“สมเด็จพระราชินีโซเฟีย” แห่งราชอาณาจักรสเปน เสด็จฯ ถึงไทยแล้ว เพื่อทรงเข้าร่วมพระราชพิธีฯ ในวันที่ 26 ต.ค.นี้

เมื่อวันที่ 24 ตุลาคม 2560 เวลา 18.00 น. สมเด็จพระราชินีโซเฟียเเห่งราชอาณาจักรสเปน เสด็จฯ ถึงประเทศไทยเพื่อทรงเข้าร่วมงานพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร ในวันที่ 26 ตุลาคม 2560 นี้ ณ พระเมรุมาศ มณฑลพิธีท้องสนามหลวง กรุงเทพมหานคร

 

สมเด็จพระราชินีโซเฟียเเห่งราชอาณาจักรสเปน

1

สมเด็จพระราชินีโซเฟียเเห่งราชอาณาจักรสเปน และ นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์

โดยมีพลเอก สุรยุทธ์ จุลานนท์ องคมนตรี ในฐานะผู้แทนพระองค์ และนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะผู้แทนรัฐบาล ถวายการต้อนรับที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ จังหวัดสมุทรปราการ

สมเด็จพระราชินีโซเฟียเเห่งราชอาณาจักรสเปน และ พลเอก สุรยุทธ์ จุลานนท์ องคมนตรี

โดย สมเด็จพระราชินีโซเฟีย เป็นพระมเหสีในสมเด็จพระราชาธิบดีควน การ์โลสที่ 1 สมเด็จพระราชินีโซเฟียทรงเป็นเจ้าหญิงแห่งกรีซโดยพระกำเนิด เป็นพระราชธิดาพระองค์ใหญ่ในสมเด็จพระเจ้าปัฟโลสแห่งกรีซ และ สมเด็จพระราชินีเฟรเดริกาแห่งกรีซ โดยมีพระนามในภาษากรีกว่า โซเฟีย มาร์การีตา วิกตอเรีย เฟรเดรีกี พระองค์มีพระราชอนุชาและพระราชขนิษฐาคือ สมเด็จพระราชาธิบดีคอนสแตนตินที่ 2 แห่งกรีซ และ เจ้าหญิงไอรีนแห่งกรีซและเดนมาร์ก

สมเด็จพระราชินีโซเฟียเเห่งราชอาณาจักรสเปน

พระราชกรณียกิจในประเทศในฐานะของสมเด็จพระราชินี พระองค์ทรงเป็นประธานมูลนิธิ Queen Sofía และยังทรงเป็นประธานลูกเสือกิติมศักดิ์แห่งสเปน

สำหรับพระราชกรณียกิจในต่างประเทศ พระองค์เป็นตัวแทนพระราชวงศ์เสด็จพระราชดำเนินไปทรงร่วมงานอภิเษกสมของ เจ้าหญิงวิกตอเรีย มกุฎราชกุมารีแห่งสวีเดน และ เจ้าชายดาเนียล ดยุกแห่งเวสเตร์เยิตลันด์ และ เสด็จพระราชดำเนินไปทรงร่วมงาน พระราชพิธีเสกสมรสระหว่างเจ้าชายวิลเลียมกับเจ้าหญิงเคท และเมื่อปี พ.ศ. 2549 พระองค์เสด็จพระราชดำเนินแทนพระองค์ สมเด็จพระราชาธิบดีควน การ์โลสที่ 1 แห่งสเปน มายังราชอาณาจักรไทยในพระราชพิธีฉลองสิริราชสมบัติครบ 60 ปี ของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร

 


 

พระราชประวัติสมเด็จพระราชินีโซเฟียเเห่งราชอาณาจักรสเปน  : wikipedia

ภาพ : กระทรวงการต่างประเทศ , margaret watson 

 

สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ เสด็จพระราชพิธีบำเพ็ญพระราชกุศลออกพระเมรุมาศ

สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร เสด็จพระราชพิธีบำเพ็ญพระราชกุศลออกพระเมรุมาศ

สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร เสด็จพระราชพิธีบำเพ็ญพระราชกุศลออกพระเมรุมาศ
สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร กราบถวายบังคมพระบรมศพ

เมื่อเวลา 15.00 น. วันที่ 25 ต.ค. 2560 สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร เสด็จพระราชดำเนินโดยรถยนต์พระที่นั่ง จากพระที่นั่งอัมพรสถาน พระราชวังดุสิต ไปยังพระบรมมหาราชวัง เข้าทางประตูวิเศษไชยศรี ประตูพิมานไชยศรี เมื่อรถยนต์พระที่นั่งเทียบที่ประตูกำแพงแก้ว พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ข้างพระที่นั่งราชกรัณยสภา เสด็จขึ้นทางบันไดมุขกระสันพระทีั่่นั่งพิมานรัตยา เสด็จออกพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ผ่านพระบรมวงศานุวงศ์เฝ้าฯ ไปยังที่ประดิษฐานพระบรมศพ ทรงจุดเทียนเครื่องทองน้อยและเครื่องราชสักการะ กราบถวายบังคมพระบรมศพ ทรงประเคนพัดรองที่ระลึกงานออกพระเมรุ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร แต่สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราชสกลมหาสังฆปรินายก สมเด็จพระราชาคณะ และสมเด็จพระราชาคณะที่จะถวายพระธรรมเทศนา จำนวน 31 รูป แล้วทรงยืนประเคนพัดรองที่ระลึกฯ แด่พระสงฆ์สวดศราทธพรต 30 รูป บรรพชิตจีน และญวน 20 รูป ซึ่งจะเดินเข้ามารับจนหมด

ทรงประเคนพัดรองที่ระลึกงานออกพระเมรุ
ทรงยืนประเคนพัดรองที่ระลึกฯ แด่พระสงฆ์
สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร
สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี,ทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตน์ราชกัญญา สิริวัฒนาพรรณวดี และพระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าสิริภาจุฑาภรณ์
พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าสิริวัณณวรีนารีรัตน์ และพระเจ้าหลานเธอพระองค์เจ้าพัชรกิติยาภา

เจาะข้อมูล “พระยานมาศสามลำคาน” ราชยาน ริ้วขบวนที่ 1 ใช้อัญเชิญพระบรมศพจากวัง

การอัญเชิญพระบรมศพ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร ออกจากพระบรมมหาราชวังจะเคลื่อนออกทางประตูเทวาภิรมย์ โดย พระยานมาศสามลำคาน ริ้วขบวนที่ 1 

จากข้อมูลการอัญเชิญพระบรมศพจากพระมหาปราสาทไปสู่พระเมรุมาศ โดยเริ่มจากริ้วขบวนที่ 1 ที่จะอัญเชิญพระบรมศพ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร จากพระบรมมหาราชวังไปสู่มณฑลพิธีท้องสนามหลวง ริ้วขบวนที่ 1 จะเชิญพระโกศทองใหญ่โดย พระยานมาศสามลำดวน จากพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ผ่านทางประตูเทวาภิรมย์

สำหรับพระยานมาศสามลำคาน เป็นราชยานที่สร้างขึ้นในสมัยพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย รัชกาลที่ 2 เพื่อใช้อัญเชิญพระบรมโกศพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราชเป็นครั้งแรก โดยมีลักษณะเป็นยานที่มีคานหามขนาดใหญ่ ทำด้วยไม้จำหลักลวดลายลงรักปิดทอง มีพนักโดยรอบ 3 ด้าน และมีคานหาม 3 คาน จึงเรียกว่า พระยานมาศสามลำคาน อยู่ในขบวนพระบรมราชอิสริยยศ ริ้วที่ 1 ใช้สำหรับอัญเชิญพระบรมโกศจากพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาทในพระบรมมหาราชวัง ไปประดิษฐานบนพระมหาพิชัยราชรถ ที่จอดเทียบรออยู่ใกล้พลับพลายก บริเวณทิศตะวันออกของวัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม

และเมื่อพระมหาพิชัยราชรถเชิญพระโกศพระบรมศพไปถึงพระเมรุมาศแล้ว ก็จะใช้ พระยานมาศสามลำคาน นี้อัญเชิญพระโกศพระบรมศพจากพระมหาพิชัยราชรถเวียนรอบพระเมรุมาศ ณ มณฑลพิธีท้องสนามหลวง อีกครั้งหนึ่ง ยกเว้นถ้าเป็นพระบรมศพหรือพระศพของพระมหากษัตริย์หรือพระบรมวงศานุวงศ์ที่ทรงรับราชการทหารเมื่อยังทรงพระชนม์ จะใช้ราชรถปืนใหญ่เวียนรอบแทน

 


