อิทธิพลของศิลปิน K-POP! 7 ไอเท็มคนดังปลุกกระแสแฟชั่นแบรนด์

Alternative Textaccount_circle

ไม่สามารถปฏิเสธได้ว่า ปัจจุบันศิลปิน K-POP มีอิทธิพลต่อสังคมมากขนาดไหน สังเกตได้จากกลุ่มแฟนคลับทั่วโลกที่ขยายเพิ่มขึ้นทุกวัน รวมถึงเทรนด์ต่างๆ ก็ยึดโยงอยู่กับเหล่าคนดังเหล่านี้อยู่ไม่น้อย ตั้งแต่แฟชั่น Y2K ที่ได้สาวๆ NewJeans มาถ่ายทอดลุแห่งอดีตให้กลับมาเป็นกระแสอีกครั้ง ไปจนถึงดีเทลโบสุดคิวต์ที่เจนนี่ BLACKPINK คลั่งไคล้ จนทำให้ใครต่อใครพากันฮิตประดับโบตามไปช่วงหนึ่ง

นอกจากนี้ยังมีไอเท็มชิ้นเล็กชิ้นน้อยที่ศิลปินหยิบมาสวมใส่ก็มักกลายเป็นกระแสอยู่บ่อยๆ จนทำให้แบรนด์ขายดีถึงขั้นเกลี้ยงสต็อคกันเลยทีเดียว! บทความนี้ แพรวจึงรวมแฟชั่นไอเท็มชิ้นดังกล่าวที่สร้างปรากฏการณ์ที่ว่านี้มาให้ทุกคนได้ชมกันค่ะ

ชานเรือนนาข่า

คนแรกยังไงก็ต้องเป็น ‘ลิซ่า ลลิษา’ ศิลปินที่ทรงอิทธิพลในทุกแวดวง เพราะไม่ว่าจะขยับตัวทำอะไรก็เป็นกระแสไปเสียหมด ไม่ต่างกับครั้งที่เธอกลับมาเยี่ยมบ้านที่ประเทศไทย พร้อมไปทำบุญกับแก๊งเพื่อนและครอบครัวที่จังหวัดอยุธยา ซึ่งลิซ่าได้สวมใส่ชุดผ้าไทยจากร้านของคุณแม่เพื่อนสนิทอย่าง ‘เดียร์น่า ฟลีโป’ หลังจากนั้นก็เป็นไปตามคาด ไอเท็มดังกล่าวขายดีเทน้ำท่า จนต้องเปิดรอบพรีออเดอร์เลยทีเดียว!

CASIO

แม้เป็นแบรนด์ที่หลายคนรู้จักอย่างดี แต่เมื่อไม่นานมานี้ก็กลายเป็นที่ฮือฮาในหมู่ NCTzen อีกครั้ง เมื่อ ‘โดยอง’ หนึ่งในสมาชิก NCT ใส่นาฬิกา Casio รุ่น AQ-230 A ในรายการวาไรตี้ ทันทีที่แฟนคลับสังเกตเห็นและนำมาโพสต์ลงบนโลกโซเชียลว่านี่เป็นไอเท็มราคาดีที่เราสามารถซื้อตามได้ อีกทั้งยังมีดีไซน์สุดคลาสสิก ใส่ได้ทั้งผู้หญิงและผู้ชาย ไม่นานหลังจากนั้นนาฬิการุ่นดังกล่าวก็ถูกจับจองโดยเหล่าเส้นทันที

BLUE ELEPHANT

ไอเท็มต่อไปเป็นแว่นตารุ่น Andy จาก BLUE ELEPHANT โดยศิลปินของเราก็ไม่ใช่ใครที่ไหนแต่เป็น แฮชาน NCT และ โชซึงยอน ที่ทั้งคู่ได้สวมแว่นตาดีไซน์กรอบใสอันนี้ในชีวิตประจำวันจนกลายเป็นไวรัล และทำให้แบรนด์กลายเป็นที่รู้จักมากขึ้นไปโดยปริยาย แน่นอนว่าราคาอยู่ในเรทที่รับได้เช่นกัน

SCULPTOR

แฟชั่นแบรนด์เกาหลีที่ตอนนี้มาเปิด Pop-Up Store ในประเทศไทยเรียบร้อย นั่นเพราะกระแสจากศิลปิน K-POP ที่หยิบเสื้อผ้าแบรนด์นี้มาสวมใส่อยู่บ่อยๆ แต่คนแรกที่ทำให้แบรนด์เป็นกระแสคือ เจนนี่ BLACKPINK กับกางเกงขายาวที่มีกิมมิกเก๋ๆ โชว์ดีเทลเหมือนมีกางเกงชั้นในสกรีนชื่อแบรนด์โผล่มา หลังจากนั้นก็ยังมีศิลปินอีกหลายคนที่ใส่เสื้อยืด, สายเดี่ยว, ปาดไหล่ จากแบรนด์นี้เช่นค่ะ

MARITHE

ยังคงอยู่กับแบรนด์จากประเทศเกาหลีกับ MARITHE ที่ได้ยินชื่อแล้ว ไอเท็มแรกที่ลอยมาคงเป็นเสื้อยืดสกรีนโลโก้แบรนด์ที่เป็นไวรัลในโซเชียลเพราะ เจนนี่ BLACKPINK สวมใส่เช่นเคย และปัจจัยอีกหนึ่งอย่างที่ทำให้แบรนด์แมสได้ขนาดนี้ก็ยังคงเป็นราคาที่อยู่เพียงหลักพันเท่านั้น

RONRON

สมกับตำแหน่งแฟชั่นนิสต้าที่หลายคนยอมรับจริงๆ เพราะคร็อปท็อปตัวต่อมาก็ยังเป็นกระแสจากเจนนี่ BLACKPINK อีกเช่นเคยที่สวมใส่เสื้อยืดตัวจิ๋วสกรีนลายโบสุดคิวต์จนทำให้แฟนคลับต้องพรีออเดอร์ตามกันถล่มทลาย

LORES

สุดท้ายกับศิลปินสุดฮ็อตอย่าง ‘มาร์ค ต้วน’ ที่ได้สวมสเวตเตอร์จากแบรนด์ LORES ด้วยดีไซน์สตรีทเข้าถึงง่าย เหมาะกับทุกเพศและช่วงอายุ ทำให้เสื้อตัวดังกล่าวขายดีไปโดยปริยาย


ทริครับมือปัญหา 'ผิวแห้ง' ขาดความชุ่มชื้น ที่มาพร้อมกับอากาศหนาวเย็น

ทริครับมือปัญหา ‘ผิวแห้ง’ ขาดความชุ่มชื้น ที่มาพร้อมกับอากาศหนาวเย็น

Alternative Textaccount_circle
ทริครับมือปัญหา 'ผิวแห้ง' ขาดความชุ่มชื้น ที่มาพร้อมกับอากาศหนาวเย็น
ทริครับมือปัญหา 'ผิวแห้ง' ขาดความชุ่มชื้น ที่มาพร้อมกับอากาศหนาวเย็น

ช่วงนี้อากาศหนาวมากกว่าปกติ นอกจากจะทำให้รู้สึกเย็นสบายแล้ว ยังส่งผลให้เกิดอาการ ผิวแห้ง แสบ คันและลอก เนื่องจากความชื้นสัมพัพธ์ในอากาศลดลง ทำให้ผิวหนังสูญเสียความชุ่มชื้นได้ง่าย ปกติร่างกายของคนเราจะมีการคายความชุ่มชื้นเพื่อหล่อเลี้ยงผิวหนังอยู่ตลอดเวลา ซึ่งกระบวนการนี้เรียกว่า Transepidermal Water Loss (TEWL) โดยจะเกิดมากหรือน้อยขึ้นอยู่กับความชื้นในอากาศ และสภาพผิวของแต่ละบุคคล หากผิวมีโครงสร้างผิวสมบูรณ์แข็งแรง อัตราการเกิดกระบวนการ TEWL ก็จะน้อยกว่าผิวที่อ่อนแอ ผิวก็จะดูเรียบเนียน เต่งตึง มีสุขภาพดี

โดยสามารถเพิ่มระดับความชุ่มชื้นและป้องกันการสูญเสียน้ำของผิวได้ด้วยการเลือกใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวที่มีส่วนผสมของมอยส์เจอไรเซอร์ (Moisturizer) โดยสามารถแบ่งออกเป็น 3 ชนิด ได้แก่

  • ชนิดปิดกั้นไม่ให้น้ำซึมผ่าน (Occlusives) ทำหน้าที่เหมือนฟิล์มเคลือบผิวหนัง ป้องกันไม่ให้ความชื้นที่ผิวหนังระเหยไป มีประสิทธิภาพในการรักษาความชื้นที่ผิวหนังได้ถึง 98% แต่เมื่อโดนน้ำก็จะละลายหรือหลุดออกง่าย ต้องทาซ้ำอยู่บ่อยๆ จนอาจทำให้รู้สึกเหนอะหนะและสร้างความรำคาญได้ ตัวอย่างเช่น ปิโตรเลียมเจลลี, น้ำมันแร่ (Mineral oil), พาราฟิน (Paraffin) เป็นต้น
  • ชนิดเคลือบผิวหนัง (Emollients) ลักษณะใกล้เคียงกับชนิดปิดกั้นไม่ให้น้ำซึมผ่าน แต่ต่างกันที่สามารถซึมลงสู่ชั้นผิวหนังได้ ทำหน้าที่ควบคุมระดับความชื้นของผิวให้กลับมาสู่สภาวะปกติ โดยจะเติมร่องผิวชั้นนอกช่วยให้ผิวเรียบเนียนนุ่มตัวอย่างเช่น น้ำมันรำข้าว, โกโก้บัตเตอร์, เซราไมด์ เป็นต้น
  • ชนิดดูดซับน้ำจากอากาศ (Humectants) ทำหน้าที่เพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิวหนังชั้นนอกด้วยการดักจับน้ำหรือความชื้นในอากาศหรือดึงน้ำจากผิวชั้นใน โดยมักจะใช้ร่วมกับส่วนผสมอื่น เพื่อเสริมประสิทธิภาพในการกักเก็บความชุ่มชื้น ตัวอย่างเช่น สารสกัดจากพืชทะเลทราย (Myrothamnus), ว่านหางจระเข้ เป็นต้น

การเลือกใช้มอยส์เจอไรเซอร์ที่เหมาะสมกับผิวแต่ละประเภทจึงเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ช่วยส่งเสริมให้ผิวมีสุขภาพดี ควรเป็นผลิตภัณฑ์ที่ปราศจากน้ำหอม สารที่อาจก่อให้เกิดการแพ้หรือระคายเคือง และไม่ก่อให้เกิดสิว สำหรับทริคดูแลผิวหน้าป้องกันการขาดความชุ่มชื้นที่อยากแนะนำเพิ่มเติม

  1. ล้างหน้าด้วยน้ำที่อุณหภูมิปกติ เพราะน้ำที่อุณหภูมิสูงเกินไปจะทำให้ผิวแห้งและลอกมากยิ่งขึ้น
  2. ทาครีมบำรุงผิวหลังอาบน้ำภายใน 3-5 นาที ขณะที่ผิวยังหมาด เพื่อช่วยกักเก็บความชุ่มชื้น
  3. ฟื้นบำรุงผิวหน้าให้กระจ่างใสด้วยการมาส์กหน้าประเภทบำรุง อย่างน้อยสัปดาห์ละ 1-2 ครั้ง
  4. อย่าลืมครีมกันเเดดเป็นประจำ เพราะช่วงฤดูหนาวที่อากาศแห้งผิวจะสูญเสียความชุ่มชื้นได้ง่ายกว่าปกติ หากปล่อยไว้โดยไม่ได้รับการดูแลจะนำไปสู่ปัญหาริ้วรอย และความหมองคล้ำ
  5. กินอาหารที่มีประโยชน์และจิบน้ำตลอดวันให้เพียงพอ เพื่อทำให้ผิวไม่แห้ง ดูเต่งตึง และอิ่มน้ำ
  6. นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ เพื่อให้ร่างกายได้ซ่อมแซมและฟื้นฟูส่วนที่สึกหรอได้ดี

Photo: Pexels


The Wireless House One Bangkok

เปิดวาร์ป The Wireless House One Bangkok ประตูสู่ประวัติศาสตร์ของถนนวิทยุ

Alternative Textaccount_circle
The Wireless House One Bangkok
The Wireless House One Bangkok

แพรวพาเปิดวาร์ปอีกหนึ่งพิกัดดีต่อใจจาก วัน แบงค็อก แลนด์มาร์คระดับโลกใจกลางกรุงเทพฯ ซึ่งเปิดตัว เดอะ ไวร์เลส เฮาส์ วัน แบงค็อก (The Wireless House One Bangkok) โครงการอนุรักษ์อาคารสถานีวิทยุโทรเลขศาลาแดง พร้อมจัดแสดงนิทรรศการถาวรบอกเล่าเรื่องราวความเป็นมาของพื้นที่ตั้งโครงการอันเป็นที่มาของชื่อ “ถนนวิทยุ”

The Wireless House One Bangkok

โดยนำเสนอประวัติศาสตร์ของสถานีวิทยุโทรเลขแห่งแรกของประเทศไทย ซึ่งถือเป็นสัญลักษณ์แห่งความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีการสื่อสารให้ผู้มาเยือน วัน แบงค็อก ได้ร่วมสัมผัสประสบการณ์และเรียนรู้รากเหง้าอันทรงคุณค่า (Sense of Rootedness) ของพื้นที่ พร้อมเรื่องราวการเปลี่ยนแปลงจากทุ่งนาในอดีตสู่ย่านธุรกิจสำคัญของกรุงเทพฯในปัจจุบันโดย วัน แบงค็อก และนำมาเป็นแรงบันดาลใจในการสร้างสรรค์เมืองที่เป็นต้นแบบแห่งอนาคต

The Wireless House One Bangkok

จรินทร์ทิพย์ ชูหมื่นไวย ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายกลยุทธ์การสร้างแบรนด์ และผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายศิลปะและวัฒนธรรม โครงการ วัน แบงค็อก กล่าวว่า “วัน แบงค็อก ให้ความสำคัญและวางแนวทางในการผสานองค์ประกอบทางศิลปะและวัฒนธรรมในพื้นที่ต่างๆ ตั้งแต่เมื่อเริ่มต้นโครงการ และตั้งใจรักษาคุณค่าทางประวัติศาสตร์ของพื้นที่ พร้อมนำมาสืบสานต่อยอดเพื่อเป็นประโยชน์ต่ออนาคต เราจึงได้รังสรรค์ ‘เดอะ ไวร์เลส เฮาส์ วัน แบงค็อก’ ขึ้น เพื่อเป็นสัญลักษณ์แห่งประวัติศาสตร์และรากเหง้าของพื้นที่แห่งนี้

“โดยเราได้ทำงานร่วมกับกรมศิลปากร ผู้เชี่ยวชาญด้านการอนุรักษ์สถาปัตยกรรมและนักโบราณคดี เพื่อให้ที่นี่เป็น ‘หมุดหมายแรก’ ที่จะต้อนรับทุกคนเข้าสู่ วัน แบงค็อก ให้ได้สัมผัสกับมิติทางประวัติศาตร์และศิลปวัฒนธรรมผ่านนิทรรศการถาวรที่บอกเล่าถึงเรื่องราวของวิทยุโทรเลข ซึ่งเป็นการสื่อสารไร้สายในยุคเริ่มต้นของไทยตั้งแต่ปี พ.ศ. 2456

พร้อมทั้งจัดแสดงโบราณวัตถุต่างๆ ที่ขุดค้นพบในบริเวณพื้นที่ โดยสิ่งเหล่านี้สะท้อนวิถีชีวิตของผู้คนในอดีตรวมถึงประวัติความเป็นมา คุณค่า และความสำคัญของพื้นที่ตั้งแต่ครั้งอดีตจนถึงปัจจุบัน และเชื่อมโยงไปสู่ศักยภาพและโอกาสของพื้นที่ในอนาคต นำเสนอเรื่องราวผ่านเทคนิคที่ทันสมัย สร้างความน่าสนใจให้กับผู้เข้าชมทุกเพศทุกวัย อีกทั้งยังเป็นแหล่งข้อมูลสำคัญสำหรับผู้ที่สนใจศึกษาประวัติศาสตร์และสถาปัตยกรรม”

