เรียบหรูด้วยผ้าไหมไทยทอมือ เผยดีเทลเดรสเพื่อนเจ้าสาว ‘แต้ว ณฐพร’ จาก Pyvet:

Alternative Textaccount_circle

เดรสเพื่อนเจ้าสาวของ’แต้ว ณฐพร‘ รังสรรค์ขึ้นจากผ้าไหมไทยทอมือจากแบรนด์ Pyvet:

แม้ความชื่นมื่นจะผ่านมาสักระยะแล้วกับงานแต่งงานของ ‘แต้ว ณฐพร’ และ ‘ณัย – ประณัย พรประภา’ แต่ความประทับใจยังคงมีต่อ พร้อมกับอินสไปเรชั่นที่รอส่งต่อให้ว่าที่เจ้าสาวคนถัดไปได้นำไปปรับใช้ในงานแต่งงานของตัวเอง อย่างเช่น ชุดเพื่อนเจ้าสาว ที่ครั้งนี้แต้วเลือกใช้เป็นผ้าไหมไทยทอมือ และออกแบบดีไซน์โดย Pyvet: (@pyvet.studio) ใครที่กำลังมองหาไอเดียชุดจากผ้าไทย ห้ามพลาดค่ะ

เริ่มต้นด้วยการเลือกโทนสีของผ้าไหมไทยทอมือ ที่งานใช้เป็นสี ‘ชมพูม่วง’ ตามธีมงานของเจ้าสาวซึ่งได้แรงบันดาลใจจาก #PicnicwithMonet จากนั้น Pyvet: จึงเริ่มออกแบบเดรสแต่ละดีไซน์ให้เข้ากับเอกลักษณ์ของแต่ละคน และเน้นความงามที่ลงตัวระหว่างฝีมือไทยและสไตล์ร่วมสมัยเป็นหลัก ทำให้เห็นว่าผ้าไทยที่เราคุ้นชินไม่จำเป็นต้องใช้แพทเทิร์นการตัดเย็บเหมือนเช่นก่อนเสมอไป แต่สามารถเติมความโมเดิร์นให้ทันสมัยมากขึ้นได้

เริ่มต้นด้วย ‘แมท ภีรนีน์’ และ ‘เต้ย จรินทร์พร’ ที่สไตล์แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง แมทมาในเดรสดีไซน์แขนกุดผ่าข้าง เพิ่มวอลลุ่มของชุดด้วยเทคนิคจับจีบบริเวณขาซ้าย ให้ความรู้สึกที่ดูเป็นผู้ใหญ่มากกว่าเมื่อเทียบกับลุคของเต้ยที่มาในดีไซน์สุดคิวต์ของเสื้อสายเดี่ยวผ่ากลางระหว่างอก พร้อมชายเสื้อที่ลากยาวจนถึงพื้นจับคู่กับกระโปรงยาวเข้าเซ็ต

ส่วน ‘มิ้นต์ ชาลิดา’ มาในเดรสแขนกุดเข้ารูปบริเวณช่วงเอว และเพิ่มความโดดเด่นด้วยผ้าคลุมไหล่อีกหนึ่งผืน ขณะที่ ‘มาร์กี้ ราศรี’ มองเผินๆ อาจดูว่าชุดคล้ายกัน แต่ความจริงแล้วดีเทลชุดนี้ซ่อนอยู่ข้างหลังกับดีไซน์ Cut-Out และเครปสั้นที่เมื่อรวมกับผมสั้นของเธอแล้วจึงเข้ากันลงตัวพอดี

สุดท้าย ‘มิว นิษฐา’ และ ‘กุ๊บกิ๊บ สุมณทิพย์’ ในเดรสยาวตกแต่งเครปด้านหลังเหมือนกัน แต่ต่างกันที่ท่อนบนของกุ๊บกิ๊บมาในดีไซน์แขนกุด เพิ่มความน่ารักสดใสด้วยโบตามคาแร็คเตอร์ ส่วนมิวท่อนบนเป็นเกาะอกระบายที่เผยให้เห็นช่วงไหล่ที่เป็นจุดเด่นของเธอนั่นเอง เรียกว่าแต่ละชุดรังสรรค์มเป็นอย่างดีเพื่อให้เข้ากับบุคลิกของแต่ละคนจริงๆ


ภาพและข้อมูล: Pyvet:

CHANEL 25

Dua Lipa ขึ้นแคมเปญใหม่ CHANEL 25 กระเป๋าที่สะท้อนพลังแห่งสไตล์และเสรีภาพ

account_circle
CHANEL 25
CHANEL 25

Dua Lipa ศิลปินแห่งยุค นักร้องและนักแต่งเพลง ขึ้นแคมเปญใหม่ในฐานะ พรีเซนเตอร์กระเป๋ารุ่นล่าสุดของแบรนด์ CHANEL 25

แคมเปญนี้กำกับโดย Gordon von Steiner ผู้กำกับที่เคยเข้าชิงรางวัลแกรมมี่ มิวสิกวิดีโอนี้เผยให้เห็นอิริยาบถของ Dua Lipa ในมหานครนิวยอร์ก ท่ามกลางความเร่งรีบของแมนฮัตตันและบรรยากาศเบื้องหลังสตูดิโอถ่ายภาพ โดยศิลปินสาวร้องคลอไปกับบทเพลง “She Drives Me Crazy” ของ Fine Young Cannibals ขณะที่ภาพถ่ายนั้นมาจากฝีมือของ David Sims

“ฉันรักเพลงนี้มาก มันเป็นเหมือนสัญลักษณ์ของยุค ‘90s ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่ฉันเกิดมา ฉันมักจะหันกลับไปหาแรงบันดาลใจจากยุคนั้นเสมอ ไม่ว่าจะเป็นแฟชั่น ดนตรี หรือภาพยนตร์ มันเต็มไปด้วยเสน่ห์และพลังแห่งการแสดงออกอย่างเสรี เพลงนี้จึงเหมาะกับบรรยากาศของแคมเปญนี้มาก มันช่วยให้ฉันปลดปล่อยอารมณ์แบบสนุก ดิบ และขบถออกมาได้เต็มที่ ซึ่งนิวยอร์กก็เป็นสถานที่ที่เข้ากับอารมณ์ ‘เดินอย่างมั่นใจ’ ได้อย่างสมบูรณ์แบบ”

ดีไซน์ของ กระเป๋า CHANEL 25 เต็มไปด้วยเอกลักษณ์ของแบรนด์ ไม่ว่าจะเป็นลวดลายควิลต์ สายโซ่สอดหนัง และช่องเก็บของหลากหลาย ถูกตีความใหม่ให้ทันสมัยและใช้งานได้จริงยิ่งขึ้น กระเป๋ารุ่นนี้มีให้เลือกถึงสามขนาด รองรับไลฟ์สไตล์ของผู้หญิงที่ใช้ชีวิตอย่างเร่งรีบ คล่องตัว และเต็มเปี่ยมไปด้วยพลัง

Dua Lipa เผยความประทับใจว่า “ฉันหลงรักกระเป๋าใบนี้มาก! มันเหมาะกับฉันสุดๆ เพราะฉันเป็นคนที่เดินทาตลอดเวลา และชอบพกของทุกอย่างไปด้วย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ช่องเก็บของที่ออกแบบมาอย่างดี ฉันสามารถใส่หนังสือ แว่นกันแดด สมุดโน้ต หรือแม้แต่คริสตัลที่ฉันพกติดตัวเสมอ มันคือกระเป๋าที่สมบูรณ์แบบสำหรับทุกวันจริงๆ”

เธอยังเสริมอีกด้วยว่า “สำหรับฉัน แคมเปญนี้สะท้อนถึงอิสรภาพในการเคลื่อนไหว การแสดงออก และการใช้พลังงานอย่างเต็มที่ มันทรงพลัง ขี้เล่น และเปี่ยมไปด้วยความสุข ซึ่งเป็นสิ่งที่ฉันรู้สึกเชื่อมโยงได้อย่างลึกซึ้ง”


เป๊ปซี่โค ประเทศไทย คว้ารางวัล “นายจ้างดีเด่นแห่งประเทศไทย” 5 ปีซ้อน

account_circle

งานประกาศผลรางวัลนายจ้างดีเด่นระดับโลกประจำปี 2568 (2025 Top Employers) ประกาศผลให้ เป๊ปซี่โค เป็นนายจ้างดีเด่นต่อเนื่องเป็นปีที่ 5 จากสถาบัน Top Employer Institute รางวัลนี้แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นในการสร้างสรรค์สภาพแวดล้อมการทำงานที่ดี ซึ่งเห็นได้จากนโยบายด้านทรัพยากรบุคคลและแนวทางการปฏิบัติงานที่ยอดเยี่ยมของบริษัทฯ

การจัดอันดับของสถาบัน Top Employers Institute พิจารณาจากองค์กรที่เข้าร่วมและตัดสินรางวัลจากผลการสำรวจแนวทางปฏิบัติงานที่ดีที่สุดด้านทรัพยากรบุคคล (HR Best Practices Survey) ซึ่งครอบคลุมหลักเกณฑ์ด้านทรัพยากรบุคคล 6 ด้านรวม 20 หัวข้อ เช่น กลยุทธ์ด้านบุคคล สภาพแวดล้อมการทำงาน การสรรหาบุคลากร การเรียนรู้ ความหลากหลาย ความเท่าเทียมและการผสานความแตกต่างของกลุ่มคน สวัสดิการ และอื่นๆ

โดยงานประกาศรางวัลครั้งนี้จัดขึ้นเพื่อยกย่องและมอบรางวัลให้แก่นายจ้างดีเด่นกว่า 2,400 รายใน 125 ประเทศ/ภูมิภาคทั่วทั้ง 5 ทวีป


โอจินแทก

ทำความรู้จัก โอจินแทก อดีตหนุ่มหล่อเคราเซ็กซี่ จาก Single Inferno

Alternative Textaccount_circle
โอจินแทก
โอจินแทก

แหวกกระแสดราม่า Single Inferno…โอน้อยออก ใครโสดตกนรก ซีซัน 4 ที่กำลังร้อนฉ่า มาโฟกัสข่าวของอดีตหนุ่มๆ ในรายนี้กันบ้าง เพราะล่าสุดกลายเป็นที่พูดถึงในโลกออนไลน์อย่างร้อนแรง สำหรับสไตล์ที่เปลี่ยนไปจนแทบจนไม่ได้ของ “โอจินแทก” (Oh Jin Taek) อดีตหนุ่มหล่อเคราเซ็กซี่ กล้ามแน่น ผิวแทน จาก Single Inferno…โอน้อยออก ใครโสดตกนรก ซีซัน 1 ที่ได้เปลี่ยนลุคกลายเป็นหนุ่มหน้าใสสไตล์พระเอก ทำเอาแฟนๆ อึ้งกันไปเลย

สำหรับ Oh Jin Taek เข้าร่วมรายการภายใต้ภาพลักษณ์ที่โดดเด่น  ชายหนุ่มที่สวมสูทที่ตัดเย็บอย่างประณีตและสมบูรณ์แบบอยู่เสมอ แม้จะติดอยู่บนเกาะ แต่แม้จะเป็นอย่างนั้นแต่เขากลับเป็นเข้ากับคนง่าย ช่างพูดช่างจา รู้วิธีที่จะเอาใจผู้หญิง ทำให้สาวๆ ในรายการต่างตกหลุมรักหนุ่มคนนี้

อย่างไรก็ตามนอกจอ Oh Jin Taek เป็นหนุ่มเจ้าของธุรกิจ ร้านตัดสูทสุดหรู Ascottage Korea ซึ่งเขาได้เริ่มต้นสร้างแบรนด์มาตั้งแต่อายุ 22 ปี ภายใต้แรงบันดาลใจจากสไตล์คลาสสิกเหนือกาลเวลาของเครื่องแต่งกายบุรุษของอังกฤษ

ความชื่นชอบในชุดสูทสั่งตัดไม่เพียงเป็นความชอบส่วนบุคคลเท่านั้น แต่ความหลงใหลนี้ยังต้องการตัดเย็บชุดสูทด้วยมือให้เหมาะกับผู้อื่นอย่างสมบูรณ์แบบอีกด้วย เมื่อถูกถามว่าอะไรเป็นแรงบันดาลใจให้เขาก่อตั้ง Ascottage หนุ่มคนดังกล่าวว่า “การตัดเย็บชุดสูทให้ผู้อื่นทำให้เขามีความสุข”

