นักร้องชาวไต้หวัน

ปาย ปิง-ปิง นักร้องชาวไต้หวัน สุดช้ำ ชาวเน็ตโพสต์ เธอควรตายในน้ำเหมือนลูกสาว

account_circle
นักร้องชาวไต้หวัน
นักร้องชาวไต้หวัน

ปาย ปิง-ปิง นักร้องชาวไต้หวัน ใช้เวลากว่า 15 ปีในการกำจัดความทรงจำอันเลวร้าย เกี่ยวกับคดีฆาตกรรมลูกสาวของเธอ แต่โซเชียลมีเดียรื้อฟื้นและตอกย้ำเธอด้วยการโพสต์คำพูดอันโหดร้าย

นักเลงคีย์บอร์ด เชื่อว่าหลายคนคงเคยได้ยินคำนี้ คนจำพวกนี้มักพิมพ์ข้อความอันหยาบคาย โหดร้าย และบางครั้งก็ไม่เป็นเรื่องจริง สร้างความเดือดร้อน และ ทุกข์ทรมานใจให้กับผู้ที่โดนข้อความเหล่านั้น เฉกเช่นเรื่องราวที่เรากำลังจะเล่าให้คุณฟัง

ปาย ปิง-ปิง นักร้องชาวไต้หวัน สุดช้ำ ชาวเน็ตโพสต์ เธอควรตายในน้ำเหมือนลูกสาว

นักร้องชาวไต้หวัน

เว็บไซต์ scmp โดยหนังสือพิมพ์ South China Morning Post สื่อฮ่องกง ได้รายงานว่า ปาย ปิง-ปิง นักร้องและนักแสดงชาวไต้หวันได้ถูกชาวเน็ตบังคับให้เล่าเรื่องการฆาตกรรมอันโหดร้ายที่เกิดขึ้นกับลูกสาวของเธอเมื่อ 23 ปีที่แล้ว โดยผู้ใช้อินเตอร์เน็ตรายหนึ่งกล่าวว่า “เธอควรตายในน้ำเหมือนลูกสาว”

คอมเม้นต์ที่ทำร้ายจิตใจเธอนั้นเกิดขึ้น หลังจากที่ ปาย ปิง-ปิง อัพโหลดวิดีโอลงเฟสบุ๊คส่วนตัวเพื่อรำลึกวันครบรอบการจากไปของลูกสาว “ปาย เชา-เยน” ทันที่เธอได้อ่านข้อความเหล่านั้นทำให้เธอรู้สึกว่าเรื่องราวความเจ็บปวดในวันนั้นกลับมาอีกครั้ง

ปาย ปิง-ปิง ตัดสินใจยื่นรายงานต่อตำรวจเกี่ยวกับผู้ใช้อินเทอร์เน็ตรายนี้เพื่อดำเนินคดีกับเธอ ซึ่งภายหลังพบว่าชาวเน็ตคนนี้มีประวัติป่วยทางจิต

การลักพาตัว และ สังหาร ปาย เชา-เยน นั้นสร้างความตกใจให้ชาวไต้หวันมามากกว่าสองทศวรรษ และยังนำไปสู่วิกฤตทางการเมืองบนเกาะไต้หวัน รวมถึงมีการต่อต้านการรายงานข่าวของสื่อที่เกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนี้ด้วย

นักร้องชาวไต้หวัน
เจ้าหน้าที่กำลังห่อร่างอันไร้วิญญาณของ ปาย เชา-เยน

ย้อนกลับไปเมื่อ 23 ปีที่แล้ว ปาย เชา-เยน ถูกลักพาตัวขณะเดินทางไปโรงเรียนเมื่อวันที่ 14 เมษายน 2540 ครอบครัวของเธอถูกส่งจดหมายเรียกค่าไถ่จำนวน 5 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (163 ล้านบาท) พร้อมกับนิ้วที่ถูกตัดและรูปถ่ายของเด็กหญิงที่ถูกผูกไว้ สองสัปดาห์ต่อมาพบร่างเปลือยเปล่าของ เชา-เยน ในคูระบายน้ำใกล้กับเขตอุตสาหกรรมของ Wugu เขตย่านชานเมืองของไทเป

จากการตรวจสอบพบ เชา-เยน เสียชีวิตมาแล้ว 10 วัน ร่างของเธอถูกเชือกมัดไว้อยู่ใต้น้ำซึ่งถ่วงไว้ด้วยดัมเบล เป็นที่แน่ชัดแล้วว่าเธอถูกฆาตกรรมอย่างแน่นอน และก่อนเสียชีวิตนั้นสาวน้อยได้ถูกฆาตกรทรมานก่อนที่จะถูกฆ่า

