มาริโอ้ เมาเร่อ

13 ปีในวงการบันเทิงกับสกิลที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ของพระเอก มาริโอ้ เมาเร่อ

Alternative Textaccount_circle
มาริโอ้ เมาเร่อ
มาริโอ้ เมาเร่อ

มาริโอ้ เมาเร่อ เป็นพระเอกที่สร้างผลงานเป็นที่จดจำมากคนหนึ่ง อาทิ รักแห่งสยาม,บุปผาราตรี, สิ่งเล็กๆ ที่เรียกว่ารัก, รักเกิดในตลาดสด, รอยรักหักเหลี่ยมตะวัน, บัลลังก์ดอกไม้, บ่วงบรรจถรณ์ รวมถึงได้รับฉายา “พระเอกพันล้าน” จากการแสดงภาพยนตร์ “พี่มากพระโขนง” และล่าสุดกับผลงานใหม่ที่ไฉไลไม่แพ้เก่ากับเรื่อง “Low Season สุขสันต์วันโสด” ซึ่งในวันนี้เขาได้มาร่วมเปิดเผยแง่มุมต่างๆ ของภาพยนตร์เรื่องนี้ รวมถึงพูดถึงความรู้สึกกับ 13 ปีในวงการบันเทิงให้ได้ฟังกันด้วยค่ะ

ในฐานะนักแสดงจากภาพยนตร์เรื่องแรก ‘รักแห่งสยาม’ เป็นอย่างไรบ้างกับอาชีพนักแสดง?

“สำหรับระยะเวลาประมาณ 13 ปี แล้วครับ ที่ผมอยู่ในวงการบันเทิงก็เป็นเวลาที่ดี ทุกปีมีค่าสำหรับผมมาก ไม่มีปีไหนง่ายเลยครับ มีแต่ประสบการณ์ใหม่ๆ หนังใหม่ๆ ให้เราเล่นตลอดเลย รู้สึกสนุกที่ได้เจออะไรใหม่ๆ ตลอด ได้เรียนรู้ ได้ฝึกสกิลใหม่ๆ เดินขึ้นเขา ลงห้วย ลุยน้ำ ลุยโคลน ลุยอะไรแบบนี้ ผมรู้สึกว่ามันเป็นประสบการณ์ที่เราหาซื้อไม่ได้ เราต้องไปลุยเอาเอง อย่างตลอดการทำงานผมมักจะได้รับบทที่เป็นดราม่าแอ๊คชั่นจ๋าๆ เลย แต่ดูเหมือนบทบาทที่คนเขาจะชอบผมกัน จะเป็นแนวโรแมนติก-คอมเมดี้มากกว่า อย่างเมื่อก่อนผมเล่นเรื่อง “สิ่งเล็กๆ ที่เรียกว่ารัก” ก็เป็นแนวนี้เหมือนกัน ถัดมาก็จะเป็น “พี่มากพระโขนง” แล้วมาถึงเรื่องล่าสุด “Low Season สุขสันต์วันโสด” เป็นการกลับมาเล่นหนังแนวนี้อีกครั้งหนึ่ง”

มาริโอ้ เมาเร่อ

การกลับมาทำงานร่วมกันอีกครั้งระหว่าง ‘มาริโอ้’ กับ ‘เป้ นฤบดี’ ผู้กำกับจาก “สาระแนสิบล้อ” และ “สาระแนเห็นผี” เป็นอย่างไรบ้าง?

