ใบเฟิร์น พิมพ์ชนก

12 ปีในวงการบันเทิง “ใบเฟิร์น – พิมพ์ชนก” จากก้าวเล็กๆ สู่การขึ้นแท่นนางเอกคุณภาพ

Alternative Textaccount_circle
ใบเฟิร์น พิมพ์ชนก
ใบเฟิร์น พิมพ์ชนก

“เฟิร์นไม่ได้ดังเร็ว…กว่าจะเข้ามาอยู่ตรงนี้ไม่ง่าย” กว่า 12 ปีในวงการบันเทิงของ “ใบเฟิร์น – พิมพ์ชนก ลือวิเศษไพบูลย์” ไม่มีวันไหนที่เธอหยุดเรียนรู้ เราจึงไม่แปลกใจเลยที่วันนี้ใบเฟิร์นก้าวขึ้นมาเป็นนักแสดงที่มีแฟนๆ หลงรักมากมาย

12 ปีในวงการบันเทิง “ใบเฟิร์น – พิมพ์ชนก” จากก้าวเล็กๆ สู่การขึ้นแท่นนางเอกคุณภาพ

ถ้าย้อนกลับไปตั้งแต่ สิ่งเล็กเล็กที่เรียกว่ารัก (2553) คิดว่าการเดินทางกว่า 12 ปีนี้เป็นอย่างไร

“12 ปีแล้วเหรอคะ (ตกใจ) นานเหมือนกันเนอะ เฟิร์นคิดว่าตัวเองได้ผ่าน ช่วงเวลามาหลายรูปแบบ ตั้งแต่ช่วงที่ยังไม่ค่อยมีงาน มาถึงช่วงที่งานเยอะ ทั้ง เยอะแบบว้าวุ่นใจและเยอะแบบที่ปล่อยวางได้ จนมาถึงช่วงนี้ที่เติบโตจากข้างใน มากขึ้น ในด้านของจิตใจ ความคิด เฟิร์นรู้สึกปล่อยวางได้ง่ายขึ้น สบายขึ้น แล้วมีความสุขในทุก ๆ วันมากขึ้นด้วย คือมีความลงตัว เรียบง่าย แม้ปริมาณ งานมากขึ้น แต่กลับรู้สึกว่าทุกอย่างสมู้ท

“เฟิร์นมองว่าเป็นกราฟที่ค่อย ๆ ขึ้น ถ้าเป็นเรื่องปัจจัยภายนอก ช่วง 2 – 3 ปีหลังงานค่อนข้างเยอะ แต่ถ้าเป็นมุมการเติบโตภายใน จากเมื่อก่อนที่รู้สึกว่า ตัวเองสะวิงมาก ๆ ช่วงปีที่ผ่านมาใจนิ่งขึ้น สงบขึ้นเยอะค่ะ”

วางแผนเรื่องการทำงานอย่างไรบ้าง

“เฟิร์นไม่ได้เป็นแนวแพลนชีวิตมากนัก คืออะไรมาอยู่ตรงหน้าก็จะตั้งใจ ทำสิ่งนั้นให้ดี โฟกัสแค่สิ่งนั้นเลย อย่างช่วงที่ผ่านมาจะเห็นว่าเฟิร์นมีงานแฟชั่น เยอะขึ้น เพราะละครปิดกล้องหมดแล้ว จึงมีเวลา โฟกัสกับการถ่ายแบบ ได้ลองอะไรใหม่ ๆ เพิ่มขึ้น ซึ่งเฟิร์นก็อยากทำให้เต็มที่เช่นกัน คนก็เลยได้เห็น พาร์ตฝั่งนี้เยอะขึ้น เป็นเหมือนจังหวะเวลาชีวิต

“เพราะเฟิร์นก็ไม่ได้คิดจะทำแค่งานละครเป็น หลัก ถ้ามีเวลาก็อยากลองทำหลาย ๆ อย่างตามโอกาส ที่เข้ามาค่ะ”

ใบเฟิร์น พิมพ์ชนก

บทไหนที่ได้รับการติดต่อแล้วตกใจที่สุด

“บทก้านแก้วในเรื่อง หลงไฟ ค่ะ ตอนแรกที่อ่านยังคิดกับตัวเองเลยว่า เล่นไม่ได้หรอก จะเอาปัญญาที่ไหนไปแสดง แต่ลึก ๆ อยากเล่นมากเลยนะ เพียงแต่พอยังไม่เคยทำ จึงคิดไปก่อนว่าทำไม่ได้ ไม่มั่นใจในความสามารถของ ตัวเอง