ไฮไลต์สำคัญของนิทรรศการถาวรที่จัดแสดงในเดอะ ไวร์เลส เฮาส์ วัน แบงค็อก แบ่งออกเป็น 4 โซนหลักๆ เพื่อนำเสนอเรื่องราวความเป็นมาของย่านวิทยุ-พระราม 4 และอาคารสถานีวิทยุโทรเลขศาลาแดง ซึ่งเป็นหมุดหมายสำคัญของความทันสมัยในอดีต

  • โซน 1: ยุควิทยุโทรเลข นำเสนอความสำคัญของสถานีวิทยุโทรเลขศาลาแดงในฐานะที่เป็นจุดเริ่มต้นของการสื่อสารไร้สายของประเทศและนำพาความทันสมัยมาสู่ย่านแห่งนี้ โดยมีข้อมูลเกี่ยวกับสถาปัตยกรรมของอาคารสถานีฯ เทคโนโลยีวิทยุโทรเลข และการเชื่อมต่อกับยุโรปโดยตรงเป็นครั้งแรก รวมถึงความแตกต่างระหว่างโทรเลขและวิทยุโทรเลข
  • โซน 2: ยุควิทยุกระจายเสียง บอกเล่าเรื่องราวของสถานีวิทยุโทรเลขศาลาแดงในฐานะหนึ่งในพื้นที่ทดลองการกระจายเสียงยุคแรกๆ ของประเทศไทย แสดงพัฒนาการของการกระจายเสียง บรรยากาศและอุปกรณ์ที่เกี่ยวกับการกระจายเสียงในยุคนั้น ซึ่งผู้ชมนิทรรศการจะได้ลองฟังเสียงประเภทต่างๆ ที่ออกอากาศในสมัยนั้น รวมถึงได้เรียนรู้เกี่ยวกับความแตกต่างระหว่างวิทยุแร่และวิทยุหลอด  
  • โซน 3: การขุดค้น อนุรักษ์ และปฏิสังขรณ์ เน้นย้ำถึงความสำคัญของการอนุรักษ์อาคารโบราณสถานและโบราณวัตถุที่ขุดค้นพบในพื้นที่ก่อสร้างซึ่งมีคุณค่าในการสะท้อนวิถีชีวิตของผู้คนในอดีตในช่วงเวลานั้น การสร้างอาคารที่สูญหายไปแล้วกลับขึ้นมาใหม่โดยอาศัยหลักฐานข้อมูลและองค์ความรู้ทั้งหมดเท่าที่มีมาบูรณาการร่วมกัน เช่น ผังอาคารที่ได้จากหอจดหมายเหตุแห่งชาติ เอกสารสำรวจขึ้นทะเบียนของกรมศิลปากร ภาพถ่ายเก่า ฯลฯ โดยนำเสนอข้อมูลเชิงโบราณคดีเมือง (Urban Archaeology) ขั้นตอนการขุดค้นและอนุรักษ์อาคารสถานีฯ พร้อมโมเดลอาคารเดอะ ไวร์เลส เฮาส์ วัน แบงค็อก ที่แสดงให้เห็นถึงขั้นตอนการปฏิสังขรณ์อาคารสถานีวิทยุโทรเลข ตั้งแต่การฝังกลบฐานอาคารเดิมเพื่อรักษาสภาพ การสร้างชั้นใต้ถุนสำหรับจัดเก็บโบราณวัตถุ และการใช้โครงสร้างสมัยใหม่ในการสร้างอาคารกลับคืนมาตามรูปแบบทางสถาปัตยกรรมเดิม เป็นต้น
  • โซน 4: ย่านวิทยุ – พระราม 4 อดีต – ปัจจุบัน – อนาคต แสดงเรื่องราวพัฒนาการของย่านตั้งแต่ยุคทุ่งศาลาแดง ความเป็นสมัยใหม่ในแง่มุมต่าง ๆ ตั้งแต่ นวัตกรรม สถาปัตยกรรม วิธีคิดและวิถีชีวิตของผู้คน ไปจนถึงศักยภาพในอนาคตของย่านที่จะยังคงความทันสมัยควบคู่ไปกับการเป็นเมืองที่น่าอยู่ โดยนำเสนอข้อมูลเกี่ยวกับแนวคิดการพัฒนาเมือง สถานที่น่าสนใจในย่าน และความทรงจำของผู้คนที่มีต่อย่านนี้ อีกทั้งยังมีการจัดแสดงผลงานศิลปะ PintONE จาก วศินบุรี สุพานิชวรภาชน์ เจ้าของรางวัลศิลปาธร สาขาการออกแบบ ที่ได้รับแรงบันดาลใจจากสิ่งที่ขุดเจอในพื้นที่ เช่น ไหน้ำปลาและเศษกระเบื้องต่างๆ และผลงาน Greeting of Times จาก นักรบ มูลมานัส ที่นำภาพผู้คน สิ่งของ สถาปัตยกรรม และกิจกรรมที่สะท้อนความเป็นสมัยใหม่ต่างๆ ที่เคยเกิดขึ้นในย่านวิทยุ-พระราม 4 มาเรียบเรียงขึ้นใหม่ด้วยเทคนิคการตัดแปะหรือคอลลาจลงบนแม่พิมพ์ทองแดงโลหะที่เป็นองค์ประกอบสำคัญในการสื่อสารด้วยวิทยุโทรเลข

โดยพิธีเปิด เดอะ ไวร์เลส เฮาส์ วัน แบงค็อก อย่างเป็นทางการครั้งนี้ ยังมีการเสวนาในหัวข้อ “111th Anniversary of the Saladaeng Radiotelegraph Station: Preserving the Past, Inspiring the Future” โดยผู้ร่วมเสวนาประกอบด้วย จรินทร์ทิพย์ ชูหมื่นไวย ในฐานะผู้แทนโครงการ วัน แบงค็อก มนัชญา วาจก์วิศุทธิ์ สถาปนิกชำนาญการพิเศษ สำนักสถาปัตยกรรม กรมศิลปากร วทัญญู เทพหัตถี สถาปนิกอนุรักษ์  กษมา เกาไศยานนท์ นักโบราณคดี และนันทกานต์ ทองวานิช ภัณฑารักษ์ ฝ่ายศิลปะและวัฒนธรรม โครงการ วัน แบงค็อก มาร่วมแบ่งปันเรื่องราวและกระบวนการต่างๆ เกี่ยวกับการนำสถานีวิทยุโทรเลขศาลาแดงกลับมาสร้างใหม่เป็น เดอะ ไวร์เลส เฮาส์ วัน แบงค็อก

ตั้งแต่การทำงานวันแรก บทเรียนต่างๆ ที่ได้รับจากการขุดค้น ตลอดจนการวางแนวทางการอนุรักษ์ และสานต่อประวัติศาสตร์สู่อนาคตผ่านนิทรรศการในรูปแบบร่วมสมัย ซึ่งในปี พ.ศ. 2559 ที่ วัน แบงค็อก เริ่มดำเนินการพัฒนาโครงการ ทีมงานได้ค้นพบฐานรากของอาคารสถานีวิทยุโทรเลขและเสาวิทยุ จึงได้ร่วมมือกับกรมศิลปากรในการขุดค้นทางโบราณคดี และอนุรักษ์โครงสร้างฐานรากและเสาส่งสัญญาณวิทยุ รวมถึงโบราณวัตถุกว่า 1,500 ชิ้นที่ขุดค้นพบในบริเวณนี้ ซึ่งสะท้อนวิถีชีวิตของผู้คนในอดีตและการเปลี่ยนแปลงของพื้นที่ ตั้งแต่ยุคที่ดินผืนนี้ยังเป็นทุ่งนา จนกลายเป็นพื้นที่ของทหารเรือและต่อมาเป็นโรงเรียนเตรียมทหารและสนามมวยเวทีลุมพินี ก่อนจะพัฒนามาเป็นโครงการ วัน แบงค็อก ในปัจจุบัน

วัน แบงค็อก ได้ทุ่มเทความพยายามในการจำลองอาคารสถานีวิทยุโทรเลขขึ้นใหม่อย่างครบครัน โดยอ้างอิงจากภาพถ่ายและแบบพิมพ์เขียวเดิม เพื่อให้ เดอะ ไวร์เลส เฮาส์ วัน แบงค็อก เป็นเสมือนอนุสรณ์สถานแห่งประวัติศาสตร์การสื่อสารไร้สายของประเทศไทย และเปิดโอกาสให้ผู้มาเยือน วัน แบงค็อกได้สัมผัสการชุบชีวิตประวัติศาสตร์อันทรงคุณค่าของพื้นที่ ที่ผ่านการขุดค้น รักษา จัดเรียงข้อมูลในหลากหลายมิติ พร้อมนำเสนอด้วยมุมมองที่ร่วมสมัย เดอะ ไวร์เลส เฮาส์ วัน แบงค็อก เข้าชมฟรี! เปิดให้บริการทุกวัน ตั้งแต่เวลา 10.00 น. – 20.00 น.

หลิวซือซือ (Liu Shi Shi)

รวมสุดยอดผลงานขึ้นหิ้ง ของนางเอกเอลิสต์ หลิวซือซือ (Liu Shi Shi)

Alternative Textaccount_circle
หลิวซือซือ (Liu Shi Shi)
หลิวซือซือ (Liu Shi Shi)

นาทีนี้คงไม่มีใครปังและฝีมือการแสดงโดดเด่น จนขึ้นแท่นนางเอกระดับเอลิสต์ ขวัญใจแฟนๆชาวไทยและต่างประเทศ อย่าง หลิวซือซือ (Liu Shi Shi) นางเอกสาวเจ้าบทบาทจากแดนมังกรอย่างแน่นอน วันนี้ ขอมัดรวมซีรีส์สุดปังขึ้นหิ้งของเธอบนแอป iQIYI (อ้ายฉีอี้) จะมีเรื่องไหนบ้างนั้นตามอ้ายไปดูกันเลย

ข้ามภูผาหาญท้าลิขิตรัก (A Journey to Love)

เริ่มด้วยซีรีส์จีนขวัญใจแฟนๆ ทั่วโลก ข้ามภูผาหาญท้าลิขิตรัก (A Journey to Love) ที่บอกเล่าเรื่องราวของ เหรินหรูอี้ (รับบทโดย หลิวซือซือ) จอมยุทธหญิง และ หนิงหย่วนโจว (รับบทโดย หลิวอวี่หนิง) องครักษ์วังหลวง ที่ทั้งสองได้มาพบเจอกันเพื่อผลประโยชน์บางอย่าง แต่ทว่าการพบกันในครั้งนี้กลับทำให้ความสัมพันธ์ของพวกเขาแปรเปลี่ยนไปจนก่อเกิดกลายเป็นความรักในที่สุด เรื่องราวจะเป็นอย่างไรต้องติดตาม นำแสดงโดย หลิวอวี่หนิง และ หลิวซือซือ ร่วมท่องยุทธภพไปกับเหรินหรูอี้และหนิงหย่วนโจวได้ในออริจัลซีรีส์จีนพีเรียดสุดยิ่งใหญ่ส่งท้ายปีใน ข้ามภูผาหาญท้าลิขิตรัก (A Journey to Love)

ข้ามภูผาหาญท้าลิขิตรัก

มิตรภาพอันงดงาม (My Best Friend’s Story)

ต่อด้วยซีรีส์ที่จะได้เห็นมิติการแสดงของหลิวซือซือในมุมที่ไม่เคยเห็นมาก่อนใน มิตรภาพอันงดงาม (My Best Friend’s Story) ที่บอกเล่าเกี่ยวกับในเมืองเซี่ยงไฮ้ยุค 90 จูสั่วสั่ว (รับบทโดย หนีนี) และเจี่ยงหนานซุน (รับบทโดย หลิวซือซือ) เพื่อนสนิทที่มีครอบครัวและนิสัยที่แตกต่างกัน ในวัยเด็กเกิดเหตุบางอย่างจึงทำให้ครอบครัวของหนานซุนได้ช่วยจูสั่วสั่วเอาไว้ จึงทำให้พวกเธอทั้งสองมีมิตรภาพที่ดีต่อกัน เมื่อเข้าสู่วัยทำงาน จูสั่วสั่วเจอกับความไม่แน่นอนในที่ทำงาน และเจี่ยงหนานซุนเลือกที่จะเรียนต่อและเริ่มมีความรัก พวกเธอทั้งคู่ผ่านเรื่องราวต่างๆ นานาในชีวิต และยังคงคอยให้กำลังใจซึ่งกันและกัน จนเกิดเป็นมิตรภาพอันงดงาม นำแสดงโดย หนีนี และ หลิวซือซือ

My Best Friend's Story

เจาะมิติพิชิตบัลลังก์ (Scarlet Heart)

จะเป็นอย่างไรเมื่อคุณถูกดูดไปในอดีต? อ้ายชวนดูซีรีส์จีนสุดฮิต เจาะมิติพิชิตบัลลังก์ (Scarlet Heart) กับเรื่องราวของจางเสี่ยว (รับบทโดย หลิวซือซือ) หญิงสาวที่ได้ย้อนเวลากลับไปในรัชสมัยคังซี ฮ่องเต้แห่งราชวงศ์ชิง เธอฟื้นขึ้นมาในร่างของ หม่าเอ่อไท่รั่วซี ธิดาคนรองของแม่ทัพตระกูลหม่าเอ่อไท่ เธอพยายามหาที่จะกลับไปในโลกปัจจุบัน แต่ไม่ว่าจะทำอย่างไรก็ไม่สามารถกลับไปได้ แต่ทว่าทุกการกระทำของเธอสามารถส่งผลต่อการเปลี่ยนแปลงอนาคตของเธอ นำแสดงโดย หลิวซือซือ , อู๋ฉีหลง , เจิ้งเจียอิง และหลินเกิงซิน ร่วมเดินทางไปกับเธอได้ใน เจาะมิติพิชิตบัลลังก์ (Scarlet Heart)

Scarlet Heart

นอกจากนี้ แฟนๆ เตรียมรับชมซีรีส์ที่แฟนๆ ทั่วโลกต่างรอรับชมของหลิวซือซือได้ใน Fox Spirit Matchmaker 2 ที่ได้มาประคบคู่กับ จางหยุนหลง พระเอกหนุ่มที่ได้ฝากผลงานอย่างเรื่อง ยอดนักสืบแห่งยุคสาธารณรัฐจีน (My Roommate is a Detective) โดยซีรีส์เรื่องนี้ถ่ายทอดเรื่องราวของความสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์และปีศาจ โดยเกี่ยวพันกับ 2 ตระกูลใหญ่อย่างตระกูลของตงฟางหวายจู่และตระกูลของหวังฉวนหงเย่ ห้ามพลาดด้วยประการทั้งปวง!

