กลัฟ คณาวุฒิ

เปิดใจเอ็กซ์คลูซีฟ! ก้าวอีกขั้นของ “กลัฟ คณาวุฒิ” พระเอกลูกรักคนใหม่ของช่อง 3

Alternative Textaccount_circle
กลัฟ คณาวุฒิ
กลัฟ คณาวุฒิ

จากวันที่แจ้งเกิดด้วยบทบาทคู่จิ้นในซีรี่ส์ TharnType The Series วันนี้ “กลัฟ คณาวุฒิ ไตรพิพัฒนพงษ์” พร้อมก้าวไปสู่อีกสเต็ปของเส้นทางการเป็นนักแสดง ด้วยการเซ็นสัญญาเป็นนักแสดงสังกัดช่อง 3 ซึ่งถือเป็นก้าวสำคัญบนเส้นทางสายบันเทิง เมื่อ แพรว ได้เจอกับหนุ่มคนนี้แบบเอ็กซ์คลูซีฟในภารกิจถ่ายแฟชั่นเซ็ตปก นิตยสารแพรว ฉบับเดือนมิถุนายน 2564 จึงไม่พลาดที่จะพูดคุยถึงเรื่องราวต่างๆ แบบไม่มีกั๊ก

เปิดใจเอ็กซ์คลูซีฟ! ก้าวอีกขั้นของ “กลัฟ คณาวุฒิ” พระเอกลูกรักคนใหม่ของช่อง 3

ล่าสุดกับการเข้าเป็นนักแสดงสังกัดช่อง 3 เป็นอย่างไรบ้างคะ

“ผมเข้าช่อง 3 ประมาณเดือนมีนาคม และเพิ่งมีคอนเสิร์ต CH3Plus The Moment : Gulf The Next Stage ไปเมื่อเดือนเมษายน ตื่นเต้นมากครับ รู้สึกเป็นเกียรติและดีใจมากๆ ที่ผู้ใหญ่ให้โอกาสและจัดคอนเสิร์ตเปิดตัวให้ผม เป็นคอนเสิร์ตเดี่ยวที่ต้องร้องเพลงทั้งภาษาเกาหลี เพลงช้า โชคดีที่ผมเคยมีคอนเสิร์ตแล้ว ครั้งนี้จึงไม่ได้รู้สึกกดดันเท่าครั้งแรก เพิ่มเติมคือได้ร่วมร้องเพลงกับพี่ๆ นักแสดงอีกหลายคน สนุกมากครับ ตอนนี้จึงเป็นช่วงเตรียมตัวสำหรับงานแสดงในอนาคต”

รู้สึกอย่างไรที่หลายคนบอกว่า “กลัฟ” เป็นลูกรักคนใหม่ ของช่อง

“โอ้…คงไม่ขนาดลูกรักหรอกครับ (ยิ้มเขิน) อยากให้รอดูผลงาน ซึ่งผมจะทำให้เต็มที่ที่สุดครับ” (ยิ้ม)

กลัฟ คณาวุฒิ

อยากแสดงละครกับใครเป็นพิเศษไหมคะ

“อยากเล่นกับพี่ญาญ่า (อุรัสยา เสปอร์บันด์) ครับ เพราะผมได้ดูผลงานแสดงของพี่ญาญ่ามาหลายเรื่อง พี่เขาตั้งใจทำงานและแสดงดีมากๆ ด้วยครับ”

แล้วบทบาทที่อยากแสดงล่ะคะ

“อยากเล่นทุกแนวเลยครับ โดยเฉพาะแอ๊คชั่นแบบลุยๆ หรือแนวผีๆ Horror ก็อยากลองเหมือนกัน”

กลัฟกลัวผีไหมคะ

“ถ้าผีฝรั่งแบบแดรกคิวลา แฟรงเกนสไตน์ พวกนั้นจะไม่ค่อยกลัว ส่วนผีไทยคงแล้วแต่ประเภทครับ ถ้ามาเป็นแบบนุ่งชุดขาวๆ ไม่เท่าไรครับ แต่ถ้าพวกผีนางรำที่ใส่ชุดไทย รำๆ บิดๆ คอหัก อันนี้กลัวมาก ถ้าในอนาคตมีใครชวนเล่นเรื่องที่ต้องเจอผีรำไทย ก็… (หยุดคิด) ขอคิดก่อนครับ แต่จริงๆ ถ้ารู้ว่าเป็นคน ผมก็ไม่ควรจะกลัวสิ ใช่ไหม” (หัวเราะ)

กลัฟ คณาวุฒิ

ย้อนกลับไปจริงๆ กลัฟเคยร่วมงานกับช่อง 3 มาแล้ว (เรื่อง เลือดมังกร รับบทเป็นสิงห์ หรือติ๊ก เจษฎาภรณ์ ในช่วงวัยรุ่น) ยังจำความรู้สึกตอนนั้นได้ไหมคะ

