ofo พร้อมเปิดให้บริการจักรยาน 6,000 คัน ในประเทศไทย ภายในเดือนกันยายนนี้

ofo ผู้ให้บริการจักรยานสาธารณะแบบไร้สถานีชั้นนำของโลก เริ่มทดลองเปิดให้บริการที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และจะเปิดให้บริการในวันที่ 1 สิงหาคม 2560 อย่างเป็นทางการ โดยในอีกสามเดือนข้างหน้า ofo วางแผนที่จะร่วมมือกับมหาวิทยาลัยอื่น ๆ อีก 10 แห่ง ในประเทศไทย ก่อนที่จะเปิดให้บริการสำหรับการใช้งานทั่วไปบนท้องถนนในเมืองในอนาคต

ofo ได้เปิดให้ทดลองใช้จักรยานชุดแรกจำนวน 546 คัน ในมหาวิทยาลัยในเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา และจะเปิดให้ใช้บริการเพิ่มอีก 454 คัน ในเดือนสิงหาคม โดยคาดว่าจะมีจักรยานที่เปิดให้ใช้บริการรวมทั้งสิ้นเป็นจำนวน 6,000 คันภายในเดือนกันยายน หลังจากนั้นตั้งเป้าที่จะเพิ่มจำนวนจักรยานที่เปิดให้ใช้บริการเดือนละ 5,000 คัน ในทุกๆ เดือน  การเปิดให้บริการในครั้งนี้ จะเริ่มจากการสร้าง “มหาวิทยาลัยอัจฉริยะ (smart campus) ” ต่อยอดไปสู่ “เมืองอัจฉริยะ(smart city)” ในอนาคต โดยมีเป้าหมายเพื่อช่วยให้การเดินทางระยะสั้นในเมือง สะดวก ราคาไม่แพง ช่วยให้มีสุขภาพดี และเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม

ทั้งนี้ ofo ได้จัดแสดงจักรยานในงาน Techsauce Global Summit ที่จัดขึ้นในกรุงเทพฯ ตั้งแต่วันที่ 28 กรกฎาคมจนถึงวันที่ 29 กรกฎาคม ที่ผ่านมา โดย ofo เป็นผู้ให้บริการจักรยานสาธารณะรายเดียวที่เข้าร่วมงานในฐานะผู้ร่วมจัดงานอย่างเป็นทางการในงานประชุมเทคโนโลยีระดับโลกที่จัดขึ้นเป็นครั้งแรกในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

ดูดวงรายวัน ประจำวันพุธที่ 2 สิงหาคม 2560

ดูดวงรายวัน ประจำวันพุธที่ 2 สิงหาคม 2560 เช็คทุกวัน ทันทุกดวงกับ แพรว ดอทคอม

ผู้ที่เกิดวันอาทิตย์

การงาน :  ท่านมีทิฐิมานะ มั่นใจในตัวเองสูงมาก จนอาจเกิดการทะเลาะขัดแย้งกับเพื่อนร่วมงานได้ หากท่านล้ม หรือพลาดจะถูกรุมกระหน่ำซ้ำเติมทันที

การเงิน : ขึ้นลงเร็วจนตั้งตัวไม่ติด อาจเข้าไปเกี่ยวข้องกับเงินที่ผิดกฎหมาย ควรทำบุญบ้างนะคะ

ความรัก : วันนี้อาจพบกับความผิดหวัง เสียใจ เมื่อรู้ว่าคู่คิดไม่ซื่อหรือแอบมีกิ๊ก รักตัวเองให้มากๆ คนโสด อย่าเพิ่งรักใครเลยดีกว่าค่ะ มีแต่ปัญหา จะเจ็บเสียเปล่าๆ

สุขภาพ : ระวังโรคที่เกี่ยวกับทั้งผู้หญิงและผู้ชาย เช่น มดลูก หรือต่อมลูกหมาก

 

ผู้ที่เกิดวันจันทร์

การงาน :  มีหน้าที่ความรับผิดชอบที่หนักหนาสาหัส ต้องแบกรับภาระอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ท่านต้องใช้ความอดทนอดกลั้นในการต่อสู้และแก้ไขปัญหาอย่างต่อเนื่องยาวนาน จึงจะผ่านไปได้

การเงิน : ลดความฟุ่มเฟือยลงบ้าง ไม่อย่างนั้นจะเก็บเงินไม่ได้

ความรัก :  วันนี้ด้วยภาระความรับผิดชอบที่ยิ่งใหญ่ ทำให้ต้องลดความสำคัญของครอบครัวลง ไม่มีเวลาแม้แต่จะแสดงออกว่า รักเธอ คนโสด งานเยอะมากจนไม่อยากมีแฟน

สุขภาพ : ท่านไม่ชอบทานยา หรือไปหาหมอ ระวังจะเป็นหนักเกิ๊น

 

ผู้ที่เกิดวันอังคาร

การงาน  : อยู่ในช่วงที่ท่านพัก ปล่อยวาง หลังจากผ่านวิกฤติการณ์การทำงานมาอย่างหนักหน่วง เพื่อรอวันเริ่มต้นงานใหม่ๆ ในอนาคตอันใกล้ต่อไป

การเงิน :  หากอยากลงทุนต้องทำคนเดียว อย่าลงทุนหรือร่วมหุ้นกับใคร

ความรัก :  วันนี้มีทิฐิมานะจนเกิดการไม่ลงรอยกัน มีความคิดแบบเด็ก เรียกร้องและคาดหวังจากคู่ค่อนข้างสูง  จึงทำให้ความรักไม่ราบรื่น คนโสด ดูใจกันย้าวยาวค่ะ ยังไม่ลงเอยกันง่ายๆ

สุขภาพ : ระวังติดเชื้อ โรคภูมิแพ้จากการเดินทางไปในสถานที่ที่ไม่คุ้นเคย หรือใช้ของร่วมกับผู้อื่น

 

ผู้ที่เกิดวันพุธ

การงาน  :  มีความสุขกับการทำงาน จะได้รับความรัก ความเมตตา และการยอมรับสนับสนุนอย่างดีจากผู้บังคับบัญชา และเพื่อนร่วมงาน จะได้มีโอกาสเลื่อนขั้นเลื่อนตำแหน่งเสียด้วย

การเงิน   : เงินเข้าคล่องมือมาก เพราะผู้ใหญ่ให้การอุปถัมภ์ค้ำจุน

ความรัก : วันนี้ท่านจะได้รับความรัก ความอบอุ่นจากคนรัก จะมีงานเลี้ยงในวาระพิเศษกันในครอบครัว ได้อยู่พร้อมหน้าพร้อมตากัน เป็นช่วงเวลาที่มีความสุข คนโสด ช่วงนี้เสน่ห์แร๊งแรง มีนัดดินเนอร์ไม่ซ้ำกันเลย

สุขภาพ : ระวังโรคที่เกี่ยวกับการย่อยอาหาร การเจ็บป่วยในช่องท้องและลำไส้

 

ผู้ที่เกิดวันพฤหัสบดี

การงาน : อารมณ์ท่านพลิ้วไหวคนละเรื่องกับเมื่อวานเลย จะเชื่อคนง่าย  จึงเปิดโอกาสให้ถูกหลอกได้ง่าย ควรใช้สติวิเคราะห์ให้ดีก่อนตัดสินใจทำอะไร เพราะจะทำให้เกิดผลเสียหายได้

การเงิน :   ระวังคนใกล้ชิดจะหลอกให้กู้ยืมเงิน หรือการค้ำประกันให้ อย่านะคะ

ความรัก : วันนี้ได้ยินได้ฟังอะไร ขอให้ชั่งใจสักนิด เพราะมีเกณฑ์ถูกคนรักหลอก  คนโสด  ยังโลเล ไม่สามารถตัดสินใจอะไรได้

สุขภาพ : ระบบหมุนเวียนเลือดไม่โอเคนะคะ ควรทานผักผลไม้หรือวิตามินบำรุงเลือดหน่อย

 

ผู้ที่เกิดวันศุกร์

การงาน  : ท่านคนนี้นั้นมีแต่ให้ แล้วไม่หวังผลตอบแทนใดๆ ด้วย มีความคิดล้ำหน้าเกินกว่าใครจะเข้าใจ จึงเหมาะที่จะสร้างชื่อสร้างผลงานด้วยตัวเอง

การเงิน : ทำงานจึงได้เงินค่ะ แต่ก็ต้องจัดสรรเงินส่วนหนึ่งไว้ช่วยคนอื่นกับเข้าสังคม

ความรัก : วันนี้ความรักอยู่ในอุดมคติ ยึดมั่นในอุดมการณ์ โลกของท่านคือสังคมมากกว่าจะเป็นโลกของเราสองคน คนโสด คบกันไปก่อน ยังไม่คิดถึงการแต่งงานค่ะ

สุขภาพ  :  จะไวต่อสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลง จะเป็นหวัดง่าย

 

ผู้ที่เกิดวันเสาร์

การงาน : ท่านต้องใช้ความรู้ความสามารถในการเอาตัวรอด เพื่อจะเดินไปให้ถึงเป้าหมายที่วางไว้

การเงิน : กล้าเสี่ยง แต่ต้องเห็นผลกำไรแน่นอน

ความรัก :  วันนี้มีความเจ้าคิดเจ้าแค้นสูง ชอบค้นหาข้อเท็จจริงเพื่อเอาชนะ  คนโสด เคยผิดหวังอย่างรุนแรงมาหลายครั้ง จนเข็ด มีแนวโน้มจะเป็นโสดสูงมาก

สุขภาพ :  ปกติไม่ค่อยป่วย แต่หากป่วยแล้วจะรุนแรงมาก ดูแลตัวเองด้วย

มิติใหม่แห่งวงการขาอ่อน!“มิสเมียนมา อินเตอร์เนชั่นแนล”จับสาวงามนุ่งกระโจมอกแทนชุดว่ายน้ำ

ช่วงนี้การประกวดนางงามดูคึกคักเป็นพิเศษไม่ว่าจะเป็นในเมืองไทยหรือต่างประเทศ แต่ที่กำลังเป็นที่ฮือฮาที่สุดในตอนนี้ก็คงหนีไม่พ้นการประกวด “มิสเมียนมา อินเตอร์เนชั่นแนล 2017” ที่ปีนี้แหวกแนวไม่เน้นโป๊แต่เน้นความอาร์ต ด้วยการให้บรรดาผู้เข้าประกวดนุ่งกระโจมอกอวดโฉมความเซ็กซี่แบบคลาสสิคแทน เห็นแล้วก็ต้องปรบมือกับเจ้าของไอเดียจริงๆ

ภาพจาก Miss Myanmar International

สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ

40+ พระบรมฉายาลักษณ์สุดงดงาม ‘สมเด็จแม่ของแผ่นดิน’ ทรงสวยที่สุด

สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ
สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ

พระสิริโฉมของ ‘สมเด็จแม่ของแผ่นดิน’ นั้นเป็นที่ยอมรับไปทั่วโลก

ย้อนกลับไปเมื่อครั้งที่ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ เสด็จพระราชดำเนินตาม พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช เยือนสหรัฐอเมริกาและภาคพื้นยุโรป 14 ประเทศ นอกจากจะทำให้นานาชาติรู้จักประเทศไทยดีขึ้นแล้ว ยังส่งผลให้ชาวโลกได้ประจักษ์ถึงความงดงามของพระองค์

และทำให้บรรดาผู้เชี่ยวชาญการออกแบบเครื่องแต่งกายสตรีของโลก จำนวน 2,000 คน ได้ออกเสียงเลือก ‘สมเด็จแม่ของแผ่นดิน’ เป็น 1 ใน 10 สตรีที่แต่งกายงามที่สุดในโลก

queen sirikit

queen sirikit

queen sirikit

queen sirikit

queen sirikit

จะว่าไปพระสิริโฉมของสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ก็เป็นที่เลื่องลือมาตั้งแต่พระองค์ทรงแรกรุ่น ดังที่ปรากฎความในหนังสือ “บันทึก ‘เป็น อยู่ คือ’ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ” ว่าเมื่อพระองค์เจริญพระชนม์ได้ 13 พรรษา พระชนก หม่อมเจ้านักขัตรมงคล ได้รับแต่งตั้งไปดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูตประจำสำนักเซนต์เจมส์ กรุงลอนดอน ก่อนออกเดินทางทรงพาครอบครัวไปกราบบังคมทูลลาสมเด็จพระพันวัสสา อัยยิกาเจ้า ซึ่งบางครั้งความทรงจำของท่านก็ทรงเลือนๆ ไปบ้าง

queen sirikit

queen sirikit

queen sirikit

queen sirikit

queen sirikit

ตอนหนึ่งสมเด็จพระพันวัสสาฯ รับสั่งถามสมเด็จพระนางเจ้าฯ ซึ่งขณะนั้นดำรงอิสริยยศเป็นหม่อมราชวงศ์สิริกิติ์ว่า มีเรือนหรือยัง พระชนกก็ทูลตอบว่าเพิ่งมีอายุ 13 เท่านั้น ทำเอาสมเด็จพระพันวัสสาทรงกริ้วว่า “ฉันไม่ได้ถามว่ามีเรือนหรือยัง ฉันถามว่าอายุเท่าไหร่ ตอบไม่ตรงคำถาม” สมเด็จพระนางเจ้าฯ ซึ่งนั่งฟังอยู่ถึงกับขำจนต้องก้มหน้าลงหัวเราะกิ๊ก ต่อจากนั้นสมเด็จพระพันวัสสาก็รับสั่งให้สมเด็จพระนางเจ้าฯยืนขึ้น หลังจากหมอบกราบแล้วยืนขึ้นตามรับสั่ง ทรงให้หมุนตัวไปรอบๆ แล้วรับสั่งว่า “เออ เขาก็สวยสง่าดี”