Fox Spirit Matchmaker 2
กงฮโยจิน

กงฮโยจิน ยอดหญิงรอมคอม และ อีมินโฮ พระเอกคอมเมดี้

Alternative Textaccount_circle
กงฮโยจิน
กงฮโยจิน

เรียกว่าเป็นการโคจรมาเจอกันได้อย่างเซอร์ไพร้ส์จริงๆ สำหรับ ดาวระยิบกระซิบรัก (When the Stars Gossip) ผลงานล่าสุดของ กงฮโยจิน ยอดหญิงรอมคอม และ  อีมินโฮ  พระเอกคอมเมดี้ ซึ่งทั้งคู่ได้มาร่วมงานกันเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เข้าวงการ

อยากให้ช่วยแนะนำตัวละคร และเหตุผลที่ตัดสินใจรับบทในซีรีส์เรื่อง ดาวระยิบกระซิบรัก (When the Stars Gossip

กงฮโยจิน: สวัสดีค่ะ ฉันรับบทเป็น “ผู้บัญชาการ” ชื่อว่า “อีฟ คิม” ค่ะ อีฟเป็นผู้เชี่ยวชาญเกี่ยวกับหนูทดลองค่ะ และเธอผ่านเรื่องราวอะไรมาเยอะมากๆ กว่าจะได้เป็นนักบินอวกาศ ส่วนตัวฉันเองมีความสนใจเรื่องเกี่ยวกับจักรวาลและอวกาศอยู่แล้ว การรับบทเป็นนักบินอวกาศหรือเป็นผู้บัญชาการ (Commander) จึงฟังดูน่าสนุกมากๆ ฉันจึงตัดสินใจรับบทในซีรีส์เรื่องนี้ค่ะ

กงฮโยจิน

อีมินโฮ: สวัสดีครับ ผมอีมินโฮ รับบทเป็น “กงรยง” ครับ ก่อนอื่นเลยการที่ผมตัดสินใจรับเล่นซีรีส์เรื่องนี้เพราะผมรู้สึกว่าเป็นซีรีส์ที่มีโทนเรื่องอบอุ่นมากๆ ครับ นอกจากนั้นก็มีมุมมองที่แปลกใหม่และเนื้อเรื่องก็น่าสนใจด้วย ผมมองว่าเป็นเรื่องที่น่าจะท้าทายสำหรับตัวผมเองเช่นกัน เลยตัดสินใจรับบทในซีรีส์เรื่องนี้ครับ 

กงฮโยจิน

คุณอีมินโฮรู้สึกอย่างไรบ้างที่ได้มาร่วมงานกับรุ่นพี่อย่างคุณกงฮโยจิน เธอได้มอบคำแนะนำอะไรให้กับคุณบ้าง

อีมินโฮ: ก่อนอื่นสิ่งที่ดีที่สุดของรุ่นพี่กงฮโยจินคือ เขาทำให้คนรอบตัวรู้สึกสบายใจ เวลาที่อยู่ใกล้เขาครับ บทของตัวละครกงรยงจะเป็นคนที่ค่อนข้างซุ่มซ่าม ไม่ค่อยรู้ความนัก แต่เพราะได้มีโอกาสแสดงร่วมกันกับรุ่นพี่ ผมเลยได้ลองถ่ายทอดความเป็นตัวละครนี้ออกมาได้อย่างสร้างสรรค์และเป็นอิสระมากๆ ในระหว่างการถ่ายทำ รุ่นพี่จะคอยบอกว่าแสดงแบบนี้ดีแล้ว หรือถ้าเป็นในฉากที่สำคัญมากๆ เขาก็จะแนะนำว่าจังหวะไหนควรเล่นอย่างไร หรือว่าจะทำให้เคมีระหว่างพวกเราสองคนดูดีขึ้นอีกได้อย่างไรครับ

สำหรับ ดาวระยิบกระซิบรัก (When the Stars Gossip) เป็นซีรีส์เกาหลีแนวโรแมนติกคอมเมดี้ที่จะผลักดันขีดจำกัดของเรื่องราวรักโรแมนติกอย่างแท้จริง เพราะตัวละครจะต้องออกไปสู่อวกาศเบื้องบน โดยเล่าถึงความสัมพันธ์ระหว่างนักบินอวกาศหญิงผู้ไม่ชอบความผิดพลาด (รับบทโดยกงฮโยจิน) กับสูตินรีแพทย์หนุ่มที่ออกมาท่องเที่ยวนอกโลก (รับบทโดย อีมินโฮ) ซีรีส์เรื่องนี้จะพาผู้ชมไปสัมผัสประสบการณ์ความรักที่เกิดขึ้นในสถานที่ที่ไม่คาดคิดที่สุด นั่นก็คือ สถานีอวกาศในวงโคจรต่ำของโลก (Low Earth Orbit) 

โดยซีรีส์ ดาวระยิบกระซิบรัก (When the Stars Gossip) ได้รับความสนใจอย่างกว้างขวาง ด้วยการผสมผสานอารมณ์ขันที่แปลกใหม่และการสื่อสารทางอารมณ์ที่จริงใจ เข้าถึงผู้ชม อีกทั้งเป็นที่จับตามองด้วยทัพนักแสดงมากความสามารถที่มาถ่ายทอดเรื่องราวสุดล้ำและโรแมนติกไปพร้อมกัน โดยสามารถรับชมได้แล้ววันนี้ และติดตามรับชมตอนใหม่ได้ทุกวันเสาร์และวันอาทิตย์ที่ Netflix

เด่นแต่ไม่ตะโกน! เมื่อเทรนด์ Belted Bag กำลังมาแรงในโลกแฟชั่น

Alternative Textaccount_circle

หันไปทางไหนก็เห็นแต่คนสะพายกระเป๋าที่มีเข็มขัดคาด นั่นเป็นเพราะเทรนด์ Belted Bag กำลังมาแรงในโลกแฟชั่น

ช่วงที่ผ่านมาหลายคนอาจอินไปกับเทรนด์ Quiet Luxury ที่เน้นใช้ไอเท็มโลโก้แบบไม่ตะโกน ประมาณว่ามีแค่คนที่เป็นคอแฟชั่นตัวจริงเท่านั้นที่จะรู้ว่าสิ่งที่สวมใส่ หรือถืออยู่มาจากแบรนด์อะไร ทำให้แบรนด์ต่างๆ เริ่มปล่อยไอเท็มชิ้นใหม่ที่เน้นดีเทลที่สร้างเอกลักษณ์บนผลงานมากขึ้น หนึ่งในนั้นคือ ‘เข็มขัด’ ประดับกระเป๋าที่เปลี่ยนความเรียบง่าย ให้เก๋ และโมเดิร์นขึ้นในทันตา เรียกว่าเป็นหนึ่งในเทรนด์ที่มาแรงในตอนนี้เลยค่ะ

Prada Buckle

เริ่มต้นด้วย Prada Buckle กระเป๋าที่ผสมผสานระหว่างความเรียบง่ายและดีเทล ประโยชน์ใช้สอย และความเรียบหรู โดยกระเป๋าหนังใบนี้ตกแต่งด้านในด้วยหนังนัปป้า มาในรูปทรงที่มีขนาดกว้างขวางเหมาะสำหรับใส่สัมภาระจำนวนมากอีกทั้งยังมีไฮไลท์เป็น ‘เข็มขัด’ ที่ถอดเปลี่ยนได้ เรียกว่าวันไหนอยากมีเก็หน่อยก็ค่อยหยิบเข็มขัดมารัดกระเป๋า!

Miu Miu Aventure

เมื่อ Hermès ไม่ใช่แบรนด์เดียวที่มีดีไซน์เข็มขัดบนกระเป๋า เพราะล่าสุดแบรนด์สุดคิวต์อย่าง Miu Miu ก็เพิ่งปล่อยกระเป๋ารุ่น Aventure ออกมาเช่นกัน โดยจากดีไซน์ดั้งเดิมของ Miu Miu ที่ปรับให้มีความวัยรุ่นมากขึ้น มาพร้อมกับอะไหล่เข็มขัดบริเวณกลางกระเป๋าที่ช่วยเพิ่มความสะดุดตา

Balenciaga Bel Air

ถือป็นกระเป๋าอีกใบของคนเก๋ Balenciaga Bel Air ที่มองภายนอกแล้วอะจะดูเรียบง่ายเป็นกระเป๋าเพลนๆ ที่ไร้ลวดหลาย อีกทั้งยังเป็นสีโมโนโทน แต่หากมองให้ลึกถึงดีเทลกระเป๋าใบนี้โดดเด่นด้วยดีไซน์ Pocket Bag ข้างหน้า และแน่นอนว่ามีเข็มขัดรัดกระเป๋าที่กำลังเป็นเทรนด์ในตอนนี้

Celine Gate Dual

ใบสุดท้ายมาจาก Celine ที่ยังคงเน้นความเรียบง่ายแต่สร้างกินมิกด้วยสายเข็มขัดที่ตกแต่งอยู่กลางกระเป๋า ซึ่งเป็นใบที่แตกต่างจากสามใบแรก เพราะดีของเข็มขัดใช้วิธีผูกเป็นปมไว้นั่นเอง


KANEBO จากความงามส่งต่อความหวัง เปิดรับปีใหม่ด้วยคอลเล็คชั่น SPRING 2025

KANEBO จากความงามส่งต่อความหวัง เปิดรับปีใหม่ด้วยคอลเล็คชั่น SPRING 2025

Alternative Textaccount_circle
KANEBO จากความงามส่งต่อความหวัง เปิดรับปีใหม่ด้วยคอลเล็คชั่น SPRING 2025
KANEBO จากความงามส่งต่อความหวัง เปิดรับปีใหม่ด้วยคอลเล็คชั่น SPRING 2025

KANEBO ต้อนรับซีซั่น Spring 2025 กับเมคอัพคอลเล็คชั่นที่ยังคงเน้นการเติมแต่งสีสันบนริมฝีปากด้วยความสดชื่น ด้วย KANEBO ROUGE STAR BREATHE ลิปสติกเนื้อละมุนดุจเซรั่ม ใช้เทคโนโลยี Breathing Lasting Technology ให้เนื้อแมตต์ที่ติดทนนาน เนื้อนุ่มเบา ไม่แห้งเหมือนลิปแมตต์ทั่วไป ผสมผสาน Vibrancy Lasting Ingredients และ Misty Gel มอบความชุ่มชื้นให้ริมฝีปากดูอวบอิ่มและนุ่มนวล มีให้เลือกถึง 10 เฉดสีและอีก 2 สีที่เป็น limited edition ที่จะผสานเข้ากับสีผิวได้อย่างลงตัว เผยความมีชีวิตชีวาจากภายใน และเปล่งประกายพลังแห่งความหวัง ในคอนเซ็ปต์ KANEBO I HOPE

KANEBO “I HOPE.” ไม่ได้เป็นเมคอัพแบรนด์ที่นำเสนอเพียงความงามเท่านั้น แต่ KANEBO ยังเป็นแบรนด์ที่ส่งต่อความหวังผ่าน KANEBO 5 ACTIONS ด้วยเป้าหมายเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDGs) ให้คนทุกคนเปล่งประกายความเป็นไปได้ในตัวเองออกมาผ่านทางเครื่องสำอาง กลายเป็นโลกที่ทุกคนสามารถเฉิดฉายได้ในแบบของตัวเอง

และเพื่อให้สอดคล้องตามคอนเซ็ปท์ KANEBO I HOPE บริษัท คาเนโบ คอสเมติกส์ (ประเทศไทย) จำกัด จึงรับหน้าที่สานต่อเจตนารมณ์ต้นแบบจากประเทศญี่ปุ่น จัดงาน KANEBO PAINT HOPE ON SPACE 2025 ขึ้นเป็นครั้งแรกในประเทศไทย ซึ่งเป็นกิจกรรมที่ได้รับความสนใจและประสบความสำเร็จอย่างต่อเนื่องในประเทศญี่ปุ่น เพื่อเปิดโอกาสให้ศิลปินตัวน้อยและครอบครัวมาร่วมเวิร์คช้อปส่งเสริมจินตนาการและความคิดสร้างสรรค์ ผ่านการวาดภาพและระบายสีสันบนพื้นที่ว่างเปล่าอย่างอิสระ โดยใช้สีที่ทําจากเครื่องสําอางที่ผลิตขึ้นในระหว่างกระบวนการพัฒนาผลิตภัณฑ์ แต่ไม่ได้ผลิตออกจำหน่าย แทนการทำลาย แต่ KANEBO นำมาอัพไซเคิลให้เกิดประโยชน์กับสังคม ภายในงานยังมีการประดิษฐ์บรรจุภัณฑ์แบบดีไอวายเพื่อประดับบนต้นไม้แห่งความฝันให้สวยงาม

บรรยากาศภายในงาน คาเนโบได้เนรมิตพื้นที่ว่างเปล่าบน Metro Art ภายในสถานี MRT พหลโยธิน ให้เป็นเหมือนแคนวาสขนาดใหญ่ พร้อมจัดเตรียมสีอัพไซเคิลที่เรียกว่า “SminkArt” ซึ่งทำจากอายแชโดว์และเมคอัพอื่นๆ หลากหลายเฉดสี อีกทั้งมีความอ่อนเข้มและเนื้อสัมผัสที่ต่างกัน ที่สำคัญมีประกายมุกและชิมเมอร์ที่แวววาว เพิ่มเสน่ห์ที่มากกว่าสีที่ใช้ระบายทั่วไป สร้างความตื่นตาตื่นใจให้ศิลปินตัวน้อยและครอบครัวที่ได้มาทำกิจกรรมศิลปะร่วมกันอย่างสนุกสนาน สร้างสรรค์ผลงานชิ้นเอกอันน่าภาคภูมิใจ โดยมีผู้ที่ให้ความสนใจ พร้อมด้วยเหล่าเซเลบริตี้และบิวตี้อินฟลูเอ็นเซอร์อุ้มลูกจูงหลานเข้าร่วมงานตลอดทั้งวัน โดยในการนี้ บริษัท คาเนโบ คอสเมติกส์ (ประเทศไทย) จำกัด ได้ร่วมสนับสนุนสมุดและดินสอสีให้แก่เด็กในมูลนิธิสันติสุข เพื่อร่วมสร้างโอกาสทางการศึกษาแก่เด็กด้อยโอกาสอีกด้วย


คิง เพาเวอร์ แจกลูกฟุตบอลฉลองวันเด็กแห่งชาติปี 68 มากกว่าการให้คือ ‘การส่งต่อแรงบันดาลใจ’

account_circle

แพรวพาชมภาพความประทับใจ ‘คิง เพาเวอร์ ไทย เพาเวอร์ พลังคนไทย’ จัดเต็มความสนุกฉลองวันเด็กแห่งชาติ ประจำปี 2568 ด้วยการแจกลูกฟุตบอลมาตรฐานสากล ภายใต้โครงการ ‘ล้านลูก ล้านพลัง สร้างฝันเด็กไทย’ ให้กับน้องๆ ที่มีอายุระหว่าง 3-15 ปี ที่มาร่วมสนุกในงานวันเด็ก ณ ทำเนียบรัฐบาล กรุงเทพฯ, กระทรวงศึกษาธิการ, องค์การพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์ รังสิตคลอง 5 (อพวช.) และกองบิน 6 ฝูงบิน 601 ท่าอากาศยานดอนเมือง

พร้อมชวน KOLs สายกีฬา ที่เป็นไอดอลขวัญใจเด็กๆ มาร่วมกิจกรรมแจกลูกฟุตบอล เพื่อสร้างแรงบันดาลใจทางด้านกีฬา เพราะเชื่อว่าลูกฟุตบอลลูกเล็กๆ นี้ จะสามารถจุดประกายความฝันอันยิ่งใหญ่ของเด็กๆ ได้ และส่งเสริมให้เด็กไทยมีสุขภาพร่างกายที่แข็งแรง ใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์ ซึ่งได้รับความสนใจจากเยาวชนเข้าร่วมรับลูกฟุตบอลกันอย่างคึกคัก

นอกจากนี้ ยังมีการแข่งขัน Football Hero Challenge ซึ่งเป็นกิจกรรมที่กลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ นำมาปลุกพลังการเล่นอย่างสร้างสรรค์ สนับสนุนให้เด็กๆ ได้ปล่อยพลังอย่างเต็มที่ผ่านการโชว์สกิลเดาะลูกฟุตบอล

โดยนักเตะวัยจิ๋วที่เดาะบอลได้จำนวนมากที่สุดคือ ด.ช. กัณฑ์อเนก อ่วมพรม โรงเรียนนวมินทราชินูทิศ บดินทรเดชา (บดินทร 3) สามารถเดาะบอลได้ 169 ครั้ง กล่าวว่า “ผมมีความสุขและดีใจมากๆ ครับที่วันนี้ได้รับลูกฟุตบอลลูกใหม่ไปแบ่งปันเพื่อนๆ ที่โรงเรียน และผมตั้งใจจะนำลูกฟุตบอลจากคิง เพาเวอร์ ไปไว้ใช้ฝึกซ้อมพัฒนาฝีเท้าให้เก่งยิ่งขึ้น เพราะอยากทำตามความฝันของตัวเองที่อยากเป็นนักฟุตบอลอาชีพให้ได้ในอนาคต”

ทั้งนี้ ผู้ชนะจะได้รับลูกฟุตบอลจำนวน 50 ลูกไปฝากเพื่อนๆ ที่โรงเรียน ถือเป็นการสร้างสังคมแห่งการแบ่งปัน พร้อมนำลูกฟุตบอลคุณภาพดีไปไว้ใช้พัฒนาทักษะทางด้านกีฬาฟุตบอลร่วมกับเพื่อนๆ ต่อไป 

โครงการ ‘ล้านลูก ล้านพลัง สร้างฝันเด็กไทย’ เป็นหนึ่งในกิจกรรม CSR ของคิง เพาเวอร์ ไทย เพาเวอร์ พลังคนไทย โดยในงานแจกลูกฟุตบอลฉลองวันเด็กแห่งชาติปี 2568 ถือเป็นการประเดิมนับถอยหลังเข้าสู่ลูกที่ล้าน! ตามเป้าหมายของโครงการฯ ทั้งนี้ คิง เพาเวอร์ เตรียมเดินหน้าแจกลูกฟุตบอลครบ 1 ล้านลูกภายในปีนี้ ดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่เฟซบุ๊ก King Power Thai Power พลังคนไทย หรือ อินสตาแกรม kingpowerthaipower


นิมิตรนำเสนอ “เมนูโบราณ” มรดกแห่งวัฒนธรรมในเมนูประจำฤดูกาล

account_circle

ห้องอาหารนิมิตร และรูฟท็อป บาร์ นำเสนอเมนูอาหารโบราณจากล้านนาและภาคกลางของประเทศไทยรังสรรค์อย่างพิถีพิถันโดยทีมเชฟมากฝีมือ เพื่อสืบทอดมรดกทางวัฒนธรรมอาหารอันทรงคุณค่า ตั้งแต่วันที่ 9 มกราคม ถึง 30 เมษายน 2568 เชิญสัมผัสรสชาติอันเป็นเอกลักษณ์ของเมนูอาหารโบราณที่หารับประทานได้ยากในปัจจุบันได้ทุกวัน ตั้งแต่เวลา 17.00 น. ถึง 23.00 น.

