Hair Goals Unlocked อัปเกรดรูทีนผมสวยเฟียร์ซและสุขภาพดี ด้วยไอเท็มระดับแฮร์ควีน

Hair Goals Unlocked อัปเกรดรูทีนผมสวยเฟียร์ซและสุขภาพดี ด้วยไอเท็มระดับแฮร์ควีน

Alternative Textaccount_circle
Hair Goals Unlocked อัปเกรดรูทีนผมสวยเฟียร์ซและสุขภาพดี ด้วยไอเท็มระดับแฮร์ควีน
Hair Goals Unlocked อัปเกรดรูทีนผมสวยเฟียร์ซและสุขภาพดี ด้วยไอเท็มระดับแฮร์ควีน

#PraewSurvey #ItemsOfTheWeek ผมที่ดีไม่ใช่แค่ดูสลวยสวยเก๋ แต่ต้องรู้สึกดีตั้งแต่โคนจรดปลาย ไม่ว่าจะวันชิลล์ที่ปล่อยผมแห้งเองแบบสวยกรุบ หรือวันเร่งรีบที่ต้องเป๊ะในพริบตา เส้นผมคุณก็สมควรได้การดูแลที่เว่อร์วังระดับรันเวย์ Praew Survey รวมไอเท็มสุดเริ่ดฉบับ Hair Queen ตั้งแต่ Dyson Supersonic r™ ที่เบาหวิวแต่ทรงพลังเหมือนมีสไตลิสต์ประจำบ้าน ไปจนถึง OUAI แชมพูดีท็อกซ์ที่รีเซ็ตหนังศีรษะได้ภายในไม่กี่นาที และอย่าลืมมาส์กสีสุดจี๊ดจาก BALMAIN ที่เปลี่ยนผมธรรมดาให้กลายเป็นลุคเฟียร์ซขึ้นอีกหลายเลเวล พร้อมหรือยังที่จะอัพเกรดรูทีนผมให้เป็น runway-ready ทุกวัน?

Hair Goals Unlocked อัปเกรดรูทีนผมสวยเฟียร์ซและสุขภาพดี ด้วยไอเท็มระดับแฮร์ควีน

Dyson Supersonic r™
เหมือนมีสไตลิสต์อยู่ที่บ้าน! เครื่องเป่าผมรุ่นล่าสุดที่ยกระดับการจัดแต่งทรงผมในชีวิตประจำวัน ให้กลายเป็นประสบการณ์ระดับซาลอน เบากว่าเดิม แต่ทรงพลังกว่าเคย พร้อมเทคโนโลยีความร้อนอัจฉริยะที่ปรับการทำงานตามหัวเป่าแต่ละแบบได้อย่างแม่นยำ เส้นผมจึงแห้งไว เงางาม โดยไม่ทำร้ายเส้นผม ไม่ว่าจะเป็นลุคเรียบเนี้ยบ หรือลอนธรรมชาติแบบ effortlessโดยเครื่องนี้ปรากฏเบื้องหลังรันเวย์แฟชั่นวีคทั่วโลกไปไม่นานมานี้ พร้อมจำหน่ายแล้วกับสองสีใหม่ Ceramic Pink ได้รับแรงบันดาลใจจากประกายไข่มุก และ Jasper Plum แรงบันดาลใจจากอัญมณีสีม่วงหายาก

OUAI Detox Shampoo
สำหรับวันที่หนังศีรษะเริ่มเหนื่อยล้า ผมดูหม่นหมอง และเต็มไปด้วยสารตกค้าง ไอเท็มนี้คือทางลัดเพื่อคืนความเบาสบายให้เส้นผมอีกครั้ง ด้วยแชมพูสูตรดีท็อกซ์ที่ออกแบบมาทำความสะอาดล้ำลึก ขจัดความมันส่วนเกิน พร้อมฟื้นคืนความเงางามให้เส้นผม เหมาะกับทุกคนที่อยากรีเฟรชหนังศีรษะให้กลับมาแข็งแรง มีชีวิตชีวา เหมือนเพิ่งออกจากซาลอน

BALMAIN PARIS Illuminating Color Masks
มาส์กปรับเฉดสีสุดจี๊ดจาก Balmain Hair Couture 6 เฉดใหม่จัดเต็ม พร้อมบำรุงล้ำลึกจาก Silk Amino Acids, Cashmere และ Quinoa Seed Oil เฉด Violet สุดฮอต เสริมโทนม่วงแบบมีประกายไม่หลุดคอนโทรล เหมาะสำหรับผมน้ำตาลกลางถึงเข้ม ให้ลุคเฟียร์ซแต่เฟรช แค่ 5–15 นาที ผมเป๊ะ สีติดทนจุกๆ แอบกระซิบว่าหากช้อป Hair Maskฟรีแปรงนวด BALMAIN Scalp Massager Tool ด้วย


‘รักผิดคิว ถึงเป็นตัวแม่ก็พังได้ ใช่คุณไหม?? เช็กเลย!!’ ดวงรายสัปดาห์ 14-20 เมษายน 2568

Alternative Textaccount_circle

‘รักไม่เป็นดังหวัง ถึงเป็นตัวแม่ก็พังได้’

ดวงรายสัปดาห์ 14-20 เมษายน 2568

ผู้ที่เกิดวันอาทิตย์          

การงาน  :  สำหรับชาวอาทิตย์ ต้องบอกว่าอยู่กับความเครียดทั้งก่อนและหลังปีใหม่ไทยเลยทีเดียว เป็นไปได้ว่าจะเกิดจากความมั่นอกมั่นใจของคุณเอง ที่เมื่อคิดจะทำอะไรแล้วก็มุ่งมั่น ใครก็ขวางทางไม่ได้ โดยในช่วงสัปดาห์นี้มีความเป็นไปได้ที่คุณจะยังอยู่กับการใช้ทฤษฏีและวิชาการมาทำงาน เช่น ครู อาจารย์ นักวิชาการ นักวิจัย แพทย์ทั้งแผนปัจจุบันและแผนโบราณ ฯลฯ ซึ่งคุณได้รับโอกาสดีได้ร่วมงานกับทีมงานที่เก่งระดับปรมาจารย์ด้วยนะ เพราะฉะนั้นจึงควรอดทน รอคอย โอกาสและจังหวะที่จะมาถึง เพราะจะทำให้คุณมีโอกาสที่จะประสบความสำเร็จ

การเงิน  :  คาดว่าจะมีภาระรายจ่ายเข้ามาให้ต้องหมุนเงินวุ่นวายเลยทีเดียว แต่ก็นับว่าโชคดีที่คุณมีเจ้านายและทีมงานที่จะส่งงานดีๆ มาให้คุณตลอดๆๆ แต่ก็อย่าหลงเข้าไปเกี่ยวข้องกับพวกเงินสินบน เงินใต้โต๊ะ ฮั้วล่ะ เพราะเสี่ยงต่อการล้มละลาย  

ความรัก  :  มีโอกาสได้ฉลองวันครอบครัวท่ามกลางความอบอุ่น คู่ครองของคุณสามารถที่จะเป็นที่พึ่ง เป็นที่ปรึกษาให้กับคุณได้ รวมถึงผู้ใหญ่ก็อยู่กันพร้อมหน้าจนอึดอัดเลย  คนโสด  มีเสน่ห์กับเพศตรงข้าม แต่ที่ทรมานใจก็คือ คุณยังไม่สามารถเลือกใครได้หากผู้ใหญ่ไม่เห็นชอบ เพราะฉะนั้นก็ต้องรอไปอีกนานเลยล่ะ

สุขภาพ  :   ต้องระวังการรับประทานอาหารที่ไม่ถูกสุขลักษณะ ของสด ของหมักดอง ไม่สดสะอาด เพราะมีความเสี่ยงที่จะท้องเสีย จนถึงมีพยาธิ์ในลำไส้ได้ง่ายๆ  แล้วไม่ใช่ธรรมดา

ผู้ที่เกิดวันจันทร์

การงาน  :  สำหรับสัปดาห์หลังปีใหม่ไทยของชาวจันทร์มีโอกาสได้เริ่มต้นงานใหม่ หรือได้โยกย้ายหน่วยงานไปอยู่ในตำแหน่งที่ก้าวหน้าขึ้น ซึ่งน่าจะเป็นจุดที่คุณใฝ่ฝันไว้ แล้วก็พยายามอย่างแรงกล้าที่จะไขว่คว้าให้ได้มา โดยเฉพาะอย่างยิ่งงานหรือธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการใช้ความคิดและจินตนาการ เช่น งานบันเทิง งานโฆษณา-ประชาสัมพันธ์ นักร้องนักแสดง ดีไซเนอร์ สถาปนิก ความงามฯลฯ แต่ต้องบอกว่าอย่าเพิ่งคาดหวังสูง เพราะช่วงนี้ดวงคุณยังไม่ค่อยดี ไม่ว่าคิดจะทำอะไรเป็นไปได้ว่าจะติดขัดขลุกขลักไปหมด ระวังเอกสารทางราชการจะผิดพลาดถึงขั้นมีคดีความ ทางที่ดีควรหาเพื่อนที่ไว้ใจได้มาช่วยกันทำงาน หรือปรึกษาผู้รู้ผู้มีประสบการณ์ด้วย   

การเงิน  :  ก็ยังคงขยันทำขยันเก็บอยู่นะคะ ยิ่งสัปดาห์นี้มีโอกาสที่คุณจะมีโชค มีผู้ให้การช่วยเหลือ แต่ก็ควรดูดีๆ ว่าไม่ใช่มิจจี้ หากจะให้ดีไม่ควรใจดี ไปเซ็นค้ำประกันซื้อบ้านหรือรถ หรือเป็นนายหน้ากู้เงินให้ใคร มีความเสี่ยงที่คุณจะต้องใช้หนี้แทน

ความรัก  :   ก็ต้องบอกว่า เสน่ห์ยังตามมาติดๆ แล้วไม่ใช่แค่เพศตรงข้าม แต่รวมถึงเพศเดียวกันด้วย จนมีความเสี่ยงที่จะเกิดปัญหาในครอบครัว เพราะคู่ครองเข้าใจผิด คนโสด  เสน่ห์ก็ยังเป็นของคุณอยู่นะคะ ซึ่งสัปดาห์นี้มีความลังเลสูงมาก เพราะยังไม่แน่ใจตัวเองว่า ชอบเพศตรงข้ามหรือเพศเดียวกันแน่

สุขภาพ  :   ว่าด้วยผลจากการเอ็นจอยในการรับประทานอาหารล้วนๆ ที่จะส่งผลต่อระบบน้ำย่อย กระเพาะอาหาร ถุงน้ำดี และต่อมน้ำเหลือง รวมถึงพวกโรคหัวใจ ไขมันอุดตัน นอกจากนั้นยังต้องระวังเรื่องสายตาด้วย พวกตระกูลต้อจะมาเยือน

ผู้ที่เกิดวันอังคาร

การงาน    สัปดาห์หลังปีใหม่ไทยของชาวอังคารก็พอจะหายใจหายคอได้บ้าง แม้จะยังคงเป็นนางแบกอยู่ แต่ก็เป็นภาระที่เกี่ยวข้องกับการดูแลบริหารจัดการของตัวเอง หากใครที่ทำงานหรือธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับงานช่างต่างๆ งานศิลปะ งานฝีมือ ในช่วงสัปดาห์นี้คุณมีโอกาสได้เปิดธุรกิจที่บ้าน หรือเป็นฟรีแลนซ์ ณ ที่นี้ยังรวมถึงแม่บ้านด้วย อย่างไรก็ตามคุณจะอีโก้สูงมาก ไม่ยอมรับฟังความคิดเห็นของใครเลย จนมีโอกาสที่งานจะสะดุดหยุดลงอย่างน่าเสียดาย

การเงิน  :  จริงๆ แล้วสัปดาห์นี้โชคลาภจะมาหาคุณถึงที่บ้านเลย แต่เพราะคุณใจดี ทำงานโดยที่ไม่หวังสิ่งตอบแทน ดังนั้น จึงเป็นไปได้ว่าจะรับรางวัล รับคำชมมากกว่าจะรับเงิน

ความรัก  :   สัปดาห์นี้เป็นไปได้ที่คุณจะตอกบัตรแม่บ้านอย่างเต็มเวลา ให้เวลากับงานมาเยอะ ตอนนี้ขอมีแต่คำว่าครอบครัวบ้าง  คนโสด รักเดียวใจเดียว ซื่อสัตย์และจริงใจ นิยามความรักของชาวอังคารสัปดาห์นี้ แต่จะพบอย่างที่ต้องการไหมก็คงต้องใช้เวลา

สุขภาพ  :  สำหรับผู้ที่นั่งทำงานอยู่ในอิริยาบถเดิมๆ นานๆ ควรระวังออฟฟิศซินโดรมจะมาเยือน จึงควรเปลี่ยนอิริยาบถในการทำงาน หรือหาหมอนวดมาคลายเส้นแก้อาการบ้างก็ดี ส่วนความเครียดต่างๆ ก็ยังคงอยู่

ผู้ที่เกิดวันพุธ

การงาน  :   สำหรับชาวพุธที่อยู่ในแวดวงธุรกิจหรือสายงานราชการ รัฐวิสาหกิจ การธนาคาร ประกันภัย วงการแพทย์และสาธารณสุข เป็นไปได้ที่คุณจะเปิดสัปดาห์ปีใหม่ไทยมาด้วยการกระโดดเข้าไปเกี่ยวข้องกับงานในโลกของความคิดสร้างสรรค์  เช่น งานบันเทิง งานโฆษณา-ประชาสัมพันธ์ นักร้องนักแสดง ดีไซเนอร์ สถาปนิก ความงามฯลฯ ซึ่งนอกจากคุณจะมีโอกาสไปได้ไกลถึงอินเตอร์แล้วยังไปได้ยาวด้วย

การเงิน  :  จะมีความมั่นคงมากขึ้น ซึ่งมาจากการเก็บออมของตัวเอง และการวางแผนการใช้เงินอย่างมีประสิทธิภาพ รวมถึงจะได้โชคลาภจากผู้ใหญ่ แต่ก็มีโอกาสที่คุณจะใจดี ยอมควักเงินให้อย่างง่ายๆ เลย

ความรัก  :  สำหรับสัปดาห์นี้บรรยากาศในครอบครัวค่อนข้างจะซีเรียสนะคะ แล้วไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เป็นไปได้ว่าคุณจะโลเล ไม่มั่นใจ จนไม่กล้าที่จะตัดสินใจใดๆ เลย  คนโสด  มีโอกาสที่คุณจะได้พบรักกับชาวต่างชาตินะคะ ซึ่งเป็นไปได้ทั้งเพศเดียวกัน หรือเพศตรงข้าม ซึ่งสัปดาห์นี้คุณมาพร้อมความโลเล ไม่กล้าตัดสินใจ จึงยังปิดจ็อบไม่ได้นะ

สุขภาพ   :   ไม่ค่อยให้ความสนใจกับการดูแลสุขภาพของตัวเองเลยนะคะ แต่ขณะเดียวกันก็ใช้ร่างกายตัวเองอย่างสมบุกสมบัน เพราะฉะนั้นจึงมีโอกาสที่จะเจ็บป่วยได้ง่ายมาก ทั้งระบบประสาท เช่น ไมเกรน ปวดศีรษะ ทั้งระบบย่อยอาหาร กระเพาะอาหาร ถุงน้ำดี รวมถึงต่อมน้ำเหลือง นอกจากนั้นยังต้องระวังการบาดเจ็บเล็กๆ น้อยๆ ฟกช้ำดำเขียวตามร่างกาย

ผู้ที่เกิดวันพฤหัสบดี

การงาน  :   สัปดาห์หลังปีใหม่ไทย ชาวพฤหัสก็ยังคงรุ่งพุ่งแรง มีโอกาสที่จะประสบความสำเร็จในธุรกิจการงาน ด้วยปัญญาอันเฉียบแหลมและการวางแผนงานที่ดี แต่ก็อาจต้องเตรียมใจไว้หน่อยว่าจะได้พบกับงานหรือธุรกิจไฟล์ทบังคับ ซึ่งเป็นงานที่ไม่ถนัด หรือไม่ได้อยู่ในความสนใจ เป็นไปได้ว่าจะมาพร้อมกับการบริหารจัดการ การติดต่อประสานงาน รวมถึงการให้คำปรึกษาในด้านต่างๆ  ก็อย่าใจร้อน หรือตัดสินใจอะไรด้วยความวู่วาม โดยยังไม่ทันหาข้อมูลให้ดี หรือดื้อรั้นไม่รับฟังความคิดเห็นของคนอื่น เพราะมีความเสี่ยงที่งานจะเสียหายอย่างที่ไม่ควรจะเป็น

การเงิน  :  แม้คุณจะมีโอกาสได้โชคลาภจากการลงทุนและทรัพย์สิน ซึ่งจะไหลเวียนมาไม่ขาดมือ  แต่หากใช้จ่ายเยอะจนเกินตัว ก็คงยากจะร่ำรวย เพราะนอกจากนั้นยังมีความเสี่ยงที่จะถูกโกง ตกเป็นเหยื่อของมิจจี้อีกด้วย จนต้องเสียเงินก้อนใหญ่เลย

ความรัก  :  สัปดาห์นี้คุณค่อนข้างจะเชื่อมั่นตัวเองสูง ทิฐิแรง เอาตัวเองเป็นใหญ่ ก็ต้องระวังจะพลาดท่าเสียทีให้กับคนใกล้ชิด ไว้ใจคนผิด เพราะสุดท้ายแล้วเขาก็ไม่จริงใจ จนถึงกับไปต่อกันไม่ได้  คนโสด  ก็ยังต้องระวังถูกหลอกอยู่นะคะ แม้คุณจะคิดว่าตัวเองก็เป็นตัวแม่ แต่สัปดาห์นี้เป็นไปได้ว่าจะได้พบกับตัวแม่กว่า   

สุขภาพ   :  มีความเสี่ยงที่จะเป็นโรคเลือด เลือดจาง ดีซ่าน ไวรัสตับอักเสบ ต่อมน้ำเหลืองไม่ดี ซึ่งน่าจะมีสาเหตุมาจากการทำงาหนัก พักผ่อนน้อย รับประทานอาหารไม่ครบ 5 หมู่ นอกจากนั้นยังต้องระวังพวกโรคทางหัวใจด้วย   

ผู้ที่เกิดวันศุกร์

การงาน  :   ต้องระวังตัวกันนิดนะคะสำหรับชาวศุกร์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ที่ทำงานหรือดำเนินธุรกิจในสายงานบริการ เช่น แอร์โฮสเตส มัคคุเทศก์ ร้านอาหาร-เครื่องดื่ม โรงแรม สปา รวมถึงสินค้าและบริการสำหรับเด็ก สัปดาห์นี้ไม่ว่าจะทำอะไรคงต้องระวังเพื่อนร่วมงานให้หนักๆ เพราะมีโอกาสที่คุณจะถูกแทงข้างหลัง หรือถูกเลื่อยขาเก้าอี้ได้ง่ายมาก ว่าด้วยเรื่องเงิน หรือผลประโยชน์เป็นหลักเลย

การเงิน  :   สัปดาห์นี้คุณมีเรื่องให้ต้องใช้เงินเยอะมาก ส่วนมากจะใช้จ่ายไปกับของไร้สาระ กระจุกกระจิก  นอกจากนั้นยังต้องระวังถูกขัดผลประโยชน์ ตกลงธุรกิจกันไม่ลงตัว เงินหาย หรือถูกโกงอีกด้วย

ความรัก :   ต้องระวังปัญหาเรื่องมือที่สาม เป็นไปได้ว่าจะเกิดการทะเลาะกันเรื่องเงินและเรื่องเด็กหรือบริวารในบ้าน คนโสด  จริงๆ แล้วคุณรักใครก็จะทุ่มหัวใจให้ทั้งหมด แต่ครั้งนี้อย่าเพิ่งเลย เพราะคาดว่าจะเสียแรงโดยใช่เหตุ เพราะมีมือที่สามตามมาวุ่นวายไม่ห่าง

สุขภาพ  :  มีความเสี่ยงที่จะได้รับบาดเจ็บจากของมีคม เช่น มีดบาด นอกจากนั้นยังต้องระวังการติดเชื้อในกระแสเลือด และโรคที่เกิดจากการขาดแคลเซียม