queen sirikit

queen sirikit

queen sirikit

queen sirikit

queen sirikit

ภายหลังเมื่อพระองค์ทรงเข้าพิธีราชาภิเษกสมรสแล้ว ทรงต้องโดยเสด็จ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชไปทรงเจริญสัมพันธไมตรีกับนานาประเทศ เพลานั้นประเทศไทยยังไม่มีชุดแต่งกายประจำชาติ สมเด็จพระนางเจ้าฯ ทรงหนักพระทัยมาก  ด้วยต้องทรงเตรียมพร้อมสำหรับกำหนดการ สภาพภูมิอากาศ และธรรมเนียมประเพณีที่หลากหลาย ซึ่งนอกจากต้องถูกกาลเทศะแล้ว ยังต้องแสดงถึงเอกลักษณ์ความเป็นไทยอีกด้วย ความตอนหนึ่งในหนังสือ “ราชศิลป์พัสตราภรณ์ พิพิธภัณฑ์ผ้าในสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ” เขียนถึงการเตรียมพระองค์ในครั้งนั้นว่า

queen sirikit

queen sirikit

queen sirikit

queen sirikit

queen sirikit

สมเด็จพระนางเจ้าฯ ทรงเชิญผู้มีความรู้หลายท่านมาถวายคำแนะนำ ทรงศึกษาจากภาพถ่ายและภาพวาดของพระบรมวงศานุวงศ์หญิงในราชสำนัก จนพบว่ารูปแบบชุดนั้นยังไม่มีการกำหนดไว้แน่ชัด จึงทรงมีพระราชเสาวนีย์ให้หม่อมหลวงมณีรัตน์ บุนนาค พระญาติสนิทและนางสนองพระโอษฐ์ ไปพบผู้ที่มีความรู้ทางประวัติศาสตร์ วัฒนธรรม และประเพณีไทย คือ ศาสตราจารย์พระยาอนุมานราชธน และอาจารย์สมศรี สุกุมลนันทน์ บุตรสาว ซึ่งในเวลานั้นเป็นอาจารย์หัวหน้าแผนกผ้าและการแต่งกายอยู่ที่วิทยาลัยเทคนิคกรุงเทพฯ ให้มาช่วยค้นคว้าเพื่อใช้เป็นข้อมูลในการออกแบบเพื่อใช้ในการโดยเสด็จฯ

queen sirikit

queen sirikit

Long Live Her Majesty The Queen

 

queen sirikit

queen sirikit

ที่สุดสมเด็จพระนางเจ้าฯ ก็ทรงตัดสินพระราชหฤทัยด้วยพระองค์เอง ทรงมีพระราชดำริว่า มีความจำเป็นต้องมีฉลองพระองค์เองที่แสดงถึงเอกลักษณ์ไทยอย่างแท้จริง และจะต้องเป็นเครื่องแต่งกายประจำชาติที่สวยงามดึงดูดใจและสวมใส่ได้จริง

queen sirikit

 

queen sirikit

queen sirikit

queen sirikit

ขณะเดียวกันพระองค์ก็ทรงมีพระราชประสงค์ที่จะทรงฉลองพระองค์แบบสากลตามความเหมาะสมแก่โอกาสด้วย ห้วงเวลานั้น นายปิแอร์ บัลแมง กำลังพักอยู่ที่กรุงเทพฯ พอดี จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ เชิญดีไซเนอร์ชื่อก้องมาเป็นช่างออกแบบเสื้อตัดเย็บฉลองพระองค์เพื่อการนี้ด้วย

queen sirikit

queen sirikit

queen sirikit

 

queen sirikit

queen sirikit

ความมุ่งมั่นตั้งพระราชหฤทัยที่ต้องการให้ชื่อประเทศไทยถูกจารึกแก่ชาวโลกนับว่าเป็นผลสำเร็จ เมื่อผู้เชี่ยวชาญการออกแบบเครื่องแต่งกายสตรีของโลกต่างเฉลิมพระเกียรติให้ทรงเป็น 1 ใน 10 ของสุภาพสตรีที่แต่งกายงดงามที่สุดในโลกในปี พ.ศ. 2503 และ 2504 และทรงเป็นสุภาพสตรีผู้แต่งกายดีที่สุดในโลกใน พ.ศ.2506 และ 2507

Queen Sirikit skiing in Gstaad, Switzerland, in 1960.

Her Majesty Queen Sirikit Of Thailand, Long Live The Queen.

ต่อมาใน พ.ศ.2508 มีการจารึกพระนามาภิไธยในหอแห่งเกียรติคุณ ณ นครนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา ในฐานะที่ทรงเป็น 1 ใน 12 สุภาพสตรีที่แต่งกายงามที่สุดในโลก ทั้งนี้นิตยสารโว้คปารีส ยังได้ลงพระฉายาลักษณ์พระองค์ท่านในหน้าแฟชั่นในเล่มเป็นจำนวนหลายหน้าอีกด้วย

 

queen sirikit

queen sirikit

queen sirikit

queen sirikit

queen sirikit

มีบันทึกเล่าขานว่าครั้งหนึ่งนักข่าวได้ทูลถามพระองค์ว่า “มักมีคนไม่เข้าใจว่า ในการเสด็จฯ ไปไหน เหตุใดต้องทรงแต่งพระองค์งาม แล้วยังโปรดให้ข้าราชบริพารแต่งตัวสวยๆ ด้วย” สมเด็จพระนางเจ้า ก็ทรงมีรับสั่งตอบว่า “อันนี้จริง ฉันเป็นคนที่แก้ไม่หาย พระท่านบอกว่า ยังติดอยู่กับความสวยความงาม แต่ว่าความจริงแล้วเป็นอย่างนั้น ชอบสวยงาม แล้วอีกประการหนึ่ง ชาวบ้านนี่นานๆ เขาจะเห็นเราสักทีหนึ่ง โดยมากชั่วชีวิตเขาก็เห็นไม่กี่ครั้งเลย จึงคิดว่าน่าจะพยายามแต่งตัวให้ดี ให้เขาเห็น ให้เขาจำ”

queen sirikit

queen sirikit

queen sirikit

Her Majesty Queen Sirikit Of Thailand, Long Live The Queen.

ในวโรกาสที่วันเฉลิมพระชนมพรรษา สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ผู้ทรงเป็นมิ่งขวัญของชาวไทยเวียนมาบรรจบอีกวาระ ด้วยความสำนึกยิ่งในพระมหากรุณาธิคุณของพระองค์ท่าน แพรวดอทคอมขอถวายพระพรชัย

ขอให้ ‘สมเด็จแม่ของแผ่นดิน’ ทรงพระเจริญยิ่งยืนนาน

ดีหรือร้ายใช้น้ำยาล้างจุดซ่อนเร้น

account_circle

เราเชื่อว่าสาวๆ หลายคนคงเลือกใช้น้ำยาล้างจุดซ่อนเร้นเพื่อทำความสะอาดน้ำสาวหรือเพื่อระงับไม่ให้เกิดกลิ่นไม่พึ่งประสงค์ แต่เคยรู้รึเปล่าคะว่าการใช้น้ำยาเหล่านี้จริงๆ แล้วส่งผลดีหรือร้ายต่อน้องสาวของคุณกันแน่

ทำความรู้จักน้องสาวกันก่อน

เชื่อว่าสาวๆ หลายคนคงรู้ดีว่าร่างกายของคนเรานั้นมีภาวะสมดุลแฝงอยู่ภายใน เพื่อป้องกันการรับเชื้อสิ่งแปลกปลอม ซึ่งก็ไม่ต่างกับช่องคลอดและน้องสาวของเรานะคะ เพราะภายในน้องสาวของเรานั้นมีเชื้อจุลินทรีย์และกรดอ่อนๆ ที่เรียกว่ากรดแลคติค (Lactic acide) และไกลโคเจน (Glycogen) ที่จะทำหน้าที่คอยคุ้มกันและปรับภาวะสมดุลไม่ให้เชื้อโรคอื่นๆ เข้ามาทางช่องคลอดอีกด้วย

จำเป็นไหมที่ต้องใช้น้ำยาเฉพาะจุด

เราขอคอนเฟิร์มจากการนั่งอ่านนอนอ่านบทความของคุณหมอหลายๆ ท่านและสรุปว่า สาวๆ ไม่จำเป็นต้องใช้น้ำยาล้างจุดซ่อนเร้นค่ะ เพราะการใช้น้ำยาล้างจุดซ่อนเร้นเป็นประจำ จะส่งผลให้สาวๆ สูญเสียเชื้อจุลินทรีย์และกรดที่ดีออกไป!! ซึ่งนั่นจะทำให้คุณเสี่ยงป่วยเป็นโรคเชื้อราในช่องคลอดได้ง่ายขึ้น

ซึ่งสาวๆ คนไหนที่มีนิสัยชอบใช้น้ำยาสวนล้างเข้าไปภายในช่องคลอดทุกครั้งเวลาอาบน้ำเช้า-เย็นโอ๊ยตายๆ แบบนั้นอาจจะทำให้คุณมีอาการคันและรู้สึกแห้งที่บริเวณช่องคลอดภายในได้นะคะ เพราะสาเหตุแรกอาจเกิดจากการที่คุณทำความสะอาดล้างน้ำยาออกไม่หมด หรือสองเกิดจากการที่คุณใช้น้ำยาถี่มากเกินไปจนไปทำลายล้างเชื้อจุลินทรีย์และกรดที่ดีออกไป หรือบางครั้งอาจจะมีอาการบวมแดง หรือมีผดผื่นขึ้นที่บริเวณผิวหนังภายนอก เพราะแพ้น้ำหอมที่อยู่ในน้ำยา และถ้าเป็นแบบนั้นจริงๆ รับรองผู้ของคุณไม่ปลื้มแน่ค่ะ

ส่วนสาวๆ คนไหนที่มีคำถามว่าแล้วถ้ามีความอยากใช้น้ำยาจริงๆ ต้องทำอย่างไร น้องพลอยก็ขอแนะนำว่าให้คุณสาวๆ ใช้น้ำยาล้างจุดซ่อนเร้นเพียงสัปดาห์ละ 1 –  2 ครั้ง หรือเวลาที่มีรอบเดือนมา สุดท้ายสิ่งที่ดีที่สุดก็คือการดูแลรักษาสุขภาพอนามัยน้องสาวให้สะอาดด้วยล้างด้วยน้ำสะอาดและอย่าปล่อยให้อับชื้นเท่านี้รับรองสุขภาพน้องสาวดีชัวร์ค่ะ

เรื่อง : พลอยน้องใหม่

ขอบคุณข้อมูล : นายแพทย์เมธี พงษ์กิตติหล้า ผู้อำนวยการกองอนามัยการเจริญพันธุ์ กรมอนามัย, นายแพทย์สุกมล วิภาวีพลกุล หัวหน้ากลุ่มงานคลินิกเติมรัก โรงพยาบาลสมเด็จเจ้าพระยา

ภาพ : http://www.ความรู้รอบตัว.com/

ส่องแฟชั่น “ญาญ่า” จาก “เล่ห์ลับสลับร่าง” ตอนแรก! คอสตูมสวยเลิศ เพลินตาทุกฉาก

ออนแอร์ตอนแรกก็ดังเปรี้ยงสุดๆ สำหรับละครเรื่อง เล่ห์ลับสลับร่าง ที่ได้คู่จิ้น NY อย่าง ณเดชน์ คูกิมิยะ และ ญาญ่า – อุรัสยา เสปอร์บันด์ รับบทนำ แก่นของเรื่องที่ชวนให้ติดตาม คือทั้งสองคนต้องสลับร่างกันจ้าาา งานนี้ความฮามาเต็ม เพราะจากตัวอย่างละครก่อนหน้านี้ หนุ่มณเดชน์เล่นบทสาวได้ดีมากกกก จริตนี่มาเต็ม ส่วนญาญ่าเองก็ต้องสลับไปรับบทตำรวจ งานบู๊เตะต่อยก็ต้องจัดเต็มเหมือนกัน แต่ตอนแรกที่เพิ่งออกอากาศไป ทั้งสองคนยังไม่สลับร่างกันนะ แพรวดอทคอมนี่ลุ้นอยากให้สลับร่างกันเร็วๆ จัง อยากดูแล้ว อิๆ

โดยก่อนจะสลับร่างกัน หนุ่มแบร์รี่ รับบท รามิล ทุ่งพระเพลิง เจ้าของฉายา ผู้หมวดมือเหล็ก ส่วนน้องญ่าของเราก็รับบท เภตรา ภาวดี นางเอกดังผู้มีความงามโดดเด่นจนได้รับฉายา ไข่มุกแห่งเอเชีย 

แต่ถึงจะยังไม่ได้สลับร่างก็เรียกเสียงฮาได้ไม่น้อย เพราะสาวญาญ่าเล่นเต็มสุดๆ ความเว่อร์วังนี่กินขาด ฮาๆๆ และที่โดดเด้งมากกกกไม่แพ้การแสดงของเธอ ก็เห็นจะเป็นคอสตูมนี่แหละ ที่สวยสดงดงาม ดูดีตลอดทั้งตอน คอลัมน์แฟชั่นของแพรวดอทคอมเลยขอรวมแฟชั่นของเภตราในตอนแรกมาให้ดูเรียกน้ำจิ้มกันก่อน เพราะเชื่อว่าต่อจากนี้แฟชั่นของนางคงเลิศขึ้นทุกๆ ตอน

 

เริ่มที่ฉากเปิดตัว เภตราเธอมารับรางวัลสิงห์ทองคำที่ฮ่องกงจ้า เดินพรมแดงสวยๆ

มุมเผลอก็น่ามอง ดีเทลชุดคือแน่นมาก ยิ่งดูใกล้ๆ ยิ่งสวยทั้งตัวเดรสและคนเลย

สำหรับชุดนี้คงเป็นชุดที่ดังสุดตอนนี้แล้วล่ะมั้ง เพราะบทพูดสาวญาญ่าในชุดนี้ถูกชาวเน็ตแชร์กันเยอะมาก

เล่นหนังอินเดีย ชื่อก็ต้องอินเดีย เภตรา รับบทเป็น เซเฮอซาเด ชื่อมีความยากเบาๆ จนพระเอกที่เล่นคู่ลืมชื่อกันเลย และนั่นก็เป็นที่มาว่าทำไมสาวเภตราถึงด่านักแสดงร่วมว่า อีโง่ ประโยคเด็ดของเรื่องในตอนแรก

 

