Bling Empire

ล้วงลึกทุกความลับ เคนลิม-เคลลี่ มิ ลิ เศรษฐีสิงคโปร์ 2 ตัวแม่แห่ง Bling Empire

account_circle
Bling Empire
Bling Empire

แพรวพาไปล้วงลึกทุกความรับกับบทสัมภาษณ์พิเศษของ 2 นักแสดงตัวแม่แห่ง Bling Empire “เคน ลิม” และ “เคลลี่ มิ ลิ” เศรษฐีชาวสิงคโปร์ที่มีไลฟ์สไตล์อันหรูหรา อู้ฟู้ ซึ่งทั้งคู่ได้มาเปิดใจตอบคำถามที่ใครหลายคนไม่เคยรู้ ซึ่งชีวิตจริงของทั้งคู่ จะเหมือนในเรียลลิตี้หรือไม่ ตามไปอ่านกันได้เลยค่ะ

ล้วงลึกทุกความลับ เคนลิม-เคลลี่ มิ ลิ เศรษฐีสิงคโปร์ 2 ตัวแม่แห่ง Bling Empire

Bling Empire

ก่อนที่จะเข้าฉากถ่ายทำในแต่ละซีนของ Bling Empire พวกคุณได้มีการเตรียมตัวหรือซักซ้อมอะไรกันก่อนถ่ายบ้างไหม หรือแค่ปล่อยให้เป็นไปตามธรรมชาติเลย?

 

เคลลี่: เรื่องหนึ่งที่ดีมากๆ เลยสำหรับรายการเรียลลิตี้ที่ไม่มีสคริปต์คือการที่เราไม่ต้องจำบทอะไรเลย ไม่ต้องมีการเตรียมตัวอะไรมาก แค่ใช้ชีวิตประจำวันตามปกติที่เราทำกันอยู่โดยมีกล้องคอยถ่าย ฉันคิดว่านี่คือสิ่งที่ดีมากๆ เลยแหละ

เคน: สำหรับผม ต้องมีการเตรียมตัวค่อนข้างเยอะเพราะผมต้องลดน้ำหนัก ต้องดูเพรียวๆ นิดนึง และยังต้องมีการแบ่งเวลาเพราะตัวผมเองก็เป็นนักธุรกิจด้วย เลยต้องแบ่งเวลาให้กับการถ่ายทำซึ่งถือเป็นประสบการณ์ที่สนุกมากๆ และผมก็มีความสุขมากๆ ที่ได้ถ่าย Bling Empire

คำถามนี้สำหรับเคลลี่ ในฐานะผู้อำนวยการสร้าง ซึ่งสำหรับเรื่อง Bling Empire คุณก็เป็นคนที่อยู่หน้ากล้องด้วย ปัจจัยหรือคุณสมบัติอะไรที่คุณพิจารณาเวลาเลือกนักแสดงในแต่ละโปรเจกต์?

เคลลี่: ฉันคิดว่าคำถามนี้มีคำตอบที่ค่อนข้างแตกต่างกันไประหว่างซีรีส์หรือหนังที่มีสคริปต์กับรายการเรียลลิตี้ที่ไม่มีสคริปต์ และตัวฉันเองในฐานะผู้อำนวยการสร้าง ส่วนใหญ่จะได้รับโปรเจกต์ผลิตซีรีส์หรือหนังแบบมีสคริปต์

Bling Empire

ฉันคิดว่าหนึ่งสิ่งที่สำคัญมากๆ สำหรับรายการที่มีสคริปต์และไม่มีสคริปต์คือเคมีระหว่างนักแสดงด้วยกันเอง มันเป็นสิ่งที่สำคัญมากๆ เพราะเราในฐานะนักแสดงก็อยากมีเคมีระหว่างกันเองอย่างเป็นธรรมชาติ และสำหรับ Bling Empire รายการโชว์แบบไม่มีสคริปต์ เราอยากให้ภาพรวมของนักแสดงมีความเป็นกลุ่มก้อนเดียวกัน  และถ้าบางคนรู้จักกันมาก่อนด้วยก็จะยิ่งดีเลย

ในชีวิตจริงพวกคุณเคยทะเลาะกันบ้างมั้ย?

