ฮันนิ NewJeans ขึ้นแท่น Global Brand Ambassador ของ Gucci Beauty อย่างเป็นทางการ

ฮันนิ NewJeans ขึ้นแท่น Global Brand Ambassador ของ Gucci Beauty อย่างเป็นทางการ

Alternative Textaccount_circle
ฮันนิ NewJeans ขึ้นแท่น Global Brand Ambassador ของ Gucci Beauty อย่างเป็นทางการ
ฮันนิ NewJeans ขึ้นแท่น Global Brand Ambassador ของ Gucci Beauty อย่างเป็นทางการ

ปังคูณสอง! สำหรับสาวฮันนิ (Hanni) วง NewJeans กับแบรนด์ระดับโลกอย่าง @Gucci ซึ่งนอกจากก่อนหน้านี้ได้ขึ้นแท่นเป็นโกลบอลแบรนด์แอมบาสเดอร์ของฝั่งแฟชั่นมาแล้ว ล่าสุดยังได้รับการประกาศแต่งตั้งเป็น Global Brand Ambassador ให้กับ @guccibeauty อีกด้วย ซึ่งการร่วมงานอย่างเป็นทางการนี้เป็นการตอกย้ำความสัมพันธ์สุดแน่นแฟ้นระหว่างนักร้องสาวคนดัง และ Gucci ที่มีมาตั้งแต่ปี 2022


3 ปีทวีคูณความ Glam! ย้อนรอยคอสตูมปาร์ตี้วันเกิด ‘ลิซ่า BLACKPINK’

Alternative Textaccount_circle

วันที่ 27 มีนาคมของทุกปีทีไรเป็นต้องตั้งใจรอปาร์ตี้วันเกิด ‘ลิซ่า BLACKPINK‘ อยู่เรื่อยไป เพราะเจ้าลิซจัดเต็มทั้งฉาก เค้ก รวมถึงคอสตูมที่ 3 ปีมานี้ไม่มีดร็อปและไม่ซ้ำคอนเซ็ปต์ โดยเฉพาะปีนี้ที่อัพลุคให้ดูโตและแกลมขึ้น สมกับตำแหน่ง CEO แห่ง LLOUD ที่เพิ่งเปิดบริษัทไปได้หมาดๆ บอกเลยว่าลุคนี้มูลค่ารวมเกือบ 5 ล้านบาทเลยทีเดียว แต่จะมีไอเท็มอะไรบ้าง ชวนดูไปพร้อมๆ กัน

เริ่มจากเดรสปักเลื่อม Strapless Sequined Wave Scallop Dress จาก Oscar de la Renta ราคาประมาณ 435,000 บาท ถือกระเป๋า Nano Speedy Bag จาก Louis Vuitton ราคา 67,000 บาท พร้อมคอมพลีทลุคด้วยเครื่องประดับแบรนด์คู่กายอย่าง BVLGARI ที่มีทั้งต่างหู, สร้อยคอ และกำไลข้อมือ

• B.zero 1 Earring จาก BVLGARI (190,000 บาท)
• B.zero 1 Bracelet จาก BVLGARI (150,000 บาท)
• B.zero 1 Necklace จาก BVLGARI (2,300,000 บาท)
• Serpenti Bracelet จาก BVLGARI (380,000 บาท)
• Serpenti Bracelet with Diamonds จาก BVLGARI (1,250,000 บาท)

นอกจากนี้ในวันเดียวกันเจ้าลิซของเรายังเปลี่ยนเพิ่มอีกหนึ่งลุคเป็น Tinley Blush Crystal Mini Dress จาก ALEX PERRY ราคาประมาณ 51,000 บาท

หากย้อนกลับไปเมื่อวันเกิดปีที่ 26 ครั้งนั้น ลุคโบยักษ์สีชมพูก็เป็นไวรัลไม่ต่างกัน เพราะทุกคนพูดเป็นเสียงเดียวว่า เจ้าลิซลุคนี้น่ารักเหมือนกับตุ๊กตาบาร์บี้ โดยเธอสวมเดรสจากแบรนด์สัญชาติเกาหลีอย่าง DEW E DEW E ที่มีสไตล์ ’Romantic Chic’ อันเป็นเอกลักษณ์

และสุดท้ายจุดเริ่มต้นของความอลังการทั้งหมด เกิดขึ้นเมื่อวันเกิดอายุ 25 ของเจ้าลิซ เมื่อเธอปรากฏตัวในคอสตูม The Sky Blue Set จาก Lirika Matoshi ที่โดดเด่นไปด้วยปอมปอมสีฟ้า สำหรับชุดนี้มีราคาประมาณ 70,000 บาท

หลังจากเปรียบเทียบลุคทั้ง 3 ปี เห็นชัดเลยว่าคอนเซ็ปต์วันเกิดของ ลิซ่า ลลิษา ไม่ซ้ำกันเลยแม้แต่น้อย แถมปีนี้ยังเพิ่มความ Glam ขึ้นอีกเป็นเท่าตัว แล้วปีต่อไปจะจัดเต็มขนาดไหน อดใจรอไม่ไหวแล้วค่ะ


รูปภาพ: Instagram @lalalalisa_m และ @min.nicha

erte

ส่องดีเทลเค้กวันเกิด ลิซ่า BLACKPINK ฝีมือเชฟระดับโลกจาก Er Te

account_circle
erte
erte

Er Te แบรนด์ชาพรีเมียมจากหลากหลายสัญชาติและขนมแสนอร่อย ของคุณเม ณปภัช วรปัญญาสถิต และเดียร์น่า ฟลีโป เมื่อถึงโอกาสพิเศษฉลองวันเกิดอายุ 27 ปี ของน้องลิซ่า (ลลิษา มโนบาล) ทั้งที สองสาวจึงจัดใหญ่ด้วยเค้กก้อนโตสุดอลังการ ท่ามกลางครอบครัว เพื่อนๆ และศิลปินมาร่วมกันสร้างบรรยากาศสนุกๆ และอบอุ่นในค่ำคืนพิเศษ

ขึ้นชื่อว่า เออร์ เต ไม่เคยทำให้ผิดหวังด้วยฝีมือสุดประณีตจากเชฟดีกรีรางวัลระดับโลก คุณโอปอล์-ลิปปกร ปรียาภาบุลกิต ที่มารังสรรค์เค้กดิสโก้สุดป๊อป 3 ชั้น โดยเชฟค่อยๆเรียงเม็ดช็อคโกแลตไล่สีและขนาดแบบโมเสสที่ละเม็ดๆ จากการคำนวณมาอย่างดีและสวยงามจนครบทั้ง 3 ชั้น รวมไปถึงฐานรองเค้ก ส่วนด้านบนเป็นตุ๊กตาน้ำตาลปั้นรูปลิซ่าที่ได้แรงบันดาลมาจากโชว์ที่ Le Gala ในเพลง Money โดยเค้กก้อนนี้ใช้เวลารังสรรค์ถึง 2 สัปดาห์ เรียกว่าเก็บรายละเอียดได้ดีสุดๆ สร้างความประทับใจไม่รู้ลืม

“แฮปปี้เบิร์ธเดย์ย้อนหลังอีกครั้งนะคะ”

ภาพจาก เออร์ เต

โซ/มัลดีฟส์ รีสอร์ตดีไซน์แสนเก๋แห่งมัลดีฟส์ จัดงานแกรนด์ โอเพนนิ่งสุดยิ่งใหญ่

account_circle

โซ/ มัลดีฟส์  รีสอร์ทหรูแห่งใหม่ของมัลดีฟส์ จัดการแกรนด์ โอเพนนิ่งอย่างยิ่งใหญ่ เปิดตัวรีสอร์ทอย่างเป็นทางการ เมื่อวันที่ 23 มีนาคม 2024 ที่ผ่านมา

โซ/มัลดีฟส์ รีสอร์ตดีไซน์แสนเก๋แห่งมัลดีฟส์ จัดงานแกรนด์ โอเพนนิ่งสุดยิ่งใหญ่

โดยทาง โซ/ มัลดีฟส์ แปลงพื้นที่ริมหาดให้เป็นบรรยากาศแห่งการเฉลิมฉลอง แขกผู้มีเกียรติที่มาร่วมงานได้ตื่นตาตื่นใจกับไฮไลท์ของงานจากแบรนด์และศิลปินชื่อดัง อาทิแฟชั่นโชว์จาก “มิลิน” – มิลิน ยุวจรัสกุล ครีเอทิฟไดเรกเตอร์สาวคนเก่ง เปิดตัวครั้งแรกกับคอลเล็คชั่นชุดว่ายน้ำที่มาพร้อมกับช่วงเทศกาลในฤดูร้อนนี้เพื่อเฉลิมฉลองให้กับพลังแห่งเทพธิดาที่ซ่อนอยู่ภายใน โดยยกขบวนนางแบบชื่อดังของไทยมาเฉิดฉายบนรันเวย์ริมหาดนี้ รวมถึง แอนชิลี สก็อต-เคมมิส ยูนิเวิร์สไทยแลนด์ 2564 ด้วย

นอกจากนั้นภายในงานยังมีการแสดงสดจากวงดนตรี ดีเจระดับโลกอย่าง Karrouhat จากดูไบ รวมถึงนักร้องสาวชาวไทย ลิเดีย ศรัณย์รัชต์ ดีน มาขับกล่อมแขกในงานด้วยเพลงเพราะ ๆ จากน้ำเสียงใส ๆ แต่มีพลังของเธอ ส่วนผู้ที่ทำหน้าที่ดำเนินรายการงานแกรนด์ โอเพนนิ่ง อันยิ่งใหญ่นี้ คือ แมทธิว ดีน พิธีกรสุดหล่อมากฝีมือชาวไทย-ออสเตรเลีย ที่เป็นทั้งนักร้อง นายแบบ นักแสดง และผู้จัดรายการโทรทัศน์ชื่อดัง


“ยิ่งเจริญ เจริญยิ่ง อย่างยั่งยืน ก้าวเข้าสู่ปีที่ 70 ตลาดยิ่งเจริญ”

account_circle

ตลาดยิ่งเจริญ จัดงาน “ยิ่งเจริญ เจริญยิ่ง อย่างยั่งยืน ก้าวเข้าสู่ปีที่ 70 ตลาดยิ่งเจริญ” ขนทัพดารา อาทิ @sam_yuranunt แซม-ยุรนันท์, @theniti ป๋อมแป๋ม-นิติ, @Annasnga_1o แอนนา เสืองามเอี่ยม, @j.kim4real เจนนิเฟอร์ คิ้ม, @janey_suwannaket เจนนี่ รัชนก, @lilly_nareenat ลิลลี่-นารีนาท พร้อมสนุกกับกิจกรรมสุดพิเศษ ทั้ง แสง สี เสียง และโชว์อลังการ พร้อมเปิดตัว @yingcharoen_square คอมมูนิตี้มอลล์แห่งใหม่ พื้นที่แห่งความสุขที่เชื่อมต่อทุกไลฟ์สไตล์ความทันสมัยใจกลางย่านสะพานใหม่อย่างเป็นทางการ

เจาะแพสชั่น “ฟิลิป โคลแบร์” ศิลปินผู้สร้างจิตวิญญาณล็อบสเตอร์ยักษ์โลดแล่นทั่วโลก กับพิกัดล่าสุด @ สยามพารากอน

account_circle

แพรว พาไปทำความรู้จักกับศิลปินป๊อปอาร์ตแห่งยุค ที่จะเนรมิตอินสตอลเลชั่น “จักรวาลล็อบสเตอร์” (The Lobster) ขึ้นที่สยามพารากอนอย่างยิ่งใหญ่ในเทศกาลสงกรานต์ปีนี้

สยามพารากอน จับมือธนาคารกสิกรไทยและ JOOX สร้างปรากฏการณ์ระดับโลก ครั้งแรกของการคอลลาบอเรชั่นอย่างเป็นทางการกับศิลปินป๊อปอาร์ตระดับโลกชาวอังกฤษ Philip Colbert (ฟิลิป โคลแบร์) นำ “จักรวาลล็อบสเตอร์” (The Lobster) ผลงานศิลปะอันโด่งดังแลนดิ้งสู่ประเทศไทยสุดยิ่งใหญ่ เนรมิตอินสตอลเลชั่นอาร์ตสุดอลังการขึ้นที่ พาร์ค พารากอน ตอกย้ำการเป็นศูนย์กลางการช้อปปิ้งระดับโลก (World Class Shopping Destination) และตอกย้ำความเป็นที่หนึ่งในใจนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างชาติ เพื่อเฉลิมฉลองอภิมหาสงกรานต์ที่พิเศษที่สุด ยิ่งใหญ่ที่สุด และป๊อปที่สุด

รู้จัก ฟิลิป โคลแบร์ ศิลปินผู้มีตัวตนเป็นลอบสเตอร์

“ผมกลายเป็นศิลปิน เมื่อผมกลายเป็นลอบสเตอร์” กล่าวโดย ฟิลิป โคลแบร์ ศิลปินชาวสกอตแลนด์ ที่มาเติบโตและทำงานโลดแล่นในประเทศอังกฤษ ผู้ที่กำลังมาแรงในตอนนี้ เขาคือศิลปินที่สร้างผลงานระดับโลกด้วยแคแรกเตอร์ของลอบสเตอร์สีสันสดใสที่มาพร้อมท่าทางสนุกสนาน โคลแบร์ได้สร้างนิยามทางศิลปะของตนเองผ่านความหลงใหลในการใช้สัญญะ การสร้างตัวตน และเสรีภาพในการแสดงออก “ในฐานะศิลปิน ผมมีอิสระอย่างแท้จริงที่จะก้าวข้ามไปในโลกที่ผมใช้จินตนาการสร้างสรรค์มันขึ้นมา” เขาอธิบายแนวคิดให้ฟังตอนที่เจอกัน