มาเดินช็อปปิ้งเลือกกระเป๋าเก๋ๆ แต่ชุดนี่ดูไม่ธรรมดาเลยนะจ๊ะ งานหมวกก็มา

ดูเต็มๆ จากด้านหลังกันบ้าง คือมีความรันเวย์มาก ชุดพร้อมเดินแบบสุดๆ 

g

ชุดมากินข้าวกับหนุ่มก็มี ถึงจะไม่หวือหวามาก แต่โชว์รูปร่างได้ดี ดูขนาดตัวกับเอวสิคุณณณณ เล็กไปไหน อิจเบอร์แรง ฮาๆ

จ้องตากันนี่คือนอกบทใช่ไหมคะ อิๆ ฉากนี้เภตราเป็นแขกรับเชิญในรายการทอล์คโชว์คู่กับผู้หมวด ตัวเดรสเกาะอกงานดี สีของชุดและดีเทลมาแบบเรียบๆ แต่สวยมากค่าาา

สุดท้ายกับแฟชั่นที่จะได้ดูเต็มๆ ในคืนนี้ กับฉากถ่ายละครเรื่อง โคตรสิงห์แดนเถื่อน ของเภตราและรามิล


 

ละครเพิ่งจะลงจอคืนแรก แฟชั่นของเภตราก็จัดเต็มซะแล้ว ยิ่งชุดที่ต้องเข้าฉากในละครยิ่งใส่ไม่ยั้งจริงๆ รวมถึงชุดในวันปกติของเภตราก็ไม่น้อยหน้านะ แต่จะให้เล่นเบาๆ ก็คงไม่ได้ เพราะในเรื่องเธอคือไข่มุกแห่งเอเชีย ภาพลักษณ์ต้องดูดีอยู่ตลอด ส่วนคืนนี้ชุดของสาวญาญ่าในเรื่องจะเป็นยังไง แพรวดอทคอมจะรอเกาะขอบจอเลยจ้า อิๆ

 

 

 

ภาพ : IG#Ch3

 

 

“ไม่มีวันไหนที่ไม่คิดถึงแม่” 2 พระโอรสเปิดใจผ่านสื่อครั้งแรกในสารคดี 20 ปีที่จากไป DIANA: Our Mother

DIANA: Our Mother…20 ปีผ่านมาแล้ว หลังจากที่เกิดเหตุการณ์อันแสนเศร้าสลดไปทั่วโลก เมื่อเจ้าหญิงไดอาน่า Princess of Wales นั้นสิ้นพระชนม์จากอุบัติเหตุทางรถยนต์เมื่อปี พ.ศ. 2540 และนับตั้งแต่นั้นภาพแห่งความอบอุ่นระหว่างพระองค์กับพระโอรสทั้งสองก็ไม่เคยปรากฏให้เห็นอีกเลย

การสิ้นพระชนม์ของเจ้าหญิงไดอาน่าทำให้พระโอรสทั้งสอง คือ เจ้าชายวิลเลียม (ดยุคแห่งเคมบริดจ์) และเจ้าชายแฮร์รี่แห่งเวลส์ รู้สึกเสียพระทัยมากเช่นกัน ซึ่งตลอด 20 ปีที่ผ่านมา ทั้งสองพระองค์ยังไม่เคยเปิดเผยเรื่องราวความสัมพันธ์ระหว่างพระองค์กับพระมารดามากนัก จนกระทั่งปรากฏภาพวิดีโอสารคดี DIANA: Our Mother ออกมา ซึ่งเนื้อหาในคลิป ดยุคแห่งเคมบริดจ์และเจ้าชายแฮร์รี่ได้เปิดเผยเรื่องราวเล่าย้อนไปถึงวัยเด็กในช่วงที่พระมารดายังมีพระชนม์ชีพอยู่ด้วยความคิดถึง พร้อมกับนำภาพส่วนพระองค์ที่เก็บไว้อย่างดีมาเปิดเผยต่อสาธารณชนเป็นครั้งแรก

ความตอนหนึ่งที่ดยุคแห่งเคมบริดจ์รับสั่งถึงพระมารดา ซึ่งทำเอาน้ำตาคลอไม่น้อยเลยทีเดียว คือ พระองค์รับสั่งว่า ไม่มีวันไหนที่พระองค์ไม่คิดถึง กระทั่งในวันที่พระองค์เข้าพิธีเสกสมรส ก็เชื่อเสมอว่า “แม่” กำลังมองดูอยู่

นอกจากนี้เจ้าชายแฮร์รี่แห่งเวลส์ พระโอรสองค์เล็กของเจ้าหญิงไดอาน่า ก็ได้เล่าถึงพระจริยวัตรที่น้อยคนนักจะรู้เกี่ยวกับพระมารดาของพระองค์ คือ “แม่” เป็นคนที่อารมณ์ดี และชอบทำตัวเป็นเด็กเหมือนพวกเรา “แม่” ทะเล้นและเป็นคนร่าเริงมาก แม้ว่าจะอยู่ในช่วงเวลาที่แย่ก็ตาม และพยายามเลี้ยงดูลูกให้ธรรมดาที่สุด แม่พาไปดูหนัง ขับรถเล่น แม่สอนและทำให้รู้ว่าชีวิตจริงๆ นั้นไม่ใช่อยู่แค่ในวัง แต่เป็นนอกวังต่างหาก

การปลูกฝังเลี้ยงดูพระโอรสในแบบเจ้าหญิงไดอาน่า แม้ว่าพระองค์จะมีเวลาได้ทำหน้าที่แม่เพียง 15 ปี แต่ก็เป็น 15 ปีที่เปี่ยมไปด้วยความรัก ความอบอุ่น และปูพื้นฐานทางด้านจิตใจให้พระโอรสทั้งสองนั้นมีเมตตาต่อเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน เราจึงได้เห็นว่าพระโอรสทั้งสองนั้นไม่ทรงถือพระองค์ในการปฏิบัติพระกรณียกิจต่างๆ ยามที่ต้องพบปะกับประชาชนเลยสักนิด อีกทั้งพระโอรสทั้งสองยังสานต่องานของเจ้าหญิงไดอาน่าที่ทรงมุ่งมั่นช่วยเหลือเพื่อนมุนษย์ในหลายด้านมาจนถึงทุกวันนี้ด้วย

สำหรับสารคดี DIANA: Our Mother นอกจากจะมีเรื่องราวที่พระโอรสทั้งสองเปิดเผยเป็นครั้งแรกแล้ว ยังได้พระสหายคนสนิทและสมาชิกของครอบครัวฟรานเซสมาร่วมย้อนรำลึกอดีตของเจ้าหญิงไดอาน่า พร้อมกับนำภาพส่วนพระองค์ตั้งแต่ทรงพระเยาว์มาให้ดูกันด้วย

ทั้งนี้สามารถรับชมได้ทาง YouTube @Royal World Thailand ซึ่งได้มีการแปลเป็นภาษาไทย พร้อมกับขึ้น Sub Title ให้ด้วยทั้ง 6 ตอน

ขอขอบคุณคลิปจาก : Royal World Family

ภาพ : [email protected]

 

เปิดโฉมหน้านางแบบดัง ชาวเพิร์ลจากหนังเรื่อง “Valerian” พร้อมส่องแฟชั่นสุดคูลของพวกเธอ

แม้ว่าหนังเรื่อง วาเลเรียน พลิกจักรวาล (Valerian) จะเข้าฉายไปสักพักใหญ่แล้ว แต่แพรวดอทคอมขอสารภาพเลยว่าเพิ่งได้มีโอกาสดูเมื่อวันหยุดที่ผ่านมานี่เอง จริงๆ ตั้งแต่ตัวอย่างก็จะรู้กันแล้วว่าเป็นหนังที่ล้ำยุคมากกกก แต่เมื่อเข้าไปดูก็ผจญภัยสุดเหวี่ยงทั้งเรื่อง บอกเลยว่าหายใจไม่ทั่วท้อง ไม่รู้ว่านั่งอยู่ในโรงหนังหรือบนรถไฟเหาะกันแน่ เพราะลุ้นเหลือเกินนน

ในหนังเรื่องนี้หลายคนคงโฟกัสไปที่พระ-นางของเรื่อง โดยเฉพาะคาร่า เดเลวีน กันละสิ แพรวดอทคอมก็ไม่ต่าง (ฮาๆ) ก็ในเรื่องคาร่าเป็นนักแสดงนำ จะไม่ให้มองนางได้ไง แถมยังสวย ดูแล้วก็เพลินตา แต่!!!! ที่เด่นไม่แพ้คาร่าก็ชาวเพิร์ลจากดาวมิวท์นี่แหละ สำหรับชาวเพิร์ล หนังเรื่องนี้เขาใช้เทคนิค CG พิเศษ โดยมีคนจริงแสดง แต่ต้องติดอุปกรณ์ไว้ที่ตัว เพื่อการตัดต่อและการใส่ CG จะได้สมจริงขึ้น

เบื้องหลังของชาวเพิร์ลไม่ง่ายเลย ติดอุปกรณ์เยอะมาก

เมื่อใส่ CG บวกกับเทคนิคขั้นเทพเข้าไปก็ออกมาเนียนแบบนี้แหละ

วันนี้ก็ไม่ได้มารีวิวหนัง เพียงแค่เกริ่นให้ฟังเท่านั้นแหละ เพราะที่แพรวดอทคอมจะหยิบมาบอกต่อคือโฉมหน้าที่แท้จริงของนักแสดงนำจากดาวมิวท์ต่างหาก เพราะตัวเรื่องเริ่มจากเจ้าหญิงลีโฮบนดาวมิวท์ตื่นนอน คือช่วงแรกนางเด่นสุดไรสุด และเหตุการณ์ร้ายแรงที่ทำให้ดาวมิวท์ล่มสลายก็เป็นที่มาของเหตุการณ์หลักต่างๆ ในเรื่อง

แน่นอนว่าเป็นคอลัมน์แฟชั่นจะมาบอกแค่หน้าว่าเป็นยังไงก็ไม่ใช่ ต้องเอาภาพแฟชั่นในชีวิตจริงของตัวเด่นบนดาวมิวท์ทั้งสามคนมาให้ดูกันหน่อย และขอแอบกระซิบว่าทั้ง 3 สาวเป็นโมเดลชื่อดังนะจ๊ะ 

 

เริ่มด้วย Aymeline Valade รับบทเป็น จักรพรรดิลีมาอิ (Emperor Haban-Limaï) 

เทคนิคเริดมาก จากนางแบบสาวกลายมาเป็นราชาแห่งดาวมิวท์ได้

คราวนี้เรามาดูแฟชั่นในชีวิตจริงของเธอกันบ้าง บอกเลยไม่ว่าลุคไหนก็ผ่าน โหมดเท่ โหมดเรียบ หรือเก๋ก็เริดดด

 

 

 

 


 

ต่อกันที่ Pauline Hoarau รับบทเป็น จักรพรรดินีเอโลอิ (Empress Aloï)

หน้าตรงเหมือนกัน แต่หาความเหมือนไม่ได้เลย เป็นชาวเพิร์ลได้เนียนมากกก

แล้วแฟชั่นในวันสบายๆ ของเธอล่ะเป็นไง มาดูเลย

 

 

 

 


 

ปิดท้ายด้วยตัวเด่นเปิดเรื่อง Sasha Luss รับบทเป็น เจ้าหญิงลีโฮ (Princess Lïhio-Minaa)

ช่วงตามีความคล้ายอยู่นะ แต่ถ้าไม่บอกว่าเป็น Sasha เล่น หรือถ้าไม่ได้เอาภาพมาเทียบกัน ยังไงก็ดูไม่ออกอยู่ดี

ส่วนแฟชั่นในชีวิตประจำวันของสาวคนนี้มีทุกแนว ตั้งแต่สบายๆ ยันจัดเต็ม

 

 

 

 


 

นี่ถ้าไม่ได้เห็นว่าใครเป็นใคร ก็คงไม่รู้จริงๆ แหละว่าคนแสดง ยอมรับในเทคนิคเลย แต่ที่ตกใจกว่าคือ ทั้ง 3 สาวเป็นโมเดลตัวท็อปด้วยนะจ๊ะ เคยเดินแบบให้แบรนด์ระดับโลกอย่าง Chanel, D&G, Valentino และแบรนด์ดังๆ อีกเยอะมากกกก และแต่ละนางเมื่ออยู่ในลุคของชีวิตจริงแล้วปังทุกคนนะ สไตล์มีเอกลักษณ์ คาแร็คเตอร์ชัดเจน สมแล้วที่เป็นนางแบบระดับแถวหน้า

 

 

 

เรื่อง : Hana (ฮานะ)

ภาพ : IG@sashaluss , @paulinehoarau , @aymelinevalade , celebmafia.com , vitoday.ca , www.pinterest.com

 

 

 

ไหว้พระ 11 วัด รัตนโกสินทร์ เสริมสิริมงคลให้กับชีวิตและเรียนรู้ประวัติศาสตร์ไปพร้อมกัน

ไม่ว่าจะมุมไหนของประเทศไทย ทุกที่ล้วนมีอารยธรรมงดงามที่หาที่ไหนไม่ได้อีกแล้ว แม้แต่จังหวัดที่หนาแน่นไปด้วยผู้คนอย่ากรุงเทพมหานคร ก็ยังมีความน่าสนใจอีกมาก โดยเฉพาะวัดวาอารามอันเก่าแก่อย่าง 11 แห่งนี้ ที่ล้วนแต่เป็นที่ประทับจำพรรษาของสมเด็จพระสังฆราชแห่งกรุงรัตนโกสินทร์มาแล้วทั้งสิ้น

วัดราชบพิธสถิตมหาสีมารามราชวรวิหาร

เครดิตภาพจากการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย

วัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม เป็นพระอารามหลวงที่พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวโปรดเกล้าฯ ให้สร้างขึ้นเป็นวัดประจำรัชกาลเมื่อ พ.ศ. 2412 โดยมีพระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าประดิษฐวรการ พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหลวงสรรพสาตรศุภกิจ และเจ้าพระยาธรรมาธิกรณาธิบดี (หม่อมราชวงศ์ปุ้ม มาลากุล) เป็นผู้อำนวยการก่อสร้าง

