ปึ้งทุกใบ! ซูมอินกระเป๋า 5 รุ่นของ BAO BAO ISSEY MIYAKE ประจำฤดูใบไม้ผลิ/ฤดูร้อน

account_circle

แผ่นสามเหลี่ยมที่ประกอบกันขึ้นจนเกิดเป็นยูนิต รังสรรค์เป็นกระเป๋าที่มีรูปทรงสามมิติ คือหนึ่งในเสน่ห์อันน่าหลงใหลของ “BAO BAO ISSEY MIYAKE” Praew Survey พาไปสำรวจกระเป๋ารุ่นใหม่ประจำฤดูใบไม้ผลิ/ฤดูร้อน ที่ต้องมีในซีซั่นนี้

ปึ้งทุกใบ! ซูมอินกระเป๋า 5 รุ่นของ BAO BAO ISSEY MIYAKE ประจำฤดูใบไม้ผลิ/ฤดูร้อน

PRISM PLUS

ซีรีส์ PRISM PLUS มีจุดเด่นที่งานดีไซน์แบบมีแผ่นขยายข้าง และแผ่นวัสดุแบบมีผิวสัมผัสขรุขระเคลือบโพราไลซ์ ในเฉดสีเมทัลลิค เหมาะสำหรับการแต่งกายช่วงฤดูใบไม้ผลิและฤดูร้อน ตัวขยายข้างจะพับเข้าด้านในเมื่อใส่ของภายในตัวกระเป๋า และสามารถพับให้แบนหากต้องการจัดเก็บ

กระเป๋าโท้ทดูมีขนาดเล็กกะทัดรัด แต่จุของได้เยอะ ส่วนกระเป๋าโท้ทขนาดเล็กสามารถนำไปมิกซ์แอนด์แม็ตช์กับเครื่องแต่งกายได้หลากหลายสไตล์เพื่อเพิ่มความโดดเด่นให้กับลุคนั้นๆ มีทั้งหมด 5 สีให้เลือก ขาว, เบจอมเทา, เขียวอมเหลือง, น้ำเงินรอยัล, ดำ

CARTON MATTE

ซีรีส์กระเป๋าสะพายไหล่ CARTON MATTE ทำจากวัสดุคล้ายหนังเนื้อแม็ตต์ มาพร้อมงานดีไซน์ที่เรียบง่าย เน้นที่ฟังค์ชันการใช้งานในชีวิตประจำวัน

ซีรีส์นี้สามารถใช้ใส่ของใช้ขนาดเล็กและสามารถใช้ถือได้สามรูปแบบ คือ สะพายข้าง สะพายไหล่ด้านหนึ่ง หรือถือ เพียงปรับความยาวของสายสะพายเท่านั้น มี 3 สีให้เลือก เทาอ่อน, เทาชาร์โคล, ดำแม็ตต์

BOSTON

ซีรีส์ BOSTON เป็นกระเป๋าดัฟเฟิลในงานดีไซน์สุดโมเดิร์น ทำจากแผ่นวัสดุสีเมทัลลิคที่ดูคล้ายหนังในเฉดสีสด กระเป๋ารุ่นนี้มีจุดเด่นที่ปากกระเป๋าที่เปิดได้กว้างและก้นกระเป๋าที่แผ่นขยายข้างดูแน่นหนา ทำให้ใช้จุของได้เยอะ

กระเป๋าขนาดเล็กมีขนาดพอดีสำหรับใช้ใส่กระเป๋าสตางค์ โทรศัพท์มือถือ และขวดน้ำ จึงเหมาะสำหรับใช้สำหรับการออกไปเที่ยวระยะสั้น หรือใช้ถือเป็นงานปาร์ตี้สบาย ๆ มี 3 สีให้เลือก น้ำเงินรอยัล, เขียว, ซิลเวอร์

CRYSTAL GLOSS

ซีรีส์ CRYSTAL GLOSS เป็นซีรีส์กระเป๋าที่เรียบและใช้ง่าย ทำจากวัสดุเอนาเมล และหนังวัว

กระเป๋าถือขนาดเล็กมีขนาดที่พอเหมาะสำหรับใส่สมาร์ตโฟนและกระเป๋าสตางค์ กระเป๋าถือขนาดใหญ่สามารถใส่กระดาษ A4 หรือ แลปทอปขนาด 13” นิ้วได้ และทั้งสองไซส์ยังมีช่องสำหรับใส่ของภายในสองช่องที่เหมาะสำหรับใส่ของใช้ขนาดเล็ก มีให้เลือกในเฉดสีของช่วงฤดูใบไม้ผลิที่อ่อนโยน คือ เทาอ่อน, เหลืองอ่อน

KURO

ซีรีส์ KURO มีที่มาจากคำว่า “สีดำ” (หรือ kuro ในภาษาญี่ปุ่น) ซึ่งสื่อให้เห็นถึงความเข้มแข็ง และอักษรตัวแรกของคำว่า “ผู้เชี่ยวชาญ”  (หรือ kurouto ในภาษาญี่ปุ่น)

BAO BAO ISSEY MIYAKE ยังคงมุ่งมั่นสืบสานงานฝีมือที่เป็นหนึ่งและนำเสนอผลงานในซีรีส์พิเศษนี้ให้แก่ผู้เชี่ยวชาญจากหลากหลายสาขาวิชาชีพ

NOISE

ซีรีส์ NOISE มีจุดเด่นที่ลวดลายที่มีเอกลักษณ์ที่ดูคล้าย fine noise ด้วยการพิมพ์สีที่เสริมกันลงบนแผ่นสามเหลี่ยม โทนสีได้รับการออกแบบให้สามารถนำไปจับคู่ใช้กับเครื่องแต่งกายในชีวิตประจำวันได้ง่าย มี 2 สีให้เลือก ส้ม, ดำ


“Miss & Mister Supranational Thailand 2024”

เด็ดจริง ! 30 คนสุดท้าย “Miss & Mister Supranational Thailand 2024”

Alternative Textaccount_circle
“Miss & Mister Supranational Thailand 2024”
“Miss & Mister Supranational Thailand 2024”

จบออดิชั่นแบบปึ้ง ๆ เปิดโฉมหน้าหนุ่ม-สาว 30 คนสุดท้ายบนเวทีการประกวด “Miss & Mister Supranational Thailand 2024 Presented by Glass Skin”

เปิดเวทีประกาศผู้เข้ารอบ 30 คนเป็นที่เรียบร้อย ณ เอ็มพี กรุ๊ป ฮอลล์ ลาดพร้าว 87 หลังจากที่ออดิชั่นกันแบบสับ ๆ ไม่มีใครยอมใคร มีอะไรเด็ดก็ต้องงัดออกมาให้หมดในนาทีนี้! โดยหนุ่มสาวซูปร้าผู้เข้าประกวดทั้ง 40 ต่างออกมานำเสนอความเป็นตัวตนผ่านการแนะนำตัวเองตามคอนเซ็ปต์ที่ว่า “Faith Over Fear” ศรัทธาเหนือความกลัว พร้อมตอบคำถามจากคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ หลังจากได้รับการอบรมฝึกฝนเบื้องต้นมาแล้วในวันปฐมนิเทศ นำโดย 3 เนชันแนล ไดเร็คเตอร์ ผู้ถือลิขสิทธิ์การประกวด มิส & มิสเตอร์ ซูปร้าเนชันแนล ไทยแลนด์ ได้แก่ “แด๊ดดี้พอล วสวัตติ์ วัฒนาศิริสมบัติ” ร่วมด้วย “นพ.ปรัชญ์ พึ่งเจษฎา” และ “พญ.กอบกาญจน์ ชุณหสวัสดิกุล” โดยได้รับเกียรติจากคณะกรรมการกิตติมศักดิ์จากแวดวงต่าง ๆ นำทีมโดย “ลูกเกด เมทนี กิ่งโพยม” “เกล้า น้ำพราว” พร้อมด้วย Supra Guru ตัวแทนจากเพจนางงาม และ Supra Family รุ่นพี่ซึ่งผ่านประสบการณ์ระดับโลกมาแล้ว ผนึกกำลังคัดเลือกผู้ผ่านเข้ารอบ 30 คนสุดท้ายอย่างเข้มข้น แม้ว่าแต่ละคำถามจะดุเด็ดเผ็ดมันส์อย่างมาก แต่ผู้เข้าประกวดทุกคนก็ตอบคำถามได้อย่างฉะฉาน ไม่จม ไม่หาย ไม่ตายละติน

หนุ่มหล่อสาวสวยที่ผ่านเข้ารอบ “MISS SUPRANATIONAL THAILAND 2024”

รายชื่อผู้ผ่านเข้ารอบ MISS SUPRANATIONAL THAILAND 2024
MST 1. พัชลี ทุพรหม
MST 2. ณัฐวรรณ ภู่สกุล
MST 3. ณัฐธมน แก่นกระโทก
MST 4. ณัฐธิดา สมปาน
MST 5.ศศิธร สุริโย
MST6.นรินทร์ทิพย์ บัวงาม
MST 7.วริศรา เรียบประดิษฐ์
MST 8.ธนัชพร พานแก้ว
MST 9. พรชิตา ภักดีหาญ
MST 10. คาริน่า มูลเลอร์
MST 11.กษมา ซื่อตรง
MST 12.รัชนีกร ประเสริฐพรศักดิ์
MST 13.อารียา ปัญญาอุทัย
MST 14.ชนัญญา เรืองสุกใส
MST 15. แอนนา คอร์วีโน

รายชื่อผู้ผ่านเข้ารอบ MISTER SUPRANATIONAL THAILAND 2024
MST 16. ชนภัทร โอสถานุกูล
MST 17.ภัทรวัฒน์ ทิวาพัฒน์
MST 18.ศุภกิตติ์ อูปคำ
MST 19.เอกภพ ถีระทัน
MST 20. นพดล อุทธิยา
MST 22.ณัฐชนน พูลสวัสดิ์
MST 21.พุฒิเมธ นวลสอาด
MST 23.ภูวรักษ์ เพิ่มนาม
MST 24.ชลวิศว์ วงศ์ศรีวอ
MST 25.วรากร สุเป็ง
MST 26.บุญคริษฐ์ ทรัพย์ประดิษฐ์
MST 27. ณัฐนนท์ ดุษฎีรุ่งเรือง
MST 29.พีรดนย์ โชติ
MST 28. ปฐวี วัยเมธาโชคนุกูล
MST 30. จิรวัฒน์ ก่อการรวด

พร้อมประกาศ SUPRA FACTOR รางวัล Fast Track เข้ารอบอัตโนมัติตั้งแต่รอบออดิชั่น รางวัล “SUPRA FACTOR” แรกของการประกวด ฝ่ายหญิงผู้ที่คว้ารางวัลได้แก่ MST 8“มุกกุ- ธนัชพร พานแก้ว” และฝ่ายชาย MST 23“สเปนเซอร์ -ภูวรักษ์ เพิ่มนาม” โดยมี “คุณนทพร บุญบุบผา” ประธานกรรมการบริหาร เอ็มพี กรุ๊ป (ประเทศไทย) จำกัด เป็นผู้มอบสายสะพาย และได้รับเงินรางวัลเป็นขวัญกำลังใจคนละ 10,000 บาท อีกด้วย

สำหรับ SUPRA FACTOR คือรางวัล Fast Track จะมีโอกาสเข้ารอบอัตโนมัติตั้งแต่รอบออดิชั่น และจะเป็นตำแหน่งที่เปลี่ยนไปในทุก Challenge ตามความเห็นของ Supra Guru และ Supra Family จะมีเพียงตัวแทนผู้เข้าประกวดชาย 1 คน และหญิง 1 คนเท่านั้นที่ครองตำแหน่ง SUPRA FACTOR ไว้ได้ จนสามารถเข้าไปยืน 9 คนสุดท้ายในรอบไฟนอลโดยอัตโนมัติ และอีกรางวัลคือ Supra Fan Vote หนุ่มหล่อสาวสวยที่แฟน ๆ ต่าง ร่วมกดไลก์ กดแชร์ และแสดงความคิดเห็น เป็นการเพิ่มคะแนน Supra Fan Vote ผู้ที่ได้รับคะแนนโหวตมากที่สุดจะได้รับเงินรางวัล 10,000 บาท /พร้อมสายสายสะพาย และเป็นผู้ผ่านเข้ารอบ 9 คนสุดท้ายแบบอัตโนมัติ

นี่แค่เพียงเริ่มต้น! ด่านต่อไปหนุ่มสาวซูปร้าต้องแสดงพลังความ “กล้า” ที่จะออก “นอกกรอบ” “Faith Over Fear” “ศรัทธาเหนือความกลัว” ใน Supra Factor ซึ่งเป็นแบบทดสอบที่หนุ่มสาวซูปร้าต้องเข้าร่วม Challenge แสดงศักยภาพงัดความสามารถที่มีรอบด้านมาสู้กัน! แบบตาต่อตาฟันต่อฟัน ซึ่งในปี 2024 ปักหมุดรอเลยว่าจะมีอะไรตื่นตาตื่นใจตามสไตล์ของเวทีซูปร้ากันบ้าง สามารถติดตามสีสันการประกวด Miss & Mister Supranational Thailand 2024 Presented by Glass Skin ได้ทาง Facebook Page : Supranational Thailand

SUPRA CALENDAR

23 เมษายน 67 Sash Ceremony / Preview Day / Mini Challenge
25 เมษายน 67 Training Runway Class
26 เมษายน 67 Swimsuit Challenge
29 เมษายน 67 Training Runway Class
30 เมษายน 67 Model Challenge
3 พฤษภาคม 67 Thai Soft Power Challenge
6 พฤษภาคม 67 Arrival Registration
7 พฤษภาคม 67 Deep Interview
8-9 พฤษภาคม 67 Rehearsal Day / Training Speech Class
10 พฤษภาคม 67 Final Competition Night

COACHELLA

88 RISING สร้างความจึ้งครั้งใหม่กับการหวนคืนเวที COACHELLA

Alternative Textaccount_circle
COACHELLA
COACHELLA

88rising บริษัทดนตรีและสื่อระดับนานาชาติที่มุ่งขยายความสามารถของศิลปินและวัฒนธรรมเอเชีย เสิร์ฟโชว์สุดพิเศษ “88rising Futures” บนเวที Mojave Tent ของงาน Coachella โดยการแสดงตลอด 63 นาที ตอกย้ำความปังกับการหวนคืนงาน Coachella ของ 88rising หลังเคยสร้างปรากฎการณ์กับโชว์ Head In The Cloud Forever เมื่อปี 2022 มาแล้ว