ผู้ที่เกิดวันเสาร์

การงาน  :  เป็นไปได้ว่าชาวเสาร์จะเริ่มต้นสัปดาห์หลังปีใหม่ไทย ด้วยความอึดอัด โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากอยู่ในสายงานหรือธุรกิจทางด้านอสังหาริมทรัพย์ บ้าน ที่ดิน สิ่งปลูกสร้าง อาคารสำนักงานต่างๆ ด้วยแล้ว หากกำลังเสนองานหรือโครงการอะไรไป อยากบอกให้เตรียมแผนสำรองไว้เลย เพราะมีโอกาสไม่ผ่านการพิจารณา หรือยังไม่ตรวจรับงาน ก็ต้องระวังความเชื่อมั่นในตัวเองจนไม่เปิดใจรับฟังคนอื่น เพราะมีโอกาสที่จะทำให้คุณตัดสินใจเลือกทางเดินผิดได้ ทางที่ดีควรเข้าหาผู้ใหญ่ผู้หญิง เธอจะช่วยให้คุณผ่านวิกฤติตรงนี้ไปได้   

การเงิน  :  หากคุณกำลังมีรายจ่ายเยอะจนชักหน้าไม่ถึงหลัง ก็น่าจะหายใจหายคอได้คล่องขึ้น เพราะผู้ใหญ่ผู้หญิงจะเข้ามาช่วย โดยอาจให้เป็นเงินค่าเช่า หรือบ้าน ที่ดินเลยก็ได้  

ความรัก  :  มีโอกาสที่คุณจะได้อยู่พร้อมหน้าพร้อมตากับครอบครัว แม้ว่าคุณจะต้องทำงาน แต่ก็ยังมีความสุข ไม่ได้รู้สึกเหมือนขาดอะไรไป  คนโสด  ก็ยังคงมีความสุขชื่นมื่นอยู่ แต่คราวนี้จะเป็นแบบฉาบฉวย ใกล้ปุ๊บไฟลุกปุบปับ ไม่ต้องพูดพล่ามทำเพลงเลย  

สุขภาพ   :  หากเพิ่งผ่าตัดอวัยวะในช่องท้อง มดลูก ฯลฯ ก็ควรพักผ่อนให้เต็มที่ อย่าพยายามยกของหนัก หรือทำงานหนัก เพราะมีโอกาสที่แผลจะพัฒนากลายเป็นโรคร้ายได้  

luma

Luma เปิดประตูสู่โลกของอาหารสเปนต้นตำรับที่ต้องลองสักครั้ง

account_circle
luma
luma

หลังจาก 6 ปีแห่งความเป็นเลิศในระดับดาวมิชลิน ร้านอาหาร Canvas กำลังก้าวสู่การเปลี่ยนแปลงครั้งใหม่ภายใต้ชื่อ Luma ที่ถ่ายทอดจิตวิญญาณของอาหารสเปนผ่านรสชาติแท้ ๆ และเทคนิคการปรุงแบบดั้งเดิม แรงบันดาลใจของ Luma คือการสะท้อนเสน่ห์ของบาร์ทาปาส (Tapas Bars) และร้านอาหารสเปนแบบครอบครัว ด้วยรสชาติที่คงความดั้งเดิม วัตถุดิบคุณภาพ และเทคนิคการปรุงที่เป็นมรดกตกทอดอีกด้วย 

ที่ Luma ความเรียบง่ายและความเป็นต้นตำรับคือหัวใจสำคัญ เมนูของร้านประกอบไปด้วย ทาปาส (Tapas) สูตรดั้งเดิม ข้าวผัดสเปน (Paella) และเนื้อย่างชั้นดี ซึ่งผ่านการปรุงอย่างพิถีพิถันเพื่อดึงรสชาติของวัตถุดิบออกมาอย่างเต็มที่ บรรยากาศภายในของ Luma ถูกออกแบบมาให้เป็นพื้นที่ที่อบอวลไปด้วยความหรูหราแบบยุโรปคลาสสิก แต่ยังคงไว้ซึ่งความอบอุ่นและเป็นกันเอง เหมาะสำหรับการใช้เวลาร่วมกันพร้อมลิ้มรสอาหารชั้นเลิศ

เชฟเปเป้ ดาซี (Pepe Dasí) เชฟชาวบาเลนเซีย ผู้ฝึกฝนศิลปะการทำอาหารภายใต้สุดยอดเชฟระดับตำนานอย่าง มาร์ติน เบราซาเทกี (Martín Berasategui) และ ฮาเวียร์ โอเยรอส (Javier Olleros) เป็นหัวใจสำคัญของครัว Luma นำทีมด้วยวิสัยทัศน์และความเชี่ยวชาญ ความหลงใหลในวัฒนธรรมการทำอาหารสเปนของเขาสะท้อนออกมาในเมนูของร้าน ผ่านเมนูซิกเนเจอร์อย่าง กัมบาส อัล อาฮีโญ่ (Gambas al Ajillo) (กุ้งสเปนในซอสกระเทียมเชอร์รี่), ปาเอย่า เดล เซโญเรต (Paella del Señoret) (ข้าวผัดสเปนสไตล์บาเลนเซียทะเล) และ ริบอาย รูเบีย กัลเลกา เสิร์ฟพร้อมพริก Padron (Rubia Gallega Rib Eye with Padron peppers)

“ที่ Luma เราต้องการให้ทุกจานเป็นมากกว่ามื้ออาหาร แต่เป็นประสบการณ์ที่สะท้อนถึงเสน่ห์ของอาหารสเปนอย่างแท้จริง ทุกเมนูปรุงด้วยความพิถีพิถัน ใส่ใจ และรังสรรค์ด้วยความรัก ราวกับนั่งอยู่ในร้านอาหารสเปนที่ดีที่สุด” เชฟเปเป้ ดาซี กล่าว

Luma พร้อมแล้วที่จะเป็นจุดหมายใหม่สำหรับคนรักอาหารสเปนต้นตำรับในกรุงเทพฯ นำกลิ่นอายแห่งความอบอุ่นและเสน่ห์ของสเปนมาสู่ใจกลางทองหล่อ

Prada เข้าซื้อกิจการ Versace ผนึกกำลังสองแบรนด์แฟชั่นยักษ์ใหญ่ของอิตาลี

account_circle

Prada ประกาศเข้าซื้อกิจการแบรนด์แฟชั่นหรู Versace จากกลุ่มแฟชั่น Capri Holdings ด้วยมูลค่า 1.25 พันล้านยูโร (ประมาณ 1.38 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ) หลังมีข่าวลือเกี่ยวกับดีลนี้มายาวนาน โดยราคาดังกล่าวเป็นราคาที่ลดลงจากเดิมถึง 180 ล้านยูโร เนื่องจากความผันผวนในตลาดและความไม่แน่นอนจากนโยบายภาษีของสหรัฐฯ ที่ส่งผลกระทบต่อธุรกิจค้าปลีก

Capri Holdings เจ้าของเดิมของ Versace ซึ่งยังถือครองแบรนด์ Michael Kors และ Jimmy Choo เคยเข้าซื้อ Versace เมื่อปี 2018 ด้วยมูลค่าถึง 2.1 พันล้านดอลลาร์ แต่หลังจากดีลการควบรวมกิจการกับ Tapestry (เจ้าของ Coach และ Kate Spade) ล้มเหลว เนื่องจากถูกคณะกรรมการการค้าของสหรัฐฯ (US Federal Trade Commission) ระงับไว้ Capri Holdings จึงถูกกดดันให้ขาย Versace เพื่อลดภาระหนี้สิน ซึ่ง Prada ถือเป็นหนึ่งในผู้เสนอตัวซื้อรายแรก ๆ

Versace RTW Fall 2024 (Photo by Giovanni Giannoni/WWD via Getty Images)

Patrizio Bertelli ประธานกรรมการและผู้อำนวยการบริหารของ Prada Group กล่าวว่า การควบรวมในครั้งนี้คือการเปิดบทใหม่ในประวัติศาสตร์ของ Versace พร้อมเน้นย้ำว่า Prada และ Versace มีจุดร่วมสำคัญคือ ความคิดสร้างสรรค์ งานฝีมือ และการยึดมั่นในมรดกทางวัฒนธรรม

ดีลนี้ถือเป็นความพยายามของ Prada ที่จะยกระดับสถานะของตนในฐานะผู้นำแฟชั่นระดับโลกจากอิตาลี โดย Versace จะเข้าร่วมกับแบรนด์ในเครืออย่าง Prada, Miu Miu รวมถึงแบรนด์รองเท้า Church’s, Car Shoe และ Luna Rossa รวมถึงทีมเรือใบแข่งและร้านขนมชื่อดัง Marchesi

ก่อนหน้านี้ Prada เคยเข้าซื้อ Jil Sander, Helmut Lang และ Alaia ช่วงปลายยุค 90 แต่ภายหลังก็ยุติความร่วมมือไปเนื่องจากปัญหาภายในและด้านการเงิน อย่างไรก็ตาม การควบรวมครั้งใหม่นี้นับเป็นโอกาสสำคัญในการขยายอิทธิพลของกลุ่มแฟชั่นอิตาลีในระดับโลกอีกครั้ง

แม้ตลาดแฟชั่นหรูจะชะลอตัวลง แต่ Prada Group กลับทำผลงานได้ดี โดยรายงานรายได้ปี 2024 อยู่ที่ 5.4 พันล้านยูโร เพิ่มขึ้น 17% จากปีก่อน ส่วนหนึ่งมาจากความสำเร็จของ Miu Miu ที่มียอดขายเกือบแตะ 1 พันล้านปอนด์ จากกระแสไวรัลของมินิสเกิร์ตและรองเท้าบัลเลต์ผ้าซาติน

นอกจากนี้ Prada ยังประกาศแต่งตั้ง Dario Vitale อดีตผู้อำนวยการภาพลักษณ์ของ Miu Miu เป็นผู้อำนวยการฝ่ายสร้างสรรค์คนใหม่ของ Versace แทน Donatella Versace ที่ดำรงตำแหน่งนี้มานานถึง 27 ปี โดย Donatella จะเปลี่ยนไปรับบทบาทเป็นแบรนด์แอมบาสเดอร์หลัก ดูแลการแต่งตัวพรมแดงและงานการกุศลของแบรนด์แทน

แม้ Prada และ Versace จะถูกมองว่าเป็นคู่แข่งตลอดกาลในวงการแฟชั่นอิตาลี ด้วยสไตล์ที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง Prada ยืนหนึ่งเรื่องแฟชั่นเชิงปัญญา ขณะที่ Versace โดดเด่นด้วยความเซ็กซี่และดรามาติก แต่ความสัมพันธ์ของ Miuccia Prada และ Donatella Versace กลับเต็มไปด้วยมิตรภาพและแรงบันดาลใจซึ่งกันและกัน การควบรวมครั้งนี้จึงไม่ใช่แค่ดีลธุรกิจขนาดใหญ่ แต่ยังเป็นการรวมพลังของสองหัวใจแฟชั่นอิตาลีที่พร้อมจะเขียนประวัติศาสตร์หน้าใหม่ร่วมกัน


 

ยูนิโคล่ ชวนแฟนเกมย้อนวัย กับ UT Archive ลาย Super Mario สุดคลาสสิก

account_circle

ยูนิโคล่ แบรนด์เครื่องแต่งกายระดับโลก เตรียมเปิดตัวเสื้อยืดลายกราฟิก หรือ UT จากซีรีส์เกม Super Mario ผ่านโปรเจกต์ UT Archive ซึ่งเป็นเสื้อยืดลายต่างๆ ที่เคยวางจำหน่ายในอดีต และได้เอากลับมานำเสนอให้ทุกคนได้ตื่นเต้นอีกครั้ง

สำหรับลวดลายต่างๆ ในคอลเล็คชั่นล่าสุดนี้ ถูกเลือกสรรมาเป็นพิเศษจากคอลเลคชัน “Super Mario Family Museum UT” และ “Mario Kart Friendship UT” ที่เคยวางจำหน่ายในปี 2019 รวมถึงลวดลายในคอลเลคชัน “Super Mario 35th Anniversary” ที่เคยวางจำหน่ายในปี 2020 โดยสามารถจับจองเสื้อยืด UT Archive ลาย Super Mario ซีรีส์เกมคลาสสิกสุดฮิตได้ตั้งแต่ 14 เมษายนนี้ เป็นต้นไป

นอกจากนี้ เตรียมพบกับกิจกรรมสุดพิเศษ “UT ARCHIVE Super Mario Stamp Rally” และของสมนาคุณ*

ได้ตั้งแต่ 17 – 20 เมษายน 2568 เฉพาะ ร้านยูนิโคล่ สาขาสยามพารากอน และ ร้าน Nintendo Authorized Store by SYNNEX  เท่านั้น

  • ร่วมกิจกรรมสะสมแสตมป์ (Stamp Rally) รับฟรีสติกเกอร์ลายพิเศษ
  • ใกล้ชิดกับแขกรับเชิญคนพิเศษ ไมกี้ – ปณิธาน บุตรแก้ว ที่จะพาทุกคนเข้าสู่โลกของคอลเลคชันเสื้อยืด UT จากเกมสุดฮิต Super Mario เฉพาะ วันที่ 17 เมษายน 2568 เวลา 30 น. – 11.30 ณ ร้านยูนิโคล่ สาขาสยามพารากอน
  • รับฟรีกระเป๋าซิปล็อกลาย Super Mario*
  • เมื่อซื้อสินค้าคอลเลกชัน UT ARCHIVE Super Mario ของผู้ชายหรือเด็กลวดลายใดก็ได้ อย่างน้อย 1 ตัว ต่อ 1 ใบเสร็จ ที่ร้านยูนิโคล่ สาขาสยามพารากอน
  • และซื้อเกม Super Mario ที่ Nintendo Authorized Store by SYNNEX (สินค้าที่ร่วมรายการ ได้แก่ Mario Kart 8 Deluxe, Mario Kart 8 Deluxe + Booster Course Pass, Super Mario Party Jamboree, Super Mario Odyssey, Super Mario Bros. Wonder, Mario & Luigi: Brothership, Super Smash Bros.)

ในระหว่างวันที่ 17 – 20 เมษายน 2568  พร้อมนำใบเสร็จของทั้ง 2 ร้าน มารับฟรีกระเป๋าซิปล็อกลาย Super Mario ที่ร้านยูนิโคล่ สาขาสยามพารากอน หรือ Nintendo Authorized Store by SYNNEX

  • จุดถ่ายภายพิเศษ 4 จุด
  • ภายในร้าน ยูนิโคล่ สาขาสยามพารากอน
  • ภายใน ร้าน Nintendo Authorized Store by SYNNEX
  • บริเวณ Crystal Court ใกล้ร้านยูนิโคล่ สาขาสยามพารากอน
  • บริเวณ Star Dome ใกล้ร้าน Nintendo Authorized Store by SYNNEX
  • สัมผัสเล่นเกมส์ Nintendo Switch ฟรี โดยพบกับ Mario Kart 8 DELUXE ได้ที่ร้านยูนิโคล่ สาขาสยามพารากอน และเกม Mario Party Jamboree ได้ที่ร้าน Nintendo Authorized Store by SYNNEX
  • รับสติกเกอร์ลายพิเศษ สำหรับผู้ที่ Check-in ผ่าน Nintendo Account ที่ร้านยูนิโคล่ สาขาสยามพารากอน และ Nintendo Authorized Store by SYNNEX จะได้รับสติกเกอร์ลายไม่ซ้ำกัน โดย 1 ท่าน จำกัด 1 สิทธิ์ ต่อ 1 วัน ต่อ 1 ร้าน
  • รับฟรี Sun Visor ลายหมวกของ Super Mario สำหรับทุกท่านทั้ง 2 ร้าน

 

โบว์ เมลดา สวยสง่าในลุคนางสงกรานต์ “ทุงษะเทวี” มูลค่ากว่า 120 ล้านบาท

Alternative Textaccount_circle

ประเพณีสงกรานต์เริ่มต้นขึ้นแล้ว หลังจากนี้เราคงได้เห็นคนดังในลุคนดังในลุคทุงษะเทวีมากมาย อย่างที่ผ่านมา “โบว์ เมลดา” ได้เข้าร่วมพิธีเปิดงาน ICONSIAM THAICOMIC SONGKRAN CELEBRATION 2025 ซึ่งหลังจากนี้จะได้พบกับ อิงฟ้า วราหะ, ชาล็อต ออสติน, ลีน่า ลลินา, หมิว ณัชชา, น้องแอบิเกล และชมพู่ อารยา ตลอดเทศกาลแห่งความสุข

สำหรับ “โบว์ เมลดา” เธอปรากฏตัวในชุดไทยประยุกต์ นุ่งผ้าไหมยกทอง เมืองนครฯ ชักชายสะบัดอย่างโบราณ ผสมผสานกับสไบผ้าลูกไม้ปักลูกปัด ดิ้นเลื่อมโลหะทองระยิบระยับแพรวพราว ทัดดอกทับทิมประดิษฐ์ ผลงานจาก เฟซบุ๊ก Pete P. Viradsawadkul  สวมเครื่องประดับทับทิมแท้สีแดง มือขวาถือจักร มือซ้ายถือสังข์ เสด็จมาบนหลังพญาครุฑ ซึ่งผลงานทั้งหมดเป็นฝีมือคนไทย ออกแบบเครื่องแต่งกาย โดย พีรมณฑ์ ชมธวัช และอาภรณ์งามสตูดิโอ ส่วนเครื่องเพชรโบราณสมัยรัชกาลที่ 5 จาก พุทธพงษ์ เพียรเจริญ มูลค่ารวมกว่า 120 ล้านบาท


รูปภาพ: @bow_maylada

ข้อมูล: FB: Peeramon Chomdhavat 

MARK วง NCT กับการเดบิวต์ในฐานะศิลปินเดี่ยว ‘The Firstfruit’

Alternative Textaccount_circle

MARK วง NCT ประสบความสำเร็จกับการเดบิวต์ในฐานะศิลปินเดี่ยวด้วยอัลบั้มเดี่ยวชุดแรก ‘The Firstfruit’ ซึ่งหลังจากปล่อยเมื่อวันที่ 7 เมษายนที่ผ่านมา แฟนเพลงทั่วโลกก็ให้ความสนใจและความรักกันเป็นอย่างดี ไม่ว่าจะเป็นการครองอันดับ 1 บนชาร์ต iTunes Top Albums กว่า 17 ภูมิภาคทั่วโลก รวมถึงประเทศไทย ตลอดจนการติดอันดับ 1 บนชาร์ตอัลบั้มและชาร์ตเพลงออนไลน์ในประเทศเกาหลีใต้, อันดับ 1 บนชาร์ต Digital Album Sales ของ QQ Music ประเทศจีน, อันดับ 1 บนชาร์ต Real-time rising ของ AWA ประเทศญี่ปุ่น ฯลฯ

อัลบั้มเดี่ยวชุดแรก ‘The Firstfruit’ ได้รับแรงบันดาลใจจาก 4 เมืองที่เป็นรากฐานสำคัญในชีวิตของ MARK ได้แก่ โตรอนโต บ้านเกิด, นิวยอร์ก เมืองแรกที่ย้ายไปอยู่, แวนคูเวอร์ เมืองที่ใช้ชีวิตในช่วงวัยเรียน และกรุงโซล เมืองที่ได้สานฝันในฐานะศิลปิน โดยอัลบั้มนี้ประกอบด้วยทั้งหมด 13 เพลง ซึ่ง MARK มีส่วนร่วมในการสร้างสรรค์ทุกเพลง โดยจะแบ่งออกเป็น 4 ส่วนตามอารมณ์และบรรยากาศที่เขารู้สึกในแต่ละเมือง อีกทั้งความสมบูรณ์แบบของอัลบั้มนี้ยังสูงขึ้นด้วยการมีส่วนร่วมของหลายท่าน อาทิ คุณแม่ของ MARK , HAECHAN วง NCT , CODE KUNST (โค้ด คุนส์), Crush (ครัช), LEE YOUNG JI (อี ยองจี) เรียกได้ว่า ผลงานนี้จะสะท้อนให้เห็นถึงการเติบโตและการเดินทางทางดนตรีของ MARK ตั้งแต่ปีที่เขาเกิดในปี 1999, การเป็นสมาชิกของ NCT ไปจนถึงปัจจุบันที่ได้เดบิวต์ในฐานะศิลปินเดี่ยว นับเป็นผลอันล้ำค่าที่ในที่สุดก็ออกผล เหมือนกับชื่อ ‘The Firstfruit’อัลบั้มที่มาจากความพยายามและความท้าทายอย่างต่อเนื่องของเขา