“พี่เป้เป็นผู้กำกับที่น่ารักครับ ผมเคยร่วมงานกับพี่เป้ตั้งแต่เด็กๆ คือ ตั้งแต่อายุ 20 ก็หลายปีแล้วครับ ตั้งแต่สาระแน เมื่อก่อนโอ้ก็จะเล่นบทดราม่าเยอะครับ แต่พี่เป้เป็นคนแรกที่พาผมมาเล่นคอมเมดี้ครับ แล้วก็แกล้งผมตั้งแต่เด็กยันโตเลยครับ พี่เป้เขาจะมีความเป็นธรรมชาติสูงครับ ผมดีใจที่ได้ร่วมงานกับเขาอีกครั้งหนึ่ง เพราะว่าพี่เป้เขาจะมีวิธีดึงคาแร็คเตอร์ออกมาไม่เหมือนใคร แล้วเขาค่อนข้างที่จะปล่อยให้นักแสดงเล่น แต่ว่าเขาก็จะดูและคอยคอมเม้นต์อยู่ตลอดเวลา ซึ่งทำให้เราต้องปรับต้องเปลี่ยนตัวเองเพื่อให้เข้ากับคาแร็คเตอร์มากขึ้นครับ”

เหตุผลอะไรที่ทำให้ตัดสินใจรับเล่นภาพยนตร์เรื่องนี้?

“ผมไม่ได้ร่วมงานกับพี่เป้นานแล้วครับ แล้วพอพี่เป้บอกว่ามีโปรเจ็กต์เรื่องนี้ไปกับผู้จัดการ ผมและพี่โชก็คุยกัน ก็รู้สึกว่าน่าสนใจตั้งแต่สถานที่ที่เขาจะพากันไปแล้วครับ เขาบอกว่าสวยมาก แล้วคนไม่ค่อยรู้จักเยอะ เป็นที่พิเศษ ลับๆ หน่อย ซึ่งสวยมากและน่าสนใจตั้งแต่สถานที่แล้ว อีกอย่างก็คือเรื่องของบท ผมค่อนข้างเชื่อมั่นในตัวพี่เป้อยู่แล้วครับ เพราะว่าเขาจะต้องมีอะไรพิเศษแน่นอน บวกกับมันเป็นหนังที่ผมได้รับบทเป็นคนเขียนบท ซึ่งหาแรงบันดาลใจในเรื่องของการเขียนบทแล้วก็บวกกับที่ตัวเองพังด้วย”

ภาพยนตร์ “Low Season สุขสันต์วันโสด” เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับอะไร?

“เป็นเรื่องราวของพุธ ซึ่งเป็นนักเขียนบทหนังสายอินดี้ที่เพิ่งโสดมาหมาดๆ เรียกว่าพังหนักเลย เขาจึงประชดรักหักดิบโดยการรับงานเขียนบทหนังผี เรียกได้ว่ายอมแหกกฏตัวเองเพื่อประชดรัก แต่งานยากของเขาคือต้องเขียนเรื่องผีที่มันต้องแมส (เป็นกระแสนิยม) ให้ได้ ซึ่งพุธเองไม่เชื่อเรื่องผี ไม่เคยเห็นผี เขาจึงต้องออกเดินทางเพื่อไปหาแรงบันดาลใจในการเขียนบทครั้งนี้ และทำให้บังเอิญได้เจอกับหลิน ชาวแก๊งสายโสดคนล่าสุด ที่เพิ่งจะโดนเทแล้วต้องเซมาดอยเพื่อหาทางเยียวยาจิตใจ แต่ที่หนักกว่านั้นคือการที่หลินดันเป็นคนที่เห็นผี พุธจึงเหมือนได้เจอแหล่งวัตถุดิบชั้นดี ตามติดหลินไม่ห่าง ทำให้ทั้ง 2 คนต้องออกเดินทางไปด้วยกัน ซึ่งก็ไปที่โฮมสเตย์บ้านบนดอย และได้เจอกับเหล่าแก๊งคนโสดอยู่ที่นั่นด้วย เริ่มไม่แน่ใจแล้วว่าเป็นโฮมสเตย์หรือแหล่งบำบัดของคนพังกันแน่ เรื่องราวต่างๆ จึงเริ่มต้นขึ้นที่นี่ครับ”

‘พุธ’ คาแร็คเตอร์นี้ต้องเป็นคนอย่างไร?