ข้อมูลและภาพ: http://www.kingrama9.th/Honor/Detail/7

‘พระองค์ที’ ร่วมทำหน้าที่จิตอาสา ถวายงานเพื่อทูลกระหม่อมปู่ครั้งสุดท้าย

แม้จะสเด็จกลับมายังประเทศไทยได้ไม่นาน แต่ก็ทำให้คนไทยปลื้มใจอีกครั้งเมื่อได้เห็นเจ้าชายพระองค์น้อย “พระเจ้าหลานเธอพระองค์เจ้าทีปังกรรัศมีโชติ” หรือ “พระองค์ที”  ได้มาร่วมทำหน้าที่จิตอาสา บริการประชาชนที่มาร่วมในพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพในหลวงรัชกาลที่๙

25 ตุลาคม 2560 พสกนิกรจากทั่วสารทิศต่างเดินทางมาร่วมงานพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร ในวันที่ 26 ตุลาคม 2560 ซึ่งในแต่ละจุดที่ประชาชนนั่งรออยู่ แม้ว่าจะเจออุปสรรคทั้งแดดและฝน แต่ก็ไม่ได้ทำให้ทุกคนท้อถอยแต่อย่างใด

อีกทั้งยังมีหน่วยงานทางราชการรวมถึงอาสาสมัครต่างมาช่วยกันดูแลอย่างขยันขันแข็ง และในวันนี้ พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าทีปังกรรัศมีโชติ ก็ได้มาร่วมเป็นหนึ่งในจิตอาสา พระองค์รับหน้าที่เป็นผู้ทำความสะอาดสุสานหลวง ณ วัดราชบพิธสถิตมหาสีมารามราชวรวิหาร อีกทั้งยังทรงประทานอาหารและน้ำดื่มแก่ประชาชนอีกด้วย

ขอขอบคุณภาพจาก : FB@ชมรมคนรักพระมหากษัตริย์ของชาติไทย

“ประตูเทวาภิรมย์” พระทวารเชิญพระบรมโกศ ออกจากพระบรมมหาราชวังสู่ท้องสนามหลวง

พระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร ในวันที่ 26 ตุลาคม 2560 เป็นเหตุการณ์สำคัญในหน้าประวัติศาสตร์ที่หลายคนล้วนอยากจดจำและสัมผัสให้ได้มากที่สุดแม้จะเป็นเรื่องน่าเศร้ามากแค่ไหนก็ตาม 

วันนี้ แพรวดอทคอม จึงจะพาไปรู้จัก “ประตูเทวาภิรมย์” ซึ่งเป็นหนึ่งในประตูชั้นนอกตามกำแพงพระบรมมหาราชวังจากทั้งหมด 12 ประตู โดยแต่ละประตูได้มีการตั้งชื่อให้สอดคล้องไล่เรียงกันไป และประตูเทวาภิรมย์นี้ก็นับเป็นประตูสำคัญในพระราชพิธีถวายพระเพลิงฯ เนื่องจากเป็นจุดแรกที่พระบรมศพของในหลวงรัชกาลที่ 9 จากพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท จะเคลื่อนออกเพื่อมุ่งสู่มณฑลพิธีท้องสนามหลวง

ประตูเทวาภิรมย์ เป็นประตูชั้นนอกอยู่ทางด้านทิศตะวันตก ระหว่างป้อมมหาสัตตโลหะและป้อมทัศนนิกร ตรงข้ามกับท่าราชวรดิษ โดยมีชื่อสามัญว่า ประตูท่าขุนนางหน้าโรงทาน ซึ่งเมื่อถัดเข้ามาด้านในจะเป็นประตูชั้นในชื่อว่า ประตูศรีสุนทร สำหรับประตูตามกำแพงพระบรมมหาราชวังนั้นได้มีการสร้างและเปลี่ยนแปลงมาเรื่อยๆ ตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 1 ถึงรัชกาลที่ 5 ซึ่งเมื่อถึงสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ประตูเทวาภิรมย์ เป็นประตูวังหนึ่งเดียวที่ได้เปลี่ยนเป็นประตูยอดแบบใหม่ โดยเปลี่ยนจากประตูหอรบเป็นประตูยอด

สำหรับการอัญเชิญพระบรมศพจากพระมหาปราสาทไปสู่พระเมรุมาศ หรืออัญเชิญพระบรมอัฐิจากพระเมรุมาศสู่พระบรมมหาราชวัง พระบรมราชสรีรางคารไปบรรจุหรือลอยพระอังคาร ตามโบราณกาลจะอัญเชิญด้วยขบวนพระราชอิสริยยศ เรียกว่า ริ้วขบวน ซึ่งจะมีทั้งหมด 6 ขบวน ตามที่หลายคนได้เห็นผ่านสื่อหรือไปชมยังสถานที่จริงในวันซ้อมใหญ่ริ้วขบวนพระบรมราชอิสริยยศเมื่อวันที่ 22-23 ตุลาคม 2560 ที่ผ่านมา โดยแต่ละขบวนได้มีการบูรณะตกแต่งราชรถ ราชยาน และเครื่องประกอบพระบรมราชอิสริยยศ รวมถึงจะมีคนหาม คนฉุดชัดจำนวนมากเพื่อเคลื่อนขบวนให้งดงามประหนึ่งราชรถเคลื่อนบนหมู่เมฆส่งเสด็จสู่สวรรค์

พระยานมาศสามลำคาน

โดยในวันที่ 26 ตุลาคม 2560 ริ้วขบวนที่ 1 จะเชิญพระโกศทองใหญ่โดยพระยานมาศสามลำคาน จากพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ผ่านทางประตูเทวาภิรมย์ จากนั้นใช้เส้นทางถนนมหาราช เลี้ยวเข้าสู่ถนนท้ายวัง มุ่งไปยังถนนสนามไชย เชิญพระโกศทองใหญ่ขึ้นประดิษฐานในบุษบกพระมหาพิชัยราชรถ บริเวณหน้าวัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม รวมระยะทาง 817 เมตร ใช้เวลาประมาณ 30 นาที

ตามด้วยริ้วขบวนที่ 2 เชิญพระโกศทองใหญ่ขึ้นประดิษฐานในบุษบกพระมหาพิชัยราชรถโดยเกรินบันไดนาค จากหน้าวัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม ไปทางถนนสนามไชย ยาตราขบวนแห่เชิญพระโกศทองใหญ่ จากถนนสนามไชยเข้าสู่ถนนราชดำเนินใน จากนั้นขบวนพระบรมราชอิสริยยศแห่เชิญพระโกศทองใหญ่เข้าสู่ท้องสนามหลวง รวมระยะทาง 890 เมตร ใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง โดยหลังจากนั้นจะเป็นหน้าที่ของริ้วขบวนที่ 3-6 ตามลำดับ

 

 


ข้อมูล: http://www.kingrama9.th, หนังสือราชรถ ราชยาน ในพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพ กรมศิลปากร และเว็บไซต์พระราชพิธีพระราชทานเพลิงพระศพ สมเด็จพระเจ้าภคินีเธอ เจ้าฟ้าเพชรรัตนราชสุดา สิริโสภาพัณณวดี
ภาพ: http://www.kingrama9.th, google street view, แพรวดอทคอม

อาจารย์เผ่าทอง ทองเจือ

อ.เผ่าทอง ชี้แจงเรื่องการส่งต่อดอกไม้จันทน์ไม่ใช่เรื่องผิด

Alternative Textaccount_circle
อาจารย์เผ่าทอง ทองเจือ
อาจารย์เผ่าทอง ทองเจือ

ตอนนี้ในโลกออนไลน์มีกระแสมากมายเกี่ยวกับเรื่องการส่งต่อดอกไม้จันทน์มือต่อมือ การห้ามชมว่าดอกไม้จันทน์สวย และหากมีดอกไม้จันทน์อยู่ในมือห้ามยกมือขึ้นไหว้หรือรับไหว้นั้น ประเด็นเหล่านี้ ทาง อาจารย์เผ่าทอง ทองเจือ ได้แสดงความคิดเห็นผ่านเฟสบุ๊คส่วนตัว Paothong Thongchua โดยมีข้อความ ดังนี้

