ระยะหลังนี้หลายคนอาจได้ยินคำว่า “ภูมิแพ้อาหารแฝง” บ่อยขึ้น จากการที่มีบุคคลมีชื่อเสียงได้ทำการตรวจและรีวิวอย่างมากมาย หลายคนเข้าใจผิดว่า “ภูมิแพ้อาหารแฝง” กับ “อาการแพ้อาหาร” นั้นคืออาการเดียวกัน ซึ่งที่จริงแล้วทั้งสองอาการมีความแตกต่างกัน มาทำความเข้าใจความแตกต่างของสาเหตุและอาการ เพื่อเริ่มต้นดูแลสุขภาพอย่างเหมาะสม กับสาระความรู้ดีๆ จาก ห้องปฏิบัติการ N Health
“ภูมิแพ้อาหารแฝง” กับ “อาการแพ้อาหาร” ไม่เหมือนกัน
หากพูดถึงการแพ้อาหาร ส่วนใหญ่จะนึกถึงอาการมีผื่นคันขึ้นตามตัว หายใจไม่ออก บวมที่ใบหน้า คลื่นไส้ อาเจียน ท้องเสีย อาการดังกล่าวนี้เรียกว่าการแพ้อาหารแบบเฉียบพลัน แต่ภูมิแพ้อาหารแฝง คือ อาการผิดปกติที่เกิดขึ้นในระบบย่อยอาหารหลังจากกินอาหารที่แพ้เข้าไป โดยอาการจะไม่รุนแรงเหมือนเวลาแพ้อาหารที่เกิดขึ้นฉับพลัน แต่จะสร้างความรำคาญให้กับคนที่มีอาการ ซึ่งทั้งสองอาการมีความแตกต่างกัน
“อาการแพ้อาหาร” เกิดจากสิ่งที่รับประทานเข้าไปได้ไปกระตุ้นระบบภูมิต้านทานชนิด IgE ให้ทำงานเกินกว่าปกติ ทำให้ร่างกายเข้าใจว่าสิ่งที่รับประทานเข้าไปเป็นอันตรายต่อร่างกาย จึงแสดงอาการแพ้เกิดขึ้นอย่างเฉียบพลัน แม้ว่าจะรับประทานเพียงเล็กน้อยก็มีผลได้
ในขณะที่ “ภูมิแพ้อาหารแฝง” ร่างกายจะสร้างสารภูมิต้านทานชนิดอิมมูโนโกลบูลินจี (IgG) ทำปฏิกริยากับอาหารที่แพ้ หากรับประทานในปริมาณเล็กน้อยก็อาจไม่ส่งผลกระทบอะไร โดยส่วนใหญ่ผู้มีอาการจึงมักไม่รู้ว่าตัวเองแพ้อาหารแฝงชนิดไหน นอกจากนี้ภูมิแพ้อาหารแฝงจะแสดงอาการช้ากว่าการแพ้อาหารทั่วไป อาจใช้เวลาถึง 48 ชั่วโมงกว่าจะแสดงอาการ โดยสารภูมิต้านทานชนิดชนิด IgG ที่ร่างกายสร้างขึ้นมานั้นจะค่อยๆ ทำลายเนื้อเยื่อ หรือไปรบกวนระบบภูมิต้านทานทั้งร่างกาย ทำให้แปรปรวนจนร่างกายเข้าใจผิดว่าเป็นสิ่งแปลกปลอม ด้วยเหตุนี้จึงทำให้ภูมิแพ้อาหารแฝงเป็นอาการผิดปกติที่แฝงอยู่ในชีวิตประจำวันโดยที่เราไม่รู้ตัว และเป็นเรื่องสำคัญที่จะต้องสังเกตอาการผิดปกติต่างๆ ของตัวเอง
สำหรับอาการของภูมิแพ้อาหารแฝง ได้แก่ ท้องอืด หรือมีอาการเหมือนกรดไหลย้อน ท้องผูกสลับกับท้องเสีย ปวดท้อง ปวดไมเกรนเรื้อรัง หรือปวดหัว ไอ คลื่นไส้ มีน้ำมูก รู้สึกไม่สบาย ครั่นเนื้อครั่นตัว อ่อนเพลีย มีผื่นขึ้น เป็นลมพิษ
ทั้งนี้การตรวจหาภูมิแพ้อาหารแฝง สามารถทำได้โดยการตรวจจากเลือด วิธีนี้จะนำเลือดไปตรวจหาสารภูมิต้านทานชนิด อิมมูโนโกลบูลินจี (IgG) ต่อสารแปลกปลอมหรืออาหาร หากภูมิต้านทานตอบสนองต่อสารอาหารที่ทดสอบกว่า 200 ชนิด ก็อาจบอกได้ว่ามีภาวะแพ้อาหารแฝงชนิดใดบ้าง
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าการตรวจภูมิแพ้อาหารแฝงอาจไม่ได้ให้ผลแม่นยำ 100% แต่ก็เป็นอีกหนึ่งช่องทางที่จะช่วยหลีกเลี่ยงอาการผิดปกติของร่างกายได้ ซึ่งหลังจากทดสอบสามารถนำผลที่ได้มาปรับใช้ ในการเลือกรับประทานอาหารที่เหมาะสม ลดอาหารที่ส่งเสริมอาการแพ้ ซึ่งมีการศึกษาพบว่าผู้ป่วยกลุ่มโรคเรื้อรังมีอาการดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัดเมื่อหยุดอาหารที่ร่างกายต่อต้านไประยะหนึ่ง
ข้อมูล : N Health
บทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ
เช็ค อาหารต้องห้าม ของคนมีโรคประจำตัว กินดีได้ยา กินไม่ดีได้โทษ!
รักษาน้ำหนัก ด้วยวิธีคำนวณ BMR เพื่อช่วยให้ทราบถึงพลังงานขั้นต่ำที่ต้องการแต่ละวัน
กินแล้วดี! ประโยชน์ของอาหาร 5 สี ช่วยเสริมภูมิคุ้มกันจาก COVID-19 ตัวร้าย