Re/CASETiFY” ซึ่งเป็นวัตถุดิบหลักในการผลิตเป็นอุปกรณ์เสริมใหม่ ๆ ไม่ว่าจะเป็น เคสมือถือ เคส AirPods และอีกมากมาย วางจำหน่ายทั้งทางออนไลน์ในกว่า 180 ประเทศทั่วโลก รวมถึงหน้าร้าน CASETiFY Studio เมื่อการรีไซเคิลพลาสติกเสร็จสิ้น ชิ้นส่วนโลหะหรือชิ้นส่วนที่ไม่สามารถรีไซเคิลได้ จะถูกแยกออกและกำจัดอย่างถูกวิธีเช่นกัน

การเดินทางที่เปลี่ยนแปลงสู่ความยั่งยืน
ความสำเร็จและผลลัพธ์อันยิ่งใหญ่ของโครงการ Re/CASETiFY ได้ถูกเผยแพร่ผ่านรายงานผลกระทบด้านความยั่งยืนประจำปี (Sustainability Impact Report) ซึ่งชี้ให้เห็นว่า สิ่งที่ CASETiFY มุ่งมั่นตลอดมา สร้างความยั่งยืนให้กับโลกอย่างแท้จริง

  • ด้วยความพยายามด้านรีไซเคิลทั่วโลกของโครงการ Re/CASETiFY ทำให้พลาสติกกว่า 84,000 กิโลกรัม ไม่ต้องถูกทิ้งโดยการฝังกลบ และได้รับชีวิตใหม่ผ่านกระบวนการ Upcycling และนำกลับมาใช้เป็นวัสดุในการผลิตอุปกรณ์เสริมใหม่
  • CASETiFY บริจาคเงิน 1 ดอลลาร์สหรัฐฯ ให้กับองค์กรพันธมิตร EARTHDAY.ORG ทุกครั้งที่มีการจำหน่ายสินค้าประเภท Sustainable Products ซึ่งส่งผลให้มีการปลูกต้นไม้ใหม่คืนสู่ธรรมชาติไปแล้วทั้งสิ้น 463,406 ต้น คิดเป็นการกำจัดก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ออกจากชั้นบรรยากาศ เทียบเท่ากับ 22,243,488 ปอนด์
  • ด้วยพันธกิจด้านการรีไซเคิลอย่างรับผิดชอบ CASETiFY มุ่งมั่นให้ CASETiFY Studio ทุกสาขา มีกล่องบริจาคเคส Re/CASETiFY เพื่อให้ลูกค้าบริจาคเคสมือถือ ไม่ว่าจะเป็นแบรนด์ใดก็ตาม พร้อมส่งเสริมจิตสำนึกให้ผู้บริโภคดูแลเคสมือถือที่ไม่ต้องการใช้แล้วอย่างต่อเนื่อง
  • ภายในสิ้นปี 2022 ผลิตภัณฑ์ CASETiFY 80% ที่ผลิตจากวัสดุรีไซเคิลเพิ่มขึ้น 60% เมื่อเทียบกับปี 2021 โดยในปี 2023 CASETiFY ภูมิใจประกาศว่า บริษัทฯ สามารถใช้ทรัพยากรรีไซเคิล 100% ในทุกหมวดหมู่สินค้า ครอบคลุมทุกผลิตภัณฑ์แล้ว