“ตั้งใจว่าจะอดใจเอาไว้พูดหลังงานถวายพระเพลิงแล้ว แต่ก็มีคนกระหน่ำส่งไลน์กับเรื่องที่ไร้เหตุผล ไร้สาระมากๆ มาให้ทุกวี่ทุกวัน วันนี้จึงต้องขอพูดถึง ข้อห้ามต่างๆนานาเกี่ยวกับดอกไม้จันทน์ ที่ตะบี้ตะบันส่งกันทั่วทั้งเมืองสักหน่อย
เพราะเกิดมาก็หกสิบกว่าปีแล้ว เวลาไปงานศพตามวัด ต่างก็มีคนของวัดหรือของเจ้าภาพ หยิบดอกไม้จันทน์จากพานที่จัดเตรียมไว้ส่งให้โดยตลอด เพราะเราเป็นผู้ใหญ่ เวลาเราเดินไปที่เชิงเมรุ ก็จะมีคนหยิบดอกไม้จันทน์จากพานส่งให้ มีทั้งส่งมือต่อมือ มีทั้งส่งด้วยพานต่อมือ หรือบางครั้งเวลาจะไปงานศพก็มีญาติพี่น้อง หรือเพื่อนฝูงที่ไปร่วมงานเผาศพไม่ได้ ฝากดอกไม้จันทน์ไปร่วมเผาศพด้วย ก็รับฝากและถือขึ้นไปวางบนเมรุเสมอๆ ก็ไม่เคยมีใครว่าเลย ไม่เข้าใจว่าธรรมเนียมที่ห้ามส่งดอกไม้จันทน์ให้กัน เกิดขึ้นมาสมัยไหน และใครเป็นคนบัญญัติ

และที่งงมากก็คือ การห้ามชมว่าดอกไม้จันทร์สวย ก็ไม่รู้ว่าเป็นธรรมเนียมที่ใครบัญญัติขึ้นด้วยเช่นกัน เพราะที่บ้านของผมในสมัยเด็กๆเวลาคุณปู่คุณย่าคุณตาคุณยายจะไปงานเผาศพก็จะสั่งบ่าวไพร่ เอาหีบไม้ที่บรรจุท่อนไม้จันทน์มาไสให้เป็นขี้กบแบบที่เป็นแผ่นวงๆ แล้วจึงนำมาประดิษฐ์เป็นดอกไม้ และเข้าช่อกับธูปเทียนไม้ระกำ เวลาบ่าวไพร่ทำเสร็จเรียบร้อยแล้ว ก็ให้คุณปู่คุณย่าคุณตาคุณยายได้เห็น ท่านผู้ชมเชยกันว่าสวยงามดี เพราะถ้าทำไม่สวย ท่านก็สั่งให้ทำใหม่ใครจะถือของไม่สวยไม่งามไปงานศพได้ 

ส่วนธรรมเนียมที่มีดอกไม้จันทน์อยู่ในมือ แล้วห้ามยกมือขึ้นไหว้หรือรับไหว้ก็งงมาก เพราะตั้งแต่เกิดจนอายุหกสิบกว่าวันนี้ก็พนมมือไหว้ และพนมมือรับไหว้ ทั้งๆที่มีดอกไม้จันทน์อยู่ในมือมาโดยตลอด เพราะเวลาเดินขึ้นเมรุ ก็มักจะเจอกับแขกผู้ใหญ่และแขกเด็กกว่าที่ไปร่วมงาน ถ้าไม่ไหว้หรือรับไหว้กันตอนนั้น ก็ไม่รู้ว่าจะไปไหว้หรือรับไหว้กันตอนไหน  เพราะเมื่อเผาศพเสร็จแล้ว ต่างก็แยกย้ายกันกลับบ้านเลย ก็เลยสงสัยว่าคงจะเป็นธรรมเนียมใหม่ที่บัญญัติขึ้นในงานพระเมรุครั้งนี้ และสงสัยอีกว่า….ต่อนี้ไป คงจะต้องหนีไปเดินตรอก ปล่อยให้พวกคนที่เขาบัญญัติธรรมเนียมใหม่นี้…ขึ้นมาเดินถนนแทน…..”

ที่มาและภาพ : Paothong Thongchua

ทรงเปี่ยมล้นด้วยพระเมตตา รัชกาลที่ 10 รับสั่งดูแลประชาชนให้ดี

รัชกาลที่ 10 สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร รับสั่งเจ้าหน้านี้ดูแลประชาชนให้ดีพร้อมพระราชทานเบาะรองนั่งให้พสกนิกรที่รอบทุ่งพระเมรุ

สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร

เป็นที่ทราบว่าในตอนนี้มีประชาชนจากทุกภาคของประเทศไทยพร้อมใจเดินทางมาร่วมพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมิทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร แม้ต้องรอข้ามวันข้ามคืนก็ตาม ซึ่งเรื่องนี้ทำให้รัชกาลที่ 10 สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร ทรงห่วงใยประชาชนที่มาร่วมงานพระราชพิธีฯ จึงมีกระแสรับสั่งในเรื่องต่างๆผ่านพลอากาศโท ภักดี แสงชูโต ผู้ช่วยราชเลขาธิการในพระองค์ เปิดเผยว่า

“สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร ทรงห่วงใยพี่ประชาชนที่จะมาร่วมพระราชพิธีฯ โดยทรงเห็นว่าอากาศร้อนแดดแรงพื้นปูน พื้นซีเมนต์ที่ประชาชนนั่งยิ่งร้อน จึงทรงมีพระราชกระแสรับสั่งให้จัดหาเบาะรองนั่ง มาปูบนพื้นตลอดแนว เพิ่อบรรเทาความรัอน และทรงฝากขอบใจ ในความจงรักภักดี ที่ประชาชนมี โดยหลั่งไหล ที่จะมาเข้าร่วมพระราชพิธีฯ จึงฝากเจ้าหน้าที่ดูแลประชาชนให้ดี อย่าดุ หรือเข้มงวด กับประชาขนมากเกินไป ขอให้พระองค์ ทรงพระเจริญ ยิ่งยืนนาน พระพุทธเจ้าข้า”

เหล่าอาสากำลังปูเบาะพระราชทาน ภาพจากสำนักข่าวไทย

ขณะที่พล.ท.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ได้เปิดเผยเพิ่มเติมโดยกล่าวว่า“สำหรับงานพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร มีประชาชนเดินทางมาร่วมพระราชพิธีทั้งในกรุงเทพฯ และตามพระเมรุมาศจำลองในต่างจังหวัด โดยเฉพาะในพระราชพิธีฯ ที่มณฑลพิธีท้องสนามหลวง และโดยรอบพระบรมมหาราชวัง ซึ่งคาดว่าจะมีประชาชนเดินทางมาร่วมไม่ต่ำกว่า 250,000 กว่าคน ขอให้รัฐบาลแจ้งเจ้าหน้าที่ราชการทุกภาคส่วน ดูแลอำนวยความสะดวกประชาชนให้ดีและมากที่สุด โดยเฉพาะการเดินทางเข้ามาของประชาชนในพื้นที่จังหวัดที่ประสบอุทกภัย ขอให้ช่วยเหลือเยียวยา จัดรถรับส่งประชาชนให้เดินทางมาร่วมพระราชพิธีฯ และพระเมรุมาศจำลองทั่วประเทศได้”

“ต้องการให้ประชาชนได้รับความสะดวกสบายมากที่สุด ช่วยเหลือดูแลประชาชนให้ได้มากที่สุด ระเบียบหลักเกณฑ์ต่างๆ ที่มีความยืดหยุ่น จะต้องให้มีความยืดหยุ่นจะต้องให้มีความยืดหยุ่นให้ได้มากที่สุด เห็นได้จากการซักซ้อมริ้วขบวนพระราชพิธี ตั้งแต่เมื่อวันที่ 15 ต.ค. ถึงวันที่ 21 ต.ค.ที่ผ่านมา จะเห็นว่าริ้วขบวนพระราชพิธีเคลื่อนที่ในจังหวะที่ค่อนข้างช้า เพราะฉะนั้นระยะทาง 100-200 เมตร จะใช้เวลาพอสมควร จึงสามารถให้ประชาชนลุกขึ้นยืนได้ ไม่จำเป็นต้องนั่งตลอด สามารถผ่อนคลายอิริยาบถได้ก่อน แต่เมื่อริ้วขบวนใกล้ถึงก็แจ้งเตือนประชาชนให้อยู่ในกิริยาสำรวม และปฏิบัติตามคำแนะนำ ก็จะทำให้ประชาชนผ่อนคลาย ไม่เครียด”พล.ท.สรรเสริญ แก้วกำเนิด กล่าว

กษัตริย์จิกมีแห่งภูฏาน เสด็จฯ ถึงไทยแล้ว เพื่อทรงร่วมงานพระราชพิธีฯ

วันนี้ (25 ตุลาคม 2560) เมื่อเวลา 11.00 น. กษัตริย์จิกมีแห่งภูฏานเสด็จฯ พร้อมด้วย สมเด็จพระราชาธิบดี จิกมี เคเซอร์ นัมเกล วังชุก และสมเด็จพระราชินีเจตซุน เพมา วังชุก แห่งราชอาณาจักรภูฏาน เสด็จถึงท่าอากาศยานสุวรรณภูมิเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เพื่อทรงร่วมงานพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร ณ พระเมรุมาศ มณฑลพิธีท้องสนามหลวงในวันที่ 26 ตุลาคม 2560 นี้ 