โครงสร้างวัดมีลักษณะผสมระหว่างสถาปัตยกรรมไทยกับสถาปัตยกรรมตะวันตก ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานนามว่าวัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม หมายถึง วัดที่พระมหากษัตริย์ทรงสร้าง และมีมหาสีมาอันเป็นเสาศิลาจำหลักยอดเป็นรูปเสมาธรรมจักร 8 เสา ตั้งเป็นสีมาที่กำแพง 8 ทิศ “ราชบพิธ” หมายถึง พระอารามที่พระเจ้าแผ่นดินทรงสร้าง บพิธ คำนี้มาจากภาษาบาลีคือ ปวิธะ ที่แปลว่าสร้าง ส่วน “สถิตมหาสีมาราม” หมายถึง พระอารามซึ่งมีสีมากว้างใหญ่ เป็นมหาสีมาล้อมรอบอาณาเขตของวัด

วัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม นับเป็นพระอารามหลวงสุดท้าย ที่พระมหากษัตริย์ทรงสร้างตามโบราณราชประเพณีที่มีการสร้างวัดประจำรัชกาล  (ข้อมูล: วิกิพีเดีย)

นอกจากนี้ในอดีตเคยเป็นที่ประทับจำพรรษาของ สมเด็จพระสังฆราชเจ้า กรมหลวงชินวรสิริวัฒน์ (หม่อมเจ้าภุชงค์ สิริวฑฺฒโน ชมพูนุท) สมเด็จพระสังฆราชแห่งกรุงรัตนโกสินทร์ องค์ที่ ๑๑ สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช (วาสน์ วาสโน นิลประภา) สมเด็จพระสังฆราชแห่งกรุงรัตนโกสินทร์ องค์ที่ ๑๘ สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช (อมฺพร มหาเถร) สมเด็จพระสังฆราชแห่งกรุงรัตนโกสินทร์ องค์ที่ ๒๐ ซึ่งเป็นองค์ปัจจุบัน ได้ประทับจำพรรษา ณ วัดแห่งนี้อีกด้วย

วัดพระเชตุพนวิมลมังคลารามราชวรมหาวิหาร (วัดโพธิ์)

เครดิตภาพจากการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย

วัดโพธิ์ เป็นพระอารามหลวงชั้นเอก ชนิดราชวรมหาวิหาร และเป็นวัดประจำรัชกาลพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช ทั้งยังเปรียบเสมือนเป็นมหาวิทยาลัยแห่งแรกของประเทศด้วย เนื่องจากเป็นที่รวมจารึกสรรพวิชาหลายแขนง และทางยูเนสโกได้ขึ้นทะเบียนเป็นมรดกความทรงจำโลกของภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก เมื่อ มีนาคม พ.ศ. 2551] และวันที่ 16 มิถุนายน 2554 ทางยูเนสโก ได้ขึ้นทะเบียนจารึกวัดโพธิ์จำนวน 1,440 ชิ้น เป็นมรดกความทรงจำโลกในทะเบียนนานาชาติ

วัดพระเชตุพนวิมลมังคลารามราชวรมหาวิหารถือได้ว่าเป็นวัดที่มีพระเจดีย์มากที่สุดในประเทศไทย โดยมีจำนวนประมาณ 99 องค์[4] พระเจดีย์ที่สำคัญ คือ พระมหาเจดีย์สี่รัชกาล ซึ่งเป็นพระมหาเจดีย์ประจำพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว และพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว

ในแง่ของการท่องเที่ยวแล้ว วัดโพธิ์ได้รับความนิยมเที่ยวเป็นลำดับที่ 24 ของโลก ในปี พ.ศ. 2549 โดยมีนักท่องเที่ยวมาเยือนในปีนั้นถึง 8,155,000 คน
นอกจากนี้ในอดีตยังเคยเป็นที่ประทับจำพรรษาของสมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระปรมานุชิตชิโนรส(พระองค์เจ้าวาสุกรี สุวณฺณรงฺสี) สมเด็จพระสังฆราชแห่งกรุงรัตนโกสินทร์ องค์ที่ ๗ และ สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช (ปุ่น ปุณฺณสิริ สุขเจริญ) สมเด็จพระสังฆราชแห่งกรุงรัตนโกสินทร์ องค์ที่ ๑๗

วัดบวรนิเวศราชวรวิหาร

เครดิตภาพจากการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย

วัดบวรนิเวศ ราชวรวิหาร หรือ วัดบวรนิเวศวิหาร เป็นพระอารามหลวงชั้นเอก ชนิดราชวรวิหาร ตั้งอยู่ริมถนนบวรนิเวศน์และถนนพระสุเมรุ แขวงบวรนิเวศ เขตพระนคร กรุงเทพมหานคร ในอดีตเคยเป็นที่ประทับจำพรรษาของ สมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระยาปวเรศวริยาลงกรณ์(พระองค์เจ้าฤกษ์ ปฺญญาอคฺโค) สมเด็จพระสังฆราชแห่งกรุงรัตนโกสินทร์ องค์ที่ ๘ สมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระยาวชิรญาณวโรรส (พระองค์เจ้ามนุษยนาคมานพ มนุสฺสนาโค) สมเด็จพระสังฆราชแห่งกรุงรัตนโกสินทร์ องค์ที่ ๑๐ สมเด็จพระสังฆราชเจ้า กรมหลวงวชิรญาณวงศ์ (หม่อมราชวงศ์ชื่น สุจิตฺโต นพวงศ์) สมเด็จพระสังฆราชแห่งกรุงรัตนโกสินทร์ องค์ที่ ๑๓ และ สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช (เจริญ สุวฑฺฒโน คชวัตร) สมเด็จพระสังฆราชแห่งกรุงรัตนโกสินทร์ องค์ที่ ๑๙

วัดราชประดิษฐ์สถิตมหาสีมารามราชวรวิหาร

เครดิตภาพจากการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย

วัดราชประดิษฐสถิตมหาสีมาราม เป็นพระอารามหลวงชั้นเอก ชนิดราชวรวิหารที่พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวโปรดเกล้าฯ ให้สร้างขึ้น ตามธรรมเนียมประเพณีโบราณที่ว่า ในราชธานีจะต้องมีวัดสำคัญประจำ 3 วัด คือ วัดมหาธาตุ วัดราชบูรณะ วัดราชประดิษฐาน จึงทรงสร้างขึ้นใหม่เพื่อให้ครบตามโบราณราชประเพณี และเพื่อพระอุทิศถวายแก่พระสงฆ์ฝ่ายธรรมยุติกนิกายเพื่อที่พระองค์เองและเจ้านาย ข้าราชการ ที่จะไปทำบุญที่วัดฝ่ายธรรมยุติกนิกายใกล้พระบรมมหาราชวังได้สะดวก วัดราชประดิษฐฯ จึงเป็นวัดฝ่ายธรรมยุติกนิกายวัดแรกที่สร้างขึ้นเพื่อพระสงฆ์ในนิกายนี้ เพราะวัดอื่น ๆ ของฝ่ายธรรมยุตเป็นวัดที่แปลงมาจากวัดของมหานิกาย ในอดีตวัดนี้เคยเป็นที่ประทับจำพรรษาของสมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช (สา ปุสฺสเทโว) สมเด็จพระสังฆราชแห่งกรุงรัตนโกสินทร์ องค์ที่ ๙

วัดสุทัศนเทพวรารามราชวรมหาวิหาร

เครดิตภาพจากการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย

วัดนี้เป็นวัดที่พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราชโปรดเกล้าฯ ให้สถาปนาขึ้นใน พ.ศ. 2350เดิมพระราชทานนามว่า “วัดมหาสุทธาวาส” โปรดเกล้าฯ ให้สร้างพระวิหารขึ้นก่อนเพื่อประดิษฐานพระศรีศากยมุนี (พระโต) ซึ่งอัญเชิญมาจากพระวิหารหลวงวัดมหาธาตุ จังหวัดสุโขทัย

ภายในวัดสุทัศนเทพวรารามเป็นที่ประดิษฐานพระบรมราชานุสาวรีย์ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอานันทมหิดล พระอัฐมรามาธิบดินทร และได้อัญเชิญ พระบรมราชสรีรางคารของพระองค์ มาบรรจุที่ผ้าทิพย์ด้านหน้าพุทธบัลลังก์พระศรีศากยมุนีเมื่อ พ.ศ. 2493 และมีพระราชพิธีทรงบำเพ็ญพระราชกุศลคล้ายวันสวรรคตของพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหาอานันทมหิดล พระอัฐมรามาธิบดินทรในวันที่ 9 มิถุนายนของทุกปี (ข้อมูล : วิกิพีเดีย)

ในอดีตยังเคยเป็นที่ประทับจำพรรษาของสมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช(แพ ติสฺสเทโว พงษ์ปาละ) สมเด็จพระสังฆราชแห่งกรุงรัตนโกสินทร์ องค์ที่ ๑๒

วัดระฆังโฆสิตารามวรมหาวิหาร

เครดิตภาพจากการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย

วัดนี้เดิมเป็นวัดโบราณสร้างในสมัยอยุธยา เดิมชื่อ วัดบางว้าใหญ่ (หรือบางหว้าใหญ่) ในสมัยธนบุรี จนกระทั่งในรัชสมัย รัชกาลที่ ๑ วัดบางว้าใหญ่อยู่ในพระอุปถัมภ์ของเจ้านายวังหลัง คือ สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้ากรมพระยาเทพสุดาวดี (สา) พระเชษฐภคินีของพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช และเป็นพระชนนีของกรมพระราชวังบวรสถานพิมุข ทรงมีตำหนักที่ประทับอยู่ติดกับวัดได้ทรงบูรณปฏิสังขรณ์วัดร่วมกับพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช และได้ขุดพบระฆังลูกหนึ่ง ซึ่งทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้นำไปไว้ ที่วัดพระศรีรัตนศาสดาราม โดยทรงสร้างระฆังชดเชยให้วัดบางว้าใหญ่ ๕ ลูก (ข้อมูล : วิกิพีเดีย) ทั้งนี้ในอดีตเคยเป็นที่ประทับจำพรรษาของ สมเด็จพระอริยวงษญาณ สมเด็จพระสังฆราช (ศรี) สมเด็จพระสังฆราชแห่งกรุงรัตนโกสินทร์ องค์ที่ ๑

วัดเบญจมบพิตรดุสิตวนารามราชวรวิหาร

เครดิตภาพจากการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย

วัดเบญจมบพิตรดุสิตวนาราม เป็นพระอารามหลวงชั้นเอก ชนิดราชวรวิหาร ไม่ปรากฏหลักฐานว่าสร้างขึ้นเมื่อใด เดิมชื่อ วัดแหลม หรือ วัดไทรทอง ภายหลังได้รับพระราชทานนามจากพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวใหม่ว่า วัดเบญจบพิตร ซึ่งหมายถึง วัดของเจ้านาย 5 พระองค์ที่ทรงร่วมกันปฏิสังขรณ์วัดแห่งนี้ เมื่อพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงสร้างสวนดุสิตขึ้นพระองค์ทรงทำผาติกรรมสถาปนาวัดขึ้นใหม่และพระราชทานามว่า วัดเบญจมบพิตรดุสิตวนาราม อันหมายถึง วัดของเจ้านาย 5 พระองค์ที่ทรงร่วมกันปฏิสังขรณ์วัด (ข้อมูล : วิกิพีเดีย) ในอดีตเคยเป็นที่ประทับจำพรรษาของสมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช (ปลด กิตฺติโสภโณ เกตุทัต)สมเด็จพระสังฆราชแห่งกรุงรัตนโกสินทร์ องค์ที่ ๑๔

วัดสระเกศราชวรมหาวิหาร

เครดิตภาพจากการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย

วัดสระเกศ เป็นวัดโบราณในสมัยกรุงศรีอยุธยา เดิมชื่อวัดสะแก พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราชโปรดเกล้าฯ ให้ปฏิสังขรณ์และขุดคลองรอบพระอาราม แล้วพระราชทานนามใหม่ว่า วัดสระเกศ ซึ่งแปลว่า ชำระพระเกศา เนื่องจากเคยประทับทำพิธีพระกระยาสนาน เมื่อเสด็จกรีธาทัพกลับจากกัมพูชามาปราบจลาจลในกรุงธนบุรี และเสด็จขึ้นเถลิงถวัลยราชสมบัติใน พ.ศ. 2325 ในสมัยพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัวโปรดเกล้าฯ ให้บูรณะและสร้างพระบรมบรรพตหรือภูเขาทอง ทรงกำหนดให้เป็นพระปรางค์มีฐานย่อมุมไม้สิบสอง แต่สร้างไม่สำเร็จในรัชกาล เมื่อถึงสมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว จึงทรงให้เปลี่ยนแบบเป็นภูเขาก่อพระเจดีย์ไว้บนยอด เป็นที่ประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุ การก่อสร้างแล้วเสร็จในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (ข้อมูล : วิกิพีเดีย) ทั้งนี้ในอดีตเคยเป็นที่ประทับจำพรรษาของสมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช(อยู่ ญาโณทโย ช้างโสภา) สมเด็จพระสังฆราชแห่งกรุงรัตนโกสินทร์ องค์ที่ ๑๕

วัดราชบูรณราชวรวิหาร

วัดราชบุรณราชวรวิหาร เป็นวัดเก่าแก่ เดิมชื่อ “วัดเลียบ” ตั้งอยู่เชิงสะพานพระพุทธยอดฟ้า แขวงวังบูรพาภิรมย์ เขตพระนคร กรุงเทพมหานคร วัดนี้เป็นวัดหนึ่งตามธรรมเนียมประเพณีโบราณที่ว่า ในราชธานีจะต้องมีวัดสำคัญประจำ 3 วัด คือ วัดมหาธาตุ วัดราชบูรณะ และวัดราชประดิษฐ์ (ข้อมูล : วิกิพีเดีย) ในอดีตเคยเป็นที่ประทับจำพรรษาของ สมเด็จพระอริยวงษญาณ สมเด็จพระสังฆราช (นาค) สมเด็จพระสังฆราชแห่งกรุงรัตนโกสินทร์ องค์ที่ ๖ (ประทับวัดมหาธาตุในพระนาม ประทับจริงวัดราชบูรณะ)