ส่วนแรกของอัลบั้มอย่าง โตรอนโต เกี่ยวกับบรรยากาศที่อบอุ่นและร่าเริงในบ้านเกิดของ MARK และปี 1999 ปีที่เขาเกิด ซึ่งเพลง ‘Toronto’s Window’ ที่เป็นจุดเริ่มต้นของการเดินทางนั้น บอกเล่าถึงการมองย้อนกลับไปยังชีวิตที่ผ่านมาของ MARK และคุณค่าของอัลบั้มนี้ที่มีต่อเขา สำหรับเพลงไตเติล ‘1999’ เป็นเพลงแนวป็อปที่ผสมผสานการเรียบเรียงดนตรีของวงออเคสตราสุดอลังการเข้ากับเสียงเครื่องดนตรีต่าง ๆ เช่น เสียงกีตาร์ฟังก์ เครื่องเป่าทองเหลือง และเสียงผิวปาก ซึ่งช่วยสร้างบรรยากาศที่ร่าเริงสดใส โดยผู้ฟังสามารถสัมผัสได้ถึงเสน่ห์อันแปลกใหม่ที่ MARK ไม่เคยแสดงให้เห็นมาก่อน ผ่านการร้องเพลงอย่างอิสระที่สลับไปมาระหว่างการแรปแบบกระชับกับเสียงสูง เนื้อเพลงสื่อถึงความหมายของความสุข ณ ช่วงเวลานี้ที่ออกผลแรกเป็นอัลบั้มเดี่ยว ราวกับว่ากำลังย้อนเวลากลับไปในปี 1999 ซึ่งเป็นปีเกิดของ MARK และยังสื่อถึงความมุ่งมั่นที่จะกลายเป็นศิลปินแห่งปลายศตวรรษ เหมือนที่เขาเกิดในปีสุดท้ายของศตวรรษ โดยเขาได้แต่งเนื้อร้องและทำนองด้วยตัวเองเพื่อถ่ายทอดความคิดที่ตรงไปตรงมา

ส่วนที่สองของอัลบั้มอย่าง นิวยอร์ก แสดงให้เห็นถึงความรู้สึกหนักหน่วงและไม่มั่นคงของการย้ายที่อยู่ครั้งแรกผ่านฮิปฮอป โดยจะมีเพลงสั้น ‘Flight to NYC’ (ไฟล์ท ทู นิวยอร์กซิตี้) เกี่ยวกับความรู้สึกบนเครื่องบินที่ออกจากบ้านเกิดโตรอนโตไปยังนิวยอร์ก, เพลงฮิปฮอปทรงพลัง ‘Righteous’ สื่อถึงตัวตนในฐานะศิลปินที่เดินทางไปทั่วโลก และเพลง ‘프락치 (Fraktsiya) (Feat. LEE YOUNG JI)’ ที่เปรียบเทียบถึงการทำกิจกรรมต่าง ๆ ของเขาในวงการเค-ป็อปและฮิปฮอป

ส่วนที่สามของอัลบั้มอย่าง แวนคูเวอร์ นำเสนอดนตรีที่ฟังง่ายโดยอิงจากความทรงจำอันอบอุ่นของเมืองที่รักดั่งบ้านเกิด ทั้งเพลงป็อป ‘Raincouver’ ที่ให้ความรู้สึกคิดถึงตัวตนอันไร้เดียงสาในอดีตขณะมองหยดน้ำฝนที่ตกลงมาจากท้องฟ้า, เพลงที่มีบรรยากาศอันเป็นเอกลักษณ์ ‘Loser’ ถ่ายทอดความรู้สึกอันละเอียดอ่อนและอารมณ์ที่จริงใจผ่านเนื้อเพลงที่สะท้อนความทรงจำและบาดแผลของความรัก และเพลงที่ได้รับแรงบันดาลใจจากเพลง R&B ในยุค 90 อย่าง ‘Watching TV (Feat. Crush)’ เนื้อเพลงจะเล่าเรื่องราวราวกับ MARKกลายเป็นนักเขียนบทที่กำลังเขียนบทภาพยนตร์อยู่ ส่วนที่สี่ของอัลบั้มอย่าง โซล ถ่ายทอดอย่างสดใสเกี่ยวกับปัจจุบัน ที่ความฝันในการเป็นป็อปสตาร์กำลังกลายเป็นความจริง โดยจะมีเพลง ‘+82 Pressin’ (Feat. HAECHAN)’ (+พารี เพรสซิน) พูดถึงความมั่นใจของ MARK และ HAECHAN ที่ทำกิจกรรมโปรโมตในโซลเป็นหลัก, เพลง ‘200’สื่อถึงความหมายของความรักที่คนสองคนทำให้กันและกันเปล่งประกายมากขึ้น, เพลง ‘Journey Mercies’ มองย้อนวันวานยามสิ้นสุดการเดินทางอันยาวนาน, ‘Mom’s Interlude’ เพลงที่คุณแม่ของ MARK บรรเลงเปียโนด้วยตัวเองนั้นจะมีบทสนทนาสุดอบอุ่นระหว่างคุณแม่และลูกชายอย่าง MARK ปิดท้ายอัลบั้มเดี่ยวชุดแรกด้วยเพลง ‘Too Much’ ที่มีข้อความว่า ความรักที่ได้รับคือ พลังที่ยิ่งใหญ่ที่สุดที่คอยหล่อเลี้ยงเราอยู่เสมอ

“เอ็ม ดิสทริค ไทยหรรษา มหาสงกรานต์ 2025” ปักหมุดแลนมาร์กฉลองสงกรานต์สุดยิ่งใหญ่ใจกลางสุขุมวิท

account_circle

เอ็ม ดิสทริค โดยศูนย์การค้าเอ็มโพเรียม เอ็มควอเทียร์ และเอ็มสเฟียร์ จับมือภาครัฐบาลและเครือข่ายภาคเอกชน สืบสานประเพณีสงกรานต์ของไทยร่วมจัดงาน “เอ็ม ดิสทริค ไทยหรรษา มหาสงกรานต์ 2025” ตั้งแต่วันที่ 12 – 14 เมษายน 2568 ที่อุทยานเบญจสิริ ปักหมุด แลนด์มาร์กสงกรานต์สุดยิ่งใหญ่ครั้งแรกใจกลางสุขุมวิท ชวนเล่นน้ำสงกรานต์ และสนุกสนานกิจกรรมบันเทิงสไตล์ไทยมากมาย พร้อมชวนทุกคนเล่น น้ำชุ่มฉ่ำดับร้อนกับอุโมงค์น้ำความยาว 50 เมตร ที่มาพร้อมแสงสีและเสียงดนตรีจากดีเจชั้นนำ และกิจกรรมฉลองซัมเมอร์มากมายระดับเวิลด์คลาสมากมาย พร้อมกิจกรรมสนุกสนาน ตลอดเดือนเมษายน 2568

สำหรับงาน “เอ็ม ดิสทริค ไทยหรรษา มหาสงกรานต์ 2025”ในวันนี้ ได้รับเกียรติจากคุณสำรวย นักการเรียนผู้ตรวจราชการกระทรวงวัฒนธรรม และคุณศานนท์ หวังสร้างบุญ รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ร่วมเป็นประธานเปิดงาน โดยมีผู้บริหารเดอะมอลล์ กรุ๊ปให้การต้อนรับ และเปิดตัวเทพีไทยหรรษา มหาสงกรานต์ “ญาญ่า อุรัสยา”สวมชุดผ้าไทยร่วมสมัย สำหรับงานนี้เป็นอีเวนท์สำคัญที่ ทางเอ็ม ดิสทริค จับมือภาครัฐบาลและเครือข่ายภาคเอกชน จัดขึ้นเพื่อร่วมสืบสานประเพณีสงกรานต์ของไทย ซึ่งเป็นตัวแทนมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ของมนุษยชาติ ตามประกาศขององค์การยูเนสโก ซึ่งเป็นกิจกรรมอีเวนต์ระดับประเทศที่ช่วยดึงดูดนักท่องเที่ยวชาวไทยและชาวต่างชาติ ปักหมุดแลนด์มาร์กสงกรานต์สุดยิ่งใหญ่ครั้งแรกใจกลางสุขุมวิท ที่นำเสนอเอกลักษณ์ความเป็นไทยด้วยกิจกรรมมากมาย อาทิ การเล่นน้ำสงกรานต์กลางสวน การแสดงศิลปวัฒนธรรมไทย อาทิ ขบวนกลองยาว ขบวนนางรำ เป็นต้น และความบันเทิงจากศิลปินชั้นนำยกทัพมาร่วมสร้างความสุขได้อาทิ บุรินทร์ บุญวิสุทธิ์, จ๊ะ นงผณี, แอนโทเนีย โพซิ้ว, โอปอ สุชาตา, The Paradise Bangkok Molam International Band และอีกมากมาย ร่วมเล่นเกมเกมส์งานวัดแสนสนุก ไม่ว่าจะเป็น หนุ่ม-สาว ตกน้ำ, ปาโป่ง ยิงปืนจุกน้ำปลา และเกมสนุกอื่นๆ พร้อมชมความน่ารักของการแสดงของ หนูน้อยเทพีสงกรานต์ รวมถึงอิ่มอร่อยกับอาหารไทยเลิศรส ระหว่างวันที่ 12 – 14 เมษายน 2568 เวลา 15.00 – 21.00 น. ที่อุทยานเบญจสิริ ถนนสุขุมวิท (BTS พร้อมพงษ์) และเอ็มยาร์ด ชั้น G เอ็มสเฟียร์ และชมความตระการตาของ ขบวนรถ ไทยหรรษา มหาสงกรานต์ ที่รังสรรค์การตกแต่งอย่างสวยงาม พร้อม Mascot ช้างน้อยน่ารัก, นางสงกรานต์ และขบวนกลองยาว ร่วมสาดความสนุกทั่วกรุงเทพมหานครผ่านถนนและและแลนมาร์คสำคัญของกรุงเทพอย่าง อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย, เสาชิงช้า ระหว่างวันที่ 11-14 เมษายน 2568

ร่วมสนุกสนานกับกิจกรรมสาดน้ำสงกรานต์ที่สามารถร่วมสนุกกันได้ทั้งครอบครัว ด้วยการเนรมิตอุโมงค์น้ำสีสันสดใสความยาวกว่า 50 เมตร ที่มาพร้อมแสงสีและเสียงดนตรีจากดีเจชั้นนำ บริเวณด้านหน้าศูนย์เอ็มสเฟียร์ ตั้งแต่วันที่ 8 – 16 เมษายน 2568 รวมถึงกิจกรรมอีกมากมายให้ได้ร่วมสนุกตลอดเดือนเมษายน 2568 อย่าง มุมถ่ายรูปแสนสวยกับดิสเพลย์ของศูนย์การค้า ในธีม “ONLY IN THAILAND” ที่ช่วยส่งเสริมเสน่ห์ความเป็นไทยให้โดดเด่น อาทิ ปลาตะเพียนสาน เครื่องจักสาน เครื่องเงินในซัมเมอร์ปีนี้ พร้อมด้วยปาร์ตี้ระดับเวิลด์คลาส ที่สุดของความสนุกและความมันส์กับซิกเนเจอร์อีเวนต์ระดับโลกในงาน “GCIRCUIT GALA 2.0” ที่ปีนี้มาในคอนเซปต์ “A WHOLE NEW WORLD SONGKRAN 2025” ระหว่างวันที่ 11 – 14 เมษายน 2568 ณ ชั้น 6 UOB LIVE ศูนย์การค้าเอ็มสเฟียร์ และฉลองสงกรานต์แบบ NON-STOP ในงาน “EM WONDER SUMMER SPIRIT” ชวนทุกคนมาระเบิดความมันส์ไปกับดีเจชั้นนำของเมืองไทย พร้อมอิ่มอร่อยกับอาหารและเครื่องดื่มที่มาพร้อมโปรโมชั่นพิเศษตลอดช่วงซัมเมอร์ ในวันที่ 11 – 15 เมษายน 2568 ที่ WONDER SPACE ชั้น 5 ศูนย์การค้าเอ็มสเฟียร์

นอกจากกิจกรรมสาดน้ำและปาร์ตี้สุดสนุกแล้ว ยังเอาใจนักชิมทุกคนด้วยเมนูพิเศษรับซัมเมอร์ในงาน “EMDINING SUMMERLICIOUS” ชวนทุกคนมาอิ่มอร่อยกับเมนูคลายร้อนกว่า 100 เมนู หลากหลายสไตล์ ภายในศูนย์การค้าเอ็มโพเรียม เอ็มควอเทียร์ และเอ็มสเฟียร์ หรือมาช้อปไอเทมบิวตี้รับลมร้อนจากแบรนด์ดังกับ “SUMMER GLOW” พร้อมโปรโมชั่นพิเศษสำหรับทุกคน รวมถึงงาน “EMJOY SUMMER SCHOOL BREAK” ชวนหนูๆ มาเพลิดเพลินกับกิจกรรม TERRARIUM จัดโหลสวนสาหร่ายมาริโมะสุดสร้างสรรค์ จาก AFTER THE RAIN TERRARIUM และกิจกรรมร้อยสร้อยลูกปัด DIY พร้อมจี้สุดน่ารัก จาก SUNKID.STUDIO ทุกวันเสาร์และวันอาทิตย์ ตลอดเดือนเมษายน 2568 และห้ามพลาด งาน “คัดไทย 2025 : Only’s Thailand Best & Beyond” ที่คัดสรรและรวบรวมสินค้าชุมชนทั่วไทยมาให้ชาวไทยและชาวต่างชาติได้เลือกซื้อและสัมผัสความเป็นไทยทุกมิติผ่านวัตถุดิบท้องถิ่น ผลไม้ อาหารพื้นเมือง เมนูเด็ด ตลอดจนแฟชั่นและผลิตภัณฑ์แบรนด์ไทยคุณภาพมาตรฐานระดับโลก ซึ่งมีเฉพาะในช่วงซัมเมอร์นี้เท่านั้น

ร่วมฉลองเทศกาลสงกรานต์และซัมเมอร์กับกิจกรรมสุดยิ่งใหญ่ ที่ทั้งสนุกและมันส์แบบจัดเต็ม ได้ในงาน “เอ็ม ดิสทริค ไทยหรรษา มหาสงกรานต์ 2025” ตั้งแต่วันที่ 12 – 14 เมษายน 2568 ที่อุทยานเบญจสิริ และจัดเต็มความสนุกแบบครบรสต้อนรับซัมเมอร์ ระหว่างวันที่ 1 – 30 เมษายน 2568 ณ เอ็ม ดิสทริค


รู้จัก 'เวชศาสตร์ฟื้นฟู' อย่างลึกซึ้ง พร้อมกระเทาะไลฟ์สไตล์ชีวิตที่บาลานซ์ของ 'หมอเปียง'

รู้จัก ‘เวชศาสตร์ฟื้นฟู’ อย่างลึกซึ้ง พร้อมกระเทาะไลฟ์สไตล์ชีวิตที่บาลานซ์ของ ‘หมอเปียง’

Alternative Textaccount_circle
รู้จัก 'เวชศาสตร์ฟื้นฟู' อย่างลึกซึ้ง พร้อมกระเทาะไลฟ์สไตล์ชีวิตที่บาลานซ์ของ 'หมอเปียง'
รู้จัก 'เวชศาสตร์ฟื้นฟู' อย่างลึกซึ้ง พร้อมกระเทาะไลฟ์สไตล์ชีวิตที่บาลานซ์ของ 'หมอเปียง'

ในวันที่ชีวิตเต็มไปด้วยความเร่งรีบและภาระหน้าที่ หลายคนอาจไม่ทันสังเกตเลยว่าร่างกายกำลังส่งสัญญาณเตือนบางอย่างผ่าน ‘อาการปวด’ ที่แทรกซึมเข้ามาอย่างเงียบๆ และนี่คือจุดเริ่มต้นของบทสนทนากับคุณหมอเปียง (อาจารย์นายแพทย์กันตพงศ์ ทองรงค์ แพทย์เฉพาะทางเวชศาสตร์ฟื้นฟูแห่ง เปียง รีแฮบบิลิเทชัน คลินิก) แพทย์ผู้เชื่อมั่นว่าการฟื้นฟูร่างกาย ไม่ได้มีไว้แค่สำหรับผู้ป่วยหลังอุบัติเหตุหรือโรคร้ายเท่านั้น แต่เกี่ยวข้องกับ ‘ทุกคน’ ในทุกช่วงวัยของชีวิต ที่ควรใส่ใจตั้งแต่วันนี้ ก่อนที่ร่างกายจะส่งเสียงดังจนสายเกินฟัง

Q : อะไรคือเหตุผลที่คุณหมอเลือกเส้นทางเวชศาสตร์ฟื้นฟู?
“ผมมองว่าเวชศาสตร์ฟื้นฟู เป็นศาสตร์ที่พูดถึง ‘คุณภาพชีวิต’ เป็นหลักครับ ไม่ว่าคุณจะอยู่ในช่วงวัยไหน ตั้งแต่แรกเกิดจนถึงวัยชรา เวชศาสตร์ฟื้นฟูก็สามารถเป็นส่วนหนึ่งในกระบวนการดูแลสุขภาพได้เสมอ เพราะการแพทย์โดยทั่วไปจะแบ่งเป็น 3 เสาหลัก คือ การป้องกัน รักษา และฟื้นฟู ซึ่งฟื้นฟูก็ถือเป็นอีกหนึ่งพาร์ทที่สำคัญมาก เราจะมุ่งเน้นให้ผู้ป่วยสามารถกลับมาใช้ชีวิตได้ใกล้เคียงกับช่วงเวลาที่ดีที่สุดของเขา ก่อนจะเกิดอาการเจ็บป่วยหรือบาดเจ็บ

ยกตัวอย่างง่ายๆ อย่างออฟฟิศซินโดรม หรืออาการปวดเรื้อรังจากท่าทางการทำงานที่ผิด อาการเหล่านี้ลดทอนทั้งคุณภาพชีวิตและประสิทธิภาพในการทำงาน หน้าที่ของเราคือช่วยให้ผู้ป่วยกลับมาใช้ชีวิตอย่างอิสระได้อีกครั้ง ในแบบที่พวกเขาควรจะเป็น และไม่ใช่แค่โรคกล้ามเนื้อหรือออฟฟิศซินโดรมเท่านั้นนะครับ โรคหลอดเลือดสมอง โรคหัวใจ ผู้ป่วยหลังผ่าตัด หรือผู้ที่สูญเสียอวัยวะเอง ก็ต้องการการฟื้นฟูเช่นกัน ผมเชื่อว่าศาสตร์นี้สามารถช่วยให้คนจำนวนมากมีชีวิตที่ดีขึ้นได้จริงๆ ซึ่งผมเองเป็นคนทำคอนเทนต์เล่าเรื่องมาตั้งแต่เรียนจบใหม่ๆ พอมีโอกาสเป็นแพทย์เฉพาะทาง ก็อยากนำความรู้จากเวชศาสตร์ฟื้นฟูมาบอกเล่าในแบบที่คนทั่วไปเข้าใจง่าย ให้เนื้อหาสุขภาพกลายเป็นเรื่องใกล้ตัวและจับต้องได้”

Q : คุณหมอเองเคยมีประสบการณ์ตรงเกี่ยวกับอาการปวดไหม?
“มีครับ… ยุคนี้ใครทำงานอยู่หน้าคอมพิวเตอร์ ใช้โทรศัพท์มือถือตลอดวันก็มีโอกาสเจอปัญหาเหล่านี้กันทั้งนั้น รวมถึงตัวผมเองก็มีอาการปวดเมื่อยบ้างตามธรรมชาติของงาน แต่เพราะเราเป็นหมอ ก็พอรู้ว่าควรดูแลตัวเองอย่างไร และยังชอบแลกเปลี่ยนความรู้กับเพื่อนๆ ในวงการแพทย์อยู่เสมอว่ามีวิธีไหนที่เหมาะสมบ้าง เพราะสุขภาพก็เป็นเรื่องที่ไม่หยุดพัฒนาเหมือนกันครับ”

Q : จุดเริ่มต้นของ เปียง รีแฮบบิลิเทชัน คลินิก มาจากอะไร?
“คลินิกแห่งนี้เกิดจากความตั้งใจที่อยากทำให้ศาสตร์เวชศาสตร์ฟื้นฟู มีบทบาท และความชัดเจนมากขึ้นในชีวิตประจำวันของผู้คน เราเน้นให้การรักษาทุกขั้นตอนมีงานวิจัยและข้อมูลทางการแพทย์รองรับอย่างเป็นระบบ เพื่อให้ผู้เข้ารับบริการมั่นใจว่าทุกวิธีการที่ใช้ มีประสิทธิภาพและปลอดภัย และที่นี่ เปียง รีแฮบบิลิเทชัน คลินิก (PYONG Rehabilitation) เปิดมาเกือบครบ 2 ปีแล้วครับ ผมเองดูแลคลินิกนี้โดยตรง พร้อมกับมีทีมแพทย์และบุคลากรที่พร้อมให้คำปรึกษาทุกวัน”

