account_circle“ไอซ์-สารวัตร กิจพานิช” ถือเป็นหนึ่งในดาวเด่นของรายการทุบโต๊ะข่าว สถานีโทรทัศน์ อมรินทร์ทีวี เอชดี ช่อง 34 ซึ่งเป็นที่รู้จักจากคดีน้องชมพู่ จนมีแฟนคลับคอยติดตามวีรกรรมพีคๆ ในการลงพื้นที่ของนักข่าวภาคสนามคนนี้ ซึ่ง นิตยสารแพรว เคยมีโอกาสได้สัมภาษณ์หนุ่มคนนี้ถึงเบื้องหลังการทำงานของเขาไว้ด้วย
เปิดใจ “ไอซ์-สารวัตร กิจพานิช” นักข่าวหนุ่มสายลุยแห่งช่องอมรินทร์ทีวี พร้อมบุกทุกสนามข่าว
“ข้อดีของงานข่าวภาคสนามคือมีอิสระทางความคิด เราสามารถนำเสนอประเด็นอะไรก็ได้ที่เกี่ยวข้องกับสถานการณ์ขณะนั้น แต่ความยากคือเวลาลงพื้นที่เราไม่รู้ว่าจะเกิดเหตุการณ์อะไรขึ้นบ้าง จึงไม่สามารถเตรียมความพร้อมได้ ขนาดว่าพอไปถึงต้องโทร.ติดต่อใครหรือสัมภาษณ์ใคร ที่สำคัญไม่รู้ว่าชาวบ้านพร้อมต้อนรับสื่อหรือเปล่า ผมใช้วิธีอ่านข่าวทั้งหมดที่มีให้รู้ว่ามีอะไรเกิดขึ้นบ้าง แล้วไปลุยเอาข้างหน้าให้สุดเท่าที่เราทำได้ เพราะฉะนั้นทุกอย่างจึงสดมาก อย่างตอนไปทำข่าวน้ำท่วม จำได้คร่าวๆ ว่าตัวเองขึ้นไปยืนอยู่บนเรือหรือหลังคากลางน้ำที่กำลังท่วมหลาก สักพักคุณพุทธโทร.มาบอกว่า ‘อะไรที่อันตรายหรือเสี่ยงเกินไปก็ไม่ต้องนะไอซ์’ (หัวเราะ) หรืออย่างคดีน้องชมพู่ ผมมุดถ้ำที่ภูเหล็กไฟเพื่อทำข่าว มีคนถามว่าไม่กลัวเหรอ ผมคิดว่าคนดูอยากเห็นในสิ่งที่ไม่เคยเห็น ผมเองก็อยากเห็น แต่ที่สุดก็ต้องอยู่ในลิมิตที่ปลอดภัย ไม่สร้างความเดือดร้อนให้คนอื่น
“คดีน้องชมพู่น่าจะเป็นความพีคที่สุดแล้วสำหรับผมในหลายๆ เรื่อง อย่างแรกคือผมไม่ได้เตรียมตัวไปใช้ชีวิตอยู่ที่นั่นกว่าร้อยวัน คือตั้งแต่ 13 พฤษภาคม จนถึงปลายเดือนสิงหาคม ต้องอาศัยใส่เสื้อสลับกันกับหาซื้อเพิ่ม ความพีคที่สองคือคดีนี้พลิกความคิดผมทุกอย่าง ตอนแรกทราบแค่ว่าน้องหายจากหน้าบ้านขณะที่พี่สาวหลับ ก็คิดว่าต้องมีคน เห็นบ้าง ไม่น่ายาก แต่ความเป็นจริงยากมาก เนื่องจาก ไม่มีกล้องให้ตามดูความน่าจะเป็น สถานการณ์ที่น่าจะมีคนเห็นกลับไม่มีใครเห็น เหมือนหายตัวไปเฉยๆ เรื่องต่อมาคือ การได้ทำอะไรที่ไม่คาดคิดหลายอย่าง ผมยังแซวตัวเองว่าเราเหมือนนักวิทยาศาสตร์ที่ชอบทดลองตลอดเวลา เช่น ขี่รถซาเล้งของชาวบ้านไปหาแหล่งข่าวในหุบเขาเพราะ รถยนต์เข้าไม่ถึง หรือการขับรถไถนาจำลองสถานการณ์ที่เกิดเหตุ แม้วันนี้ข่าวน้องชมพู่เหมือนหนังสืบสวนที่ยังไม่อวสาน แต่เรียกว่าพีคที่สุดในฐานะคนทำข่าวมาตลอดสี่ปี
“อีกด้านหนึ่งคือเรื่องดราม่า ผมอ่านทุกคอมเมนต์นะ แต่ถ้าอันไหนที่อ่านแล้วกระทบจิตใจก็จะไม่เก็บมาคิด แต่ถ้าสิ่งที่เขาตำหนิเป็นเรื่องจริงก็นำไปปรับปรุง เก็บแค่สิ่งดีๆ ไว้ในใจ เพราะเป็นเรื่องธรรมดาของชีวิตที่จะมีทั้งคนชอบและไม่ชอบ สุดท้ายคติการทำงานของผมคือไม่คาดหวังกับสิ่งต่างๆ จะได้ไม่ผิดหวัง แค่คิดว่าทำให้ดีที่สุดให้สุดความสามารถของเราครับ”
ที่มา : นิตยสารแพรว ฉบับ 963
ภาพเพิ่มเติม : ice_sarawat