ฉลองเดือนคุ้มครองโลกด้วยศิลปะและความยั่งยืน
CASETiFY ยังตอกย้ำแนวคิด “ความคิดสร้างสรรค์ไม่หยุดยั้ง” ด้วยกิจกรรมเฉลิมฉลองวันคุ้มครองโลก (Earth Day) ในปีนี้ซึ่งตรงกับวันจันทร์ที่ 22 เมษายน 2567 ด้วยการลุยจัดกิจกรรมที่ผสมผสานศิลปะและความยั่งยืนเข้าด้วยกันในทั่วโลก ตลอดทั้งเดือนเมษายน 2567 โดยมีศิลปินและนักออกแบบชื่อดังจากทุกมุมโลกได้รับเชิญให้สร้างสรรค์ผลงานศิลปะขนาดใหญ่จากเม็ดพลาสติก Re/CASETiFY เพื่อจัดแสดงในพื้นที่สาธารณะ และนี่ถือเป็นอีกหนึ่งก้าวสำคัญของ CASETiFY ในการสนับสนุนศิลปิน ส่งเสริมความคิดสร้างสรรค์ และปลูกฝังจิตสำนึกด้านสิ่งแวดล้อม การจัดแสดงศิลปะเหล่านี้ไม่เพียงดึงดูดสายตา แต่ยังมีจุดมุ่งหมายเพื่อเชื่อมโยงชุมชน สร้างความสัมพันธ์อันลึกซึ้งระหว่างผู้คนกับธรรมชาติในวันคุ้มครองโลกอีกด้วย

กิจกรรม Earth Day ของ CASETiFY จะถูกจัดขึ้นในเมืองต่าง ๆ ทั่วโลก ไม่ว่าจะเป็น สหรัฐอเมริกา นำเสนอประสบการณ์พิเศษของงานศิลปะและเทคโนโลยี ร่วมกับ Wade and Leta สตูดิโอออกแบบชื่อดัง ออสเตรเลีย จับมือ Eva บริษัทออกแบบเฟอร์นิเจอร์ดีไซน์สุดล้ำ จัดแสดงโซฟาเดย์เบดที่ผลิตจากเม็ดพลาสติก Re/CASETiFY สะท้อนทั้งความสวยงามและฟังก์ชั่นการใช้งาน เกาหลีใต้ เปิดตัวผลงานศิลปะขนาดใหญ่จากศิลปิน Youngmin Kang, Dayoung Hwang และ Surin Kim ที่ศูนย์ศิลปะ Seoul Arts Center และ จีน จัดโชว์งานศิลปะกลางแจ้งร่วมกับ Zhou Yi Sun ศิลปินผู้เปี่ยมวิสัยทัศน์ ที่หาดอารัญหย่า ชิงเต่า (Aranya Beach, Qinhuangdao) เพื่อมอบโอกาสพิเศษในการเชื่อมโยงกับศิลปะและปล่อยพลังแห่งความคิดสร้างสรรค์ท่ามกลางธรรมชาติ

CASETiFY ประเทศไทย ชวน #WalkWithReCASETiFY เดินไปกับรองเท้าแตะรีไซเคิล “Re/CASETiFY Sandals” ฝีมือชุมชนชาวปัตตานี นับตั้งแต่เปิด CASETiFY Studio แห่งแรกในไทยเมื่อกันยายน 2022 มีผู้เข้าร่วมโครงการ Re/CASETiFY นับหมื่นคนนำเคสมือถือเก่าที่ไม่ได้ใช้แล้วมาหย่อนลงกล่อง Re/CASETiFY ที่ CASETiFY Studio กว่า 10,000 ชิ้น ทั้งที่สาขา CentralWorld และ Emsphere ในปีนี้ CASETiFY ประเทศไทย จึงบรรเจิดไอเดียเก๋ นำเคสมือถือเก่าเหล่านี้ไปแปรรูป (Upcycle) เป็น รองเท้าแตะ “Re/CASETiFY Sandals” จำนวน 500 คู่ ร่วมกับ โครงการรองเท้าทะเลจร (Tlejourn Shoes) ซึ่งเป็นโครงการแบบไม่หวังผลกำไรที่เปลี่ยนขยะจากทะเลเป็นพื้นรองเท้า บนความร่วมมือระหว่างอาสาสมัครกลุ่ม Trash Hero นักวิทยาศาสตร์ด้านพอลิเมอร์ จากมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตปัตตานี แบรนด์แฟชั่นดีไซน์ และชุมชนชาวปัตตานี โดยรองเท้าแตะ “Re/CASETiFY Sandals” 1 คู่ ประกอบไปด้วยชิ้นส่วนจากเคสมือถือเก่า 7 เคส และขยะจากทะเลกว่า 20 กิโลกรัม เท่ากับว่ารองเท้า Re/CASETiFY Sandals ทั้ง 500 คู่นี้ ได้ช่วยลดขยะในท้องทะเลถึง 1 ตัน (1,000 กิโลกรัม) เลยทีเดียว และทุกคนก็สามารถร่วมเป็นส่วนหนึ่งของโครงการนี้ได้ เพียงหย่อนเคสเก่าที่ร้าน CASETiFY Studio ทั้งสองสาขา รับส่วนลดทันที 10% สำหรับการซื้อสินค้า CASETiFY (ตามเงื่อนไขที่กำหนด) และเพื่อเป็นการขอบคุณ CASETiFY ประเทศไทย ชวนรับรองเท้า Re/CASETiFY Sandal ฟรี 1 คู่ เมื่อหย่อนเคสเก่า ซื้อเคสใหม่ ตั้งแต่ 18 เมษายน 2567 เป็นต้นไป หรือจนกว่าของจะหมด

