ผึ้ง​ บุญญาดา เซเลบ​สาวสุดฮ็อต เผยที่มาของความแซ่บ​ กับชีวิตที่ผกผันเฉียดตาย

account_circle

คุ้นหน้าคุ้นตาเธอในวงสังคมมานานสำหรับสาวฮ็อต​ ผึ้ง ​บุุญญาดา​ ซึ่งเธอคลุกคลี​อยู่​ในแวดวง พีอาร์ และ อีเว้นต์ มากว่า 15 ปี​ และเป็น​ผู้สร้างธุรกิจ Application น้องใหม่ที่กำลังจะเปิดตัวภายในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้านี้ อีกทั้งเธอจะมาเป็นคอลัมน์นิสต์ให้เว็บไซต์แพรวดอทคอมอีกด้วย

ผึ้ง​ บุญญาดา เป็นเบื้องหลังในการวางกลยุทธ์​ด้าน​แบรนด์ดิ้งให้กับแบรนด์​ชั้นนำมากมาย​ โดยมีผลงานในอดีตอันเลื่องชื่อเป็นเครื่องการันตีมันสมองระดับหัวกะทิของเธอ จนมาในวันนี้ได้ผุดไอเดียลุกขึ้น​มาจับธุรกิจใหม่ที่ท้าทาย​สร้างแพลตฟอร์ม ใหม่ขึ้นมาเพื่อรองรับธุรกิจ Luxury Lifestyle ที่ตอบสนอง​ไลฟ์สไตล์ของกลุ่มคนระดับบน โดยเธอกล่าวว่า

“ผึ้งรู้สึก​สนุกและท้าทายเวลาได้คิดและทำอะไรใหม่เสมอ เหมือนมันมีพลังอะไรบางอย่าง”

งานนี้ ผึ้ง ​บุุญญาดา​ ได้มาเปิดใจบอกเล่าทุกเรื่องราวในชีวิตของเธอ ซึ่งกว่าจะมาเป็น “ผึ้ง-บุญญาดา กฤติยะโชติกุล” เซเลบสาวสวย หุ่นเป๊ะ เก่งทุกรอบด้านได้ขนาดนี้ บอกเลยว่าชีวิตเธอผ่านอะไรมาเยอะมาก ถึงขนาดเฉียดตายก็เจอมาแล้ว

นอกจากเรื่องธุรกิจแล้วเธอยังมีความโดดเด่นทุกครั้งเวลาออกงานสังคมเสมอ ยังดูแลรักษาตัวเองได้ดีจนหลายๆ​ คนต่างพากันแซวว่ากาลเวลาทำอะไรเธอไม่ได้จริงๆ อีกทั้งยังคงความแซ่บเสมอแม้จะอยู่ในวัยสี่สิบกะรัต​ จนได้เป็น พรีเซนเตอร์ และ แบรนด์แอมบาสเดอร์ให้กับคลีนิคความงามชื่อดังถึง 2 แห่งภายในระยะเวลา 4 ปี

งานนี้ดูแทบไม่ออกเลยว่าเธอเป็นคุณแม่ลูกสาม จนเราต้องแอบถามเคล็ดลับว่าเธอทำอย่างไรถึงได้มีรูปร่างที่ดีขนาดนี้

“ผึ้งเป็น​คนที่ค่อนข้างจะมีวินัยในเรื่องการกินและการออกกำลังกาย เป็น​คนที่รักสุขภาพมากๆ​ ทุกเช้าตื่นมาจะดื่มน้ำเปล่าก่อนและออกกำลังกาย​ประมาณ​ 30-50 นาทีแล้วแต่เวลาที่มีในแต่ละวัน​ก่อนจะอาบน้ำแปรงฟัน​ ผึ้งไม่ได้เน้นการออกกำลังกายหนักๆ แต่เน้น​ทำเป็น​กิจวัตร​ประจำวัน คาดิโอ 15 นาทีแล้วตามด้วยการเล่นเวทและเน้นการปั้นหุ่น​เป็น​หลักเพิ่มส่วนที่อยากเพิ่มและลดส่วนที่อยากลด นี่เป็น​ที่มาของหุ่นที่เฟิร์มไม่มีเซลลูไลท์ในร่างกายเลย”

