รู้หรือไม่ หากมีไฝ 100 ตำแหน่งขึ้นไป มีโอกาสที่จะเป็น มะเร็งผิวหนัง มากกว่าประชากรปกติถึง 7 เท่า โดยไฝเกิดขึ้นได้ทุกบริเวณบนร่างกาย แม้กระทั่งใต้เล็บ สามารถเปลี่ยนรูปร่างไปได้ตลอดเวลาหรือจางหายไปเมื่ออายุมากขึ้น โดยทั่วไปไฝไม่ก่อให้เกิดอันตราย แต่ไฝบางชนิดที่ผิดปกติอาจเป็นสัญญาณของมะเร็งเมลาโนมาได้
ไฝ (Mole, Nevus) เกิดจากเซลล์สร้างเม็ดสีของร่างกายมีการรวมตัวในบริเวณเดียวกันจนเห็นเป็นสีเข้ม อาจเป็นสีน้ำตาลหรือดำ และอาจมีลักษณะเรียบหรือนูน การเกิดของไฝมีทั้งที่เป็นมาตั้งแต่แรกเกิด หรือเกิดในภายหลัง โดยอาจจะมีการเปลี่ยนแปลงได้ ทั้งมีสีเข้มขึ้นหรืออ่อนลง เม็ดใหญ่ขึ้นหรือจางหายไปก็ได้
‘ไฝเสน่ห์’ หรือ ‘มะเร็งผิวหนัง’ ลักษณะไฝแบบไหนเสี่ยง รวมถึงวิธีป้องกันและรักษา
ผู้ที่มีความเสี่ยงในการเกิดมะเร็งผิวหนัง
- ผู้ที่มีผิวสีอ่อนหรือมีความไวต่อแสงแดดมาก
- มีไฝจำนวนมาก
- มีไฝขนาดใหญ่แต่กำเนิด
- มีไฝลักษณะผิดปกติหรือมีการเปลี่ยนแปลง
- ได้รับแสงแดดมากในช่วงวัยเด็กหรือวัยรุ่น
- มีประวัติมะเร็งผิวหนังในครอบครัว
- ต้องสัมผัสแสงแดดอย่างมากเป็นประจำ
- มีประวัติเคยเป็นมะเร็งผิวหนังมาก่อน
- ได้รับยากดภูมิบางชนิด


มะเร็งผิวหนังชนิด Melanoma
มะเร็งผิวหนังมีหลายชนิด แต่ชนิดที่รุนแรงที่สุดคือ Melanoma ซึ่งพบผู้ป่วยกว่าสองแสนคนทั่วโลกและมีผู้เสียชีวิตถึง ห้าหมื่นคนต่อปี เพศชายมีโอกาสเกิดมากกว่าเพศหญิง
Melanoma เกิดจากความผิดปกติของเซลล์สร้างเม็ดสีของผิวหนังหรือ Melanocyte ซึ่งสาเหตุที่พบได้บ่อยที่สุดคือ การสัมผัสรังสีอัลตราไวโอเลต (UV) ที่มากเกินไป การตรวจพบมะเร็งผิวหนังชนิดนี้และเริ่มรักษาตั้งแต่ในระยะเริ่มแรกจะเพิ่มโอกาสการรอดชีวิตจากมะเร็งชนิดนี้ได้ถึง 99%
ลักษณะของไฝที่อาจกลายเป็นมะเร็งเป็นอย่างไร
- A – Asymmetry ไฝโดยทั่วไปมักมีขนาดกลม ไฝที่มีรูปร่างไม่สมมาตรมีโอกาสสูงที่จะกลายเป็นมะเร็ง
- B – Border ขอบเขต โดยขอบเขตของไฝที่มีโอกาสกลายเป็นมะเร็งมักมีขอบเขตไม่สม่ำเสมอหรือไม่ชัดเจน
- C – Color สี โดยทั่วไปไฝหนึ่งเม็ดควรจะเป็นสีเดียวกัน หากสีของไฝไม่สม่ำเสมอหรือมีหลายสีในเม็ดเดียวควรระวัง
- D – Diameter ขนาด หากไฝมีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางมากกว่า 6 มิลลิเมตร อาจเป็นมะเร็งผิวหนังได้
- E – Evolving การเปลี่ยนแปลง หากไฝมีการเปลี่ยนแปลงที่ชัดเจนหรือเร็วเกินไป เช่น สี ขนาด รูปร่าง โตเร็วผิดปกติ ตกสะเก็ด หรือมีเลือดออก ควรระวังและปรึกษาแพทย์
วิธีกำจัดไฝ