Lobster at Marina Bay Sands, Singapore

โคลแบร์ ได้รับการยกย่องจากทั่วโลกให้เป็นหนึ่งในสุดยอดศิลปินป๊อปอาร์ตร่วมสมัย เขาได้ร่วมงานกับแบรนด์ชั้นนำ มากมาย ไม่ว่าจะเป็น Rolex, Montblanc, Christian Louboutin และ COMME des GARÇONS รวมถึงได้จัดแสดงงานในหอศิลป์หลากหลายประเทศ ทั้ง Saatchi Gallery ที่กรุงลอนดอน the Museo Archeologico Nazionale ที่เมืองเนเปิลส์ และ the Whitestone Gallery ที่สิงคโปร์ และตอนนี้โคลแบร์กำลังจะนำงานประติมากรรมลอบสเตอร์แนวไฮเปอร์ป๊อปของเขามาจัดแสดงในกรุงเทพ ที่พาร์ค พารากอน ศูนย์การค้าสยามพารากอน ตลอดเทศกาลสงกรานต์นี้ โดยเริ่มตั้งแต่วันที่ 9 เมษายน เป็นต้นไป จนถึงวันที่ 16 เมษายน 2567

ทายาทแอนดี้ วอร์ฮอล (Andy Warhol) ป๊อบคัลเจอร์อาร์ทติสตัวพ่อ

งานของโคลแบร์โดดเด่นด้วยความฉูดฉาด และสไตล์แฟนตาซี จนทำให้เขาได้รับการขนานนามว่าเป็น ‘ทายาทของแอนดี้ วอร์ฮอล’ ที่สานต่องานป๊อปอาร์ตสไตล์เอกเพรสชั่นนิสต์ในยุคปัจจุบัน “แต่ผมก็ไม่ได้เป็นทายาทจริงๆ ของแอนดี้ วอร์ฮอลหรอกนะ!” เขายืนยันไปพร้อมกับเสียงหัวเราะ “แต่แน่นอนว่าผมได้รับแรงบันดาลใจจากเขา เช่นเดียวกับศิลปินคนอื่น ไม่ว่าจะเป็นประติมากรอย่าง อเล็กซานเดอร์ คาลเดอร์ หรือศิลปินเกาหลีอย่าง นัม จุน เพ็ก (Nam June Paik) และก็มี รอย ลิคเทนสไตน์  (Roy Fox Lichtenstein) อีกคนด้วย” มีคุณสมบัติหนึ่งในตัวศิลปินเหล่านั้นที่โคลแบร์ชื่นชม “พวกเขามีความเป็นนักแสดง และแสดงตัวตนผ่านแคแรกเตอร์ที่พวกเขาสร้าง” เขากล่าว “เช่นเดียวกับผม ลอบสเตอร์ก็คือด้านที่เป็นศิลปินของผม ตัวตนของลอบสเตอร์ก็คือภาพสะท้อนของอิสรภาพที่ผมมีในการสร้างตัวตนทางศิลปะของผมเอง”

Lobster at Venice, Italy

ทำไมต้องเป็น ‘ลอบสเตอร์’

เป็นเพราะสัตว์ทะเลชนิดนี้มีความน่าสนใจไม่น้อย ทั้งรูปร่างที่ดูเหมือนสิ่งมีชีวิตมาจากต่างดาว และมีความหมายเชิงสัญญะในโลกศิลปะ สิ่งเหล่านี้จุดประกายจินตนาการให้โคลแบร์ “ลอบสเตอร์เป็นสัญลักษณ์สำคัญทางศิลปะมายาวนาน ในสมัยโบราณ ลอบสเตอร์เป็นส่วนหนึ่งของศิลปะโมเสคและจิตรกรรมฝาผนัง มันเป็นส่วนหนึ่งของภาพหุ่นนิ่งของชาวดัตช์ มาจนถึงยุคศิลปะแบบเซอร์เรียลิสม์ ซัลวาดอร์ ดาลี ก็ใช้ลอบสเตอร์เป็นส่วนหนึ่งของผลงานชิ้นเด่นๆ ของเขา” มิสเตอร์ลอบเตอร์อธิบาย ตัดมาที่ยุคของฟิลิป โคลแบร์ ลอบสเตอร์ก็ถูกใช้เป็นสัญญะและมีตัวตนในแบบฉบับของมันเอง “เมื่อผมมองย้อนไปในอดีต ผมเห็นว่าลอบสเตอร์เป็นคาแร็คเตอร์สำคัญ ผมหลงใหลลอบสเตอร์ในฐานะที่มันเป็นสัญลักษณ์ที่มีความหมายในงานของผม และคนก็เริ่มเรียกผมว่าลอบสเตอร์แมน”

Lobster at Gstaad Palace, Switzerland

กว่าจะเป็นมิสเตอร์ลอบสเตอร์ โคลแบร์จบการศึกษาด้านปรัชญามาจากมหาวิทยาลัยเซนต์แอนดรูวส์ และการเรียนปรัชญาอาจเป็นส่วนสำคัญที่ทำให้เขาหลงใหลสัตว์ทะเลตัวนี้ “ตอนที่ผมเรียนปรัชญา ผมสนใจเรื่องอารมณ์ขันและการเสียดสีที่เกี่ยวข้องกับป๊อปคัลเจอร์” แน่นอนว่า ลอบสเตอร์ของโคลแบร์มีคาแร็คเตอร์ที่สนุกสนาน สดใส ร่าเริง ขี้เล่น  มันเป็นการหลอมรวมกันระหว่างศิลปะที่เต็มไปด้วยสัญญะกับอิทธิพลจากศิลปะยุคโบราณ ที่โดดเด่นด้วยความมีชีวิตชีวา และการแหวกขนบ ทำให้เส้นแบ่งระหว่างงานศิลปะ “ชั้นสูง” กับงานป๊อปอาร์ต “ตลาดล่าง” ดูพร่าเลือน ลอบสเตอร์ของโคลแบร์สะท้อนแนวคิดของผู้สร้างที่ว่างานศิลปะไม่จำเป็นต้อง “จริงจัง” เสมอไป เจ้าตัวได้ขยายความว่า “ผมไม่ชอบการเสแสร้ง ศิลปะมันคือความสนุก”

Lobster at Modern Art Museum, Shanghai

เพราะงานของโคลแบร์ขับเคลื่อนด้วยแนวคิดเช่นนี้เอง การจัดแสดงงานที่กรุงเทพฯ ในช่วงเทศกาลสงกรานต์จึงดูพอเหมาะพอเจาะกันเป็นอย่างมาก สงกรานต์คือหนึ่งในเทศกาลรื่นเริงและเปี่ยมไปด้วยสีสันมากที่สุดในประเทศไทย ลอบสเตอร์และงาน “ป๊อปอาร์ตสุดแนว” ตามที่โคลแบร์ได้ที่นิยามตัวเองไว้ ก็เข้ากันดีสุดๆ กับเทศกาลสนุกสุดเหวี่ยงอย่างสงกรานต์ ตลอดเทศกาลจะมีคนหลายหมื่นคนแวะเวียนมาชมงานของเขาที่สยามพารากอน และโคลแบร์รู้สึกตื่นเต้นอย่างมากที่งานของเขาจะได้เข้าถึงผู้ชมที่หลากหลาย “ผมตื่นเต้นจริงๆ ที่จะได้มากรุงเทพ ผมว่ากรุงเทพฯ มีเสน่ห์ทั้งในเรื่องประวัติศาสตร์ วัฒนธรรม สีสัน และงานสถาปัตยกรรมภายในเมือง” นี่เป็นครั้งแรกที่ผลงานของฟิลิปถูกนำมาจัดแสดงที่ประเทศไทย บริเวณพาร์ค พารากอน ศูนย์การค้าสยามพารากอน โดยฟิลิปได้ดึงเอาวัฒนธรรมไทยเข้ามาผสมในชิ้นงาน เราจะได้เห็นลอบสเตอร์ถือปืนฉีดน้ำ, ขี่หลังช้าง และขึ้นรถตุ๊กตุ๊ก เป็นการแสดงถึงความรักที่ศิลปินมีให้เมืองไทย

ส่งพลังผ่านงานศิลปะ

และนี่ยังเป็นประสบการณ์แปลกใหม่ ที่โคลแบร์จะได้มาจัดแสดงงานในศูนย์การค้าอย่างสยามพารากอน แทนที่จะเป็นหอศิลป์ แล้วเขาคิดว่าคนที่มาดูงานจะรู้สึกกับงานของเขาต่างไปจากคนที่มาดูงานของเขาที่หอศิลป์หรือไม่? “ถึงผมจะเชื่อว่าการใช้มัลติมีเดียจะทำให้งานศิลปะเข้าถึงคนในวงกว้าง ผมก็เชื่อว่าไม่มีงานศิลปะชิ้นไหนที่จะถูกใจคนทุกคนได้หรอก” โคลแบร์กล่าว “และบางครั้ง การที่คนไม่ชอบนั้นน่าสนใจกว่าด้วยซ้ำ” การสร้างงานให้คนชอบไม่ใช่เป้าหมายของฟิลิป โคลแบร์ ไม่ต่างจากศิลปินตัวจริงคนอื่นๆ “สำหรับผม ศิลปะไม่ใช่เรื่องของการมีคนมาชอบ ศิลปะคือการถ่ายเทพลังงาน เวลาคุณมองดอกทานตะวัน คุณสัมผัสได้ถึงพลังของแสงอาทิตย์ที่เจิดจ้า” โคลแบร์อธิบาย

Lobster at Huashan 1914 Creative Park, Taiwan

“ผมอยากให้งานของผมมีผลแบบเดียวกัน อยากให้มันเป็นมวลพลังงานที่ส่งไปถึงผู้ชม ผมมองศิลปะเป็นการเฉลิมฉลองให้กับความสนุกและอิสระเสรี” โคลแบร์อยากให้งานของเขาที่สร้างความคึกคักและมีชีวิตชีวาเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของพื้นที่สยามพารากอน และส่งต่อพลังบวกให้ทุกคนในบริเวณนั้น

Lobster at Roman Rooftops

โคลแบร์ตื่นเต้นมากที่จะได้มาเมืองไทยเพื่อจัดแสดงงานในกรุงเทพช่วงสงกรานต์นี้ และเขายังเชิญชวนให้ศิลปินรุ่นใหม่ของไทยหันมาสนใจวัฒนธรรมไทยอีกด้วย “ยิ่งคุณอยู่ในประเทศอย่างประเทศไทย ที่มีรากเหง้าทางวัฒนธรรมที่สร้างแรงบันดาลใจให้กับคุณ อย่ากลัวที่จะใช้ประโยชน์จากมรดกที่คุณมี มีเรื่องราวอันน่าทึ่งมากมายให้คุณพูดถึงในเมืองนี้” เขากล่าว “คุณสามารถใช้ศิลปะทำให้จิตวิญญาณความเป็นไทย มันร่วมสมัยในแบบฉบับของคุณเองได้ เล่าเรื่องของคุณ และสร้างตัวตนของคุณขึ้นมา” โคลแบร์ทิ้งท้าย สงกรานต์ปีนี้เตรียมพบกับ “ดินแดนล็อบสเตอร์ยักษ์” ผลงานสุดอลังการที่โคลแบร์สร้างสรรค์และภูมิใจนำเสนอเป็นที่แรกในโลก! ในเทศกาลมหาสงกรานต์สุดยิ่งใหญ่ @ งาน Siam Paragon Ultrasonic Water Festival 2024 “Songkran Lobster Wonderland by Philip Colbert” ระหว่างวัน
ที่ 9 – 16 เมษายน 2567 ณ พาร์ค พารากอน ศูนย์การค้าสยามพารากอน

กว่า 40,000 ชีวิตทั่วทั้งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้มีชีวิตที่ดีขึ้นผ่านความร่วมมือทางพันธมิตรของ IHG

account_circle

หลังจากเป็นเวลากว่าหลายทศรรษในการมุ่งหน้าสนับสนุนชุมชนทั่วภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ IHG Hotels & Resorts ได้เผยแพร่รายงาน South East Asia Communities Report เป็นครั้งแรกเพื่อเฉลิมฉลองความร่วมมือระหว่างพันธมิตรต่อการพัฒนาคุณภาพชีวิตของผู้คนนับหมื่นทั่วภูมิภาค

ไม่ใช่เพียงเรื่องความสำเร็จเชิงตัวเลขเท่านั้น รายงานฉบับนี้ยังแสดงให้เห็นถึงกิจกรรมที่ได้ทำเพื่อสร้างการเปลี่ยนแปลงในชุมชน และเรื่องราวที่สร้างแรงบันดาลใจร่วมกับพันธมิตรที่เกี่ยวข้อง โดยการแบ่งปันเรื่องราวเหล่านี้ทาง IHG หวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะนํามาซึ่งการเปลี่ยนแปลงที่ยิ่งใหญ่มากยิ่งขึ้นทั้งในปีนี้ และปีต่อๆ ไป สำหรับประเทศไทย IHG ได้ให้การสนับสนุนพันธมิตรส่งเสริมสังคมมากกว่า 50 ราย ยกตัวอย่างเช่น Steps ซึ่งเป็นองค์กรเพื่อสังคมในประเทศไทยที่มุ่งมั่นจะเปลี่ยนแปลงคุณภาพชีวิต และสร้างความเข้าใจต่อผู้ฝึกและธุรกิจ รวมถึงองค์กรต่างๆ ถึงศักยภาพของผู้ที่มีความหลากหลายทางการรับรู้ (Neurodivergent people)  โดย Steps และ IHG ได้ทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิดเพื่อพัฒนาแนวทางการฝึกอบรมสำหรับการจ้างงานของกลุ่มผู้ที่มีความหลากหลายทางการรับรู้ในประเทศไทย โดยมีการพัฒนาผ่านการสำรวจ แผนผังการทำงาน และการฝึกอบรม ซึ่งมีแผนที่จะขยายตัวโครงการไปอย่างต่อเนื่อง ภายหลังจากความสำเร็จของโครงการนำร่องในโรงแรม 5 แห่งของ IHG