การแสดง “88rising Futures” เน้นย้ำให้เห็นถึงผลงานศิลปะอันน่าทึ่งจากทั้งจีน , ญี่ปุ่น , เกาหลีใต้ ผ่านการนำเสนอของศิลปินเอเชียหน้าใหม่ฝีมือไม่ธรรมดาที่สร้างความว้าวกับการโชว์ร่วมกันและเปิดตัวเพลงใหม่บนเวทีนี้ งานนี้ผู้ชมยังพบกับโชว์สุดเซอร์ไพรส์จากศิลปิน 88rising แถวหน้า อย่าง ซูเปอร์สตาร์แดนมังกร Jackson Wang (ซึ่งขึ้นโชว์งาน Coachella 3 ปีติดต่อกัน) และนักร้องเกาหลีสุดฮอต BIBI

COACHELLA

กองทัพศิลปินได้แก่ (เรียงตามลำดับที่ขึ้นโชว์) : Tiger JK และ Yoonmirae (เกาหลี) , YOASOBI (ญี่ปุ่น) , ATARASHII GAKKO! (ญี่ปุ่น) , Awich (ญี่ปุ่น) , JP THE WAVY (ญี่ปุ่น) , NENE (ญี่ปุ่น) , LANA (ญี่ปุ่น) , MaRI (ญี่ปุ่น) , & YURIYAN RETRIEVER (ญี่ปุ่น) , Number_i (ญี่ปุ่น) , Jackson Wang (จีน) , BIBI (เกาหลี) , XIN LIU (จีน)

การแสดงของเหล่าศิลปินสร้างเซอร์ไพรส์อันน่าตื่นเต้นได้ตั้งแต่ต้นจนจบ  พร้อมไฮไลท์มากมายที่เป็นการแสดงเพลงใหม่ครั้งแรกของโลก ได้แก่ “Feeling Lucky” โชว์สุดร้อนแรง Jackson Wang กับ BIBI ,  “Reality” กับ “Walls” ซิงเกิลเปิดตัวระดับอินเตอร์ของ XIN LIU และเพลงฮิตอย่าง “GOAT” เวอร์ชันรีมิกซ์ของวง Number_i   ที่ได้ Jackson Wang มาแจมด้วย

ส่วนการแสดงร่วมกันของเหล่าศิลปินที่สร้างความตื่นตาตื่นใจภายใต้ธีมแห่งความค่ำ เปิดฉากด้วยโชว์สุดมันส์ของ YOASOBI & ATARASHII GAKKO ในเพลงฮิต “Idol” ตามด้วยโชว์ของศิลปินแดนปลาดิบ Awich ที่ขนทัพศิลปินฮิปฮอปของญี่ปุ่นมาแน่นเวที ทั้ง JP THE WAVY, NENE, LANA, MaRI และ YURIYAN RETRIEVER ในฐานะศิลปินรับเชิญสุดพิเศษ     รายชื่อศิลปินที่คัดสรรมาอย่างดี นับเป็นตัวอย่างล่าสุดของ 88rising ในการผลักดันศิลปินผู้เปี่ยมพรสวรรค์ในเอเชียให้เป็นที่รู้จักระดับโลกผ่านโชว์บนเวทีใหญ่ในสหรัฐอเมริกาและนานาชาติ

การตอบรับกับโชว์ครั้งประวัติศาสตร์นี้ส่งให้ #88risingCoachella , #Number_i_Coachella , #JACKCHELLA (สำหรับ Jackson Wang)  และ “ATARASHII GAKKO!” ขึ้นเทรนด์ X ภายในไม่กี่นาทีที่พวกเขาขึ้นโชว์

เฟนดิ

หรูหรา 360 องศา เฟนดิ ไพรเวทเรสซิเดนสุดหรูใจกลางแห่งเทือกเขาเอลฟ์

account_circle
เฟนดิ
เฟนดิ

FENDI (เฟนดิ) และ STEIGER&CIE / SOTHEBY’S INTERNATIONAL REALTY เปิดตัวไพรเวทเรสซิเดนซ์อันหรูหราใน CRANS-MONTANA ประเทศสวิตเซอร์แลนด์

หรูหรา 360 องศา เฟนดิ ไพรเวทเรสซิเดนสุดหรูใจกลางแห่งเทือกเขาเอลฟ์

FENDI เมซงลักชัวรีอันโด่งดังจากประเทศอิตาลีและบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำอย่าง Steiger&Cie / Sotheby’s International Realty ยินดีที่จะประกาศถึงสิ่งที่เป็นที่ตั้งตารออย่าง FENDI Private Residences ใน Crans-Montana ซึ่งตั้งอยู่ท่ามกลางความงดงามของเทือกเขาเอลฟ์ในประเทศสวิตเซอร์แลนด์

โดยโปรเจกต์ที่พักอาศัยอันโดดเด่นแห่งนี้สะท้อนให้เห็นถึงด้วยความร่วมมือกับบริษัท Comina Architecture บริษัท Marco Costanzi Architect และ บริษัท Enea Landscape Architecture ซึ่งตั้งอยู่ในบริเวณของโรงแรม Alpina & Savoy ที่มีอายุถึงหนึ่งศตวรรษซึ่งเป็นสถานที่อันเต็มไปด้วยประวัติศาสตร์และมรดกทางวัฒนธรรม ถือได้ว่าเป็นจุดหมายปลายทางอันเป็นที่รักสำหรับนักท่องเที่ยวทั่วโลกรวมถึงผู้คนในท้องถิ่น พร้อมด้วยความร่วมมือกับ Michèle Luyet ผู้เป็นตัวแทนทายาทรุ่นที่  4 ของโรงแรมดั้งเดิม

ความร่วมมือด้านวิสัยทัศน์ นำโดย FENDI ในโปรเจกต์นี้ได้นำเสนอแนวคิดที่ไม่เหมือนใคร ซึ่งได้ผสมผสานวัสดุอันโด่งดังของพวกเขาเข้ากับปรัชญาการออกแบบได้อย่างลงตัว นำมาสู่งานสถาปัตยกรรมอันน่าอัศจรรย์ที่ผสมผสานเข้ากับกับภูมิทัศน์โดยรอบอย่างมีศิลปะ

ผลงานที่สร้างโดยนักสถาปัตยกรรมชื่อดังจากอิตาลีอย่าง Marco Costanzi ผู้ที่ผ่านการพัฒนา FENDI Private Suites ในกรุงโรมร่วมกับความชำนาญของบริษัท Comina Architecture ในฐานะสถาปนิกท้องถิ่นผู้ดูแลทั้งหมด ภายในของที่พักอาศ้ยและห้องสวีทแสดงถึงการให้ความสนใจอย่างพิถีพิถันในรายละเอียด ตั้งแต่โครงสร้างหิน Valmalenco ที่ผ่านการแกะสลักอย่างเรียบเนียนเข้ากับเส้นเรขาคณิตอันงดงาม การยกย่องไอคอนิกของ Karl Lagerfeld ด้วยการย้อนไปถึงเสื้อขนเฟอร์อย่าง FENDI Astucci สู่ความอบอุ่นของพื้นไม้โอ๊ค การติดตั้งโคมไฟอันยอดเยี่ยมของ Mario Nanni ไปจนถึงเฟอร์นิเจอร์หุ้มด้วยขนเฟอร์ของ FENDI Casa และงานศิลปะที่มีชีวิตชีวา ทุกองค์ประกอบล้วนถูกออกแบบอย่างประณีตเพื่อให้มั่นใจถึงความสะดวกสบายอย่างสูงสุดและสร้างสภาพแวดล้อมการอยู่อาศัยที่ไม่เหมือนใคร  ผู้อาศัยจะได้รับการเข้าถึงบริการจากเจ้าหน้าที่อำนวยความสะดวกอย่างเต็มรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นบริการรับประทานอาหารแบบส่วนตัวตลอดจนสิ่งอำนวยความสะดวกอันล้ำสมัย ได้แก่ สปาพร้อมวิวแบบพาโนรามาของภูเขาที่ปกคลุมด้วยหิมะ (ประกอบด้วยสระว่ายน้ำ ซาวน่า ฮัมมัน ห้องนวด และอ่างอาบน้ำร้อน) รวมทั้งห้องออกกำลังกายและพื้นที่อเนกประสงค์สำหรับคลาสโยคะและการดูแลสุขภาพ โดยให้ความสำคัญกับเรื่องความยั่งยืน พื้นที่แห่งนี้บรรลุถึงการเป็นเลิศในด้านพลังงานและความสะดวกสบายด้วยการฉนวนรอบด้าน กระจกที่เปลี่ยนสีตามความกว้างของแสงที่ต้องเผชิญหน้ากันทิศใต้ หลังคาพลังงานแสงอาทิตย์ที่ให้ไฟฟ้าสำหรับพื้นที่สาธารณะและรถยนต์ไฟฟ้า และบ่อรองน้ำฝนสำหรับการรดน้ำสวนอันเขียวชอุ่มบนบริเวณรอบอาคาร

Enea Landscape Architecture มีชื่อเสียงในด้านสถาปัตยกรรมที่กลมกลืนกับธรรมชาติ ผสมผสานอาคารให้เข้ากับภูมิทัศน์โดยรอบ เพื่อมอบทิวทัศน์อันงดงามในทุกฤดูกาล แนวคิดของ ‘natural edges’ ได้ถูกนำมาใช้ในการสร้างสรรค์อาคารนี้ ต้นสนสก็อตและต้นฮอร์นบีมท้องถิ่นถูกวางรอบ ๆ ที่พักอาศัยเพื่อผสานเข้ากับพื้นที่ป่าไม้ข้างเคียงได้อย่างลงตัว เหล่าต้นไม้และพืชพันธุ์ได้ถูกจัดวางอย่างพิถีพิถัน เพื่อยกระดับทิวทัศน์ของภูเขา ซึ่งมั่นใจได้ว่าจะได้รับความรู้สึกที่ต่อเนื่อง

ในขณะที่เถาวัลย์ได้ทำให้องค์ประกอบทางสถาปัตยกรรมมีความนุ่มนวล และเส้นทางกรวดอันคดเคี้ยวผ่านทุ่งดอกไม้ป่า ตั้งแต่การผจญภัยกลางแจ้งในสภาพแวดล้อมทางธรรมชาติอันน่าประหลาดใจ ไปจนถึงการเข้าร่วมในประสบการณ์ทางวัฒนธรรม โดยผู้อยู่อาศัยจะพบกับทางเลือกอันหลากหลาย เพื่อดื่มด่ำพร้อมกับการสร้างความทรงจำที่ดี

โปรเจกต์นี้ได้รวบรวมเสาหลักของความแท้จริง ความเป็นเอกลักษณ์ และความปรารถนาเข้าด้วยกัน ซึ่งรับประกันได้ว่าจะได้ดื่มด่ำไปกับไลฟ์สไตล์ในแบบฉบับของ FENDI โดยในแต่ละแง่มุมของประสบการณ์การใช้ชีวิต สะท้อนให้เห็นถึงความหรูหราและความซับซ้อนที่ไม่มีใครเทียบได้ เปรียบเสมือนกับแบรนด์อันเป็นเอกลักษณ์

ยูนิตแรกของ FENDI Private Residences Crans Montana คาดว่าจะส่งมอบภายในสิ้นไตรมาศที่ 2 ของปี ค.ศ. 2026


“ปลื้มคนโปรด”

ผู้จัดฯ ม่อน – ศุภกิตติ์ ใจฟู ซีรีส์ “ปลื้มคนโปรด” ปิดจบพร้อมคำชมล้นหลาม

Alternative Textaccount_circle
“ปลื้มคนโปรด”
“ปลื้มคนโปรด”

ปิดจบไปอย่างสวยงามลงตัว สำหรับ ซีรีส์ “ปลื้มคนโปรด” ที่เพิ่งลาจอไปหมาด ๆ ด้วยเรตติ้งที่พุ่งแรงอย่างต่อเนื่อง พร้อมแจ้งเกิดคู่ที่เคมีตรงกันอย่าง คิมม่อน-คัท, บอม-แบม งานนี้ ผู้จัดคุณม่อน – ศุภกิตติ์ กันอุปัทว์ หัวเรือใหญ่ บริษัท “แม็กซิม่อน เอ็นเตอร์เทนเมนต์” บอกเลยว่าทีมงาน และนักแสดงทุกคนหายเหนื่อยเป็นปริดทิ้ง เพราะที่ผ่านมาทุกคนตั้งใจทำงานกันทุกขั้นตอน และได้รับฟีดแบคคำชมที่ดีเกินคาด จนซีรีส์จบลงอย่างสมบูรณ์ และฝากถึงคนที่อยากจะฟินกับ “ปลื้มคนโปรด” กันต่อแบบเต็ม ๆ สามารถไปติดตามได้ที่ WeTV จ้า

คุณม่อน เผยว่า “ดีใจที่กระแสตอบรับดีเกินคาด ขอบคุณดารานักแสดง ทีมงานทั้งเบื้องหน้าและเบื้องหลังทุกฝ่ายทุกคน ขอบคุณช่อง3 และ WeTV ขอบคุณแฟนคลับทั้งในและต่างประเทศ และฝากติดตามผลงานของ บริษัท แม็กซิม่อน เอ็นเตอร์เทนเมนต์ ด้วยนะครับ“

“ปลื้มคนโปรด”

ปลื้มคนโปรด #Asecretlylove #MaximonEntertainment #คิมคัท #kimkut #kut_tanawat #ขุณขิมมอญ #ดูทีวีกด33 #ดูมือถือกด3plus #WeTV

การกลับมาสุดยิ่งใหญ่ของ เอ็นซีที ดรีม กับคอนเสิร์ตที่ราชมังคลากีฬาสถาน

Alternative Textaccount_circle

SM True สานฝันให้กลายเป็นความจริง ด้วยการกลับมาพร้อมคอนเสิร์ตครั้งยิ่งใหญ่ที่สุดแห่งประวัติศาสตร์ของ ‘เอ็นซีที ดรีม’ ‘2024 NCT DREAM WORLD TOUR in BANGKOK’ณ ราชมังคลากีฬาสถาน เปิดจำหน่ายบัตร 26-27 เมษายนนี้ !