You’re Cordially Invited

รีส วิเธอร์สปูน และ วิล เฟอร์เรล คู่ขวัญจาก You’re Cordially Invited

Alternative Textaccount_circle
You’re Cordially Invited
You’re Cordially Invited

You’re Cordially Invited (รักแสบซ่า วิวาห์อลเวง) เป็นเรื่องราวของ

หญิงสาวที่กำลังวางแผนงานแต่งงานสุดเพอร์เฟกต์ให้กับน้องสาวของเธอ เผชิญกับความโกลาหลเมื่อพบว่ารีสอร์ตบนเกาะนอกชายฝั่งจอร์เจียที่จองไว้สำหรับจัดงานแต่ง ถูกจองซ้ำกับพ่อของเจ้าสาวอีกคนที่กำลังจะแต่งงานเช่นกัน! เมื่อทั้งสองฝ่ายตัดสินใจใช้สถานที่ร่วมกัน ความวุ่นวายจึงบังเกิด และหายนะกำลังรออยู่ข้างหน้า

ภาพยนตร์ You’re Cordially Invited อัดแน่นไปด้วยองค์ประกอบที่เราคุ้นเคยจากงานแต่งงาน — การกล่าวอวยพรที่ดูขัดเขิน, เพื่อนเจ้าสาวที่เมาได้ที่ และบรรยากาศของความรักที่เปี่ยมล้น แต่เมื่ออารมณ์เริ่มร้อนแรง ความป่วนฮาก็ตามมาแบบไม่ทันตั้งตัว — ทั้งจระเข้ที่ไม่ได้รับเชิญ ม้าลายเต้นระบำ และหายนะครั้งใหญ่ที่ท่าเรือ แต่นอกเหนือจากความสนุกสนานและเสียงหัวเราะ ภาพยนตร์เรื่องนี้ยังสะท้อนถึงประเด็นที่ลึกซึ้งและเป็นสากล ตั้งแต่ความซับซ้อนของความสัมพันธ์ในครอบครัว ไปจนถึงบทเรียนของการปล่อยวาง และการเปิดโอกาสให้คนที่เรารักได้เติบโตและเลือกเส้นทางของตัวเอง ภาพยนตร์เรื่องนี้ยังแสดงให้เราได้เห็นถึงทั้งความท้าทายและความสุขที่มาพร้อมกับการเปลี่ยนแปลง ความผูกพันในครอบครัว และการเติบโตของตัวเราเอง ทั้งหมดนี้ถูกถ่ายทอดออกมาในรูปแบบของหนังโรแมนติกคอเมดี้ที่ทั้งวุ่นวาย ตลก และอบอุ่นหัวใจ

Prime Video ภูมิใจนำเสนอ You’re Cordially Invited ภาพยนตร์โรแมนติกคอเมดี้ที่จะพาไปสำรวจความสัมพันธ์ในครอบครัว การเรียนรู้ที่จะปล่อยวาง และเสน่ห์ของการตกหลุมรัก พร้อมกับบทเรียนสำคัญที่ว่า… เช่นเดียวกับเคล็ดลับชีวิตแต่งงานที่ประสบความสำเร็จ การประนีประนอมเล็ก ๆ น้อย ๆ และเสียงหัวเราะที่มากพอ อาจช่วยให้ทุกอย่างลงตัวกว่าที่คิด

บทสัมภาษณ์ รีส วิเธอร์สปูน และ วิล เฟอร์เรล คู่ขวัญจาก You’re Cordially Invited

You’re Cordially Invited

รู้สึกไหมว่าเราเคยมีหนังรอมคอม (โรแมนติก-คอเมดี้) ดีๆ ออกมาเยอะมากในยุค 90 แต่ช่วงหลายปีมานี้ดูเหมือนว่าวงการหนังค่อนข้างจะขาดแคลนหนังรอมคอมมาก

รีส วิเธอร์สปูน : ฉันเห็นด้วยนะคะ มีหลายคนมากที่มักจะคิดถึงหนังรอมคอมเก่าๆ แล้วก็กลับไปเปิดดูเรื่อยๆ ฉันมักจะเจอผู้หญิงที่อายุน้อยกว่าเข้ามาทักแล้วบอกว่า “ฉันชอบคุณตอนแสดงในเรื่องนั้นมาก” และพวกเธอก็พูดถึงชื่อหนังไม่ซ้ำกันเลย เพราะสมัยก่อนฉันเล่นหนังรอมคอมเยอะมากๆ

วิล เฟอร์เรล : อ๋อใช่ มีเรื่องนึงชื่อ Sweet อะไรนะ

รีส วิเธอร์สปูน : Sweet Home Alabama ค่ะ แล้วก็มีอีกเรื่องชื่อ Just Like Heaven ยุคนั้นฉันงานชุกมาก แต่ก็เป็นช่วงเวลาที่สนุกดีค่ะ

เป็นเรื่องน่าเหลือเชื่อเหมือนกันที่พวกคุณไม่เคยทำงานด้วยกันมาก่อนเลย

รีส วิเธอร์สปูน : จริงค่ะ รู้สึกโชคดีมากเลยที่ในที่สุดเราก็ได้มาร่วมทีมกันซักที ตอนที่ Nicholas Stoller (ผู้เขียนบทและผู้กำกับ) โทรมา เขาบอกฉันประมาณว่า “คือผมแค่อยากคุยกับคุณเพราะว่าผมกำลังทำหนังเรื่องนึงกับ Will Ferrell” ฉันรีบพูดเลยว่า “ตกลงค่ะ!” แล้วเขาก็ถามว่า “คุณไม่อยากฟังก่อนเหรอว่าพล็อตเรื่องเป็นยังไง” ฉันบอกเขาว่า “ไม่ค่ะ ฉันตกลง ฉันเอาด้วย”

วิล เฟอร์เรล : (หัวเราะ) ตอนที่ Nicholas พูดชื่อ Reese ขึ้นมา ผมก็คิดเหมือนกันว่า “ต้องเป็นเธอนี่แหละ โอเคเลย ตกลง มารอดูกันว่าเธอจะว่ายังไงบ้าง”

รีส วิเธอร์สปูน : แล้วลูกชายของเราก็เคยเจอกันมาก่อนในงานปาร์ตี้ด้วยค่ะ ลูกมาบอกฉันว่า (ทำเสียงต่ำๆ นิ่งๆ) “ผมเจอ Will Ferrell ด้วย เขาเจ๋งสุดๆ”  ฉันอยากจะบ้าตายเวลาเขาพูดกับฉันแบบนั้น ลูกคุณพูดยังไงนะ

วิล เฟอร์เรล : (ทำเสียงต่ำเลียนแบบ) “แบบเดียวกันเป๊ะเลย”

รีส วิเธอร์สปูน : (ทำเสียงต่ำ) “เขาชิลสุดๆ แม่น่าจะเล่นหนังกับเขานะ”

หนึ่งในสิ่งที่เราเห็นได้ชัดตอนที่ได้ดูหนังเรื่องนี้คือ พวกคุณสองคนมีความเจนจัดมากในศาสตร์ด้านคอเมดี้แนวเซอร์เรียล (surrealist comedy) พวกคุณสามารถสร้างตัวละครให้ไปสุดทางกว่าขีดจำกัดเดิม สิ่งที่เราชอบมากเกี่ยวกับหนังเรื่องนี้คือพล็อตเรื่องที่มีความบ้า แต่ในขณะเดียวกันก็มีความกินใจและความเป็นมนุษย์อยู่ในนั้น พวกคุณประทับใจอะไรบ้างในการแสดงครั้งนี้ ที่ต้องบาลานซ์ส่วนผสมทั้งสองอย่างให้ลงตัว และได้ทำอะไรบ้าๆ ไปด้วย

รีส วิเธอร์สปูน : พระเจ้า เราโชคดีจริงๆ เนอะที่ได้แสดงเป็นตัวละครบ้าๆ สองตัวนี้

วิล เฟอร์เรล : ขอบคุณสำหรับคำชมนะครับ ผมคิดว่าสิ่งที่สนุกมากในหนังเรื่องนี้คือ Nicholas Stoller ซึ่งเป็นหนึ่งในคนที่ขึ้นชื่อเรื่องความตลกและมีผลงานมากมายที่ไม่มีใครปฏิเสธได้ เรารู้เลยว่ามันจะต้องมีอะไรฮาๆ ในฉากสำคัญ เราไม่สงสัยเลยว่ามันจะตลกไหม แต่ที่ยิ่งไปกว่านั้นความลึกของตัวละคร…ไม่รู้ว่าเขาพูดกับผมแบบเดียวกันไหมแต่ผมจำได้ว่าเขาพูดกับผมหลังจากตัดฟุตเทจทั้งหมดแล้ว เขาบอกผมว่า “มันเป็นหนังที่น่ารักกว่าที่คิดนะ จริงอยู่ว่ามันมีหลายฉากที่ฮาสุดๆ แต่ก็เป็นหนังที่น่ารักมากๆ ด้วย” และผมเองก็เซอร์ไพรส์นิดหน่อยเหมือนกันที่พล็อตเรื่องมันไปลงเอยถึงจุดนั้นได้ มันดีมากเลยที่หนังเรื่องนี้มีทั้งสองอย่าง การที่ผู้ชมได้แตะเบรกซักหน่อย และได้พบว่าเรื่องราวของรีสกับเรื่องราวของผมดันหลอมรวมกัน ออกมาเป็นอะไรที่ค่อนข้างจะกินใจโดยที่คุณไม่ได้คาดคิดมาก่อน…แล้วหลังจากนั้นเราก็กลับมาวิ่งวุ่น พังเค้กงานแต่ง ปล้ำกับจระเข้ และทำไฟไหม้ผมของ Geraldine Viswanathan อะไรแบบนั้น (หัวเราะ)

หนึ่งในสิ่งที่โดดเด่นในหนังเรื่องนี้คือ กลุ่มนักแสดงที่มาถ่ายทอดเรื่องราวความสัมพันธ์ในครอบครัว คนดูจะได้รู้จักกับสมาชิกจากทั้งสองครอบครัวที่ต้องมาจัดงานแต่งพร้อมกันในวันเดียวกัน พวกคุณรู้สึกยังไงบ้างกับการทำงานกับทีมนักแสดงในหนังเรื่องนี้

รีส วิเธอร์สปูน : การได้ร่วมงานกับ Rory Scovel, Leanne Morgan, Meredith Hagner และ Celia Weston ในฐานะคนในครอบครัวของฉัน เป็นประสบการณ์ที่สนุกมากค่ะ เพราะว่าบรรยากาศในเรื่องคือเราเข้ากันไม่ค่อยได้เท่าไร เรามีความคิดเรื่องชีวิตและการแต่งงานที่ต่างกัน แต่เมื่อเกิดเรื่องไม่ดีขึ้นมา พี่น้องทั้งหมดกลับมาผนึกกำลังกัน แล้วก็โจมตีครอบครัวของวิลซะงั้น (หัวเราะ) ฉันคิดว่ามันจริงมากเลย เพราะคนเราถึงจะมีทัศนคติกันคนละขั้ว แต่ถ้ามีใครมาทำอะไรคนในครอบครัวเมื่อไร คุณจะพร้อมลุยเละ เรียกว่าแทบจะถูกสัญชาตญาณดิบครอบงำเลย

วิล เฟอร์เรล : และแม้ว่ามันจะตลกและน่าช็อกขนาดไหน แต่ครอบครัวของเธอกลับดูเหมือนครอบครัวในชีวิตจริงมากๆ ครับ ซึ่งนั่นต้องยกเครดิตให้ทีมนักแสดงที่ยอดเยี่ยมทุกๆ คน เพราะคิดดูว่าการที่นักแสดงที่ออกมาเป็นกลุ่มใหญ่ แล้วทุกคนยังมีช่วงเวลาที่ได้ฉายแสงในแบบของตัวเอง มันเป็นอะไรที่เกิดขึ้นได้ยากมาก แต่เราโชคดีที่เรามีทีมนักแสดงที่แข็งแรงมากจริงๆ

้องใส่ใจ! ทริคดูแลผิวเบื้องต้น หากมีผื่นคันขึ้นหลัง ฝุ่น PM 2.5 รุกหนัก

เลี่ยงไม่ได้ก็ต้องใส่ใจ! ทริคดูแลผิวเบื้องต้น หากมีผื่นคันขึ้นหลัง ฝุ่น PM 2.5 รุกหนัก

Alternative Textaccount_circle
้องใส่ใจ! ทริคดูแลผิวเบื้องต้น หากมีผื่นคันขึ้นหลัง ฝุ่น PM 2.5 รุกหนัก
้องใส่ใจ! ทริคดูแลผิวเบื้องต้น หากมีผื่นคันขึ้นหลัง ฝุ่น PM 2.5 รุกหนัก