ทั้งนี้เธอกล่าวเพิ่มเติมว่า “จริงๆ​ แล้วไม่รักการออกกำลังกายนะคะ​ แต่ผึ้งรักผลลัพธ์​ของมัน การออกกำลังกายช่วยให้เรามีหุ่นที่ดูเฟิร์มขึ้น แต่สิ่งที่สำคัญมากๆ คือการกิน ที่พูดแบบนี้เพราะพิสูจน์​มาด้วยตัวเองหมดแล้ว ช่วงที่ผึ้งเคยอวบมากๆ ทานเก่งสุดๆ ทานทั้งวัน ตอนนั้นสัปดาห์หนึ่งผึ้งจะไปสิงที่ยิมออกกำลังกายหนักเลยครึ่งค่อนวัน แต่กลับไม่ได้ผลลัพท์​ที่พึงพอใจ ยังคงเผละเหมือนเดิม จนเพื่อนบอกว่าแกแค่รูดซิปปากแล้วแกจะผอม

ตอนนั้นคำพูดเพื่อนมันก้องอยู่ในหูมาก เราเลยไปเสิร์ชหาข้อมูล​เรื่องการกินเพื่อควบคุม​น้ำหนัก จนเจอกับวิธีที่ถูก​จริตกับเรา​ ที่ต้องพูดแบบนี้เพราะมีวิธีดีๆ เยอะมาก​ แต่ถ้าอะไรไม่ถูกจริตแล้วทำให้เราไม่มีความสุขเราจะทนกับมันไม่ได้นาน คือถ้าให้ผึ้งไปทานคีโต​ ทานคลีนคงทานไม่ได้นาน ให้ไปพึ่งยาลดน้ำหนัก​หรือดูดไขมันนี่บอกเลยว่าไม่มีทาง

ผึ้งเป็นคนรักสุขภาพอยู่แล้วเป็นทุนเดิม ปกติทานอาหารจะเน้นผัก​ผลไม้ และโปรตีนเป็นหลักอยู่แล้ว แต่สิ่งที่ต้องลดแบบจริงจังเลยคือแป้งและน้ำตาล ปกติพอเราทุกคน​อายุ 30 ปีขึ้นไประบบการเผาผลาญ​เริ่มจะไม่ดีเหมือนเรายังหนุ่มๆ สาวๆ สิ่งที่ร่างกายเราต้องการน้อยลงคือแป้งและน้ำตาล ผึ้งเลยให้ความสำคัญกับการควบคุม​ปริมาณ​แป้งที่กินแต่ละวันอย่างเคร่งครัด ในแต่ละวันผึ้งทานแป้งแค่วันละ 10 คำ สมมุติ​ว่าถ้ามื้อเช้าทานข้าวหรือแป้งไปประมาณ​ 5 คำผึ้งจะเหลือโควต้า​อีกแค่ 5 คำใน 2 มื้อที่เหลือ ส่วนกับข้าวทานปริมาณ​ปกติ ซึ้งเน้นโปรตีน​กับผัก ผึ้งเล่นเวทเลยต้องเน้นโปรตีนช่วยสร้างกล้ามเนื้อ

ส่วนขนมและของหวานเป็นอะไรที่ชอบมาก นานๆ จะ​สปอยล์​ตัวเองซักทีแต่เวลาจะทานขนมของโปรดเราจะมีเคล็ดลับ​คือเราจะหาคนช่วยกินเราจะไม่ยอมกินทั้งโดสคนเดียว ขอทานแค่ 3-4 คำให้รู้สึก​มีความสุขพอแล้ว ส่วนอาหารที่ไม่ดีต่อสุขภาพนี่ผึ้งลด ละ เลิกมานานมากๆ​ ผึ้งเลิกดื่มน้ำอัดลม เนื้อวัวและ​ จังก์ฟู้ด มา 20 กว่าปีแล้ว ไม่ดื่มน้ำเย็น​ พวกน้ำตาลทรายขาว ผงชูรส​ ของทอด ของมัน ของปิ้งย่างเลี่ยงได้จะเลี่ยง​ เวลาทำอาหารทานเองที่บ้านผึ้งไม่ใช้ผงชูรส​ คนอร์​ น้ำตาลทรายขาวเลย​ วัตถุดิบ​ที่ใช้ผัก เนื้อสัตว์​ ไข่ จะใช้ผลิตภัณฑ์ที่เป็นออร์แกนิคแทบจะเกือบทั้งหมด ซึ่งมันลามไปจนถึงเครื่องสำอางและเครื่องประทินผิวหลายๆ อย่างที่หันมาใช้ผลิตภัณฑ์ที่เป็นออร์แกนิค

