BOYY Cover

Mink Ploy ความผูกพันของสองเพื่อนสนิทสายแฟชั่นที่เหนียวแน่นมาถึงยี่สิบปี

BOYY Cover
BOYY Cover

ความผูกพันของสองเพื่อนสนิทสายแฟชั่นที่เหนียวแน่นมาถึงยี่สิบปี เสาวคนธ์ พรพัฒนารักษ์ และ แสงแข เหมกมลเศรษฐ์ กับตัวตนสนุก ๆ ที่ไม่มีใครรู้สไตล์การทำงานสุดลุยและดีเอ็นเอแฟชั่นในทุกอณู

BOYY 1

Mink Ploy ความผูกพันของสองเพื่อนสนิทสายแฟชั่น

ที่เหนียวแน่นมาถึงยี่สิบปี

“มิ้งค์กับพลอยเราเรียนที่เดียวกันที่มหาวิทยาลัยกรุงเทพ มิ้งค์เป็นแฟนคลับพลอยมาก่อนเห็นคนนี้แล้วชอบ เราเป็นคนชอบคนสวย ชอบผู้หญิงขาสวย (หัวเราะ) ก็แอบมองเขามาตลอด ซึ่งเราไม่ได้สนิทกันนะ แต่เดินในมหาลัยเห็นกันตลอด” คุณมิ้งค์เริ่มเล่าถึงความประทับใจเริ่มต้นพลางหันไปหาเพื่อนซี้ที่นั่งข้าง

คุณพลอยเสริม “ใช่ ๆ ตอนอยู่มหาลัยพลอยจะได้ยินว่า มีคนนึงหน้าคล้ายพลอย ตอนแรกก็จริงเหรอพอพลอยได้เห็นมิ้งค์ ก็ใช่นะ หน้าเรามีความคล้ายกัน (หัวเราะ)

BOYY 2

คุณมิ้งค์เล่าต่อ “กว่าเราจะได้มาคุยกันก็ช่วงท้าย ๆ ปีสี่ ใกล้เรียนจบมหาลัยถึงได้บอกความในใจกับเขาว่า เราปลื้มมากช่วงนั้นมีติดรถมาสยามด้วยกัน พอเรียนจบพลอยไปเรียนต่างประเทศก่อนที่อเมริกา ส่วนมิ้งค์ไปเรียนที่ออสเตรเลีย มิงค์ก็ยังเป็นแฟนคลับเขาอยู่นะ มีเขียนจดหมายไปหา พลอยก็เขียนจดหมายตอบกลับมีส่งรูปแนบมาด้วย เราก็เขียนส่งหากันแบบนี้ไปมา (หัวเราะ) จนมิ้งค์ได้ไปเรียนอเมริกาเราเลยได้เจอกันอีกครั้ง ตอนนั้นมิ้งค์อยู่ที่แอลเอพลอยอยู่ที่ซานฟรานซิสโก คนที่ไปเรียนจะอยู่ ม. กรุงเทพรุ่น ๆ เดียวกันก็นัดมาเจอกัน เราเลยได้สนิทกันมากขึ้น ไปเที่ยวกรุ๊ปเดียวกันพอกลับมาเมืองไทย เราก็ยังคงไปแฮงค์เอ้าท์ด้วยกันอยู่จนถึงตอนนี้เรารู้จักเป็นยี่สิบปีได้”

“ถ้าจะบอกว่าประทับใจอะไรในกันและกัน พลอยประทับใจมิ้งค์ที่เป็นคนตรง ๆ จริงใจและจริงจัง เวลาเขาพูดอะไรมาเราเหมือนว่าไม่ต้องคิดต่อ ถ้าเป็นเรื่องแฟชั่นตอนนี้ต้องยกให้มิ้งค์เขา (หัวเราะ) ตอนนี้กลายเป็นพลอยต้องตามมิ้งค์ ติดตามเพื่อนเราเขาสวยวันสวยคืนชมทิ้งท้ายก่อนหันมาทางคุณมิ้งค์ให้เล่าบ้าง