ห้องอาหารนิมิตร และรูฟท็อป บาร์ ตั้งอยู่บนชั้น 27 ของโรงแรม 137 พิลลาร์ สวีท แอนด์ เรสซิเด้นซ์ กรุงเทพฯ ใจกลางย่านพร้อมพงษ์ เขตธุรกิจและไลฟ์สไตล์ชั้นนำของกรุงเทพฯ เรามีความภูมิใจในการนำเสนอวัตถุดิบท้องถิ่นคุณภาพดีจากเกษตรกรในประเทศ ด้วยการผสมผสานระหว่างความทันสมัยและรสชาติดั้งเดิม ทีมเชฟของเรารังสรรอาหารทุกจานโดยมุ่งเน้นการนำเสนอเอกลักษณ์ของอาหารไทย

เมนูโบราณ มรดกแห่งวัฒนธรรม ถูกนำกลับมาปรุงอย่างพิถีพิถัน จากความมุ่งมั่นในการค้นคว้าตำราอาหารอันเป็นที่นิยมในกลุ่มชนชั้นสูงในอดีต เมนูที่โดดเด่นได้แก่:

  • เมี่ยงซด เมี่ยงสูตรชาววัง : ความอร่อยจากส่วนผสมที่ลงตัวของหมูสามชั้น ถั่วลิสง และกุ้งแห้ง ห่อด้วยใบยาสูบ เมนูนี้มีต้นกำเนิดจากประวัติศาสตร์อาหารของเมืองเชียงใหม่และเชื่อกันว่าเป็นสูตรต้นตำรับจากเจ้าดารารัศมี รสชาติที่จัดจ้านและสัมผัสอันเป็นเอกลักษณ์ทำให้เมนูนี้โดดเด่นไม่เหมือนใคร
  • แสร้งว่ายำไข่จะละเม็ดลำไย : การรังสรรค์ใหม่ของเมนูยำโบราณจากสมัยรัชกาลที่ 5 เมนูนี้ผสมผสานรสเค็ม หวาน และความสดชื่นของผลไม้อย่างลงตัว
  • แกงเหงาหงอด : เมนูแกงสูตรโบราณจากยุคกรุงศรีอยุธยา ที่โดดเด่นด้วยปลากะพง แตงโมอ่อน และโหระพา แกงนี้มีต้นกำเนิดจากอิทธิพลของโปรตุเกสและเคยเป็นที่นิยมในราชวงศ์ไทย สูตรที่สืบทอดมายาวนานนี้เป็นตัวอย่างของการผสมผสานระหว่างวัฒนธรรมต่างชาติและรสชาติท้องถิ่นอย่างลงตัว
     
  • ส้มฉุน ขนมหวานไทยโบราณ : ขนมหวานที่ทำจากผลไม้ เพิ่มความหอมละมุนด้วยกลิ่นดอกมะลิ เติมขิงรสจัดจ้าน เสิร์ฟกับน้ำแข็งใสที่ให้ความสดชื่น เมนูนี้ได้รับการกล่าวถึงใน “กาพย์เห่ชมเครื่องคาวหวาน” ของรัชกาลที่ 2

“เรารู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้นำเสนอเมนูอาหารโบราณที่เคยสงวนไว้สำหรับชนชั้นสูงในอดีตให้คนรุ่นปัจจุบันได้สัมผัสที่ห้องอาหารนิมิต ซึ่งเป็นการรักษาและสืบทอดมรดกทางวัฒนธรรมอาหารไทย” เอ็กเซ็กคิวทีฟเชฟ กรวิชญ์ รุ่งฉัตร กล่าว “อาหารทุกจานถูกรังสรรค์ขึ้นจากวัตถุดิบท้องถิ่นชั้นเยี่ยม ผสมผสานกับสมุนไพรและเครื่องเทศหอมกรุ่น มอบประสบการณ์ที่ผสานประวัติศาสตร์ รสชาติ และความยั่งยืนเข้าด้วยกัน”

ห้องอาหารนิมิตร และรูฟท็อป บาร์ เชิญชวนทุกท่านดื่มด่ำกับประสบการณ์รับประทานอาหารไทยรสชาติดั้งเดิมที่ผสมผสานความทันสมัยสำหรับมื้ออาหารอันน่าจดจำ



"ซงฮเยคโย" เผยในวัยเลข 4 ขอโฟกัสที่การแสดง เพราะตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่สามารถพึ่งพารูปลักษณ์

“ซงฮเยคโย” เผยในวัยเลข 4 ขอโฟกัสที่การแสดง เพราะตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่สามารถพึ่งพารูปลักษณ์

Alternative Textaccount_circle
"ซงฮเยคโย" เผยในวัยเลข 4 ขอโฟกัสที่การแสดง เพราะตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่สามารถพึ่งพารูปลักษณ์
"ซงฮเยคโย" เผยในวัยเลข 4 ขอโฟกัสที่การแสดง เพราะตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่สามารถพึ่งพารูปลักษณ์

นักแสดงสาว “ซงฮเยคโย” ปรากฏตัวในรายการวาไรตี้ ‘You Quiz on the Block’ เป็นครั้งแรกในรอบ 23 ปี แม้ว่าจะอยู่ในวงการบันเทิงมาเป็นปีที่ 28 แล้วก็ตาม โดยการมาร่วมเป็นแขกรับเชิญในรายการนี้ เธอได้เล่าเรื่องราวถึงอาชีพการงานตั้งแต่เริ่มเข้าสู่วงการบันเทิง และการเปลี่ยนแปลงมุมมองเกี่ยวกับการแสดง

เธอยอมรับว่าเธอไม่ได้รู้สึกวิตกกังวลมากนักในช่วงเวลานั้นที่เธอยังเป็นวัยรุ่น “ฉันไม่กังวลว่าโปรเจ็กต์ของฉันจะล้มเหลว ฉันยังใช้เวลาสนุกสนานมากมายด้วย บางครั้งฉันรู้สึกหงุดหงิดที่ต้องทำงาน ทั้งๆ ที่ฉันแค่ต้องการออกไปเที่ยวกับเพื่อนๆ ฉันมักจะคิดว่าจะทำอะไรสนุกๆ หลังจากทำงานเสร็จ”

แม้ว่าภายนอกของ ซงฮเยคโย จะดูสงบนิ่งและประสบความสำเร็จ แต่เส้นทางอาชีพของเธอไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ มันมักมาพร้อมความท้าทายเสมอ เธอเปิดเผยว่า “ตั้งแต่ฉันเริ่มทำงานตั้งแต่อายุยังน้อย ก็มีข่าวลือมากมายเกี่ยวกับฉัน ทั้งเรื่องเล็กและเรื่องใหญ่ เนื่องจากงานของฉัน ฉันจึงพยายามปล่อยข่าวลือเหล่านั้นไป แต่บางครั้งก็มากเกินไปจนเอ่อล้น”

เธอเล่าว่าเคยถูกถามถึงข่าวลือในบทสัมภาษณ์ว่าเธอรับมือข่าวลือต่างๆ อย่างไร “ฉันบอกพวกเขาว่า ‘ฉันไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเรื่องนั้นเป็นยังไง คุณควรไปถามคนที่แต่งเรื่องขึ้นมาเอง”

“ซงฮเยคโย” เผยในวัยเลข 4 ขอโฟกัสที่การแสดง เพราะตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่สามารถพึ่งพารูปลักษณ์

นอกจากนี้ ซงฮเยคโย ยังพูดถึงช่วงชีวิตของเธอในช่วงวัยเลข 4 อย่างตรงไปตรงมาว่า “ตอนที่ฉันเข้าสู่วัย 40 ฉันรู้สึกว่าต้องค่อยๆ เตรียมตัวทีละเล็กทีละน้อย ตอนนี้ฉันแตกต่างอย่างชัดเจนจากนักแสดงรุ่นน้องในแง่ของรูปลักษณ์ ฉันจึงตระหนักได้ว่าต้องโฟกัสไปที่การแสดงให้ดีจริงๆ เพราะตอนนี้ไม่ใช่ช่วงเวลาที่ฉันสามารถพึ่งพารูปลักษณ์ของตัวเองได้อีกต่อไป”

Photo: kyo1122


‘ดับหัวใจชน โนสนโนแคร์ว่าจะมีแฟนหรือยัง ใช่ดวงคุณไหม?? ต้องติดตาม!!’ ดวงรายสัปดาห์ 13-19 มกราคม 2568

Alternative Textaccount_circle

‘ดับหัวใจชน โนสนโนแคร์ว่าจะมีแฟนหรือยัง’

ดวงรายสัปดาห์ 13-19 มกราคม 2568

ผู้ที่เกิดวันอาทิตย์          

การงาน  :  สัปดาห์นี้ของชาวอาทิตย์เป็นไปได้ว่าคุณจะยึดติดอยู่กับความคิดของตัวเอง โดยเฉพาะอย่างยิ่งชาวอาทิตย์ที่ทำงานหรือดำเนินธุรกิจที่เกี่ยวกับข่าวสาร ข้อมูล ประชาสัมพันธ์ การพูดในที่ชุมชน นักเขียน นักข่าว ช่วงนี้คุณจะนำความรู้ความสามารถ พร้อมกับอีโก้ มาใช้กับการทำงานอย่างเยอะเลย ดังนั้น จึงควรระวัง เพราะมีโอกาสที่จะมีเรื่องไม่คาดฝันเข้ามาให้คุณชะงักงันจนอยู่นิ่งเฉยไม่ได้ ครั้นจะเดินหน้าเพื่อหาทางออกก็ไม่ได้อีก ทางที่ดีช่วงนี้ควรรับงานเอง  หลีกเลี่ยงการปะทะ หรือหากไม่สามารถทำได้ ก็ควรเปิดใจกว้าง ยอมรับความคิดของคนอื่นด้วย

การเงิน  :   ผันผวนไม่แน่นอน รายได้ที่เข้ามาเป็นไปได้ว่าจะขึ้นอยู่กับความสามารถของคุณ ซึ่งก็เป็นข้อดีให้ขยันทำและขยันเก็บ วางแผนการเงินให้ดี ไม่ใช้เงินเกินตัว  สัปดาห์นี้ก็ยังนับเป็นข่าวดี เพราะเงินจะเข้ามากกว่าหายเงียบ

ความรัก  :  ช่วงนี้รู้สึกว่าคุณจะให้เวลากับการทำงานมากกว่าเวลาของครอบครัว อาจเป็นเพราะกำลังตื่นเต้นกับอะไรบางอย่าง จนกลายเป็นเฉยกับเรื่องอื่นหมด รวมถึงความรักความสัมพันธ์ด้วย คนโสด  จริงๆ สัปดาห์นี้เสน่ห์ก็ยังมาเต็มๆ เหมือนกัน แต่จะเป็นลักษณะแบบอยากจีบก็เกรงใจ เพราะออร่าความเป็นผู้นำของคุณกระทบตาจนไม่กล้าที่ใครจะมาจีบเล่นๆ หากจะมี ก็น่าจะเป็นเพื่อนที่เริ่มเห็นเสน่ห์ในตัวคุณ

สุขภาพ  :  ปกติคุณเป็นหญิงพลังเยอะ ไม่ค่อยเจ็บไข้ได้ป่วยกับใครง่ายๆ แต่สัปดาห์นี้ต้องระวังขา ซึ่งมีความเสี่ยงที่คุณจะได้รับบาดเจ็บที่บริเวณเส้นเอ็น กล้ามเนื้อ จนเดินผิดท่าผิดทางได้เลย นอกจากนั้นก็อย่าเครียด หากิจกรรมผ่อนคลายทำ เพราะไมเกรน ซึมเศร้า จะถามหานะคะ

ผู้ที่เกิดวันจันทร์

การงาน  :  สัปดาห์นี้ก็ยังอยู่ที่ชาวจันทร์ที่ทำงานหรือดำเนินธุรกิจที่เกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ บ้าน ที่ดิน อาคารสำนักงาน สิ่งปลูกสร้าง หรือเป็นไปได้ว่าคุณจะได้มีโอกาสเข้าไปเรียนรู้เกี่ยวกับเรื่องอสังหาริมทรัพย์ โดยมีทีมงานที่มีคุณภาพ เป็นระดับปรมาจารย์เลยทีเดียว หรือหากจะบอกว่าเกี่ยวกับซินแสดูฮวงจุ้ยก็ได้เหมือนกัน แต่ก็ยังต้องระวังความคิดเห็นที่เป็นของตัวเอง เพราะมีความเสี่ยงที่คุณอาจได้ใช้ทักษะการเอาตัวรอด เพื่อให้อยู่ในสภาวะนี้ให้ได้

การเงิน  :  สัปดาห์นี้ก็ยังมีโอกาสที่คุณจะได้ขายอสังหาริมทรัพย์ หรือผ่อนคอนโดฯ ผ่อนบ้าน ก็น่าจะเป็นข่าวดี เพราะดูเหมือนคุณเริ่มมีการวางแผนเงินได้แล้ว ด้วยการช่วยเหลือจากผู้บังคับบัญชาและทีมงานที่ดีที่จะส่งงานดีๆ เงินงามๆ มาให้ แต่ก็ไม่ควรช่วยเหลือใคร เพราะมีความเสี่ยงที่เงินสะดุด เกิดข้อผิดพลาดขึ้น

ความรัก  :   สัปดาห์นี้คุณยึดถือเรื่องความซื่อสัตย์มาเป็นอันดับแรก ส่วนการทำงานมาเป็นอันดับสอง ซึ่งเป็นไปได้ว่าแม้ความรักของคุณจะยังลุ่มๆ ดอนๆ เอาแน่อะไรไม่ได้ แต่ไม่ต้องกลัวช่วงนี้ผู้ใหญ่ไม่ทิ้งคุณ มากันเยอะเลย คนโสด  สำหรับชาวจันทร์ที่กำลังอกหัก ก็คงยากล่ะที่คุณจะเปิดใจเริ่มปลูกต้นรักใหม่ได้ง่ายๆ  แต่สัปดาห์นี้มีผู้ใหญ่คอยเชียร์เยอะเลย

สุขภาพ  :   หากคุณไม่เคยใส่ใจในสุขภาพของตัวเองแล้วล่ะก็ สัปดาห์นี้ห้ามประมาทเลย โดยเฉพาะอย่างยิ่งอวัยวะภายในช่องท้อง มดลูก มีความเสี่ยงที่จะโกโซบิ๊ก ต้องพบแพทย์หลายคนเลย เพราะฉะนั้นหากมีอาการควรรีบไปหาหมอเลยนะคะ