จัดเต็มแต่สิ่งที่มีประโยชน์ให้กับร่างกาย แพรวเลยอดถามไม่ได้ว่าอะไรที่ทำให้เธอเป็นคนรักสุขภาพ​ได้ถึงขนาดนี้ ซึ่งเธอเล่าให้ฟังว่า

“เมื่อก่อนผึ้งเป็น​คนมีความสุข​กับการกิน คือกินทุกอย่าง​ที่ขวางหน้า จนมาวันนึง​ผึ้งเป็น​โรคไฮโปไทรอยด์​ เป็น​หนักมากๆ เคยล้มไปกองกับพื้นแล้วไม่มีแรงเดินเจ็บหน้าอกตอนนั้นอีกแค่ 3 ก้าวก็จะถึงรถแล้วแต่เดินต่อไปไม่ได้ ผึ้งป่วยจนระบบการย่อยอาหาร การเต้นของหัวใจผิดปกติมากๆ มันทรมานมากจนคิดว่าเราคงอยู่​ได้อีกไม่นาน จนยอมทำทุกอย่าง​ทุกวิถึทางเพียงเพื่ออยากได้กลับไปใช้ชีวิตแบบคนปกติ

ตอนนั้นเรารู้ซึ้งถึงคุณค่าของสุขภาพที่ดี คือถ้าไม่เห็น​โลงศพ​ไม่ป่วยปางตายนี่ไม่หลั่งน้ำตา จะไม่อินกับคำๆ นี้เลยนะคะ ตอนนั้นจำได้ว่าไปรักษากับคุณหมอท่านหนึ่งซึ่งเก่งเรื่องไทรอยด์​เป็น​อันดับต้นๆ​ ของเมืองไทย ผึ้งไปรักษาตัวประมาณ​ 5 เดือน

ผึ้ง-บุญญาดา กฤติยะโชติกุล

มีวันหนึ่งเราถามคุณหมอว่า​ หมอคะอีกนานไหมคะกว่าหนูจะหาย หมอบอกเราว่าหนูไม่หายหรอก​หนูต้องมาหาหมอทุกเดือนแล้วหมอจะคอยปรับโดสยาให้​ ตอนนั้นได้ฟังหมอพูดแล้วหมดแรงเลยหมดกำลังใจ​ พอกลับบ้านเรานั่งเสิร์ชหาข้อมูล​แล้วบอกกับตัวเองว่าแล้วชั้นจะหายให้ดู​ มันต้องมีทางสิ ฉันไม่เชื่อหรอกว่ามันไม่มีทาง ฉันจะไม่ยอ​มเป็น​คนป่วยแบบนี้ตลอดไป และฉันจะทำทุกวิถีทางที่จะเอาชีวิตแบบคนปกติคืนมา

ตอนนั้นผึ้งหันหลังให้กับวิธีการรักษาแบบเดิม และไปรักษาหลายวิธี ทั้งแผนไทยแผนจีนใครว่าหมอที่ไหนเก่งเราไปหมด แต่สรุปมันไม่ถูกจริตและผึ้งไม่รู้สึก​ถึงการเปลี่ยนแปลง​

สุดท้ายเราไปเจอการรักษาแบบเซลล์​บำบัดที่คลีนิคชื่อดังแห่งหนึ่ง เคสของผึ้งเป็น​เคสประหลาดและผึ้งเป็น​คนไข้พิเศษ​ของ​คุณ​หมอสมศักดิ์​ (นพ.สมศักดิ์ วรคามิน) ซึ่งตอนนั้นคุณ​หมอเป็นประธานที่ปรึกษา​ สิ่งที่ทำให้ตัดสินใจเข้ารับการรักษากับคุณหมอตอนนั้นเพราะคุณ​หมอบอกว่า​

