หน้าฝนอ้วนง่ายจริงหรือ?

หน้าฝนอ้วนง่ายจริงหรือ? เปิดสาเหตุและ 2 วิธีรับมือให้รูปร่างยังคงเป๊ะไม่เปลี่ยน

Alternative Textaccount_circle
หน้าฝนอ้วนง่ายจริงหรือ?
หน้าฝนอ้วนง่ายจริงหรือ?

รู้ไหมว่า..ทำไมหน้าฝนถึงอ้วนง่าย? เหตุผลก็คือในช่วงฤดูฝนน้ำมักจะสะสมในร่างกาย เนื่องจากความดันบรรยากาศและความชื้น

นวันที่ฝนตก ความกดอากาศจะลดลง แต่เมื่อเกิดเหตุการณ์นั้น หลอดเลือดจะขยายตัวและการไหลเวียนของเลือดช้าลง ทำให้เลือดไหลเวียนได้ไม่ดี ส่งผลให้น้ำและของเสียที่ไม่จำเป็นออกไปและสะสมในร่างกายไม่ได้

นอกจากนี้ หากความชื้นสูง น้ำส่วนเกินจะไม่สามารถระบายออกจากร่างกายได้ เมื่อน้ำและของเสียที่ไม่จำเป็นสะสมในร่างกาย “บวม” มักจะเกิดขึ้น

เมื่อน้ำที่ไม่จำเป็นสะสมในร่างกาย ความร้อนจะหนีออกมาได้ง่าย ทำให้เย็นลงได้ง่ายขึ้น เมื่อมันเย็นลง ระบบเผาผลาญพื้นฐานจะลดลงและทำให้อ้วนได้ง่ายขึ้น

หน้าฝนอ้วนง่ายจริงหรือ? เปิดสาเหตุและ 2 วิธีรับมือให้รูปร่างยังคงเป๊ะไม่เปลี่ยน

2 วิธีรับมือกับความอ้วนในหน้าฝนมีอะไรบ้าง?

เมื่อพิจารณาถึงกลไกในลักษณะนี้ อาจกล่าวได้ว่าการขจัดอาการบวมน้ำ เป็นกุญแจสำคัญในการรับมือกับหน้าฝน อาการบวมน้ำเป็นภาวะที่น้ำและของเสียที่ไม่จำเป็นจะไม่ถูกรวบรวมและสะสมในร่างกาย จึงสามารถขจัดอาการบวมได้โดยการปล่อยน้ำและของเสียที่สะสมในร่างกายออกสู่ภายนอกร่างกาย

มี 2 วิธีในการกำจัดอาการบวมด้วยการระบายน้ำและของเสียที่สะสมในร่างกาย

  1. ออกกำลังกายเพื่อเสริมสร้าง “กล้ามเนื้อน่อง”
  2. หลีกเลี่ยง “อาหารแปรรูป” และ “อาหารสำเร็จรูป” และพยายามกิน “อาหารที่มีโพแทสเซียมสูง”

วิธีที่ 1: สร้างกล้ามเนื้อน่อง

หนึ่งคือการเสริมสร้าง “กล้ามเนื้อน่อง” ทั้งนี้เนื่องจากกล้ามเนื้อน่องเรียกอีกอย่างว่า “หัวใจดวงที่สอง” และมีฟังก์ชันที่เรียกว่า “การสูบฉีดของกล้ามเนื้อ” ที่สูบฉีดเลือดและน้ำเหลืองที่สะสมอยู่ที่ขาซึ่งเป็นส่วนต่อพ่วงของร่างกายไปยังส่วนกลาง

เนื่องจากกล้ามเนื้อน่องยังเป็นกล้ามเนื้อที่ไม่ค่อยได้ใช้ ความแข็งแรงของกล้ามเนื้อจึงมีแนวโน้มลดลง และการสูบฉีดของกล้ามเนื้อก็ลดลงตามไปด้วย จากนั้นการไหลเวียนของเลือดและน้ำเหลืองจะแย่ลงและบวมง่ายขึ้น

ดังนั้น เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการสูบฉีดของกล้ามเนื้อและส่งเสริมการไหลเวียนของเลือดและน้ำเหลือง จึงควรออกกำลังกายที่เสริมสร้างกล้ามเนื้อน่อง

ท่าบริหารน่องที่เรียกว่า “การเลี้ยงน่อง”

  1. ยืนหันหน้าเข้าหากำแพง กางขาตามความกว้างของสะโพก และยืนโดยให้นิ้วเท้าหันไปข้างหน้า
  2. วางมือบนกำแพง หายใจออกและยกส้นเท้าให้สูงที่สุด จากนั้นพัก 1-3 วินาทีโดยรู้สึกว่ากล้ามเนื้อน่องเกร็ง (ภาพซ้าย)
  3. ขณะหายใจเข้า ให้ค่อยๆ ลดส้นเท้าลงจนแตะพื้น (ภาพขวา)

การทำแบบนี้จะทำให้แรงหดตัวของกล้ามเนื้อน่อง “triceps surae” เพิ่มขึ้นและสามารถคาดหวังผลของการขจัดอาการบวมได้ โดยจะทำ 3 เซ็ต 15 ถึง 20 ครั้งโดยพักประมาณ 1 นาที เพื่อกำจัดอาการบวม และควรทำสัปดาห์ละสองครั้ง

และข้อควรรู้คือ การยกส้นเท้าให้สูงที่สุด รักษาแนวหัวจรดเท้าเป็นเส้นตรงและขยับส้นเท้าขึ้นและลง นิ้วเท้าซ้ายและขวาต้องหันไปข้างหน้า เพื่อรักษาสมดุล

วิธีที่ 2: หลีกเลี่ยง “อาหารแปรรูป” และ “อาหารสำเร็จรูป” และพยายามกิน “อาหารที่มีโพแทสเซียมสูง”

อีกวิธีหนึ่งคือการกิน “อาหารที่อุดมด้วยโพแทสเซียม” เพื่อกำจัดเกลือในร่างกาย กล่าวกันว่าโพแทสเซียม มีผลในการปล่อยเกลือไม่เพียงเท่านั้นแต่ยังมีน้ำส่วนเกินอีกด้วย อาหารที่มีโพแทสเซียมสูง ได้แก่ อะโวคาโด ผักโขม กล้วย มันเทศ และนัตโตะ

ปริมาณโพแทสเซียมต่อวันตามมาตรฐานคือ 2,000 มก. สำหรับผู้หญิง และ 2,500 มก. สำหรับผู้ชาย อย่างไรก็ตาม กล้วยหนึ่งลูกมีโพแทสเซียมประมาณ 430 มก.

ในเวลาเดียวกัน อาหารแปรรูป เช่น แฮม เบคอน และอาหารสำเร็จรูปมีเกลือสูงและสะสมน้ำในร่างกาย ดังนั้น ควรหลีกเลี่ยง


ข้อมูล : bybirth.jp
ภาพ : Pexels

บทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ

Praew Recommend

keyboard_arrow_up