อย่างที่หลายคนรู้ว่า ฝุ่น PM 2.5 เป็นฝุ่นละอองขนาดเล็กที่มีเส้นผ่านศูนย์กลาง ไม่เกิน 2.5 ไมครอน ไม่เพียงแต่ก่อให้เกิดปัญหาต่อระบบทางเดินหายใจและระบบหัวใจและหลอดเลือดเท่านั้น แต่ยังส่งผลกระทบต่อสุขภาพผิวหนังเช่นกัน ทั้งก่อให้เกิดการอักเสบ ผื่นคัน และทำให้โรคผิวหนังที่มีอยู่เดิมกำเริบมากขึ้น การดูแลและปกป้องตนเองไม่ให้สัมผัสกับฝุ่นจึงเป็นสิ่งสำคัญมาก เพื่อลดความเสี่ยงในการเกิดโรคต่างๆ ที่ส่งผลกระทบต่อร่างกาย

ผิวหนังเป็นอวัยวะหลักที่ต้องเผชิญกับสิ่งแวดล้อมและมลภาวะต่างๆ ตลอดเวลา ดังนั้น จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่ฝุ่นละอองดังกล่าวจะส่งผลต่อผิวหนังด้วย ข้อมูลจากงานวิจัยพบว่า ฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 2.5 สามารถเข้าสู่ผิวหนังผ่านทางรูเปิดของผมหรือขนได้โดยตรง หรือสามารถเข้าสู่ผิวหนังที่อยู่ในภาวะไม่ปกติ (barrier-disrupted skin) เช่น ผิวหนังที่เป็นโรคภูมิแพ้ (atopic dermatitis) นอกจากนี้ PM 2.5 สามารถจับตัวกับสารเคมีและโลหะต่างๆ นำพาเข้าสู่ผิวหนัง มีผลทำร้ายเซลล์ผิวหนังโดยตรง และทำให้การทำงานของ เซลล์ผิวหนังผิดปกติ ทั้งในด้านกลไกการป้องกันของผิวหนังจากสิ่งแวดล้อมภายนอกและการซ่อมแซมผิวหนัง กระตุ้นให้เกิดกระบวนการอักเสบของเซลล์ผิวหนัง

การสัมผัสกับฝุ่นต่อเนื่องเป็นเวลานาน เป็นปัจจัยหนึ่งที่ทำให้ผิวเสื่อมชราได้เร็วขึ้น นอกเหนือจากปัจจัยทางแสงแดดและการสูบบุหรี่ ทำให้เกิดจุดด่างดำเพิ่มมากขึ้นบริเวณใบหน้า ยังเกิดริ้วรอยบริเวณร่องแก้มมากยิ่งขึ้นด้วย เนื่องจากฝุ่น PM 2.5 มีผลกระทบต่อผิวหนังได้ทั้งระยะสั้นและระยะยาว อาจเกิดผื่นคัน ผื่นกำเริบมากขึ้นได้ โดยเฉพาะในผู้ที่มีโรคผิวหนังอยู่เดิม เช่น โรคภูมิแพ้ผิวหนังหรือโรคผื่นผิวหนังอักเสบ จะมีการระคายเคืองคันมากยิ่งขึ้น ดังนั้นการปกป้องผิวหนังให้สัมผัสกับฝุ่นดังกล่าวให้น้อยที่สุดจึงจำเป็นอย่างยิ่ง

ทริคดูแลผิวเบื้องต้น หากมีผื่นคันขึ้นหลัง ฝุ่น PM 2.5 รุกหนัก

ฝุ่น PM 2.5 ไม่เพียงแค่กระทบต่อระบบทางเดินหายใจแต่ยังเป็นภัยเงียบที่ทำร้ายผิวหนัง เนื่องจากฝุ่นละอองขนาดเล็กสามารถแทรกซึมสู่ผิว ก่อให้เกิดการอักเสบ ผื่นคัน รวมทั้งอาจกระตุ้นให้โรคผิวหนังที่มีอยู่เดิมกำเริบได้ การปกป้องผิวและหลีกเลี่ยงการสัมผัสกับ PM 2.5 ในส่วนของการดูแลรักษาเบื้องต้นกรณีมีผื่นคันหลังการสัมผัสฝุ่น PM 2.5 สามารถทำได้โดยหลีกเลี่ยงการแกะเกา การเสียดสี และการระคายเคืองต่างๆ ซึ่งเป็นสาเหตุที่ทำให้เป็นผื่นมากยิ่งขึ้น ควรใช้สบู่อ่อนๆ ในการทำความสะอาดร่างกาย ทาครีมบำรุงผิวอย่างสม่ำเสมอ หากมีอาการคันสามารถทานยาแก้แพ้ที่เป็นสารต้านฮิสตามีน เพื่อลดอาการได้ สำหรับการซื้อยาทาสเตียรอยด์เพื่อลดผื่นหรือการอักเสบของผิวหนังควรอยู่ภายใต้การกำกับดูแลของแพทย์หรือเภสัชกร อย่างไรก็ตามถ้าผื่นเป็นมากขึ้นควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อรับการรักษาที่ถูกต้องและเหมาะสม

ข้อมูล: สถาบันโรคผิวหนัง กรมการแพทย์
ภาพ : Pexels


ของขวัญ

ไอเท็มจากแบรนด์หรูระดับโลก ของขวัญ ล้ำค่าเสริมสิริมงคลและความมั่งคั่ง

Alternative Textaccount_circle
ของขวัญ
ของขวัญ

ส่องไอเท็มจจากแบรนด์หรูระดับโลก ของขวัญ ล้ำค่าเสริมสิริมงคลและความมั่งคั่ง ต้อนรับตรุษจีน 2025

ใครที่กำลังมองหาของขวัญเพื่อมอบให้กับตัวเอง หรือเลือกซื้อของขวัญมอบแด่คนที่รัก เพื่อเสริมความ
โชคดี ความรุ่งเรือง มั่งคั่ง ต้อนรับปีมะเส็ง สัญลักษณ์แห่งอำนาจ โชคลาภ และความสำเร็จ  สยามพารากอน
ตอกย้ำความเป็น Luxury Destination ได้คัดสรรไอเท็มในคอลเลคชั่นตรุษจีน 2025 จากแบรนด์หรูระดับโลก
ไม่ว่าจะเป็น เสื้อผ้า รองเท้า กระเป๋า และแอคเซสเซอรี่ เพื่อเป็นไอเดียให้ทุกคนได้เลือกช้อป พร้อมมอบความคุ้มค่าด้วยแคมเปญพิเศษในช่วงเวลานี้  

Burberry (เบอร์เบอรี่)

เฉลิมฉลองปีมะเส็งด้วยคอลเลคชั่นแคปซูล โดยร่วมมือกับ เฉียน หลีหัว ศิลปินชาวจีนชื่อดัง เพื่อเป็นการแสดงสัญลักษณ์แห่งความโชคดีและความเจริญรุ่งเรืองตามธรรมเนียมจีน   คอลเลคชั่นนี้ได้ถูกนำเสนอด้วยสีแดงเป็นหลัก  มาพร้อมกับลายตาราง Burberry Check ประจำฤดูกาลรูปแบบใหม่และลายงูรูปตัวอักษร B บนเสื้อผ้าหลากหลายรูปแบบ เช่น เสื้อคลุมตัวนอก เดรสเทรนช์ และเสื้อเจอร์ซีย์ที่สามารถใส่แยกชิ้นได้ นอกจากนี้ ยังมีเสื้อผ้าขนาดเล็ก ไม่ว่าจะเป็นแจ็กเก็ตพัฟเฟอร์และผ้าพันคอลายตารางประจำฤดูกาล รวมถึงเครื่องประดับที่เหมาะสำหรับเป็นของขวัญให้คนพิเศษ เช่น ผ้าพันคอผ้าไหมหรือผ้าแคชเมียร์ กระเป๋าสตางค์หนัง หมวก และพวงกุญแจประดับกระเป๋า เป็นต้น

Celine (เซลีน)

คอลเลคชั่นนี้สะท้อนถึงความเรียบหรูที่แฝงด้วยสไตล์และเอกลักษณ์เฉพาะตัวของ Celine ด้วยการตัดเย็บที่พิถีพิถัน หนังคุณภาพสูง และวัสดุตกแต่งที่สวยงามโดดเด่น กระเป๋า Nino มีโครงสร้างที่ผสมผสานระหว่างความสวยงามและการใช้งานได้อย่างลงตัว ในขณะที่เข็มขัดและหมวก Triomphe ช่วยเพิ่มความเก๋ไก๋ในแบบปารีเซียง สำหรับแว่นกันแดดขนาดโอเวอร์ไซส์ ซึ่งถือเป็นอีกหนึ่งเอกลักษณ์ของ Maison นั้น ออกแบบมาเพื่อผู้ที่ชื่นชอบความหรูหราแบบเรียบง่าย สำหรับผู้ที่ต้องการความหลากหลาย กระเป๋าเป้ Bonnie ที่ได้รับการออกแบบใหม่ในลาย Triomphe Canvas และหนังเนียนนุ่มในเฉดสีขาว ดำ และฟ้าอ่อน เป็นตัวเลือกที่สมบูรณ์แบบสำหรับการเดินทางในช่วงเทศกาลตรุษจีนนี้

Gucci (กุชชี่)  

เพื่อเฉลิมฉลองเทศกาลนี้ Gucci จึงเผยโฉมซีเล็กชั่นชิ้นงานที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจากรูปร่างของงูที่เลื้อยเลี้ยวเคี้ยวคดอย่างงดงาม ท่วงท่าการเลื้อยอันงามสง่าของงูปรากฏเป็นลวดลายอันโดดเด่นในสองเฉดสีสะดุดตาอย่าง Gucci Rosso Ancora สีชมพูและ Gucci Rosso Ancora สีน้ำเงิน สีสันอันหรูหราช่วยยกระดับผลงานการออกแบบพร้อมสะท้อนจิตวิญญาณของเทศกาลแห่งความสุข ภาพงูเลื้อยท่ามกลางมวลดอกไม้ของลวดลาย Flora ในตำนานกลมกลืนอย่างลงตัวบนผืนผ้าพันคอไหม  รูปทรงโค้งเว้าอันน่าหลงใหลของงูยังร้อยเรียงเข้ากับลาย GG Monogram ได้อย่างโดดเด่นบนเสื้อผ้าและแอคเซสเซอรี่ ซึ่งช่วยขับเน้นความงดงามให้กับซีเล็กชั่นและเติมเต็มความรู้สึกมหัศจรรย์น่าค้นหาให้กับสัญลักษณ์ประจำ Gucci อีกด้วย

ไฮไลต์ประจำซีเล็กชั่นนี้คือรองเท้าโลฟเฟอร์ Horsebit 1953 และรองเท้าส้นสูงแบบมีสายรัดส้น Signoria ที่รังสรรค์ขึ้นใหม่ด้วยหนังแก้ว Gucci Rosso Ancora พร้อมพื้นรองเท้าลายงู และรองเท้าผ้าใบ Gucci Re-Web ที่รังสรรค์ด้วยผ้า แคนวาส GG ดั้งเดิมสีเบจและสีดำพร้อมตกแต่งลวดลายงู เติมเต็มความเย้ายวนใจด้วยกระเป๋า Gucci Blondie หนังแก้วสีแดง Gucci Rosso Ancora ประดับด้วย Interlocking G ทรงกลมเคลือบอีนาเมล

Miu Miu (มิว มิว)

นำเสนอทั้งเสื้อสเวตเตอร์แบบโอเวอร์ไซส์ แจ็คเก็ตบลูซอน ผ้าทวีตสไตล์ preppy และลวดลายตาราง ผ้าเดนิมตกแต่งเครื่องประดับ เสื้อหนังฟอก และคอตตอนป๊อปลิน พร้อมกางเกงขาสั้น ทั้งหมดสวมใส่กับรองเท้าที่เป็นเอกลักษณ์ของแบรนด์อย่างรองเท้าบัลเล่ต์ รองเท้าโลฟเฟอร์ รองเท้าส้นเล็ก รองเท้าส้นสูง และรองเท้าสนีกเกอร์ที่ร่วมมือกันระหว่าง New Balance และ Miu Miu  เข้าชุดกับ