วัดมหาธาตุยุวราชรังสฤษฎิ์ราชวรมหาวิหาร

เป็นพระอารามหลวงชั้นเอก ชนิดราชวรมหาวิหาร เดิมเป็นวัดราษฎร์ชื่อวัดสลัก สร้างในสมัยอยุธยา ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช เมื่อทรงสถาปนากรุงรัตนโกสินทร์เป็นราชธานี  (ข้อมูล : วิกิพีเดีย)

ในอดีตวัดแห่งนี้เคยเป็นที่ประทับจำพรรษาของสมเด็จพระอริยวงษญาณ สมเด็จพระสังฆราช (ศุข)สมเด็จพระสังฆราชแห่งกรุงรัตนโกสินทร์ องค์ที่ ๒ สมเด็จพระอริยวงษญาณ สมเด็จพระสังฆราช (มี) สมเด็จพระสังฆราชแห่งกรุงรัตนโกสินทร์ องค์ที่ ๓สมเด็จพระอริยวงษญาณ สมเด็จพระสังฆราช (สุก ญาณสังวร) สมเด็จพระสังฆราชแห่งกรุงรัตนโกสินทร์ องค์ที่ ๔และ สมเด็จพระอริยวงษญาณ สมเด็จพระสังฆราช (ด่อน) สมเด็จพระสังฆราชแห่งกรุงรัตนโกสินทร์ องค์ที่ ๕

วัดมกุฏกษัตริยารามราชวรวิหาร

วัดมกุฏกษัตริยารามราชวรวิหาร สร้างขึ้นตามพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว อาคารสำคัญในวัดได้แก่ พระวิหาร และพระอุโบสถ มีลายพระมหามงกุฏอันเป็นตราประจำรัชกาลที่ 4 ทั้งที่หน้าบันและด้านบนของซุ้มประตูหน้าต่างเช่นเดียวกัน ผนังด้านในพระอุโบสถมีภาพจิตรกรรมอันหลากหลายแตกต่างจากวัดอื่น เช่น เรื่องพระสาวกในบาลีและอรรถกถา พระอัครสาวก 11 พระองค์ อัครสาวิกา 8 องค์ ภาพการบำเพ็ญกรรมฐาน สิ่งที่พึ่งปฏิบัติเนื่องด้วยธรรมวินัย ธุดงควัตร บนบานหน้าต่างและบานประตูด้านในเขียนพระสูตรที่เป็นคาถาด้วยตัวอักษรบรรจง  (ข้อมูล : วิกิพีเดีย) ทั้งนี้ในอดีตเคยเป็นที่ประทับจำพรรษาของ สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช (จวน อุฏฐายี สิริสม) สมเด็จพระสังฆราชแห่งกรุงรัตนโกสินทร์ องค์ที่ ๑๖

ปรากฏการณ์‘พรมดำ’ เพื่อชีวิตสุด WOW! ‘The Black Carpet Lunch’

ครั้งแรกกับ ‘ปรากฏการณ์พรมดำ’ ที่สร้างความหรูหราสง่างาม และความพิเศษ ให้กลายเป็นSurprise!แสนเก๋ ที่ใครก็คาดไม่ถึง

ทุกคนที่เคยแฮงก์เอาท์ย่าน ‘ทองหล่อ’ คงรู้ดีว่าที่นี่เป็นหนึ่งในไลฟ์สไตล์อินเทรนด์ที่มีให้คุณเลือกแฮงก์เอาท์ได้ตั้งแต่ไลฟ์สไตล์มอลล์คาเฟ่เก๋ๆ ร้านอาหารชื่อดังแต่ที่จอดรถน่ะสิ …หายากยิ่งกว่าทองคำบางครั้งหาที่จอดรถไม่ได้ เสียอารมณ์

SCB Private Banking และ SCB First จึงสร้างปรากฏการณ์สุดเอ็กซ์คลูซีฟครั้งแรก เพื่อตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์คนรุ่นใหม่ ด้วยการเชิญเหล่าเซเลบริตี้และลูกค้า Very V.I.P. ผู้ถือบัตรSCB Private Banking และ SCB First อย่าง‘คุณเล็ก’ กรกนก ยงสกุล ทายาทธุรกิจ Boat Lagoon Marina, ‘หญิงแม้น’  ม.ร.ว.แม้นนฤมาศ ยุคล เซเลบฯน่ารักสุดเปรี้ยว,‘คุณท็อป’ พีระยสถ์ ศิริเกียรติสูง ผู้บริหารเพชรจาก เดอะ พรีเมียร์, ‘คุณณัฐ’ ณัฐพล จุฬางกูร หนุ่มไฮโซนักธุรกิจ,‘คุณเฟย์’ อรชุมา ดุรงค์เดช นักธุรกิจสาวและ ‘คุณปั้น’ ชิตณรงค์ วิเศษสมภาคย์ หนุ่มนักธุรกิจและนักแสดงรุ่นใหม่ฯลฯ มาร่วมกิจกรรม Live Bespoke ‘The Black Carpet Lunch’เป็นกลุ่มแรก

ด้วยบริการแสนพิเศษ และสะดวกสบายสุดๆ ตอบโจทย์ชีวิตเอ็กซ์คลูซีฟด้วยการขับรถมา ‘เจ อเวนิว’ ทองหล่อ เพื่อใช้บริการ SCB Valet Parking เพียงโชว์บัตร SCB Private Banking และSCB Firstก็จะได้รับบริการเท่ๆ จากหนุ่มหล่อ กล้ามแน่นซึ่งเป็น ‘Exclusive Personal Butler’รับรถของคุณไปยังที่จอดรถส่วนตั๊วส่วนตัวที่ J-Avenue และ Market Place

จากนั้นมีบริการ ‘SCB Mini Shuttle Bus’ หรือรถตุ๊กตุ๊กติดแอร์สีขาว ที่ออกแบบและพัฒนาเป็นพิเศษพาไปส่งร้านอาหารสุดหรูพร้อมด้วยบริการรับ-ส่งตามแหล่งแฮงก์เอาท์ยอดนิยมในทองหล่อ 6 จุด พร้อมกับเพิ่มดีกรีความพิเศษขึ้นอีก ระหว่างรอรถตุ๊กตุ๊กที่เจอเวนิว ด้วยบริการเครื่องดื่ม ไอศครีม และผ้าเย็นชื่นใจคลายร้อน

เมื่อไปถึงร้านอาหาร ทุกคนรู้สึกเซอร์ไพร้ส์กับ Welcome Card ที่บรรจงเขียนชื่อเซเลบริตี้วางบนโต๊ะอย่างปราณีต เพื่อให้พวกเขาใช้ช่วงเวลากับคนพิเศษ และเพื่อนสนิทอย่างมีความสุขและอิ่มอร่อย

ปิดท้ายมื้ออาหารสุดหรูของเหล่าเซเลบฯ ด้วยการที่ทุกคนโหลด SCB Connect บนแอพพลิเคชั่น Line แค่นี้ ทั้งเขาและเธอก็สามารถตรวจสอบสถานะรถตุ๊กตุ๊กติดแอร์ที่จะมารับกลับที่จอดรถได้อย่างสะดวกสบายเพื่อการบริหารเวลาอย่างคุ้มค่า ไม่ต้องเสียเวลารอ

ซึ่งบริการทั้งหมดนี้ เพื่อสมาชิก SCB Private Banking และ SCB Firstทุกท่าน เริ่มพร้อมบริการเดือนสิงหาคมนี้… ‘ชีวิตเอ็กซ์คลูซีฟเพื่อคนพิเศษเช่นคุณ’

‘คุณปั้น–ชิตณรงค์ วิเศษสมภาคย์’ หนุ่มนักธุรกิจและนักแสดงช่อง One

“ไลฟ์สไตล์ผมชอบแฮงก์เอาท์แถวทองหล่ออยู่แล้ว ปรกติจอดรถเสร็จต้องนั่งมอเตอร์ไซค์ไปร้านอาหารซึ่งเราเซ็ทผม ฉีดน้ำหอม แต่งตัวมาอย่างดี ทำผมเสียทรงหมด (ยิ้ม) จะนั่งแท๊กซี่ช่วงพีคไทม์ รถก็ติด บางครั้งต้องเดิน ซึ่งอากาศร้อน การที่ SCBมีบริการชัตเทิ้ลบัสติดแอร์แบบนี้ เพิ่มความสะดวกสบายและรวดเร็วเป็นบริการตอบโจทย์คนรุ่นใหม่มากๆ”

‘หญิงแม้น’ มรว.แม้นนฤมาส ยุคล เซเลบฯน่ารักสายเปรี้ยว

“ความที่ไม่ชอบขับรถ พอรู้ว่ามีบริการValet parking และShuttle Bus Service เราสามารถนั่งรถตุ๊กตุ๊กติดแอร์ที่SCB บริการได้เลย รู้สึกประทับใจ เพราะตุ๊กตุ๊กแอร์เย็นมาก ยิ่งรู้ว่าถ้าเรา Add Line Official ของ SCB เป็นไลน์คอนเน็คท์ ทำให้รู้ว่ามีบริการรถชัตเติ้ลบัสที่จุดไหน จะได้ไปขึ้นรถที่จุดนั้น เป็นเทคโนโลยีที่ช่วยให้ชีวิตสบายขึ้น สิ่งที่ SCB คิด ช่วยตอบโจทย์ชีวิตคนเมืองได้อย่างดี”

‘คุณเล็ก’–กรกนก ยงสกุล ทายาทธุรกิจ Boat Lagoon Marina

“ประทับใจที่SCB คิดเสมอว่าลูกค้าอยากได้อะไร รู้สึกอย่างไร ต้องการความว้าวเรื่องไหนบ้างอย่างครั้งนี้ได้นั่งรถตุ๊กตุ๊ก ซึ่งเป็นสัญญลักษณ์ของประเทศไทย ในซอยทองหล่อ เพื่อมาทานร้านไอรอนเชฟ ยิ่งแปลก และโดยเฉพาะเป็นแบล็คคาร์เพ็ทตอนกลางวัน ยิ่งสร้างความเซอร์ไพร้ส์ให้สุดๆ”

‘คุณท็อป’พีระยสถ์ ศิริเกียรติสูง ผู้บริหารเพชร ‘เดอะ พรีเมียร์’

“วันนี้ได้มาทานมื้ออร่อยกับSCB โดยมีบัตเลอร์ส่วนตัวรับรถเราไปจอด  พร้อมที่จอดรถพิเศษ และมีบริการรถชัตเทิ้ลบัสมาส่งที่ร้านอาหาร ให้ความรู้สึกยิ่งใหญ่อลังการมากเป็นบริการที่ให้ความสะดวกสบาย เหมาะกับไลฟ์สไตล์ของผมซึ่งอาศัยอยู่โซนนี้ ประทับใจที่ SCB ให้ความสำคัญกับลูกค้าเป็นอันดับหนึ่ง”

สะดวกยิ่งขึ้น CRG เปิดตัว “ซีอาร์จี กิ๊ฟ คาร์ด” (CRG Gift Card) บัตรเงินสดรูปแบบใหม่ตอบรับกระแส Cashless society

บริษัท เซ็นทรัล เรสตอรองส์ กรุ๊ป จำกัด (Central Restaurants Group : CRG) ขอเปิดตัวความสะดวก คุ้มค่า ให้กับมื้ออาหาร ด้วย   “ซีอาร์จี กิ๊ฟ คาร์ด” (CRG Gift Card) บัตรเงินสดรูปแบบใหม่ของ CRG เพื่อเป็นการตอบรับกระแส Cashless society ให้ชีวิตคุณสะดวกไปถึงขีดสุด ไม่ต้องพกเงินสด หรือบัตรหลายใบให้ยุ่งยากอีกต่อไป พร้อมมอบสิทธิพิเศษมากมาย ทั้งส่วนลด 10% เมื่อชำระค่าสินค้าในราคาปกติ และโปรโมชั่นพิเศษสุดเอ็กคลูซีฟ นานถึง 2 ปี ตลอดอายุบัตร ในราคาเพียง 149 บาท เป็นค่าสมัครสมาชิก 49 บาท และเติมเงินครั้งแรก 100 บาท (เติมเงินครั้งต่อไปขั้นต่ำ 50 บาท)

และสะดวกยิ่งขึ้น..!! เพียงลงทะเบียนผ่าน CRG PLUS application ก็สามารถชำระค่าสินค้า, ตรวจสอบยอดเงิน และค้นหาโปรโมชั่นพิเศษๆ จากหลากหลายแบรนด์ของ CRG ผ่านแอปพลิเคชันได้ง่ายๆ ดาวน์โหลดได้ App Store (iOS) และ Google Play (Android)

เติมเต็มไลฟ์สไตล์ที่ใช่ ในแบบที่คุณเลือกเอง พร้อมรับความอร่อยสุดคุ้มค่า ที่ร้านอาหารชั้นนำในเครือ CRG ทั้ง 10 แบรนด์ ได้แก่ มิสเตอร์ โดนัท, อานตี้ แอนส์, เปปเปอร์ ลันช์ , ชาบูตง ราเมน, โคล สโตน ครีมเมอรี่, โยชิโนยะ, เทนยะ, คัตสึยะ, เคเอฟซี (เฉพาะสาขาที่ร่วมรายการ) และ เดอะ เทอเรส (เฉพาะสาขาที่ร่วมรายการ) สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.facebook.com/CentralRestaurantsGroup หรือ CRG Call Center โทร. 02-66-33-888

 

ชาบูตง ชวนลิ้มลองเมนูใหม่ ผสมผสานความอร่อยจาก 3 สุดยอดวัตถุดิบจากญี่ปุ่น

ชาบูตง (CHABUTON) ราเมนต้นตำรับจากประเทศญี่ปุ่น โดยสุดยอดเชฟราเมน ทีวีแชมป์เปี้ยน รายแรก และรายเดียวในประเทศไทย ชวนคุณลิ้มลองเมนูใหม่ “Katsu-O-Miso Ramen” ราเมนซุปปลาแห้งสูตรมิโซะต้นตำรับ ราเมนพรีเมียมต้นตำรับที่ผสานความอร่อยจาก 3 สุดยอดวัตถุดิบจากญี่ปุ่นที่ กระดูกหมูชั้นดี, ปลาทะเลอบแห้ง และมิโซะคัดพิเศษ นำมาเคี่ยวจนได้น้ำซุปหอมๆ รสชาติกลมกล่อม สูตรเฉพาะของชาบูตง ราเมน เสิร์ฟพร้อมท๊อปปิ้งเต็มๆให้อย่างจุใจ ทั้งหมูชาชูสูตรดั้งเดิม และไข่ต้มยางมะตูมหมักซอส