คุณเคท เกอริทส์  ผู้อำนวยการฝ่ายปฏิบัติการ IHG Hotels & Resorts กล่าวว่า “เรารู้สึกภูมิใจกับโครงการต่างๆ ที่เราได้ร่วมมือกับพันธมิตรส่งเสริมสังคมมากกว่า 50 แห่งทั่วประเทศไทย ซึ่งในปีที่ผ่านมาได้ช่วยให้กว่า 13,000 คนมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น และด้วยการทุ่มเทเวลา ความสามารถ และพลังงานจากเพื่อนร่วมงานของเรา ทำให้เราได้เห็นการเปลี่ยนแปลงต่อผู้ที่อยู่อาศัยบริเวณใกล้เคียงกับโรงแรมและสำนักงานของเราอย่างแท้จริง”

“เป็นเวลากว่าทศวรรษที่ IHG ได้ให้โอกาสในการจ้างงานกับผู้พิการ และด้วยความร่วมมือของเรากับองค์กร เช่น Steps นั้น ยิ่งทำให้วัฒนธรรมองค์กรที่บ่มเพาะความเท่าเทียมของเราแข็งแกร่งมากยิ่งขึ้น โดยรูปแบบการจ้างงานที่สนับสนุนความเท่าเทียมของโรงแรมในเครือ IHG มีส่วนช่วยอย่างมากในการเปลี่ยนแนวความคิดของผู้คน รวมถึงสร้างการเปิดรับความหลากหลายภายในโรงแรม”

“รายงาน South East Asia Communities Report ที่จัดทำขึ้นครั้งแรกนี้ ถือเป็นการเฉลิมฉลองความมุ่งมั่นของเราในการสร้างการเปลี่ยนแปลงที่มีความหมายต่อชุมชนโดยรอบของเราอย่างแท้จริง”

แม็กซ์ ซิมป์สัน CEO และผู้ร่วมก่อตั้ง STEPS กล่าวว่า “มีคนในประเทศไทยมากกว่าสองล้านคนที่ขึ้นทะเบียนเป็นผู้พิการ แต่ในจำนวนดังกล่าวมีจำนวนน้อยกว่า 25% ที่ได้รับการจ้างงาน ซึ่งนับเป็นกลุ่มผู้มีความสามารถขนาดใหญ่ที่ธุรกิจสามารถพัฒนาเพื่อเป็นบุคลากรคุณภาพได้  ความร่วมมือของเรากับ IHG ช่วยแสดงให้เห็นแล้วว่า การจ้างงานผู้ที่มีความหลากหลายทางการรับรู้นั้นสามารถทำได้ ซึ่งนอกจากจะสร้างประโยชน์ให้ตัวพวกเขาเองและผู้ดูแลแล้ว ยังช่วยสร้างการเปลี่ยนแปลงวัฒนธรรมของการดูแลภายในองค์กรที่ใช้เป็นแนวทางการจ้างงานที่เท่าเทียมมากยิ่งขึ้นด้วย”

"พริ้ง ชุติญา"

ไม่ได้โดนปลด! “พริ้ง ชุติญา” ถอนตัว มิสแกรนด์ไทยแลนด์ 2024

Alternative Textaccount_circle
"พริ้ง ชุติญา"
"พริ้ง ชุติญา"

เวทีนางงามมิสแกรนด์ไทยแลนด์ร้อนระอุกันเลยทีเดียว ล่าสุด พริ้ง-ชุติญา เจียรกุล มิสแกรนด์ลำพูน 2024 ได้ออกมาประกาศขอถอนตัวจากการประกวดมิสแกรนด์ไทยแลนด์ 2024 ด้านกองมิสแกรนด์ลำพูน 2024 เคารพการตัดสินใจครั้งนี้

โดยกองประประกวดมิสแกรนด์ลำพูน 2024 ได้ออกหนังสือแถลงการณ์เปลี่ยนตัวผู้เข้าประกวดมิสแกรนด์ลำพูน 2024 โดยระบุว่า“มิสแกรนด์ลำพูน ประกาศอย่างเป็นทางการ กองประกวดมิสแกรนด์ลำพูน 2024 ขอประกาศเปลี่ยนตัวแทน มิสแกรนด์ลำพูน 2024 จาก นางสาวชุติญา เจียรกุล เป็น นางสาวรัตนระพี ธรรมใจกุล (รองอันดับ 1 มิสแกรนด์ ลำพูน-ลำปาง 2024) ขึ้นดำรงตำแหน่ง มิสแกรนด์ลำพูน 2024 เพื่อปฏิบัติหน้าที่และ เข้าประกวดมิสแกรนด์ไทยแลนด์ 2024”

"พริ้ง ชุติญา"

“โดยให้มีผลทันที ตั้งแต่วันที่ 23 มีนาคม 2567 เป็นต้นไป จึงประกาศให้ทราบโดยทั่วกันอย่างเป็นทางการประกาศวันที่ 23 มีนาคม 2567 ปกรณ์ ถาวดี ผู้อำนวยการกองประกวดมิสแกรนด์ลำพูน 2024”

จากนั้น คุณปกรณ์ ถาวดี ผู้อำนวยการกองประกวดมิสแกรนด์ลำพูน 2024 ได้โพสต์ข้อความว่า “เข้มแข็งนะคะ คนเก่งของพี่ เราสื่อสารกันตลอดเวลา ที่อยู่ในกอง น้องพริ้งขอถอนตัวจากการประกวด นะครับ ทางกองเคารพการตัดสินใจของน้อง ช่วงเวลานี้ร่วมเป็นกำลังใจ ให้น้องเข้มแข็งขึ้นอีกครั้งกันนะครับ รักหนูนะคะ พริ้ง มิสแกรนด์ลำพูน 2024“

"พริ้ง ชุติญา"

ด้าน พริ้ง ชุติญา ก็ได้โพสต์ข้อความระบุว่า ”ขอบคุณที่ผ่านมาด้วยกันทุกเรื่องนะคะ พี่หนูรักพี่มากๆขอบคุณที่ไม่เคยทิ้งกันเลย หนูไม่ทิ้งพี่และจะอยู่ข้างๆเสมอไม่ต้องห่วง ขอบคุณสำหรับทุกอย่างและคำแนะนำต่างๆนะคะ ณวัฒน์ อิสรไกรศีล – Mr.Nawat Itsaragrisil หนูยังรักและเคารพบอสเสมอ มันอาจไม่ใช่เวลาของหนู แต่หนูจะเก็บความทรงจำดีๆนี้ไว้ ขอบคุณกองประกวด Miss Grand Thailand ที่ดูแลและเอ็นดูหนูมากๆๆหนูรักพี่ๆทุกคนจากใจจริงๆ และสุดท้ายนี้ขอบคุณด้อมมากๆที่อยู่ข้างกันมาเสมอ“

“ขออนุญาติออกจากทุกสิ่งอย่างที่เป็นประเด็นและจบทุกอย่างจากนี้ไป ไม่เคยหนีงานไปเที่ยวนะคะ ครบภารกิจอยู่เชียงใหม่ถึงเวลากลับกรุงเทพว่างก็ไปเที่ยวปกติ 4 วัน และหอบงานไปถ่ายให้ด้วย 2-3 ตัว ความจริงเป็นสิ่งไม่ตายค่ะ ส่วนใครที่คอมเม้นและกล่าวหาในทางที่ผิด รับชดใช้เป็นเงินสดเท่านั้นค่ะ”

‘รักที่ไม่มีคำถาม’ การกลับมาร้องเพลงประกอบละครในรอบ 20 ปีของ จิ๋ว ปิยนุช

Alternative Textaccount_circle

ยกให้เป็นละครฟาดแห่งยุค ‘สงครามสมรส’ ที่นอกจากเนื้อหาโดนใจเพื่อนหญิงพลังหญิง ใช้กฎหมายทวงคืนความยุติธรรม จนขึ้นแท่นละครปังแห่งปี  อีกหนึ่งองค์ประกอบสำคัญคือเพลงประกอบละคร ที่ได้จิ๋ว- ปิยนุช มาร้องเพลง รักที่ไม่มีคำถาม ซึ่งครั้งนี้สร้างเซอร์ไพรส์ให้แฟนๆ เพราะเธอมาในแนวฟูลฟิล ฟูลใจ

ทราบมาว่านี่คือการกลับมาร้องเพลงประกอบละครในรอบ 20 ปีของจิ๋ว

          “ใช่ค่ะ และนี่น่าจะเป็นครั้งแรกๆ ที่ร้องแนวฟูใจ หวานซึ้ง ซึ่งเท่าที่ผ่านมาโอกาสที่จะได้ร้องเพลงแนวนี้ค่อนข้างน้อย ก็ถือว่ายาก เพราะช่วงต้นเพลงมีความหม่น ดราม่า แต่ตอนจบกลับมีความสุข สดใส จิ๋วต้องทำการบ้านเยอะเพื่อให้เพลงออกมาครบทุกอารมณ์

         “ความยากน่าจะอยู่ตรงที่เพลงนี้มีโทนเสียงหลายระดับ บางช่วงต่ำมาก บางช่วงก็สูง เสียงร้องต้องฟังแล้วมีความอบอุ่นอยู่ในเนื้อ  จิ๋วใช้วิธีร้องเพลงให้ทีมงานฟังว่าเข้ากับทิศทางของละครรึเปล่า อย่างในเรื่องนี้ จิ๋วรู้สึกว่าละครเรื่องนี้ เป็นตัวแทนของเพื่อนหญิงพลังหญิง เราร้องในฐานะตัวแทนของนางเอก ซึ่งเขาเป็นคนเรียบๆ นิ่งๆ แต่มีอะไร”

ท่อนไหนที่จิ๋วชอบที่สุดคะ

         “ ‘ชีวิตฉันมีความหมายเพราะเธอ ขอบคุณที่เข้ามาเปลี่ยนฉันคนเดิม เธอทำให้ได้รู้ ความรู้สึกที่ได้รัก มีค่าแค่ไหน’ ฟังประโยคนี้แล้วรู้สึกฟูฟิล เหมือนมีคนที่เห็นคุณค่า และคอยซัพพอร์ตการมีตัวตนของเราค่ะ”

ฟีดแบคจากแฟนๆ เป็นยังไงคะ 

         “คือในละครจะมีความฟาดฟัน แต่ในเพลงจะมีความนิ่งเพื่อให้ตรงกับคาแรคเตอร์ของบงกช ซึ่งเป็นผู้หญิงที่ดูเรียบๆ แต่ลึกๆ แล้วเขาไฟต์เก่งและเชื่อในคุณค่าของตัวเองมาก เพลงนี้จึงเซอร์ไพรส์ทุกคน เพราะเราทำเพลงฟาดฟันมาเยอะ ก็คิดว่าน่าจะถูกใจแฟนๆ ค่ะ เพราะจิ๋วก็เชื่อว่า เพลงนี้ น่าจะเป็นอีกเพลงที่ถูกเปิดฟังบ่อยๆ เป็นอีกเพลงที่ความหมายดี”

สำหรับเพลงนี้ เล่าถึงความรักที่ไม่ต้องหาคำตอบใดๆ แล้วตัวจิ๋วเอง มีเรื่องไหนในชีวิตที่เราค่อนข้างแน่ใจว่า ไม่ต้องหาคำตอบแล้ว

         “(หัวเราะ) ในชีวิตจริงไม่มีทางที่เราเจอคำตอบในทุกๆ เรื่อง แล้วปิดตายไปเลยว่าเรื่องนี้เคลียร์  เช่นเดียวกับการร้องเพลง ต่อให้ชัดมากสำหรับเรา ว่าเราชอบอาชีพนี้ แต่วันนึงก็เชื่อว่าต้องพบเจอกับการเปลี่ยนแปลง  เพราะไม่มีอะไรมั่นคงถาวรตลอดไป ต้องเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ ตลอดเวลา จิ๋วคิดว่า ชีวิตเรายังต้องเจออีกหลายทางเลือก เรายังมีคำถาม และยังต้องหาคำตอบใหม่ๆ เสมอ”

จะได้เห็นผลงานนิว-จิ๋วอีกเมื่อไหร่คะ

         “รู้สึกขอบคุณทุกคนมากที่ถามมาตลอดค่ะ แต่เรื่องนี้ตอบยากจริงๆ เพราะตอนนี้นิวก็มีพาร์ทของคุณแม่ด้วย ซึ่งเราก็ต้องดูว่าระยะเวลาที่จะทำงานเพลงด้วยกันได้คือเมื่อไหร่ จิ๋วเองก็ตอบไม่ได้ อาจจะเป็นปีหน้าก็ได้ เราเองก็ยังไม่รู้เหมือนกัน”

นอกจากงานเพลงแล้ว จะเห็นจิ๋วในบทบาทอื่นๆ อีกไหมคะ

         “จิ๋วกำลังจะทำร้านทำผมค่ะชื่อ  Juno Hair ค่ะ เป็นซาลอนที่เราอิมพอร์ตจากเกาหลีเลย เรียกว่าเป็นบิ๊กโปรเจ็คต์ของจิ๋วในปีนี้ จิ๋วเคยไปลองใช้บริการเขา แล้วชอบมาก รู้สึกว่าใช่ พอมีคนชวนให้มาลงทุนทำด้วยกัน เรายินดีเลย อยากลองสวมบทบาทเป็นนักธุรกิจหญิงดูบ้างค่ะ” (หัวเราะ)

สามารถติดตามฟังได้แล้วทางสตรีมมิ่งทุกช่องทาง , ติดตาม MV “รักที่ไม่มีคำถาม” Ost. สงครามสมรส   ได้แล้วที่  YouTube: OfficialWhiteMusic

ติดตามสงครามสมรสละครแห่งปี นำแสดงโดยแอฟ ทักษอรและตรี ภรภัทรกำกับโดยสันต์ ศรีแก้วหล่อออกอากาศ ทุกวันจันทร์อังคาร เวลา 20.30 . ทาง ช่องวัน31