Q : แนวคิดการทำงานของคุณหมอในการดูแลคนไข้เป็นแบบไหน?
“สำหรับผม เวชศาสตร์ฟื้นฟู ไม่ได้มีแค่การรักษาโรคเท่านั้น แต่คือการเข้าใจผู้ป่วยอย่างแท้จริง หลายครั้งที่อาการเจ็บปวดซ่อนอยู่ในพฤติกรรมเล็กๆ น้อยๆ ที่ผู้ป่วยเองอาจไม่เคยสังเกต เช่น ท่านั่ง ท่านอน หรือแม้แต่การถือมือถือข้างไหนนานเกินไป ดังนั้น ผมเชื่อในคำว่า ‘Empathy’ คือการพยายามเข้าใจความรู้สึกของคนไข้ให้มากที่สุด เมื่อเราเข้าใจเขาแล้ว จะช่วยให้วินิจฉัยได้ถูกต้องและแม่นยำขึ้น เพราะต้นเหตุบางอย่างอาจไม่ได้อยู่ที่ร่างกายเพียงอย่างเดียว แต่ซ่อนอยู่ในพฤติกรรมหรือวิถีชีวิตของเขาด้วย”

Q : มีอาการไหนที่พบเจอเป็นพิเศษไหม?
“ส่วนใหญ่จะเป็น ‘ออฟฟิศซินโดรม’ หรือชื่อเต็มๆ ทางการแพทย์คือ Myofascial Pain Syndrome โรคนี้เกิดจากพฤติกรรมการนั่งทำงานซ้ำๆ ในท่าทางที่ไม่ถูกต้อง เช่น นั่งเก้าอี้ที่ไม่รองรับหลัง นั่งจ้องจอคอมพ์นานๆ โดยไม่เปลี่ยนอิริยาบถ ซึ่งอาการที่พบได้บ่อยจะปวดบริเวณคอ บ่า ไหล่ แต่ไม่ใช่เฉพาะคนทำงานเท่านั้นนะครับ นักกีฬาหรือคนที่ออกกำลังกายสม่ำเสมอ ก็พบได้เยอะเช่นกัน เพราะถ้าขาดความรู้เรื่องการวอร์มอัพ คลูดาวน์ หรือยกน้ำหนักเกินกำลัง ก็สามารถเจ็บกล้ามเนื้อหรือเส้นเอ็นได้เหมือนกัน”

Q : กีฬาชนิดไหนที่คุณหมอมักพบว่ามีการบาดเจ็บบ่อยเป็นพิเศษ?
“ที่พบบ่อยก็จะเป็นคนที่เข้าฟิตเนสครับ เพราะบางครั้งยกเวทหรือออกกำลังหนักเกินไปโดยไม่ได้เตรียมร่างกายให้พร้อม รวมถึงนักกีฬากอล์ฟและเทนนิสก็มีให้เห็นเยอะเช่นกัน เนื่องจากเป็นกีฬาที่ต้องใช้กล้ามเนื้อชุดเดิมซ้ำๆ และบางท่าทางก็มีแรงกระแทกหรือบิดตัวสูงมาก ถ้าขาดความรู้เรื่องท่าทางที่ถูกต้อง หรือเล่นเกินความสามารถของร่างกาย ก็จะเกิดอาการบาดเจ็บได้ง่ายครับ”

Q : โปรแกรมการรักษาที่นี่เน้นเรื่องอะไรเป็นพิเศษบ้าง?
“พื้นฐานของการรักษาที่นี่ เราให้ความสำคัญกับ ‘การค้นหาสาเหตุที่แท้จริง’ เป็นอันดับแรกครับ หลังจากนั้นจะให้คำแนะนำในการปรับพฤติกรรม และเสริมด้วยเทคนิคทางเวชศาสตร์ฟื้นฟู ไม่ว่าจะเป็นการใช้ยา กายภาพบำบัด การใช้เครื่องมือทางการแพทย์ที่เรียกว่า Physical Modality ซึ่งล้วนอยู่ภายใต้การดูแลของทีมแพทย์เฉพาะทาง เพื่อให้การรักษามีประสิทธิภาพและปลอดภัยที่สุด

โดย Physical Modality หรือการรักษาด้วยเครื่องมือทางกายภาพ เช่น เครื่องกระตุ้นไฟฟ้า อัลตราซาวด์คลื่นเสียงลึก หรือเลเซอร์บำบัด ซึ่งจะช่วยลดอาการปวด บรรเทาอาการอักเสบ และกระตุ้นให้ร่างกายฟื้นตัวได้เร็วขึ้น นอกจากนี้ยังมีในส่วนของการทำ Manual Therapy หรือการรักษาด้วยมือ เช่น การจัดกระดูก การดัดยืดกล้ามเนื้อ ซึ่งต้องอาศัยความเชี่ยวชาญเฉพาะของแพทย์และนักกายภาพบำบัด เพื่อช่วยคลายจุดตึงตัวของกล้ามเนื้อและพังผืดที่เป็นต้นเหตุของอาการปวด

และสุดท้ายก็คือการออกแบบ Exercise Program หรือการจัดโปรแกรมการออกกำลังกายฟื้นฟูให้เหมาะสมกับผู้ป่วยแต่ละราย เพราะในเวชศาสตร์ฟื้นฟู เราไม่เน้นให้คนไข้แค่หายปวดชั่วคราว แต่เราต้องการให้เขาแข็งแรงขึ้นจริงๆ และลดโอกาสกลับมาเจ็บซ้ำในระยะยาว เพราะฉะนั้นเราจะออกแบบโปรแกรมเฉพาะบุคคล ตั้งแต่ระดับง่ายไปจนถึงการฝึกกล้ามเนื้อเชิงลึก เพื่อเสริมสร้างความสมดุลและความมั่นคงให้กับร่างกายอย่างยั่งยืนครับ”

Q : นอกจากการรักษาอาการปวดแล้ว เวชศาสตร์ฟื้นฟูยังช่วยเรื่องอะไรได้อีกบ้าง?
“เวชศาสตร์ฟื้นฟูไม่ได้โฟกัสแค่เรื่องอาการปวดนะครับ จริงๆ แล้วศาสตร์นี้กว้างมาก ครอบคลุมตั้งแต่ผู้ป่วยที่มีปัญหาในการเคลื่อนไหว ผู้ที่ผ่านการผ่าตัด ผู้ที่มีอาการอ่อนแรงจากโรคระบบประสาท เช่น โรคหลอดเลือดสมอง หรือผู้ป่วยที่มีข้อจำกัดทางกายภาพอย่างผู้สูงอายุ หรือแม้แต่ผู้พิการทางร่างกาย เราก็จะช่วยวางแผนการฟื้นฟูให้เขากลับมาใช้ชีวิตได้ดีที่สุดตามศักยภาพที่เหลืออยู่

อีกด้านที่ผมให้ความสำคัญมากคือ ‘การป้องกัน’ เวชศาสตร์ฟื้นฟูไม่ใช่แค่เรื่องของคนที่เจ็บแล้วต้องมารักษา แต่ยังสามารถเข้ามาเรียนรู้เพื่อป้องกันอาการบาดเจ็บในอนาคตได้ด้วย เช่น คนที่มีท่าทางการนั่งทำงานไม่ถูกต้อง หรือเริ่มมีอาการปวดเล็กๆ น้อยๆ ถ้าเข้ามาปรึกษาตั้งแต่เนิ่นๆ เราสามารถช่วยออกแบบพฤติกรรมและท่าออกกำลังกายเพื่อป้องกันไม่ให้มันลุกลามจนกลายเป็นโรคได้ครับ”

Q : สำหรับคนที่กำลังเผชิญกับอาการปวดหรือมีปัญหาเกี่ยวกับสุขภาพกายบ้างไหม?
“อย่าปล่อยให้อาการปวดกลายเป็นเพื่อนสนิทครับ หลายๆ คนพอเริ่มปวด ก็เลือกจะทน เพราะคิดว่าเดี๋ยวมันก็หายเอง หรือกินยาแก้ปวดไปก่อน แต่ในความเป็นจริงแล้ว อาการปวดมักเป็นสัญญาณเบื้องต้นที่ร่างกายพยายามบอกอะไรบางอย่างกับเรา และถ้าปล่อยไว้นานๆ มันอาจลุกลามไปถึงระดับที่รักษายากขึ้น หรือบางกรณีกลายเป็นปัญหาสุขภาพเรื้อรังที่ส่งผลต่อคุณภาพชีวิตในระยะยาวได้เลย

ผมเชื่อว่าการดูแลสุขภาพไม่ใช่เรื่องของความเจ็บป่วยเท่านั้น แต่เป็นเรื่องของการรู้จักฟังร่างกายของตัวเอง ใส่ใจพฤติกรรมในชีวิตประจำวัน เช่น ท่านั่ง ท่านอน การใช้โทรศัพท์ หรือแม้แต่ท่าทางการออกกำลังกาย หากมีข้อสงสัยหรือเริ่มรู้สึกผิดปกติ ควรเข้ามาปรึกษาแพทย์ที่เชี่ยวชาญเพื่อวางแผนดูแลตัวเองตั้งแต่เนิ่นๆ ครับ เพราะสุขภาพที่ดีคือของขวัญที่ดีที่สุดสำหรับชีวิตเลยจริงๆ”

หลังจากพูดคุยกันอย่างจริงจังในแง่มุมของเวชศาสตร์ฟื้นฟูและอนาคตของคลินิกไปพอสมควรแล้ว ขอเปลี่ยนโหมดมาชวนคุณหมอคุยในมุมเบาๆ กันบ้าง เพราะนอกจากบทบาทของแพทย์และอาจารย์แล้ว คุณหมอยังเป็นนักเดินทางตัวยง เป็นคอนเทนต์ครีเอเตอร์ และมีโปรเจกต์ส่วนตัวอีกเพียบ แต่จะบาลานซ์ชีวิตหลายบทบาทยังไงให้ยังยิ้มได้ทุกวัน ตามไปฟังคุณหมอเล่าแบบกันเองๆ กัน

Q : เป็นทั้งคุณหมอ นักเดินทาง และคอนเทนต์ครีเอเตอร์ ชีวิตหลากหลายบทบาทแบบนี้ คุณหมอมีวิธีบาลานซ์ชีวิตยังไงบ้าง?
ผมมองว่าชีวิตเรามีหลายด้านที่สำคัญ ทั้งเรื่องงาน กิจกรรมที่เราชอบ ความสัมพันธ์ หรือแม้แต่การดูแลตัวเอง ซึ่งทั้งหมดคือ Priority หรือสิ่งที่ต้องให้ความสำคัญ แต่ละช่วงเวลา Priority เหล่านี้อาจเปลี่ยนลำดับได้ ขึ้นอยู่กับสถานการณ์ ณ ตอนนั้น แต่ถ้าเราตั้งสิ่งใดไว้เป็น Priority แล้ว ยังไงก็ต้องทำให้ได้ครับ เหมือนกับการอาบน้ำ แปรงฟัน ที่ต่อให้เหนื่อยแค่ไหนก็ต้องทำให้เสร็จ

อย่างผม ถ้าให้ความสำคัญกับการออกกำลังกาย ผมก็จะพยายามหาเวลาให้ได้ในแต่ละวัน อย่างน้อยสักครึ่งชั่วโมงถึงหนึ่งชั่วโมง การนอนก็สำคัญมากครับ อย่างน้อย 6–8 ชั่วโมง เพื่อให้ร่างกายพร้อมรับกับหน้าที่ในแต่ละวัน ส่วนเรื่องงาน ผมก็ใส่หมวกหลายใบครับ เป็นอาจารย์ เป็นหมอ เป็นผู้ประกอบการ แล้วก็ทำคอนเทนต์ ซึ่งก็ต้องสลับจัดลำดับความสำคัญให้เหมาะกับช่วงเวลา ถ้าเป็นช่วงที่ต้องสอนเยอะ ก็จะเทไปทางนั้น

ส่วนการเดินทางท่องเที่ยวเป็น passion ที่อยู่กับผมมานาน และกลายเป็นจุดเริ่มต้นของการเป็นคอนเทนต์ครีเอเตอร์ด้วย ซึ่งตอนนี้ก็สามารถสร้างรายได้ได้เหมือนกัน แต่แม้จะเป็นงาน ก็ยังเป็นสิ่งที่ผมรักอยู่ดี ทุกครั้งที่ไปเที่ยว ผมก็จะพยายามกลับมาพร้อมคอนเทนต์ที่ดี อย่างน้อยก็มีสปอนเซอร์ติดไม้ติดมือกลับมาบ้าง (หัวเราะ) มันเป็นการฮาร์โมไนซ์ชีวิต คือทำให้ทุกอย่างกลมกล่อมไปด้วยกัน โดยไม่ต้องแบ่งว่าอะไรสำคัญที่สุดเสมอไป แต่ดูว่าช่วงนั้น อะไรควรมาเป็นลำดับต้นๆ ครับ”

Q : ในแต่ละด้านที่คุณหมอให้ความสำคัญ มีการตั้งเป้าหมายเอาไว้ยังไง?
“ทุกอย่างที่เป็น Priority ผมตั้งเป้าหมายไว้หมดครับ อย่างในเรื่องธุรกิจ ผมก็อยากให้มันค่อยๆ เติบโต สร้างความมั่นคงและความน่าเชื่อถือขึ้นเรื่อยๆ ส่วนบทบาทแพทย์และอาจารย์ ผมอยากมีผลงานทางวิชาการเพิ่มขึ้น ทั้งในด้านการวิจัย การสอน รวมถึงการพัฒนาแนวทางใหม่ๆ ที่ใช้ในระบบสุขภาพ

ผมสนใจเรื่อง Design Thinking กับ Universal Design มาก อยากให้มันถูกนำมาใช้ในระบบบริการสุขภาพอย่างเป็นรูปธรรม โดยเฉพาะในสายเวชศาสตร์ฟื้นฟู ซึ่งเกี่ยวข้องโดยตรง

ส่วนพอพูดถึงการเที่ยว สำหรับผมไม่ว่าจะใกล้หรือไกลก็สนุกทั้งนั้น มันคือการพักหายใจจากสิ่งอื่นๆ ได้บ้าง ได้ไปทำสิ่งที่เราชอบ และเติมพลังกลับมา ซึ่งผมมองว่าเป็นเรื่องจำเป็นด้วยซ้ำ เพราะถ้าเราดูแลตัวเองไม่ดี ก็จะไปทำอย่างอื่นต่อไม่ไหว”

Q : การเปิดคลินิกมาเกือบ 2 ปี มีผลต่อไลฟ์สไตล์ของคุณหมอบ้างไหม โดยเฉพาะเรื่องการท่องเที่ยว?
“ช่วงแรกเปิดคลินิกก็แทบไม่ได้เที่ยวเลยครับ เพราะตอนนั้นมีหมออยู่แค่คนเดียว ก็คือผม ต้องดูแลทุกอย่างเอง แต่พอเวลาผ่านไป เราค่อยๆ สร้างทีมขึ้นมา ตอนนี้ทีมก็ใหญ่ขึ้นตามลำดับ ซึ่งช่วยให้ผมมีเวลาจัดการชีวิตได้ดีขึ้น ผมเชื่อว่าถ้างานเริ่มหนักเกินไปจนกระทบคุณภาพชีวิต เราก็ต้องหาคนมาช่วย เพราะคุณภาพชีวิตเป็นเรื่องปัจเจกนะครับ สำหรับผม ถ้าเริ่มรู้สึกว่าไม่ไหว ก็จะจัดการด้วยการเพิ่มทีมทันที

ตอนนี้เราก็เตรียมจะเปิดศูนย์ใหม่ที่เกษร ทาวเวอร์ (ประมาณกลางปี 2025 นี้) เป็นศูนย์ที่ดูแลผู้สูงอายุแบบครบวงจร อยู่ในธีม Geriatric Medicine ทั้งป้องกัน รักษา และฟื้นฟู โดยใช้แนวคิดเวชศาสตร์ฟื้นฟูผสมกับเทคโนโลยี เช่น หุ่นยนต์เพื่อการฟื้นฟูสมอง หรือกายภาพแบบใหม่ที่ช่วยให้สมองเรียนรู้และซ่อมแซมได้ดียิ่งขึ้น ซึ่งเป้าหมายคือให้ผู้สูงอายุมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น ถ้าร่างกายดีอยู่แล้ว ก็ทำให้ดีขึ้นไปอีก ถ้าเริ่มมีปัญหา เช่น สโตรก พาร์กินสัน อัลไซเมอร์ ก็อยากให้เค้ากลับมาใช้ชีวิตในสังคมได้อย่างเต็มที่ครับ”

และนี่คือบทสนทนากับคุณหมอเปียง คุณหมอผู้เชี่ยวชาญด้านการรักษากาย ที่ไม่ลืมดูแลใจตัวเองผ่านการเดินทางและการเป็นคอนเทนต์ครีเอเตอร์สายลุย ตลอดบทสัมภาษณ์นี้ คุณจะได้เห็นมุมมองการทำงานและการใช้ชีวิตที่บาลานซ์กันได้ดีของคุณหมอ และหวังว่าบทความนี้จะช่วยให้หลายคนเข้าใจและเห็นความสำคัญของ “เวชศาสตร์ฟื้นฟู” มากขึ้น


So Cute! กระเป๋า Tamburins ลาย “คุมะ”น้องหมาแสนรักของ เจนนี่ BLACKPINK

Alternative Textaccount_circle

เห็นแล้วถึงกับใจละลาย เมื่อ “เจนนี่ BLACKPINK” ถือกระเป๋าลายคุมะ ซึ่งเป็นน้องหมาสุดน่ารักของเธอเอง โดยไอเท็มชิ้นนี้ Tamburins รังสรรค์ขึ้นให้เจนนี่โดยเฉพาะ

เชื่อว่าถ้าใครเป็นแฟนคลับ “เจนนี่ BLACKPINK” คงรู้จักน้องหมาขนปุยสีน้ำตาลที่ชื่อ “คุมะ” เป็นอย่างดี เพราะน้องเป็นเพื่อนซี่สี่ขาที่อยู่กับเธอมานานแล้ว แน่นอนว่าเมื่อเจ้าของเป็นถึงซูเปอร์สตาร์ระดับโลก ชื่อเสียงของเจ้าคุมะก็ยังเป็นที่เลื่องลือไม่แพ้กัน อย่างครั้งหนึ่งเจนนี่ก็เคยพาคุมะขึ้นปกนิตยสารเป็นที่เรียบร้อย เรียกว่าไม่ธรรมดาจริงๆ

เมื่อไม่นานนี้เจนนี่ก็เพิ่งพาเจ้าคุมะออกงานอีเวนต์ของ TAMBUBINS แต่มาในรูปแบบลายรูปหัวใจบนกระเป๋า ที่หลายคนเห็นแล้วถึงกับถามหาว่ามาจากแบรนด์อะไร จนได้คำตอบว่า ไม่ใช่ของใครที่ไหนไกล เพราะ TAMBURINS ได้ออกแบบกระเป๋าสีดำประดับโบบริเวณหูจับ และสกรีนลายคุมะเป็นรูปหัวใจให้กับเธอเอง บอกเลยว่าใบนี้พิเศษสุดๆ มีเพียงใบเดียวเท่านั้น

แม้ซื้อกระเป๋าตามไม่ได้ก็ไม่ต้องเสียใจไป หนึ่งไอเท็มที่ห้อยมากับกระเป๋าของเจนนี่ ซื้อตามได้แน่นอน นี่คือ “Leather Wear Perfume Oil White” เคสใส่น้ำหอมที่มาในรูปแบบพวงกุญแจ แฟชั่นนิสต้าตัวแม่ใช้ขนาดนี้ การันตีความเก๋แน่นอน ราคาอยู่ที่ 55,000 วอน หรือ 1,300 บาท