  • ขนาด Regular (ปกติ) ราคา 289 บาท (หมูชาชู 2 ชิ้น + ไข่ต้มยางมะตูมหมักซอส)
  • ขนาด Small (เล็ก) ราคา 199 บาท (หมูชาชู 1 ชิ้น + ไข่ต้มยางมะตูมหมักซอส)

 พิเศษ!! สามารถแลกซื้อ ฟรายโปเตโต้ (จากราคาปกติ 59.-) หรือ เกี๊ยวซ่า 6 ชิ้น (จากราคาปกติ 69.-) ได้ในราคาพิเศษเพียง  40 บาทเท่านั้น

ลิ้มลองความอร่อยกับโปรโมชั่น Katsu-O-Miso Ramen ราเมนซุปปลาแห้งสูตรมิโซะต้นตำรับ ได้ ตั้งแต่ วันนี้ – 30 กันยายน 2560 ที่ร้านชาบูตง ราเมนทุกสาขาทั่วประเทศ สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.facebook/ChabutonRamen หรือ CRG Call Center โทร. 02-66-33-888

 

 

เมนูเติมพลัง

ใครว่าออกกำลังกายแล้วกินของหวานไม่ได้ “How-to 3 เมนูเติมพลัง” หวานอร่อย คืนความสดชื่น

Alternative Textaccount_circle
เมนูเติมพลัง
เมนูเติมพลัง
ด้วยความเชื่อที่ว่านอกจากการออกกำลังกายแล้ว อาหารยังเป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่สำคัญมากในการดูแลสุขภาพ เพราะอาหารที่เหมาะสมจะมีส่วนในการส่งเสริมประสิทธิภาพการออกกำลังกาย ช่วยซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอ ป้องกันการสูญเสียและลดการอักเสบของกล้ามเนื้อ ทั้งยังเติมพลังงาน คืนความสดชื่น และเพิ่มความสมดุลของร่ายกายอีกด้วย อาหารที่เลือกรับประทานทั้งก่อนและหลังการออกกำลังกายจึงไม่ใช่สิ่งที่ควรมองข้าม
วันนี้ แพรวดอทคอม จึงมี 3 เมนูเพื่อสุขภาพมาแนะนำพร้อม How-to แสนง่ายไม่ยุ่งยาก ในคลาสเวิร์คช็อป PURE ENERGY จากเวอร์จิ้น แอ็คทีฟ โดยมีเชฟเลาร่า คาสโตร จากบลู โลตัส เป็นผู้สอนเทคนิคการทำและแนะประโยชน์ทั้ง 3 เมนู ที่เหมาะสำหรับก่อนและหลังการออกกำลังกาย โดยส่วนผสมในทุกเมนู ปราศจากกลูเต็น คลอเลสเตอรอล น้ำตาลขัดสี และสิ่งเจือปนอื่นๆ

 

เริ่มกันด้วย Chocolate Truffles ความอร่อยลงตัวจาก 3 ส่วนผสม ได้แก่ อินทผาลัมอบแห้ง เมล็ดอัลมอนด์ และผงโกโก้ นำอินทผาลัมอบแห้งมาขยำให้เป็นเนื้อเดียวกัน จากนั้นจึงผสมเมล็ดอัลมอนด์ เพื่อช่วยเพิ่มเนื้อสัมผัสกรุบกรอบ ซึ่งน้ำมันในเมล็ดจะช่วยทำให้ทุกส่วนผสมกลมกลืนกันได้ดีขึ้น เมื่อเข้ากันดี จึงนำมาปั้นเป็นก้อนกลม ขนาดเล็กพอดีคำ แล้วคลุกกับผงโกโก้ หรือผสมผงโกโก้กับมะพร้าวขูดอบแห้งก็เพิ่มความกรุบกรอบเพลิดเพลินเมื่อรับประทาน เท่านี้ก็ได้ อีเนอร์จี บอล (Energy Ball) เหมาะสำหรับการรับประทานทั้งก่อนและระหว่างออกกำลังกาย เช่น พกติดตัวเมื่อร่วมแข่งขันวิ่งเทรล หรือวิ่งมาราธอน ซึ่งสามารถหยิบมารับประทานได้ทันทีเมื่อรู้สึกหิว โดยความหวานจากอินทผาลัมจะช่วยเพิ่มพลังงานและทำให้ระบบการทำงานของน้ำตาลในร่างกายทำงานได้ดี

ถัดมา คือ 2 เมนูสมูทตี้สำหรับดื่มหลังออกกำลังกาย Sun Salutation ด้วยส่วนผสมง่ายๆ อย่าง นมอัลมอนด์หรือนมถั่วเหลือง อินทผาลัมอบแห้ง กล้วยสุกแช่แข็ง และกลิ่นวานิลลา โดยความหวานจากกล้วยจะช่วยเพิ่มรสชาติและรสสัมผัสจึงไม่ต้องเติมน้ำตาลอีก แก้วนี้นอกจากจะให้พลังงานอย่างดีเยี่ยมแล้ว กลิ่นวานิลลายังช่วงผ่อนคลายความเครียด ช่วยเรื่องการนอนหลับอีกด้วย สอดคล้องกับชื่อเมนูซึ่งเป็นหนึ่งในกระบวนท่าของโยคะทำให้รู้สึกสงบและปรับสมดุลของร่างกาย

Tropical Green มีน้ำมะพร้าวสดเป็นเบส ปั่นรวมกับเนื้อมะม่วงสุกแช่แข็ง พร้อมผักใบเขียว อาทิ คะน้าหรือปวยเล้งใบใหญ่ ซึ่งมีฤทธิ์เย็น จึงช่วยคืนความสมดุลแก่ร่างกายหลังการออกกำลังกาย เพิ่มขิงในปริมาณเล็กน้อย เพิ่มการดูดซึมสารอาหาร นอกจากนี้ ยังมีสรรพคุณทางยาในการบำบัดอาการอักเสบของกล้ามเนื้ออีกด้วย

ใครว่าออกกำลังกายแล้วจะทานของหวานไม่ได้ Fruit Tarlet (ฟรุ้ต ทาร์เล่ต์) ทาร์ตผลไม้เพื่อสุขภาพ ทานได้แบบไม่ต้องกลัวอ้วน เริ่มจากการรองด้านในถ้วยแม่พิมพ์ด้วยพลาสติกใส จากนั้นลงมือทำตัวทาร์ตโดยการผสมข้าวโอ๊ต เมล็ดอัลมอนด์ และมะพร้าวอบแห้ง เข้าด้วยกัน นำส่วนผสมที่ได้ใส่ลงไปในถ้วยพิมพ์จนแน่น เมื่อดึงพลาสติกออก จะได้ตัวทาร์ตที่มีรูปร่างเป็นถ้วยตามต้องการ พักไว้ก่อน

หลีกเลี่ยงครีมที่มีแคลอรี่สูง โดยการใช้ครีมนมเมล็ดมะม่วงหิมพานต์ ที่เติมมะนาวนิดเพื่อเพิ่มความกลมกล่อม ปิดท้ายด้วยด้วยผลไม้สดตามชอบ อาทิ สาลี่ ทับทิม แก้วมังกร กีวี สตอร์เบอร์รี่ สัปปะรด มะละกอ เป็นเมนูสบายท้องที่ช่วยเพิ่มพลังหลังจากออกกำลังกายได้อย่างดีเยี่ยม

นอกจากนี้ เชฟเลาร่ายังแนะเคล็ดลับเพื่อให้เฮลตี้ในทุกๆ วันว่า ควรเลี่ยงอาหารที่ผ่านกระบวนการทำหลายขั้นตอน และเลือกใช้ “S.O.S” จากธรรมชาติ ได้แก่ Sugar คือ น้ำตาลหรือความหวานซึ่งได้จากผัก ผลไม้, Oil หรือน้ำมันจากเมล็ดถั่ว รวมถึง Salt ความเค็มจากพืชบางชนิด เป็นต้น

สกินแคร์

รวม 12 สกินแคร์ ดูแลผิวก่อนลงเมคอัพ ช่วยให้เครื่องสำอางติดทน ผิวนุ่มชุ่มชื้นดุจบูสเตอร์

Alternative Textaccount_circle
สกินแคร์
สกินแคร์
ถ้าเป็นสาวๆ สายเกา (เกาหลี) น่าจะทราบกันดีอยู่แล้วว่า ก่อนที่เมคอัพอาร์ตทิสต์ชื่อดังจะลงเมคอัพให้สาวๆ นั้น ผิวหน้าของผู้ที่จะถูกแต่งต้องดูฉ่ำ อิ่มเอิบ ไม่แห้งกร้านไร้ชีวิตชีวา ดังนั้น ถ้าสาวๆ คนไหนที่มีปัญหาผิวขาดน้ำอย่างหนัก แห้งกร้านสุดๆ จนอาจจะทำให้เมคอัพเป็นคราบและไม่ติดทนนั้น เมคอัพอาร์ตทิสต์จะใช้ชีทมาส์กหน้าฉบับเร่งด่วนมาส์กให้ก่อนแต่งหน้า ถือเป็นเคล็ดลับยอดนิยมกันเลยทีเดียว

แต่ถามหน่อยว่ามันจะดีหรือ?? ที่จะปล่อยให้ผิวหน้าแห้งกร้านดูเหมือนป้าไม่อ่อนเยาว์เลย แล้วต้องมาคอยบำรุงเร่งด่วนก่อนแต่งหน้าอยู่ร่ำไป แทนที่จะบำรุงผิวหน้าทุกวันให้ดูเปล่งปลั่ง ยามไร้เครื่องสำอางก็ยังดูสาว ดูเด็ก อ่อนเยาว์กันไปยาวๆ

ซึ่งก็แอบเข้าใจสาวๆ นะ ว่าการดูแลผิวหลายขั้นตอนในช่วงเช้าคงทำได้ยาก ขึ้นชื่อว่าผู้หญิงเวลาน้อยอย่างไรก็ต้องสวย ดูดี ไว้ก่อนเสมอ แพรวดอทคอม จึงขอแนะนำ 12 สกินแคร์ อาทิ โลชั่น เอสเซ้นท์ เซรั่ม ตัวช่วยคอยบำรุงผิวซึมลึกสู่ผิวชั้นใน ปรับสมดุลให้ผิวแข็งแรง นุ่มชุ่มชื่นตลอดเวลา ไม่ทำให้ผิวเหนียวเหนอะหนะน่ารำคาญด้วย

LANEIGE Fresh Calming Morning Mask
(80 กรัม / 1,050 บาท)

มอร์นิ่งมาส์กสำหรับปลุกผิวยามเช้าให้สดชื่น เปล่งปลั่ง แบบไม่ต้องล้างออก ช่วยให้ผิวนุ่มชุ่มชื้นแม้แพ้ง่าย แถมช่วยให้เครื่องสำอางติดทนนานขึ้นจากแรงบันดาลใจการใช้ชีทมาส์กก่อนแต่งหน้าเคล็ดลับยอดนิยมของช่างแต่งหน้าชั้นนำของเกาหลี จึงเกิดเทคโนโลยีแอร์มูสแปรสภาพเป็นน้ำซึมซาบสู่ผิวทันที พร้อมรักษาสมดุลความชุ่มชื้นบนผิว โดยไม่ทำให้ผิวมันระหว่างวัน


THREE Aiming Lotion
(140 มิลลิลิตร / 3,400 บาท)

เฟสโลชั่นส่วนผสมจากธรรมชาติ 96% ช่วยเพิ่มพลังความชุ่มชื้นให้ผิวอย่างเต็มเปี่ยม แทรกซึมได้ดีแม้ผิวหยาบ แห้งกร้านสะสมให้กลับมาเป็นผิวที่อ่อนนุ่ม ช่วยปรับสมดุลภายในให้ผิวพร้อมรับการบำรุงอย่างเต็มที่ ตอบโจทย์ผิวอิ่มฟูดูอิ่มเอิ่บด้วยโลชั่นเนื้อใสบริสุทธิ์ เบาสบาย เหมาะสำหรับผิวบอบบางแพ้ง่าย และมักเกิดปัญหาผดผื่น


LA MER The Moisturizing Matte Lotion
(50 มิลลิลิตร / 11,100 บาท)

อีกครั้งที่ลาแมร์ท้าทายกฏการบำรุงผิวด้วยการนำวิทยาการที่ลงตัว 2 ชนิดมาผสมผสานเพื่อปรากฏการณ์ใหม่ให้ผิวดูแตกต่างทั้งดูชุ่มชื้นและแมตต์ในเวลาเดียวกัน มอยส์เจอไรเซอร์สูตรใหม่ให้มีสัมผัสที่บางเบาและมอบความสดชื่นให้แก่ผิว พร้อมควบคุมความมันส่วนเกินบนใบหน้าและรูขุมขนดูเล็กลง เป็นสูตรที่ฟื้นบำรุงสำหรับผิวแห้ง เนื้อครีมเข้มข้นเป็นพิเศษให้ผิวดูชุ่มชื้น ฉ่ำ เปล่งประกาย ปลอบประโลมผิวจากความแห้งกร้านให้ดูสุขภาพดี


KANEBO Relaxing Brume
(50 มิลลิลิตร / 1,500 บาท)

โลชั่นที่มาในรูปแบบของ Mist ละอองละเอียด ช่วยเพิ่มความชุ่มฉ่ำให้กับผิวเมื่อรู้สึกว่าผิวแห้ง หรือใช้ก่อนการเติมเมคอัพระหว่างวัน สามารถสเปรย์ลงบนผิวหน้าที่แต่งเติมแล้ว เพื่อเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิวในทุกที่ทุกเวลา หรือใช้เมื่อต้องการปรับอารมณ์ให้สดใสในทันที ช่วยให้ผิวมีความกระชับ เรียบเนียน พร้อมกลิ่นหอมอ่อนๆ จากความสดชื่นเป็นธรรมชาติของกุหลาบ ทำให้จิตใจสดใส