“หนู​ไม่ต้องกลัวนะหมอจะรักษา​หนูให้หาย หนูจะกลับมาเป็นปกติ​ หนูจะสาวและสวยเหมือนเดิม”

เท่านั้นแหละ ผึ้งยอมตกลงเข้ารับรักษาเลย​ ผึ้งต้องเตรียมตัวทำคีเลชั่นประมาณ​ 10 ครั้งก่อนจะฉีดเซลล์​เพื่อรักษา ในช่วงนั้นเรารู้เลยว่ากว่าจะได้สุขภาพที่ดีกลับมาเราต้องใช้หมดไปเยอะ และต้องเจ็บตัวโดนเข็มจิ้มทุกครั้ง ทำให้เรายิ่งรู้​ถึงคุณค่าการมีสุขภาพที่ดี ภายใน 3 เดือนกว่าๆ เราได้ชีวิตคนปกติคืนมา ได้ร่างกายที่แข็งแรงขึ้น ผิวพรรณ​กลับมาดีมีน้ำมีนวล นี่เป็น​จุดพลิกผันครั้งใหญ่​ในชีวิตที่มำให้ผึ้งหันมาดูแลสุขภาพและแทบไม่อยากเอาอะไรที่ไม่ดีต่อสุขภาพเข้าไปในร่างกายอีกเลย

ส่วนจุดพลิกผันที่มาดูแลรูปร่างตัวเองจริงๆ เกิดขึ้นในช่วงโควิดรอบแรก ทำอาหารเองเลยมีความสุขกับการกินมากจนถึงจุดที่เรารู้สึก​แย่กับตัวเองเวลาอยู่​หน้ากระจก (หัวเราะ) มันแย่มากจริงๆ ปลิ้นไปหมด​ จนเราต้องปฏิวัติ​ตัวเอง เชื่อไหมคะอาหารและการออกกำลังกายทำให้เราดูอ่อนเยาว์​ เซลลูไลต์​และเนื้อห้อยๆ​ ตรงต้นแขนและต้นขาเป็น​ตัวฟ้องว่าผู้หญิง​คนนี้แก่แล้ว ต่อให้ไปทำหน้ามายังไงแต่ดูรูปร่างปุ๊บ​มันฟ้องอายุค่ะ​

นอกจากอาหารและการออกกำลังกายผึ้งยังให้ความสำคัญกับการทานวิตตามินบำรุงสุขภาพและผิวพรรณ​รวมไปถึงการมีวินัยในการบำรุงและดูแลผิวพรรณ และที่สำคัญที่สุดเลยคือ แอตติจูดในการใช้ชีวิตทำให้เราไม่แก่ หลายคนจะเห็นว่าเราเป็นคนสนุกเป็น​คนลั่นล้า จริงๆ ​แล้วเราแค่รู้จักปล่อยวางอะไรที่มันทำให้ทุกข์และหมดพลังเราเลือกที่จะวางเพื่อที่จะไปต่อ รู้จักมีความสุขจากสิ่งที่อยู่​รอบๆ ตัว​ ที่สำคัญผึ้งเป็น​คนไม่อยู่นิ่ง​เป็นคนไฮเปอร์​ กิจกรรมเยอะมาก ชอบเรียนรู้​กับสิ่งใหม่ๆ เสมอ