รูปภาพ: jennierubyjane และ Tamburins

คิสออฟไลฟ์

สมมงตัวมัมเจน 5 KISS OF LIFE พริกล้านเม็ด ก็เผ็ดไม่เท่า

Alternative Textaccount_circle
คิสออฟไลฟ์
คิสออฟไลฟ์

ทำถึงแบบไม่ค้านสายตา ไม่กังขาสกิลใดๆ สมมงตัวมัมเจน 5 จนบอกเลยว่า เสียดายแทนคนที่ไม่ได้ดูคอนเสิร์ต “2025 คิสออฟไลฟ์ เฟิร์ส เวิลด์ ทัวร์ [คิส โรด] อิน แบงคอก” (2025 KISS OF LIFE 1ST WORLD TOUR [KISS ROAD] in BANGKOK) #KISSROADinBANGKOK เวิลด์ทัวร์ครั้งแรกของสี่สาวจูบชีวิต “คิสออฟไลฟ์” (KISS OF LIFE) #KISSOFLIFE จูลี่ (Julie), นัตตี้ (Natty), เบลล์ (Belle) และ ฮานึล (Haneul) เกิร์ลกรุ๊ปที่อายุเดบิวต์วงยังไม่ถึง 2 ปี แต่เดินหน้าโกยความสำเร็จต่อเนื่องอย่างมหาศาล

โดยคอนเสิร์ตลำดับที่ 38 ของตารางเวิลด์ทัวร์ [KISS ROAD] จัดขึ้นที่ประเทศไทย เมื่อวันอาทิตย์ที่ 6 เมษายน 2568 ที่ผ่านมา ณ ธันเดอร์โดม เมืองทองธานี ผลงานอิมพอร์ตความจึ้งส่งตรงถึงแฟนๆ ชาวไทยอีกครั้งโดย โฟร์ วัน วัน เอ็นเตอร์เทนเม้นท์ (Four One One Entertainment หรือ 411ent) นำโดย กึ้ง-เฉลิมชัย มหากิจศิริ แท็กทีมต้นสังกัด เอสทู เอ็นเตอร์เทนเม้นท์ (S2 Entertainment) และ วันเดอร์ (WONDER) ประเทศเกาหลีใต้

แค่เปิดตัวก็ปังไม่ออมมือ! สาวๆ KISS OF LIFE ทั้งสี่ จูลี่, นัตตี้, เบลล์ และ ฮานึล เลือกเซอร์ไพรส์คิสซี่ (KISSY – ชื่อแฟนคลับของวง) และผู้ชมในธันเดอร์โดมด้วยการปรากฏตัวจาก 4 ประตูทางเข้าทั้ง 4 มุมฮอลล์ แทนการปรากฏตัวบนเวทีหลักแบบเดิมๆ แล้วออกสตาร์ตกันเลยด้วย 3 เพลงโดนๆ ถึงพริกถึงขิง เริ่มจาก ‘Get Loud’ แล้วระเบิดเวทีละลายกระท่อมน้ำแข็งกับ ‘Igloo’ ไฟลุกพรึบต่อเนื่องที่ ‘Bad News’ ชีเสิร์ฟตั้งแต่เริ่มต้นคอนเสิร์ตกันทีเดียว ไม่เพียงแค่วิชวลตาแตกที่มาพร้อมสเน่ห์เกินต้าน ทั้ง 4 สาว 4 สไตล์ยังเพอร์ฟอร์แมนซ์จัดเต็มสะกดทุกสายตาจริงๆ แอร์ในฮอลล์เย็นฉ่ำ แต่ทำไมผู้ชมกลับรู้สึกร้อนผ่าว ก็สี่สาวจูบชีวิตฮอตยิ่งกว่าอากาศเมืองไทยไปมากนั่นเอง จากนั้นทักทายแนะนำตัว เล่าย้อนความฝันที่เคยตั้ง Bucket Lists ไว้ว่าวันหนึ่งจะต้องมีเวิลด์ทัวร์ของตัวเอง ซึ่งตอนนี้ฝันนั้นก็เป็นจริงแล้ว

ประเทศไทยบ้านเกิดของนัตตี้ อบอวลด้วยความอบอุ่นเป็นพิเศษเมื่อทั้ง 4 สาวต่างหยิบสกิลภาษาไทยมาโชว์กันแบบไม่มีกั๊ก รวมทั้งเรียนรู้กันสดๆ บนเวที ทั้ง “ยินดีที่ได้เจอค่ะ” “อร่อยมาก” “คนสวย” “สุดยอด” และคำที่ทั้งวงยกให้เป็นที่หนึ่งในใจคือ “สวยมาก” เซอร์ไพรส์ทั้งแฟนๆ และนัตตี้เอง เมื่อเบลล์สามารถฟังภาษาไทยที่นัตตี้พูดกับแฟนๆ ออกหมด จนนัตตี้ต้องเอ่ยปากว่า “พูดอะไรไม่ได้แล้วสิ เข้าใจหมดเลย”

ถึงคิวอีกเพลงที่หลายคนถูกใจสุดๆ กับสเตจ ‘Winehouse’ ต่อด้วย ‘Chemistry’ แล้วเข้าสู่พาร์ตโซโลของแต่ละเมมเบอร์ ซึ่งนอกจากเกาหลีใต้แล้วก็มีแค่ที่ไทยเท่านั้น เริ่มด้วยโวคอลเน้นๆ ไฮโน้ตฉ่ำๆ กับ เบลล์ ในเพลง ‘Countdown’ สมมงเมนโวคอล, ต่อด้วย จูลี่ สายแซ่บใน ‘Kitty Cat’ สมเป็นเจ้าแห่งกระทรวงสะโพกเกาหลี ทำเอาผู้ชมร้องขอชีวิต เด็กผู้หญิงจะอยู่กันยังไง, ตามด้วย ฮานึล ที่ปรากฏตัวตรงบริเวณ Gate 1 พร้อมเพลง ‘Play Love Games’ เดินเกมน่ารักจู่โจมคิสซี่ วิ่งซนเสิร์ฟความใกล้ชิดทั่วฮอลล์ ปิดด้วย นัตตี้ กับ ‘Sugarcoat’ ทำเอาทั้งฮอลล์ส่งเสียงกรี๊ดไม่หยุด

เมื่อกลับเข้าสู่โหมดงานกลุ่มอีกครั้ง บรรยากาศจะแผ่วได้ไง เดือดๆ สับๆ บูสต์เอเนอร์จีเต็มสูบกันไปเลยกับเหล่าแมลงก้นกระดกสาวสุดเซ็กซี่ในเพลงเก่งที่หลายๆ คนปักลิสต์มาจากบ้านว่าอยากเห็นด้วยตาเนื้อกันสดๆ สักครั้งอย่าง ‘Nobody Knows’ ตามด้วย ‘Te Quiero’ และ ‘Gentleman’ ก่อนเข้าเพลงถัดไปสาวๆ บอกว่า “ทุกคนสนุกไปกับเวทีที่เหลือด้วยนะคะ” จากนั้น 4 สาวประสานเสียงเป็นภาษาไทยว่า “เดี๋ยวก่อน!!!!” แบบย้ำๆ “ถ้าจะให้รถวิ่งได้ดีก็ต้องใช้น้ำมันใช่ไหมคะ แล้วถ้าอยากจะให้ KISS OF LIFE ตั้งใจลุยต่อได้มากขึ้น ต้องใช้อะไร”, “พวกเราจะตั้งใจวิ่งมากๆ จนไม่รู้จะไปโผล่ตรงไหนเลยนะ” สาวๆ 4 คนลงจากเวทีกระจายตัวเสิร์ฟความฟินให้แฟนๆ ทั่วฮอลล์ เปลี่ยนพื้นที่ทุกโซนให้กลายเป็นถนนสาย Kiss Road เชื่อมความใกล้ชิดกับแฟนๆ อย่างแท้จริง ขับเคลื่อนไปด้วยเพลง ‘No One But Us’ และ ‘My 808’

สนุกกันต่อกับน้องเหนียว ‘Sticky’ เจ้าของยอดวิวล่าสุด 52 ล้านบนยูทูบ ผลงานสร้างชื่อของพวกเธอที่สามารถคว้าอันดับ 1 จากการโปรโมตในรายการเพลงได้สำเร็จเป็นเพลงแรก และเข้าถึงอันดับ TOP 10 บนชาร์ต Billboard World Digital Song Sales ได้ดูสาวๆ KISS OF LIFE ร้องเต้นกันสดๆ ตรงหน้าช่างดีเหลือเกิน เสิร์ฟต่อด้วย ‘TTG’ อีกหนึ่งไฮไลต์ที่น่าประทับใจ คือช่วงที่สาวๆ ขอให้แฟนๆ ช่วยกันสร้างทะเลดาวจากแสงแฟลชโทรศัพท์มือถือในเพลง ‘Nothing’ ก่อนส่งไม้ต่อให้สองเพลงก่อนอังกอร์อย่าง ‘Midas Touch’ ที่มาพร้อมโปรเจกต์พู่เชียร์สีทองสุดน่ารักจาก KISSY ไทย และ ‘Shhh’ เพลงเดบิวต์ที่แฟนๆ ร้องตามกันได้ทั้งฮอลล์

เข้าสู่พาร์ตอังกอร์ อบอุ่นหัวใจขั้นสุดกับเพลงช้าซึ้งๆ ‘Bye My Neverland’ ในบรรยากาศทะเลดาวรอบสองซึ่งเป็นโปรเจกต์ที่แฟนๆ ชาวไทยนัดแนะกันไว้ แล้วปิดท้ายด้วย ‘Says It’ กับ ‘Back To Me’ พร้อมคำขอบคุณจากใจสาวๆ จูบชีวิตทั้ง 4 ถึงการสนับสนุนของแฟนๆ ตลอดมาโดยเฉพาะ นัตตี้ ซึ่งมีคุณพ่อคุณแม่มาให้กำลังใจและร่วมชมคอนเสิร์ตในวันนี้ด้วย พูดไปก็ซึ้งไป น้ำตาไหลเป็นเพื่อนนัตตี้กันทั้งฮอลล์แล้ว “อย่างที่ทุกคนรู้นะคะว่า มันไม่ง่ายเลย 10 ปีที่นัตตี้เป็นทั้งเด็กเทรน แล้วก็เป็นศิลปินเดี่ยวมาก่อนหน้านี้ ก็มีช่วงเวลาที่เหนื่อยด้วย แล้วก็อยากท้อด้วย บางทีก็คิดว่าทางนี้ไม่ใช่ทางของเราจริงหรือเปล่า แต่พอวันนี้นัตตี้ได้มาขึ้นเวทีที่ธันเดอร์โดม คือรู้สึกได้เลยว่า มันมีเหตุผลที่หนูไม่ยอมแพ้ เพราะว่าหนูอดทนเพื่อจะมาวันนี้ ขอบคุณทุกคนนะคะที่ทำความฝันของนัตตี้ให้เป็นจริง และก็ขอให้ช่วยซัพพอร์ตตลอดไป หนูจะไม่ลืมวันนี้เลยค่ะ”

ลีดเดอร์ จูลี่ ยังเปิดใจด้วยว่า “ในอนาคตนะคะ พวกหนูก็จะเรียนรู้หลายๆ อย่าง และจะเติบโตแบบเท่ๆ เลย แล้วก็จะทำให้คิสซี่ทุกคนในที่นี้ภูมิใจในตัวพวกหนูที่สุดในโลกเลยค่ะ รักทุกคนมากๆ เลยนะคะ ขอบคุณทุกคนนะคะที่ทำให้พวกหนูหัวเราะและยิ้มได้ทุกวันเลยค่ะ” ส่วน เบลล์ ยังแสบซนได้อีก ร้องหาคุณพ่อและคุณแม่ของ นัตตี้ จากกลางเวที คุณพ่อคุณแม่เลยลุกขึ้นยืนโบกมือให้ โมเมนต์นี้ช่างดีต่อใจเหลือเกิน ทั้งสี่สาวทิ้งท้ายด้วยคำสัญญาว่า “จะรีบกลับมาเจอกันอีกแน่นอน” แล้วพากันโค้งขอบคุณโดยพร้อมเพรียง

ก่อนแยกย้ายกลับบ้านทางผู้จัดงาน โฟร์ วัน วัน เอ็นเตอร์เทนเม้นท์ ยังมีกิจกรรม GOODBYE SESSION สำหรับผู้ชมคอนเสิร์ต “2025 คิสออฟไลฟ์ เฟิร์ส เวิลด์ ทัวร์ [คิส โรด] อิน แบงคอก” (2025 KISS OF LIFE 1ST WORLD TOUR [KISS ROAD] in BANGKOK) #KISSROADinBANGKOK ทุกที่นั่ง ซึ่งให้ทุกคนได้โบกมือลาสาวๆ แบบใกล้ชิด เก็บเกี่ยวความประทับใจโมเมนต์สุดท้ายติดตัวกลับบ้านอย่างเต็มอิ่ม งานนี้เอกฉันท์ค่าบัตรคอนฯ เท่ากับศูนย์บาทของแทร่! คุ้มสุดๆ กับโชว์จัดเต็ม ไลฟ์เพอร์ฟอร์แมนซ์เด็ดเผ็ดแซ่บที่สี่สาว KISS OF LIFE ทำถึงตลอด 2 ชั่วโมงเต็มแบบพลังไม่ตก เอเนอร์จีไม่อ่อมแม้แต่เสี้ยววินาทีเดียว สมมงเจ้าของ 15 รางวัลที่พวกเธอกวาดมาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่เดบิวต์ในปี 2023 ความสามารถศิลปินเป็นที่ประจักษ์ แถมให้คุณค่าการมีอยู่ของแฟนคลับดังที่พวกเธอบอกว่า “การแสดงของ KISS OF LIFE ต้องมี KISSY ถึงจะสมบูรณ์” สี่สาวจูบชีวิตสมควรได้รับความรักจากทุกคนทั่วโลกไม่เกินจริง

ติดตามประมวลภาพคอนเสิร์ต #KISSROADinBANGKOK เพิ่มเติม รวมทั้งติดตามผลงานถัดไปที่รอพบกันในเดือนพฤษภาคมได้ทางออฟฟิเชียลโซเชียลมีเดียของผู้จัดงาน @411ent เฟซบุ๊ก www.facebook.com/fouroneoneent เอ็กซ์ (ทวิตเตอร์) https://x.com/411ent อินสตาแกรม https://instagram.com/411ent และยูทูบ https://www.youtube.com/411ent กดกระดิ่งเปิดแจ้งเตือนทุกแพลตฟอร์มรอไว้เลย!!!

เบ็คกี้ รีเบคก้า

I’m a Fighter! เบ็คกี้ รีเบคก้า พิสูจน์ความตั้งใจ ไม่เคยยอมแพ้

Alternative Textaccount_circle
เบ็คกี้ รีเบคก้า
เบ็คกี้ รีเบคก้า

5 ปีแห่งการพิสูจน์ เบ็คกี้ รีเบคก้า แพทรีเซีย อาร์มสตรอง นักแสดงสาวนักสู้คนจริง พิสูจน์ความตั้งใจ ไม่เคยยอมแพ้

ตั้งแต่ซีรีส์ทฤษฎีสีชมพู GAP The Series ออนแอร์ ชื่อของเบ็คกี้ – รีเบคก้า แพทรีเซีย อาร์มสตรอง ก็ไม่เคยหายไปจากกระแส ตลอดระยะเวลาการทํางานกว่า 5 ปี เบ็คกี้มีผลงานมากมาย ไม่ว่าจะเป็นภาพยนตร์ โฆษณา แฟชั่น ร้องเพลง คอนเสิร์ต แฟนมีตติ้ง และอีกมากมายที่ทําให้เราเห็นถึงความตั้งใจ ไม่ยอมแพ้ ตามค่าที่เบ็คกี้บอกว่า “หนูเป็นนักสู้ค่ะ”

คิดว่าปี 2025 ของเบ็คกี้จะเป็นอย่างไรคะ

“น่าจะเป็นปีที่โฟกัสตัวเอง Take Care of Myself เลยค่ะ เบครู้สึกว่าปีก่อน ๆ มี Distraction เยอะ และ เรายังมีความใหม่กับอะไรรอบตัว แต่ปีนี้เราเริ่มคุ้นชินมากขึ้น เริ่มโอเคในทุก ๆ ด้าน ทั้งด้านอาชีพ งานแสดง ร้องเพลง เต้น รวมถึงด้านแฟชั่น นางแบบ เบ็คอยากทําให้ครบทุกอย่าง อยากเก่งในทุก ๆ ด้าน แน่นอนว่าเราไม่ได้เก่ง ตั้งแต่แรก แต่ค่อย ๆ ฝึก ส่วนเรื่องเรียน ปีนี้อยากเรียนให้จบค่ะ พยายามแบ่งเวลาให้บาลานซ์ที่สุด แล้วอีกอย่างคือการดูแลตัวเอง ทั้งสุขภาพร่างกาย ออกกําลังกายให้สม่ำเสมอ และด้านจิตใจ ดูแลรักษา Mental Health ตัวเองให้ดีตลอดเวลา ทั้งหมดนี้น่าจะเป็นโฟกัสของเบ็คในปีนี้ค่ะ” (ยิ้ม)

เบ็คกี้ รีเบคก้า

ความต้องการหรือเป้าหมายของเบ็คกี้ในตอนนี้คืออะไรคะ

“เยอะมากเลยค่ะ เพราะหนูวางโกลไว้ใหญ่ ซึ่งมันยากที่จะสมหวัง แต่ก็คิดว่าถ้าทําได้คงจะดีมาก ๆ รู้สึก ประสบความสําเร็จ ตอนนี้เป้าหมายที่วางไว้ยังคงเป็นเป้าเดิม คืออยากเป็นนักแสดงที่เก่ง เวลาใครได้ยินชื่อรีเบคก้า อาร์มสตรอง ก็จะรู้สึกว่า อ่อ คนนี้เป็นนักแสดงที่เก่ง เคยดูผลงาน หรือว่า She’s such a nice lovely. รู้สึกว่า เป็นสิ่งเล็ก ๆ ที่เราอยากโฟกัสและทําให้ได้ ซึ่งเบ็คคิดว่าน่าจะทําได้นะคะ” (หัวเราะ)

อัพเดตชีวิตให้ฟังหน่อยค่ะ

“ช่วงนี้หลักๆ เป็นการถ่ายแบบ ถ่ายงาน เพราะยังไม่ได้ถ่ายซีรีส์ รู้สึกว่าตัวเองเป็นแฟชั่นโมเดล สนุกดีค่ะ (ยิ้ม) เบ็คเคยพูดว่าเวลาที่ตัวเองได้ใส่ชุด แต่งหน้า ทําผมหลาย ๆ แบบ ได้เปลี่ยนคาแร็คเตอร์สนุกดีค่ะ ได้ลองว่าลุคนี้ เข้ากับเราหรือเปล่า ถ้าไม่เข้าก็ไม่เป็นไร ลองใหม่ไปเรื่อย ๆ แต่กําลังจะกลับไปเป็นนักแสดงแล้วค่ะ (ยิ้ม) เริ่มถ่ายซีรีส์ ซึ่งเหนื่อยนะคะ แต่ชอบมากกกก เพราะเป็น ความฝันอีกอย่างของเบ็คที่อยากลองเล่นหลายบทบาท หลายคาแร็คเตอร์ ซึ่งปีนี้ก็จะมีผลงานให้แฟน ๆ ได้ชมเยอะหลากหลายแน่นอน ซึ่งก็แอบกังวลนะว่าจะทําออกมาดีไหม แต่รู้สึกว่าแค่เราทํา ให้เต็มทีพอแล้วค่ะ (ยิ้ม) และต้องบาลานชีวิตให้ดี”

ช่วงนี้ยังนอนดึกอยู่ไหมคะ

(หัวเราะ) มีบ้างค่ะ แต่ไม่ตึกเท่าเมื่อก่อน เพราะก่อนหน้านี้เปิดเรียนหนัก องเรียนออนไลน์ตอนตี 2 ตี 3 (เรียนด้านกฎหมาย Law with Criminology and Paychology ที่ University of Essex ประเทศอังกฤษ) แล้วก็ตื่นไปทํางาน เป็นแบบนี้ทุกวัน

มี”

“แต่ตอนนี้เหลือแค่ Internship ที่อังกฤษ ซึ่งต้องหาเวลาที่ลงตัวที่สุด เพราะตอนนี้เปิดก็ยังไม่อยากหายหรือจากแฟน ๆ ไปไหน ตอนนี้เช็คจึงต้องทําผลงาน ไว้เยอะ ๆ เพื่อเวลาเราไปฝึกงาน แฟน ๆ จะได้ไม่คิดถึงกันจนเกินไป แต่เปิดคิดว่า ยังไงก็คงคิดถึงอยู่ดีแหละ เพราะเปิดก็คิดถึงทุกคน แล้วก็รักงานตรงนี้มาก ๆ จะพยายามไม่หายไปนานค่ะ (ยิ้ม) “ตอนนี้ขอลุยงานแบบจัดเต็มก่อน หลายคนถามหนูว่าเมื่อไรจะเรียนจบ อายุเท่านี้ แล้ว (22 ปี) ควรจบได้แล้วนะ แต่หนูรู้สึกว่า อายุเท่าไรก็เรียนจบได้นะ อยู่ที่เราพร้อมตอนไหน ไลฟ์สไตล์เป็นอย่างไร บางคนอายุ 30 หรือ 50 เรียนจบได้ การเรียนไม่ได้มีเวลากำหนกสิ่งสําคัญที่สุดคือประสบการณ์ เปิดอยากให้คน เปิดใจเรื่องนี้มาก ๆ ค่ะ”