เรื่อง Fai

เปิด 2 คอสตูม NCT 127 สร้างตำนานบทใหม่ในอุตสาหกรรม K-POP

Alternative Textaccount_circle

ความภูมิใจของ NCTzen! เปิด 2 คอสตูม NCT127 ตำนานเส้นทางแฟชั่นในอุตสาหกรรม K-POP

หากใครเป็นแฟน K-POP คงจำตำนาน ‘영웅’ (ยองอุง) หรือ ‘Kick It’ ได้เป็นอย่างดี เพราะกระแสที่ถล่มทลายในช่วงนั้น ไม่ว่าใครก็ต้องได้ยินท่อน New thangs, new thangs, Bass kick swingin’ like I’m Bruce Lee. แน่นอน และไม่ใช่แค่เพลงที่เป็นไวรัล แต่คอสตูมที่ปรากฏในมิวสิกวีดีโอก็ได้รับการถูกพูดถึงในวงกว้างเช่นกัน โดยเฉพาะชุดแรกที่มาในคอนเซ็ปต์ศิลปะการต่อสู้จีน ด้วยดีไซน์ที่มีความเท่ ปนเซ็กซี่เล็กๆ ตามคาแร็คเตอร์ของสมาชิก ทำให้คอสตูมเซ็ตนี้โดดเด่นสะดุดตาเป็นพิเศษ

ล่าสุดคอสตูมดังกล่าวได้สร้างตำนานใหม่อีกครั้ง เมื่อทั้ง 9 ชุด ได้นำไปแสดงในนิทรรศการ Design Dream Land ณ Dongdaemun Design Plaza (ddp) ซึ่งสามารถเข้าชมได้ฟรีจนถึงวันที่ 30 เมษายน 2567 หากใครเป็นแฟนคลับไม่ควรพลาดที่จะไปเก็บความทรงจำ

https://twitter.com/city_4_n/status/1772844347748397484?s=46&t=DnId2TDrnxmwccWaGWHUPw

นอกจากนี้ยังมีอีกหนึ่งคอสตูมที่สร้างตำนานไม่แพ้กันกับคัมแบคครั้งล่าสุดอย่าง ‘Fact Check’ ที่นำชุดจากรันเวย์จาก SONGZIO มาสวมใส่ โดยดีไซน์ได้รับแรงบันดาลใจมาจากชุดโบราณเกาหลี และเล่าผ่านความโมเดิร์นในฉบับของแบรนด์ โดยคอสตูมดังกล่าวสไตลิสต์มากความสามารถอย่าง ‘คิมยองจิน’ มาเสกลุคให้กับสมาชิกทั้ง 8 คน และสุดท้ายเขาสามารถคว้ารางวัล Artist of the year สาขา Stylist มาเป็นที่เรียบร้อย ถือเป็นการสร้างประวัติศาสตร์ให้กับ NCT และความภาคภูมิใจให้ชาว NCTzen ครั้งนี้คงต้องยกความดีความชอบให้กับสไตลิสต์คนเก่งของเราจริงๆ ค่ะ

เอิร์ธ-นันทวัฒน์ ไพบูลย์ภัทรธน

หนุ่มเจ้าเล่ห์ที่มาพร้อมกับรอยยิ้มสดใส เอิร์ธ-นันทวัฒน์ ไพบูลย์ภัทรธน

Alternative Textaccount_circle
เอิร์ธ-นันทวัฒน์ ไพบูลย์ภัทรธน
เอิร์ธ-นันทวัฒน์ ไพบูลย์ภัทรธน

ทำความรู้จัก หนุ่มเจ้าเล่ห์ที่มาพร้อมกับรอยยิ้มสดใส นักแสดงน้องใหม่ เอิร์ธ-นันทวัฒน์ ไพบูลย์ภัทรธน จาก Close Friend โคตรแฟน 3 โซจู บอมบ์

สาดความน่ารักสดใสออร่ามาเต็ม สำหรับ นันทวัฒน์ ไพบูลย์ภัทรธน ซึ่งรับบทบาท เอิร์ธ ใน ออริจินีลซีรีส์ จาก Viu(วิว) “Close Friend โคตรแฟน 3 โซจู บอมบ์” ที่ออกอากาศแล้วทาง Viu Application เป็นอีกหนึ่งคนที่มีดาเมจออร่าแรงจนใจบางหนักมากจนหลายคนถามเขามาว่า นักแสดงน้องใหม่คนนี้คือใคร นอกจากบทบาทหนุ่มเจ้าเล่ห์ ผู้มาพร้อมรอยยิ้มสดใส เอิร์ธ นันทวัฒน์ ก็ถ่ายทอดเรื่องราวตัวละครที่ตัวเองได้รับออกมาได้อย่างเหมือนกับถอดตัวละครจากซีรีส์ออกมามีชีวิตอยู่จริง เพราะเล่นได้ดีเล่นได้อย่างพิถีพิถัน 

เอิร์ธ-นันทวัฒน์ ไพบูลย์ภัทรธน

งานนี้ต้องบอกเลยว่าโปรไฟล์ของ เอิร์ธ นันทวัฒน์ เขามาพร้อมกับความสามารถที่มากล้นจริงๆ

ประวัติ เอิร์ธ-นันทวัฒน์ ไพบูลย์ภัทรธน

ชื่อ : นันทวัฒน์ ไพบูลย์ภัทรธน

ชื่อเล่น : เอิร์ธ

เกิดวันที่ : วันที่ 29 กรกฎาคม 2003

ส่วนสูง : 175 cm

น้ำหนัก : 57 kg

ภูมิลำเนา: กรุงเทพมหานคร

การศึกษา : ปีที่ 3 คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาเกษตรศาสตร์

กีฬาที่ชอบ  : เทนนิส

ความสามารถพิเศษ : เล่นลูบิด และ สนุกกับการเป็นคอนเท้นต์ครีเอเต้อร์ ผ่านทางช่องทางต่างๆเช่น Tiktok และ Instagram

ผลงานการแสดงล่าสุด : Close Friend โคตรแฟน 3 โซจู บอมบ์

“คุณหมอวิน Doctor Win Clinic” แนะทริคปรับรูปหน้าปัง! ด้วยศาสตร์ Emotional Attributes

account_circle

อีกหนึ่งเทรนด์ความงามที่สาวกบิวตี้กำลังให้ความสนใจกันสุดๆ ในช่วงนี้ แน่นอนว่าคงต้องยกให้กับ “การปรับรูปหน้า” ที่ไม่ว่าใครๆ ก็พูดถึง และอยากลองอัพความปังด้วยการปรับรูปหน้ากันสักตั้ง ดังนั้น Exclusive Talk ครั้งนี้ แพรว จึงขอพาไปพูดคุยกับ “คุณหมอวิน – นายแพทย์เวชพิสิทธิ์ พนาวร” ผู้ก่อตั้งและผู้บริหารแห่ง Doctor Win Clinic ซึ่งมากด้วยประสบการณ์ด้านการปรับรูปหน้า โดยเฉพาะศาสตร์ Emotional Attributes หรือการวิเคราะห์รูปหน้าโดยใช้คุณลักษณะทางอารมณ์ โดยสถาบันอบรมของ Allergan Aesthetics เพื่อเจาะลึกทริคต่างๆ ที่จะทำให้การปรับรูปหน้ามอบผลลัพธ์ที่ตรงใจ

ปรับรูปหน้าตามเทรนด์

“เทรนด์การปรับรูปหน้าในปัจจุบันมีหลากหลายสไตล์ ไม่ว่าจะเป็นแบบฝรั่ง หรือแบบคนเอเชีย เช่น ไทย เกาหลี โดยจะมีทั้งการปรับรูปหน้าให้ดูเรียวเล็ก ปั้นคางให้ดูวีเชฟ ปรับลดแก้มลง รวมถึงการปรับรูปหน้าให้แลดูอ่อนวัย ซึ่งเทรนด์โดยรวมจะเน้นไปที่ความเป็นธรรมชาติ พูดง่ายๆ คือไม่ต้องการให้ดูออกว่าไปทำอะไรมา แต่ดูดีขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติครับ”

ปัจจัยเสี่ยงปรับรูปหน้าไม่ตรงปก

“ผู้รับบริการส่วนใหญ่เกิน 80 เปอร์เซ็นต์ ตัดสินใจมาทำหัตถการปรับรูปหน้า เพราะอยากได้รูปหน้าเหมือนคนดังหรือไอดอลที่ตัวเองชื่นชอบ ซึ่งบางครั้งความต้องการนั้นๆ มาจากหลากหลายต้นแบบ เช่น อยากได้คางแบบคนนี้ แต่อยากได้จมูกแบบคนนั้น ซึ่งพอนำมารวมกันแล้วผลลัพธ์ออกมาไม่สวยอย่างที่คิดเอาไว้ ดูผิดธรรมชาติ ดูไม่สมส่วน นั่นเป็นเพราะความต้องการนั้นๆ อาจไม่ได้เหมาะกับโครงหน้าเดิมของตัวเองจริงๆ

“ยกตัวอย่างเคสที่เจอบ่อยๆ บางคนมีโหนกแก้มค่อนข้างสูง แต่อยากได้คางที่แหลม พอรวมกันก็ทำให้ใบหน้าด้านบนดูบานผิดปกติมากเกินไป นึกภาพตามง่ายๆ คือใบหน้าจะกลายเป็นเหมือนรูปสามเหลี่ยมคว่ำลง หรือที่บางคนเรียกว่า คางเช็คอิน เคสแบบนี้ก็จะต้องปรับแก้กันใหม่ โดยปรับแก้ทั้งรูปคางและรูปหน้าด้านข้าง เพื่อให้ใบหน้ารับกับคางแบบที่ต้องการ

“วิธีเลี่ยงผลลัพธ์ที่ไม่ตรงใจ สิ่งแรกหมอขอแนะนำให้ผู้รับบริการให้ความสำคัญกับขั้นตอนการปรึกษาแพทย์ผู้ชำนาญการให้มากๆ ครับ เพื่อให้แพทย์ช่วยวิเคราะห์โครงหน้าและวางแผนการปรับรูปหน้าอย่างถูกต้อง เพื่อผลลัพธ์ที่ตรงกับความต้องการมากที่สุด

“สำหรับการวิเคราะห์โครงหน้าในปัจจุบันมีศาสตร์ Emotional Attributes หรือการวิเคราะห์รูปหน้าโดยใช้คุณลักษณะทางอารมณ์ โดยสถาบันอบรมของ Allergan Aesthetics ที่กำลังได้รับความสนใจ เพราะเป็นศาสตร์ที่ทำให้เข้าใจโครงหน้าอย่างถูกต้อง ซึ่งนำไปสู่การปรับรูปหน้าได้อย่างเหมาะสมที่สุด”

ศาสตร์ Emotional Attributes ช่วยอัพหน้าเป๊ะ!

“หัวใจสำคัญของศาสตร์ Emotional Attributes คือการถอดรหัสบนใบหน้า Beauty Codes ผ่านการวิเคราะห์รูปหน้าโดยใช้คุณลักษณะทางอารมณ์ เพื่อค้นหาความต้องการที่แตกต่างกันของแต่ละคน ก่อนเข้าสู่ขั้นตอนการทำหัตถการ ไม่ว่าจะเป็นการฉีดเพื่อลดเลือนริ้วรอย หรือการปรับรูปหน้า โดยผู้ที่คิดค้นศาสตร์นี้ขึ้นมาคือ ดร. เมาริซิโอ เดอ ไมโอ (MDM) ศัลยแพทย์ความงามชื่อดังระดับโลกชาวบราซิล ซึ่งเป็นผู้คิดค้นรหัสในการปรับรูปหน้าเพื่อชะลอวัยโดยไม่ต้องศัลยกรรม และถือเป็นต้นแบบการเรียนการสอนของแพทย์ทั่วโลก

“สำหรับคุณลักษณะทางอารมณ์ที่ใช้ในการวิเคราะห์ด้วยศาสตร์ Emotional Attributes มีอยู่ 8 ประการ โดยแบ่งออกเป็นคุณลักษณะด้านลบ หรือสิ่งที่เกิดขึ้นจริง 4 ประการ ได้แก่ ความหย่อนคล้อย ดูเหนื่อยล้า ดูเศร้า ดูดุ และคุณลักษณะด้านบวก หรือสิ่งที่ต้องการ 4 ประการ ได้แก่ ดูอ่อนเยาว์ยิ่งขึ้น ดูน่าดึงดูดยิ่งขึ้น ใบหน้าดูมีมิติมากขึ้น ดูเป็นผู้หญิงหรือผู้ชายมากขึ้น โดยเมื่อเราวิเคราะห์และถอดรหัส Beauty Codes ที่ซ่อนอยู่บนใบหน้าได้แล้ว ก็จะเข้าใจลักษณะที่แท้จริงของใบหน้า และนำไปสู่ขั้นตอนการรักษาอย่างถูกต้อง โดยเริ่มจากการแก้ไขคุณลักษณะด้านลบก่อน จากนั้นจึงเป็นการปรับเปลี่ยนคุณลักษณะทางอารมณ์บนใบหน้าทั้งหมดให้เป็นด้านบวก

“จุดเด่นของศาสตร์ Emotional Attributes คือทำให้แพทย์เข้าใจความต้องการของผู้รับบริการยิ่งขึ้น ซึ่งนำไปสู่ผลลัพธ์ที่ดีและตรงตามความต้องการของเขาจริงๆ อย่างตัวหมอเองก็มักได้รับฟีดแบ็กที่ดีจากผู้รับบริการ เพราะการปรับรูปหน้าด้วยศาสตร์นี้ไม่ใช่แค่ช่วยแก้ไขเฉพาะจุด แต่ยังช่วยให้ใบหน้าโดยรวมดูลงตัวขึ้นอีกด้วยครับ”