ถุงมือสไตล์โอเปร่าและสร้อยไข่มุกอันประณีต กระเป๋ารุ่นอคอนิกอย่าง Penny, Wander และ Arcadie
ถูกนำเสนอในรูปลักษณ์พิเศษซึ่งได้รับการจัดวางอยู่บริเวณจุดศูนย์กลาง ควบคู่กับหมวกเบสบอล แว่นตาสีชมพูกุหลาบ และที่ห้อยกระเป๋าที่ดูซุกซน รวมถึงโครเชต์ถักรูปงูที่สามารถนำมาถักเชือกถัก Chinese Knot ของตนเองได้ด้วย

 

Montblanc (มองบลองต์) มาพร้อมคอลเลคชั่นใหม่ “MST Great Master Calligraphy Solitaire Celadon” ซึ่งสอดคล้องกับเทศกาลตรุษจีนอย่างลงตัว เป็นการผสมผสานระหว่างตะวันออกและตะวันตก โดยนำงานฝีมือ อันเป็นมรดกทางวัฒนธรรมจีนมาผสมผสานกับเทคโนโลยีตะวันตกด้วยปลายปากกาโค้ง MST รุ่นล่าสุด เพื่อเป็นการยกย่องงานฝีมือจีนที่มีชื่อเสียงทั้งสองอย่าง ได้แก่ การสานไม้ไผ่และเครื่องลายครามศิลาดล สร้างความเชื่อมโยงพิเศษระหว่างการเฉลิมฉลองศิลปะการเขียนของจีนและงานฝีมือ

Loewe (โลเอเว่)

สำหรับปีงูนี้ โลเอเว่ได้ร่วมมือกับ Xiong Songtao ผู้สร้างสรรค์ผลงานเคลือบลงยารุ่นที่สามจาก Master of Chinese Arts and Crafts เพื่อสร้างผลงานเคลือบลงยาแบบจีน 2 ชุด ได้แก่ กระเป๋ารุ่น Nest อันมีรายละเอียดหัวงูและเคลือบด้วยเทคนิคการลงยาแบบจีนรูปดอกบัว รวมถึงสร้อยคอพร้อมจี้เคลือบลงยาแบบจีนที่มีลวดลายงู ลิง และก้อนเมฆอันเป็นสัญลักษณ์มงคล นอกจากนี้ การเคลือบลงยาแบบจีนนั้นยังเป็นแรงบันดาลใจให้กับเสื้อผ้า Ready to Wear รองเท้า เครื่องประดับ และกระเป๋ารุ่นพิเศษอีกด้วย กระเป๋าคลัตช์รุ่นใหม่รูปทรงก้อนเมฆและงูขด ในส่วนของกระเป๋ารุ่นไอคอนิคอย่าง Puzzle และ Pebble Bucket  ก็ตกแต่งด้วยก้อนเมฆในเอฟเฟกต์ 3 มิติและโซ่รูปงูที่ดูเหมือนเครื่องประดับ

Tiffany & Co.

เปิดตัวจี้ Tiffany Lock Ruby เพื่อเฉลิมฉลองเทศกาลตรุษจีนปี 2025 โดยจี้ Tiffany Lock Ruby ดีไซน์ใหม่โดดเด่นด้วยอัญมณีทับทิมที่ฝังด้วยมืออย่างพิถีพิถัน พร้อมถ่ายทอดดีไซน์แม่กุญแจอันเป็นเอกลักษณ์ของคอลเลกชันที่สื่อถึงความรักและการปกป้องอันยั่งยืน ผสมผสานการออกแบบที่หรูหราเข้ากับความหมายอันลึกซึ้ง เพื่อเฉลิมฉลองพลังแห่งความรักอันไม่มีที่สิ้นสุด และสื่อถึงเก็บรักษาโชคดีตลอดปีใหม่นี้  นอกจากนั้น เพื่อเฉลิมฉลองต้อนรับปีงู Tiffany & Co. ยังได้เปิดตัวดีไซน์ใหม่จากคอลเลกชัน Elsa Peretti® Snake ในรูปแบบกำไลข้อมือและแหวนตัวเรือนโรสโกลด์ โดดเด่นด้วยเส้นสายโค้งรูปงูอันสง่างาม พร้อมประดับเพชรส่วนหางอย่างเปล่งประกาย ชิ้นงานดีไซน์ใหม่นี้สะท้อนความหลงใหลในเส้นสายอันเป็นธรรมชาติ และเฉลิมฉลองครบรอบ 50 ปีที่ Elsa Peretti ร่วมรังสรรค์ชิ้นงานที่ Tiffany & Co.

ร่วมส่งมอบความสุข ความโชคดี และความมั่งคั่ง ในเทศกาลตรุษจีนด้วยของขวัญสุดพิเศษจากลักซ์ซัวรี่
แบรนด์ ณ ศูนย์การค้าสยามพารากอน พร้อมรับความคุ้มค่ากับแคมเปญ “Siam Paragon The Prosperity of Luxe 2025”  ช็อปแบรนด์เนมระดับโลก จากร้านค้าลักซ์ชัวรี่แฟชั่นที่ร่วมรายการ ที่ชั้น M และชั้น 1 สยามพารากอน ช็อปทุก 180,000 บาทขึ้นไป/ใบเสร็จรับ Siam Gift Card 8,000 บาท) สำหรับ Top Spender ที่มียอดซื้อสูงสุดตลอดรายการ (โดยมียอดซื้อสะสมขั้นต่ำ 8,000,000 บาทขึ้นไป) รับ BVLGARI Serpenti Tubogas Watch* มูลค่า 365,000 บาท จำนวน 1 รางวัล ติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ Facebook : SIAMPARAGON

#SiamParagon  #LuxuryDestination #SiamParagonTheProsperityofLuxe2025

น้ำหอมผู้หญิง

เปิดโพย 5 ตัวท็อป น้ำหอมผู้หญิง กลิ่นตกผู้ (ชาย) ให้ชวนหลง

Alternative Textaccount_circle
น้ำหอมผู้หญิง
น้ำหอมผู้หญิง

5 ตัวท็อป น้ำหอมผู้หญิง ต้องมี! เพราะรู้ไหมว่าแท้จริงกลิ่นน้ำหอมนั้นดึงดูดใจมากกว่าที่คิด หนุ่มมาดเซอร์อาจชอบกลิ่นหอมหวานแบบเฟมินีนจ๋า ทั้งที่อยู่บนเรือนร่างสาวๆ หรือแม้กระทั่งใช้เอง ในอีกทางกลิ่นน้ำหอมผู้หญิงแนวอบอุ่นปนเย้ายวนอย่างกลิ่นของมัสก์ก็มีฟิโรโมนที่ถึงดูดเพศชายได้ดี ตัวท็อปน้ำหอมผู้หญิงที่ทำให้หนุ่มๆ ต้องใจละลายนั้นมีกลิ่นที่หลากหลายและล้วนมีเอกลักษณ์ที่น่าสนใจ

เปิดโพย 5 ตัวท็อป น้ำหอมผู้หญิง กลิ่นตกผู้ (ชาย) ให้ชวนหลง

1. BURBERRY HER ELIXIR DE PARFUM

กลิ่นหอมเข้มข้นที่สุดในตระกูล Burberry Her ที่แม้ขวดจะสีหวาน แต่กลิ่นนั้นเซ็กซี่ยั่วยวน ราวกับคุณหนูเรียบร้อยที่แอบซ่อนความแซ่บไว้ภายใน ความหอมจากเบอร์รี่แดงและมะลิยั่วยวนชวนติดใจจนหนุ่มๆ โหวตให้เป็นกลิ่นที่อยากซื้อให้แฟน

2. TOM FORD BLACK ORCHID

Black Orchid คือกลิ่นที่โดนใจหนุ่มมีเทสต์ที่ชอบสาวเก๋ยูนีคมีสไตล์ ด้วยกลิ่นหอมแพงเข้มข้นของกล้วยไม้สีดำที่มีความทันสมัย และเครื่องเทศที่นุ่มละมุนแฝงความเซ็กซี่เต็มพิกัด

3. JO MALONE LONDON PEONY & BLUSH SUEDE

กลิ่นหอมของดอกพีโอนีที่บอบบางน่าทะนุถนอม ผสานกับความขี้เล่นของกลิ่นแอปเปิ้ลสีแดง ทำให้ Jo Malone London Peony & Blush Suede เป็นขวัญใจของหนุ่มที่ตกหลุมรักสาวแนวคุณหนู

4. GUCCI BLOOM

กลิ่นน่ารักคล้ายแป้ง หอมอ่อนๆ ของดอก Rangoon Creeper ใน Gucci Bloom เป็นกลิ่นที่หนุ่มๆ เขาเม้าท์กันว่าน่ารัก แม้จะไม่รู้ว่ามาจากอะไร ยิ่งเมื่อนำมาผสานกับกลิ่นของดอก Tuberose และ Jasmine Bud ที่มีความเป็นธรรมชาติสูง ยิ่งทำให้กลิ่นนี้มีเสน่ห์น่าจดจำ

5. PRADA CANDY

น้ำหอมในสเป็คของหนุ่มที่ชอบสาวสมัยใหม่มีความป็อปจ๋าสไตล์โมเดิร์น กลิ่นหอมโทนฟลอรัลผสมผสานกับไวท์มัสก์ กำยาน และคาราเมล คือซิกเนเจอร์ที่ทำให้นึกถึงสีช็อกกิ้งพิ้งค์เปรี้ยวซ่าสดใส


รูปปก : pixabay.com

เจาะคอนเซ็ปต์ “ไอคอนคราฟต์” พื้นที่แห่งงานคราฟต์ไทย กับ 6 แขนงช่างฝีมือไทยสุดประณีต

account_circle

แพรว พาไปทำความรู้จักกับ “ไอคอนคราฟต์” พื้นที่ที่ไม่ใช่แค่เพียงร้านขายงานคราฟต์เท่านั้น แต่ยังเป็นทั้งแหล่งรวมผลงานจากช่างฝีมือไทยทุกแขนงที่ผ่านการคัดสรร และเป็นพื้นที่แห่งแรงบันดาลใจ ที่พร้อมผลักดัน สนับสนุน และนำเสนอทุกแขนงงานช่างฝีมือไทยออกสู่ทั้งสายตาคนไทยและชาวโลก

บนพื้นที่ชั้น 4 และ 5 ของไอคอนสยาม คือที่ตั้งของไอคอนคราฟต์ โดดเด่นเห็นจากทุกทิศด้วยลูกโลก หรือ globe ที่ด้านนอกโชว์ภาพเหล่าบรรดา Craft heroes เอาไว้มากมายและด้านในเป็นจอ LED 360 องศานำเสนอเรื่องราวของเหล่าคราฟต์ฮีโร่นี้ ซึ่ง Local heroes ของเราค่อยๆ เพิ่มจำนวนขึ้นจากปีแรกอย่างต่อเนื่อง มาจนปีนี้มีถึงกว่า 800 รายที่ได้รับการเลือกสรรมา โดยนำเสนอสินค้าที่พัฒนาต่อยอดขึ้นจากทักษะงานช่างจากอดีต ผสานด้วยไอเดียใหม่ๆ ที่ปรับให้เข้ากับทั้งวิถีชีวิต ไลฟ์สไตล์ และฟังก์ชั่นของยุคสมัย ที่สำคัญยังคงความพิถีพิถันของงานฝีมือช่างไทยเอาไว้อย่างครบถ้วน

6 แขนงช่างฝีมือไทยจากคราฟต์ฮีโร่ผู้ต่อสานภูมิปัญญาอย่างสร้างสรรค์ ตอกย้ำคุณค่าความประณีตงามเหนือกาลเวลาที่อยู่ในไอคอนคราฟต์ ได้แก่

ช่างไม้ : งานคราฟต์ช่างไม้ไทย ที่ถ่ายทอดผ่านเฟอร์นิเจอร์ไม้และของตกแต่งบ้าน เด่นด้วยเทคนิคการแกะสลัก การประกอบไม้แบบไร้ร้อยต่อ อีกทั้งเนื้อไม้แต่ละชิ้นที่มีลวดลายไม่ซ้ำกันแม้แต่ชิ้นเดียว ทุกองค์ประกอบส่งให้เกิดความงามเป็นเอกลักษณ์ พร้อมฟังก์ชั่นการใช้งานที่เข้ากับยุคสมัย จนศิลปินไทยโดดเด่นขึ้นชั้น และได้รับการยกย่องถึงความสามารถในระดับโลก

ช่างทอ : อีกหนึ่งแขนงภูมิปัญญางานคราฟต์ไทยที่ถูกนำมาสานต่ออย่างเท่าทันยุค จากพื้นฐานกระบวนงานสาน ปัก และถักทอ ผนวกด้วยความคิดสร้างสรรค์ สู่ผลิตภัณฑ์สุดประณีตงาม ไม่ว่าจะเป็นเสื้อผ้า เครื่องประดับ ไปจนถึงของใช้ไลฟ์สไตล์ ที่ได้รับความนิยมทั้งในกลุ่มลูกค้าชาวไทยและต่างชาติ และเป็นผลงานที่สร้างชื่อเสียงและรายได้เข้าประเทศอย่างต่อเนื่องมายาวนาน