“คาแร็คเตอร์พุธ พุธเป็นหนุ่มมาดเซอร์ นักเขียนบทหนังสายอินดี้ ที่ค่อนข้างมีโลกส่วนตัว เก็บความรู้สึกเก่ง มีความละเอียดรอบคอบ และชอบสังเกตผู้คน เทคแคร์ดูแลใส่ใจแบบเงียบๆ และด้วยความเป็นนักเขียนบทจึงมีแฟนเป็นผู้กำกับ แต่รักก็ดันพังไม่เป็นท่า เพราะแฟนทิ้งแล้วไปหาผู้กำกับหนังแมส ทำให้พุธประชดรักโดยการรับงานเขียนบทหนังผีที่ต้องเขียนให้เป็นกระแสนิยม เรียกว่ายอมแหกกฏของตัวเองเพื่อต้องการประชดแฟนเก่าล้วนๆ แต่นั่นคือสิ่งที่ท้าทายสำหรับตัวพุธมาก เพราะพุธเป็นคนที่ไม่เห็นผีและไม่เคยเชื่อเรื่องผีเลย”

มาริโอ้ เมาเร่อ

โดยปกติจะเห็น ‘มาริโอ้’ ในบทบาทของความเป็นพระเอกมากๆ แต่ในเรื่อง ‘Low Season’ สำหรับบทบาทของ ‘พุธ’ ค่อนข้างแตกต่างอย่างสิ้นเชิงเลยหรือเปล่า?

“พี่เป้เขาอยากเห็นโอ้ในรูปแบบคนธรรมดาครับ พัง หรือว่ามีความเป็น Loser ผมเชื่อว่าทุกคนก็ต้องมีมุมนั้นครับ เพราะพี่เป้บอกว่าผมมีแต่ความเป็นพระเอก แต่พอมาดูจริงๆ แล้วผมก็มีแววตาของความเป็น Loser แววตาความเป็นพุธอยู่เหมือนกัน เลยอยากให้ผมได้มาลองเล่นบทนี้ ซึ่งปกติจริงๆ ผมก็เป็นเหมือนคนธรรมดาทั่วไปนะครับที่มีอะไรที่ทำไม่สำเร็จบ้าง หรือว่าเราผิดหวังในชีวิตบ้าง ไม่สมหวังกับสิ่งต่างๆ หรือแม้กระทั่งเรื่องความรักก็เช่นกันครับ ซึ่งในเรื่อง Low Season รับรองว่าทุกคนจะไม่เคยเห็นผมในคาแร็คเตอร์แบบนี้ที่ไหนแน่นอน”

มีการเตรียมตัวอย่างไรบ้างสำหรับบทบาทของ พุธ รวมไปถึงสิ่งที่ยากหรือท้าทายสำหรับมาริโอ้ในการสวมบทบาทนี้คืออะไร?

“บทพุธจะเป็นคนเขียนบท ซึ่งคนเขียนบทค่อนข้างที่จะเป็นคนที่ลึกซึ้งแล้วก็เป็นคนที่เห็นอะไรค่อนข้างเป็นมุมกว้าง ตัวพุธผมต้องทำการบ้านคือเขาต้องเป็นคนช่างสังเกต ซึ่งเป็นคนที่เก็บรายละเอียดของคนครับ บทพุธผมก็เลยจะพยายามมองพี่เป้เยอะ อย่างผมสังเกตพี่เป้ในกองเขาจะเป็นคนที่จะมองอะไรกว้างๆ แล้วก็จะเก็บรายละเอียด มีอะไรก็จะจดเก็บเอาไว้ ถึงไม่มีกระดาษแต่เขาก็จะจดอยู่ในหัวของเขา แล้วก็รู้สึกว่าคนเหล่านี้ค่อนข้างที่จะเป็นคนแบบติสท์หน่อย จะพูดอะไรก็พูดน้อยๆ ไม่พูดเยอะเท่าไหร่ แต่ว่าในใจเขาหรือหัวเขาก็คิดอยู่ตลอด มันเลยรู้สึกว่าน่าจะยากสำหรับตัวผมนิดหน่อยครับ”

มาริโอ้ เมาเร่อ

ภาพยนตร์โรแมนติก-คอมเมดี้เรื่องแรกของโอ้ในรอบ 6 ปี ควงคู่มาด้วยนางเอกสาวหน้าใส ‘พลอย-พลอยไพลิน’ การทำงานด้วยกันครั้งแรกกับนางเอกน้องใหม่คนนี้เป็นอย่างไรบ้าง?

