เซฟตัวเอง! เตรียมตัวก่อนและหลังฉีด "วัคซีนป้องกันโควิด-19" ควร-ไม่ควร ทำอะไร?

เซฟตัวเอง! เตรียมตัวก่อนและหลังฉีด “วัคซีนป้องกันโควิด-19” ควร-ไม่ควร ทำอะไร?

Alternative Textaccount_circle
เซฟตัวเอง! เตรียมตัวก่อนและหลังฉีด "วัคซีนป้องกันโควิด-19" ควร-ไม่ควร ทำอะไร?
เซฟตัวเอง! เตรียมตัวก่อนและหลังฉีด "วัคซีนป้องกันโควิด-19" ควร-ไม่ควร ทำอะไร?

ตอนนี้หลายคนน่าจะทำการลงทะเบียนเพื่อนัดคิวเข้าฉีด “วัคซีนป้องกันโควิด-19” กันพอสมควรแล้ว สำหรับหนุ่มสาวที่ร่างกายแข็งแรงก็คงจะไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงสักเท่าไหร่ แต่ผู้สูงอายุและคนที่มีโรคประจำตัว ต้องเตรียมตัวสร้างภูมิคุ้มกันให้พร้อม เพราะข่าวเรื่องผลข้างเคียงจากการวัคซีน ถือเป็นเรื่องที่ทำให้หลายคนรู้สึกกังวลไม่น้อย

ไม่ว่าจะเป็น “ก่อนฉีดวัคซีนต้องทำอะไรบ้าง?” , “ถ้าฉีดแล้วต้องไปฉีดซ้ำอีกหรือไม่?” , “แก่แล้วจะเสี่ยงมากหรือเปล่า?” , “กลางปีนี้ต้องรับวัคซีนไข้หวัดใหญ่ ฉีดแล้วมันจะตีกันไหม?”

การตั้งข้อสงสัยถือเป็นหนึ่งในภูมิคุ้มกันที่ดี เพราะจะนำมาซึ่งแนวทางการปฏิบัติตัวที่ถูกต้อง รวมไปถึงการลดความเสี่ยงหลังรับวัคซีนได้อีกด้วย แน่นอนว่าคำตอบของคำถามเหล่านี้ ไม่ได้แค่เป็นประโยชน์กับใครคนใดคนหนึ่งเท่านั้น เพราะไม่ว่าคุณจะเป็นผู้ใหญ่ เด็กวัยรุ่น หรือวัยทำงาน ต่างก็ควรต้องศึกษาก่อนเข้ารับวัคซีนจริง เพื่อให้วัคซีนทุกเข็มเกิดประสิทธิภาพมากที่สุด

โดย นายแพทย์วิทยา วันเพ็ญ ผู้ช่วยผู้อำนวยการ โรงพยาบาลพระราม 9 เผยว่า วัคซีนโควิด-19 ส่วนใหญ่จะฉีดให้กับผู้ที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไป โดยที่แทบไม่ต้องเตรียมตัวอะไรเป็นพิเศษ แต่สำหรับการฉีดวัคซีนผ่านแพลตฟอร์ม “หมอพร้อม” ผู้รับวัคซีนล็อตแรกคือ กลุ่มผู้สูงอายุที่มีอายุตั้งแต่ 60 ปีขึ้นไป และกลุ่มผู้มีโรคประจำตัว 7 โรคเรื้อรัง

หากถามว่า วัคซีนโควิด-19 ฉีดตัวไหนดี?

การฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 ไม่ว่าจะเป็นชนิดไหน ยี่ห้ออะไรก็มีประโยชน์ เพื่อกระตุ้นภูมิคุ้มกันที่แข็งแรงขึ้นมาจัดการกับเชื้อไวรัสนี้ด้วยกันทั้งนั้น ซึ่งการตรวจสุขภาพเองก็เป็นการสร้างภูมิคุ้มกันส่วนหนึ่ง อย่างน้อยก็เพื่อไม่ให้มีภัยเงียบมาแฝงตัวจนทำให้อาการของโควิด-19 รุนแรงขึ้นนั่นเอง

ควรตรวจสุขภาพก่อนฉีดวัคซีนโควิด-19 หรือไม่?