อาจเป็นเพราะงานที่ผึ้งทำเป็น​งานที่ต้องคิดต้องสร้างสรรค์​สิ่งใหม่ๆ เสมอ การออกกำลังกายหรือเล่นกีฬา​สนุกๆ มันทำให้ผึ้งรู้สึก​สนุกและท้าทาย ผึ้งเป็น​คนเบื่อที่จะเข้ายิม ปกติออกกำลังกายอยู่​ที่บ้านทุกวันเพราะใช้เทรนเนอร์​มาเยอะจนรู้ว่าเราต้องทำอะไรเพิ่มหรือลดส่วนไหน​ การเล่นพวก​ Arial Hoop, Surfskate หรือต่อยมวยมันได้ความสนุก มันทำให้ผึ้งทั้งสนุก ท้าทายและทั้งได้พลังบางอย่าง มันรู้สึก​ดีมากๆ​ เวลาทึ่เราทำอะไรมากขึ้นและทำมันได้ดีขึ้น มันเหมือนเล่นเกมส์ เกมส์​ชีวิตก็เช่นกัน ไม่มีอะไรที่เราทำไม่ได้ เราอาจต้องมุ่งมั่นและอดทน แต่ในที่สุด​เราจะได้มันมา”

หลายๆ คนมักถามเธอว่าเนื้อหอมแบบนี้น่าจะมีหนุ่มๆ​ เข้ามาเยอะไหม เธอตอบว่า

“หลังจากหย่าได้ปีนึงสามีก็เสียชีวิต หลังจากนั้นมา 6 ปีผึ้งก็ไม่ได้คิดจะมีใคร ไม่ได้เข็ดกับความรักนะคะ แต่เป็นคนคบคนยาก รักคนยากมาก พอได้ชีวิตโสดกลับคืนมามันทำให้เรายิ่งหวงแหนความโสด หลายคนถามว่าไม่เหงาเหรอ ตอบได้เลยว่าไม่มีเวลาจะเหงา​ ด้วยความที่งานแน่นรัดตัว งานสังคมที่ต้องไป เพื่อนๆ แต่ละกลุ่ม กิจกรรมที่ทำเยอะ และยังมีลูกๆ ที่ต้องดูแลอีก 3 คน แค่นี้ก็แทบสลบแล้วค่ะ

ผึ้งไม่ได้ปิดกั้นตัวเองนะคะ แต่ที่เข้าๆ​ มาอาจจะยังไม่ใช่เลยไม่อยากเสียเวลา เลยไม่ได้คบใครเลย​ ไม่ได้เดือดร้อนหรือเป็นทุกข์กับการใช้ชีวิตโสด คือถ้าไม่เจอคนที่ใช่ ดีกับเราและรักเราแบบที่เราเป็นเราจริง​ๆ คงขอปล่อยผ่าน​ไปก่อน ถ้าผึ้งจะต้องคบใครซักคนมีความรู้สึกว่าคบแล้วชีวิตเราต้องดีขึ้น เราควรจะมีความสุข​มากขึ้น มีเพื่อนคู่คิด มีอีกหนึ่งชีวิตที่คอยดูแลซึ่งกันและกัน แต่ถ้าคบแล้วมันไม่น่าจะมีอะไรที่ดีกว่าที่เป็นอยู่ตอนนี้ขออยู่​คนเดียวแบบนี้ดีกว่า

​ตอนนี้คงโฟกัสไปที่ลูกๆ ลูกคือทุกสิ่งทุกอย่าง ตอนนี้ลูกๆ โตกันแล้วก็จะเหนื่อยไปอีกแบบค่ะ​ ทุกวันนี้เลี้ยงลูก​เหมือนเพื่อน คุยกันทุกเรื่อง​ วันหยุด​เราจะหากิจกรรมสนุกๆ​ ทำกันทั้งครอบครัว​ เป้าหมายของชีวิตผึ้งต้องการชีวิตบั้นปลายชีวิตที่สุขสงบได้มีเวลาปฏิบัติ​ธรรม ได้มีความสุขที่ได้เห็นลูกๆ เติบโตอย่างมีความสุข แค่คนเป็นแม่นี้ก็มีความสุขที่สุดแล้วค่ะ

ท้ายนี้ ผึ้งฝากแฟนๆ แพรวติดตามผลงานของผึ้งใน www.praew.com ด้วยนะคะ รับรองว่าทุกคนจะไม่ผิดหวัง เพราะผึ้งจะนำเรื่องราวที่น่าสนใจ อัพเดตสิ่งใหม่ๆ มาให้ทุกคนได้ว้าววกันค่ะ


เรื่อง : ผึ้ง​ บุญญาดา

ภาพ : วรสันต์

Praew Recommend

keyboard_arrow_up