ผู้ที่เกิดวันอังคาร

การงาน  สัปดาห์นี้เกี่ยวกับชาวอังคารที่ทำงานหรือดำเนินธุรกิจทางด้านบันเทิงเริงรมย์ ดนตรี กวี ศิลปะ งานเย็บปักถักร้อย งานหัตถกรรม หัตถศิลป์ต่างๆ หรือหากใครไม่ได้อยู่ในกลุ่มนี้ เป็นไปได้ว่าช่วงนี้คุณจะได้เข้าไปเกี่ยวข้อง แล้วหากใครที่กำลังอยู่ในช่วงขอโอกาสได้แสดงความสามารถ หรือพิสูจน์ตัวเองจากผู้ใหญ่ หรือเจ้านาย รวมถึงเพื่อนร่วมงานชิงออกไปโดยไม่บอกไม่กล่าว ก็นับเป็นข่าวดี เพราะทุกอย่างจะดีขึ้น ผู้ใหญ่จะเปิดโต๊ะร่วมกันพิจารณาอีกครั้ง มีโอกาสที่จะได้ทำงานที่ตรงกับความสามารถของคุณ

การเงิน  :  ก็ยังต้องเหนื่อยกับการทวงเงินที่เป็นของเราที่ยังไม่ได้สักที สำหรับสัปดาห์นี้เป็นไปได้ว่าผู้ใหญ่จะปลอบใจด้วยการให้งานดี และเงินงาม แต่มีโอกาสที่คุณจะเก็บเงินไว้กับตัวไม่ได้นาน เพราะใจอ่อน ใครมาขอก็ให้หมด จึงเสี่ยงต่อการถูกหลอกได้ง่าย ต้องระวัง

ความรัก  :   ผ่านไปสัปดาห์เดียว ความรักก็มีโอกาสกลายเป็นอื่นเสียแล้ว เพราะเป็นไปได้ว่าสัปดาห์นี้ผู้ใหญ่จะเข้ามายุ่งวุ่นวาย จนคุณกับคู่ต้องอยู่แยกกัน แล้วคุณก็จะวนๆๆ อยู่กับคำถามว่าคนนี้คือคู่ของคุณจริงใช่ไหม  คนโสด ระวังนะคะ มีโอกาสที่จะได้พบรักที่ไม่เหมาะสมกับคุณเลยทุกประการ ซึ่งเป็นไปได้ว่าจะมาจากการแนะนำของผู้ใหญ่ ก็ควรใช้เวลาพิจารณาให้ดี พร้อมกันนั้นมีโอกาสที่แฟนเก่าจะกลับมาด้วยค่ะ

สุขภาพ  :   ต้องระวังระบบหมุนเวียนเลือด ความดัน ระบบน้ำเหลือง และต่อมไร้ท่อต่างๆ เพราะฉะนั้นจึงควรรับประทานอาหาร ผัก ผลไม้ และวิตามิน เพื่อช่วยในการบำรุงเลือด นอกจากนั้นทางด้านจิตใจก็มีความสำคัญ ควรหากิจกรรมเสริมเพื่อช่วยในการผ่อนคลาย เพื่อไม่ให้ตัวเองคิดมากจนกลายเป็นวิตกกังวล ย้ำคิดย้ำทำ

ผู้ที่เกิดวันพุธ

การงาน  :   สัปดาห์นี้ชาวพุธก็ยังคงทำงานหรือดำเนินธุรกิจเกี่ยวกับราชการ รัฐวิสาหกิจ การเงิน การธนาคาร ประกัน วงการแพทย์และสาธารณสุข อยู่นะคะ หรือมีโอกาสที่จะได้เข้ามาเกี่ยวข้องกับงานในแนวนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งทางด้านตัวเลข บัญชี ผู้ตรวจสอบ นักกฎหมาย ก็เช่นกันหากคุณชอบทำงานที่ใดที่หนึ่งยาวๆ แล้วล่ะก็ นับว่าเข้าทาง แต่ก็ต้องทำใจหน่อยนะว่า ช่วงนี้คุณจะถูกใช้งานหนักเลยทีเดียว

การเงิน  :   ช่วงนี้ชาวพุธจะเป็นหลักให้กับทุกคนที่เกี่ยวข้อง ก็ยังเป็นลูกที่ดีที่ได้เงินมาก็ให้คุณพ่อคุณแม่ ให้กับบริวารว่านเครือ ให้กับลูกน้อง ก็ต้องระวังความใจดี ไม่ควรหยิบเงินให้ใครง่ายๆ เพราะจะทำให้เงินสะดุด หรือเสียเงินไปโดยเปล่าประโยชน์

ความรัก  :  หากคุณกำลังผิดหวังกับชีวิตคู่ เป็นไปได้ว่าสัปดาห์นี้คุณจะเลิกคิดถึงเขาแล้ว คิดถึงลูกอย่างเดียว  ยอมทำงานหนักก็เพื่อลูก  คนโสด สัปดาห์ที่แล้วอยู่กับผู้ใหญ่ ส่วนสัปดาห์นี้เป็นไปได้ว่าคุณอยู่กับการทำงานจนยุ่งเหยิง แต่ก็เป็นไปได้ที่คุณจะแอบชอบเพื่อนร่วมงาน หรือเด็กในออฟฟิศ ก็ดูใจกันนานล่ะกว่าจะโอเค

สุขภาพ   :  โหมงานหนักก็อย่าลืมดูแลสุขภาพด้วยนะคะ อย่าประมาท โดยเฉพาะอย่างยิ่งอวัยวะในช่องท้อง เช่น มดลูก ที่จะมีโอกาสมีปัญหาร้ายแรง หากมีอาการก็ควรไปพบแพทย์เลยนะ

ผู้ที่เกิดวันพฤหัสบดี

การงาน  :  ก็ยังคงบู๊อยู่นะคะสำหรับชาวพฤหัส โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ที่ทำงานหรือธุรกิจที่เกี่ยวกับกฎหมาย ทนายความ อัยการ ตำรวจ ที่ปรึกษาทางด้านกฎหมาย หรือผู้ที่ต้องทำงานพบปะประสานงานกับบุคคลอื่น แม้คุณจะมีโอกาสได้บุกเบิกงานใหม่ๆ แบบถึงลูกถึงคน ดุดันไม่กลัวใครเลย แต่คงต้องยอมรับด้วยว่าจะเหนื่อยแบบสายตัวแทบขาด ต้องบอกว่าการตัดสินใจเร็วและขาดสติ รวมถึงการมีบริวารที่ไม่ซื่อสัตย์ จะทำให้คุณเดือดร้อน เพราะมีโอกาสที่คุณจะเข้าไปเกี่ยวข้องกับงานบันเทิง งานสีเทา แต่ต้องบอกว่าควรหลีกเลี่ยง เพราะหากถลำลึกลงไปแล้วจะถอนตัวลำบาก

การเงิน  :  โชคดีทางด้านการลงทุนและทรัพย์สิน หากได้ร่วมหุ้นหรือทำงานร่วมกับคู่ครอง คนรัก ผู้ใหญ่จะอุปถัมภ์ช่วยเหลือด้วยดี แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ต้องขึ้นอยู่กับความสามารถของตัวเองอย่างเดียวเลย งวดนี้อย่าหวังพึ่งลาภลอย หรือการเสี่ยงโชคนะจ๊ะ

ความรัก  :  เป็นไปได้ว่าคุณจะตั้งมาตรฐานและคาดหวังกับคู่มากเกินไป ทางด้านความโรแมนติก อารม ณ์รักหวาบหวาม จนมีโอกาสที่บรรยากาศแทนที่จะหวานชื่นกลายเป็นความตึงเครียด แล้วเมื่อไม่ได้คุณก็ไม่ใส่ใจในความรู้สึกของอีกฝ่ายด้วย  คนโสด  มีโอกาสได้พบผู้คนมากหน้าหลายตา แล้วคุณก็เจ้าชู้เสียด้วยสิ มีหัวคิดทันสมัยมาก ไม่แคร์แม้จะได้มาอย่างไม่ถูกต้องก็ตาม

สุขภาพ   :  สำหรับนักดื่มและนักเที่ยวอย่าประมาท เพราะนอกจากคุณมีความเสี่ยงที่จะได้รับบาดเจ็บจากของมีคมและประกายไฟแล้ว ยังมีความเสี่ยงที่กรวยไต และกระเพาะปัสสาวะจะติดเชื้อ สืบเนื่องจากการกลั้นปัสสาวะ

ผู้ที่เกิดวันศุกร์

การงาน  :  สำหรับชาวศุกร์ที่ยังเสนองานหรือโครงการไม่ผ่าน หรือกำลังอยู่ในช่วงโปรเบชั่น หรืออยู่ในช่วงที่ต้องพิจารณาความดีความชอบ สัปดาห์นี้เริ่มจะมีเฮเบาๆ นะคะ เพราะเป็นไปได้ที่คุณจะได้รับโอกาสให้ได้บุกเบิกเริ่มต้นงานหรือธุรกิจใหม่ๆ  แต่ต้องบอกว่าความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ต้องแลกมากับพลังกายพลังใจที่เข้มแข็ง  เพราะฉะนั้นคุณต้องลุยและบู๊อย่างถึงลูกถึงคน ห้าวหาญไม่เกรงกลัวใคร รวมถึงสิ่งที่ต้องระวังก็ยังคงเป็นเช่นเดิมคือ การตัดสินใจอย่างรวดเร็วและขาดสติ มีโอกาสที่บริวารจะไม่ซื่อสัตย์ ซึ่งเป็นไปได้ที่งานหรือธุรกิจจะผิดพลาดอย่างไม่น่าเกิดขึ้น

การเงิน  :  หากใครกำลังมีรายจ่ายรุมเร้าจนชักหน้าไม่ถึงหลัง สัปดาห์นี้สถานการณ์จะดีขึ้น ด้วยวาสนาและบารมีของคุณ มีโชคในเรื่องการลงทุนและทรัพย์สินนะเนี่ย แต่ก็อย่าใจอ่อน ใจป๋า ควักเงินเลี้ยงเพื่อนฝูง บริวารบ่อยมาก เพราะมีโอกาสที่เงินจะกลับไปช๊อตได้อีก

ความรัก :  สัปดาห์นี้มีโอกาสที่คุณจะได้ทำงานใกล้ชิดกับผู้บริหารรุ่นใหม่ที่จิตใจดี จึงเป็นไปได้ที่ใจคุณจะหวั่นไหวไปกับเขา ก็อยู่ที่ใจแล้วล่ะว่าจะคิดอย่างไร แต่ดูเหมือนคุณจะเป็นสาวสมัยใหม่ ไม่แคร์แม้จะไม่ถูกต้อง คนโสด  ก็ยังคิดจะดับหัวใจชน โนสนโนแคร์แม้ว่าเขาจะมีแฟนแล้วก็ตาม สำหรับสัปดาห์นี้เป็นเด็กกรุบๆ ที่มีจิตใจดีด้วยสิ แต่คาดว่าไม่น่าจะยืดยาว  

 สุขภาพ  :   แม้คุณจะดูแลสุขภาพตัวเองอย่างดี แต่ก็ต้องระวังปัญหาทางด้านสมอง โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากเคยได้รับการกระทบกระเทือนมาก่อน ยิ่งต้องระวัง นอกจากนั้นหากคุณกำลังใช้สารเสพติดทุกชนิด มีความเสี่ยงที่จะทำลายสุขภาพให้เสื่อมโทรมลงอย่างน่าเสียดาย ต้องไปปั้นหุ่นกันใหม่  

ผู้ที่เกิดวันเสาร์

การงาน  :   ชาวเสาร์อยู่กับงานบุญ งานกุศล จิตสาธารณะมานาน สัปดาห์นี้มีโอกาสที่จะได้ข้ามสายมาที่ฝั่งอ็นเทอร์เทน วงการบันเทิง ดนตรี นักร้อง คอนเสิร์ต ศิลปินดารากันบ้าง เป็นไปได้ที่คุณจะได้ใช้ทักษะและความสามารถส่วนตัวในการทำงานหรือบริหารธุรกิจ จนประสบความสำเร็จ มีชื่อเสียงโดดเด่นด้วยสิ

การเงิน  :  เงินทองไหลมาเทมา เฮงๆ ปังๆ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นรายได้จากงานสีเทา พวกงานหรือธุรกิจที่เกี่ยวกับความบันเทิง จะอย่างไรก็ตามสัปดาห์นี้ควรทำงานคนเดียวดีกว่าจะร่วมหุ้นร่วมทุนกับคนอื่น  

ความรัก  :   เสน่ห์มาแบบฉ่ำๆ เลยค่ะ มีโอกาสที่คุณจะได้พบคนใหม่ด้วยล่ะ ส่วนคนที่อยู่ในบ้าน เป็นอะไรไม่รู้ ทำไมช่วงนี้คุยกันไม่รู้เรื่องเลย คนโสดมีเสน่ห์กับเพศตรงข้ามนะคะ ส่วนมากจะพบกันที่สถานบันเทิง หรืองานสังคม พบกันถูกใจกันก็คบกัน แต่ต้องดูให้ดีด้วยนะว่า เขามีแฟนหรือยัง เพราะมีโอกาสที่คุณจะตกอยู่ในสถานะมือที่สามได้

สุขภาพ   :   สัปดาห์นี้ก็ยังคงสลัดความอ้วนไม่พ้นจากตัว ทั้งไขมัน เบาหวาน ความดันมารอฉ่ำๆ เลย โดยเฉพาะอย่างยิ่งน่าจะมาจากเบียร์ และเครื่องดื่มแอลกอฮอล์นะคะ นอกจากนั้นหากเดินทางเปลี่ยนสถานที่ ต้องให้ความสำคัญกับความสะอาด ทั้งจากอาหาร ที่พัก และสถานที่สาธารณะ เพราะมีความเสี่ยงที่คุณจะนำเชื้อไวรัสกลับบ้านมาด้วย

gucci

Gucci เปิดตัวคอนเซปต์วินโดว์ดิสเพลย์ใหม่ Endless Narratives กับเรื่องราวที่ไม่ที่สิ้นสุด

account_circle
gucci
gucci

Gucci เปิดตัวคอนเซปต์ Endless Narratives สำหรับวินโดว์ดิสเพลย์  ซึ่งเป็นการผสมผสานระหว่างวัตถุ ความคิด และเรื่องราวที่ไม่มีที่สิ้นสุด แนวคิดนี้ไม่ได้เป็นเพียงแค่การจัดแสดง แต่ยังเป็นการเดินทางผ่านมิติทางวัฒนธรรมที่หลากหลาย โดยมีหนังสือ สิ่งของโบราณ และสมบัติต่างๆ เชื่อมโยงกัน ข้ามกาลเวลา ตั้งแต่อดีต ปัจจุบัน จนถึงอนาคต การจัดแสดงนี้จะเปลี่ยนตู้หนังสือให้กลายเป็นอาณาจักรสะท้อนที่ไม่ที่สิ้นสุด ทุกชั้นเปรียบเสมือนบทหนึ่งของเรื่องราว และแต่ละวัตถุจะเป็นแรงบันดาลใจให้เกิดการตีความใหม่ๆ นับครั้งไม่ถ้วน

Endless Narratives คือการผสมผสานอย่างลงตัวระหว่างแสงและกระจก ซึ่งขยายพื้นที่ให้กว้างขึ้นในเชิงสายตาและเชิญชวนให้ผู้ชมมองลึกลงไปบนชั้นวางกระจกที่เต็มไปด้วยหนังสือ รูปปั้นขนาดเล็ก และแบบจำลองที่คั่นหนังสือจากคลังเอกสารของ Gucci  ที่ผสมผสานกันอย่างกลมกลืน การออกแบบที่คัดสรรอย่างพิถีพิถันนี้กระตุ้นให้ผู้ชมเห็นวัตถุที่สะท้อนไม่สิ้นสุด ซึ่งเป็นการแสดงถึงจักรวาลความคิดสร้างสรรค์ของ Gucci ในเชิงกวี

แนวคิดนี้ยังได้ร่วมมือกับ Luca Pignatelli ศิลปินชาวอิตาลีชื่อดัง โดยผลงานจำนวนจำกัด 80 ชิ้นของเขาใช้เทคนิคเช่น sugar-lift และ Collage (คอลลาจ)  เปลี่ยนวัสดุธรรมดาให้กลายเป็นวัตถุที่มีความหมายลึกซึ้ง

Endless Narratives ไม่ใช่แค่การจัดแสดง แต่เป็นเหมือนประตูสู่จักรวาลแห่งความคิดสร้างสรรค์ที่ไม่มีขอบเขต ซึ่งทุกชิ้นงานและเรื่องราวเปิดโอกาสให้ผู้ชมได้สะท้อนคิดและมองหามุมมองใหม่ๆ ผ่านหน้าต่างที่สะท้อนวัฒนธรรม จินตนาการ และสะท้อนความคิดสร้างสรรค์ที่ไร้ขอบเขตที่เป็นหัวใจสำคัญของ Gucci