ความฝันอันยิ่งใหญ่ที่สุดแห่งประวัติศาสตร์กำลังจะเกิดขึ้น ! SM Trueสานฝันให้กลายเป็นความจริง ด้วยการกลับมาของเจ้าของรางวัลแดซังศิลปินแห่งปี ‘NCT DREAM’ พร้อมเวิลด์ทัวร์คอนเสิร์ตครั้งที่สาม ‘2024 NCT DREAM WORLD TOUR in BANGKOK’ ที่จะจัดขึ้นในสเกลสเตเดียมครั้งแรก ณ สเตเดียมที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทยอย่าง ‘ราชมังคลากีฬาสถาน’ทั้งหมด 2 รอบการแสดง ในวันเสาร์ที่ 22 มิถุนายน 2567 เวลา 19.00 น. และวันอาทิตย์ที่ 23 มิถุนายน 2567 เวลา 19.00 น.

NCT DREAM เดบิวต์มาพร้อมซิงเกิลแรกสุดสดใส Chewing Gum ในปี 2559 และนำเสนอเพลงที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวอยู่เสมอในทุกครั้งที่คัมแบ็ก ซึ่งแฟนเพลงก็ให้การสนับสนุนอย่างอบอุ่น ตั้งแต่เพลงที่เปี่ยมพลังอันมีชีวิตชีวาอย่าง We Young, My First and Last, We Go Up, Hello Future, Beatbox จนถึงเพลงที่เต็มไปด้วยความมุ่งมั่นของเด็กวัย 10 กว่าปีอย่าง GO, เพลงสำหรับวัยรุ่น BOOM, เพลงที่มีรสชาติสุดติดหู Hot Sauce และ Glitch Mode, เพลงที่มีความมั่นใจ ISTJ ฯลฯ ล่าสุดเมื่อวันที่ 25 มีนาคมที่ผ่านมา พวกเขาส่งข้อความแห่งความเข้าใจและการปลอบโยนถึงวัยรุ่นทั่วโลก ผ่านผลงานใหม่ที่ครองอันดับ 1 บนชาร์ตเพลงดิจิทัลและอัลบั้มทั่วโลกมากมายอย่าง ‘DREAM( )SCAPE’ อัลบั้มที่ถือเป็นจุดเริ่มต้นของซีรีส์เพลงใหม่ โดยมีเพลงไตเติลชื่อว่า Smoothie ที่กำลังได้รับความรักอย่างร้อนแรงจนชนะอันดับ 1 คว้า 4 ถ้วยรางวัลจากรายการเพลงในประเทศเกาหลีใต้ ยิ่งไปกว่านั้น NCT DREAM ยังได้รับ Grand Prize หรือรางวัลแดซัง จากงานประกาศรางวัลต่าง ๆ เช่น รางวัลแดซัง สาขาศิลปินยอดเยี่ยม (Best Artist) จากงาน The 31st Anniversary Hanteo Music Awards และรางวัลแดซัง จากงานประกาศรางวัล The 32nd Seoul Music Awards และ The 33rd Seoul Music Awards ติดต่อกัน 2 ปี การันตีถึงความทรงอิทธิพลของพวกเขาได้เป็นอย่างดี

สำหรับเวิลด์ทัวร์ครั้งที่สาม <THE DREAM SHOW 3 : DREAM( )SCAPE> ทุกคนจะได้สัมผัสถึงพลังและสถานะของ NCT DREAM ที่แข็งแกร่งยิ่งขึ้นตามสเกลที่อัปเกรดไปอีกขั้นมากกว่าเวิลด์ทัวร์ครั้งที่แล้ว โดยเตรียมเปิดฉากขึ้นที่ประเทศเกาหลีใต้ ในวันที่ 2-4 พฤษภาคม 2567 ณ Gocheok Sky Dome กระแสตอบรับร้อนแรงถล่มทลาย บัตรหมดเกลี้ยงทันทีที่เปิดจำหน่ายทั้ง 3 รอบการแสดง นอกจากนี้ คอนเสิร์ตนี้จะเป็นการทัวร์โดมญี่ปุ่นครั้งแรกของพวกเขา ในโดมหลักสามแห่งที่โตเกียว โอซาก้า และนาโกย่า

โดยเฉพาะในประเทศไทย NCT DREAM (เอ็นซีที ดรีม) ประสบความสำเร็จได้รับความรักและความนิยมที่เติบโตขึ้นอย่างน่าประทับใจ เพิ่มสเกลคอนเสิร์ตให้ยิ่งใหญ่ขึ้นทุกครั้ง ตั้งแต่ครั้งแรก ‘NCT DREAM TOUR “THE DREAM SHOW” – in BANGKOK’ วันที่ 1-2 ธันวาคม 2562 ณ ธันเดอร์โดม, ครั้งที่สอง ‘NCT DREAM TOUR ‘THE DREAM SHOW2 : In A DREAM’ in BANGKOK’ วันที่ 10-12 มีนาคม 2566 ณ อิมแพ็ค อารีน่า และล่าสุดกับเวิลด์ทัวร์ครั้งที่สาม ‘2024 NCT DREAM WORLD TOUR <THE DREAM SHOW 3 : DREAM( )SCAPE> in BANGKOK’ วันที่ 22-23 มิถุนายน 2567 ณ ราชมังคลากีฬาสถาน คอนเสิร์ตครั้งยิ่งใหญ่ที่สุดแห่งประวัติศาสตร์ของพวกเขาในประเทศไทย มาร่วมเข้าสู่ภวังค์แห่งความฝันของ ‘NCT DREAM’ (เอ็นซีที ดรีม) ที่จะเต็มไปด้วยการแสดงสุดตระการตากว่าครั้งไหน ๆ จนคุณไม่อยากหลุดออกจากดินแดนแห่งความฝันนี้ไปตลอดกาล เปิดจำหน่ายบัตรรอบ “NCTzen DREAM”

Membership (GL) Pre-Sale ในวันศุกร์ที่ 26 เมษายน 2567 เวลา 19.00 น. – 23.59 น. เท่านั้น และรอบบุคคลทั่วไป ในวันเสาร์ที่ 27 เมษายน 2567 ตั้งแต่เวลา 11.00 น. เป็นต้นไป ทางเคาน์เตอร์เซอร์วิสในร้าน 7-Eleven ทุกสาขาทั่วประเทศ และทางเว็บไซต์ www.allticket.com/event/THE_DREAM_SHOW_3_in_BKK บัตรราคา 8,700 (แพ็กเกจ VIP) / 7,500 / 6,800 / 6,500 / 6,000 / 5,600 / 5,000 / 4,600 / 3,900 / 3,500 / 2,900 / 2,500 บาท (บัตรนั่งทั้งหมด) พร้อมสิทธิพิเศษสำหรับผู้ซื้อบัตร

Milan Design Week

รวมไอเท็มชิ้นพิเศษจาก 5 แบรนด์หรู ผลงานชั้นเลิศในงาน MILAN DESIGN WEEK

account_circle
Milan Design Week
Milan Design Week

แพรวพาไปชมไอเท็มชินพิเศษ จากคอลเล็คชั่น 5 แบรนด์หรูที่รวบรวมผลงานชั้นเลิศ มาไว้ในเทศกาล Salone del Mobile หรือ Milan Design Week

รวมไอเท็มชิ้นพิเศษจาก 5 แบรนด์หรู ผลงานชั้นเลิศในงาน MILAN DESIGN WEEK

LOEWE

โลเอเว่เผยโฉมโคมไฟ 24 ชิ้น จากคอลเล็คชั่น Salone Del Mobile รังสรรรค์โดยศิลปินชื่อดังระดับนานาชาติ 24 ท่าน โดยจะจัดแสดงในงาน Salone del Mobile 2024 นี้ ซึ่งเหล่าผู้ชมจะได้พบกับคอลเล็คชั่นโคมไฟที่รังสรรค์ขึ้นใหม่สำหรับงานนี้โดยเฉพาะ โดยมีโคมไฟตั้งพื้น โคมไฟตั้งโต๊ะ และโคมไฟแขวนจากศิลปิน 24 ท่าน ซึ่งเคยร่วมงานอันยาวนานกับแบรนด์

ชิ้นงานเหล่านี้จะถูกจัดแสดงที่ Palazzo Citterio กรุงมิลาน ประเทศอิตาลี ตั้งแต่วันที่ 15 – 21 เมษายน 2024 ภายใต้โปรเจคชื่อ “LOEWE Lamps” ซึ่งใช้แสงเป็นสื่อกลางในผลงานการออกแบบ ศิลปินแต่ละท่านได้นำเอาคุณสมบัติของแสง และอัตลักษณ์บุคคล ผสมผสานออกมาเป็นดีไซน์แต่ละชิ้น ซึ่งการร่วมมือครั้งนี้พวกเขาได้ทดลองใช้วัสดุที่หลากหลาย เพื่อสร้างแสงตกกระทบที่แตกต่างกัน เหล่าศิลปินได้หยิบยกเทคนิคและวัสดุใหม่ๆ มาใช้ อาทิ การเล่นกับไม้ไผ่ ไม้เบิร์ช ขนม้า กระดาษ แล็กเกอร์ แก้ว หนัง และเซรามิก

โดยวัสดุเหล่านี้ได้สร้างรูปทรงที่ได้รับแรงบันดาลใจจากสิ่งต่างๆ ในชีวิตประจำวันมากมาย ไม่ว่าจะเป็น ไฟแช็ค บานประตูหน้าร้าน ไปจนถึงสิ่งต่างๆ ที่ได้รับแรงบันดาลใจจากธรรมชาติ เช่น จุลินทรีย์ และน้ำเต้า

VERSACE

เวอร์ซาเช่นำเสนอคอลเล็คชั่นล่าสุดของ Versace Home ในเทศกาล Salone del Mobile หรือ Milan Design Week ที่ถ่ายทอดวัฒนธรรมและเบื้องหลังการออกแบบอย่างหรูหราของ Palazzo ผ่านระบบเสียง ภายใต้ชื่อ Versace Home: If These Walls Could Talk ซึ่งจัดขึ้นที่ Palazzo Versace บริเวณ Via Gesu 12

พื้นใน Palazzo Versace ได้รับการแบ่งอย่างเป็นสัดส่วน ตั้งแต่ห้องรับแขก ห้องรับประทานอาหาร ไปจนถึงห้องนอน ตกแต่งด้วยคอลเล็คชั่น Versace Home 2024 ทั้งหมดรวมถึงพื้นที่โถงส่วนกลางที่จัดแสดงเรือนกระจกพร้อมปูพื้นด้วย Versace Ceramics ประดับพลอย ผลิตและจัดจำหน่ายโดย Luxury Living Group ทั้งหมด ที่ออกแบบด้วยเอกลักษณ์ของ Versace เป็นหัวใจหลักอีกด้วย ซึ่งลวดลายปัจจุบันของเฮาส์อย่าง Medusa, Barocco และ Greca รังสรรค์และพัฒนาอีกครั้งภายใน Palazzo Versace บางลวดลายถูกเปิดเผยครั้งแรกผ่านแฟชั่นโชว์ที่จัดขึ้นบริเวณโถงกลาง Palazzo แห่งนี้

ไม่เพียงเท่านี้ลวดลาย Medusa 95’ และ Greca ยังถูกนำเสนอผ่านเก้าอี้รูปทรงโค้งมน อีกทั้งโซฟาในรูปแบบหนังและผ้า chenille  พร้อมผสมผสานด้วยลวดลาย Barocco อีกด้วย ซึ่งลวดลายข้างต้นนี้สามารถพบเห็นได้ผ่านเครื่องใช้สำหรับโต๊ะอาหาร จากคอลเล็คชั่นที่ร่วมกันออกแบบระหว่าง Rosenthal และ Versace  ในส่วนของเฟอร์นิเจอร์ที่ใช้โลหะขัดเงาตกแต่งด้วยโทนสีทอง Versace อย่างสวยงาม เฉกเช่น พนักพิงเก้าอี้ที่ถ่ายทอดความรู้สึกที่ลื่นไหล และขอบโต๊ะกาแฟที่มอบโครงสร้างที่แข็งแรง 

Off-WhiteTM

Off-WhiteTM เปิดตัวพรมในรูปแบบ Limited Edition ที่มีการใส่ตัวเลขเพื่อระบุจำนวนชิ้นลงบนพรมแต่ละผืนเพื่อบ่งบอกถึงความเอ็กซ์คลูซีฟเพียง 40 ชิ้นทั่วโลกเท่านั้นโดยวางจำหน่ายมูลค่า € 1,250 หรือ 49,000 บาท โดยประมาณ

การออกแบบที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจากบูทีคสาขาหลักบนถนน Via Verri ในมิลาน เชื่อมโยงกับแนวคิดจากเวอร์จิล แอบโลห์ ผู้ก่อตั้งแบรนด์ เน้นไปที่การผสมผสานดีเอ็นเอของ Off-WhiteTM เข้าร่วมกับสินค้าโฮมคอลเล็คชั่นสินค้าสำหรับบ้านในปัจจุบันอย่าง “ON SHELF” อย่างลงตัว

พรม Off-WhiteTM รุ่นลิมิเต็ดที่ผลิตมาเพื่อ Milan Design Week นี้มีขนาดกว้าง 170 x 240 เซนติเมตร คงไว้ซึ่งลวดลายแพทเทิร์นดอกไม้สีน้ำเงินเข้ม ซึ่งเป็นสีประจำคอลเล็คชั่น “ON SHELF”  เฉกเช่นเดียวกันกับสีเหลืองที่ใช้สำหรับการ Quote อย่าง “DON’T WALK HERE” ผ่านฟอนต์ Helvetica ที่เปรียบเสมือนเอกลักษณ์ของ Off-WhiteTM มากไปกว่านั้น บูทีคของ Off-WhiteTM สาขา Via Verri จะถูกตกแต่งด้วยลวดลายแพทเทิร์นที่เหมือนกันกับพรมที่วางจำหน่าย ซึ่งจะครอบคลุมตั้งแต่พื้นจนถึงเพดาน เพื่อเป็นเกียรติในการร่วมเฉลิมฉลองช่วง Milan Design Week ในช่วงนี้ เพื่อคงไว้ซึ่งโอกาสทางความคิด และวัฒนธรรมแด่นักออกแบบทั่วโลก

