สครับผิว

DO & DON’T ทริค ‘สครับผิว’ เปลี่ยนผิวแห้งกร้านให้กลับมาเนียนนุ่ม ชุ่มชื้น

Alternative Textaccount_circle
สครับผิว
สครับผิว

เมื่ออายุมากขึ้น กระบวนการผลัดเปลี่ยนเซลล์ผิวจะด้อยประสิทธิภาพลง เมื่อต้องเผชิญกับมลภาวะและแสงแดดอย่างต่อเนื่อง ทำให้เกิดการสะสมของเซลล์ผิวที่เสื่อมสภาพ เป็นสาเหตุของผิวหมองคล้ำ และการอุดตันของรูขุมขน แบรนด์ผลิตภัณฑ์เพื่อการดูแลสุขภาพผิวและความงาม ‘ธัญ’ (THANN) ร่วมกับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านผิวหนังและความงาม แพทย์หญิงอวิกา รงค์ทอง จึงแนะนำ “วิธีเผยผิวเนียนกระชับ ดูกระจ่างใสอย่างมีสุขภาพดี” 

DO & DON’T ทริค ‘สครับผิว’ เปลี่ยนผิวแห้งกร้านให้กลับมาเนียนนุ่ม ชุ่มชื้น

แพทย์หญิงอวิกา รงค์ทอง แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านผิวหนังและความงาม แนะวิธีเผยผิวเนียนนุ่ม กระชับ ดูกระจ่างใสอย่างมีสุขภาพดีว่า “ปกติเซลล์ผิวของเราที่ตายแล้วจะผลัดเซลล์หลุดลอกออกได้เองทุก 28 วัน แต่ด้วยปัจจัยด้านอายุที่มากขึ้น และพฤติกรรมในการใช้ชีวิตของแต่ละคน อาจทำให้การผลัดเซลล์ผิวทำงานได้ช้าลง เช่น การพักผ่อนไม่เพียงพอ นอนดึก ดื่มน้ำน้อย สูบบุหรี่ ดื่มแอลกอฮอล์ โดนแสงแดดเป็นประจำ ปัจจัยเหล่านี้ส่งผลให้เซลล์ผิวเก่าผลัดตัวได้ช้าลง อาจก่อให้เกิดการอุดตันตามรูขุมขน และทำให้ผิวดูหมองคล้ำไม่กระจ่างใสได้ หากไม่มีการขจัดออกไป นานวันเข้าเซลล์ผิวที่ตายแล้วจะจับตัวกันทำให้ผิวดูแห้งหยาบกร้าน เกิดรอยย่นหรือหมองคล้ำ เกิดจุดด่างดำ เป็นสาเหตุของปัญหาผิวหนังต่างๆ ได้

การสครับผิว หรือการขัดผิว จึงเป็นอีกหนึ่งวิธีที่จะช่วยทำให้ผิวดูกระจ่างใสขึ้นและกลับมาเนียนนุ่มได้อีกครั้ง เพราะการสครับผิวจะช่วยกระตุ้นการผลัดเปลี่ยนเซลล์ที่เสื่อมสภาพ หรือเซลล์ผิวที่ตายแล้วให้หลุดออกได้เร็วขึ้น เพราะการทำความสะอาดผิวด้วยสบู่เพียงอย่างเดียวนั้นไม่สามารถผลัดเซลล์ที่เสื่อมสภาพให้หลุดออกไปได้ ช่วยลดการสะสมสิ่งสกปรกบนผิวหนังที่ก่อให้การอุดตันของรูขุมขน ซึ่งเป็นสาเหตุของปัญหาผิวหมองคล้ำ

นอกจากนี้ การสครับผิวยังช่วยกระตุ้นระบบหมุนเวียนเลือดและน้ำเหลืองให้กับคนที่มีผิวแห้งกร้านให้กลับมาชุ่มชื้น สามารถกักเก็บน้ำได้ดี ส่วนคนที่มีผิวมัน การสครับผิวจะช่วยสร้างสมดุลของผิว โดยจะไปลดการผลิตน้ำมันของต่อมไขมันที่มากเกินไป ซึ่งการสครับผิวอย่างถูกวิธีสามารถทำได้ดังนี้

