i-Store Self Storage

i-Store Self Storage ห้องเก็บของรายเดือน ตอบโจทย์ชีวิตแนวสูง ใจกลางเมือง

Alternative Textaccount_circle
i-Store Self Storage
i-Store Self Storage

เมื่อวิถีชีวิตเปลี่ยนไป เน้นความสะดวกมากกว่าพื้นที่ คนเมืองให้ความสำคัญกับทำเลที่เดินทางสะดวกมากกว่าขนาดห้อง การเลือกอยู่คอนโดใกล้รถไฟฟ้า หรือที่ทำงาน แม้ห้องจะเล็กลงก็ตาม จึงเป็นไลฟ์สไตล์หลักของคนเมือง เมื่อพื้นที่ใช้สอยภายในห้องถูกจำกัด ทำให้การจัดเก็บข้าวของกลายเป็นปัญหาสำคัญ หลายคนต้องเผชิญกับห้องที่แออัด หรือจำเป็นต้องทิ้งของที่ยังมีคุณค่าแต่เพียงเพราะไม่มีที่เก็บ ด้วยเหตุนี้ i-Store Self Storage จึงเป็นทางเลือกที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของคนเมืองที่ต้องการพื้นที่เก็บของเพิ่ม โดยไม่ต้องเสียสละพื้นที่ใช้สอยภายในห้อง

i-Store Self Storage
i-Store Self Storage สาขาทองหล่อ 9

ทำไมการใช้ห้องเก็บของถึงจำเป็นสำหรับคนอยู่คอนโด? ปัจจัยแรกคือการเพิ่มพื้นที่ใช้สอยให้กับห้องด้วยการเก็บของที่ไม่ได้ใช้บ่อย เช่น กระเป๋าเดินทาง ของสะสม หรือเฟอร์นิเจอร์บางชิ้นเพื่อช่วยให้ห้องคอนโดดูเป็นระเบียบและน่าอยู่มากขึ้น เหมาะสำหรับนักช้อปและนักสะสม เช่น ผู้ที่สะสมเสื้อผ้า กระเป๋า รองเท้า อุปกรณ์กีฬา หรือ Art Toy บริการห้องเก็บของช่วยให้สามารถเก็บของเหล่านี้ได้โดยไม่ต้องอัดแน่นอยู่ในคอนโด และหากมีทำเลใจกลางเมืองยิ่งทำให้นักเดินทางที่เดินทางบ่อย ไม่จำเป็นต้องขนของไปมาทุกครั้ง สามารถฝากของที่ไม่ใช้ประจำไว้ที่ i-Store ได้อย่างปลอดภัย

i-Store Self Storage

i-Store Self Storage ห้องเก็บของรายเดือน ตอบโจทย์ชีวิตแนวสูง ใจกลางเมือง

i-Store Self Storage

เลือกเก็บของที่ i-Store Self Storage ทำเลใจกลางเมือง มากที่สุดในกรุงเทพฯ ทั้ง 10 สาขา คือ สาขาทองหล่อ 9, สาขาเพลินจิต-นานา, สาขาสุขุมวิท 24, สาขาสาทร วัน, สาขาสุขุมวิท 71, สาขาอ่อนนุช, สาขาอุดมสุข, สาขาหัวลำโพง, สาขาสีลม และ สาขาจตุจักร ให้บริการด้วยระบบรักษาความปลอดภัยตลอด 24 ชั่วโมง พร้อมกล้องวงจรปิดและระบบเข้า-ออกด้วย Passcode มีขนาดห้องเก็บของที่หลากหลายตอบโจทย์ทั้งของเล็กและของใหญ่ ให้เช่าแบบรายเดือน

i-Store Self Storage

การใช้บริการห้องเก็บของไม่ใช่แค่เรื่องของการจัดเก็บ แต่ยังเป็นการลงทุนเพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีกว่า เพราะนอกจากการนำของไปเก็บในห้องเก็บของจะช่วยให้คุณมีพื้นที่อยู่อาศัยกว้างขึ้นและสามารถทำกิจกรรมจากพื้นที่ใช้สอยอย่างเต็มที่ งานวิจัยยังชี้ว่า หากห้องมีของมากเกินไปจนรู้สึกอึดอัดจะส่งผลต่อระดับความเครียดและความสามารถในการโฟกัส ดังนั้นการจัดเก็บข้าวของให้อยู่เป็นที่เป็นทางจะช่วยให้คุณรู้สึกสบายใจขึ้นและใช้ชีวิตอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น จึงเป็นเหตุผลว่าทำไมบริการ Self Storage อย่าง i-Store ถึงกลายเป็นทางเลือกสำคัญของคนเมืองโดยไม่ต้องเสียเงินซื้อหรือเช่าห้องขนาดใหญ่ขึ้น


ปิตาธิปไตย

อะไรคือ อาวุธเงียบที่สู้กับ ปิตาธิปไตย ในประเทศเกาหลีใต้?

Alternative Textaccount_circle
ปิตาธิปไตย
ปิตาธิปไตย

4B อาวุธเงียบสู้กับ ปิตาธิปไตย ปรากฏการณ์ที่สะท้อนถึงความเปลี่ยนแปลงทางสังคมที่กำลังเกิดขึ้นทั่วโลก มันคือการต่อสู้เพื่อความเท่าเทียม การเรียกร้องสิทธิ และการท้าทายอำนาจของสังคมชายเป็นใหญ่

หลายคนอาจคุ้นกับชื่อของ “4B” ที่ย่อมาจากคำว่า B: ในภาษาเกาหลีที่แปลว่า”ไม่” ได้แก่ Bihon ไม่แต่งงาน, Bichulsan ไม่มีลูก, Biyeonae ไม่ออกเดต และ Bisekseu ไม่มีเพศสัมพัมพันธ์ ขบวนการ 4B เริ่มต้นที่เกาหลีใต้ในปี 2016 เมื่อกลุ่มเฟมินิสต์ออกมาแสดงการต่อต้านการเหยียดเพศเลือกปฏิบัติทางเพศ และใช้ความรุนแรงต่อผู้หญิง การเดินขบวนดังกล่าวได้จุดประกายความสนใจทั่วโลกอย่างมาก โดยเฉพาะในออนไลน์ที่กล่าวว่านี่คือการปฏิวัติสิทธิสตรี

ชนวนสำคัญที่ส่งพลังให้ผู้หญิงพร้อมใจออกมาปฏิวัติมีหลายสาเหตุ อาทิ อาชญากรรมทางเพศในออนไลน์ของเกาหลีมากกว่าเดิมหลายเท่า มีการตั้งกล้องแอบถ่ายคลิปผู้หญิงขณะมีเพศสัมพันธ์ หรือตั้งกล้องในห้องน้ำสาธารณะแล้วนำคลิปไปขาย ไปจนถึงเหตุการณ์ล่าสุดที่คนใกล้ตัวนำรูปเหยื่อไปตัดต่อเป็นคลิปโป๊ผ่านทางเอไอ Deepfake สร้างภาพอนาจารออกมาแพร่หลาย เหตุการณ์ฆาตกรรมผู้หญิงแถวสถานีคังนัมเพียงเพราะฆาตกรผู้ชายเป็นโรคเกลียดผู้หญิง ไปจนถึงความไม่ยุติธรรมในหน้าที่การงาน อาทิ ค่าจ้างระหว่างหญิงกับชายในเกาหลีมีช่องว่างสูงมากถึง 31 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งถือว่ามากที่สุดในกลุ่มประเทศพิพัฒนาแล้ว ขณะที่ตำแหน่งผู้บริหารหญิงในองค์กรคิดเป็นสัดส่วนเพียง 5 เปอร์เซ็นต์เท่านั้น

ปิตาธิปไตย

การเคลื่อนไหวของ 4B ไม่ได้พูดแค่เรื่องอยุติธรรมเท่านั้น แต่พูดถึงมาตรฐานความงาม มีผู้หญิงหลายคนพร้อมใจโพสต์วิดีโอทำลายเครื่องสำอาง ตัดผมสัน โดยเรียกการเคลื่อนไหวดังกล่าวว่า Escape the Corsetประมาณว่าการหนีออกจากกรอบเดิม ๆ ที่รัดตรึงพวกเธอไว้ไว้ไม่ต่างจากการละทิ้งชุดคอร์เสต

เมื่อสังคมชายเป็นใหญ่หรือปิตาธิปไตยที่นำคำสอนของขงจื้อมาใช้จัดระเบียบบ้านเมืองตั้งแต่ยุคโชชอนนั่นคือชายเป็นผู้นำ หญิงเป็นช้างเท้าหลัง ฝังรากลึกในเกาหลืมานาน การจะขจัดความเชื่อหลายร้อยปีจึงเป็นความท้าทายอย่างยิ่งต้องบอกว่าการเคลื่อนไหวของ 4B สร้างความแตกแยกอย่างชัดเจน ผู้หญิงบางคนรู้สึกว่า “ฉันไม่คิดว่าการหลีกเลียงความสัมพันธ์กับผู้ชายจะแก้ปัญหาให้ผู้หญิง” หรือ “ที่ฉันไม่อยากออกเดตก็เพราะให้ความสำคัญกับกับงานมากกว่าผู้ชาย ไม่ใช่เพราะกระแส 4B” และคำวิจารณ์ที่มาแรงที่สุดคือการแสดงออกเกินเบอร์ลักษณะนี้สื่อถึงการเกลียดชังผู้ชายอย่างรุนแรง จนทำให้เกิดการต่อต้านกลุ่มสตรีนิยม หรือที่เรียกกันว่าแอนไทเฟมฯ (มาก Anti-feminism)

หลายคนที่ประกาศตนว่าเป็น 4B มักโดนรังแกทางโลกไซเบอร์ หากออกไประท้วงก็จะตกเป็นเป้าของการข่มขู่การปิดกั้นเสรีภาพทำให้หญิงเกาหลีบางคนตัดสินใจเป็นสตรีนิยมแบบเงียบๆ คือยอมรับแนวคิดนี้ แต่ไม่เปิดแผยตัวตนแม้ 4B จะได้รับการยอมรับแบบปิด ๆ แต่อิมแพ็กต์ส่งผลมหาศาล สือระดับนานาชาติหลายแห่งเชื่อมโยง4B เข้ากับอัตราการเกิดที่ต่ำเป็นประวัติการณ์ติดต่อกันมา 8 ปี และในปี 2023 เกาหลีได้มีอัตราการเกิดต่ำสุดในประวัติศาสตร์ คืออัตราการคลอดบุตร 0.72 ต่อผู้หญิง 1 คน นักวิชาการท่านหนึ่งบอกว่า “อัตราการเจริญพันธุ์ตำเป็นปัญหาที่ชับช้อน และหนึ่งในสาเหตุนั้นก็คือการที่ผู้หญิงคว้าตรผู้ชาย”

ปิตาธิปไตย

งานวิจัยเผยว่าผู้หญิงเกาหลีไม่ต้องการมีลูกถึง 65 เปอร์เซ็นต์ เพราะให้ความสำคัญกับอาชีพการงานมากกว่าการแต่งงานหรือเป็นแม่ กลายเป็นโจทย์หนักของรัฐบาลที่ถึงแม้จะออกนโยบายจงใจให้ลาคลอดได้นานถึง 1 ปี สามารณบ่งลาเป็นช่วงๆ ได้จนด็กอายุ ปี แต่อัตราการกิดก็ยังต่างอาจไม่ใช่การแก้ปัญหาที่ต้นเหตุ

เรื่อง นิตยสารแพรวฉบับเดือนมีนาคม 2568 โดย Fai

ภาพ GETTY

เปิดเวทีสัมมนา GAIN Thailand โดย “กัลเดอร์มา” ยกระดับความรู้และอัปเดตเทรนด์ความงาม

account_circle

กระแสความงามความยุคนี้ไม่เคยหยุดอยู่กับที่ งานนี้ ‘กัลเดอร์มา’ (Galderma) ผู้นำด้านนวัตกรรมความงามและการดูแลผิวระดับโลก จึงเดินหน้ายกระดับศักยภาพรอบด้านให้กับบุคลากรทางการแพทย์ด้านความงามและพันธมิตรคลินิกชั้นนำ จัดงานสัมมนาวิชาการ GAIN Thailand ภายใต้หัวข้อ TOGETHER, SHAPING THE NEXT AESTHETIC POSIBILITIES เชิญคณะแพทย์ด้านความงามและผิวหนังของไทย ร่วมให้ความรู้และแนะนำแนวทางในการผสมผสานนวัตกรรมความงามที่หลากหลายเพื่อสร้างผลลัพธ์ที่เหมาะสมกับแต่ละบุคคล รวมถึงดึงกูรูด้านการตลาดให้ความรู้ในหัวข้อ NEXT-ERA AESTHETICS: Transforming Clinics Through AI & Strategic Storytelling อัปสกิลการใช้ AI เพื่อเพิ่มขีดความสามารถด้านการตลาด พร้อมก้าวไปสู่อนาคตของความงามที่ไร้ขีดจำกัดไปด้วยกัน

ภก. พิรพัฒน์ ศรีวัฒนวงศ์ ผู้อำนวยการแฟรนไชส์กลุ่มธุรกิจความงาม บริษัท กัลเดอร์มา (ประเทศไทย) จำกัดกล่าวว่า “ปัจจุบันนวัตกรรมเสริมความงามมีความก้าวหน้าและหลากหลาย กัลเดอร์มาจึงมุ่งขับเคลื่อนวิทยาการความงามให้ก้าวล้ำอยู่เสมอ พร้อมผสมผสานมิติใหม่ของความงาม เพื่อตอบทุกเรื่องราวของผิวในแต่ละบุคคล ขณะเดียวกันยังมุ่งส่งเสริมศักยภาพด้านความงามและการตลาด โดยสานต่อการจัดสัมมนาวิชาการ GAIN Thailand ที่มุ่งส่งเสริมองค์ความรู้และเทคนิคการทำหัตถการแบบผสมผสาน เพื่อให้บุคลากรทางการแพทย์ด้านความงามสามารถก้าวตามเทรนด์ความงามที่เปลี่ยนแปลงได้อย่างเท่าทัน และจัดสัมมนา GAIN Business มุ่งอัปเดตความรู้และเทรนด์การตลาดยุค AI ให้แก่บุคลากรทางการแพทย์และพันธมิตรคลินิกรวมกว่า 1,000 คน”

สัมมนา GAIN Thailand จัดขึ้นในหัวข้อ TOGETHER, SHAPING THE NEXT AESTHETIC POSIBILITIES โดยมีคณะแพทย์ด้านความงาม การปรับรูปหน้า และผิวหนังของเมืองไทย มาร่วมแชร์ความรู้และแนวทางการใช้นวัตกรรมความงามผิวให้เกิดผลลัพธ์อย่างมีประสิทธิภาพ มีความปลอดภัย และเหมาะสม ได้แก่ ศ.พญ.รังสิมา วณิชภักดีเดชา, นพ. พุฒิพงศ์ ภูมิสุวรรณ, นพ.กัมพล โซ่เจริญธรรม, นพ.วชิระ คุณาธาทร, นพ.ฤาชา รัศมีโชติ, นพ.ธงชัย ปัณฑวนันท์, ผศ.พญ.รัมภา หลินปิยวรรณ์, นพ.พีรพงษ์ สุดสงวน, นพ.ทนงเกียรติ เทียนถาวร, นพ.พีรพงศ์ ประภากรฤทธา, นพ.นพพล คุณาธาทร และ นพ.ชัยรัตน์ เสริมศิลป์

คณะแพทย์เปิดเผยว่า หนึ่งในเทรนด์ความงามที่น่าจับตามองคือ Proactive Beauty ที่เน้นการป้องกันปัญหาริ้วรอย มากกว่าการรักษาแก้ไข โดยแนะนำแพทย์ที่ให้บริการควรนำความรู้เกี่ยวกับ Aging Process และการเปลี่ยนแปลงของผิวแต่ละชั้น มาวิเคราะห์ความเสื่อมของผิวและใบหน้า เพื่อออกแบบการรักษาและเลือกสารหัตถการความงามที่ตอบโจทย์มาผสมผสานกัน ตามแนวทาง HIT GLOW ONTM ถอดรหัสวิธีฟื้นฟูผิวเสื่อมสภาพตามวัยที่เกิดจากปัจจัยภายนอกและภายในโครงสร้างผิว โดยแนวทางที่จะเข้ามาช่วยฟื้นฟูผิวให้สุขภาพดี เปล่งประกาย และแลดูอ่อนเยาว์ คือการผสานหัตถการระหว่างสารกลุ่มฟื้นฟูผิวประเภท Original SKINBOOSTER ที่มี SmartClick™ Technology ช่วยควบคุมปริมาณการปล่อยสารในแต่ละครั้ง เพิ่มประสิทธิภาพและความปลอดภัย และกลุ่มกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนประเภท PLLA-SCA Regenerative Biostimulator

เทรนด์ Cancelling Age หลายคนมองว่าความงามไม่ใช่เรื่องของอายุ ไม่ได้ต้องการที่จะดูเด็กลงแต่ต้องการคงสภาพผิวให้ดูสุขภาพดี แลดูอ่อนเยาว์ และมีความเป็นธรรมชาติเหมาะกับแต่ละช่วงวัย โดยแนวทางที่คณะแพทย์แนะนำคือ HIT SHAPE UPTM ถอดรหัสวิธีฟื้นฟูผิวหน้าหย่อนคล้อยจากอายุที่เพิ่มขึ้น โดยแพทย์ผู้ให้บริการควรศึกษาชั้นผิวและกระดูกใบหน้า เพื่อดูความเสื่อมของผิวและการทรุดตัวของกระดูก ซึ่งแนวทางการรักษาควรผสมผสานการทำหัตถการระหว่างสารเติมเต็มพรีเมียมจากประเทศสวีเดนประเภท HA กลุ่มเทคโนโลยี NASHA ที่มีคุณสมบัติด้านการคงตัว และกลุ่มเทคโนโลยี OBT ที่มีความนุ่มและยืดหยุ่น รวมถึงสารกลุ่มกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนประเภท PLLA-SCA Regenerative Biostimulator เพื่อเติมเต็มผิวในแต่ชั้นอย่างเหมาะสม พร้อมกระตุ้นให้เกิดกระบวนการสร้างคอลลาเจน ซึ่งจะช่วยให้ผิวแลดูอ่อนเยาว์และมีความเป็นธรรมชาติ

นอกจากนี้ ยังเชิญนักการตลาดชื่อดัง ผศ. ดร. เอกก์ ภทรธนกุล หัวหน้าภาควิชาการตลาด และประธานหลักสูตรปริญญาโทด้านแบรนด์และการตลาด คณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และคุณรวิศ หาญอุตสาหะ นักธุรกิจชื่อดังผู้ปลุกแบรนด์ศรีจันทร์และนักสร้างคอนเทนต์การตลาด ผู้ก่อตั้งเพจ Mission to The Moon มาอัปเดตเทรนด์และความรู้ด้านการตลาดดิจิทัลในหัวข้อ NEXT-ERA AESTHETICS: Transforming Clinics Through AI & Strategic Storytelling แม้ปีนี้เศรษฐกิจจะเติบโตช้า แต่ผลสำรวจพบว่า 3 สิ่งที่ผู้บริโภคยอมจ่ายก็คือ 1. Well-being 2. Digital Life 3. Quality ซึ่งถือเป็นปัจจัยที่มีความเกี่ยวข้องกับธุรกิจคลินิกความงาม พร้อมแนะนำเจ้าของธุรกิจและนักการตลาดลงทุนกับเทคโนโลยีที่จะเข้ามาพลิกโฉมอุตสาหกรรมความงาม ได้แก่ AI, IoT และ Biotechnology เพื่อนำมาใช้ในการพัฒนาผลิตภัณฑ์และสร้างสรรค์กลยุทธ์การตลาดที่สร้างโอกาสทางธุรกิจ เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน และสร้างประสบการณ์ใหม่ๆ ที่ตอบความต้องการให้กับลูกค้าแต่ละคน