“มิ้งค์ว่าเราไม่ต้องพูดกันเยอะ เหมือนมองตากันก็รู้เรารู้จักกันนาน มาเวลาเป็นยี่สิบปี ระหว่างนั้นก็มีออนออฟช่วงสนิทมาก ช่วงห่าง ๆ แต่ว่าในความรู้สึกเรายังต่อกันติดเสมอ จากตอนแรกชอบพลอยที่รูปลักษณ์ภายนอก แต่พอได้รู้จักเขานิสัยดีด้วยใครได้อยู่ใกล้คุยด้วยแล้วจะสบายใจ ไม่เคยพูดจาทำร้ายจิตใจใคร พลอยเป็นคนให้คำแนะนำได้ดีบนพื้นฐานของความจริง ครอบครัวเราเคยไปเที่ยวด้วยกัน มิ้งค์ยังรู้สึกว่าเราเป็นลูกคุณพ่อเขาคนนึง แล้วคุณพ่อเขาก็หน้าคล้ายคุณพ่อเรา มีหลายคนที่เคยคุยกับเราทั้งคู่ ยังบอกเลยว่าคุยกับพี่พลอยเหมือนคุยกับพี่มิ้งค์เลย ลูกเราทั้งคู่ยังหน้าตาคล้ายกัน เหมือนเกิดในตระกูลเดียวกัน มิ้งค์เองยังคิดว่าลูกตัวเองหน้าคล้ายพลอยมากกว่าตัวเองอีก แถมหัวทุยสวยเหมือนพลอยด้วย” (หัวเราะ)

BOYY 3

THE BOSS

แต่ละคนเรียกได้ว่าเติบโต และประสบความสำเร็จในงานที่ตัวเองเลือก และชอบคุณพลอยกับแบรนด์แฟชั่น ที่เต็มไปด้วยสไตล์และดีเอ็นเอในแบบของตัวเอง ‘Saengkhae’ ที่ตอนนี้แตกไลน์เพิ่ม ‘Saengkhae Home & Bed’ เน้นสินค้าไลฟ์สไตล์เป็นหลักและยังคงเป็นดีไซเนอร์ให้แบรนด์กระเป๋า Viera by Ragazze งานแรกเริ่มที่ทำตั้งแต่เรียนจบกลับมา และมีอีกธุรกิจชุดออกกำลังกายซึ่งทำกับหุ้นส่วนในชื่อแบรนด์ IRA Activewear

ส่วนคุณมิ้งค์เป็นที่ปรึกษาให้กับแบรนด์ต่าง ๆ ซึ่งเธอบอกว่าขออุบไว้ ถ้าจะให้บอกหมดคงต้องเล่ากันยาว นอกจากนี้ยังมีแบรนด์ CASA DRY CLEAN ONLY ที่เกิดจากความชื่นชอบในด้านแฟชั่น และมีแพลตฟอร์มออนไลน์ honest.digit เกี่ยวกับด้าน Content Creator โดยเธอยังคงเป็นผู้ถือหุ้นบริษัท Do Day Dream Company Limited

สไตล์การทำงาน และแนวคิดที่สร้างแบรนด์ และตัวตนจนเป็นที่รู้จักในทุกวันนี้เป็นอย่างไร คุณพลอยเริ่มเล่าให้ฟังก่อนว่า “พลอยได้ทำในสิ่งที่ชอบตั้งแต่เด็ก เรารู้ตัวว่าชอบศิลปะชอบแต่งตัว ทำให้เวลาทำงานในทุกวัน รู้สึกว่าไม่ได้ทำงานอยู่ เวลาที่ได้ทำสิ่งที่รักทำสิ่งที่ชอบ เราจะไม่รู้สึกเหนื่อยและทำได้ดี แต่ต่อให้เราได้ทำงานที่ชอบ ยังไงก็ต้องเจออุปสรรค ยิ่งด้วยเราเป็นเจ้าของเอง ไม่ใช่ว่าทำแค่งานดีไซน์เสร็จแล้วจบ ต้องบริหารให้รอบด้าน ปัญหาระหว่างทางเกิดขึ้นได้ตลอด บางครั้งชุดเย็บมาแล้วผิดทั้งล็อตก็มี เราต้องรีบแก้ปัญหาให้ผลลัพธ์ออกมาดีที่สุด

