ก้อง ปิยะ

อกหัก แอบรักผู้ชาย “ก้อง ปิยะ” นักล่าความสำเร็จ ชีวิตนี้งานและครอบครัวคือรักแท้

ก้อง ปิยะ
ก้อง ปิยะ

อกหัก แอบรักผู้ชาย “ก้อง ปิยะ” นักล่าความสำเร็จ ชีวิตนี้งานและครอบครัวคือรักแท้

ก้อง – ปิยะ เศวตพิกุล ชื่อนี้คุ้นหู ยิ่งเห็นหน้าก็ยิ่งคุ้นตา เขาอยู่ในวงการบันเทิงมายาวนานหลายสิบปีและในหลายบทบาท แม้จะไม่ได้โด่งดังในฐานะนักแสดงระดับซูเปอร์สตาร์ก็ตาม  แต่รอยยิ้ม ความสนุกสนาน คือเชื้อเพลิงตั้งต้นของ ก้อง – ปิยะ ที่ทำให้ชีวิตการงานของเขาประสบความสำเร็จเสมอมา จนไม่มีใครคาดคิดว่าเขาเองก็เคยผ่านปัญหา เจออุปสรรคในชีวิตที่ทำเอายิ้มไม่ออกเหมือนกัน

ชีวิตของเด็กชายปิยะ เศวตพิกุล

ฐานะที่บ้านอยู่ในขั้นปานกลางนะ คุณพ่อคุณแม่ให้เรียนหนังสือที่โรงเรียนเซนต์คาเบรียล ก็ใช้ชีวิตแบบเด็กธรรมดา พ่อแม่ไม่ได้บังคับอะไรมาก ค่อนข้างให้อิสระมากในเลี้ยงดู ไม่มีว่าจะต้องมาบังคับอะไร อย่างตอนเรียน มัธยมต้น ก็ไม่ตั้งใจเรียนเลย ชอบเที่ยวมากกว่า พอ ม.3 ก็สอบตก พ่อแม่ก็บอก… สู้ ๆ นะ ให้กำลังใจเต็มที่ หรือตอนเรียน ร.ด แล้วสอบตก เพราะขาดเรียนไปหลายครั้งจนเวลาไม่พอสอบ ท่านก็ไม่ว่า

ถึงเวลาเอ็นทรานซ์ ก็ยังไม่ได้ใส่ใจอีก จำได้ว่าไปอ่านหนังสือสอบที่สระน้ำจุฬา ก็ไปอ่านกับผู้ชาย  (หัวเราะ) จิตใจเลยไม่อยู่กับเนื้อกับตัว ไปอยู่กับผู้ชายซะส่วนใหญ่ ผลคือสอบไม่ติด คุณพ่อคุณแม่ก็ไม่ว่าอีก พาไปสอบที่ ม.กรุงเทพ คณะนิเทศศาสตร์ ทำให้ได้เรียนจนจบ

พี่โชคดีมากที่มีคุณพ่อคุณแม่ที่เข้าใจในทุก ๆ เรื่อง และยอมรับตัวตนที่เราเป็นเราแบบนี้ อยากทำโน่นทำนี่ ท่านก็ให้ทำทุกอย่าง ไม่เคยบีบบังคับ คุณพ่ออาจจะดุบ้าง แต่ก็เป็นการดุบนความเข้าใจ จึงไม่ถึงขั้นที่ต้องลงไม้ลงมือ  จำได้ว่าชีวิตนี้ถูกพ่อลงไม้ลงมือแค่หนเดียวเองมั้ง เพราะจูงคุณยายไปดูอะไรสักอย่างไม่รู้ แล้วทำคุณยายหกล้มขาหัก เลยถูกตี นอกนั้นท่านไม่เคยตีเราอีกเลย