1

กษัตริย์จิกมีแห่งภูฏาน สมเด็จพระราชาธิบดี จิกมี เคเซอร์ นัมเกล วังชุก และ สมเด็จพระราชินีเจตซุน เพมา วังชุก

โดยมีพลเอก สุรยุทธ์ จุลานนท์ องคมนตรี ผู้แทนพระองค์ และ พลเอก อนันตพร กาญจนรัตน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ผู้แทนรัฐบาล คอยให้การต้อนรับ 

1

กษัตริย์จิกมีทรงรับพวงมาลัยต้อนรับจาก พลเอก สุรยุทธ์ จุลานนท์ องคมนตรี

1

กษัตริย์จิกมี และ พลเอก สุรยุทธ์ จุลานนท์ องคมนตรี

1

กษัตริย์จิกมี สมเด็จพระราชาธิบดี จิกมี เคเซอร์ นัมเกล วังชุก สมเด็จพระราชินีเจตซุน เพมา วังชุก และ พลเอก สุรยุทธ์ จุลานนท์ องคมนตรี

 

ข้อมูล : ชมรมคนรักพระมหากษัตริย์ของชาติไทย

ภาพ :  ชมรมคนรักพระมหากษัตริย์ของชาติไทย

 

1

สูงวัยแต่ใจสู้ นับถือหัวใจผู้เฒ่าผู้แก่ ปักหลักข้ามคืน ร่วมงานพระราชพิธีฯ

ชื่นชมคุณตา,คุณยาย ปักหลักข้ามคืนรอร่วมงานพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร

นับตั้งแต่เมื่อคืนที่ 23 ต.ค.ที่ผ่านมา ที่บริเวณโดยรอบสนามหลวงมีประชาชนจากทั้งในกรุงเทพฯและต่างจังหวัดเดินทางมาจับจองพื้นที่บริเวณทางเข้าจุดคัดกรองเพื่อเข้าร่วมพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร เป็นจำนวนมาก แม้เมื่อคืนที่ผ่านมา 25 ต.ค. 2560 ฝนจะตกกระหน่ำแต่ก็ไม่มีใครถอยเลย แม้แต่ผู้สูงอายุ คุณตา, คุณยายหลายคน ร่างกายไม่พร้อมสุขภาพไม่เอื้ออำนวยแต่ก็ไม่เคยย่อท้อและตั้งใจแน่วแน่ที่จะเข้าร่วมพระราชพิธีพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศ ด้วยอาลัยและน้อมรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณในหลวงรัชกาลที่ ๙ ซึ่งแพรวดอทคอมของรวบรวมภาพสุดซาบซึ้งมาให้ได้ชมในข่าวนี้

  


ภาพ : พีรพันธุ์ วิจิตรไกรวิน

สถิตในใจตราบนิรันดร์ นิตยสารแพรวฉบับพิเศษ “รักพ่อไม่เปลี่ยนแปร”

แพรว ๙๑๖ ฉบับพิเศษ พาคุณผู้อ่านไปร่วมน้อมรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณอันหาที่สุดมิได้ และแสดงความอาลัยแด่ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร กับทุกย่างก้าวของของพ่อ ที่อยู่ในความทรงจำของประชาชนชาวไทย

ว่ากันว่าความรักนั้นเป็นพลังขับเคลื่อนให้เราได้มีชีวิตก้าวต่อไป ความรักทำให้โลกนี้น่าอยู่ขึ้น ความรักคอยเป็นกำลังใจให้เราแข็งแรงและพร้อมสู้ต่อไป แต่ความรักแบบไหนกันที่ทำเพื่อให้คนหมู่มากมีความสุข เรามีคำตอบให้คุณ กับ ๙ สิ่งที่พ่อรัก ซึ่งหนึ่งในนั้นคือ รักที่พ่อหลวงรัชกาลที่ ๙ มอบให้กับประชาชนชาวไทย

นับเป็นพระมหากรุณาธิคุณอันล้นพ้นที่ สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณบดินทรเทพยวรางกูร ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯพระราชทานพระราชานุญาตให้นิตยสาร แพรว เข้าเฝ้าฯเพื่อรับประทานสัมภาษณ์จาก พระเจ้าหลานเธอพระองค์เจ้าสิริวัณณวรีนารีรัตน์ สำหรับเชิญลงในนิตยสาร แพรว ฉบับพิเศษนี้นับเป็นบทประทานสัมภาษณ์ที่ทรงคุณค่าทางประวัติศาสตร์ที่ยากจะหาอ่านได้จากที่ไหน

หลายคนเก็บความสุขไว้ในภาพความทรงจำ หรือภาพถ่าย เมื่อคิดถึงอีกครั้งก็หยิบภาพเหล่านั้นขึ้นมาดูเพื่อนึกถึงความรู้สึกที่มีความสุขในช่วงเวลานั้น เช่นเดียวกับ ๙ ช่างภาพในรัชกาลที่ ๙ จากสายตาผ่านเลนส์ของช่างภาพผู้มีโอกาสถวายงานด้วยการฉายพระรูปพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร ที่ถ่ายทอดเรื่องราวการตามเสด็จ พร้อมพระบรมฉายาลักษณ์อันเป็นที่สุดของความภาคภูมิใจ บันทึกเป็นประวัติศาสตร์ให้คนไทยกว่า ๖๐ ล้านคนได้ร่วมชื่นชมพระบารมี และระลึกในพระมหากรุณาธิคุณของพระองค์ท่าน

นอกจากภาพพระราชกรณียกิจต่างๆ ของ พ่อหลวงรัชกาลที่ ๙ ซึ่งประชาชนชาวไทยได้เห็น จากฝีมือการถ่ายของ ๙ ช่างภาพ แต่ยังมีคนอีกกลุ่มหนึ่ง ที่ได้มีโอกาสถวายงานรับใช้พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร รวมถึงพระบรมวงศานุวงศ์มานาน คือ ผู้สื่อข่าว ๙ เรื่องราวต่อไปนี้บ่งบอกถึงพระราชจริยวัตรที่น่าประทับใจ และทุกเรื่องมีคำตอบว่า เพราะอะไรพวกเขาจึงรักพระองค์ท่าน และพร้อมทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีที่สุด เพื่อบอกเล่าเรื่องราว “ในหลวงรัชกาลที่ ๙” ผู้ทรงเป็นพระมหากษัตริย์ที่รักยิ่งของปวงชนชาวไทยใน ๙ เรื่องคนข่าว The King of My Heart

เราเชื่อว่าทุกคนย่อมมีของสำคัญที่ราคาอาจจะแพงแสนแพง หรือ อาจจะไม่มีราคาเลยก็ได้ แต่ของเหล่านี้ล้วนมีความสำคัญทางจิตใจ ที่ประเมินค่าไม่ได้ แพรว ได้รับเกียรติจากบุคคลเหล่านี้เชิญสิ่งของที่ได้รับพระราชทานจาก พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร ในวาระต่างๆ นอกจากเป็นสิ่งที่ทรงคุณค่าทางจิตใจและเป็นสิริมงคลแก่ผู้ที่ได้รับพระราชทานแล้วทุกชิ้นยังเปี่ยมด้วยความหมาย และความทรงจำอันงดงามถึงพระองค์ท่านตราบนิรันดร์

สิ่งหนึ่งที่ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร ทรงอยากให้คนไทยทำนั้น คือการตั้งมั่นอยู่ในความดีและพอเพียง เช่นเดียวกับคนกลุ่มนี้ ที่มีใจเป็นจิตอาสา เดินตามพ่อหลวงรัชกาลที่ ๙ ตั้งใจทำความดีเพื่อสังคมให้เหมือนกับที่พระองค์ท่าน เสียสละ เพื่อปวงชนชาวไทยเสมอมา

เป็นเวลา ๓๙ ปีแล้วที่นิตยสาร แพรว ได้ร้อยเรียงความจงรักภักดีเทิดพระเกียรติสถาบันพระมหากษัตริย์มาอย่างต่อเนื่องด้วยสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณอันหาที่สุดมิได้ใน พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชบรมนาถบพิตร ๙ ภาพปกและบทบันทึกเรื่องราวอันน่าประทับใจในช่วงเวลานั้น แพรว คัดเลือกมาเพื่อบันทึกไว้ ณ ที่นี้อีกครั้ง