อะไรคือสิ่งที่เบ็คกี้ได้เรียนรู้ในช่วงที่ผ่านมาคะ

“ความรับผิดชอบค่ะ เราต้องเทคแคร์สิ่งนี้ มากๆ เพราะตอนนี้มีสิ่งที่ต้องรับผิดชอบเยอะ มาก เยอะกว่าที่เคยคิดไว้ด้วยช้า เมื่อก่อนตอน เห็นคนในวงการบันเทิง เปิดไม่คิดว่าคนคนหนึ่ง จะต้องรับผิดชอบอะไรมากมายขนาดนี้ จากสมัยเล็กความรับผิดชอบใหญ่สุด คือตื่นไปโรงเรียนให้ทัน แค่นั้นเลย (หัวเราะ) แต่ตอนนี้มีทั้งเรื่องงาน เรื่องเรียน มีบทที่ต้องจ่า สคริปต์ที่ต้องท่อง หรือวันนี้ถ่ายแฟชั่น มัดเป็น อย่างไร ทุกอย่างต้องทําการบ้าน แต่ก็อยากบอก ว่าเปิดสนุกกับทุกงานเลยค่ะ” (ยิ้ม)

“หรือวันไหนที่เราป่วย จริงๆ ไม่อยากใช้ค่าว่าฝืนนะคะ แต่มันก็ฝืนตัวเอง ต้องออกมาทํางาน สู้ให้งานเสร็จ แต่เช็คที่เชื่อว่าหลายคนน่าจะเคยผ่านสิ่งนี้มาเหมือนกัน ไม่ว่าจะอย่างไร เราก็ต้องทําหน้าที่ให้สําเร็จ”

“อีกอย่างที่เปิดรู้สึกว่าต้องรับผิดชอบคือต้องรู้จักรักตัวเองในเชิงที่ว่าถ้า วันนั้นไม่ไหวจริง ๆ ก็คือไม่ไหว ต้องหาทางแก้ แต่อะไรที่ทําได้ จะทําให้เต็มที่ก่อน ตอนนี้เรายังแข็งแรง ยังมีเอเนอร์จี้ ยังพร้อมกับทุก ๆ อย่าง จึงอยากทําให้เต็มที่ ที่สุดค่ะ”

สิ่งที่ท้าทายที่สุดในการทํางานตรงนี้

“ความท้าทายของเบ็ดยังคงเป็นภาษาค่ะ รู้สึกว่า 5 ปีที่ผ่านมาเราก็โอเค ขึ้นแล้วนะ แต่บางครั้งก็ยังเป็นอุปสรรคอยู่ดี บางทีเวลาเขาคุยกัน หนูก็ฟัง ไม่รู้เรื่อง (หัวเราะ) แต่ตอนนี้เรากล้าที่จะถามว่าคํานี้แปลว่าอะไร อธิบายให้ฟัง หน่อยได้ไหม เมื่อก่อนอาจคิดว่าถามดีไหม จะถูกมองยังไงนะ แต่ตอนนี้กลับ รู้สึกว่าถ้าอยากเรียนรู้อะไร ต้องกล้าที่จะถาม ต้องกล้าพาตัวเองไปอยู่ตรงนั้น ตอนนี้จึงรู้สึกสบายใจและมั่นใจขึ้นค่ะ”

“เป็นช่วงที่สบายใจที่สุดหรือยังคะ “ตอนนี้ก็ยังนะคะ (หัวเราะ) เมื่อรู้สึกว่ามีอะไรที่ต้องทําและโฟกัสเยอะมาก แต่ก็อย่างที่บอกว่าปิ จะโฟกัสเรื่องจิตใจ Mental Health มากขึ้น แบกทุกอย่าง ให้น้อยลง ปล่อยวางมากขึ้น บางอย่างไม่ต้องเก็บมาคิดก็ได้ หรือ Outside Noise เสียงรอบตัวที่ไม่ดี ก็ไม่ต้องใส่ใจทุกเรื่อง แต่ขนาดพยายามปล่อยแล้ว ก็ยังคิดมาก อยู่ดีค่ะ” (หัวเราะ)

เรื่องอะไรที่เบ็คกี้เป๊ะที่สุดคะ”

“ทุกเรื่องค่ะ (หัวเราะ) คนรอบตัวจะบอกว่าเบ็คเป็นเพอร์เฟ็กชั่นนิสต์ สมมติ ว่ามีถ่ายงาน ถ้าไม่รู้ว่าถ่ายอะไร ดีเทลเป็นอย่างไร ใส่ชุดอะไรบ้าง หนูจะเริ่มเครียด เพราะหนูต้องท่าการบ้านว่าหน้าผมเป็นอย่างไร ต้องเตรียมอะไรบ้าง หรือบางครั้ง ถ้าใกล้ถึงเวลานัดแล้วกําลังจะสายก็จะเริ่มเครียด คือไม่ชอบสถานการณ์แบบนั้นเลย จึงรู้สึกว่าตัวเองเป็นเพอร์เฟ็กชั่นนิสต์ทุกเรื่องเลยค่ะ ซึ่งมันก็มีทั้งข้อดีและข้อเสีย กับเรื่องส่วนตัวก็เป๊ะนะคะ แต่ก็พยายาม จะปล่อยวางมากขึ้น อนุญาตให้ตัวเองผิดพลาด บ้าง ประมาณว่า You make a mistake. ก็ไม่เป็นไร มีจุดให้เราได้เรียนรู้จากข้อผิดพลาด ได้เสมอ นาสิ่งนั้นมาเป็นบทเรียนและทําให้ตัวเอง ปล่อยวางมากขึ้น แล้วก็รักตัวเองให้ มาก ๆ” (ยิ้ม)

แล้วชิลกับเรื่องไหนที่สุดคะ

“น้อยมากค่ะ (หัวเราะ) เพราะคิดอะไร เยอะตลอดเวลา ชิลสุดอาจจะเป็นเวลาที่อยู่กับ เพื่อนหรือครอบครัวมั่งคะ อยากไปไหน อยาก หาอะไรก็ท่า เปิดบอกเพื่อนเสมอว่ายูอยากหา อะไรหาเลย อยากไปไหนก็ไป อยากกินอะไร กิน คือแค่อยากใช้เวลากับเพื่อนให้เต็มที่ เพราะไม่ค่อยเจอกัน”

“อย่างครอบครัวของเบ็ด เราจะมีช่วง Family Movie Time ต้องดูหนังด้วยกัน ซึ่งคุณพ่อซีเรียสเรื่องนี้ เพราะเขาอยากให้ลูก ๆ รู้สึกว่าแม้จะโตหรือมีหน้าที่เยอะขนาดไหนก็ยัง ต้องมีเวลาที่ได้อยู่ด้วยกัน อย่างน้อยแค่เจอกัน ตอนดูหนัง พิเศษมาก ๆ แล้ว”

เวลาไปหาคุณพ่อที่ต่างประเทศมีกิจกรรม อะไรทีท่าด้วยกันอีกบ้างคะ

“เวลาไปหาคุณพ่อที่สิงคโปร์จะเป็นทริปสั้นมากค่ะ เราจะนั่งคุยกันให้เยอะที่สุด บางครั้งก็ไปเล่นเครี่องเล่นที่สวนสนุก คุณพ่อก็เล่นด้วยนะคะ และครอบครัวเรา ชอบเล่นกีฬาทุกคนเลย อย่างเล่นเทนนิส ตีกอล์ฟ ได้หมดเลย เพราะจริง ๆ ทุกคนก็ Workaholic เหมือนเปิดแหละค่ะ (หัวเราะ) พอมาเจอกันจึงชอบใช้เวลา อยู่ด้วยกันให้เต็มที่”

ในการทํางานกับฟรีน จากช่วงแรกจนถึงตอนนี้เป็นอย่างไรคะ

“ลงตัวค่ะ (ยิ้ม) พี่รินเป็นพี่สาวที่น่ารัก เราแคร์เขามาก หวัง กับเขามากๆ อยากให้เขาได้ดีในทุกเรื่องที่เลือก ไม่ว่าเขาจะอยากเป็นนักแสดง นางแบบ หรือว่า นักเขียน หนูยินดีกับทุกเรื่องของเขาเลย และจะคอยพพอร์ตทุกอย่างค่ะ “เราทํางานด้วยกันมาประมาณ 5 ปีแล้ว เรารู้จักกันดีมาก ๆ เราหวังดีต่อกัน และขอบคุณที่พี่ฟรีนเป็นพี่สาวที่น่ารักให้เปิดเสมอ”

มีมุมน่ารักของสองคนที่นึกทีไรก็อดยิ้มไม่ได้บ้างไหม

“น่าจะเวลามองตาแล้วรู้ใจกันมั้งคะ ประมาณว่าอยากพูดแต่พูดไม่ได้ พอมองตากันแล้วก็ขำออกมาเลย ซึ่งเป็นแบบนี้บ่อยค่ะๆค่ะ” (หัวเราะ)

คิดว่าอะไรที่ทําให้ความสัมพันธ์ของเราพิเศษคะ

“อาจเพราะเราทํางานด้วยกันมาประมาณ 5 ปีแล้ว เราต้องผ่านหลายเรื่อง มาด้วยกัน ซึ่ง 5 ปีมันเยอะนะ เราอยู่ด้วยกันแบบ….เขามองหนูเป็นน้องสาว หนูมองเขาเหมือนคนในครอบครัว ซึ่งหนูมีแต่พี่ชาย พี่ฟรีนจึงเป็นเหมือนพี่สาว เป็นคนที่เราขอค่าปรึกษาได้ ไปเที่ยวด้วยกันได้ทุกทีอย่างล่าสุดเราก็เพิ่งไปมัลดีฟส์กันมา ซึ่งตอนแรกหนูจะไปกับพี่ฟรีน พี่นา (อรธารา พูลศักดิ์) แล้วพอพี่ชายและคุณพ่อรู้ก็อยากมาด้วย เพราะว่างตรงกันพอดีเลยกลายเป็น Family Trip ที่เราได้ใช้เวลาด้วยกันแบบดีมาก ๆ ไ ดินเนอร์ ไอ้คุยกัน มีความสุขมากค่ะ เพราะเราต่างหวังดีต่อกันมาก ๆ และหนูเชื่อว่าพี่ฟรีนก็อยากให้หนูได้หา ในสิ่งที่หนูรักจริงๆ จึงคอยชัพพอร์ต ซึ่งหนูก็จะคอยซัพพอร์ตเขาเหมือนกันค่ะ”

เบ็คกี้คิดว่าเราได้เรียนรู้อะไรจากการเป็นคนดัง มีชื่อเสียง

“เบ็คใช้คําาว่าคนดังได้เลยเหรอ (ยิ้มเขิน) เปิดรู้สึกว่าเวลาทําอะไรต้องคิด เยอะ ๆ และต้องรอบคอบมาก ๆ แต่จริง ๆ เป็นคนคิดเยอะอยู่แล้ว เปิดรู้สึกว่า อยู่ตรงนี้มีทั้งคนที่รักและไม่รัก คนที่หวังดีและไม่หวังดี มีคนหลายรูปแบบมากมีทั้งคนในโชเชียลที่อาจจะไม่เคยเจอเรา แต่เขาคิดว่ารู้จักเราดี และใช้คําพูดที ไม่น่ารัก หรือคนที่อยู่อีกฝั่งของโลก แต่น่ารักกับเรามาก ๆ ส่งข้อความให้กําลังใจ ตลอดเลย คือมีคนทุกรูปแบบจริง ๆ ค่ะ ซึ่งเราก็ค่อย ๆ เรียนรู้ไป บางอย่างเรา ควบคุมได้ บางอย่าง ควบคุมไม่ได้ก็ต้องปล่อย”

“เบ็คแค่อยากจะบอกว่าถ้าอยากรักกัน อยากให้มารู้จักหนูจริง ๆ มาท่า ความรู้จัก เบ็คกี้เป็นแบบนี้นะ รักในแบบที่เบ็คกี้เป็น”

“เบ็ครู้สึกว่าทุกปีจะมีคนเข้ามาใหม่ แล้วก็จะมีคนที่หายไปเป็นเรื่องปกติ แต่ก็อยากขอบคุณที่เคยมารักกัน ดีใจที่ได้รู้จักกัน และกับคนใหม่ที่ยินดีที่ได้รู้จัก เช่นกันค่ะ (ยิ้ม) ซึ่งสิ่งที่เราทําได้ดีที่สุดคือเทคแคร์คนที่อยู่ตรงนี้ อยากทําผลงาน ๆ ออกมา หาให้ทุกคนภูมิใจ รวมถึงตัวเปิดเองด้วย อยากให้รักที่เบ็คเบ็นเบ็ค” (ยิ้ม)

เบ็คกี้ชอบฟรีนมุมไหนที่สุดคะ

“อืม…เครู้สึกว่าพี่ฟรีนไม่ได้ยิ้มง่าย ๆ แต่พอเขายิ้มแล้วน่ารัก แบบอยากยิ้ม

ตามค่ะ (ยิ้ม)

แล้วชอบตัวเองมุมไหนคะ

“เปิดชอบในมุมที่ตั้งใจ ไม่ท้อง่าย ๆ ทั้งที่อาจจะสู้มาหลายรอบแล้ว แบบว่าจะทําได้เหรอ ไหวเหรอ แต่ก็ไม่เคยยอมแพ้ค่ะ เปิดชอบตัวเองตอนทํางานแล้วไม่ท้อ เป็นนักสู้” (หัวเราะ)

เวลานักสู้คน เหนื่อยหรือท้อ มีวิธีอีลใจตัวเองอย่างไรคะ

“เปิดมีหลายวิธีนะ แล้วแต่วัน อยู่ที่ว่าวันนั้นแบตเตอรี่ตัวเองเหลือเท่าไร ถ้ายังพอมีแรงแบบ 80 – 90 เปอร์เซ็นต์ แต่ฟังเพลงก็รู้สึกดีขึ้นแล้วค่ะ แต่ถ้าแบต ลดลงเยอะกว่านั้น (หัวเราะ) การได้อ่านหนังสือ ดูหนัง คุยกับหมา คุยกับ ครอบครัว การนอนแบบ 1 นอนจริงๆ นอนแบบไม่ได้คิดอะไร Good Sleep, Deep Sleep ซึ่งทําได้น้อย แต่สําคัญมาก เปิดรู้สึกว่าทุกอย่าง ลใจได้หมดเลยแต่ถ้าวันไหนไม่ไหวจริง ๆ ก็ต้องปล่อยความรู้สึกนั้นออกมา สมมติบางวัน เราเหนื่อยมาก ท้อมาก เสียใจ เป็น Bad Day สุด ๆ ก็ปล่อยให้ตัวเองร้องไห้ได้ ไม่ได้ผิดอะไร แล้วค่อยทําตัวเองให้เข้มแข็งขึ้น พยายามดูว่าทําไมมันถึงเกิดปัญหานี้ เราจะแก้ไขอย่างไร หรือควรหาทางออกอย่างไรบ้าง เปิดเชื่อว่าเดี๋ยวมันก็จะผ่านไป วันพรุ่งนี้กําลังจะมา เราก็ทําให้วันพรุ่งนี้ให้ดีขึ้นได้”  (ยิ้ม)

ยอมให้ตัวเองอ่อนแอได้?

“ยอมค่ะ แต่ก็ไม่ชอบให้ใครเห็นมุมนี้นะมุมร้องไห้ อ่อนแอ หรือมุมไม่รู้ ไม่ชอบเลย ไม่อยากให้ใครเห็นเวลาร้องไห้แล้วต้องมาปลอบ คือเบ็ดจะพยายามเก็บไว้ข้างใน แล้วส่งรอยยิ้ม ให้คนรอบตัว ส่วนใหญ่ที่แฟนคลับได้เห็นน้ําตา คือหนูซึ้ง (หัวเราะ) สืบแล้วนะ แต่หนูซึ่งจริง ๆ”

อะไรคือแรงผลักดันที่ทําให้เบ็ด และ ไม่ยอมแพ้ในเส้นทางนี้

“เบ็ควางไว้ 3 อย่างใหญ่ ๆ อันแรกเป็น โกลสําคัญ คืออยากเป็นนักแสดงที่เก่ง มี พัฒนาการที่เก่งขึ้นตลอด หรือได้ร่วมงาน International Project ซึ่งเป็นโกลใหญ่มาก หลายคนก็บอกว่าฝันใหญ่ไปหรือเปล่า (หัวเราะ) แต่เบ็ครู้สึกว่าฝันใหญ่ไปเลยเป็นสิ่งที่ดีนะ จะได้ เป็นแรงผลักดันในทุก ๆ วัน และจะไม่หยุด จนกว่าจะทําสิ่งนั้นได้”

“อย่างที่สองคือแฟนคลับค่ะ แฟนจ๋า My Sunshine เปิดรู้สึกว่าเขาน่ารักมาก ๆ จนไม่รู้ว่าจะตอบแทนอย่างไร แค่คําว่าขอบคุณคงไม่พอ อย่างบางคนไม่เคยเจอกันเลย แต่เขารักและบัพพอร์ตมาก ๆ หรือ บางคนมารอตั้งแต่เข้าเพื่อเจอเราแป๊บเดียว”

“ซึ่งเบ็คเคยพูดกับแฟน ๆ ว่าอย่าลืมหาความสุขจริง ๆ ของตัวเองด้วยนะ อยากให้แฟนจ่าหาแพสชั่นของตัวเองด้วย ใช้ชีวิตให้มีความสุข ไม่อยากให้ เครียด ไม่อยากให้กดดัน อยากให้การรักหนูเป็นเรื่องที่สนุก สบายใจ และแฮปปี้” (ยิ้ม)

“อย่างที่สามอาจจะคล้ายกับข้อแรก คืออยากทําทุกอย่างที่เคยฝันไว้ให้ได้ เช่น นักแสดง ร้องเพลง มีเพลงของตัวเอง มิคอนเสิร์ตของตัวเอง อยาก Wark Hard ตอนนี้แล้วสบายตอนโต หลายคนอาจจะบอกว่าเบ็คกี้ You come from a good family. แล้ว ยูจะทํางานหนักไปทําไม แต่เบ็คอยากบอกว่านั่นคือ Family not me สําหรับหนูต้องเริ่มใหม่ จากศูนย์ เราถึงจะภูมิใจกับสิ่งที่มีตอนเราโตขึ้น ฉะนั้นตอนนี้อยากทํางานให้หนัก เลย ตอนโตไปก็จะชิด แฮปปี้ และคงภูมิใจกับตัวเองมาก ๆ (ยิ้ม) ทั้งหมดนี้เป็น สิ่งที่ผลักดันเราในทุกวันให้ไปถึง Main Goal ให้ได้ค่ะ”

ความรักในมุมของเบ็คกี้เป็นอย่างไรคะ

“ความรักมีหลายแบบ ทั้งความรักจากแฟน ๆ จากครอบครัว จากเพื่อน ๆ เปิดรู้สึกว่าความรักสําคัญนะ เป็นสิ่งที่อยู่รอบตัวเราตลอด และเวลาที่เราได้ความรักที เราก็อยากให้ความรักที่ดีตอบกลับเหมือนกัน มีประโยคที่พูดอยู่เสมอคือ Treat people how you want to be treated as well. เราอยากให้เขาเป็นแบบไหน เราก็ต้องเป็นอย่างนั้นกับเขาเหมือนกัน มันคือสิ่งเล็ก ๆ ที่ควรทําแต่หลายคนอาจมองข้าม”

“เป๊ครู้สึกว่าความรักที่อยู่รอบตัวตอนนี้น่ารักมาก ๆ ค่ะ อย่างความรักที่ได้จาก ครอบครัว การซัพพอร์ตในทุกอย่างที่อยากทํา ช่วยสนับสนุนหนูไปให้ถึงโกลที่อยากเป็น เพราะเขารู้ว่าหนูอยากหาจริง ๆ มีคําพูดของคุณพ่อ หนูชอบคือ พ่อบอกหนูว่าถ้า วันไหนหนูไม่ไหวไม่ต้องฝืนนะ แต่ที่ยัง Puanh You ในทุกวัน เพราะรู้ว่าอยากทํา ต่อมาความรักของแฟน ๆ ที่ส่งข้อความน่ารัก ๆ มาให้ทุกวัน (ยิ้ม) และ วันไหนที่เขารู้สึกว่าเปิดพลังไม่เต็มร้อย ซึ่งไม่รู้ว่าเขาดูออกได้ยังไง เก่งมากเลย เขา ก็จะส่งข้อความหรือรูปน่ารัก ๆ มาให้ เปิดรู้สึกว่า เราแคร์เรามากเลย (ยิ้ม) ”

“และความรักจากเพื่อน ๆ ที่คอยเทคแคร์ คอยถามตลอดเลยว่าเบ็คยูไหวไหม เป็นคําถามที่เพื่อนถามทุกครั้งเวลาเจอกัน (หัวเราะ) เพื่อน จะบอกว่า เบ็ดรัก วเองด้วยนะ เทคแคร์ตัวเอง เยอะ ๆ รู้ว่ารักงาน แต่ต้องรักตัวเองด้วย” ซึ่งเบ็คจะตอบว่าไม่ต้องเป็นห่วง เราดีขึ้นเยอะมาก แล้วในการบาลานซ์ทุก ๆ อย่าง รู้สึกว่าจัดการ ทุกเรื่องได้ดีขึ้น แล้วรักตัวเองมากขึ้นจริง ๆ อยากขอบคุณทุกความรักที่เข้ามา เปิดประทับใจ จริง ๆ ค่ะ (ยิ้ม)

รักตัวเองในแบบเบ็คกี้?