ก้อง ปิยะ

พี่ก้องมีพี่น้องไหมคะ

มีน้องสาวอีกหนึ่งคนชื่อ น้องก้อย แตกต่างจากพี่มาก เขาเรียนหนังสือเก่ง สอบติดธรรมศาสตร์  ต่อโทที่อเมริกา ในขณะที่พี่หลังจากเข้าเรียนมหาวิทยาลัยกรุงเทพ ก็เริ่มทำละครเวที ทำกิจกรรมในมหาวิทยาลัย ซึ่งทำให้ได้เจอพี่ท็อป-ดารณีนุช พี่ดุ๊ก-ภาณุเดช แล้วก็พี่ปื๊ด Black Cat และเลยเถิดจนไปรู้จักกับคนในวงการคือ พี่โจ้-ดารกา วงศ์ศิริ, พี่บัว-แสงอรุณ , พี่โจ้- ทนงศักดิ์ ภักดีเทวา ก็ได้พี่ๆ เหล่านี้แหละมาช่วยเป็นที่ปรึกษา แล้วพอเรียนจบ พี่ๆ ก็ชวนไปทำละครเวที เปิดเป็นบริษัทชื่อแดส เอ็นเทอร์เทนเม้นท์  พี่ก็ไปทำในฐานะเป็นผู้จัดการฝ่ายประชาสัมพันธ์ แล้วก็เริ่มเล่นละครเวที กับซิทคอมบ้าง เป็นตัวประกอบนิดๆ หน่อยๆ จนก้าวเข้ามาเป็นนักแสดงด้วย จากนั้นผ่านไป 5 ปี พี่ก็ออกมาเปิดบริษัทเอง

เจ้าของบริษัท นักธุรกิจหน้าใหม่

ตอนนั้นมันมีจุดพลิกผันหลายอย่าง แล้วก็พอดีเป็นช่วงที่  Event Organizer กำลังบูมเนอะ มีการปรับเปลี่ยนโครงสร้างในหลายๆ แบบ พี่ก็เลยออกมาเปิดบริษัทเอง ทำไปสักพักเกิดวิกฤติฟองสบู่แตก จำได้ว่าเหลือพนักงานอยู่แค่ 2 คน คือ AE กับ Producer งานที่ทำตอนนั้นนะ ค่าจัดงานทั้งงาน 80,000 บาท ก็ต้องทำเพื่อจะหาเงินเข้ามา

ก็ประคับประคองบริษัทให้อยู่มาได้เรื่อยๆ จนกระทั่งบริษัทกลับมาทำเงิน เพราะมีงานอยู่ตัวนึงที่พี่ทำแล้วดังมากในตอนนั้น เป็นครีมอาบน้ำยี่ห้อหนึ่งที่เชิญลูกเกดมาอาบน้ำกลางแจ้งในงาน  โอ๊ย…. สื่อทุกหัวทุกช่อง มาทำข่าวกันใหญ่ แล้วก็ถูกวิจารณ์เละ แต่เขาไม่ได้ด่าพี่นะ เขาด่าลูกเกด ว่าพ่อแม่ไม่สั่งสอน บอกเลยว่าพี่รู้สึกแย่มาก ที่ทำให้น้องที่น่ารักของเราต้องโดนด่า

ในส่วนของบริษัทพี่ก็โดนคดีความ พี่ถูกตำรวจเรียกตัว ทำให้เซ็งหนักขึ้น จนไปคุยกับพี่ท็อป แกก็ปลอบว่า “มึงไม่ต้องคิดมาก มึงไม่ได้ฆ่าใครตาย ไม่ได้ขายยาเสพติด เรื่องที่เกิดขึ้นคือดีซะอีก เพราะมึงได้รู้ไงว่าอะไรคือสิ่งที่ควรทำ ไม่ควรทำ”  ซึ่งคำพูดตรงๆ แบบนี้มันดีนะ มันทำให้เราสบายใจขึ้น คิดได้มากขึ้น เลิกเซ้ง หันกลับไปทำงาน และก็สู้ต่อไป

