ทำความรู้จัก! ก๊วนคนข่าวเช้า “ต้น-ศุภโชค โอภาสะคุณ” “บอล-สถาปัตย์ แพทอง” “กรุ๊งกริ๊ง-รังสิมา ศฤงคารนฤมิตร” แห่งช่องอมรินทร์ทีวี
“ต้น-ศุภโชค โอภาสะคุณ” เบื้องหน้า + เบื้องหลังทีมคุณภาพ
“ต้น-ศุภโชค โอภาสะคุณ” พี่ใหญ่ของรายการข่าวอรุณอมรินทร์ ทำหน้าที่ผู้ประกาศควบกับบรรณาธิการบริหาร ใช้ความมากประสบการณ์ดูแลงานเบื้องหลังทุกกระบวนการ คัดเลือกข่าวที่สร้างกระแสนิยม รวมถึงย่อยข่าวยากๆ ให้เข้าใจง่าย
“ก่อนจะมาทำงานที่อมรินทร์ทีวี ผมทำงานข่าวมาทุกรูปแบบ ตั้งแต่เป็นนักข่าวภาคสนาม เขียนข่าว ผู้ประกาศข่าวต้นชั่วโมง จนถึงข่าวภาคดึก กระทั่ง 2 ปีที่แล้ว ผมมารับหน้าที่เป็นผู้ประกาศของรายการข่าวอรุณอมรินทร์ ต้องบอกว่าเป็นครั้งแรกในชีวิต ที่เข้านอน 6 โมงเย็น ตื่น 5 ทุ่มเพื่อไปทำงานตอนเที่ยงคืน เนื่องจากต้องไปดูงานเบื้องหลัง เพราะรับหน้าที่บรรณาธิการบริหารข่าวด้วย ซึ่งความยากของงานเป็นคนละแบบ งานเบื้องหลังต้องดูตั้งแต่การวางโครงข่าว คัดข่าวจากทีม บ.ก. มาเรียงลำดับแล้วตรวจอีกรอบ ขั้นตอนที่ยากที่สุดคือการคัดข่าวจำนวนหลายร้อยให้เหลือ 60-70 ข่าว และต้องลุ้นว่าข่าวแบบไหนที่ผู้ชมอยากดู ส่วนงานเบื้องหน้าก็ยากอีกแบบ เพราะถ้าเป็นข่าวดังที่ทุกช่องนำเสนอ แต่เราจะนำเสนอเรื่องเดียวกันนั้นยังไงให้น่าสนใจและเข้าใจง่าย สำหรับตัวผมเองไม่อ่านข่าวตามสคริปต์ จะดูแค่หัวข้อเรื่อง แล้วจับประเด็นข่าวมาเล่าในสไตล์ของตัวเอง ที่สำคัญคือต้องย่อยข่าวยากให้เข้าใจง่าย จุดเด่นของข่าวอมรินทร์คือครบถ้วนทั้งสาระและความสนุกสนาน ทุกวันนี้ดูข่าวเหมือนดูละคร มีความสนุกและดราม่าในตัว ผู้ชมจึงอยากติดตาม
“แน่นอนว่าเรื่องลุ้นของคนทำข่าวมีทุกวันครับ อย่างวันที่มีข่าวน้อย แถมยังไม่น่าสนใจ ซึ่งทีมงานจะนั่งรอโชคชะตาไม่ได้ ต้องช่วยกันค้นหาข่าวในโซเชียลมีเดียว่ามีอะไรน่าสนใจ แต่ไม่ได้อยู่ในแหล่งข้อมูลของเราบ้าง เป็นการทำงานแทบตลอดทั้งวัน หรือความที่เป็นรายการสด สมมติเราจัดเรียงลำดับข่าวมาเรียบร้อยแล้ว แต่มีข่าวอื่นที่เพิ่งเกิดสดๆ ร้อนๆ น่าสนใจกว่าแทรกเข้ามา ก็ต้องดึงขึ้นมาพูดทันที หน้าที่ของผมคือเตรียมตัวเองให้พร้อมเสมอ ดูไลน์จากทีมงานตลอดเวลา ในกรณีเป็นข่าวด่วน ทำสคริปต์ไม่ทัน ก็ต้องอ่านข้อมูลจากไลน์ โดยสรุปและเรียบเรียงให้ออกมาฟังเข้าใจง่ายที่สุด