แนวคิดนี้จะถูกนำไปใช้ในร้าน Gucci ทั่วโลกตลอดทั้งปี โดยวัตถุที่นำมาแสดงจะมีการเปลี่ยนแปลงไปตามช่วงเวลา พร้อมกับผลิตภัณฑ์และคอลเล็คชั่นที่จัดแสดง อีกทั้งยังมีการปรับเปลี่ยนเล็กน้อยตามแต่ละร้านทั่วโลกเพื่อให้สอดคล้องกับความเป็นเอกลักษณ์ของแต่ละสถานที่


BENICE ULTIMATE CARE FEMININE CLEANSING ไอเท็มเสริมความมั่นใจให้จุดซ่อนเร้น

account_circle

คุณเป็นคนหนึ่งหรือเปล่าที่ดูแลสุขภาพตัวเองตั้งแต่หัวจรดเท้าอย่างดีแต่กลับเผลอลืมดูแลน้องสาวหรือจุดซ่อนเร้น? ผู้หญิงเราดูแลสุขภาพ อาหารการกินและผิวพรรณ โดยเฉพาะผิวหน้าอย่างพิถีพิถัน บางคนมีสกินแคร์รูทีนเกินสิบสเต็ปด้วยซ้ำ แต่ในบางครั้งเรื่องเล็กๆ อย่างจุดซ่อนเร้นกลับละเลยไม่ใส่ใจ ทั้งที่จริงแล้วจุดซ่อนเร้นของผู้หญิงนั้นเซนซิทีฟมากและต้องการการดูแลอย่างอ่อนโยนไม่แพ้ส่วนอื่นของร่างกายเลย

Praew Survey ครั้งนี้จึงขอมาเผยเรื่องไม่ลับของน้องสาวหรือจุดซ่อนเร้นของสาวๆ ซึ่งเป็นส่วนที่บอบบาง ซับซ้อน และต้องได้รับการถะนุถนอมเป็นอย่างดี ยิ่งสภาพอากาศที่ทั้งร้อนและชื้น อาจทำให้น้องสาวในที่ลับเกิดปัญหาอับชื้นได้ หากใครดูแลไม่ดีจะทำให้เกิดการสะสมของแบคทีเรีย ที่เป็นสาเหตุการระคายเคือง ปัญหาเชื้อราและกลิ่นอับไม่พึงประสงค์ตามมาในที่สุด แต่ไม่ต้องกังวลใจไป สิ่งเหล่านี้แก้ได้ด้วย BeNice Ultimate Care Feminine Cleansing ที่ทำให้สาวๆ เทใจโหวตให้ เพราะเป็นผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดน้องสาวที่อ่อนโยนเป็นพิเศษ ช่วยลดกลิ่นอับ เสริมความมั่นใจให้กับน้องสาวได้แบบเอาอยู่ โดยเฉพาะในวันมามากที่สาวๆ มักกังวลเป็นพิเศษ เพราะมีส่วนผสมของสารสกัดจากธรรมชาติอย่าง Butterfly Lavender ที่ช่วยคุมกลิ่นได้แบบอยู่หมัด

หลายคนอาจสงสัยว่าแล้วทำไมล้างแค่น้ำเปล่าถึงยังไม่สามารถกำจัดกลิ่นอับได้ เพราะการทำความสะอาดไม่ใช่จะล้างด้วยอะไรก็ได้ ล้างด้วยน้ำเปล่าก็อาจจะยังมีกลิ่นตกค้าง หรือหากล้างด้วยสบู่ pH ก็จะสูงเกินไป ทำให้เกิดการระคายเคือง สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ ความอ่อนโยน คงสมดุลจุดซ่อนเร้นด้วยผลิตภัณฑ์ที่มีค่า pH balanced 4.5 ที่เหมาะสม มีพรีไบโอติก และส่วนผสมของหญ้าหางม้าและเสจ ที่ช่วยลดกลิ่นอับ และมั่นใจได้ว่าอ่อนโยนจริงด้วยสารสกัดจากธรรมชาติ 100% อย่าง BeNice Ultimate Care Feminine Cleansing ทั้งสูตร Calendula ปลอบประโลมผิว และสูตร Lavender ผิวนุ่มชุ่มชื้นไม่แห้งตึง

ความจึ้งอีกอย่างของไอเท็มทำความสะอาดน้องสาวสุดอ่อนโยนอย่าง BeNice Ultimate Care Feminine Cleansing ขวดนี้ คือการเป็นไอเท็มที่สาวๆ ยกให้เป็นที่สุดแห่งปี การันตีความปังด้วยรางวัล Iconic Feminine Cleansing For Sensitive Skin จากนิตยสารแพรว มาแล้วหลายปีซ้อน

และด้วยสารทำความสะอาดจากธรรมชาติ 100% จึงไม่ระคายเคืองผิว อีกทั้งยังผ่านการทดสอบโดยสูตินรีแพทย์ว่าอ่อนโยนจริง ที่สำคัญคือมีค่า pH เหมาะกับจุดซ่อนเร้น จึงช่วยคงสมดุลความสะอาดตามธรรมชาติเอาไว้ ทำให้น้องสาวรู้สึกชุ่มชื้น ไม่แห้งตึง ดีต่อน้องสาวในระยะยาว สามารถใช้ทำความสะอาดได้เป็นประจำทุกวันทั้งเช้าและเย็น นอกจากช่วยเรื่องสะอาดแล้ว ยังช่วยเรื่องกลิ่นหอมเสริมความมั่นใจไปอีกขั้นด้วย


โน่-ภูวเนตร สีชมภู

โน่-ภูวเนตร สีชมภู จาก เซียนหรั่ง ไทบ้าน สู่นักแสดงมืออาชีพ

Alternative Textaccount_circle
โน่-ภูวเนตร สีชมภู
โน่-ภูวเนตร สีชมภู

หนุ่มอีสานหน้าฝรั่งลูกครึ่งไทย-เบลเยียม “โน่-ภูวเนตร สีชมภู” ผู้โด่งดังมาพร้อมเพื่อนๆ แก๊งไทบ้านจากภาพยนตร์คุณภาพ “ไทบ้านเดอะซีรีส์ 1-2” (2560-2561) และภาพยนตร์ยอดเยี่ยมรางวัลสุพรรณหงส์ปีล่าสุด “สัปเหร่อ” (2566) เขามีความสนใจด้านภาพยนตร์เป็นพิเศษจนได้มีโอกาสเขียนบทและกำกับภาพยนตร์เป็นครั้งแรกในเรื่อง “รักหนูมั้ย” (2563) ตามมาด้วย “เซียนหรั่ง เดอะมูฟวี่” (2566) ซึ่งทั้งสองเรื่องต่างก็ได้รับคำวิจารณ์ในแง่บวกเป็นอย่างมากนอกจากนี้เขายังมีรายการออนไลน์ทางยูทูบที่ชื่อ “เซียนหรั่ง” และ “เฮ็ดอย่างเซียนหรั่ง” ซึ่งแต่ละคลิปมียอดวิวเฉียดล้านแทบทั้งนั้น

โน่มีความสามารถหลากหลายด้าน นอกจากงานแสดงและกำกับแล้ว เขายังมีฝีมือด้านการทำเพลงขึ้นแท่นเป็น “นักร้อง 100 ล้านวิว” ในนามวง “NaraNo” (นาราโน่) จากเพลง “ต้องการอะไร” (2561) ซึ่งปัจจุบันมียอดวิวสูงถึง 236 ล้านวิว และอีกหลายเพลงที่มียอดวิวทะลุหลายสิบล้านไปจนถึงร้อยล้านวิว ไม่ว่าจะเป็น “แม่ของลูก” (2562 / 104 ล้านวิว), “เพื่ออะไร” (2562 / 31 ล้านวิว) และ “ยินดีที่จะทำ” (2562 / 35 ล้านวิว) รวมถึงกับการร่วมร้องเพลงฟีเจอริงกับ “โจอี้ ภูวศิษฐ์” ในเพลง “เสี่ยว” (2565 / 16 ล้านวิว)

ล่าสุด เขาจะมาสร้างสีสันความฮาสยองกับบทบาทนักส่งของตัวตึงผู้ติดโซเชียลเป็นชีวิตจิตใจในภาพยนตร์ไทยเรื่อง “ไรเดอร์” ที่มีคิวเข้าฉาย10 ธันวาคมนี้

โน่-ภูวเนตร สีชมภู

มาร่วมงานในเรื่อง “ไรเดอร์” นี้ได้ยังไง

เป็น “พี่กังฟู” (ผู้กำกับ) ติดต่อมาครับ บอกว่าอยากให้ลองมาเทสต์หน้ากล้อง มาฟิตติ้งเสื้อผ้ากันดู เขาน่าจะอยากได้วัยรุ่นฝรั่งและเว่าอีสาน อยากได้คาแร็กเตอร์ประมาณนี้ ตอนแรกที่พี่เขาติดต่อมาบอกว่าชื่อหนังเรื่อง “ไรเดอร์” ก็ไม่คิดว่าจะเป็นหนังแนวสยองขวัญเลยครับ

บทบาท-คาแร็กเตอร์

เรื่องนี้ผมรับบทเป็น “เสือยอด” ครับ หนึ่งในแก๊ง “ไรเดอร์” ที่สนิทกันมานาน เสือยอดเป็นคนที่กลัวผีจนขึ้นสมอง แต่มีความอยากเห็นผี มีช่องโซเชียลเอาไว้ไลฟ์เล่าเรื่องผี ประสบการณ์ผีที่เราเจอ หรือเพื่อนเราเจอ เสือยอดก็ชอบไลฟ์เล่าเรื่องเหล่านี้ เป็นคนสนุกสนาน แหกปาก ขี้เล่น รักเพื่อน รับออเดอร์ได้ว่องไว ขับว่องไว คิดไว ทำไวไปหมด เป็นคนที่ชอบทำให้เพื่อนลำบากต้องคอยไปช่วยเสมอ

เสือยอดจะมีเพื่อนซี้สองคนชื่อ “นัท” (มาริโอ้) เป็นคนมองเห็นผี มีความสามารถสัมผัสถึงผีตรงนั้นตรงนี้ได้ จะคอยบอกว่ามีวิญญาณอยู่ตรงนั้นตรงนี้ ส่วน “น้าไก่” (ดีเจอาร์ต) เป็นพี่โตสุดในแก๊งแต่พึ่งพาอะไรไม่ค่อยได้ ผมนึกว่าเสือยอดกลัวผีที่สุดแล้ว แต่น้าไก่กลัวหนักกว่า เพราะตอนเด็กๆ แกเคยถูกพระทักว่าแกจะตายเพราะผีเลยยิ่งกลัวหนักเลย

“เสือยอด” เป็นเหมือนตัวเองไหม

 มีส่วนที่เหมือนผมเวลาที่คุยอะไรก็จะไม่ได้สาระเท่าไหร่ พูดติดตลกไปเรื่อย จะแตกต่างตรงที่ “เสือยอด” จะพูดอะไรไม่ค่อยคิด แต่ “พี่กังฟู” อยากได้คนที่พูดไปเรื่อย แหกปากไปเรื่อย ปากไวอยากพูดอะไรก็พูด รู้สึกอะไรก็ไม่เก็บ ไม่ต้องไตร่ตรองอะไรเลย ผมก็ต้องพยายามปากไวที่สุดเท่าที่จะทำได้ จะถูกจะผิดพูดไปก่อน

เรื่องราวของ “ไรเดอร์”

เรื่องนี้ก็เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับ “ไรเดอร์” กลุ่มหนึ่งที่ต้องออกไปส่งของ แต่ว่าหลายครั้งที่ไปส่งของ มักจะเจอกับเรื่องที่มันไม่ควรจะเจอ พวกเรื่องผี วิญญาณ แล้ววันหนึ่งเพื่อนเราที่ชื่อ “นัท” (มาริโอ้) ก็ดันไปชอบกับ “พาย” (ฟรีน) ที่บังเอิญรู้จักกันจากการไปส่งของนี่แหละ ทั้งคู่กำลังจะเริ่มคบกัน แต่อยู่ๆ พายก็หายไป แล้วนัทก็มาขอความช่วยเหลือให้ “เสือยอด” กับ “น้าไก่” (ดีเจอาร์ต) เพื่อนสนิทที่เป็นไรเดอร์ด้วยกันช่วยกันตามหาพาย พวกเราต้องไปสืบเรื่องราวการหายตัวไปของพาย แล้วก็เข้าไปพัวพันกับเรื่องราวลึกลับ สยอง ขนลุก ซึ่งเป็นสิ่งที่พวกเรากลัวไม่อยากจะเจอ

มาเล่นหนังสยองขวัญ แต่จริงๆ เป็นคนกลัวผีไหม

ไม่กลัวครับ สามารถเจอกันแล้วชวนไปกินข้าวด้วยกันได้เลย สนิทกันจนเรียกว่าเป็น Best Friend ได้เลย ผมไปวัดถ้าเจอกันก็สามารถจูงเดินเข้าวัดได้เลย มีครั้งหนึ่งที่เคยพยายามตามหาผีด้วยตัวเอง สมัยตอนเป็นเด็ก ตอนนั้นผมเป็นคนกลัวผีมาก กลัวแบบขี้ขึ้นสมองเลย เหมือนกับ “เสือยอด” นี่แหละครับ อาบน้ำทีต้องให้ยายไปเฝ้าหน้าห้องน้ำแล้วก็เปิดประตูทิ้งไว้ คอยชะโงกหัวมาส่องว่าแกไม่ได้หนีไปไหนใช่ไหม ผมมียายคนหนึ่งครับชื่อว่า “ยายขาว” ตอนที่แกเสียเรารู้สึกว่ายังไม่ได้ลากันเลย อยากจะลาแกสักครั้งหนึ่งแต่มันไม่มีโอกาส จะเคาะโลงบอกก็ไม่รู้ว่าเขาจะได้ยินหรือเปล่า ตอนนั้นอยากเจอแกสักครั้งหนึ่งจะบอกลาแบบจริงจังเลย ผมเลยไปอยู่กับสัปเหร่อที่วัด ไปถามพระว่าจะทำยังไงให้เราได้เห็น ได้เจอกัน แต่ทำแทบทุกอย่างที่พอจะทำได้ก็ไม่เคยเจอ อย่าว่าแต่ยายขาวเลย ผีสักตัวก็ไม่เคยเจอ หลวงพ่อท่านว่าคนมันจะไม่เจอมันก็คือไม่เจอ

เราคิดว่าเราคงไม่มีโอกาสได้เจอเลยไม่ได้กลัวมาตั้งแต่ตอนนั้น แต่เชื่อว่ามีนะครับ เชื่อว่ามีแต่ไม่ได้กลัว ถ้าโผล่มาหลอกคงต้องตั้งหลักก่อนนิดนึง แต่ไม่ตกใจ ผมสามารถเดินจงกรมตอนตี 4 ที่เมรุได้สบายมากครับ แต่ต้องเอาเพื่อนไปอีก 15 คนเพื่อความสนุกครับ

ในเรื่องนี้ไปถ่ายทำแต่ละโลเคชันสยองจริงจังกันมาก เล่าให้ฟังหน่อย

ที่สยองๆ จะมีฉากที่ “วัด” เหตุการณ์คือ “เสือยอด” กับ “น้าไก่” ต้องไปเจอกับ “นัท” ที่วัดเพื่อมาทำภารกิจอะไรบางอย่าง แล้วพวกเราต้องไปเดินอยู่ในหมู่เจดีย์เก็บอัฐิคนตายของจริง ไม่มีเซตขึ้นมาครับเรื่องนี้ ตรงนั้นมีเจดีย์เยอะมาก แล้วเราไปกวนการนอนหลับของปู่ย่าตายายที่นั่นช่วง 4 ทุ่มได้ มันก็ทั้งมืด ทั้งเงียบ ทั้งหลอนกันไปหมด แต่สำหรับผมก็คือปกติ จุดสุดท้ายของชีวิตก็ต้องมาอยู่กันตรงนี้ จะรวยจะจนต้องมาถึงจุดนี้ แต่ผมมียกมือไหว้ก่อน แม่ครับ พ่อครับ ขอโทษที่เข้ามาวุ่นวายครับ เผื่อพวกเขายังไม่ไปไหน จะได้รู้สึกดีขึ้นหน่อย เหมือนว่าได้ขออนุญาตใช้พื้นที่เขาก่อน