ไม่เพียงเท่านี้ ธุรกิจคลินิกเสริมความงามควรพัฒนาการทำการตลาดตามแนวคิด ABCDE ได้แก่ AI นำเครื่องมือ AI มาเพิ่มศักยภาพด้านต่างๆ เช่น การหาอินไซต์ การทำ Personalized Marketing การจองคิวหรือให้ข้อมูลด้วย Chatbot หรือการจำลองใบหน้าก่อนและหลังการทำหัตการ Balance การสร้างความสมดุลระหว่างการสร้างแบรนด์และการตลาด Clear การมอบบริการที่โปร่งใส ชัดเจน Data การใช้ดาต้ามาขับเคลื่อนด้านการตลาดและบริการให้ตอบโจทย์ผู้รับบริการได้ดียิ่งขึ้น Ethic ทำการตลาดแบบมีคุณธรรมและมีจรรยาบรรณของแพทย์ นอกจากนี้ยังแนะนำเทคนิคการสร้าง Storytelling เพื่อสร้างความแตกต่างและสร้างการจดจำแบรนด์ในกลุ่มผู้รับบริการ

“การสัมมนาครั้งนี้ไม่เพียงเป็นการอัปเดตความรู้ด้านนวัตกรรมความงามและเทรนด์การตลาดยุคดิจิทัลเท่านั้น แต่ยังเป็นเวทีในการแลกเปลี่ยนความรู้สำหรับผู้เข้าร่วมงานด้วย อย่างไรก็ตาม บริษัทฯจะมุ่งขับเคลื่อนวิทยาการด้านความงามให้ก้าวไปข้างหน้า พร้อมจัดสัมมนาวิชาการในหัวข้อที่ทันต่อเทรนด์ทุกมิติอย่างต่อเนื่องเพื่อความยั่งยืนทางธุรกิจต่อไป” ภก. พิรพัฒน์ กล่าวปิดท้าย


The Divorce Insurance

5 เหตุผลที่ไม่ควรพลาดซีรีส์ เกมรักประกันใจ ( The Divorce Insurance )

Alternative Textaccount_circle
The Divorce Insurance
The Divorce Insurance

เบื้องหลังการทำงานของซีรีส์โรแมนติก-คอเมดี้ที่หลายคนตั้งตารอคอยเรื่องนี้ นำโดย ผู้กำกับอีวอนซอก พร้อมด้วยนักแสดงนำ อย่าง อีดงอุคอีจูบีนอีกวางซู และ อีดาฮี  มาร่วมพูดคุยเกี่ยวกับเนื้อหาของเรื่องที่มีความแปลกใหม่ และตัวละครที่เป็นเอกลักษณ์ ซึ่งทำให้ซีรีส์เรื่องนี้มีความโดดเด่น โดยเรื่องราวในซีรีส์จะพาไปติดตามชีวิตของโนกีจุน (อีดงอุค) ผู้เชี่ยวชาญด้านประกันภัย ที่ผ่านการหย่าร้างมาแล้วถึงสามครั้ง ก่อนที่จะเขาจะพยายามปลุกปั้นผลิตภัณฑ์ประกันการหย่าร้างขึ้นมาในภายหลัง ซึ่งรับประกันได้เลยว่าในซีรีส์โรแมนติก-คอเมดี้เรื่องนี้ คุณจะได้พบทั้งความสนุก เสียงหัวเราะ ความรู้สึกซึ้งกินใจ หรือแม้กระทั่งการได้เห็นแง่มุมความรักในรูปแบบใหม่ที่ไม่มีใครเหมือนใน The Divorce insurance โดยจะเริ่มสตรีมบน Prime Video ในประเทศไทย และอีกมากกว่า 240 ประเทศและเขตแดนทั่วโลก ในวันที่ 31 มีนาคมนี้

 

และนี่คือ 5 เหตุผลว่าทำไมคุณถึงไม่ควรพลาดซีรีส์เรื่องนี้โดยเด็ดขาด

1. ส่วนตัวของคนนามสกุล “อี”
ไม่บ่อยนักที่ซีรีส์เกาหลีจะรวมตัวผู้กำกับ คนเขียนบท และนักแสดงนำที่มีนามสกุลเดียวกันทั้งหมด แต่ The Divorce insurance ทำได้! เพราะว่าทีมนักแสดงนำและผู้กำกับ รวมไปถึงผู้เขียนบทล้วนมีนามสกุล “อี” เหมือนกันทุกคน ผู้กำกับอีวอนซอกได้พูดติดตลกว่า “ผมมารู้ทีหลังว่าทุกคนนามสกุล ‘อี’ เหมือนกันหมดทุกคนเลย ตอนแรกผมยังสงสัยว่า อีดงอุค ใช้ชื่อนี้ตั้งแต่เกิดจริงหรือเปล่า ปรากฏว่าใช่” ส่วนด้านอีจูบีนยังได้เสริมว่า “แม้แต่ชื่อซีรีส์ของพวกเราก็ยังขึ้นต้นด้วย ‘อี’ ในภาษาเกาหลีด้วยนะคะ” เธอยังกล่าวอีกว่า “จะมีเมื่อไหร่อีกที่จะได้ร่วมงานกับนักแสดงฝีมือดีแบบนี้ ฉันรู้สึกดีใจกับโอกาสในครั้งนี้มากเลยค่ะ” นอกจากนี้เหล่านักแสดงยังได้เผยว่า ความบังเอิญนี้เช่นนี้ มันช่วยสร้างบรรยากาศที่แสนอบอุ่น และในกองถ่ายก็อบอวลไปด้วยความสนุกสนาน ด้านอีดาฮีก็ได้เผยถึงความตื่นเต้นของเธอว่า “ฉันได้รับการคัดเลือกในช่วงหลังแล้วค่ะ แต่ฉันเองก็อยากร่วมงานกับ ดงอุคจูบีน และกวางซู มากจริงๆ ค่ะ” เชื่อได้เลยว่าการรวมตัวของนักแสดงตระกูล “อี” ในผลงานใหม่นี้คงเป็นอีกหนึ่งไฮไลต์ที่แฟนซีรีส์ตั้งตารอคอยเช่นกัน บอกได้คำเดียวเลยว่าห้ามพลาด

 

2. ห้องโถงสุดแหวกแปลกไม่มีใครเหมือน
ผู้กำกับอีวอนซอกได้บรรยายถึงซีรีส์ด้วยการเน้นย้ำถึงความแปลกใหม่ของเรื่องราว “ซีรีส์เรื่องนี้มีฉากหลังเป็นบริษัทประกันภัย และพวกเขากำลังพัฒนาผลิตภัณฑ์ประกันการหย่าร้างเพื่อป้องกันไม่ให้มีคนเจ็บปวดแบบที่พวกเขาเคยประสบมันมา ซึ่งมันเป็นแนวคิดที่แปลกใหม่และยังมีโลกเฉพาะตัวที่เป็นเอกลักษณ์” เขาอธิบายเพิ่มว่า The Divorce Insurance ไม่ได้เล่าเรื่องของโลกความเป็นจริงแบบที่เราคุ้นเคยกัน แต่พาผู้ชมเข้าสู่โลกที่มีการปรับเปลี่ยนไป เป็นโลกที่แต้มสีสดหลากสี และการเล่าเรื่องที่มีเสน่ห์เฉพาะตัว “ราวกับว่าเป็นชานมไข่มุก” ผู้กำกับอีวอนซอกเปรียบเปรยไว้ ด้านอีดาฮีได้ร่วมแบ่งปันว่า “ผู้กำกับเป็นคนที่มีไหวพริบดีเสมอมา และฉันมั่นใจว่า เอกลักษณ์ความเฉพาะตัวของผู้กำกับจะสะท้อนออกมาในซีรีส์อย่างแน่นอน” ด้วยตัวละครที่มีมิติหลากหลาย และเรื่องราวที่มากด้วยห้วงอารมณ์ รับรองได้เลยว่าซีรีส์เรื่องนี้จะได้มอบความสุขแบบคาดเดาไม่ได้ให้กับผู้ชมอย่างแน่นอน

 

3. เคมีเข้ากันที่เกินจะต้านไหว
เคมีระหว่างนักแสดงคือหัวใจสำคัญของซีรีส์โรแมนติก-คอเมดี้ และแน่นอนว่า The Divorce Insurance ก็จัดเต็มใส่สุดในจุดนี้ ซีรีส์เรื่องนี้ถือเป็นการหวนกลับมาในบทแนวโรแมนติก-คอเมดี้ของอีดงอุคอีกครั้ง เขาเผยว่า “เรื่องล่าสุดที่ได้เล่นบทรอม-คอม น่าจะผ่านมา 6-7 ปีได้แล้ว การได้รับบทที่มีการชิงไหวชิงพริบกับเพื่อนนักแสดงคนอื่นเป็นอะไรที่สนุกมากครับ” ด้านอีกวางซูได้เสริมว่า “บรรยากาศในกองถ่ายมันดีมากครับ ในช่วงก่อนถ่าย พวกเราคุยกันเยอะเลยทีเดียว ซึ่งมันช่วยได้มาก และเวลาผมด้นบทสดๆ ทุกคนก็ต่อบทได้ดีมาก มันสนุกมากและเหมือนกับว่าผมมากองถ่ายเพราะเพื่อมาเล่นสนุกเลยครับ” อีดาฮีเสริมว่า “ในช่วงแรกฉันได้ร่วมฉากกับอีกวางซูค่อนข้างบ่อยค่ะ แม้ว่าเราไม่ได้ร่วมงานกันมา 7 ปีแล้ว แต่พอได้เข้าฉากด้วยกัน มันกลับรู้สึกเป็นธรรมชาติมาก เคมีของเรามันลื่นไหลสุดๆ ไปเลยค่ะ”

 

4. ตลกไม่ยั้ง…ภาพยนตร์จนกรามค้าง
แม้ว่าเรื่องนี้จะมีประเด็นหลักเกี่ยวกับการหย่าร้าง แต่ The Divorce Insurance กลับไม่ใช่ซีรีส์ที่มีเนื้อหาหนักหน่วงเลยสักนิด เพราะว่าแม้จะเป็นเวลาถ่ายทำ เหล่านักแสดงก็ปล่อยมุกกันไม่หยุดไม่หย่อน ทั้งแซว ทั้งหัวเราะ ถึงขั้นยิงมุกกันแบบสดๆ ในเซตถ่ายทำแบบไม่พึ่งสคริปต์เลยทีเดียว อีจูบีนได้เผยว่า “ในกองถ่ายมีการด้นบทสดๆ เยอะมาก สนุกจนแทบไม่น่าเชื่อเลยว่าไม่ได้เตรียมกันมาก่อน ขนาดฉันเองยังคิดเลยว่าซีรีส์เรื่องนี้ต้องสนุกแน่นอนค่ะ” ด้านอีกวางซูเสริมว่า “ผมกับอีดงอุคผลัดกันยิงมุกตลกกันรัวๆ จนมันกลายเป็นเหมือนซีรีส์อีกเรื่องซ้อนอยู่ในอีกเรื่องเลย” อีดาฮีถึงกับชมเพื่อนๆ นักแสดงว่า “มันเหมือนพวกเขาเคยกำลังเล่นซีรีส์มุกลุงๆ อีกเรื่องกันอยู่ การรับส่งมุกด้นสดของพวกเขาคือที่สุดเลยค่ะ” นอกจากนี้เธอยังกล่าวถึงนักแสดงสมทบอย่าง คิวแฮวอน และ ชูโซจอง ว่าตัวละครของพวกเขาก็ช่วยเพิ่มสีสันให้เรื่องราวออกมาสนุกสนานและมีชีวิตชีวาไม่แพ้กัน

 

5. ข้อความที่ส่งถึงใจผู้ชม
The Divorce Insurance ไม่ได้เป็นเพียงแค่ซีรีส์ที่เกี่ยวกับความสัมพันธ์เท่านั้น แต่ยังเล่าเรื่องราวของการเดินทางเพื่อตามหาความสุข แม้ว่าจะต้องฝ่าฟันประสบการณ์ที่ยากลำบากแค่ไหนก็ตาม อีดงอุคได้อธิบายว่า “ซีรีส์เรื่องนี้สะท้อนให้เห็นว่าทั้งการแต่งงานและการหย่าร้างนั้น ในท้ายที่สุดแล้วการกระทำทั้งสองล้วนเป็นการแสวงหาความสุข” อีจูบีนก็เสริมว่าตัวละครของเธอเป็นตัวแทนของคนที่ต้องการเริ่มต้นใหม่ ซึ่งหลายคนน่าจะรู้สึกเชื่อมโยงกับมันได้ ส่วนผู้กำกับอีวอนซอกเผยว่า “ผมให้ความสำคัญกับการเริ่มต้นใหม่ และความล้มเหลวอาจเป็นจุดเริ่มต้นของสิ่งใหม่ๆ ได้เช่นกัน” เขาเน้นย้ำว่าซีรีส์นี้ไม่ได้พูดถึงการติดอยู่กับกรอบความคาดหวังของสังคม แต่เป็นการสร้างโลกใหม่ในแบบของตัวเองขึ้นมา และได้กล่าวทิ้งท้ายว่า “ผมหวังว่าผู้ชมจะได้รับทั้งกำลังใจและความอบอุ่นจากซีรีส์เรื่องนี้ครับ”

 

 

เตรียมเพลิดเพลินไปกับความสนุก ความอบอุ่น และแรงบันดาลใจใหม่ๆ จากซีรีส์ที่ผสมผสานทั้งความโรแมนติก-คอเมดี้เข้าไว้ด้วยกัน ร่วมเอาใจช่วยแต่ละตัวละครในการค้นหาตัวเองใน The Divorce Insurance (เกมรักประกันใจ) สามารถรับชมได้ทุกวันจันทร์และอังคาร โดยจะเริ่มสตรีมตอนแรกในวันที่ 31 มีนาคมนี้ ทาง Prime Video เท่านั้น

 


‘คนเจ้าชู้ ระวังถูกลูบคม ถูกผูกมัด แม้จะรักปลอมๆ ก็เหอะ ใช่คุณไหม?? เช็กเลย!!’ ดวงรายสัปดาห์ 31 มีนาคม-6 เมษายน 2568

Alternative Textaccount_circle

‘คนเจ้าชู้ ระวังถูกลูบคม ถูกผูกมัด แม้จะรักปลอมๆ ก็เหอะ’

ดวงรายสัปดาห์ 31 มีนาคม-6 เมษายน 2568

ผู้ที่เกิดวันอาทิตย์          

การงาน  :  ก็จะออกจะเครียดๆ หน่อยนะคะ สำหรับสัปดาห์ต้นเดือนของชาวอาทิตย์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ที่ทำงานหรือดำเนินธุรกิจในสายงานบันเทิงเริงรมย์ ดนตรี กวี ศิลป์ งานเย็บปักถักร้อย มีความเป็นไปได้ที่คุณจะตกอยู่ท่ามกลางสถานการณ์ที่ไม่ค่อยบันเทิงเท่าไหร่ มีโอกาสได้รับงานใหญ่ หรือโปรเจคท์สำคัญ โดยที่คุณต้องปรับตัวเองให้เข้ากับสถานการณ์รอบๆ ตัว เพื่อให้งานนั้นสำเร็จลุล่วง จนกลายเป็นความกดดันและเครียด

การเงิน  :  หาเงินเก่งอย่างไม่น่าเชื่อ แต่ก็ไม่สามารถรักษาเงินให้อยู่กับตัวเองได้นานนัก จะหมดไปกับการช่วยเหลือคน จึงมีความเสี่ยงที่จะถูกหลอกได้ง่ายมาก สัปดาห์นี้งดการกู้ยืม การค้ำประกัน อ้อ ห้ามยุ่งเกี่ยวกับเงินสินบน หรือฮั้วใดๆ เพราะมีโอกาสล้มละลายสูง

ความรัก  :  สัปดาห์นี้คาดว่าคุณจะไม่ไปไหนไกลกว่าอ้อมแขนของคู่ครองล่ะค่ะ ดูออก แม้จะอยู่ด้วยกันแล้วก็ทะเลาะกัน แต่ก็ไม่มีกระทบกับความรักและหลงที่คุณมี   คนโสด  อ่อนไหวมากๆ เลยค่ะ มากันเยอะจนตัดสินใจไม่ถูก ก็ยังไม่ต้องตัดสินใจ คบๆ กันไปก่อน เพราะฤกษ์แต่งงานของคุณน่าจะยังมาไม่ถึง

สุขภาพ  :   สำหรับสัปดาห์นี้อาการปวดเมื่อยจะย้ายมาเป็นที่ขา พวกเส้นเอ็น กล้ามเนื้อ มีความเสี่ยงที่จะเกิดการบาดเจ็บ ทั้งจากอุบัติเหตุหรือการใช้งานซ้ำๆ จนเกิดอาการปวด นอกจากนั้นยังต้องระวังระบบหมุนเวียนเลือดที่จะมีปัญหา ทำให้หน้ามืด วิงเวียนศีรษะ เป็นลมวูบได้ทันที

ผู้ที่เกิดวันจันทร์

การงาน  :   สัปดาห์แรกของเดือนใหม่บอกเลยว่า เหนื่อยและหนักสายตัวแทบขาด ต้องใช้แรงกายแรงใจ เพื่อเอาชนะปัญหาและอุปสรรคที่จะเข้ามาด้วยสติปัญญาและความสามารถส่วนตัว โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ที่เป็นทหาร ตำรวจ ทนายความ อัยการ  ผู้พิพากษา นักการเมือง มีโอกาสที่คุณจะอยู่ในสถานการณ์ที่อึดอัด เพราะต้องทำในสิ่งที่ไม่ได้รัก ไม่ได้ชอบ และไม่ได้เลือก มีความเสี่ยงที่จะเข้าไปเกี่ยวข้องกับงานเทาหรือสิ่งที่ไม่ถูกต้องนัก แต่ก็ต้องทำ เพราะติดที่สัญญา ทั้งที่เป็นลายลักษณ์อักษร หรือสัญญาใจ ซึ่งคาดว่าคุณจะอยู่ในสถานการณ์นี้ไปอีกสักพักเลยล่ะ

การเงิน  :  รายได้มาจากน้ำพักน้ำแรงของตัวเองเลยล่ะ หากขยันเท่าไหร่ก็ได้เงินเข้ามามากเท่านั้น แต่ก็ไม่ควรเข้าไปเกี่ยวข้องกับงานเทา เงินเทา เพราะมีโอกาสถูกหลอกได้ง่ายมาก นอกจากจะเสียเงิน เสียเวลาแล้ว ยังเสียชื่อเสียงด้วย

ความรัก  :  สัปดาห์นี้แม้ชาวจันทร์จะยอมแขวนนวม ถอดเขี้ยวเล็บมาเป็นแมวเหมียวอยู่กับครอบครัวแล้วก็ตาม แต่ก็ระวังผลของความเจ้าชู้เก่าๆ ที่เคยทำไว้จะถูกคนนำมาพูดมาแซวผ่านโซเชียล จนชีวิตคู่ไม่เป็นสุข คนโสด  คนเจ้าชู้ต้องระวัง สัปดาห์นี้มีโอกาสที่คุณจะเสียเหลี่ยม ถูกผูกมัด แม้คุณจะยังไม่พร้อมจริงจังกับใคร แต่เขาก็ไม่ปล่อยให้คุณไปง่ายๆ แม้จะรักปลอมๆ ก็เหอะ 

สุขภาพ  :  ต้องระวังภัยที่จะเกิดจากไฟและของมีคม นอกจากนั้นยังต้องระวังพวกโรคเลือด ดีซ่าน ไวรัสตับอักเสบด้วย 