Loro Piana

Milan Design Week ในปีนี้ Loro Piana Interiors จัดแสดงผลงานขึ้นแบบอินสตอลเลชั่น มีการตกแต่งด้วยเฟอร์นิเจอร์จากคอลเล็คชั่นต่างๆ อาทิเช่น Strips คอลเล็คชั่นเฟอร์นิเจอร์แยกชิ้น-ประกอบส่วน (modular system) เตียงนอน โซฟากับเก้าอี้เท้าแขนรุ่น Pecorelle เก้าอี้เท้าแขนรุ่น Bobo กับ Boborelax และเก้าอี้โต๊ะอาหาร กับเก้าอี้นั่งเล่นชุด Botolo เพื่อเอื้อให้ผู้เข้าชมได้ สัมผัส หรือลองนั่ง ด้วยตนเอง ล้วนดำเนินไปตามคำกล่าวของ ชินิ โบเอริ ที่ว่า เฟอร์นิเจอร์สมควรตอบสนองต่อความต้องการของผู้ใช้งาน อำนวยต่อการปรับเปลี่ยน ดัดแปลง มอบความสะดวก คล่องตัวในการพลิกแพลงตามใจชอบ

โดยผลงานทั้งหมดเหล่านี้ ได้รับการตกแต่งด้วยงานหุ้มผ้าอันเป็นสิ่งทอจากทักษะความเป็นเลิศของ Loro Piana Interiors ด้วยวัสดุผ้า Cashfur ผ้า Cashmere Raw ผ้าทอใยขนสัตว์ Tiepolo ผ้า Cashmere Sherpas และผ้า Pecora Nera® อันเป็นผลลัพธ์ ก่อลูกเล่นขัดแย้งระหว่างรูปลักษณ์นุ่มละมุนเหมือนสักหลาด หรือกำมะหยี่ กับสัมผัสเนียนละไม สบายผิว และมีน้ำหนักเบาเป็นอย่างยิ่ง อีกทั้งยังถูกผลิตในจำนวนจำกัดเพียง 100 ตัวพร้อมหมายเลขกำกับรุ่น

MCM

MCM ฉีกทุกกฎเกณฑ์อีกครั้งด้วยการเข้าร่วมงาน Milan Design Week 2024 เป็นครั้งแรก ด้วยคอลเล็คชั่นสุดล้ำ ตัวงานจัดขึ้นในพระราชวังอันเก่าแก่ที่ถูกสร้างขึ้นในศตวรรษที่ 17 ณ Palazzo Cusani โดยนำเสนอคอลเล็คชั่น MCM Wearable Casa อันโดดเด่น ที่สร้างสรรค์โดย Atelier Biagetti และดูจัดการโดย Maria Cristina Didero

สไตล์โดยรวมของคอลเล็คชั่นนี้มีเอกลักษณ์เฉพาะด้วยการผสมผสานอย่างลงตัวของการประชดประชันและความแปลกใหม่ ช่วยให้สิ่งของต่างๆ ก้าวข้ามบทบาทแบบเดิมๆ และนำทุกคนไปสู่อีกโลกหนึ่ง

โดยโลก Metaverse นี้ออกแบบโดย Atelier Biagetti พร้อมกับทีม Vitruvio Virtual Reality ออกมาเป็นดาวเคราะห์ที่ของต่างๆในคอลเล็คชั่นกลายเป็นเวทมนตร์โดยสามารถปรับเปลี่ยนการใช้งาน วัสดุ ขนาด และเปิดรับแนวคิดอย่างไร้ขอบเขต


จางเจ๋ออวี่

จางเจ๋ออวี่ เด็กกตัญญูจากรายการ Master Class เติบโตเป็นศิลปินคุณภาพ

Alternative Textaccount_circle
จางเจ๋ออวี่
จางเจ๋ออวี่

จำกันได้ไหม? จางเจ๋ออวี่ เด็กน้อยสุดกตัญญูจากรายการ Master Class ในตอนนั้นได้เติบโตเป็นศิลปินที่มีคุณภาพแล้ว!

Zhang Ze Yu  (张泽禹) เกิดเมื่อวันที่ 30 เมษายน 2007 เด็กน้อยผิวขาวใส ผมสีดำเข้มในวัย 10 ขวบในตอนนั้น จนถึงวันนี้เขาได้เติบโตเป็นศิลปินฝึกหัดที่เปี่ยมไปด้วยคุณภาพ ความสามารถอันล้นเหลือ และกำลังเดินทางตามความฝันของตัวเองอย่างแข็งขันเพื่อไปให้ถึงเป้าหมาย ก่อนการเดบิวต์อย่างเป็นทางการจะมาถึง วันนี้เรามาทำความรู้จักกับจางเจ๋ออวี่ให้มากกว่านี้กันดีกว่า!

จางเจ๋ออวี่

Zhang Ze Yu หรือทุกคนสามารถเรียกเขาว่า ‘เสียวเป่า (น้องเป่า)’ ‘เป่าเหล่าซือ (จารย์เป่า)’ ‘ต้าอวี่ (ลูกพี่อวี่)’ หากย้อนกลับไปในปี 2017 ในวันที่รายการ Master Class รายการประกวดร้องเพลงสุดโด่งดังอันดับต้นๆ ของประเทศจีน นอกจากเสียงอันทรงพลังและเป็นเอกลักษณ์ของจางเจ๋ออวี่แล้ว ความกตัญญูของเขาก็เป็นที่พูดถึงกันอย่างกว้างขวาง ในตอนนั้นจางเจ๋ออวี่ได้รับเชิญให้ครอบครัวของเขามาเยือนรายการพร้อมกับคุณปู่ทวดสุดที่รัก ด้วยการกระทำและการแสดงออกของจางเจ๋ออวี่ในวัยเพียงแค่ 10 ขวบ แต่สามารถปรนนิบัติดูแลเอาใจใส่คุณปู่ทวดของเขาเหนือสิ่งอื่นใด จากคำกล่าวของคุณปู่ทวดทำให้จางเจ๋ออวี่ได้รับคำชื่นชมมากมายทั้งจากสายตาและคำพูดของคนในห้องส่ง พร้อมกับบนโลกอินเตอร์เน็ตจนได้รับขนานนามว่า “เด็กที่ดีที่สุด” ณ เวลานั้นเลยทีเดียว

จางเจ๋ออวี่

ซึ่งในเวลาต่อมาจางเจ๋ออวี่ก็ได้รับโอกาสที่เปลี่ยนชีวิตเขามาโดยตลอด นั่นคือการได้เป็นส่วนหนึ่งของครอบครัว ‘Time FengJun Entertainemnt’ (北京时代峰峻文化艺术发展有限公司) หรือ TF Entertainment แน่นอนว่าด้วยความสามารถอันล้นเหลือของเขา จึงได้มีผู้คนเล็งเห็นและได้พาเขาเข้ามาเป็นเด็กฝึกรุ่นที่ 3 ทำให้จางเจ๋ออวี่ต้องย้ายจากฮาร์บินบ้านเกิดในมณฑลมณฑลเฮยหลงเจียงมาอยู่ที่ฉงชิ่งซึ่งเป็นสถานที่ตั้งของค่ายเพลง ต้องเล่าความก่อนว่า TF Entertainment  ก่อตั้งเมื่อปี 2009 เป็นอีกหนึ่งค่ายเพลงอันโด่งดังที่คอยพัฒนาและต่อยอดเด็กฝึกให้เป็นศิลปินที่มีคุณภาพมาแล้วมากมาย อาทิเช่น TFBOYS, TNT (หรือที่เรียกว่า Teens in Times 时代少年团) จนได้เป็นที่ยอมรับและเป็นดั่งเป้าหมายของคนจีนรุ่นใหม่ไฟแรงได้เป็นอย่างดี  ซึ่งในตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา TF Entertainment ได้ปล่อยเบื้องหลังและเวทีของการเป็นเด็กฝึกรุ่นที่ 3 ออกมาอย่างต่อเนื่อง ทำให้เห็นว่าจางเจ๋ออวี่มีความพยายามมากเพียงใด ในตอนแรกของการเป็นเด็กฝึกเขาต้องพบเจอกับขีดจำกัดของตัวเองมากมาย ทั้งเรื่องการเรียนหนังสือ การปรับตัวเข้ากับเพื่อนร่วมรุ่น ทักษะด้านการร้องเพลงหรือการเต้น จนกระทั่งมีคำพูดหนึ่งที่ตราตึงใจเหล่าแฟนคลับมาโดยตลอด “คนอื่นเขาไม่ดูหรอกครับว่าซ้อมยังไงทำยังไง เขาดูแค่ผลลัพธ์” จะเห็นได้ว่าแนวความคิดของ Zhang Ze Yu ที่มีอายุเพียง 11-12  ปีในตอนนั้นเป็นคนที่มองโลกแห่งความจริงอย่างไรบ้าง เขาเลือกที่จะยอมรับในความผิดพลาดและเดินหน้าต่อไปอย่างไม่หยุดฝึกซ้อม

จนกระทั่งในเวลาต่อมาจางเจ๋ออวี่ ได้ถูกยอมรับจากเพื่อนร่วมทีม ครูฝึกและคนอื่นๆ ว่าเขาเป็น “เด็กที่เปี่ยมไปด้วยความสามารถที่ดีที่สุด” ผู้คนและเหล่าแฟนคลับให้การยอมรับในความสามารถและสนับสนุนเขาอย่างกว้างขวางจนได้ถูกคัดเลือกขึ้นมาเป็นอันที่ 2 เข้าร่วมโปรเจกต์ 登陆计划-TransFormProject หนึ่งในเด็กฝึกที่รอเดบิวต์มาจนถึงตอนนี้ แต่นอกจากความสามารถเรื่องของการร้องเพลงแล้ว จางเจ๋ออวี่ที่ยังหลงใหลในด้านดนตรีอย่างสุดโต่ง เพราะเขาสามารถเล่นกีต้าร์ไฟฟ้าได้อย่างดีเยี่ยมแน่นอนว่าคนรักดนตรีอย่างเขาก็เคยกล่าวไว้ในรายการหนึ่งในเรื่องของความฝันเอาไว้ว่า “ถ้าเกิดตัวผมเองไม่ได้เดบิวต์เป็นศิลปินก็จะไปเป็นครูสอนกีต้าร์ไฟฟ้าครับ”

เส้นทางการเป็นศิลปินของจางเจ๋ออวี่ได้เป็นแรงผลักดันให้กับผู้คนมากมาย รวมถึง ‘เพื่อนที่ดี’ คำที่จางเจ๋ออวี่ใช้เรียกแฟนคลับของเขามาโดยตลอด จากเด็กชายวัย 10 ขวบที่เดินตามความฝันอย่างไม่หยุดพัก อาจไม่ใช่เพราะด้วยความสามารถเพียงอย่างเดียวเท่านั้น  แต่เป็นเพราะทัศนคติที่ดีงามของจางเจ๋ออวี่ตั้งแต่เด็กตัวน้อยจนถึงตอนนี้ในวัย 17 ปี ก็เป็นสิ่งหนึ่งที่คอยผลักดันให้เขาผ่านอุปสรรคมากมายจนทำให้มายืนอยู่ในจุดนี้ได้ หลายคนอาจตั้งคำถามว่า ‘ทำไมทัศนคติหรือความคิดของคนๆ หนึ่งสามารถทำให้เขาประสบความสำเร็จได้เชียวหรือ?’ ทัศนคติคือความคิดหรือสิ่งที่ตนเองเชื่อ ซึ่งความคิดของจางเจ๋ออวี่ได้ถูกเผยแพร่ผ่านตัวตนของเขามาโดยตลอด

แต่ที่เห็นได้ชัดคือการถูกถ่ายทอดออกมาผ่านจดหมายที่เขาได้ลงมือเขียนให้กับตัวเองที่จะเดบิวต์ในปีนี้ไว้ว่า “นายในปี 2024 ยังทำสเตจออกมาเพื่อเพื่อนที่ดีให้ดีกว่าเดิมอยู่หรือเปล่า” ประโยคนี้ทำให้จางเจ๋ออวี่ถูกมองว่าเป็นหนึ่งในศิลปินที่ใส่ใจแฟนๆ ของเขาได้อย่างดีเยี่ยม รวมถึงกับการตั้งคำถามมากมายให้กับตัวเขาเองในปี 2024 ถึงวิถีการใช้ชีวิตและพัฒนาการของตัวเอง  “นายผ่านอุปสรรคต่างๆ ที่เป็นเหมือนรวดหนามมาได้หรือไม่? ถ้าคำตอบคือใช่ก็ต้องขอบคุณตัวเองด้วยนะ เมื่อไหร่ที่รู้สึกถึงความสุขก็ต้องรับรู้ถึงความทุกข์ไปด้วย” ทัศนคติด้านบวกที่ถูกส่งตรงมานั่นทำให้รับรู้ว่าจางเจ๋ออวี่คนนี้จะสามารถเติบโตมาเป็นศิลปินที่ดีที่สุดได้อย่างแน่นอน

การที่ผู้คนมากมายเลือกสนับสนุนจางเจ๋ออวี่มาอย่างยาวนานตลอด 7 ปีนั่น อาจเป็นเพราะพวกเขารู้สึกรักและได้เข้าใจถึงลักษณะนิสัยและความคิดของจางเจ๋ออวี่มาโดยตลอด ไม่ว่าจะเป็นความเอาใจใส่ การใช้ชีวิตให้คุ้มค่า การเดินตามความฝัน การรักตัวเองให้มากๆ หรือแม้แต่การรักบ้านเกิดเมืองนอนของตัวเอง เขาพูดกับทุกๆ คนเสมอว่าอยากกลับบ้านไปหาครอบครัว กลับไปหาคุณแม่ที่เขารักสุดหัวใจ จางเจ๋ออวี่พร้อมที่จะทำทุกวิถีทางให้คุณแม่ของเขาได้ใช้ชีวิตอย่างสุขสบายด้วยคำสัญญาที่ว่า “ต่อไปนี้ผมจะเป็นคนเลี้ยงคุณแม่เองครับ!”  เรียกได้ว่าความรักอันมากล้นของจางเจ๋ออวี่ถูกส่งไปถึงแฟนๆ ของเขาได้ด้วยเช่นกัน