“แต่เพราะใจเราอยากทำให้ได้ จึงอุทิศเวลาทั้งหมดให้กับการเรียน ฉัน จะเรียน จะฝึกฝน จะต้องทำให้ได้ ซึ่งตอนที่ผลงานออกมา เฟิร์นก็ไม่คิดว่า กระแสจะดีขนาดนี้ ตอนนั้นขอแค่แสดงแล้วคนเขียนบทไม่ผิดหวัง หรือตอน ออกกอง ผู้กำกับและนักแสดงทุกคนต้องไม่มารอเราคนเดียว หวังแค่นั้นจริง ๆ ค่ะ ขอให้แต่ละวันผ่านไปด้วยดีก็ดีใจแล้ว

ชนก แต่พร้อมจะแสดงเป็นตัวละครนั้น ๆ เพราะเฟิร์นชอบการเป็นนักแสดง รู้สึกสนุกและมีความสุขกับตัวละครที่ได้แสดงบทบาทต่าง ๆ มันทำให้เราได้ ลองอะไรใหม่ ๆ ที่ในชีวิตอาจจะไม่มีโอกาสได้ทำ”

อาชีพนักแสดงให้อะไรกับใบเฟิร์น

“ได้ประสบการณ์ที่มากกว่าชีวิตของใบเฟิร์น – พิมพ์ชนก คนเดียวจะเจอได้ค่ะ เพราะพอเราได้เป็นตัวละครต่าง ๆ ได้สัมผัสประสบการณ์ที่พิเศษมาก ๆ ได้เรียนรู้ วิธีคิดของคนหลากหลายแบบ และอีกหลายมุมที่อยู่ในตัวเรา ทำให้เราเข้าใจคนอื่น เพิ่มขึ้นด้วย

“เพราะชีวิตจริงของเฟิร์นไม่ได้หลากหลายนัก แต่พอสวมบทเป็นตัวละคร ได้ไปอยู่ในวิธีคิดใหม่ ๆ ได้เข้าไปอยู่ในตรงนั้น ได้คิดแบบเขา ทำแบบเขา เหมือนเราได้พาตัวเองไปใช้ชีวิตที่มากกว่าชีวิตปกติของเราจะทำได้ และพอเรา เข้าใจตัวละคร ก็เหมือนเราได้เข้าใจเพื่อนมนุษย์อีกมากมาย เข้าใจว่าคนเรามี ความแตกต่างกัน ไม่ได้มีแค่ถูกหรือผิด ขาวหรือดำ ซึ่งมันทำให้เราใจกว้างขึ้น เข้าอกเข้าใจคนอื่น ใจเย็นมากขึ้น แล้วก็ตัดสินคนอื่น น้อยลงค่ะ”

ใบเฟิร์น พิมพ์ชนก
ขอบคุณสำหรับรางวัล #ซุปตาร์หญิงมหาชน จาก Tvpool Stars party Retire&Reborn นะคะ

การทำงานที่มีทั้งขึ้นและลง นางเอกคนนี้เคยมีช่วงท้อบ้างไหม

“เฟิร์นไม่เคยมีช่วงท้อกับความดังหรือไม่ดัง นะคะ คงเพราะไม่ได้โฟกัสว่าต้องดัง เราแค่อยาก แสดง ดีใจที่ได้แสดง ฉะนั้นละครจะดังหรือไม่ดัง ก็ไม่เป็นไร เพราะเรามีความสุขที่ได้แสดงแล้ว”

เคยวาดภาพไว้ไหมว่าอายุเท่าไรจะต้องได้รางวัล หรืออยากทำงานไปจนถึงเมื่อไหร่

“ตอนเฟิร์น 8 ขวบเคยคิดว่าอยากแต่งงาน ตอนอายุ 25 ปีแล้วมีลูก แต่ตอนนี้มันเลยไปแล้ว (หัวเราะ) ถ้าถามปัจจุบันนี้ก็คงอยากมีชีวิตที่ดี ดูแล ตัวเองได้ รวมถึงอยากเป็นนักแสดงที่ดีเหมือนเดิม ได้แสดงไปเรื่อย ๆ จนกว่าจะหมดแรง ได้ทำงานที่รัก ด้วยความรัก ไม่ใช่ทำงานที่รักเพราะต้องหาเงินอย่างเดียว”