ก้อง ปิยะ

จากวันที่พี่บอกว่าฟองสบู่แตก ณ วันนี้พี่มีลูกน้องทั้งหมดกี่คน

มีทั้งหมด 57 คน ไม่รวมบริษัททีวี กับผลิตละครทีวี

ตอนนี้เรียกว่าพี่ควบทั้งงานผู้จัดละคร และผลิตคอนเท้นต์ทีวีอื่นๆ ด้วยใช่ไหมคะ

ใช่ค่ะ ผลิตละครและก็รายการทีวี ตอนนี้ก็มีทางช่อง True Inside เปิดมาเกือบ 20 ปีละ และก็ล่าสุดที่พี่ทำคือรายการ “เผือกร้อนตอนบ่าย” ทางช่อง3 ทุกวันเสาร์ 16.00-16.30 น พิธีกรก็จะมี พี่เอง/ พี่ท็อป ดาราณีนุช /พี่อ้น ศรีพรรณ /ดีเจ เชา เชา /แจ็ค แฟนฉัน และฟรอยด์ ณัฏฐพงษ์  ก็จะแบ่งกันไปเผือกเบื้องหลังกองถ่ายละคร ห้องแต่งตัว ห้องทำผม ห้องเปลี่ยนเสื้อผ้า ไปดูโซนที่เขากินข้าว แล้วก็ถ่ายออกมา คือไปในสถานที่ที่ผู้ชมไม่ได้เห็นได้ง่ายๆ

เคยเห็นพี่ก้องให้สัมภาษณ์ว่าทำงานหนักจนไม่มีเวลาดูแลครอบครัวเลย

มันเป็นเรื่องเศร้าของชีวิตช่วงนึง ตอนนั้นพี่ไปอยู่เชียงใหม่ 5-7 วัน ทำให้ไม่ทราบเรื่องอะไรเลย พอกลับมาถึงกรุงเทพฯ ถึงเพิ่งรู้ว่าแม่เข้า ICU ผ่านิ่ว พี่ก็ถามว่าทำไมไม่บอก เขาก็บอกว่าแม่ไม่ให้บอก เพราะเห็นว่าพี่ทำงานอยู่ต่างจังหวัด แม่ก็เข้าโรงพยาบาลเองแล้วก็ไปเจาะนิ่ว แต่เผอิญว่าเจาะนิ่วเสร็จแล้วลำไส้มันทะลุ ทำให้แม่อาการไม่ค่อยดี พี่เลยหยุดทำงาน ปล่อยให้หุ้นส่วนทำไป  ช่วงนั้นพี่ไม่เข้าออฟฟิตเลยเป็นเวลา 48 วันจนถึงวันที่คุณแม่เสีย

การจากไปของคุณแม่ ทำให้พี่เรียนรู้ว่าที่ผ่านมาพี่ทำงานทุ่มเทจนไม่มีเวลาพาคุณแม่ออกไปใช้ชีวิต เรียกว่าให้แต่เงิน แต่ไม่เคยคิดจะพาไปกินข้าว หรือไปทำกิจกรรมอะไรร่วมกันเลย หลังจากนั้นพี่ก็กลับมาชดเชยที่คุณพ่อ อยู่กับท่าน นอนกับท่าน  ไม่ย้ายกลับไปนอนห้องตัวเอง หลังจากนั้น 7 ปี คุณพ่อก็เสีย

ตอนนี้พี่ก็ยังนอนอยู่ที่ห้องเดิมอยู่นะ ทุกวันพี่จะกราบที่นอนของคุณพ่อคุณแม่ คิดว่าอย่างน้อยมันก็ทำให้เรานึกถึงว่ามีโมเม้นต์นึงก่อนนอนที่นึกถึงท่านที่ให้เราเกิดมา และทำให้เรามีชีวิตเป็นตัวเป็นตนจนถึงทุกวันนี้

ก้อง ปิยะ

เผยความลับว่าฉันเป็น “เกย์”

ที่ผ่านมาพี่ไม่เคยบอกอะไรพ่อกับแม่เลย ไม่เคยพูดอะไรทั้งสิ้นว่าพี่เป็นอะไร เพราะคิดว่าบางสิ่งบางอย่างถ้าไม่บอกให้คนที่เรารักรู้จะดีกว่า ท่านจะได้ไม่ต้องไม่สบายใจ สมัยนั้นมันไม่เหมือนสมัยนี้ บางอย่างเราบอกเขาไป เขาจะรับได้หรือเปล่า มันจะแย่มากกว่านี้หรือเปล่า สู้เราเฉยๆ แล้วให้ท่านยอมรับโดยปริยายดีกว่ามั้ย