“ตั้งแต่เริ่มที่จะทำแบรนด์ของตัวเอง พลอยวางไดเร็กชั่นเลยว่า จะใส่ความว่าเป็นตัวตนของเราลงไปชื่อแบรนด์ Saengkhae ก็ตั้งตามชื่อตัวเองตอนแรกก็มี แอบมีคิดนะใครจะมาซื้อใส่ชื่อแบรนด์ไท้ไทย (หัวเราะ) แต่ที่ตัดสินใจตั้งชื่อนี้ก็เพราะว่าเป็นตัวเรา สไตล์การออกแบบทุกชิ้นงาน มาจากสิ่งที่เราชอบเสื้อผ้า ที่พลอยทำออกมาพลอยใส่เองทุกชิ้นเลย เป็นอะไรที่ชัดเจนในคาแรกเตอร์แบรนด์ มันคือตัวตนของพลอย

คุณมิ้งค์เล่าถึงความเป็นเวิร์คกิ้งวูเม่นในแบบตัวเองบ้าง “การทำงานของมิ้งค์ ถ้าเป็นสโลแกนอาจจะฟังดูเชยมาก (ลากเสียงยาว) คือ ‘ทำวันนี้ให้ดีที่สุด’ (หัวเราะ) แต่นี่คือสไตล์มิ้งค์เลย เวลาทำงานทำเองคนเดียวได้ บางคนจะไปไหนต้องรอเพื่อน รอคนนั้น คนนี้แต่เราไม่ใช่ฉันไปคนเดียวเองได้ ถ้าตั้งใจว่าที่จะเดินไปตรงนั้น ฉันจะทำอะไรมีเป้าหมายอะไร ไม่ต้องให้ลูกน้องคุย มิ้งค์จะคุยจะลุยเองเลย แต่ถ้าไม่ชอบไม่อินก็คือไม่ทำ แต่ถ้าอินต่อให้ห้าบาทสิบบาทก็ตีลังกาทำ ให้เป็นคนที่ทำอะไรแล้วตั้งใจสุด ๆ ลำบากก็ฟันฝ่า ฉะนั้น ถ้าทำแล้วไม่เป็นอย่างที่หวังก็ไม่เสียใจ จริง ๆ ส่วนใหญ่ทุกงาน ทุกโปรเจ็กท์ ที่มิ้งค์ทำก็ออกมาดี เพราะเราทำด้วยความตั้งใจแค่อาจจะไม่ถูกใจตัวเราเอง เพราะความความหวังของเราอาจจะสูง เชื่อไหมทุกวันนี้สำเพ็งก็ไปเองได้สบายมาก”

คุณพลอยเสริม “ใช่ ๆ เราสองคนยังไปเดินเลือกของด้วยตัวเองอยู่เลย ให้ลูกน้องไปเลือกของมายังไม่ถูกใจก็ต้องลุยเอง นี่คือสไตล์ทำงานของเราสองคน

คุณมิ้งค์เล่าต่อในอีกมุมทำงานที่หลายคนอาจไม่เคยรู้ “คนชอบถามมิ้งค์ว่าไม่ให้ลูกน้องมาเหรอ บางอย่างให้ลูกน้องไปได้ แต่บางอย่างมีดีเทลที่เราต้องตัดสินใจ เราต้องทำเอง ไม่ได้ติดว่าทุกวันนี้จะทำอย่างนู้น อย่างนี้ไม่ได้ งานของเราต้องทำเองได้ไม่อย่างนั้นลูกน้องจะทำได้ยังไง ในเมื่อเรายังทำเองไม่ได้ มิ้งค์ทำได้ทุกอย่าง ถูบ้าน กวาดบ้าน ยังทำได้อยู่ เป็นคนชอบทำงานและตั้งใจจริง ไม่เคยกลัวว่าอนาคตจะลำบาก เพราะตัวเราเองไม่เคยกลัวลำบาก”