ถึงแม้ในปัจจุบันจางเจ๋ออวี่จะยังไม่เดบิวต์ แต่อีกภายในไม่กี่เดือนจนถึงฤดูร้อนของประเทศจีนก็จะถึงช่วงเวลาสำคัญของไฟนอลซีซั่นในการสร้างกลุ่มเดบิวต์รุ่นใหม่ประจำค่ายเพลง TF Entertainment  แล้ว เพียงไม่กี่อึดใจเราก็จะได้เห็นการเติบโตอย่างมีคุณภาพของจางเจ๋ออวี่ทั้งด้านร่างกายและจิตใจที่อัดแน่นไปด้วยความรักและความสามารถของเขา จนถึงตอนนี้จางเจ๋ออวี่ในฐานะเด็กฝึกรุ่นที่ 3 ไม่เคยคิดที่จะยอมแพ้แม้จะเหน็ดเหนื่อเพียงใดก็ตาม หากใครได้อ่านบทความมาจนถึงบรรทัดนี้ หวังว่าจะมีโอกาสได้เป็น ‘เพื่อนที่ดี’ คนใหม่ และเริ่มรู้จักตัวตนที่แท้จริงของจางเจ๋ออวี่มากขึ้นไปพร้อมๆ กัน สามารถติดตามความเคลื่อนไหวของจางเจ๋ออวี่ได้ที่ twitter.com/zhangzeyuth  เชื่อว่านอกจากพลังบวกที่จะได้รับจากเขาแล้ว ในอีกไม่ช้าพวกคุณจะหลงรักจางเจ๋ออวี่อย่างแน่นอน

‘ใหม่ ดาวิกา’ ฟื้นตำนานเดรสสีเพลิง POEM ในรายการ Ride The Wind 2024

Alternative Textaccount_circle

เดบิวต์ในจีนแผ่นดินใหญ่ทั้งที ‘ใหม่ ดาวิกา‘ จัดเต็มคอสตูมเดรสสีแดงเพลิงในตำนานจาก POEM บนสเตจ Ride The Wind 2024

โกอินเตอร์ไปไกลแล้วกับนักแสดงและศิลปิน ‘ใหม่ ดาวิกา’ ที่ล่าสุดเพิ่งเดบิวต์ในประเทศจีน บนสเตจ Ride The Wind 2024 ช่อง Mango TV ซึ่งมีคนดังถึง 36 คนจากทั่วมุมโลกมาเข้าร่วมรายการวาไรตี้แลกเปลี่ยนเปลี่ยนวัฒนธรรมและแข่งขันดนตรีนานาชาติ โดยเธอเปิดตัวด้วยเพลงฮิตอย่าง ‘ชอบปะเนี่ย (Can I Call You Mine)’ ที่เปลี่ยนเนื้อร้องท่อนฮุกเป็นภาษาจีน ซึ่งเป็นอีกหนึ่งทักษะที่เธอพยายามฝึกฝนมาตลอดในช่วงเวลาที่ผ่านมา

นอกจากการปรากฏตัวในรายการบนแผ่นดินใหญ่ที่กลายเป็นไวรัลแล้ว คอสตูมของ ‘ใหม่ ดาวิกา’ ก็เป็นกระแสไม่น้อย เพราะเธอพาแบรนด์ไทยชื่อดังอย่าง ‘POEM’ ไปเฉิดฉายบนเวทีอีกครั้ง ซึ่งเดรสสีเพลิงชุดนี้อยู่ในคอลเล็คชั่น Tale of the Luminaries ที่ แพนเค้ก เขมนิจ เคยสวมเป็นลุคฟินาเล่ใน Xi’an Fashion Week 2019 จนกลายเป็นตำนานที่ใครๆ ต้องพูดถึง โดยความโดดเด่นของเดรสอยู่บนกระโปรงสุดฟูฟ่องที่ซ้อนผ้าตาข่ายไว้หลายชั้น และสี Ombre แดง-ดำ ที่ไล่เฉดไว้อย่างลงตัว


รูปภาพ: POEM

เปิดคอสตูม LE SSERAFIM บนเวที Coachella จาก Louis Vuitton

Alternative Textaccount_circle

เมื่อ Louis Vuitton เป็นผู้อยู่เบื้องหลังคอสตูมบนเวที Coachella ของ 5 สาว ‘LE SSERAFIM’

สำหรับเทศกาลดนตรีสุดยิ่งใหญ่อย่าง Coachella ยังเป็นที่จับตามองทุกปี เพราะลิสต์รายชื่อของศิลปินมีแต่ระดับท็อปของวงการจากทุกประเทศ แน่นอนว่าหนึ่งในนั้นคือ K-POP ที่ได้รับเชิญให้มาแสดงบนเวทีไม่ว่าจะเป็น EPIK HIGH, BLACKPINK, Hyukoh, CL & 2NE1 หรือ aespa และในปี 2024 นี้ วงที่ได้รับการคัดเลือกคือ 5 สาว ‘LE SSERAFIM’ นั่นเอง

เมื่อได้รับโอกาสจากเวทีใหญ่แบบนี้ ไม่ว่าใครก็ก็ต้องจัดเต็มทั้ง Performance และ Costume แน่นอน นั่นหมายรวมถึงสาวๆ ‘LE SSERAFIM’ ที่เตรียมโชว์ไว้สำหรับเทศกาลเพลงนี้โดยเฉพาะ ส่วนเรื่องคอสตูมขอให้เป็นหน้าที่ของแฟชั่นแบรนด์ระดับโลกอย่าง Louis Vuitton เมื่อมีทั้ง 5 คน เป็นถึงแบรนด์แอมบาสเดอร์ ไม่ว่ายังไงลุคของทุกคนต้องปังอย่างแน่นอน โดยไอเท็มแต่ละชิ้นมีทั้ง Ready to wear ที่อยู่ในคอลเล็คชั่นต่างๆ อยู่แล้ว เช่น Pinstripe Leather Zip-Up Mini Skirt, My LV Chain Belt หรือ Archlight 2.0 Platform Ankle Booth แต่ไอเท็มอีกหลายชิ้นอย่างเสื้อ และกระโปรงที่ปักเลื่อมลวดลายตารางก็เป็น Custom Made ที่ครีเอทให้สาวๆ โดยเฉพาะ


รูปภาพ: Getty

ไมกี้-ปณิธาน บุตรแก้ว

จากนักดนตรีเปิดหมวก สู่พระเอกดาวรุ่ง ไมกี้-ปณิธาน บุตรแก้ว

Alternative Textaccount_circle
ไมกี้-ปณิธาน บุตรแก้ว
ไมกี้-ปณิธาน บุตรแก้ว

กลายเป็นขวัญใจมัมหมีทั่วประเทศไปแล้วตอนนี้ สำหรับพระเอกน้องใหม่ดาวรุ่งหน้าหวาน “ไมกี้ ปณิธาน” ที่ครองใจแฟน ๆ ในบท “พันตรี นายแพทย์ หม่อมหลวง ฉัตรเกล้า จุฑาเทพ” ประกบคู่กับนางเอกมากฝีมือ “ญดา นริลญา”  ในละครชุด “ดวงใจเทวพรหม” เรื่อง “ขวัญฤทัย” ทางช่อง 3 บุตรคนแรกของ หม่อมราชวงศ์พุฒิภัทร กับกรองแก้ว แจ้งเกิดผลงานเรื่องแรกเต็มตัวกับความสามารถทางการแสดงที่สะดุดตาตั้งแต่แรกเจอ เราจะพาไปทำความรู้จักหนุ่มหน้าหวานคนนี้ให้มากขึ้นกับมุมเบื้องหลังชีวิตก่อนเข้าสู่วงการบันเทิงกันแบบถึงแก่น

 สำหรับ ไมกี้ มีชื่อเต็มว่า ปณิธาน บุตรแก้ว หนุ่มลูกครึ่งไทย-เยอรมัน สัญชาติ ไทย เกิดเมื่อวันที่ 31 มกราคม 2546  ปัจจุบันอายุ 21 ปี น้ำหนัก 64 ส่วนสูง 180 จบการศึกษาระดับมัธยมปลายที่ โรงเรียนลำปางกัลยาณี และกำลังศึกษาระดับปริญญาตรี คณะนิเทศศาสตร์ สาขาสื่อสารการตลาดดิจิตอล มหาวิทยาลัยรังสิต เป็นหนุ่มขี้เล่นอัธยาศัยดี ยิ้มง่าย ชอบงานศิลปะและการร้องเพลงเล่นดนตรีหนุ่มไมกี้เข้าวงการจากการชักชวนของ “ปิ๊ก ฌาณฉลาด” และมีโอกาสได้เข้ามาแคสติ้งในบท พันตรี นายแพทย์ หม่อมหลวง ฉัตรเกล้า จุฑาเทพ จากเรื่อง “ขวัญฤทัย” ด้วยเสน่ห์และความขี้เล่นของเจ้าตัวก็ทำให้ผู้จัด “แหม่ม ธิติมา” และผู้กำกับ “ป้าแจ๋ว ยุทธนา” ตกหลุมความน่ารักจนได้เซ็นสัญญาเข้ามาเป็นนักแสดงช่อง 3 เต็มตัว ล่าสุดกำลังมีผลงาน “หวานรักต้องห้าม” ประกบคู่สาวรุ่นพี่ “แมท ภีรนีย์” อีกด้วย

ได้มาเล่นละครเรื่องนี้ได้อย่างไร

-เป็นความบังเอิญมากที่ผมได้มาเล่นในละครชุดนี้ เป็นละครชุดครั้งแรก เรื่องแรกของผมเลยที่ได้มาเล่น ก่อนหน้านี้ผมเล่นดนตรีเปิดหมวกอยู่ที่กาดกองต้าที่ลำปางเป็นตลาดเก่า ๆ มีคนไปเจอผม เขาก็ชวนผมมาแคสละครของพี่แหม่ม ธิติมา ผมก็ลองไปแคสดู แล้วก็ได้เลย ซึ่งผมไม่เคยเรียนการแสดงมาก่อน ทุกอย่างคือศูนย์ พอได้แสดงเรื่องนี้จริง ๆ ก็แอบเซอร์ไพรส์เหมือนกันที่ได้รับเล่นบท ฉัตรเกล้า ผมเลยต้องย้ายจากลำปางมาอยู่กรุงเทพทันที

 ไมกี้-ปณิธาน บุตรแก้ว

ยึดงานร้องเพลงเปิดหมวกเป็นงานอดิเรกนานไหม

-นานเลยครับ ผมเปิดหมวกมาประมาณปีกว่า ตั้งแต่ ม.4-ม.5 กับวง ข้าวกั้นจิ้น ของผมและเพื่อน ๆ คนก็เริ่มมาจ้างไปร้องตามร้านอาหารบ้าง จ้างไปงานแต่งบ้าง ถือว่าช่วงนั้นรุ่งเรืองเลยครับ จากการร้อนเงินก็ยึดอาชีพนี้เป็นอาชีพหลักไปเลย(หัวเราะ) แต่ก่อนผมเป็นเด็กเสิร์ฟ ผมก็ลาออกจากงานพาร์ทไทม์เลย

เรื่องของการทำอาชีพเสริม แนวคิดแบบนี้มาได้ยังไง

-อาจจะเป็นเพราะครอบครัวด้วยครับ คุณแม่ก็ปล่อยให้ผมได้ฟรีสไตล์เลือกเส้นทางชีวิตของผมเอง ขอแค่ว่าการเรียนอย่าทิ้ง ผมก็สนุกกับเพื่อนเต็มที่ เที่ยวขับมอเตอร์ไซต์ ไปเล่นเกม ไปเล่นดนตรี แต่ผมก็ไม่ทำให้การเรียนแย่นะครับ ตอนอยู่โรงเรียนผมทำกิจกรรมเยอะ แล้วตอนนั้นผมก็เป็นรองประธานนักเรียนด้วย ชีวิตช่วงวัยเรียนของผมสนุกมากจริง ๆ

เป็นลูกคนเดียวไหม

-ผมเป็นลูกคนเดียวครับ แม่ผมเป็นครูสอนวิชาคอมพิวเตอร์ แล้วก็ได้ปรับเป็นครูใหญ่ สุดท้ายเขาก็ลาออกจากการเป็นครูเพราะว่าเขามีผม เขาอยากลาออกมาเลี้ยงลูกจริงจัง เพราะแม่ผมเป็นคนมีลูกยาก

นิสัยไมกี้ดูขัดกับลุคที่เป็นไหม เพราะเราก็ขึ้นแท่นเป็นพระเอกแล้ว

-มันมีคำพูดหนึ่งที่ผมชอบมาก ๆ คือ มนุษย์เราไม่มีใครที่มีลายนิ้วมือเหมือนกัน ทุกคนมีความพิเศษเป็นของตัวเอง อยู่ที่ว่าเราอยากไปค้นหาความพิเศษนั้นไหม แต่สำหรับผม ผมอยากทำ

ช่วงที่เปิดหมวกคิดอยากจะเข้าวงการบันเทิงไหม

-ตอนนั้นผมยังไม่ได้ชอบงานในวงการบันเทิงครับ ผมอยากเป็นครูสอนภาษาอังกฤษ มันเป็นอาชีพที่ผมผูกพัน และเป็นอาชีพที่ผมรักมาก แม่ผมเป็นคุณครูด้วยก็ยิ่งทำให้ผมรู้สึกว่ามันเป็นอาชีพที่มีคุณค่า กับการที่จะทำให้เด็ก ๆ โตมาอย่างมีคุณภาพ ผมสนุกกับการได้ทำงานกับคนเยอะ ๆ เหมือนได้ฮีลใจตัวเองไปด้วย ตัวผมเรียนจบสายวิทย์-คณิต แต่อยากเป็นคุณครูสอนภาษาอังกฤษ ด้วยประสบการณ์ของตัวเอง บางทีครูสอนภาษาจะไม่ค่อยเข้าใจเด็กศิลป์ เด็กวิทย์-คณิต ผมก็อยากจะเป็นครูสอนภาษาอังกฤษที่เข้าใจเด็กวิทย์-คณิต ผมว่าผมน่าจะเอ็นจอยกับการสอน และเล่นกีต้าร์ไปด้วยก็น่าจะสนุกดี

ความรู้สึกแรกที่ได้ทำงานละคร

-ตื่นเต้นครับผมก็มีความกดดันอยู่บ้าง แต่ไม่ได้กดดันในด้านที่ไม่ดี กดดันว่าเราไม่เคยทำอะไรแบบนี้มาก่อน เราใหม่มากประสบการณ์อะไรเราก็ยังไม่มี

ป้าแจ๋วสอนอะไรเราบ้าง

-สอนทุกอย่างเลย ด้านแอคติ้งเขาก็โค้ชชิ่งเราตลอดทุกซีนเลยครับ เขาจะมาสอน ทั้งอารมณ์ การทำการบ้านของบท พี่ญดาก็ช่วยผมเยอะมาก วันที่ไม่ได้ไปถ่ายก็ไปเวิร์กชอปกับกองละครตลอด ป้าแจ๋วก็สอนผมตลอดเวลา มีพูดคุย เอาบทไปปรึกษาทุกซีน เขาสอนผมเยอะจริง ๆ ไม่ใช่แค่แอคติ้ง ด้านการใช้ชีวิตในกองก็สอนผมว่าต้องทำตัวยังไง เลี้ยงผมเหมือนเป็นลูกเลยครับ