เคน: เราส่วนใหญ่ไม่ค่อยนะ แต่สำหรับผม เคลลี่ และ คิม ไม่เคยทะเลาะกันเลยจริงๆ

เคลลี่: ฉันรู้จักเคนมาก็หลายปีแล้ว ประมาณ 9 ปีได้ ไม่เคยทะเลาะกันเลย ไม่รู้สิ แต่หลังจากนี้อาจจะมีก็ได้นะ (หัวเราะ) แต่ตอนนี้ยังไม่มีค่ะ

เคน: เพราะพวกเราเป็นนักธุรกิจก็เลยจะค่อนข้างมีเหตุผลกัน อะไรที่สามารถแก้ปัญหาได้ด้วยการพูดคุยกันก็ทำ ส่วนนักแสดงคนอื่นๆ พวกเขาอาจจะคิดหรืออาจจะรับมือกับปัญหาต่างๆ แตกต่างไปจากพวกเรา ส่วนตัวผม เคลลี่ และ คิม เป็นคนที่มีเหตุผลกันอยู่แล้ว มีความเป็นนักธุรกิจ เราสามารถแก้ปัญหาต่างๆ ได้ด้วยการพูดคุยกัน

เคลลี่: และยิ่งหากคุณมีแนวทางในการใช้ชีวิตและคุณค่าที่ยึดถือไปในทิศทางเดียวกัน

เคน: ยกตัวอย่างเช่น อย่าง เคลลี่ ที่มาจากจีน คิม เติบโตและได้รับการเลี้ยงดูจากครอบครัวชาวเวียดนามที่ค่อนข้างมีความเป็นแบบแผน

ส่วนผมก็มาจากสิงคโปร์ เรียกได้ว่าเราต่างก็มีคุณค่าและแนวทางปฏิบัติที่แต่ละครอบครัวปลูกฝังและสอนกันมา เช่น หากมีการทานดินเนอร์ด้วยกัน เรานี่แย่งกันจ่ายเงินเลยแหละ แต่ที่อเมริกา ตอนทานข้าวกันเสร็จ ทุกคนก็จะแบบ “โอ้ว ฉันลืมกระเป๋าตังแหละ” หรือไม่ก็ “ขอตัวไปเข้าห้องน้ำก่อนนะ” อะไรทำนองนี้

คือผมมองว่ามันเกี่ยวกับคุณค่าที่เรายึดถือ ผม เคลลี่ และ คิม เราต่างก็ช่วยเหลือเกื้อกูลซึ่งกันและกันในเส้นทางของแต่ละคนโดยไม่ได้คิดว่าจะต้องมาแข่งขันกัน

เล่าให้เราฟังหน่อยได้มั้ยว่ารองเท้าคู่ไหนคือคอลเลคชั่นใหม่ของคุณ ตอนนี้มีรองเท้าทั้งหมดกี่คู่แล้ว รวมทั้งหมดทุกคอลเลคชั่นที่คุณสะสมมีมูลค่าเป็นเท่าไหร่ และคู่ไหนที่คุณชอบมากที่สุด?

เคน: ตอนนี้ผมกำลังสร้างบ้านใหม่ที่ลอสแอนเจลิส ตอนนั้นก็คือเกิดเป็นไอเดียว่าอยากทำส่วนที่เป็นผนังไว้วาง/แขวนรองเท้า ห้องเก็บรองเท้า แต่ตอนนี้ผมไม่อยากจะโชว์อะไรทั้งนั้น อยากเน้นความเรียบง่ายไม่หวือหวา

เรื่องตลกก็คือ ผมบอกกับผู้รับเหมาของผมว่าขอซ่อนคอลเลคชั่นรองเท้าเหล่านี้ไว้ได้มั้ย ไม่อยากเห็นแม้แต่คู่เดียวเลย ผมรู้สึกว่าผมข้ามผ่านช่วงหนึ่งของชีวิตที่มีสิ่งสำคัญอื่นๆ ในชีวิตอีกมากมาย เช่น ธุรกิจเกี่ยวกับ Plant-based และผมยังมีธุรกิจเล็กๆ ที่ประเทศไทยด้วยนะ