BOYY 4

STYLE WRAP-UP

มาถึงพาร์ตแฟชั่นกันบ้าง ใครที่ตามอินสตาแกรมของสองคู่ซี้ จะเห็นลุคแฟชั่นใหม่ ๆ ไอเท็มเก๋ ๆ มาอัพเดทความสนใจเสมอ แต่ละคนมีสไตล์ของตัวเองเป็นอย่างไร ทั้งคู่ตอบเสียงเดียวกันและพร้อมกันแบบไม่ได้นัดหมาย “ไม่มีสไตล์แต่งตัวตามความรู้สึกล้วน ๆ” ที่พอจบประโยคปุ๊บเสียงแห่งความบันเทิงก็ดังรัวทั้งสตูดิโอ

คุณพลอยออกตัวก่อน “พลอยว่าตัวเองเป็นคนแต่งตัวเรียบนะแต่คนอื่นจะชอบมองว่าไม่เรียบ (หัวเราะ)

คุณมิ้งค์หันไปหาคุณพลอยที่นั่งข้าง ๆ “จริงเหรอ! (ลากเสียงยาว) มิ้งค์ว่าเราสองคน น่าจะเหมือนกันตรงที่ใส่อะไรก็ได้ แต่งตัวง่าย ๆ ในที่นี้ คือไม่ได้ใช้เวลานานในการแต่งตัว เคยไปเที่ยวแล้วนอนด้วยกัน ทำให้รู้เลยว่าเราทั้งคู่ไม่ได้แต่งตัวช้า ไม่ได้คิดชุดเยอะ คิดมาก โอเคสมมุติวันนี้ จะไปงานอะไร คิดภาพในหัวแล้วหยิบ ๆ ชุดออกมาเลย ถ้าใส่ออกมาแล้วไม่ใช่ ก็ไม่ได้แคร์แต่คนส่วนมาก จะชอบคิดว่าเราเตรียมตัว อย่างบางคนช้อปก่อน เพื่อจะมาใส่ไปงานตอนเย็น แต่เราไม่มีอะไรแบบนั้น”

คุณพลอยเสริม “ยิ่งคิดมาก ยิ่งพลาด สมมุติจะมีไปงานหรือต้องไปถ่ายอะไร ก็นึกชุดที่เราใส่ทุกวัน แล้วหยิบมามิกซ์แอนด์แมทช์ให้เป็นธรรมชาติของเราเอง

“สำหรับมิ้งค์นะ หนึ่งไม่มีสไตล์ส องเน้นสะดวกสบาย ถึงแม้คนอาจจะมองว่า ไม่เห็นชุดไหนที่ใส่จะดูง่าย ๆ สบาย ๆ (หัวเราะ) แต่จริง ๆ ลึก ๆ แล้วมิ้งค์เป็นคนชอบใส่ชุดแคชชวล เสื้อยืดกางเกงยืด ไม่ได้ดัดจริตน ะเวลาคนเจอเราตอนทำงานก็จะมีอ้าว… ไม่ได้เหมือนในไอจีเหรอ ก็คือจำไม่ได้ (หัวเราะ) แต่ถ้าต้องไปงานอีเวนต์ มีเดรสโค้ด เราก็จัดให้เต็มที่เป็นพิเศษ แต่งตัวให้เหมาะตามโอกาสและสถานที่”

COLOR SITUATION

ความสนุกที่จะเล่นสีสันในการแต่งตัว ทำให้ทั้งสองคนมีสไตล์ยูนีคไม่ซ้ำใคร แน่นอนว่าใคร ๆ ก็คงอยากรู้เทคนิคการแมทช์คู่สีในแบบตัวเองของทั้งคู่