ค้นหาข้อมูลเกี่ยวกับ Re/CASETiFY ช้อปอุปกรณ์ตกแต่งไอทีรีไซเคิล และรองเท้าแตะ Re/Birth Re/CASETiFY ได้ทางแอปพลิเคชั่น casetify.com/co-lab, และที่ CASETiFY Studio ทุกสาขา


พัคมินยอง

พัคมินยอง ออนนี่แห่งชาติ ตกแฟนไทยรอบที่ล้าน สวย จึ้ง ปังเกิน

Alternative Textaccount_circle
พัคมินยอง
พัคมินยอง

พัคมินยอง ออนนี่แห่งชาติ ตกแฟนไทยรอบที่ล้าน สวย จึ้ง ปังเกิน ในงาน 2024 PARK MIN YOUNG ASIA FANMEETING [MY BRAND NEW DAY] in Thailand

ทำถึงเกินคุณน้า!! สำหรับงานแรกในการจับมือกันของ 2 ผู้จัดพาร์ตเนอร์มากฝีมือ สุดสัปดาห์ เอนเตอร์เทนเมนท์ ภายใต้ Amarin Media & Event ในเครืออมรินทร์กรุ๊ป และ Bee Good Entertainment ที่นำทีมโดย บอย-ปกรณ์, หน่อง-ธนา และภัทร์ ฉัตรบริรักษ์ กับการพานักแสดงสาวมากความสามารถจากประเทศเกาหลีใต้ “พัคมินยอง” (Park Min Young) พี่สาวคนสวย ออนนี่แห่งชาติ ลัดฟ้ามาพบปะแฟนๆ ชาวไทยอย่างเป็นทางการครั้งแรก ใน 2024 PARK MIN YOUNG ASIA FANMEETING [MY BRAND NEW DAY] in Thailand ที่จัดขึ้นในวันที่ 20 เมษายน 2567 ที่ผ่านมา ณ MCC HALL ชั้น 4 เดอะมอลล์ไลฟ์สโตร์ งามวงศ์วาน

พัคมินยอง

ขึ้นชื่อว่าครั้งแรก แน่นอนว่างานครั้งนี้อัดแน่นไปด้วยความ “พิเศษ” ที่ “พัคมินยอง” เตรียมเอาไว้เพื่อแฟนๆ ชาวไทย ความพิเศษแรกคือ Special Gifts ที่อัดแน่นไปด้วยของขวัญที่เธอตั้งใจทำมาอย่างดี รวมถึง Fan Benefit ที่เข้าถึงผู้ชมทุกที่นั่ง จนแฟนๆ ยกให้เป็นอีกหนึ่งงานคุณภาพ