หากสงสัยภาวะมะเร็งผิวหนัง ควรทำการฝานหรือตัดเพื่อส่งตรวจชิ้นเนื้อ ไม่ควรทำเลเซอร์ แต่ถ้าหากได้รับการตรวจว่าไฝนั้นไม่มีลักษณะที่เข้าข่ายสงสัยมะเร็งผิวหนังก็สามารถเอาออกด้วยการทำเลเซอร์ได้
วิธีการเอาไฝออกนั้นมีสองวิธี คือ การทำเลเซอร์และการตัดออก ขึ้นอยู่กับระดับความลึกของไฝ และดุลยพินิจของแพทย์ผู้ตรวจ ซึ่งการกำจัดไฝทุกวิธีมีโอกาสทำให้เกิดแผลเป็น แต่การกำจัดไฝโดยแพทย์ที่มีความชำนาญจะช่วยลดความเสี่ยงของการเกิดแผลเป็นถาวรหรือแผลเป็นนูน (keloid) ได้


การวินิจฉัยมะเร็งผิวหนัง
การวินิจฉัยมะเร็งผิวหนังสามารถทำได้หลังจากที่แพทย์ตัดชิ้นเนื้อของไฝที่น่าสงสัยเพื่อส่งตรวจทางพยาธิวิทยา ปัจจุบันมีการใช้ dermoscope เพื่อใช้ในการตรวจคัดกรองมะเร็งผิวหนังระยะเริ่มแรกรวมถึงการทำ mole mapping ซึ่งเป็นการถ่ายรูปตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้าด้วยเครื่อง FOTOfinder เพื่อตรวจติดตามลักษณะของไฝอย่างใกล้ชิดและจะมีการทำซ้ำทุกปีจึงสามารถตรวจหาการเกิดไฝเม็ดใหม่ ๆ ได้
การรักษามะเร็งผิวหนัง
การรักษามะเร็งผิวหนังที่ดีที่สุดคือ การผ่าตัดเอาบริเวณที่เป็นมะเร็งผิวหนังออกให้หมด อาจใช้วิธีการขูดออกร่วมกับการจี้ด้วยไฟฟ้าหรือไนโตรเจนเหลว แต่หากรอยโรคมีขนาดใหญ่ต้องใช้วิธีเคมีบำบัดหรือการฉายแสงร่วมด้วย
การป้องกันมะเร็งผิวหนัง
- ควรหลีกเลี่ยงแสงแดดจัด โดยเฉพาะในช่วงเวลา 10.00 – 15.00 น.
- ใช้ครีมกันแดดที่มี SPF 15 ขึ้นไปเป็นประจำ
- หากจำเป็นต้องออกแดดควรใส่เสื้อผ้าป้องกัน
- หลีกเลี่ยงการอาบแดดหรือการใช้เครื่องอบผิวให้เป็นสีแทน
- หากมีไฝ ขี้แมลงวัน หูด หรือปาน ควรสังเกตและปรึกษาแพทย์
- หากมีแผลเรื้อรังหรือแผลที่ไม่หายภายใน 2 สัปดาห์ ควรปรึกษาแพทย์
ไฝบางชนิดอาจกลายเป็นมะเร็งผิวหนังได้ ควรหมั่นสังเกตความเปลี่ยนแปลงและปรึกษาแพทย์โดยเร็วเพื่อทำการวินิจฉัยและรักษาตั้งแต่ระยะแรก ซึ่งจะสามารถช่วยลดความเสี่ยงในการเสียชีวิตได้อย่างมาก
Reference
- https://www.samitivejhospitals.com/th/article/detail/มะเร็งผิวหนัง-ไฝ
- https://www.verywellhealth.com/moles-vs-melanoma-skin-cancer-identification-gallery-3010833
- https://www.cancer.org.au/cancer-information/causes-and-prevention/sun-safety/check-for-signs-of-skin-cancer
- https://www.aad.org/media/stats-skin-cancer
- https://www.skincancer.org/skin-cancer-information/skin-cancer-facts/
ข้อมูล : พญ. พัชรหทัย ไกรศักดิ์ แพทย์ชำนาญการด้านผิวหนัง รพ. สมิติเวช สุขุมวิท
ภาพ : Pexels
บทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