การสะสมคอลเลคชั่นรองเท้าถือเป็นเรื่องที่สนุกสำหรับผม ก็ถือว่าเป็นช่วงหนึ่งในชีวิตที่ผมยังเด็กอยู่ ฟุ่มเฟือย แต่ตอนนี้ก็ยังฟุ่มเฟือยอยู่นะแต่แค่มีเป้าหมายในชีวิตที่แตกต่างออกไป แต่คอลเลคชั่นรองเท้าที่ผมสะสมก็ยังอยู่นะ และผมเองก็กำลังมองหารองเท้าคู่ใหม่อยู่เลย (หัวเราะ)

เคลลี่: เดี๋ยวไปจะช้อปกันหลังจากนี้เลย

เคยใช้เงินมากที่สุดเท่าไหร่ในหนึ่งวัน และหมดเงินไปกับอะไร?

เคน: สำหรับผม เป็นบ้าน หรือคอนโด เรียกว่าอสังหาริมทรัพย์แล้วกันครับ แต่ถ้าพูดถึงของฟุ่มเฟือย ก็เป็นเครื่องประดับครับ จริงๆ ผมจะตอบว่านักเต้นเปลื้องผ้า (หัวเราะ) แต่ล้อเล่นนะครับ ผมไม่เคยไปดูอะไรพวกนี้หรอก

ช่วยเล่าถึงโมเมนต์โปรดของคุณใน Bling Empire ทั้งสองซีซั่นหน่อย?

เคลลี่: ตอบยากมากเลยค่ะ เพราะมีโมเมนต์ดีๆ เต็มไปหมดเลยทั้งในซีซั่น 1 และ 2 หนึ่งในเรื่องที่ฉันจำได้ตลอด คือการที่เชอรี่คลอดลูกช่วงซีซั่น เป็นโมเมนต์ที่งดงามมาก และยิ่งงดงามขึ้นไปอีกเมื่อทั้งโลกได้ร่วมชื่นชมไปด้วย อีกโมเมนต์สำคัญคือตอนที่เควินกับเคนพยายามตามหาพ่อของคิมที่ไม่ได้ติดต่อกันตั้งแต่เด็กค่ะ

เคน: จริงครับ ตอนที่เควินกับผมพยายามตามหาพ่อของคิม อยู่ๆ ก็ไปกันเลยแบบปุบปับ แล้วการที่ได้แชร์ช่วงเวลาแบบนั้นกับคนที่ผมแคร์มากๆ อย่าง เคลลี่ กับคิม ก็เป็นเรื่องพิเศษมาก เพราะนอกจอเราก็เป็นเพื่อนที่สนิทกันสุดๆ ผมมองพวกเขาเป็นเพื่อนตาย

สำหรับผม ทุกช่วงเวลาที่ได้อยู่กับพวกเขาก็เลยสนุก ไม่เคยรู้สึกว่าต้องแข่งขันกันเลย มีแต่การคอยเป็นห่วงเป็นใยกัน อย่างกับเคลลี่ ผมมีงานที่สิงคโปร์กับริฮานน่า เธอก็บินมาให้กำลังใจ ซึ่งผมรู้สึกตื้นตันมาก แล้วก็รู้สึกขอบคุณที่ได้ร่วมแสดงซีรีส์เรื่องนี้กับทั้งคิมและเคลลี่ เรียกว่าเป็นการเดินทางที่สุดยอดมาก ทุกซีนเลยครับ

กระแสตอบรับของ Bling Empire ซีซั่น 2 เป็นยังไงบ้าง มีอัปเดตใหม่อะไรให้แฟนๆ ที่รอติดตามซีซั่น 3 ไหม?