คดีนี้มีชายสามคนถูกระบุว่าเป็นผู้ต้องสงสัยในการฆาตกรรม เชา-เยน ทั้งนี้ในรายงานระบุด้วยว่า เธอถูกล่วงละเมิดทางเพศกว่า 20 ครั้ง ซึ่งในระหว่างการจับกุมผู้ต้องหา นาย Lin Chun-sheng และ Kao Tien-min ได้ยิงตัวเองตายขณะที่กำลังต่อสู้กับตำรวจ

นักร้องชาวไต้หวัน
นาย Chen Chin-hsing หนึ่งในผู้ต้องหาคดีนี้

ทั้งนี้ นาย Chen Chin-hsing หนึ่งในผู้ต้องหาคดีนี้ยังถูกจับในข้อหาลักพาตัวครอบครัวทหารแอฟริกาใต้ และถูกประหารเมื่อวันที่ 6 ตุลาคม 2542 หลังจากถูกตัดสินลงโทษในข้อหาฆาตกรรม ปาย เชา-เยน และคดีอาชญากรรมอื่นๆ

การฆาตกรรมครั้งนี้นำไปสู่วิกฤตการณ์ทางการเมือง โดยผู้ประท้วงเรียกร้องให้ เหลียน ชาน ออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรีของไต้หวัน ในข้อหาการเพิ่มขึ้นของการก่ออาชญากรรมรุนแรงบนเกาะไต้หวัน นอกจากนี้ยังมีความโหดร้ายของสื่อมวลชนที่วิ่งเข้าไปถ่ายร่างกายอันเปลือยเปล่าของ เชา-เยน อีกด้วย
ปาย เชา-เยน เป็นลูกสาวคนเดียวของ ปาย ปิง-ปิง และ อิกกิ คาจิวาระ นักเขียนการ์ตูนชาวญี่ปุ่น และ โปรดิวเซอร์ภาพยนตร์ ปาย ปิง-ปิง เริ่มอาชีพการทำงานในวงการบันเทิงของไต้หวันในฐานะนักร้องในปี 1970 ก่อนที่จะได้รับชื่อเสียงในฐานะนักแสดงและพิธีกรรายการโทรทัศน์

นักร้องชาวไต้หวัน

ปาย ปิง-ปิง กล่าวในงานแถลงข่าวว่า เธอรู้สึกได้รับบาดแผลจากสื่อโซเชียลมีเดียที่โพสต์บอกให้ “เธอควรตายในน้ำเหมือนลูกสาว” ซึ่งเธอรู้สึกว่าเป็นภัยคุกคามต่อเธอ ทั้งนี้ ปาย ปิง-ปิง ยังบอกอีกด้วยว่า มันทำให้เธอหวนกลับไปคิดถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับลูกสาวในครั้งนั้น
ปาย ปิง-ปิง เผยว่า เธอเก็บรูปศพของ เชา-เยน และยอมรับว่าต้องใช้เวลากว่า 15 ปีที่จะหยุดร้องไห้ในการจากไปของลูกสาว

“ฉันใช้เวลา 15 ปีในการลบความทรงจำเมื่อครั้งที่พบลูกสาวในวันนั้น แต่ความคิดเห็นของชาวเน็ตกระตุ้นความสนใจพวกเขาอีกครั้ง”

นักร้องชาวไต้หวัน
ปาย ปิง-ปิง ในงานแถลงข่าวการเสียชีวิตของ เชา-เยน

ปาย ปิง-ปิง ได้รวบรวมภาพซึ่งมีคอมเม้นต์ที่แสดงความคิดเห็นในทางที่ไม่ดีบนเฟสบุ๊คของเธอ ซึ่งมีหลายคนสนับสนุนให้เธอดำเนินคดีกับผู้คนเหล่านี้ต่อไป ทั้งนี้ ปาย ปิง-ปิง ได้โพสต์เฟสบุ๊คในวันที่ 12 เมษายน ที่ผ่านมาว่า

“ทุกคนแนะนำให้ฉันทำอะไรบางอย่างและอย่าให้คนที่เป็นอันตรายซ่อนอยู่หลังแป้นพิมพ์และรังแกคนดี ดังนั้นฉันจึงโทรหาตำรวจวันนี้ ขอบคุณสำหรับความห่วงใยของคุณ ฉันจะจัดการให้ถูกต้อง”

หลังจากตำรวจไปที่บ้านของชาวเน็ตรายหนึ่งที่ชื่อ “Lei” ซึ่งเธอได้คอมเม้นต์ข้อความสะเทือนใจนั้น พบว่ามีประวัติป่วยเป็นโรคทางจิต