ภาพปก : รักพ่อไม่เปลี่ยนแปร
๙ สิ่งที่พ่อรัก : เรื่องราวของ ๙ สิ่งที่พ่อรัก ได้แก่ แซกโซโฟน เรือใบ สุนัข การสนทนาธรรม การวาดภาพ การถ่ายภาพ แผนที่ ความเป็นอยู่ แบบพอเพียง และประชาชน
บทประทานสัมภาษณ์พิเศษ : ความทรงจำของพระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าสิริวัณณวรีนารีรัตน์ ที่ทรงมีต่อ
พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร ในด้านต่าง ๆ
๙ ช่างภาพในรัชกาลที่ ๙ : ภาพความประทับใจผ่านเลนส์ของ ช่างภาพผู้มีโอกาสตามเสด็จฯ ถวายงาน
๙ เรื่องคนข่าว The King of My Heart : เรื่องเล่าจากผู้สื่อข่าวถึงพระราชจริยวัตร ขณะทรงงานในช่วงเวลาต่างๆ
สิ่งของพระราชทานในรัชกาลที่ ๙ จักจารไว้ในความทรงจำชั่วนิรันดร์ : ความทรงจำอันทรงคุณค่า ผ่านสิ่งของพระราชทาน
๙ พลังทำดี…เพื่อพ่อ : การรวมพลังของกลุ่มคนจิตอาสา ที่ขอทำดีถวายในหลวงรัชกาลที่ ๙
เรื่องพิเศษ : น้อมรำลึกไปกับที่สุดแห่งความทรงจำ และความประทับใจตลอดระยะเวลา การทำงานกว่า ๓๙ ปีของ แพรว ผ่าน ๙ ภาพปกพระบรมฉายาลักษณ์ และพระบรมสาทิสลักษณ์

ติดตามเรื่องราวใน พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชบรมนาถบพิตร ที่จะทำให้คุณซาบซึ้งในพระมหากรุณาธิคุณอย่างหาที่สุดมิได้ ในแพรวฉบับพิเศษ ๙๑๖ ปักษ์ ๒๕ ตุลาคม ๒๕๖๐ ได้แล้วที่แผงหนังสือชั้นนำทั่วไป หรือ สั่งซื้อทางออนไลน์ได้ที่ https://www.naiin.com/

๕ บทเพลงพระราชนิพนธ์ใน “พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร”

“บทเพลงพระราชนิพนธ์” อีกหนึ่งในพระปรีชาสามารถของ “พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร” ทั้งนี้แพรวดอทคอมได้คัด ๕ บทเพลงพระราชนิพนธ์อันไพเราะ ที่หลายๆ คนรู้จักมาให้ฟังกันอีกครั้ง

“ลมหนาว” เพลงพระราชนิพนธ์ลำดับที่ ๑๙ ทรงพระราชนิพนธ์ใน พ.ศ.๒๔๙๗

“สายฝน” เพลงพระราชนิพนธ์ลำดับที่ ๓ ทรงพระราชนิพนธ์ใน พ.ศ.๒๔๘๙

“ชะตาชีวิต” เพลงพระราชนิพนธ์ลำดับที่ ๕ ทรงพระราชนิพนธ์หลังจากเสด็จขึ้นครองราชย์ และเสด็จพระราชดำเนินทรงกลับไปทรงศึกษาต่อที่ประเทศสวิตเซอร์แลนด์

“ความฝันอันสูงสุด” เพลงพระราชนิพนะ์ลำดับที่ ๔๓ ทรงพระราชนิพนธ์ใน พ.ศ. ๒๕๑๔

“ยามเย็น” เพลงพระราชนิพนธ์ลำดับที่ 2 ทรงพระราชนิพนธ์ ใน พ.ศ. 2489

นอกจากบทเพลงพระราชนิพนธ์ทั้ง 5 นี้แล้ว ตามพระราชประวัติที่ทราบกันดีพระองค์ทรงประพันธ์ดนตรีตั้งแต่ยังทรงเป็นสมเด็จพระอนุชาธิราช ผลงานเพลงพระราชนิพนธ์ที่พระองค์ทรงประพันธ์นั้นรวมแล้วมีจำนวนถึง 48 เพลง  ซึ่งเพลงที่ทรงพระราชนิพนธ์ทำนอง และคำร้องภาษาอังกฤษด้วยพระองค์เอง มีถึง 5 เพลง คือ “Echo”, “Still on mind mind”, “Old-Fashioned Melody”, “No Moon” และ “Dream Island” นอกจากนี้ ยังมีเพลงที่ทรงพระราชนิพนธ์ทำนองขึ้นภายหลังใส่ในคำร้องที่มีผู้ประพันธ์ไว้แล้ว คือ ความฝันอันสูงสุด,เราสู้ และ รัก

‘รักกันจนหยุดไม่อยู่ ขอจูงมือไปอยู่ด้วยกันก่อน’ เช็คเลย ดวงวันที่ 25 ตุลาคม 2560

ดูดวงรายวัน ประจำวันพุธที่ 25 ตุลาคม 2560 เช็คทุกวัน ทันทุกดวงกับ แพรว ดอทคอม

ผู้ที่เกิดวันอาทิตย์

การงาน :  วันนี้ยังอยู่ในโหมดของการใช้สติปัญญาความรู้ความสามารถ เพื่อการช่วยเหลือคน หรืองานด้านมูลนิธิ งาานด้านศาสนา ระวังความเชื่อมั่นในตัวเองทำให้ท่านมองคนในแง่ร้าย หากลดทิฐิได้จะทำให้งานประสบความสำเร็จเป็นทวีคูณ

การเงิน : จะช่วยคนอื่นจนตัวเองเดือดร้อน

ความรัก : วันนี้ท่านมีอารมณ์โรแมนติก ขณะที่แฟนสงบนิ่ง จึงรู้สึกหึงหวง น้อยใจ แสนงอน ทำให้เกิดปากเสียงกันในบางครั้ง คนโสด หากเมื่อวานยังไม่เจอ วันนี้ยังมีโอกาสได้พบรักกับคนต่างชาติ ต่างศาสนา อีก 1 วัน

สุขภาพ : ควรให้ความสนใจในเรื่องการทานอาหารหน่อย เพราะไขมัน น้ำตาล เข้าแถวมาแล้ว

 

ผู้ที่เกิดวันจันทร์

การงาน : ท่านที่ทำงานเกี่ยวข้องกับแวดวงศิลปะศิลปิน ความสวยงาม และการบันเทิงจะโดดเด่นมาก แต่ให้ระวังเรื่องการจัดแบ่งสรรปันส่วนผลประโยชน์อาจไม่ลงตัว

การเงิน  : วาจาเป็นทรัพย์ก็จริง แต่ท่านได้แค่ครึ่งเดียว

ความรัก :  ผู้หญิงโดดเด่นมาก วันนี้ช่วยเสริมบารมีให้กับคู่ครอง แต่เหมือนเธอยังมีเรื่องวิตกกังวล เครียด จึงให้ได้ไม่เต็มร้อย  คนโสด มีเสน่ห์ สวยและรวยมาก แถมพิษสงรอบตัว

สุขภาพ : ผู้หญิงที่มีปัญหาในเรื่องของช่องท้อง มดลูก และอวัยวะสืบพันธุ์ จะยังทรงๆ

 

ผู้ที่เกิดวันอังคาร

การงาน  :  ท่านอาจมีความจำเป็นต้องเปลี่ยนกลยุทธ์ เพราะเพื่อนร่วมงาน หรือทีมงานที่รู้ใจจากไป แม้ท่านจะเรียกร้องขอความเห็นใจ เขาก็ไม่กลับคืนมา

การเงิน : หากท่านร้องขอก็จะได้โชคลาภแบบฟลุ๊คๆ ทางด้านการก่อสร้าง และงานช่างทุกชนิด

ความรัก : วันนี้ชีวิตคู่กำลังเข้าสู่ช่วงโรยรา เพราะความขี้หึงของท่าน จนอีกฝ่ายทนไม่ไหว ขอแยกไปสร้างบ้านอยู่ต่างหาก ปล่อยเขาไปก่อน คนโสด เป็นรักที่แตกต่างกันมาก จนไม่สามารถที่จะลงเอยกันได้เลย

สุขภาพ : ระวังโรคหรือความเจ็บป่วยจะมีสาเหตุจากงานที่ทำ ระวังการทานอาหารไม่ตรงเวลา ดื่มสุรา จะเป็นสาเหตุของโรคอื่นๆ ได้

 

ผู้ที่เกิดวันพุธ

การงาน  : มันจบแล้ว กับความขัดแย้งใดๆ ทั้งปวง ท่านอาจตัดสินใจลาออกมาเริ่มต้นกับงานใหม่ที่ท้าทาย เสี่ยง และให้ผลตอบแทนที่สูงกว่าเดิม

การเงิน : วันนี้ไม่เหมาะกับการเสี่ยงทุกประเภท จะทำให้ขาดทุน เป็นหนี้ได้

ความรัก : พวกท่านขัดแย้งกันมาก เพราะไม่มีอะไรเหมือนกันสักอย่าง จนครอบครัวไม่มีความสุข วันนี้อาจมาถึงจุดที่ต้องแยกย้าย คนโสด เจ้าชู้ มีเสน่ห์ แต่สุดท้ายแล้วก็ได้เพื่อนนี่ละ