กว่าจะมาเป็นพระเอกเรื่องนี้เราก็เจ็บตัวมาเยอะเหมือนกัน

-ใช่ครับ ตอนที่ถ่ายทำขวัญฤทัย มันมีคิวบู๊ค่อนข้างเยอะ เราก็พลาดล้มแล้วซี่โครงหักทิ่มปอด ผ่าตัดไป 2 รอบ ตอนนี้อาการดีขึ้นแล้วครับ มีอีกช่วงก็คือตอนที่ถ่ายทำละครอีกเรื่องหนึ่ง อยู่ ๆ หัวใจก็เกิดเต้นผิดจังหวะขึ้นมา สาเหตุคือทำงานเยอะนอนน้อยครับ มันทำให้หัวใจเต้นผิดจังหวะเป็นเวลานาน เป็นประสบการณ์ที่น่าจะไม่มีใครอยากเจอ แต่มันสอนอะไรผมเยอะมาก ถ้าผมไม่ได้เจอเหตุการณ์อะไรแบบนี้ ผมก็คงจะไม่ใช่ไมกี้ในวันนี้

มีคิดบ้างไหมว่าที่ตรงนี้มันไม่ใช่ที่ของเรา

-มีคิดอยู่แล้วครับ ผมนั่งร้องไห้ทุกวัน ถึงขั้นที่แบบคิดว่าไม่อยากมาทำงานแล้ว ไม่อยากให้ถึงวันพรุ่งนี้ ระหว่างทางก็ไม่อยากเจอไม่อยากคุยกับใคร เมื่อไหร่จะจบสักทีคิดแบบนี้ตลอดเวลา ก็ต้องเปลี่ยนมุมมองใหม่ หาความสุขระหว่างทาง มันอยู่ที่มุมมอง ถ้าเรามองแต่ในแง่ร้ายเราก็จะคิดแต่ในมุมนั้น แล้วเราก็จะท้อไปด้วย แต่ถ้าเรามองแง่ดี มองแต่สิ่งดี ๆ มองถึงโอกาส ความโชคดี มันก็ช่วยดันเอนเนอจี้เราขึ้นเรื่อย ๆ ครับ

ตอนนี้มุมมองในวงการบันเทิงเปลี่ยนไปไหม

-มุมมองในวงการบันเทิงเปลี่ยนไปเยอะเลย ตอนนี้รู้สึกดีมาก ๆ ผมใช้คำว่าตกหลุมรักการแสดงไปแล้ว ถ้ามีโอกาสก็อยากจะประสบความสำเร็จในฐานะที่ตัวเองขึ้นชื่อว่าเป็นอาชีพนักแสดง

เป็นนักแสดงน้องใหม่ที่ความสามารถล้นเหลือจริง ๆ ตามไปดูความน่ารักทางการแสดงของหนุ่มดาวรุ่งคนนี้กันได้ในละครชุด “ดวงใจเทวพรหม” เรื่อง “ขวัญฤทัย” เวลา 20.20 น. ทางช่อง 3 ดูทีวีกด 33 ดูมือถือกด 3Plus  และไปติดตามความเคลื่อนไหวของหนุ่มคนนี้กันได้ Instagram : mikepanitan Twitter : mikepanitan

มาส์กหน้า

แนะทริค ‘มาส์กหน้า’ ให้เหมาะกับแต่ละสภาพผิว ตัวช่วยฟื้นฟูผิวแบบด่วนในช่วงร้อนนี้

Alternative Textaccount_circle
มาส์กหน้า
มาส์กหน้า

จะปีนี้ปีไหนๆ ประเทศไทยก็อากาศร้อนโหดทุกปี แต่ถึงจะร้อนยังไงหลายๆคนก็ยังคงเลือกใช้เวลาพักผ่อนและเพลิดเพลินกับการทำกิจกรรมกลางแจ้งกันไม่น้อย ซึ่งการดูแลและฟื้นฟูสภาพผิวหลังการทำกิจกรรมอย่างเหมาะสมจึงเป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยให้ผิวสวยและสุขภาพดีอยู่เสมอ ‘ธัญ’ (THANN) ร่วมกับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านผิวหนังและความงาม แพทย์หญิงภัทรพร ภัทรากร ได้แนะทริคการ มาส์กหน้า เพื่อฟื้นฟูสภาพผิวหลังสนุกกับกิจกรรมกลางแจ้งช่วงหน้าร้อนมาฝาก

ช่วงฤดูร้อนนี้หลายคนที่ชอบทำกิจกรรมกลางแจ้งกัน อาจทำให้เสี่ยงต่อการเกิดปัญหาผิวต่างๆ ตามมาโดยไม่รู้ตัว อาทิ ผิวคล้ำเสียจากแสงแดด ผิวอ่อนล้าอิดโรย ผิวแห้งขาดน้ำ สิว บางครั้งเพียงการล้างหน้าและทาครีมบำรุงก็อาจไม่เพียงพอที่จะฟื้นฟูสภาพผิวได้ การใช้มาส์กที่มีคุณสมบัติพิเศษจึงเป็นวิธีบำรุงผิวที่ง่ายและรวดเร็ว ช่วยดูแลปัญหาผิวได้อย่างตรงจุดและมีประสิทธิภาพกว่าการบำรุงทั่วๆ ไป เรียกได้ว่าเป็นการบำรุงขั้นพิเศษเพื่อช่วยฟื้นฟูผิว ถึงแม้ว่าในปัจจุบันจะมี มาส์กหน้า ให้เลือกใช้หลากหลายชนิด การเลือกใช้มาส์กที่เหมาะกับแต่ละสภาพผิวก็จะช่วยให้มาส์กสามารถทำงานและได้ผลลัพธ์อย่างเต็มประสิทธิภาพ

  • ผิวมัน มักเกิดการอุดตันของรูขุมขน โดยก่อให้เกิดปัญหาผดผื่นและสิวตามมา ควรเลือกมาส์กที่มีส่วนผสมของโคลนธรรมชาติ เพื่อดูดซับความมันส่วนเกิน สิ่งสกปรกตกค้าง และช่วยกระชับรูขุมขนได้เป็นอย่างดี นอกจากนี้ควรมีส่วนผสมของสารสกัดธรรมชาติที่มีคุณสมบัติในการปลอบประโลมผิว และบำรุงผิวให้เนียนนุ่มชุ่มชื้น อาทิ สารสกัดจากแตงกวา, กุหลาบ และน้ำมันรำข้าว
  • ผิวแห้งขาดน้ำ ควรเลือกใช้มาส์กที่มีส่วนผสมของสารสกัดธรรมชาติที่ช่วยปลอบประโลมผิวให้แข็งแรงและเติมเต็มความชุ่มชื้นให้ผิวได้อย่างยาวนาน  อาทิ สารสกัดจากชาเขียวออร์แกนิคที่อุดมด้วยสารโพลิฟีนอล ทำหน้าที่เป็นสารแอนตี้ออกซิแดนท์ ช่วยปลอบประโลมผิว, สารสกัดจากสับปะรดออร์แกนิค อุดมด้วยวิตามิน ซี และเอนไซน์โบรมีเลน (Bromelain) บรรเทาความแห้งกร้าน และกระตุ้นการผลัดเซลล์ผิวอย่างอ่อนโยน, สารสกัดจากทรีฮาโลส (Trehalose) เติมเต็มความชุ่มชื้น และเสริมสร้างความแข็งแรงให้กับโครงสร้างผิวหรืออาจใช้ Sleeping mask หรือ Overnight mask โดยพอกทิ้งไว้ทั้งคืนและล้างออกในตอนเช้า
  • ผิวบอบบางแพ้ง่าย ควรเลือกใช้มาส์กที่มีคุณสมบัติในการปลอบประโลมผิวที่มีส่วนผสมของสารสกัดธรรมชาติจากใบชิโซะ อโลเวล่า แตงกวา หรือดอกคาโมมายล์
  • ผิวที่มีปัญหาผิวหมองค้ำ หรือจุดด่างดำ ควรเลือกมาส์กที่มีคุณสมบัติในการฟื้นฟูความกระจ่างใสของผิว มีส่วนผสมของสารสกัดจากผลองุ่น สารสกัดจากรากต้นหม่อน รวมถึงมาส์กมีส่วนผสมของวิตามิน ซี และสาร AHA เพื่อกระตุ้นการผลัดเปลี่ยนเซลล์ผิว และปรับสภาพสีผิวให้สม่ำเสมอ
  • ผิวที่มีปัญหาริ้วรอย ควรเลือกมาส์กที่มีคุณสมบัติในการฟื้นฟูความแข็งแรงของเซลล์ผิวจำพวกเปปไทด์, โคคิวเท็น, คอลลาเจน, เชียร์บัตเตอร์, ชาเขียว และอะโวคาโด ซึ่งส่วนผสมดังกล่าวมีคุณสมบัติที่ช่วยเพิ่มความยืดหยุ่นและเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิวด้วย โดยใช้ควบคู่กับผลิตภัณฑ์ลดเลือนริ้วรอย เพื่อผลลัพธ์ที่มีประสิทธิภาพและทำให้ผิวเรียบเนียนขึ้น

เคล็ดลับการมาส์กหน้าให้ได้ผลลัพธ์ที่ดี ควรเริ่มจากการทำความสะอาดผิว หากแต่งหน้าควรเช็ดเครื่องสำอางออกด้วย Cleansing water แล้วล้างตามด้วยผลิตภัณฑ์ล้างทำความสะอาดหน้าอย่าง Facial cleanser หรือ Face wash จากนั้นซับหน้าพอหมาดๆ แล้วมาส์กหน้าได้เลย โดยไม่ต้องรอให้แห้ง เพราะหากผิวแห้งแล้วจะทำให้การดูดซึมสารบำรุงต่างๆ จากตัวมาส์กลดลง สำหรับผิวปกติถึงผิวมัน สามารถใช้ผ้าขนหนูซับน้ำอุ่นโปะลงบนผิวเพื่อเปิดรูขุมขนให้พร้อมรับการบำรุงได้อย่างเต็มที่ แต่ไม่แนะนำวิธีนี้สำหรับคนที่มีสภาพผิวแห้ง เพราะจะยิ่งทำให้ผิวแห้งเพิ่มขึ้นได้ ระยะเวลาที่เหมาะสมในการมาส์กหน้าอยู่ที่ 15-20 นาที หากทิ้งมาส์กไว้เกินเวลาจนมาส์กเริ่มแห้ง จะเกิดกระบวนการออสโมซิส โดยจะดูดความชุ่มชื้นออกจากผิวหน้ากลับคืนไปสู่แผ่นมาส์กแทน

ส่วนมาส์กโคลนหรือแบบล้างออก (Wash off) หากรู้สึกว่าหน้าเริ่มแห้งตึงก็สามารถล้างออกได้ด้วยน้ำสะอาด ไม่จำเป็นต้องล้างโฟมหรือเจลล้างหน้าซ้ำ ส่วนมาส์กแบบชนิดลอกออก (Peel off) หรือ (Rubber mask) จะมีทั้งที่ต้องล้างออกหลังการมาส์กและไม่จำเป็นต้องล้างออก ตรงนี้ก็ขึ้นอยู่กับแต่ละชนิดของผลิตภัณฑ์ ที่สำคัญคือควรทาครีมบำรุงผิวหลังการมาส์กหน้าทุกครั้ง ส่วนสาวๆ คนไหนที่มีเวลาน้อย หรือต้องออกงานสำคัญแบบเร่งด่วน สามารถเลือกมาส์กที่เน้นการฟื้นคืนความชุ่มชื้นกระจ่างใสสู่ผิวได้ เพียงมาส์กก่อนการแต่งหน้า 15 นาที เพื่อเตรียมผิวให้พร้อมก่อนการแต่งหน้า ง่ายๆ เพียงเท่านี้เราก็สามารถอวดผิวสวยอย่างมั่นใจได้แล้ว

การมาส์กหน้าช่วยให้ผิวหน้าเนียนนุ่ม ลดความมัน กระชับรูขุมขน ใบหน้าแลดูขาวกระจ่างใส ช่วยแก้ไขปัญหาผิวแห้ง ผิวมัน ได้เป็นอย่างดี อย่างไรก็ตาม การมาส์กหน้าที่ถูกวิธีและดีต่อสุขภาพผิวนั้น ไม่ควรทำบ่อยจนเกินไป เพราะอาจทำให้ผิวของคุณแห้งหรือขาดน้ำได้ ดังนั้น เวลาที่เหมาะสมสำหรับการมาส์กหน้าจึงอยู่ที่ประมาณ 2-3 ครั้ง/สัปดาห์ ก็จะช่วยบำรุงผิวพรรณได้ดีทีเดียว ส่วนช่วงเวลาที่เหมาะแก่การมาส์กหน้า คือ ช่วงเวลาค่ำ หรือก่อนเข้านอน เนื่องจากการมาส์กหน้าช่วงเวลากลางคืนนั้นจะเป็นการฟื้นฟูสภาพผิว เป็นการให้เวลาผิวหน้าได้พักหลังผ่านช่วงเวลาที่ผิวต้องเผชิญกับมลภาวะต่างๆ มาทั้งวัน ช่วยเสริมประสิทธิภาพในการฟื้นบำรุงผิวขณะที่เราพักผ่อนได้อย่างเต็มที่ด้วย

Photo: Pexels


ICONCRAFT ชวนสัมผัส “Journey of Thai Craft” วันนี้ – 6 พ.ค. 2567

account_circle

ไอคอนคราฟต์ (ICONCRAFT) พื้นที่แห่งงานฝีมือสุดสร้างสรรค์ของคนไทย ณ ไอคอนสยาม ต้อนรับเทศกาลใหม่แห่งความสุข กับแคมเปญ  “Journey of Thai Craft” ที่รวบรวมงานคราฟต์อันทรงคุณค่าจากช่างฝีมือทั่วไทย สะท้อนภูมิปัญญาท้องถิ่นผสมผสานกับดีไซน์ร่วมสมัย พร้อมโปรโมชั่นสุดพิเศษ ตั้งแต่วันนี้ถึง 6 พฤษภาคม 2567 ณ ไอคอนคราฟต์ ชั้น 4-5 ไอคอนสยาม