“อุบัติเหตุในการจัดรายการสดอย่างหนึ่งคือการพูดผิด สมัยก่อนใช้วิธีขอโทษ แต่ผู้ชมจะตกใจว่าพูดผิดเหรอ จะดูผิดขึ้นไปอีก ผมจึงใช้วิธีเนียนๆ พอรู้ตัวว่าพูดผิด จะย้อนเล่าข่าวเรื่องนั้นใหม่อีกครั้งและพูดคำที่ถูกต้องแทน ส่วนเรื่องฮาๆ เบื้องหลังกล้องก็มี ความที่จัดรายการยาว 3 ชั่วโมง การเข้าห้องน้ำเป็นเรื่องลำบาก เพราะต้องทำให้ผู้ชมรู้สึกว่าเรานั่งอ่านข่าวอยู่ตรงนั้นตลอด แต่เคยมีครั้งหนึ่งช่วงที่เกิดคดียิงกราดที่โคราช เราจัดรายการสด 8 ชั่วโมงติดต่อกัน ซึ่งน่าจะยาวที่สุดในชีวิต วันนั้นใช้วิธีสะกิดน้องบอล (สถาปัตย์ แพทอง) กับกรุ๊งกริ๊ง (รังสิมา ศฤงคารนฤมิตร) ที่นั่งอยู่ข้างๆ กันว่า ‘พี่ไม่ไหวแล้ว’ (หัวเราะ) ส่งสัญญาณให้กล้องจับที่น้อง แล้วรีบวิ่งไปเข้าห้องน้ำ ซึ่งระยะทางระหว่างห้องน้ำกับห้องอัดก็ไกลอยู่ ไหนจะไวร์เลส ไหนจะไมค์ ถอดกางเกงแต่ละครั้งคือลำบากมาก แล้วต้องรีบวิ่งกลับมา
“ส่วนเรื่องไม่ขำในอาชีพคือความดราม่า โดนฟ้องร้อง ทั้งที่เรานำเสนอข้อเท็จจริง แต่ในอีกมุมบางครั้งข้อเท็จจริงก็ทำให้เขาเสียหายและฟ้องร้องเราได้เหมือนกัน ดีที่สุดคือใช้วิธีขอโทษและยอมความกันได้ ก็ต้องพยายามระวังการกระทบกระทั่งตรงนี้ แต่บางครั้งผมโดนต่อว่าจากโลกโซเชียลจากความเข้าใจผิด เช่น มีการตัดเนื้อหาไปโพสต์เพียงบางส่วน ทำให้ผิดความหมาย คนอ่านจึงคิดว่าเรื่องมีแค่นั้น ตอนเจอเหตุการณ์ดราม่าครั้งแรกพยายามไม่เครียด พอโดนมาสามสี่ครั้งก็คิดว่าความดราม่าเหมือนคลื่นสึนามิ ตอนที่คลื่นพัดมาแรงๆ อย่าฝืน ต้องยอมให้พัดผ่านไปก่อน สุดท้ายเราจะตั้งหลักได้
“ทำงานมาจนถึงวันที่ข่าวอมรินทร์ทีวีเป็นที่พูดถึง แต่พวกเราทีมงานบอกตัวเองว่า การจัดอันดับเรตติ้งทีวีดิจิทัลหรืออันดับของรายการมีการเปลี่ยนแปลงตลอด ไม่ว่าเราจะอยู่อันดับไหนก็พร้อมสู้ ทำหน้าที่ให้ดีที่สุด เพื่อให้ข่าวของเราเป็นที่พูดถึงตลอดไปครับ”
“บอล-สถาปัตย์ แพทอง” จากสายลุยสู่เวทีข่าวเช้า