ความกังวลที่ตามมาคือ เรื่องของสุขภาพ และข้อสงสัยว่าตนเองมีภูมิคุ้มกันที่ดีพอจะรับผลข้างเคียงจากอาการแพ้ของวัคซีนหรือไม่ และตนเองควรไปตรวจสุขภาพก่อนฉีดจริงหรือเปล่า

คำตอบคือการตรวจสุขภาพโดยทั่วไป “ไม่” สามารถระบุได้ว่าเรามีโอกาสแพ้วัคซีนหรือไม่ แต่การตรวจสุขภาพจะช่วยให้เราทราบถึง “ภัยเงียบ” ของโรคที่ยังไม่แสดงอาการ จะช่วยให้แพทย์สามารถประเมินความเสี่ยงก่อนฉีดวัคซีน ได้ดีขึ้นอีกระดับ

นอกจากนี้การตรวจเช็คสุขภาพยังเป็นตัวช่วยลด “ความรุนแรง” ของโรคได้เป็นอย่างดี โดยเฉพาะกับกลุ่มคนที่มีอายุ 60 ปีขึ้นไป หรือกลุ่มผู้ป่วย 7 โรคเรื้อรัง ที่จะช่วยสร้างเป็นประโยชน์ต่อการรักษา และช่วยให้เรารับมืออาการของโรคได้แต่เนิ่นๆ ไม่เว้นแม้กับกลุ่มคนอายุน้อย เพราะการรู้เท่าทันภัยเงียบหรือโรคแฝงภายในตัว นั่นหมายถึงเราจะมีเวลาวางแผนการรักษาเพิ่ม และยังมีเวลาเตรียมความพร้อมให้แข็งแรง ก่อนฉีดวัคซีนโควิด-19 ได้อีกด้วย

เตรียมตัวอย่างไร ทั้งก่อนและหลังฉีดวัคซีนโควิด-19

เมื่อการตรวจสุขภาพช่วยเตรียมความพร้อมให้เราได้ในระดับหนึ่ง ทีนี้ลองหันมามองฝั่งตัวเองบ้าง ว่าเราควรเตรียมตัวอย่างไรก่อนเข้ารับวัคซีน

  1. ประมาณ 2 วัน ก่อนและหลังฉีดวัคซีน ให้งดออกกำลังกายหนักหรือยกสิ่งของที่มีน้ำหนักมาก และต้องนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอด้วย
  2. วันที่ฉีดวัคซีนจริง ควรดื่มน้ำอย่างน้อย 500-1,000 ซีซี (ประมาณ 3-5 แก้ว) งดชา กาแฟ เครื่องดื่มที่มีคาเฟอีน รวมถึงเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ และเลือกฉีดแขนข้างที่ไม่ค่อยถนัด
  3. สำหรับผู้ที่รับประทานยาละลายลิ่มเลือดอยู่ สามารถทานยาได้ตามปกติ แต่เมื่อฉีดยาแล้วให้กดนิ่งตรงตำแหน่งที่ฉีดต่ออีก 1 นาที หลังฉีดแล้วเจ้าหน้าที่จะให้รอสังเกตอาการในบริเวณสถานที่ฉีดอีก 30 นาที
  4. หลังจากฉีดวัคซีนอย่างน้อยสองวัน พยายามไม่ใช้งานแขนข้างนั้น ไม่ควรเกร็งยกของหนัก และไม่ควรบีบนวดบริเวณที่ฉีดวัคซีน
  5. ในกรณีที่มีไข้ หรือปวดเมื่อยมากจนทนไม่ไหว สามารถกินยาพาราเซตามอลขนาด 500 มิลลิกรัม ครั้งละหนึ่งเม็ด (กินซ้ำได้ถ้าจำเป็น) แต่ให้ห่างกัน 6 ชั่วโมง ห้ามกินยาจำพวก Brufen, Arcoxia, Celebrex เด็ดขาด

เซฟตัวเอง! เตรียมตัวก่อนและหลังฉีด "วัคซีนป้องกันโควิด-19" ควร-ไม่ควร ทำอะไร?