ผู้ที่เกิดวันอังคาร

การงาน    สัปดาห์ต้นเดือนของชาวอังคารจะบอกว่าเริ่มต้นด้วยความสำเร็จก็ได้นะ โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ที่ทำงานหรือดำเนินธุรกิจที่เกี่ยวกับการบริการ หรือเป็นไปได้ที่จะได้เข้าไปเกี่ยวข้องกับการอาสา ซึ่งมีโอกาสเข้าไปอยู่ท่ามกลางความเสี่ยงที่ต้องอาศัยความรับผิดชอบอย่างสูง เช่น ทหาร ตำรวจ วิศวกร นักดับเพลิง เป็นต้น แต่ไม่ว่าอย่างไรก็ตามด้วยความสามารถของคุณจะผ่านไปได้ด้วยดี ยกเว้นว่าหากหลงอยู่กับอีโก้ของตัวเองมากเกินไปจนไม่สนใจรับฟังคนอื่นเลย มีความเสี่ยงที่ความสำเร็จเหล่านั้นจะพังทลายลงได้ง่ายๆ เลย  

การเงิน  :  มีโอกาสสำเร็จในเรื่องเงินทองและธุรกิจ แต่ก็มีการเข้า-ออกคล่องมือมาก จนสุดท้ายแล้วมีความเสี่ยงที่จะหยุดที่ชักหน้าไม่ถึงหลัง

ความรัก  :  เป็นสัปดาห์ที่คุณเอาใจออกห่างคู่มากเลยนะคะเนี่ย จนมีโอกาสที่ชีวิตคู่จะมีปัญหาด้วยเรื่องมือที่สาม แล้วเมื่อไหร่ที่หันหน้ามาพูดกันก็จะทะเลาะกันทุกครั้ง คนโสด  เจ้าชู้มากๆ เลยค่ะ มีโอกาสที่คุณจะได้พบคนถูกใจ แต่ก็จะเป็นในแบบลึกลับ บอกใครไม่ได้ เพราะเขามีคู่อยู่แล้ว

สุขภาพ  :  ท้องไส้ก็ยังไม่ปกตินะคะ มีความเสี่ยงที่ลำไส้อักเสบ ระบบย่อยอาหาร โรคกระเพาะ อาการท้องอืด ท้องเฟ้อ เป็นไปได้ว่าจะมีสาเหตุจากความเครียด ความหึงหวง จ้า  

ผู้ที่เกิดวันพุธ

การงาน  :  เป็นไปได้ว่าชาวพุธจะเริ่มต้นสัปดาห์ใหม่ของเดือนใหม่ได้อย่างไม่ติดค้างอันใด สามารถสะสางงานที่ยังค้างคาอยู่ได้หมดจด โดยเฉพาะอย่างยิ่งงานหรือธุรกิจที่ต้องใช้ความคิดสร้างสรรค์ เช่น ศิลปะ ศิลปิน งานในวงการบันเทิง นักเขียน นักประชาสัมพันธ์ ดีไซเนอร์ ฯลฯ นอกจากคุณจะเคลียร์งานเก่าได้แล้ว ยังมีโอกาสได้ทำงานใหม่ด้วย หากเป็นไปได้ควรรับงานเองหรือทำธุรกิจเองจะดีกว่า เพราะคาดว่าคุณจะมีความเป็นตัวเองสูงมากจนยากที่จะทำงานร่วมกับผู้อื่นได้ราบรื่น

การเงิน  :  มีโอกาสที่คุณจะได้เก็บผลกำไรจากผลงานที่สำเร็จ ก็พยายามเก็บเงินเก็บใจไว้บ้าง เพราะคาดว่าคุณจะเพลิดเพลินกับการกิน เที่ยว ช้อป จนสุดท้ายกลายเป็นมีหนี้สิน  

ความรัก  :  สัปดาห์นี้ควรให้พื้นที่ส่วนตัวแก่กันและกันบ้าง ทางที่ดีคุณไม่ควรเข้าไปมีส่วนในชีวิตของคู่ครองในทุกๆ เรื่อง แม้กระทั่งความคิด เพราะสุดท้ายแล้วจะอยู่กันอย่างไม่มีความสุข   คนโสด  สัปดาห์นี้เป็นไปได้ว่าชาวพุธจะรู้สึกว่าตัวเองเป็นศูนย์กลางของจักรวาล อยากเปลี่ยนแปลงทุกสิ่งด้วยมือของตัวเอง โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับคนใกล้ตัว เพราะฉะนั้นแม้คุณจะมีคนคุยด้วยเยอะ แต่ก็ยากที่จะตัดสินใจเลือกใครสักคน  

สุขภาพ   :  ว่าด้วยเรื่องของอาหารและการดื่ม สัปดาห์นี้มีโอกาสที่คุณจะได้รับประทานอาหารอร่อยๆ ไวน์ดีๆ สิ่งที่จะตามมาคือน้ำหนัก จากนั้นพวกไขมัน เบาหวาน ความดันก็จะตามมาเป็นแพ๊กเก็จ  

ผู้ที่เกิดวันพฤหัสบดี

การงาน  :   สัปดาห์ต้นเดือนของชาวพฤหัสค่อนข้างเป็นที่แน่ชัดว่า แผนสองต้องเข้าแล้ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ที่ทำงานหรือดำเนินธุรกิจที่ต้องใช้ความสามารถในการติดต่อสื่อสาร ประสานงาน โฆษณา-ประชาสัมพันธ์ สื่อมวลชน นักขาย หากกำลังรอคำตอบอะไรอยู่ เป็นไปได้ที่จะปิดจ็อบหรือถูกตีกลับ เพื่อให้กลับไปแก้ไขใหม่ ซึ่งครั้งนี้คุณจะตั้งใจและมุ่งมั่นอย่างมากจนไม่สนใจทำงานส่วนตัวเลย  

การเงิน  :  ต้องระวัง หากกำลังตัดสินใจจะลงทุนทำธุรกิจก็ชะลอไปก่อน  เพราะยังไม่ใช่เวลาที่เหมาะสม มีโอกาสเสียเปรียบคนอื่น หรือถูกหลอกจากความใจดีของคุณ

ความรัก  :  หากความสัมพันธ์ของใครกำลังอ่อนไหวเปราะบางสุดๆ มีความเสี่ยงที่จะประคับประคองไม่ไหว ซึ่งเป็นไปได้ที่จะเกิดจากความสมัครใจของทั้งคู่   คนโสด  อย่าเพิ่งตกลงปลงใจกับใครง่ายๆ เพราะมีโอกาสที่ความสัมพันธ์จะตัดขาดจากกันได้ง่ายๆ เช่นกัน  

สุขภาพ   :  มีความเสี่ยงที่ฟันจะมีปัญหาจนถึงขั้นเสียมันไป นอกจากนั้นยังต้องระวังพวกโรคกระเพาะ ลำไส้ อาการปวดหรือเสียดท้อง ซึ่งคาดว่าส่วนหนึ่งมาจากความเครียด

ผู้ที่เกิดวันศุกร์

การงาน  :   ก็ยังไม่หลุดจากความเครียด ความกดดัน กับชาวศุกร์ผู้น่าเห็นใจ สำหรับสัปดาห์ต้นเดือนแบบนี้ คุณมีโอกาสได้เข้าไปทำงานกับเครือญาติ ทั้งตัวเอง หรือคู่ครอง รวมถึงคนรู้จัก ซึ่งจริงๆ แล้วผู้ใหญ่ก็ให้การส่งเสริมและสนับสนุนอย่างดี ส่วนเพื่อนร่วมงาน และเจ้านายก็เอ็นดูคุณอยู่ล่ะ ดูออก แต่ยิ่งพวกเขาดีกับคุณมากเท่าไหร่ คุณก็จะยิ่งกดดันมากเท่านั้น กับความกลัวที่จะทำให้พวกเขาผิดหวัง     

การเงิน  :  มีโอกาสได้เงินปันผลจากธุรกิจของครอบครัว แต่คุณไม่ควรเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับเงินสินบน หรือฮั้ว รู้เห็นเป็นใจกับการกระทำที่ไม่ถูกต้อง เพราะมีโอกาสที่จะล้มละลายได้เลย

ความรัก :   จะว่าเป็นสัปดาห์ที่ชื่นมื่นของคุณก็ได้นะ คาดว่าจะมีเวลาอยู่ด้วยกันอย่างอบอุ่น พร้อมหน้าผู้ใหญ่ในครอบครัวด้วย ซึ่งคู่ครองจะสนับสนุนคุณในเรื่องงานและเรื่องครอบครัวอย่างดีเลย คนโสด  มีโอกาสที่รักเก่าจะกลับมา ซึ่งครั้งนี้เขามาแบบหวังผล แต่คาดว่าจะมีอุปสรรคเป็นผู้ใหญ่สูงวัย

สุขภาพ  :   สำหรับใครที่มีโรคประจำตัวเกี่ยวกับเลือดลมอยู่แล้ว สัปดาห์นี้ต้องระวังจะกำเริบขึ้นเป็นโรคร้าย ควรติดตามรักษาอย่างต่อเนื่อง นอกจากนั้นยังต้องระวังขาและข้อต่างๆ ที่จะเริ่มเสื่อม สร้างความปวดร้าวให้อย่างมาก

ผู้ที่เกิดวันเสาร์

การงาน  :  สัปดาห์ต้นเดือนของชาวเสาร์มีโอกาสเดินทางไปทำงานหรือติดต่อธุรกิจยังต่างถิ่น ต่างแดน โดยเฉพาะอย่างยิ่งบุคคลที่อยู่ในสายงานที่ต้องใช้ความคิดสร้างสรรค์ เช่น ศิลปะ ศิลปิน ดนตรี งานเขียน บันเทิง ออกแบบ ความสวยความงาม ฯลฯ เป็นไปได้ว่าคุณจะได้เดินทางไกล อาจไปอบรม ประชุมสัมมนา ขายงาน ขยายสาขา ได้ทั้งนั้น ซึ่งมีโอกาสสูงมากที่จะเป็นธุรกิจของครอบครัว เครือญาติ หรือเพื่อนสนิท ก็ตัดสินใจดีๆ วางแผนงานให้รอบคอบ เพื่อป้องกันความผิดพลาด

การเงิน  :  ไม่เดือดร้อน มีโอกาสได้รับเงินปันผลจากการเจรจาทางธุรกิจด้วย แต่ก็อย่าหลงเชื่อคำพูดที่อ่อนหวานที่จะมาชักชวนให้ลงทุน เพราะมีแต่ยาเสน่ห์ทั้งเพ

ความรัก  :   เป็นไปได้ว่าคุณจะวางแผนว่าจะเดินทางไปฮันนีมูนรอบสอง รอบสาม กันนะคะ หรือหากใครที่ไม่ได้อยู่ด้วยกัน สัปดาห์นี้ไม่คุณก็เขาที่จะมีการไปมาหาสู่กัน คนโสด  คนรักเก่ามีโอกาสกลับมานะคะ ซึ่งคุณก็เอ็นจอยด้วยล่ะ ดูออก เพราะเห็นว่าจะจัดทริปไปเที่ยวกันล่ะ  

 สุขภาพ   :   เป็นสัปดาห์ที่คุณจะได้เดินทางท่องเที่ยว ชิมอาหารอร่อยๆ ดื่มไวน์ชั้นดี ดังนั้น จึงควรระวังน้ำหนักที่จะมาอย่างคาดไม่ถึง รวมถึงไขมัน เบาหวาน ความดันที่จะตามมาอีกด้วย ที่สำคัญระบบหมุนเวียนเลือดที่จะสร้างปัญหาให้คุณวิงเวียน หน้ามืด เป็นลมได้บ่อยๆ

แคนนอน

แคนนอน (Canon) เปิดตัวไลน์อัปกล้อง V ซีรีส์ อัดแน่น่ด้วยฟีเจอร์ทรงพลัง

Alternative Textaccount_circle
แคนนอน
แคนนอน

แคนนอน (Canon) เปิดตัวไลน์อัปกล้อง V ซีรีส์ อัดแน่น่ด้วยฟีเจอร์ทรงพลังระดับมืออาชีพ ถ่ายทอดทุกจินตนาการด้วยคอนเทนต์คุณภาพสูง

กระแสการผลิตวิดีโอคอนเทนต์กำลังเพิ่มสูงขึ้นในหมู่ครีเอเตอร์รุ่นใหม่ แคนนอน ผู้นำด้านเทคโนโลยีกล้องถ่ายภาพระดับโลก พร้อมตอบโจทย์ทุกความต้องการด้วยการขยายไลน์อัปกล้อง V ซีรีส์ และเลนส์เพื่องานวิดีโอ ประกาศเปิดตัว 4 ผลิตภัณฑ์ใหม่พร้อมกัน ทั้งกล้อง EOS R50 V และ PowerShot V1 พร้อมด้วยเลนส์ RF-S14-30mm f/4-6.3 IS STM PZ  และ RF20mm f/1.4L VCM ที่อัดแน่นด้วยฟีเจอร์นวัตกรรมมากมายเพื่อรองรับการถ่ายวิดีโอได้ดียิ่งขึ้น ร่วมสนับสนุนเหล่าคอนเทนต์ครีเอเตอร์รุ่นใหม่ให้สามารถสร้างเนื้อหาได้ตรงตามจินตนาการและโดดเด่นกว่าใครในตลาดที่มีการแข่งขันสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง

EOS R50 V กล้องที่โดดเด่นด้วยฟีเจอร์ทรงพลังระดับมืออาชีพ

EOS R50 V เป็นกล้องมิเรอร์เลสแบบเปลี่ยนเลนส์ได้ใน EOS V Series ติดตั้งเซนเซอร์ APS-C ความละเอียด 24.2 ล้านพิกเซล ซึ่งเหมือนกับเซนเซอร์ Super 35 มม. ที่ใช้ในกล้องถ่ายภาพยนตร์หลายรุ่น เช่น EOS C70 ถูกออกแบบมาสำหรับครีเอเตอร์ผู้เปี่ยมความคิดสร้างสรรค์ที่กำลังมองหาประสิทธิภาพการทำงานและความคล่องตัวในการถ่ายทำที่ดีขึ้น ทั้งยังเป็นกล้องรุ่นแรกในเซกเมนต์ที่มีฟีเจอร์ Cinema EOS ที่มีเฉพาะใน EOS R Series รุ่นสูง ๆ อย่าง EOS R1 ทั้งการรองรับ Custom Pictures และการปรับแต่งค่าสี (LUT)

EOS R50 V ออกแบบมาให้มีน้ำหนักเบา โดยตัดช่องมองภาพออกไปเพื่อให้ได้บอดี้ที่เพรียวบางขึ้น ทั้งยังช่วยลดความเมื่อยล้าเมื่อต้องถือกล้องถ่ายเป็นเวลานาน โดยปุ่มต่าง ๆ ยังถูกออกแบบมาให้ถือถ่ายวิดีโอมือเดียวได้สะดวกขึ้น แผงปุ่มควบคุมเพื่อการถ่ายทำวิดีโอของรุ่น EOS R50 V ยังประกอบด้วยแป้นควบคุมโหมดการถ่ายภาพยนตร์ ปุ่มบันทึกวิดีโอด้านหน้า ปุ่มฟังก์ชันการเริ่มไลฟ์สตรีม และปุ่มเปลี่ยนโทนสีภาพต่าง ๆ ด้วยการแตะเพียงครั้งเดียว รวมถึงคันโยกเพื่อควบคุมการซูมเลนส์ (ฟังก์ชันนี้ถูกติดตั้งเพื่อใช้งานร่วมกับเลนส์ RF-S14-30mm f/4-6.3 IS STM PZ ซึ่งถือเป็นเลนส์ตัวแรกของแคนนอนที่มีระบบเพาเวอร์ซูมในตัว) พร้อมที่ยึดขาตั้งกล้องสำหรับถ่ายภาพแนวตั้ง การออกแบบที่จับและตำแหน่งปุ่มใหม่ที่ตอบโจทย์การถ่ายคอนเทนต์แนวตั้งโดยเฉพาะ

PowerShot V1: สร้างคอนเทนต์คุณภาพสูงด้วยกล้องดิจิทอลขนาดพกพา

PowerShot V1 เป็นกล้องคอมแพกต์แบบออลอินวันใน PowerShot V Series รุ่นแรกที่เน้นการถ่ายวิดีโอโดยเฉพาะ ติดตั้งเซนเซอร์ความละเอียด 22.3 ล้านพิกเซล ขนาด 1.4 นิ้ว ซึ่งใหญ่กว่าเซนเซอร์ขนาด 1 นิ้วที่พบในกล้องคอมแพกต์ส่วนใหญ่เกือบ 2 เท่า อีกทั้ง PowerShot V1 มาพร้อมกับเลนส์ซูมมุมกว้างพิเศษในตัวที่มีขอบเขตการมองเห็น (Field of View) เทียบเท่าเลนส์ระยะ 17-52 มม. เมื่อถ่ายวิดีโอ และเทียบเท่าระยะ 16-50 มม. เมื่อถ่ายภาพนิ่ง พร้อมรูรับแสงกว้าง f/2.8 – f/4.5

บอดี้ของ PowerShot V1 มีน้ำหนักเบา โดยถูกตัดช่องมองภาพออกไปเช่นเดียวกับ EOS R50 V เพื่อมอบความเพรียวบาง พกพาสะดวก ตอบโจทย์การใช้งานที่หลากหลาย ทั้งการวีล็อก การไลฟ์สตรีม การถ่ายภาพยนตร์ หรือแม้แต่หนังสั้นหรือสารคดี นอกจากนี้ ยังมีพัดลมระบายความร้อนในตัวซึ่งพบได้ในกล้องถ่ายภาพยนตร์ระดับมืออาชีพเท่านั้น เพื่อช่วยกระจายความร้อน ทำให้ไลฟ์สไตรีมและบันทึกวิดีโอได้นานขึ้น

โดยทั้ง EOS R50 V และ PowerShot V1 อัดแน่นด้วยฟีเจอร์ใหม่มากมายที่ช่วยให้การผลิตวิดีโอเป็นเรื่องง่ายกว่าเดิม เช่น โหมดปรับหน้าเนียน (Smooth Skin) และฟิลเตอร์สี 14 แบบ ช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถเปลี่ยนลุคของวิดีโอได้อย่างง่ายดายจากกล้องโดยตรง รวมถึงยังมีโหมดเพื่อการรีวิวสินค้า Close-up Demos ในตัว ทั้งสองรุ่นยังมาพร้อมโหมดบันทึกหลายแบบที่ตอบโจทย์การตัดต่อวิดีโอขั้นสูง เช่น Canon Log 3 10-bit ซึ่งจะบันทึกช่วงไดนามิกแสงกว้างขึ้น เหมาะสำหรับการเกรดสีวิดีโอ พร้อมวิดีโอความละเอียดสูง 4K 30p แบบไม่ครอปและวิดีโอ 4K 60p แบบครอป รวมถึงภาพสโลว์โมชันที่ความละเอียด Full HD 120p

RF-S14-30mm f/4-6.3 IS STM PZ: เลนส์ RF ตัวแรกที่มีระบบเพาเวอร์ซูมในตัว

เลนส์ RF-S14-30mm f/4-6.3 IS STM PZ มีขนาดเล็กประมาณ 6 ซม. และน้ำหนักเบาเพียง 181 กรัม สามารถควบคุมการซูมด้วยเซอร์โวได้ทั้งบนวงแหวนซูมเลนส์หรือคันโยกที่มีอยู่บนกล้อง EOS R50 V โดยสามารถเลือกระดับความเร็วการซูมได้ 15 ระดับ และควบคุมด้วยสวิตช์ 2 ระดับ ซึ่งสามารถปรับความเร็วของวงแหวนซูมและคันโยกซูมแยกกันได้