“บอล-สถาปัตย์ แพทอง” 1 ใน 3 ผู้ประกาศข่าวต่างประเทศประจำข่าวอรุณอมรินทร์ ที่ผ่านงานมาแล้วทุกรูปแบบ ทั้งตะลุยม็อบ จนถึงกระทบไหล่ผู้นำประเทศต่างๆ ก่อนจะผันตัวมาเล่าข่าวต้อนรับผู้ชมเข้าสู่เช้าวันใหม่
“ก่อนหน้ามาอยู่อมรินทร์ทีวี ผมทำงานเป็นผู้สื่อข่าวและผู้ประกาศข่าวต่างประเทศที่สำนักข่าวแห่งหนึ่งมากว่า 10 ปี ซึ่งต้องทำเองทุกกระบวนการ ตั้งแต่คิดประเด็นสัมภาษณ์ แบกกล้องออกไปถ่าย ตัดต่อแล้วนำไฟล์วิดีโอไปออกอากาศ ผ่านงานภาคสนามมาแบบครบรส ลุ้นสุดคือการประท้วง Umbrella Revolution ที่ฮ่องกง นักศึกษาออกมารวมตัวกันเต็มเมือง ผมไปกินอยู่ในวงประท้วงของเขาร่วม 1 สัปดาห์ จนสถานการณ์ตึงเครียดถึงจุดที่เกิดการปะทะ ตีกันแบบไม่สนว่าใครเป็นใคร ผมต้องหนีเอาชีวิตรอด ปีนขึ้นไปยืนรายงานข่าวบนตู้โทรศัพท์ กระทั่งช่วงหนึ่งที่ผู้ประท้วงยืนจับมือกันเป็โล่มนุษย์ เพื่อไม่ให้ฝ่ายตรงข้ามทะลวงเข้ามา จึงพอมีจังหวะให้ผมกับช่างภาพวิ่งหนีออกมาได้ แต่เรื่องดีๆ ก็มีนะครับ อย่างการได้ไปทำข่าวการประชุม APEC ที่ปักกิ่ง ได้เจอผู้นำระดับโลกอย่างสีจิ้นผิงของจีน รวมถึงอีกหลายๆ ประเทศด้วย
“ดังนั้นพอมาอยู่ช่องอมรินทร์ทีวี ผู้ใหญ่จึงเห็นว่าเรามีศักยภาพทางด้านนี้อยู่พอสมควร จึงได้รับความไว้วางใจให้ดูแลข่าวต่างประเทศในช่วงเช้าเป็นหลัก ซึ่งผมรับผิดชอบตั้งแต่กระบวนการแรกไปจนถึงตอนอ่านข่าวให้ผู้ชมฟัง เริ่มจากหาข่าวตั้งแต่ช่วงตี 2 ไปจนถึงตี 5 เนื่องจากที่ยุโรปช้ากว่าเรา 6 ชั่วโมง ข่าวจากฝั่งนั้นจะเริ่มสรุปอัพเดตประมาณตี 3 บ้านเรา ผมจะสแกนข่าวทั้งหมดแบบรอบด้านจากหลายๆ แหล่ง รวมแล้วประมาณ 30-40 เรื่องต่อวัน แล้วเลือกที่น่าสนใจที่สุดออกมา 6-8 เรื่อง เกลี่ยน้ำหนักให้มีทั้งความหนักเบาเพื่อให้ครบรส รวมถึงดูภาพด้วย แล้วก็คุยกับฝ่ายตัดต่อว่าจะเล่าเรื่องและเรียงลำดับภาพแบบไหน รวมถึงแปลข่าวเป็นภาษาไทย เพื่อให้ฝ่ายตัดต่อรู้ว่าเราพูดถึงอะไร เขาจะได้ใส่ภาพไปได้เลย