คุณมิ้งค์ช่วยเล่า “โทนสีที่ชอบของพลอย น่าจะเป็นสีขาว ส่วนมิ้งค์ชอบสี ๆ เทคนิคแมทช์สีเหรอ เราทั้งคู่ไม่มีนะ มั่วเอา (หัวเราะ) มิ้งค์ว่าทั้งหมดทั้งมวล ใช้อินเนอร์เป็นหลัก มีบ่อยนะ ที่คนจะทักใส่ชุดอะไรดูแปลก แต่ถ้าใจเรารู้สึกว่าสวย เรามั่นใจ ก็ไม่ต้องแคร์ใจ เราบอกว่าสวย ก็จะมีพลังออกมา

“เรื่องการแมทช์สี มิ้งค์ใช้ความรู้สึกแมทช์สีไปตามเทรนด์ โดยที่ไม่รู้ตัว มิ้งค์ไม่ได้ต้องมาถึงกับอ่านว่า ช่วงนี้สีอะไรกำลังอิน แต่เวลาเราเสพสื่อก็ซึมซับไปเอง โดยไม่รู้ตัว อย่างตอนนี้มิ้งค์ชอบใส่สีม่วงกับชมพู ซึ่งไม่คิดว่าจะเป็นสีเข้ากัน แค่ช่วงนี้รู้สึกว่าอยากลองสีใหม่ ๆ ไม่มีถูกผิด จะม่วง ชมพู เหลือง เขียว มิ้งค์ใส่ได้หมด แดงกับเขียวก็ได้ ไม่ติด บางวันมิ้งค์อยากแมทช์หลาย ๆ สี บางวันก็อยากแมทช์สีใกล้เคียงกัน เช่น โทนสีธรรมชาติ น้ำตาล ครีม สมมุติเราเลือกแอ็กเซสซอรี่ส์มาชิ้นนึง อยากถือกระเป๋าสีครีมก็เลือกแมทช์กับการแต่งตัวในโทนสีน้ำตาล ขาว ครีมเหลือง หรือในอีกสไตล์ เล่นกับโทนสีตัดกัน ก็เลือกแมทช์ชุดโทนสีเหลือง เขียวกับกระเป๋าสีน้ำตาล แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ต้องลองแต่งก่อนส่องกระจก แล้วรู้สึกว่าใช่ไม่มีหลักเกณฑ์อะไรตายตัว”

คุณพลอยเสริม “เรื่องของแฟชั่นไม่มีถูกผิด ตอนนี้อาจจะใช่ ตอนหน้าอาจจะไม่สวยก็ได้ บางทีเราคิดว่าสีนี้อยู่กับสีนี้ไม่ได้ แต่พอลองใส่แล้วกลับดูสวย บางทีอะไรที่ดูผิด ๆ ก็กลายเป็นสไตล์ที่น่าสนใจ

“มิ้งค์ว่าไม่มีไบเบิ้ลสำหรับแฟชั่น หรือการแต่งตัวแฟชั่นไม่มีถูกผิด แค่ผิดในใจเราเท่านั้นเอง พอรู้สึกไม่มั่นใจจะแต่งยังไง พลังก็ไม่ชายน์ออกมา”