“น้องพลอย หรือ “น้องลอยพุย” คือเขาเป็นคนที่ครั้งแรกที่ผมเจอ ผมรู้สึกว่าเขาน่ารักครับ จำได้ว่าวันแรกๆ ที่เจอกัน มันจะมีปาร์ตี้รอบกองไฟเลย เขามีความสามารถคือเขาเล่นกีตาร์ได้ เขาร้องเพลงได้ แต่ผมว่าสิ่งที่จะพิสูจน์ตัวน้องพลอยมากๆ เลยก็คือ หนังเรื่องแรก แล้วเขามาเจอ Low Season มันหนักครับ เพราะผมเองเล่นหนังมาเป็น 10 เรื่องก็รู้สึกว่าหนังเรื่องนี้หนัก หนักมากครับ หนึ่งคือสถานที่ถ่ายทำ สองคือบท แล้วก็บรรยากาศทั้งการเดินทางต่างๆ โลเกชั่นที่เราต้องไป ซึ่งมันเหมือนกับเป็นการพิสูจน์กันเองละครับว่าแต่ละคนไหวแค่ไหน แล้วพอเหนื่อยที่สุดเราจะท้อรึเปล่า เราจะวีนเหวี่ยงไหมซึ่งผมก็ไม่เคยจะเห็นน้องพลอยวีนเหวี่ยงเลยครับ เห็นเขามีความสุขกับการเดินไกลมาก และเขาก็ไม่เคยท้อ ก็เลยรู้สึกว่าเขาเป็นนักแสดงที่แกร่งคนหนึ่งเลย ขัดกับลุคเขา”

หลังจากที่ได้ถ่ายทำภาพยนตร์เรื่องนี้ไปแล้ว เหมือนกับที่ “พี่เป้” มาทาบทามไว้ไหม?

“มันไม่ใช่อย่างที่เขาคุยกับเราไว้เลยครับ คือเขาบอกว่าเป็นหนังรักใสๆ วิวสวยๆ อากาศดีๆ ถ่ายที่เชียงใหม่ แล้วก็ตกใจ ไม่รู้ว่างบหมดหรือยังไงที่จ้างมา เวลาถ่ายนี่สแตนด์อินไม่มี มันจะมีฉากโหดเลย แบบว่ารถล้มอะไรอย่างนี้ ผมก็สงสารน้องพลอย เพราะว่าหน้าน้องเขาไปปักอยู่ในโคลน แล้วน้องเขาก็กินไปนิดหนึ่งด้วยครับ (หัวเราะ) ผมก็รู้สึกว่าน้องคนนี้เขาสุดยอดจริงๆ ครับ ส่วนร่องรอยก็มีนะครับ เพราะเขาจะเอาเอฟเฟกต์มาทาที่หัวนมครับ แสบมาก วันนั้นตั้งแต่เกิดมาไม่เคยรู้สึกแสบกับหัวนมเท่าเรื่องนี้เลยครับ (หัวเราะ) ”

มาริโอ้ เมาเร่อ

ฉากที่ยากที่สุดในภาพยนตร์เรื่อง ‘Low Season’