ทริคต้องรู้! ก่อนอัพสวยด้วยหัตถการความงาม

“ก่อนตัดสินใจปรับรูปหน้า หรือทำหัตถการใดๆ ก็ตาม หมอขอแนะนำว่าควรได้รับคำปรึกษาจากแพทย์อย่างถูกต้อง รวมถึงตัวแพทย์เองก็ต้องทำความเข้าใจในสิ่งที่ผู้รับบริการต้องการให้กระจ่างที่สุด ไม่ใช่ทำตามความต้องการทั้งหมด เพราะบางครั้งความชอบหรือความต้องการนั้นๆ ก็อาจไม่เหมาะสมกับพื้นฐานของเขา ซึ่งทำให้ได้ผลลัพธ์ไม่ตรงกับที่คิดไว้ ต่อมาคือการได้รับการดูแลโดยแพทย์ที่มีความรู้และความชำนาญ บวกกับการเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพ ปลอดภัย มีประสิทธิภาพสูง มีเทคโนโลยีตอบโจทย์ความต้องการที่แท้จริงของผู้รับบริการ เช่น ปั้นขึ้นรูปได้อย่างแลดูเป็นธรรมชาติ ไม่ดูแข็งหรือดูย้วย และเหมาะกับแต่ละบริเวณของใบหน้า เพื่อผลลัพธ์ที่ดีและตรงตามความต้องการที่สุด

“สำหรับ Doctor Win Clinic หลักๆ จะเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ของ Allergan Aesthetics ซึ่งนำเข้าจากประเทศสหรัฐอเมริกาและมีความน่าเชื่อถือมาอย่างยาวนาน จึงสามารถมั่นใจได้ว่าผลิตภัณฑ์จะให้ผลลัพธ์ที่ดีต่อผู้รับบริการทั้งในเวลานี้และในอนาคต คือช่วยดูแลความสวยได้แบบระยะยาวนั่นเองครับ”

Doctor Win Clinic

เว็บไซต์ : www.doctorwinclinic.com

เฟซบุ๊ก : DoctorWin Clinic

โทร. 065-669-1695

ไลน์ : @doctorwin_clinic

นิปปอนเพนต์ จุดประกายไอเดียสีสะท้อนตัวตน ผ่านภาพยนตร์โฆษณา Inspired by you : สีที่คิดเพื่อคุณ

account_circle

นิปปอนเพนต์พร้อมด้วย Brand Personality สุดทันสมัย ที่เข้าใจทุกความสำคัญของการเป็นตัวตน พร้อมสนับสนุนทุกคุณค่าของความต่างและเชิดชูความเป็นตัวของตัวเองในทุกรูปแบบ พร้อมโหมเดือดตลาดสีทาอาคารอีกครั้งด้วยแบรนด์คอนเซ็ปต์สดใหม่  “Inspired by you : สีที่คิดเพื่อคุณ”  เพื่อตอกย้ำการเป็นแบรนด์สีคุณภาพสูง จากประเทศญี่ปุ่น ที่เข้าใจทุกกลุ่มลูกค้าอย่างแท้จริง เพื่อสะท้อนทุกบุคลิกเฉพาะตัวและเติมเต็มทุกแรงบันดาลใจ ด้วยการทุ่มเทพัฒนาสีให้มีคุณสมบัติดีที่สุด ซึ่งล้วนผ่านการคิดค้นและพัฒนามาจากความต้องการของลูกค้าที่แตกต่างกันในแต่ละกลุ่ม โดยล่าสุด นิปปอนเพนต์ ได้เปิดตัวภาพยนต์โฆษณาชุดใหม่ Inspired by you :            สีที่คิดเพื่อคุณ เพื่อทำหน้าที่ถ่ายทอดเรื่องราวของกลุ่มคนที่มีความชัดเจนในตัวตนที่เชื่อว่าจะสร้างสีสันทรงคุณค่าให้กับโลกของเรา

นายณรงค์ฤทธิ์ มาลัยนวล ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด บริษัท นิปปอนเพนต์ เดคโคเรทีฟ โคทติ้ง (ประเทศไทย) จำกัด ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายสี “นิปปอนเพนต์” ในประเทศไทย ในฐานะผู้ผลิตสีรายใหญ่อันดับ 1 ของเอเชีย และอันดับ 4 ของโลก จากประเทศญี่ปุ่น เล่าว่า “ภาพยนตร์โฆษณาชุด Inspired by you : สีที่คิดเพื่อคุณ มาพร้อม Brand Tagline ใหม่ “สีที่คิดเพื่อคุณ” เพื่อสื่อสารไปยังกลุ่มเป้าหมายหลักที่เป็นกลุ่ม Gen X, Y และขยายไปยังกลุ่ม Gen Z ว่าเราเข้าใจความต้องการที่แตกต่างในการใช้สี เพราะเชื่อว่าความหลากหลายของบุคคลเมื่อรวมกันแล้วจะสร้างสรรค์และเติมเต็มซึ่งกันและกัน เฉกเช่นความหลากหลายของสีที่เมื่อรวมกันแล้วจะสร้างพลังบวก ส่งผลดีต่อจิตใจ สะท้อนความเป็นตัวตน รวมถึงบุคลิกของแต่ละคน และนิปปอนเพนต์ก็พร้อมตอบโจทย์ทุกความต้องการ ตอบทุกสีสัน ที่จะสร้างสรรค์โลกใบนี้”

ภาพยนตร์โฆษณาชุดนี้ถ่ายทอดผ่านเรื่องราวของกลุ่มคนที่มีความชัดเจนและเชื่อมั่นในตัวตน  เริ่มด้วย ชายหนุ่มสุดคูลกับสไตล์การแต่งตัวลุค Genderless ผู้ชัดเจนในความเป็นตัวเอง เปรียบเสมือน “สีที่ชัดในความต่าง” ตามด้วยเด็กหญิงวัยน่ารัก ในชุดเดรสเจ้าหญิงฟูฟ่อง ผู้กำลังสนุกกับการเล่นกีฬาสุดโปรดอย่างฟุตบอล โชว์ความแกร่งเกินตัว ราวกับ “สีที่แกร่งเกินตัว” และช่างสักสาวผู้มุ่งมั่นสร้างสรรค์ลายสักทันสมัย ตามแนวที่ตนเองชื่นชอบ เปรียบได้กับ “สีที่เชื่อในตัวตน”  รวมถึงชายสูงวัย ผู้ที่ไม่เคยละทิ้งความฝันการเป็นศิลปินและยังรู้สึกดีทุกครั้งที่ได้วาดภาพ เสมือน “สีที่ไม่จางหายตามกาลเวลา”

“โฆษณาชุด Inspired by you : สีที่คิดเพื่อคุณ ใช้งบประมาณในการทำโฆษณามากที่สุดในรอบ 10 ปี เป็นการปรับภาพลักษณ์ของนิปปอนเพนต์ให้ทันสมัย และสื่อว่าเราเป็นแบรนด์สีที่เข้าใจและสนับสนุนทุกคุณค่าของ  ความต่างในตัวคุณ นับเป็นการฉีกแนวการทำโฆษณาผลิตภัณฑ์สีที่มักมุ่งเน้นฟังก์ชันการใช้งาน และคุณสมบัติของสีเป็นหลัก แต่นิปปอนเพนต์อยากบอกว่านอกจากเราจะเชี่ยวชาญแล้ว เรายังนำความเชี่ยวชาญมาใช้ให้ตรงกับความต้องการของลูกค้า และแก้ปัญหาให้ลูกค้าได้ด้วย เราคาดหวังว่าโฆษณาชุดนี้จะทำให้ลูกค้าจดจำแบรนด์นิปปอนเพนต์ในฐานะแบรนด์สีคุณภาพสูงที่แตกต่างจากแบรนด์อื่น”

ด้าน นายวัชระ ศิริฤทธิชัย ผู้จัดการทั่วไป บริษัท นิปปอนเพนต์ เดคโคเรทีฟ โคทติ้ง (ประเทศไทย) จำกัด ได้เล่าถึงแนวคิดการพัฒนาสร้างสรรค์สีของนิปปอนเพนต์ว่า “เราได้นำวิสัยทัศน์ Inspired by you มาเป็นหลัก   ในการพัฒนาผลิตภัณฑ์สีให้กับลูกค้า โดยนำวิสัยทัศน์ Inspired by you มาเป็นหลักในการทำงานตามแบบ   Think Global Act Local ที่มุ่งให้ความสำคัญ 3 ประการ ได้แก่ Customer Centric คือ การมุ่งเน้นลูกค้าทุกกลุ่มเป็นศูนย์กลางและเข้าใจความต้องการอย่างถ่องแท้ Customized Solution คือ การพัฒนาผลิตภัณฑ์และโซลูชัน  ที่ตอบโจทย์และแก้ปัญหาให้ลูกค้า และ Concrete Innovation คือ คุณภาพและมาตรฐานจะต้องมีผลทดสอบที่  จับต้องได้ นับจากนี้ กระบวนการทำงานในทุกขั้นตอนของเราจะอยู่ภายใต้วิสัยทัศน์ Inspired by you ไม่ว่าจะเป็นการพัฒนาผลิตภัณฑ์ การบริการ โลจิสติกส์ รวมไปถึงการทำตลาด การสร้างแบรนด์ และการสื่อสารกับลูกค้า” นายวัชระ กล่าว

“ปีนี้เราจะได้เห็นนวัตกรรมสีแบบใหม่ ๆ จากนิปปอนเพนต์ที่คิดค้นขึ้นจากการเข้าใจอย่างถ่องแท้และยึดลูกค้าเป็นศูนย์กลาง มุ่งแก้ปัญหาที่เป็น Pain Point ของลูกค้าแต่ละกลุ่ม ไม่ว่าจะเป็น สีคุณสมบัติพิเศษที่ช่วยลดขั้นตอนการทา และทำให้การทาสีเป็นเรื่องง่าย สีที่ใช้ในการตกแต่งที่จะได้รับการพัฒนาให้มีราคาต่ำลง แต่ยังคงประสิทธิภาพและความสวยงามครบถ้วน เช่น สีเท็กซ์เจอร์ สีสร้างลาย ซึ่งทำให้พื้นผิวของบ้านแต่ละคนมีความสวยงามแตกต่างกันในราคาที่ย่อมเยา รวมทั้งสีที่เจ้าของบ้านสามารถ DIY ทาได้ด้วยตัวเอง ช่วยลดความกังวลเรื่องการหาช่างที่ถูกใจ ขณะเดียวกัน เฉดสีที่มีให้เลือกถึง 2,338 เฉด ก็ยังเป็นจุดเด่นของนิปปอนเพนต์ที่จะทำให้คนรักบ้านสนุกกับการทาสีแต่งบ้านมากขึ้น”

สำหรับคนที่ชื่นชอบนวัตกรรมและเทคโนโลยีที่มอบความคุ้มค่า นิปปอนเพนต์จะพัฒนาต่อยอดสีนิปปอนเพนต์  เวเธอร์บอนด์ (Nippon Paint Weatherbond) ให้มีความทนทานสูงขึ้นอีก ซึ่งปัจจุบันสีนิปปอนเพนต์ เวเธอร์บอนด์ จัดเป็นสีเกรดอัลตร้าพรีเมียมที่ใช้เทคโนโลยีจากประเทศญี่ปุ่น เพื่อช่วยเสริมสร้างความแข็งแกร่งของฟิล์มสี       มีความทนทานยาวนานกว่า 15 ปี ส่วนคนที่ห่วงใยสุขภาพโดยเฉพาะบ้านที่มีผู้สูงอายุและเด็กเล็ก ๆ รวมถึง   สัตว์เลี้ยงแสนรัก นิปปอนเพนต์จะพัฒนาต่อยอดสีเพื่อสุขภาพนิปปอนเพนต์ แอร์แคร์ (Nippon Paint AirCare)  ให้มีคุณสมบัติดียิ่งขึ้น ปัจจุบันสีนิปปอนเพนต์ แอร์แคร์ จัดเป็นสีเกรดอัลตร้าพรีเมียม 15 ปี ที่มีมาตรฐานสูงมาก เป็นสีหนึ่งเดียวในประเทศไทยที่ได้รับตรารับรอง GREENGUARD GOLD CERTIFICATION มาตรฐานระดับโลก ขั้นสูงสุด จากสถาบัน UL สหรัฐอเมริกา ยืนยันความห่างไกลอันตรายจากสารระเหยเป็นพิษ และยังเป็น             สีที่ปราศจากสารระเหย (Zero VOCs) ที่เป็นอันตรายต่อร่างกาย ไร้กลิ่นฉุน ทาเสร็จเข้าอยู่ได้ทันที

นวัตกรรมสีทาภายใน นิปปอนเพนต์ แอร์แคร์ เกรดอัลตร้าพรีเมียม 15 ปี และ
สีทาภายนอก นิปปอนเพนต์ เวเธอร์บอนด์ เกรดอัลตร้า พรีเมียม เกรด 15 ปี

ผู้สนใจสามารถชมภาพยนตร์โฆษณาชุด Inspired by you : สีที่คิดเพื่อคุณ ได้ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปทางสื่อฟรีทีวี ดิจิทัลทีวี หรือคลิกชมได้ที่ https://fb.watch/qXXgjfU-08/  นอกจากนี้  นิปปอนเพนต์ยังได้ส่งแคมเปญ       Inspired by you : สีที่คิดเพื่อคุณ เป็นตัวแทนสื่อสารกับกลุ่มเป้าหมายผ่านสื่อทุกประเภทแบบ 360 องศา ทั้งสื่อวิทยุ สื่อ Out of Home รวมถึง KOL และโซเชียลมีเดียทุกช่องทาง ตาม Customer Journey ของลูกค้าด้วย  