เลนส์รุ่นนี้มีระบบป้องกันภาพสั่นไหวในตัวสูงสุด 5 สต็อปสำหรับภาพนิ่ง และใช้ระบบป้องกันภาพสั่นไหวแบบ 5 แกนสำหรับงานวิดีโอเมื่อใช้งานร่วมกับกล้องที่มีระบบ Movie Digital IS

RF20mm F/1.4L VCM: เลนส์มุมกว้างสุดในกลุ่มเลนส์ไพรม์ VCM เพื่องานวิดีโอ

เลนส์ที่มีมุมมองกว้างที่สุดในซีรีส์เลนส์ไพรม์ระยะ 20 มม. เป็นเลนส์ไฮบริดที่เหมาะทั้งถ่ายภาพนิ่งและวิดีโอ มาพร้อมมอเตอร์ขับเคลื่อนชิ้นเลนส์ VCM (Voice Coil Motor) แบบใหม่ที่โฟกัสรวดเร็ว สมูท และแม่นยำ พร้อมรูรับแสงกว้างสุดที่ f/1.4 ให้ภาพที่สว่างสดใสเมื่อใช้งานในสภาพแสงน้อย ตอบโจทย์การจัดองค์ประกอบภาพได้อย่างสวยงามและกว้างครอบคลุมพื้นที่ต้องการได้อย่างลงตัว

เลนส์ RF20mm F/1.4L VCM ยังท้าทายเรื่องขนาดของเลนส์รูรับแสงกว้างที่มักมีน้ำหนักมาก ด้วยนวัตกรรมการออกแบบทำให้กระบอกเลนส์มีความยาว 99.3 มม. น้ำหนักเพียง 519 กรัม มอบคุณภาพระดับมืออาชีพในขนาดที่กะทัดรัด เบาและทนทาน ทั้งยังได้รับการออกแบบมาเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการถ่ายวิดีโอโดยเฉพาะ โดยลดอาการเฟรมภาพขยับเมื่อเปลี่ยนจุดโฟกัส (Focus breathing) ผู้ใช้ยังสามารถปรับค่ารูรับแสงได้อย่างราบรื่นเหมือนกับเลนส์ไฮบริดและเลนส์ภาพยนตร์ของแคนนอน โดยหมุนวงแหวนไอริสแบบไร้เสียงระหว่างการบันทึกภาพเหมือนกับเลนส์ในระบบ Cinema EOS อื่น ๆ

เตรียมทดลองประสิทธิภาพของกล้อง EOS R50 V และ PowerShot V1 รวมถึงเลนส์ RF-S14-30mm f/4-6.3 IS STM PZ อย่างเป็นทางการพร้อมกันในวันที่ 2-6 เมษายนนี้ ที่ Metro Art (MRT พหลโยธิน) ติดตามข่าวสารและกิจกรรมล่าสุดได้ที่ Facebook Canon Thailand และ Facebook Canon Imaging Thailand

It Girl ตัวจริงแห่งลอสแอนเจลิส กับทริคใช้ชีวิตแบบสมดุลง่ายๆ ในลอสแอนเจลิสกับ ‘จีซู’ (JISOO)

It Girl ตัวจริงแห่งลอสแอนเจลิส กับทริคใช้ชีวิตแบบสมดุลง่ายๆ ในลอสแอนเจลิสกับ ‘จีซู’ (JISOO)

Alternative Textaccount_circle
It Girl ตัวจริงแห่งลอสแอนเจลิส กับทริคใช้ชีวิตแบบสมดุลง่ายๆ ในลอสแอนเจลิสกับ ‘จีซู’ (JISOO)
It Girl ตัวจริงแห่งลอสแอนเจลิส กับทริคใช้ชีวิตแบบสมดุลง่ายๆ ในลอสแอนเจลิสกับ ‘จีซู’ (JISOO)

จีซู กลับมาร่วมงานกับ ALO (อะโล) อีกครั้งในแคมเปญที่หลายคนรอคอยเป็นครั้งที่สอง เพื่อการดูแลสุขภาพแบบสบายๆ ของฝั่งตะวันตก นำเสนอผ่านการผสมผสานระหว่างการเคลื่อนไหว, การดูแลตัวเอง และการมีสติอย่างเป็นธรรมชาติ ก่อนที่จะออกทัวร์ทั่วโลกที่หลายคนตั้งตารอ ซึ่ง จีซู เปิดเผยถึงวิธีคิดที่เน้นการมีสุขภาพดี โดยการใส่ใจในการฟื้นฟูสมดุลและความตั้งใจที่จะพักผ่อนอย่างเต็มที่ในช่วงสุดสัปดาห์ พร้อมทั้งทำให้แนวคิดการใช้ชีวิตแบบสบายๆ

“วิธีที่ดีที่สุดในการเอาชนะอาการ Jet Lag (เจ็ทแล็ก) คือการเล่นพิลาทิส และ Alo Wellness Club คือสถานที่โปรดของฉันในการปรับสมดุลตัวเอง”

นอกจากนี้ จีซู ยังหลีกหนีความวุ่นวายในลอสแอนเจลิส ตั้งแต่การเริ่มต้นเช้าวันใหม่ด้วยการดื่มมัทฉะและทำสมาธิ เพื่อเตรียมตัวให้พร้อมสำหรับวันที่จะมาถึง ซึ่งระหว่างการออกกำลังกายที่ ALO Wellness Club, การเดินเล่นชิลๆ ในเมือง และช่วงเวลาการฟื้นฟูที่เงียบสงบ ทำให้จีซูค้นพบว่า สุขภาพที่ดีไม่ได้เกี่ยวข้องกับการเคลื่อนไหวเท่านั้น แต่ยังเกี่ยวกับการสร้างพื้นที่ให้ตัวเองได้หยุดพัก รีเซ็ต และฟื้นฟูอีกด้วย “ฉันชอบความรู้สึกหลังจากการออกกำลังกาย ไม่มีอะไรดีไปกว่านี้แล้ว”

ในฐานะ “เจ้าหญิงพิลาทิส” คนใหม่ของ ALO, จีซู แสดงให้เห็นว่าสุขภาพที่แท้จริงนั้นคือการมีสมดุลของความรู้สึกดี การเคลื่อนไหวได้อย่างอิสระ และยอมรับทุกช่วงเวลาอย่างมีสติและตั้งใจจริง


ซองแดงแต่งผี

รวมดาวนักแสดงตัวตึง! ภาพยนตร์ ซองแดงแต่งผี กระแสแรงยืนหนึ่ง

Alternative Textaccount_circle
ซองแดงแต่งผี
ซองแดงแต่งผี

หลังจากที่หนัง “ซองแดงแต่งผี” จากค่ายหนัง GDH ที่ร่วมมือกับ Billkin Entertainment และ PP Krit Entertainment เข้าฉายได้เพียงไม่กี่วัน ก็เดินหน้าโกยกระแสความนิยมไปแบบถล่มทลาย โดยงานนี้ 2 นักแสดงนำในเรื่อง บิวกิ้น พุฒิพงศ์ อัสสรัตนกุล และพีพี กฤษฏ์ อำนวยเดชกร กลายเป็นไวรัลโด่งดังไปทั่วกับฝีไม้ลายมือทางการแสดงในจังหวะคอมเมดี้ ที่ต้องบอกว่าทำถึงมาก ทำเอาเซอร์ไพรส์คนดูได้ตลอดทั้งเรื่องเลยทีเดียว

ไม่เพียงเท่านี้อีกหนึ่งฟีดแบคที่ถูกพูดถึงอย่างมาก คงหนีไม่พ้นทีมนักแสดงสายฮาที่มาช่วยขยี้ความสนุกเรียกเสียงหัวเราะจนต้องตบเข่าฉาดในซีนต่างๆ อาทิ ‘ก้อย อรัชพร โภคินภากร’ กับบทตำรวจขาลุยที่ต้องบอกว่าดูเท่สะกดทุกองศาไปเลย หรือแม้แต่ลูกน้องจอมเซ่อซ่าอย่าง ‘บอลชอน ธนวัฒน์ เชี่ยวอร่าม’ ซึ่งพอถึงฉากที่เป็นจุดไคลแม็กซ์เรียกเสียงฮาของตัวเองก็สาดมุกในจังหวะการแสดงได้แบบเอาอยู่ทุกเม็ด ไม่เว้นแม้กระทั่งบทสารวัตรสุดเฮี๊ยบที่ได้นักแสดงอารมณ์ดี ‘เอ็ดดี้ ญาณวุฒิ จรรยหาญ’ มาสร้างสีสันได้แบบจี๊ดใจสุดๆ ก่อนจะข้ามมาที่ฝากของฝั่งผู้ร้ายที่ได้ตัวพ่อสายตลก ‘จตุรงค์ พลบูรณ์’ ที่หยอดมุกใหม่ๆ ที่จัดมาให้แบบไม่มีกั๊ก กับคาแรกเตอร์ของเสี่ยโจ้ ตัวร้าย ที่แม้จะร้ายเบอร์ไหนแต่แค่เห็นหน้าก็ขำกระจาย ไปจนถึงนักเลงขาใหญ่อย่าง ‘รัศมีแข ฟ้าเกื้อล้น’ กับบทแรมโบ้ ที่เรียกว่าพลิกบทบาทได้แบบเซอร์ไพรส์สุดๆ หรือแม้แต่ฝั่งของอาม่าที่ยอมทำทุกอย่างเพื่อให้หลานรักอย่างตี่ตี๋ได้ไปสู่สุคติ งานนี้ได้ ‘ปุ๊ ปิยะมาศ โมนยะกุล’ เจ้าของฉายานางเอกหนังตลกร้อยล้านในอดีต มาถ่ายทอดบทนี้ได้แบบน่ารักน่าเอ็นดู และอีกหนึ่งคนที่ถือว่าเป็นตำนานของตลกขั้นเทพคือ ‘แอนนา ชวนชื่น’ กับบทซินแสที่เรียกเสียงหัวเราะในทุกๆ ฉากที่ออกมาเสิร์ฟความบันเทิง จนทำให้คนดูได้รับอรรถรสความสนุกไปอย่างจัดเต็ม หัวเราะลั่นโรงกันทุกรอบฉาย



รีบจองตั๋วหนังเพื่อไปพบกับความฮาฉ่ำๆ ได้ใน “ซองแดงแต่งผี” วันนี้ ทุกโรงภาพยนตร์

คู่มือเตรียมพร้อมเมื่อเกิดเหตุการณ์ภัยพิบัติ แผ่นดินไหว

คู่มือเตรียมพร้อมเมื่อเกิดเหตุการณ์ภัยพิบัติ แผ่นดินไหว

Alternative Textaccount_circle
คู่มือเตรียมพร้อมเมื่อเกิดเหตุการณ์ภัยพิบัติ แผ่นดินไหว
คู่มือเตรียมพร้อมเมื่อเกิดเหตุการณ์ภัยพิบัติ แผ่นดินไหว

เนื่องจากเหตุการณ์ภัยพิบัติแผ่นดินไหวในพื้นที่กรุงเทพมหานครที่เกิดขึ้น รวมถึงการเกิดอาฟเตอร์ช็อก อีกหลายๆ ครั้งติดต่อกัน บทความนี้จะมาให้ความรู้สำหรับเป็นคู่มือให้กับผู้ปกครองในการดูแลบุตรหลาน หากครอบครัวมีเด็ก เด็กเล็ก ผู้สูงอายุ ซึ่งจำเป็นต้องมีการวางแผนเตรียมความเข้าใจ พูดคุยและฝึกซ้อมกันไว้ล่วงหน้า เพื่อเตรียมความพร้อมหากเกิดสถานการณ์แผ่นดินไหวขึ้นอีกในอนาคต

เราจึงจำเป็นต้องเรียนรู้ 6 วิธีรับมือภัยพิบัติ ดังนี้

1.สังเกตความผิดปกติรอบตัว
2.ตรวจสอบสภาพแวดล้อมของบ้าน ที่ทำงาน
3.ติดตามข้อมูลสภาพอากาศ ประกาศเตือนภัย
4.เตรียมสิ่งของไว้ใช้ยามเกิดภัย (อาหารแห้ง น้ำดื่ม ยา)
5.ศึกษาการอพยพหนีไฟ เส้นทางหนีภัย
6.จดจำหมายเลขโทรศัพท์หน่วยงานสำคัญ: สายด่วนนิรภัย (โทร 1182)

วิธีซ้อมวางการแผนข้อปฏิบัติเมื่อเกิดเหตุการณ์แผ่นดินไหวขึ้นในอนาคต

1. กำหนดวิธีการติดต่อกับครอบครัว และเพื่อนของท่านในยามเกิดภัยพิบัติ กำหนดจุดนัดพบไว้ล่วงหน้าหากพลัดหลงกัน
2. ครอบครัวที่มีเด็ก ให้สอบถามวิธีติดต่อสื่อสาร และการรับบุตรหลานจากโรงเรียนกับครูอาจารย์ไว้ล่วงหน้า
3. เตรียม ”สิ่งของจำเป็น ที่ต้องนำติดตัว” ไว้ให้พร้อม และวางไว้ในที่ที่เข้าใจง่าย ทั้งสำหรับตนเองและคนในครอบครัว​

การรับมือเมื่อเกิดแผ่นดินไหวยึดหลัก “หมอบ – กำบัง – ยึดจับ” (Drop – Cover – Hold on)

หากอยู่ในอาคาร

• ไม่ควรหลบหนีออกนอกตัวอาคารทันที ให้รอจนกว่าแผ่นดินหยุดไหวก่อน แล้วหลบหนีด้วยประตู หรือทางเดินหนีไฟ
• ระมัดระวังสิ่งของตกหล่น เฟอร์นิเจอร์ภายในบ้านล้มทับ ให้หลบเข้าใต้โต๊ะ หรือเฟอร์นิเจอร์ที่แข็งแรงเพียงพอ เพื่อความปลอดภัยของท่าน
• เมื่อแผ่นดินหยุดไหวแล้ว ให้ดับแก๊สและถอดปลั๊กอุปกรณ์ไฟฟ้าทันที
• หากหนีออกนอกตัวอาคารแล้ว ควรระวังการบาดเจ็บจากหน้าต่างบานกระจก หรือป้ายต่าง ๆ ที่ร่วงลงมาได้
• ก่อนหลบหนีออกนอกตัวอาคาร หากทำได้ให้ปิดเบรกเกอร์ไฟก่อนด้วย ห้ามใช้ลิฟต์โดยเด็ดขาด

หากอยู่นอกอาคาร

• ปกป้องศีรษะและรีบหลบหนีไปยังที่ปลอดภัย
• ออกห่างจากผนังตึก และบริเวณก่อสร้างที่เสี่ยงต่อการเกิดถล่มได้
• หากกำลังขับขี่ยานพาหนะ ให้จอดรถในที่ปลอดภัยค่อนข้างโล่ง ไม่ใกล้อาคาร ดับเครื่องยนต์ แล้วหลบหนีไปยังที่ปลอดภัย

หลังจากเกิดแผ่นดินไหว

• หากได้กลิ่นคล้ายแก๊ส ห้ามจุดไฟเด็ดขาด ท่อแก๊สอาจแตกหัก และรั่วเข้าไปในที่ท่านอาศัยอยู่ได้
• ให้เก็บน้ำปริมาณมากไว้ในภาชนะขนาดใหญ่ด้วย บางกรณีท่อน้ำอาจแตก น้ำประปาอาจไม่ไหลได้

แม้ว่าในขณะนี้ภัยโดยตรงจากแผ่นดินไหวได้เริ่มสงบลงแล้วก็ตาม แต่ผลกระทบจากเหตุการณ์เศร้าสลด ยังอาจก่อให้เกิดการระบาดของโรคติดต่อตามมาได้ ดังนั้นโรคที่ควรต้องเฝ้าระวังหลังเกิดภัยพิบัติ มีดังนี้

1. โรคอุจจาระร่วง ไข้ไทฟอยด์
2. โรคปอดอักเสบ
3. แผลผิวหนังอักเสบติดเชื้อ รวมถึงบาดทะยักด้วย
4. โรคตาแดง
5. ภาวะ PTSD ความเครียดจากเหตุการณ์รุนแรง

ซึ่งจะมาให้ความรู้เพิ่มเติมต่อไป อย่างไรก็ตามอยากให้ทุกคน “อย่ามัวห่วงทรัพย์สิน ในช่วงการเกิดภัยพิบัติ อยากให้ห่วงชีวิตตน และคนในครอบครัวก่อนเป็นอันดับแรก”

ขอบคุณข้อมูล: พญ.สิริรักษ์ กาญจนธีระพงค์ ( 34129) กุมารแพทย์เฉพาะทางโรคภูมิแพ้และภูมิคุ้มกันวิทยา ศูนย์สุขภาพเด็ก (Children’s Health Center) โรงพยาบาลนวเวช


UNIQLO

UNIQLO จับมือแพรี่พาย จัดเวิร์คชอปบนสวนลอยฟ้า ท้ารังสียูวีกับ UV Protection

account_circle
UNIQLO
UNIQLO

หากพูดถึงเทรนด์การปกป้องผิวจากแสงแดดในปัจจุบัน คงปฏิเสธไม่ได้ว่า “ไอเท็มกันยูวี” กลายเป็นหนึ่งในไอเท็มจำเป็นที่หลายคนต้องมีติดตู้เสื้อผ้า โดยเฉพาะในประเทศที่แดดแรงตลอดปีอย่างไทย ล่าสุด ยูนิโคล่ (UNIQLO) แบรนด์เครื่องแต่งกายระดับโลก ได้ตอกย้ำแนวคิด “สบายทุกที่ กันยูวีทุกวัน” ด้วยการจัดเวิร์กชอปสุดพิเศษร่วมกับ แพรี่พาย – อมตา จิตตะเสนีย์ บนสวนลอยฟ้า PEARYPIE SKY GARDEN เปิดโอกาสให้ผู้ร่วมงานได้สัมผัสกับประสิทธิภาพของ UV Protection Collection ผ่านกิจกรรมเอาท์ดอร์สุดสร้างสรรค์

UNIQLO จับมือแพรี่พาย จัดเวิร์คชอปบนสวนลอยฟ้า ท้ารังสียูวีกับ UV Protection

ท่ามกลางแดดจ้าของกรุงเทพฯ เวิร์กชอปครั้งนี้เป็นโอกาสดีที่ทำให้เราได้ทดสอบความสามารถของไอเทมกันยูวีจากยูนิโคล่จริงๆ ผ่านกิจกรรม “เรียนรู้การปรุงดินและปลูกต้นไม้” โดยทุกคนสามารถทำกิจกรรมกลางแจ้งได้อย่างสบายใจ เพราะเสื้อผ้าคอลเล็คชั่น UV Protection ของยูนิโคล่สามารถป้องกันรังสียูวีได้ทันทีที่สวมใส่ มากกว่า 90% และยังมีเทคโนโลยีเสริมที่ช่วยเพิ่มความสบาย ไม่ว่าจะเป็น AIRism (แอริซึ่ม) ที่ให้สัมผัสเย็นสบาย ระบายอากาศดี เหมาะสำหรับเสื้อฮู้ดดี้ของผู้หญิง หรือ DRY-EX (ดรายเอ็กซ์) เนื้อผ้าระบายเหงื่อเร็ว แห้งไว ไม่เหนอะหนะในเสื้อฮู้ดดี้ของผู้ชาย

ทั้งนี้ แพรี่พายได้แชร์ประสบการณ์ตรงหลังจากลองใช้ไอเท็ม UV Protection ว่า ปกติเวลาทำสวนกลางแจ้ง มักเลือกใส่เสื้อแขนยาวเพื่อป้องกันแดด แต่พอได้ลองเสื้อฮู้ด AIRism กันยูวี คู่กับหมวกและแว่นตากันแดดของยูนิโคล่ ก็รู้สึกว่าเป็นการ “เปิดโลกใหม่” เพราะไม่เพียงแต่กันแดดได้ดีตั้งแต่วินาทีแรกที่สวมใส่ แต่ยังรู้สึก เบาสบาย ระบายอากาศดี และไม่อึดอัด ทำให้สามารถทำกิจกรรมกลางแจ้งได้อย่างเต็มที่ “แดดแรงแค่ไหนก็ไม่หวั่น เพราะ UV Protection จากยูนิโคล่ทำให้มั่นใจและคล่องตัวมากขึ้นในทุกกิจกรรม ไม่ว่าจะฤดูไหนก็ใช้ได้ตลอดปี”

หากคุณกำลังมองหาไอเทมกันแดดที่ไม่ใช่แค่ปกป้องผิว แต่ยังให้ความสบายและคล่องตัวในทุกไลฟ์สไตล์ ยูนิโคล่ UV Protection Collection คือคำตอบ สามารถเลือกซื้อได้แล้ววันนี้ที่ ยูนิโคล่ทุกสาขา หรือผ่านออนไลน์สโตร์ คลิกที่นี่ เพื่อช้อปง่ายๆ ได้ตลอด 24 ชั่วโมง


 

แจ็คสัน หวัง

เกิดอะไร! แจ็คสัน หวัง ปล่อยเพลงที่สะท้อนการเลิกพยายามเอาใจคนอื่น

Alternative Textaccount_circle
แจ็คสัน หวัง
แจ็คสัน หวัง

เบื้องหลังบทเพลงใหม่ “GBAD”(Gotta Be A Dick)  ของ แจ็คสัน หวัง  สื่อความหมายอย่างไร?เป็นตัวร้ายเพื่อเติบโต?