“แต่ก็มีบางวันที่ใกล้เวลาที่ต้องเตรียมตัวจะออกอากาศแล้ว ยังหาข่าวน่าสนใจได้น้อยมาก วิกฤติสุดคือวันอาทิตย์กับวันจันทร์ เพราะตรงกับวันหยุดของโซนยุโรปกับอเมริกา ข่าวจึงน้อย ไม่ค่อยมีอะไร ผมต้องตัดสินใจเลือกเรื่องที่ดีที่สุดของวันนั้นให้ได้ เพื่อให้ลงสล็อตข่าวได้พอดี ทำให้หลายครั้งไม่มีเวลาแปลข่าว ต้องนำสคริ ปต์ที่เป็นภาษาอังกฤษมาเล่าสดเป็นภาษาไทยในรายการเลย ก็จะลุ้นๆ หน่อย ผมใช้วิธีอ่านจับประเด็น แล้วถ่ายทอดไปตามความเข้าใจ เพื่อให้คนดูได้สิ่งที่ดีที่สุดในเช้าวันนั้น
“ที่ต้องปรับตัวมากหน่อยสำหรับผมคือเวลานอน ช่วงแรกสภาพคล้ายซอมบี้เลย (หัวเราะ) เพราะนอนไม่หลับ บางทีตี 1 ต้องออกจากบ้านแล้ว 5 ทุ่มผมยังตาใสอยู่เลย แต่ไม่ว่าจะนอนน้อยแค่ไหน ผมถือคติไม่ให้ข้อจำกัดของตัวเองเป็นปัญหาของผู้ชม เมื่ออยู่หน้ากล้อง พลังผมจะมาเต็มทันที ดังนั้นเวลามีผู้ชมเข้ามาคอมเมนต์ รวมถึงการได้รับโอกาสจากผู้ใหญ่ให้ขยายเวลาออกอากาศของข่าวอรุณอมรินทร์จาก 2 ชั่วโมงเป็น 3 ชั่วโมง ก็ยิ่งดีใจและชื่นใจว่าสิ่งที่ทีมของเราทุ่มเททำกันมานั้น ผลิดอกออกผลเป็นกำลังใจให้เราตั้งใจทำงานต่อไป ขอสัญญากับคุณผู้ชมว่า จะพัฒนารายการให้ดีและสนุกขึ้นไปอีกครับ”
“กรุ๊งกริ๊ง-รังสิมา ศฤงคารนฤมิตร” แจกความสดใสรับอรุณ
“กรุ๊งกริ๊ง-รังสิมา ศฤงคารนฤมิตร” เธอเป็นสุดยอดแห่งสีสัน เล่าข่าวได้หลายอารมณ์ จะสนุกสนาน บันเทิง ซีเรียส ดราม่า ได้หมด แม้จะเจอมรสุมครั้งใหญ่จนต้องหายจากหน้าจอไปพักหนึ่ง แต่ตอนนี้เธอกลับมาแล้ว!
“ตั้งแต่ได้รับทาบทามให้มาทำข่าวอรุณอมรินทร์ กริ๊งก็หัวใจพองโตพุ่งไปอยู่ดาวอังคารเลยค่ะ (ยิ้ม) รู้สึกดีที่มีใครเห็นคุณค่าของเรา จึงตั้งใจทำงานแบบพลังล้นมาก โดยคอนเซ็ปต์ข่าวเช้าคืออารมณ์ดีและสนุก กริ๊งจึงต้องเล่นใหญ่ทุกเช้า (หัวเราะ) เพราะพี่พุทธ (พุทธ อภิวรรณ) บอกว่าการอ่านข่าวทุกวันนี้ไม่ใช่แค่การเล่าข่าว แต่เป็นละครข่าว ผู้ประกาศต้องเล่าแบบใส่อารมณ์เหมือนแสดงละคร เพื่อเรียกอารมณ์ร่วมจากคนดู ซึ่งกริ๊งว่าสนุกไปอีกแบบ แม้ตอนแรกจะมีหลายคนบ่นว่ารำคาญเสียงเราบ้าง แต่สักพักคนเดิมๆ นี่แหละที่บอกว่าดูไปเรื่อยๆ ก็ติดเหมือนกัน ต้องดูทุกวัน ขาดไม่ได้แล้ว เข้าใจว่าเสียงเราคงปลุกให้คนตื่นได้ ทำให้มีผู้ชมรู้จักเราสามคนและติดตามรายการข่าวเช้ามากขึ้นเรื่อยๆ