 อีกที่คือที่ “โรงพยาบาลร้าง” เป็นโรงพยาบาลที่ร้างจริงๆ ครับ ฝุ่นเยอะมาก ทุกวันนี้ผมแคะจมูกได้ฝุ่นออกมาสักกระสอบได้ ปลูกกุหลาบได้สบาย ฝุ่นมันเยอะขนาดนั้นเลย แล้วมีเหตุการณ์ที่พวกเราต้องไปบู๊กันในนั้น ยิ่งฝุ่นตลบหนักเลย สโมกเยอะมาก บรรยากาศที่นั่นหลอนมากครับ พวกเราจะทำงานกันเงียบๆ แปลกๆ และมีเรื่องตื่นเต้นที่นี่ครับ ผมไปเข้าห้องน้ำ ผมว่าผมเดินไปไกลจนหลุดออกมาจากคนอื่นแล้ว มันก็เจอห้องน้ำที่มีป้ายห้อยไว้ พอเข้าไปสักพักก็มีกลิ่นตีมาเหมือนศพเน่า ผู้เฒ่าผู้แก่เขาบอกว่าถ้าเกิดได้กลิ่นศพคือห้ามทัก ถ้าทักเราจะเจอ แต่ผมปากไวติดคาแร็กเตอร์เสือยอด พูดเลย ไอ้…ใครมาขี้ทิ้งไว้วะ สักพักขนเริ่มลุกซู่เหมือนมีใครเอาน้ำแข็งมาถูหลัง เราทำใจดีสู้เสือเดินเข้าไปดู พอเปิดห้องน้ำเท่านั้นแหละ ขี้เต็มๆ ช่างไฟขี้ไม่กดครับ ช่างไฟที่เดินสวนผมออกไปตอนแรกนั่นแหละ ลืมกดชักโครก

เอาแบบสยองจริงจังคือโลเคชันไหนบ้าง

ที่หนึ่งในใจที่รู้สึกว่าน่ากลัวที่สุดที่เราเคยถ่ายมา ผมว่าบ้านผัวเมียบ้านร้างสุดสะพรึง ชื่อโลเคชันที่ลงไว้คือ “บ้านร้างสุดสะพรึง” ในเรื่องคือบ้านของผัวเมียคู่หนึ่งที่ยิงกันตายในนั้น บ้างร้างของจริง รกร้าง น่ากลัวสุดแล้วสำหรับผม ด้วยโครงสร้างเป็นบ้านหลังใหญ่ราคาแพง มีเฟอร์นิเจอร์พังๆ เก่าๆ ยังอยู่ มีข้าวของเครื่องใช้ในบ้านครบครัน แต่มันร้างไร้ผู้คน ต้นไม้ขึ้นรก บรรยากาศมันน่ากลัวเลยครับ

ประทับใจอะไรเป็นพิเศษในการถ่ายทำเรื่องนี้

ประทับใจบรรยากาศในการทำงานครับ ผมเป็นคนชอบกองถ่ายที่บรรยากาศมันดี ผู้คนสนุกสนาน เพราะผมเชื่อว่าถ้าเราสนุกคนดูก็สนุก แล้วถ้าบรรยากาศกองถ่ายมันสนุก แน่นอนว่างานที่ออกมามันต้องสนุกแน่นอน พี่ๆ ทีมงานน่ารักกันหมด นักแสดงเล่นกันหยอดมุกกันสนุกสนาน

ปราบเซียนสุดในการถ่ายทำคืออะไร

 “เสื้อคลุมไรเดอร์” เลยครับ ขนาดนั่งในห้องแอร์ไข่ยังเปียก แล้วตอนถ่ายมันร้อนจริงครับ เป็นเสื้อไรเดอร์ที่ลมมันจะเข้าไม่ได้เลย มันทำให้เราร้อนตลอดเวลา แล้วแต่ละโลเคชัน โอ้โห…ไม่ต้องสืบครับ ไม่มีแม้กระทั่งลม อย่าว่าแต่แอร์ ลมยังไม่มี แล้วเราต้องถ่ายกันที่ร้างๆ เก่าๆ ที่สุดเลยครับ อย่างที่ผมบอก ผมแคะจมูกตัวเองตอนนี้อยู่บ้าน 2 กระสอบ ปลูกกุหลาบได้เลย ทั้งร้อนทั้งฝุ่น

ทำงานร่วมกับ “กังฟู” ผู้กำกับเป็นยังไงบ้าง

“พี่กังฟู” เป็นคนสนุกมากครับ ให้อิสระกับนักแสดงมากในการให้ลองเล่นดู แกจะมีภาพที่อยากได้อยู่นะ แต่แกอยากให้เราลองเล่นดูก่อน ถ้าแบบไม่ได้จริงๆ ก็จะบอกว่าเอาประมาณไหน การทำงานรวมๆ คือผ่อนคลาย ทำงานสนุกครับ

ทำงานร่วมกับนักแสดงทีมนี้เป็นยังไงบ้าง

พูดได้แค่ไหนครับ ผมต้องพูดว่าเขาเป็นคนดีใช่ไหมครับ (หัวเราะ) บันเทิงครับ “พี่โอ้” เป็นผู้ชายแนวเดียวกันอยู่แล้ว แทบไม่ต้องโฟกัสกับหนังเท่าไหร่ เน้นไปโฟกัสที่จะได้เจอกันในกองถ่ายแล้วนั่งคุยกันมากกว่า คุยกันทุกเรื่องทุกเวลา ไม่ต้องทำอะไรคุยอย่างเดียวทั้งวันยังได้ เวลาพี่โอ้ทำงานแกจะมีลูกหลุดที่เราไม่คิดว่าแกจะเล่น แล้วแกเล่นออกมาดูน่ารัก ดูตลก เรียกว่าตลกหน้าตายดีกว่า พี่ๆ คือสนุกทุกคน และเป็นคนดีครับ

“พี่อาร์ต” ก็น่ารัก จะคอยฟังว่าเราจะเล่นมุกอะไร แกจะเล่นสวนกลับมา สนุกสนาน  แกเหนื่อย แกร้อนนะ แต่สปิริตแกดี คนนี้มุกหน้าตายไม่แพ้โอ้เหมือนกันครับ

ส่วน “น้องฟรีน” เป็นเด็กน่ารักครับ ชอบมีมุกหลุดมาตลอด เวลาคุยด้วยก็จะสนุกสนานดี เป็นเพราะเรามันสายติดตลกด้วยครับ ผมก็กลายเป็นพี่ชายที่น่ารัก แต่ซ่อนคมเขี้ยวเอาไว้ เวลาจะไปไหนมืดๆ น้องจะบอกหนูกลัว หนูไปด้วย จะเกาะตามหลังกันไป ผมก็จะทำสถานการณ์ที่น่ากลัวเป็นเรื่องตลกแทน

เห็นมีพกกีตาร์ไปกองถ่ายทุกวันเลย

ก็เอาไปเล่นระหว่างพักกัน แรกๆ เขาสนุกกันครับ สองคิวแรกปรบมือกันสนุกสนาน หลังๆ เขารำคาญ สายหายไปไหนไม่รู้ครับ เหมือนมีคนมาแกะสายออก

เคยคิดไหมว่าถ้าตัวเองเป็น “ไรเดอร์” จริงๆ จะเป็นแบบไหน

ผมว่าผมคงส่งอะไรไม่สำเร็จสักอย่างแน่ คงจะเหมือน “เสือยอด” ส่งอะไรก็ไปลำบากเพื่อน แต่อย่างแรกที่ผมจะทำถ้าเป็น “ไรเดอร์” ก็คือ ผมจะเอามอเตอร์ไซค์ไปขายก่อนเลย แล้วเอาเงินมาเปิดร้านขายของ พอได้เงินมาแล้วค่อยเอาเงินไปซื้อมอเตอร์ไซค์ใหม่ครับ

ทุกวันนี้ใช้บริการ “ไรเดอร์” มากน้อยแค่ไหน

ผมว่าทุกวันนี้ “ไรเดอร์” สำคัญมากครับ แทบจะเป็นอาชีพพื้นฐาน หลังๆ ผมใช้บริการตลอดเวลาในทุกวันนี้ถ้าตัดคำว่าไรเดอร์ออกไป เขาก็คือคนที่สารพัดรับจ้าง เขาส่งทุกอย่าง ไปไหนมาไหน ต่อคิว ทำธุระแทนเราได้แทบทุกเรื่อง คนรวยมากก็ใช้บริการเขา คนธรรมดาก็ใช้บริการเขา ทุกวันนี้ไรเดอร์สำคัญมากในสังคมเรา อย่างผมทำงานอยู่ แต่หิวข้าว ฝนตก ถ้าไม่มีเขาเราก็หิวแย่เลย แต่ก็เห็นใจครับที่เขาต้องใส่เสื้อกันฝนวิ่งมาส่งข้าวให้เรา แต่ก็คืออาชีพเขา ตอนนี้ไรเดอร์ก็เป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวันไปแล้วครับที่ผมต้องใช้บริการ

ฝากผลงานเรื่อง “ไรเดอร์” หน่อยเด้อ ก่อนอื่นก็ต้องกล่าวอาราธนาศีลครับ ผมขอคุณพระศรีรัตนตรัยเจ้าป่าเจ้าเขาที่ปกปักรักษาที่แห่งนี้ ขอให้ทุกท่านเดินทางแคล้วคลาดปลอดภัยไร้ภยันอันตรายใดๆ เข้ามาย่างกรายนะครับ ขอให้ตื่นมาทุกคนมีสุขภาพที่แข็งแรงและมีเงินมีสตางค์เต็มถุง ขอให้แฟนคลับทุกท่านหรือว่าทุกคน พี่น้อง “ไรเดอร์” วันนั้นหยุดส่งของนะครับผม แล้วก็ไปส่งความรู้สึกร่วมชมภาพยนตร์กันในโรง 10 ธันวาคมนี้ เจอกันครับ

THE MALL LIFESTORE KIDS FUNTASIA

กิจกรรมวันเด็กสุดสร้างสรรค์ THE MALL LIFESTORE KIDS FUNTASIA

Alternative Textaccount_circle
THE MALL LIFESTORE KIDS FUNTASIA
THE MALL LIFESTORE KIDS FUNTASIA

วันเด็กปีนี้ เที่ยวไหนดี!! ปักหมุด กิจกรรมวันเด็กสุดสร้างสรรค์ ที่เดอะมอลล์ไลฟ์สโตร์ ทุกสาขา  กับงาน THE MALL LIFESTORE KIDS FUNTASIA

เริ่มด้วย เดอะมอลล์ไลฟ์สโตร์ บางกะปิ เนรมิตโลกใต้น้ำกลางศูนย์การค้าให้เป็นโลกใต้ทะเลสุดมหัศจรรย์  ตื่นตาตื่นใจไปกับอุโมงค์จำลองโลกใต้ท้องทะเล และแมงกระพรุนเรืองแสง กว่า 1,000 ตัว   เพลินเพลิดกับกิจกรรม “TOUCH POOL” ที่ให้น้องๆ ได้สัมผัสสัตว์ทะเลสุดน่ารักอย่างใกล้ชิด อาทิ ดาวทะเล ฉลามกบ แมงดาจาน  ปูเสฉวน

เดอะมอลล์ไลฟ์สโตร์ ท่าพระ ท่องดินแดนมหัศจรรย์ไปกับอัศวินปุกปุย ตะลุยปราสาทแห่งความลับ ตื่นตากับกระต่ายกว่า 10 สายพันธุ์ รวมกว่า 300 ตัว

THE MALL LIFESTORE KIDS FUNTASIA

เดอะมอลล์ไลฟ์สโตร์ บางแค ชวน “หนูน้อยนักสำรวจ” มาท่องอาณาจักรแห่งผีเสื้อ แมลง และนกสายพันธุ์ต่างๆ รวมกว่า 1,000 ชีวิตพร้อมการให้ความรู้เกี่ยวกับวงจรชีวิตผีเสื้อ และแมลงหายากใกล้สูญพันธุ์

เดอะมอลล์ไลฟ์สโตร์ งามวงศ์วาน ผจญภัยโลกกว้างตะลุยดินแดนลูกโป่งมหัศจรรย์” ตื่นตาตื่นใจกับโบโซ่สูงกว่า 4 เมตร สนุกกับฐานเกมสุด FUN พร้อมสะสมแสตมป์ แลกรับของรางวัล ฟรี!

ปิดท้ายที่ เดอะมอลล์ โคราช สนุกกับเครื่องเล่นสุดแอดเวนเจอร์ พบกับ FANTASY  ADVENTURE  ให้น้องๆได้ระเบิดพลังกับเหล่าเครื่องเล่น อาทิ บ้านบอล GIANT SLIDER & BALL POOL, อุโมงค์เลเซอร์ (LASER MAZE), ART & CRAFT รวมถึงกิจกรรมความสนุกสนานอีกมากมาย

งานจัดขึ้นตั้งแต่วันนี้ – 12  มกราคม 2568 ที่ เดอะมอลล์ไลฟ์สโตร์ ทุกสาขา และ เดอะมอลล์ โคราช

เปิดภาพค่ำคืนดินเนอร์สุดเอ็กซ์คลูซีฟ THE MACALLAN ส่งท้ายฉลองครบรอบ 200 ปี

account_circle

The Macallan ส่งท้ายการเฉลิมฉลองครบรอบ 200 ปี ด้วยการเปิดตัว A Night on Earth in Jerez de la Frontera ที่สะท้อนจิตวิญญาณแห่งการเฉลิมฉลองและมรดกทางวัฒนธรรมอันเป็นเอกลักษณ์ สัญลักษณ์ของการเดินทางจากความทรงจำในอดีตสู่ความหวังในอนาคต พร้อมเนรมิตค่ำคืนดินเนอร์สุดเอ็กซ์คลูซีฟ ณ Restaurant POTONG ซึ่ง The Macallan พาทุกท่านไปสัมผัสประสบการณ์อาหารไฟน์ไดน์นิ่งสไตล์ไทย-จีน ผ่านฝีมือการรังสรรค์ความอร่อยจาก “เชฟแพม-พิชญา อุทารธรรม” ผู้รังสรรค์คอร์สเมนูพิเศษภายใต้คอนเซ็ปต์ของ ‘กาลเวลา’ กับการดึงเอารสชาติในความทรงจำของเชฟ และรูปแบบวัฒนธรรมการกินของคนไทยเชื้อสายจีนมาเป็นแรงบันดาลใจในการครีเอตแต่ละเมนู

เริ่มต้นการเดินทางของรสชาติด้วยเมนู Mission ไก่ดำตุ๋นสมุนไพรจีนในซุปน้ำใส  Detail and Memories ก๋วยจั๊บที่มาพร้อมลิ้นหมู และเสิร์ฟความหรูหราด้วยคาเวียร์ Historical Stories ไข่ปูและปูม้าเสิร์ฟคู่ขนมปังบริยอชเนื้อนุ่ม Heart and Soul มาพร้อมกุ้งจากนครศรีธรรมราช และเส้นลวดลายธงชาติไทยในรูปแบบผัดไทยสูตรพิเศษ Forgotten กับปลาบู่ที่โดดเด่นด้วยซอสเนยมะขามและมะนาว พร้อมใบกระถินทานคู่กันเสริมกลิ่นอายความเป็นไทย Bold เมนูจากเป็ดที่บ่มนาน 14 วัน ให้เนื้อสัมผัสเข้มข้น ละมุนลิ้น ทานคู่กับเมนู Spiritual น้ำพริกหนุ่มสไตล์ร่วมสมัย จากกระชายและผักโอซุ่น

ตามมาด้วยเซ็ตของหวานอย่าง Humble ไอศกรีมจากฝรั่งสด รสชาติหวานอมเปรี้ยว ต่อด้วยเมนู Happiness มะพร้าวหลากเลเยอร์สไตล์ Potong ทานคู่กับไอศกรีมมะพร้าว รสชาติหวานหอมให้ความสดชื่น และ Heritage เมนูที่สะท้อนถึงเอกลักษณ์ความเป็นไทย จากขนมถ้วยใบเตย ถั่วตัดชาไทย และมะขามสามรสที่ผสานเข้ากันอย่างลงตัว