แค่เริ่มต้นก็ทำถึงทั้งทึ่ง จึ้ง ปัง! แต่ความพิเศษที่ทำให้แฟนๆ หอบความประทับใจกลับบ้านคือ ณ เวลาต่อจากนี้ กับการเริ่มต้นของงาน 2024 PARK MIN YOUNG ASIA FANMEETING [MY BRAND NEW DAY] in Thailand อย่างเป็นทางการ ที่ตลอดระยะเวลา 2 ชั่วโมงเต็มอัดแน่นไปด้วยมวลแห่งความสุข สนุก และเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะ ที่ “พี่สาวมินยอง” หรือ “มินยองออนนี่” จัดมาเซอร์วิสแฟนๆ อย่างเต็มที่

ไม่ว่าจะเป็นการเตรียมการแสดง โชว์ทั้งพาร์ตการร้องและการเต้น ที่เธอทุ่มเวลาฝึกซ้อมมาเพื่อวันนี้ กับเพลง 연극 Ost. จากซีรีส์ Marry My Husband, You & Me และ Flowers ซึ่งแต่ละเพลงถือเป็นพาร์ตใหม่ๆ ที่เธอได้แสดงให้แฟนๆ ได้เห็นเป็นครั้งแรก

ทางด้านกิจกรรมสันทนาการ “ดีเจนุ้ย” ผู้รับมอบหน้าที่ดำเนินรายการ ก็พาแฟนๆ ขำตัวโยกกับการละลายพฤติกรรมให้ “พี่สาวมินยอง” และแฟนคลับชาวไทยได้ใกล้ชิดกันมากยิ่งขึ้น เริ่มต้นที่ช่วง MIN YOUNG DAY ที่เปิดด้วยการให้ “มินยองออนนี่” ได้เรียนภาษาไทยแบบเร่งรัดกับ 3 ประโยคเด็ด! “จึ้งมาก ปังมาก โฮ่งมากคุณน้า” ก่อนจะไปต่อกันที่การแชร์เรื่องราวในชีวิตประจำวันของเธอให้แฟนๆ ได้ฟัง จาก 3 รูปภาพที่เธอคัดมาแล้วว่าต้องแชร์! และยังปิดท้ายพาร์ตนี้กับการโชว์ร้องเพลงสุดฮิตอย่างเพลง พี่ชอบหนูที่สุดเลย (I Like You The Most) มาร้องให้แฟนๆ ฟังกันสดๆ อีกด้วย

ไปต่อกับช่วง DAY by DAY Drama ที่ “พี่สาวมินยอง” มาเล่าเกี่ยวกับเบื้องหลังผลงานซีรีส์เรื่องล่าสุดของเธอที่เรียกว่าโดนใจแฟนๆ ชาวไทยสุดๆ อย่าง Marry My Husband ซึ่งตลอดระยะเวลาในการฟังเธอเล่า แฟนๆ ต่างก็มีรีแอ็กชั่น ทั้งหวีดจนเสียงหลง ทั้งหัวเราะไปกับเรื่องราวเบื้องหลัง และยิ้มไปกับการได้เห็นถึงความพยายามเป็นตัวละครของเธอผ่านรูปภาพที่แชร์ออกมา และสำหรับพาร์ตนี้ “พี่สาวมินยอง” ยังได้สร้างความทรงจำกับแฟนๆ ด้วยการสุ่มแฟนคลับผู้มีแต้มบุญสูงสุดๆ ขึ้นมาถ่ายภาพเลียนแบบฉากต่างๆ ในซีรีส์ร่วมกันอีกด้วย