แต่ลึกๆ พี่ว่าท่านน่าจะรับรู้ไปตั้งนานแล้ว แค่เราไม่เคยพูดกัน ต่างคนต่างไม่พูดเพราะกลัวอีกฝ่ายไม่สบายใจ และพี่ก็ไม่เคยทำอะไรให้เขาเสื่อมเสีย เป็นลูกที่ตั้งใจทำงาน แล้วก็เป็นคนดี ทำมาหากินได้ดีจนดูแลเลี้ยงดูเขาได้ เขาก็มีความสุข เพราะมีลูกที่เป็นหน้าเป็นตาให้กับเขา สังเกตได้จากเวลาพูดถึงลูก ท่านจะมีความสุขมาก

ในยุคนั้นที่สังคมยังไม่เปิดกว้างเท่าทุกวันนี้ พี่ก้องเจอกระแสสังคมอะไรบ้างไหมคะ

เวลาพี่ทำอะไร พี่ก็เป็นตัวพี่แบบนี้แหละ อาจจะมีบางหน่วยงานที่เขาไม่รับคนหวานๆ อะไรอย่างงี้ แต่พี่โชคดีที่เจอน้อยมาก แทบจะไม่เคยเจออะไรที่รุนแรงเลย อาจจะเป็นเพราะพี่เข้าได้กับทุกคน

ก้อง ปิยะ

อกหัก แอบรักผู้ชาย

ชีวิตพี่จริงๆ แล้วความรักเป็นเรื่องรอง เรื่องงานยังจะเป็นเรื่องหลักมากกว่าอีก คือพี่ก็เคยมีความรักสมัยเด็กๆ แบบรักแล้วทุกข์อ่ะเนาะ ตอนนั้นเพิ่งเริ่มทำงานแล้วมีความรัก ผลคือเวลาทุกข์จากรักนี่มันแย่มากๆๆๆ  พี่เคยเจ็บชนิดที่ว่าขึ้นไปอยู่ที่เชียงใหม่ 20 วัน น้ำหนักขึ้นมา 10 กิโล คือกินทุกอย่างที่ขวางหน้า กินอย่างมีความสุขมากๆ แต่พอกินเสร็จก็ทุกข์ ทำงานไม่ได้ ซึ่งเป็นโมเม้นต์ที่พี่รู้สึกว่ามันแย่มาก

ประสบการณ์สอนให้เราต้องกลับมาคิดใหม่ จัดลำดับความสำคัญใหม่ แบ่งแยกกองความรักกับกองงานออกจากกัน กองงานพี่จะถือว่าเป็นกองใหญ่ กองความรักเนี่ย พี่รู้สึกว่าถ้าเกิดพี่ไปซีเรียสกับมัน มันจะทำให้พี่เศร้ากับงานมาก ซึ่งพี่ปล่อยให้เป็นแบบนั้นไม่ได้ เพราะงานคือสิ่งที่พี่สร้างมาตั้งแต่พี่เริ่มเรียนหนังสือ พี่ไม่อยากให้ความรักมาบั่นทอนให้งานพี่เสียหาย

จะว่าไปชีวิตพี่ก็มีความรักดีๆ ไม่กี่ครั้งเองนะ แต่ทุกครั้งมันจะกลายเป็นสิ่งที่พี่ต้องเอามันมาเรียนรู้ เป็นบทเรียนในชีวิต อย่างรักครั้งแรก ที่สอนว่ารักแล้วไม่กล้าแสดงออก ไม่เคยบอกเขาว่ารัก ไม่เคยบอกเขาว่าชอบ จะทำให้เราเจอกับอะไร

รักแรกคือแอบรัก?