ช่างวาดเขียน : หนึ่งในลายเซ็นแห่งงานช่างไทยโดยศิลปินนักออกแบบและสร้างสรรค์ บอกเล่าสารพันมุมมองและรายละเอียดการใช้ชีวิตสุดละเมียด ประยุกต์แรงบันดาลใจหลากที่มา อาทิ จากเครื่องเบญจรงค์ไทย เครื่องลายครามสีขาวฟ้าที่มีต้นกำเนิดจากจีน ผ่านการตวัดพู่กัน เทคนิคงานลงรักปิดทอง และอีกหลากหลาย สู่ลวดลายเรื่องราวที่ปรากฏบนของใช้ในชีวิตประจำวัน สวยจับตาจับใจในทุกมิติ

ช่างโลหะ : เสน่ห์เหนือชั้นของงานคราฟต์ไทย ควบรวมจินตนาการ ลูกเล่นแห่งสีสัน เทคนิคการดัด การผสมโลหะวัสดุต่างชนิด และนำเสนอในรูปแบบของผลิตภัณฑ์เครื่องประดับสวยตระการและของตกแต่งบ้านที่สร้างปรากฎการณ์ทางสายตา เป็นที่ประทับใจ แก่ผู้พบเห็น สัมผัส หรือผู้เป็นเจ้าของได้ภาคภูมิใจทุกครั้งที่ใช้งาน

ช่างปั้น : งานศิลปะงามมากคุณค่า จากทักษะชั้นยอดในการผสานวัสดุอย่างดิน ปูน และขี้ผึ้ง เนรมิตขึ้นเป็นงานศิลปะงามมากคุณค่า ในหลากรูปทรง มอบคุณสมบัติใช้งาน และเป็นหลักฐานแห่งการรังสรรค์จินตนาการให้เป็นจริงได้ ด้วยภูมิปัญญาช่างไทย

งานแพทย์แผนไทย : จากศาสตร์และองค์ความรู้ด้านสุขภาพที่ถ่ายอดกันมายาวนาน ทั้งการปรนนิบัติผิวพรรณ การบำบัดบรรเทาสุขภาพ และการจรุงกลิ่นหอมขั้นเอกอุ สู่ตำรับความรื่นรมย์ทันสมัยสารพัด ทั้งผลิตภัณฑ์สปา ผลิตภัณฑ์บำรุงผิว เครื่องหอมสำหรับผิวกาย หรือใช้ในบ้าน ยาดม ยาหอม สบู่ น้ำหอม แสนละมุน ที่สะท้อนพัฒนาการเหนือขั้นของภูมิปัญญาไทยไม่สิ้นสุด

สัมผัสงานคราฟต์ไทยในมุมมองใหม่ ปลุกพลังภูมิปัญญาสุดสร้างสรรค์ และร่วมขับเคลื่อนทุกเส้นสายแห่งแรงบันดาลใจ โดยคราฟต์ฮีโร่ ทั้งช่างฝีมือระดับตำนาน นักออกแบบ และผู้ประกอบการ จากจิตวิญญาณและความภาคภูมิใจในเอกลักษณ์ไทย สู่สายตาแห่งสากล ที่ ICONCRAFT บริเวณชั้น 4-5 ICONSIAM


ของขวัญราคาครึ่งล้าน! มาร์ค NCT ให้นาฬิกา Rolex กับอียองจี

Alternative Textaccount_circle

ไม่ใช่แค่ ‘อียองจี’ ที่ตกใจ เพราะแฟนคลับก็อ้าปากค้างไปตามกัน! เมื่อ มาร์ค NCT ให้นาฬิกา Rolex Submariner Date ราคาเกือบครึ่งล้านกับเพื่อนร่วมงาน เรามาซูมอินของขวัญลักชัวรี่ชิ้นนี้ไปพร้อมๆ กัน

หากใครเป็นแฟนคลับของเหล่าแร็ปเปอร์เกาหลี ยังไงก็ต้องรู้จัก มาร์ค NCT และ อียองจี เป็นอย่างดี เพราะทั้งสองคนถือเป็นศิลปินลำดับต้นของวงการ และเมื่อไม่นานนี้ยังร่วมกันสร้างสรรค์ผลงานเพลงที่มีชื่อว่า 프락치 (Fraktsiya) ออกมาให้ได้ฟังด้วย และนี่ก็เป็นต้นตอที่ทำให้ยองจีได้รับของขวัญสุดลักชัวรี่แทนคำขอบคุณจากมาร์คนั่นเอง แม้ตอนแรกจะแกล้งบอกว่าอยากได้ซูเปอร์คาร์อย่าง Porsche ก็ตาม แต่สุดท้ายได้เป็นนาฬิกา Rolex แบบนี้ ก็คงช็อคไปตามกัน

สำหรับนาฬิกา Rolex รุ่นนี้มีชื่อว่า Submariner Date ขนาดหน้าปัด 41 mm มาพร้อมตัวเรือน Oystersteel และหน้าปัดสีดำ ที่ล้อมขอบด้วยเซรามิกสีเขียวแบบหมุนได้ ซึ่งถือเป็นฟังก์ชั่นหลักที่ช่วยบอกเวลา 60 นาที ให้นักดำน้ำสามารถติดตามเวลาการดำน้ำและหยุดการคลายแรงดันได้อย่างแม่นยำและปลอดภัย

ซึ่งนอกจากฟังก์ชั่นที่เชื่อถือได้แล้ว ดีไซน์ยังเต็มไปด้วยความหรูหราไม่ว่าจะเป็นสายนาฬิกา Oyster ที่ผสมผสานความสุนทรียศาสตร์และเทคโนโลยีได้อย่างลงตัว อีกทั้งสายนาฬิกายังมีตัวล็อคที่เรียกว่า Oysterlock ไว้สำหรับป้องกันไม่ให้สายเปิดออกโดยไม่ได้ตั้งใจ รวมถึงมีระบบ Glidelock ที่ช่วยให้ปรับสายนาฬิกาได้ไม่ต้องใช้เครื่องมือใดๆ อีกด้วย สำหรับราคาปัจจุบันอยู่ที่ 414,000 บาท

แท้จริงแล้ว สิ่งที่มากกว่ามูลค่าของนาฬิกาคือ มิตรภาพอันล้ำค่าที่ซ่อนอยู่ในของขวัญชิ้นนี้ อย่างไรก็ตามอย่าลืมให้กำลังใจทั้งสองคนผ่านเพลง ‘MARK 마크 ‘프락치 (Fraktsiya) (Feat. 이영지)’ กันด้วยนะคะ!


รูปภาพ: Instagram @youngji_02 และ Rolex

ข้อมูล: Rolex

LOUIS XIII เฉลิมฉลองเทศกาล Chinese New Year: Year of Snake นำเสนอมนต์เสน่ห์แห่งราชาคอนยัคในงาน LOUIS XIII Lunar New Year Dinner at Centara Grand at CentralWorld

account_circle

เทศกาลตรุษจีนปีนี้ LOUIS XIII (หลุย เทรซ) นำเสนอมนต์เสน่ห์ของราชาแห่งคอนยัค LOUIS XIII คอนยัคสุดหรูและโดดเด่นที่สุดของ Maison Rémy Martin เผยโฉมคอลเลกชันพิเศษ เพื่อร่วมเฉลิมฉลองแคมเปญตรุษจีนดินเนอร์ในปีงู ในงาน LOUIS XIII LUNAR NEW YEAR DINNER กับร้านอาหารชั้นนำบนตึกสูงเสียดฟ้า Red Sky ชั้น 55 ณ Centara Grand at CentralWorld

LOUIS XIII ตั้งชื่อเพื่อเป็นเกียรติให้แก่พระเจ้าหลุยส์ที่ 13 ผู้ทรงมีบทบาทสำคัญในการรับรองคอนยัค ถือกำเนิดขึ้นในช่วงปลายศตวรรษที่ 19 โดยได้รับแรงบันดาลใจจากความวิจิตรของยุคหลุยส์ที่ 13 และได้รับการยกย่องว่าเป็นสุดยอดแห่งคอนยัคที่มีประวัติศาสตร์ยาวนาน เชื่อมโยงกับราชวงศ์ฝรั่งเศส ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของความหรูหราและมีระดับ องุ่นที่ใช้ผลิต LOUIS XIII มาจากเขตกรองด์ ชองปาญ (Grande Champagne) ซึ่งเป็นแหล่งปลูกองุ่นที่ดีที่สุดในเมืองคอนยัค ประเทศฝรั่งเศส การผลิตแต่ละหยดเป็นผลงานของพรจากธรรมชาติ ความชำนาญและกาลเวลา เกิดจากการผสมผสานของโอ เดอ วี (eaux-de-vie) หรือน้ำแห่งชีวิต (waters of life) ด้วยกระบวนการผลิตที่พิถีพิถัน มีระยะเวลาบ่มในถังไม้โอ๊คที่ยาวนานและการบรรจุในขวดแก้วคริสตัลบัคคารัต (Baccarat Crytal) อันเป็นเอกลักษณ์
ได้แรงบัลดาลใจมาจากขวดบรรจุเหล้าของเหล่าอัศวินในสมรภูมิ Jarnac ในช่วงศตวรรศที่ 16 กรุ่นกลิ่นความหอมของคอนยัคที่ลอยฟุ้งทั่วห้องตั้งแต่เปิดขวด พร้อมด้วยความพิถีพิถันในการดื่ม ทำให้ LOUIS XIII ได้รับการยอมรับว่าเป็นคอนยัคที่พิเศษสะท้อนความหรูหราในระดับสากล แตกต่างจากคอนยัคอื่น ๆ เหล่าคลับและบาร์หรูในโรงแรมระดับห้าดาวทั้งในและต่างประเทศ ล้วนต้องมีไว้สำหรับรับรอง ลูกค้าคนสำคัญ ที่หลงใหล และอยากลิ้มลองรสชาติ อีกทั้ง LOUIS XIII ยังคงเป็นที่ต้องการของเหล่านักสะสม รวมถึงผู้ชื่นชอบคอนยัคจากทั่วโลก

งาน LOUIS XIII LUNAR NEW YEAR DINNER จัดขึ้น คืนวันพฤหัสบดีที่ 16 มกราคม 2568 ที่ผ่านมา เนื่องด้วยเทศกาลตรุษจีนและต้อนรับปีงู งานนี้จึงถือเป็นโอกาสสำคัญในการเผยโฉม LOUIS XIII Lunar New Year 2025 Edition โดยแรงบันดาลใจหลักของงานคือ Chinese New Year: Year of Snake มีเรื่องราวอันน่าหลงใหลที่สะท้อนความเป็นมาของวัฒนธรรมจีนซึ่งให้ความสำคัญกับประวัติศาสตร์บรรพบุรุษ และมรดกตกทอดที่ส่งต่อกันมารุ่นต่อรุ่น การดื่มเครื่องดื่มที่มีประวัติศาสตร์อันยาวนานเช่นนี้ สามารถมองได้ว่า เป็นวิธีการให้เกียรติอดีตและเฉลิมฉลองประเพณีที่ยั่งยืน ความสอดคล้องนี้เองทำให้ RÉMY MARTIN เลือกให้ LOUIS XIII ได้กลายเป็นส่วนสำคัญของเทศกาลตรุษจีนในปีนี้

ภายในวันงาน มีค็อกเทลสุดพิเศษที่สร้างสรรค์ขึ้นเพื่อเทศกาลตรุษจีนโดยเฉพาะ เสิร์ฟเป็น Welcome Drink ต้อนรับแขกผู้ร่วมงานที่คิดค้นโดยทีม COCOA XO และมี LOUIS XIII คอลเล็กชันพิเศษในธีม Lunar New Year โดยมี คุณเจน – ไอลดา สินธุเจริญ (Ilada Sintujaroen) ผู้เป็น Prestige Brand Ambassador ของ LOUIS XIII มาร่วมแบ่งปันเรื่องราวและแรงบันดาลใจในการสร้างสรรค์คอนยัคที่มีเอกลักษณ์ สำหรับเทศกาลพิเศษ เสิร์ฟคู่กับเซ็ตเมนูของหวานที่เข้ากับเครื่องดื่มเป็นอย่างดี รังสรรค์โดยเชฟ Luca Russo, Chef de Cuisine Red Sky