กลับมาอย่างยิ่งใหญ่และอัดแน่นไปด้วยคุณภาพ สำหรับอัลบั้ม “Magic Man 2” ของศิลปินระดับโลก “แจ็คสัน หวัง” (JACKSON WANG) ล่าสุดได้ปล่อยซิงเกิลสุดร้อนแรง “GBAD” (Gotta Be A Dick) ในวันเกิดของตัวเอง (28 มีนาคม 2025) ให้แฟนคลับทั่วโลกได้ฟังพร้อมกันแล้ว โดยแจ็คสันได้กล่าวว่า “บางครั้ง… เราต้องเป็นคนหยาบคาย ไม่ใช่เพื่อทำร้าย แต่เพื่อกำหนดขอบเขตและปกป้องตัวตนของเรา” พร้อมกับทัศนคติที่รุนแรงและยอมรับความจริงที่ว่า การตั้งขอบเขตอาจทำให้เราเป็นตัวร้ายในเรื่องของคนอื่น เพลงนี้สะท้อนถึงการเลิกพยายามเอาใจคนอื่นของแจ็คสันและสะท้อนถึงราคากับคุณค่าอันไม่ควรจ่ายของการเติบโตของบุคคล

แจ็คสัน หวัง

โดย GBAD เป็นเพลงแนวอัลเทอร์เนทีฟ-อาร์แอนด์บีที่ไม่มีใครเหมือน เป็นการผสมผสานเสียงร้องที่เป็นเอกลักษณ์ของแจ็คสันกับการผลิตที่ผ่อนคลายและมีกลิ่นอายแจ๊ซจากโปรดิวเซอร์ผู้ได้รับรางวัลแกรมมี่ อย่าง “เดม จอยน์ทส์” และกำกับมิวสิควิดีโอโดย “ริช ลี” ซึ่งแสดงภาพของตัวละคร Magic Man ของแจ็คสันในเมืองที่ดูเหมือนจะสมบูรณ์แบบ แต่เขาถูกเรียกใช้ให้ช่วยเหลืออยู่บ่อยครั้ง มิวสิควิดีโอที่เต็มไปด้วยอารมณ์และการเสียดสีแสดงถึงวิกฤติความหมายของตัวตนของ Magic Man ที่รู้สึกว่าไม่ได้รับการยอมรับและมองข้าม ซึ่งสะท้อนถึงประสบการณ์ส่วนตัวของแจ็คสันเอง

เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา แจ็คสันประกาศว่า Magic Man 2 จะถูกปล่อยในปี 2025 และ “High Alone” เป็นซิงเกิลแรกที่ออกมาสู่สายตาแฟนๆ  กับการสำรวจเรื่องของความเหงาและการทำลายตัวเอง และเปิดเผยธีมส่วนตัวอย่างลึกซึ้งของอัลบั้มที่จะมาถึง ซิงเกิลดังกล่าวได้รับความนิยมจนขึ้นอันดับ 1 บน Apple Music ใน 22 ประเทศและภูมิภาค อัลบั้มนี้เป็นโปรเจ็กต์ที่แจ็คสันผลิตเองและทำงานมากว่า 1 ปี Magic Man 2 จะเล่าเรื่องราวผ่าน 4 บท ซึ่งแต่ละบทจะสะท้อนถึงช่วงเวลาต่าง ๆ ของการสูญเสียและความเจ็บปวด ตั้งแต่ความหลงใหลที่มาพร้อมกับการปฏิเสธ ไปจนถึงการเผชิญหน้ากับการสูญเสียตัวตน, การปลดปล่อยจากการพยายามเอาใจคนอื่น และสุดท้ายการหาความสงบภายใต้การยอมรับ Magic Man 2 เป็นงานที่แสดงถึงความจริงใจและความเปราะบางของแจ็คสันมากที่สุด อัลบั้มแรก Magic Man เริ่มต้นจากการสวมหน้ากากเพื่อจัดการกับอารมณ์และความท้าทายในตัวเอง แต่ใน Magic Man 2 หน้ากากนั้นเริ่มหลุดออกเผยให้เห็นความจริงที่ลึกซึ้งเกี่ยวกับโลกภายในของแจ็คสัน การต่อสู้กับการถูกหักหลังและการต่อสู้เพื่อคงความเป็นตัวของตัวเอง

และนาทีนี้กระแสความนิยมของแจ็คสันยังคงครองใจแฟนๆ ได้อย่างต่อเนื่อง มีผู้ติดตามในหลายแพลตฟอร์มบนโซเชียลมีเดียรวมกันกว่า 100 ล้านคน อีกทั้งยังยึดตำแหน่งบุคคลที่มีผู้ติดตามอินสตาแกรมมากที่สุดในจีนอีกด้วย นอกจากความสำเร็จในฐานะศิลปินเดี่ยวที่ทำลายสถิติแล้ว เขายังได้รับการแต่งตั้งให้เป็น Creative Director ของ Nike และ Jordan และยังดำรงตำแหน่งทูตระดับโลกของ Louis Vuitton, Cartier และ Hennessy ซึ่งยิ่งทำให้เขากลายเป็นสะพานเชื่อมระหว่างวงการดนตรี แฟชั่น และวัฒนธรรมเยาวชนระดับโลก นี่เป็นการตอกย้ำว่าเขาคือศิลปินคุณภาพอย่างแท้จริง

#GBAD #JACKSONWANG #MAGICMAN2 #TEAMWANG

เป๊ก-เศรณี

เพื่อนกันวันวาน รักกันวันนี้ 12 ปี เป๊ก-เศรณี & เพลง-ชนม์ทิดา

Alternative Textaccount_circle
เป๊ก-เศรณี
เป๊ก-เศรณี

12 ปี KEEP GROWING UP TOGETHER เป๊ก-เศรณี ชาญวีรกูล & เพลง-ชนม์ทิดา อัศวเหม เพื่อนกันวันวาน รักกันวันนี้

อีกหนึ่งคู่ที่หลายคนติดตามและคอยลุ้นไปกับความรักที่เติบโตไปด้วยกัน “เป๊ก-เศรณี ชาญวีรกูล” ลูกชายรองนายกรัฐมนตรี “เสี่ยหนู-อนุทิน ชาญวีรกูล” กับ “เพลง-ชนม์ทิดา อัศวเหม” ลูกสาว “มาดามตู่ -นันทิดา แก้วบัวสาย”  ที่สุด 30 พฤศจิกายนที่ผ่านมา มีข่าวดีในฐานะว่าที่เจ้าบ่าวเจ้าสาว ที่เรื่องราวระหว่างทางรัก มีการปรับจูนกันตลอด เพื่อให้ความรักยั่งยืนมั่นคง ยิ่งขึ้นจากวันแรกเจอ

รักสวนทาง

เป๊กเล่าถึงจุดเริ่มต้น 12 ปีที่แล้ว ตอนนั้นผมอายุ 18 ปี ได้เจอกับเพลงในงาน Central Intonational Watch Fair ในโอกาสที่เราไปเดินแบบให้กับ แบรนด์นาฬิกา โดยคนทีชวนเราคือป้าแทน (นันทวัน แสงธรรมกิจกุล)”

ขณะที่เพลงช่วยเสริมว่า “ป้าแหนเหมือนเป็นคิวปิดแนะนําให้เรารู้จักกัน เพราะ ป้าแหนรู้กับคุณและครอบครัวของเป๊ก เหมือนเป็น Mutual Friend จึง อยากให้ได้รู้จักกัน อารมณ์ประมาณว่าถ้าวันหนึ่งเป็นแฟนกันน่าจะดี แต่วันนั้น เราสองคนยังเด็ก ไม่ได้คิดอะไร แต่ตอนที่เตรียมตัวเดินแฟชั่นมีจังหวะที่เพลง กับเป้าหันมาสบตา เพลงรู้สึกว่าเป็น Butterflies in my Tummy อารมณ์จั๊กจี้บอกไม่ถูก ยังไม่ใช่ความรู้สึกขอบนะคะ และคงห่างไกลกับคําว่ารัก”

ด้านเป๊กกลับรู้สึกแตกต่าง “ผมรู้สึกตั้งแต่วันนั้นเลยว่าเพลงตรงสเป๊ก เพราะผมชอบผู้หญิงที่มีคาแร็คเตอร์ แล้วเขามีความคิดที่เป็นผู้ใหญ่กว่าวัย อาจ เพราะทํางานในวงการบันเทิงมาตั้งแต่เด็ก ทําให้วันนั้นเราโดดเด่นขึ้นมาในสายตาผม เรียกว่าตรงปกทุกอย่าง (ยิ้ม) ส่วนตัวผมชอบผู้หญิงที่อายุมากกว่า ถ้านับเป็นปี เราห่างกัน 2 ปี แต่ถ้านับเดือน เขาอายุมากกว่าผม 13 เดือน”

 เป๊ก-เศรณี

“จากนั้นเราแยกย้ายไปเรียน เพลงเรียนชั้นมัธยมปลายที่ไทย ส่วนผมไป เรียนต่อที่อังกฤษ แต่ผมก็ตามเขาตลอด ทําให้เห็นว่าเขาเป็นผู้หญิงที่มี ไลฟ์สไตล์ตายผม ไม่ว่าจะกีฬาหรือกิจกรรมกลางแจ้ง อย่างการเล่นเรือยอร์ต คุณพอ ชนม์สวัสดิ์ อัศวเหม) มีเรื่องอาเซียน มารีน่า ยอด คลับ พัทยา เหมือนกัน จึงมีหลายอย่าง เราคุยกันรู้เรื่อง แต่เป็นเหมือนเพื่อนที่นาน ๆ คุยกันที หลังจากจบมัธยมปลาย อังกฤษ ผมกลับมาเรียนต่อปริญญาตรีที่เมืองไทย ตอนนั้นเราทั้งคู่ต่างมีคนอยู่แล้ว เราจึงคุยกันในลักษณะของเพื่อน ตามสารทุกข์ สุกดิบ เป็นห่วงเป็นใย เวลาที่เราจะได้โทร.คุยกันคือช่วงวันเกิดของเพลง แต่ก็คุย กินไม่กี่ประโยค ไม่เคยนัดเจอกันหรือชวนกันไปกินข้าว แต่ผมก็ยังคงแอบปลื้ม เขาอยู่ แต่ก่อนหน้านั้นมีช่วงที่ผมกับเพลงโสดพร้อมกัน ผมพยายามจีบแต่ไม่ติด ผมมองว่าเพลงคงต้องการคนที่มีความเป็นผู้นําหรือวุฒิภาวะสูงกว่า ทําให้ผมหายไป”

ในมุมของเพลงเล่าว่า “เรียกว่าเราสองคนจะสวนกันไปมา นาน ๆ เขาก็โทร.มา หย่อนขนมจีบสักทีหนึ่ง (ยิ้ม) เพราะตอนนั้นเพลงมีคนคุยอยู่ เมื่อเพลงโสด เป๊กก็มีคนคุย แล้วมีช่วงที่ไม่คุยกันเลย 2-3 ปี กลับกันอย่างนี้ตลอด 6 ปีที่ผ่านมาจนเราโสดทั้งคู่ ถึงมาเปิดใจคุยกันจริงๆ”

เมื่อถึงจุดบรรจบ

“หลังจากนั้นช่วงต้นปี 2018 มีโมเมนต์ที่เราเจอกันอีกครั้งที่งานเปิดร้านทําผมใหม่ของ ดร.สมศักดิ์ ชลาชล ที่เดอะคริสตัล พาร์ค ตอนนั้นผมโตแล้ว ส่วน คุณเพลงผมไม่ทราบ แล้วคนที่ชวนเราไปงานนี้ก็คือป้าแทนอีกแล้ว (หัวเราะ) หยวน ไปแสดงความยินดีกับ ดร.สมศักดิ์ จากงานนั้นผมพิมพ์ข้อความไปหาเขาว่าดีใจ ที่ได้พบ ไม่ได้เจอกันนาน ดีใจ เห็นเพลงสบาย ประมาณ”

““เมื่อเขาตอบกลับมา ผมก็เดาได้ว่าเขาคงโสดเหมือนกัน จึงกล้าที่จะชวนไปทานข้าว ร้าน The Commons ซอยทองหล่อ ความที่เราเป็นเพื่อนกันมานาน จึงมีความหวังดีให้แก่กัน ทําให้ทุกอย่างในวันนั้นสมัด การพูดคุยกันในเรื่องต่าง ๆ เป็นไปอย่างเป็นธรรมชาติ ก็เป็น Good Impression ของทั้งคู่”

 “หลังจากนั้นผมนัดเพลงมาทานข้าวอีก 3 ครั้ง และชวนดูหนังด้วยกัน 2 รอบ ซึ่งก็ไม่ค่อยได้เท่าไร เพราะง่วงกันทั้งคู่ เรียกว่าเข้าไปหลับมากกว่า แต่ก็เป็นโมเมนต์ ๆ ที่เราสองคนนั่งซบไหล่กัน (ยิ้ม) หลังจากนั้น 1 เดือน ระหว่างที่ผมอ่านหนังสือ เพื่อเตรียมสอบไฟนอลวิชาสุดท้าย คุณเพลงก็มานั่งอ่านบทละครเวทีที่เขากําลัง จะแสดง ผมจึงบอกเขาว่าเวลานี้ถ้าไม่ขอเป็นแฟน เดี๋ยวอีกสองเดือนมาใหม่ ถ้าเพลงไม่ตอบรับเป็นแฟน อีก 8 เดือนที่มารอใหม่ ไม่วันใดก็วันหนึ่งเพลงก็ต้อง ตอบรับเป็นแฟนเป๊กอยู่แล้ว ทําไมเราไม่เริ่มเป็นแฟนกันตั้งแต่ตอนนี้”

“ถือเป็นโมเม้นต์การขอเป็นแฟนที่เรียบง่ายมาก บางอย่างไม่จําเป็นต้องหาให้ ยิ่งใหญ่เวอร์วัง ถ้าทุกอย่างอยู่บนความสบายใจของเราทั้งคู่ ซึ่งยังเป็นมาตลอดจนทุกวันนี้” เป๊กกล่าว

เรียนรู้และปรับจูน

“เพลงไม่เคยจี้ จิก ติดตาม เพลงให้ความเคารพชา ที่มีค่า เส้นไว้ว่า ในความสัมพันธ์ของเรา เราต่างเลือกซึ่งกันและกัน ไม่ได้แปลว่าเป๊กเลือกเพลง เพลงต้องอยู่ตรงนี้ หรือเพลงเลือกเบิก เป๊กต้องอยู่ตรงนี้ แต่คือการให้เกียรติ ซึ่งกันและกัน ถ้าวันหนึ่งเราทําอะไรที่ทําร้ายความรู้สึกกัน ที่มีสิทธิ์ที่จะถอยหลังและ เดินออกมาได้ เพลงพูดกับเป๊กเสมอว่าถ้าหาอะไรแล้วบั่นทอนความเป็นเราก็อย่าทํา เพลงไม่ใช่คนแบบเธออยู่ไหน ทําอะไร อยู่กับใคร ที่ไหน เพลงชอบชวนเป๊กมอง ผู้หญิงสวยหรือมองผู้ชายหล่อ เพราะเพลงรู้สึกว่ามองแล้วไง…. ก็แค่มองในสิ่งที่ สยาม เหมือนเราชื่นชอบดารานักแสดง แต่ถ้ามองแล้วเลยเกิดไปใด ๆ ก็อีกเรื่องหนึ่ง”

“เพลงคิดว่าตัวเองค่อนข้างมั่นคงในความรัก ไม่ได้รู้สึกว่าต้องกล่าอะไร ถ้าคุณ เลือกที่จะเขาไป เพลงก็เลือกที่จะไม่อยู่ เพลงก็มีทางเลือกของตัวเองเหมือนกัน คือไม่ได้อวดเก่งนะคะ แต่คิดว่าถ้าเราเคารพซึ่งกันและกัน คนก็ไม่ใช่เรื่องยาก ด้วยเขาเป็นหนุ่มในวัย 20 ปลาย ๆ ที่ต้องมีคนมาเฟลิร์ตกับเขาบ้าง แต่ถามว่าแล้วไง… ถ้าคุณมั่นคงอยู่กับเพลง แล้วเคารพกติกาว่าอะไรที่บั่นทอนค่าว่าเรา อย่าหา แค่นั้น จบแล้ว เพราะชีวิตเรามีอะไรที่จะต้องลุย ใช้สมอง ใช้พลังงานเยอะ คน ข้างๆ เราต้องไม่ทําให้ระแวง”

 เป๊ก-เศรณี

“เพลงพูดกับเป๊กเสมอว่าความรักเหมือนการปลูกต้นไม้ ไม่ว่าจะเหนื่อยกับหน้าที่การงานแค่ไหน ต้องอย่าลืมรดนํ้าต้นไม้ให้กับต้นรักของเรา ถ้าวันหนึ่งเรา หยุดรดนํ้าหรือให้ปุ๋ย ต้นไม้จะร่วงโรย ต่อให้เหนื่อยขนาดไหน อย่าลืมมาดูแลใจ ของกันและกัน ไม่ใช่ของให้ แต่มีการที่จะแสดงออกหลายวิธี บางคนอาจ ให้ของขวัญ บางคนอาจบอกรักหรือกอดกัน แต่อย่าลืมรดนํ้าต้นรักนั้นไม่ว่าจะ ด้วยภาษาอะไร สําหรับคู่ของเพลง นาน ๆ เราจะไปดินเนอร์ หรือไปต่างประเทศ นกที เราคอยเติมเต็มสิ่งเหล่านี้ด้วยกัน”

“ความรักของเพลงกับเป๊กไม่ใช่แค่รักแล้วหลงหรือหวือหวา แต่เป็นความ ผูกพันและความสบายใจที่เราอยากจะใช้ชีวิตอยู่กับคนคนนี้ เขาเป็นทุกอย่างของเรา เวลามองกลับมาเขาคือพลังบวกในชีวิตของเรา” เพลงกล่าว

