แปลกใหม่มากที่ได้เห็นนางงามไทยใส่ชุดสไตล์นี้ ซึ่งดีไซน์ชุดราตรีสองชิ้น ปักลายพลุของ อแมนด้า รอบพรีลิม เป็นผลงานของไทยดีไซเนอร์ ที่ใช้เวลาในการปักด้วยมือกว่า 720 ชั่วโมง ทั้งยังสื่อถึงความหมายที่ยิ่งใหญ่อีกด้วย
เช้าวันนี้ 15 พฤษภาคม 2564 เวลาประมาณ 07.00 น. ตามเวลาประเทศไทย การประกวดมิสยูนิเวิร์สก็เดินทางมาถึงรอบ Preliminary กันแล้ว ซึ่งตัวแทนสาวงามของไทย อแมนด้า ออบดัม ก็สร้างปรากฏการณ์ตาแตกให้แฟนนางงามชาวไทยจริงๆ เพราะเธอเดินออกมาในชุดราตรีสองชิ้น ปักลายพลุ (Fireworks Embellished Two-Piece Gown) จากแบรนด์ วาเลนเทียร์ (VALENTIER) แบรนด์เสื้อผ้า Couture-To-Wear สัญชาติไทย ซึ่งเป็นดีไซน์ชุดที่แตกต่างไปจากปีก่อนๆ อย่างสิ้นเชิง แต่กลับเข้ากันได้ดีกับรูปร่างของอแมนด้า บอกเลยว่าลงตัวที่สุด
ทำไมต้องลายพลุ? เบื้องหลังเดรสทอง ‘อแมนด้า’ รอบพรีลิม ใช้เวลาปักกว่า 720 ชม.
โดยชุดราตรีสองท่อนสีทองนี้ ถูกเล่าผ่านลวดลายและเฉดสีที่ได้รับแรงบันดาลใจจากพลุ หลังจากที่ ดนวัต พฤกษ์ชินวร ดีไซเนอร์และผู้ก่อตั้งแบรนด์ได้พูดคุยกับ อแมนด้า ชาลิสา ออบดัม เกี่ยวกับเรื่องราวที่เธออยากจะบอกคนทั้งโลกผ่านชุดราตรีนี้ ในขณะที่เธอยืนอยู่บนเวที Miss Universe ว่าเธอเป็นคนเข้มแข็งมากแค่ไหน และสิ่งสำคัญคือเธออยากจะมีเสียงที่ทรงพลัง เพื่อจะบอกให้ทุกคนบนโลกใบนี้ หันมารับฟังเสียงของกันและกันอย่างเข้าอกเข้าใจซึ่งกันและกัน
พลุ (Firework) จึงเป็นภาพที่ดีไซเนอร์ต้องการวาดออกมาเพื่อเป็นตัวแทนทั้งความงามและพลังของผู้หญิงที่ได้พูด และแสดงให้โลกนี้ได้เห็นว่าเธอมีสิ่งที่อยากจะบอก และทุกคนต้องหันมาฟังในสิ่งที่เธอต้องการจะพูด เหมือนกับเสียงของพลุที่เมื่อไหร่มันถูกจุดขึ้น เราจะต้องหยุดฟังพร้อมกับหันมามองว่าพลุนั้นมีความงดงามมากเพียงใด
อีกทั้งสีทองของพลุยังเป็นภาพแทนการเฉลิมฉลองความสำเร็จ (Achieve The Universe) ของอแมนด้าที่ได้ต่อสู้ และฝ่าฟันไปจนสู่ก้าวที่ยิ่งใหญ่ในชีวิต ก้าวที่ทุกคนจะหันมามองและรับฟังเธอ และเป็นก้าวที่จะเปลี่ยนแปลงชีวิตของเธอไปตลอดกาล