“มันจะเป็นซีนที่เรียกว่าตลกปนน้ำตาเลยครับ นั่นคือซีนมอเตอร์ไซค์ล้ม ล้มแล้วหน้าน้องพลอยก็เข้าไปแหมะกับโคลน เหมือนว่าจะเป็นโคลนกับน้ำ แบบมันเจ็บมากเลยครับ คือมันก็หัวเราะด้วย แล้วก็ตลกด้วย ใจหนึ่งก็แบบหวาดเสียวอยู่เหมือนกันกลัวน้องจะเป็นอะไร และเป็นซีนที่ต้องถ่ายเทเดียวแล้วผ่านเลย เพราะว่าถ้าไม่ผ่านรถอาจจะใช้ไม่ได้อีกเลย เพราะสภาพคือพร้อมพังมากครับ (หัวเราะ) แล้วก็กลัวว่านางเอกเราอะไรจะหักไป แบบแขนหัก ขาหักได้ เราก็กลัวครับ ขี่ไปก็กลัว เป็นครั้งแรกครับที่ผมต้องทำให้รถล้มโดยที่มันต้องแบบเทเดียวเลย ซึ่งมันไม่ได้สองเทด้วยเพราะว่าเรื่องของเสื้อผ้า เราไม่ได้แบบพกเสื้อผ้าไป 3-4 ชุด ซึ่งมันค่อนข้างยาก แล้วก็กดดันเหมือนกันครับ แต่ก็สนุกมากๆ ครับ”

แล้วฉากที่ประทับใจมากที่สุดแบบไม่มีวันลืม?

“มีซีนหนึ่งนะครับที่มันน่าสนใจมากๆ แล้วบรรยากาศก็สวยไม่แพ้ที่อื่น ตอนที่เราไปต้องทำงานแข่งกับเวลาด้วย เพราะตอนที่ไปถ่ายกับน้องพลอยมันเป็นฉากลับในเรื่องด้วยครับ โอ้ชอบมากครับฉากนั้น โอ้รู้สึกว่ามันค่อนข้างเป็นการทำงานที่แข่งกับเวลา เพราะว่าเราก็ต้องรอให้พระอาทิตย์ตกดินด้วย และก็ต้องรอฟ้าเปิดด้วย อะไรหลายๆ อย่าง จำได้ว่าหนาวมากๆ ถือถุงน้ำร้อน แต่ไม่ได้ช่วยอะไรเลย จำได้ว่าถุงน้ำร้อนยังเย็นเลยครับ”

ความสนุกของการรวมตัวกันของแก๊งคนโสด (โฟร์-ศกลรัตน์,นิกกี้-ณฉัตร,โจ๊ก-อัครินทร์,อ้น-ศรีพรรณ) เป็นอย่างไรบ้าง?

“กับแก๊งคนโสดที่พังๆ กันทุกคนจะสนุกมาก แบบมันมาก เพราะว่าทุกคนรั่วๆ กันหมดเลยครับ มีทั้งพี่โฟร์ที่เราคิดว่าเขาแบบน่ารักๆ ซึ่งมาเรื่องนี้เขาเต็มที่มากเลยมี “นิกกี้-ณฉัตร” ซึ่งหยอดเขาทั้งวันเลยครับ หยอด “พี่โฟร์” ทั้งวัน ก็สนุก มี “พี่โจ๊ก” และ “พี่อ้น-ศรีพรรณ” ด้วยครับ “พี่อ้น” ไม่ต้องเป็นห่วงอยู่แล้วครับในเรื่องของความฮา แล้วก็ทุกคนในเรื่องเขาก็มีปมมีอะไรของเขาอยู่แล้ว ทั้งแบบพี่โอมที่เป็นเจ้าของโฮมสเตย์ ดูแกร่งๆ ดูโหดๆ คือเขาก็มีมุมของเขา เขาก็เฮิร์ทหรือเขาก็พังด้วย อย่าง “พี่โฟร์”เขาก็เป็นแอร์โฮสเตสที่เขาเพิ่งโสดใหม่ๆ เลย ส่วน “นิกกี้” พ่อหนุ่มบาริสต้าผู้ช่ำชอง เอ้ย! ผู้ชอกช้ำจากรักเก่าที่โดนแฟนตัวเองเทใจไปหาเพื่อนสนิทก็โสดมาเหมือนกัน ผมคิดว่า Low Season สุขสันต์วันโสด เป็นอะไรที่คนทั้งโสดและไม่โสดดูได้หมดเลยครับ เพราะเป็นเรื่องราวที่เราทุกคนต่างต้องเคยเจอ”

เสน่ห์ของภาพยนตร์ Low Season ที่ผู้ชมจะได้เห็นคืออะไร?