คือคนที่ใช่

“เหตุการณ์ที่เน้นยํ้าว่าเป๊กคือคนที่ใช้ น่าจะหลังจากที่คุณพ่อของเพลงหลับไป เป็นช่วงเวลาที่เสียใจและต้องปรับตัวครั้งใหญ่ในชีวิต เหมือนวันหนึ่งคนที่คอยปกป้อง และเป็นเสาหลักหายไป แล้วสิ่งที่ตามมาคือภาระหน้าที่ทุกอย่างที่เปลี่ยนไป ในวันที เพลงรู้สึกว่าเมื่อปัญหารุมเร้า เป๊กยืนอยู่ตรงนั้นไม่หายไปไหน หรือในวันที่เพลง ไม่น่ารักที่สุด เอา ร้องไห้และซึมเศร้า ไหนจะงานที่ไม่เข้าใจ ภาระหน้าที่ที่เรา ไม่เคยรู้มาก่อนเลย ทําให้ทราบว่าคุณพ่อดูแลคนมากมาย ในวันที่เพลงมีปัญหาแม้แต่การรักตัวเอง ทําไมฉันไม่เก่ง ทําไมไม่เด็ดขาด แล้วเวลาเขากลับมาจากการทํางาน แต่เวลานั้น เพลงไม่มีแรงที่จะเตรียมอะไรไว้ให้เขา ในวันที่เชาวนอยู่กับปัญหา คุณเป๊กยืนอยู่ข้างๆ เพลงอย่างมั่นคงคอยซัพพอร์ตและให้กําลังใจ”

“มีสิ่งที่คุณแม่หันไปพูดกับเป๊กว่า “ แม่ขอบคุณเป๊กมาก ๆ ที่อยู่ตรงนี้ แต่ในวันนี้ สิ่งที่เพลงและ ครอบครัวเรากําลังเผชิญ เป๊กไม่จําเป็นต้องอยู่ตรงนี้ก็ได้นะลูก เพราะยังมีผู้หญิงอีกหลายคนที่เขาสามารถ เป็นความสุขให้กับเป๊ก เพราะสิ่งที่เพลงกําลังเจอหรือกําลังเครียด มันหม่นหมองไปหมด แม่รู้ว่าเพลง กําลังต่อสู้ แต่แม่รักเปิกมากพอที่จะพูดคําว่าเป๊กจะอยู่ตรงนี้จริงๆ หรือลูก จะสู้ไปด้วยกันจริงๆ หรือ วันนั้นเป๊กตอบคุณแม่ว่า “เพลงคือชีวิตของเป๊กเหมือนกัน แล้วเขายังพูดติดตลกว่า “เราสองคนอาจจะ ไม่ใช่สร้างคู่สม แต่เป็นคู่เวรคู่กรรมก็ได้มั่งครับแม่ เป๊กจะอยู่ตรงนี้ครับแม่ เป๊กให้คํามั่นสัญญากับ คุณพ่อแล้ว” คือวันที่คุณพ่อหลับแล้วหัวใจยังเต้นอยู่ เป๊กเดินเข้าไปจับมือคุณพ่อแล้วขอเพลงแต่งงาน กับคุณพ่อเลย แล้วเขาก็ยังคงรักษาคําพูดนั้น และสิ่งที่เพลงมั่นใจว่าเป็นเป๊ก เพราะคงไม่มีใครแทนที่เขาได้จริง ๆ ในช่วงเวลาที่เหนื่อยสําหรับเพลง ทุกครั้งที่มองไปที่เขาคือความอุ่นใจรองเราจริงๆ”

“เราไม่ค่อยงอนหรือทะเลาะกัน เราโตไปด้วยกัน 7 ปี แล้วเราคบกัน เป็นช่วงที่เรากําลังจะเรียนปริญญาโท หน้าที่ตอนนั้นคือเรียนอย่างเดียว กระทั่ง กลับมาเมืองไทย ทํางานแรกในชีวิต จนเป๊กไปเป็นทหาร หางาน ทุกอย่างคือการ ปรับตัวในช่วงชีวิตที่เราโตไปเรื่อย ๆ กระทั่งต้องแบกรับภาระของที่บ้าน แน่นอนว่า เราต้องจูนกันอยู่เรื่อย ๆ บางครั้งก็มีแบบว่าทําไมเวลาคุณเครียดแล้วไม่พูด เอาแต่ เล่นมือถือ มันทําให้เพลงรู้สึกว่าทําอะไรผิด เพลงไม่มีความสุขนะ เหมือนอยู่กับ อากาศ เพลงใช้คําว่าเพลงรู้สึกเหงาในความสัมพันธ์นี้ ทําไมวันนี้ไม่เหมือนแต่ก่อน แต่เมื่อมองย้อนกลับไป เพลง ได้ค่าตอบเองว่าจะให้เหมือนเดิมได้อย่างไร เพราะเรากําลังเติบโตไปพร้อม ๆ กัน แล้วจุดหมายปลายทางที่เราเดินไปเป็นที่ไหน โชคดี ที่เราคอยเช็กกันเป็นระยะว่า คุณโอเคไหม ฉันรู้สึกอย่างนี้นะ คุณปรับได้ไหม เป็นการคุยกัน บางครั้งมีนํ้าตา แต่ไม่ใช่นํ้าตาที่บั่นทอนให้อีกฝ่ายรู้สึกแย่ แต่เป็น การบอกว่าฉันไหวแค่นี้ คุณพร้อมที่จะปรับตัวไหม ถ้าพร้อม เดินต่อไป ถ้าไม่พร้อม แล้วรู้สึกว่าเป็นการเปลี่ยนแปลงตัวเองจากจุดมุ่งหมายชีวิต เราก็แยกกัน ง่าย ๆ อย่างนี้ทุกรอบที่เรามีการปรับตัว ซึ่งจะเกิดขึ้นทุกปี หรือทุกสองปีมีครั้งหนึ่ง”

Proposal Time

“โชคดีที่บ้านผมและบ้านเพลงเลี้ยงให้เราโตด้วยตัวเอง เขาไม่ได้มีจุดกรอบ ความคิดว่าลูกจะต้องเป็นอย่างไร จะต้องแต่งงานช่วงไหน คุณพ่อ อนุทิน ชาญวีรกูล) จะถามว่าผมอยากแต่งงานเมื่อไหร่ ไม่ได้ถามว่าทําไมไม่แต่งเสียที ทุกอย่างเป็น ความคิดของผม คุณเพลง เมื่อมาถึงจุดหนึ่งที่เรามองเรื่องวัย เพลงใกล้จะ 30 แล้ว เราอยากมีลูกด้วยกันทั้งคู่ เขาจะต้องอยู่ในวัยที่สามารถมีลูกแล้วเขาพร้อมผมเป็นห่วงเขา ผมมองว่าช่วงเวลาที่เหมาะแล้ว”

“ทริปที่ผ่านผมวางแผนขอแต่งงาน เป็นการเดินทางนานสุดของเรา ประมาณ 3 สัปดาห์ และผมจัดทริปขึ้นมาเพื่อให้เพลงโดยเฉพาะ เริ่มจากเราเดินทางไปกิน สองคนจากประเทศ แลนด์ เพราะเพลงอยากไปชมแสงเหนือ แล้วเราแพลนว่า จะบินไปอังกฤษต่อ เพราะคุณเพลงชอบดูละครบรอดเวย์ และความชอบอีกอย่างของเพลงคือดิสนีย์แลนด์จึงต้องไปปารีส”

“ผมได้คุยกับเพื่อนสนิทเพลงว่าผมไม่อยากให้คิดว่าต้องมีขั้นตอนขอแต่งงาน อย่างนั้นอย่างนี้ อยากเลือกสถานที่แล้วใช้โมเมนต์นั้นขอแต่งงาน เราจึงแอบวาง คร่าว ๆ ว่าจะขอแต่งงานที่อังกฤษ วันที่ 30 พฤศจิกายน ที่โรงแรมแห่งหนึ่ง อยู่นอกเมืองลอนดอนประมาณ 45 นาที เป็นที่ที่เราเคยมาพักผ่อนกันช่วงที่เรียนปริญญาโท เป็นโรงแรมที่อยู่ท่ามกลางธรรมชาติ มีสนามโปโล คุณเพลงจะชอบมา มาที่นี่มาก แล้วค่อนข้างจะไพรเวต ผมจึงมองว่าที่นี่น่าจะเหมาะสมที่สุด โชคดี ที่มีคุณแอล เพื่อนเพลงมาด้วย แล้วเขาวางแผนชวนเพลงมาก ภายในสวนของโรงแรม แล้วจัดพร็อปทุกอย่างให้เรา”

“สําหรับแหวนขอแต่งงานเป็นแหวนเพชรทรงคุณอัน ซึ่งเป็นทรงที่เพลงขอบ ผมอยากหาแบบที่เขาใส่ได้ในชีวิตประจําวัน แล้วจากอังกฤษเราต้องเดินทางไป ฝรั่งเศสต่ออีก จึงปรึกษากับร้านเพชรของเพื่อนสนิทกัน จบลงที่ 5 กะรัต”

ฟากว่าที่เจ้าสาวยอมรับว่าเซอร์ไพรส์จริงๆ “ถ้าเพลงทราบว่าจะถูกขอแต่งงานในวันนั้นคงไม่ใส่กางเกงสีนํ้าตาล เสื้อครีม แล้วเสื้อข้างในสีเทา ใส่รองเท้าผ้าใบ แล้วหัวฟู ๆ (หัวเราะ) เพราะตอนนั้นรู้สึกหงุดหงิด ที่ทุกคนบอกให้ลงมาปิกนิกกัน ซึ่งอากาศหนาว แล้วฝนก็ทําท่าจะตกด้วย ทําไมต้อง ถ่ายรูปหรือหาคอนเทนต์ตอนนั้น แล้วเพลงตั้งใจจะไปขี่ม้า แต่จองม้าไม่ได้ ทําให้ยิ่งหงุดหงิด แถมยังต้องแต่งหน้าเพื่อมาถ่ายรูปอีก ทําให้เพลงลงมาสาย 2 ชั่วโมง มัวแต่หาอารมณ์อยู่ แล้วตอนลงมาเห็นบรรยากาศทุ่งหญ้ากว้าง ยังพูดพูดแซวตอนที่ปิคนิคกันว่าเซตอัพขนาดนี้ แหวนต้องมาแล้วละ แล้วก็หัวเราะ คือไม่ได้คิดจริงๆ”

สําหรับงานดินเนอร์ที่ปารีส ท่าเอาหลายคนเข้าใจ ว่าเป็นงานแต่งงาน ต้องยกเครดิตให้กับพ่องาน

“งานดินเนอร์ The Ritz Paris ตอนแรกผมบอกเพลงว่าตั้งใจจัดเป็น ดินเนอร์เศษ เพื่อนสนิท แต่จริง ๆ แล้วเป็นงาน Proposal Celebration Dinner ผมอยากให้เพื่อนมาฉลองในวันที่เพลงเป็นว่าที่เจ้าสาว แต่เพลงเข้าใจว่าผมจะขอแต่งงาน เพราะเห็นรายชื่อเพื่อนที่บินมาร่วมดินเนอร์ ซึ่งผมแอบบอกทุกคน ว่าให้เตรียมชุดชุดธีมดำ ผู้ชายใส่ทักซีโด้ ผู้หญิงใส่เดรสีดำ แล้วเพลงจะเป็นคนเดียวที่ใส่เดรสสีขาว เพื่อให้เขาเหมือนเป็นเจ้าสาว”

เพลงเล่าต่อว่า “เป๊กเลือกที่ The Ritz Paris เพราะมีความทรงจําดี ๆ ตอนที่เราไปเรียนต่อปริญญาโทแล้วไปเที่ยวที่ฝรั่งเศสรอบแรก เราเคยไปเดิน ถ่ายรูปต้นคริสต์มาสที่ลานหน้าโรงแรมนี้ แล้วเขาบอกเพลงแต่ว่าสรุปเป็นที่ The Ritz Paris นะ แต่ไม่บอกเรื่องการแต่งตัว บอกว่าคุณใส่สีขาวแล้วกัน ซึ่งเพลงต้องชื้อชุดใหม่ก่อนดินเนอร์ 2 วัน เพราะไม่ได้เตรียมชุดมาเลย แล้วชุดเดรสสีดำที่เพื่อน ๆ ใส่มาจากเมื่อนานมากแล้ว เพลงเคยส่งข้อความให้เพื่อนขำๆ ส่ง ไล่มาจากเมื่อนานมากแล้วเพลงเคยส่งข้อความให้เพื่อนขำๆ ว่าทำไมงานแต่งงาน เพื่อนเจ้าสาวต้องใส่ชุดสีพาสเทล ใส่ดำเท่ดี เพื่อนก็จำได้ แล้วมาเชอร์ไพรส์เพลงด้วยการแต่งดำทุกคน”

ถึงตรงที่ว่าที่เจ้าสาวอย่างเพลงก็ได้เผยความลับว่า “ทีแรกเพลงตั้งใจจะขอเป๊กแต่งงาน เพราะเราคบกันมา 7 ปี คุณยายก็อายุมากแล้ว อยากให้ท่านได้อยู่ในวันแต่งงานของเรา ตอนนั้น คิดว่าทริปนี้ยังไงก็ต้องมีการขอแต่งงาน จะเพลงขอหรือเป๊กขอ เดี่ยวค่อยว่ากัน แล้วเพลงชวนเพื่อน ๆ มามาเป็นแบ็กอัพในงานดินเนอร์ที่ปารีสแล้ว เพราะถ้ารอบนี้เป๊กไม่ขอแต่งงาน เพลงจะขอเอง เพราะเพลงตกลงกับคุณยายแล้ว (ยิ้ม) เพลงเตรียมสูทแและกางเกงสีขาวเพื่อมาขอเป๊กแต่งงาน ไม่ได้กะจะคุกเข่า มองว่า ถ้าผู้หญิงให้แหวนอาจจะแปลกไปนิด จึงเตรียมดอกไม้ที่เป๊กขอเพลงเป็นแฟนเพื่อกลับไปขอเขา เพื่อให้ดอกไม้นี่แทนระยะเวลาของความรักของเรา อันนี้ไม่ได้บอก ใครเลย แต่โดนขอเสียก่อน (หัวเราะ) ”

สําหรับงานแต่งงานเราวางไว้ว่าจะจัดช่วงปลายปีนี้ น่าจะเป็นช่วงเวลาที่พอดี ไม่เร่งจนเกินไป อยากให้จัดงานออกมาให้ดีที่สุด”

New Chapter

“สําหรับ Chapter ใหม่ของชีวิตคู่ เพลงคงเป็นแพ็กเกจแถมเหมือนเดิมที่มี คุณแม่และคุณยายตามไปด้วย (ยิ้ม) เพลงมีโอกาสฝากไข่เมื่อสองปีที่แล้ว คือ รอให้พร้อมก่อน ทั้งเพลงและเป้ามองว่าอยากมีครอบครัวของเรา อยากมีลูกสองคน ช่วยกันเลี้ยง ส่วนที่เห็นว่าคุณแม่ลบภาพแปดคนมาให้หลังจากคุณเป๊กขอแต่งงาน เพราะก่อนหน้านี้คุณพ่อกับคุณแม่คุยกันข่า ๆ ว่าอยากเลี้ยงหลานแล้วไหนจะบ้าน คุณพ่อหนู คุณแม่ (สมองนุช ภิรมย์ภักดี) อยู่กันคนละบ้านกันหมด กว่าจะเวียนหลานกันครบ เขาจึงคุยกันว่ามีสัก 3-4 คนไหม จะได้กระจายกันเลี้ยงหลาน อย่างทั่วถึง แต่เพลงว่าไม่น่าไหวค่ะ (หัวเราะ) น่าจะไหวที่ 2 คน”

ขอปิดท้ายความรักสายหวานนี้ด้วยความในใจที่อยากจะบอกกันและกัน เริ่มจากว่าที่เจ้าบ่าว

“ความรักต้องมีทุกอย่าง ไม่ว่าจะการเติมรักให้กัน ความซื่อสัตย์ที่มีให้กัน และครอบครัวที่เราจะสร้างไปด้วยกัน เบิกอยากจะบอกเพลงให้มั่นใจได้ว่าทุกอย่างที่คู่รักหรือคู่ชีวิตควรจะมี ผมพร้อมที่จะให้เพลงทุกอย่างครับ”

“เพลงมีคำนิยามหนึ่งที่อธิบายถึงเราได้เป็นอย่างดี “What’s meant to be yours will always find its way. การที่เพลงกับเป๊กได้มาเจอกันแล้วสวนกันไปมา แต่ถ้าเขียนว่าเราเป็นคู่กันแล้ว คงไม่แคล้วกัน เดี๋ยวจะมีหนทางที่ทําให้เรากลับมา เจอกันอยู่ดี อันนี้คือสิ่งที่เพลงรู้สึกเสมอ จึงอยากบอกเป๊กว่า”

“ขอบคุณทุกอย่างที่ทําให้เรามาเจอกัน และขอบคุณเป็กเป็นเป๊ก แบบทีเพลงไม่อยากให้เปลี่ยนอะไรเลย”

เรื่อง กิดานันท์ ภาพ อิทธิศักดิ์ สไตล์ลิส ชัญญาภัค เขมหิรัญกิจ

แกร็บฟู้ด เปิดโผ “60 สุดยอดร้านอาหารแห่งปี” คว้ารางวัล #GrabThumbsUp Awards 2025

แกร็บฟู้ด เปิดโผ “60 สุดยอดร้านอาหารแห่งปี” คว้ารางวัล #GrabThumbsUp Awards 2025

Alternative Textaccount_circle
แกร็บฟู้ด เปิดโผ “60 สุดยอดร้านอาหารแห่งปี” คว้ารางวัล #GrabThumbsUp Awards 2025
แกร็บฟู้ด เปิดโผ “60 สุดยอดร้านอาหารแห่งปี” คว้ารางวัล #GrabThumbsUp Awards 2025

แกร็บฟู้ด ประเทศไทย ประกาศผล “60 สุดยอดร้านอาหารแห่งปี” ในงาน #GrabThumbsUp Awards 2025 ซึ่งในปีนี้จัดขึ้นภายใต้ธีม “The Power of Your Voice” สะท้อนพลังเสียงของผู้ใช้บริการที่ร่วมเทใจยกนิ้วการันตีคุณภาพและความอร่อยให้กับร้านอาหารจากทั่วประเทศ

โดยร้านอาหารที่ได้รับรางวัลในปีนี้ถือเป็นตัวแทนของคุณภาพและความอร่อยที่ครองใจผู้ใช้บริการแกร็บฟู้ดอย่างแท้จริง ซึ่งมีความโดดเด่นทั้งในด้านรสชาติ คุณภาพในการให้บริการ มาตรฐานในการบริหารจัดการ ไปจนถึงชื่อเสียงและความนิยมของร้านค้า ซึ่งแต่ละร้านต้องได้รับคะแนนความพึงพอใจจากผู้ใช้บริการจริงไม่ต่ำกว่า 4.6 (จากคะแนนเต็ม 5) และรีวิวเชิงบวกไม่น้อยกว่า 100 เสียง โดยปีนี้มี 60 ร้านจากทั่วประเทศที่คว้ารางวัล “สุดยอดร้านอาหารแห่งปี” ไปครองในหลายสาขา ซึ่งมีไฮไลต์สำคัญ ดังนี้