สุขภาพ : ระวังเกิดอุบัติเหตุโดยฉับพลัน จากการเดินทาง การทำงาน หรือถูกทำร้าย

 

ผู้ที่เกิดวันพฤหัสบดี

การงาน : ท่านสามารถทำงานได้หลากหลายและพร้อมๆ กันด้วย คือมีงานประจำด้วยและก็ช่วยงานที่บ้านด้วย ยิ่งเป็นงานค้าขาย หรือต้องคุยกับลูกค้าจะยิ่งดี

การเงิน :  มีสภาพคล่องสูง หลักๆ ยังอยู่ที่ธุรกิจของครอบครัว

ความรัก : วันนี้ท่านยังอยู่ในโหมดลูกและบริวารได้ดังใจ ช่วยดูแลธุรกิจของครอบครัวอย่างคนใจดี ไม่ก้าวร้าว คนโสด กำลังหลงใหลได้ปลื้มเด็กๆ นะจ๊ะ

สุขภาพ : ระวังร่างกายอ่อนเพลีย จะมีอาการหน้ามืด ตาลาย เวียนศีรษะ

 

ผู้ที่เกิดวันศุกร์

การงาน  : การติดต่อประสานงานการประนีประนอม ฝ่ายขาย หรือการนำเข้าส่งออกสินค้า ที่ยังค้างคาอยู่ วันนี้คงต้องขอสิ่งศักดิ์สิทธิ์ให้ช่วยแล้วละ ลองหาพญานาคมาบูชานะคะ

การเงิน : หมดเงินกับการส่งลูกหลานไปเรียนพิเศษต่างประเทศ

ความรัก :  วันนี้ครอบครัวรักและดูแลท่านอย่างดี รวมถึงผู้ใหญ่ด้วย คนโสด ความรักเรียกหาจนอาจถึงขั้นทดลองอยู่กินกันก่อน

สุขภาพ  :  ระวังอุบัติเหตุจากการเดินทางทั้งทางน้ำและทางบก เดินชนนั่นนี่ เขียวช้ำตามตัว

 

ผู้ที่เกิดวันเสาร์

การงาน : ท่านที่เป็นวิศวกร หรือดูแลงานช่างทุกชนิดจะเจอลูกน้องที่เก่ง แต่ก้าวร้าว อีโก้สูง ท่านต้องใช้สติปัญญาในการแก้ไขสถานการณ์ เปิดกว้างยอมรับความคิดเห็นของเขา

การเงิน : หลีกเลี่ยงการรับเงินที่ไม่ถูกต้อง เพราะท่านต้องเสียเหงื่อจึงจะได้มา

ความรัก : วันนี้ท่านกำลังมีโครงการก่อสร้างบ้าน หรือซ่อมแซมบ้าน ซึ่งท่านคงต้องยอมโอนอ่อนผ่อนตามความต้องการของอีกฝ่ายบ้าง คนโสด ท่านอาจมีดราม่า ถูกใส่ร้ายป้ายสีจากคู่แข่งคนสำคัญ

สุขภาพ : ระวังอาหารเป็นพิษ จนเกิดการท้องเสีย และลำไส้อักเสบได้

ระยิบระยับด้วยสีเงินและบริสุทธ์ด้วยสีขาวกับ 20 ชุดเจ้าสาวสุดหรูจาก Inbal Dror

account_circle

อินบัล ดรอร์ (Inbal Dror) ดีไซเนอร์คนเก่งชาวอิสราเอลได้ออกแบบชุดเจ้าสาวในคอลเล็กชั่น Bridal Fashion Week 2018 อย่างหรูหราและมีความเป็นศิลปะมากขึ้น โดยยังคงเน้นการโชว์รูปร่างของเจ้าสาวให้เด่นชัด แต่ใส่รายละเอียดที่ซับซ้อนมากขึ้น เพื่อให้ได้ชุดเจ้าสาวสวยงามราวภาพฝัน ชุดเจ้าสาวในคอลเล็กชั่นนี้มีทั้งแบบที่ชุดประดับด้วยลูกปัดเย็บปักถักร้อยและชุดรัดตัวไปจนถึงชุดที่มีโบว์และลูกไม้สีหวาน ให้อารมณ์ร่วมสมัยด้วยการออกแบบบางชุดเป็นแขนยาวและการยกเอวให้สูงขึ้น และไม่ลืมการเลือกผ้าลูกไม้เนื้อดีมาสร้างความหรูหรามากขึ้น

ชุดเจ้าสาวทรงเอไลน์ที่โดดเด่นที่ช่วงคอเว้าลึกเป็นตัววีและระบายลวดลายด้วยสีเงิน

ชุดแต่งงานแบบไหล่เบี่ยงเผยผิวสวนให้เห็นด้านหนึ่ง พร้อมเติมความหวานด้วยปกดอกไม้รอบคอ

จุดเด่นของชุดนี้อยู่ที่แขนเสื้อพองๆ น่ารักที่เห็นสามารถถอดออกได้เมื่อต้องการ

ชุดเจ้าสาวเข้ารูปที่โดดเด่นตรงชายกระโปรงบานปลายเสมือนแตร ปักด้วยลูกปัดทั้งชุดคู่ไปกับการตกแต่งด้วยผ้าลูกไม้และขนนก

สำหรับว่าที่เจ้าสาวที่อยากได้ชุดสั้นทำพิธีหมั้นหรือปาร์ตี้เล็กๆ แบบกันเอง ชุดนี้มีความเหมาะมาก โดยเฉพาะการนเข็มขัดมาคาดเพิ่มความเก๋

ชุดเจ้าสาวเกาะอกเข้ารูปประดับด้วยลูกไม้บนผ้าโปร่งมองแล้วมีมิติมากขึ้น

ความโดดเด่นของชุดนี้ไม่ได้อยู่ที่เพียงแขนเสื้อที่ยาว แต่เป็นการเว้าคอเสื้อเป้นรูปตัววีที่ด้านหน้าและด้านหลัง

ชุดเจ้าสาวทรงเอไลน์สีทองที่ม่พร้อมแขนเสื้อยาวประดับรายละเอียดสุดตระการตา

แม้ด้านหน้าจะดูเป็นชุดเจ้าสาวคอวี แต่ด้านหลังของชุดนี้เป็นการเว้ารูปตัวยู และเพิ่มความเก๋ไก๋มากๆ ด้วยเข็มขัดเส้นบางสีเงิน

ชุดเจ้าสาวทรงเจ้าหญิงแบบบอลกราวน์ชุดนี้ เผยให้เห็นช่วงไหล่เนียนสวยและการใส่ใจในรายละเอียดของชุดด้วยดีเทลเต็มๆ ทั้งชุด

7 ไอเดียใส่น้องหมาแสนรักในงานแต่งงาน

account_circle

บ่าวสาวหลายคู่อยากพาน้องหมาแสนรักมามีส่วนร่วมใน งานแต่งงาน แต่ติดที่ว่าทั้งโรงแรมเอย สถานที่ๆ เช่าเอย ไม่มีที่ไหนยินดีจะให้น้องหมามาร่วมงานเลย เอาแบบนี้ไหมละคะ หากิมมิคน้องหมาใส่ในงานแทนละกัน อย่างน้องก็มีความอบอุ่นแฝงอยู่ และเป็นตัวแทนเจ้าโฮ่งที่คุณรักใน งานแต่งงาน ได้นะ

ดัดลวดขึ้นโครงเป็นรูปน้องหมาแล้วใส่ต้นไม้สีเขียวเอาไว้เหมือนไม้ดัดในสวนสวย และเพิ่มสีสันนิดๆ ด้วยการทำพวงมาลัยคล้องคอแบบนี้ไงคะ

สกรีนลายเส้นน้องหมาลงบนบนหมอนสำหรับเด็กน้อยถือแหวนเข้าพิธีก็น่ารักดีนะคะ

คัพลิ้งค์รูปหมาเป็นอะไรที่คนรักหมาต้องไม่พลาดนำมาเป็นเครื่องแต่งกายให้แก๊งเจ้าบ่าวนะคะ

เค้กสำหรับบ่าวสาวหรือแม้แต่เค้กโชว์ในงานก็ทำเป็นรูปน้องหมาแบบนี้ น่ารัก เหมือนจริง แม้จะแอบไม่อยากกินแต่ถ่ายรูปสวยนะคะ

เค้กแต่งงานน่ารักๆ แอบใส่น้องหมาคู่เนียนๆ ไว้อบบนี้ เวลาตัดเค้กในพิธีอย่าลืมหันหน้ารูปน้องหมาเข้ากล้องด้วยนะ