เทคนิคและดีเทลงานปัก มีความผสมผสานลายเส้นของพลุที่มีความโค้งมน แสดงถึงความอ่อนโยน กับลายกราฟิกเส้นตรงที่แสดงถึงความแข็งแรง ทำให้ชุดนี้มีทั้งความอ่อนโยนและความเข้มแข็งรวมเป็นหนึ่งเดียวกัน งานปักที่ผสมผสานทั้งคริสตัล เลื่อม ลูกปัด และปล้องอ้อย ถูกเรียงและไล่เฉดสีให้เกิดไดนามิกที่เหมือนกับพลุ โดยใช้เวลาในการปักด้วยมือกว่า 720 ชั่วโมง
นอกจากนี้ โครงชุด (Silhouette) และคัตติ้งต่างๆ ยังถูกหยิบยืมมาจากภาพของนักรบหญิง (Woman Warrior) ที่มีความแข็งแกร่ง ทะมัดทะแมง เพื่อแสดงถึงความพร้อมในการต่อสู้ของอแมนด้าบนเวที Miss Universe ดีไซเนอร์ตั้งใจออกแบบให้ชุดนี้เป็นชุดราตรีที่เป็นสองชิ้น (Two-Piece Gown) เพื่อเพิ่มความโมเดิร์นให้กับชุดและผู้สวมใส่ เพราะผู้หญิงยุคใหม่ที่จะก้าวไปสู่ความเป็นสากล ต้องเป็นผู้หญิงที่ทะมัดทะแมง และมีความคล่องตัวสูง สามารถเผชิญกับสิ่งต่างๆ ได้ในทุกสถานการณ์
อีกสิ่งสำคัญที่ทำให้ภาพรวมทั้งหมดดูสมบูรณ์แบบมากยิ่งขึ้น คือเครื่องประดับ fine jewelry จากแบรนด์ Jee’s Jewelry ของ คุณโบ จีรนันท์ ดีไซเนอร์ไทยผู้ออกแบบต่างหูคู่นี้จากแนวคิดเดียวกับกันชุด Firework เพื่อที่จะนำเสนอบนเวทีระดับโลก ตัวเรือน Gold Plate ที่ประดับด้วยพลอยและ White Cubic Zirconia ที่เสมือนกับแสงไฟที่ถูกจุดขึ้นและส่องสว่างจากภายในสู่ภายนอก
รวมไปถึงตัวเรือนที่ถูกรังสรรค์ขึ้นเป็นพิเศษโดยเฉพาะ (Custom Made) รวมถึงการฉลุตัวเรือนและฝังพลอยอย่างประณีต โดยช่างทองฝีมือที่ดีที่สุดจากทางแบรนด์ จึงทำให้ได้เครื่องประดับชิ้นที่เหมาะที่สุดสำหรับลุคนี้
Couture-To-Wear คือสิ่งที่ วาเลนเทียร์ (VALENTIER) พยายามนำเสนอ เพื่อเป็นมุมมองใหม่ๆ ให้กับวงการนางงาม ด้วยเพราะหลายคนอาจมองว่าเสื้อผ้ากูตูร์เป็นสิ่งที่เอื้อมไม่ถึง ชุดราตรีชุดนี้จึงถูกออกแบบลดทอนลงมา โดยยังคงงานปักและเทคนิคชั้นสูง (Haute Couture) แต่ผสมผสานให้อยู่ในรูปแบบของเสื้อผ้าสำเร็จรูป (Ready-To-Wear) เพื่อให้ดูจับต้องได้มากขึ้น “หากนางงามต้องเข้าถึงง่าย แฟชั่นและความงามก็ควรเป็นสิ่งที่จับต้องได้เช่นเดียวกัน”
ภาพ : FB Miss Universe Thailand
บทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ
ดราม่า Top 6 ชุดประจำชาติ ที่เก็งโดย ‘แคทรีโอนา เกรย์’ ทำแฟนนางงามไม่พอใจ!
‘มิสยูนิเวิร์สฟิลิปปินส์ 2020’ ไลฟ์สดหลั่งน้ำตา หลังไม่ได้ใส่เครื่องหัวรอบชุดประจำชาติ