สัมผัสประสบการณ์หรูระดับตำนานทุกค่ำคืนได้ที่ Red Sky Bangkok ชั้น 55 ณ โรงแรมเซ็นทาราแกรนด์ เซ็นทรัลเวิลด์ เปิดให้บริการทุกวัน เวลา 17.00-01.00 น. สำรองที่นั่งหรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม ได้ที่ 02-100-6255 หรือช่องทางออนไลน์ Instagram: redskybkk_centara ,Facebook: Red Sky Bangkok ,Website: https://www.bangkokredsky.com


ชวนตื่นตากับเมืองประวัติศาสตร์ “ตุนหวง” ที่งาน SIAM PARAGON A PROSPEROUS CHINESE NEW YEAR 2025

account_circle

ฉลองเทศกาลตรุษจีนปีมะเส็ง แพรว ขอชี้เป้าพิกัดเสริมมงคลให้ชีวิต ชวนทุกคนไปรู้จักกับเมืองประวัติศาสตร์ “ตุนหวง” (Dunhuang) ที่มีอายุเก่าแก่กว่า 2,000 ปี ตั้งอยู่ในมณฑลกานซู่ ทางตะวันตกเฉียงเหนือของประเทศจีน

ความยิ่งใหญ่ของเมืองตุนหวง คือการเป็นดินแดนที่เต็มไปด้วยมรดกทางวัฒนธรรม อีกทั้งความงดงามของธรรมชาติ โดยหากย้อนไปในอดีตเมืองตุนหวงนับเป็นพิกัดสำคัญ เพราะเคยเป็นด่านหลักบนเส้นทางสายไหมโบราณ ซึ่งเป็นเส้นทางคมนาคมที่เชื่อมโยงทั้งเศรษฐกิจ การค้า และวัฒนธรรม ระหว่างภาคตะวันออกกับภาคตะวันตกของโลก

ด้วยความที่เป็นพิกัดสำคัญ เมืองตุนหวงจึงเต็มไปด้วยอารยธรรมทรงคุณค่า ทั้งด้านศาสนาและศิลปะ ซึ่งเป็นเสน่ห์ดึงดูดใจให้นักท่องเที่ยวเดินทางมาสัมผัส หนึ่งในไฮไลท์ของเมืองตุนหวงที่เป็นมรดกทางวัฒนธรรม ต้องยกให้กับถ้ำหินที่เจาะบนหน้าผาในช่วงศตวรรษที่ 4-14 รวมระยะเวลานับพันปี โดยมี “ถ้ำม่อเกา” เป็นถ้ำที่มีขนาดใหญ่ที่สุด และปัจจุบันได้กลายเป็นหมุดหมายของนักท่องเที่ยว เพราะในอดีตถ้ำม่อเกาเป็นสถานที่ประกอบพิธีทางพุทธศาสนา จึงเต็มไปด้วยจิตรกรรมและประติมากรรมทางศาสนาที่หาชมยาก เช่น พระพุทธรูปโบราณ  ซึ่งสะท้อนถึงวัฒนธรรมในยุคสมัยนั้น

มาถึงอีกหนึ่งไฮไลท์ของเมืองตุนหวง นั่นคือความมหัศจรรย์ทางธรรมชาติ ด้วยลักษณะภูมิประเทศที่เป็นทะเลทรายอันกว้างใหญ่ พิกัดห้ามพลาดจึงต้องยกให้กับ “เนินทรายหมิงซาซาน” ที่สามารถขี่อูฐเที่ยวชมได้ และตื่นตากับความอัศจรรย์ของ “ทะเลสาบพระจันทร์เสี้ยว” ที่ตั้งอยู่กลางทะเลทราย จนได้รับการขนานนามว่าเป็นโอเอซิสแห่งทะเลทราย

เรียกว่าเป็นเมืองที่มีความสำคัญและยิ่งใหญ่สมชื่อ โดยในภาษาจีน คำว่า “ตุน” หมายความว่า ใหญ่ และคำว่า “หวง” หมายความว่า รุ่งโรจน์

ถือเป็นอีกหนึ่งจุดหมายปลายทางที่ควรค่าแก่การไปสัมผัสสักครั้งในชีวิต แต่สำหรับใครที่ยังไม่สะดวกบินไปถึงประเทศจีน ขอบอกเลยว่าต้องไม่พลาด! ตามมาสัมผัสกับเมืองประวัติศาสตร์ “ตุนหวง” เพื่อเสริมสิริมงคลต้อนรับเทศกาลตรุษจีนปีมะเส็งได้ที่งาน SIAM PARAGON A PROSPEROUS CHINESE NEW YEAR 2025 ซึ่งนับเป็นครั้งแรกของเมืองไทยกับการยกความยิ่งใหญ่ของเมืองตุนหวงมาให้ชมถึงที่ ณ พาร์ค พารากอน ชั้น M สยามพารากอน ตั้งแต่วันนี้ – 2 กุมภาพันธ์ 2568

และขอบอกอีกว่างานนี้ “สยามพารากอน” เล่นใหญ่จัดเต็ม! ร่วมฉลองครบรอบ 50 ปี ความสัมพันธ์ไทย – จีน โดยจับมือกับสถานทูตจีน เนรมิตเมืองตุนหวงมาให้ชมอย่างตระการตา ทั้งทะเลสาบพระจันทร์ ข้ามสะพานเพื่อความร่ำรวย ถ้ำม่อเกาจำลอง รวมถึงยังมีนิทรรศการภาพประติมากรรมและจิตรกรรมฝาผนังจากถ้ำม่อเการูปแบบ Digital Art ซึ่งถือเป็นสุดยอดงานพุทธศิลป์โบราณระดับโลกที่หาชมได้ยาก

มาถึงอีกหนึ่งไฮไลท์ของงาน SIAM PARAGON A PROSPEROUS CHINESE NEW YEAR 2025 กับโชว์สุดเอ็กซ์คลูซีฟจากคู่เหมือนอย่าง “พีพี-กฤษณ์” และ “ต่อ-ธนภพ” ที่มาพร้อมกับการเชิดมังกรเมฆาและสิงโตเทพเจ้ามหามงคล

นอกจากนี้ยังมีการแสดง Ancient Sound of Tunghuang และโชว์พิเศษจาก Gansu Performance Group ที่นำออกมาแสดงนอกประเทศจีนเป็นครั้งแรก และการแสดงศิลปวัฒนธรรมจีนอีกมากมาย เช่น การแสดงเอ็งกอ การเขียนตัวอักษรมงคล และถ่ายภาพแบบ AR ได้ทั่วงาน

เรียกว่าจัดเต็มจนไม่อยากให้พลาด! ตามมาพบกับความยิ่งใหญ่ของเมืองประวัติศาสตร์ “ตุนหวง” และช้อปสนุกกับโปรโมชั่นสุดคุ้ม! ได้ที่งาน SIAM PARAGON A PROSPEROUS CHINESE NEW YEAR 2025 ณ พาร์ค พารากอน ชั้น M สยามพารากอน ตั้งแต่วันนี้ – 2 กุมภาพันธ์ 2568

และอย่าพลาด! ช้อปลดหย่อนภาษี พิเศษสำหรับสมาชิก ONESIAM เพียงช้อปและแสดง ETax Invoice ครบ 1,000 บาท รับเลย! Starbuck E-Coupon มูลค่า 100 บาท ตั้งแต่วันนี้ – 28 กุมภาพันธ์ 2568

ดูรายละเอียดและเงื่อนไขเพิ่มเติมได้ที่ https://onesiam.go.link/7g5kk


One Bangkok เปิดประตูโลกภาพยนตร์ สนับสนุนเทศกาลหนังทดลองกรุงเทพฯ ครั้งที่ 7

Alternative Textaccount_circle

แพรว ชวนปักหมุดอีกหนึ่งงานดีๆ จาก One Bangkok (วัน แบงค็อก) แลนด์มาร์คระดับโลกใจกลางกรุงเทพฯ ที่ร่วมสนับสนุนเทศกาลหนังทดลองกรุงเทพฯ ครั้งที่ 7 หรือ 7th Bangkok Experimental Film Festival (BEFF7) ซึ่งกลับมาจัดอีกครั้งในรอบ 12 ปี ภายใต้ธีม “Nowhere Somewhere” (ไร้ที่ มีทาง) ถือเป็นอีกก้าวสำคัญของวงการศิลปะภาพยนตร์ไทยในการท้าทายกรอบและขีดจำกัดเดิม ๆ พร้อมส่งเสริมการสร้างสรรค์คอมมูนิตี้ด้านศิลปะและวัฒนธรรมระดับโลกในประเทศไทย จัดขึ้นระหว่างวันที่ 25 มกราคม – 2 กุมภาพันธ์ 2568 ณ วัน แบงค็อก ฟอรัม

เทศกาลหนังทดลองกรุงเทพฯ ครั้งที่ 7

One Bangkok สนับสนุนเทศกาลหนังทดลองกรุงเทพฯ ครั้งที่ 7 ร่วมเปิดประตูโลกภาพยนตร์และศิลปะไทยสู่เวทีชุมชนสร้างสรรค์ไร้ขอบเขตระดับนานาชาติ

วรวรรต ศรีสอ้าน รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร โครงการ วัน แบงค็อก กล่าวว่า “วัน แบงค็อก เป็นพื้นที่ที่เหมาะสำหรับผู้คนที่หลากหลาย เรามอบประสบการณ์ใหม่ของการใช้ชีวิตในทุกรูปแบบ พร้อมมุ่งมั่นที่จะสร้างสรรค์พื้นที่ที่เปิดกว้างสำหรับการแลกเปลี่ยนความคิด ตลอดจนการแสดงออกด้านศิลปะและวัฒนธรรมซึ่งจะสร้างแรงบันดาลใจให้ผู้คนและขับเคลื่อนสังคมให้ก้าวไปข้างหน้า เรามีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้ร่วมเป็นผู้สนับสนุนหลักในเทศกาลหนังทดลองกรุงเทพฯ ครั้งที่ 7 หรือ BEFF7 ซึ่งงานนี้สอดคล้องกับปรัชญาของ วัน แบงค็อก ที่ต้องการร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการสร้างพลังแห่งความคิดสร้างสรรค์ พร้อมยกระดับกรุงเทพฯ ให้เป็นศูนย์กลางด้านศิลปะและวัฒนธรรมระดับโลก”

จรินทร์ทิพย์ ชูหมื่นไวย ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายศิลปะและวัฒนธรรม และ ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายกลยุทธ์การสร้างแบรนด์ โครงการ วัน แบงค็อก เสริมว่า “BEFF นับเป็นเวทีสำคัญสำหรับศิลปะ ภาพยนตร์ทดลอง ผู้สร้างภาพยนตร์ ศิลปิน นักดนตรี นักเเสดงและผู้ชม มาสร้างบทสนทนาเพื่อขยายขอบเขตของความคิดสร้างสรรค์ ท้าทายรูปแบบดั้งเดิมโดยการผสมผสานระหว่างศิลปะและภาพยนตร์ อีกทั้งยังเป็นที่รู้จักในระดับโลกในฐานะแพล็ตฟอร์มซึ่งสนับสนุนเเละเผยแพร่ผลงานของศิลปินไทยไปสู่ประเทศต่าง ๆ เช่น สหรัฐอเมริกา สวีเดน สิงคโปร์ และออสเตรเลีย วัตถุประสงค์ของ BEFF จึงตรงกับความมุ่งมั่นของ วัน แบงค็อก ในการสร้างพื้นที่แห่งศิลปะและวัฒนธรรมอันเปรียบเสมือน Inspiring Urban Canvas ที่ชวนทุกคนมาแต่งแต้ม เติมสีสัน และสร้างแรงบันดาลใจให้แก่กันได้ไม่รู้จบ”

ภายใต้ธีม “Nowhere Somewhere” (ไร้ที่ มีทาง) BEFF7 เชิญชวนผู้ชมสำรวจประเด็นเรื่องพื้นที่ อัตลักษณ์ และธรรมชาติของการดำรงอยู่ที่เปลี่ยนแปลง นำเสนอโปรแกรมภาพยนตร์และงานติดตั้งที่พร่ามัวระหว่างความจริงกับจินตนาการ นอกจากนั้น ยังมีการแสดงดนตรีทดลอง การแสดงสด การจัดเวิร์กชอป และการสัมมนาโดยศิลปิน ผู้กำกับ เเละนักเเสดงอาชีพ โดยมีไฮไลท์สำคัญประกอบด้วย