โรช ไทยแลนด์ ร่วมสร้างอนาคตที่ผู้หญิงทุกคนมีสิทธิเท่าเทียม

account_circle

เนื่องในโอกาสวันสตรีสากลในเดือนมีนาคมนี้ ทั่วโลกเฉลิมฉลองความสำเร็จและรำลึกถึงการต่อสู้ของผู้หญิง และร่วมกันสร้างอนาคตที่ผู้หญิงทุกคนมีสิทธิเท่าเทียม โรช ไทยแลนด์ จัดงานเสวนาในหัวข้อ: “Lifting Women’s Voices to Inspire Inclusion: เพิ่มพลังเสียงของผู้หญิงเพื่อสร้างแรงบันดาลใจในความหลากหลายโดยไม่แบ่งแยก” ที่สนับสนุนให้ผู้หญิงหันมารักตัวเองมากขึ้นทั้งร่างกายและจิตใจเพื่อสุขภาพที่ดีอย่างยั่งยืน โดยได้รับเกียรติจาก พญ. ราตรี เจะเอาะ นายแพทย์ชำนาญการพิเศษ หัวหน้ากลุ่มงานสูติ-นรีเวชกรรม ประธาน Cancer Warrior มะเร็งปากมดลูกจังหวัดปัตตานี โรงพยาบาลปัตตานี เพื่อส่งเสริมความรู้ความเข้าใจให้ผู้หญิงชาวมุสลิมได้เข้าถึงการคัดกรองและรักษา และร่วมเป็นแรงบันดาลใจให้ผู้หญิงอีกหลายคนได้ตระหนักและเข้าถึงการดูแลสุขภาพของตนเอง และ พญ. แทนชนก รัตนจารุศิริ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคมะเร็งในผู้หญิงประจำสถาบันมะเร็งแห่งชาติ ที่มาบอกเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับโรคและให้คำแนะนำในการเข้าถึงการคัดกรองมะเร็งเต้านม เพื่อเสริมความรู้ความเข้าใจ รวมถึงสร้างแรงบันดาลใจให้ผู้หญิงไทยรักตัวเอง และตระหนักถึงความสำคัญของการดูแลสุขภาพยิ่งขึ้น

ปัจจุบันความเหลื่อมล้ำด้านสุขภาพของผู้หญิงยังคงอยู่ ระบบการรักษาพยาบาลอ้างอิงจากข้อมูลของผู้ชายเป็นหลัก เพียง 5% ของทรัพยากรด้านสุขภาพใช้สำหรับผู้หญิง และผลจากการวิจัยในคนถึง 74% ไม่ได้ถูกรายงานตามเพศสภาพ จากผลสำรวจด้านสุขภาพของผู้หญิง ในปี 2567 เห็นได้ชัดว่า ปัจจุบันผู้หญิงยังต้องเผชิญกับอุปสรรคมากมาย ทั้งด้านศาสนา วัฒนธรรม และสังคม ทำให้ผู้หญิงไม่ให้ความสำคัญกับสุขภาพตัวเองเท่าที่ควร โดยมากกว่า 61% ของโรคในผู้หญิงมักถูกประเมินค่าต่ำในระบบการบริการดูแลสุขภาพ  และมากถึง 71% ของผู้ชาย ไม่ตระหนักถึงความสำคัญของโรคในผู้หญิง นอกจากนี้โรคภัยไข้เจ็บที่เกิดกับผู้หญิง อาทิ โรคมะเร็งเต้านมและมะเร็งปากมดลูก กลับยังมีอัตราการรับรู้ที่ต่ำอย่างมีนัยสำคัญ ผู้หญิงเกินกว่าครึ่งยังไม่มีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับความจำเป็นของการตรวจคัดกรองโรค รวมถึงผู้หญิงยังต้องเผชิญกับอุปสรรคที่ทำให้ไม่สามารถตรวจคัดกรองได้ตั้งแต่เนิ่น ๆ เช่น ภาระหน้าที่ทางครอบครัว ความอับอายในการเข้าพบแพทย์ หรือแม้กระทั่งความเชื่อทางศาสนาที่มีผลต่อการเปิดใจรับการตรวจคัดกรองจากแพทย์ เป็นต้น

นายฟาริด บิดโกลิ ผู้จัดการทั่วไป โรช ไทยแลนด์ เมียนมาร์ กัมพูชา และลาว กล่าวว่า “โรช ให้ความสำคัญกับสุขภาพของผู้หญิงเป็นอย่างมาก เนื่องจากปัจจุบันยังมีความท้าทายในการเข้าถึงการตรวจและการรักษาในโรคสำคัญของผู้หญิง โดยเฉพาะโรคมะเร็งอันดับต้นในผู้หญิง ทั้งมะเร็งเต้านม และมะเร็งปากมดลูก ซึ่งนับตั้งแต่ปี 2563 โรช ไทยแลนด์ ได้ร่วมกับกลุ่มพันธมิตรต่าง ๆ ทั้งภาครัฐและเอกชนในการสร้างเครือข่ายและโครงการนำร่องให้แก่ประชาชน นำไปสู่การสร้างการเปลี่ยนแปลงในระบบการดูแลสุขภาพของผู้หญิงไทย ซึ่งหนึ่งในนั้นคือ โครงการมิชชัน ลีปฟรอก ที่มุ่งเน้นถึงการเปลี่ยนแปลงการดูแลสุขภาพสำหรับผู้หญิงในสังคมไทย โดยเฉพาะในกลุ่มผู้หญิงที่เข้าถึงยากและเปราะบาง เช่น ชาวมุสลิมในจังหวัดปัตตานีผ่านการทำโครงการคัดกรองมะเร็งปากมดลูกด้วยตนเองได้ที่บ้านผ่านไปรษณีย์ เพื่อเป็นทางเลือกที่เพิ่มขึ้น ให้ผู้หญิงไทยสามารถเข้าถึงการรักษาได้อย่างเท่าเทียม” 

พญ. ราตรี เจะเอาะ หนึ่งในแพทย์ผู้ช่วยผลักดันและเป็นกระบอกเสียงในโครงการมิชชัน ลีปฟรอก เพื่อจัดกิจกรรมตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูกและให้ความรู้แก่ผู้หญิงในจังหวัดปัตตานี ได้ฝากถึงผู้หญิงทุกคนว่า “ผู้หญิง ไม่ว่าอยู่ที่ไหนในโลก ก็มีสัญชาตญาณปกป้องตัวเองและลูกน้อยของตน ผู้หญิงเราคือหลักยึดเหนี่ยวจิตใจให้คนในครอบครัว การรักตัวเอง ดูแลสุขภาพของตนเอง เป็นสิ่งที่เราต้องให้ความสำคัญ ศาสนาไม่ใช่ข้อจำกัดที่เราจะปฏิเสธการตรวจคัดกรองโรคต่าง ๆ โรคร้ายในผู้หญิงอย่างมะเร็งเต้านมและมะเร็งปากมดลูก ถือเป็นเรื่องใกล้ตัวที่ผู้หญิงทุกคนมีความเสี่ยงและไม่ควรถูกละเลย เราควรยึดร่างกายของตัวเองเป็นสำคัญ รักษาสิทธิ์ในร่างกายที่ทุกคนพึงมี และเปิดใจกับการเข้ารับการตรวจคัดกรองอย่างสม่ำเสมอ เพื่อการมีสุขภาพที่แข็งแรงอย่างยั่งยืน”

พญ. แทนชนก รัตนจารุศิริ กล่าวเสริมว่า “โรคมะเร็งเต้านมและมะเร็งปากมดลูก คือมะเร็งที่พบมากที่สุดในเพศหญิง โดยโรคมะเร็งเต้านมพบมากเป็นอันดับ 1 และมีอัตราการเสียชีวิตเป็นอันดับ 2 รองจากมะเร็งปอด แต่ความน่ากลัวของมะเร็งเต้านมจะลดลงตามความเร็วในการค้นพบ ดังนั้นการใส่ใจตรวจหามะเร็งเต้านมเป็นเรื่องที่ผู้หญิงทุกคนควรให้ความสำคัญ หากตรวจพบได้ตั้งแต่ระยะเริ่มต้น และทำการรักษาอย่างถูกต้อง โรคมะเร็งเต้านมมีโอกาสสูงมากที่จะหายขาดได้ ผู้หญิงที่มีอายุต่ำกว่า 40 ปี สามารถตรวจเต้านมด้วยตนเอง อย่างน้อยเดือนละ 1 ครั้ง และหลังจากอายุ 40 ปี ควรได้รับการตรวจทุก 1 ปี ควรทำแมมโมแกรม และ/หรือ อัลตราซาวน์ ปีละ 1-2 ครั้ง” 

โรคมะเร็งหรือโรคในผู้หญิงมักไม่แสดงอาการในระยะเริ่มต้น ดังนั้นผู้หญิงส่วนใหญ่อาจละเลยในการตรวจคัดกรองตั้งแต่เนิ่น ๆ ส่งผลต่ออัตราการตรวจคัดกรองที่ต่ำอย่างน่าตกใจ โดยผู้หญิงเพียง 27% จะเข้าตรวจคัดกรองมะเร็งเต้านมเมื่อมีอาการ และผู้หญิงเพียง 25% จะเข้าตรวจมะเร็งปากมดลูกเมื่อรู้สึกถึงความผิดปกติเท่านั้น ซึ่งเปอร์เซ็นต์ดังกล่าวหมายความว่าผู้หญิงกว่าสองร้อยล้านคนทั่วโลกยังไม่เคยเข้าตรวจคัดกรองโรคมะเร็งปากมดลูก และการยืดระยะเวลาการตรวจคัดกรองนั้นอาจทำให้โรคร้ายที่สามารถรักษาให้หายขาดได้กลายเป็นโรคที่คร่าชีวิตผู้หญิงไปอย่างน่าเสียดาย

“โรช ไม่เพียงส่งเสริมให้ผู้หญิงทั่วโลกเข้าถึงการตรวจและการรักษาในโรคต่าง ๆ เท่านั้น แต่เรายังส่งเสริมเรื่อง Diversity, Equity & Inclusion (DE&I) แก่พนักงานภายในองค์กรอีกด้วย และเรายังคงสนับสนุนให้ผู้หญิงในประเทศไทยมีความรู้ความเข้าใจในโรคมะเร็งอย่างต่อเนื่อง เพราะมะเร็งเต้านมและมะเร็งปากมดลูกไม่เพียงแค่ส่งผลต่อชีวิตของผู้ป่วย แต่กระทบกระเทือนถึงครอบครัวและคนที่เรารักด้วย ดังนั้นเราจึงยืนหยัดต่อความเสมอภาค และจะทำงานเพื่อยกระดับคุณภาพชีวิต ที่มาพร้อมสุขภาพกายและใจที่ดีขึ้นของผู้หญิงไทยทุกคน” นายฟาริด บิดโกลิ กล่าวเสริม 

สุดท้ายนี้ โรช ไทยแลนด์ ขอร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการส่งเสริมและสนับสนุนผู้หญิงไทยให้มองเห็นคุณค่าของตัวเอง ตระหนักถึงความเท่าเทียมทางเพศ และช่วยกันสร้างสรรค์สิ่งดี ๆ พร้อมส่งต่อแรงบันดาลใจให้ผู้อื่นเพื่อมาร่วมต่อสู้กับโรคมะเร็งไปพร้อม ๆ กัน

Universal Woman Asia

“เจนนี่ – เจนนิเฟอร์ พรลิตา” คว้ามงกุฎ Universal Woman Asia จากเวที Universal Woman 2024

Alternative Textaccount_circle
Universal Woman Asia
Universal Woman Asia

จบลงไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว สำหรับเวทีการประกวด Universal Woman ประจำปี 2024 ซึ่งในปีนี้มีผู้หญิงที่มีเอกลักษณ์โดดเด่นกว่า 44 ประเทศเข้าร่วมการประกวด โดยการประกวดในรอบสุดท้ายจัดขึ้นเมื่อวันที่ 22 มีนาคม 2567 ที่ผ่านมา ณ เมืองพนมเปญ ประเทศกัมพูชา

โดยสาวมากความสามารถ “เจนนี่ – เจนนิเฟอร์ พรลิตา” ตัวแทนของประเทศไทย คว้ามงกุฎ Universal Woman Asia 2024 และติดอันดับรอบ 24 คนสุดท้ายบนเวทีการประกวดนางงามระดับสากลมาได้อย่างน่าประทับใจ

Universal Woman Asia

สาวไทยสวยเก่ง “เจนนี่ – เจนนิเฟอร์ พรลิตา” คว้ามงกุฎ Universal Woman Asia จากเวทีการประกวดนางงามระดับสากล Universal Woman 2024

สำหรับ “เจนนี่ – เจนนิเฟอร์ พรลิตา” วัย 31 ปี สูง 170 เซนติเมตร จบการศึกษาระดับ Major Economic จากมหาวิทยาลัยในประเทศสวีเดน เธอสร้างความประทับใจให้กับคณะกรรมการและผู้ชมด้วยความสวยสง่า บวกกับบุคลิกความมั่นใจที่โดดเด่น จนสามารถคว้าตำแหน่ง Universal Woman Asia ประจำปี 2024 ของเวที Universal Woman ในปีนี้มาครอบครองได้สำเร็จ ซึ่งเธอได้เผยความรู้สึกหลังจากเสร็จสิ้นภารกิจสำคัญครั้งนี้เอาไว้ว่า 

Universal Woman Asia

“รู้สึกภูมิใจและเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้เป็นตัวแทนประเทศไทย และคว้าตำแหน่ง Universal Woman Asia 2024 มาครองได้สำเร็จ เจนนี่จะใช้ตำแหน่งนี้ในการส่งเสริมวัฒนธรรมไทยและมนต์เสน่ห์ความสวยงามของเมืองไทยให้เป็นที่รู้จักมากยิ่งขึ้น พร้อมช่วยเหลือผู้ด้อยโอกาสและสร้างแรงบันดาลใจให้กับผู้หญิงทั่วโลกไปพร้อมกันค่ะ”

Universal Woman Asia
Universal Woman Asia: Representing Thailand
Universal Woman America: Representing Argentina
Universal Woman Africa: Representing Kenya
Universal Woman Caribbean: Representing Puerto Rico
Universal Woman Europe: Representing Great Britain
Universal Woman Oceania: Representing Australia
Universal Woman Pacific: Representing Honduras
Universal Woman Asia

นอกจากนี้เธอยังได้กล่าวขอบคุณทุกคนที่ให้การสนับสนุน และจะพยายามทำหน้าที่ให้ดีที่สุดกับภารกิจหลังรับตำแหน่งกับทาง Universal Woman ประจำปี 2024 ที่จะเกิดขึ้นในเร็วๆ นี้ต่อไป