เคยมีภาวะงานเยอะจน Burnout บ้างไหม

“เคยนะคะ แต่มันเป็นการ Burnout ด้วยปริมาณงานที่มาก งานเร่ง จากองค์ประกอบหลาย ๆ อย่าง เช่น หลังจากสถานการณ์โควิด ทำให้งานต่าง ๆ ถูกเร่งขึ้นมา ซึ่งเราก็เข้าใจ เพราะถ้าถามใจจริง เราดีใจนะที่มีงานเยอะ เราแค่ ต้องมีความรับผิดชอบและทำให้ดีที่สุด

“ซึ่งมันก็เป็นแค่ช่วงเวลาหนึ่งเท่านั้น พอผ่านมาได้ ชีวิตก็กลับมาเหมือนเดิม เรารู้ว่าต้องบาลานซ์ชีวิตตัวเองอย่างไร ทุกอย่างต้องพอดีนะ และด้วยความที่งาน เป็นสิ่งที่เรารัก จึงไม่จำเป็นต้องหาอะไรมาเติมหรือเพิ่มพลัง เพราะการที่ตื่นมา ทุกเช้า ออกไปทำงาน มันไม่ใช่ความทุกข์ใจ แต่เป็นความสนุกที่ได้ทำในสิ่งที่รัก ค่ะ” (ยิ้ม)

ใบเฟิร์น พิมพ์ชนก
ขอบคุณสำหรับรางวัล​นักแสดงนำหญิงยอดเยี่ยมในละครโทรทัศน์​ (Best Female Lead in a TV Programme) จาก​เวที #ContentAsiaAwards2022 นะคะ​ เป็นเกียรติกับใบมากๆ ขอบคุณผู้ใหญ่ช่อง​ 3 คุณดิว​ คุณสมรักษ์ พี่นกจริยา​ ที่ให้โอกาสใบในบทงาม​ #สร้อยสะบันงา ขอบคุณพี่ๆผู้กำกับ​ เพื่อน​ๆนักแสดง และทีมงาน​ทุกท่านด้วยค่ะ​

มีคำพูดให้กำลังใจหรือชมตัวเองบ้างไหม

“ไม่ค่อยมีนะคะ อาจเพราะเฟิร์นไม่ได้ดังเร็ว กว่าจะเข้ามาอยู่ตรงนี้ไม่ง่ายเลย กว่าจะได้อะไรมาสักอย่างก็ยากมาก จึงรู้สึกว่า โอ๊ย…กว่าฉันจะได้มาอยู่ตรงนี้ ยากนะ เคยแคสติ้งงานโฆษณา 30 – 40 งาน ได้แค่งานเดียวหรือไม่ได้เลย หรือกว่าจะได้เล่นละครสักเรื่อง ต้องไปยืนรอแคสติ้งหลายชั่วโมง

“พอได้เล่นก็ใช้เวลานานมากกว่าจะได้มีบทพูด เพราะเมื่อก่อนงานเดินผ่าน กล้อง 300 บาทเราก็ทำ คือกว่าจะได้งานสักชิ้นมันยากมากน่ะ ฉะนั้นเฟิร์นจึง รู้สึกว่าวันนี้ที่ได้อยู่ในบทละครที่ดี ได้ทำงานกับผู้กำกับและผู้จัดละครที่ไว้ใจเรา แล้วก็ยื่นบทแบบนี้มาให้เล่น มันไม่ได้เหนื่อยขนาดนั้นหรอก เพราะเราเคยผ่าน วันที่ไปนั่งรอเป็นวันเพื่อพูดบทแค่ 1 ประโยคมาแล้ว”

รู้สึกอย่างไรที่ความพยายามพามาถึงวันที่หลายคนยกให้เป็น นางเอกคุณภาพ

“ดีใจนะคะ (ยิ้ม) แต่ก็ยังต้องเรียนอยู่ คือพยายามพัฒนาตัวเองไปเรื่อย ๆ เฟิร์นรู้สึกว่าทุกอย่างเกิดจากความพยายามและความตั้งใจของเรา ขณะเดียวกัน เราก็ยังขาดความมั่นใจในตัวเองอยู่ลึก ๆ ทุกครั้งที่ได้รับงานใหม่มา เฟิร์นจะต้อง ไปเรียนเพิ่มเสมอ