หลังฉีดวัคซีนโควิด-19 ไปแล้ว ควรฉีดกระตุ้นให้ร่างกายสร้างภูมิคุ้มกันโรคอีกครั้งเมื่อไหร่?

วัคซีนโควิด-19 ที่มีใช้ในไทย ทั้ง แอสตร้าเซนเนก้า และซิโนแวค เป็นวัคซีนที่ต้องฉีดรวม 2 เข็ม เพื่อกระตุ้นภูมิคุ้มกันให้มีประสิทธิภาพ แต่ขั้นตอนของการฉีดวัคซีนซ้ำหลังจากนั้น ยังไม่มีผลการศึกษามากพอที่จะระบุได้ว่าจะต้องฉีดกระตุ้นซ้ำอีกครั้งเมื่อไหร่

แล้วยังต้องฉีดวัคซีนป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่หรือไม่?

ปกติคนเราจะทำการฉีดวัคซีนซ้ำเป็นประจำทุกปีเพื่อกระตุ้นภูมิคุ้มกัน ตัวอย่างเช่น การฉีดวัคซีนป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่ช่วงฤดูฝน แต่การที่ต้องฉีดวัคซีนโควิด-19 ในสภาวะเร่งด่วน ทำให้หลายคนกังวลใจว่าวัคซีนทั้ง 2 ชนิด ที่ฉีดในเวลาไล่เลี่ยกัน อาจทำให้เกิดผลเสียกับร่างกาย ซึ่งเรื่องดังกล่าวไม่เป็นความจริงแต่อย่างใด

ทั้งนี้ นายแพทย์วิทยา ได้ให้คำแนะนำว่า “การเข้ารับวัคซีนไข้หวัดใหญ่ ควรเว้นระยะห่างกับวัคซีนโควิด-19 ก่อนหรือหลังก็ได้ เป็นเวลาอย่างน้อย 1 เดือน” หรือในกรณีที่อยู่ในกลุ่มเสี่ยงที่ได้รับวัคซีนโควิด-19 เข็มแรกไปแล้ว ให้พิจารณาขึ้นกับชนิดของวัคซีนโควิด-19 ที่ฉีดควบคู่ไปด้วย

เซฟตัวเอง! เตรียมตัวก่อนและหลังฉีด "วัคซีนป้องกันโควิด-19" ควร-ไม่ควร ทำอะไร?

วัคซีนแอสตร้าเซนเนก้า (AstraZeneca) จะมีทางเลือกอยู่ 2 ทาง

  • สามารถรับวัคซีนไข้หวัดใหญ่คั่นระหว่างกลางก็ได้ แต่ต้องเว้นระยะหลังฉีดวัคซีนโควิด-19 เข็มที่ 1 ไปแล้ว 1 เดือน
  • แต่ถ้าต้องการฉีดวัคซีนโควิด-19 ให้ครบ 2 เข็มก่อน ก็สามารถฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ได้เช่นกัน แต่ต้องเว้นระยะอย่างน้อย 1 เดือน หลังฉีดวัคซีนโควิด-19 เข็มที่ 2

วัคซีนซิโนแวค (Sinovac) ฉีดให้ครบ 2 เข็มก่อน จากนั้นเว้นระยะ 1 เดือน แล้วจึงเข้ารับวัคซีนไข้หวัดใหญ่ตามฤดูกาลต่อไป


ข้อมูล : นายแพทย์วิทยา วันเพ็ญ ผู้ช่วยผู้อำนวยการ โรงพยาบาลพระราม 9

ภาพ : Pexels

 

บทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ

“อย่าหยุดออกกำลังกาย” เสริมภูมิคุ้มกันเพิ่มขึ้น 50% หลังฉีดวัคซีนป้องกัน COVID-19

ไขข้อสงสัย หากผู้ป่วย “ไทรอยด์” ติดโควิด-19 จะเสี่ยงอาการหนักกว่าเดิมหรือไม่?

‘ลิ่มเลือดอุดตัน’ ผลข้างเคียงวัคซีนโควิด-19 จริงหรือ? และใครที่ไม่สามารถฉีดวัคซีนได้

 

 

Praew Recommend

keyboard_arrow_up