การผ่าตัดแปลงเพศ จากชายเป็นหญิง

เทคนิคใหม่ของ ‘การผ่าตัดแปลงเพศ’ จากชายเป็นหญิง มีอะไรน่าดึงดูดบ้าง

Alternative Textaccount_circle
การผ่าตัดแปลงเพศ จากชายเป็นหญิง
การผ่าตัดแปลงเพศ จากชายเป็นหญิง

ปัจจุบันเพศทางเลือกมีความหลากหลายและเป็นที่ยอมรับกันมากขึ้น ขณะเดียวกัน การผ่าตัดแปลงเพศ ก็ได้รับความนิยมและทำกันแพร่หลายมากขึ้นเช่นกัน ในทางการแพทย์เองก็ได้มีการพัฒนาเทคนิคการผ่าตัดมาโดยตลอด เพื่อให้ได้ผลการผ่าตัดเป็นที่น่าพอใจและลดผลข้างเคียงจากการผ่าตัดให้น้อยที่สุด

เทคนิคใหม่ของ ‘การผ่าตัดแปลงเพศ’ จากชายเป็นหญิง มีอะไรน่าดึงดูดบ้า

การผ่าตัดแปลงเพศจากชายเป็นหญิง (Gender Affirmation Surgery – Male to Female) มีวัตถุประสงค์เพื่อเปลี่ยนแปลงอวัยวะเพศจากชายให้ดูเหมือนอวัยวะเพศหญิงทั้งในแง่รูปลักษณ์ภายนอก ความรู้สึก และการใช้งาน โดยใช้ส่วนต่างๆ ขององคชาตเดิมเพื่อสร้างช่องคลอดใหม่ที่สามารถรับรู้ถึงความรู้สึกและใช้งานได้เปรียบเสมือนว่าเป็นเพศหญิง

การผ่าตัดโดยทั่วไปประกอบด้วย 

  • การตัดอัณฑะ (Orchidectomy)
  • การสร้างช่องคลอด (Vaginoplasty)
  • การตกแต่งอวัยวะภายนอก (Labiaplasty)

การผ่าตัดนี้มีการพัฒนาเทคนิคใหม่ๆ ขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง ยกตัวอย่างเช่น  

  • การสร้างจุดรับความรู้สึก (Sensate Clitoroplasty)
  • การสร้างแคมใน (Labia Minora reconstruction) โดยใช้ผิวหนังจากถุงอัณฑะมาสร้างเป็นแคม
  • การสร้างช่องคลอดด้วยลำไส้ (Intestinal Vaginoplasty)
  • การสร้างช่องคลอดด้วยเยื่อบุช่องท้อง (Endoscopic Peritoneal Flap Vaginoplasty) ทำให้การผ่าตัดแปลงเพศจากชายเป็นหญิงในปัจจุบัน มักจะได้ผลลัพธ์ที่ครบถ้วนทุกมิติและน่าพึงพอใจ

นอกจากการผ่าตัดบริเวณอวัยวะเพศแล้ว การผ่าตัดแปลงเพศยังรวมไปถึงการผ่าตัดชนิดอื่นๆ ร่วมด้วย เช่น  

ผู้ที่เหมาะกับการผ่าตัดแปลงเพศ

  • สตรีข้ามเพศ (Transgender Woman: TGW) ที่ผ่านการประเมินตามข้อกำหนดของ The World Professional Association for Transgender Health (WPATH) recommendations version 7 (Coleman, et al., 2011) 
  • มีน้ำหนักอยู่ในเกณฑ์ปกติ  หากต้องการลดน้ำหนัก ควรลดน้ำหนักให้ได้ตามที่ต้องการก่อนทำการผ่าตัด
  • ไม่มีโรคประจำตัวที่เป็นข้อห้ามในการผ่าตัด เช่น โรคที่มีความผิดปกติของการแข็งตัวของเลือด (Hemophilia) โรคที่มีความผิดปกติของการหายของแผล (Ehlers-Danlos Syndrome)
  • ผู้ที่มีความคาดหวังถึงผลลัพธ์ที่สมเหตุสมผล
  • มีสุขภาพจิตปกติ
  • มีอายุมากกว่า 20 ปี (หากอายุต่ำกว่า 20 ปี ต้องมีจดหมายยินยอมจากผู้ปกครอง หรือผู้ดูแลตามกฎหมาย)

ความเสี่ยงและผลข้างเคียงที่อาจเกิดจากการผ่าตัดแปลงเพศ

การผ่าตัดทุกชนิดมีความเสี่ยง แต่ไม่ใช่ว่าความเสี่ยงเหล่านี้จะเกิดขึ้นกับทุกคน แพทย์จะให้คำปรึกษาและประเมินความเสี่ยง ให้โอกาสในการซักถามข้อสงสัย จากนั้นจึงร่วมกันตัดสินใจในด้านการผ่าตัด