ก่อนปิดท้ายค่ำคืนสุดพิเศษด้วยเมนู Thank You จากขนม fortune มาในธีมแห่งความโชคดี ซึ่งสอดคล้องกับธีมของ The Macallan


ART TOY

ART TOY ของเล่นที่เริ่มต้นจากยุค 90 สู่คนรุ่นใหม่ นาทีนี้ทำเงินไม่ใช่เล่นๆ

Alternative Textaccount_circle
ART TOY
ART TOY

กระแสอาร์ตทอยเข้ามาในบ้านเราราวปีที่แล้ว ยิ่งการมาถึงของ POP MART ร้านขายอาร์ตทอยที่มีสาขาในเมืองไทยหลายสาขา และยังขึ้นชื่อว่าคิวต่อแถวยาว และคดโค้งถึงขั้นต้องมีการ์ดคุม อะไรสร้างชื่อให้อาร์ตทอย และสิ่งนี้เกิดขึ้นได้ยังไง

จุดกําเนิดของอาร์ตทอยเริ่มต้นในยุค 90 จากฮ่องกง บุกเบิกโดย Michael Lau ศิลปินผู้สร้างคาแร็คเตอร์ชื่อดังอย่าง Gardener เขาสร้าง ซีรีส์โมเดลเพียง 99 ตัว และก็สร้างชื่อให้เขาตั้งแต่นั้นมา เป็นใบเบิกทางให้
ศิลปินท่านอื่น อาทิ Takashi Murakami และ Eric So ในเวลาต่อมา สิ่งที่ทําให้อาร์ตทอยต่างจากของเล่นชนิดอื่นอยู่ตรงการให้ความสําคัญ

ART TOY
Michael Lau ภาพจาก @michaellau

กับวัสดุ ช่วงแรกศิลปินจะใช้ไม้หรือเรซิน แต่เพราะผลิตได้ในจํานวนจํากัด และต้นทุนสูง จึงหันไปใช้ไวนิล ซึ่งเป็นพลาสติก PVC ที่มีน้ําหนักเบาและ สามารถผลิตได้เป็นจํานวนมากแทน ทําให้ผู้คนจับจองได้ในราคาเอื้อมถึง แต่ ถึงอย่างนั้นด้วยกระแสที่มาแรง บวกกับเทคนิคการค้าที่ผลิตในจํานวนจํากัด เพื่อสร้างมูลค่า บางชิ้นจึงพุ่งถึงหลักแสน และนี่คือข้อแตกต่างระหว่างอาร์ตทอย กับโมเดลการ์ตูนทั่วไป แม้จะไม่มีแบ็กกราวนด์หรือเรื่องเล่าของตัวเอง แต่ เพราะดีไซน์ที่น่ารัก มาในจํานวนจํากัด บวกกับชื่อเสียงของศิลปิน จึงทําให้ ครองตลาดได้ไม่ยาก

และจีนก็เป็นผู้เล็งเห็นสิ่งนี้ก่อนกาล เพราะโรงงานผลิตอาร์ตทอย สําเร็จรูปกว่า 80 เปอร์เซ็นต์อยู่ที่จีน พร้อมกับการเกิดขึ้นของ POP MART บริษัทจัดจําหน่ายอาร์ตทอยอันดับหนึ่งของโลก

เดิม POP MART ขายสินค้าป๊อปคัลเจอร์ให้กับกลุ่มวัยรุ่นทั่วไป ก่อน จะเปลี่ยนกลยุทธ์หันมาขายของเล่นเต็มตัว เพราะ Wang Ning ซีอีโอของ POP MART เห็นรายงานยอดขาย ซึ่งสิ่งที่เขาขายดีที่สุดคือของเล่น แต่จะขาย ยังไงให้ต่าง เขาจึงไปชักชวน Kenny Wong ศิลปินชาวฮ่องกงผู้สร้างสรรค์

คาแร็คเตอร์ Molly มาทําธุรกิจด้วยกัน หลังจากเปิดคอลเล็คชั่นแรก Molly สร้างยอดขายได้ราว 800 ล้านบาท บวกกับกลยุทธ์การขายที่เล่นกับจิตวิทยา ตั้งแต่ผลิตจํานวนจํากัด ขายแบบ Blindbox หรือกล่องสุ่ม (ที่คุณหวังได้ ไอเดียจากการที่เขาไปสุ่มซื้อของเล่นที่ญี่ปุ่น) ไปจนถึงการสร้างตัว “Secret” ตอบแทนแฟน ๆ ที่ซื้อยกแพ็กให้ได้ไปลุ้นกันต่อ

ไม่เพียงเท่านั้น POP MART ยังเล็งการณ์ไกล เมื่อเห็นว่าการมี Molly เพียงตัวเดียวคนอาจเบื่อ เขาจึงเริ่มคอลแล็บกับอีกหลายคาแร็คเตอร์ ไม่ว่า จะเป็น Labubu, Crybaby ไปจนถึงกลยุทธ์ต่อยอดกับบริษัทข้างนอก เช่น ดิสนีย์ ไม่ต้องแปลกใจเลยว่าทําไมแบรนด์จึงขยายตลาดได้เร็วถึง 450 สาขา ใน 30 ประเทศทั่วโลก

และยิ่งถ้าได้ฟังคอนเซ็ปต์จากคุณหวัง จะเข้าใจเลยว่าทําไมเขาถึงทํา การตลาดได้เก่งนัก “การซื้อความสุขไม่สุขเท่าซื้อความตื่นเต้น” อ่านแล้วคง เข้าใจโมเมนต์นี้ มันเกิดขึ้นขณะที่คุณกําลังแกะฝากล่องแล้วลุ้นว่าตัวเองจะได้
ตัวซีเคร็ตหรือเปล่า

เล่นกับใจคนเก่งขนาดนี้ ทําให้ปีที่แล้ว POP MART เติบโตราว 2.81 พันล้านหยวน หรือประมาณ 1.4 หมื่นล้านบาท ถ้ามองตลาดอาร์ตทอยใน ภาพรวม ขณะนี้มีมูลค่าอยู่ที่กว่า 3 แสนล้าน และมีการพยากรณ์ว่าในอีก 6 ปีข้างหน้าตลาดอาร์ตทอยจะพุ่งไปที่ 4 แสนล้าน โดยตลาดใหญ่สุดอยู่ที่เอเชีย

มด – นิสา ศรีคาดี เจ้าของผลงาน Crybaby เล่าให้ฟังถึงตอนที่เริ่มผลิต อาร์ตทอยว่า “หนึ่งในแพสชั่นที่มดสนใจมาตลอดก็คือการทําทอยโมเดล ตอนนั้น หยิบดินมาปั้นเป็นตัว Crybaby แล้วโพสต์ในโซเชียลของตัวเอง จนนักสะสม ชาวจีนมาเห็นและขอชื่อ นั่นเป็นจุดที่เราเริ่มปั้นขาย แล้วก็บูมทันที มีคนต่อคิว ซื้อหลักแสน กระทั่งเป็นคนไทยคนแรกที่ได้เซ็นสัญญากับ POP MART

เสน่ห์ของอาร์ตทอยคือคําว่า “อาร์ตและความน่ารัก” แม้หลายกระแสบอกว่า นี่ไม่ใช่งานศิลปะ เป็นเพียงของเล่น ซึ่งมดมีความคิดเห็นเกี่ยวกับประเด็นนี้ว่า “ปกติคนมักมองว่าศิลปะเป็นเรื่องที่เอื้อมไม่ถึง เราจึงทําให้ใกล้ตัวที่สุด ซึ่งเป้าหมายของคนที่สะสมอาร์ตทอยก็เพื่อจะได้เห็นประติมากรรมตัวเล็กด้วย”

ศิลปะที่แท้จริงอาจไม่ต้องสูงค่า แค่ใกล้ใจและจับต้องได้

ภาพจาก : popmartglobal

ข้อมูลจาก นิตยสารแพรว ฉบับ 1013 เดือนธันวาคม 2568

นายกอุ๊งอิ๊งค์

ผ้าไทยไม่จำกัดกรอบ ดีไซน์ตีนซิ่นจากชุดนายกอุ๊งอิ๊งค์ โดย จารุต ภิญโญกีรติ

account_circle
นายกอุ๊งอิ๊งค์
นายกอุ๊งอิ๊งค์

เมื่อไม่นานมานี้มีกระแสที่พูดถึงในวงกว้างเกี่ยวกับชุดผ้าไทยของ นายกอุ๊งอิ๊งค์ – แพทองธาร ชินวัตร ที่ถูกตั้งข้อสังเกตว่าชุดของเธอนั้น เหตุใด เชิงผ้าหรือตีนซิ่น ของผ้าไหมนั้นลายถึงถูกยกขึ้นมาด้านบน หลายคนมองแล้วแปลกตา และตั้งคำถามว่าถูกต้องหรือไม่ ซึ่งคุณจารุต ภิญโญกีรติ เจ้าของห้องเสื้อเพชร ซึ่งปัจจุบันเป็นอาจารย์พิเศษ คณะศิลปะกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรต ประสานมิตร และอดีตอาจารย์พิเศษ มหาวิทยาลัยราชมงคลธัญญบุรี และมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต  รวมถึงเป็นผู้ทรงคุณวุฒิในการร่างหลักสูตรการเรียนการสอน สาขาวิชาคหกรรมศาสตร์ ด้านผ้าและเครื่องแต่งกายในระดับปวช.และปวส. กรมอาชีวศึกษา ได้ให้สัมภาษณ์กับแพรวถึงในเรื่องนี้ว่า

IG : @ingshin.forever

คุณอุ๊งอิ๊งค์ท่านเป็นลูกค้าของทางร้านอยู่แล้วครับ เวลาเธอเลือกชุด มักจะต้องเห็นภาพก่อนเสมอว่าชุดใส่ออกมาแล้วจะเป็นอย่างไร ตัดออกมาแล้วต้องตรงตามแบบที่เลือก อย่างชุดผ้าไทยที่ท่านใส่ในช่วงปีใหม่นั้นก็เป็นชุดที่ตัดจากผ้ายกดอกลำพูน เป็นดีไซน์ที่ทางร้านมีไว้อยู่แล้วครับ ซึ่งท่านก็จะแจ้งมาเลยว่าอยากได้สีอ่อน  เรามีหน้าที่ตัดให้ตรงตามที่คุณอุ๊งอิ๊งค์ต้องการ พร้อมกับดูให้เหมาะสม เข้ากับสรีระ อย่างรูปร่างของคุณอุ๊งอิ๊งจะมีปัญหาในเรื่องของกระดูกช่วงสะโพกที่ดูยกสูงทำให้ช่วงตัวด้านบนดูสั้น ดังนั้นเราในฐานะคนตัดเสื้อผ้า เราก็ต้องแก้ไข้ปัญหาตัดชุดให้เหมาะสม เสื้อผ้าที่เราตัดก็ต้องส่งเสริมสัดส่วนให้ดูออกมาดีได้

ผมในฐานะช่างตัดเสื้อผ้า ผมมีหลักในการปฏิบัติในการทำงานคือเราจะตามใจลูกค้าทุกคน ไม่ทำงานตามใจตัวเอง โดยจะทำตามใจลูกค้า 70 % อีก 30 % เราก็ต้องยังคงเอกลักษณ์ และตัวตนของเราไว้ ส่วนในการตกแต่งรายละเอียดหรือดีเทลบนตัวเสื้อผ้าผมก็จะใส่เต็มที่ครับ

สำหรับการเลือกใช้เชิงผ้าหรือตีนซิ่นที่ถูกพูดถึง ผมมี 3 เหตุผลหลัก ๆ เลยคือ หนึ่ง ผมมองว่าตีนซิ่น ในที่นี้ขอยกตัวอย่างเป็น ผ้ายกดอกลำพูนนะครับ  ตีนซิ่นของผ้ายกลำพูนเป็นส่วนที่ดูสวยที่สุดและโดนเด่นขององค์ประกอบผ้า โดยปกติในการนุ่งผ้าไทยตีนซิ่นจะอยู่ในส่วนของชายผ้า ในการถ่ายรูปบ้างครั้งก็จะไม่ได้เห็นในส่วนสวยที่สุด เราเลยมีแนวคิดที่อยากจะโชว์ส่วนที่เด่นและสวยที่สุดของผ้าไว้ด้านบน

สอง ในปัจจุบันนี้ ผ้ายกดอกลำพูนมีการทอลายผ้าตีนซิ่นมีขนาดที่สูงและกว้างขึ้นประมาณ 50 – 60 เซนติเมตรซึ่งมันเป็นสัดส่วนที่สูงมาก ซึ่งโดยปกติสัดส่วนของผู้หญิงทั่วไปวัดจากเอวถึงพื้น ส่วนใหญ่จะอยู่ที่ 90 – 100 เซนติเมตร ซึ่งลายผ้าจะกลายเป็นครึ่งนึงของความยาวขา เวลาที่เรานำมาตัดเป็นชุด ผ้าที่มีลายตีนซิ่นที่สูง จะทำให้ผู้หญิงดูสั้น เตี้ย จึงเกิดการนำมาประยุกต์ให้ลวดลายตีนซิ่นมาอยู่ข้างบนแทนเพื่อที่จะส่งเสริมให้สัดส่วนผู้หญิงดูตัวสูง สง่ามากยิ่งขึ้น

เหตุผลสุดท้าย ผมอยากให้คนที่มีสายอาชีพเดียวกันกับผมหรือคนอื่น ๆ ก็ตาม ในการที่เรานำลวดลายตีนซิ่นมาใช้ในอีกรูปแบบนึง จะได้เป็นอีกหนึ่งแนวความคิดและทางเลือกในการในการตัดเสื้อผ้า เพื่อที่จะได้อุดหนุนและสร้างกระแสให้คนหันมาสนใจผ้าไทยเพิ่มมากยิ่งขึ้น

เนื่องจากประสบการณ์การเป็นครูที่สอนมาเกือบ 20 กว่าปี ผมจึงมีแนวคิดที่อยากให้คนปฏิบัติตามและทำต่อเพื่อให้สายอาชีพในการตัดเสื้อยังคงอยู่ และอีกหนึ่งอาชีพในการทอผ้าก็ยังคงดำเนินต่อได้ ต้องบอกก่อนเลยว่าปัจจุบันประเทศไทยไม่ได้นุ่งซิ่นออกไปใช้ชีวิตประจำวัน เราจึงเกิดแนวความคิดว่าเราจะทำอย่างไรเพื่อที่จะให้อาชีพทอผ้า รักษาสืบทอดอาชีพนี้ยังคงอยู่ และสามารถกลายเป็นอีกหนึ่งอาชีพที่ยั่งยืนได้อีกด้วย ในฐานะอาชีพช่างตัดเสื้อเป็นอาชีพปลายน้ำ เรามีหน้าที่ ที่จะรังสรรค์ผลงานให้เป็นที่พึ่งพอใจกับลูกค้าของเรา

ส่วนในเรื่องของคำวิจารณ์ ติชม ทุก ๆ ความคิดเห็นส่วนตัวผมน้อมรับเสมอ แต่คุณค่าของงานมันขึ้นอยู่กับว่าผมทำงานผลงานชิ้นนี้ว่ามีการผลิตรูปแบบนี้ซ้ำเพิ่มขึ้นหรือไม่ ต้องบอกว่ารูปแบบงานดีไซน์รูปแบบนี้มีการสั่งผลิตซ้ำเพิ่มขึ้นมาก ท่านนายกอุ๊งอิ๊งค์ – แพทองธาร ชินวัตร ไม่ใช่คนที่สวมใส่ชุดในรูปแบบนี้คนแรก เป็นอีกหนึ่งสิ่งในความน่ารักของท่านคือ ท่านไม่สนใจว่าจะสวมใส่เสื้อผ้าในรูปแบบที่ซ้ำกับคนอื่นหรือเปล่า อีกทั่งท่านก็ไม่ได้สั่งตัดเสื้อผ้าที่ร้านผมร้านเดียว ท่านยังสั่งตัดในอีกหลาย ๆ ร้านทำให้เกิดการกระแสรายได้และกระจายรูปแบบในการหยิบยกผ้าไทยมาใช้ในแบบต่าง ๆ อีกด้วย เป็นอีกหนึ่งสิ่งที่ทำให้คนหันมาสนใจเพิ่มมากยิ่งขึ้นครับ


keyboard_arrow_up