ผ้าเช็ดหน้าในสูทเจ้าบ่าวก้ปักลายเส้นน้องหมาลงไปสิคะ

ออเดอร์รูปน้องหมาลงไปบนขนมเอ็มแอนด์เอ็มแสนฮิต แบบนี้ก็น่ารักและดูแตกต่างดีใช่ไหมล่ะ

ภาพ : https://apracticalwedding.com และ www.theknot.com

ซาบซึ้งในพระมหากรุณาธิคุณ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ ทรงงานหนักเช้า-ดึกเพื่อพสกนิกร

สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ เสด็จพระราชดำเนินเยือนเนปาล โดยเครื่องบินพระที่นั่ง ไปเช้า-กลับดึก เพื่อนำซ้อมริ้วขบวนเครื่องประกอบพระบรมราชอิสริยยศในพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร

สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี นำเสด็จซ้อมริ้วขบวนเครื่องประกอบพระบรมราชอิสริยยศ

สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เคยมีพระราโชวาทในพิธีพระราชทานปริญญาบัตรแก่ผู้สำเร็จการศึกษาจากมหาลัยศิลปากร ประจำปี 2532 ว่า “งานที่ทำทุกอย่างมีความสำคัญและจำเป็นต้องกระทำให้เสร็จสมบูรณ์อย่างดีที่สุด”ซึ่งชาวไทยทุกคนเองก็ได้ประจักษ์แก่สายตา ผ่านข่าวสารในพระราชสำนักว่าพระองค์ทรงงานหนักแค่ไหนเพื่อพัฒนาและหาทางแก้ไขปัญหาต่าง ๆ ให้แก่ราษฎรในทุกพื้นที่ของประเทศไทย

และยิ่งรู้สึกน้อมสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณเป็นล้นพ้นอันหาที่สุดมิได้ เมื่อสำนักข่าวในพระราชสำนักได้รายงานว่าสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ ทรงพระราชกรณียกิจหนักเช้า-ดึก ในการเสด็จพระราชดำเนินเยือนสหพันธ์สาธารณรัฐประชาธิปไตยเนปาล ทั้งยังทรงเสด็จพระราชดำเนินกลับเมืองไทยในช่วงดึก เพื่อให้ทันกำหนดการนำซ้อมริ้วขบวนเครื่องประกอบพระบรมราชอิสริยยศในพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร

ทุกอย่างก้าวของพระองค์ทรงเสด็จอย่างเข้มแข็ง

 ทั้งนี้การเสด็จพระราชดำเนินเยือนสหพันธ์สาธารณรัฐประชาธิปไตยเนปาลนั้นสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ ทรงเป็นประธานพิธีผูกพัทธสีมา ปิดทองฝังลูกนิมิต ณ วัดไทยลุมพินี เพื่อเป็นนการบำรุงพระพุทธศาสนาและเป็นการเผยแพร่พระพุทธศาสนาศิลปะและวัฒนะธรรมไทยตามข้อตกลงไทย-เนปาลเพื่อให้เป็นศูนย์กลางของศาสนาสืบไป นอกจากนี้ยังเสด็จพระราชดำเนินไปยังอาคารพลังศรัทธาไทยและให้กำลังใจผู้ปฎิบัติงานโครงการผ่าตัดตาต้อกระจกให้ชาวเนปาลผู้ยากไร้ เพื่อถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร รัชกาลที่๙ ด้วย

สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงเป็นประธานพิธีผูกพัทธสีมา ปิดทองฝังลูกนิมิต ณ วัดไทยลุมพินี

อย่างไรก็ตามก่อนที่จะตามก่อนหน้านี้เมื่อช่วงต้อนปีที่ผ่านมาพสกนิกรได้ซาบซึ้งในน้ำพระทัยและน้อมสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณเมื่อพระองค์ทรงงานหนักแม้กระทั่งในระหว่างที่ทรงเข้ารับถวายการรักษาพระอาการประชวรพระหัตถ์มีการติดเข็มต่อสายน้ำเกลือก็ยังทรงพระราชกรณียกิจสร้างความปลื้มปีติใจแก่พสกนิกรเป็นล้นพ้น ที่ทรงงานหนักตลอดเวลา

“สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี” ทรงเปิดงานการประชุมวิชาการ “Thailand International Science Fair 2017” ที่โรงเรียนมหิดลวิทยานุสรณ์

D-Day 7 วัน จุงกิ สามีแห่งชาติสละโสด แย้มเพื่อนซี้ ซองเฮเคียว รับหน้าที่ร้องเพลงรัก

นับถอยหลังคู่รักซงซงเข้าประตูวิวาห์ ต้นสังกัด ซงจุงกิ เผยยังไม่ชัวร์พระเอกดังว่าจะพาว่าที่เมีย ซองเฮเคียว ฮันนีมูนยุโรปโบ้ยรอลุ้นสัปดาห์หน้า ส่วนเพื่อนเจ้าสาวได้ อกจูฮยอน  พร้อมทำหน้าที่ร้องเพลงอวยพรบ่าว-สาว

ซงจุงกิ,อกจูฮยอน และ ซองเฮเคียว

อีกเพียงสัปดาห์เดียวเท่านั้น พระเอกแดนกิมจิ ซงจุงกิ จะสละตำแหน่งสามีแห่งชาติ เพื่อเข้าสู่ประตูวิวาห์กับนางเอกหวานใจ ซองเฮเคียว หลังจากสปาร์คกันใน ซีรี่ส์ดัง”เดสเซนแดนท์ส ออฟ เดอะ ซัน” (Descendants of the Sun) โดยเมื่อเร็วๆนี้ สำนักข่าวท้องถิ่น Sports Dongaได้รายงานความคืบหน้างานแต่งคู่รักซงซงคัพเพิลที่จะเกิดขึ้นในวันที่ 31 ต.ค.นี้ ที่โรงแรม ชิลลา ที่ตั้งอยู่ในย่านชางชุงดง เขตชุงกู กรุงโซล

อกจูฮยอน

โดยสื่อดังเมืองโสมขาวรายงานว่า บลอสซั่ม เอ็นเตอร์เทนเมนต์ ต้นสังกัดของ ซงจุงกิ ได้ออกมาชี้แจงเกี่ยวกับกระแสข่าวลือก่อนหน้านี้ที่ว่าภายหลังจากเข้าพิธีสมรส คู่รักคนดังแห่งแดนโสมจะเหินฟ้าไปดื่มน้ำผึ้งพระจันทร์ยังทวีปยุโรป โดยเกี่ยวกับเรื่องนี้ บลอสซั่มชี้แจงว่า ยังไม่มีการยืนยันใดๆ เกี่ยวกับงานวิวาห์และการฮันนีมูนของคู่รักคู่นี้เลย

ทั้งนี้ในส่วนของเพื่อนเจ้าสาวได้ยืนยันแล้วว่าหนึ่งในนั้นคือเป็นเพื่อนที่ซองเฮเคียวคบหามาหลายสิบปีอย่าง อกจูฮยอน อดีตเกิร์ลกรุ๊ปวง Fin.K.L. โดยงานนี้เธอยังต้องทำหน้าที่ร้องเพลงรักอวยพรแด่เจ้าบ่าว-สาว ด้วย

อย่างไรก็ตามเมื่อวันที่ 12 ต.ค. 2560 อกจูฮยอน ได้ขึ้นเวทีแสดงละครเพลง “รีเบ็กก้า” ทั้งยังเผยภาพ ซองเฮเคียว และ ซงจุงกิ มาให้กำลังใจเธอในการแสดงอีกด้วย

ซองเฮเคียว และ อกจูฮยอนเพื่อนซี้ที่คบหากันมานานกว่า10ปี

ครั้งหนึ่งในชีวิต! ต้องมาชม 9 กิจกรรมหาดูยาก กับงาน “STILL ON MY MIND ในดวงใจนิรันดร์”

“STILL ON MY MIND ในดวงใจนิรันดร์” พร้อมร่วมถวายดอกไม้จันทน์ในวันที่ 26 ตุลาคนนี้

มาร่วมน้อมรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณ และร่วมถวายความอาลัย ในหลวงรัชกาลที่ 9 อันเป็นที่รักยิ่งของปวงชนชาวไทย ได้ในงาน “STILL ON MY MIND ในดวงใจนิรันดร์” ตั้งแต่วันที่ 1-31 ตุลาคม 2560 ณ ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ 