“แต่ยิ่งเป็นที่รู้จักเท่าไหร่ ก็ยิ่งมีจุดที่ต้องระวังมากขึ้น อย่างเรื่องพีคที่สุดที่เกิดขึ้นเมื่อไม่นานมานี้ คือกริ๊งนำเรื่องแฮชแท็กหนึ่งในทวิตเตอร์ที่วิพากษ์วิจารณ์รัฐบาลมาเล่าในรายการ แต่ด้วยความที่แฮชแท็กนั้นเป็นคำพูดไม่สุภาพ แม้จะนำมาดัดแปลงบางคำไปแล้ว แต่เมื่อออกอากาศจึงเกิดเป็นกระแสดราม่าต่อว่าว่าไม่เหมาะสม ซึ่งพอกริ๊งพยายามจะอธิบายชี้แจง กลายเป็นว่าเรื่องยิ่งบานปลาย จนถึงจุดหนึ่งที่ส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์องค์กร กริ๊งจึงถอยออกมาก่อน หยุดพักจากการอ่านข่าวเช้าไป ซึ่งยอมรับว่าท้อมาก แต่ก็ทำให้ได้คิดทบทวนว่า ต่อให้เป็นการนำความจริงมาพูด ก็ต้องคัดกรองพิจารณาเรื่องนั้นให้ถี่ถ้วนว่าคนฟังจะรับได้ไหม จะส่งผลกระทบอย่างไรต่อองค์กร และที่สุดจะย้อนกลับมาถึงตัวเราหรือเปล่า
“แต่อย่างน้อยในช่วงเวลานั้น ก็ทำให้กริ๊งได้เห็นว่ายังมีคนที่รอดูและให้กำลังใจเราอยู่อีกมาก มีการติดแฮชแท็กให้กำลังใจในโลกออนไลน์ มีข้อความส่งมาหากริ๊งเป็นการส่วนตัววันหนึ่งเป็นพันๆ ข้อความ ทั้งถามไถ่ว่าไปไหน เมื่อไรจะกลับมา หรือเวลาออกไปข้างนอก ก็มีคนเดินเข้ามาบอกว่ารอดูทุกวันเลยนะ เข้าใจสิ่งที่เกิดขึ้น วันหลังก็อย่าพูดแบบนั้น ยิ่งวันที่กริ๊งกลับมาอ่านข่าววันแรกนี่ โอ้โฮ คอมเมนต์จากผู้ชมที่ขึ้นหน้าจอนี่ไม่มีใครคุยเรื่องข่าวเลย มีแต่บอกว่าดีใจที่กริ๊งกลับมา (ยิ้ม)
“ต้องบอกว่าขอบคุณทุกกำลังใจจริงๆ ค่ะ ดีใจที่ได้กลับมาทำงานอีกครั้ง คิดถึงการอ่านข่าวมาก อยากบอกว่ากริ๊งยังเป็นคนเดิมที่สนุกสนานในแบบที่ผู้ชมคุ้นเคย แต่จะระวังคำพูดให้มากขึ้น โดยเฉพาะในประเด็นที่เปราะบาง และจะเก็บเรื่องดีๆ จากทุกคนไว้เป็นเหมือนดอกไม้แห่งกำลังใจ ตราบใดที่ยังมีผู้ชมรอดู กริ๊งก็อยากมาเจอเขาทุกวันเหมือนกันค่ะ”
ที่มา : นิตยสารแพรว ฉบับ 963
บทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ
ขอบคุณที่คอยเรียกชื่อตลอด! ความในใจ “เจี๊ยบ-จิตดี” ผู้ประกาศข่าวหญิงมือรางวัล
เปิดใจ “ไอซ์-สารวัตร” นักข่าวสายลุย พร้อมบุกทุกสนาม จากบ้านกกกอกถึงการชุมนุม
คนข่าวดาวรุ่ง ฝ้าย-ธนญญ์นภสสร์ เล่าเบื้องหลังความหิน กว่าจะเป็นทุบโต๊ะข่าว