ไอคอนคราฟต์  รวบรวมงานคราฟต์ที่มีความหลากหลายจากแบรนด์ไทยทั่วประเทศ  พร้อมมุ่งมั่นที่จะส่งเสริมศิลปะและเชิดชูงานฝีมือของคนไทยให้เป็นที่รู้จักทั่วโลก   ขอเสนอ 8 แบรนด์คราฟต์สุดฮิตในไอคอนคราฟต์  เริ่มต้นด้วยแบรนด์

1.“PAHKAHMAH”  แบรนด์ที่ได้แรงบันดาลใจจากผ้าขาวม้า  มาทำเป็นสินค้าไลฟ์สไตล์ที่มีความหลากหลาย ทั้งเสื้อผ้าแฟชั่น กระเป๋า ของที่ระลึก ของใช้ของตกแต่ง ฯลฯ พลิกโฉมผ้าขาวม้าไทยให้ดูทันสมัย และยังเน้นการสนับสนุนวัฒนธรรมการทอผ้าขาวม้าและช่วยเหลือชุมชน สืบสานวัฒนธรรมและผลิตภัณฑ์ไทยในระดับสากล

2. “ANUROJ” แบรนด์ที่หยิบเอาผ้าบาติกจากจังหวัดนราธิวาสมาใส่สีสันเป็นผลงานคราฟต์แฟชั่นแสนสดใสที่สวมใส่ได้ทุกวัน โดยจุดเด่นของทางแบรนด์คือการนำความคิดสร้างสรรค์มาผสมผสานกับผ้าไทยจากภาคใต้ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวอย่าง “ผ้าบาติก” (Batik) มาผ่านกระบวนการทำมือในทุกขั้นตอน ก่อนจะนำไปแต่งแต้มสีสันอันสดใสจากปลายพู่กัน เพื่อออกมาเป็นผลงานสุดคราฟต์ที่สะท้อนตัวตนผู้สวมใส่ได้เป็นอย่างดี

3. “ศิลปะและชุมชน” เป็นแรงบันดาลใจสำคัญใน “FOLKCHARM” แบรนด์แฟชั่นที่นำเสนอผลิตภัณฑ์จากผ้าฝ้ายเข็นมือที่ผ่านกระบวนการย้อมสีด้วยสีธรรมชาติ ออกแบบในสไตล์มินิมอล ทางแบรนด์มุ่งมั่นสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์โดยสนับสนุนและช่วยเหลือกลุ่มผู้หญิงในชุมชนให้สามารถพัฒนาทักษะและนำพาไปสู่การมีรายได้ที่ยั่งยืน

4.อีกแบรนด์ที่ต้องแนะนำคือแบรนด์ “SALETE” แบรนด์กระเป๋าที่ได้แรงบันดาลใจมาจากผ้าทอมือ โดยทางแบรนด์ได้นำเอาวัสดุผ้าไทยมาผสมผสานกับหนังแท้ ออกมาเป็นผลงานคราฟต์ร่วมสมัยที่เหมาะกับไลฟ์สไตล์ของคนในปัจจุบัน ความเป็นเอกลักษณ์ของแบรนด์นี้ ไม่ได้จำกัดอยู่เพียงแค่การผลิตกระเป๋าที่มีคุณภาพเท่านั้น แต่ยังเน้นไปที่การสร้างสรรค์ศิลปะ ไม่แปลกใจเลยที่ “SALETE” ได้กลายเป็นสินค้าขายดีและได้รับความนิยมอย่างมากในโซนไอคอนคราฟต์ ด้วยความโดดเด่นในดีไซน์และคุณภาพของผลิตภัณฑ์ที่มาพร้อมกับความหรูหรา และความเป็นเอกลักษณ์ที่ไม่เหมือนใคร

5. ใครที่ชื่นชอบผ้าไหมมัดหมี่ขอแนะนำเเบรนด์กระเป๋าชื่อดังอย่าง “PAVA” ทุกใบเลือกใช้ผ้าไหมมัดหมี่จากมูลนิธิส่งเสริมศิลปาชีพ ในสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพระพันปีหลวง ที่ทอขึ้นโดยช่างชุมชนไทยนำมาคราฟต์อย่างประณีตเป็นกระเป๋า ด้วยกลิ่นอายโมเดิร์นด้วยการจับผ้าไทยแมตช์กับหนังแท้จากอิตาลี ผสานแรงบันดาลใจจากโลกแฟชั่นสมัยใหม่ มากกว่ากระเป๋าผ้าไหมมัดหมี่ใบสวย PAVA ยังเป็นกำลังหลักในการต่อยอดสืบสานภูมิปัญญาไทย ร่วมสร้างรายได้ให้กับ

6. อีกหนึ่งแบรนด์ที่แนะนำ “Kram Koon”  ที่แปรรูปผ้ามัดย้อมธรรมชาติ โดยกรรมวิธีสรรค์สร้างด้วยมือประดิษฐ์ จากช่างท้องถิ่นเมืองตรัง เน้นไปที่ความสร้างสรรค์และการรักษาศิลปะท้องถิ่นอย่างแท้จริง ด้วยความคิดสร้างสรรค์และการใช้วัสดุท้องถิ่นอย่างยั่งยืน ทางแบรนด์มีความภูมิใจที่จะนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่สะท้อนความเป็นไทยอย่างแท้จริง

7.”MUSEO” แบรนด์เสื้อผ้าที่ทำจากผ้าไหมแท้ที่มีลวดลายดอกไม้ที่สดใส กับเนื้อผ้าที่มีความนุ่มเบาสบาย สามารถใส่ได้ทุกวัน ผ้าไหมยังมีคุณสมบัติที่สามารถระบายอากาศได้ดี ทำให้เหมาะสำหรับใส่ในสภาพอากาศร้อน ๆ อีกด้วย นอกจากนี้ กระบวนการผลิตที่มีความเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมยังเป็นอีกจุดเด่น และช่วยสนับสนุนภูมิปัญญาท้องถิ่น

8. สุดท้ายกับแบรนด์ “GALERIE DE HIMMAPAN” เเบรนด์น้ำปรุงเป็นหนึ่งในตำรับเครื่องหอมไทยแต่โบราณ เป็นที่นิยมอย่างมากในวังหลวง ด้วยน้ำปรุงนั้นมีกลิ่นหอมรัญจวนใจ “น้ำปรุงตำรับหิมพานต์” เป็นน้ำปรุงที่ทางแบรนด์ได้คิดค้นสูตรและดัดแปลงจากตำรับไทยโบราณ เน้นวัตถุดิบจากธรรมชาติที่มีคุณภาพเช่นใบเนียม ผิวมะกรูด ผิวส้มซ่า ล้วนคัดสรรมาอย่างดี กรรมวิธี และกระบวนการผลิต เริ่มตั้งแต่การสกัดใบเนียม จนถึงการปรุงกลิ่นให้ได้กลิ่นหอมอันเป็นเอกลักษณ์ นอกจากนี้ยังมีหลากหลายกลิ่นให้เลือกอีกด้วย

นอกจากนี้ ในช่วงเทศกาลปีใหม่ไทยสงกรานต์นี้  ไอคอนคราฟต์ ชวนมาทำกิจกรรมเวิร์กชอปวิถีไทย ให้ทุกท่านได้สร้างสรรค์ผลงานคราฟต์รับปีใหม่ไทยด้วยใจชื่นบาน  เพียงแสดงใบเสร็จที่ซื้อสินค้าจากไอคอนคราฟต์ ระหว่างวันที่ 13 – 15 เมษายน 2567 ลงทะเบียนเข้าร่วมเวิร์กชอป โดยแบรนด์ แกลเลอรี เดอ หิมพานต์ ได้ทันที 1 กิจกรรม  อาทิ  มาลัยแป้งพวง เรียนรู้วิธีทำเครื่องหอมที่เกิดจากการการประดิษฐ์ประดอยแป้งร่ำเป็นผลงานคราฟต์อันงดงาม  น้ำปรุง หรือ น้ำหอมตำรับไทย เรียนรู้ภูมิปัญญาของคนไทยในอดีตที่รังสรรค์ความหอมจากวัตถุดิบธรรมชาติและสมุนไพรรอบ ๆ ตัว  และการทำ บุหงาแห้ง  เรียนรู้การทำเครื่องหอมชาววังแบบโบราณที่หอมดด่งดังจนกลายมาเป็นของชำร่วยยอดฮิต * ตรวจสอบเงื่อนไขเพิ่มเติม ณ เคาน์เตอร์แคชเชียร์ ไอคอนคราฟต์

มาร่วมสัมผัสแรงบันดาลใจและความสร้างสรรค์ใหม่ๆ พร้อมทั้งสนับสนุนผลงานของช่างฝีมือมากความสามารถจากทั่วไทยได้ทุกวันที่โซนไอคอนคราฟต์  พร้อมโปรโมชั่นสุดพิเศษ สำหรับสมาชิก ONESIAM  ช็อปสินค้าใน ICONCRAFT ครบ 2,500 บาท ขึ้นไป/ใบเสร็จ แลกรับ ถุงผ้า Patek Summer Breeze จำนวน 1 ใบมูลค่า 490.- (คละสี) ตั้งแต่วันนี้ถึง 6 พฤษภาคม 2567 ณ ไอคอนคราฟต์ ชั้น 4-5 ไอคอนสยาม สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม โทร.1338 หรือ www.iconsiam.com และ Facebook : ICONSIAM เเละ ICONCRAFT

BERLUTI เปิดตัวชุดพิธีการนักกีฬาฝรั่งเศส เจ้าภาพโอลิมปิก 2024

Alternative Textaccount_circle

สมฐานะเจ้าภาพโอลิมปิก เกมส์ 2024 หลังจากฝรั่งเศสเปิดตัวชุดกีฬาที่ได้ Le Coq Spotif มาเป็นผู้ออกแบบแล้ว ล่าสุดเปิดตัวยูนิฟอร์มทางการสำหรับนักกีฬาที่ใช้ใส่ในช่วงพิธีเปิดและปิดงานสำคัญ โดยครั้งนี้มี BERLUTI มาออกแบบให้

กว่าจะตัดสินใจให้ดีไซน์ที่เราเห็นอยู่เป็นแบบสุดท้าย ไม่ใช่เรื่องง่าย! เพราะทางทีมงานของ BERLUTI ต้องออกแบบจำลองภาพถึง 300 ชิ้น เพื่อคัดเลือกแบบที่ดีที่สุด หลังจากนั้นจึงลงมือตัดเย็บกว่า 1,500 ชุด โดยช่าฝีมือมากกว่า 200 คน จนได้ออกมาเป็นชุดสูทสุดหรูหราสีน้ำเงินที่แฝงไปด้วยดีเทลต่างๆ

โดยยูนิฟอร์มได้รับการออกแบบมาในชุดสูทสีน้ำเงินทั้งชายและหญิง สำหรับผู้ชายจะเป็นแจ็กเก็ตแขนยาว ส่วนผู้หญิงเป็นแจ็กเก็ตแขนกุด และยังสามารถเลือกได้ว่าจะใส่กระโปรงหรือกางเกงตามความถนัดของตัวเอง สำหรับกิมมิกที่ทำให้ชุดนี้โดดเด่นสะดุดตา คือ ปกเสื้อลาย ‘ธงชาติฝรั่งเศส’ ที่ล้อไปกับลายบนส้นรองเท้า เรียกว่าเป็นอีกหนึ่งชุดที่สง่างมสมกับการเป็นเจ้าภาพโอลิมปิก 2024 เลยทีเดียว


ภาพ: BERLUTI

ครั้งแรกในประวัติศาสตร์ Piaget ประกาศแต่งตั้ง ‘อาโป’ และ ‘อีจุนโฮ’ เป็น Global Ambassador

account_circle

Piaget ประกาศแต่งตั้งนักแสดงหนุ่มมากความสามารถ ‘อาโป-ณัฐวิญญ์’ และพระเอกสุดฮ็อต ‘อีจุนโฮ’ เป็น Global Ambassador ชาวไทยและชาวเกาหลีคนแรกในประวัติศาสตร์ของแบรนด์ หลังเดินทางไปร่วมชมเรือนเวลาและจิวเวลรี่คอลเลกชั่นใหม่ที่งาน Watches and Wonders 2024

ครั้งแรกในประวัติศาสตร์ Piaget ประกาศแต่งตั้ง ‘อาโป’ และ ‘อีจุนโฮ’ เป็น Global Ambassador

เมื่อวันที่ 9-11 เมษายน 2024 ที่ผ่านมา เรียกได้ว่าเป็นอีกเซอร์ไพรส์ใหญ่ เพื่อเฉลิมฉลองครบรอบ 150 ปีของเมซง และยังเป็นความสำเร็จอีกขั้นกับบทบาทใหม่ของหนุ่ม ‘อาโป’ หลังกันยายนปีที่ผ่านมาได้เข้าร่วมอีเวนต์ระดับภูมิภาคอย่างนิทรรศการโชว์เคสคอลเลกชั่นไฮจิวเวลรี่ ซึ่งจัดขึ้นที่กรุงเทพฯ ในฐานะ Friend of PIAGET คนแรกของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ มาติดตามกันว่าหลังจากนี้ ‘อาโป’ จะมีบทบาทร่วมกับ เพียเจต์ อย่างไรบ้าง

สำหรับ ‘อีจุนโฮ’ ก่อนหน้านี้ร่วมงานกับแบรนด์มาอย่างยาวนานในฐานะแบรนด์แอมบาสเดอร์ของ เพีย์เจต์ ประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ก่อนขึ้นแท่น Global Ambassador คนใหม่อย่างเป็นทางการเช่นกัน

นอกจากนี้ เมซงยังประกาศแต่งตั้ง ‘แอลล่า ริชาร์ดส์’ หลานสาวของ คีธ ริชาร์ดส์ แห่งวง The Rolling Stones ซึ่งเคยเปิดตัวในแคมเปญของคอลเลกชั่นไฮจิวเวลรี่ ‘Metaphoria’ ในฐานะแบรนด์เฟซคนสำคัญอีกด้วย  