เทศกาลหนังทดลองกรุงเทพฯ ครั้งที่ 7
  • โปรแกรมการฉายภาพยนตร์: คัดสรรภาพยนตร์ทดลองกว่า 129 เรื่องจากทั่วโลก แบ่งเป็น 29 โปรแกรม คัดสรรโดย แมรี่ ปานสง่า ภัณฑารักษ์ BEFF7 พร้อมด้วยภัณฑารักษ์รับเชิญ ได้แก่ เม อาดาดล อิงคะวณิช, จูเลียน รอสส์, เดวิด เทห์, กลุ่มคัดดุกกาส (อนุจ มาลโฮตรา, เคทัน ดูอา และ มาเฮช เอส), และ จอร์จ คลาร์ก นำเสนอผลงานโดยผู้กำกับหลากหลาย ทั้งศิลปินหน้าใหม่ไฟแรงและผู้กำกับระดับตำนาน ร่วมด้วยโปรแกรมพิเศษจากหอภาพยนตร์ (องค์การมหาชน) และภาพยนตร์ไฮไลท์จาก BEFF ในอดีต
  • งานศิลปะจัดวาง: COSMORAMA บนชั้น 3 จัดแสดงผลงานศิลปะจัดวางชิ้นใหม่ที่สร้างสรรค์ขึ้นสำหรับ BEFF7 โดยเฉพาะ โดยศิลปินรับเชิญ 5 ท่าน ในส่วนบริเวณชั้น 2 มีการจัดแสดงผลงานศิลปะจัดวางได้แก่ DISSOLVING ROOM โดยศิลปิน 3 ท่าน, Leave Us to Complete the Films และ Unmasked (Bootleg)
  • บทสนทนากับดวงอาทิตย์ (VR): ผลงานชิ้นเอกโดย อภิชาติพงศ์ วีระเศรษฐกุล ที่ผสานเทคโนโลยี VR การแสดง และภาพเคลื่อนไหว เข้ากับเสียงประกอบโดย ริวอิจิ ซากาโมโตะ ร่วมเดินทางสู่โลกเหนือจินตนาการ สำรวจความสัมพันธ์ระหว่างความทรงจำ แสง และวัฏจักรแห่งการมีชีวิต
  • การแสดงสดเชิงทดลอง: การแสดงละครเวที 5 เรื่องที่กำกับโดยผู้กำกับภาพยนตร์และศิลปินไทย ประกอบไปด้วย “คิดถึง” (The Perfetti Method) โดย ศิวโรจณ์ คงสกุล “บุคลาธิษฐาน” (The Velvet Kingdom) โดย พวงสร้อย อักษรสว่าง แว่วเสียงแจ่โก่ (Echoes of the Beating Drum) โดย ณฐพล บุญประกอบ Work In Progress โดย ทีมครูร่ม ร่มฉัตร ธนาลาภพิพัฒน์ และ The Process of Moving Someone or Something From One Place to Another โดย นพพันธ์ บุญใหญ่ และแตงโม ลฎาภา
เทศกาลหนังทดลองกรุงเทพฯ ครั้งที่ 7

ผลงานเหล่านี้นำเสนอเรื่องราวเกี่ยวกับพื้นที่และตัวตนที่เปลี่ยนแปลง โดยไม่มีกรอบเฟรมจำกัดมุมมอง ทำให้ผู้ชมกลายเป็นส่วนหนึ่งของการแสดง

  • การแสดงดนตรีสด Night of the Dry Flowers: การแสดงดนตรีทดลองคิวเรทโดย SO::ON Dry Flower นำโดยศิลปินระดับโลก อกคยอง อี และ วูกีร์ ซูริยาดี ร่วมด้วยศิลปินไทยและนานาชาติ กับผลงานสร้างสรรค์ที่ผสานดนตรี ภาพยนตร์ และการออกแบบฉากเข้าไว้ด้วยกันอย่างลงตัว
  • เวิร์กชอปและสัมมนา: กิจกรรมเรียนรู้และแลกเปลี่ยนประสบการณ์ตรงกับผู้เชี่ยวชาญในวงการ อาทิ เวิร์กชอปการทำภาพยนตร์ทดลองด้วยฟิล์ม 16 มม. โดยกลุ่ม Rolling Wild, เวิร์กชอปการสร้างเสียงประกอบภาพยนตร์จากสิ่งของรอบตัว โดย อานนท์ นงค์เยาว์ และสัมมนา Why (Not) Cinema? โดย อภิชาติพงศ์ วีระเศรษฐกุล และ สมพจน์ ชิตเกษรพงศ์ รวมถึงกิจกรรมเสวนา An Encounter: The Last Thing You Saw That Felt Like a Movie โดย อภิชาติพงศ์ วีระเศรษฐกุล และ ทิลดา สวินตัน
เทศกาลหนังทดลองกรุงเทพฯ ครั้งที่ 7

ร่วมเป็นส่วนหนึ่งของเทศกาล BEFF7 และร่วมเปิดประตูศิลปะภาพยนตร์ไทยสู่โลกไร้ขอบเขต ณ วัน แบงค็อก ฟอรัม ตั้งแต่วันนี้ – 2 กุมภาพันธ์ 2568 ติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ beffth.com


แพร-ชนา

ทำความรู้จัก แพร-ชนา ศิลปิน FOLK POP เพื่อชีวิตยุคใหม่

Alternative Textaccount_circle
แพร-ชนา
แพร-ชนา

ทำความรู้จัก แพร-ชนา ทวีชาติ ศิลปิน FOLK POP เพื่อชีวิตยุคใหม่ เจ้าของซิ้งเกิ้ลสุดฮิต “คลื่น” เพลงไวรัลฮีลใจชาว TIKTOK

ถือว่าเป็นเพชรเม็ดงามของ GMM MUSIC เลยทีเดียว สำหรับศิลปินเพื่อชีวิตรุ่นใหม่อย่าง น้องแพร ชนา หรือชื่อจริง ชนาภรณ์ ทวีชาติ เจ้าของเพลง “คลื่น” ที่กำลังฮิตกันทั่วบ้านทั่วเมือง มียอดวิว MV ทะลุ 10 ล้านไปเรียบร้อยแล้ว แต่เส้นทางของแพรกว่าจะเป็นศิลปินเต็มตัวอย่างในวันนี้นั้น ไม่ใช้เรื่องง่าย

แพร-ชนา

แพร ชนา สาวน้อยผู้เดินทางตามหาความฝันที่อยากเป็นศิลปินตั้งแต่วัยเด็ก โดยมี ปู พงษ์สิทธิ์ คำภีร์ซึ่งเป็นศิลปินที่คุณพ่อชื่นชอบ และเปิดให้ฟังมาตั้งแต่ยังเด็กๆ เป็นอีกหนึ่งแรงบันดาลใจให้แพรเริ่มฝึกเล่นกีต้าร์ เป่าเมาท์ออแกน และร้องเพลง แพร ชนา เริ่มเล่นดนตรีเปิดหมวกตามสถานที่ต่างๆ และเดินสายประกวดร้องเพลง มาตั้งแต่อายุไม่ถึง 10 ขวบ จนเริ่มเป็นที่รู้จักมากขึ้นจากการเข้าร่วมแข่งขันในรายการ The Voice Kid Season 3, The Voice All Star และ Super10

จนมาถึงวันนี้ แพร ชนา ได้เข้ามาเป็นศิลปินเต็มตัวในสไตล์เพลง FOLK POP เพื่อชีวิตยุคใหม่ คนแรกของ GRAMMY GOLD โดยได้ ‘กบ Big Ass’ มารับหน้าที่โปรดิวเซอร์ควบคุมการผลิตทุกขั้นตอน ทั้ง 2 ซิงเกิ้ล โดยซิงเกิ้ลแรกเปิดตัวมีชื่อว่า “ปีกหัก” เพลงที่บอกเล่าสไตล์ความเป็น ‘แพร ชนา’ ได้มากที่สุด เพลงนี้แพรยังได้มีส่วนร่วมในการแต่งทำนอง, คิดโซโล่ และบันทึกเสียงเมาท์ออแกน รวมไปถึงการคิดไลน์ร้องประสาน และร้องคอรัสด้วยตัวเอง

ล่าสุดแพรปล่อยซิงเกิ้ลที่ 2 เพลง “คลื่น” ถือว่าเป็นความสำเร็จก้าวแรกในฐานะศิลปินรุ่นใหม่ เพราะเพลง “คลื่น” กำลังฮิตเป็นกระแสดังใน TIKTOK ด้วยความหมายของเนื้อเพลงที่ฮีลใจ คนที่กำลังต่อสู้กับเรื่องราวที่หนักหนาในชีวิต ‘แพร ชนา’ ตั้งใจอยากจะมอบเพลงนี้ไปอยู่เคียงข้างทุกคน ให้เป็นเพื่อนคอยปลอบใจ ฮีลใจให้ผ่านพ้นปัญหาต่างๆ ไปได้


แพร ชนา เป็นศิลปินรุ่นใหม่ที่น่าจับตามอง เป็นคนดนตรีอย่างแท้จริง มีความสามารถรอบด้านทั้งแต่งเพลง เล่นดนตรี และยังมีเสียงร้องที่ไพเราะเป็นเอกลักษณ์ ที่ใครฟังแล้วก็ต้องติดใจ

แพร-ชนา

ติดตามผลงานเพลงของ แพร ชนา ได้ทาง Youtube GrammyGold Official

เพลง “คลื่น
เพลง “ปีกหัก”

สายอาร์ตต้องมี สนีกเกอร์ดอกไม้สุดเก๋จาก Keds และ give.me.museums

account_circle

Keds ขอเปิดศักราชใหม่ด้วยความสดใสและสร้างสรรค์ กับคอลเล็คชั่นสุดพิเศษที่จับมือกับศิลปินไทยชื่อดัง give.me.museums เจ้าของผลงานศิลปะแนวอิมเพรสชั่นนิสม์ที่ถ่ายทอดความงดงามของดอกไม้ ทุ่งหญ้า และป่าเขาผ่านสีสันสดใส ที่ครั้งนี้จะมาเติมเต็มจิตวิญญาณของสนีกเกอร์แบบไม่ซ้ำใคร

เคดส์และ give.me.museums ร่วมกันออกแบบรองเท้าสนีกเกอร์ 5 รุ่นคลาสสิก ได้แก่ Champion, Double Decker, Kickstart, Triple Kick และ Triple Kick Mule โดยเพิ่มลูกเล่นน่ารัก ๆ ด้วยลวดลายดอกไม้และสายรุ้งที่แสดงบน Shoe Tongu ซึ่งถือเป็นดีไซน์ที่สะท้อนทั้งความสนุกสนานและความมีเอกลักษณ์ของทั้งสองแบรนด์ได้อย่างลงตัว

นอกจากรองเท้าสนีกเกอร์ คอลเลคชั่นนี้ยังมาพร้อมกระเป๋า Tote Bag ลายดอกไม้อันเป็นเอกลักษณ์ของ give.me.museums ให้สาว ๆ ได้เลือกจับคู่กับรองเท้าคู่โปรด เติมเต็มความสดใสในทุกลุค

พิเศษยิ่งขึ้นกับป๊อบอัพสุดน่ารักที่เนรมิตพื้นที่บริเวณชั้น 2 ศูนย์การค้าเซ็นทรัลชิดลมให้กลายเป็นโลกแห่งสีสันของดอกไม้และธรรมชาติ พบกับรองเท้า กระเป๋า และประสบการณ์สร้างแรงบันดาลใจ ที่สายแฟชั่นและสายอาร์ตต้องไม่พลาด


เก่ง & น้ำปิง

เก่ง & น้ำปิง เสิร์ฟความฟินจัดเต็ม! Praew Meet & Read Into The Wild with Keng & Namping

Alternative Textaccount_circle
เก่ง & น้ำปิง
เก่ง & น้ำปิง

เต็มอิ่มกับโมเมนต์ฟินๆ จาก “เก่ง – หฤษฎ์ บัวย้อย” และ “น้ำปิง – นภัสกร ปิงเมือง” ในงาน Praew Meet & Read Into The Wild with Keng & Namping ณ SCBX NEXT TECH ชั้น 4 สยามพารากอน งานแฟนมีตสุดเอ็กซ์คลูซีฟ จัดโดย นิตยสารแพรว บริษัท เอเอ็มอี อิมเมจิเนทีฟ จำกัด  

เก่ง & น้ำปิง

งานนี้ เก่ง & น้ำปิง ได้มาร่วมพูดคุยกับแฟนๆ ตั้งแต่การทำงน ที่กำลังถ่ายทำซีรีส์ “เขมจิราต้องรอด” (Khemjira The Series) ที่บอกเลยว่ากระแสแรงตั้งแต่เปิดตัว พร้อมชวนคุยถึงเรื่องราวต่างๆ และมุมมองดีๆ จากการอ่านเพื่อส่งต่อแรงบันดาลใจถึงทุกคน