“เบ็คคิดว่าการรักตัวเองสําคัญมาก ๆ เพราะถึงคุณจะมีเพื่อนเยอะแค่ไหน แต่สุดท้าย พอหมดวันเราก็ต้องอยู่กับตัวเอง เราต้อง Root กับตัวเองว่าวันนี้เป็นยังไง มีช่วงหนึ่งที่ เคยรู้สึกว่าไม่รู้จะหันไปหาใคร ไม่ใช่ว่าไม่มีใคร อยู่ตรงนั้นนะคะ แต่เราแค่รู้สึกว่าเราไม่อยาก ทําให้เขาเครียดหรือเป็นภาระใครซึ่งเป็นความคิดที่ไม่ควรคิดเลย เพราะจริง ๆ คนที่อยู่รอบตัวก็อยากฟัง อยากรับรู้อยากช่วยเรา ซึ่งเราก็เป็นแบบนั้นให้ทุกคนเหมือนกัน เช็คจะเป็นผู้ฟังที่ดี คอยฟัง คอยปลอบ คอยกอดคนรอบตัว ซึ่งตอนนี้ความคิดเหล่านี้ดีขึ้นเยอะแล้วค่ะ”

ความสุขของเบ็คกี้คืออะไรคะ

“ความจริงเป็นสิ่งเล็ก ๆ ในแต่ละวันอย่างการได้อ่านข้อความ น่ารักจาก แฟนจ๋า ดื่มชานม แต่ตอนนี้ชอบกินชาเขียวด้วยนะ (หัวเราะ) เล่นกับน้องหมา หรือเวลาได้ยินข่าวดีเล็ก ๆ น้อย ๆ เช็ดก็ยิ้มได้แล้วค่ะ แต่การที่เราเป็นคนยิ้มง่าย ความเครียดหรือความคิดเยอะก็เข้ามาง่ายเหมือนกัน เราจึงต้องพยายามเก็บโมเมนต์ ที่เป็นความสุขมาก ๆ ไว้ให้ได้เยอะที่สุด”

 ขอ 1 ค่าที่แทนความเป็นเบ็คกี้ในวัย 22 ปี

“น่าจะคําว่า Self-contidance ค่ะ รู้สึกว่าสิ่งนี้สําคัญมากในทุกวันเพราะผู้คนมีความคิด หลากหลาย ต่างความคิด ต่างมุมมอง สิ่งที่สําคัญคือเรามั่นใจใน สิ่งไหนก็ทําสิ่งนั้น เปิดรู้สึกว่าสิ่งที่จะทําให้คุณออร่าที่สุด สวยที่สุด ก็คือความมั่นใจเพราะ The best dress you can wear is confidence มั่นใจและยิ้มไว้ค่ะ”

เรื่อง Minim

ภาพ วรสันต์

Aesop เปิดม่านเวที บรรเลงลีลาสู่ศิลปะแห่งการอาบน้ำด้วย Eleos Nourishing Body Cleanser สูตรใหม่

อาบน้ำอย่างมีศิลป์ กับ Eleos Nourishing Body Cleanser จาก Aesop

Alternative Textaccount_circle
Aesop เปิดม่านเวที บรรเลงลีลาสู่ศิลปะแห่งการอาบน้ำด้วย Eleos Nourishing Body Cleanser สูตรใหม่
Aesop เปิดม่านเวที บรรเลงลีลาสู่ศิลปะแห่งการอาบน้ำด้วย Eleos Nourishing Body Cleanser สูตรใหม่

เพราะการอาบน้ำ…ไม่ควรเป็นแค่กิจวัตร แต่ควรเป็นการปลดปล่อยและผ่อนคลาย ล่าสุด Aesop เปิดตัว Eleos Nourishing Body Cleanser ให้การ อาบน้ำอย่างมีศิลป์ กับผลลัพธ์จาก 8 ปีแห่งการคิดค้น เพื่อให้ทุกสัมผัสของฟองนุ่มละมุน กลายเป็นช่วงเวลาที่คุณอยากหยุดเวลาไว้ให้นานที่สุด

 

ครีมอาบน้ำเนื้ออิมัลชันสูตรใหม่ นุ่มละมุน อ่อนโยน และช่วยบำรุงผิวอย่างล้ำลึก พร้อมเติมความชุ่มชื้นได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งยังเป็นครีมอาบน้ำตัวแรกของ Aesop ที่ใช้แนวคิดเดียวกับสกินแคร์สำหรับผิวหน้า คือเน้นความอ่อนโยนแต่ยังทำความสะอาดได้ดี เนื้อครีมเมื่อสัมผัสน้ำจะเปลี่ยนเป็นฟองละเอียด ลื่นไหลไปกับผิว มอบความรู้สึกผ่อนคลายทันทีที่ใช้

 

ส่วนผสมเน้นความชุ่มชื้น เช่น เชียบัตเตอร์ น้ำมันโจโจ้บา และวิตามินอี ผสานกลิ่นหอมจากไม้ แพทชูลี และกานพลู ให้กลิ่นอบอุ่นแบบธรรมชาติ ใช้ได้ทุกวันโดยไม่ทำให้ผิวแห้ง

 

แคมเปญเปิดตัวครั้งนี้ยังน่าสนใจสุดๆ เพราะ Aesop ได้ร่วมงานกับนักเต้นระดับโลก ถ่ายทอดความเคลื่อนไหวที่นุ่มนวลเหมือนเนื้อสัมผัสของผลิตภัณฑ์ เปลี่ยนห้องน้ำให้กลายเป็นเวทีแห่งความสดชื่น และความงามในแบบของคุณ

 

 

 

 


ฉลองครบรอบ 2 ปี “The Fountain of Youth” The Fountain Wellness Clinic พร้อมยกระดับการดูแลสุขภาพและความงามแบบองค์รวม

account_circle

The Fountain Wellness Clinic จัดงาน “The Fountain of Youth” ฉลองครบรอบ 2 ปี ได้รับเกียรติจากลูกค้าและแขกผู้มีเกียรติเข้าร่วมงานอย่างคับคั่ง นำโดย พญ.ธิศรา วีรสมัย และทีมแพทย์ผู้ชำนาญการพร้อมด้วยแขกรับเชิญพิเศษ คุณปรางค์ อภินรา ศรีกาญจนา และคุณแพร ณฐวีร์ โชติสรยุทธ์ ที่มาร่วมแบ่งปันแรงบันดาลใจในการดูแลสุขภาพและความงามแบบองค์รวม ส่งเสริมให้ทุกคนหันมาใส่ใจดูแลสุขภาพของตนเอง เพื่อการมีชีวิตที่สมดุลและยั่งยืน

ภายในงาน นำเสนอนวัตกรรมและเทคโนโลยีทางการแพทย์ที่ล้ำสมัย เพื่อยกระดับการดูแลสุขภาพให้มี ประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น หนึ่งในนั้นคือ ชุดตรวจวิเคราะห์พันธุกรรม (DNA) ที่ให้ข้อมูลเฉพาะบุคคลเกี่ยวกับสุขภาพและความ เสี่ยงทางพันธุกรรม โดยใช้เทคโนโลยีล้ำหน้ามาช่วยถอดรหัสข้อมูลทางพันธุกรรมนำไปสู่การวางแผนสุขภาพที่แม่นยำยิ่งขึ้น ซึ่งเป็นก้าวสำคัญในการส่งเสริมสุขภาพเชิงป้องกัน และช่วยให้ทุกคนสามารถดูแลสุขภาพได้อย่างตรงจุด


Summer Vibes! เสิร์ฟทริคการแต่งตัวรับซัมเมอร์ 3 สไตล์จากเหล่าคนดัง

Alternative Textaccount_circle

เมื่อถึงเมษายนก็ได้เวลาเก็บกระเป๋าเตรียมตัวเดินทางไปทริปซัมเมอร์ แต่ช่วงนี้โลกแฟชั่นเขากำลังฮิตอะไร และแต่งตัวแบบไหนกันบ้าง แพรวจึงขอเสิร์ฟทริคแมตช์ไอเท็มจากคนดัง 3 สไตล์ ทั้ง คิมเบอร์ลี่ แอน โวลเทมัส, มาร์กี้ ราศี และเต้ย จรินทร์พร ใครเป็นชอบแบบไหน เลือกแต่งตามได้เลยค่ะ

Keep it Classy

สาวๆ ที่ชอบความเรียบหรู ปนเซ็กซี่ เซฟลุคของ “คิมเบอร์ลี่” ในซัมเมอร์นี้ไว้เลย แม้ไอเท็มจะน้อยชิ้นแต่แมตช์ออกมาแล้วปังแน่นอน เริ่มต้นด้วยลุคชิลๆ หยิบผ้าพันคอผืนใหญ่มาหนึ่งผืน จากนั้นพับครึ่งเป็นสามเหลี่ยมแล้วนำมาผูกเป็นเกาะอก จะจับคู่กับกางขาวยาวสีขาวเหมือนคิมก็ได้ หรือจะกางเกงขาสั้น กระโปรงก็เหมาะนะคะ ถ้าอยากเพิ่มความโดดเด่นให้ลุคอีกหน่อยก็เติมสร้อยคอ ต่างหู และถือกระเป๋าสานก็จะยิ่งได้ความรู้สึกถึงฤดูร้อนค่ะ

เท้าเหยียบหาดทรายทั้งที ไม่มีชุดว่ายน้ำก็ไม่เข้าท่าสิคะ สำหรับทริปนี้คิมเบอร์ลี่เตรียมไว้สองลุคทั้งทูพีซที่มาในบราคล้องคอ เธอเลือกแมตช์เข้ากับ Tank Top สีขาว และเสริมลุคด้วยหมวกเบสบอลสีแดงสดใส และแว่นตากันแดด ส่วนอีกลุคเป็นวันพีซคอวีเผยความเซ็กซี่ หากใครต้องการความสนุก เลือกชุดว่ายน้ำที่มีลวดลายกราฟิกแบบคิมก็ช่วยได้นะ

สองลุคสุดท้ายเหมาะที่สุดสำหรับช่วงเวลาดินเนอร์ โดยเดรสลายพริ้นต์สีหวาน ดีไซน์รัดรูปตัวนี้จะให้ความรู้สึกเรียบหรู ในขณะที่ชุดเซ็ตสีขาวจะให้ความรู้สึกสบาย เข้ากับบรรยากาศชวนผ่อนคลายของทะเล

Cutie on Duty

สำหรับสายคิ้วต์ต้องแต่งตัวตามเธอคนนี้ “เต้ย จรินทร์พร” ผู้หญิงที่มีทั้งความน่ารัก ขี้เล่น และเซ็กซี่ซ่อนอยู่ ลุคแรกเธอมาในมินิเดรสสายเดี่ยวสีฟ้า เพิ่มความแซ่บด้วยดีเทลลูกไม้บริเวณช่วงอก แน่นอนว่าอย่าลืมหยิบสร้อยคอไข่มุกมาแมตช์ให้เข้ากับทะเลที่เป็นพื้นหลังด้วยนะ

นอกจากนี้ยังมีลุคชิลๆ ที่แฝงไปด้วยความน่ารัก นั่นคือเสื้อกล้ามสีน้ำเงินที่แมตช์กับกางเกงเบสิกๆ แต่ความน่ารักดันไปตกอยู่ที่หมวด และกระเป๋าโคร์เชต์ที่คู่สีของไอเท็มทั้งหมดเข้ากันอย่างลงตัว

อย่างที่บอกไปว่าเต้ยไม่ได้มีแค่ความน่ารัก แต่ความเซ็กซี่ยังเหลือล้น ยิ่งเมื่อเธอปรากฏตัวในชุดว่ายน้ำที่แม้มาในสีสันสดใส แต่ดีไซน์ของชุดว่ายน้ำนี้ บอกเลยว่า แซ่บสุดๆ เพราะเป็นทั้งวันพีซและบราในคราวเดียวกัน

Chic & Cool

สุดท้ายขอเอาใจสายเท่ด้วยสไตล์การแต่งตัวของ “มาร์กี้ ราศรี” เริ่มต้นด้วยการแมตช์เสื้อโอเวอร์ไซส์เข้ากับกางเกงยีนส์สักตัว เพิ่มความคูลด้วยรองเท้าผ้าใบสักคู่ เติมเครื่องประดับอย่างกำไล และสร้อยคอเส้นยาวสักหน่อย เท่านี้ก็ได้ลุคง่ายๆ แต่ดูสะดุดตาแล้วค่ะ

ลุคที่สองก็ยังอยู่กับความเรียบง่าย เพียงแค่หยิบเสื้อสเวตเตอร์แขนยาวที่มีในตู้ มาสวมทับกระโปรงบอลลูน จับคู่กับรองเท้าบู๊ต คาดแว่นตาไว้บนศีรษะเท่านี้ก็พร้อมลุคแล้ว

ส่วนลุคสุดท้าย ถึงจะมีความหวานแต่ก็ยังเท่อยู่ เพราะมาร์กี้เลือกแมตช์เสื้อยืดโอเวอร์ไซส์ที่มีดีไซน์เหมือนการเลเยอร์เสื้อลูกไม้ทับอีกชั้นเข้ากับกางเกงยีนส์ที่มีลสดลายน่ารัก ซึ่งเสื้อดีไซน์นี้กำลังเป็นที่นิยมในหมู่แฟชั่นนิสต้าอีกด้วย

            หลังจากซูมอินลุคครบทั้ง 3 สไตล์แล้ว ชอบแบบกันบ้าง แต่ไม่ว่าจะเลือกไอเท็มชิ้นไหน ไปแมตช์ลุคอะไร แพรว ก็ขอให้ทุกคนสนุกกับซัมเมอร์นี้นะคะ


รูปภาพ: @kimmy_kimberley, @toeyjarinporn และ @margie_rasri

ดร.อิศริยา สายสนั่น

โสดอย่างเฉิดฉาย ดร.อิศริยา สายสนั่น เลือกใช้ชีวิตอิสระอย่างมีความสุข

Alternative Textaccount_circle
ดร.อิศริยา สายสนั่น
ดร.อิศริยา สายสนั่น

หมดยุคแล้วกับการสงสารคนโสดหรือวิ่งตามหาความรักจากคนอื่น เพราะ ไม่ว่าใครก็สามารถมีความสุขด้วยตัวเองได้ “ดร.เอ๊ะ อิศริยา สายสนั่น” นักแสดง และผู้จัดละครมากฝีมือเชื้อแบบนั้นแม้จะโลดแล่นอยู่ในวงการบันเทิงมากว่า 27 ปี แต่เราแทบไม่เคยได้ยินข่าว เรื่องความรักของเธอเลย วันนี้จึงขอนัดคิวมาค้นใจกันว่าอะไรที่ทําให้สาวสวยคนนี้ ตัดสินใจขออยู่แบบโสด ๆ

ดร.อิศริยา สายสนั่น

สะดวกแบบนี้

ต้องเล่าก่อนว่าช่วงวัยรุ่นที่เอ๊ะเริ่มเข้าวงการ หนึ่งในประเด็นคําถามที่ต้อง ตอบนักข่าวเสมอคือเรื่องแฟน ตอนนั้นยังไม่ได้คิดอะไร จึงมักจะตอบว่าปล่อยให้ เป็นเรื่องธรรมชาติ จนวันที่เริ่มโตขึ้น เจอคําถามเดิมบ่อยเข้า ก็นั่งวิเคราะห์ตัวเอง และพบว่าเราคงชอบการใช้ชีวิตโสดที่แฮปปี้ดี จนความสัมพันธ์ในแบบคู่รักแทบ ไม่ได้อยู่ในความคิดเลย”

“แต่ถ้าถามว่ามีอะไรที่ส่งผลต่อความคิดบ้างหรือเปล่า คิดว่าน่าจะเป็นเรื่องที่คุณพ่อคุณแม่แยกทางกันตั้งแต่เอ๊ะ 2 – 3 ขวบ ไม่รู้ว่าเป็นปมหรือเปล่า เอ๊ะอยู่กับ คุณแม่และพี่น้องอีก 4 คน ซึ่งท่านดูแลลูก ๆ มาอย่างดี จึงอาจเป็นหนึ่งในปัจจัย ที่ทําให้เห็นว่าการอยู่คนเดียวก็ไม่แย่ สามารถอยู่ได้อย่างมีความสุข แต่ถ้าถามถึง ประสบการณ์ตรง เอ๊ะไม่เคยมีความรักในรูปแบบแฟน จึงไม่มีปมของคนผิดหวัง หรืออกหัก เคยเห็นจากคนรอบข้าง เลิกกับแฟนแล้วต้องเสียใจ ทนทุกข์อยู่เป็นปี ๆ ก็ไม่อยากอยู่ในสถานการณ์นั้น เราแค่รู้สึกว่าอยู่แบบไหนแล้วมีความสุขก็เลือก แบบนั้นค่ะ ขณะเดียวกันเวลาเห็นใครมีความรักก็ดีใจด้วยที่เขาเจอพาร์ตเนอร์ที่ดี อย่าง พี่น้องเอ้ะทุกคนที่มีแฟนคอยซัพพอร์ตซึ่งกันและกัน เราก็ยินดีด้วย แต่คิดว่ามันไม่ใช่ทางของเรา นึกไม่ออกว่าถ้ามีแฟนจะเป็นยังไง”

“ความที่เอ๊ะเรียนโรงเรียนหญิงล้วน มีเพื่อนผู้หญิงเป็นส่วนใหญ่ พอวันที่ เข้าวงการแล้วมาเจอผู้ชายมากหน้าหลายตา ต้องทํางานด้วยกัน ก็ต้องปรับตัวเยอะ ในช่วงแรก ทั้งที่ก็มีพี่ชายนะ แต่ไม่รู้ว่ากับคนอื่นที่ไม่ใช่คนในครอบครัวต้องคุย แบบไหน เพราะถ้าน้อยเกินไปอาจโดนมองว่าหยิ่ง แต่ถ้ามากเกินก็จะดูเหมือนไปเล่น กับเขา จนผ่านไปสักพักจึงเริ่มชิน โอเคขึ้นว่าเราสามารถมีเพื่อนผู้ชายที่ดีได้ บวกกับภาพจ้าที่คนอื่นมองมาว่าเราอยู่โรงเรียนหญิงล้วน ชอบผู้หญิงหรือเปล่า พอมารวมกับเรื่องการเรียนบวกกับลุคที่ดูนิ่งขรึม ดูเนิร์ด ทําให้ผู้ชายหลายคน อาจกลัว ที่รู้เพราะว่าตอนนั้นเพื่อนสนิทมาบอกว่ามีคนชอบ แต่ไม่กล้าเข้าหา จีงมาปรึกษาเพื่อนว่าเราเป็นคนยังไง ชอบอะไร ควรรีบแบบไหน ซึ่งเพื่อนก็จะ ตอบแทนให้เลยว่าเราไม่อยากมีแฟน จากนั้นผู้ชายก็เฟดออกไปเอง เพราะเรา ไม่ได้เล่นด้วย สําหรับเอ๊ะไม่ว่าจะกับเพื่อนผู้หญิงหรือผู้ชายก็ไม่ได้คิดอะไรในแบบแฟน”