ก็คือชอบเขา ดูแลเขาทุกอย่าง แต่ไม่กล้าที่จะพูดว่ารัก เพราะเป็นคนกลัวว่าถ้าพูดออกไปแล้วเขาจะไม่รักเราประมาณนี้ ก็เลยทำให้รู้สึกว่ากลัว ครั้งที่สองก็ดีขึ้น ก็บอกรัก ก็คุยกันได้อยู่นานนะประมาณ 6-7 ปีนะ จนเขามีงานทำ ก็เริ่มไปเจอผู้หญิงอื่น ก็เลยเริ่มห่างกัน

เขาเป็นผู้ชายหรือคะ

ใช่ พี่เป็นคนชอบผู้ชายแท้ พี่ไม่ชอบคนที่เป็นเกย์หรือเป็นเก้ง พี่ชอบผู้ชายแท้ๆ ก็คุยกันมาตั้ง 6-7 ปี แต่ไม่เคยมีอะไรกันนะ

 แสดงว่าพี่ทำใจไว้อยู่แล้วว่ายังไงก็ต้องผิดหวัง เพราะชอบผู้ชายแท้ด้วย

มันเป็นเรื่องธรรมชาติซึ่งเราต้องยอมรับมันให้ได้ แต่ดีว่าครั้งที่สองมันไม่ทำให้เราเจ็บมากเท่าครั้งแรก

ก้อง ปิยะ

ทำไมพี่ก้องไม่เลือกรักคนที่น่าจะมีโอกาสสมหวังมากกว่าการที่จะไปรักผู้ชายแท้คะ

แหม… ถึงพี่ไม่สวย พี่ก็เลือกนะ (หัวเราะ) และมันช่วยไม่ได้จริงๆ ความรักมันเป็นเรื่องของความรู้สึก รู้สึกว่าชอบคนนี้แต่ไม่ชอบคนนั้น คนนั้นชอบเรา มันก็ยากต่อความรู้สึก เพราะฉะนั้นจึงตอบไม่ได้ว่าทำไมต้องชอบคนนี้

อย่างผู้ชายคนแรก เขาไปรักผู้หญิงจริงๆ เลยใช่ไหม

คนแรกก็ที่เราไม่เคยบอกรักเขา พอสักพักหนึ่งเขาก็เริ่มเจอคนใหม่ๆ ไปเรื่อยๆ มันก็เลยรู้สึกว่าห่างกัน มันแทบจะไม่ได้บอกเลยว่าจะเลิกกัน พี่ว่าเขาก็รู้แหละว่าต่างคนต่างรู้สึกชอบกัน แต่ไม่กล้าพูดไง  แต่พอกับคนที่สองก็มีบ้าง มีกอด แต่มันก็ไม่ได้ถึงขั้นขนาดที่เรามีเซ็กส์กัน หลังจากนั้นพี่ก็มีรักอีกไม่กี่ครั้ง ครั้งที่สามก็เจอผู้ชายเหมือนกันแล้วสุดท้ายก็แบบว่าห่างกันไปอีก ทุกรายคือจบคล้ายๆ กัน ซึ่งมาจากว่าพี่รักผู้ชายแท้ๆ พี่ก็จะรู้ละว่ายังไงเขาก็ต้องมีผู้หญิง เราก็ทำใจไว้ก่อนล่วงหน้า เพื่อจะเจ็บน้อยลงจากประสบการณ์ครั้งแรกที่ผ่านมา

แล้ว ณ วันนี้ความรักยังจำเป็นสำหรับชีวิตพี่ก้องอยู่ไหมคะ

พี่ว่าถ้าเกิดมีเข้ามาก็จะเปลี่ยนชีวิตพี่ จำเป็นไหม…ไม่จำเป็น คือถ้าเกิดมีเข้ามา พี่ก็จะรู้สึกสดชื่น แต่ถ้าเกิด พี่ก็ยังมีงานที่พี่รัก พี่ยังมีครอบครัว มีเพื่อนที่พี่รัก แต่จุดหนึ่งถ้าพี่มีเข้ามาพี่ก็ทะนุถนอมให้มันดีที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ คนชอบมองว่าพี่ก้องเจอคนเยอะ ว่าพี่เจ้าชู้ หาว่าพี่แรด คือพี่ไม่ใช่คนแบบนั้น พี่อาจจะเหมือนแซวคนนั้นคนนี้ แต่จริงๆ พี่ไม่ได้แบบไปต่อเนื่องผูกพันกับใคร