สำหรับตำแหน่ง Universal Woman ประจำปี 2024 อันดับ 1 ตกเป็นของ Maria Gigante จากประเทศฟิลิปปินส์ โดยมีผู้เข้ารอบ 5 คนสุดท้าย ได้แก่ Maria Gigante (Philippines) , Chelsi Smith (Jamaica) , Alexandra Swayne (Canada) , Danica Felecia (Indonesia) และ Olga Avramenko (Ukraine)

Universal Woman

สำหรับการประกวด Universal Woman เป็นเวทีที่เปิดโอกาสให้ผู้หญิงที่มีอายุระหว่าง 25 – 45 ปี ได้แสดงพลังของผู้หญิงที่ต่างมีความงดงาม โดยไม่จำกัดเรื่องสถานภาพ ทั้งเรื่องการสมรสและการมีบุตร เพื่อแสดงให้เห็นว่าผู้หญิงทุกคนสามารถแสดงถึงพลังในการทำสิ่งดีๆ ให้กับโลกใบนี้ พร้อมทั้งยังสามารถเป็นแรงบันดาลใจให้กับผู้หญิงทั่วโลก เพราะหัวใจที่อยากทำสิ่งดีๆ เพื่อสังคม ถือเป็นความสวยจากภายในที่จะเปล่งประกายสู่ภายนอก

Universal Woman Asia
Universal Woman Asia
บี – วิภาพร สัตยาอภิธาน Universal Woman Thailand 2023 และ ฟ้าใส – ปวีณสุดา ดรูอิ้น

Follow: Universal Woman Thailand เวทีนางงามยุคใหม่แห่งความงามของผู้หญิงในทุกมิติ
Visit our linktr.ee/universalwoman.th
Universal Woman TH 2024 IG: @jennigustavson
National Director IG: @beesataya


สงบศึกกับ SPF ซัมเมอร์นี้ด้วยกองทัพกันแดดจาก ANESSA ควีนแห่งกันแดดที่เน้นการปกป้องพร้อมให้ผิวสวย ฉ่ำโกล์ว ออกแบบมาเพื่อวาสนาของสาวเมืองร้อนที่แท้จริง

account_circle

เธอจ๋า เธอก็รู้ว่าประเทศไทยมี 3 ฤดู SUMMER/ SUMMERER/ SUMMEREST มันมีแต่ร้อนขั้นกว่ากับร้อนขั้นสุดค่ะสาว และจากการพยากรณ์ของกรมอุตุฯ ปีนี้ก็ไม่มีอะไรให้ใจฟู ทุกสำนักฟันธงตรงกันว่าอากาศจะร้อนแบบสิ้นหวังมาก ฉะนั้นเตรียมพร้อมเลยจ่ะ ศึกครั้งนี้ไม่ใช่เรื่องเบาเพราะเราอยู่ในประเทศที่อากาศเหมือนซ้อมตกนรกตลอดเวลา

พัดชาเป็นคนหนึ่งที่เฟ้นหากันแดดที่ชอบและจะใช้ไปได้นานๆ มาตลอด เพราะกันแดดที่ไม่เห็นผลจะทำให้คนขี้เกียจอย่างเราเลิกทากันแดดไปในที่สุด แล้วผลลัพธ์เป็นไง มันไม่ใช่แค่หมองคล้ำแต่ฝ้ากระ ริ้วรอยแห่งวัยต่างๆ ก็กลับมา SAY HI กันพรึบพรั่บ ซึ่งนั่นคือสัญญาณของผิวแก่ก่อนวัย

จังหวะดีที่ ANESSA แบรนด์กันแดดอันดับ 1 จากประเทศญี่ปุ่น ดินแดนแห่งนวัตกรรมกันแดดที่น่าเชื่อถือที่สุด เขาอาสาส่งผลิตภัณฑ์ ANESSA GOLD SERIES แบบครบเซ็ตรวมถึง ANESSA NIGHT SUN CARE SERUM ไนท์เซรั่มกู้ปัญหาผิวคล้ำเสียจากแสงแดดมาให้พิสูจน์ ท้ามาแบบนี้จะรออะไร…ไปเริ่มกันเลย

ANESSA GOLD SERIES ยิ่งร้อนก็ยิ่งเริ่ด

เป็นคอลเลคชั่นกันแดดที่โด่งดังคุ้นหน้าคุ้นตากันดี แต่ต้องขอมาเล่าความดีงามพร้อมกับรีแคปทีละตัวให้ฟังกันอีกที เพราะบางคนอาจยังไม่ทราบว่ากันแดดรุ่น GOLD SERIES สีทองนี้เขามีหลากหลายรูปแบบขึ้นอยู่กับความถนัดและสถานการณ์ที่จะเลือกใช้

ความเจ๋งที่ทำให้ผลลัพธ์การปกป้องผิวของ ANESSA GOLD SERIES ว้าวกว่ากันแดดทั่วไปคือนวัตกรรม AUTO REPAIR TECHNOLOGY เพิ่มประสิทธิภาพในการปกป้องผิวจากรังสี UV อย่างต่อเนื่อง ไม่หลุดทุกการเคลื่อนไหว และ AUTO BOOSTER TECHNOLOGY ที่ช่วยบูสประสิทธิภาพกันแดดเมื่อผิวต้องสัมผัสกับความร้อน เหงื่อ น้ำ และความชื้นในอากาศ เพราะฉะนั้นจากปัญหาทากันแดดแล้วปกป้องได้แป๊บเดียว ANESSA ใช้นวัตกรรมนี้ทำให้ยิ่งร้อน ยิ่งเหงื่อ ยิ่งโดนน้ำก็ยิ่งเพิ่มประสิทธิภาพการปกป้อง ซึ่งมันเหมือนถูกสร้างมาสำหรับประเทศร้อนชื้น เปียกปอนอย่างบ้านเรา

ผลลัพธ์เกินเรื่องกับผิวฉ่ำโกล์วหลังใช้

ไม่ใช่เพียงปกป้องผิวจากแสงแดด แต่นวัตกรรมของเขาดูแลเลยไปถึงเรื่องความงดงามของผิวไม่ต่างจากสกินแคร์ดีๆ ชิ้นหนึ่ง

ANESSA GOLD SERIES มี SKIN BEAUTIFYING SUN ESSENCE ส่วนผสมของสารบำรุงผิวนานาชนิดที่ช่วยลดเลือนจุดด่างดำ ริ้วรอยเล็กๆ ปัญหากวนใจที่แสงแดดตัวร้ายทำทิ้งไว้ ซึ่งถือเป็นภัยเงียบที่พบบ่อย หลายครั้งที่รู้สึกว่าผิวดูหมองลงแต่เดาไม่ออกว่าเกิดจากปัญหาอะไร ที่แท้แล้วเกิดมาจากจุดด่างดำเล็กๆ ที่ฝังตัวอยู่ในผิวรวมถึงความแห้งกร้านที่กลายเป็นฟิลเตอร์ความหมองคล้ำทำให้สวยไม่สุด ซึ่ง SKIN BEAUTIFYING SUN ESSENCE นี้เองเป็นตัวช่วยแก้ปัญหาจนผิวกลับมาดูฉ่ำโกล์ว เปล่งปลั่งสุขภาพดีได้อีกครั้ง

ANESSA GOLD SERIES 3 ชิ้นปิดจบสงบศึกกับยูวี

ANESSA PERFECT UV SUNSCREEN SKINCARE MILK (GOLD MILK)

ชิ้นนี้เป็นตัวที่พัดชาหยิบขึ้นมาใช้บ่อยมากโดยเฉพาะเวลารีบๆ เพราะน้องเขาบางเบาซึมซาบไวจริง ปกกันรังสียูวีได้แบบเต็มสูบ เนื้อสัมผัสพอบีบออกมาจะมีความไหลนิดๆ แบบน้ำนมซึ่งทาแล้วเข้าผิวไวมาก หายวับไปเลยโดยไม่ทิ้งความรู้สึกเหนอะหนะ ทำให้มูฟออนไปสู่ขั้นตอนต่อไปได้อย่างรวดเร็ว

เคยใช้ออกไปเจอความร้อนที่ต้องออกงานแบบเอ้าท์ดอร์อยู่ 3 วันติดบอกเลยว่าว้าวสุดๆ ที่กลับมาพร้อมกับผิวที่ไม่หมองคล้ำลง ไม่แห้งกร้านแถมยิ่งใช้ต่อเนื่องยิ่งรู้สึกว่าผิวฉ่ำชุ่มชื้นขึ้น ทำให้มั่นใจกับการทำกิจกรรมกลางแจ้งขึ้นมาก แต่แม้จะไม่ออกแดดก็ยังคงใช้ตัวนี้ต่อเนื่องเพราะเชื่อมั่นในประสิทธิภาพการป้องกันของเขาจริงๆ ตัวนี้มี 2 ขนาดให้เลือก ขนาด 60 ML ราคา 1,050 บาท และขนาด 20 ML ราคา 395 บาท

ANESSA PERFECT UV SUNSCREEN SKINCARE GEL (GOLD GEL)

ส่วนน้องคนนี้เนื้อสัมผัสจะเซ็ตตัวกว่าตัวแรกเป็นเนื้อแบบเจลครีม ซึ่งก็ยังอยู่ในหมวดที่เป็นเนื้อสัมผัสแบบเบาสบาย กันแดดแบรนด์นี้บอกเลยว่าไม่มีตัวไหนเหนอะหนะหรือมีกลิ่นประหลาดให้เอ๊ะเลย ทำให้รู้สึกสุนทรีย์กับการทากันแดดมากขึ้น

ตัวนี้พัดชามักจะใช้กับวันที่แน่ใจว่าร้อนมากๆ เปียกมากๆ เพราะเนื้อสัมผัสเขาจะหนากว่าตัวแรกเล็กน้อยทำให้มั่นใจว่าป้องกันแบบเอาอยู่จริงๆ ที่ชอบมากๆ ก็คือใช้ก่อนลงเมคอัพแต่งหน้าเพื่อถ่ายรูปแล้วไม่มีลอยไม่มีว่อก สวยเป๊ะเป็นธรรมชาติมากๆ ขนาด 90 กรัม ราคา 950 บาท

ANESSA PERFECT UV SUNSCREEN SKINCARE SPRAY (GOLD SPRAY)

ชิ้นนี้คือไม่มีไม่ได้จริงๆ สเปรย์กันแดดที่สามารถใช้ได้ทั้งหน้า ผิว และผม ฉีดได้ทั้งวัน ฉีดทับเมคอัพก็ได้   ที่ติดใจคือมันว่องไวช่วยให้ชีวิตสะดวกสบายขึ้นม๊าก หากวันไหนลืมทากันแดดจริงๆ ก็จะมีตัวนี้ช่วยปิดจบ และเป็นชิ้นที่ต้องพกติดรถไปสำหรับวันที่ตั้งใจว่าจะต้องมีกิจกรรมยาวนานตลอดวัน ใช้สูตรสเปรย์ฉีดซ้ำไปอีกรอบเพิ่มการปกป้องให้ยาวนานขึ้นไปอีก เขาออกแบบชิ้นนี้ให้ฉีดได้หมดทั้งผิวหน้า ผิวกายและเส้นผม ยอมรับว่าติดใจในความง่ายสะดวกจนทำให้รู้สึกว่าการใช้กันแดดไม่เป็นภาระอีกต่อไป ขนาด 60 กรัม ราคา 650 บาท

ANESSA NIGHT SUN CARE SERUM ผลิตภัณฑ์กันแดดสำหรับไนท์ไทม์?? ไหนใครงงยกมือขึ้น!!

ผลิตภัณฑ์กันแดดสำหรับไนท์ไทม์?? ยอมรับว่าไม่ได้ยินจากแบรนด์อื่น ครั้งแรกหลายคนคงงงว่าเราจะป้องกันรังสียูวีกันทำไมในเมื่อกำลังปิดไฟเข้านอน ไม่ใช่จ่ะสาว ตัวนี้เขาเป็นไนท์เซรั่มที่ช่วยกู้ชีพผิวคล้ำเสียและริ้วรอยจุดด่างดำจากที่เราสู้กับรังสียูวีมาตลอดทั้งวัน ANESSA เขาห่วงใยไปจนถึงเวลาค่ำคืนช่วงเวลาที่ผิวจะฟื้นตัวได้ดีที่สุด

ตกหลุมรักน้องเขามาตั้งแต่แพคเกจจิ้ง สวยจึ้งใจจริงและดูลักชัวรีมากๆ เวลาวางอยู่บนโต๊ะเครื่องแป้ง ถือเป็นชิ้นที่กู้ภัยผิวสงบศึกให้ผิวกลับมา Recovery ตัวเองได้เป็นอย่างดี หลายครั้งที่เผชิญกับแสงแดดมาทั้งวันจนรู้สึกว่าร้อนผ่าวผิวคล้ำ ก็จะได้เซรั่มตัวนี้ช่วยฟื้นฟูให้ผิวกลับมารู้สึกชุ่มชื่น ฉ่ำโกลว์และเรียบเนียนได้อย่างรวดเร็ว แถมยังช่วยลดเลือนจุดด่างดำเก่าๆ ให้หายไปด้วย

ความดีงามอีกข้อคือใช้ได้ทั้งกับผิวหน้าและผิวกาย ฟื้นฟูทั้งเฟสและบอดี้ไปด้วยกัน ทำให้รู้สึกว่าการเกิดเป็นสาวเมืองร้อนมันก็ไม่ได้โหดอย่างที่คิด มีขายแค่ที่วัตสันเท่านั้น ขนาด 180 ML ราคา 990 บาท

สรุปได้เลยว่า ANESSA คือกันแดดที่ทำให้พัดชากลับมามีไฟในการทากันแดดอีกครั้ง นั่นก็เพราะใช้แล้วเห็นผล ใช้แล้วไม่รู้สึกว่าเสียเวลาเปล่า นอกจากจะไม่หมองไม่คล้ำแล้วความฉ่ำแบบผิวสุขภาพดีก็ตามมา ถือว่าเป็นกันแดดคุณภาพที่เวลาใครมาถามหรือขอคำแนะนำก็ต้องเป็นชื่อ ANESSA ทุกครั้ง