เคน: คอมเมนท์เหรอครับ มีคนมาขอเงินเยอะเลย (หัวเราะ)

เคลลี่: (หัวเราะ) ข้อความส่วนตัวที่เราได้เยอะที่สุดคือข้อความขอเงินค่ะ

เคน: นั่นแหละครับ อีกเรื่องก็คือ ซีซั่นนี้ดราม่าเข้มข้นขึ้นเยอะ เลยมีคนไม่แฮปปี้กับคาแรคเตอร์ของผมเยอะเหมือนกัน แต่ไม่เป็นไร สำหรับผม ผมตั้งใจทำงานแล้ว ถ้ามีคนสละเวลาซัก 5 นาทีมาคอมเมนท์ว่า “ฉันเกลียดคุณๆๆๆ” ผมรู้สึกขอบคุณนะ เพราะแปลว่าเขาได้ดูซีรีส์ครับ เรียกว่าผมก็ไม่เอาตัวเองไปยึดกับตรงนั้น

สำหรับคำถามว่าจะมีซีซั่นต่อไปไหม ผมว่าพวกคุณน่าจะพอเดากันได้อยู่แล้ว จากตอนจบของซีซั่นที่แล้วที่ทิ้งคนดูให้ลุ้นต่อ ก็อาจจะมีซีซั่นต่อไปครับ ผมหวังว่าจะมีอีกหลายๆ ซีซั่นเลย แต่ทั้งหมดก็ขึ้นอยู่กับ Netflix และอาจจะขึ้นอยู่กับแรงสนับสนุนจากแฟนชาวไทยด้วยครับ ซึ่งผมก็ขอบคุณมากๆ เลย

เคลลี่: สำหรับฉัน ช่วงที่ถ่ายทำ โดยเฉพาะซีซั่นแรก ฉันไม่ได้คิดขนาดนั้นค่ะว่าโชว์เรื่องนี้จะได้ฟีดแบ็กยังไงบ้างจากคนดู แต่หลังจากซีรีส์ฉาย ก็มีผู้หญิงส่งข้อความมาหาฉันเยอะมาก ว่าคาแรกเตอร์ของฉันทำให้พวกเธอนึกถึงความสัมพันธ์ในอดีตบ้าง ในปัจจุบันบ้าง หรือนึกถึงแฟนเก่าที่คบกันมาเป็น 20-30 ปี ซึ่งฉันรู้สึกว่ามันเป็นรางวัลที่คุ้มค่ามาก เหมือนเราได้สร้างคอมมูนิตี้เล็กๆ เอาไว้ให้กำลังใจกันและกัน แลกเปลี่ยนกันเรื่องหนังสือที่อ่าน ฉันได้แชร์เรื่องการค้นหาตัวเอง การฮีลจิตใจ ฉันรู้สึกตื้นตันมากที่ประสบการณ์ของฉันมีส่วนสร้างแรงบันดาลใจเล็กๆ ให้คนอื่นในการค้นหาตัวเองเหมือนกัน

เคน: ผมขอเสริมตรงนี้ด้วยนิดนึงครับ ผมทราบว่าประเทศไทยเป็นเมืองพุทธ ผมก็โตมากับคำสอนของศาสนาพุทธเหมือนกัน เวลามีคนมาบอกผมว่า ขอบคุณนะที่ทำให้ศาสนาพุทธดูคูล เข้าถึงง่ายสำหรับคนรุ่นใหม่ แล้วก็ถูกต้องตามหลัก มันมีความหมายกับผมมาก การที่คนหนึ่งคนเปลี่ยนความคิด แล้วค้นพบพระพุทธศาสนาหลังได้ดูซีรีส์เรื่องนี้ ทำให้ผมรู้สึกว่าได้ทำหน้าที่ในชีวิตอย่างสมบูรณ์แล้ว ผมรู้สึกตื้นตันมากๆ เลยครับ


ภาพ : Kane Lim & B.L.I.N.G., Kelly Mi Li, Fenty Beauty & Fenty Skin, Netflix Thailand

แซ่บยกทีม ! Bling Empire ซีซั่น 2 พบกับเหล่าเศรษฐีเอเชียสุดเฟียซในแอลเอ

Praew Recommend

keyboard_arrow_up