ความพิเศษที่ “มินยองออนนี่” ตั้งใจมอบให้แฟนๆ ยังไม่จบเพียงเท่านี้ เพราะเธอยังมีช่วง Ask About M.Y ที่เธอตอบคำถาม Q&A จากแฟนๆ ก่อนจะชวนทุกคนสนุกไปกับเกม Balance Game ที่แฟนๆ ต้องตอบคำถาม XO เพื่อทายใจเธอ จนได้ผู้โชคดีขึ้นมาร่วมถ่ายรูปกับเธอ ซึ่งตอนนี้เองที่พี่สาวมินยองได้ประจักษ์กับตนเองแล้วว่าแฟนคลับของเธอในประเทศไทยมี ทุกเพศทุกวัย ทั้งแฟนบอย แฟนเกิร์ล และแฟนๆ วัยรุ่นฟันน้ำนมอีกด้วย ก็เล่นน่ารักแถมยิ้มได้ละลายใจขนาดนี้ ใครจะไปต้านความน่ารักของเธอได้ไหว

ยิ่งรู้จักยิ่งรักเธอคงเป็นคำที่แฟนๆ ชาวไทยอยากมอบให้กับสาว “พัคมินยอง” ในงานนี้ เพราะได้เห็นถึงพาร์ตความตลก น่ารัก และยังสวยสะกดสายตาแบบที่มองด้วยตาเนื้อได้เพลินสุดๆ แถมเธอยังเก่งสุดๆ ที่ทั้งสามารถร้อง เต้น ที่ทำได้ดีไม่แพ้การแสดง ซึ่งแฟนๆ ชาวไทยก็ได้แสดงออกถึงความรักที่มีต่อเธอทั้งการทำ Video Fanmade และชูป้ายข้อความสุดแสนอบอุ่นให้กับเธอ

ด้านสาว “พัคมินยอง” ก็เตรียมคำขอบคุณแฟนๆ ชาวไทยมาเช่นกัน เป็นข้อความที่เธอตั้งใจเขียนและนำมาอ่านให้แฟนๆ ฟังด้วยตนเอง

“ฉันชอบประเทศไทยมาก เพราะอบอุ่น สวยงาม และมีแต่ความสงบค่ะ ครั้งนี้ไม่ใช่การเดินทางมาเที่ยวแต่ฉันได้มีแฟนมีตติ้งที่เมืองไทยค่ะ ซีรีส์เรื่อง Marry My Husband มีความหมายกับฉันมากจริงๆ ค่ะ หนึ่งในนั้นคือซีรีส์จบลงอย่างสวยงาม และการที่ได้มาพบกับแฟนๆ ของฉันด้วยตัวเองนั้น ฉันก็อยากจะบอกว่า ฉันรู้สึกขอบคุณและได้รับกำลังใจที่ยิ่งใหญ่มากๆ ค่ะ วันนี้ ณ สถานที่แห่งนี้ ฉันรู้สึกเหมือนอยู่ในความฝันเลยค่ะ บางทีนี่อาจเป็นช่วงเวลาที่ฉันรอคอยมานานแล้วก็ได้เหล่าคงอัล (Kongal) และแฟนๆ ของฉันที่คอยอยู่เคียงข้างเสมอ! ในอนาคตฉันจะไม่ทำให้ทุกคนผิดหวังกับการแสดงในฐานะนักแสดงของฉันค่ะ เพราะคติประจำใจของฉันคือ การมอบความจริงใจอยู่เสมอ ฉันหวังว่าความจริงใจของฉันจะถูกถ่ายทอดออกมาอย่างดีในวันนี้ และฉันขอฝากคำทักทายถึงทุกคนผ่านจดหมายฉบับนี้ ขอบคุณและรักพวกคุณทุกคนค่ะ”

เป็นจดหมายถึงแฟนคลับที่อ่านแล้วต้องยิ้มตาม เรียกว่าปิดท้ายงาน 2024 PARK MIN YOUNG ASIA FANMEETING [MY BRAND NEW DAY] in Thailand ได้อบอุ่นและประทับใจอย่างถึงที่สุด!

keyboard_arrow_up