POLA BA Lotion
(120 มิลลิลิตร / 8,700 บาท)

โลชั่นน้ำสูตร Moist Volume Formula อนุภาคโมเลกุลขนาดนาโน ลำเลียงไปยังผิวชั้นในได้อย่างทันที ช่วยให้ผิวกระชับอย่างมีมิติ และเสริมสร้างการเพิ่มจำนวนและกระตุ้นการทำงานของเซลล์ผิวชั้นใน เพื่อเตรียมพร้อมสู่ขั้นตอนการบำรุงผิวให้กระจ่างใส ช่วยชะลอวัย พร้อมฟื้นคืนผิวให้ดูเปล่งปลั่ง


EAU THERMALE Avène Deep Moist Lotion
(125 มล. /1,300 บาท)

โลชั่นบำรุงสำหรับผิวขาดน้ำ เหมาะสำหรับผิวแห้งถึงผิวผสมที่เป็นผิวบอบบางแพ้ง่าย เนื้อโลชั่นแบบใสอุดมไปด้วยน้ำแร่ Avène มากกว่า 90% ช่วยปลอบประโลมผิว และลดการระคายเคืองด้วยสารประกอบของ Hyaluronic Acid ช่วยให้ผิวนุ่ม กักเก็บความชุ่มชื้นได้ดี ซ่อมแซมและควบคุมความสมดุลให้กับผิวที่ขาดความชุ่มชื้น เพิ่มความกระชับ เรียบเนียนให้แก่ผิว


No7 Youthful Vitamin C Fresh Radiance Essence
(10 มิลลิลิตร / 990 บาท)

เอสเซ้นท์ที่มีส่วนผสมวิตามินซีบริสุทธิ์ 5% ที่นับว่าเป็นสารแอนตี้ออกซิแดนท์ ซึ่งผลัดเซลล์ผิวใหม่ตามธรรมชาติ ช่วยให้ผิวที่ดูเหนื่อยล้า ไร้ชีวิตชีวา กลับมาดูกระจ่างใสและสุขภาพดีขึ้น ลดปัญหาสีผิวที่เข้มขึ้น ลดเลือนริ้วรอยแห่งวัย และเพิ่มความยืดหยุ่นให้แก่ผิว พร้อมเสริมประสิทธิภาพของวิตามินซี ด้วยการผสานสารสกัดอื่นๆ อย่าง Liquorice และไฮยาลูโรนิค แอซิด ที่จะเข้ามาช่วยเสริมสร้างผิวให้เปล่งปลั่งยิ่งขึ้น


TO’US BEAUX EM PLUS LOTION EX
(130 มิลลิลิตร / 4,200 บาท)

โลชั่นที่ช่วยปรับสภาพผิวที่บอบบางให้กลับมาแข็งแรง โดยเนื้อโลชั่นสามารถซึมซาบเข้าสู่ผิวได้ลึกถึงร่องของชั้นผิว บำรุงผิวให้ชุ่มชื้น และปกป้องผิว เพิ่มออร่าให้ผิวเปล่งประกายเจิดจรัส


L’Occitane Divine Harmony Serum
(30 มิลลิลิตร / 9,200 บาท)

เซรั่มเนื้อเจลแบบ Water-Base ช่วยต่อต้านริ้วรอยแห่งวัย อุดมไปด้วย Jania Rebens ช่วยให้ใบหน้ากระชับ อวบอิ่ม ทุกหยาดหยดเต็มเปี่ยมไปด้วยสารอาหารเพื่อบำรุงและฟื้นฟูทุกสัญญาณของริ้วรอย ซึมซาบเข้าสู่ผิวง่ายและรวดเร็วด้วยเนื้อสัมผัสบางเบา ทำให้ผิวหน้าแลดูอ่อนเยาว์ขึ้น พร้อมความนุ่มชุ่มชื่นนุ่มของผิวที่ช่วยต่อต้านริ้วรอย


INNISFREE Jeju Lava Seawater Intensive Ampoule
(30 มิลลิลิตร / 1,190 บาท)

เซรั่มเข้มข้นที่คงความชุ่มชื้นและกระชับผิว ช่วยปรับปรุงผิวที่เหนื่อยล้าด้วยพลังงานความชุ่มชื้นของเชจูลาวาน้ำทะเลอันทรงประสิทธิภาพ เพิ่มพลังของเซลล์ใต้ผิวหนัง สร้างเกราะป้องกันผิวเพื่อกักเก็บความชุ่มชื้น โดยขจัดเอนไซม์ที่เป็นตัวย่อยโปรตีน และปลุกคอลลาเจนให้สร้างผิวดูอ่อนเยาว์ได้ดียิ่งขึ้น


SKIN & HERB CO. Squalane Regenratine Serum
(20 มิลลิลิตร / 990 บาท)

เซรั่มฟื้นฟูผิวหน้า ด้วยนวัตกรรม Supreme Squalane Shield ที่เน้นการฟื้นฟูเกราะป้องกันผิว ปกป้องผิวชั้นใน คืนความสวยใสสู่ผิวชั้นนอก อัดแน่นด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ และสารสกัดสควาเลนเข้มข้นจากผลมะกอกสายพันธุ์โคโรเนย์กี้แห่งคาบสมุทรเพโลพอนนีส กลั่นเป็นเซรั่มเนื้อบางเบา ซึมซาบไว ลงลึกสุดถึงชั้นเซลล์ผิว ตรงเข้าบำรุงเป็นเกราะป้องกันและฟื้นบำรุงดุจผิวเด็กแรกเกิด พร้อมคืนความชุ่มชื้น ลดเลือนริ้วรอย


LUMINESCE™ Flawless Skin Brightener
(30 มิลลิลิตร / 5,136 บาท) 

เนื้อเจลใสบางเบา ช่วยปรับสีผิวให้แลดูเรียบเนียน สม่ำเสมอกันทั่วทั้งใบหน้าและลำคอ ช่วยลดเลือนรอยหมองคล้ำ ฝ้า กระ และจุดด่างดำ เพื่อบำรุงผิวพรรณให้แลดูอิ่มเอิบ สว่างเปล่งประกาย สามารถใช้ได้ทั้งเช้าและเย็น

เรื่อง : PP_แพรวดอทคอม
ภาพ : ลิขสิทธิ์แบรนด์ 

สลับสวิตช์ย้อนชมเล่ห์ลับสลับร่าง เวอร์ชั่นเชอรี่ – ดอม กระแสดีไม่ต่างคู่ณเดชน์ – ญาญ่า

ออกอากาศไปได้คืนเดียว กระแสละคร เล่ห์ลับสลับร่าง ก็ดูท่าจะเริ่มต้นไปได้สวย ด้วยเป็นการโคจรมาพบกันของคู่สร้างคู่สม ณเดชน์ คูกิมิยะ และญาญ่า – อุรัสยา เสปอร์บันด์ หลังจากทั้งสองห่างหายจากงานพระ-นางคู่กันไปสักพักใหญ่ เมื่อได้มาประกบคู่กันทั้งที และต้องมาพลิกบทสลับร่างกันวุ่นวาย สีสันความสนุกในเรื่องนี้จึงชวนน่าติดตาม

เป็นละครที่ไม่ใช่มีเพียงพระ-นางสลับร่าง กายเป็นหญิง ใจเป็นชาย หรือกายเป็นชาย ใจเป็นหญิง เพื่อมอบความสนุกสนานให้แฟนละครเพียงอย่างเดียวเท่านั้น แต่ถ้าหากติดตามกันต่อไป แฟนๆ ละครไม่ว่าหญิงหรือชายจะได้เรียนรู้ความคิด ความรู้สึกของเพศตรงข้ามมากยิ่งขึ้น เรียกว่าเข้าใจความรู้สึก เอาใจเขามาใส่ใจเราผ่านตัวพระ-นาง ณเดชน์ – ญาญ่า ที่จะมารับหน้าที่ถ่ายทอดบทละครในเรื่องนี้

สำหรับละครเรื่องนี้ต้องยอมรับว่ามีกระแสตั้งแต่ยังไม่ทันออนแอร์ เพราะไม่ใช่เพียงคู่พระ-นางที่น่าสนใจเท่านั้น แต่พล็อตเรื่องที่ทั้งสนุก ฮา และได้สาระ ก็ยังคงเป็นที่ชื่นชอบของใครหลายคน จนทำให้แฟนๆ บางส่วนถึงกับย้อนไปดูละครเล่ห์ลับสลับร่าง เวอร์ชั่นปี 2546 ที่ได้คู่พระ-นาง เชอรี่ – เข็มอัปสร สิริสุขะ และดอม เหตระกูล เพื่อเรียกน้ำจิ้มก่อนที่จะได้ดูเวอร์ชั่นณเดชน์ – ญาญ่ากันเลย ซึ่งเวอร์ชั่นปี 2546 ก็ได้รับกระแสที่ดีมากเชียวละ โดยเฉพาะคู่พระ-นางอย่างดอมที่เห็นเป็นผู้ชายลุคแมนๆ เข้มๆ ต้องมาแสดงเป็นผู้หญิง มีจริตจะก้าน หรือสาวเชอรี่ก็ทำตัวห้าว แมนๆ ได้น่ารักน่าเอ็นดู ถึงแม้ช่วงที่ก่อนสลับร่างจะแสดงเป็นดาราดังได้น่าหมั่นไส้ก็ตาม

เชอรี่ – ดอม
เชอรี่ – ดอม ในเล่ห์ลับสลับร่าง ปี 2546

เพื่อส่งอารมณ์ต่อไม่ให้สะดุดหลังจากได้ชมเวอร์ชั่นณเดชน์ – ญาญ่ากันไปตอนแรก แพรวดอทคอม เลยขอสลับสวิตช์พักย้อนชมเวอร์ชั่นเชอรี่ – ดอมที่เล่นคู่กันเสียหน่อย โดยตอนที่นำมาเป็นตอนที่ร่างสาวเชอรี่มีจิตเป็นหนุ่มดอมตั้งครรภ์ อยู่ด้วยกันจนปวดท้องคลอด ซึ่งทำให้แต่ละฝ่ายเข้าใจและรู้ซึ้งเลยว่าเพศหญิงคลอดลูกเป็นเรื่องทรมานและเจ็บมากกว่าโดนกระสุนปืนยิงเสียอีก รวมถึงฉากในละครยังมีตอนที่ร่างเชอรี่ที่มีจิตเป็นหนุ่มดอมยอมเลิกดื่มแอลกอฮอล์เพื่อสุขภาพของลูกน้อยในท้องด้วย ฟังมาเท่านี้ก็น่าติดตามตอนต่อไปแล้วใช่ไหมล้า…


เรื่อง: Gingyawee_แพรวดอทคอม
ภาพ: http://topicstock.pantip.com/chalermthai/topicstock/2012/04/A11948127/
A11948127-vote3.jpg, Youtube: เล่ห์ลับสลับร่าง 21 ตอนจบIG @cherrykhemupsorn
@nyclub_pantip @10pman08 @@ibees_ipr

ดูดวงรายวัน ประจำวันอังคารที่ 1 สิงหาคม 2560

ดูดวงรายวัน ประจำวันอังคารที่ 1 สิงหาคม 2560 เช็คทุกวัน ทันทุกดวงกับ แพรว ดอทคอม

ผู้ที่เกิดวันอาทิตย์

การงาน : มีความโอบอ้อมอารี ช่วยเหลืองานผู้อื่นโดยไม่คิดถึงตัวเอง แต่ท่านมีความคิดที่สุดโต่ง หลุดกรอบ ดูเหมือนเป็นคนประหลาด แต่จริงๆ แล้วนั่นคือความเป็นอัจฉริยะที่จะสามารถสร้างชื่อเสียงได้ในอนาคต

การเงิน : ปานกลาง มาจากการทำมาหากินเป็นหลัก

ความรัก : วันนี้จะหนักไปในทางพูดคุย แลกเปลี่ยนประสบการณ์และทัศนคติ วางแผนการใช้ชีวิต มากกว่าความโรแมนติก คนโสด ท่านอารมณ์ผันผวนรุนแรง เข้าใจยาก ชอบอยู่ท่ามกลางผู้คน เพราะฉะนั้นฉันไม่แคร์หากไม่มีใครมาจีบ

สุขภาพ : ไวต่อสภาวะเปลี่ยนแปลงของอากาศ เป็นเหตุให้เกิดโรคภูมิแพ้และไข้หวัดเล็กๆ น้อยๆ

 

ผู้ที่เกิดวันจันทร์

การงาน :  ร้อนรุ่มๆ อึดอัดกับการทำงาน ทั้งบรรยากาศภายในองค์กร เจ้านาย และเพื่อนร่วมงาน รู้สึกตึงเครียดจนอยากลาออก ควรใช้เหตุผลในการพิจารณาและไตร่ตรองให้ดี

การเงิน : ร้อนเงิน เกิดภาวะชักหน้าไม่ถึงหลัง จนเกิดหนี้สิน

ความรัก :  วันนี้จะเกิดการเข้าใจผิด หึงหวง มีเหตุเรื่องมือที่สามเข้ามาแทรกจนทำให้เกิดเรื่องทะเลาะเบาะแว้ง คนโสด ระวังคนที่เจอวันนี้ ไม่ได้มีท่านคนเดียวค่ะ

สุขภาพ : ระวังอารมณ์ด้านลบจะทำให้ท่านรู้สึกปวดศีรษะ ไมเกรนถามมา

 

ผู้ที่เกิดวันอังคาร

การงาน  : ท่านจะได้ริเริ่มงาน และบุกเบิกกิจการใหม่ๆ หรือสร้างงานใหม่ มีโอกาสประสบความสำเร็จสร้างชื่อจากผลงานที่ตัวเองสร้างสรรค์ขึ้น