(ตอบทันที) “จำได้ครับ ไม่ลืมเลย เป็นงานแสดงเรื่องแรกของผม วันนั้นเขานัดกอง 7 โมงเช้าที่ราชบุรี ผมออกจากบ้านแต่เช้าตรู่ ไปกับคุณพ่อคุณแม่ ไปถึงแต่งหน้าทำผม นั่งรอจนได้เริ่มถ่ายประมาณ 11 โมง ซึ่งระหว่างที่นั่งอยู่ในห้องแต่งหน้า ผมตื่นเต้นมากๆ เพราะมีพี่ๆ นักแสดงที่เราเคยเห็นในทีวีเดินเข้าออกตลอด

“วันนั้นผมได้ถ่ายประมาณ 3 ซีน ผมยังจำบทได้อยู่เลยนะ (ยิ้ม) เป็นซีนที่คุกเข่าหน้าป้ายบรรพบุรุษ พูดประมาณว่า ‘ผมไม่ลุก ยังไงผมก็จะไม่ไปเรียนต่อที่อเมริกา เพื่อนผมไม่เห็นจะมีใครต้องไปสักคน…ผมไม่ไป ใครก็บังคับผมไม่ได้’

“ตอนนั้นผมรู้สึกว่าทำเต็มที่แล้ว แต่พอกลับไปย้อนดูที่ตัวเองเล่นไว้เมื่อ 7 – 8 ปีก่อน ก็รู้สึกว่ายังมีอีกหลายจุดที่ต้องแก้เลยนะ” (หัวเราะ)

เริ่มชัดเจนตอนไหนคะว่าอยากเป็นนักแสดง

“ตอนที่แสดงเรื่องแรกเป็นเหมือนการชิมลางว่าเราชอบด้านนี้หรือเปล่า ซึ่งพอได้ลองทำ ได้ดูผลงานที่ออกไป ผมรู้สึกโอเคมากๆ คนรอบตัวก็โอเคด้วย จึงทำให้อยากทำงานตรงนี้แบบจริงจัง แต่เนื่องจากตอนนั้นผมยังเรียนมัธยม ต้องเตรียมเข้ามหาวิทยาลัย จึงยังไม่ได้ทำงานเท่าไร มีแค่งานเดินแบบนิดๆ หน่อยๆ

“กระทั่งเริ่มทำงานจริงจังอีกทีตอนเรียนมหาวิทยาลัยปี 3 เพราะมีโอกาสไปแคสติ้ง และได้เล่นซีรี่ส์ TharnType The Series ก็ได้เรียนการแสดงเพิ่ม ได้พัฒนาตัวเองในหลายๆ มุม ยอมรับว่าตอนแรกผมไม่ได้คาดหวังว่าจะต้องมีแฟนคลับคอยติดตาม หรือจะต้องเป็นที่รู้จักของคนทั้งประเทศ

“ผมแค่อยากจะลองทำในสิ่งที่อยากทำ อยากลองทำงาน อยากหาประสบการณ์อะไรใหม่ๆ แต่ปรากฏว่าพอซีรี่ส์ออนแอร์ พี่ๆ แฟนคลับชอบ ทำให้มีคนติดตามผมเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ และก็ทำให้ผมคิดว่าถึงเวลาแล้วที่เราจะต้องจริงจังกับงานตรงนี้ (ยิ้ม)

“ซึ่งตอนนี้ผมอาจจะไม่ได้มีเวลาไปเรียนการแสดงเพิ่มเติม แต่ก็พยายามพัฒนาตัวเองอยู่ตลอด พยายามดูหนังเยอะๆ ดูว่านักแสดงเก่งๆ เขาเล่นกันอย่างไร แล้วพยายามนำตรงนั้นมาปรับใช้ ตรงไหนที่เป็นจุดบกพร่องของเรา ก็นำมาแก้ไขกับตัวเองครับ”

กลัฟ คณาวุฒิ

คิดว่าอะไรคือเสน่ห์ที่ทำให้แฟนๆ อินกับบทบาทที่เล่น

(หยุดคิด) “อันนี้ผมก็ฟังเขาพูดมานะครับ คิดว่าน่าจะเป็นเรื่องของน้ำเสียง กับสีหน้าเวลาแสดงอารมณ์ครับ อย่างเวลาโมโหแล้วคิ้วขมวด คิ้วของผมจะชัดมาก ทำให้สามารถถ่ายทอดอารมณ์ออกมาได้ดี บวกกับน้ำเสียงเวลาพูดบท หลายคนบอกว่าผมโปรเจ็กต์เสียงได้ดี ซึ่งผมก็ไม่รู้นะว่าขนาดนั้นหรือเปล่า แต่ก็คิดว่าเป็นจุดนี้ครับ” (ยิ้ม)

สำหรับกลัฟสิ่งที่ท้าทายหรืออุปสรรคในการทำงานคืออะไรคะ

“ความท้าทายน่าจะเป็นตัวเราเองครับ จริงอยู่ที่เวลาทำงานมีหลายๆ อย่าง จากสิ่งรอบตัวหรือคนรอบข้าง แต่ประมาณ 70 – 80 เปอร์เซ็นต์ น่าจะมาจากตัวเราเองที่ต้องมีความตั้งใจ มีความพยายาม ต้องเรียนรู้และพัฒนาตัวเอง ซึ่งทั้งหมดนี้คือความท้าทายที่มาจากตัวเราเอง