เขาทำให้เรากลับเข้าวงการกันแดดได้อีกครั้ง จะไม่รักคุณเขาได้ไง

ANESSA พร้อมให้คุณท้าแดดอย่างมั่นใจในทุกกิจกรรม วางจำหน่ายแล้ววันนี้ที่ Watsons, EVEANDBOY, Tops, Boots, Tsuruha, Matsukiyo, Beautrium, Donki, Sephora และช่องทางออนไลน์ Watsons Online, Lazada flagship store, Shopee flagship store และ Konvy

ปีเตอร์แพน-ทัศน์พล

เปิดวาร์ปเพื่อนนางเอกงานดี ปีเตอร์แพน-ทัศน์พล จากดวงใจเทวพรหม

Alternative Textaccount_circle
ปีเตอร์แพน-ทัศน์พล
ปีเตอร์แพน-ทัศน์พล

ฮอตรองมาจากอากาศ ก็หนุ่ม “ปีเตอร์แพน-ทัศน์พล วิวิธวรรธ์” นี่แหละ!! เพราะนอกจากตอนนี้งานละครจะรุมยาวหลายเรื่องรวด ผลพวงมาจากบทบาทของ พระองค์เจ้าพันพิชากร ในละครเรื่อง “หมอหลวง” สู่ “ซัน สุลิยา” ในละครชุดดวงใจเทวพรหม ตอน ลออจันทร์ ก็ฮอตไม่แพ้กัน ทะยานขึ้นแท่นหนุ่มฮอตไปแบบเก๋ๆ กับความหล่อประกบข้างกายนางเอกไม่ห่าง จนมีเปิดวาร์ปเพื่อนนางเอกหล่อบอกต่อด้วย ซึ่งผลงานละคร ลออจันทร์ ก็ทำให้ปีเตอร์แพนได้กลับมาร่วมงานกับ ครอบครัวของผู้กำกับรุ่นใหญ่ อ๊อฟ พงษ์พัฒน์ ที่เคยร่วมงานด้วยมาตั้งแต่ยังเป็นนักแสดงเด็ก

ปีเตอร์แพน-ทัศน์พล

ปีเตอร์แพน เผยว่า“ เพิ่งจะเห็นวาร์ปเหมือนกันครับ เห็นว่ามีเป็นทั้ง 4 หนุ่มจากละครลออจันทร์เลย ก็ต้องขอบคุณแฟนๆทุกคนที่เอ็นดูและซัพพอร์ตนักแสดงทุกคน คาแรคเตอร์ตัวละครทุกตัวด้วยนะครับ มันเป็นกำลังใจให้กับพวกเรานักแสดงทุกคนจริงๆ ได้เล่นเป็น ซัน สุลิยา เพื่อนสนิทที่สุดของลออ พร้อมจะทำทุกอย่างเพื่อเค้าและไปกับเค้าทุกที่ครับ ละครเรื่องนี้ทำให้ผมต้องไปฝึกสกิลหลายๆอย่างมากครับ ทำให้เรารู้สึกเข้าถึงบทบาทเข้าไปอีกขั้นหนึ่ง สกิลก็จะมีทั้ง ยิงปืน ขี่ม้า ขับมอเตอร์ไซค์ แล้วก็คิวบู๊ครับ ตอนซ้อนมอเตอร์ไซค์ไม่รู้ว่าผมหรือจีน่าเกร็งกว่ากันนะครับ (หัวเราะ) หยอกเล่นครับ

มอเตอร์ไซค์ที่นำมาเข้าฉากนั้นเป็นทรงวินเทจ ทำให้ต้องใช้เท้าสตาร์ท ต้องคัทหลายรอบแต่สุดท้ายก็ผ่านไปได้ด้วยดีครับ ตอนเด็กหลายครั้งได้ร่วมงานกับลุงอ๊อฟ ไม่ว่าจะเป็นพระจันทร์สีรุ้ง วายุภัคมนตรา ล่าสุดรับเชิญรากนครา แล้วพอมาเรื่องนี้ ถึงแม้ลุงอ๊อฟจะไม่ได้กำกับ แต่ก็เรียกได้ว่ายังเป็นโปรเจกต์ในบ้านลุงของอ๊อฟอยู่ ก็รู้สึกดีใจมากๆเลยครับ ตอบตกลงทันที

ปีเตอร์แพน-ทัศน์พล

เป็นครั้งแรกที่ได้ร่วมงานกับพี่บีบี รู้สึกโชคดีมากครับ พี่บีบีเหมือนกับพี่สาวที่คอยดูแลแก๊งค์เด็ก ๆ น้อง ๆ ในกอง เป็นผู้จัดที่เราพูดคุยด้วยได้ทุกเรื่อง เป็นคนที่เทคแคร์ใส่ใจทุกคนดีมาก ต้องขอบคุณ พี่อู๋ผู้กำกับ พี่บีบีผู้จัด ทีมงานทุกฝ่ายครับ ขอบคุณผู้ใหญ่ทางช่องที่ให้โอกาสผมมาตลอด ขอฝากละครลออจันทร์ไว้ด้วยครับ แล้วเมษานี้จะมีการรีรันละคร พรหมลิขิต ภายในปลายปีนี้คาดว่าน่าจะได้ดูเรื่อง เงินงานความรัก ของทางค่าย Master One ครับ

ส่วนที่ถ่ายทำอยู่ก็มีเรื่อง หนึ่งในร้อย ของพี่แอนทอง และ เหนือพรหมลิขิต ของกันตนา ซึ่งน่าจะได้ดูกันภายในภายในปีหน้าครับผม ระหว่างนี้ถ้าคิดถึงกันก็สามารถมาพูดคุยติดตาม กันได้ผ่านช่องทาง IG, TikTok, X(Twitter) @peterpanzz_w ครับผม ขอบคุณแฟนคลับทุกคนที่คอยซัพพอร์ตมาเสมอเช่นกัน แล้วก็ต้องขอบคุณตนเองที่ยังไม่ยอมแพ้ครับ“

แผนออกกำลังกายที่สมดุล

แผนออกกำลังกายที่สมดุล คืออะไร? เพื่อผลลัพธ์ด้านสุขภาพที่เร็ว และเริ่ดกว่าเดิม

Alternative Textaccount_circle
แผนออกกำลังกายที่สมดุล
แผนออกกำลังกายที่สมดุล

ปรับเปลี่ยนการออกกำลังกายใหม่ด้วย แผนออกกำลังกายที่สมดุล เพื่อผลลัพธ์ที่ดีและเร็วขึ้น เริ่มต้นด้วยการค้นหาสิ่งที่ยังขาดหายไปจากตารางการออกกำลังกายของตัวเอง โดยแนวทางที่ดีที่สุดในการใช้ชีวิตอย่างกระฉับกระเฉงมีสุขภาพดี คือการเลือกใช้แนวทางที่สมดุล เพราะการฝึกที่สมดุลและมีระเบียบแบบแผนจะช่วยให้ออกกำลังกายได้อย่างมีประสิทธิภาพ ช่วยลดอาการบาดเจ็บ และอาจพัฒนาผลการฝึกโดยรวมให้ดีขึ้น เพื่อให้บรรลุเป้าหมายของตัวเองได้เร็วกว่าเดิม 

ส่วนที่อยากแนะนำเกี่ยวกับการออกกำลังกายไว้คือ เราทุกคนต่างก็มีการออกกำลังกายแบบที่ชอบและไม่ชอบ ให้เราปรับเปลี่ยนการออกกำลังกายโดยยึดตามสิ่งที่เรารัก ซึ่งเป็นวิธีที่ดีที่สุดที่ทำให้เรามีแรงบันดาลใจและยอมทุ่มเทเพื่อบรรลุเป้าหมาย โดยองค์ประกอบสำคัญที่ทุกแผนการออกกำลังกายที่ดีควรมี ได้แก่ 

การยืดกล้ามเนื้อ การยืดกล้ามเนื้อเป็นประจำช่วยให้เรามีความมั่นใจและทำให้เราคุ้นเคยกับรูปแบบการเคลื่อนไหวของร่างกายในท่าต่างๆ มากขึ้น รวมทั้งยังช่วยพัฒนาให้ข้อต่อมีความมั่นคง กล้ามเนื้อยืดหยุ่น และลดความตึงของกล้ามเนื้อได้อีกด้วย การวอร์มอัพโดยการยืดกล้ามเนื้อด้วยท่าที่เน้นการเคลื่อนไหว (Dynamic Stretching) และการยืดกล้ามเนื้อแบบยืดเหยียดค้างไว้หลังการออกกำลังกาย (Static Stretching) อาจจะกินเวลาเพียง 10 นาที แต่สามารถสร้างความรู้สึกที่แตกต่างได้มาก ดังนั้นอย่าลืมวอร์มร่างกายก่อนออกกำลังกายทุกครั้ง และปิดท้ายด้วยคูลดาวน์

คาร์ดิโอ เป็นกิจกรรมที่ดีต่อหัวใจ หลอดเลือด และเผาผลาญแคลอรี่ส่วนเกิน เพราะว่าหัวใจของเราคือกล้ามเนื้อ ดังนั้นการกระตุ้นให้หัวใจได้ทำงานหนัก 2-3 วันต่อสัปดาห์ จะช่วยให้หัวใจทำงานได้ดีขึ้น หากคุณทำกิจกรรมที่กระตุ้นสุขภาพหัวใจและหลอดเลือดเป็นประจำอยู่แล้ว ก็อาจช่วยให้อัตราการเต้นของหัวใจขณะพักช้าลง ซึ่งจะเป็นผลดีต่อสุขภาพในระยะยาว มีกิจกรรมมากมายให้เลือก การเดิน วิ่ง ปั่นจักรยาน และว่ายน้ำ ทุกกีฬาล้วนแล้วแต่เป็นที่นิยม แต่ไม่ว่าจะเลือกออกกำลังกายแบบไหน หากเป็นการออกกำลังกายที่ทำให้อัตราการเต้นของหัวใจสูงขึ้นถือว่าได้ผลดีทั้งนั้น การออกกำลังกายแบบคาร์ดิโอระดับปานกลางอย่างน้อย 150 นาทีต่อสัปดาห์ หรือออกกำลังกายแบบหนัก 75 นาทีต่อสัปดาห์ หรือทั้งสองอย่างผสมผสานกัน ถือเป็นความถี่ที่ดีและมีประโยชน์ต่อสุขภาพ

ฝึกความแข็งแกร่ง เมื่อเราเพิ่มการฝึกแบบใช้แรงต้านในตารางการออกกำลังกายประจำวัน เราจะเริ่มรับรู้ถึงรูปร่างและความรู้สึกที่เปลี่ยนไป ไขมันส่วนเกินในร่างกายจะหายไป ส่วนมวลกล้ามเนื้อจะเพิ่มขึ้น ซึ่งไม่เพียงส่งผลดีต่อรูปลักษณ์ภายนอกเท่านั้น แต่ยังช่วยให้ร่างกายเผาผลาญแคลอรี่ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ร่างกายที่มีมวลกล้ามเนื้อในปริมาณมากจะใช้แคลอรี่ในการรักษากล้ามเนื้อมากกว่าคนที่มีน้ำหนักเท่ากันแต่มีเปอร์เซ็นต์ไขมันในร่างกายสูงกว่า ซึ่งเราสามารถกระตุ้นกล้ามเนื้อให้เพิ่มขึ้นได้จากการออกกำลังกายโดยใช้น้ำหนักตัวเป็นแรงต้าน หรือการยกน้ำหนักเป็นประจำ การออกกำลังกายแบบใช้แรงต้าน 3-4 ครั้งต่อสัปดาห์ ร่วมกับการกินอาหารที่มีโปรตีนสูง จะช่วยให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีเยี่ยม

ฝึกความทนทาน การออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอและยาวนานมากพอ สามารถช่วยพัฒนาความแข็งแรงของกล้ามเนื้อ และเพิ่มระดับความทนทานได้ รวมทั้งเมื่อเราออกกำลังกาย ร่างกายจะต้องส่งออกซิเจนและสารอาหารไปยังเนื้อเยื่อต่างๆ เพื่อช่วยให้หัวใจและหลอดเลือดทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น เมื่อหัวใจและปอดทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น เราจะมีพลังงานในการทำงานหรือกิจวัตรประจำวันเพิ่มมากขึ้น เราสามารถเพิ่มความทนทานให้หัวใจและหลอดเลือดได้โดยการเพิ่มระยะเวลาที่ออกกำลังกาย ส่วนกล้ามเนื้อสามารถเพิ่มความทนทานได้โดยการเพิ่มน้ำหนักที่เล่นและทำซ้ำ แนะนำให้มีอย่างน้อยหนึ่งครั้งต่อสัปดาห์ที่ควรโฟกัสที่ระดับการออกกำลังกายเพื่อสร้างความทนทาน

เราทุกคนต่างมีเป้าหมายที่แตกต่างกัน ดังนั้นการวางแผนเฉพาะของเราเองจึงเป็นวิธีที่ดีที่สุดในการมุ่งมั่นเพื่อเป็นตัวเองในแบบที่ดีที่สุด เราต้องเป็นคนตัดสินใจเลือกเองว่าจะฝึกแบบไหนและฝึกมากน้อยเท่าไรในแต่ละสัปดาห์ รวมทั้งควรจดบันทึกการออกกำลังกายไว้ตอนที่ทดลองทำตามแผน เผื่อว่าพบการออกกำลังกายที่เหมาะกับร่างกาย จะได้นำไปใช้ต่อในอนาคต

ข้อมูล: ซาแมนธา เคลย์ตัน รองประธานฝ่ายสมรรถภาพการกีฬาและฟิตเนสระดับโลกของเฮอร์บาไลฟ์
ภาพ: Pexels


keyboard_arrow_up