ก้อง ปิยะ

งานคือรักแท้

พี่ไม่เคยคิดว่าพี่ประสบความสำเร็จในเรื่องงาน พี่แค่ก้าวขึ้นมาอยู่ในขั้นที่สูงขึ้น พูดให้เห็นภาพ มันอาจจะมีบันไดอยู่ 10 ขั้น แต่ตอนนี้พี่ขึ้นมาถึงขั้นที่ 6 ซึ่งพี่ต้องก้าวต่อไปอีก 7 8 9 10 วิธีคิดแบบนี้ทำให้พี่ต้องท้าทายตัวเองตลอดเวลา เพราะถ้าเกิดว่าพี่คิดว่าตัวเองประสบความสำเร็จ พี่ก็คงจะหยุดไปแล้ว

จะบอกว่าความสุขของพี่ก้องคือการทำงาน พูดแบบงี้ได้ไหมคะ

ใช่ ถูกต้องมากๆ การทำงานมันทำให้พี่ตื่นเต้นและท้าทายตลอดเวลา มันสร้างชีวิตให้พี่สดใส เวลาที่พี่ได้ทำงานก็เหมือนทำให้พนักงานประสบความสำเร็จหรือคนที่มาจ้างเรามีความสุขไปด้วย

จากตอนเด็กๆ ที่พี่บอกว่าไม่สนใจเรียนเลย เคยคิดไหมคะว่า เราจะมาไกลได้ขนาดนี้

จริงๆ มันก็ต้องมีความฝันนะ ตอนเด็กพี่อยากเป็นสจ๊วตสายการบินมาก แต่รูปร่างไม่ถึง เพราะสูงแค่ 164 ซม.เท่านั้น หลังจากนั้นก็มาฝันอยากเป็นนักแสดง แต่หน้าตาเราก็ประมาณนี้ เลยคิดว่าทำงานเบื้องหลังน่าจะดีกว่า เพราะอย่างน้อยเราก็ยังได้อยู่ใกล้ๆ วงการบันเทิงที่เรารัก

 

อ่านเรื่องราวอื่นๆ ของ The People ต่อได้ที่นี่

ช่วงชีวิตหนักอึ้ง “นาวิน ต้าร์” เผยหมดใจถึงการสู้กับ โรคซึมเศร้า

ป่าน-ณิชาภัทร สุภาพ จาก เหยื่อบูลลี่ วันนี้เธอคือดาวเด่นงานพรมแดงอินเตอร์

กว่าจะถึงฝัน ว่าที่หมอทหาร “วรวิทย์ คงบางปอ” อดีตเด็กเกเร ทำแม่เสียใจ จนต้องเรียน กศน.

เสียดสีตีแผ่ปัญหา ลูกบ้าสุดท้าทายของ “อึ่ง-สิทธานต์” นักรีวิวทางเท้า เจ้าของเพจ The Sidewalk

ดราม่า ‘มาดามตวง’ ถูกตัดสิทธิ์ในมรดกตระกูลนับ 1,000 ล้าน เพียงเพราะเป็นผู้หญิง

“ตุ๊ก-นิรัตน์ชญา” แม่ผู้เอาชนะภาวะซึมเศร้าหลังคลอด สู่บทบาทแม่ไอดอลสุดสตรอง

บทสัมภาษณ์ก่อนจากลา ชีวิตของต้องการ-วลัยกร เด็ดเดี่ยวจนลมหายใจสุดท้าย

โลกไม่ได้มีไว้เพื่อกอบโกย! เจมส์ ดูอัน ชายเมียนมาร์ผู้พลิกหนี้ให้เป็นเงินหมื่นล้าน

 

 

 

 

 

 

 

 

Praew Recommend

keyboard_arrow_up