  • ควรเลือกใช้ผลิตภัณฑ์สครับผิวที่มีเม็ดสครับไม่ใหญ่จนเกินไป และควรเป็นเม็ดสครับที่มาจากธรรมชาติที่มีเนื้อสัมผัสไม่แห้งหรือแข็งจนเกินไป เพื่อหลีกเลี่ยงการระคายเคือง
  • ควรสครับผิวแบบเบามือที่สุด เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดริ้วรอยบนผิว โดยใช้มือขัดถูเป็นวงกลมเล็กๆ ให้ทั่วตัว และอาจเพิ่มระดับความแรงในการสครับบริเวณผิวที่หยาบกร้านและหมองคล้ำ เช่น ข้อศอก หัวเข่า และเท้าได้ แล้วล้างออกด้วยน้ำอุ่น และตามด้วยการอาบด้วยน้ำเย็น เพื่อเป็นการกระชับรูขุมขน
  • ช่วงเวลาที่เหมาะสมสำหรับการสครับผิว คือ เวลากลางคืน เพราะผิวจะได้ซ่อมแซมและสร้างเซลล์ผิวใหม่เพื่อมาทดแทนเซลล์ผิวเก่าที่ถูกขัดออกไป
  • ไม่ควรสครับผิวบ่อยเกินไป เพราะทำให้ผิวบางและแห้งง่าย ควรเว้นระยะให้ผิวได้สร้างเซลล์ผิวใหม่มาทดแทน ความถี่ที่เหมาะสมสำหรับการสครับผิว คือ สัปดาห์ละ 1-2 ครั้ง
  • ไม่ควรใช้ผลิตภัณฑ์หรือครีมที่มีส่วนผสมของกรดอัลฟา ไฮดรอกซี (Alpha hydroxyl acids) ที่มากจนเกินไป เพราะถึงแม้ว่ากรดดังกล่าวจะมีฤทธิ์ในการช่วยผลัดเซลล์ผิว แต่หากใช้ในปริมาณมากจนเกินไปจะทำให้ผิวถูกทำลายมากกว่าที่ควรจะเป็น
  • หลีกเลี่ยงการขัดผิวเมื่อรู้ว่าจำเป็นต้องไปในสถานที่ที่มีแสงแดดจัด และไม่ควรทำการขัดผิว อย่างน้อย 48 ชั่วโมง ก่อนไปในบริเวณที่มีแสงแดดมาก เพราะการขัดผิวทำให้ผิวบางลง ผิวจะมีความไวต่อแสงแดดมากขึ้นตามไปด้วย

การบำรุงผิวให้ชุ่มชื้นหลังการสครับผิวนั้นถือว่าเป็นสิ่งสำคัญมาก เพราะผิวจะค่อนข้างบอบบางและแห้งได้ง่ายหลังจากการสครับ ดังนั้น จึงควรบำรุงผิวด้วยผลิตภัณฑ์ที่สามารถเติมเต็มความชุ่มชื้นให้กับผิว ควรเลือกชนิดที่ไม่ทิ้งความมันส่วนเกิน ไม่อุดตันรูขุมขน และมีส่วนผสมของสารสกัดธรรมชาติที่มีคุณสมบัติในการมอบความชุ่มชื้นและฟื้นฟูสภาพผิว อย่างสารสกัดจากใบชิโซะ (Shiso) ที่มีความโดดเด่นในด้านการให้ความชุ่มชื้น ช่วยฟื้นฟูเซลล์ผิวจากความแห้งกร้านและการเสื่อมสภาพของผิว อีกทั้งยังช่วยยับยั้งการทำงานของเอนไซม์ไทโรซิเนส (Tyrosinase Inhibitor) ในกระบวนการสร้างเม็ดสีเมลานิน (Melanin) หรือผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมน้ำมันธรรมชาติ เช่น น้ำมันรำข้าว น้ำมันโจโจ้บา และเชียร์ บัทเตอร์ เป็นต้น 

โดยแนะนำให้ทาแบบนวดวนลงบนผิว เพื่อให้เนื้อครีมซึมซาบเข้าสู่ผิวได้อย่างล้ำลึก และหากจำเป็นต้องออกไปเผชิญแสงแดดก็ควรทาครีมกันแดดเพื่อป้องกันผิวด้วย”


ภาพ : Pexels

บทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ

Praew Recommend

keyboard_arrow_up