การเงิน :  ผลงานมา เงินทองโชคลาภก็ตามมา

ความรัก :  วันนี้แต่ละคนมีโลกส่วนตัวสูง มีความคิดเป็นของตัวเอง ก็คงต้องใช้เวลาในการสร้างความสัมพันธ์ และเรียนรู้ ทำความเข้าใจกันเยอะๆ   คนโสด เคยอกหักมาก่อน จึงยังไม่เปิดใจรับใครง่ายๆ

สุขภาพ : อย่าหักโหมงานหนักจนไม่ได้พัก ทานอาหารไม่ตรงเวลา ทำให้เป็นสาเหตุของโรคกระเพาะและลำไส้

 

ผู้ที่เกิดวันพุธ

การงาน  :  งานที่ต้องใช้จินตนาการ หรือความคิดสร้างสรรค์จะทำได้ดี แต่ระวังความดื้อรั้น เอาแตใจตัวเอง แสนงอน และใจน้อยจะทำให้ท่านพลาดโอกาสดีๆ ไปอย่างน่าเสียดาย

การเงิน   : มีโชคนะคะ วันนี้ลองเสี่ยงดวงดู หรือไม่ก็รอรับมรดกเลยก็ได้

ความรัก : วันนี้ท่านโลเล ไม่รู้ว่าจะตัดสินใจอย่างไร เพราะแอบหวั่นไหวมีใจให้กับเพศเดียวกัน คนโสด มีเสน่ห์ มีมนุษยสัมพันธ์ดีทั้งเพศเดียวกันและเพศตรงข้ามเลยทีเดียว

สุขภาพ : อย่าวิตกกังวลกับเรื่องไม่เป็นเรื่อง เพราะไมเกรนจะมาพร้อมกับความดัน

 

ผู้ที่เกิดวันพฤหัสบดี

การงาน : คนละโหมดกับเมื่อวานเลยค่ะ ความเป็นผู้นำโดดเด่น จะทำงานด้วยความเข้มข้นดุดัน ลุยงานทุกรูปแบบ ไม่ค่อยยอมฟังความคิดเห็นของคนอื่น จึงเหมาะกับงานที่ต้องใช้ความสามารถส่วนตัว

การเงิน :   ชอบความท้าทาย ลงทุนแบบกล้าได้กล้าเสีย โดยเฉพาะลงทุนในอสังหาริมทรัพย์

ความรัก : วันนี้ผู้หญิงจะร้อนแรงขึ้นลงแบบสุดโต่ง มีเสน่ห์มากจนคนที่อยู่ด้วยอาจแปลกใจ คนโสด  เน้นที่ความถูกใจ ไม่ถูกต้องเท่าไหร่

สุขภาพ :  ควรดูแลอวัยวะในส่วนสมองและหัวใจให้ดี

 

ผู้ที่เกิดวันศุกร์

การงาน  : ยังคงอยู่ในช่วงกดดัน เพราะท่านต้องรับผิดชอบงานที่เสี่ยงอันตรายและมีความผิดพลาดสูง ระวังอาจต้องพบกับเหตุการณ์ที่ทำให้เสียใจ ทุกข์ใจกระทันหัน แต่ท่านมีจิตใจที่เข้มแข็งสามารถเอาชนะอุปสรรคปัญหาไปได้

การเงิน : โชคดีเรื่องการเงินอย่างไม่น่าเชื่อ แต่ต้องยกเว้นที่ได้มาโดยผิดกฎหมาย หรือเงินใต้โต๊ะ เพราะจะส่งผลเสียในอนาคตได้

ความรัก : วันนี้คู่ครองจะช่วยส่งเสริมบารมีและเป็นที่พึ่งให้กับท่านได้ทุกเรื่อง คนโสด เจ้าชู้ค่ะ คบไปเรื่อยๆ กว่าจะยอมตกลงปลงใจกับใครสักคนก็อายุ 35-40

สุขภาพ  :  โรคที่เป็นอยู่เนิ่นนานก็ถึงวาระที่ท่านจะต้องไปหาหมอแล้ว

 

ผู้ที่เกิดวันเสาร์

การงาน : ท่านจะเข้าไปเกี่ยวข้องกับสถานการณ์ที่ต้องต่อสู้ ดิ้นรน แย่งชิง เพื่อให้ได้ในสิ่งที่ตัวเองต้องการ ควรระวังเรื่องการสูญเสีย และเกิดปัญหาอย่างกระทันหัน

การเงิน : ท่านจะได้รับโชคจากการแข่งขัน

ความรัก :  วันนี้คู่ท่านอาจสะกิดบาดแผลที่ติดอยู่ในใจท่าน จะโดยไม่ตั้งใจหรือเปล่าไม่ทราบ แต่ก็ทำให้กลับมามีปัญหากันอีก คนโสด มีคู่แข่งหัวใจแล้วนะคะ

สุขภาพ :  ทางกายไม่ค่อยน่าเป็นห่วงเท่ากับทางใจค่ะ

“ณเดชน์-ต่อ”หล่อพิฆาต “เล่ห์ลับสลับร่าง”ลงจอตอนแรกทำสาวๆใจเต้นแรงทั้งเมือง

หลังจากรอคอยมานานเกือบ2ปีล่าสุด “เล่ห์ลับสลับร่าง”ละครของคู่จิ้นขวัญใจมหาชน “ณเดชน์ คูกิมิยะ”และ”ญาญ่า -อุรัสยา เสปอร์บันด์”ได้ฤกษ์ออกอากาศเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เมื่อคืนวันที่ 31 ก.ค.ที่ผ่านมา งานนี้แฟนคลับและไม่ใช่แฟนคลับตั้งตารอชมกันอย่างใจจดใจจ่อ กับการพลิกคาแร็กเตอร์ครั้งใหญ่ของพระ-นาง
โดยก่อนจะไปถึงจุดสลับร่าง สิ่งที่เตะตาเตะใจเป็นอย่างมากคือความหล่อทะลุจอของพระเอก “ณเดชน์”รับบท “ผู้กองรามิล”และพระรอง“ต่อ-ธนภพ ลีรัตนขจร”รับบท “อาคม”2ตำตรวจหนุ่มจากหน่วยพยัคฆ์พิฆาต แท็คทีมความหล่อแบบดับเบิ้ลบดขยี้ใจสาวๆ งานนี้จะทำใจเต้นแรงขนาดไหนไปชมแบบช็อตต่อช็อตกันเลยจ้า

“ณเดชน์-ต่อ”หล่อพิฆาต
“ณเดชน์”รับบท “ผู้กองรามิล”และ“ต่อ-ธนภพ”รับบท “อาคม”
รุ่นพี่-รุ่นน้องแท็คทีมหล่อ
“เล่ห์ลับสลับร่าง”ลงจอคืนแรก
ไฮไลท์ฉากอาบน้ำนี้ที่ถูกพูดถึงสนั่นเมือง

ภาพจาก ch.3

10 งานแต่งงานเว่อร์วัง อลังการและแพงที่สุดในโลก

account_circle

แพรว Wedding นำ 10 งานแต่งงาน ที่ถูกจัดอันดับว่าใช้เงินไปมากที่สุดในโลก เห็นแล้วต้องบอกว่า เว่อร์วัง อลังการ จริงๆ แต่ละงานนั้นจัดเต็มไม่แพ้กัน จนคนธรรมดาอย่างเราต้องอิจฉา ตาร้อนไปตามๆ กัน ว่าแล้วไปดูกันเถอะ

10. 83 ล้านบาท ของ อรุณ นายาร์ และ เอลิซาเบธ เฮอร์ลี่

งานแต่งงานที่แพงสุดในโลก
งานแต่งอรุณ นายาร์ และ เอลิซาเบธ เฮอร์ลี่

อรุณ นายาร์ นักธุรกิจหนุ่มเศรษฐีชาวอินเดียควงคู่นางแบบสาวสวยเอลิซาเบธ เฮอร์ลี่ จัดงานแต่งงานที่บอกเลยว่าหรูหราและยาวนานที่สุดก็ว่าได้ โดยจัดงานแต่งถึงสองโดยครั้งแรกจัดที่ปราสาทยุคกลางในเกลาเชสเตอร์ไชร์ ประเทศอังกฤษและจัดต่อเนื่องถึง 8 วัน

ส่วนครั้งที่สองนั้นจัดพิธีแบบฮินดูที่ พระราชวังอูมาอิด ภาวันที่จอดปูร์ ประเทศอินเดีย ทั้งคู่ทุ่มเงินไปกับการจ้างเครื่องบินเจ็ทส่วนตัวเพื่อเป็นค่าเดินทางและยังมีค่าที่พักของแขกที่มาร่วมงานโดยรวมแล้วมีค่าใช้จ่ายประมาณ 10 ล้านบาททีเดียว ส่วนที่พักของเจ้าบ่าวเจ้าสาวงานนี้ก็แค่คืนละ 3 ล้านเท่านั้นเอง งานแต่งของคู่นี้คิดออกมาแล้วก็จ่ายเบาะๆ แค่ 83 ล้านบาท อันดับ 10 ก็แพงหูฉี่ขนาดนี้แล้วอันดับต่อๆ ไปจะขนาดไหน

9. 99 ล้านบาท ของ พอล แม็กคาร์ตนีย์ และ เฮทเธอร์ มิลส์

งานแต่งงานที่แพงสุดในโลก
งานแต่งพอล แม็กคาร์ตนีย์ และ เฮทเธอร์ มิลส์

พอล แม็กคาร์ตนีย์ หนึ่งในสมาชิกวงเดอะบีทเทิลส์มือกีตาร์และยังเป็นนักประพันธ์เพลงชื่อดังระดับโลก เข้าพิธีแต่งงานกับ  เฮทเธอร์ มิลส์ อดีตนางแบบและนักรณรงค์เพื่อการกุศลในปี 2002 งานแต่งจัดขึ้นแบบสไตล์อินเดียในโบสถ์ของประเทศไอร์แลนด์ ภายในงานมีเมนูอาหารมังสวิรัติชุดใหญ่พร้อมกับโชว์ระบำอินเดียโดยสองอย่างนี้มีค่าใช้จ่ายถึง 4.7 ล้านบาทและในงานยังตกแต่งอย่างหรูหราโดยเฉพาะดอกไม้สดและไฮไลท์ของงานนี้คือมีการจุดพลุอย่างอลังการไปทั่วงานส่วนค่าใช้จ่ายนั้นมีมูลค่าถึง 5 ล้านบาท โดยรวมของงานนี้ทั้งคู่ใช้เงินไปเพียง 99 ล้านบาทก็แค่เกือบ 100 ล้านเท่านั้นเองจ้า

8.งานแต่งงาน 132 ล้านบาท ของ เอลิซาเบธ เทย์เลอร์ และ ลาร์รี่ ฟอร์เทนสกี้

งานแต่งงานที่แพงสุดในโลก
งานแต่งเอลิซาเบธ เทย์เลอร์ และ ลาร์รี่ ฟอร์เทนสกี้

เพชรคือเพื่อนที่ดีที่สุดของผู้หญิง หากนึกถึงประโยคนี้คงไม่มีใครไม่คิดถึง เอลิซาเบธ เทย์เลอร์ เจ้าของกรุเพชรถึงแม้ว่านางจะผ่านงานแต่งงานมาหลายครั้งแต่งานแต่งครั้งนี้กับ ลาร์รี่ ฟอร์เทนสกี้ นั้นเรียกได้ว่าแพงเวอร์วังอลังการเพราะมีมูลค่าถึง 132 ล้านบาท เท่านั้นเองจ้า

7. 138 ล้านบาท ของ ไลซ่า มินเนลลี่ และ เดวิด เกสต์

งานแต่งงานที่แพงสุดในโลก
งานแต่งไลซ่า มินเนลลี่ และ เดวิด เกสต์

ไลซา มินเนลลี่ อดีตนักแสดงสาวฮอลลีวูดชื่อเสียงโด่งดัง เข้าพิธีแต่งงานกับนักโปรดิวเซอร์ เดวิด เกสต์ งานแต่งของดาราแถวหน้าของวงการฮอลลีวูดทั้งทีต้องเวอร์เท่านั้นเพราะมีแต่คนดังมาร่วมงานอย่างเพื่อนเจ้าสาวสุดฮอต เอลิซาเบธ เทย์เลอร์ และราชาเพลงป็อบอย่าง ไมเคิล แจ๊คสัน ภายในงานจัดงานอย่างหรูหรา มีเค้กและดอกไม้สดรวมถึงวงออร์เคสตราที่บรรเลงเพลงตลอดงานโดยทั้งคู่ใช้เงินในส่วนนี้ราวๆ 26 ล้านบาท แต่เดี่ยวก่อนโดยรวมของงานนี้นั้นใช้จ่ายไปถึง 138 ล้านบาท เงินแค่นี้ทำขนหน้าแข้งไม่ล่วงนะจ๊ะ ขอบอก

6.165 ล้านบาท ของ เชลซี คลินตัน และ มาร์ค แมซวินสกี

งานแต่งงานที่แพงสุดในโลก
งานแต่งเชลซี คลินตัน และ มาร์ค แมซวินสกี

ต้องเรียกได้ว่าเป็นงานแต่งงานระดับโลกอีกงานหนึ่งเลยก็ว่าได้ของเชลซี คลินตัน ลูกสาวของอดีตประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา บิล คลินตัน ที่เข้าวิวาห์กับ มาร์ค แมซวินสกี หนุ่มนายธนาคารด้านการลงทุนแห่งโกลด์แมนแซคส์ งานนี้จัดขึ้นที่ คฤหาสน์แอสเตอร์ ตั้งอยู่ในเมืองไรน์เบค ซึ่งอยู่ทางตอนเหนือของนครนิวยอร์ค โดยค่าใช้จ่ายของงานนี้สูงถึง 165 ล้านบาท แค่ชุดของเจ้าสาวที่สวยงามราวกับนางฟ้าก็มีมูลค่าถึง 806,000 บาทโดยชุดนี้ได้ดีไซเนอร์ระดับโลกอย่าง “ออสกา เดอ ลา รองตา” และ “วิรา แวง” มาออกแบบให้ พร้อมเครื่องประดับอีกกว่า 8 ล้านบาท ส่วนในเรื่องของสถานที่นั้นถูกเนรมิตอย่างหรูหราให้สวยงามเหมือนอยู่ในเมืองเทพนิยาย

keyboard_arrow_up