เริ่มกันที่โซนแรกเป็นภาพเขียน “พระราชประวัติของในหลวงรัชกาลที่ 9” ยาวที่สุดในโลก 20 เมตร โดย “สุวิทย์ ใจป้อม” ใช้เวลากว่าครึ่งปีในการบอกเล่าพระราชประวัติพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ตั้งแต่พระราชสมภพ ทรงครองราชย์ ทรงพระผนวช พระอัจฉริยภาพ พระราชกรณียกิจ จวบจนเสด็จสวรรคต พร้อมประดับด้วยดอกไม้อันงดงามกว่า 10,000 ดอกรายล้อม นับเป็นจุดไฮไลท์ที่ใครมางานนี้ต้องห้ามพลาดเด็ดขาด ซุึ่งจัดแสดงอยู่บริเวณลานแอมฟิเธียเตอร์ (AMPHITHEATRE) หน้าศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์

เข้ามาด้านในบริเวณ เซ็นทรัล คอร์ท ชั้น 1 จะได้พบกับ 4 นิทรรศการหาชมยากมากๆ ยิ่งคนรุ่นหลัง ยิ่งแทบไม่มีโอกาสได้เห็น เริ่มจากนิทรรศการธนบัตร เหรียญกษาปณ์ แสตมป์หายาก ความพิเศษคือ ธนาคารแห่งประเทศไทยได้นำธนบัตรฉบับแรกในรัชกาลที่9 อย่าง “ธนบัตรแบบเก้า ชนิดราคา 50 สตางค์ ฉบับจริง” มาจัดแสดง โดยธนบัตรชนิดนี้มีลักษณะแตกต่างไปจากชนิดราคาอื่นในแบบเดียวกันอย่างสิ้นเชิง คือไม่ปรากฏพระบรมฉายาสาทิสลักษณ์รัชกาลที่ 9 อีกทั้งไม่มีลายมือชื่อผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย และไม่มีลายน้ำ โดยปกติธนบัตรชนิดนี้จะเผยแพร่ผ่านภาพโปสเตอร์เท่านั้น นอกจากนี้ยังได้จัดแสดง ธนบัตรฉบับแรกที่มีภาพประธานอยู่เบื้องขวา, ธนบัตร 10 บาท, การกลับมาของธนบัตรชนิด 50 บาท, ธนบัตรที่บันทึกภาพพระราชกรณียกิจ, ธนบัตรที่ไม่ได้ผลิตมาจากกระดาษ, ธนบัตรชนิดราคาสูงสุดของประเทศไทย 500,000 บาท แต่ละอย่างต้องมาเห็นเองแล้วจะทึ่ง

รวมทั้งนิทรรศการเหรียญกษาปณ์ จัดแสดงเหรียญบาทแรก ในรัชกาลที่ 9, เหรียญกษาปณ์นิเกิล ที่ระลึกเสด็จนิวัตพระนคร, แรกมีเหรียญ 5 บาท, เหรียญ 5 บาทพระครุฑเฉียงซ้าย, เหรียญที่มีคู่แฝด และนิทรรศการแสตมป์หายาก จัดแสดงแสตมป์ชุดแรกในรัชกาล ได้แก่ แสตมป์พระบรมฉายาลักษณ์ รัชกาลที่ 9 ชุด 1 หรือ “ชุดสยาม” ที่ใช้ชื่อประเทศ “ไทย – SIAM” บนแสตมป์

พระเจ้าแผ่นดิน

เรื่องต้องรู้!! เหตุที่ไม่ควรไหว้ใครในพระราชพิธีฯ ที่พระเจ้าแผ่นดินประทับเป็นองค์ประธาน

Alternative Textaccount_circle
พระเจ้าแผ่นดิน
พระเจ้าแผ่นดิน

เผอิญ แพรวดอทคอม ไปเจอบทความหนึ่งของ หม่อมหลวงสิทธิไชย ไชยันต์ ที่ได้โพสต์ข้อความไว้ในเฟสบุ๊คถึงเรื่องที่ควรระวังในงานพระราชพิธีฯ และในวันที่ 26 ตุลาคม 2560 นี้ จะมีงานพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร แพรวดอทคอม จึงขออนุญาตนำบทความนี้มาแชร์ เพื่อให้คนที่อาจจะยังไม่ทราบได้ทำตามประเพณีถูกต้องค่ะ

โดยข้อความดังกล่าว มีดังนี้

“เกร็ดความรู้…ไม่ควรไหว้ใครในพระราชพิธีฯ ที่พระเจ้าแผ่นดินประทับเป็นองค์ประธาน

ถ้าคุณเข้าไปในงานพระราชพิธีฯ เห็นผู้ใหญ่ที่รู้จัก คุณยกมือไหว้ท่าน แล้วท่านไม่รับไหว้ อย่าโกรธ ท่านทำถูกแล้ว

นี่คือประเพณีที่คนจำนวนมากไม่รู้และไม่ปฏิบัติ ทำให้เกิดความลักลั่นกันอยู่พอสมควร

ประเพณีไทย ถือว่าคนเราไหว้กันได้ เป็นการทักทายกัน ผู้น้อยไหว้ก่อนเป็นการให้เกียรติผู้ใหญ่

และเป็นการยอมรับว่าผู้ไหว้ก่อนมีสถานภาพต่ำกว่า หรืออายุน้อยกว่าผู้รับไหว้

จะเห็นได้ว่าประเพณีไทย ผู้น้อยเป็นฝ่ายต้องตัดสินใจเองว่าใครเป็นผู้ใหญ่กว่าตน

ถ้าลูกน้องเจอนายก็ไม่มีปัญหา หลานเจอปู่ก็ไม่มีปัญหาว่าใครจะไหว้ใครก่อน

แต่ในหลายกรณีมีปัญหา ประธานบริษัทเจออธิบดี ใครควรไหว้ใครก่อน ลูกน้องท่านประธานอาจคิดว่าอธิบดีควรไหว้ก่อน ลูกน้องอธิบดีก็อาจคิดว่าประธานบริษัทควรไหว้ก่อน

อย่างที่บอกแล้ว คือการไหว้ของไทยเรา ไม่ใช่เป็นเพียงการทักทาย แต่เป็นการแสดงสถานภาพทางสังคมไปด้วย และให้เกียรติคนไปด้วย เป็นหลายๆอย่างปนกัน

ต่างคนต่างคิดว่าตัวเองใหญ่ ใครยอมยกมือไหว้ก่อนก็เหมือนยอมรับว่าด้อยกว่า บางคนยอมไม่ได้

ผู้ใหญ่บางท่านตัดปัญหา เจอคนรู้จัก ท่านยกมือไหว้ก่อนเลย ไม่ถือสา

แต่ความลักลั่นก็เกิดขึ้นได้ในหลายกรณี เพราะมีทั้งคนถือสา มีทั้งคนไม่ถือ ใครจะไหว้ใครก่อน บางทีลำบากใจ

ในพระราชพิธีฯ หรือในงานใดก็ตามที่พระเจ้าแผ่นดินประทับอยู่ในงาน ไทยเราจึงถือว่าในที่นั้น ควรถวายพระเกียรติต่อพระองค์ท่านเท่านั้น

ถ้าไปพบท่านผู้ใหญ่ท่านใดที่ท่านรู้ประเพณีไทยดีในงานที่พระเจ้าแผ่นดินประทับอยู่ เราไปไหว้ท่าน ท่านก็จะไม่รับไหว้ บางท่านที่ดุๆ อาจเรียกไปสอน

บางคนอาจสงสัยว่า ถ้าอย่างนั้นเราเป็นข้าราชการชั้นผู้น้อย เข้าไปงานพระราชพิธีฯ ตามหน้าที่ ไปเจออธิบดี จะให้ทำอย่างไร หรืออธิบดีไปเจอปลัดกระทรวงจะทำอย่างไร

ก็ไม่ไหว้ครับ ยิ้มให้กันเฉยๆ พอ ถ้าใส่หมวกก็ไม่ต้องวันทยาหัตถ์หรือที่ชาวบ้านเรียกตะเบ๊ะ รวมทั้งไม่ต้องโค้ง ไม่ทำความเคารพใดๆ

ในที่นั้น ถวายความเคารพต่อพระเจ้าแผ่นดินเพียงพระองค์เดียว

เรื่องแบบนี้ราชการควรแนะนำข้าราชการที่ต้องเข้าไปในพระราชพิธีฯ

สถาบันต่างๆที่อบรมผู้บริหารก็ควรสอนเรื่องเหล่านี้ด้วย

ไปไหว้ใครแล้วเขาไม่รับไหว้ จะได้ไม่โกรธ แต่ควรเข้าใจว่าเขารู้ประเพณี

และตัวผู้ใหญ่เองก็จะได้ทำให้ถูกตามประเพณีด้วย”

ม.ล.สิทธิไชย ไชยันต์
23 ตุลาคม พ.ศ.2560

ขอบคุณข้อมูลจาก FB : หม่อมหลวงสิทธิไชย ไชยันต์
ภาพจาก FB : เรารัก สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร

keyboard_arrow_up