BOYY 5

IF IT SPARKS JOY

มาที่ไอเท็มสุดโปรด ซึ่งทั้งคู่ตอบเป็นเสียงเดียวกันว่า แน่นอนคือ ‘รองเท้า’ “มิ้งค์เป็นคนไม่ใส่เครื่องประดับ แต่จะขาดกระเป๋าและรองเท้าไม่ได้ เพราะเป็นไอเท็มที่มาช่วยเติมเต็มลุคให้คอมพลีท ซึ่งรองเท้ามิ้งค์ให้ความสำคัญเป็นพิเศษ รองเท้าใส่แล้วต้องสบาย อาจจะเห็นว่ามิ้งค์มีบางคู่ ที่ใส่ไม่สบาย แต่ก็มีด้วย ดีไซน์เหมือนอาร์ตพีชชิ้นนึง ที่เราเก็บสะสม โดยปกติแล้ว มิ้งค์ชอบใส่สนีกเกอร์และรองเท้าส้นแบน หรือไม่ก็มีแพลตฟอร์มที่หนาเท่ากัน หรือที่เรียกว่าแพลตฟอร์มชู จะใส่กับกางเกงสเว็ตแพนท์ หรือกางเกงยีนส์ก็ได้เข้ากับบุคลิกเรา

“มิ้งค์ชอบรองเท้าที่ดูไม่ธรรมดา พลอยก็เหมือนกัน ทุกคู่ของเราสองคนจะดูว้าว ถ้าธรรมดาจะซื้อทำไม สู้ไม่ใส่ดีกว่า” (หัวเราะ)

คุณพลอยเล่าบ้าง “รองเท้าเป็นไอเท็มที่สำคัญนะ บางทีทั้งชุดเราเรียบ ๆ แต่ใส่รองเท้าคู่นึง มีดีไซน์ ก็ช่วยคอมพลีทลุคให้เราได้ทันที โดยที่ไม่ต้องถือกระเป๋าก็ได้ แต่ถ้าเลือกใส่รองเท้าผิด คือผิดทั้งหมด รองเท้าบางคู่ช่วยชูชุดเราให้เด่นขึ้น รองเท้าบางคู่ทำให้ชุดเราดูดรอพลง พลอยชอบรองเท้าสี ๆ เวลาเราแต่งตัวด้วยชุดสีสันแล้ว พลอยจะชอบใส่สีที่สามเข้าไป ก็จะเลือกรองเท้า ที่มีสีตัดกับชุด รองเท้าแพลตฟอร์มชู น่ารักแบบนี้ มาช่วยสร้างความคอนทราสให้ชุด แทนที่จะใส่รองเท้าส้นแบนออกจากบ้าน ใส่รองเท้าที่มีแพลตฟอร์มขึ้นมา ช่วยคอมพลีตการแต่งตัวให้ดูสวยกว่า แถมใส่สบายด้วย(ยิ้ม)

คุณมิ้งค์เสริม “อย่างคู่นี้ที่มิ้งค์ใส่ จะมีสลิงแบ็คหรือสายรัดส้น มิ้งค์เป็นคนนึงเลยนะ ที่ไม่ได้แคร์ว่า อ้วน เตี้ย ผอม สูง คนมักจะบอกว่า ใช่สิ ก็เธอไม่อ้วน แต่มิ้งค์ไม่สูงนะ หลายครั้งเวลาเลือกชุดบางชุด คนจะมองว่าคนสูงใส่สวยเท่านั้น แต่มิ้งค์ไม่คิดอย่างนั้น เราก็ใส่ได้ มันอยู่ที่อินเนอร์ อย่างรองเท้า BOYY คู่นี้เขาดีไซน์ มาเป็นทรงน่ารักเหมือนโลฟขนมปัง เห็นแบบนี้ แต่จริง ๆ แล้ว รองเท้านี้ สูงห้าเซ็นนะ ได้ลุคใส่ส้นสูงที่ดูแคชชวลน่ารักด้วย ดีไซน์รองเท้าเก๋ ๆ ที่ดูแคชชวล มิ้งค์ก็จะเลือกแมทช์กับชุดที่ดูผู้หญิง ๆ เซ็กซี่ก็ได้ ให้มีความคอนทราส

“การแต่งตัว ทุกอย่างไม่มีถูกผิด ขอให้ลองก่อน ถ้าใส่แล้วใช่ก็คือใช่ อย่าไปคิดตาม ยึดตามที่ใครพูด แล้วจะค้นพบสไตล์ของตัวเอง”

Praew Recommend

keyboard_arrow_up