“สำหรับเรื่อง Low Season จริงๆ ก็เป็น Base on true story ครับ อย่างคาแร็เตอร์หลายๆ คนในเรื่อง พี่โจ๊ก ก็คือพี่โอมมีชีวิตอยู่จริงๆ มีตัวตนอยู่จริง แล้วก็อีกหลายๆ คนในนั้นค่อนข้างมาจากชีวิตจริงครับ แล้วก็เรื่อง Low Season บทถูกเขียนมาประมาณ 20-30 ร่าง ใช้เวลา 2-3 ปี ก่อนที่จะมาเป็นบทภาพยนตร์ที่สมบูรณ์แบบเรื่องนี้ เพื่อให้คนดูได้อินมากขึ้น แล้วก็เสน่ห์อีกอย่างหนึ่งคือโลเกชั่นในเรื่อง Low Season ซึ่งไปถ่ายทำในหลายที่มาก แต่ละที่ก็มีความสวยในแบบที่ต่างกัน อย่าง กิ่วแม่ปาน ดอยอินทนนท์ ตรงนี้ถึงแม้ทางขึ้นจะลำบาก แต่ก็คุ้มค่ามากครับที่จะลองขึ้นไปชมวิวทิวทัศน์ข้างบนนั้น ทุกคนจะได้เห็นวิวแบบ 360 องศาท่ามกลางบรรยากาศของป่าหน้าฝน หรืออย่างนาขั้นบันได ต้นข้าวเขียวขจีที่กำลังพัดปลิวไปกับสายลมแห่งฤดูฝน ผมรู้สึกว่ามันมีเสน่ห์ครับ ดูเหงาๆ ดูโรแมนติก แล้วมันก็ดูทรหด แต่สนุกมีความสุขสุดๆ เลยครับ”

หลังจากที่ได้ไปถ่ายทำภาพยนตร์เรื่องนี้ มุมมองของมาริโอ้ที่มีต่อ Low Season เปลี่ยนไปไหม?

“ผมคิดว่าข้อดีของเราคือได้ไปถ่ายทำในช่วง Low Season จริงๆ ซึ่งเป็นที่ไม่ค่อยมีคนเที่ยวเลยในหน้านั้น กลายเป็นว่ามันสวยกว่าเดิมอีกครับ เพราะว่ามันไม่มีคนยืนอยู่เต็มไปหมดเหมือนตอน High Season บรรยากาศเงียบๆ แต่ไม่เหงาท่ามกลางหุบเขา กลายเป็นว่าถ่ายรูปตรงไหน มุมไหนก็สวย แล้วก็รู้สึกว่ามันมีเสน่ห์ในตัวมันเองในช่วงนี้ครับ”

สุดท้ายอยากรู้ว่าหลุมหลบพัง(Safe Zone)สำหรับโอ้คือที่ไหน?

“Safe Zoneของโอ้คือที่บ้านครับ เพราะว่าเราอยู่กับอะไรที่แบบบรรยากาศที่เรามีความสุข เลยชอบอยู่บ้านครับ”


IG : @mario_mm38

สามารถติดตามอ่านบทความอื่นๆ เพิ่มเติมได้ที่นี่

สุดฮาแต่สาระเพียบ “ทองเอก หมอยา ท่าโฉลง” ละครดียืนหนึ่ง 2019

หน้าเด็กฝีมือเด็ด มาริโอ้ เมาเร่อ พระเอกสายคอมเมดี้ ที่มีดีมากกว่าแค่ทำให้คนขำ

หล่อสายลุย “มาริโอ้” พาซิ่งมอเตอร์ไซค์ทัวร์ “เลห์ลาดัก” สวรรค์บนดินแห่งอินเดีย

Praew Recommend

keyboard_arrow_up