  • สุดยอดร้านดาวรุ่งมาแรงแห่งปี เป็นของร้าน Oh! Juice เจ้าของเมนูสมูตตี้สุดฮิตที่สร้างกระแส ไวรัลบนโลกออนไลน์ ตอบรับเทรนด์ไลฟ์สไตล์คนรักสุขภาพ ซึ่งสร้างยอดขายไปอย่างถล่มทลายจนเติบโตขึ้นกว่า 400% ภายในระยะเวลา 3 เดือน 
  • สุดยอดเมนูยอดนิยมแห่งปี ได้แก่ ทาร์ตไข่สูตรฮ่องกงสุดฮิตจากร้านYOLK  ซึ่งเป็นร้านน้องใหม่ย่านบรรทัดทองในเครือ Holiday Pastry ของสองหนุ่ม อิน สาริน และ ไท้ วสุวัส และ ดูไบช็อกโกแลต (ช็อกโกแลตสอดไส้คูนาฟ่าพิสตาชิโอ)  สุดไวรัลแห่งปีจากร้าน The Rolling Pinn 
  • สุดยอดแคมเปญการตลาดแห่งปี กับร้าน Guss Damn Good แบรนด์ไอศกรีมสุดครีเอทีฟที่สร้างสรรค์รสชาติใหม่ๆ และการคอลแลปที่น่าตื่นเต้นออกมาเซอร์ไพร์สผู้บริโภคตลอดทั้งปี 
  • สุดยอดร้านเรตติ้งสูงสุดของ GrabFood ตกเป็นของ 1:2 Coffee ร้านกาแฟคุณภาพคับแก้วจากเชียงราย ที่เสิร์ฟกาแฟรสละมุนในราคาที่เข้าถึงได้ การันตีด้วยคะแนนรีวิวถล่มทลาย
  • สุดยอดร้านขายดีแห่งปีบน GrabFood มอบให้กับร้าน Emily’s Chicken Noodles เจ้าของเมนูเส้นหมี่ไก่ฉีกซิกเนเจอร์ รสชาติที่ใครได้ลองแล้วเป็นต้องติดใจ 
  • สุดยอดร้านรัก(ษ์)โลกและสิ่งแวดล้อมแห่งปี เป็นของ Ohkaju ร้านอาหารที่ยึดมั่นในแนวคิดการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืน โดยคำนึงถึงสิ่งแวดล้อมตั้งแต่การพัฒนาและคัดสรรแหล่งวัตถุดิบถึงการดูแลชุมชน
  • สุดยอดผู้ประกอบการธุรกิจรุ่นใหม่ ได้แก่ วิน เมธวิน โอภาสเอี่ยมขจร ตัวแทนจาก SOURI ร้านขนมขวัญใจสายหวานที่ขึ้นชื่อเรื่องมาการองชิ้นโต โดดเด่นด้วยภาพจำสีพาสเทลน่ากิน เป็นอีกหนึ่งแบรนด์ที่เติบโตและขยายสาขาอย่างต่อเนื่องในปีที่ผ่านมา
  • รางวัลพิเศษที่มอบให้ สุดยอดนักชิมแห่งปีของ GrabFood ได้แก่ อาเล็ก-ธีรเดช เมธาวรายุทธ พระเอกหนุ่มสายฟู้ดดี้เจ้าของช่อง AlekT Official กิ๊ก อารยา จากเพจ วันนี้กินไรดีวะ กับเอกลักษณ์การพากย์ที่ทำให้หลายคนอยากพุ่งตัวตามไปชิม และ นัท อภิวิชญ์ เอกธาราวงศ์ ยูทูบเบอร์จากช่องสุดฮอต NutApiwich ที่เดินทางไปลิ้มลองร้านดังทั่วโลก

นอกจากนี้ อีกหนึ่งไฮไลต์สำคัญของงาน #GrabThumbsUp Awards 2025 คือการเปิดตัว 3 รางวัลพิเศษ เพื่อยกย่องผู้ประกอบการร้านอาหารที่ร่วมขับเคลื่อนวงการอาหารไทย และผลักดันซอฟต์พาวเวอร์ไทยสู่เวทีระดับสากล ผ่านเอกลักษณ์ด้านอาหารที่สร้างความประทับใจให้กับผู้คนทั่วโลก อันได้แก่

  • สุดยอดผู้นำซอฟต์พาวเวอร์แห่งปี มอบให้กับร้านButterbear ผู้สร้างกระแสโด่งดังไกลถึงต่างประเทศ ดึงดูดทัพนักท่องเที่ยวมาสัมผัสความน่ารักของ “น้องหมีเนย” จนสร้างปรากฏการณ์ห้างแตก
  • สุดยอดผู้ยกระดับวงการอาหารไทย มอบให้กับ อัจฉรา บุรารักษ์ หรือ คุณปลา iberry เจ้าของร้านอาหารในเครือ iberry Group ผู้อยู่เบื้องหลังความสำเร็จของร้านอาหารไทยยอดนิยมที่ครองใจทั้งคนไทยและนักท่องเที่ยวจากทั่วทุกมุมโลก
  • สุดยอดผู้นำเทรนด์อาหารไทยในระดับสากล มอบให้กับร้าน Khao-Sō-i (ข้าวโซอิ) ผู้เผยแพร่รสชาติอันเป็นเอกลักษณ์ของเมนู “ข้าวซอย” สู่เวทีโลก

ติดตามรายละเอียดเกี่ยวกับรางวัล #GrabThumbsUp Awards 2025 ได้ทางเว็บไซต์ https://www.grab.com/th/campaign/grabthumbsupawards2025/


แจม-รชตะ หิมพานนท์

ความท้าทายในก้าวย่างของชีวิตวัยเลข 3 แจม-รชตะ หิมพานนท์

Alternative Textaccount_circle
แจม-รชตะ หิมพานนท์
แจม-รชตะ หิมพานนท์

จากวันแรกที่เริ่มงานในวงการบันเทิงในฐานะนายแบบ สู่การเป็นพระเอกเต็มตัวกับซิตคอมเรื่องรักนะขอรับ ละครเวลากามเทพ กระทั่งถึงคุณชาย ซีรีส์ที่ทําให้เห็นพัฒนาการของ แจม-รชตะ หิมพานนท์ ที่กลายเป็นขวัญใจชาวล้อม สร้างปรากฏการณ์ห้างแตก ล่าสุดเขามาพร้อมละครเรื่องใหม่เรือนโชนแสง และความท้าทายในก้าวย่างของชีวิตในเลข 3

เล่าถึงเรือนโชนแสงหน่อย เป็นอย่างไรบ้าง

“ผมยังไม่เคยรับบทแนวนี้ ตัวละคร “สิน” ค่อนข้างมีความคิดซับซ้อน มีการ วางแผน จึงต้องทําการบ้านเยอะ เพื่อเข้าใจตัวละครให้ละเอียดตั้งแต่เริ่มต้น ว่าเขาต้องการอะไร คิดอะไร ทําไมจึงทําแบบนี้

“ในสายตาผู้ชมอาจมองว่าเขาทําไม่ดี แต่ในมุมของตัวละครเราต้องเข้าใจว่า เขาทําไปเพราะอะไร ต้องตีโจทย์ให้แตก เพื่อจะได้ดีไซน์ตัวละครออกมาให้ตรงกับ คาแร็คเตอร์ ซึ่งผมชอบขั้นตอนนี้นะครับ สนุกดี (ยิ้ม) แม้ส่วนตัวนิสัยผมไม่ได้คิด อะไรซับซ้อน เป็นคนง่าย ๆ สบาย ๆ บทนี้จึงค่อนข้างท้าทายครับ”

แจม-รชตะ หิมพานนท์

ปีนี้แอมตั้งเป้าหมายหรือวางแผนไว้อย่างไรบ้างคะ

“ผมอยากเล่นละครให้เต็มที่กว่าเดิม ปีที่ผ่านมาผมมีโอกาสได้ท่าอะไร หลายอย่าง ทั้งร้องเพลง ทัวร์คอนเสิร์ต ปีนี้จึงอยากชาลเลนจ์ตัวเองเพิ่มขึ้นเกี่ยวกับ ฝีมือและทักษะการแสดง อยากลองเล่นบทบาทใหม่ ๆ ที่ฉีกออกไปจากความเป็น ตัวเอง อย่างตัวละครที่มีความร้าย แต่มีมิติ มีความซับซ้อน อย่างเรื่อง เรือนโขนแสง ที่ทําให้ผมสนุกกับการแสดงมากขึ้นด้วยครับ

“ถ้ามีโอกาสอยากลองเล่นซีรีส์แนวพีเรียด แบบย้อนไปสมัยอยุธยาเลย เพราะผมชอบอ่านชอบศึกษาเรื่องราวประวัติศาสตร์มาตั้งแต่เด็กๆ”

เพิ่งผ่านวันเกิดไปหมาดๆ พออายุขึ้นเลข 3 มีอะไรเปลี่ยนแปลงบ้างคะ

“รู้สึกว่าไม่เปลี่ยนเท่าไรนะ อายุเพิ่มขึ้น แต่เรายังอยู่ในสังคมเดิม เพื่อน กลุ่มเดิมที่เติบโตมาด้วยกัน ที่เปลี่ยนอาจเป็นการทํางานในวงการบันเทิง ได้เจอน้อง นักแสดงรุ่นใหม่ ทําให้เราต้องปรับตัวอยู่กับเขาให้ได้

“แต่ถ้าถามว่าต่างจากวัยเลข 2 ไหม ก็ไม่ขนาดนั้นครับ อาจเป็นวิธีคิด เกี่ยวกับการวางแผนชีวิตและอนาคตของตัวเอง (ยิ้ม) คิดเยอะขึ้น รอบคอบขึ้น สมมติอยากได้ของสักชิ้น เมื่อก่อนคงซื้อเลย ถ้าไม่ได้ใช้ค่อยขาย “แต่ตอนนี้มีเรื่องค่าใช้จ่ายที่ต้องคิดวางแผนการใช้เงินระยะ 2-3 ปี โดยเฉพาะ ค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับครอบครัว ต้องมีเงินสํารองเตรียมพร้อมไว้ ประมาณนี้ครับ “อีกอย่างคือยิ่งทํางานเยอะ รู้จักคนเพิ่มขึ้น ทําให้ผมเรียนรู้วิธีการเข้าหา คน จากเมื่อก่อนเวลาจะทําความรู้จักใครใหม่ ผมค่อนข้างเงียบ ไม่ค่อยเปิดใจ แต่ตอนหลังกําแพงค่อย ๆ หายไป ผมเข้าสังคมได้ดีขึ้น กล้าพูดมากขึ้น ต่างจาก เมื่อก่อนครับ

“แล้วเมื่อก่อนยังไม่ค่อยมีการพูดเรื่องอินโทรเวิร์ต คนที่ไม่รู้จักอาจมองว่า ผมหยิ่ง เพราะถ้าใครไม่คุยกับผมก่อน ผมก็ไม่คุยด้วย แต่เดี๋ยวนี้ผมใช้วิธีสังเกต ว่าคนรอบข้างเขาคุยอะไรกัน พอมีจังหวะก็จะลองเดินเข้าไปแกล้งๆ ถามว่าคุยอะไรกัน (หัวเราะ) แม้จะไม่ถึงขนาดคุยเก่ง แต่ก็เรียกได้ว่าเข้ากับคนอื่นได้ดีขึ้นครับ”

แจม-รชตะ หิมพานนท์

แล้วมุมความชอบหรืองานอดิเรกเปลี่ยนไปไหม

“ผมยังชอบต่อกันดั้มและเล่นกีตาร์อยู่บ้านเหมือนเดิม (ยิ้ม) ถ้าว่างก็ไปเที่ยว ต่างจังหวัดบ้าง อาจเพราะสมัยเด็กไม่ค่อยมีโอกาสทําเรื่องพวกนี้ พอตอนนี้มีรายได้ แล้วจึงอยากลองทุกอย่างที่เคยอยากทํา แต่ก็ต้องยอมรับความจริงว่าเมื่อก่อนมีเวลา แต่ไม่มีเงิน ตอนนี้มีเงิน แต่ไม่ค่อยมีเวลา ก็พยายามบาลานซ์ให้ดีที่สุดครับ” คิดว่าตอนนี้ลงตัวหรือยังคะ

“เรื่องเวลายังไม่ค่อยลงตัวครับ อย่างการพักผ่อน บางครั้งจะนอนแล้ว ในหัว ยังคิดเรื่องนั้นเรื่องนี้ เช่น พรุ่งนี้ต้องทําอะไร พยายามบาลานซ์ให้ดีขึ้น โฟกัส สิ่งที่ต้องทําตรงหน้าก่อน ไม่ต้องคิดล่วงหน้าเยอะ ตอนนี้ผมเริ่มรู้ว่าตัวเองมีลิมิต ประมาณไหน เมื่อก่อนชอบดันทุรัง แต่เดี๋ยวนี้ถ้าไม่ไหวก็ยอมรับว่าไม่ไหว”

เรียกว่าชัดเจนกับตัวเองขึ้นไหมคะ

“ถ้าถามว่ารู้จักตัวเองหมดทุกอย่างไหม….คิดว่ายังครับ ยังมีอีกหลายอย่าง ที่อยากทํา แต่ยังไม่ได้ลอง ยังต้องหาอะไรที่ผมชอบทําไปอีกเรื่อย ๆ “เมื่อก่อนผมชอบทํางานเยอะๆ คิดว่าดี แต่เดี๋ยวนี้อยากเน้นที่คุณภาพ มากกว่าปริมาณ ยิ่งงานละคร ผมมองการแสดงเหมือนงานศิลปะอย่างหนึ่ง และ ผมเรียนรู้แล้วว่าการถ่ายละครพร้อมกันหลายเรื่องร่างกายจะไม่ไหว เพราะแต่ละ ตัวละครที่เราต้องสวมบทบาทมีความแตกต่างกัน เราไม่สามารถรู้เลยว่าจะป่วย ตอนไหน สมมติถ้าต้องเข้าโรงพยาบาล ละครทุกเรื่องจะถูกเบรก แต่ถ้าโฟกัส ไปเลยเรื่องเดียว เราจะมีเวลาพักผ่อน มีเวลาโฟกัสกับตัวละครนั้นอย่างเต็มที่”

แจม-รชตะ หิมพานนท์

จากวันแรกที่ทํางานจนถึงวันนี้ ช่วงไหนที่รู้สึกว่าประสบความสําเร็จแล้ว

“ย้อนกลับไปกว่า 10 ปี ผมเริ่มจากการเป็นนายแบบ จากนั้นขยับมาเป็น นักแสดง สําหรับผมความสําเร็จเกิดขึ้นในทุกช่วงชีวิต เป็นการก้าวไปทีละขั้น ผมไม่ได้วางความสําเร็จเป็นธงใหญ่

“เหมือนตอนที่ผมประกวดนายแบบแล้วได้รับตําแหน่ง (Mister Grand International Thailand 2017 และรองชนะเลิศอันดับ 1 Mister Grand International 2017 ที่ฟิลิปปินส์) ก็รู้สึกว่าตัวเองสําเร็จแล้วนะ แต่พอมาเป็น นักแสดงที่เริ่มจากตัวประกอบ แล้วค่อย ๆ ขยับไปเป็นตัวหลัก ผมก็มองว่า สําเร็จไปอีกขั้น พอตอนนี้ได้เป็นนักแสดงหลักของช่อง มีผู้ชมชื่นชอบ ก็รู้สึก ประสบความสําเร็จในส่วนนี้เช่นกัน” (ยิ้ม)

มีเป้าหมายใหญ่ที่อยากพิชิตให้ได้ไหมคะ

“อยากรวยครับ (หัวเราะ) คนทํางานก็ต้องคิดแบบนี้เนอะ อยากสบายตั้งแต่ ยังมีแรงทําอะไร ไม่ได้อยากสบายตอนแก่ ที่สําคัญผมอยากให้คนรอบข้างได้ใช้ชีวิต สบาย ๆ ไร้กังวล อย่างคุณย่าที่เลี้ยงผมมาตั้งแต่เด็ก ตอนนี้ถ้าเขาอยากได้อะไร แล้วผมสามารถซื้อได้ ผมให้ทุกอย่าง “ผมตั้งเป้าไว้ว่าต้องดูแลตัวเองให้ได้ก่อน จึงจะดูแลคนอื่น เพราะถ้าวันหนึ่ง เราเป็นอะไรไป คนอื่นจะทํายังไง เมื่อผมเริ่มทุกอย่างจากศูนย์ มาถึงตอนนี้ก็น่าจะมาได้ไกล 70 – 75 เปอร์เซ็นต์แล้วครับ”

แจมมองว่าเส้นทางการทํางานของตัวเองเป็นอย่างไร

“ผมว่าสนุกดีนะ เป็นประสบการณ์ที่ดีมากครับ (ยิ้ม) เพราะถ้าจู่ ๆ กระโดด มาเป็นพระเอกเลย ก็คงไม่ได้เป็นผมเหมือนทุกวันนี้ ผมได้เรียนรู้หลายอย่าง ซึ่ง หล่อหลอมผมจากจุดเริ่มต้น แล้วค่อย ๆ ไต่ขึ้นมาทีละระดับจนถึงวันนี้ แม้จะไม่ใช่ จุดสูงสุด แต่คุณภาพชีวิตก็ดีขึ้นจากเมื่อก่อนมากๆ

“แต่มุมส่วนตัว นิสัยก็ยังเหมือนเดิมครับ อย่างเวลาทํางานเจอเพื่อนที่เป็น นักแสดงสมทบที่รู้จักกันตั้งแต่เข้าวงการ เราก็ยังคุยเล่นกันปกติ ผมไม่ได้ถือหัวโขน ว่าเป็นพระเอก แต่ผมเป็นนักแสดงคนหนึ่ง เป็นคนทํางานเหมือนกับทุกคนครับ”

แจม-รชตะ หิมพานนท์

ช่วงไหนของการทํางานที่รู้สึกว่าหนักที่สุดคะ

“ชีวิตเหมือนกราฟที่มีขึ้นมีลง ช่วงหนักที่สุดน่าจะช่วงก่อนละครเรื่อง คุณชาย ออนแอร์ครับ เพราะตอนนั้นผมสอบบรรจุข้าราชการครูได้ ต้องตัดสินใจว่าจะเลือก อะไร ระหว่างกลับไปรับราชการที่ต่างจังหวัดกับอยู่สู้ต่อในกรุงเทพฯ ตอนนั้นผม ต้องเผชิญกับค่าใช้จ่ายเยอะ จึงค่อนข้างหนักครับ

“ใช้เวลาตัดสินใจไม่นาน แค่รู้สึกหนักใจมากกว่าในช่วงแรก ตอนนั้นคิดว่า เราเลือกที่จะเดินทางนี้แล้ว ต้องไปให้สุด และอายุเรายังไม่เยอะ ยังไปต่อได้ จึง ตัดสินใจลุยให้เต็มที่ ซึ่งพอละครออนแอร์ ชีวิตเปลี่ยนเลยครับ ซึ่งถ้าบอกตัวเอง ตอนนั้นได้ คงจะบอกว่าดีแล้ว คิดถูกแล้วที่เลือกทางนี้” (ยิ้ม)

แล้วกราฟชีวิตช่วงทีรู้สึกว่าพีคที่สุดคือตอนไหน

“ตอนซีรีส์ คุณชายออนแอร์ครับ ประมาณ 2 ปีที่แล้ว ตอนนั้นมีงานแฟนมีต งานอีเวนต์ คอนเสิร์ต ทัวร์ต่างประเทศ แทบไม่ได้พักเลย ก่อนหน้านั้นผมเคยพูด กับพี่ฟิล์ม (ธนภัทร กาวิละ) ว่าอยากมีงานติดกัน 30 วัน พี่ฟิล์มก็บอกว่า “เดี่ยว จะรู้สึก” จ่าได้ว่าผมตอบไปว่า “อยากรู้สึกมากเลย” (หัวเราะ)

แล้วพอวันนั้นมาถึงจริง ๆ ร่างกายแทบจะไม่ไหวเลยครับ เหนื่อยมาก ได้นอน วันละ 2-3 ชั่วโมงแล้วตื่นมาทํางานต่อ ช่วงแรกที่งานเข้ามาเยอะผมต้องปรับจูน หลายอย่าง เพราะเป็นสิ่งที่ไม่เคยเจอ อย่างงานพรีเซ็นเตอร์ แฟนมีตติ้ง จึงมีทั้งความตื่นเต้นและกดดัน