“Kingdom of the Planet of the Apes อาณาจักรแห่งพิภพวานร” 9 พฤษภาคมนี้ ในโรงภาพยนตร์

account_circle

หลังจุดชนวนความตื่นเต้นด้วยตัวอย่างและโปสเตอร์ภาคต่อของภาพยนตร์แนวแอคชัน ไซไฟ ฟอร์มยักษ์ “Kingdom of the Planet of the Apes อาณาจักรแห่งพิภพวานร” ไปก่อนหน้านี้ 20th Century Studios ก็ไม่ปล่อยให้แฟน ๆ ต้องรอนาน เตรียมระเบิดปรากฏการณ์ความสนุกลุ้นระทึกพร้อมกันทุกโรงภาพยนตร์ 9 พฤษภาคมนี้

“Kingdom of the Planet of the Apes อาณาจักรแห่งพิภพวานร” คือมหากาพย์บทใหม่ของจักรวาล The Planet of the Apes แฟรนไชส์ภาพยนตร์ระดับตำนาน ภาคต่อของ Rise of the Planet of the Apes กำเนิดพิภพวานร, Dawn of the Planet of the Apes รุ่งอรุณแห่งอาณาจักรพิภพวานร และ War for the Planet of the Apes มหาสงครามพิภพวานร ที่ประทับใจแฟนภาพยนตร์ทั่วโลกจนสร้างรายได้ถล่มทลายมาแล้วทุกภาค โดยภาคล่าสุดนี้กลับมาพร้อมความสนุกเข้มข้นยิ่งกว่าเดิม ด้วยการบอกเล่าเรื่องราวในอีก 300 ปีต่อมา หลังจาก “ซีซาร์” พาเหล่าวานรแย่งชิงอำนาจจากมนุษย์และขึ้นเป็นใหญ่ในโลกใบนี้ ผ่านไปหลายเจเนอเรชั่นชื่อของซีซาร์กลายเป็นเพียงตำนานเล่าขาน เหล่าวานรได้สร้างวัฒนธรรมของตัวเองจนเกิดเป็นสังคมลิงกลุ่มต่างๆ ขณะที่มนุษย์เป็นเพียงชนกลุ่มน้อยที่ต้องหลบซ่อนอยู่ในมุมมืด ช่วงเวลานั้นทายาทผู้นำเผด็จการของเหล่าวานรได้พยายามสร้างอาณาจักรที่ยิ่งใหญ่และค้นหาร่องรอยของเทคโนโลยีที่มนุษย์เคยสร้างไว้เพื่อยึดครองโลก ก้าวขึ้นสู่การเป็นผู้นำสูงสุด ทว่ากลับมีวานรหนุ่มนอกรีตตั้งคำถามถึงอดีตทั้งหมดที่เคยได้เรียนรู้มาและตัดสินใจเลือกเดินในเส้นทางที่แตกต่าง ซึ่งจะกำหนดอนาคตระหว่างวานรและมนุษย์ โดยมีหญิงสาวคนหนึ่งเป็นกุญแจดอกสำคัญ นำไปสู่มหากาพย์การต่อสู้และผจญภัยครั้งใหม่ที่รอให้แฟนภาพยนตร์ไปติดตามพร้อมกัน วันที่ 9 พฤษภาคมนี้ ในโรงภาพยนตร์ทั่วประเทศ

“Kingdom of the Planet of the Apes อาณาจักรแห่งพิภพวานร” นำแสดงโดย โอเว่น ทีก (IT) เฟรยา อัลลัน (The Witcher) เควิน ดูแรนด์ (Locke & Key) ปีเตอร์ มาร์คอน (Shameless) และ วิลเลียม เอช. เมซี (Fargo) โดยได้ เวส บอลล์ จากภาพยนตร์ชุดไตรภาค The Maze Runner มาเป็นผู้กำกับ และได้ จอช ฟรีดแมน จากภาพยนตร์ War of the Worlds ริก แจฟฟา และอแมนดา ซิลเวอร์ จากภาพยนตร์ Avatar: The Way of Water รวมถึงแพทริค เอสัน จากภาพยนตร์ Prey มาแท็กทีมเขียนบท ถึงแม้ว่าจะเป็นเรื่องราวการผจญภัยของตัวละครใหม่ทั้งหมด แต่ “Kingdom of the Planet of the Apes อาณาจักรแห่งพิภพวานร” ก็ยังคงความเป็นจักรวาลพิภพวานรผ่านจิตวิญญาณของซีซาร์ หนึ่งในตัวละครเอกที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ภาพยนตร์ ซึ่งแทรกซึมอยู่ในทุกอย่างของเรื่อง

นอกจากนี้เพื่อทำให้เหล่าวานรมีชีวิตขึ้นมายังได้นำเทคโนโลยีอย่าง Performance Capture รวมถึงเทคโนโลยีการสร้างสรรค์งานภาพต่าง ๆ ที่ใช้ในการเนรมิตความอลังการสมจริงให้กับภาพยนตร์ Avatar: The Way of Water มาสร้างความเสมือนจริงให้เหล่าวานรสื่ออารมณ์ความรู้สึกได้อย่างสมบูรณ์แบบด้วย ซึ่งการันตีได้ว่าผู้ชมจะได้รับอรรถรสจากการต่อสู้และการผจญภัยครั้งใหม่นี้อย่างเต็มอิ่มยิ่งขึ้นแน่นอน ไม่ว่าจะเป็นแฟนของ The Planet of the Apes มาก่อนหรือไม่ก็ตาม

เตรียมเปิดประสบการณ์ความสนุกตื่นเต้นครั้งใหม่กับการผจญภัยและต่อสู้ระหว่างเหล่าวานร พร้อมลุ้นไปกับการอยู่รอดของเผ่าพันธุ์มนุษย์ใน “Kingdom of the Planet of the Apes อาณาจักรแห่งพิภพวานร” 9 พฤษภาคมนี้ ทุกโรงภาพยนตร์

หรูหราสมฐานะ! ซูมอิน 8 กระเป๋า ‘ฮงแฮอิน’ จากซีรีส์ Queen of Tears

Alternative Textaccount_circle

เดินทางมาเกือบถึง Episode สุดท้ายแล้วกับซีรีส์ยอดฮิตที่กวาดใจคนดูถล่มทลายอย่าง ‘Queen of Tears’ แม้เรื่องราวจะเริ่มลงล็อค แต่ 4 ตอนสุดท้ายก็ยังวางใจไม่ได้ว่าเรื่องราวทั้งหมดจะจบลงในฉาก Happy Ending ฉะนั้นเราคงต้องเอาใจช่วยตัวละครกันต่อไป

แน่นอนว่าหลังจากเดินทางมายาวนานถึงตอนที่ 12 นอกจากเนื้อเรื่องแสนเข้มข้นที่ทำให้ผู้คนติดหนึบแล้ว คงมี ‘คอสตูม’ ของตัวละคร ที่ไม่ว่าใครก็ต้องพูดถึง โดยเฉพาะ ‘ฮงแฮอิน’ เพราะไม่ว่าออกมาฉากไหนก็สวยทะลุซีนอยู่ตลอดเวลา อีกทั้งเสื้อผ้า หน้า ผม ที่เข้ากับคาแร็คเตอร์ทายาทห้างดังเป็นอย่างดี

ครั้งหนึ่งเราเคยพูดถึงนาฬิกาของเธอใน “สมฉายาราชินีห้างดัง เปิด 5 นาฬิกาหรู ‘ฮงแฮอิน’ จากซีรีส์ Queen of Tears” ไปแล้ว บทความนี้เราจึงจะพาทุกคนไปซูมอินกระเป๋าแต่ละใบ รับรองว่าหรูหราไม่แพ้นาฬิกาแน่นอนค่ะ!

CELINE – Shoulder Bag Claude

เริ่มต้นใบแรกที่เต็มไปด้วยความคลาสสิกและหรูหรา Shoulder Bag Claude จาก CELINE กระเป๋าสะพายไหล่ หนังลูกวัวสีแทนที่ตกแต่งด้วยฮาร์ดแวร์สีทอง มาพร้อมตัวล็อคเปิด/ปิด รูปทรียงฟ์สีเมทัลลิก โดยความพิเศษของกระเป๋ารุ่นนี้อยู่ที่สายสะพายซึ่งสามารถปรับหรือถอดออกได้ หากพูดถึงภาพรวม ใบนี้เหมาะกับหลายโอกาสตั้งแต่ลุคทางการไปจนถึงวันชิลๆ แมตช์ง่ายเข้ากับหลายโทนสี ราคาอยู่ที่ 115,000 บาท

CELINE – Mini 16in Satinated Calfskin

ต่อมายังอยู่กับ CELINE ในรุ่น Mini 16in Satinated Calfskin กระเป๋าใบจิ๋ว ขนาดกำลังพอเหมาะ 16 นิ้ว หนังลูกวัวสีดำสุดคลาสสิก ภายในบุด้วยหนังแกะ ตกแต่งด้วยฮาร์ดแวร์สีทอง และกิมมิกสำคัญคือมาพร้อมพวงกุญแจที่ทำให้ดูเก๋ขึ้นเป็นอีกเท่าตัว ราคา 120,000 บาท

Manhattan Small In Box Saint Laurent

ย้อนหลับมาที่กระเป๋าโทนสีน้ำตาล แต่เปลี่ยนบ้านเป็น Saint Laurent กับรุ่น Manhattan Small In Box Saint Laurent ที่มาในดีไซน์เหมือนกล่องสีเหลี่ยมผืนผ้า ตกแต่งด้วยเข็มขัดคาดหนึ่งรอบ พร้อมประดับด้ยฮาร์ดแวร์สีทอง ถือเป็นกระเป๋าอีกใบที่ไม่เอะอะ เข้ากับเทรนด์ Quiet Luxury ช่วงนี้จริงๆ สำหรับราคาอยู่ที่ 108,000 บาท

VALENTINO – Embellish VSLING Mini Top-Handle Bag

ที่สุดของความหรูหราต้องยกให้ Embellish VSLING Mini Top-Handle Bag จาก VALENTINO กระเป๋าปักเลื่อมบนหนังสีขาว ให้มิติที่โดดเด่นสะดุดตาชวนนึกถึงเครื่องประดับในยุค 50s’ ถือเป็นอีกชิ้นที่เหมาะกับคนรักงานดีเทล ไม่ว่าจะเก็บสะสมหรือถือออกงานยังไงก็คุ้มแน่นอน โดยมีราคาประมาณ 200,000 บาท

VALENTINO – Rockstud Calfskin Handbag

ถัดมายังอยู่กับ VALENTINO ในรุ่น Rockstud Calfskin Handbag ที่มีความโมเดิร์นมากขึ้นกับกระเป๋าสีแดงตกแต่งด้วยหมุดซิกเนเจอร์ประจำแบรนด์รอบกระเป๋า พร้อมฮาร์ดแวร์สีทอง สนนราคา 130,000 บาท

DIOR – Saddle Bag with Strap

มาสู่กระเป๋าไอคอนิกอีกใบจาก DIOR กันบ้างกับรุ่น Saddle Bag with Strap กระเป๋าทรงอานม้าใบโปรดของใครหลายคน สำหรับฮงแฮอินเธอเลือกใช้เป็นลายเกรนสีดำ นอกจากจะแมตช์ง่ายแล้วยังใช้เป็น Everyday Bag ได้อีกด้วย ที่สำคัญตกแต่งด้วยอะไหล่ CD ที่บ่งบอกถึงแบรนด์ได้เป็นอย่างดี ราคาอยู่ที่ 155,000 บาท

DIOR – Mini Lady Dior Bag

ไปกันต่อยังไม่จบกับ DIOR เพราะแฮอินยังถือรุ่นในตำนานอย่าง Mini Lady Dior Bag สี Passion Pink Patent มาให้เราได้ชม สำหรับใครที่หลงรักความสดใสบอกเลยว่าใบนี้ยังไงก็ต้องมี นอกจากจะใบเล็กกะทัดรัดแล้ว ยังสร้างความโดดเด่นกับลุคได้อีกด้วย ราคา 220,000 บาท

FERRAGAMO – Iconic Top Handle

สุดท้ายขอทิ้งทวนไว้กับ Iconic Top Handle จาก FERRAGAMO ถ้านึกถึงความโมเดิร์นยังไงก็ต้องมีแบรนด์นี้ติดอยู่ในโพล โดยรุ่นที่เธอถือถึงแม้จะเป็นกระเป๋าผู้หญิง แต่ดีไซน์ไม่ได้อ่อนหวานจนเกินไปและยังสะท้อนความแข็งแกร่ง ทั้งนี้ยังตกแต่งด้วยตัวล็อค Gancio ที่ช่วยให้ดึงดูดสายตามากขึ้น ราคาประมาณ 88,000 บาท


รูปภาพ: Queen of Tears, FERRAGAMO, DIOR, VALENTINO, Saint Laurent และ CELINE

อาฮยอน BABYMONSTER

‘อาฮยอน BABYMONSTER’ เผยทริคผมสลวยที่เผลอทำเป็นประจำ

Alternative Textaccount_circle
อาฮยอน BABYMONSTER
อาฮยอน BABYMONSTER

BABYMONSTER ปรากฏตัวเป็นแขกรับเชิญในช่อง YouTube: 아이돌 인간극장 พวกเธอเผยเสน่ห์ความน่ารักสดใสที่ไม่อาจต้านทานได้ ทั้งยังแบ่งปันบุคลิกและลักษณะนิสัยของพวกเธอกับแฟนคลับ โดยหนึ่งในสมาชิกวงอย่าง อาฮยอน BABYMONSTER ก็ได้เผยถึงลักษณะนิสัยบางอย่างของเธอที่มักเผลอทำตลอดจนเพื่อนในวงชอบล้อเธอ

ซึ่งนิสัยที่เธอมักเผลอทำเป็นประจำโดยไม่รู้ตัวคือ การแปรงผมไปด้านหลัง เป็นสิ่งที่สมาชิกทุกคนรู้ดีว่าเธอทำอย่างต่อเนื่องตลอดทั้งวัน พวกอเธอรู้ด้วยซ้ำว่าเธอจะหวีผมไปด้านหลังอย่างไร และประเมินว่าเธอทำกี่ครั้งในหนึ่งวัน

  • คำถาม: คุณคิดว่า คุณหวีผมไปข้างหลังกี่ครั้ง?
  • อาฮยอน: ฉันคิดว่า ฉันจะแปรงผมไปด้านหลังอย่างน้อย 200 ครั้ง
  • สมาชิกคนอื่นๆ: ทุกๆ สองนาที!
  • อาฮยอน: ฉันไม่รู้จริงๆ ว่าทำไม แต่ฉันทำมันบ่อยมาก
https://www.youtube.com/watch?v=Zge2dQ-wEJg

Photo: ahyeon__jung


keyboard_arrow_up