“อย่างตอนนี้ห่างหายจากการเล่นละครไปประมาณ 1 ปี รู้สึกว่าตัวเอง จะเล่นไม่เป็นแล้ว กลัวจะทำได้ไม่ดี ซึ่งมันเป็นสิ่งที่ติดอยู่ในใจมาตลอด ทั้ง ความไม่มั่นใจ ความกลัว ความตื่นเต้น รู้สึกว่าต้องไปเรียนเพิ่มอีก ซึ่งบางครั้ง ก็แอบรำคาญตัวเองนะ” (หัวเราะ)

มีงานที่มั่นใจที่สุดแบบไม่มีความกังวลเลยไหมคะ

“แทบไม่มีเลยนะ อย่างงานลงเสียงอาจจะไม่ได้ตื่นเต้นมาก แต่ถ้าลงเสียง โฆษณาก็ต้องขอสคริปต์มาทำการบ้านล่วงหน้าอยู่ดี ต้องทวน ต้องซ้อมไปก่อน

“เพราะการทำการบ้านจะช่วยลดความไม่มั่นใจ ทุกอย่างจะแก้ได้ด้วยการ เตรียมพร้อม ส่วนที่เหลือก็ปรับตามหน้างาน ตามผู้กำกับและโปรดิวเซอร์อีกทีหนึ่ง”

ใบเฟิร์น พิมพ์ชนก

เรียกว่าใบเฟิร์นทำการบ้านไปเต็มร้อยทุกงาน

“เต็มร้อยค่ะ แต่ก็จะเผื่อใจไว้ด้วยว่าอาจจะไม่ตรงกับทิศทางของผู้กำกับ ไม่ตรงกับทีมงาน แต่เราทำการบ้านละเอียด เฟิร์นรู้หมดเลยว่าก่อนหน้านี้ ตัวละครไปไหนมา ทำอะไรมาก่อน ข้อมูลจะเป๊ะ ไม่อย่างนั้นนอนไม่หลับค่ะ เคยคิดมากถึงขนาดฝันว่าตัวเองไปยืนอยู่หน้าเซตแล้วพูดไม่ได้ ลืมบททั้งหมด (หัวเราะ)

“แม้จะทำงานมาเป็น 10 ปีแล้ว ก็ยังต้องทำการบ้าน ทำแบบนี้ทุกเรื่อง ไม่ว่าจะเลิกกองดึกขนาดไหน ก็จะเห็นภาพเฟิร์นนั่งอ่านบทตลอด ไม่เคยมี วันไหนที่ไม่เตรียมตัวอ่านบทไปก่อนสักวันในชีวิตที่ผ่านมา คือในการทำงานเฟิร์น ค่อนข้างเป๊ะค่ะ แต่เรื่องอื่นในชีวิตชิลมากนะ”

ถ้าให้เลือกข้อดีของตัวเอง 3 ข้อ

มีวินัย จริงใจ (หยุดคิด) และมองโลกในแง่ดีค่ะ คำว่ามีวินัยคือ รับผิดชอบทุกอย่างที่ได้รับมอบหมาย มีวินัยคือรู้ว่าพรุ่งนี้ต้องทำอะไร ต้องตื่น กี่โมง สิ่งที่ต้องทำมีอะไรบ้าง ถ้าในวันทำงานเฟิร์นจะค่อนข้างมีตารางเวลาชัดเจน หรือเวลานัดเพื่อนก็ไปถึงคนแรกเสมอ อย่างนัดกันไปตีแบดก็ไปถึงคนแรก นั่งรอ คอร์ตเปิด โทร.ตามเพื่อน เป็นคนตรงเวลาจนบางครั้งเพื่อนรำคาญ (หัวเราะ)

“ต่อมาความจริงใจ เฟิร์นไม่คิดร้ายกับใคร มีอะไรจะพูดกันตรง ๆ ว่า เราไม่เห็นด้วย หรือเขาทำแบบนี้ไม่ดีนะ และข้อสาม มองโลกในแง่ดี อาจ คล้ายกับข้อสอง คือไม่คิดร้ายกับใครค่ะ”


ที่มา : นิตยสารแพรว​ ฉบับ 988

ภาพ : baifernbah

บทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ

Praew Recommend

keyboard_arrow_up