“ซึ่งตอนนี้ผมไม่ได้ตั้งเป้าในการทำงานว่าจะต้องไปถึงจุดไหน ไม่ได้คาดหวังว่าจะต้องได้รางวัล ผมแค่อยากทำงานตรงนี้ให้ดีที่สุดเท่าที่ทำได้ และถ้าได้รางวัลก็ถือว่าเป็นโบนัสครับ” (ยิ้ม)

มีให้คะแนนตัวเองไหมคะ

“จริงๆ เวลาทำงานผมไม่ค่อยวัดตัวเองเป็นหลักเท่าไรครับ ไม่เคยคิดว่าเล่นเท่านี้ เราพอใจแล้วนะ แต่ผมจะฟังพี่ผู้กำกับ พี่คนเขียนบท และพี่ๆ ทีมงานเป็นหลัก อย่างบางซีนที่ต้องโมโห แล้วผมเล่นไปเท่าที่คิดไว้ แต่ถ้าพี่ๆ อยากได้มากกว่านั้น ผมก็จะพยายามเล่นให้ได้ตามนั้น เพราะผมเชื่อว่าการที่เขาให้ทำอะไรแต่ละอย่างต้องมีเหตุผลอยู่แล้ว”

กลัฟ คณาวุฒิ

แสดงว่าไม่กดดันตัวเอง

“ไม่เลยครับ อย่างเวลามีดราม่าหรือเรื่องต่างๆ ผมก็ไม่เคยมานั่งเครียดนะ เพราะในโลกออนไลน์ทุกวันนี้ดราม่าเกิดขึ้นง่ายมาก ถ้าเรื่องนั้นเราผิดจริงและควรแก้ไข ผมก็จะนำมาปรับปรุงตัวเอง แต่ถ้าไม่ใช่เรื่องจริงหรือเป็นเรื่องที่ใครก็ไม่รู้พูดขึ้นมา ผมก็จะไม่เก็บมาคิดครับ”

แต่อ่านทุกข้อความใช่ไหมคะ

“ใช่ครับ อย่างในทวิตเตอร์ผมเข้าไปอ่านตลอด ซึ่งส่วนใหญ่ก็เป็นข้อความให้กำลังใจหรือข้อความด้านบวก เพียงแต่ถ้าเลื่อนๆ ไปเจอดราม่าก็จะอ่านให้รู้ว่าคือเรื่องอะไร ส่งผลกระทบอย่างไร แต่ถ้าเป็นเรื่องไม่จริงก็ปล่อยผ่านไปครับ”

ช่วงแรกที่เจอ #มิวกลัฟ ทุกวันเขินไหม

“แรกๆ เขินครับ (ยิ้มเขิน) แต่สักพักเริ่มเข้าใจพี่ๆ แฟนคลับแล้วว่าเขารู้สึกอย่างไร เขาอยากปั่นเทรนด์เพื่อสะสมยอดของผมในทวิตเตอร์ ซึ่งผมดีใจทุกครั้งที่เห็นนะครับ ยิ่งบางแฮชแท็กเป็นคำที่น่ารักมาก พี่ๆ เขาคิดกันเก่งมาก บางอันเป็นแฮชแท็กเล่นมุกจีบผมกันอะไรแบบนั้น” (ยิ้ม)

ขอถามถึงกระแสข่าวช่วงที่ผ่านมาหน่อยนะคะที่บอกว่า มิว – กลัฟ แยกกัน จริงๆ เป็นอย่างไรและแฟนๆ จะได้เห็นงานคู่กันอยู่ไหม

“เรายังรับงานคู่ปกติครับ (ยิ้ม) เพราะไม่ได้มีปัญหาอะไรกัน ผมคิดว่ากระแสข่าวที่เกิดขึ้นน่าจะเพราะช่วงนี้ไม่ค่อยได้ทำงานด้วยกัน เพราะพี่มิวกำลังทุ่มเทกับเส้นทางการเป็นนักร้อง ส่วนผมก็ลุยด้านการแสดงเป็นหลัก โอกาสที่จะมาเจอกันตรงกลางจึงค่อนข้างยาก แต่ก็ไม่แน่ว่าถ้ามีโอกาสผมอาจจะไป Feat. เพลงกับพี่เขา หรือไม่พี่มิวก็มาเล่นละครกับผม” (ยิ้ม)


ติดตามอ่านบทสัมภาษณ์ฉบับเต็มได้ที่ นิตยสารแพรว ฉบับ 971

บทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ

รู้จักตัวตน “บิวกิ้น พุฒิพงศ์” เพอร์เฟ็กชั่นนิสต์ เก่งครบเครื่อง สมฉายา “เทพบุตรบิวกิ้น”

11 ปี สู้เพื่อฝัน “มิว ศุภศิษฏ์ จงชีวีวัฒน์” ผู้ชายที่ทำเต็มร้อยทุกเรื่องในทุกวัน

ทำความรู้จัก ภณ-ณวัสน์ ภู่พันธัชสีห์ พระเอกเจนเนอเรชั่นใหม่

Praew Recommend

keyboard_arrow_up