กําแพงหัวใจ

แม้ไม่ได้ตั้งเป้าอยากมีความรัก เพราะกลัวความเจ็บปวด แต่หากเธอได้รัก แล้วก็พร้อมทุ่มให้เต็มร้อย “ยอมรับว่าเอ๊ะมีกําแพงในใจสูงประมาณหนึ่ง อาจเห็น จากคุณแม่หรือเพื่อนแล้วไม่อยากเสียใจแบบนั้น เพราะเราพร้อมทุ่มเทให้กับคนที่รัก แบบ 100 เปอร์เซ็นต์ ถ้ามีแฟนแล้วต้องเลิกกันคงทรมาน จึงตัดไฟตั้งแต่ต้นลม คือขอไม่คบใครดีกว่า จะได้ไม่ต้องคาดหวังในกันและกัน ไม่ต้องมีการเปลี่ยนแปลง

“ความสัมพันธ์ ไม่อยากเกลียดใคร และไม่อยากถูกใครเกลียดด้วย จึงคิดว่าใช้ชีวิตแบบโสดน่าจะมีความสุขมากกว่า เพราะเราก็มีชีวิตแบบนี้มา ตั้งนานแล้ว ราบรื่นดี ไม่มีเรื่องให้ปวดหัว และถ้าวันหนึ่งมีแฟนก็ต้องดีกว่าอยู่ คนเดียว ความที่เราอยู่แบบนี้ได้ดีมากๆ จึงไม่ได้ขวนขวายที่จะมี แต่ก็ไม่ได้ปิดกั้นนะคะ พูดคุยได้ปกติ เพียงแต่ถ้าคุยในทางชู้สาวเราจะมีกําแพงขึ้นมา เพราะยัง ไม่พร้อม วันใดที่มีคนเข้ามาหลายกําแพงได้ คงเปิดใจมากขึ้น”

“ซึ่งคนที่มีโอกาสเข้ามาได้คงต้องมีความคล้ายพระเอกละคร ขรึม ๆ นิ่งๆ มีเสน่ห์ ไม่ท็อกซิก ดูเป็นผู้ใหญ่ที่อบอุ่น ฟิลเหมือนตอนที่เราอยู่กับคุณแม่แล้วรู้สึก สบายใจ เห็นเขาเป็นที่พึ่ง เป็นที่พักพิงให้เราได้ ไม่ว่าเกิดอะไรขึ้นก็จะคอยอยู่ข้างๆ”

“เอ๊ะไม่ได้กลัวความรักนะคะ เพราะไม่เคยผิดหวังหรือสมหวัง ประสบการณ์เป็นศูนย์ และไม่ได้มีความรู้สึกว่าจะต้องมี สมัยเด็กเคยคิดว่าความรักเป็นเรื่อง เสียเวลา เพราะเรียนด้วยทํางานด้วย ถ้ามีความรักก็ต้องแบ่งเวลาออกไป ไม่สามารถ โฟกัสกับงานได้เต็มที แต่พอโตขึ้น ความคิดเปลี่ยนไป มองว่ามันก็มีข้อดี ถ้ามี คน ๆ มาซัพพอร์ต เพียงแต่คงไม่ใช่กับเราเท่านั้นเอง “

และถ้าจะให้มีแฟนตอนนี้ คงไปกันไม่รอดอยู่ดีค่ะ เพราะเมื่อคบใครแล้ว ก็ต้องมีเวลาให้กัน ซึ่งเรารู้ตัวเองดีว่าไม่มีเวลามากขนาดนั้น จึงไม่อยากเห็นแก่ตัว และไม่อยากทําร้ายใคร ขออยู่คนเดียวแบบนี้ดีกว่าค่ะ” (ยิ้ม)

เรื่องรักเป็นรอง

“ที่เธอไม่ห่วงเรื่องเหงา เพราะตารางชีวิตทุกวันนี้อุทิศให้กับครอบครัว การเรียน และการทํางานแบบแน่นเอี้ยด “เอ๊ะทุ่มเทมาก สมัยที่เรียนไปด้วยทํางานแสดงไปด้วย ตั้งแต่อายุ 15 ชีวิตเหมือนรถไฟเหาะเลยค่ะ เรียนมัธยมที่โรงเรียนเซนต์ฟรัง- ชิสซาเวียร์คอนแวนต์ จบม.4 แล้วสอบเทียบวุฒิ ม.6 เพื่อยื่นเข้ามหาวิทยาลัย จนสอบเอนทรานซ์ติดคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ช่วงนั้นก็เป็น นักแสดงด้วย ทํางานควบคู่กันไปด้วย เมื่อเรียนจบด้วยแพสชั่นที่ชอบละคร จึงตัดสินใจเรียนต่อปริญญาโท คณะวารสารศาสตร์และสื่อสารมวลชน มหาวิทยาลัย ธรรมศาสตร์ ช่วงนั้นเริ่มเฟดตัวออกจากวงการนักแสดงและผันตัวมาเป็นผู้จัดละคร ช่อง 8 พอทําไปได้สักพักก็เรียนต่อปริญญาเอกที่คณะเดิม ซึ่งต้องทุ่มเวลา 4 ปีเต็ม กว่าจะเรียนจบ พอหาสําเร็จภูมิใจมาก ๆ ค่ะ”

“งานหลักของเอ๊ะตอนนี้ถือเป็นผู้จัดละคร นักแสดง พิธีกร ล่าสุดเป็น อาจารย์ประจําคณะวารสารศาสตร์ฯ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ด้วย ตารางชีวิตแน่น จริง ๆ ซึ่งแน่นอนว่าระหว่างทางก็มีเครียดบ้าง เหนื่อยบ้าง เป็นเรื่องปกติ วิธี คลายเครียดของคนที่มีแฟนเขาอาจจะให้กําลังใจกัน พาไปเที่ยว ไปกินข้าว แต่ สําหรับคนโสดแบบเอ๊ะ กําลังใจสําคัญมาจากครอบครัว ถ้าเหนื่อยก็พักไปหา ของอร่อยหรือเล่นกับหลาน และความที่เราเป็นครอบครัวใหญ่ มีพี่น้องเยอะ วันหยุดก็พากันไปเที่ยว ไปไหว้พระ ทําแบบนี้มานานแล้ว แฮปปี้ดี” (ยิ้ม)

คุณแม่รับจบ

ไม่ว่าใครจะเข้ามาหาคุณเอ๊ะก็ต้องผ่านทางคุณแม่ หนุ่ม ๆ เตรียมใจเลยนะคะ “คนที่เข้ามาหาส่วนใหญ่จะมีความเกี่ยวพันกับเรื่องงาน ต้องมีการแลกเบอร์โทรศัพท์ หรือช่องทางติดต่อเพื่อที่จะคุยงานได้สะดวก ซึ่งเวลาเขาทักมา เราก็ต้องตอบเป็น มารยาทที่ดี เพราะไม่รู้ว่าเขาเข้ามาแบบไหน อาจจะแค่ในรูปแบบของเพื่อนร่วมงาน เท่านั้นก็ได้ แต่ถ้าวันหนึ่งที่รู้สึกว่าเกินคําว่าเพื่อนร่วมงาน อย่างเช่นโทร.หาบ่อย ๆ คุยถามเรื่องส่วนตัว ทําอะไรอยู่ กินข้าวหรือยัง หรือมีการบอกฝันดี เราจะรู้สึก ขนลุกและรู้ละว่าเขาคิดอะไร ก็จะตีตัวออก โดยส่งให้คุณแม่จัดการ (หัวเราะ) แต่เอ๊ะก็ยังร่วมงานได้นะคะ เพราะเราแยกแยะได้ว่างานต้องมาก่อนอยู่แล้ว

“ถ้าใครโทร.แล้วเอ๊ะไม่รับสายจะโอนไปที่โทรศัพท์คุณแม่อัตโนมัติ เคยมี บางคนรู้ว่าเอ๊ะไม่ยอมคุย จึงพยายามเข้าทางคุณแม่โดยการโทร.หาทุกวัน คุยจน สนิทกันเลยค่ะ คุณแม่ก็เอ็นดู และยอมพูดตรง ๆ ว่าคงไม่ได้เป็นแฟนกับเอ๊ะละ แต่ให้มาเป็นลูกแม่อีกคนแล้วกัน”

“โชคดีที่คนที่เข้ามาส่วนใหญ่สุภาพ มีมารยาท และให้เกียรติ ถ้าเราบอกว่า ยังไม่พร้อมมีแฟน เขาก็เข้าใจแล้วค่อย ๆ ถอยออกไป ถือว่าพูดรู้เรื่องทุกคนเพราะแน่นอนว่าอีกฝ่ายเขาก็มีตัวเลือก เราไม่ได้เป็นผู้หญิงคนเดียวบนโลก เขา ไม่จําเป็นต้องมานั่งรอเราเปิดใจ ทุกวันนี้ยังมีคนที่มาชอบแล้วกลายมาเป็นเพื่อน เป็นพี่ เป็นน้องที่สนิท เรียกว่าเรามีความรู้สึกที่ดีให้ในฐานะอื่นที่ไม่ใช่แฟน ส่วน คนที่ต่อมากๆ แสดงอาการไม่พอใจ หรือก้าวก่ายเรื่องส่วนตัวจนเกินไป ก็จะให้ คุณแม่ช่วยจัดการ หรือไม่ก็ต้องบล็อก”

“ทุกวันนี้ยังไม่เคยคุยกับใครไปจนถึงขั้นเปิดใจคบเลยค่ะ ไม่เคยมีการเด ด้วย เพราะมองว่าการเดตเราต้องมั่นใจพอสมควรว่าน่าจะไปกันต่อได้ แต่อย่างที่ บอกว่าเราไม่ได้คิดจะคบใคร ฉะนั้นก็อย่าเดตเลย ไม่อยากทําให้เขาต้องเสียความรู้สึก คือเอ๊ะนึกภาพไม่ออกจริงๆ ว่าถ้าตัวเองมีแฟนจะเป็นยังไง คงจะเป็นน่าดู แม้จะเป็นนักแสดง เล่นละครมาเยอะ อย่างเวลาตัวละครชอบกันแล้วต้องมองหน้าสบตาเราก็ไม่รู้ว่าสายตาต้องเป็นแบบไหน ต้องรู้สึกยังไง การมีแฟนของเอ๊ะจึงถือว่าเป็น เรื่องที่ยากที่สุดในชีวิต”

“ถ้าถามว่าเคยรู้สึกปลื้มใครไหม แน่นอนว่าเคยค่ะ แต่เป็นการปลื้มตัวละคร จากในหนังหรือซีรีส์เกาหลี พระเอกจะค่อนข้างเป็นสุภาพบุรุษ นิ่ง ๆ แต่ใจดี ซึ่งเราไม่เคยปลื้มคนในชีวิตจริงเลย เพราะยังไม่เคยเจอใครแบบนั้น แปลกใช่ไหมคะ อาจเพราะโตมาในกรอบ บวกกับส่วนตัวไม่ได้สนใจเรื่องพวกนี้อยู่แล้ว จึงทําให้ ไม่ได้สนใจใครในชีวิตจริง”

โสดให้มีความสุข

“บนโลกนี้ยังมีอีกหลายสิ่งที่ทําให้มีความสุข โดยไม่ต้องพึ่งพาความสัมพันธ์ แบบคู่รัก คุณเอ๊ะเชื่อแบบนั้น “ความสุขของเอ๊ะคือครอบครัวค่ะ พวกเขาเป็นความมั่นคง เหมือนเป็นเสาหลักที่ทําให้ใจของเรามีที่ยึดเหนียว มีที่พักพิง ไม่ว่า จะเกิดอะไรขึ้นหรือมีปัญหาอะไร เรายังมีพี่ มีน้อง มีครอบครัว ฉะนั้นเราก็สู้ตาย พร้อมเผชิญกับปัญหา”

“เคยถามคุณแม่เหมือนกันค่ะว่าถ้าลูกโสด ไม่มีแฟน ไม่แต่งงาน จะโอเค ไหม เพราะเราแคร์คุณแม่มาก ๆ ซึ่งท่านโอเค ไม่ได้บังคับหรือกดดัน เอ๊ะโชคดี คุณแม่หรือญาติๆ มีความคิดที่ค่อนข้างสมัยใหม่ ให้เราเลือกใช้ชีวิตในแบบของเรา ได้อย่างเต็มที่ แต่ถ้าให้ย้อนกลับไป 20 ปีที่แล้วเราอาจดูเป็นของแปลก อาจมีค่าถาม จากสังคม แต่สําหรับตัวเองไม่ได้รู้สึกอะไรตั้งแต่แรกแล้วกับคําว่า “คาน” เพราะมัน เป็นสิ่งที่เราเลือกเอง แล้วก็มีความสุขดี ฉะนั้นใครจะมองยังไงก็ไม่ได้กระทบกับ ความรู้สึกของเราสักนิดค่ะ”

“สําหรับแพลนชีวิตโสดคือทาตัวเองให้แฮปปี้ในทุกวันและมีคุณค่ากับสังคม ไม่สร้างภาระให้ใคร พยายามหาสิ่งที่เข้ามาเติมเต็มให้ชีวิตมีสีสัน ส่วนตัวเอ๊ะค่อนข้างใฝ่รู้ ฉะนั้นก็จะมีแพลนไปเรียนเพิ่มเติม รับความรู้ใหม่ ๆ เพื่อพัฒนาด้านการเป็น ผู้จัดละคร”

“และความที่เรามีความสุขง่าย อาจเพราะทํางานตั้งแต่เด็ก อยู่กับแสงสี เสียงที่ฟุ้งเฟ้อมาก ๆ ถ้าวันหนึ่งเลือกได้ ไม่ต้องทํางานแล้ว ก็คงขออยู่บ้าน นอน ดูหนังนิ่ง ๆ ดีกว่า ไม่ใช่ว่าการทํางานไม่ดีนะคะ มันเป็นโอกาสที่ดีที่ทําให้เราได้เจอ คุณค่าในชีวิตตัวเองว่าเราสามารถเป็นนักแสดง เป็นผู้จัดละครที่ดี เพื่อมอบความ บันเทิงให้แก่ผู้ชมได้ หรือการที่ได้เป็นอาจารย์เพื่อมอบความรู้ให้นักศึกษา แต่ เมื่อวันหนึ่งที่ค้นพบว่าความสุขของเราคือความสงบ ไม่ได้อยู่กับความวุ่นวาย อาจจะ แค่ได้กินอาหารอร่อย ไม่จําเป็นต้องเป็นอาหารแพง ๆ ได้อยู่กับครอบครัว แต่นั้น ก็มีความสุขแล้วค่ะ”

“ส่วนแพลนระยะยาวก็คือพยายามทุ่มเทกับการทํางาน เพื่อหาทุนมาดูแล ตัวเองในอนาคต เมื่อถึงเวลาเกษียณจะได้มีเงินพอที่จะดูแลตัวเองได้ ไม่จําเป็นต้องไปฝากชีวิตไว้ที่ใคร”

ดร.อิศริยา สายสนั่น

ความรักเป็นสิ่งสวยงาม

“ใครที่กําลังตามหาความกแล้วยังไม่เจอก็อย่าเพิ่งท้อนะคะ ใช้ชีวิตให้มีคุณค่า แล้ววันหนึ่งสิ่งที่คู่ควรก็จะเข้ามาหาเอง คือเอ๊ะเชื่อเรื่องของพรหมลิขิตนะ อย่างที่บอก ว่าเวลานี้สําหรับเราคิดว่าไม่อยากมีแฟนแล้ว แต่ถ้าในอนาคตข้างหน้า อะไรก็เกิดขึ้นได้ อาจจะมีใครสักคนเข้ามาเปลี่ยนความคิด ก็สามารถเกิดขึ้นได้เช่นกัน”

“สําหรับเอ๊ะการเป็นโสดเป็นเรื่องปกติ เราสามารถมีความสุขได้ด้วยการรักตัวเอง ดูแลตัวเองดี ๆ หมั่นออกกําลังกาย กินอาหารที่มีประโยชน์ แต่งหน้าทําผมให้ดูดี และมุ่งมั่นทําในสิ่งที่รักต่อไป เหมือนเป็นการเตรียมความพร้อมที่จะมีความรักดีๆ ถึงแม้วันหนึ่งไขว่คว้าหาแล้วยังไม่เจอ อย่างน้อยเราก็ยังมีความรักให้ตัวเอง “คําพูดที่ว่าก่อนจะรักใครต้องรักตัวเอง ทําตัวเองให้เป็นเวอร์ชั่นที่ดีที่สุดนั้นเป็นเรื่องจริง”

เรื่อง Prince

ภาพ วรสันต์

สไตลิสต์ ชัญญาภัค เขมหิรัญกิจ

Caleō x ASAVA เปิดตัวชุด Afternoon Tea สุดเอ็กซ์คลูซีฟ ต้อนรับคอลเล็คชั่น Asava Spring/Summer 2025

account_circle

The Ritz-Carlton, Bangkok และ Asava ร่วมสร้างประสบการณ์น้ำชายามบ่ายสุดพิเศษ “Caleō x Asava Spring/Summer 2025 Afternoon Tea” ถ่ายทอดนิยามใหม่ของความหรูหราที่เต็มไปด้วยชีวิตชีวา ผ่านชุดน้ำชาที่รังสรรค์อย่างประณีตโดย เชฟซิลแวง กงสตองส์ (Sylvain Constans) หัวหน้าเชฟขนมหวานของโรงแรม

ในธีม “Echoes of Sublime Summer” ขนมหวาน สโคน และแซนด์วิชได้รับแรงบันดาลใจจากดีไซน์และโทนสีของคอลเลกชัน Asava SS25 เสิร์ฟพร้อมชา Signature Blend จาก Araksa หรือจะเพิ่มความพิเศษด้วยแชมเปญยามบ่าย

Caleō x ASAVA เปิดตัวชุด Afternoon Tea สุดเอ็กซ์คลูซีฟ ต้อนรับคอลเล็คชั่น Asava Spring/Summer 2025

ไฮไลต์จากชุดน้ำชาประกอบด้วยขนมหวาน 6 ชนิด ได้แก่ Kelcey จากแบล็คเคอร์แรนท์ มูสพีช และมาเดอลีนบิสกิตที่ได้แรงบันดาลใจจากโทนสีชมพูในคอลเล็คชั่น

Celeste จากยูซุช็องติยี่ครีม ยูซุเจลลี่ มูสมะพร้าว และ  ฟินองเซียมะพร้าวเสมือนความพลิ้วพองของแขนเสื้อและชุดดั่งไฮไลต์ในคอลเล็คชั่น

Lyra จากมูสชีสเค้ก บลูเบอร์รี่กอมโป้ต และอัลมอนด์บิสกิต เฉกเช่นกับลายมัวเร (Moiré pattern) บนสีฟ้าพาสเทล

Ophelia จากแอพริคอตเจลลี่ คาราเมลบาวารัวส์ ครีมคาราเมล คาราเมลบิสกิต ท็อปด้วยเจลลี่กลิ่นกุหลาบ ดั่งลายผ้าที่ประดับด้วยลวดลาย Polka-dot

Sidney จากช็อคโกแล็ตมูส สามเลเยอร์ เริ่มจากเจลลี่กล้วยและเสาวรส ตัดด้วยครีมช็อคโกแล็ตรสเสาวรส และเค้กช็อคโกแล็ต ในสีน้ำเงินราวกับผ้าเดนิมโทนสี Shades of Blue และอองทริเมชิ้นพิเศษจากเชฟซิลแวง

Zinnia จากพิตตาชิโอช็องติยี่ครีม ราสเบอร์รี่มูส ครีมราสเบอร์รี่ และเมอแร็งก์ เสิร์ฟพร้อมซิกเนเจอร์สโคนและแซนด์วิช Savory ปิดท้ายด้วยรถเข็นขนมหวานและช็อกโกแลตบอนบอน เพื่อเพิ่มอรรถรสของการดื่มด่ำน้ำชายามบ่าย

Caleō x Asava Spring/Summer 2025 Afternoon Tea  ระหว่างวันที่ 26 มีนาคม 2568 – 30 เมษายน 2568 ณ ชั้น L, โรงแรม เดอะ ริทซ์-คาร์ลตัน กรุงเทพฯ ราคา 1,600++ บาทต่อท่าน


 

keyboard_arrow_up