ผลข้างเคียงจากการผ่าตัดแปลงเพศ ที่ผู้รับการผ่าตัดมักกังวลคือเรื่องของความสวยงามและการรับความรู้สึก   ซึ่งผลลัพธ์ที่ได้ขึ้นกับหลายปัจจัย แพทย์ที่มีประสบการณ์ จะสามารถให้คำแนะนำ และเลือกชนิดของการผ่าตัดให้ได้ผลลัพธ์ที่ตรงตามความต้องการ และมีโอกาสเกิดผลข้างเคียงน้อยที่สุด

ในเรื่องของรอยแผลเป็น หากไม่มีประวัติแผลเป็นประเภทคีลอยด์มาก่อน มักจะได้รับผลลัพธ์ที่เรียบเนียน ซ่อนในตำแหน่งที่เหมาะสม

ความเสี่ยงอื่นๆ ที่อาจเกิดขึ้น ได้แก่ ภาวะแทรกซ้อนในการหายของแผล (Wound complications) อาการชา (Numbness) หรือการขาดเลือดมาเลี้ยง (Skin Necrosis) ซึ่งมักพบในคนที่สูบบุหรี่จัด หรือผู้ที่มีโรคประจำตัวที่มีปัญหาเกี่ยวกับหลอดเลือด เช่น เบาหวาน ความดันโลหิตสูง ไขมันในเลือดสูง เป็นต้น แต่หากควบคุมอาการได้ดีก็ไม่ใช่ข้อห้ามในการผ่าตัด

การเตรียมตัวก่อนการผ่าตัดแปลงเพศ

6 เดือน ก่อนการผ่าตัด 

  • งดยารักษาสิวชนิดที่มีส่วนผสมของวิตามิน A (Isotretinoin) เพราะอาจมีผลต่อการหายของแผล

3 เดือน ก่อนการผ่าตัด 

  • เตรียมความพร้อมของร่างกาย ด้วยการออกกำลังกายสม่ำเสมอ พักผ่อนให้เพียงพอ
  • ตรวจสุขภาพประจำปี หากมีโรคประจำตัว ควรพบแพทย์เพื่อรักษาและควบคุมอาการให้อยู่ในภาวะปกติ

4 สัปดาห์ ก่อนการผ่าตัด 

  • งดสูบบุหรี่ก่อนและหลังผ่าตัดอย่างน้อย 4 สัปดาห์
  • งดการเจาะ/สักร่างกาย หรืออาบแดด   หากมีการเจาะ ใส่ห่วง อยู่แล้วให้ถอดออกเพื่อเช็คและรักษาหากมีการอักเสบ

10 วัน ก่อนการผ่าตัด 

  • งดยาที่มีผลกับการแข็งตัวของเลือด ได้แก่
    • ยาละลายลิ่มเลือด เช่น Aspirin, Coumadin, Ticlid, Plavix or Aggrenox. (โปรดปรึกษาแพทย์ประจำตัวถึงความปลอดภัยในการหยุดยา)
    • ยาแก้ปวดประเภท Nsaids เช่น Ibuprofen, Advil, Motrin, Nuprin, Aleve, Relafen, Naprosyn,  Diclofenac, Naproxen, Voltaren, Daypro, Feldene, Clinoril, Lodine, Indocin, Orudis เป็นต้น
    • ยาระงับประสาท ยานอนหลับบางชนิด เช่น Zoloft, Lexapro, Prozac, Pristiq เป็นต้น
    • งด วิตามิน อาหารเสริมทุกชนิด ที่อาจมีผลกับการแข็งตัวของเลือด เช่น Multivitamins, Fish oil, Omega3, Co-enzyme Q10, Evening Primrose Oil, Glucosamine, Arnica, Ginseng, Gingko, herbs เป็นต้น

นอกจากคำแนะนำข้างต้นแล้ว ควรศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับการผ่าตัดแปลงเพศ ความเสี่ยง ผลลัพธ์ รวบรวมคำถามที่ไม่เข้าใจ ปรึกษาแพทย์ พูดคุยถึงความคาดหวังหลังการผ่าตัดศัลยกรรมกับแพทย์ เพื่อความเข้าใจที่ตรงกันและเพื่อให้ผลลัพธ์ออกมาดีที่สุด


ข้อมูล : นพ. วีรวัฒน์ ติรนันท์มงคล ศัลยแพทย์ผู้ชำนาญการด้านศัลยกรรมตกแต่ง รพ. สมิติเวช ศรีนครินทร์
ภาพ : Pexels

 

บทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ

10 ข้อควรรู้ เตรียมตัวก่อนย้ายตัวอ่อนสู่โพรงมดลูกสำหรับผู้ที่ทำ ‘เด็กหลอดแก้ว’

‘ลีแอน’ ดาวดังบน Tiktok เผยเกิดมามี 2 ช่องคลอดจากภาวะ “มดลูกแฝด” เคสหายาก

ทำความเข้าใจ ความเศร้าเสียใจ-ภาวะซึมเศร้า- โรคซึมเศร้า แตกต่างกันยังไง

 

 

Praew Recommend

keyboard_arrow_up