เก่ง & น้ำปิง

ตั้งแต่การได้ร่วมงานกับนิตยสารแพรว ถ่ายภาพแฟชั่นขึ้นปกนิตยสารฉบับมกราคม 2568 และฟินกันต่อเมื่อทั้งสองเผยถึงความรู้สึกแรกตอนที่ได้เจอกัน จนถึงช่วงเวลาสำคัญที่ เก่ง & น้ำปิง ชวนแฟนคลับให้ติดตามหนังสือที่ชอบอ่าน

เก่ง & น้ำปิง เสิร์ฟความฟินจัดเต็ม! Praew Meet & Read Into The Wild with Keng & Namping

โดย น้ำปิง เผยว่า “ตัวเองเป็นคนที่ชอบอ่านหนังสือแนวพัฒนาตัวเอง จิตวิทยา ซึ่งหนังสือเล่มที่เปิดโลกสำหรับตัวเองมากๆ คือ “กล้าที่จะถูกเกลียด” ที่เหมือนเป็นการปลดล็อคตัวเอง ทำให้เป็นคนที่กล้าคิด กล้าตัดสินใจ กล้าที่จะเป็นตัวเอง แม้ว่าจะโดนคนอื่นเกลียดก็ตาม เป็นหนังสือที่ทำให้ตัวเอง สามารถจัดการและบาลานซ์ชีวิตได้อย่างดี เล่มต่อมา “The Happiest Person in the Room” เป็นอีกเล่มที่ทำให้เรารู้จักการวางแผนเพื่อความสุขในอนาคต

เก่ง & น้ำปิง

“ส่วนเล่มที่ 3 “เพราะชีวิตดีได้กว่าที่เป็น Atomic Habits”ที่ช่วยให้เราเริ่มต้นเปลี่ยนแปลงตัวเองจากพฤติกรรมเล็กๆ แต่นำไปสู่ความสำเร็จที่เราตั้งเป้าหมายไว้ และเล่มสุดท้าย “Good Vibes Good Life ใช้คลื่นพลังบวกดึงดูดพลังสุข” เป็นอีกเล่มที่บอกเล่าถึงเรื่องกฎของแรงดึงดูด Manifest ทุกแรงสั่นสะเทือนที่มีความถี่ตรงกันสามารถดึงดูดกันได้”

เก่ง & น้ำปิง

ด้าน เก่ง เผยว่า “ตัวเองชอบฟัง PODCAST ที่เกี่ยวกับชีวประวัติของบุคคลสำคัญต่างๆ ได้เรียนรู้วิธีคิดของแต่ละคนสู่ความสำเร็จ แล้วนำไปปรับใช้กับการทำงาน การใช้ชีวิต เป็นการเติมแรงบันดาลใจให้ตัวเองครับ”

เก่ง & น้ำปิง

ไม่เพียงเท่านั้น  “เก่ง & น้ำปิง” ได้เสิร์ฟความสนุกแบบจัดเต็ม ไม่ว่าจะแข่งกันแต่งกลอนแปด เล่นเกมทดสอบความรู้ใจ และจับรางวัลแฟนคลับผู้โชคดีได้รับหนังสือเล่มโปรด การ์ดข้อความ และรูปโพลารอยด์พร้อมลายเซ็น ปิดท้ายด้วยโมเมนต์สุดพิเศษที่ทั้ง 2 คนร้องเพลง “ศูนย์รวมความน่ารัก” และ “ที่รักครับ” ร่วมกัน พร้อมด้วยการถ่ายรูปกับแฟนๆแบบใกล้ชิด

โดยกิจกรรมนี้ นอกจากช่วยปลุกประแสการอ่าน นิตยสารแพรว ได้จับมือกับกลุ่มบริษัท สยามพิวรรธน์ ภายใต้โครงการ “Citizen of Love by Siam Piwat” และสำนักพิมพ์ในเครืออมรินทร์ ร่วมส่งต่อโอกาสทางความรู้ มอบหนังสือให้ห้องสมุด โรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดน

สำหรับกิจกรรม “Praew Meet & Read” จัดขึ้นอย่างต่อเนื่องเป็นครั้งที่ 8 โดยชวนคนดังร่วมพูดคุย แชร์มุมมองผ่านหนังสือเล่มโปรด เพื่อกระตุ้นกระแสการอ่านในสังคม “เพราะแพรวเชื่อในพลังแห่งการอ่านและการส่งต่อแรงบันดาลใจดีๆ”


อภิชาติพงศ์ วีระเศรษฐกุล

ชาเนลร่วมเฉลิมฉลองผลงาน “อภิชาติพงศ์ วีระเศรษฐกุล” ในเทศกาลหนังทดลอง BEFF7

account_circle
อภิชาติพงศ์ วีระเศรษฐกุล
อภิชาติพงศ์ วีระเศรษฐกุล

ชาเนลร่วมเป็นส่วนหนึ่งของการเฉลิมฉลองผลงานสร้างสรรค์ของ อภิชาติพงศ์ วีระเศรษฐกุล ผู้กำกับภาพยนตร์ที่มีผลงานโดดเด่นในการนำเสนอเรื่องราวที่ทลายเส้นแบ่งระหว่างความจริงและความฝัน ผ่านการสนับสนุนกิจกรรมสำคัญในเทศกาลหนังทดลองครั้งที่ 7 (BEFF7) ซึ่งรวมถึงนิทรรศการแบบเสมือนจริง การแสดงสด และการเสวนาเชิงลึก

A Conversation with the Sun (VR): การสำรวจแสงและความทรงจำในรูปแบบเสมือนจริง

วันที่ 24 มกราคม เปิดตัวนิทรรศการ A Conversation with the Sun (VR) ที่วัน แบงค็อก ฟอรั่ม ซึ่งเป็นประสบการณ์แบบมัลติมีเดียที่ผสมผสานเทคโนโลยี VR การแสดง และภาพเคลื่อนไหวอย่างไร้รอยต่อ

ในฐานะผู้เข้าชมที่ได้สัมผัสประสบการณ์ VR ครั้งแรก แพรวรู้สึกตื่นเต้นและประทับใจอย่างมาก ทันทีที่ใส่ชุดอุปกรณ์ VR โลกแห่งความเป็นจริงเหมือนถูกแทนที่ด้วยแสง เสียง และภาพเคลื่อนไหวที่เต็มไปด้วยพลังสร้างสรรค์ รู้สึกเหมือนได้หลุดเข้าไปในอีกมิติหนึ่ง ที่ทุกการเคลื่อนไหวของแสงและเงามีชีวิตชีวา ท่วงทำนองเพลงที่บรรเลงโดย ริวอิจิ ซากาโมโตะ ยิ่งทำให้บรรยากาศนั้นลุ่มลึกและล้ำค่า

ผลงานนี้ยังได้รับการออกแบบสื่อดิจิตอลโดย คัตสึยะ ทานิกุจิ ที่ช่วยสร้างการปฏิสัมพันธ์อย่างพลวัตระหว่างแสงและความเคลื่อนไหว ทำให้ประสบการณ์ VR นี้เต็มไปด้วยความสมจริงและสัมผัสทางอารมณ์

งานเฉลิมฉลองแห่งความคิดสร้างสรรค์

ในค่ำคืนเดียวกัน ชาเนลได้จัดงานเลี้ยงพิเศษที่บางกอก คุนส์ฮาเลอ เพื่อยกย่องผลงานของอภิชาติพงศ์และเครือข่ายศิลปินที่ร่วมขับเคลื่อนภาพยนตร์ไทยในระดับนานาชาติ

ท่ามกลางแขกคนสำคัญ รวมถึงแอมบาสเดอร์ และ เพื่อนคนสนิทของแบรนด์ อาทิ ทิลดา สวินตัน, ชุติมณฑน์ จึงเจริญสุขยิ่ง, รีเบคก้า อาร์มสตรอง, ธิติยา จิระพรศิลป์, อชิรญา นิติพน, วาเลนติน่า จาร์ดุลโล, ธีรดนย์ ศุภพันธุ์ภิญโญ รวมทั้งบรรดาผู้ที่เคยร่วมงานกับอภิชาติพงศ์

บทสนทนา: ภาพสุดท้ายคล้ายหนัง

วันที่ 25 มกราคม การแสดงสด “บทสนทนา: ภาพสุดท้ายคล้ายหนัง” ถ่ายทอดโดย ทิลดา สวินตัน และกำกับโดยอภิชาติพงศ์ นำผู้ชมดำดิ่งสู่ความลึกซึ้งของศิลปะภาพยนตร์ พร้อมเสวนาโดย ก้อง ฤทธิ์ดี ที่เปิดเผยเบื้องหลังการทำงานร่วมกันระหว่างผู้กำกับและนักแสดง

งานนี้ ชาเนลได้ตอกย้ำความมุ่งมั่นในบทบาทผู้สนับสนุนศิลปะร่วมสมัย ด้วยการบ่มเพาะความคิดสร้างสรรค์ของศิลปินและผู้สร้างภาพยนตร์รุ่นใหม่ สืบสานเจตนารมณ์ของ กาเบรียล ชาเนล ในการเชิดชูพลังของศิลปะและภาพยนตร์ที่สามารถสร้างความเปลี่ยนแปลงได้อย่างแท้จริง

การได้ชมการแสดงสดและเสวนาในครั้งนี้ ทำให้แพรวเข้าใจสิ่งที่อภิชาติพงศ์ต้องการถ่ายทอดมากขึ้น ภาพยนตร์ของเขาไม่ใช่เพียงเรื่องราว แต่เป็นประสบการณ์ที่เชิญชวนให้เราสำรวจความหมายของชีวิต ความทรงจำ และความฝัน “ภาพสุดท้ายคล้ายหนัง” เป็นช่วงเวลาที่รู้สึกเชื่อมโยงกับศิลปะภาพยนตร์ในมุมมองที่ไม่เคยสัมผัสมาก่อน


เปิดคอสตูม เจนนี่ BLACKPINK แรงบันดาลใจจาก ผู้นำหญิงเกาหลีในศตวรรษที่ 6

Alternative Textaccount_circle

หลอมรวมประวัติศาสตร์และ K-POP เมื่อคอสตูม เจนนี่ BLACKPINK ได้แรงบันดาลใจจากผู้นำหญิงของเกาหลีในศตวรรษที่ 6

วอร์มอัพให้ตื่นเต้นกันเล่นๆ เมื่อ ‘เจนนี่ BLACKPINK’ ปล่อยซิงเกิ้ลใหม่ ‘Zen’ ออกมาในวันเสาร์ที่ผ่านมา (25 มกราคม 2025) ทำให้เรียกกระแสได้มากมายทั้งจากแฟนๆ รวมไปถึงคนในวงการเพลง แฟชั่น และศิลปะ เพราะผลงานชิ้นนี้ถือเป็นอีกหนึ่งเครื่องมือพิสูจน์ว่า เธอมีจิตวิญญาณศิลปะอยู่เต็มตัว เพราะเพลงดังกล่าวไม่เพียงถ่ายทอดความงดงาม และไพเราะของเสียงดนตรี แต่ยังเต็มไปด้วยประวัติศาสตร์เกาหลีที่จัดวางไว้อย่างดี

อย่างเช่นในคอสตูมจาก LEJE ที่ปรากฏอยู่ใน MV ก็ได้แรงบันดาลใจจาก ‘Wonhwa’ ตำแหน่งผู้นำหญิงจากอาณาจักร ‘Silla’ ในศตวรรษที่ 6 โดยแบรนด์ได้นำมาตีความใหม่ ไม่ว่าจะเป็นเครื่องประดับคล้ายปีกที่ใส่คู่กับมงกุฎ เรียกว่า ‘Jujak’ มาปรับให้กลายเป็นเกาะอกสีทองที่รังสรรค์ขึ้นจากโลหะ 1,000 ชิ้น

รวมถึงกางเกงที่ได้แรงบันดาลใจจาก Salchang Kojaengi ในชุดฮันบกดั้งเดิม นอกจากนั้นยังประดับด้วยโลหะและ ‘หยก’ ที่ถอดแบบมาจากมงกุฎจากอาณาจักร Silla ทำให้ลุคนี้ผสมผสานประวัติศาสตร์เกาหลีและความโมเดิร์นเข้าไว้ด้วยกันอย่างลงตัว


รูปภาพและข้อมูล: Instagram @leje.official

keyboard_arrow_up