ทั้งนี้ครอบครัวของชาวเน็ตรายนี้ได้ไปพบตำรวจ และ กล่าวคำขอโทษไปยัง ปาย ปิง-ปิง อย่างไรก็ตามปายปฏิเสธที่จะยอมรับคำขอโทษและบอกว่าเธอจะดำเนินคดีทางกฎหมายต่อผู้หญิงคนนี้ในข้อหาหมิ่นประมาทและข่มขู่

ปาย ปิง-ปิง กล่าวว่า ต้องการให้ “Lei” ได้สัมผัสกับผลที่จะตามมาจากการกระทำของเธอ “ ฉันไม่ยอมรับคำขอโทษของเธอ ซึ่ง Lei เองก็บอกว่าเธอไม่กลัวที่จะรับโทษ

“ฉันต้องการให้เธอรู้ว่าสิ่งที่เธอทำและคิดว่าดี ซึ่งฉันในฐานะบุคคลสาธารณะ ฉันจะทำตามขั้นตอนทางกฏหมาย เพื่อให้เธอรู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นเมื่อเธอทำผิดทางกฏหมาย”

งานแถลงข่าวของปายถูกอัพโหลดไปยัง YouTube ซึ่งดึงดูดความสนใจของผู้คนจำนวนมาก มีข้อความที่แสดงความเห็นอกเห็นใจต่อสถานการณ์ที่เกิดขึ้น รวมทั้งสนับสนุนการตัดสินใจของเธอที่จะยืนหยัดและปฏิบัติตามรายงานของตำรวจ

นักร้องชาวไต้หวัน

ขณะเดียวกันมีผู้ใช้อินเตอร์เน็ตรายหนึ่งได้แสดงความคิดเห็นว่า “ใครจะสัมผัสได้ถึงความกลัวที่ เชา-เยน ต้องเผชิญ? ใครสามารถเข้าใจความเจ็บปวดของ ปาย ปิง-ปิง ที่สูญเสียลูกสาวของเธอ?”
หลังจากที่ลูกสาวของเธอเสียชีวิต ปาย ปิง-ปิง ได้ก่อตั้งมูลนิธิวัฒนธรรมและการศึกษา Pai Hsiao-Yen Foundation เพื่อเผยแพร่ข้อความการต่อต้านยาเสพติดและให้ความช่วยเหลือแก่เด็กด้อยโอกาสและผู้สูงอายุ ทั้งนี้ในระหว่างการแถลงข่าวปายกล่าวว่ามูลนิธิต่างๆ ได้ดิ้นรนที่จะอยู่ต่อไปเนื่องจากขาดเงินทุนและการบริจาค
ทั้งนี้เธอได้กล่าวปิดท้ายว่า “ความจริงที่ว่าการตายของลูกสาวทำให้ฉันรู้สึกเจ็บปวดและปวดใจ แต่มันก็เป็นแรงบันดาลใจให้กับสาธารณชนด้วย” “ขอบคุณผู้ที่ใส่ใจเราและแสดงความห่วงใย และประชาชนทั่วไปที่ยังคงบริจาคเงินจำนวนเล็กน้อย”
สำหรับพ่อของ เชา-เยน นั้นเสียชีวิตในปี 2530 ในวัย 50 ปี หลังจากที่ลูกสาวของเธอเสียชีวิต ปัจจุบัน ปาย ปิง-ปิง อายุ 64 ปี เธอพยายามที่จะตั้งครรภ์อีกครั้ง แต่ไร้ซึ่งผลเพราะเด็กผ่านการปฏิสนธินอกร่างกาย

เหตุการณ์นี้ไม่ใช่ครั้งแรกที่เกิดขึ้นในสังคม การแสดงความคิดเห็นในเชิงลบ การบูลลี่ มีให้เห็นบ่อยครั้งในยุคนี้ ยุคที่ใครๆ ต่างก็แสดงความคิดเห็นผ่านโลกออนไลน์ได้โดยง่าย แต่สิ่งเหล่านี้อาจจะสร้างความกระทบกระเทือนใจให้กับผู้ที่เราวิจารณ์ เฉกเช่นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนี้ เพราะฉะนั้นเราไม่มีสิทธิที่จะไปตัดสินใคร ไม่มีสิทธิที่จะใช้ถ้อยคำที่หยาบคายต่อคนที่เราไม่รู้จัก เราควรเคารพต่อผู้อื่นไม่ว่าจะเป็นเพศไหน วัยใดก็ตาม


 

 

 

 

 

Praew Recommend

keyboard_arrow_up