แต่ผ่านไปประมาณ 1 เดือนก็เริ่มปรับตัวได้ครับ เริ่มบาลานซ์พลังงานใน ร่างกายได้ดีขึ้น สมมติถ้าวันหนึ่งมี 3 งานควรจะจัดการยังไง เพราะผมเต็มที่ทุกงาน ใช้พลังงานเยอะ ก็ต้องนอนเยอะ ๆ พอขึ้นรถปุ๊บจึงหลับเติมพลัง” (หัวเราะ)

รู้สึกอย่างไรกับปรากฏการณ์ห้างแตก

“สนุกและแฮปปี้มากครับ ผมอยากเห็นภาพแบบนี้มานานแล้ว (ยิ้ม) วันที่ ผมเจอปรากฏการณ์ห้างแตก เพิ่งเข้าใจว่ามันเป็นแบบนี้นี่เอง เหมือนก่อนหน้านี้ เวลาเราไปยืนดูพี่ๆ นักแสดง ซึ่งพอเจอกับตัวเอง บอกเลยว่ามีความสุขมากที่ได้ สัมผัสความรู้สึกนี้

แล้วช่วงไหนของชีวิตทีรู้สึกกดดันที่สุดคะ

“ช่วงถ่ายละครครับ เพราะเราได้รับโอกาสมาแล้ว ก็อยากทําให้ออกมาดีที่สุด ไม่รู้ว่าคนดูจะชอบไหม ฟีดแบ็กจะเป็นอย่างไร กดดันมาก พอปิดกล้อง ละคร ออนแอร์ กระแสออกมาว่าคนดูชอบ ความกังวลก็คลายไปได้ครับ “เมื่อก่อนผมจะเข้าไปดูฟีดแบ็กตลอดว่าคนสนใจเยอะไหม คอมเมนต์ดีหรือไม่ดี แต่ตอนนี้พยายามปล่อยวาง กดดันตัวเองให้น้อยลง เพราะเราเต็มที่ที่สุด แล้วผลจะออกมาเป็นยังไง ให้ผู้ชมตัดสินครับ

ช่วงที่สนุกที่สุด

“น่าจะช่วงเรียนปริญญาตรีปี 4 ปี 5 ผมได้เป็นครูฝึกสอน 1 ปี และสอบติด ข้าราชการตามที่ตั้งใจด้วย ช่วงนั้นผมมีความสุขและสนุกมาก ๆ เวลาอยู่โรงเรียน ได้เจอเด็กนักเรียน ไปมหาวิทยาลัยได้เจอเพื่อน ตอนนั้นคือไม่อยากเรียนจบเลย อยากเจอเพื่อน” (หัวเราะ)

แล้วความสุขของแจมในวันนี้คืออะไรคะ

“แค่ได้อยู่บ้านเล่นกับนกก็มีความสุขแล้วครับ ผมเลี้ยงนกสีเหลืองตัวหนึ่ง ชื่อกันดั้ม เขาชอบบินมาเกาะตัว มาเล่นกับผม ร้องเพลง หรือบางครั้งแต่ผมนั่ง มองเขาเฉย ๆ ก็ยิ้มได้ละ” (ยิ้ม)

แอมมีมุมหวานๆ หรือโรแมนติกบ้างไหมคะ

(หยุดคิด) “ผมไม่ใช่คนหวานน่ะ หวานสุดของผมก็น่าจะตอนเล่นกับกันดั้ม (นก) มั่งครับ แบบเล่นกันมุ้งมิ้ง ๆ” (หัวเราะ)

สมมติว่ากําลังมีความรัก แจมจะเป็นอย่างไรคะ

“ถ้ามีความรัก เวลาขับรถไปด้วยกันผมจะมองหน้าเขา หรือถ้าแดดส่องตาก็จะดิ่งที่บังแดดให้ คงเป็นอะไรเล็ก ๆ น้อย ๆ แบบนี้ครับ (ยิ้มเขิน)

“คงไม่มีเซอร์ไพรส์ด้วยดอกไม้ช่อยักษ์ๆ ผมจะให้แค่ดอกเดียว แต่เป็น ดอกไม้ที่ผมตั้งใจปลูกมาทั้งปีเพื่อให้เขา (ยิ้ม) ถ้าความโรแมนติกเต็ม 10 ผมน่าจะ อยู่ที่ระดับ 4 ได้แค่นี้แหละครับ

“อาจจะไม่หวาน แต่ใส่ใจนะ” (ยิ้ม)

เรื่อง Minim

ภาพ กฤตธี

สไตล์ลิสต์ UNSEENUP

Robbie Williams

Better Man ภาพยนตร์ชีวประวัติ Robbie Williams

Alternative Textaccount_circle
Robbie Williams
Robbie Williams

ฉายแสง แอด.เวนเจอร์ พาผู้ชมติดตามเรื่องราวชีวิตของ ร็อบบี้ วิลเลียมส์ ศิลปินระดับตำนานแห่งวง Take That ใน Better Man ภาพยนตร์ชีวประวัติที่ถ่ายทอดการเดินทางจากการเป็นสมาชิกวงสู่การเป็นศิลปินเดี่ยวระดับโลกที่ประสบความสำเร็จ ผ่านการนำเสนอในรูปแบบของชิมแปนซี กำกับโดย ไมเคิล เกรซีย์ (The Greatest Showman)

จากแรงบันดาลใจของ Robbie Williams สู่ตัวละครลิง

ไมเคิล เกรซีย์ (Michael Gracey) ผู้กำกับจาก The Greatest Showman เผยว่าแนวคิดในการเปลี่ยนวิลเลียมส์ให้เป็นลิง เกิดขึ้นจากบทสนทนากับนักร้องดัง ซึ่งเคยกล่าวว่า “ผมรู้สึกเหมือนเป็นลิงที่ถูกฝึกให้แสดงเพื่อความบันเทิงของคนอื่น” นำมาสู่การเล่าเรื่องในมุมมองใหม่ที่แตกต่างไปจากภาพยนตร์ชีวประวัติทั่วไป

สิ่งที่ทำให้ “Better Man” โดดเด่น คือการนำเสนอร็อบบี้ วิลเลียมส์ในรูปแบบของ ชิมแปนซี ที่สร้างด้วยคอมพิวเตอร์กราฟิก (CGI) โดยมี จอนโน เดวีส์ เป็นผู้แสดงผ่านเทคนิค โมชั่นแคปเจอร์ (motion capture) พร้อมด้วยการพากย์เสียงโดยวิลเลียมส์เองและเดวีส์

จอนโน เดวีส์ นักแสดงหนุ่มชาวอังกฤษ เป็นที่รู้จักจากผลงานละครเวทีและซีรีส์ต่างๆ อาทิ HuntersA Clockwork Orange เขาต้องฝึกฝนเสียงพูด การเคลื่อนไหว และท่าทางของร็อบบี้ วิลเลียมส์ โดยมีทีมวิชวลเอฟเฟกต์ Weta FX (ผู้สร้าง Gollum จาก The Lord of the Rings) ช่วยสร้างตัวละครลิงชิมแปนซีที่ดูสมจริง

ภาพยนตร์ “Better Man” มีกำหนดเข้าฉายในโรงภาพยนตร์ 24 เมษายนนี้ ห้ามพลาด!

เจาะดีเทลผลงานส่งท้ายหัวเรือจิเวลรี่ LV “Francesca Amfitheatrof”

Alternative Textaccount_circle

เก้าอี้ดนตรีหมุนเวียนอีกครั้ง เมื่อ Francesca Amfitheatrof ครีเอทีฟไดเรกเตอร์จิเวลรี่ Louis Vuitton ประกาศลาออก หลังจากดำรงตำแหน่งมา 7 ปี โดยเธอได้กล่าวว่า “ฉันรู้สึกยินดีที่ได้รับโอกาสสร้างสรรค์จิเวลรี่และเครื่องประดับชั้นสูงจากหลุยส์ วิตตอง หลังจาก 7 ปี ที่แสนมหัศจรรย์และเต็มเปี่ยมไปด้วยแรงกล้า ฉันภูมิใจมากที่ได้อยู่เบื้องหลังคอลเล็คชั่นอันเป็นตำนานเหล่านี้ สุดท้ายการเดินทางครั้งใหม่ของฉันจะเป็นอย่างไร จะประกาศให้ทราบเร็วๆ นี้”  ซึ่งคอลเล็คชั่นสุดท้ายภายใต้การครีเอทของเธอมีชื่อว่า Awakened Hands, Awakened Minds ที่เราจะพาไปเจาะลึกเพื่อส่งท้ายตำแหน่งหัวเรือจิเวลรี่ไปด้วยกัน

What is the awakened hands, awakened minds?

            คอลเล็คชั่นนี้เชื่อมโยงกับเอกลักษณ์งานฝีมือที่หรูหรา เปี่ยมไปด้วยนวัตกรรมแห่งศตวรรษที่ 19 ผ่านการรังสรรค์ผลงานไฮจิวเวลรี่ โดยแบ่งเป็น 2 ไลน์ คือ Awakened Hands และ Awakened Minds ซึ่งเราจะยกผลงานบางชิ้นมาให้ยลโฉมกัน

Awakened Hands

Séduction จิเวลรี่ที่เต็มไปด้วยความสลับซับซ้อนที่สะท้อนความเชี่ยวชาญด้านการรังสรรค์ หากสังเกตเราจะเห็นลายถักทอที่แผ่ขยายออกไปทั่วทั้งชิ้นงานผ่านดีไซน์ในรูปตัว V อีกทั้งยังเก็บขอบในแบบเกลียวเชือก และลวดลาย Monogram Kite ชวนให้นึกถึงเอกลักษณ์อันเป็นตำนานของ และจุดเด่นของเส้นนี้อยู่ที่มรกตแซมเบีย 12.92 กะรัต กว่าจะได้ผลงานสุดอลังการขนาดนี้ต้องใช้เวลาทั้งสิ้น 4,200 ชั่วโมง ในการรังสรรค์

          อีกชิ้นที่น่าสนใจมงกุฎชิ้นแรกของเมซงที่มีชื่อว่า Élégance สื่อถึงศิลปะแห่งความพริ้วไหวผ่านเพชรน้ำงามสีขาวบริสุทธิ์ที่เมซงได้คลี่คลายตัวอักษร V เป็นลวดลายกราฟิกที่สอดประสานกันอย่างงดงาม พร้อมทั้งยังมีเพชรเจียระไน LV Monogram Star บริเวณหน้ามงกุฎ

Awakened Minds

หนึ่งในคอคเล็คชั่นที่น่าสนใจ ยกให้ Victoire สร้อยคอที่ถ่ายทอดดีไซน์หรูหราและสลับซับซ้อนของหอไอเฟลด้วยมุมมองแบบกลับหัว มาในรูปแบบของสร้อยคอรูปตัววีที่รังสรรค์ขึ้นจากภาพแลนด์มาร์กของฝรั่งเศส โดยความโดดเด่นนอกจากดีไซน์สร้อยเส้นนี้มีอัญมณีขนาด 15.16 กะรัตในระดับ D IF ซึ่งเจียระไนมาในรูปทรง Monogram Flower ที่เป็นหนึ่งในการรังสรรค์ผลงานครั้งยิ่งใหญ่ที่สุดในคอลเล็คชั่นไฮจิวเวลรี่ของเมซง

เห็นความสวยงามของคอลเล็คชั่นสุดท้ายที่เธอเป็นผู้อยู่เบื้องหลังแล้วก็ใจหายเบาๆ แต่เชื่อว่าทุกการเริ่มต้นใหม่จะดีเสมอ มารอติดตามเส้นทางของ Francesca Amfitheatrof และภาพลักษณ์เครื่องประดับ Louis Vuitton ไปพร้อมกัน


รูปภาพและข้อมูล: Louis Vuitton

อีจุนฮยอก

อีจุนฮยอก หรือ คุณเลขายู เตรียมบินลัดฟ้ามาดูแลแฟนชาวไทย

Alternative Textaccount_circle
อีจุนฮยอก
อีจุนฮยอก

ทำเอาเหล่า CEO คังประเทศไทยกรี๊ดสุดๆ “คุณเลขายู” บินลัดฟ้ามาดูแลแฟนๆด้วยตัวเอง! ปักหมุดมาจัดแฟนมีตติ้งที่ไทยเป็นครั้งแรก “อีจุนฮยอก” (Lee Jun Hyuk) พระเอกเกาหลีที่กำลังมาแรง เจ้าของบทบาท “คุณเลขายูอึนโฮ” พ่อหนุ่มไมโครเวฟ อบอุ่น หล่อกระชากใจจากซีรีส์สุดฮอต “Love Scout“ กับ 2025 LEE JUN HYUK FAN MEETING IN BANGKOK [LET ME IN] ในวันอาทิตย์ที่ 4 พฤษภาคม 2568 เวลา 17:00 น. ณ PHENIX GRAND BALLROOM ชั้น 5 จัดโดยผู้จัดคุณภาพ Line up Entertainment Co.,Ltd.

หนุ่ม Lee Jun Hyuk เพิ่งมีผลงานสุดปังในซีรีส์โรแมนติกคอมเมดี้ “Love Scout” กับบทบาทเลขาหนุ่มหล่อเพอร์เฟกต์ “ยูอึนโฮ” ก็โปรยเสน่ห์จนแฟนๆซีรีส์เคลิ้มโดนตกแบบหาทางออกไม่ได้ โดยซีรีส์เรื่องนี้กระแสดีลาจอด้วยเรตติ้งสูงสุดที่ 12.0% ทำให้นักแสดงหนุ่มได้รับความรักและความนิยมอย่างล้นหลาม

งานนี้พ่อหนุ่มไมโครเวฟ คุณเลขายูเตรียมบินมาดูแล พร้อมเสิร์ฟหน้าหล่อๆใสๆแบบใกล้ๆ ละลายหัวใจทุกคน รวมทั้งเตรียมโชว์พิเศษและเซอร์ไพรส์อีกเพียบ!! แฟนๆชาวไทยห้ามพลาด เคลียร์คิวให้พร้อม มาต้อนรับหนุ่มคนนี้ให้ประทับใจแบบไม่รู้ลืม และมาร่วมสร้างโมเมนต์สุดพิเศษไปพร้อมกัน

เปิดจำหน่ายบัตรวันที่ 29 มีนาคม 2568 เวลา 10:00 น. ทาง www.theconcert.com บัตรราคา 6,500 / 4,900 / 4,500 / 2,900 พร้อมสิทธิพิเศษมากมาย โดยทุกที่นั่งจะได้รับ Official Poster, Exclusive Photocard, และได้ Hi-Bye Session

ขึ้นแท่นลูกรัก! สำรวจกระเป๋า 5 แอมบาสเดอร์แบรนด์หรู

Alternative Textaccount_circle

เรียกว่าช่วงนี้วงการแฟชั่นไทยกำลังคึกคัก เพราะมีคนดังมากมายได้รับเลือกให้เป็นแอมบาสเดอร์แบรนด์หรู ไม่ว่าจะเป็นเบคกี้ รีเบคก้า, ฟรีน สโรชา, วิน เมธวิน, ตู ต้นตะวัน และไบรท์ วชิรวิชญ์ ซึ่งทำให้ไอเท็มที่เขาหยิบมาสวมใส่น่าจับตามองเป็นพิเศษ แพรวจึงขอพาไปเจาะไอเท็มที่ต้องใช้ซ้ำบ่อยที่สุดอย่าง “กระเป๋า” ว่าทั้ง 5 คนจะเลือกใบไหนเป็น Everyday Bag

เบคกี้ รีเบคก้า – CHANEL 25

หลังจากประกาศอย่างเป็นทางการจาก CHANELว่า “เบคกี้-รีเบคก้า แพทรีเซีย อาร์มสตรอง” ได้รับตำแหน่งแอมบาสเดอร์คนถัดไป แฟชั่นไอเท็มที่เธอเลือกหยิบมาสวมจาก Chanel ก็ดูน่าจับตามองไปหมด อย่างล่าสุดที่เธอมาพร้อมกระเป๋าใบใหม่ “CHANEL 25” จากคอลเล็คชั่น Spring/Summer 2025 หนังลูกวัวลายเกรนสีดำ ในลุคชีวิตประจำวันที่สะท้อนความเรียบง่ายและหรูหรา สอดคล้องกับโจทย์จากชาเนลที่รังสรรค์ให้กระเป๋าใบนี้เหมาะกับไลฟ์สไตล์คคนเมืองที่ต้องการความคล่องตัว สำหรับราคาอยู่ที่ 254,000 บาท

ฟรีน สโรชา – VALENTINO GARAVANI 9TO5 SHOULDER BAG IN JACQUARD RAFFIA WITH CHERRYFIC MOTIF

            ขอยกความน่ารักมาไว้ที่กระเป๋าลายเชอร์รี่ของแบรนด์แอมบาสเดอร์ประจำ VALENTINO อย่าง “ฟรีน – สโรชา จันทร์กิมฮะ” ที่ไม่ว่าจะร่วมชมแฟชั่นโชว์ หรือวันสบายๆ เดินชมเมือง เธอก็พก VALENTINO GARAVANI 9TO5 SHOULDER BAG IN JACQUARD RAFFIA WITH CHERRYFIC MOTIF ไปด้วยตลอด โดยกระเป๋าสะพายไหล่ใบนี้รังสรรค์ขึ้นจากผ้าราเฟียแจ็คการ์ดสังเคราะห์ มาพร้อมลาย Cherryfic แต่งขอบหนังและตัวล็อคแบบ VLogo ราคาอยู่ที่ 144,000 บาท

วิน เมธวิน – Prada Nappa Leather Shoulder Bag

            สลับมาที่ฝั่งผู้ชายกันบ้างกับ “วิน – เมธวิน โอภาสเอี่ยมขจร” ถือ Prada Nappa Leather Shoulder Bag อยู่เป็นประจำ โดยกระเป๋ากะทัดรัดใบเก๋นี้ได้แรงบันดาลใจจากรูปทรงวินเทจ ที่ผสานสไตล์เออร์เบิร์นและความมินิมอลได้อย่างลงตัว นอกจากนี้หนังนัปป้ายังโดดเด่นด้วยพื้นผิวแบบมีลวดลายอีกด้วย สำหรับใครที่อยากซื้อตาม ราคาอยู่ที่ 110,000 บาท

ตู ต้นตะวัน – Small Lady D-Joy

            สำหรับสายหวานต้องห้ามพลาดกระเป๋าเหมือน “ตู-ต้นตะวัน ตันติเวชกุล” นั่นคือ Small Lady D-Joy สี Powder Pink ซึ่งรังสรรค์จากหนังแกะที่ประดับด้วยการเดินด้ายลาย Cannage พร้อมเสริมความโดดเด่นด้วยจี้ตัวอักษร D.I.O.R. ในวัสดุโลหะเคลือบทองสีอ่อน นอกจากจะถือเป็นกระเป๋าออกงานในโอกาสสำคัญได้แล้ว ยังมีสายหนังและโลหะสำหรับครอสบอดี้ในลุคสบายๆ ได้อีกด้วย ราคาอยู่ที่ 175,000 บาท

ไบรท์ วชิรวิชญ์ – Small Rocking Horse Satchel

ปิดท้ายกันที่แบรนด์แอมบาสเดอร์ประจำ Burberry อย่าง “ไบรท์ – วชิรวิชญ์ ชีวอารี” ที่ช่วงหลังมานี้ เขามักสะพายกระเป๋า Small Rocking Horse Satchel เป็นประจำ โดยกระเป๋าดังกล่าวมีรูปทรงโค้งมน ซึ่งได้รับแรงบันดาลใจจากอานม้า มาพร้อมตัวล็อกแบบตัว “b” เอกลักษณ์ประจำแบรนด์ที่ใครเห็นก็ต้องจำได้ ราคาอยู่ที่ 67,500 บาท


keyboard_arrow_up